Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]  (อ่าน 81061 ครั้ง)

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม




**เรื่องนี้เป็นคู่ของป๋ากร (กรพัฒน์) และพี่ปูนค่า และจะมีเกน ฟลอยด์ (No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ) มาร่วมด้วย**






ผลงานเรื่องที่ผ่านมา

Just you and I เพราะนายคือของฉัน [จบแล้ว] (โช x กลอย)
No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ [จบแล้ว] (ฟลอยด์ x ต้อม)
คำทำนาย...ทายว่าต้องรัก [จบแล้ว] (พี่ใหญ่ x น้องอัด)
พี่ครับ...ไอเลิฟยู [จบแล้ว] (เม่น x ม่าน)






*** หมายเหตุ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากจิตนาการ ไม่มีบุคคลในชื่อหรือสถาบันใดๆ เกี่ยวข้องทั้งสิ้น***
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2018 01:09:24 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

- บทนำ -




       การจราจรที่แสนติดขัดทำเอาเจ้าของรถราคาแพงต้องอารมณ์เสีย เกือบสองชั่วโมงเห็นจะได้ที่เขายังไม่สามารถออกจากถนนเส้นนี้ได้ ทั้งที่วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี แต่กลับต้องมาติดแหง็ก ตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่เรื่องที่น่าหงุดหงิดใจ

   เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนสี รถสปอร์ตคาร์สีควันบุหรี่ก็เคลื่อนออกตัว ความเร็วที่เหยียบตอนนี้ไม่สมกับสมรรถนะสักเท่าไหร่ อีกทั้งรถราที่แน่นขนัดทำให้เร่งความเร็วได้ไม่เต็มที่ แม้หงุดหงิดแต่ก็พอเข้าใจ

   รถราคาแพงวิ่งฉิว ปลายทางคือร้านดอกไม้ของเพื่อนสนิทที่เพิ่งรู้ข่าว แม้เขาจะเป็นหนุ่มโซเชียลแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ติดตามใครเป็นพิเศษ ขืนติดตามคงมีเป็นล้านๆ แน่นอน ก็คนมันเพื่อนเยอะนี่นะ

   กรพัฒน์ ชายหนุ่มลูกครึ่งไทยจีน เขาร่วมทุนกับเพื่อนสนิทเปิดบริษัทเอเจนซี่เล็กๆ ในสมัยก่อน ผ่านมาไม่ถึงห้าปี บริษัทเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ บริษัทของเขาเทียบเท่าบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำของประเทศ มีดารา นายแบบ นางแบบ ทั้งในและต่างประเทศรวมๆ หลายร้อยชีวิตในสังกัด ยังมีนิตยสารแฟชั่นที่ได้รับความนิยมมากและมักติดอันดับอยู่ทุกปี

   ชายหนุ่มขับรถหรูฝ่าการจราจรติดหนึบจนมาถึงหน้าร้านขายดอกไม้ขนาดกลางสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ดูเท่และแปลกกว่าร้านอื่นๆ เจ้าของรถหรูก้าวขายาวลงจากรถ ดวงตาคมมองผ่านแว่นตากันแดดสีชาเข้าไปด้านหน้าร้านที่เป็นกระจกบานใส เห็นหลังไวๆ ของใครสักคนที่คาดว่าจะเป็นคนที่เขาจะมาเจอ

   ขายาวก้าวตรงเข้าไปด้านใน ทันทีที่ดึงประตูกระจก เสียงกระดิ่ง ที่มัดติดกับที่จับก็ดังขึ้น ภายในร้านดูสวยสมกับเป็นร้านขายดอกไม้ อีกทั้งเจ้าของยังตกแต่งไว้ได้เรียบแต่หรู กรพัฒน์ยืนมองทั่วร้านแล้วก็นึกแปลกใจ เพราะเขามายืนนานขนาดนี้กลับไม่มีใครออกมาต้อนรับสักคน อีกทั้งเมื่อครู่ กระดิ่งประตูก็ดังลั่นร้านขนาดนั้น


   “มีใครอยู่ไหมครับ” สุดท้ายก็ต้องร้องถามขึ้น “ฮัลโหล มีคนอยู่ไหม...”

   “ครับๆ”

   จังหวะที่จะเรียก อยู่ๆ ก็มีศีรษะโผล่ขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ หากไม่ได้ยินเสียงตอบกลับเขาคงตกใจและอาจวิ่งหนี ชายหนุ่มเตรียมบ่นหากคนที่ขานรับไม่ยิ้มกว้างส่งมา


   เหมือนเจอลูกกวางตัวน้อยเลยให้ตาย


   เด็กหนุ่มหลังเคาน์เตอร์เอียงคอมองเขา ดวงตากลมแวววาวเหมือนลูกกวางกำลังจ้องมาที่เขาจนทำตัวไม่ถูก ในมือเด็กนั่นถือดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอกที่ดูยังไงก็ยังสวยสู้คนถือไม่ได้...


   ใช่ ผู้ชายคนนี้ สวยกว่าดอกกุหลาบซะอีก


   “คุณลูกค้าต้องการซื้อดอกไม้หรือครับ” เสียงใสยิ่งกว่าบรรดานางแบบที่เคยพูดคุย “เอ่อ คุณลูกค้าครับ”

   “ครับ? อ่อ พอดีผมมาหาโรส เจ้าของร้านครับ” กว่าจะมีสติก็ถูกเรียกอยู่หลายครั้งจนอยากตบหัวตัวเองที่เผลอหลงใหลรูปร่างและหน้าตาคนตรงหน้า

   “พี่โรสออกไปข้างนอกครับ เดี๋ยวก็คงกลับ เอ่อ...ใช่คุณกร หรือเปล่าครับ”

   “รู้จักผมด้วยเหรอ”

   รู้สึกแปลกใจจนต้องขมวดคิ้ว หรือชื่อเสียงเขาจะดังมากถึงขนาดมีคนรู้จัก แม้ไม่ใช่กลุ่มไฮโซเซเลปก็ตาม หากความมั่นใจกลับถูกขยี้ลงจนอกเกือบแฟบเมื่อได้ยินคำตอบ

   “เปล่าครับ พอดีพี่โรสบอกก่อนออกไปว่าเพื่อนที่ชื่อกรจะมาหา” แม้หน้าตาจะใสซื่อ แต่คำพูดคำจาดูไม่ใช่เด็กที่หลอกง่ายสักนิด “เชิญนั่งก่อนครับ อีกเดี๋ยวพี่โรสคงถึงแล้ว”

   “ครับ” กรพัฒน์เดินมานั่งที่เก้าอี้ที่ถูกดัดจากโครงเหล็กที่ตกแต่งด้วยไม้ดูเข้ากับร้าน ก่อนคนที่ทำให้ตะลึงจะวางแก้วน้ำเปล่าให้ “ขอบคุณครับ”

   “ไม่เป็นไรครับ” ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่ไม่อาจละสายตาได้ ยิ่งกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่ติดอยู่ปลายจมูกของเขายามที่เด็กหนุ่มมาเข้าใกล้จนไม่อยากให้เดินไปที่อื่น


   ตัวหอมกว่ากลิ่นดอกไม้ในร้านนี้ซะอีก


   ช่วงเวลาที่กรพัฒน์ต้องนั่งในร้านช่างรู้สึกอึดอัด ไม่ใช่ที่ต้องรอนาน แต่เพราะอยากคุยกับเด็กหนุ่มที่ง่วนอยู่กับดอกไม้ ใบหน้าหวานมีแก้มป่องนิดๆ ดูน่าฟัดด้วยจมูก ผมที่คิดว่าคงจะยาวประบ่าถูกรวบหางม้าโชว์ท้ายทอยขาว จมูกโด่งไม่มากเช่นลูกครึ่งแต่ก็สวย ริมฝีปากแดงโดยไม่ต้องทาลิปสติกช่างน่า...


   ...น่าหลงใหลเป็นที่สุด


   จังหวะที่ความอดทนจบลง กรพัฒน์ส่งเสียงเรียกไปพร้อมกับประตูร้านเปิดออก ใบหน้าหวานเงยขึ้น ปากแดงเผยรอยยิ้มหวานให้คนที่เพิ่งเข้ามา


   ขัดใจที่รอยยิ้มนั่นมอบให้คนอื่น ทั้งที่รู้ว่ายังไม่มีสิทธิ์


   “อ่าว กร มานานแล้วเหรอ ขอโทษที่ให้รอนะ” เจ้าของร้านคนสวยเดินเข้ามาพร้อมของพะรุงพะรัง “ปูนจ๋า พี่ฝากเอาไปเก็บหลังร้านให้หน่อยได้ไหมจ๊ะ”


   ชื่อปูนนั่นเอง


   “พี่โรสซื้อขนมมาขนาดนี้แล้วก็มาบ่นอ้วนกับปูนอีก” น้ำเสียงกึ่งเย้ากับแก้มป่องนั่น ดูน่าหยิกซะจริง

   “แหม มีของปูนด้วยต่างหาก พี่ไม่ยอมอ้วนคนเดียวหรอก” เจ้าของร้านยิ้มเอ็นดูพนักงานที่เธอรัก “ฝากทีนะ”

   “ครับ”

   กรพัฒน์มองตามร่างผอมที่เดินเข้าไปด้านหลังร้าน มองตามจนไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกของเพื่อนที่ถึงกับต้องสะกิดคนเหม่อถึงจะสนใจ

   “เป็นอะไร” โรสเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะเห็นเพื่อนสนิทมองตามพนักงานของตัวเองไม่กระพริบตา

   “เปล่า ไม่ได้เป็น” กรพัฒน์กระแอมก่อนตอบ “ว่าแต่ ที่คุยในโทรศัพท์ โรสจะว่าไง ตกลงหรือเปล่า”

   “มันจะเหมาะเหรอ เราไม่ได้เป็นนางแบบนะ”

   “เหมาะสิ”

   กรพัฒน์ยิ้มให้เพื่อน เขาโทรชวนเพื่อนให้มาถ่ายแบบลงนิตยสารให้ในธีมเจ้าหญิงดอกไม้ และที่เลือกเพื่อนคนนี้ก็เพราะตรงคอนเซ็ป ทั้งสวย มีสไตล์กับดวงตาเฉี่ยวไม่เหมือนใคร

   “งั้นเหรอ”

   “ที่สุด”

   หญิงสาวหัวเราะเพื่อนสนิทที่ขยิบตาให้ กรพัฒน์เป็นผู้ชายที่ถูกขนานนามว่า พ่อเสือร้ายหรือคาสโนว่าตัวท็อป ไม่ว่าสาวคนไหนที่ได้จ้องมองดวงตาคมก็มักจะหลงใหลแทบทุกคน

   “กรว่าไง เราก็ว่างั้น” ในที่สุด โรสก็ตอบรับ “แต่เราพาปูนไปด้วยได้หรือเปล่า ปูนจัดดอกไม้สวย เราว่าฉากคงจะสวยดีนะ”

   “ได้” รีบตกลงอย่างไม่ต้องคิด ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม ทั้งที่ตอนแรกก็คิดหาวิธีที่จะให้เพื่อนพาลูกกวางไปด้วย แบบนี้ก็ไม่ต้องคิดหาเหตุผล ช่างดีจริง “เดี๋ยวจะส่งรายละเอียดมาให้อีกทีนะ”

   “อ่าห๊ะ” โรสเลิกคิ้วมองหน้าเพื่อนที่คุยกับเธอ แต่สายตากลับมองไปที่คนที่เพิ่งเดินออกมา “ปูนจ๋า มานี่หน่อย” อดไม่ได้ที่จะลอง พอคนที่เรียกเดินมาใกล้ ก็ยิ่งเห็นท่าทีของเพื่อนหนุ่ม “พอดีคุณรุฒแกอยากได้ดอกไม้ช่อหนึ่งน่ะ ปูนจัดให้พี่หน่อยนะ”

   “ได้ครับ ว่าแต่ ดอกไม้อะไรหรือครับ” หน้าใสเอียงคอถาม ยิ่งทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจชายหนุ่มเต้นแรง

   “ดอกลิลลี่”

   “อ๋อ เอาไปฝากแฟนนี่เอง ได้ครับ”

   ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็รีบเดินไปเปิดตู้ดอกไม้และง่วนอยู่กับการจัดช่อดอกลิลลี่ ความสุข รอยยิ้มและท่าทาง ดูแล้วไม่อาจละสายตาได้แม้เพียงเสี้ยววินาที

   “กรไม่มีงานต่อเหรอ” โรสถามเมื่อเห็นเพื่อนไม่ยอมขยับตัวไปไหน ทั้งที่คุยกันจบแล้ว แถมยังเอาแต่จ้องปูนจนเหมือนจะกลืนลงท้อง “กร!”

   “หา? โรสถามอะไรนะ”

   “เราถามว่ากรไม่ไปทำงานต่อเหรอ”

   “อ๋อ เออใช่ มีงานต่อ งั้นเดี๋ยวส่งรายละเอียดมาให้นะ” แม้ไม่อยากไป แต่ก็ต้องไป กรพัฒน์ลุกขึ้นยืน ขายาวก้าวไปที่ประตู คนที่จัดดอกไม้ก็ไม่คิดจะเงยหน้ามามอง ทั้งที่เขาจะกลับแล้วแท้ๆ “อะแฮ่ม กลับก่อนนะ” อดไม่ได้ที่จะพูดเสียงดังก่อนลา

   “จ้าๆ” โรสขำเพื่อนหนุ่มที่บอกลาซะเสียงดัง คงอยากให้พนักงานของเธอได้ยิน “พ่อคาสโนว่า” หญิงสาวพูดกับตัวเองพร้อมรอยยิ้ม ดูแล้วเพื่อนหนุ่มคงหลงเสน่ห์พนักงานดอกไม้เธออีกคนซะแล้ว

   “พี่โรสเป็นอะไร ทำไมยิ้มคนเดียว”

   “ปูนจ๋า พี่ว่า ปูนคงปวดหัวแน่นอนต่อจากนี้”

   แม้จะไม่เข้าใจและงงมากๆ เด็กหนุ่มก็ไม่คิดจะถามต่อ เพราะตอนนี้ต้องจัดช่อดอกไม้ให้ลูกค้าเจ้าประจำซะก่อน ส่วนเรื่องอื่น หากไม่เกี่ยวกับตัวเองก็ไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว รู้ไปก็ปวดหัวเปล่าๆ...



   แต่ดวงตาคมเมื่อกี้ยามสบสายตา ดูน่ากลัวแต่ก็ดึงดูด คงเป็นคนที่น่ากลัวพอดู คนๆ นั้น



...TBC


สวัสดีค่า ไม่รู้ว่าวันนี้วันดีหรือเปล่า แต่เราจะมา ฮ่าๆๆๆ

เรื่องนี้ หากใครได้อ่านเรื่อง No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ จะรู้ว่า คู่ของเรื่องนี้เป็นตัวประกอบมาในช่วงพาร์ทของพี่เกนแล้วก็ป่านค่ะ

อาจไม่หวานเท่า? หรืออาจจะเลี่ยนมากกว่าก็ขอได้โปรดให้อภัยด้วยค่า

หรือมีตรงไหนตกหล่นหรือก๊งๆ งงๆ ก็บอกกันได้ค่า จะได้รีบแก้ไขให้ดีกว่าเดิม

ขอฝากป๋ากรกับน้องปูนไว้ในอ้อมอก อ้อมใจด้วยนะคะ  :mew1: :mew1:

ขอบคุณค่าาา

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
 :z13:  มาแปะไว้ก่อง..เดี๋ยวมาอ่าน.. :z1:

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
อีกเดี๋ยวตาพระเอกคงจะหลงหนักกว่านี้

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ติดตามๆๆๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ตาม ตาม ตาม

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 ตามติดค่ะ...

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ป๋าคงต้องแย่งชิงแล้วล่ะ..ดูแล้วพี่ปูนคงเสน่ห์แรงน่าดู.. :laugh:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
- 1 -




        อากาศยามเช้าแสนสดชื่นด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ ปูน เด็กหนุ่มหน้าตาสวยจนใครๆ ถึงกับไม่เชื่อว่าเป็นชายหนุ่ม ด้วยสรีระบอบบาง มองยังไงก็ผู้หญิง มีแค่หน้าอกแบนๆ เท่านั้นที่คลายความสงสัยจากคนภายนอก แต่ถึงอย่างนั้น เด็กหนุ่มก็มักถูกผู้หญิงตามจีบเพราะคิดว่าเป็นทอม

   นี่มันดูยากขนาดนั้นเชียวหรือ

   มือขาวจัดดอกไม้มาใหม่ใส่ตู้ทำความเย็นเพื่อให้ดอกไม้ดูสดสวยเสมอ ก่อนเสียงกระดิ่งที่ผูกกับที่จับประตูจะดังขึ้น ริมฝีปากบางก็รีบฉีกยิ้มอย่างทุกที

   “สวัสดีครับ ร้านสวีทฟลาวเวอร์ยินดีต้อนรับครับ” เสียงใสพร้อมรอยยิ้มสวยเรียกรอยยิ้มตอบกลับจากอีกฝั่งได้เสมอ “ไม่ทราบว่าอยากได้แบบไหนหรือครับ” ปูนวางแค็ตตาล็อกรูปแบบดอกไม้ ทั้งช่อ ทั้งกระเช้า รวมไปถึงชนิดของดอกไม้ทั้งร้านให้ลูกค้ารายใหม่ได้เลือกสรร

   “อยากได้เป็นของขวัญให้ลูกสาวค่ะ ต้องใช้ดอกไม้อะไรดีคะ” ลูกค้าสาวสูงวัยเอ่ยถามในขณะที่พลิกดูรูปภาพอย่างเลือกไม่ถูก

   “ลูกสาวของคุณลูกค้าชอบดอกไม้อะไรหรือครับ” ปูนถามกลับอย่างสุภาพ คุณป้าเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมรอยยิ้ม คราแรกที่เปิดประตูเข้ามายังคิดว่าเป็นผู้หญิงอยู่เลย ไม่คิดว่าจะเป็นเด็กผู้ชาย

   “อืม...น่าจะกุหลาบขาวมั้งนะ ป้าเห็นลูกสาวชอบซื้อมาใส่แจกันบ่อยๆ”

   “ถ้าแบบนั้น รับดอกกุหลาบสีขาวเป็นช่อเล็กๆ แต่เรียบหรูแบบนี้ดีไหมครับ เด็กสาวมักจะชอบแบบนี้กัน”

   “จ้ะ เอาตามนี้เลย”

   “กรุณารอสักครู่นะครับ”

   หลังจากได้ชนิดของดอกไม้และรูปแบบ ปูนก็รีบคัดเลือกดอกกุหลาบสีขาวสวยออกมาจัดช่อทรงกลมซึ่งเป็นที่นิยมและเหมาะสำหรับงานวันเกิด

   มือขาวหยิบจับทุกอย่างดูคล่องแคล่วจนคนมองอยู่ถึงกับทึ่ง ผู้ชายที่จัดดอกไม้สวยแถมยังประณีตขนาดนี้ หากมีลูกชายจะยอมยกให้โดยไม่สนเพศเลย คุณป้ายิ้มมองช่อดอกไม้ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างสวยงาม ตอนนี้ถูกผูกริบบิ้นสีชมพูหวานเป็นอย่างสุดท้าย

   “สวยจังลูก”

   ช่อดอกกุหลาบสีขาวถูกจัดเป็นช่อทรงกลม ห่อกระดาษสีขาวสะอาดผูกโบว์สีชมพูสวย แม้ช่อดอกไม้จะสมบูรณ์แบบแค่ไหนก็ยังแพ้คนถืออยู่ดี คุณป้าเม้มริมฝีปากพลางคิดว่าตั้งแต่เกิดมาจนอายุปูนนี้ เธอไม่เคยเจอผู้ชายที่สวยเกินหน้าผู้หญิงมากขนาดนี้มาก่อน ทั้งโครงหน้าได้รูป ดวงตาโต แถมปากนิดจมูกหน่อย หากใครกล้าบอกว่าไม่สวย เธอจะไปตบปากเลย

   “ขอบคุณครับ” ปูนยิ้มยินดีที่ลูกค้าชอบ “การ์ดที่เลือกไว้ จะให้ผมเขียนให้เลย หรือคุณลูกค้าจะเขียนเองครับ...คุณลูกค้าครับ”

   “จ๊ะ? เอ๋ หนูถามป้าว่าอะไรนะ” ดูเหมือนลูกค้าจะเผลอหลงใหลไปกับรอยยิ้มหวาน

   “เรื่องการ์ด จะให้ผมเขียนหรือคุณลูกค้าจะเขียนเองครับ”

   “หนูเขียนให้ป้าเลยจ้ะ เขียนว่า.....” ปูนเปิดการ์ดรูปหัวใจออกแล้วรีบบรรจงเขียนตามคำบอก “หน้าสวย ลายมือยังสวยอีกนะหนู” เป็นคำชมที่ได้ยินบ่อยตั้งแต่ทำงานที่นี่มา ปูนยกมือไหว้ขอบคุณสำหรับคำชม “ถ้าป้ามีลูกชาย ป้าจะจองให้ลูกป้า”

   “จองดอกไม้หรือครับ” คนหน้าหวานกระพริบตาปริบๆ ถามกลับอย่างสงสัย

   “จองหนูนั่นแหละ ผู้ชายอะไรสวยกว่าผู้หญิงอีก สวยกว่าลูกสาวป้าตั้งเยอะ” ว่าแล้วก็ขำออกมา แต่คนถูกชมทำเพียงแค่ยิ้มบางๆ “เท่าไหร่จ๊ะ”

   “ทั้งหมดก็หนึ่งพันห้าร้อยบาทครับ”

   ปูนเดินออกมาส่งลูกค้ารายแรกของวันที่ประตูหลังจากคิดเงินแล้วเสร็จสรรพ รู้สึกวันนี้ช่างโชคดีที่มีลูกค้าตั้งแต่ช่วงเช้า ปกติมักจะเป็นช่วงบ่ายซะมากกว่า เมื่อรถลูกค้าลับตาไป เด็กหนุ่มก็เดินกลับเข้ามาในร้าน พร้อมเก็บกวาดเศษใบไม้ที่ร่วงบนพื้นลงถังขยะ


   “ปูนจ๋า” เสียงใสทักทายจากหน้าประตู เจ้าของชื่อเงยหน้ายิ้มตอบกลับ “ว้าว วันนี้ได้ลูกค้ารายแรกแล้วเหรอ ดีจริง ตั้งแต่ปูนมาทำงาน ร้านพี่กำไรเยอะมาก”

   “พี่โรสพูดเกินไปแล้วครับ ร้านพี่ดังออกอย่างนี้ ไม่เกี่ยวกับปูนหรอก” แม้ร้านดอกไม้จะไม่ใหญ่มาก แต่เจ้าของอย่างโรสก็เป็นที่รู้จักในวงสังคม หลายครั้งที่มีกลุ่มไฮโซไฮซ้อมาซื้อ ไม่ก็สั่งให้ไปส่ง ดังนั้น ไม่ใช่เพราะเขาหรอกร้านถึงได้กำไร

   “ไม่เกินไปหรอก เพราะปูนทำให้ลูกค้าที่ซื้อไปแล้วกลับมาซื้ออีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ใช่เพราะปูน จะเพราะใครล่ะ” โรสยื่นมือดึงแก้มป่องของเด็กหนุ่ม

   “แก้มปูนยานพอดี” เด็กหนุ่มย่นหน้าน้อยๆ เมื่อแก้มเป็นอิสระ

   โรสหัวเราะร่าก่อนเดินไปเก็บของหลังร้าน เธอมาร้านสายเพราะเมื่อคืนต้องคิดงานซุ้มงานแต่งงานของเพื่อน แต่ถึงจะมาสายหรือไม่มา ปูนก็สามารถจัดการได้อยู่แล้ว

   “ปูนจ๋า เดี๋ยวไปซื้อของให้พี่หน่อยนะ เพื่อนพี่จะมาทานมื้อเที่ยงพร้อมคุยงานน่ะ” โรสเดินออกมาพร้อมใบรายการของที่ต้องใช้ “รบกวนด้วยน้า”

   “ได้อยู่แล้วครับ แล้วก็ไม่ได้รบกวนอะไรเลย” ปูนรับใบรายการมาดูแล้วยิ้มออกมา

   “น่ารักเสมอน้องพี่ นี่ถ้าปูนไม่สวยกว่าพี่นะ พี่จะจีบไปแล้ว” ไม่ชมเปล่า โรสยังดึงแก้มคนหน้างออีกรอบ ตอนขามาก็อยากจะแวะซื้อ แต่ถ้าให้ปูนไป อาจจะได้ของมากขึ้น เพราะเด็กหนุ่มเป็นขวัญใจของตลาดสด มีบางครั้งที่ไปซื้อของเอง ทั้งแม่ค้า พ่อค้าต่างก็พากันถามหา นั่นคือสาเหตุว่าทำไม โรสถึงให้ปูนไป

   ปูนเก็บกวาดร้านจนเสร็จก็หยิบกระเป๋าพร้อมหมวกกันน็อคมาสวม บอกลาเจ้าของร้านก่อนออกรถ ตลาดสดอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ถึงสามสิบนาทีก็ถึง

   ตลาดสดที่ผู้คนมาจับจ่ายซื้อของไม่ขาดสาย ปูนจอดรถไว้ที่ลานด้านหน้าแล้วเดินหาซื้อของตามใบรายการ จากการดูคร่าวๆ เจ้าของร้านคนสวยคงอยากจะทำหมูชุบแป้งทอด ปูนแวะทักทายแทบทุกร้าน และได้ของแถมทุกร้านที่ซื้อ

   “ไม่เห็นตั้งหลายวัน” คุณป้าเจ้าของแผงผักสดทักทายเป็นกันเอง ปูนยิ้มแป้นส่งคืนจนป้าหัวเราะ “อยากได้อะไรละ วันนี้ผักแพงขึ้นนิดหนึ่งนะ แต่สำหรับปูน ป้าคิดราคาคนกันเอง”

   “ขอบคุณครับ” มือสวยยกขึ้นไหว้

   “หนูไม่สนใจลูกชายป้าจริงๆ เหรอ” ระหว่างเลือกกะหล่ำปลี คำถามที่ได้ยินหลายครั้งก็ถูกถามอีกครั้ง “ป้ายกให้เลยนะถ้าเป็นหนูปูนน่ะ”

   “โธ่ คุณป้าละก็ ปูนเป็นผู้ชายนะครับ ลูกชายคุณป้าก็ผู้ชาย” หน้าหวานง้ำงออย่างน่าเอ็นดู

   “ไม่เห็นเป็นไร ป้าดูทีวี มีละครทำเยอะ ป้ารับได้” จากรอยยิ้มที่เห็นคงจะรับได้อย่างที่พูดจริงๆ “เอาๆ คิดได้เมื่อไหร่ก็บอกป้านะ ป้าไม่คิดสินสอด เอ๊ะ หรือป้าต้องให้สินสอดหนู”

   “โธ่ คุณป้า”

   จากแผงผักสดมาเขียงหมู ซึ่งก็ไม่พ้นถูกแซวเรื่องคู่ครองของลูกชายหรือหลานชาย ไม่มีหรอกที่จะขอให้ลูกสาวหรือหลานสาว กว่าจะซื้อของเสร็จก็ปาไปเกือบชั่วโมง ไม่ใช่ของเยอะ แต่เพราะแวะคุยเกือบทุกร้าน ปูนหอบหิ้วถุงของใส่ตะกร้าหน้ารถแล้วขี่กลับ




   หน้าร้านมีรถสีเทาราคาแพงจอดอยู่ ปูนย่นคิ้วมองนิดๆ ก่อนขี่มอเตอร์ไซค์เข้าที่โรงจอดด้านข้างของร้าน รถคันนั้นไม่คุ้นตาสักนิด หรือจะเป็นรถของลูกค้า พอคิดแบบนั้นขาเรียวก็รีบเร่งเข้าร้านจากด้านหลัง ข้าวของถูกวางบนโต๊ะไว้ก่อนจะรีบเดินออกมาหน้าร้าน

   “โอ๊ะ” พอออกมาด้านหน้าก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นโรสกำลังดึงแก้มของผู้ชายตรงหน้าอย่างเมามันส์ แต่พอทั้งคู่เห็นปูนก็รีบผละออกจากกัน “ขอโทษที่มาขัดจังหวะครับ งั้นปูนไปหลังร้าน...”

