CHAPTER 17
[Peam’s Part]ผมตื่นนอนแต่เช้าก่อนจะทำข้าวต้มไว้ให้แฟร์ที่ยังหลับไม่ได้สติอยู่ เมื่อคืนผมต้องคอยเช็ดตัวให้มันสร่างไข้ในขณะที่มันก็เอาแต่เพ้ออะไรก็ไม่รู้จนกระทั่งมีชื่อของคนๆ หนึ่งหลุดปากของมันออกมาชื่อที่ทำเอาผมถึงกับชะงัก
'อย่าคุณราชันย์! อย่าทำผม!'
แฟร์ขมวดคิ้วพลางนิ่วหน้าราวกับกลัวเอามากๆ ผมเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ก่อนจะค่อนข้างแน่ใจว่าคนที่ทำมันต้องเป็นคุณราชันย์อย่างแน่นอนเพียงแต่สิ่งที่ผมยังไม่รู้คือสาเหตุที่ทำให้อดีตเจ้านายนิสัยดีของผมคนนั้นเลือกทำกับมันว่าเป็นเพราะอะไร
ผมออกไปทำงานตามปกติ จอมพลที่ผมเองก็เพิ่งจะรู้ว่าเขาต้องไปทำธุระที่ญี่ปุ่นและออกเดินทางตั้งแต่เมื่อวานก็เอาแต่โทรมาทุกๆ ครึ่งชั่วโมง เขาถามถึงเรื่องเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องเคลียร์ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยการถามโน่นนี่ที่ไม่เกี่ยวกับงานจนผมชักจะขี้เกียจตอบเลยต้องตัดสายเขาทิ้งอยู่หลายครั้ง
หากถามว่ากลัวเขาจะโกรธมั้ย?...มาก!!
แต่จะให้ผมทำยังไง!? ผมก็มีงานต้องทำนะ อีกอย่างฝ่ายนั้นก็โทรมาทุกๆ ครึ่งชั่วโมงอยู่แล้วแค่โดยตัดสายทิ้งคงไม่ทำให้เขาโกรธผมถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง
ผมโทรหาแฟร์ตอนเที่ยงกว่าเพื่อบอกมันเรื่องยาและข้าวต้มที่ทำไว้ให้ เสียงของมันฟังดูดีขึ้นมานิดก่อนผมจะตัดสินใจถามเรื่องที่ค้างคาใจออกไปซึ่งฝ่ายนั้นกลับไม่ตอบแต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ผมมั่นใจว่าสิ่งที่คิดไว้น่ะไม่ผิด!
แฟร์ถูกคุณราชันย์ทำร้าย…แต่ยังไงซะผมก็เลือกที่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องนี้
ผมอาศัยการที่จอมพลไม่มาทำงานแอบเลิกงานเร็วกว่าปกติ ซึ่งสถานที่ที่ผมไปหลังจากเลิกงานแล้วก็ไม่ใช่ที่ไหน แต่เป็นโรงพยาบาลที่จอมใจรักษาตัวอยู่ ผมเดินเข้าไปพร้อมกับแอปเปิ้ลที่แวะซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งบนทางผ่านก่อนจะทักทายพยาบาลที่ประจำเคาน์เตอร์ด้วยความชินและตรงไปยังห้องของเธอทันที
“สวัสดีครับคุณจอมใจ” ผมเอ่ยเมื่อเปิดประตูเดินเข้าไปก่อนเธอจะหันหน้ามาและเหยียดยิ้มน้อยๆ คืน
อ้า...แสดงว่าอารมณ์ของเธอวันนี้ค่อนข้างนิ่ง
“วันนี้คุณจอมพลไม่มานะครับแกไปทำธุระที่ญี่ปุ่น” เธอพยักหน้ารับรู้