   “ไม่ได้ขัดจังหวะเลย” ขณะกำลังจะหันหลัง ข้อมือขาวก็ถูกดึงไว้ซะก่อน เป็นเจ้าของร้านคนสวยที่ออกแรงดึงให้ปูนไปนั่งเก้าอี้ระหว่างเธอกับผู้ชายที่เคยเจอวันก่อน “จำกรได้ใช่ไหม ที่มาวันนั้นน่ะ” ปูนกระพริบตาปริบๆ มองคนที่พี่โรสว่า ศีรษะทุยพยักหน้าช้าๆ เป็นคำตอบ

   “สวัสดีครับน้องปูน” คำทักทายกับน้ำเสียงทุ้มดูเป็นมิตร ปูนยิ้มแล้วทักทายกลับเช่นกัน “ไปไหนมาครับ พี่มาไม่เห็นเจอ”

   “ไปซื้อของครับ” ปูนตอบพลางหันไปคืนเงินถอนให้โรส แม้จะเหลือแค่บาทเดียว ปูนก็ยังคืนทุกครั้ง

   “ไม่ถามพี่หรือ ว่ามาทำไม”

        คำถามนี้สร้างความแปลกใจให้ปูนพอสมควร นี่เขาต้องถามด้วยหรือ

   “พูดมากจริง ไปเถอะปูน ไปทำกับข้าวกัน ปล่อยให้แขกนั่งรออยู่ที่นี่แหละ” โรสเห็นพนักงานตัวเองตีหน้ายุ่งก็รีบขวาง มือนุ่มดึงข้อมือขาวให้ยืน “เดี๋ยวปูนจะทำอาหารให้ชิม จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้โม้”

   “พี่จะรอนะครับ”

   ทั้งที่โรสพูดด้วย แต่สายตาของกรพัฒน์กลับมองมาที่ปูนจนหญิงสาวส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ

   ปูนเดินตามโรสเข้ามาในครัวด้านหลัง ทั้งสองช่วยกันทำอาหารมื้อเที่ยง อีกทั้งวันนี้มีเพื่อนของโรสมาด้วย อาหารเลยต้องทำเพิ่มไปอีก โชคดีมื้อนี้เป็นข้าวหน้าหมูทอด เลยไม่จำเป็นต้องทำกับข้าวอื่นๆ อีก ปูนใช้มือหยิบหมูชุบแป้ง ชุบไข่ไก่ ชุบเกร็ดขนมปังแล้วนำลงไปทอด



   “ลูกค้ามา” ปูนพูดขึ้นหลังจากได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าร้านเตือน

   “เดี๋ยวพี่ไปเอง” มือของปูนเปื้อนแบบนี้คงเสียเวลาล้าง โรสเลยออกไปรับลูกค้าเอง

   ปูนหันกลับมาทอดหมูตามเดิม มือที่เปื้อนทำให้ต้องรีบนำหมูลงกระทะเพื่อจะได้ทอดพร้อมกันทีเดียวก่อนจะต้องไปล้างมือ จังหวะหย่อนหมูชิ้นสุดท้ายลงไป น้ำมันร้อนๆ ก็กระเด็นขึ้นมาถูกแขนขาวเป็นวงกว้าง ร่างผอมสะบัดแขนไปมาด้วยความแสบร้อน
 
   “อย่าทำแบบนั้น” เสียงห้าม ดังมาพร้อมแรงดึงแขนขาวเพื่อไม่ให้เช็ดกับผ้ากันเปื้อน “ต้องล้างน้ำนะรู้ไหม ห้ามเช็ดกับผ้ากันเปื้อน มันสกปรก” คำสั่งกลายๆ ของคนที่ควรจะนั่งด้านนอก กรพัฒน์ดึงปูนไปที่อ่างล้างจาน มือใหญ่เปิดน้ำชะหยดน้ำมันที่เปื้อนเป็นดวงๆ ที่แขนขาวพร้อมลูบเบาๆ “จะพองไหมเนี่ย”

   “ไม่หรอกมั้งครับ” ปูนตอบ ดวงตากลมมองแขนตัวเองถูกมือใหญ่กว่าล้างแขนให้อย่างแปลกใจ ก็ดูตกใจมากกว่าคนโดนน้ำมันกระเด็นซะอีก

   “ทำไมไม่ระวังตัว เกิดน้ำมันกระเด็นใส่เยอะกว่านี้จะทำยังไง เป็นแผลมาไม่คุ้มนะ เพราะมันจะเป็นแผลเป็น” เสียงเข้มดุคนไม่ระวังตัว ตอนเดินมาได้ยินเสียงร้องลั่นก็ตกใจจนต้องรีบวิ่งเข้ามาหา พอเห็นคนตัวขาวสะบัดแขนไปมาก็เริ่มใจเสียกลัวจะเป็นอะไรมาก ยังดีที่โดนน้ำมันกระเด็นใส่แขนไม่เยอะ 

   “ขอบคุณครับ” ปูนเอ่ยขอบคุณคนเป็นห่วง กรพัฒน์ปลายตามองปูนนิดๆ ก่อนดึงทิชชู่มาซับแขนเปียก แขนขาวที่จับอยู่นี้ ผิวเนียนละเอียดยิ่งกว่าผู้หญิง ไม่สิ อาจจะเนียนมากกว่านางแบบในสังกัดเขาซะอีก “หมู!” กลิ่นแปลกๆ ลอยมาขัดการจ้องตาของทั้งคู่ ปูนรีบวิ่งไปหน้าเตา คนถูกขัดจังหวะส่งเสียงจิ๊จ๊ะเบาๆ ทั้งที่เมื่อกี้เขาสะกดดวงตากลมโตนั่นได้อยู่หมัดแล้วเชียว

   กรยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์ดูปูนทอดหมูอย่างตั้งใจ ใบหน้าขาวดูตราตรึงมากกว่าที่คิด จากที่เจอวันแรก ชายหนุ่มถึงกับเก็บไปเพ้อฝัน ขนาดหลับตา ใบหน้ากับกลิ่นหอมอ่อนๆ ยังตามวนเวียนรอบตัว อานุภาพความน่ารักนี้ช่างอันตรายต่อหัวใจเพลย์บอยอย่างเขาซะจริงๆ

   “ปูนเรียนจบแล้วหรือ จบอะไรมาล่ะ” เพราะห้องครัวดูเงียบจนเกินไป อีกทั้งก็อยากจะรู้ข้อมูลอีกฝ่ายบ้าง กรเลยออกปากถามก่อน คนทอดหมูหันมาสนใจนิดๆ แล้วก็หันกลับไปสนใจหมูในกระทะต่อ

   “ผมเพิ่งเรียนจบครับ” กรย่นคิ้วนิดๆ ไม่ใช่ไม่พอใจคำตอบ แต่บางอย่างมันขัดกับความต้องการ

   “แล้ว...”

   “แหม แค่ลูกค้ามาแป๊บเดียว ถึงกับหายเข้ามาอยู่ในนี้นะ” เหมือนกับว่ากรจะพูดอะไรต่อ แต่โรสดันเข้ามาขัดซะก่อน ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาและขอกลับไปรอด้านนอกตามเดิม ทั้งที่กำลังจะได้ข้อมูลมากกว่านี้อยู่แล้วเชียว

   โรสขำเพื่อนหนุ่มที่หัวเหวี่ยงออกไปด้านนอก ที่จริงอยากขัดตั้งแต่คำถามแรก แต่เห็นเพื่อนจ้องไม่วางตาขนาดนั้นเลยยอมให้ถามก่อน

   “ปูนจัดจานเลยนะครับ” เจ้าของร้านแสนสวยมองด้านหลังของเด็กหนุ่มร่างผอม เธอรักปูนเหมือนน้องชายแท้ๆ ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียว พอเจอคนน่ารักแบบนี้ก็อยากได้เป็นน้องชาย “พี่โรสออกไปรอด้านนอกก่อนก็ได้ เดี๋ยวปูนยกไปให้”

   “จ้า พ่อคนน่ารักของพี่” โรสดึงแก้มป่องส่งท้ายก่อนเดินออกมาจากห้องครัว ดวงตาสวยมองเพื่อนสนิทตั้งแต่มหาวิทยาลัยที่ยังนั่งรอมื้อเที่ยง “หวังว่าปูนคงไม่ถูกฉกไปหรอกนะ” หญิงสาวพึมพำเบาๆ

       โรสเดินออกมาด้านนอก แต่สายตาของกรพัฒน์กลับมองเลยเธอเข้าไปในครัว จนต้องส่งเสียงจิ๊จ๊ะเบาๆ

   “แล้ว...”

   “เดี๋ยวก็ออกมา” โรสว่าอย่างรู้ทัน “เด็กคนนี้ฉันขอได้ไหม”

   “อะไรของเธอโรส ฉันยังไม่ได้อะไรเลยนะ” กรพัฒน์ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มมุมปาก

   “ฉันคบกับนายมาตั้งกี่ปีทำไมจะไม่รู้ แค่มองแป๊บเดียวก็เห็นไปถึงไส้ติ่งแล้ว” หญิงสาวทำหน้าตาจริงจัง แต่คนตรงข้ามกลับเอาแต่ขำ “ฉันจริงจังนะกร กับปูนเนี่ย เป็นเด็กดีแล้วก็น่ารัก...”

   “ใช่ น่ารักดี”

   “ไอ้กร”

   “เอ๊า ก็พูดจริง”

   โรสกำลังจะอ้าปากต่อว่าเพื่อน แต่คนที่ตกอยู่ในประเด็นสนทนากลับเดินออกมาซะก่อน ปูนยิ้มพร้อมวางจานข้าวหน้าหมูทอดสองจานลงบนโต๊ะ

   “ขอบใจจ้ะ” โรสเอ่ย แต่อีกคนกลับย่นคิ้วไม่ยอมแตะต้องอาหารในจาน “เป็นอะไร”

   “ทำไมมีแค่สองจานล่ะ” กรพัฒน์เอ่ยถาม

   “ก็ของคุณกรกับพี่โรสไงครับ” คนยกจานออกมาถึงกับทำหน้างง

   “แล้วของปูนล่ะ” คราวนี้ดวงตาคมจับจ้องหน้าขาว

        ปูนย่นคิ้วนิดๆ หลังจากถูกถาม “ผมยังไม่หิวครับ” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะถามกลับ ประตูหน้าร้านก็เปิดออกพร้อมลูกค้าของร้าน ปูนเลยถือโอกาสผละไป เด็กหนุ่มถอนหายใจนิดๆ ไม่คิดว่าจะถูกคาดคั้นเรื่องไม่เป็นเรื่อง




   ตลอดเวลาในการพูดคุยหรือจัดช่อดอกไม้ หางตากลมจะต้องแอบเหล่มองเพื่อนของเจ้าของร้าน กรพัฒน์ยังไม่ยอมแตะต้องอาหารจานนั้น ทั้งที่โรสละเลียดทานไปเรื่อยๆ และเมื่อลูกค้าเดินออกจากร้านปุ๊บ คนที่นั่งจ้องก็ลุกไปหาทันที มือใหญ่เคาะเคาน์เตอร์เพื่อเรียกความสนใจ

   “ครับ?” ปูนมัวแต่ทำความสะอาด พอเงยหน้ามาก็เจอคนตีหน้ายุ่งยืนจ้องเขาอยู่

   “ไปกินข้าวก่อน” เสียงทุ้มบอก นั่นไม่น่าแปลกใจเท่ากับดวงตาที่จ้องดุอย่างกับปูนกำลังทำความผิด
 
   “ผมยังไม่หิวเลยครับ” ปูนตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ แต่ไม่ทำให้คนอีกฝั่งเข้าใจ

   “ไม่หิวก็ต้องกิน นี่จะเที่ยงอยู่แล้ว” กรพัฒน์ชี้นาฬิกาข้อมือตัวเองบอก “ไปกินข้าว”

   “แต่ผมยังไม่หิวจริงๆ นะครับ” เสียงใสยืนยันหนักแน่น แต่ดูท่าจะไม่เข้าหู เพราะข้อมือขาวถูกดึงให้เดินตาม ปูนย่นคิ้วมองแผ่นหลังคนที่ฉุดตัวเองออกมาจากเคาน์เตอร์ “คุณกร”

   “นั่ง” คำสั่งกลายๆ กับดวงตาดุ ปูนได้แต่เม้มริมฝีปากก่อนนั่งลง กรพัฒน์นั่งเก้าอี้ตัวเอง มือใหญ่เลื่อนจานข้าวหน้าหมูทอดตัวเองมาด้านหน้าของปูน “กินข้าว”

   “เดี๋ยวผมไปเอา...”

   “กินกับพี่นี่แหละ”

   ไม่รอให้จบประโยค กรพัฒน์รีบพูดแทรกขึ้นมา ปูนหันหน้าไปมองโรสหวังจะให้ช่วย แต่หญิงสาวกลับยิ้มบางๆ พยักหน้า ก่อนก้มหน้ากินข้าวของตัวเองต่อ ปูนเลยได้แต่ทำหน้ามุ่ย

   “คือผม...”

   “อย่าดื้อ” เสียงเรียบๆ แต่ดวงตากำลังข่มขู่ กรพัฒน์ตักข้าวพอดีคำยื่นมาจ่อปากแดงที่เจ้าตัวขบเม้มริมฝีปากแน่น “อ้ำๆ”
 
   ปูนช้อนตามองค้อนแวบหนึ่งเมื่อถูกทำเหมือนเด็กเล็ก

   แต่เมื่อไม่มีใครช่วยได้ ปากบางเลยต้องอ้ารับข้าวจากช้อน อันที่จริงปูนเป็นคนกินข้าวตรงเวลาทุกครั้ง แต่เพราะวันนี้โรสพาเพื่อนมา ปูนเลยเผื่อเวลาของตัวเองไว้ ไม่คิดว่าจะต้องมานั่งทานข้าว แถมยังเป็นจานของคนอื่นที่ไม่สนิทด้วยการถูกป้อนอีกต่างหาก

   ปูนกินข้าวสลับกับกรพัฒน์ทีละคำ มันดูแปลกจนแทบไม่อยากเคี้ยวข้าว แต่ไม่เคี้ยวก็จะถูกดุ คนอะไรไม่รู้ ดุทั้งคำพูดและสายตา คนถูกบังคับได้แต่ค่อนขอดในใจ

   “พี่ไปล้างจานแป๊บนะ” ปูนอมข้าวทั้งสองแก้มหันไปมองตาโต โรสลุกจากโต๊ะเข้าไปด้านหลัง ปูนได้แต่มองตามเพราะไปไหนไม่ได้เมื่อถูกบังคับให้กินข้าวให้หมดจาน

   “ทำไมอมข้าวเหมือนเด็กแบบนั้นล่ะ” เสียงอีกด้านทำให้ต้องหันกลับมา กรพัฒน์ยื่นมือเช็ดมุมปากแดงที่มีเม็ดข้าวติดอยู่ นั่นไม่น่าตกใจเท่าเจ้าของมือเอาข้าวเม็ดนั้นเข้าปาก

   “ผม...อิ่มแล้ว” ตกใจจนหาเสียงตัวเองแทบไม่เจอ หลายครั้งที่ถูกจีบจากเพศเดียวกัน แต่คนๆ นี้กลับจู่โจมไวซะจนตั้งตัวไม่ทัน

   “ว่าจะพูดตั้งแต่ในครัวแล้ว” กรพัฒน์วางช้อนลง ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนัก ยกแขนสองข้างกอดอก ดวงตาคมจ้องกดดันจนคนถูกมองต้องย่นคิ้ว “ทำไมปูนถึงทำตัวสองมาตรฐานแบบนี้ล่ะ”

   “ครับ?” คนถูกว่าถึงกับมึนงงกับสิ่งที่ได้ยิน “สองมาตรฐานคืออะไร?”

   “ก็ปูนแทนตัวเองกับโรสด้วยชื่อ แต่กับพี่แทนด้วยผม เนี่ย มันสองมาตรฐานเห็นๆ” ใบหน้าหล่อเข้มง้ำงอเหมือนเด็กน้อย ปูนกระพริบตาปริบๆ ไม่นานก็เผยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะเริ่มมีเสียงหัวเราะ “ปูน พี่ไม่ตลกนะ”

   “ก็มันขำ” พูดไปก็ขำไป คนตัวโตแถมดูดุ ไหงคิดเล็กคิดน้อย แถมทำหน้าเหมือนเด็กงอแง

   “ปูน” กรพัฒน์เรียกชื่อคนข้างๆ เสียงอ่อน “พี่จริงจังนะครับ”

   “แต่เราไม่ได้สนิท...”

   “ตอนนี้ไม่ อีกเดี๋ยวก็สนิท” คนอยากสนิทยิ้มพราย “พี่โรสของปูนต้องไปถ่ายแบบให้พี่ แล้วปูนก็ต้องไปช่วยด้วย”

   “งานถ่ายแบบเหรอครับ” เสียงใสถามย้อนกลับ

   “ใช่ครับ”

   “แล้วปูนต้องไปด้วยเหรอ” เด็กหนุ่มชี้เข้าหาตัวเองอย่างงงๆ ก็พี่โรสถ่ายแบบ มันเกี่ยวอะไรกับที่เขาต้องไปด้วย กรพัฒน์พยักหน้าช้าๆ “ไปทำไม” ว่าแล้วก็มองหาคนที่เข้าไปด้านหลังที่ยังไม่ยอมออกมาสักที

   “งานมันต้องใช้ดอกไม้ แล้วโรสขอให้ปูนไปด้วย นี่พี่ไม่ได้บอกโรสให้พาปูนไปช่วยนะ” น้ำเสียงสองเสียงช่างน่าเชื่อซะจริงๆ เด็กหนุ่มขำเบาๆ พยักหน้าพยายามเชื่อ

   “ถ้าพี่โรสว่าไง ปูนก็ว่าแบบนั้นแหละครับ”

   “ดีจริง แล้วปูน...”

   “เสียงคุยดังจนไปถึงหลังร้านเชียวนะ” เสียงแหลมแทรกมาก่อนกรพัฒน์จะพูดจบ ชายหนุ่มส่งเสียงจิ๊จ๊ะที่ถูกขัด

   “พี่โรสจะให้ปูนไปด้วยเหรอครับ” พอคนที่อยากถามออกมา เสียงใสก็เอ่ยถาม หญิงสาวพยักหน้าลงช้าๆ “เมื่อไหร่เหรอครับ”

   “วันศุกร์ต้องไปเตรียมของก่อนใช่ไหม” โรสไม่ตอบคำถาม แต่เปลี่ยนไปถามเจ้าของงานแทน พอได้คำยืนยันจากการพยักหน้า หญิงสาวก็ยักไหล่ “ตามนั้นแหละ”

   “เดี๋ยวจะบอกเวลาอีกที แต่คงเย็นๆ เพราะห้องนั้นต้องเคลียร์งานช่วงเช้า” กรพัฒน์ว่า “ปูนมีไลน์ไหม พี่จะได้บอกเวลากับรายละเอียดให้” มือใหญ่รีบหยิบโทรศัพท์เครื่องแพงออกมารอไว้ ปูนหันไปมองเจ้าของร้านคนสวย เมื่อพี่โรสของเขาพยักหน้า ปูนเลยรับมากดหาชื่อตัวเอง ก่อนส่งกลับคืน “เดี๋ยวพี่ส่งไปให้นะ”

   “ครับ”

   ผายใต้ใบหน้านิ่งเฉยแต่ภายในเหมือนอย่างลิงโลด กรพัฒน์พยายามข่มตัวเองให้ทำตัวเป็นปกติ มือตักข้าวหน้าหมูทอดมากิน ริมฝีปากพยายามจะห้ามรอยยิ้มตัวเองอยู่ตลอด ซึ่งท่าทางแบบนั้น ไม่พ้นสายตาของเพื่อนสนิทของโรส หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ อย่างรู้ทัน ก็ในเมื่อเธอเป็นนางแบบก็ต้องรู้ข้อมูลเหมือนกัน แต่เพื่อนสนิทกลับจงใจจะบอกเอง 



   นี่เธอกำลังพาลูกกวางไปให้พ่อเสือขย้ำหรือเปล่า แค่คิดไมเกรนก็พาลจะขึ้น

...TBC

พี่ปูนเวอร์ชั่นใสๆ ค่า ฮ่าๆๆ

ขอโทษที่มาช้าค่ะ ยอมรับผิดเลย พอดีต้องทำธุระเลยไม่สะดวกจริงๆ (โค้ง) ต้องขอโทษที่หายไปนานนะคะ

ตอนนี้ธุระเรียบร้อยแล้ว พร้อมแล้วค่า มาพร้อมการรุกหนักจากพ่อเสือร้าย  :hao7:

แล้วพบกันตอนหน้าค่าา  :pig4: :pig4:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2017 16:36:40 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ถ้าจะมาเล่นๆนะ  :z6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
น้องปูนคนสวยยยยยยยย
มีเพื่อนดีเป็นอย่างนี้นี่เอง
พี่กรต้องขอบคุณนางเยอะๆ
 :mew3:

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตัวพ่อมาแล้วจ้า ฮี่ๆๆ
มีคำผิดท้ายตอนค่ะ ผายใน-->ภายใน  :hao3:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :hao3: อยากอ่าจเร็ว ๆ ว่าน้องปูนจะต้านเสน่ห์พ่อเสือได้มั๊ย

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

- 2 -




       “ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะครับ” เสียงใสพร้อมรอยยิ้มหวานส่งลูกค้าประจำอยู่หน้าร้าน เมื่อรถยนต์หรูขับออกไป มือขาวถึงล้วงโทรศัพท์ตัวเองออกมาดู เสียงข้อความดังรัวๆ มาตั้งแต่ช่วงเช้า อันที่จริงก็ดังมาตลอดแต่ปูนก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะส่วนมากเป็นคำถามธรรมดาและซ้ำๆ

   ข้อความล่าสุดคือคำถามเรื่องของวันพรุ่งนี้ ที่ปูนต้องเข้าไปดูดอกไม้ที่จะใช้ในงานถ่ายแบบในช่วงเช้าวันถัดไป ใช่ว่าปูนจะดูไม่ออกว่ากรพัฒน์คิดอะไรอยู่ นี่คงคิดว่าเขาเป็นหมูในอวย แค่หยอดคำหวานไม่กี่คำก็ลุ่มหลง


   คนแบบนั้นมีแน่นอน แต่ไม่ใช่ปูนคนนี้


   ชีวิตของปูนผ่านมายี่สิบปีนิดๆ ใช่ว่าคนที่คิดแบบกรพัฒน์จะไม่ผ่านเข้ามา แต่ทุกครั้งที่คนพวกนั้นพยายามเข้ามาใกล้ชิดและรุกล้ำจนดูน่ากลัว จนปูนต้องรีบพูดตัดขาดทันที แม้จะยอมรับกับตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่ก็ไม่อยากจะคบกับผู้ชายคนไหน

   ไม่ปฏิเสธเลยที่ว่า กรพัฒน์คือผู้ชายที่ดีกว่าทุกคนที่ผ่านเข้ามา เขามีพร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าตา การงาน รวมถึงฐานะทางสังคม แต่ก็นั่นแหละ ความที่แตกต่างกันขนาดนั้น แค่คิดจะสนิทก็ไม่สมควรแล้ว

   “ปูนจ๋า เย็นนี้พี่ไปเช็คดอกไม้ด้วยไม่ได้แล้ว คุณนายแม่แกโทรมากะทันหันจะให้พาไปทำธุระ ปูนไปดูคนเดียวได้ไหม” โรสนั่งเท้าแขนสองข้างส่งสายตาอ้อนวอนเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ เพราะตอนแรกตกลงกันว่าจะไปด้วยกัน

   “ถ้าไปคนเดียว เขาจะให้ปูนเข้าไปเหรอครับ”

   “ทำไมถึงไม่ให้เข้าล่ะ มันก็เหมือนกับบริษัทอื่นๆ นั่นแหละ แลกบัตรก็เข้าได้ แต่เพื่อความชัวร์ พี่จะบอกกรให้ก่อน โอเคนะ” หญิงสาวยิ้มแป้น พร้อมยื่นมือไปบีบแก้มป่องคนน่ารักตรงหน้า “น่ารักที่สุด ขอบใจน้า”   
 
        ปูนมองตามหลังเจ้านายคนสวย เห็นโรสกดโทรศัพท์หาใครสักคนก่อนจะหายไปด้านหลังร้าน เด็กหนุ่มขบเม้มริมฝีปากแดงแน่น เมื่อรู้สึกลังเลนิดๆ ไม่ใช่ไปคนเดียวไม่ได้ แต่เพราะตึกนั้นต้องมีแต่นายแบบ นางแบบแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ กัน พอก้มมองดูสภาพตัวเองวันนี้ที่แต่งตัวปอนๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจ เข้าไปปุ๊บ คงกลายเป็นแกะดำแน่นอน วันนี้ปูนสวมเสื้อยืดลายลูกกวางสีน้ำตาลอ่อนกับกางเกงขาสามส่วนลายสก็อตอีก ไม่พร้อมเลยให้ตาย แต่รับปากไปแล้วนี่คงได้แต่ทำใจ







   ตลอดทั้งวัน มีลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนจนมือแทบไม่ได้หยุด ส่วนมากก็มักจะเป็นลูกค้าประจำที่น่าจะมาคุยกับพนักงานมากกว่าต้องการซื้อดอกไม้ ปูนต้อนรับลูกค้า ยิ้มจนเหงือกแห้ง น้ำลายแทบหมดเมื่อต้องตอบคำถามมากมายจากบรรดาลูกค้าทั้งชายและหญิง

   “พี่จองดอกกุหลาบช่อหนึ่งนะครับ พรุ่งนี้จะมารับเอง ปูนจัดให้สวยๆ เลยนะ” ลูกค้าคนสุดท้ายของวันสั่งพร้อมรอยยิ้มหวาน

   “ได้ครับ เดี๋ยวปูนจะจัดให้สวยๆ ไม่สวย ไม่ถูกใจเดี๋ยวแก้ให้จนถูกใจเลยครับ” เพราะเจอกันมานานเลยทำให้พูดคุยกันได้อย่างสนิทสนม

   “แค่ปูนเป็นคนจัด พี่ก็ถูกใจหมดนั่นแหละ”

   “นี่หยอดจนปูนจะไหม้คากระทะอยู่แล้วนะครับเนี่ย”

   “ก็จะหยอดจนกว่าปูนจะใจอ่อนนั่นแหละ”

   ปูนเลือกจะหัวเราะแทนคำตอบ ชายหนุ่มเจ้าของร้านทองในย่านคนจีนขยิบตาส่งท้ายก่อนออกจากร้าน คนถูกหยอดถึงกับถอนหายใจออกมาเสียงดัง บางทีการถูกจีบก็ไม่ได้น่าอิจฉาอย่างที่ใครหลายคนว่า กลับกัน มันน่าปวดหัวซะมากกว่าในการคิดหาวิธีเอาตัวรอด...



   “โหย นี่หกโมงครึ่งแล้วเหรอเนี่ย” ปูนเงยหน้ามองนาฬิกาติดผนังถึงรู้ว่าเย็นมากขนาดนี้ ร่างผอมรีบเก็บข้าวของปิดร้านเพื่อจะไปเช็คความเรียบร้อยของดอกไม้ที่จัดส่งไปสำหรับถ่ายแบบที่บริษัทของกรพัฒน์ นี่เลยเวลาที่โรสบอกแล้วด้วย ไม่รู้จะเข้าบริษัทได้อยู่หรือเปล่า

   ปูนรีบเดินออกมาเรียกแท็กซี่ที่หน้าหมู่บ้านตามที่โรสบอก เจ้าของร้านคนสวยให้เงินไว้สำหรับการเดินทาง คงห่วงเพราะทางมันไกล ขืนขี่มอเตอร์ไซค์ไปอาจจะเกิดอุบัติเหตุ...

   ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงตึกขนาดใหญ่ที่โรสว่า ปูนเดินไปที่หน้าป้อมยาม เจอลุงแก่ๆ นั่งสัปหงกอยู่ในป้อม

   “เอ่อ ขอโทษนะครับ” เสียงใสเอ่ยอย่างเกรงใจ “คุณลุงครับ”

   “ครับ? หือ อ่าว มาทำอะไรครับ” คนนั่งหลับสะดุ้งแล้วรีบขยี้ตาถาม

   “พอดีผมมาเช็คของที่จะใช้ถ่ายงานหนังสือพรุ่งนี้...”

   “อ๋อ คุณกรบอกลุงไว้แล้ว ลุงก็รออยู่นาน” ปูนยิ้มแหยๆ เมื่อลุงแกลากนอหนูซะยาว “ต้องแลกบัตรก่อนนะครับ”

   “อ่าครับ” ปูนรีบหยิบบัตรประชาชนให้เพื่อแลกกับบัตรเข้าตึก

   จากป้อมยามต้องเดินมาอีกหลายเมตรเพื่อจะถึงตึกใหญ่ ยิ่งเข้ามาใกล้ ยิ่งตื่นตาเมื่อตัวตึกเปิดไฟหลายสีสลับกันไปมาในยามค่ำคืนแบบนี้

   ปี๊นๆ เสียงบีบแตรดังมาจากทางด้านหลัง คนที่มัวแต่ตกตะลึงแสงไฟของตึกถึงกับสะดุ้งโหยง ปูนหรี่ตาเมื่อถูกแสงไฟหน้ารถสาดส่อง รถยนต์คันคุ้นตาเลื่อนมาจอดด้านข้างก่อนเลื่อนกระจกลงให้เห็นคนขับ

   “ทำไมเพิ่งมาถึงล่ะ ไหนโรสบอกปูนจะมาตอนเย็นไง” เสียงทุ้มถาม แต่ดวงตาคมกลับสำรวจคนที่ยืนยิ้มแหยๆ อยู่ด้านนอก วันนี้ปูนแต่งตัวเหมือนเด็ก ดูน่ารักไปอีกแบบ “ขึ้นมาสิ”

   “ไม่เป็นไรครับ เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว” ปูนรีบปฏิเสธ ก็จะให้ขึ้นรถทำไมในเมื่ออีกไม่กี่เมตรก็ถึงหน้าตึกอยู่แล้ว

   “งั้นก็ตามใจ” กรพัฒน์พยักหน้าก่อนขับรถผ่านหน้าไป ถึงจะขับเลยมา แต่ดวงตายังคงจับจ้องร่างผอมๆ ที่เดินตรงไปหน้าตึก...เป็นคนแรกที่อยากได้จริงๆ

   ชายหนุ่มเจ้าของบริษัทเอเจนซี่จอดรถในที่จอดประจำ ขายาวก้าวเดินฉับๆ อย่างเร่งรีบเพื่อให้ทันคนที่คาดว่าเข้าตึกไปแล้ว และก็จริง กรพัฒน์เห็นลูกกวางของเขายืนหันรีหันขวางอยู่ตรงกลาง มุมปากเริ่มยกยิ้มพร้อมก้าวขาเข้าไปหา หากไม่ติดว่ามีนางแบบคนสวยเดินโฉบเข้ามาทักทายซะก่อน พอหันไปมองอีกที ร่างเล็กนั่นก็หายไปซะแล้ว

   “ไว้คุยกันนะ” กรพัฒน์รีบตัดบทคำชวนดินเนอร์ด้วยการเดินหนี ชายหนุ่มเข้าไปถามประชาสัมพันธ์ถึงรู้ว่าปูนขึ้นไปที่ห้องสตูดิโอแล้ว

   ลิฟต์สำหรับผู้บริหารเลื่อนขึ้นไปชั้นบนอย่างเชื่องช้าในความรู้สึก ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ดวงตาคมก็เห็นหลังลูกกวางเดินเอื่อยๆ มองซ้ายมองขวาอย่างสนใจ นี่ขนาดมีพนักงานของตึกเดินไปมา แต่ปูนก็ยังดูโดดเด่นออกมาอย่างน่าประหลาดใจ


   นี่แหละ คนที่กรพัฒน์ชอบ ทุกอย่างต้องดูโดดเด่นด้วยตัวเองไม่ใช่เพราะปรุงแต่ง


   “ปูน...” เสียงทุ้มร้องเรียกพร้อมกับอีกเสียงที่ดังออกมาจากประตูสตูดิโอข้างๆ และดูเหมือนลูกกวางจะสนใจเสียงนั้นมากกว่าเขาซะอีก ว่าแล้วขายาวก็รีบก้าวไปหาด้วยความอยากรู้

   “คุณกร สวัสดีค่ะ” กรพัฒน์ยกยิ้มบางๆ ให้คนที่เลิกสนใจเขาเพื่อไปสนใจลูกกวางแทน “ปูน แกมาได้ไงเนี่ย ไม่เจอกันนาน ผอมลงหรือเปล่า แต่น่ารักขึ้น โหย คิดถึง”

   “ใครกันที่หายไปนานน่ะ ไม่ใช่เราสักหน่อย” ปูนยู่ปากงอนเพื่อนสนิทที่งานยุ่งตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ รู้อยู่ว่าเพื่อนเป็นนางแบบแต่ไม่รู้ว่าอยู่ในสังกัดของกรพัฒน์ “แล้วมิ้งค์ถ่ายแบบเสร็จแล้วเหรอ” เสื้อผ้าหน้าผมของเพื่อนดูโดดเด่นและทันสมัยสุดๆ

   “เสร็จแล้ว ว่าแต่ปูนมาทำอะไรที่นี่เหรอ”

   “พอดีเจ้าของร้านที่เราทำงานจะมาถ่ายแบบ เราเลยต้องมาเช็คของก่อน”

   “งั้นเดี๋ยวเรารอ เช็คของเสร็จพวกเราไปหาอะไรกินกันต่อ...”

   “แต่ผมว่าอาจจะนานนะ พรุ่งนี้คุณมีงานต่อไม่ใช่หรือ”

   เสียงที่แทรกขึ้นมาทำให้หนุ่มสาวหันมามอง เกือบลืมไปแล้วว่าเจ้าของบริษัทยืนอยู่ด้วย มิ้งค์ นางแบบในสังกัดรีบหันไปมองเพื่อนอีกรอบแล้วสลับกับหน้าของกรพัฒน์

   “อีกนานเหรอปูน” เธอเลือกจะถามเพื่อนสนิท ซึ่งปูนก็ส่ายหน้าด้วยความไม่รู้เวลา ก็ตอนนี้ยังไม่เห็นของเลย คงไม่รู้ว่าอะไรขาดเหลือบ้าง

   “ผมว่า คุณกลับไปก่อนเถอะ ส่วนเพื่อนของคุณผมจะดูแลให้” แม้เป็นคำพูดเพื่อให้คลายความห่วง แต่นางแบบสาวกลับรู้สึกเหมือนมีดาวที่หางตา ยิ่งเห็นดวงตาคมจ้องหน้าเธอแบบกดดันแบบนั้น ทำให้เหลือเพียงแค่คำตอบเดียวที่จะมอบให้เพื่อนสนิทตัวผอม

   “งั้น เอาไว้เราค่อยนัดเจอกันก็ได้...มิ้งค์ฝากเพื่อนด้วยนะคะคุณกร”

   “ครับ”

   บอกลากันเสร็จสรรพ ปูนก็ถูกมือใหญ่ดันหลังให้เดิน แต่หากมองจากด้านหลัง ท่าทางแบบนั้นคือการโอบเอวชัดๆ กับปูนที่สนิทกันมานานและรู้อยู่แล้วถึงความชอบก็ไม่ค่อยแปลกใจอะไร แต่สำหรับกรพัฒน์ ชายหนุ่มที่ถูกสาวๆ รุมล้อมนั้นช่างน่าตกใจ
 

   หนุ่มในฝันของใครหลายคนถูกเพื่อนเธอจับจองหัวใจไปซะแล้ว




   
   “รู้จักกันนานแล้วหรือ” คำถามที่มาพร้อมน้ำเสียงนิ่ง ปูนหันไปมองหน้าคนข้างๆ เพื่อดูสีหน้าว่ามาอารมณ์ประมาณไหน “ปูน พี่ถามอยู่”

   “สนิทตั้งแต่มัธยม” ตอบพร้อมกับมองสบตาคม

   “สนิทกันมากถึงกับต้องหอมแก้มกันเชียวหรือ”

   “ครับ?” มือที่แตะเอวเปลี่ยนเป็นจับพร้อมดึงร่างผอมเข้ามาชิด ปูนเบิกตาโตตกใจร้องเสียงหลง “อะไรครับเนี่ย”

   “พี่ขอโทษ” คนหึงออกนอกหน้ารีบเอ่ยอย่างรู้สึกผิด กรพัฒน์ปล่อยมือจากเอวบางก่อนลูบหน้าลูบตาตัวเองเพื่อรวบรวมสติ นี่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นคนขี้หึง ปกติไม่เคยหวงของอะไรเลย “ไปดูของเถอะ ห้องนั้น”

   ปูนไม่ตอบรับใดๆ ขาเรียวก้าวเดินเข้าไปยังห้องที่ว่าทันที จะว่าเป็นคนหวงตัวก็ใช่ ทุกครั้งที่มีคนเข้าหาและรุกล้ำมากทีไร ปูนก็มักจะรีบถอยตัวเองออกมา ไม่ใช่เล่นตัว แต่ไม่ชอบ

   ร่างผอมเข้าห้องไปแล้ว คนลืมตัวตบกำแพงสีดำอยู่หลายรอบ กรพัฒน์รู้สึกได้ว่าปูนไม่ชอบใจที่เขาทำ และคงจะถอยห่างไปแน่ พอยิ่งคิดก็ยิ่งอยากตบหัวตัวเองแรงๆ


   มึงทำบ้าอะไรวะ






   ด้านปูนขบเม้มริมฝีปากอยู่ตลอดเวลาในการเช็คดอกไม้สดที่ต้องใช้ เมื่อกี้รู้สึกตกใจจริงๆ ไม่ใช่แค่การกระทำ ยังมีน้ำเสียง สีหน้าที่กรพัฒน์แสดงออกมา มันดูน่ากลัว และไม่น่าเข้าใกล้

   “ดอกไม้สดมากเลยนะคะ” เสียงชวนคุยจากพนักงานของที่นี่เรียกสติให้ปูนกลับมา “หอมด้วย”

   “ดอกไม้ส่งมาจากไร่ เลยดูสดน่ะครับ” คนตัวผอมฉีกยิ้มอย่างทุกที

   “มิน่า ถึงสวยขนาดนี้” พนักงานสาวมองเหม่อโดยไม่รู้ตัวว่าเผลอยิ้มตามคนตรงหน้า นี่ผู้ชายจริงๆ น่ะเหรอ “เอ่อ ขอถามแบบเสียมารยาทได้ไหมคะ”

   “ครับ?”

   “คุณเป็นผู้ชายจริงๆ หรือคะ”

   “เอ่อ...” แม้จะชินกับคำถามแบบนี้ แต่ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ ว่าเขาไม่เหมือนผู้ชายตรงไหน “ผู้ชายจริงๆ ครับ” ปูนตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างไม่ถือโกรธอะไร พนักงานสาวแทบปรี่เข้ามาใกล้ หน้ายาวยื่นแทบจะติดกับหน้าของปูนด้วยความอยากรู้ “เอ่อ...”

   “หน้าใสมาก ไม่มีรูขุมขน ขนตาก็งอน ตาก็สวย แล้วก็...” ยังพูดไม่ทันจบดี คนถูกประชิดก็ถูกมือใหญ่ดึงให้ออกห่าง เจ้าของมือยืนหน้าหงิกจ้องพนักงานของตัวเอง “เอ่อ คุณกร สวัสดีค่ะ”

   “ไม่รีบทำงานล่ะ เดี๋ยวเสร็จดึกนะ” ไม่ใช่คำสั่ง แต่น้ำเสียงนิ่งจนต้องรีบทำตาม พนักงานสาวโค้งศีรษะให้นิดๆ แล้วรีบเดินหนีไปทำงานทันที

   “ปล่อยก่อนก็ได้ครับ” แรงบิดเล็กๆ ทำให้กรพัฒน์หันมามอง มือใหญ่รีบปล่อยเพราะกลัวคนตัวผอมจะทำท่ากลัวอีก

   “ของครบไหม” กรพัฒน์กระแอมเล็กๆ ก่อนถามออกมา ต่อไปนี้คงต้องรักษาระยะห่าง ขืนใกล้หรือรุกคืบมากไป ลูกกวางอาจจะตื่นจนหนีหายไป แบบนั้นคงรู้สึกแย่น่าดู

   “ยังครับ แต่อีกเดี๋ยวคงครบ” เสียงใสตอบ แต่ดวงตากลับจ้องมองแต่ดอกไม้

   “เหรอ” กรพัฒน์มองคนที่เอาแต่สนใจดอกไม้ รู้หรอกว่าพยายามหลบ “แล้วนี่กินข้าวเย็นมาหรือยัง”

   “ผมหรือครับ” ปูนเผลอเงยหน้าขึ้นมอง พอสบตาคมปุ๊บก็รีบก้มหน้าตามเดิม

   “ก็ยืนอยู่สองคน จะให้พี่ถามใครล่ะ” คำตอบยอกย้อนจนคนฟังต้องขมวดคิ้ว “ตกลงว่าไง กินข้าวเย็นมาหรือยัง”

   “ยังครับ ไว้ค่อยไปกินแถวหอ” ท่าทางห่างเหินยังไม่พอ น้ำเสียงก็พาลแข็งกระด้างไปด้วย แต่คำตอบที่ได้ก็พอเป็นที่ต้องการ

   “งั้นเดี๋ยวเช็คของเสร็จแล้วพี่จะพาไปกิน...”

   “คุณกรไม่มีงานทำแล้วหรือครับ” ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกสวนกลับมา เล่นเอาเจ้าของบริษัทเอเจนซี่หน้าชาเพราะเพิ่งเคยถูกยอกย้อนแบบนี้ และดูเหมือนคนพูดจะเริ่มรู้ตัวว่าพูดแรง เจ้าตัวรีบโค้งศีรษะขอโทษด้วยใบหน้ารู้สึกผิด “ขอโทษครับ ผมพูดแรงเกินไป”

   “ไม่เป็นไร พี่คงยุ่งเกินไปจริงๆ นั่นแหละ ตามสบายนะ” ใช่ว่าผู้ชายอย่างกรพัฒน์จะน้อยใจไม่เป็น คนตัวใหญ่กลับหลังหันเดินคอตกออกประตูไป แค่คิดจะเริ่มกับใครก็เหลวไม่เป็นท่าขนาดนี้

   กรพัฒน์เดินทอดน่องกลับไปยังห้องทำงาน ความเหม่อลอยทำให้เกือบชนกับนางแบบคนสวยที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จ ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ให้แล้วจะเดินหนี แต่นางแบบสาวกลับรั้งไว้

   “ครับ?”

   “คุณกรรู้จักกับปูนมานานแล้วหรือคะ”

   กรพัฒน์เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าเธอต้องการจะถามอะไรกันแน่

   “ทำไมหรือ มีอะไรหรือเปล่า”

   “มิ้งค์ไม่ได้อะไรนะคะ แค่เห็นว่า คุณกรดูสนิทกับปูนก็แค่นั้น” นางแบบสาวยิ้มแย้มดวงตาคู่สวยเป็นประกายยามพูดถึงลูกกวางของเขา

   “ก็ไม่ได้สนิทมากหรอก เพื่อนของคุณคงไม่ค่อยอยากสนิทกับผมเท่าไหร่” เสียงทุ้มว่าอย่างเซ็งๆ ยามนึกถึงใบหน้าเมินเฉยที่เจอเมื่อกี้

   “คือว่า...” นางแบบสาวมองซ้าย มองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครผ่านมา เธอเลยยื่นหน้าไปกระซิบกระซาบเบาๆ “อย่าถือสาปูนเลยนะคะ พอดีปูนเขาเคยมีเรื่องฝังใจมาก่อน”

   “เรื่องฝังใจ?” สิ่งที่ได้ยินทำเอาหูผึ่ง “คุณไม่มีธุระอะไรต่อใช่ไหม ผมขอคุยด้วยหน่อย”
   





   ห้องสตูดิโอที่จะใช้ในการถ่ายหนังสือวันพรุ่งนี้มีถังดอกไม้วางอยู่เต็มไปหมด ปูนเช็คดอกไม้จนครบตามจำนวนและใช้เวลาอยู่นานในการคัดแยกเพื่อตอนจัดฉากจะได้ง่ายและสะดวก

   “โอ๊ะ” มือขาวรีบชักกลับเมื่อนิ้วถูกหนามแหลมของกุหลาบตำ และก็พอดีที่คนที่หายไปนานสองนานจะเข้ามาเห็น

   “เป็นอะไร” กรพัฒน์รีบถาม แม้ในใจอยากจะดึงมือขาวนั่นมาดูซะให้รู้แล้วรู้รอด

   “หนามตำครับ” บอกไปตรงๆ ปูนมองปลายนิ้วที่มีเลือดเกาะอยู่ ตอนนี้มีผ้าเช็ดหน้าสีน้ำตาลซับไว้ เจ้าของผ้าทำหน้าจริงจังหลังจากยื่นให้เจ้าตัวเช็ดเอง “ขอบคุณครับ”

   “ต่อไปต้องระวังด้วยล่ะ” เสียงทุ้มบอกก่อนขยับถอยหลังไปสองก้าว ทำเอาปูนมองด้วยความสงสัย ก็ในเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังมีท่าทีรุกคืบเขาอย่างจริงจัง “เสร็จหรือยัง เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

   “อ่า ครับ แต่เดี๋ยวผมกลับเอง”

   “แทนตัวเองว่าผมมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ พี่บอกว่ายังไง”

   “...เดี๋ยวปูนกลับเองก็ได้ครับ”

   “พี่ไปส่งนี่แหละ เดี๋ยวโรสก็โวยวายที่พี่ปล่อยให้พนักงานเขากลับเอง”

   แม้จะอ้ำอึ้ง แต่สุดท้ายปูนก็เดินตามกรพัฒน์ไปที่รถ อย่างน้อยก็ประหยัดค่ารถไปได้ไม่น้อย

   บนรถที่แสนเงียบสงบ ปูนนั่งขยับตัวไปมาด้วยความอึดอัดจากความเงียบ คนที่เคยพูดมากตอนนี้กลับขับรถไปโดยไม่ยอมปริปากพูดสักคำ จนสุดท้าย ปูนเลยพูดออกมา

   “คือ จอดส่งปูนที่ป้ายรถเมล์ก็ได้นะครับ เดี๋ยวปูนนั่งรถต่อกลับเอง”

   “ทำไม ไม่อยากให้พี่ไปส่งเหรอ” น้ำเสียงที่ถามกลับติดงอนเล็กๆ จนปูนต้องส่ายหน้าตอบ “แล้วทำไม” คราวนี้กรพัฒน์เลี้ยวเข้าจอดเทียบข้างทาง หน้าคมหันมาจ้องคนข้างๆ ก่อนถามคำถามออกไปตรงๆ “ปูนกลัวพี่เหรอ”

   “กลัว? ปูนกลัวพี่เหรอ?” ถามกลับไปตาใสแป๋ว หากในใจของปูนกลับเริ่มสั่นนิดๆ

   “ปูน ฟังพี่นะ” กรพัฒน์จดจ้องร่างผอมที่ดูไม่กลัวเหมือนพูด แต่มือสองข้างกลับกำกางเกงขาสั้นตัวเองแน่น “ปูน พี่ไม่เคยคิดจะทำร้ายปูนเลยนะ ไม่ต้องกลัวพี่”

   “ปูนก็ไม่ได้กลัวนี่ครับ” ปากว่าแต่ท่าทางไม่ใช่

   “พี่ไม่ขอให้ปูนไว้ใจ แต่ปูนไม่ต้องกลัวพี่ เพราะพี่ไม่เคยคิดจะทำร้ายปูนเลยจริงๆ”

   “ก็ปูนบอกว่าไม่ได้กลัวไง!” เสียงใสแหวขึ้นมาจนกรพัฒน์สะดุ้ง “ปูนบอกแล้วว่าไม่ได้กลัวไง จะย้ำอะไรนักหนา!” คล้ายกับลูกโป่งที่ถูกเข็มจิ้มซ้ำๆ จนมันระเบิด ร่างผอมสั่นระริก สองมือกำแน่นบนตัก “บอกว่าไม่ได้...กลัว”

   “ปูน” เสียงทุ้มอ่อนลง ยิ่งเห็นน้ำใสๆ ไหลอาบแก้มเนียนก็ยิ่งใจอ่อนยวบ “ไม่เอา ไม่ร้องครับ” ใจอ่อนจนต้องดึงร่างที่สั่นเข้ามากอดแน่น ปูนร้องลั่นพร้อมดิ้นขัดขืนตอนแรก แต่แรงรัดก็มัดแน่นจนดิ้นไม่หลุด จนคนในอ้อมกอดหยุดดิ้นด้วยความเหนื่อย มือใหญ่ก็ยกลูบศีรษะเบาๆ เพื่อปลอบคนร้องไห้

   “ไม่ได้ ฮึก กลัว”

   “ครับๆ ไม่กลัว พี่รู้แล้วนะ ไม่ร้องนะคนดี”

   ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะทุยอย่างแผ่วเบา กรพัฒน์ขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อคิดว่าแผลในใจของปูนคงจะใหญ่มากเหมือนที่ได้ยินมา


   นานกว่าร่างที่กอดจะหยุดสะอื้น กรพัฒน์ค่อยๆ ดันปูนออกจากอก ใบหน้าขาวแดงกล่ำ ดวงตากลมโตยังมีน้ำใสๆ คลออยู่ตลอด พอกระพริบตาหยดน้ำก็ร่วงอาบแก้ม


   ...อยากฟัดฉิบหาย


   “ร้องไห้ขี้มูกโป่ง จมูกแดงไปหมดดูสิ” คนเอ่ยฉีกยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู และไม่ลืมเช็ดน้ำตาให้

   “มิ้งค์บอกอะไรพี่กรใช่ไหมครับ” เสียงอู้อี้ถาม ยิ่งได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบ ปากแดงก็ถูกขบเม้ม

   “อย่าว่าเพื่อนเราเลย พี่ขอร้องให้บอกเอง พี่แค่อยากรู้เรื่องของปูนให้มากกว่านี้เท่านั้น” คำอธิบายง่ายๆ แต่ได้สายตาค้อนมองกลับ “พี่แค่อยากรู้ ว่าจะทำตัวยังไง ถึงจะได้โอกาสจากปูน”

   “ปูนไม่มีโอกาสให้ใคร”

   “ก็ให้พี่ไง ให้พี่ได้รู้จักปูน รู้จักตัวตนของปูน แล้วปูนก็จะได้รู้จักพี่และตัวตนของพี่”

   “ปูนไม่อยากรู้จัก”

   ช่างเป็นคำปฏิเสธที่ตัดขาดไม่เหลือเยื้อใยซะเหลือเกิน กรพัฒน์มองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความแปลกใจ จากตอนแรกที่เจอคิดว่าจะเป็นคนหัวอ่อน ที่ไหนได้ ดื้อรั้นแถมหัวแข็งชะมัด

   “แต่พี่อยากรู้จักปูนนะ”

   “ก็ปูนไม่อยากรู้จักไง ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ”

   “เดี๋ยวๆ นั่นจะไปไหน” อยู่ๆ เด็กหนุ่มก็เปิดประตูจะลงรถ ดีที่กรพัฒน์คว้าแขนไว้ได้ทัน

   “จะกลับเอง” น้ำเสียงกระด้างดูต่างจากเดิมจนเหมือนคนละคน

   “โอเค ไม่อยากรู้จักก็ได้” สุดท้ายก็ต้องยกมือยอมแพ้ “แต่เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
 
   สรุปแล้ว กรพัฒน์ก็ขับรถไปส่งปูนที่หอพัก เด็กหนุ่มยกมือไหว้แบบแข็งๆ และไม่เหลียวมองอีกหลังจากลงรถ นี่ฝาแฝดของลูกกวางตัวน้อยของเขาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมเหมือนคนละคนขนาดนี้ เล่นเอาเพลย์บอยอย่างกรพัฒน์ไปไม่เป็นทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว แถมข้าวมื้อเย็นที่วางแผนไว้ซะดิบดีพังพินาศไปหมด

   ว่าแต่...นี่ใช่ลูกกวางหรือลูกแมวดุกันแน่ แยกเขี้ยวใส่ไม่พอ ยังพร้อมจะงับอยู่ตลอดเวลา แต่พอเจอแบบนี้แล้ว ก็เหมือนกับเจอท้าทาย อย่างที่เขาว่ากัน อะไรที่ได้มาง่ายๆ ไม่นานอาจจะเบื่อ แบบนี้แหละดีที่สุด ยากๆ ยิ่งดี ยิ่งเขาเป็นพวกที่ชอบความท้าทายอยู่แล้วด้วย


   ไม่อยากรู้จักเหรอ...ได้สิ  เดี๋ยวพี่จะทำให้รู้จักมากขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า


        รออีกหน่อยนะ ลูกกวางของพี่



...TBC


หายไปนาน ยอมรับผิดมากค่าาาา ภารกิจเร่งรีบจบแล้ว จะพยายามมาบ่อยๆ กว่านี้ค่าาา
ขออภัยเป็นอย่างสูงเด้อค่าเด้อ (ตบหัวตัวเอง)


ปล. ปูนช่วงแรกๆ อาจดูอ้อยๆ ไปหน่อย กว่าจะร้อนแรงแบบที่อยู่ในพาร์ทเกนป่านคงต้องรอหน่อยค่า กว่าป๋าจะได้ปูนมามันก็ลำบากมากทีเดียว และดราม่ามีแค่ช่วงแรกค่า ช่วงหลังมันจะได้หวานต่อเนื่อง

ขอพระคุณมากค่าาา อย่าเพิ่งลืมกันเด้อจ้า   :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น่ารักจังเลยค่ะ  ชอบๆ :mew1:
รออ่านต่อนะคะ ขอบคุณค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-3-




         เช้าวันใหม่ ปูนออกจากห้องตั้งแต่ฟ้าสางเพื่อมาหาโรสที่ร้าน เจ้าของร้านคนสวยวันนี้ยังสวมเสื้อยืดกางเกงวอร์ม ดูไม่พร้อมที่จะถ่ายแบบเลยสักนิด

   “ง่วงจริงๆ” โรสอ้าปากหาววอดๆ พลางเอนตัวพิงเบาะรถรอปูนเก็บของใช้ใส่ท้ายรถ “ขอบใจจ้าคนสวยของพี่”

   “นี่พี่โรสขับรถไหวแน่นะครับ” ปูนถามอย่างกังวล เพราะดวงตาคนขับยังคงปิดอยู่ตลอดเวลา มีเพียงมุมปากเท่านั้นที่ติดรอยยิ้มบางๆ ส่งมาให้ “พี่โรสครับ”

   “ไหวสิ ไม่งั้นพี่จะขับมาจากบ้านได้ยังไง จริงไหมจ๊ะ”

   “ครับๆ ปูนเชื่อแล้ว”

   ปูนขำน้อยๆ ให้กับท่าทางของเจ้าของร้านคนสวย อันที่จริงก็อยากขับให้ แต่ติดที่ว่า ตัวเองขับรถไม่เป็น



   การจราจรในช่วงเช้าไม่ติดขัดมากนักทำให้ถึงปลายทางได้ไว ตึกหลังใหญ่ที่คาดว่าคนจะน้อยเพราะยังเช้า แต่กลับมีคนเดินพลุกพล่านอย่างกับไม่มีวันหยุดงาน ปูนเดินหอบข้าวของตามหลังโรสที่ดูจะรู้จักทางไปซะหมด สาวเจ้าเดินลัดเลาะมาจนถึงห้องแต่งตัว พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอบรรดาช่างแต่งหน้าทำผมที่อยู่รอกันก่อนหน้าแล้ว

        ความวุ่นวายน้อยๆ เริ่มขึ้น ปูนมองโรสที่กำลังถูกรุมแปลงโฉมด้วยความตื่นเต้น ปกติโรสก็สวยอยู่แล้ว หากแต่งหน้าทำผมเสร็จ คงจะสวยเพิ่มขึ้นไปอีกหลายสิบเท่า

   “คุณน้องเป็นผู้ช่วยของนางแบบหรือคะ” แรงสะกิดที่หัวไหล่ทำให้ปูนละสายตาจากภาพตรงหน้ามาสนใจ คนสะกิดที่เป็นสาวประเภทสองแต่งหน้าจัดยืนส่งยิ้มหวานให้อยู่

   “อ่า ครับ” ได้แต่กระพริบตาปริบๆ เมื่อถูกมือใหญ่เชยคางจับให้หันซ้ายทีขวาที “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

   “ขอโทษจ้ะ พอดีใบหน้าของคุณน้องเนี่ย ดูสวยดีพี่ชอบ” สาวประเภทสองหรี่ตามองครู่หนึ่งก่อนฉีกยิ้มกว้างให้อีกรอบ พร้อมกับมืออีกข้างยื่นบัตรแข็งเล็กๆ มาตรงหน้า “นี่นามบัตรพี่นะ ถ้าน้องสนใจอยากถ่ายแบบละก็ ติดต่อพี่มาได้เลยนะ พี่น่ะ เป็นคนดูแลนางแบบ นายแบบของที่นี่ทั้งหมด”

   “คือ...ผมคงไม่เหมาะมั้งครับ” ปูนยิ้มแหยๆ มองนามบัตรในมือคนตรงหน้า ไม่ยอมยื่นมือออกไปรับจนเจ้าของนามบัตรต้องจับยัดใส่มือซะเอง

   “สายตาของพี่ไม่เคยมองอะไรพลาดอยู่แล้ว” ความมั่นใจที่แสดงออกมาทางสายตาและน้ำเสียงทำให้ปูนได้แต่ยิ้มแห้ง เมื่อกี้รู้สึกได้ว่าถูกสายตาคู่นั้นแสกนไปทั้งร่างจนขนแขนลุกไปหมด “เอางี้ ตามพี่มาก่อน”

   “ครับ?”