ผมวางเป้ที่สะพายมาลงบนโซฟาก่อนจะคว้าแอปเปิ้ลที่ซื้อใส่ลงในกะละมังพร้อมกับเดินออกจากห้องไปเพื่อเอาไปล้างในห้องน้ำบริการด้านนอกก่อนจะเดินกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง
ทำไมพี่ถึงไม่ล้างมันในห้องนี้ล่ะ จอมใจพลิกไวทบอร์ดหันมาทางผม
“เอ่อ…แค่พี่ไม่ชินกับห้องน้ำนี้น่ะ” ผมว่าพลางหลบสายตาเธอ
พี่พลเคยทำร้ายพี่ในนั้นใช่มั้ยพี่ถึงได้ไม่กล้าเข้าไป จอมใจเขียนอีกซึ่งมันก็ฉุดให้ผมตกใจกับคำถามของเธออย่างจัง
“ไม่มีอะไรหรอก…จริงๆ นะครับ” ผมบ่ายเบี่ยงพลางปลอกเปลือกแอปเปิ้ลตามที่อีกคนเคยสอน
งั้นก็ลองเข้าไปข้างในให้ฉัดูหน่อยสิ เธอท้า
ผมมองคำพูดของเธอบนกระดานตรงหน้าสลับกับประตูห้องน้ำไปมาประมาณสามครั้งได้
“ผมว่าอย่าเลยไม่มีอะไรหรอกก็แค่ไม่อยากเข้าไป”
เห็นมั้ย เข้าไม่ได้จริงๆ ด้วย จอมใจทำหน้ายุ่ง ไว้พี่พลกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะว่าเขาให้ เธอลบคำพูดเมื่อครู่ก่อนจะเขียนกลับมาอีก
ผมมองท่าทีที่เหมือนจะโกรธแทนของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนคำพูดของอิงฟ้าในวันนั้นจะวิ่งเข้ามาในหัวให้หลุดออกไปเป็นคำพูดจนได้
“ผมขอถามอะไรคุณหน่อยสิ” เธอพยักหน้าอนุญาตผมจึงสวนถามออกทันที
“ทำไมถึงไม่ยอมพูด” คนตรงหน้าชะงัก
“ความจริงแล้วในใจของคุณไม่ได้ให้อภัยพวกผมจริงๆ ใช่มั้ย” ผมว่าก่อนเธอจะถอนหายใจและเขียนตอบกลับมา
ทำไมพี่ถึงถามแบบนั้น
“ผมรู้ว่าในใจของคุณยังครุ่นคิดเรื่องพวกนั้นอยู่ยังมีอะไรที่ติดค้างอยู่เหรอจอมใจ” ผมมองหน้าเธอที่เจื่อนลงไปอย่างเห็นได้ชัด
“บอกผมหน่อยจะได้มั้ย”
“ไม่อยากกลับบ้าน? ไม่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่เหรอ?”
“คิดจะอยู่ในโรงพยาบาลไปตลอดชีวิตหรือไง” เธอส่ายหัวแต่ก็ไม่ยอมตอบหรือเขียนอะไรออกมา มือขวาที่กำปากกาเมจิกอยู่รวบแน่นจนมันสั่นไปหมด
ผมรู้ว่าเธอกำลังโกรธแต่ก็อยากจะถามให้แน่ใจเพราะหากไม่จี้จุดก็จะไม่มีวันรู้ว่าเรื่องอะไรกันแน่ที่ยังอยู่ก้นบึ้งจิตใจของเธอ
“สิ่งที่คุณเก็บงำเอาไว้มันเกี่ยวทิชาใช่มั้ย” จอมใจถอนหายใจพร้อมกับตัวที่สั่นเทิ้ม
“อยากเจอเขาหรือเปล่าผมพามาหาได้นะจะได้คุยเรื่องที่ค้างกันไว้เอาให้เคลียร์กันไปเลย”
จอมใจก้มหน้าลงก่อนจะหยิบไวท์บอร์ดข้างตัวขึ้นมาและเขียนอะไรบางอย่างลงไป เธอสูดน้ำมูกจึงทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังร้องไห้ก่อรที่มือเรียวนั้นจะพลิกไวท์บอร์ดให้หันมา
วันนี้พี่กลับไปก่อนเถอะ ฉันไม่อยากคุยกับพี่แล้ว
อึ้งกิมกี่สิครับ! ตัดบทกันอย่างนี้เลย!?