   ยังไม่ทันที่จะปฏิเสธหรือตอบรับ ข้อมือขาวก็ถูกฉุดดึงให้เดินตาม ปูนรีบหันไปมองโรสเผื่อจะร้องขอให้ช่วย แต่เจ้านายคนสวยกำลังถูกช่างแต่งหน้าทำผมรุมล้อมจนมองแทบไม่เห็น

   ทางเดินปูด้วยหินอ่อนสวย ปูนถูกพามาในห้องๆ หนึ่งที่เปิดประตูเข้ามาแล้วถึงเห็นว่าเป็นสตูดิโอที่ใช้ถ่ายหนังสือของโรสวันนี้ ที่ตอนนี้ทุกคนกำลังเซ็ตพุ่มดอกไม้จากร้านอยู่เต็มฉาก สีสันของดอกไม้แต่ละชนิดตัดกันดูสวยงามจนคนเลือกชนิดถึงกับยิ้มออกมา

   “อิน แกเช็คกล้องเสร็จแล้วใช่ไหม” คนพามาเอ่ยถามผู้ชายที่นั่งอยู่หลังกล้องถ่ายรูป ซึ่งคำตอบที่ได้คือการพยักหน้า “งั้นก็ดี ช่วยถ่ายน้องคนนี้ให้หน่อย พี่จะเก็บรูปเข้าแฟ้ม” พอได้ยิน ผู้ชายนั่งหลังกล้องก็เหลือบตามามอง ปูนยืนหันรีหันขวางเพราะทำตัวไม่ถูก

   “เอ่อ คือ...” ปูนพยายามจะปฏิเสธแต่ก็ไม่มีใครฟัง

        ปูนถูกดึงให้มายืนด้านหน้าฉากที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้ แสงไฟจากสปอร์ตไลท์สาดเข้ามาหลายดวงยิ่งเพิ่มความโดดเด่น คนทำตัวไม่ถูกขยับไปมาไม่อยู่นิ่ง แต่คนที่อยู่หลังกล้องกลับพากันนั่งนิ่ง โดยเฉพาะคนที่พามา

   “ขึ้นกล้องดีจริง ตาถึงอีกแล้วนะพี่ เอ่อ น้องครับ หันมาอีกนิด ใช่ครับ สวยครับ” พอปูนขยับตามคำพูด ช่างภาพหนุ่มก็รีบกดชัตเตอร์รัวๆ จนได้ภาพที่ถูกใจมาเซ็ทใหญ่ ยิ่งบางรูปตากล้องจงใจถ่ายเน้นโครงหน้าแต่ดวงตากลมโต นัยน์ตาเหมือนกวางดูน่าหลงใหลนั่นดึงดูดให้ถ่ายมากกว่า

   “พูดได้เลยว่าสวยกว่านางแบบเราบางคนซะอีก” ตากล้องหนุ่มชมออกมาทั้งที่มือยังไม่หยุดเก็บภาพ

   “ใช่ไหมล่ะ” แอมมี่เหยียดยิ้ม เพราะไม่เคยมีครั้งไหนที่เขามองใครแล้วจะพลาด ไม่อย่างนั้น นางแบบนายแบบของที่นี่ คงไม่ต้องตาถูกใจของทุกคนจนงานแทบล้นมือเช่นนี้ “เก็บภาพไว้เยอะๆ นะอิน”

   “ไม่ต้องสั่งก็จัดเต็มไปแล้วครับ”

   “ทำดี”

   ปูนยืนนิ่งอยู่นานไม่ได้ทำท่าทางอะไร แต่ทุกคนก็ดูจะพอใจ เมื่อใกล้ถึงเวลาที่นางแบบจะออกมา แอมมี่ก็พาปูนออกมายืนด้านข้างพร้อมกับพูดกล่อมให้ปูนรับงานที่เธอวางแผนในหัว ถ้าหากปกหนังสือฉบับหน้าเป็นปูนละก็ คงจะขายดีไม่น้อย

   “ทำอะไรกัน” เสียงทุ้มดังขึ้น คนพูดเดินล้วงกระเป๋ากางเกงสแลคเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ใจจริงอยากมาตั้งแต่เช้าแต่ติดเอกสารกองพะเนินที่ต้องจัดการซะก่อน “พร้อมหมดแล้วหรือ จะเริ่มถ่ายเมื่อไหร่” น้ำเสียงติดห้วนเอ่ยถาม  กรพัฒน์ไม่ได้สนใจลูกน้องที่นั่งอยู่ เพราะดวงตาคมมองเห็นแค่แขนของปูนถูกจับไว้


   ทำไมทีกับเขาถึงหวงตัวไม่ชอบให้จับนัก ทีแบบนี้ละก็...


        “เรียบร้อยแล้วค่ะ รอแค่นางแบบมาแค่นั้น” แอมมี่ยิ้มหวานให้เจ้านายสุดหล่อ คราแรกรู้สึกแปลกใจนิดๆ ที่เห็นกรพัฒน์มา แต่พอนึกดีๆ คงจะมาดูนางแบบคนพิเศษที่เจาะจงมาโดยเฉพาะ “คุณกรคะ แอมมี่มีอะไรให้ดูนิดหนึ่งค่ะ” แอมมี่เดินนำกรพัฒน์ไปที่โต๊ะโดยมีปูนเดินตามหลังมาด้วยความสงสัย บนโต๊ะที่มีแลบท็อปโยงสายไฟมากมาย หน้าจอมีรูปของปูนในท่าทางธรรมดาแต่ดึงดูดอย่างน่าแปลกใจ ขนาดเจ้าตัวยังต้องเลิกคิ้วมอง “คุณกรว่า ถ้าน้องคนนี้มาขึ้นปกหนังสือเล่มหน้าในคอนเซ็ป...”

   “เล่มหน้าเป็นนางแบบคนใหม่ไม่ใช่หรือ” แทบจะขัดขึ้นทันทีจนคนเสนอหน้าเสีย “เอาตามแผนเดิมนั่นแหละ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะวุ่นวาย” พูดจบ กรพัฒน์ก็เดินแยกไปดูฉากต่อ ทิ้งให้ผู้จัดการคนเก่งของบริษัทกับบรรดาทีมงานยืนมองหน้ากันเลิกลัก ส่วนเจ้าของรูปดูจะไม่ได้สนใจคนอื่นสักเท่าไหร่ เพราะยังมองแต่รูปตัวเองอย่างชอบใจ

   เพิ่งรู้ว่าตัวเองก็ถ่ายรูปแล้วดูดีเหมือนกัน

   กรพัฒน์แสร้งชี้นิ้วปรับนั่นปรับนี่ แต่หางตายังมองมาที่ลูกกวางของเขา ไม่ใช่ปูนดูไม่ดีหากได้ขึ้นปก แต่มันจะดีมากต่างหาก ที่สำคัญ เขาไม่ชอบแน่ใจๆ ถ้าหากปูนเป็นที่รู้จักและสนใจของคนอื่น

   หวงก็ยอมรับ หวงมากด้วยแม้จะยังไม่มีสิทธิ์อะไร

   “อรุณสวัสดิ์เพื่อนรัก” โรสโผเข้ามากอดเจ้าของบริษัทอย่างสนิทสนม ท่าทางเช่นนั้นทำให้มีเสียงซุบซิบถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ และปูนที่อยู่ในวงสนทนาก็อดที่จะขมวดคิ้วตามไม่ได้

   “วันนี้เหนื่อยหน่อยนะ” กรพัฒน์ยิ้มบางๆ บอก ก่อนจะเดินย้อนมานั่งเก้าอี้ผ้าใบข้างตากล้อง “เริ่มงานได้หรือยัง ทำงานสิ ทำงาน”

   ช่วงแรกทุกอย่างดูชุลมุน แต่พอผ่านไปไม่นาน การทำงานก็เริ่มลงตัวอย่างมืออาชีพ แม้แต่นางแบบที่ดูจะโพสท่าได้ตามสั่ง ปูนยืนอยู่ด้านหลังกรพัฒน์ เด็กหนุ่มยิ้มแย้มมองเจ้านายคนสวย

   “ดอกไม้ตรงนั้นดูไม่สวย จัดใหม่ด้วย” เสียงดังขัดขึ้น พวกเซ็ทฉากต่างก็รีบวิ่งเข้าไปจัดใหม่ แต่ทำยังไงก็ดูจะไม่เป็นที่ถูกใจ สุดท้ายกรพัฒน์ก็หันมาด้านหลัง “ปูนไปจัดให้พี่หน่อยครับ” ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูไม่ใช่ประโยคคำสั่ง ยิ่งคำแทนตัวเองยิ่งแล้วใหญ่ ดูเหมือนจะสนิทกันไม่มากก็น้อย

   “ครับ” คนถูกเรียกชื่อรีบวิ่งเข้าไปช่วยพนักงานคนอื่นๆ ท่าทางที่ดูคล่องแคล้วในการหยิบจับดอกไม้กับรอยยิ้มหวานที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวว่าเผลอยิ้มออกมาทำเอาคนรอบๆ ข้างถึงกับมองตาไม่กระพริบ

   “สวยจนผมจะหลงอยู่แล้วนะครับเนี่ย”

        เสียงชมของช่างภาพฝีมือดีของบริษัทลอยเข้าหู กรพัฒน์รีบหันขวับไปมองแทบจะทันที พอเห็นสายตาของช่างภาพหนุ่มที่จ้องมองลูกกวางของเขาผ่านกล้อง กรพัฒน์ก็ตัดสินใจลุกไปดึงปูนให้กลับมานั่งที่เก้าอี้ผ้าใบ ส่วนตัวเองก็ยืนคุมอยู่ข้างๆ อีกที 

   “ถ่ายต่อเลย เอาแบบนั้นนั่นแหละ” แม้ทุกคนจะดูงงๆ แต่ก็ลงมือทำงานต่อ
 
   การถ่ายปกนิยตสารของวันนี้ใช้เวลาอยู่นานหลายชั่วโมงเพื่อให้ตรงตามแบบแผน เสื้อผ้าชุดสวยถูกเปลี่ยนไปแล้วหลายต่อหลายชุด ซึ่งแต่ละชุดก็เหมือนตัดมาเพื่อนางแบบของวันนี้โดยเฉพาะ

   จากเช้าจรดเที่ยงก็ได้หยุดพัก ปูนยกจานข้าวมานั่งข้างๆ เจ้านายคนสวยที่หัวเราะเอิ้กอ้ากไปกับเรื่องตลกของทีมงาน

   “วันนี้พี่โอเคไหม” ปูนรีบพยักหน้าให้กับคำถามที่ได้ยิน “น่ารักที่สุด” โรสบีบแก้มป่องสองข้างเมื่อได้รับคำชม

   “เล่นกันน่ารักจังเลยนะครับ” เสียงตากล้องหนุ่มดังขึ้น เจ้าของเสียงนั่งลงข้างๆ ปูนที่ยิ้มบางๆ ตอบกลับ

   “อิจฉาหรือคะ” โรสขยิบตาล้อเลียนนิดๆ ทำเอาตากล้องหนุ่มหัวเราะร่า “แต่คงไม่ได้หรอก คนนี้มีคนจองแล้ว”

   “ครับ?” ปูนหลุดปากออกมาอย่างงงๆ แต่โรสกลับไม่ยอมขยายความต่อ คนสวยลงมือทานข้าวตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม “เอ่อ รูปที่ถ่ายไปวันนี้ของผม ถ้าผมจะขอ...” เมื่อเจ้านายไม่สนใจ ปูนเลยหันไปคุยกับคนอีกฝั่งแทน

   “รูป? อ๋อ ที่ถ่ายเซ็ทเมื่อเช้าหรือครับ ได้สิ” คำตอบที่ได้สร้างรอยยิ้มหวานจนคนมองเคลิ้มแทบลืมตักข้าวเข้าปาก

   “แล้วรูป...”

   “ครับ?”

   “ผมจะเซฟยังไง...”

   “อ๋อ ไม่ยากเลย เดี๋ยวผมส่งรูปให้ในไลน์” ว่าแล้วก็หยิบมือถือตัวเองยื่นให้ “ขอไลน์ก่อนเลย”

   “อ๋อ” ปูนเม้มปากยามกดหาชื่อตัวเองในโทรศัพท์เครื่องแพง อยากกลับคำไม่เอารูปแล้ว แต่อีกใจก็อยากจะเอามาเก็บไว้ เพราะไม่บ่อยที่จะได้ถ่ายรูป ยิ่งเป็นเซ็ทแบบนั้นด้วย ไปถ่ายเองคงจะแพงน่าดู “ขอบคุณล่วงหน้านะครับ”

   “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรื่องแค่นี้เอง”

   ภาพความสนิทสนมของตากล้องหนุ่มและปูนอยู่ในสายตาของกรพัฒน์อยู่ตลอด แม้ในใจแทบลุกเป็นเพลิงยามลูกกวางของเขายิ้มให้คนอื่น แต่หน้าที่การงานยังค้ำคอเลยได้แต่ทำนิ่งเฉย

   “คุณกรคะ นั่นเอกสารสำคัญ คุณกร” แอมมี่รีบสะกิดเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มขยำกระดาษจนแทบแหลกคามือ

   “โทษที” คล้ายกลับสติหลุด กรพัฒน์รีบปรับสีหน้าแล้วกลับมาสนใจงานตรงหน้าต่อ สงสัยครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะให้ลูกกวางมาเหยียบบริษัท ขืนให้มาบ่อยๆ อย่างที่คิดไว้ตอนแรก การงานของเขาคงไม่ต้องทำกันพอดี คงได้ไปนั่งเฝ้าตลอดเวลาแน่ๆ

   พักเที่ยงจบลงก็เริ่มถ่ายงานเซ็ทสุดท้าย โรสยังคงโพสท่าเหมือนนางแบบมือถืออาชีพ ทำให้งานเสร็จไวและทุกอย่างราบรื่น

   “ปูนจ๋า พอดีแม่พี่โทรมาให้ไปรับ ทำยังไงดีล่ะ” นางแบบของวันนี้เปลี่ยนชุดเสร็จก็เดินหน้ายู่เข้ามาหา

   “เดี๋ยวปูนกลับแท็กซี่เองก็ได้ฮะ พี่โรสไม่ต้องห่วง” เด็กหนุ่มยิ้มอย่างเข้าใจ

   “ไม่เอาสิ เดี๋ยวพี่ให้...กร ว่างไหม ช่วยไปส่งปูนที่หอพักให้หน่อยสิ” ราวกับนัดกันไว้ เมื่อกรพัฒน์เดินเข้ามาหาพอดี “ว่างไหม หรือต้องทำงานต่อ”

   “ว่างอยู่พอดี”

   “แต่ปูนจะกลับเอง”

   น้ำเสียงแข็งเช่นเมื่อคืนอีกแล้ว กรพัฒน์รีบส่งสายตาให้เพื่อนสนิททันที

   “ทำไมล่ะ หรือปูนไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนพี่เหรอ” แม้ไม่ชอบใจในสิ่งที่ถูกกล่าวถึง แต่กรพัฒน์ก็ได้แต่ทำนิ่ง “ถ้าปูนเกลียดขี้หน้า งั้นปูนก็...”

   “ก็ได้ฮะ” สีหน้าของโรสดูจะเป็นกังวล ปูนเลยต้องรีบตอบรับ

         กรพัฒน์ยิ้มกริ่มทันทีที่ได้ยินคำตอบ แม้ลูกกวางจะตอบรับพร้อมใบหน้าง้ำงอก็เถอะ แต่ก็ดูน่ารักอยู่ดี ยิ่งแก้มป่องนั่น ยิ่งน่าฟัด

        “ถ้าปูนรู้สึกไม่ดี ก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพี่...”

   “ปูนไม่ได้รู้สึกไม่ดี พี่โรสไม่ต้องห่วง ปูนกลับกับ...พี่เขาก็ได้ครับ”

   “งั้น ฝากปูนด้วยนะกร เคยไปส่งที่หอแล้วนี่ คงไม่ต้องบอกทาง ส่งให้ถึงหอด้วยนะ ห้ามพาเถลไถล” โรสบอกย้ำทิ้งท้าย มือเรียวหยิบกระเป๋าถือแล้วเดินออกไปทันที เหลือก็แต่ปูนและกรพัฒน์ที่ยังคงจ้องหน้ากันอยู่

   “มองหน้าพี่ทำไม” โดนจ้องตาขวางแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถาม

   “แม้จะให้พี่โรสช่วย ปูนก็ไม่ให้โอกาสพี่หรอกนะ” น้ำเสียงคำรามเบาๆ แต่ฟังแล้วเหมือนแมวขู่ซะมากกว่า กรพัฒน์พยักหน้าช้าๆ แต่ในใจกลับยิ้มกว้าง

   “รู้แล้วครับๆ” กรพัฒน์รีบแย่งข้าวของในมือขาวมาถือเอง “แต่พี่จะบอกไว้ แม้ปูนไม่ให้โอกาส แต่พี่จะสร้างโอกาสเอง” พูดเสร็จก็เดินจ้ำอ้าวไม่รอฟังคำบ่นด้านหลัง ก็ในเมื่อชอบแล้วก็ต้องเดินหน้าเท่านั้น โอกาสมีไว้สำหรับคนพยายาม นี่คติสำหรับการจีบลูกกวาง





   บนรถสปอร์ต แอร์ยังคงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และดูจะมากไปสักหน่อยเมื่อคนสวมเสื้อยืดเริ่มขนลุกด้วยความเย็น ปูนลูบแขนตัวเองไปมา บ่อยครั้งถึงกับต้องไขว้แขนไว้ด้านหลังบรรเทาความหนาวเย็น

   “ฮัดเช้ย” เสียงจามดังลั่น เจ้าของรถถึงกับสะดุ้งเฮือกเพราะกำลังคิดอะไรเพลินๆ

   “หนาวเหรอ” คำถามที่ทำเอาคนจามหน้างอ ก็นั่งขนลุกมาตั้งนานเพิ่งจะมารู้ นี่เหรอคนที่จะสร้างโอกาสให้ตัวเอง “เดี๋ยวพี่ลดแอร์ให้”

   “ขอบคุณครับ” ดูไม่ค่อยเต็มใจพูดสักเท่าไหร่ แต่ก็พูดตามมารยาท ปูนเบนหน้าไปมองนอกหน้าต่าง พยายามไม่สนใจคนขับรถที่เริ่มหันมาสนใจเขามากขึ้น

   “พี่ถามเรื่องเก่าๆ ของปูนได้ไหม” อยู่ๆ ก็มีคำถาม ปูนใช้หางตาเหล่มองแต่ไม่ยอมตอบ “ที่จริง เพื่อนปูนก็บอกพี่มาบ้าง แต่พี่อยากรู้จากปูนมากกว่า”

   “มันไม่เหมือนกันตรงไหน”

   “ไม่เหมือนตรงที่ปูนเป็นคนพูดไง จริงไหม”

   “แต่ปูนไม่อยากนึกถึง”

   “แล้วปูนไม่อยากแก้ไขให้มันดีขึ้นหรือ”

   “เรื่องมันผ่านไปแล้ว จะแก้ไขอะไรได้ อีกอย่าง ปูนไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่งเรื่องส่วนตัว” คราวนี้ปูนหันกลับมาจ้องหน้านัยน์ตาแข็งกร้าว 

   “พี่ไม่อยากเป็นคนอื่น ปูนก็รู้ดี” กรพัฒน์บอกน้ำเสียงจริงจังไม่สนใจว่าตอนนี้จะถูกมองด้วยสายตาแบบไหน พอไม่สนใจแล้ว คนจ้องตาอีกฝั่งถึงกับส่งเสียงจิ๊จ๊ะแล้วหลบสายตาไปเอง “ปูน เล่าให้พี่ฟังได้ไหม”

   “ไอ้นั่น” อยู่ๆ ปูนก็พูดออกมา ดวงตากลมโตสั่นระริกยามภาพวันเก่าๆ หวนกลับมาในความทรงจำ “ไอ้นั่น มันตามติดปูนตั้งแต่ปีหนึ่ง มันคอยตามไปทุกที่ ไม่ว่าปูนจะเรียนอยู่หรือไปเที่ยวก็จะต้องเจอมันตลอด มันตีสนิทกับเพื่อนๆ ทุกคนในกลุ่มของปูน จนทุกคนไว้ใจ รวมทั้งปูน...”

   น้ำเสียงสั่นเครือนิดๆ แต่ไม่มีหยดน้ำตา กรพัฒน์รับรู้ได้ว่าลูกกวางของเขา (?) กำลังโกรธมาก โกรธจนตัวสั่น มือสองข้างกำหมัดแน่นอยู่บนตัก

   “ถ้าวันนั้นรู้ว่า ความไว้ใจที่ปูนมีให้ จะทำให้มันคิดเหี้ยๆ แบบนั้น ปูนจะไม่มีวันให้มันได้เข้าใกล้อย่างแน่นอน”

   “มัน เอ่อ ข่มขืนปูนใช่ไหม” ตรงนี้นางแบบสาวเพื่อนสนิทของลูกกวางไม่ได้บอกเอาไว้ ถ้าให้คิดเองก็อาจจะเป็นไปได้ แต่คนนั่งข้างๆ กลับส่ายศีรษะช้าๆ “อ่าว แล้ว...”

   “วันนั้น มันบอกจะพาปูนไปส่งที่หอหลังจากกินข้าวเสร็จ แต่พอเอาเข้าจริง มันกลับขับรถพาปูนไปที่ไหนไม่รู้ พอโวยวายมันก็มัดแขน ปิดตาปูนไว้ ลืมตาอีกทีก็อยู่กลางบ้านหลังหนึ่ง ในบ้านนั้นมืดมาก น่ากลัวด้วย มันก็เห็นก็รู้ว่าปูนกลัว แต่มันก็ขังปูนไว้ มันขังปูนให้อยู่คนเดียวเกือบหนึ่งอาทิตย์...”

   “ทำไมปูนไม่โทรหาเพื่อนหรือตำรวจ” คนฟังเริ่มขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด

   “โทรศัพท์ปูนถูกมันเอาไป ปูนพยายามหนีแต่ประตูเปิดไม่ได้ ยิ่งตอนกลางคืน...ตอนกลาง...คืน”

   “ปูน” พอเห็นว่าคนเล่าเริ่มพูดติดขัด กรพัฒน์ก็รีบยื่นมือไปกุมมือขาวไว้แน่นเพื่อปลอบขวัญ “พี่อยู่ตรงนี้”

   “ปูนพยายามคิดหาวิธีที่จะหนี จนกระทั่งไอ้นั่นมันมา หน้าตามันยังยิ้มแย้ม ในขณะที่ปูนร้องไห้จนแทบไม่มีน้ำตา” พอถึงตรงนี้ นัยน์ตาประกายดั่งลูกกวางก็หายไป เหลือแค่สายตาที่ดูโกรธแค้น “มันบอกปูนว่าทำเรื่องลาออกจากมหาลัยให้ปูนแล้ว บอกให้ปูนอยู่ที่นั่นกับมันสองคน มันโคตรบ้าอะ”

   “สัดเอ๊ย...แล้วปูนหนีออกมาได้ยังไง” อย่างจะสบถคำด่าหยาบๆ ออกมามากกว่านี้ แต่ดูจะไม่เหมาะ 

   “ช่วงที่ปูนหาทางหนี ปูนเจอไม้ในนั้น ปูนจำไม่ได้ว่าฟาดมันไปกี่ที รู้แค่ว่า เลือดมันไหลเต็มพื้นไปหมด ปูนวิ่งหนีออกมาพร้อมโทรศัพท์ของมัน โชคดีที่มันมีเบอร์มิ้งค์ ปูนโทรหาแล้วรอให้มิ้งค์มารับ...”

   “เพราะเรื่องนี้ทำให้ปูนปิดโอกาสทุกคน รวมทั้งพี่...ใช่ไหม” ไม่มีคำพูดมีเพียงการพยักหน้าเป็นคำตอบ “ปูนใจร้าย”

   “ตรงไหน”

   “ก็ตรงที่ตัดสินว่าพี่จะเหมือนไอ้บ้านั่นไง ใจร้ายว่ะ”

   กรพัฒน์แสร้งทำหน้าง้ำงอเพื่อให้ปูนอารมณ์ดีขึ้น รู้ว่าเรื่องนั้นมันโคตรจะแย่ มันแย่มากๆ เชียวล่ะสำหรับชีวิตคนๆ หนึ่ง และถ้าหากเรื่องนั้นเพิ่งเกิดขึ้นละก็ ไอ้นั่นคงนอนตายคาเท้าเขาเป็นแน่

   “การป้องกันตัวเองจากคนนิสัยไม่ดี เป็นคนใจร้ายเหรอครับ”

   “นี่ปูนว่าพี่นิสัยไม่ดีเหรอ” พอได้คำตอบเป็นการพยักหน้า กรพัฒน์ก็ร้องเสียงหลง “โห ทำไมปูนเป็นแบบนี้ล่ะ ไปฟังใครพูดมาแล้วก็มาตัดสินพี่”

   “ปูนไม่ได้ไปฟังใคร แต่ปูนรู้สึกแบบนั้น”

   “รู้สึกยังไง ไหนบอกพี่หน่อย พี่ไม่ดีตรงไหน”

   “ไม่ใช่พี่กรไม่ดี แต่ดีมากทุกตรงต่างหาก ทั้งหล่อ รวย เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โต ปูนเองที่ไม่มีอะไรเหมาะ โอกาสของพี่ควรมีให้คนที่เพียบพร้อมมากกว่า”

   “พี่รวยนี่เป็นเรื่องผิดเหรอเนี่ย รู้งี้จนดีกว่า” หน้าตากับน้ำเสียงสร้างเสียงขำขัน “ปูน”

   “ครับ” คนถูกเรียกชื่อเอียงคอมองคนเรียก

   “พี่อาจไม่ใช่คนดี แต่พี่ก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายปูน พี่แค่ขอให้ปูนมองพี่ มองตัวตนจริงๆ ของพี่ ถึงวันนั้นที่เรารู้จักกันมากขึ้น พี่จะยอมรับการตัดสินใจของปูน ว่าจะให้โอกาสพี่หรือเปล่า แต่ตอนนี้เวลานี้ ปูนยังไม่รู้จักพี่ดี พี่เลยไม่ยอมรับการตัดสินใจของปูน”

   “ทำไมดื้อเหมือนเด็ก”

   “หาว่าพี่แก่เหรอ”

   “ปูนไม่ได้พูดนะ พี่พูดเอง”

   กรพัฒน์หัวเราะให้กับคำพูดนั่น ถ้าเทียบกับลูกกวาง เขาก็ต้องแก่อยู่แล้วสิ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะต้องสนใจ ในเมื่อคำขอของเขาไม่ถูกปฏิเสธ ไม่มีคำคัดค้านใดๆ หลุดออกมานอกจากเสียงหัวเราะนั่น แค่นี้ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีและปลายทางต้องดีมากขึ้นไปอีก มันต้องเป็นแบบนั้นแน่นอนอยู่แล้ว


...TBC



ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-4-




       เช้าวันสดใส ร้านดอกไม้ก็ยังคงเปิดตามปกติ ปูนออกมารับแสงแดดยามเช้าอยู่ครู่ใหญ่ถึงเข้าไปในร้านเพื่อจัดของ เพราะวันนี้ดอกไม้ล็อตใหม่จะมาส่ง ดังนั้นต้องรีบจัดพื้นที่สำหรับของใหม่ ช่วงที่ก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าตู้ดอกไม้ เสียงกระดิ่งหน้าประตูก็ดังเตือน ปูนรีบขานต้อนรับพร้อมกับหันไปยิ้มให้

   “อ่าว” รอยยิ้มกว้างค่อยๆ หุบลงเมื่อคนเข้ามาเป็นคนรู้จัก

   “ทำหน้าแบบนั้น ผิดหวังที่เห็นหน้าพี่หรือ” กรพัฒน์รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เมื่อกี้หัวใจเต้นระรัวตอนได้เห็นรอยยิ้มหวานๆ “แล้วโรสมาหรือยัง”

   “ยังครับ พี่โรสน่าจะเข้าช่วงสายๆ พี่กรมีอะไรหรือเปล่าครับ” ปูนวางของในมือก่อนจะเดินเข้ามาหาเพื่อนสนิทของเจ้าของร้าน วันนี้กรพัฒน์แต่งตัวสบายๆ สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ทำให้ดูเหมือนวัยรุ่น

   “ทำไงดีล่ะ” คิ้วหนาขมวดมุ่นเหมือนคิดหนัก “แป๊บนะ”    

   “ครับ”

   อยู่ๆ กรพัฒน์ก็เดินออกไปนอกร้าน ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมเด็กคนหนึ่งที่ตีหน้าบึ้ง

   “ไหนป๋าบอกจะพาไปเที่ยวไง” ประโยคห้วนๆ ดังออกจากปากเด็กหนุ่มตรงหน้า ปูนมองชายหนุ่มสองวัยจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละ

   “ก็ใช่”

   “แล้วไง ไหนล่ะที่เที่ยว ร้านดอกไม้เหรอ มันน่าเที่ยวตรงไหน หรือต้องมารับผู้หญิงของป๋า”

   “ไอ้เกน”

   “เอ่อ...” ดูเหมือนสองหนุ่มต่างวัยตรงหน้าจะเริ่มทะเลาะกัน ปูนเลยรีบขัด

   “แล้วนี่ใคร” น้ำเสียงห้วนไม่พอ สายตาตวัดมามองยังนิ่งได้น่ากลัว ปูนกัดริมฝีปากล่างทันทีที่ถูกเด็กอายุน้อยกว่ามากจ้อง

   “พี่ ชื่อปูน” คนถูกมองบอกชื่อพร้อมรอยยิ้มหวานประจำตัว และดูเหมือนเด็กหนุ่มจะแอบชะงักไปเหมือนกัน “แล้วนี่...ใครเหรอครับ” ปูนละสายตาจากเด็กตรงหน้า แล้วเอ่ยถามคนพามา

   “ลูกพี่เอง ชื่อเกน” คำตอบของกรพัฒน์ทำคิ้วสวยขมวดเป็นปม “พอดีจะพาไปเที่ยวแต่ที่บริษัทดันมีงานด่วนน่ะ”

   “ก็เลยเอามาปล่อยไว้ที่นี่ใช่ป่ะ”

   “ไอ้เกน”

   ทะเลาะกันอีกแล้ว ปูนมองหนุ่มสองวัยสลับกันไปมา จะว่าหน้าเหมือนกันก็ใช่ แต่เด็กคนนี้คล้ายกับลูกครึ่งฝรั่งซะมากกว่า แม้โครงหน้าจะได้กรพัฒน์มาเต็มๆ ซึ่งพูดได้เต็มปากว่าหล่อมากนั่นเอง

   “ป๋าจะไปไหนก็ไปเลย ไม่ต้องสนใจเกน”

   เด็กหนุ่มชื่อเกนสะบัดหน้าพร้อมกับเดินไปนั่งที่เก้าอี้โดยไม่ยอมหันกลับมาสนใจใครอีก ท่าทางเช่นนั้นทำเอาคนเป็นพ่อถึงกับถอนหายใจออกมา

   “ไม่รู้ดื้อเหมือนใคร...ปูนขำอะไร” บ่นเบาๆ กับตัวเอง แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะ

   “ขำขัน” คนขำไม่ยอมบอกเหตุผล ก็ใครจะกล้าบอกว่าดื้อได้พ่อ “แล้วพี่กรจะฝากน้องเขาไว้ที่ร้านนี้เหรอครับ”

   “อ่า พี่ฝากได้ไหม ถ้างานเสร็จจะรีบมารับ” แม้จะพูดกับปูน แต่สายตาของกรพัฒน์ก็มองไปที่ลูกชายของตัวเอง “โทษทีนะ ลูกพี่นิสัยแย่ไปหน่อย”

   “อ่าครับ ปูนจะพยายามเข้าใจ” ก็ไม่อยากตัดสินใจอะไรเด็กมากเพราะยังไม่ได้ทำความรู้จัก ปูนมองตามสายตาคมไปที่คนงอน เด็กหน้าตาหล่อเหลาทำหน้าบึ้งตึงสะบัดหน้าซ้ายขวา ปากก็ยื่นดูตลก แบบนั้นคงจะงอนพ่อตัวเองหนักเอาการ “พี่ไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวปูนดูให้ อีกเดี๋ยวพี่โรสก็มา”

   “ขอบใจนะ พี่จะรีบมารับก็แล้วกัน” ตอนแรกกรพัฒน์คิดจะพากลับไปที่คอนโดแต่ระยะทางไกลเกินกว่าจะไปกลับบริษัท อีกทั้งลูกชายจะงอนหนักกว่าเดิมเพราะคิดว่าเบี้ยวนัด หากฝากไว้ที่ร้านนี้ อย่างน้อยก็ได้ออกนอกบ้าน “เกน ป๋าจะรีบมานะ อยู่กับพี่ปูนอย่าดื้อ แล้วก็ ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย”

   “เออ” คำตอบกลับแข็งกระด้าง ดูไม่น่ารักเอาซะเลย

   “ดูมันๆ” กรพัฒน์อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่ลูกชาย “พี่ไปนะ รบกวนหน่อยนะปูน”

   “ไม่เป็นไรครับ รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะเสร็จช้า” ปูนย่นคิ้วเมื่อเห็นสายตากรุ้มกริ่มทิ้งท้ายของกรพัฒน์ หลังจากจบประโยคของตัวเอง ไม่รู้คิดอะไรถึงทำสายตาแพรวพราวแบบนั้น หรือประโยคที่พูดไปมันมีอะไร...ก็ไม่เห็นจะมีนี่นา

   เมื่อกรพัฒน์ออกจากร้านไปแล้ว เด็กถูกฝากไว้ก็นั่งกอดอก ทำหน้าตาง้ำงอตามอารมณ์น้อยใจของเด็ก ปูนก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก คิดว่าจะได้เที่ยวแต่ก็ไม่ได้ไป

   “สวัสดีครับ” ปูนนั่งลงตรงข้ามคนหน้าบึ้ง “ชื่อน้องเกนใช่ไหม”

   “รู้แล้วถามทำไม” ประโยคแสนห้วนจนน่าจับตีก้นลาย “เจ้าของร้านนี้เป็นเด็กป๋าเหรอ”

   “หา?” คำถามที่ไม่น่าจะออกจากปากของเด็ก ทำเอาปูนกระพริบตาปริบๆ

   “ไม่เข้าใจตรงไหน ถามตรงขนาดนี้ โง่หรือเปล่า โอ๊ย”

   ทนคำหยาบเกินเด็กไม่ไหว ปูนเลยยื่นมือไปดึงปากแดงคนตรงหน้า คนถูกดึงรีบจับปากตัวเองแน่นพร้อมถลึงตาใส่

   “พูดจาไม่น่ารักเลยนะ” จะไม่ว่า ก็ทนไม่ได้

   “ก็ไม่ได้ขอให้รัก...” เกนรีบยกมือปิดปากอีกรอบ เมื่อเห็นปูนทำท่าจะยื่นมือมาดึงอีก

   “เถียงทุกคำ นิสัยไม่ดี”

   “ตัวเองดีงั้นสิ”

   “มาก”

   “หลงตัวเอง”

   ยอกย้อนทุกคำ ทุกประโยค ปูนหรี่ตามองเด็กตรงหน้าที่ทำตัวเกินอายุ

   “อายุเท่าไหร่” สุดท้ายก็ต้องถามออกมา อยากรู้เหลือเกินว่าไอ้ที่เถียงฉอดๆ นี่จะอายุมากสักแค่ไหน

   “ถามทำไม” ยังย้อนกลับไม่สนใจใดๆ

   “จะได้รู้ ว่าแก่แดดหรือเปล่า” เกนย่นคิ้วเมื่อได้ยินคำว่าแก่แดด แต่ปูนก็จ้องหน้าไม่ลดละ “ว่าไง อายุเท่าไหร่น่ะเรา ถึงสิบขวบหรือยัง” ลองแหย่ไปดู อีกฝั่งก็เริ่มมีอาการ

   “สิบเอ็ดแล้วต่างหาก” เสียงแข็งๆ มาพร้อมกับอาการฮึดฮัด

        อายุน้อยกว่าที่ตั้งไว้ตอนแรกมาก แต่ก็นะ อายุสิบเอ็ดยังขนาดนี้ โตมาไม่พูดคำ ด่าคำหรือนี่

   “แค่สิบเอ็ดปีมากกว่า” เหมือนดูเกทับ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอวดที่ว่าอายุมากกว่า

   “อิจฉาคนเด็กกว่าละสิ คนแก่ก็แบบนี้แหละ”

   “อิจฉาทำไม พี่ก็เคยอายุสิบเอ็ดมาปีหนึ่ง ไม่เห็นต้องอิจฉา เรานั่นแหละ เคยอายุยี่สิบเอ็ดหรือยัง” ปูนย้อนกลับและบังคับตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางเหลอหลาของเด็กตรงหน้า ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายก็ดูจะหาคำโต้ตอบไม่ได้ เลยได้แต่สะบัดหน้าสะบัดตัวไปมา ดูแล้วช่างน่าตลกเสียจริง

   “หิว” เกนเงียบไปสักพักก่อนพูดลอยๆ ออกมา

   “หา? พูดกับพี่หรือ” ที่จริงก็ได้ยินเต็มสองหู แต่ก็แกล้งไปงั้น

   “เออ”

   “พูดดีๆ เป็นไหม พูดจาไม่น่ารักอีกแล้ว”

   “พูดน่ารักยังไง ปกติก็พูดแบบนี้”

   “พูดห้วนๆ แบบนี้กับพ่อแม่เหรอ” หลังจบประโยค เกนก็ปรับสีหน้าจนปูนต้องเลิกคิ้วมองอย่างสงสัยว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า “เกน”

   “...”

   ไม่มีคำโต้ตอบใดๆ หลุดออกมาอีก มีเพียงความเงียบและสงบนิ่ง

   “พี่ขอโทษ ถ้าพูดอะไรที่เกนไม่ชอบ” ดูเหมือนคนตรงหน้าจะยอมรับคำขอโทษนิดๆ สีหน้าและท่าทางกลับมาเป็นแบบเดิม “เอางี้ ชอบกินขนมไหม”

   “ขนมอะไร...เชี่ย” เหมือนจะรู้ตัวว่าถูกหลอกล่อด้วยขนมจนพูด เกนรีบยกมือปิดปากแน่น

   “เคยกินลูกชุบไหม” ไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงแค่ดวงตาที่กระพริบถี่ๆ “ถ้าเคยกิน แล้วเคยทำหรือเปล่า” คราวนี้ดวงตากระพริบถี่หนักมากกว่าเดิมจนปูนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

   “หัวเราะอะไร” เมื่อถูกหัวเราะหนัก คนไม่ยอมพูดก็ต้องพูดออกมาให้คลายความสงสัย ก็เล่นจ้องหน้าแล้วหัวเราะอ้าปากกว้างขนาดนั้น

   “ก็หัวเราะดินฟ้าอากาศ” ปูนตีรวนพร้อมรอยยิ้ม “อยากลองทำไหมล่ะ”

   “ทำไม่เป็น” ตอบได้ห้วนเหมือนเดิมจนอยากจะถามว่าคำลงท้ายเพราะๆ พูดไม่เป็นหรือไง

   “ก็ถึงให้ลองทำไง สนุกนะ สนป่ะ” ดูเป็นการหลอกล่อที่น่าจะได้ผล เพราะเกนดูสนใจไม่น้อย “ถ้าสนละก็ เดี๋ยวพี่โรสมาเราออกไปซื้อของกัน ตกลงไหม”

   “เออ”

   “พูดเพราะๆ สิ อย่างเช่น ครับ อะไรแบบนี้ มาองมาเออ ไม่น่ารักเลย” ปูนพูดน้ำเสียงเล็กๆ ดัดให้ดูตลก แต่เกนกลับกัดปากตัวเองแน่น ท่าทางดูลังเลไม่มีอารมณ์ขัน “เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

   “เปล่า...ครับ” แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง แม้คำลงท้ายจะเบาแสนเบาก็เถอะ แต่ก็ทำให้ปูนยิ้มกว้างออกมา




   ระหว่างที่ทั้งคู่พากันยิ้ม เสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขัดขึ้น คราแรกคิดว่าเป็นโรส แต่กลับเป็นลูกค้าประจำที่มารับช่อดอกไม้ที่สั่งไว้ล่วงหน้า ปูนฉีกยิ้มกว้างตามแบบฉบับของตัวเอง

   “สวัสดีครับน้องปูน พี่มารับดอกไม้ครับ” เสียงทุ้มมาพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจเช่นทุกครั้ง ปูนรีบเดินไปเปิดเอาช่อดอกไม้ในตู้ออกมาให้ “โห สวยเหมือนคนจัด เอ๊ย เหมือนทุกครั้งเลยนะครับเนี่ย”

   “ขอบคุณครับ” ปูนยิ้มหวานให้คำชม มือขาวกำลังหยิบปากกาเมจิกเพื่อจะเขียนการ์ดเช่นทุกครั้ง แต่เสียงพูดที่แทรกเข้ามาทำให้ต้องหันไปมอง

   “เลี่ยนว่ะ” ทั้งปูนและลูกค้าหนุ่มถึงกับมองคนพูดประโยคนี้ด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน

   “เกนว่าอะไรนะ” ปูนถามออกมา ที่จริงก็ได้ยินนั่นแหละ แต่กลัวว่าจะฟังผิด

   “จะบอกว่า น้ำที่กินมันเลี่ยน” คำอธิบายที่คลายความไม่เข้าใจของลูกค้าหนุ่ม แต่ไม่ใช่กับปูน ก็ในเมื่อน้ำที่วางตรงหน้าเป็นน้ำเปล่า มันจะเลี่ยนได้ยังไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะสนใจ ในเมื่อลูกค้าอยู่ตรงหน้านี้

   ปูนตวัดลายมือน่ารักลงบนการ์ดอย่างทุกที ชื่อในการ์ดคือชื่อของคุณแม่ของลูกค้าหนุ่ม ช่วงจังหวะที่ก้มเขียน ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นลูกค้าทำหน้าบึ้งตึงอย่างแปลกๆ

   “เรียบร้อยแล้วครับ” ปูนยื่นการ์ดให้ไปพร้อมรับเงินสดมา ยังไม่ทันได้กล่าวคำลาใดๆ ลูกค้าประจำก็เดินลิ่วๆ ออกจากร้านไปแล้วอย่างไม่ทราบสาเหตุ “เป็นอะไรของเขา” เมื่อไม่มีลูกค้า ปูนก็เดินกลับมานั่งกับเกนที่ดูเจ้าตัวจะอารมณ์ดีผิดหูผิดตากับเมื่อกี้ นี่ก็แปลกอีกคน

   “เมื่อไหร่จะไปซื้อของ” เกนถามเสียงห้วน แต่คนที่เขาถามกลับหรี่ตามองดูเหมือนไม่ชอบใจ “ครับ” พอลงท้ายประโยคแบบนี้ หน้าขาวๆ นั่นถึงมีรอยยิ้มออกมา

   “รอพี่โรสมาก่อน ขืนไปตอนนี้จะไม่มีใครเฝ้าร้าน” ปูนว่า

   “ก็ปิดก่อนแล้วค่อยกลับมาเปิด ไม่เห็นจะยาก” คนว่าง่ายๆ ทำท่าทางสบายๆ

   “ถ้าลูกค้ามาสั่งดอกไม้จะทำยังไง พี่โรสได้ด่าพี่แน่”

   “ก็ให้ป๋าจ่ายค่าเสียหายให้ไง ป๋ารวยจะตาย” เกนว่า แถมยังเอนหลังพิงพนักอย่างไม่รู้สึกอะไร ต่างจากปูนที่ดูไม่ค่อยชอบใจในสิ่งที่ได้ยิน “ทำไมหน้าบึ้ง”

   “เงินแก้ปัญหาได้ไม่หมดทุกอย่างหรอกนะ แล้วก็ ไม่ควรพูดแบบนี้ เกนยังเด็ก เดี๋ยวเขาจะว่าไปถึงที่บ้านได้ ที่พี่เตือนเพราะหวังดีนะ” ปูนทำหน้าจริงจัง ไม่รู้ว่าเกนจะถูกเลี้ยงดูมาแบบไหนถึงได้คิดแค่ว่า เอาเงินฟาดไปก็จบเรื่อง

   เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของปูน เกนก็ขยับมานั่งตัวตรง “ขอโทษครับ” เพราะปูนเงียบ เกนเลยลองพูดออกมาดู และคงจะเป็นเรื่องที่ถูก ในเมื่ออีกฝ่ายเผยรอยยิ้มออกมา

       ความตั้งใจแรกของปูน คืออยากจะลองแกล้งทำเป็นนิ่งดูเฉยๆ อยากรู้ว่าเกนจะทำยังไง พอได้ยินคำขอโทษก็รู้สึกพอใจ อย่างน้อยก็พอคิดได้เอง

   ระหว่างที่ปูนกับเกนยังนั่งนิ่ง เสียงกระดิ่งประตูหน้าร้านก็ดังขึ้นอีกรอบ คราวนี้เป็นเจ้าของร้านคนสวยที่หอบข้าวของมาพะรุงพะรัง ปูนรีบวิ่งเข้าไปช่วยถือ พอดีกับโรสบุ้ยปากมาทางคนที่นั่งมองเฉยๆ

   “พี่กรติดงานเลยฝากลูกชายไว้ที่นี่ก่อน เดี๋ยวจะกลับมารับครับ”

   “อ๋อ เมื่อกี้กรโทรมาแต่พี่ไม่ได้รับ คงจะเรื่องนี้” โรสหรี่ตามองลูกชายของเพื่อนอย่างวิเคราะห์ โตขนาดนี้แล้วสินะ “แล้วนี่ฝากไว้นานหรือยัง”

   “ก็ตั้งแต่เช้า ไม่รู้งานจะเสร็จกี่โมง เห็นว่านัดไปเที่ยวกันด้วย” ปูนบอกรายละเอียดหลังจากทั้งคู่เดินมาเก็บของหลังร้าน “มาแรกๆ ก็เหวี่ยงน่าดู”

   “ได้พ่อมันมานั่นแหละ” โรสว่าให้

   “พี่โรสครับ คือปูนจะขอไปซื้อของที่ตลาด...”

   “ไปเลย เดี๋ยวพี่อยู่ร้านต่อเอง ถ้าจะให้ดี ซื้อมะม่วงดองเจ้าประจำมาฝากด้วยนะ บอกป้าเขาว่าขอแบบพิเศษๆ” โรสแกล้งแหย่ เพราะรู้ว่าลูกสาวเจ้าของร้านขายผลไม้ดองชอบปูน ก็ที่ตลาดไม่ได้มีแค่หนุ่มๆ ที่ชอบ ยังมีเด็กสาวที่ชอบอีกหลายคน

   ปูนหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์พร้อมกวักมือเรียกให้เกนมาด้านหลังร้าน เด็กหนุ่มทำหน้าเหลอหลาแต่ก็ยอมเดินเข้ามาหา

   “ซ้อนมอเตอร์ไซค์ได้ใช่ไหม” ถามขณะก้าวขาคร่อมเบาะรถ

   “ได้” ไม่พูดเปล่า เกนยังขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเรียบร้อย “ที่บ้านใหญ่เกนก็แอบขี่บ่อยๆ โดนจับได้ทีถูกบ่นหูชา”

   “สมควรสิ อายุไม่ถึงนี่” ปูนหัวเราะขณะหันไปยื่นหมวกกันน็อคให้คนซ้อนท้าย

   “แล้วพี่ไม่ใส่เหรอ” เกนถามหลังจากสวมหมวกเรียบร้อย

   “พี่มีใบเดียว แต่ไม่เป็นไรหรอก ตลาดใกล้แค่นี้เอง”

   “งั้นเกนก็ไม่ใส่” ว่าแล้วก็รีบปลดล็อคหมวก ปูนพยายามห้ามแต่คนซ้อนท้ายก็ไม่ยอมฟัง สุดท้ายก็ต้องเลยตามเลย ไม่ใส่ด้วยกันทั้งคู่

   ตลาดสดในยามใกล้เที่ยง แม้แดดจะร้อน แต่เกนก็ดูไม่รำคาญอะไร แถมเจ้าตัวดูจะชอบซะด้วยซ้ำ เห็นชี้นิ้วจะเอานั่นเอานี่ ทั้งที่ไม่มีเงินติดตัวสักบาท

   “นี่ขนมอะไร” บนถาดแสตนเลสมีขนมกลมๆ สีเหลืองทองวางอยู่เต็มถาด กลิ่นหอมๆ นั่นทำให้คนหิวเดินมาหาได้ไม่ยาก

   “ขนมไข่นกกระทา เคยกินไหม” ยังถามไม่ทันจบดี คนไม่เคยกินก็ส่ายหน้าหัวแทบหลุด จนปูนกับป้าคนขายหัวเราะ

   “งั้นเอาอันนี้ด้วย” เกนชี้บอก

   “เอาถุงหนึ่งครับ” ปูนส่ายหน้าช้าๆ ให้กับคนอยากกินที่จ้องขนมตาเป็นมัน “ซื้อไปก็กินให้หมดนะ ขนมพวกนี้”

   “รู้แล้วๆ หือ อร่อย” ยังไม่ทันเดินออกจากร้าน เกนก็จิ้มขนมเข้าปาก และไม่ลืมป้อนคนออกเงินซื้อให้ด้วย “แล้วไหนของที่จะทำขนม”

   “พี่ซื้อมาหมดแล้วนี่ไง” ปูนชูถุงที่มีวัตถุดิบในการทำลูกชุบ “กลับเลยไหม ออกมานานแล้ว พี่เป็นห่วงร้าน”

   “เจ้าของเขาก็อยู่”

   “แต่พี่เป็นลูกจ้าง”

   “งั้นก็...” ท่าทางอ้ำอึ้งทำให้คนฟังอยากรู้ไปด้วย เกนฉีกยิ้มออกมาพร้อมกับประโยคที่ทำให้ปูนต้องเดินหนี “งั้นพี่ปูนก็ไปทำงานกับป๋าสิ ป๋าไม่ใช้งานพี่ปูนหนักแน่นอน เดี๋ยวเกนช่วย” แม้ประโยคนั้นคนพูดดูจะไม่มีความหมายแอบแฝง แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเดินหนี “พี่ปูน รอเกนด้วย”




   สองหนุ่มต่างวัยกลับมาถึงร้านก็เอาแต่คลุกอยู่ด้านหลัง โรสปล่อยให้ปูนดูแลลูกชายของเพื่อน เพราะเธอไม่ค่อยถูกโฉลกกับเด็กสักเท่าไหร่ ก็ไม่ได้เกลียด แต่ทำตัวไม่ถูกมากกว่า

   ด้านปูนที่เริ่มลงมือทำลูกชุบโดยมีลูกมือ (ที่ถามตลอดเวลา) คอยช่วยอยู่ข้างๆ โชคดีที่เพิ่งซื้อถั่วเขียวเก็บไว้เลยง่ายต่อการทำ เพราะปูนแช่น้ำเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะไปตลาด

   “ถั่วเขียวนี่ที่เขาใช้ทำน้ำเต้าหู้ใช่ป่ะ” คำถามจากลูกมือที่นั่งจ้องชามถั่วเขียวมาสักพัก

   “ไม่ใช่ นั่นมันถั่วเหลืองต่างหาก มีที่ไหนใช้ถั่วเขียวทำน้ำเต้าหู้” ปูนตอบอย่างขำๆ

   “ก็เรียกถั่วเหมือนกัน ทำไมเราไม่ลองทำน้ำเต้าหู้จากถั่วเขียวล่ะ อาจจะอร่อยก็ได้” เกนออกความคิดเห็น ซึ่งปูนก็ดูจะสนใจไม่น้อย

   “ไว้พี่จะหาวิธีทำก็แล้วกัน” เหมือนจะเคยเห็นสูตรตามอินเตอร์เน็ตบ้าง “ถั่วเขียวนิ่มหรือยัง”

   “ยุ่ยแล้วด้วย” ไม่ว่าเปล่า เกนหยิบเม็ดถั่วเขียวขึ้นมาแล้วบี้ซะเละคามือ “ไม่ได้โม้ด้วย” ปูนส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะยกถั่วเขียวนิ่มไปนึ่งให้สุกโดยมีเกนนั่งเฝ้าไม่ยอมห่าง 

   เครื่องปั่นถูกเตรียมไว้แล้ว ปูนยกถั่วเขียวที่นึ่งจนสุกออกมาใส่พร้อมผสมกะทิ น้ำตาล เกลือ แล้วปั่นส่วนผสมให้ละเอียด

   “มันเละเป็นน้ำแบบนั้นจะปั้นได้เหรอ” เกนถามเมื่อปูนปั่นถั่วเขียวเสร็จ

   “เดี๋ยวต้องเอาไปเคี่ยวในกระทะให้มันเหนียวซะก่อน” ปูนอธิบายให้คนที่ดูจะสนใจมากเป็นพิเศษ ถึงขนาดใช้นิ้วจุ่มถั่วเขียวปั่นขึ้นมาชิม “เป็นไง”

   “หวานดี” คนชิมว่า เกนเดินตามปูนไปที่หน้าเตา ดวงตาที่ถอดแบบพ่อมา จ้องของในกระทะอย่างสนใจ ยิ่งถั่วเขียวเริ่มหนืดก็ยิ่งตื่นเต้น

   “ไม่ได้นะ มันร้อน” ปูนร้องเตือน ก็อยู่ๆ ลูกมือจะใช้นิ้วจิ้มถั่วเขียวในกระทะ

   “ยังไม่ได้เหรอ” เกนทำหน้าสลดเพราะคิดว่าเหนียวแล้วก็หยิบมาปั้นได้เลย ตอนนี้อยากโชว์ฝีมือเต็มแก่แล้ว

   “ยัง รอให้มันเย็นสักหน่อย” อยากจะขำออกมาแต่ก็ไม่กล้า กลัวไฟในตัวเด็กหนุ่มข้างๆ จะมอดไปซะก่อน

   ปูนเดินมาเตรียมผงวุ้นกับสีผสมอาหารที่จะใช้ระบายตอนปั้นลูกชุบเสร็จ ช่วงเตรียมของเกนก็ยังคงใช้นิ้วลองจิ้มถั่วว่าเย็นหรือยัง สงสัยอยากทำเต็มแก่

   “มันเริ่มเย็นแล้วนะ ปั้นได้หรือยัง” เกนถามอย่างเซ็งๆ รอมานานหลายนาทีถั่วบดนี่ก็ไม่ยอมจะเย็น แต่พอปูนพยักหน้าปุ๊บ สีหน้าท่าทางเบื่อๆ ก็ดูสดใสขึ้นมาทันตา

   ถั่วที่ได้ที่ถูกปั้นเป็นรูปต่างๆ หลายครั้งที่โรสเดินเข้ามาดูและมองอย่างสนใจ แต่พอจะขอลองทำก็มักถูกสายตาคู่หนึ่งจ้องจนต้องขอตัวไปรอชิมด้านนอกแทน

   ดุเหมือนพ่อไม่มีผิด

   “นี่ปั้นอะไร” ปูนหยิบผลงานชิ้นเอกของเกนขึ้นมาดู และเจ้าตัวดูจะภูมิใจกับมันมากถึงขนาดยืดอกและบอกออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง

   “ไอ้เฟือง”

   “ไอ้เฟือง? ตัวอะไร”

   “ก็หมาไง มันเป็นชื่อหมาที่บ้าน เป็นไง เกนปั้นเก่งป่ะ เหมือนมากเลยนะ” ปูนย่นคิ้วมองถั่วที่ปั้นเป็นรูปหมาในมือ นี่มันหมาหรือจิ้งจกกันแน่ แต่ก็เออออไป กลัวเด็กจะเสียเซลฟ์ “แล้วทำไมพี่ปูนปั้นแต่พวกกลมๆ ล่ะ หรือปั้นไม่เก่ง”

   “พี่ชอบปั้นอะไรง่ายๆ” พูดไปมือก็ทำไปตาม “ลงสีเลยไหม พูกันอยู่ข้างๆ นั่นน่ะ” ปูนชี้นิ้วบอก คนปั้นเก่งก็รีบละเลงทาสีลูกชุบ “ไอ้เฟืองสีอะไร” ที่ปูนถามก็เพราะเกนระบายสีดำลงไปบนตัวหมาปั้น

   “ที่จริงมันขนสีขาว แต่ชอบคลุกโคลนเลยเป็นสีดำ” เกนอธิบาย “เสร็จแล้ว โห โคตรเหมือน”

   ปูนหลุดขำออกมาจนได้เมื่อเห็นท่าทางดีใจของเกน ก่อนจะพูดอะไรต่อก็มีคนเดินผ่านประตูครัวเข้ามา

   “ทำอะไรกันอยู่ กลิ่นหอมเชียว” เสียงทุ้มดังขึ้น เกนที่นั่งหันหลังรีบหันไปมองพร้อมอวดลูกชุบของตัวเอง “ตัวอะไรน่ะสีดำๆ เกนปั้นควายเหรอ?”