“อย่าปิดกั้นตัวเองเลยจอมใจชีวิตนี้ยังมีอะไรให้ทำอีกมากนะ” ผมเดินเข้าไปหาพลางคว้าต้นแขนเธอเพื่อให้หันมาเผชิญหน้า แต่สิ่งที่อีกฝ่ายทำกลับเป็นการสะบัดมือผมออกก่อนจะขว้างหมอนใส่
“จอมใจ!” ผมปัดหมอนไปอีกทางพลางเอ็ดเธอกลับแต่แล้วใบหน้าบึ้งตึงที่อาบไปด้วยน้ำตาก็คว้าไวท์บอร์ดขึ้นเพื่อหมายจะขว้างตามมา
“โอเคๆ!! ผมกลับก็ได้” ผมว่าอย่างยอมแพ้ก่อนจะคว้าเป้ขึ้นสะพาย
“ขอโทษที่ทำให้คุณต้องหวนคิดไปอีกแต่ยังไงผมก็จะมาใหม่ ได้โปรดอย่าเพิ่งโกรธเกลียดกันเลยนะครับ” …มันก็แค่เรื่องที่ผมจำเป็นต้องทำ
ผมถอนหายใจมองเธอที่เบือนหน้าไปทางอื่นอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องมา
“คุณอิงฟ้าช่วยไปดูน้องจอมใจให้หน่อยนะครับ” ผมวานเธอเมื่อเดินมาถึงเคาน์เตอร์พยาบาล
“ทำไมเหรอคะ”
“ผมคงพูดอะไรจี้ใจดำเธอเข้าน่ะครับเธอเลยไล่ผมกลับ” ว่าเสร็จก็ยิ้มเยาะตัวเอง
“เหรอคะ เรื่องแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไปค่ะคุณภีม” อิงฟ้าบอก
“ตอนนี้ผมพอจะมีวิธีของผมแล้วเพียงแต่ต้องให้ตัวช่วยยอมมาที่นี่เสียก่อน ผมว่าบางทีมันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่ผมรู้ก็ได้” ผมพูดก่อนคนตรงหน้าจะขมวดคิ้ว
“เรื่องอะไรเหรอคะ? แล้วมีอะไรมากกว่านั้นที่ว่านี่คืออะไรเหรอคะ?”
“เออ…ไม่มีอะไรครับ ผมคงเครียดๆ เลยพูดอะไรก็ไม่รู้กับตัวเอง” ผมบ่ายเบี่ยงก่อนขอตัวกลับ
“งั้นขอตัวกลับก่อนนะครับช่วยเข้าไปดูเธอแทนด้วยวันนี้คุณจอมพลไม่ได้มา”
“อ้าวเขาไปไหนเหรอคะ”
“ไปทำธุระที่ญี่ปุ่นน่ะครับ”
“ได้ค่ะเดี๋ยวอิงจะเข้าไปดูให้”
“ขอบคุณมากครับ”
ผมเดินคอตกกลับมาที่รถ เรื่องที่จะทำให้จอมใจยอมพูดไม่ง่ายเลยสักนิดในเมื่อฝ่ายนั้นเอาแต่ปิดกั้นตัวเองผมก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพาทิชามาที่นี่ให้ได้ แต่ติดอยู่ตรงที่ผมไม่อยากกลับไปบ้านสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะลืมบุญคุณหรืออะไรแต่ที่ผมไม่อยากไปคือไม่อยากเห็นสายตาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเลี้ยงของผมมากกว่า
ผมขับรถกลับคอนโดทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแฟร์ยังไม่ได้ทานอะไร ผมดับเครื่องยนต์ลงในที่สำหรับจอดก่อนจะสบเข้ากับแผ่นหลังกว้างคุ้นตาของใครบางคนที่เดินหายเข้าไปข้างในตัวตึก
สมองของผมสั่งการให้นึกไปถึงคนที่อยู่ไกลตอนนี้ แต่ในใจก็ยังทำใจชื้นว่าไม่น่าจะใช่จนกระทั่งเมื่อผมกวาดตาไปจนทั่วลานจอดรถก็สะดุดเข้ากับรถหรูแสนคุ้นเคยจนต้องรีบใส่เกียร์หมาวิ่งเข้าตึกไปทันที
ให้ตายเถอะไหนเมื่อตอนเช้าเขายังบอกว่าอยู่ญี่ปุ่นอยู่เลยแต่ทำไมถึงได้กลับมาไวขนาดนี้นะ!!
ผมรัวนิ้วกดเรียกลิฟต์แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่มา ผมจึงรีบวิ่งขึ้นบันไดเพราะกลัวว่าหากจอมพลเคาะห้องแล้วแฟร์ออกมาเปิดจะยิ่งเป็นเรื่องเข้าไปใหญ่ ยิ่งไร้เหตุผลอยู่มีหวังผมต้องโดนเขาทำอะไรอีกแน่ๆ!!
ผมวิ่งมาจนถึงชั้นของตัวเองก่อนจะมองไปทางประตูห้องแต่ก็ไม่เห็นเงาของคนที่ผมกลัวแต่อย่างใด มันว่างเปล่าและมีเพียงเสียงลมจากหน้าต่างตรงสุดทางเดินพัดผ่านเข้ามาแค่นั้น
หรือรถที่เห็นนั่น…ผมคิดไปเอง?
ผมเดินไปหน้าห้องของตัวเองก่อนจะเสียบกุญแจและบิดไขเข้าไป
แต่เฮ้ย! กุญแจแม่งไม่ได้ล๊อก!! อย่าบอกนะว่า!?
“คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง!” ผมพรอดพราดเปิดประตูเข้าไปก่อนจะตะโกนว่าให้จอมพลที่กำลังจะเอื้อมมือเปิดประตูห้องนอนผมพอดี
ให้ตายเถอะ! เขายังไม่คืนกุญแจคราวนั้นให้เจ้าหน้าที่อีกเหรอ!?
“อย่าพูดมากมึงแอบซุกใครไว้ที่นี่!!” คนตัวสูงตีสีหน้าโกรธเกรี้ยวก่อนจอมพลจะตรงเข้าหาผมพร้อมกับฉวยบีบต้นแขนเค้นความจริง
“ซุกใครไว้!? ผมไม่ได้ซุกใครไว้ทั้งนั้นกลับไปก่อน!” ผมพยายามบิดแขนหนีพลางดันตัวเขาให้ออกไป
“กูไม่กลับ! รองเท้าผู้ชายนั่นของใคร!!”
“ของผม!”
“มึงไม่ได้ใส่ไซส์นี้อย่านึกว่ากูไม่รู้นะภีม!”
“คุณจอมพลผมเจ็บนะ!!” ผมตะโกนกลับก่อนจะพยายามแกะมือของเขาที่บีบแขนผมแน่น
“บอกกูมาว่ามึงซุกใครไว้!!” คนตรงหน้าขบกรามแน่น
“ก็บอกว่าไม่มีไง!”
“จะบอกไม่บอก!” ผมจ้องหน้าเขาตอบ ให้ตายยังไงก็ไม่บอกหรอก!
“ไม่บอกใช่มั้ย! ได้!!” จอมพลเอ่ยลอดไรฟันก่อนเขาจะโน้มตัวลงมา
“อ่ะ! คุณจะทำอะไร! อื้อออ” ผมใช้กำปั้นทุบอกคนที่โอบรัดตัวผมเอาไว้อย่างบ้าคลั่ง
การกระทำที่สุดแสนจะห่ามและเอาแต่ใจทำให้ผมรู้สึกเจ็บไปทั่วปากเมื่อเขี้ยวแหลมของเขาขบเม้มไปทั่วด้วยแรงอารมณ์ราวกับอยากให้ผมหลาบจำ จอมพลฉกชิงลมหายใจของผมไปเมื่อบทจูบที่แสนหวาบหวามกลับกลายเป็นการปลอบประโลมจนผมแทบจะเผลอไผลไปด้วยหากไม่มีเสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างของเพื่อนผมที่ยืนเบิกตาอยู่ด้านหลังเสียก่อน
พลั่ก!
“ฟะ…แฟร์! คือกู…” ผมรีบผลักอีกคนออกก่อนจะใช้หลังมือเช็ดปากตัวเอง
ผมมองแฟร์พลางละละล่ำละลักคำพูดออกมาทว่า ร่างบางของเพื่อนสนิทผมคนนี้กลับสวนถามคนที่จ้องเขาด้วยสายตาเหี้ยมข้างๆ ขึ้นมาก่อน
“คุณเป็นใคร?” แฟร์ถามจอมพลที่ยืนขบกรามแน่น
“กูต้องเป็นฝ่ายถามมึงต่างหากว่ามึงเป็นใครแล้วมาอยู่ในห้องเมียกูได้ยังไง!”
“หยุดพูดแบบนี้สักทีเถอะคุณจอมพล!!” ผมปรามคำว่า 'เมีย' ของเขา
“กูไม่หยุด! กูพูดผิดตรงไหนก็ไอ้นี่มันอยู่ในห้องของเมียกูจริงๆ!!” คนตรงหน้าหันมาจ้องผมเขม็งก่อนเขาจะสาวเท้าเดินเข้าไปหาแฟร์ในขณะที่ผมก็ใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังเอาไว้
“แฟร์มึงกลับเข้าไปพักผ่อนเถอะเดี๋ยวกูเคลียร์กับเขาเอง” ผมบอกพร้อมแฟร์ที่พยักหน้าเข้าใจและหมายจะเดินกลับห้อง แต่แล้วเสียงของจอมพลที่ตะโกนกร้าวก็ฉุดมันเอาไว้
“ขืนมึงกล้าเดินเข้าไปกูจะไม่ใจดีแล้วนะเว้ย!!” ผมพยายามดันคนตรงหน้าเต็มแรงพลางหันไปส่งซิกให้แฟร์รีบกลับเข้าห้องนอนไปแต่พออีกฝ่ายหันกลับจอมพลที่ผมยื้อไว้ก็ออกแรงผละตัวผมออกก่อนจะผลักแฟร์จนล้มและตรงเข้าคร่อมเงื้อหมัดขึ้นทันที
“อย่า! แฟร์มันเป็นเพื่อน! เขาเป็นเพื่อนของผม!!” ผมรีบตะโกนบอกความจริงก่อนจะตรงเข้ายื้อจอมพลออกจนสุดแรง
คนตัวสูงดูเหมือนจะชะงักไปนิดเมื่อแฟร์ที่หลับตาปี๋ลืมตาขึ้นมองตอบเขา จอมพลคลายมือที่ขยำคอเสื้อของแฟร์ออกก่อนจะเอ่ยคำพูดหนึ่งออกมา
“มึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ผมขมวดคิ้วมองจอมพลไม่ต่างกับแฟร์ที่ก็ทำแบบนั้นเช่นกันก่อนสิ่งที่พวกผมสงสัยจะถูกคลี่คลายด้วยคำถามต่อมาของเขาในที่สุด
“มึงเป็นเลขาฯ ของไอ้ชันย์ไม่ใช่? แล้วมึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”
“!!”
:
:
:
“คุณรู้จักผมได้ยังไง” แฟร์เปิดประเด็นถามเมื่อพวกเราสามคนตัดสินใจนั่งคุยกันตรงโซฟาในห้องรับแขก
“ไอ้ชันย์มันเคยให้ฉันสืบประวัตินายหลังจากวันที่นายถูกมันจับตัวไป” จอมพลว่า เขามองแฟร์ที่นั่งผมด้วยแววตาเรียบนิ่งก่อนจะมองมาทางผมคล้ายๆ กับกำลังกล่าวโทษ
“คุณรู้เรื่องที่เขาทำ?”
“ทำไมจะไม่รู้ก็พวกฉันทำมันด้วยกัน”
“!!” คนข้างๆ ของผมเบิกตาโพรงก่อนจอมพลจะพูดขึ้นอีก
“แต่วางใจได้เพราะครั้งที่นายถูกจับตัวไปมันเป็นครั้งอำลา”
“อำลา?”
“หมายถึงครั้งสุดท้ายที่ทำ”
“เป็นไปไม่ได้! แล้วที่เขาบอกกับผมว่าจะจับตัวนนท์ไปอีกล่ะถ้าผมไม่ยอมไปทำงานกับเขามันคืออะไร!?” แฟร์ขึ้นเสียงแต่คนตรงหน้ากลับแสยะยิ้มออกมา
ยิ่งฟังยิ่งงง! ตกลงพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่กันแน่นะ!?
“หึ! คิดไม่ถึงเลยนะว่ามันจะใช้วิธีนี้เพื่อให้นายเข้าใกล้” จอมพลเหยียดยิ้ม
“คุณหมายความว่าไง”
“ก็ไอ้ชันย์น่ะมันไม่สนใจใครง่ายๆ หรอกถ้าคนๆ นั้นไม่ได้ทำให้มันรู้สึกอะไรด้วยตั้งแต่แรก ฉันเองก็ไม่รู้ว่านายไปทำอะไรให้มันฝังใจจนเอาคำขู่พวกนั้นมาหลอกให้นายไปเป็นเลขาฯ ของมันเหมือนกัน” แฟร์นิ่งอึ้งทันทีที่รู้ก่อนจะถามย้ำอีก
“แล้วที่คุณบอกว่าครั้งที่จับตัวผมไปคือครั้งสุดท้ายเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย”
“ฉันจะนั่งโกหกนายทำไมให้เสียเวลา”
“แสดงว่าพวกคุณจะไม่จับตัวนนท์ไปอีกใช่มั้ย”
“หยุดแล้วก็คือหยุด ไม่กลับไปทำอีกแน่นอน” จอมพลว่าก่อนแฟร์จะเงียบลงและก็เป็นผมเองที่ทนไม่ได้จนต้องถามออกไป
“เดี๋ยวนะนี่กำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ”
แฟร์กับจอมพลหันมองผมเป็นตาเดียวก่อนคนข้างๆ จะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดที่ผมยังไม่รู้ออกมาโดยมีคนตรงหน้าคอยเสริมตั้งแต่ต้นจนจบ
“เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้…ไอ้ชันย์มันโกรธที่แพรวาหลอกใช้ความกว้างขวางของมันเพื่อรู้จักกับพวกนักการเมืองรวมไปถึงนักธุรกิจอีกหลายแขนงเพื่อจะได้หาเงินใช้โดยการไปเป็นน้อยเขา หนำซ้ำยัยผู้หญิงคนนั้นยังปลอมลายเซ็นต์ของมันยักยอกเงินจากบริษัทไปอีกตั้งหลายล้าน” จอมพลบอกถึงสาเหตุ