   “ป๋า! นี่มันไอ้เฟืองต่างหาก” เสียงแหวขึ้นมาทันที

   “อ่าวเหรอ นี่ไอ้เฟืองเหรอ ป๋าคงสายตาไม่ดี” แม้อยากจะหัวเราะแต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ “แล้วนี่ทำลูกชุบกันหรือ น่าสนุกจริง”

   “มาก พี่ปูนทำอร่อยด้วยนะ” พอเห็นรอยยิ้มกว้างของลูกชาย ก็สร้างความประหลาดใจให้กับคนเป็นพ่อ ปกติแล้วเกนมักจะไม่สนใจใครนอกจากเพื่อนสนิท ขนาดพี่เลี้ยงที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กก็ยังดูไม่สนิทสนมเท่า “ป๋าดูสิ พี่ปูนปั้นแต่พวกผลไม้ ไม่เจ๋งเลย ป๋าลองปั้นบ้างสิ อยากรู้จะสู้เกนได้หรือเปล่า”

   “ป๋าปั้นได้เหรอ” เหมือนจะถามลูกชาย แต่สายตามองไปที่อีกคน “พี่ปั้นได้ใช่ไหม”

   “ครับ” ปูนตอบพร้อมรอยยิ้ม “แต่ต้องไปล้างมือให้สะอาดก่อน เดี๋ยวจะพากันท้องเสีย” กรพัฒน์ยิ้มแหยๆ แต่ก็ยอมลุกไปล้างมือแล้วมานั่งข้างลูกชาย

   แล้วผลงานชิ้นเอกของพ่อก็ไม่ต่างจากลูก ปูนเอียงคอมองลูกชุบฝีมือการปั้นของกรพัฒน์อย่างงงๆ

   “พี่กรปั้นเฟืองเหมือนเกนเหรอ”

   “พี่ปั้นกวางต่างหาก” กรพัฒน์รีบเถียง เขาตั้งใจปั้นแทบตาย ต้องนึกถึงหน้าตากวางอยู่ตลอด ขืนไม่ทำแบบนั้นจะเผลอปั้นรูปปูนออกมา แบบนั้นคงไม่ดีเท่าไหร่

   “กวาง?” กลายเป็นเกนที่ถามออกมาแทน พอเอาเฟืองมาเทียบแล้วก็เหมือนกันอยู่มาก “ป๋าปั้นไอ้เฟืองเถอะ ดูๆ เหมือนกับไอ้เฟืองเลย”

   “ป๋าปั้นกวาง เห็นไหม กวางมีเขาด้วย”

   “ควายก็มีเขานะ”

   ปูนดูพ่อลูกเถียงกันเรื่องรูปร่างของลูกชุบ ดูเหมือนทั้งคู่ไม่สนิท แต่ก็สนิท ก็นะ ความสัมพันธ์พ่อลูกนี่นา ก็ต้องรักกันเป็นธรรมดา

   “ปูนดูสิ พี่ตั้งใจปั้นกวางให้ปูนเลยนะ” พอเถียงลูกชายสำเร็จ กรพัฒน์เลยหันมาหาปูนแทน และมัวแต่มองรอยยิ้มของปูนเลยไม่ทันระวัง เมื่อลูกชายตัวแสบเอาพูกันสีน้ำเงินเข้มมาแต้มลงไป “ไอ้เกน ทำอะไรวะเนี่ย”

   “ก็ป๋าปั้นไอ้เฟืองไง”

   “บอกว่ากวางๆ ไม่ใช่หมา ไม่ใช่ควาย”

   “เอ้า”

   “อย่าทะเลาะกันเลย เรามารีบทำให้เสร็จดีกว่า ปูนเกรงใจพี่โรส” มัวแต่ขลุกดูแลลูกชายของกรพัฒน์จนวันนี้แทบไม่ได้ทำงาน จะถูกหักเงินเดือนหรือเปล่าก็ไม่รู้

   สุดท้ายแล้วสงครามเรื่องกวางและหมาก็จบลง เกนได้ลูกชุบฝีมือตัวเองไปพร้อมกับลูกชุบของปูนกล่องใหญ่ ดูเจ้าตัวจะชื่นชอบเอามาก หอบติดอกแทบไม่วางบนโต๊ะ

   “ขอบใจนะที่ดูแลลูกชายให้พี่ รบกวนปูนแย่เลย” เมื่อเกนออกไปรอด้านนอก กรพัฒน์ก็รีบพูด

   “ไม่เป็นไรครับ” ปูนยิ้ม มือก็เริ่มเก็บของกับเศษถั่วบดที่กระจัดกระจาย “คือ...” ความสงสัยที่เก็บไว้ตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ชักอยากรู้เต็มแก่ “ถ้าปูนจะถามเรื่องน้องเกน...”

   “ถามมาได้ พี่ไม่มีความลับกับคนที่พี่จีบ” ไม่พูดเปล่า กรพัฒน์ยังขยิบตาส่งให้ปูนอีกที

   “เรื่องแม่ของน้องเขา คือพอดีปูนเผลอพูดถึงแม่แก เกนก็เงียบไปเลยช่วงหนึ่ง”

   “พี่เลิกกับแม่เกนตั้งแต่เกนเกิดใหม่ๆ แล้วพี่ไม่สะดวกเลี้ยงเองเลยให้เกนไปอยู่กับป๊ากับม๊าพี่ นิสัยเลยได้สองคนนั้นมาคนละครึ่ง ไม่ไหวๆ” ปูนอยากเถียงเต็มแก่ว่านิสัยได้จากกรพัฒน์ต่างหาก

   “มิน่า ตอนปูนพูดถึงแม่ เกนเลยซึมๆ”

   “จะว่าไป เกนไม่เคยเห็นหน้าแม่หรอก เห็นแค่รูปถ่ายเท่านั้นแหละ เพราะเขาคลอดปุ๊บก็เลิกกันปั๊บ แต่พี่ไม่ได้ขอเลิกนะ เขาไปเอง”

   “อ่า...”

   ไปต่อไม่เป็นเลย ปูนเม้มริมฝีปากไม่กล้าถามมากไปกว่านี้ เพราะดูจะเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป ช่วงที่เก็บข้าวของ เสียงโวยวายหน้าร้านก็ดังขึ้น ปูนกับกรพัฒน์รีบเดินเร็วออกมาแต่ก็ไม่เจอลูกค้าสักคน


   “มาก็ดีแล้ว ลูกชายของนายเรียกฉันว่าป้า” โรสทำหน้าง้ำงอทันทีเมื่อปูนกับกรพัฒน์ออกมา “เมื่อกี้ยังเรียกพี่อยู่เลย อยู่ๆ มาเรียกป้าได้ยังไง พี่อายุน้อยกว่าป๋าเธอซะอีก”

   “แต่ป้าก็แก่กว่าพี่ปูน เรียกป้าถูกแล้ว” ตีรวนอย่างกับปูนเจอครั้งแรกไม่มีผิด

   “กร พาลูกนายกลับไปเลย”

   “อ่าว” กรพัฒน์หัวเราะเพื่อนสนิทสาว

   “ปูน หน้าพี่ย่นเหรอ สงสัยต้องไปทำโบท็อกซะแล้ว ใช่ ต้องโทรนัดหมอเลยจะได้ทำเร็วๆ” โรสบ่นเสร็จก็ลุกไปโทรศัพท์ทันที ส่วนตัวต้นเหตุยืนกอดกล่องลูกชุบไม่สนใจอะไร

   “พี่กลับก่อนนะ รบกวนปูนมานาน” กรพัฒน์พูดอย่างเกรงใจ พร้อมยื่นมือไปดันศีรษะลูกชายให้โค้ง “ขอบคุณพี่เขาสิ”

   “เจ็บนะป๋า” เกนปัดมือใหญ่นั่นออก แล้วเดินมาหาปูน “ขอบคุณครับ ไว้คราวหน้าเกนจะมาหาใหม่” เกนเขย่งเท้านิดๆ หอมแก้มปูนไปฟอดใหญ่ ก่อนเจ้าตัวจะรีบวิ่งออกมาจากร้าน สร้างความตกตะลึงให้กับเจ้าของแก้มและคนเป็นพ่อ

   ป๋าแกจีบก่อนยังไม่ได้แตะเลยนะโว้ย

   “พี่ขอโทษแทนลูกด้วยนะ” อยากจะตบกะโหลกลูกชายหนักๆ สักที จะว่าอิจฉาก็ใช่ ปูนไม่ได้ทำท่าทางกลัวหลังจากถูกเกนหอมแก้มเลยสักนิด กลับกัน ทีเขาจับนิดจับหน่อยทำกลัว ลำเอียงชัดๆ

   “ปูนว่า เกนน่ารักดี ถ้าปูนมีน้องชายจะน่ารักแบบนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้” พอได้ยินคำว่าน้องชายก็แทบอยกถอนหายใจโล่งอกออกมาดังๆ แต่ติดที่ว่าทำไม่ได้ “รีบไปเถอะครับ มาอีกแล้ว” ปูนพยักพเยิดหน้าไปที่ประตู เกนมายืนทำหน้ายักษ์อยู่ด้านหลังแล้ว
 
   “ขอบใจอีกทีนะ ไว้พี่จะมาหาใหม่”

        กรพัฒน์บอกลาพร้อมรอยยิ้ม เมื่อประตูปิดลง โรสก็เดินออกมายืนข้างๆ ปูน

   “ปวดหัวคูณสองแน่ปูนจ๋า พี่บอกได้เท่านี้จริงๆ”

   ปูนพยักหน้าช้าๆ อย่างเห็นด้วย เริ่มรู้สึกว่า ต่อไปนี้ ชีวิตของตัวเองจะมีแต่เรื่องยุ่งๆ ให้ปวดหัวแน่นอน แต่ก็ยังหวังว่าจะไม่เป็นอย่างที่คิด...


..TBC

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอ๊ยยย ชัดเจนไปอีก กรรุกหนักมาก เนียนมาก พูดซะปูนยอม
สงสารโรส เจอเกนไป ถึงกลับไปต่อไม่ถูก

เกน ทำไมร้ายแต่เด็กแบบนี้ล่ะ เจอพี่ปูนสอนซะหน่อยแล้ว

ปูนน่าสงสาร จะกลัวขนาดไหนนะ ถูกจับขังแบบนั้น แล้วจิตขนาดไหน เอาไปขังทิ้งเป็นอาทิตย์

รอดูผลงานกรต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
-5-




       “ป๋าชอบพี่ปูนเหรอ” คำถามหมัดเด็ดออกมาจากปากลูกชายที่นั่งกอดกล่องลูกชุบอยู่ข้างๆ กรพัฒน์หันขวับมามองแทบจะทันที “ตอนแรกคิดว่าชอบป้าเจ้าของร้าน แต่ดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่”

   “พูดอะไรเกินเด็ก” แสร้งทำดุเพื่อกลบเกลื่อน

   “อายุสิบเอ็ดไม่เด็กแล้ว” เกนเถียง “พี่ปูนน่ารัก เกนชอบ แต่ถ้าเป็นป้าเจ้าของร้าน ไม่โอเค”

   กรพัฒน์เหลือบตามองลูกชายเป็นระยะ เพิ่งเคยเห็น เคยได้ยินลูกชายพูดแบบนี้ แถมพูดว่าชอบอย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะปกติแล้ว นอกจากคนในครอบครัวกับเพื่อนสนิท ก็ไม่เคยปริปากว่าชอบใคร

   รถคันสวยเข้าจอดคอนโดหรูใจกลางเมือง เพียงแค่กรพัฒน์กับเกนเดินเข้าตัวตึก สายตาหลายคู่ต่างก็พากันจ้องมอง ด้วยความหล่อและดูดี อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในวงสังคม หลายครั้งที่มักจะมีสาวสวยๆ มาดักรอ แต่กรพัฒน์ก็ไม่เคยพาขึ้นห้องสักครั้ง ไม่ใช่เพราะเป็นสุภาพบุรุษ แต่เป็นเพราะลูกชายไม่ชอบ

         สองพ่อลูกเมินสายตาคนรอบตัวเดินไปเข้าลิฟต์ตัวในสุดซึ่งเป็นลิฟต์ตัวเดียวที่จะขึ้นไปถึงห้องของตัวเอง ตัวเลขหน้าปัดดิจิตอลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนหยุดที่ชั้นบนสุด ทางเดินยาวแบ่งห้องออกเป็นสองฝั่ง ห้องทั้งสองที่กินพื้นที่จนเต็มชั้น กรพัฒน์แตะคีย์การ์ดเข้าห้องตัวเอง พร้อมๆ กับลูกชายที่แยกไปอีกฝั่ง

   ตึกหรูแห่งนี้ ป๊าของกรพัฒน์เพิ่งสร้างเมื่อไม่นานมานี้ ทำเลดีบวกกับการเดินทางสะดวกทำให้มีผู้ซื้อ ผู้เช่าจนแน่นแทบไม่มีห้องว่างเหลือ อีกทั้งในตึกหลังนี้ ยังมีดารานักแสดงคนดังมากมายพักอาศัย รวมไปถึงนายแบบนางแบบของเอเจนซี่ของตัวเอง
 
   ห้องกว้างขวางแต่ช่างเงียบเหงาเสียจริง ร่างสูงสมส่วนทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่ม ดวงตาคมเหม่อมองเพดานอย่างใช้ความคิด นี่เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ เจ้าของบริษัทที่ไม่เคยสนใจความรัก ตอนนี้กลับต้องมาคิดหนัก สรุปแล้ว เขาชอบลูกกวางจริงๆ หรือแค่อยากได้

   คิดแค่นี้ก็ปวดหัวจนแทบระเบิด

   กรพัฒน์ลุกจากเตียง เปลี่ยนชุดเพื่อจะไปออกกำลังกายแก้เครียด โดยฟิตเนสของที่นี่จะเปิดให้คนใช้บริการเฉพาะผู้พักอาศัยเท่านั้น เพื่อความสะดวกและความปลอดภัย

   “โอ๊ะ” เสียงร้องทักตอนลิฟต์เปิดออก กรพัฒน์เลิกคิ้วมองหญิงสาวที่แต่งชุดสวยยืนอยู่ด้านหน้า “สวัสดีค่ะคุณกร บังเอิญจังเลยนะคะ”

   “ครับ” ตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากคุยมาก แต่ดูอีกฝ่ายจะอยากคุยมากถึงขนาดเข้ามาในลิฟต์แล้วก็ยังจ้องหน้าตาไม่กระพริบ “มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”

   “อย่าหาว่ามิ้นท์ยุ่งเลยนะคะ คือคุณกรคุยกับปูนแล้วหรือยังคะ เรื่องนั้น”

   “เรื่องนั้น?” กรพัฒน์ถามกลับอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้ามีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงหรือเปล่าถึงถามเรื่องปูนกับเขา “คุณหมายถึงเรื่องที่คุณบอกผมใช่ไหม ถ้าใช่ ผมคุยกับเพื่อนคุณแล้ว” บอกแบบเรียบๆ แต่ดวงตาคมยังคอยมองจับสังเกตพฤติกรรมของนางแบบตัวเองอยู่

   “งั้นหรือคะ” สีหน้าสลดนิดๆ ของมิ้นท์ยิ่งทำให้กรพัฒน์สงสัยหนัก “ดีแล้วค่ะ คุณกรจะได้เข้าใจปูน มิ้นท์ไม่อยากให้คุณเข้าใจปูนผิด แล้วมองปูนเป็นคนแปลก”

   “ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่ได้คุณ ผมคงไม่รู้อีกด้านของปูน”

   “ค่ะ”

   แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมลิฟต์ จนประตูเปิดอีกทีถึงชั้นที่กรพัฒน์ต้องลง ชายหนุ่มยิ้มพร้อมโค้งให้นิดๆ ก่อนเดินออกมา มือหนาสะบัดผ้าขนหนูอยู่หลายรอบ เหมือนอารมณ์หงุดหงิดที่เป็นก่อนหน้าจะยังมีอยู่

   “สวัสดีค่ะคุณกร” พนักงานต้อนรับหน้าฟิตเนสเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหุบลงเมื่อเจ้าของตึกทำหน้าบึ้งตึงไม่รับแขก ไม่แม้แต่จะปรายตามองมาด้วยซ้ำ

   กรพัฒน์เลือกเล่นอุปกรณ์ที่ต้องใช้กำลังมากๆ ทั้งวิ่ง ทั้งยกน้ำหนัก แต่กิจกรรมมากมายก็ไม่ทำให้ลืมเรื่องของลูกกวางไปได้ ยิ่งมีเรื่องของเพื่อนสนิทปูนมาเพิ่มอีก แม้ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ก็เพราะเป็นห่วง กลัวว่าปูนจะถูกเพื่อนสนิทหักหลัง ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องดีที่จะให้ปูนต้องเจอเรื่องแบบนั้น

   “โอ้โห เกิดคึกอะไรของมึงวะ” แรงสัมผัสไหล่หนักๆ กับเสียงทักทายมาจากด้านหลัง กรพัฒน์ตีหน้ายุ่งหันไปมอง ก็เจอใบหน้าขาวทำหน้าทะเล้น “โห ต้องมองกูด้วยสายตาแบบนี้เหรอวะ”

   “กูกำลังหงุดหงิด” บอกเพื่อนเสียงเรียบพลางปรับสีหน้าใหม่

   “ใครหน้าไหนทำให้เพื่อนรักกูหงุดหงิดได้วะ” หนุ่มหน้าทะเล้นเดินอ้อมมานั่งที่เบาะข้างๆ “ว่าแต่ มันเรื่องงานหรือเรื่องผู้หญิง”

   “เรื่องของกู” ตอกกลับโดยทันที แต่อีกคนยังไม่ยอมหยุดก่อกวน

   “แล้วเรื่องของมึงเรื่องไหนบ้าง ที่กูไม่ยุ่ง”

   “ไอ้พอล”

   กรพัฒน์กดเสียงต่ำ ตอนนี้เขาไม่พร้อมจะเล่นลิ้นไปกับเพื่อนอย่างเช่นทุกที

   “นี่มึงเครียดจริงๆ เหรอวะ เรื่องอะไรบอกกูได้” พอเห็นเพื่อนนิ่ง พอลก็เลิกแหย่

   “จะว่าไร้สาระก็ใช่ เรื่องจริงจังมันก็ใช่อีก” เพราะความอึดอัด กรพัฒน์เลยระบายกับเพื่อนสนิท แต่ไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหนก่อน “คือมันแบบว่า”

   “แบบว่า?”

   “กู...”

   “กูจะรู้เรื่องไหมวะ เอางี้ กลับห้องมึงก่อน ที่นี่หูตาสับปะรดจะตาย”

   ก็จริงอย่างที่พอลว่า แม้ฟิตเนสนี้จะให้เฉพาะคนพักอาศัย แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยจากบรรดาพวกช่างเม้าท์ ยิ่งสมัยนี้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นอาวุธประจำตัวของทุกคน กรพัฒน์เดินนำเพื่อนสนิท โดยที่เพื่อนแสนขี้เล่นยังแวะหยอดสาวๆ หน้าเคาน์เตอร์ก่อนออกห้อง

   นี่ชีวิตมันมีเรื่องให้เครียดบ้างหรือเปล่าวะ

   ห้องสำหรับเจ้าของตึกนี้ พอลมาบ่อยพอๆ กับเจ้าของ หลายครั้งมานอนเป็นเดือนๆ ก็ยังมี จึงไม่แปลกที่จะรู้ทุกซอกทุกมุมของห้อง พอลเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบเบียร์ออกมาดื่ม และไม่ลืมหยิบเผื่อคนซื้อ

   “ตกลงมึงเป็นอะไร งานหนักขนาดไหน กูก็ไม่เคยเห็นเครียดแบบนี้” ดื่มไปอึกใหญ่ก็เริ่มถาม พอลมองหน้าเพื่อนตัวเองที่คิ้วขมวดมุ่นเหมือนแบกโลกหนักๆ ไว้

   “กูไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนว่ะ” ตอบเสร็จก็เดินไปนั่งลงข้างๆ กรพัฒน์ยกเบียร์ขึ้นดื่มหลายอึก “คือตอนนี้กูกำลังคิดว่า คิดว่ากู เอ่อ มีความรัก”

   “เชี่ย” พอลแทบขยี้รูหูเมื่อได้ยินเพื่อนตอบ เบียร์เย็นในมือหมดความหมายทันทีแถมถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ “มึงพูดจริงป่ะ มึงมีความรัก? กับใคร ผู้หญิงที่ไหน แล้วไปเจอกันเมื่อไหร่ นี่กูตกข่าวเหรอ เป็นไปไม่ได้”

   “ไม่ใช่ผู้หญิง” กรพัฒน์ตอบเรียบๆ แต่เพื่อนสนิทที่โวยวายตอนแรกตอนนี้กลับนิ่งสนิท “กูก็ไม่รู้ว่าใช่รักหรือเปล่า มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยรักใคร”

   “รักไม่รักเก็บไว้ก่อน ตอนนี้กูสนใจอย่างเดียวคือ มึงบอกว่าไม่ใช่ผู้หญิง คือยังไงวะ หมายถึงมึงกำลังชอบ...ผู้ชายเหรอวะ” ช็อคจนแทบลืมหายใจ ช็อคยิ่งกว่ารู้ว่าเพื่อนกำลังอินเลิฟซะอีก “มึงแค่อยากลองหรือเปล่าวะ” คนขี้เล่นเริ่มเครียดไปกับเพื่อน

   “กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่กูแคร์ความรู้สึกเขานะเว้ย กูไม่อยากเห็นเขาร้องไห้เลยว่ะ” ภาพที่ปูนร้องไห้จนตัวโยนยังจำฝังใจ

   “ร้องไห้? อย่าบอกว่ามึงหลอกเขามากินแล้ว ไอ้เหี้ย มึงโคตรเลว”

   “ยังเว้ย” กรพัฒน์รีบปฏิเสธ เมื่อเพื่อนโวยวาย “มึงเห็นกูเลวขนาดนั้นเหรอวะ”

   “ก็ปกติเห็นไวไฟ จุดปุ๊บติดปั๊บ” พอลแซวเพื่อนสนิท ก็ปกติ แค่กรพัฒน์ปรายตามองใคร คนๆ นั้นก็แทบเดินตามมาขึ้นเตียงด้วยทุกครั้ง “แล้วใครวะ ที่ทำให้เสืออย่างมึงคิดมาก กูรู้จักไหม”

   “ไม่” บอกพร้อมส่ายหน้า

   “แล้วนี่ ลูกมึงรู้ไหม” คราวนี้เจ้าของห้องพยักหน้าลง “เชี่ย เกนรู้แต่กูไม่รู้ มึงทำแบบนี้กับกูได้ยังไง ปกติกูต้องรู้ก่อนสิ”

   “อย่าบ้า” อดไม่ได้ที่จะด่า

   “มึงจริงจังเกินไปนะกูว่า” เมื่อเพื่อนไม่เล่นด้วย พอลเลยหยุด “พากูไปเจอสิ”

   “อยากเจอทำไม” แทบจะตวัดสายตามองทันทีที่พอลบอก

   “อ่าว ก็อยากรู้ไง ว่าคนที่ทำให้คุณกรพัฒน์สุดหล่อเครียดได้หน้าตาเป็นยังไง” 

   กรพัฒน์ส่ายหน้าให้กับเพื่อนแสนขี้เล่น ตั้งแต่คบกันมาก็มีพอลนี่แหละที่คบกันมานานสุด ทั้งคู่ผ่านเรื่องราวมากมายมาด้วยกัน ทั้งเรื่องที่แย่สุดไปจนถึงดีสุด อย่างเช่นเปิดบริษัทเอเจนซี่ด้วยกัน หากสมัยนั้นไม่ได้คนที่เก่งเรื่องการตลาดอย่างพอลมาช่วย บริษัทเล็กๆ ในวันนั้นก็อาจจะต้องล้มไปแล้ว

   “มึงรู้ข่าวคริสตี้ไหมวะ” ท่ามกลางความเงียบ พอลเอ่ยออกมา “เห็นว่าจะกลับมาเดินแฟชั่นให้ห้องเสื้อของพี่เกด” คนขี้เล่นคราวนี้ทำหน้าจริงจัง พอลมองเพื่อนรักข้างๆ ที่นั่งนิ่ง ใบหน้าไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา “ไอ้กร ฟังกูอยู่หรือเปล่า”

   “อืม กูรู้แล้ว” เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เครียด

   “มึงจะพาเกนไปเจอหรือเปล่าวะ”

   “ถ้าเขาอยากเจอก็คงติดต่อมาเอง”

   คนเป็นแม่ลูกกัน จะไม่ผูกพันก็คงไม่ใช่ กรพัฒน์มองเหม่ออย่างใช้ความคิด ตั้งแต่วันที่แม่ของเกนทิ้งไปก็ไม่เคยติดต่ออะไรมาอีก จนรู้ข่าวอีกทีก็กลายเป็นนางแบบสุดฮอต แถมตอนนี้ยังมีสามีรวยระดับหมื่นล้าน สมใจเขาล่ะ

   “ว่าแต่ มึงพากูไปรู้จักว่าที่เมียด้วยนะ กูไม่อยากตกข่าว”

   “ไอ้เชี่ยพอล” กรพัฒน์แยกเขี้ยวใส่เพื่อนที่ทำเป็นเล่นซะทุกเรื่อง “มึงกลับไปได้แล้ว กูจะนอน”

   “นอนอะไร นี่พึ่งจะหัวค่ำ ไปดื่มข้างนอกกันเถอะ” ไม่อยากเห็นเพื่อนเครียด อีกอย่างก็อยากไปเที่ยวด้วย นานแล้วที่ไม่มีงานเร่งด่วนมาให้เคลียร์ “ไปเถอะน่า คลายเครียด”

   “เออๆ”








   
   ผับหรูที่มีเฉพาะสมาชิกเท่านั้น กรพัฒน์เดินตามเพื่อนสนิทด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีเหมือนหน้าตา แม้จะมีสาวน้อยสาวใหญ่ส่งสายตายั่วยวนตลอดทาง แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะปรายตามอง

   ด้านในผับคึกคักไปด้วยเสียงดนตรีดัง ดูเหมือนโต๊ะจะเต็มหากไม่ได้จองมาก่อน หรือไม่ใช่ซุปเปอร์วีไอพีแบบชายหนุ่มทั้งคู่ พอลเดินนำไปนั่งโต๊ะชั้นบนที่มีกระจกใสกั้นระหว่างชั้นล่าง แต่ก็สามารถมองเห็นได้ทั่วร้าน คนขี้เล่นสอดสายตามองหาสาวสวยที่เต้นส่ายสะโพกอยู่ชั้นล่าง หลายครั้งถึงกับสะกิดให้เพื่อนดู

   เครื่องดื่มกับกับแกล้มถูกวางเต็มโต๊ะ คนอยากเที่ยวก็ช่างคึกคักเหลือเกิน ผิดกับอีกคนที่เอาแต่หยิบถั่วทอดเข้าปาก

   “นี่มึงมากินถั่วทอดเหรอวะ” พอลอดไม่ได้ที่จะแขวะเพื่อน หลายครั้งที่หันมามองก็จะเห็นเพื่อนกินถั่วทอดตลอด หน้าตาก็ดูไม่เข้ากับสถานที่ “คึกคักหน่อยสิวะ”

   “คึกไปคนเดียวเถอะ” กรพัฒน์ตอบแบบเซ็งๆ แม้เสียงเพลงจะดังจนแสบแก้วหู จังหวะโยกมันส์ๆ ก็ไม่ทำให้สนุกแต่อย่างใด จังหวะที่กำลังจะลุกไปเข้าห้องน้ำ แรงดึงข้อมือทำให้คนเบื่อหันไปเหวี่ยง แต่พอลกลับมองไปด้านล่าง ไม่ได้มองเขาเลย “อะไรวะ”

   “นั่นนางแบบในสังกัดหรือเปล่าวะ ที่นั่งมุมนั้น”

         อยากจะด่าว่าเพื่อนสายตาดี มองเห็นคนรู้จักทั้งที่ไฟมืดขนาดนี้

   “มึงสายตายาวหรือไง”

   “เชี่ย ก็ไฟมันส่อง ดูๆ”

   ทนความตื้อไม่ไหวเลยต้องมองตามนิ้วที่ชี้ กรพัฒน์พยายามเพ่งสายตามองมุมด้านล่าง อืม ดูเหมือนผู้หญิงจะเป็นนางแบบในสังกัดจริงๆ แถมเสื้อชุดนั้นเขาก็เพิ่งเห็นเมื่อตอนเย็น

   “หืม”

   เหมือนจะเห็นอะไรผิดปกติในกลุ่มนั้น

   “อะไรวะ เห็นอะไร” คนเห็นเพื่อนผิดสังเกตก็เอ่ยถามขึ้น พอลเห็นกรพัฒน์จ้องจนจะแนบหน้าไปกับกระจกอยู่แล้ว “อะไรไอ้กร เห็นอะไร”

   “กูว่า กูเห็นลูกกวางของกู” ตอบเพื่อนแต่สายตายังจับจ้องไปที่กลุ่มคนด้านล่าง

   “ลูกกวาง?” พอลย่นคิ้วมองเพื่อนอย่างงงๆ ลูกกวางมันก็ต้องอยู่สวนสัตว์สิ “เดี๋ยวๆ ไอ้กรจะไปไหน” มัวแต่งง พอเงยหน้าอีกทีกรพัฒน์ก็เดินตัวปลิวไปโดยไม่บอกไม่กล่าวอะไร เป็นอะไรของมัน

   กรพัฒน์สาวเท้าไปยังกลุ่มที่เขามองเห็นจากด้านบน แต่เพราะคนเบียดเสียดเลยไปถึงช้า ทั้งที่หัวใจพุ่งไปอยู่ตรงนั้นแล้ว และพอมาถึงจริงๆ ลูกกวางก็ไม่อยู่แล้ว

   “อ่าวคุณกร สวัสดีค่ะ” เสียงทักทายอ้อแอ้เต็มแก่ คนถูกทักพยักหน้ารับแต่ดวงตาคมกำลังมองหาคนที่หายไป “มองหาใครหรือคะ”

   “พวกคุณมากันแค่นี้หรือ” อยากจะถามหา แต่ก็ดูจะไม่ค่อยดี

   “เปล่าค่ะ ยังมีมิ้นท์กับเพื่อนอีกคน” นี่แหละคำตอบที่ต้องการ แล้วตอนนี้สองคนนั้นหายไปอยู่ไหนนี่สิ “เอ...รู้สึกมิ้นท์จะไปส่งเพื่อนที่เมาขึ้นแท็กซี่นะคะ”

   “เมา?” กรพัฒน์ขมวดคิ้วหลังจากได้ยิน “เพื่อนของมิ้นท์ที่ว่า ใช่ผู้ชายหรือเปล่า”

   “ค่ะ ผู้ชายหน้าสวยกว่าพวกเราอีก นึกแล้วก็อิจฉา” นางแบบสาวร่างผอมอีกคนพูด แต่ไม่ใช่สิ่งที่กรพัฒน์จะสนใจว่าใครเป็นใคร

   “พวกเขาออกไปนานหรือยัง”

   “ก่อนหน้าคุณกรมา...เอ๊ะ คุณกร...”