“เพราะเหตุนี้พวกคุณก็เลยตกลงกันสร้าง TAKE
* ขึ้นมา?” ผมถามเมื่อรับไม่ได้กับไอ้งานอดิเรกที่คนตรงหน้าเคยทำ (
*ติดตามได้จากเรื่องราชันย์พ่ายรัก)
“มันเป็นความคิดของไอ้ชันย์ฉันก็แค่ตามน้ำคอยช่วยเหลือมันก็เท่านั้น แต่ทุกครั้งที่ทำก็ไม่เคยต้องข่มขู่เพราะผู้หญิงพวกนั้นหิวเงินอยู่แล้วแต่กับนาย…ฉันไม่รู้ว่ามันทำอะไรไปบ้าง” จอมพลตอบพลางมองไปยังแฟร์ที่นิ่งเงียบจนผมที่ทนต่อไปไม่ไหวขอเลี่ยงออกจากตรงนี้มาทันที
“กูว่ากูทนฟังไม่ได้แล้วว่ะขอตัวนะ” ผมบอกก่อนจะเดินออกไปนอกระเบียง
การเอาเปรียบไม่ใช่เรื่องดี…แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกจุกจนพูดไม่ออกมากกว่าคือการที่เขาเคยทำเรื่องพวกนั้น แม้ว่าจะแค่เคยแต่มันก็ทำให้ความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้นมาของผมชะงักจนไม่กล้าที่จะสานต่อเลยสักนิด
ทำไมคนอย่างจอมพลถึงมีแต่เรื่องที่ผมไม่ชอบกันนะ?
[End of Peam’s Part]
:
:
:
ร่างโปร่งมองไปยังแถบท้องฟ้าสีครามที่มืดลงไปทุกทีตรงหน้าพลางพ่นลมหายใจออกมา ภีมขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ จนกระมั่งจอมพลที่ถูกแฟร์กักตัวไว้เพื่อคุยกันเรื่องของเขาจะเปิดประตูเดินออกมาพลางรวบเอวบางเข้าไว้ในอ้อมกอด
“นี่คุณ! ทำอะไร!!?” ภีมว่าก่อนจะดิ้นหนีการโอบรัดของจอมพล
“ก็รู้อยู่ว่ากอดคิดว่ากูเสียบมึงอยู่หรือไง?” ร่างสูงกวนกลับ
“ลามก!”
“ช่วยไม่ได้ในหัวกูมันคิดแต่เรื่องพวกนี้ว่ะ” ร่างโปร่งหน้าขึ้นสี
“ปล่อยนะเดี๋ยวแฟร์มาเห็น!” ภีมว่า
“เพื่อนมึงมันรู้แล้วว่ามึงเป็นเมียกูยังจะกลัวอะไรอีก” จอมพลกระซิบข้างหูจนร่างโปร่งขนลุกซู่ ภีมรู้สึกได้ถึงความเร็วของจังหวะการเต้นของหัวใจ
ตอนนี้มันเหมือนจะระเบิดออกมายังไงยังงั้น!
“ออกมามีอะไร” จอมพลถามเมื่อภีมหยุดดิ้น
“ผมก็แค่อึดอัด” ร่างโปร่งเลี่ยงตอบก่อนร่างสูงจะถามขึ้นเสียงเรียบ
“มึงไม่ชอบงานที่กูเคยทำ?”
“…”
“มันผ่านไปแล้วตอนนี้กูไม่ได้ทำแล้ว” จอมพลนึกอยากให้ภีมเข้าใจ
ร่างสูงคลายอ้อมกอดลงก่อนจะจับตัวอีกคนให้หันมาหาพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลนิ่ง
“ผมรู้…เพียงแต่มัน…ช่างเถอะ” ภีมไม่ตอบและเบือนหน้าไปอีกทาง
“เพียงแต่มันอะไร?” ร่างสูงรบเร้าพลางคว้าแขนร่างโปร่งให้หันกลับมาหา
“ไม่มีอะไร”
“บอกกูมานะภีม”
“ก็…แค่ผมไม่ชอบเรื่องพรรคนั้น ไม่ชอบที่มีคนทำแบบนั้นแม้จะไม่ได้บังคับแต่ถึงยังไงผมก็ไม่ชอบมันอยู่ดี” ร่างโปร่งตอบแน่นหนักจนคนตรงหน้าชะงักไป
จอมพลมองหน้าภีมก่อนจะถอนหายใจ ร่างสูงคว้าต้นแขนของอีกคนเอาไว้พร้อมกับโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน
“ไม่ทำแล้ว” ร่างสูงเอ่ยเสียงอ่อน
“…”
“ไม่ทำแล้วจริงๆ เชื่อกู”
“อะ…อืม” ภีมหลบสายตาพลางแกะมือหนาออกราวกับแก้เขิน
“และที่กูจูบมึงเมื่อกี้กูขอ…คือกูเสียใจที่ทำแบบนั้นกับมึง” ร่างสูงกลืนคำๆ นั้นที่ควรจะเอ่ยออกเอาไว้
“…”
“ทีหลังจะพยายามไม่ทำอีก”
ร่างโปร่งอึ้งกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง สิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในอกถูกสูบฉีดให้เร่งจังหวะการเต้นมากขึ้นจนภีมกือบเสียการทรงตัว ร่างโปร่งพยายามสลัดทุกอย่างที่รบกวนจิตใจออกพลางเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นทันที
“แล้วคุณทำไมถึงกลับมาเร็วล่ะเพิ่งไปเมื่อวานเองไม่ใช่เหรอ” ภีมว่าก่อนจะแกมือของจอมพลออกจากแขน
“กูไปเพราะแม่กูป่วย”
“เหรอครับแล้วท่านเป็นไงบ้าง”
“มึงเป็นห่วงแม่กู?” ร่างสูงเลิกคิ้วถามกวนๆ
“มันก็เป็นคำถามที่ดีไม่ใช่เหรอ? หรือคุณอยากจะให้ผมเงียบหลังจากได้ยินคุณพูดถึงขนาดนี้ล่ะ”
“หึ! ยอกย้อนนะมึง” คนตัวสูงเหยียดยิ้มขำก่อนจะเอ่ยต่อ
“แต่ก็ดีขึ้นแล้วล่ะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงท่านก็แค่ทำงานมากไป…แล้วมึงล่ะวันนี้ได้ไปเยี่ยมจอมใจหรือเปล่า” จอมพลถามกลับ
“ไปครับแต่ถูกเธอไล่กลับมา”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ผมคงจะพูดอะไรแทงใจดำเธอเข้าน่ะ” ร่างโปร่งว่า
“มึงพูดอะไร”
“ก็ถามเรื่องที่เธอไม่ยอมพูด”
“มึงจะถามเพื่อ?” ร่างสูงสบถว่าก่อนร่างโปร่งจะปรายตาและตอกกลับไป
“ก็มันเป็นเรื่องที่ผมต้องทำ”
“…”
“คุณก็รู้ว่าเราทำสัญญาอะไรกันไว้” ภีมว่าก่อนจอมพลที่ขบกรามแน่นจะเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง
“มึงอยากให้จอมใจยอมพูดเร็วๆ ว่างั้น?”
“ใช่” ภีมตอบก่อนจะพูดต่อ “หรือคุณอยากให้เธอเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะ”
ร่างสูงจ้องคนตรงหน้านิ่งก่อนแฟร์ที่เดินออกจากห้องครัวและตรงมาหาทั้งคู่จะเปิดประตูระเบียงออกมา
“กูทำกับข้าวเสร็จแล้ว”
“อ้าว! มึงทำกับข้าวเหรอไมไม่บอกกู?” ภีมปรับเปลี่ยนอารมณืก่อนจะถามเพื่อนสนิทกลับ
“แค่อุ่นอาหารแช่แข็งของมึงเองป่ะไปกินข้าวกันเดี๋ยวกูไปเตรียมจานชามก่อนนะ” ร่างบางว่าพลางกลับเข้าห้องไป
ภีมหันกลับมาหาจอมพลอีกครั้งก่อนจะออกปากชวนร่างสูงที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงตรงหน้า
“ทานข้าวกันเถอะครับ”
“ภีมคือกู…” จอมพลคว้าแขนของคนที่กำลังจะเดินเข้าห้องไปพร้อมกับพยายามเค้นสิ่งที่อยากจะพูดออกมา
“พักเรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะยังไงซะมันก็คงอีกนาน” ร่างโปร่งตัดบทก่อนจะเดินเข้าห้องไปทันที
:
:
:
“จะออกจากคอนโดวันไหน” จอมพลเปิดประเด็นถามเมื่อพวกเขาทั้งสามคนนั่งทานข้าวอยู่เงียบๆ
แฟร์ที่นั่งนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่กับภีมที่เอาแต่ก้มหน้าทานโดยไม่สนใจเขาทำให้ร่างสูงทนบรรยากาศที่ไม่ชอบแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปจนต้องเป็นฝ่ายส่งเสียงออกมาก่อน
“?” ร่างบางทำหน้างง
“ยังมีคนนอกคนอื่น? ฉันถามนายนั่นแหละ” ร่างสูงบอกแฟร์ที่มองมา
“พรุ่งนี้น่ะครับผมจะไปกาญจนบุรีเลยกะจะขอภีมให้ไปส่งที่ท่ารถด้วย” แฟร์บอก
“แล้วคืนนี้นอนไหน” จอมพลถามอีกทำเอาอีกฝ่ายยิ่งงงเป็นไก่ตาแตกไปกันใหญ่
“ก็…ก็นอนที่นี่” ร่างบางตอบเสียงอ่อนก่อนภีมจะเสริมขึ้น
“เขาจะนอนกับผม”
“แล้วกูล่ะ!?” ร่างสูงโผลงออกมาทันที
“วันนี้คุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ”
“ไม่!”
“นี่พวกคุณอยู่ด้วยกันเหรอครับ” แฟร์เบิกตาถาม
“เรื่องนี้กูมีเหตุผลนะแฟร์มึงอย่าเพิ่งคิดไปเรื่อย…เอาตามนี้นะครับ” ภีมที่แก้ตัวกับแฟร์เสร็จหันไปย้ำกับจอมพล
“ไม่! ยังไงกูก็จะนอนที่นี่” ร่างสูงดื้อกลับ
“แต่เตียงเต็มแล้ว”
“ใครนอน!?”
“ถามได้! ก็ผมกับแฟร์ไง!”
“แต่กูจะนอนที่นี่!” จอมพลว่าพลางกระแทกช้อนลงบนจานจนเกิดเสียงดัง
ร่างสูงจ้องภีมสลับกับแฟร์ไปมาก่อนร่างโปร่งที่จะพยายามหลบเลี่ยงอีกฝ่ายจะเอ่ยกลับไป
“ผมว่าคุณกลับไปนอนเฝ้าน้องจอมใจดีกว่า”
“วันนี้กูไม่ไป”
“งั้นก็ไปเคลียร์เอกสารที่บริษัท”
“มันดึกแล้วใครเขาทำงานกัน!”
“คุณจอมพล…” ภีมเอ่ยชื่ออีกฝ่ายราวกับติเตียนแต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงก็ยังไม่ยอมแพ้
“กูจะนอน!”
“โอเค! งั้นคุณก็นอนโซฟาข้างนอก” ภีมยื่นข้อเสนอ
“แต่กูจะนอนในห้อง!”
“เพื่อ?”
“เผื่อพวกนายมีอะไรกัน” ร่างสูงบอกเรื่องที่คิดอยู่ก่อนอีกสองคนที่เหลือจะร้องเสียงหลงออกมาพร้อมกัน
“ห๊ะ!/บ้าไปแล้ว!!” ภีมสบถก่อนจะตวาดกลับไป “คิดได้ไง!?”
“อะไรก็เกิดขึ้นได้กูกันตัวเองโดนสวมเขาเว้ย” ร่างสูงว่าด้วยใบหน้าจริงจัง
ร่างบางหันมองเพื่อนสนิทของตัวเองที่ขบกรามแน่นก่อนแฟร์จะพยายามพูดเพื่อหมายจะยุติศึกน้ำลายในครั้งนี้
“คือถ้างั้นผม…”
“มึงไม่ต้องกูคิดออกแล้ว” ภีมขัดขึ้นก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยแววตายียวน
“ถึงมึงจะไล่กูยังไงกูก็ไม่กลับเด็ดขาด!” จอมพลยื่นคำขาด
“ก็ได้! ถ้าคุณอยากจะนอนที่นี่นัก เพราะผมหาที่นอนให้คุณได้แล้ว” ภีมพูดอย่างถือไพ่เหนือกว่าพลางยิ้มขำ
“กูเสนอบนเตียงคั่นกลางระหว่างพวกนาย!”
“ไม่ได้”
“ถ้างั้นมึงจะให้กูนอนที่ไหน!?”
“บนพื้น!!”
“!!”
TBC...........----------------------------------------------
จอมพลมันเอาอะไรคิดว่าสองคนนี้เขาจะกินกันเอง!? -__-''
เฮียเอ้ยเฮีย...ทั้งหึงทั้งหวงแบบนี้ ก็ยอมรับใจตัวเงสักทีเถอะ
มัวแต่ทำแบบนี้ระวังภีมไม่สนใจนะเออ >_<
ฝากเม้นท์เป็นกำลังใจให้นักเขียนคนนี้ด้วยนาาาาา