   ไม่อยู่รอฟังจนจบ เพราะตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงลูกกวางมากกว่า ไม่รู้สิ เพราะลางสังหรณ์มันบอกมาแบบนั้น กรพัฒน์กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปด้านนอก ดวงตาคมกวาดมองไปรอบๆ เพื่อหาคนที่ตามหา จนมีรถแท็กซี่วิ่งผ่านหน้าไป ซึ่งเบาะหลังมีคนที่เขากำลังตามหาอยู่

   “เชี่ยเอ๊ย”

   สบถกับตัวเองก่อนจะรีบวิ่งไปปลดล็อครถที่จอดโซนวีไอพี กรพัฒน์เร่งความเร็วให้ทันแท็กซี่คันนั้น โชคดีที่เขาจดจำป้ายทะเบียนไว้ได้ และเป็นโชคดีอีกชั้นที่เจอคันนั้นตอนติดไฟแดง รถสปอร์ตหรูรีบขับไปปาดหน้าทำเอาแท็กซี่ต้องเบรคจนตัวโก่ง

   “ขับรถภาษาอะไรวะ” คนขับแท็กซี่ตะโกนด่า แต่คนปาดหน้าไม่สน ชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำเดินอาดๆ ลงมาจากรถ มือใหญ่เปิดประตูหลังพร้อมช้อมอุ้มคนเมาออกมา “เฮ้ย จะทำอะไรวะ”

   “จะพาเขาไปไหน” ดูเป็นคำถามเรียบๆ แต่น้ำเสียงและแววตาไม่ใช่

   “ก็พาไปส่งน่ะสิ” คนขับรถแท็กซี่ว่า

   “ที่ไหน”

   “หออะไรสักอย่าง เพื่อนเขาบอกมาเมื่อกี้” พอได้ยินเช่นนั้นกรพัฒน์ก็เบาใจไปเปราะหนึ่ง อย่างน้อย คนที่ชื่อมิ้นท์ก็ไม่คิดจะทำร้ายอะไร “แล้วนั่นจะพาเด็กนั่นไปไหน”

   “นี่เงิน ส่วนเด็กคนนี้ ผมจะพาเขากลับเอง” บอกก่อนกระชับแนบอก

   “เดี๋ยวๆ แล้วคุณเป็นใคร เป็นโจรหรือเปล่า” แม้จะกลัวเล็กน้อยเพราะท่าทางดุร้ายนั่น แต่ก็เป็นห่วงสวิสดิภาพของลูกค้า

   “ผมเป็นแฟนของเขา เราโกรธกันนิดหน่อย เรื่องของผมคงไม่ต้องบอกรายละเอียดนะ” พูดจบ ขายาวก็พาร่างที่เมาไม่ได้สติไปที่รถ มือใหญ่เปิดประตูข้างคนขับก่อนวางร่างผอมบนเบาะอย่างช้าๆ

   แท็กซี่คันนั้นวิ่งผ่านหน้าไปแล้ว กรพัฒน์เดินอ้อมมาประจำด้านคนขับ ขายาวเหยียบคันเร่งมุ่งหน้ากลับคอนโด อยากจะพากลับหอเหมือนกัน แต่สภาพแบบนี้คงลำบากแน่นอน

   “ร้อน” เสียงละเมอดังมาจากปากแดงของคนเมา แถมมือเรียวนั่นยังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตจนแทบจะหมดแผง ความขาวทำเอาคนขับรถสติเกือบหลุด “ฮือ ร้อน” คนเมาเริ่มโวยวายเมื่อถูกมือปริศนามาจับไม่ให้ถอดเสื้อออก

   “เชี่ยเอ้ย” กรพัฒน์ขบฟันแน่น ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกหื่นกระหายหรืออะไร แต่คนเมาเริ่มอยู่ไม่นิ่งต่างหาก พอจับเสื้อไว้ก็พาลจะถอดกางเกง นี่มันเมาเหล้าหรือเมายากันแน่

   รถยนต์คันหรูเร่งเครื่องตามกำลังจนมาถึงคอนโดกลางเมือง กรพัฒน์หันหลังมองเพื่อถอยจอด พอหันมาอีกทีคนเมาก็ถอดเสื้อตัวเองออกเรียบร้อย แถมเสื้อเชิ้ตสีขาวก็ปลิวไปกองอยู่เบาะหลัง ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ใช่เวลาสำรวจร่างกาย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมอง

   ใบหน้าขาวมีสีแดงกล่ำจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ นัยนต์ตากวางที่เขาชอบถูกเปลือกตาปิดเอาไว้อย่างน่าเสียดาย จมูกเป็นสันน้อยๆ เข้ากับโครงหน้า ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อน่าลิ้มลองนัก พอไล่มองมาที่ซอกคอ ความขาวทำให้เห็นเส้นเลือดชัดเจน คงเพราะผอมด้วย แบบนี้ต้องขุนให้อ้วนอีกหน่อย ละสายตาจากซอกคอขาวลงมา หน้าอกแบนราบไม่มีส่วนนู้นเหมือนกับผู้หญิง แต่ก็รู้สึกอยากสัมผัส ปลายยอดอกเป็นสีชมพูสวย ชายหนุ่มรู้สึกริมฝีปากแห้งจนต้องแลบลิ้นเลีย มันเป็นความรู้สึกของตาแก่หื่นๆ แน่นอน และเขาก็ไม่ปฏิเสธ


   ตอนนี้ไอ้กรน้อยของเขาโคตรจะคึกให้ตาย


   ก่อนที่จะเกิดเรื่องเลยเถิด กรพัฒน์รีบหันไปคว้าเสื้อมาสวมใส่ให้คนเมา แม้จะยากสักหน่อยแต่ก็รับมือไหว แต่งตัวให้เสร็จก็ช้อนอุ้มขึ้นไปบนห้อง เวลานี้ลูกชายคงจะหลับไปหลายตื่น

   แล้วน้องของเขาล่ะ จะหลับได้เมื่อไหร่กัน






   เสียงดังเบาๆ คล้ายกับมีอะไรกระทบกันปลุกให้คนที่หลับใหลปรือตาขึ้นมา ทันทีที่ดวงตาเปิด อาการวิงเวียนก็ตีขึ้นมาจนต้องรีบหลับตาลงอีกรอบ สักพักเสียงที่ได้ยินก็หายไปแต่มีกลิ่นหอมลอยมาแทน ปูนขยับตัวอยู่บนเตียงพยายามนับหนึ่งถึงสิบเพื่อจะลืมตาอีกครั้ง

   ดวงตากลมโตค่อยๆ กระพริบสองสามทีจนแน่ใจว่าอาการวิงเวียนหายไปแล้วจริงๆ ภาพที่ดวงตาเห็นคือโต๊ะหนังสือที่มีแลปทอปวางไว้ จำได้ว่า เขาไม่เคยมีของพวกนี้ อีกอย่าง เตียงที่เคยนอนก็ไม่ได้นุ่มและหอมแบบนี้ พอคิดได้ร่างผอมก็รีบดีดตัวลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง

   ที่นี่ที่ไหนเนี่ย

   ความตื่นตระหนกกับภาพวันเก่าๆ ย้อนกลับมา ความกลัวแล่นปราดตั้งแต่หัวลงไปถึงเท้า เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นตามใบหน้าทั้งที่ห้องๆ นี้เย็นช่ำจนถึงขั้นหนาวก็ว่าได้

   หรือว่าเขาจะถูกพามาขังอีก

   ปูนรีบวิ่งลงจากเตียงเพื่อไปที่ประตู แต่พอดีประตูบานนั้นมีคนเปิดเข้ามาเสียก่อน คนอีกด้านดูตกใจไม่น้อยไปกว่ากัน ดวงตาสองคู่จ้องมองอย่างสงสัย

   “พี่ปูน?” ดวงตาคมที่ถอดแบบจากพ่อมามองอย่างสงสัย “ป๋า พี่ปูนมาเหรอ!” เกนตะโกนถามย้อนกลับไปด้านใน ชื่อคนที่ปูนก็จำไม่ได้ว่าเจอกันตอนไหนก็ทำให้มึนงง

   “อืม อ่าว ปูนจะไปไหน” ป๋าของเกนเดินออกมา วันนี้ชายหนุ่มแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดกับกางเกงบอล แถมมีผ้ากันเปื้อนคล้องคออยู่อีก ดูน่าแปลกใจ

   “ที่นี่...” ปูนกระพริบตาถี่ๆ เพราะจำอะไรไม่ได้ รู้แค่ว่าไปเที่ยวกับเพื่อนจากนั้นก็ถูกบังคับให้กินเหล้าแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีก
 
   “นี่ห้องพี่เอง” เจ้าของห้องตอบพร้อมรอยยิ้ม “เข้ามาก่อน พี่ผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่นไว้ให้ปูนดื่มด้วยนะ แก้แฮงค์ แล้วก็เกน ข้าวเช้าอยู่บนโต๊ะ รีบไปกิน”

   “รู้แล้วๆ” เกนตอบป๋าตัวเองแต่ก็ยังยืนจ้องปูนอยู่ “พี่ปูนนอนกับป๋าเหรอเมื่อคืน” คำว่านอนทำเอาความคิดบางอย่างแล่นเข้ามา ปูนรีบตะครุบก้นตัวเองทำตาเหลือก แต่อาการเจ็บปวดก็ไม่เกินขึ้น “พี่ปูนปวดขี้เหรอ เห็นจับตูด โอ๊ย ป๋า เกนเจ็บ” ถูกป๋าเขกหัวเสียงดังจนต้องมุ่ยหน้า

   “พูดมาก ไปกินข้าว เดี๋ยวลุงอ้อมรอ” กรพัฒน์ว่า ที่จริงพอเห็นท่าทางแบบนั้นก็พอจะรู้ว่าปูนคงคิดว่าเขาอาจทำมิดีมิร้ายถึงได้ลองจับก้นตัวเองดู แถมตอนนี้ยังส่งสายตาเหมือนแมวขู่มาอีก ตลกจนต้องหัวเราะ “พี่ไม่ได้ทำอะไรปูนเลย”

   “จริงนะ” แหน่ะ มีขู่ด้วยสายตาอีก

   “ครับ” กรพัฒน์ยังยิ้มให้กับท่าทางของลูกกวางที่กลายร่างเป็นลูกแมวไล่ขู่เขา “ไปกินข้าวเถอะ”

   “ปูนมานอนที่นี่ได้ยังไง” อดไม่ได้ที่จะถาม ในเมื่อเขาไม่รู้ตัวอะไรเลย

   “กินข้าวก่อนเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง” เจ้าของห้องเดินนำไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวด้านใน พอลองสังเกต ห้องนี้เป็นห้องที่กว้างมาก ด้านในตรงนี้มีห้องครัวที่เนื้อที่กว้างขวาง พอมองไปอีกด้านเห็นบันไดขึ้นอีกชั้น ส่วนเตียงนอนเมื่อกี้อยู่อีกมุมห้อง

   สมแล้วที่เป็นห้องของคนรวย

   ช่วงเวลากินข้าว เกนกินไปชวนปูนคุยไป หลายครั้งถูกป๋าตัวเองเขกหัวเพราะพูดมากแต่ก็เงียบได้ไม่นาน จนข้าวในจานหมดลงนั่นแหละถึงลุกขึ้น

   “เกนไปเรียนก่อนนะครับ พี่ปูนจะอยู่ถึงเย็นไหม” เป็นคำถามที่ตอบยากมากสำหรับปูน “ถ้าพี่ปูนอยู่ เย็นนี้เกนจะให้ป้าแก้วทำหมูกระทะ”

   “น้อยๆ หน่อย วันนี้แกต้องเรียนพิเศษ” ถูกดับฝันจากป๋าตัวเอง แต่คนมีเรียนก็ไม่ยอมแพ้

   “เลิกเร็วเถอะ นะๆ พี่ปูนอยู่ด้วยกันนะ”

   “คือพี่ต้องทำงาน” พอเจอการตื้อของเด็กแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ถูก

   “เกนบอกแล้ว ว่าให้มาทำงานกับป๋า พี่ปูนจะได้มาอยู่ด้วยกัน” ประโยคของลูก แต่พ่อกลับสำลักน้ำที่เพิ่งดื่ม รู้ว่าความหมายของเกนคืออะไร แต่รูปประโยคมันชวนให้คิด

   “ไม่ได้หรอกครับ” ปูนยิ้มแห้งๆ

   “ไม่ได้เหรอ ป๋า ไม่ได้เหรอ” คราวนี้ย้อนกลับไปถามป๋าตัวเอง

   “พี่ปูนเขาว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ พูดมาก ไปเรียนได้แล้วเดี๋ยวสายนะ” พอป๋าว่าแบบนั้น เกนก็เงียบลงทันที สีหน้าและท่าทางก็ซึมลงอย่างเห็นได้ชัด “เกน”

   “สวัสดีครับ” ลาแค่นั้นก่อนเจ้าตัวจะรีบเดินออกจากห้องไปเงียบๆ

   แม้ดูจะไม่มีอะไร แต่สำหรับปูนไม่ใช่ สีหน้าและแววตาของเกนสร้างความกังวลลึกๆ

   “ไม่อร่อยเหรอ”

   “ครับ?”

   “ก็พี่เห็นปูนเอาแต่เขี่ย ไม่เห็นกิน”

   พอถูกถาม ปูนก็รีบตักข้าวต้มหมูเข้าปาก ดีที่มันคลายร้อนแล้ว ไม่งั้นอาจถูกลวกจนปากพองได้ หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ กรพัฒน์ก็เตรียมชุดให้ปูนใส่หลังจากอาบน้ำชำระร่างกาย แม้ชุดจะตัวโคร่งแต่ก็พอใส่ได้

   “ปูนมาที่ห้องพี่ได้ยังไง” ปูนถามระหว่างติดรถไปที่ร้าน เพิ่งเคยได้ยินว่าร้านเป็นทางผ่านของบริษัท ทั้งที่อยู่ห่างกันตั้งไกล

   “เมาจนจำอะไรไม่ได้สินะ ต่อไปห้ามกินอีก รู้ไหม” ปูนย่นจมูกเมื่อกลายเป็นว่า ตัวเองถูกดุเฉย “พี่เห็นปูนนั่งกับกลุ่มเพื่อน เห็นตัวปูนเอนไปเอนมาก็เลยสงสัย พอไปหาก็หายไปแล้ว”

   “อ๋า จำได้ ปูนถูกมิ้นท์บังคับให้ดื่มเหล้าแก้วเล็กๆ รสชาติโคตรแย่เลย” พอนึกขึ้นได้ถึงกับต้องเบ้ปาก “ดื่มไปหลายแก้วจนมึนแล้วก็จำไม่ได้”

   “เพื่อนปูนพาไปขึ้นแท็กซี่ พอดีพี่ไปเจอเลยอาสาพามาส่ง แต่ปูนเมาเละแบบนั้นกลับห้องคงทำอะไรไม่สะดวก พี่เลยถือวิสาสะพากลับมาที่คอนโดแทน” แม้ความเป็นจริงจะถูกถ่ายทอดออกมาไม่หมด แต่เรื่องราวก็เป็นไปทำนองนั้น “ทีหลังอย่ากินอีกนะ คออ่อนขนาดนั้น”

   “ไม่นะ” คนตัวผอมรีบเถียงออกมาทันที “ปกติปูนไม่ได้คออ่อนแบบนั้น เคยซื้อมากินคนเดียวก็ไม่ได้เมาถึงกับจำอะไรไม่ได้”

   “เหล้าอาจจะแรงละมั้ง” กรพัฒน์ตอบพร้อมยิ้มบางๆ “เหล้านอกกับเหล้าไทยดีกรีก็ต่างกันอยู่แล้ว”

   “คงจะอย่างงั้น” คนเมาไม่รู้เรื่องทำท่าทางสลด

   บนรถที่แอร์เย็นเฉียบ มีเพียงเสียงเพลงเปิดคลอเบาๆ ให้คลายความเงียบ ในเมื่อปูนไม่พูด กรพัฒน์ก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน อยากถามแต่ก็กลัวได้คำตอบแบบตอบไปที เลยเลือกจะอยู่เงียบๆ กันดีกว่า

   ผ่านไปเกือบชั่วโมงกว่าจะมาถึงร้านดอกไม้ที่ยังคงปิดสนิท ปูนผลักประตูรถเบาๆ ท่าทางลังเลบางอย่างทำให้อีกคนสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป จนกระทั่งคนลังเลตัดสินใจถามขณะก้าวขาออกจากตัวรถ

   “เกนเลิกเรียนกี่โมงเหรอครับ” กรพัฒน์เลิกคิ้วนิดๆ เมื่อได้ยินคำถาม

   “ถามทำไม หรือว่าปูนยังคิดเรื่องที่เกนพูดอยู่ ถ้าเรื่องหมูกระทะอะไรนั่นอย่าคิดมากเลย ปกติมันก็กิน...”

   “เกนดูซึมมากเลยเมื่อกี้ ปูนไม่สบายใจ”

   “ไม่เป็นไรหรอก...ประมาณทุ่มหนึ่งมั้ง” ตอนแรกว่าจะไม่ว่าอะไร แต่พอเจอสายตาที่จ้องมาทำให้ต้องรีบบอก “ปูนจะไปคอนโดพี่เหรอ”

   “ถ้าปูนปิดร้านไว แต่ปูนจำทางไม่ได้” ทั้งที่พยายามจำทาง แต่ถ้าบอกแท็กซี่ไป ไม่รู้จะพาไปถูกหรือเปล่า หรือไม่ก็ต้องรอถามพี่โรสดู

   “เอางี้ ถ้าปูนจะไป เดี๋ยวพี่มารับ แล้วเราก็แวะซื้อของเข้าไปด้วย ดีไหม” กรพัฒน์ตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ แม้ในใจอยากจะกู่ร้องยินดีออกมาดังๆ ซะด้วยซ้ำ ยิ่งได้คำตอบเป็นการพยักหน้ายิ่งเพิ่มรอยยิ้มกว้างเข้าไปอีก “งั้นพี่เลิกแล้วจะรีบมารับ ปูนรอพี่นะครับ”

   “เอ่อ ครับ ขอบคุณนะครับ”

   ปูนยิ้มส่งท้าย ดวงตากลมมองรถราคาแพงวิ่งจนท้ายรถขับห่างออกไป ที่จริงก็ไม่อยากกลับไปอีก แต่สายตาของเกนนั้น ปูนดูออกว่ากำลังเสียใจ น้อยใจมากแค่ไหน แววตาเหมือนเมื่อตอนเขายังเด็ก ที่ไม่มีใครสนใจ เขาไม่อยากให้เกนรู้สึกแบบนั้น เพราะมันรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ


...TBC

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ติดตามอ่านจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
มีคุณลูกเป็นกองเสริมขนาดนี้ คุณพ่อเหนื่อยน้อยลงเยอะ :hao3:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-6-




       “โทษทีนะ พอดีงานพี่ยุ่งนิดหน่อยกว่าจะเสร็จ” วันนี้ทั้งวัน กรพัฒน์เร่งเคลียร์งานจนหัวหมุน เพราะไม่อยากให้ค้างคา อีกอย่างถ้าไม่รีบทำให้เสร็จ เผลอๆ อาจได้หอบงานกลับไปนั่งทำอยู่ที่บ้าน เป็นแบบนั้นคงอดกินหมูกระทะกับทุกคน แบบนั้นคงจะไม่ยอมแน่

   “ไม่เป็นไรครับ นี่ก็เพิ่งปิดร้านเอง” ปูนรวบกระเป๋ากับเสื้อแขนยาวไว้ที่อก เมื่อตอนเที่ยงได้ขอกลับหอพักเพื่อเปลี่ยนชุดมา ขืนให้ใส่เสื้อของกรพัฒน์คงไม่สะดวกในการทำงาน รวมถึงไม่สะดวกใจที่จะสวมเสื้อคนอื่น

   “ไม่คิดจะชวนฉันด้วยหรือไง หรือเห็นเป็นก้อนกรวดข้างต้นไม้ มันน่าน้อยใจนัก” โรสเดินออกมาทีหลังก่อนจะล็อคประตูร้าน หญิงสาวเอ่ยหยอกเย้าปูนมาตั้งแต่เช้า เมื่อรู้ว่าค่ำนี้ปูนมีนัดกับใครและจะไปที่ไหน “ใช่สิ ฉันมันก็แค่เพื่อนนี่ ไม่มีความสำคัญอะไรหรอก” คำตัดพ้อที่ฟังแล้วเหมือนแกล้งพูดซะมากกว่า

   “ไปไหมล่ะ” กรพัฒน์ยิ้มอ่อนพร้อมส่ายหน้าน้อยๆ ให้เพื่อนสาว ก่อนออกปากชวน แต่สาวเจ้ากลับส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

   “ไม่ล่ะ ไม่อยากไปเป็นก้าง เอ๊ย ไม่อยากอ้วน กินตอนนี้อ้วนเป็นหมูพอดี” โรสว่ายิ้มๆ “ฉันไม่ได้ไป ฝากดูแลปูนด้วย นี่น้องชายสุดที่รักของฉันเลยนะ ดูแลไม่ดีจะโดนไม่ใช่น้อย” คำพูดข่มขู่ที่ไม่ทำให้อีกฝั่งกลัวเลยสักนิด

   “รู้แล้วน่า ย้ำทุกรอบเหมือนคนแก่...ไปเลยไหมปูน” แหย่หญิงสาวก่อนกรพัฒน์จะหันมาชวนลูกกวางที่ยืนขำน้อยขำใหญ่ตอนเขากับโรสตอบโต้กันไปมา พอถูกชวน ร่างผอมก็โค้งลาเจ้านาย พร้อมกับมีมือใหญ่โฉบมาเปิดประตูรถให้ “ไปนะ” พอปูนขึ้นไปนั่ง ชายหนุ่มก็บอกลาเพื่อนสาวคนสวย

   “กินให้อร่อยๆ นะปูน” โรสขยิบตาบอกปูนที่ลดกระจกมาโบกมือลา เมื่อท้ายรถคันสวยแล่นจนหายจากสายตาหญิงสาวก็ถอดถอนหายใจออกมา สิ่งที่กังวลใจกำลังจะเกิดขึ้น “นี่ฉันต้องเตรียมประกาศหาพนักงานใหม่หรือนี่”




********

   
    กรพัฒน์พาปูนมาแวะซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ต แม้คนจ่ายเงินจะบอกให้ซื้อได้ตามสบาย แต่คนเลือกก็เลือกซื้อเฉพาะของที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการกินมื้อนี้เท่านั้น

   “ปูนไม่ซื้อของอย่างอื่นเหรอ” ถามขณะคนตัวเล็กกว่าเลือกผักสด

   “นั่นสินะ แล้วเกนชอบกินขนมอะไรเหรอครับ” ปูนถามโดยไม่หันมามอง

   “มันกินได้หมดนั่นแหละ” คนเป็นพ่อตอบเสียงห้วน ทำไมรู้สึกคันในอกยิบๆ เมื่อได้ยิน 

   “แล้วพี่กรชอบกินอะไรเหรอ” คำถามเหมือนเดิม แต่ต่างที่ชื่อที่ออกจากปากแม้คนถามดูจะสนใจแต่ผักก็เถอะ แค่นั้นก็ทำให้คนฟังทำตาโต “พี่กร”

   “ครับ? อ๋อ พี่กินได้ทุกอย่างเลย” คล้ายกับเป็นโรคหัวใจที่กำลังพองโตจนแคบแน่นและเต้นแรง “แล้วปูนล่ะ” อยากลองถามดูบ้าง เผื่อจะรู้จักกันให้มากขึ้น

   “ก็กินได้หมดเหมือนกัน แต่ปูนไม่กินเนื้อ” ได้ยินปุ๊บ คนหยิบเนื้อมาหลายแพคก็รีบหอบเอากลับไปเก็บไว้ที่ชั้นตามเดิม “อ่าว” ปูนมองอย่างสงสัยที่อยู่ๆ กรก็วิ่งหายไปแล้วก็กลับมาท่าทางกระหืดกระหอบ

   “พอดีหยิบของผิดน่ะ” ปกติไม่เคยแก้ตัวเรื่องแบบนี้ แต่ครั้งนี้ไม่รู้ทำไมต้องทำ อยากจะหัวเราะให้กับตัวเองดังๆ “เอาอะไรอีกไหม”

   “พอแล้วครับ” ปูนยิ้มให้คนอาสาออกเงินทุกบาท ตลอดการซื้อของ ปูนจะรู้สึกถึงการถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา เป็นสายตาที่มองมาจากทุกทาง ไม่รู้เหมือนกันว่ามองเขาหรือมองคนตัวสูงข้างๆ แต่ถ้าให้เดา คงมองกรพัฒน์มากกว่า ก็เขาทั้งหล่อและดูดีขนาดนี้ แถมตอนนี้ยังยิ้มอารมณ์ดีอยู่ตลอด ไม่ได้ปั้นหน้านิ่งเหมือนตอนอยู่ที่ตึกบริษัท

   การจราจรวันนี้ยังคงติดหนึบเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือวันนี้กรพัฒน์มีคนคุยด้วย แถมยังคุยสนุกอีกต่างหาก ทำให้ทั้งรถมีแต่เสียงหัวเราะ พอปูนไม่เกร็งก็กลายเป็นคนที่น่ารัก...โคตรจะน่ารักต้องบอกแบบนี้

   “ไม่รู้เกนจะถึงหรือยังนะครับ” ดูนาฬิกาจากหน้าคอนโซลรถแล้วก็นึกสงสัย ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าแล้วด้วย

   “ถึงแล้ว ลุงอ้อมเพิ่งไลน์มาบอกพี่เมื่อกี้” กรพัฒน์ว่า คนขับรถที่ป๊าของเขาส่งมาให้หลานชายสุดที่รัก “ตอนนี้คงเตรียมของกันอยู่มั้ง”

   “อ๋า เราถึงสายหรือเนี่ย” ปูนมองของที่วางด้านหลัง มีทั้งผักและหมู “แล้วพวกเขาจะมีของหรือครับ”

   “มีสิ ป้าแก้วคงเตรียมไว้แล้ว” ป้าแก้วที่ว่า เป็นแม่ครัวที่จ้างมาทำอาหาร และคำพูดของกรพัฒน์นั้น ก็ทำเอาปูนต้องย่นคิ้ว ในเมื่อมีคนเตรียมของไว้แล้ว จะให้แวะซื้อมาเพิ่มอีกทำไม แต่ความสงสัยนี้ก็ไม่ได้ถูกถามออกไป

   เมื่อรถหรูฝ่าการจราจรหนาแน่นไปจนถึงจุดหมาย กรพัฒน์เป็นฝ่ายหอบหิ้วข้าวของมากมายด้วยตัวเอง แม้จะลำบากไปสักหน่อยก็เถอะ เพราะชายหนุ่มไม่ให้ปูนถืออะไรเลย นอกจากคีย์การ์ดของห้อง

   “สวัสดีค่ะคุณกร” ช่วงจังหวะลิฟต์เปิดออก สาวสวยหุ่นดีสวมชุดเดรสสีชมพูอ่อนที่อยู่ด้านในเอ่ยทัก รอยยิ้มหวานชวนหลงใหลหากได้จ้องมอง ยกเว้นเจ้าของชื่อ กรพัฒน์ยิ้มพร้อมพยักหน้าทักทาย สายตาคมคอยมองปฏิกิริยาของคนที่พามาด้วย กลัวว่าจะเข้าใจผิด แค่นี้ชื่อเสียงเรื่องความเจ้าชู้ของเขาก็แพร่สะพัดจนตามแก้ข่าวไม่ไหว “ของเยอะนะคะ มีปาร์ตี้แน่ๆ เลย ใช่ไหมคะ”

   “อ่าครับ พอดีมีปาร์ตี้ในครอบครัวนิดหน่อย” เหมือนจะตอบคำถามแบบธรรมดา แต่คนพูดเน้นหนักคำว่าครอบครัวจนคนถามต้องรีบยิ้มแล้วรีบออกจากลิฟต์ กรพัฒน์รู้ดีว่าที่หญิงสาวถามแบบนั้น กับอาการอ้อยอิ่งถ่วงเวลาชวนคุยไม่ยอมไปไหนสักที คงเพราะคิดว่าเขาอาจจะชวนร่วมปาร์ตี้ที่ห้องด้วย ซึ่งมันไม่มีวันเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว

   “สวยดีนะครับ” คำถามที่ขัดความเงียบภายในลิฟต์ กรพัฒน์รีบหันไปมองหน้าคนถาม พร้อมๆ กับปูนที่หันมามองพอดี ดวงตาสองคู่ประสานกัน ซึ่งปูนดูออกว่าคนตรงหน้าพยายามจ้องตาเพื่ออยากรู้ความรู้สึก “มองหน้าปูนทำไม”

   “เพราะปูนน่ารักถึงได้มอง”

   คราแรกอยากลองหยั่งเชิงดู แต่ถูกหยอดกลับมา ปูนเลยรีบหันหน้าหนี แต่ลิฟต์ตัวนี้ล้อมรอบไปด้วยกระจก ดังนั้น กรพัฒน์เห็นอาการแอบเขินจากคนตัวผอมกว่าได้ไม่ยาก


   เขินโคตรน่ารัก


   เมื่อคนมาช้าทั้งสองเปิดประตูเข้าไป อย่างแรกที่ได้เห็นคือห้องที่เต็มไปด้วยสายรุ้งที่ถูกติดจนทั่วห้อง ปูนเดินตามหลังเจ้าของห้องที่คิ้วเริ่มกระตุกกับสภาพที่เห็น

   ห้องของเขาทำไมมันเละแบบนี้

   ปัง ปัง ปัง เสียงพลุกระดาษถูกดึงทันทีที่ปูนเดินผ่าน คนร่างผอมตกใจสะดุ้ง พอเห็นหน้าคนทำก็รีบฉีกยิ้มออกมา เกนดูร่าเริงผิดกับเมื่อเช้าลิบลับ แววตาเป็นประกายดูมีความสุข

   “เล่นอะไรกันเนี่ย พี่ตกใจหมด” ปูนว่า มือก็หยิบเอาเศษกระดาษออกจากไหล่ตัวเอง

   “ก็ต้อนรับพี่ปูนไง” เกนว่า ก่อนจะเดินไปตบหัวเด็กรุ่นราวเดียวกันที่ยืนอีกฝั่ง “ห้ามมองเว้ย”

   “เชี่ย กูเจ็บ” เด็กหน้าตาหล่อตีหน้ายุ่ง แต่ก็รีบหันมายิ้มให้ปูน “สวัสดีฮะ พี่น่ารักกว่าที่ไอ้เกนพูดซะอีก” ว่าจบก็ถูกตบหัวอีกรอบ

   “ห้ามลามปาม นี่พี่ปูนของกู” เกนถลึงตาใส่ “พี่ปูนๆ นี่ไอ้ฟลอยด์ เป็นเพื่อนเกนเอง”

   “สวัสดีครับ ผมฟลอยด์ หน้าตาดี หล่อ เท่ คือผมเอง” เด็กฟลอยด์บรรยายสรรพคุณตัวเองจบก็ถูกเขกหัว คราวนี้ไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นพ่อเพื่อน กรพัฒน์เขกหัวทั้งเกนและฟลอยด์เพราะทั้งคู่มัวแต่ชวนปูนคุย “พ่อเพื่อนมือหนักเหมือนเดิม”

   “จริงๆ”

   ปูนขำน้อยๆ เมื่อเด็กสองคนคลำศีรษะตัวเองป้อยๆ ก่อนจะพูดอะไรมากกว่านี้ ทั้งสามก็ถูกเรียกให้เข้าไปช่วยด้านใน ตอนนี้บนโต๊ะอาหารมีหม้อสุกี้ที่ตั้งน้ำรออยู่แล้ว กับกระทะสำหรับปิ้งหมู

   “ป้าแก้วล่ะ” กรพัฒน์ถามหาแม่บ้าน ตั้งแต่เข้ามายังไม่เห็น

   “เกนให้กลับไปแล้ว วันนี้ลูกป้าไม่สบาย อะพี่ปูน หมูหมักอันนี้อร่อย” เกนตอบเสร็จก็คีบหมูที่ปิ้งสุกใส่จานให้แขกของงาน

   “ขอบคุณครับ” ปูนตอบรับพร้อมรอยยิ้มหวาน

   “แกไล่ไปแล้วๆ ใครจะหมักหมูที่ป๋าซื้อมา” กรพัฒน์เหล่ตามองข้าวของที่ซื้อมาใหม่ คิดจะให้แม่บ้านทำให้แท้ๆ แต่เสียงลากเก้าอี้ดังขึ้น ร่างสูงหันหน้ามามอง “ปูนจะไปไหน”

   “เดี๋ยวปูนทำเอง” ปูนว่า สามหนุ่มต่างวัยมองหน้ากันอย่างงงๆ “ปูนทำเป็น อร่อยด้วยนะ”

   “ฟลอยด์เชื่อ” เด็กหนุ่มแทรกขึ้นมาทันที เลยถูกฝ่ามือสองขนาดทำโทษที่ทำเกินหน้าเกินตา “มือหนักทั้งพ่อทั้งลูก”

   ปูนขำส่งท้ายก่อนจะเดินเข้าครัว มือขาวหยิบจับอะไรดูคล่องแคล่วจนคนด้านนอกตาโต ดูเหมือนหมูปิ้งจะไม่เป็นที่สนใจสักเท่าไหร่ หลายชิ้นที่เริ่มมีกลิ่นไหม้ คนยืนหน้าเตาก็รีบเขี่ยทิ้งลงถังขยะเพื่อกลบเกลื่อนหลักฐานว่าพวกเขาอยากกินหมูฝีมือปูนมากกว่า รอไม่นาน ชามหมูที่หมักได้ที่ก็ออกมา บรรดาคนเฝ้ารอต่างก็ปรบมือเสียงดัง

   “อะไรกันครับเนี่ย” ปูนแปลกใจที่สามหนุ่มเอาแต่จ้องหมูในชาม

   “หิวน่ะสิ” กรพัฒน์ว่า ชายหนุ่มรีบจัดแจงเอาเนื้อหมูลงกระทะทันที สร้างความแปลกใจให้คนอยู่ในครัวไม่น้อย ก็ดูจากหมูในชามเดิมก็หมดไปตั้งเยอะ เผลอๆ อาจจะอิ่มแล้วด้วยซ้ำ “ทำไมหมูสุกช้าเนี่ย”

   “มันเพิ่งลงปิ้งเอง ใจร้อนจริง” แล้วเจ้าของห้องก็ถูกหัวเราะรอบวง

   มื้อนี้ช่างมีความสุขเสียจริง มีทั้งเสียงหัวเราะ เสียงบ่น เสียงเพลงจากเด็กอยากโชว์เสียง รวมทั้งคำหยอดหวานๆ ของเจ้าของห้องที่มอบให้แขกคนน่ารัก

   เมารักยังดีกว่าเมาเหล้า เพิ่งรู้ตอนนี้นี่เอง

   “ป๋าเติมน้ำให้พี่ปูนด้วย” เกนหยุดเล่นกีต้าร์แล้วตะโกนบอก แม้จังหวะเพลงจะหาย แต่คนร้องอย่างฟลอยด์ก็ยังคงโชว์ความไพเราะได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน

   “รู้ดีจริง แกเนี่ย” กรพัฒน์ใช้ตะเกียบชี้หน้าลูกชายพร้อมรอยยิ้ม แม้ลูกชายจะอยู่ห่างแต่ก็เห็นปริมาณน้ำในแก้ว อวดรู้มากที่สุด “กินเยอะๆ นะปูน”

   “แค่นี้พุงก็ยื่นแล้วครับ” ปูนหัวเราะ อาหารมื้อนี้เขากินไปมากจริงๆ ปกติแล้วมื้อเย็นแทบจะกินน้อยมาก ไม่ได้รักษารูปร่าง แต่เพราะกว่าจะถึงห้องพักก็ต้องทำความสะอาดห้องอีก เวลากินข้าวเลยน้อยตามไปด้วย “น้องเขาเสียงดีนะครับ”

   “เรียนร้องเพลงตั้งแต่เด็ก มันก็ต้องเพราะละนะ” กรพัฒน์ว่า เขาก็ส่งลูกชายไปเรียนเหมือนกัน แต่เกนกลับชอบกีต้าร์มากกว่า “อีกอย่าง ต้นทุนเสียงคงจะดีด้วย”

   “นั่นสิครับ” คำตอบเสียงใสทำให้กรพัฒน์แอบมอง นัยน์ตาสวยเป็นประกายยามมองเพื่อนลูกร้องเพลง จนอดที่จะอิจฉานิดๆ ไม่ได้

   “พี่ก็ร้องเพราะนะ” และอดไม่ได้ที่จะพรีเซ็นต์ตัวเอง
 
   “จริงเหรอครับ” ดูเหมือนจะได้ผล ปูนรีบหันมามองหน้าเขาทันที

   “จริงสิ ถ้าปูนอยากฟัง พี่ร้องให้ฟังทุกวันเลย”

   “ขี้อวดจริง”

   “เอ๊า พี่พูดจริงนะ โทรไปร้องให้ฟังทุกเช้า ทุกค่ำเลยก็ยังได้”

   “มันจะหลอนๆ นะครับนั่น”

   “โธ่ ปูนพูดซะพี่หมดความมั่นใจเลย” 

   แล้วเสียงเพลงด้านหน้าก็ไม่ได้รับความสนใจอีก กรพัฒน์แหย่ปูนบ้าง แกล้งบ้าง หลายครั้งก็หยอดคำหวานซะจนปูนต้องแกล้งโก่งคออาเจียน บรรยากาศของทั้งคู่ดูผ่อนคลายมากกว่าเดิม ปูนก็ดูไม่อึดอัดยามถูกแหย่อย่างช่วงแรกๆ ที่รู้จัก ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการสานสัมพันธ์ต่อไป


   เชื่อผู้ใหญ่หมาไม่กัด อย่างที่เขาว่าไว้ ตื้อเท่านั้นที่จะได้ใจเธอมาครอง


   “ผู้สูงวัยครับ รบกวนสนใจเด็กอย่างพวกเราด้วยครับ” เกนพูดออกไมค์

        “เดี๋ยวเถอะ” กรพัฒน์ถลึงตาใส่ลูกชาย ก่อนเสียงหัวเราะจะดังลั่นห้อง

   ภาพแห่งความสุขเช่นนี้ เป็นภาพที่หาได้ยาก แม้แต่เสียงหัวเราะ ก็แทบหาไม่ได้ในห้องๆ นี้ ห้องที่มีแค่เอาไว้นอนตอนง่วงและทิ้งไว้ให้ร้างตอนไปทำงาน จากวันนี้ไป ห้องๆ นี้จะมีควาทรงจำใหม่ที่ดีมากกว่าเดิม

   “พี่ปูนมาร้องเพลงให้พวกเราฟังหน่อยสิครับ” เสียงเรียกร้องจากเด็กๆ และคนตัวโตข้างๆ แต่ปูนก็โบกมือปฏิเสธ “มาเถอะ เสียงไม่เพราะไม่เป็นไร พวกเรา...รับได้ทุกอย่าง แคลชมา” แล้วเสียงทำนองคาราโอเกะก็ดังขึ้นพร้อมกีต้าร์ถูกวางไว้ที่เดิม ฟลอยด์กับเกนช่วยกันร้องเพลงจนจบ และต่ออีกหลายต่อหลายเพลง



   ในที่สุด งานเลี้ยงทุกงานก็ย่อมมีการเลิกรา ปูนช่วยเจ้าของห้องเก็บของไปไว้ที่อ่างล้างจาน เพื่อรอให้แม่บ้านมาทำความสะอาด หลังจากเก็บของเสร็จ ปูนก็เตรียมตัวกลับ

   “พี่ปูนมาบ่อยๆ นะ” เกนทำตาละห้อยเมื่อปูนจะออกจากห้อง

   “พี่ต้องทำงานน่ะสิ” ปูนยิ้มหวาน มือขาวยกขยี้ผมดำของเด็กหนุ่มตรงหน้า

   “แล้วเมื่อไหร่จะว่างอีกล่ะ...ป๋า” พอเห็นว่าทำอะไรไม่ได้ เกนก็หันไปหาพ่อตัวเอง

   “เอาน่า ถ้าพี่เขาว่างเราก็ค่อยจัดอีก” กรพัฒน์ว่า

   “จริงนะ” ดวงตาเป็นประกายของเกนทำให้ปูนต้องพยักหน้ารับ

        “แล้วฟลอยด์ล่ะ กลับยังไง” ปูนหันไปมองเด็กอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
 
   “วันนี้ผมนอนกับไอ้เกนครับ พี่ปูนไม่ต้องห่วง...” พูดไม่ทันจบ ฟลอยด์ก็ถูกฝ่ามือของเพื่อนตบเข้าศีรษะ แล้วเด็กทั้งสองก็วิ่งไล่เตะกันกลับห้องอีกฝั่ง ทิ้งให้ผู้ใหญ่สองคนมองตามแล้วส่ายหน้า

   เป็นเด็กมันก็ดีแบบนี้แหละ เครียดปุ๊บเดี๋ยวก็ลืม




*****


   กรพัฒน์ขับรถไปส่งปูนที่หอพัก ภายในรถมีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะดังตลอดทาง ภาพของช่วงเช้าแทบไม่ได้เห็น หลายครั้งที่เจ้าของรถหาเรื่องคุยไม่ได้ ก็จะเป็นปูนที่หาเรื่องมาชวนคุยแทน

   “ปูนคิดจะทำงานกับโรสไปอีกนานเท่าไหร่หรือ” คำถามที่ชวนให้ปูนต้องขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “อย่าตีความหมายคำถามพี่ผิดนะ พี่แค่อยากรู้ ไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย” รีบแก้ตัวเสียงสูง

   “คงทำไปเรื่อยๆ จนกว่าพี่โรสจะไล่ออกละมั้งครับ” ปูนขำน้อยๆ ก่อนตอบ “ทำที่นี่ก็มีความสุขดี อยู่กับดอกไม้ทุกๆ วัน ก็สดชื่นดี”

   “แล้วคิดอยากหางานอื่นทำไหม” คราวนี้ปูนถึงกับหันไปมองหน้า “อย่างเช่น มาทำงานกับพี่”

   ปูนมองหน้าคนถามนิ่ง ปล่อยให้ภายในรถมีแต่ความเงียบ ทำแบบนั้นแล้ว คนถามก็เริ่มกดดันเอง แต่พอเห็นริมฝีปากแดงค่อยๆ เผยรอยยิ้ม ก็อยากถอนหายใจออกมา

   “ปูนทำอะไรไม่เป็นหรอกครับ ถ่ายรูปก็ไม่เป็น ถ้าให้จัดฉากก็คงพอไหว” จากที่เคยไปสัมผัสงานสองวันที่ผ่านมา ปูนรู้เลยว่า พนักงานที่นั่นทำงานกันหนักมากจริงๆ แต่ทุกคนก็ทำด้วยความรักเพื่อให้งานทุกงานออกมาดีที่สุด

   “พี่ไม่ให้ปูนจัดฉากหรอกน่า” เจ้าของบริษัทหนุ่มหัวเราะ “สนใจงานเลขาไหม”

   “ปูนไม่ได้เรียนมา ทำไม่เป็นหรอก”

   “ของแบบนี้มันฝึกกันได้ ถ้าปูนสนใจ พี่เต็มใจสอนให้นะ” พูดเสร็จก็ขยิบตา

   “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ กลัวเสียเวลาพี่กร” เป็นคำปฏิเสธที่ถนอมน้ำใจคนชวน “อีกอย่าง มีคนเก่งๆ คอยช่วยน่าจะดีกว่าคนไม่เป็นงานอะไร”

   “ปูนละก็ ทำให้พี่ดีใจเก้อ คิดว่าสน” กรพัฒน์แกล้งทำหน้าเง้างอด ที่จริง ก็เสียดายมากนั่นแหละ

   “ปูนพูดตอนไหน พี่กรขี้ตู่ไปเอง”

   “เอ๊า”

   ท่าทางเหมือนเด็กแต่รูปร่างไม่ให้ สร้างเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี ขนาดเจ้าตัวยังรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะ แต่ทำแบบนี้แล้วคนข้างๆ มีเสียงหัวเราะก็พอไหว



   รถหรูเคลื่อนเข้าจอดลานด้านหน้าหอพักสภาพครึ่งใหม่ครึ่งเก่า ประตูรถสองฝั่งเปิดออก เพราะข้าวของที่เตรียมมามากจนคนเดียวถือไม่หมดแน่นอน กรพัฒน์เลยอาสาช่วยถือ และเป็นข้ออ้างที่จะได้ขึ้นห้องของปูนด้วย อยากรู้ว่าอยู่นอนยังไง สะดวกสบายหรือลำบากแค่ไหน

   ปูนเดินนำกรพัฒน์มาถึงห้องตัวเอง ประตูไม้อัดสีน้ำตาลเปิดออกโดยง่าย ความมั่นคงแข็งแรงดูจะไม่ค่อยมีซะด้วยซ้ำ พอเดินเข้ามาในห้อง หากเทียบกับห้องของกรพัฒน์แล้ว ทั้งห้องนี้ขนาดเท่าห้องนอนสำหรับรับแขกเท่านั้น ร่างสูงมองไปรอบๆ ห้องอย่างพิจารณา

   “พี่ว่าห้องนี้ดูไม่ค่อยปลอดภัยนะ” คนเพิ่งเคยมาครั้งแรกเริ่มว่า “ระเบียงก็ไม่มีกรง ประตูก็ไขเข้ามาง่ายมากเกินไป แถมยามก็ไม่มี”

   “พี่กรคิดมากหรือเปล่าครับ หอราคาแค่นี้ ถือว่าดีแล้วนะ” ปูนจัดของสดเข้าตู้เย็นขนาดเล็ก ตอนแรกปฏิเสธแทบตาย สุดท้ายกรพัฒน์ก็หิ้วมาใส่รถให้จนได้

   “แต่มันไม่ปลอดภัย ทั้งทรัพย์สิน แล้วก็ตัวปูนเอง” กรพัฒน์ประเมินจากภาพรวมและหน้าตาของปูน ห้องเล็กๆ กับบานประตูไม้อัดมันขวางพวกคิดร้ายไม่ได้หรอก “พี่ว่า ปูนหาที่อยู่ใหม่เถอะ”

   “ปูนอยู่ที่นี่มาเป็นปีแล้ว ไม่เห็นมีอะไร พี่กรเคยอยู่แต่ที่หรูๆ สะดวกสบาย พอเจอห้องแคบๆ ก็คงไม่ชิน” ปูนพูดปนขำ ที่อยู่คนรวยกับคนหาเช้ากินค่ำ มันจะไปเหมือนกันได้ยังไง

   “ไม่ใช่ไม่ชิน แต่นี่มันแบบ...”

   “ปูนอยู่ได้สบาย พี่กรไม่ต้องห่วง ขอบคุณนะครับ”

   ดูเหมือนทุกอย่างจะเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งก็ดึกมาก กรพัฒน์เลยขอตัวกลับโดยปูนออกมาส่งหน้าประตูห้อง ร่างผอมยิ้มหวานอย่างเคยเป็นการบอกลา จังหวะที่ร่างสูงจะเดินไป มีชายหนุ่มสองคนเดินสวนมา ทั้งคู่ต่างก็จ้องมองปูนที่ยังยืนอยู่หน้าประตู เพียงแค่นี้ ความอดกลั้นในความเป็นห่วงของเขาก็หมดลง กรพัฒน์ยื่นมือไปจับแขนขาวไว้

   “พี่ว่า...”

   “อ่าวน้องปูน หายไปไหนมาเนี่ย ตอนเย็นพวกพี่ว่าจะชวนไปกินส้มตำ เคาะห้องไม่ตอบ”

   ยังพูดไม่จบ ชายหนุ่มสองคนที่เดินผ่านมาก็เอ่ยทัก คำพูดกับกิริยาตุ้งติ้งที่เห็น ทำเอากรพัฒน์ตาโต ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆ คลายออก

   “พอดีปูนไปธุระมา นี่ก็เพิ่งกลับมาถึงห้อง เสียดายจัง” ยิ่งร่างผอมที่ยืนอยู่ข้างโต้ตอบกลับไป ยิ่งต้องเพิ่มความแปลกใจ ทำไมดูสนิทกันขนาดนี้

   “งั้นพรุ่งนี้ไปกินกัน นัดแล้วห้ามเบี้ยวนะ ว่าแต่ นี่ใคร แฟนปูนเหรอ?” การชักชวนกินส้มตำหยุดลงเมื่อหนุ่มหล่อหน้าตาดีกลายเป็นที่สนใจแทน “ร้ายนะเนี่ยน้องปูน มีแฟนหล่อมากอะ”

   “ไม่ใช่แฟนปูนสักหน่อย”

   “ไม่ต้องเขินหรอกน่า แฟนหล่อนะเนี่ย โชคดีมากนะคะที่เป็นแฟนน้องของเรา ทั้งน่ารัก ทั้งใจดี ทำกับข้าวก็อร่อย ที่สำคัญ คุณชนะผู้ชายในตึกที่หวังจีบน้องปูนเลยนะ”

   “นั่นสิ พวกมันรู้ต้องอกแตกตายแน่”

   “เดี๋ยว ไม่ใช่ครับ เดี๋ยว”

   ไม่ทันซะแล้ว สองหนุ่มช่างเม้าท์เดินสะบัดก้นกลับห้องไปแล้ว ปูนร้องเรียกยังไงก็ไม่หันกลับมา ต่างจากกรพัฒน์ที่ตอนแรกดูตกใจและแปลกใจ แต่ตอนนี้กลับยิ้มกริ่ม ในหัวมีแต่คำพูดที่ได้ยินเมื่อสักครู่ เขาเป็นแฟนปูน แถมยังชนะผู้ชายในตึกที่จีบปูน....เดี๋ยวนะ ผู้ชายในตึกที่จีบปูน แปลว่าต้องเยอะมาก?

   เริ่มชักไม่ได้การซะแล้ว

   “พี่กลับก่อนนะ” กรพัฒน์บอกแบบเบลอๆ เพราะตอนนี้กำลังคิดเรื่องมีคู่แข่งมาก

   “ครับ” เหมือนคนลากลับจะไม่ทันเห็นการโบกมือลาซะด้วยซ้ำ เพราะดูเหม่อลอยเดินหนีไปซะก่อน หวังว่าจะไม่เดินชนอะไรเข้านะ



**

   และสิ่งที่ปูนคิดไว้มันมากกว่านั้นซะอีก กรพัฒน์แทบตกบันไดเพราะความเหม่อ ยังโชคดีที่บันไดแคบและมีราวจับ ความไวทำให้คว้าไว้ได้ทัน แต่ตอนนี้ใจหายลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ขืนเขาจับราวไม่ทัน ไม่ใช่หัวใจแน่ที่ร่วง ตัวเขานี่แหละที่จะร่วงลงไป โอกาสนอนเดี้ยงเป็นผักอยู่บนเตียงมีสูงมาก

   แม้จะรอดจากการตกบันได แต่ความเหม่อก็ทำให้เปิดประตูรถไม่ได้ กรพัฒน์พยายามดึงประตูรถจนสัญญาณกันขโมยดังลั่น เสียงสัญญาณคล้ายกับเรียกสติ ชายหนุ่มตบไปทั่วตัวเพื่อหากุญแจรถ ก่อนจะมีแรงสะกิดจากด้านหลัง คนสะกิดไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนที่ทำให้สติสตางค์ของกรพัฒน์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนั่นเอง ก่อนที่จะพูดอะไร ฝ่ามือขาวก็แบออก บนนั้นมีกุญแจรถที่หาเมื่อครู่

        “ยังไม่แก่แต่ขี้ลืมแล้วนะครับเนี่ย” ปูนว่าขำๆ

   “พี่ก็ว่าทำหายไว้ไหน ขอบใจนะ” คนลืมยิ้มอาย สงสัยจะลืมวางไว้บนโต๊ะ กรพัฒน์กดปิดสัญญาณเตือนก่อนเสียงมันจะเรียกคนให้ลงมาดู “แล้วนี่พี่ต้องขึ้นไปส่งปูนอีกใช่ไหม” ไม่ว่าเปล่า กรพัฒน์ทำท่าจะหมุนตัวกลับ แต่ถูกปูนห้ามไว้

   “จะส่งปูนทำไม พี่กรนั่นแหละ รีบกลับบ้านได้แล้วๆ อย่าเหม่อจนเผลอไปชนรถท้ายใครเข้าล่ะครับ เรียกสติ ฮึบๆ” ปูนอ้าปากขยับแขนเป็นปีกแม่ไก่ให้กรพัฒน์ทำตาม ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำตามจริงๆ กว่าจะรู้ตัวว่าปล่อยไก่ก็หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “กลับบ้านดีๆ นะครับ”

   “ครับ ฝันดีนะปูน”

   “ฝันดีเช่นกันครับพี่กร”

   ปูนยืนรอจนรถหรูหายไปจากสายตาถึงเดินย้อนกลับขึ้นห้อง กรพัฒน์คงจะเป็นคนดีจริง แต่ก็ไม่ใช่คนที่ตัวเองจะยุ่งเกี่ยว...คนรวยกับคนจน เส้นแบ่งมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเป็นมากกว่าคนรู้จักไม่ได้ 



...TBC

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-7-





        ร้านดอกไม้ยังคงเปิดอย่างเช่นทุกวัน ดูเหมือนวันนี้ลูกค้าจะแน่นกว่าที่เคย ทำให้ปูนแทบไม่มีเวลาจับโทรศัพท์ตัวเอง แม้จะมีเสียงเตือนอยู่หลายครั้ง

   “อิจฉาเด็กๆ ที่รับปริญญาจังเลยน้า” โรสเปรยออกมาหลังจากลูกค้าออกจากร้านหมดแล้ว 

   “พี่โรสก็รับไปแล้วนี่ครับ จะอิจฉาอะไรอีก” ปูนว่า มือขาวเก็บกวาดพื้นที่เต็มไปด้วยเศษกระดาษและใบไม้

   “ก็แหม ตอนพี่รับไม่เห็นจะได้ดอกไม้สดเลยนี่นา” คนสวยทำหน้าเง้างอด

   “แล้วได้อะไรหรือครับ ลูกโป่ง?”

   “ดอกไม้นั่นแหละ” ปูนพยักหน้าเมื่อได้ยินคำตอบ ก่อนจะตาโตเมื่อได้ยินคำถัดมา “แต่เป็นดอกไม้จากเงินนะ แม่พี่จ้างให้เขาทำ”

   “โห ปูนว่าพี่โรสน่าอิจฉากว่าคนที่ได้ดอกไม้สดอีกนะครับเนี่ย” ปูนหัวเราะออกมาพร้อมๆ กับโรส “ดอกไม้สดก็สวยช่วงแรกๆ นานๆ วันเข้าก็เหี่ยว แต่ดอกไม้ที่ทำจากเงิน กระเป๋าแบนก็แกะออกมาใช้ ดีจะตาย”

   “นั่นน่ะสิ ทุกวันนี้ก็เหลือแต่ช่อเท่านั้นแหละ เพราะพี่แกะออกมาใช้หมดแล้ว” คนได้ดอกไม้ราคาแพงพูดติดตลก “ว่าแต่ ปูนก็รับนี่ ไม่ไปซ้อมเหรอ”

   “ปูนกะว่าจะไม่ไป รอให้ส่งมาที่หอดีกว่า”

   “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะปูน”

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ” ปูนพยายามหลบสายตา แสร้งจะเดินเข้าหลังร้านแต่ถูกเจ้าของร้านจับไว้ซะก่อน

   “บอกพี่สิ ปูนไม่มีเงินเหรอ” แม้ไม่อยากถามเรื่องนี้ แต่ก็อดไม่ได้ หากขาดเหลือตรงไหน เธอก็สามารถช่วยได้ทุกเรื่อง “พี่ช่วยปูนได้นะ”

   “ไม่ใช่หรอกครับ คือปูน...” ร่างผอมเม้มริมฝีปากแน่น อึกอักไม่อยากพูดต่อ

   “ปูนก็เป็นน้องชายที่พี่รัก มีอะไรบอกพี่ได้เสมอ ปูนก็รู้นี่” ท่าทางแบบนั้นจะไม่ให้ห่วงก็คงไม่ได้ “แต่ถ้าปูนไม่ไว้ใจพี่ก็ไม่เป็นไรนะ”

   “พ่อกับแม่ปูนอยู่ไหนก็ไม่รู้ อีกอย่างญาติปูนก็ไม่มี...” กลัวว่าโรสจะเข้าใจผิด ปูนรีบพูดออกมาหลังจากเห็นสีหน้าของนายจ้างสาว

   “โธ่ ปูน ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ พี่ก็อยู่นี่ไง เดี๋ยวให้แม่พี่ทำดอกไม้แบงค์ใหญ่ช่อโตๆ ให้”

   “พี่โรสละก็” ความอบอุ่นทั้งน้ำเสียงและฝ่ามือนุ่มที่กำลังลูบศีรษะทุย ทำเอาคนฟังยิ้มทั้งน้ำตา “ขอบคุณนะครับ”

   “ปูนก็น้องพี่นี่นา ช่างมันเถอะ ถ้าปูนไม่อยากรับก็ไม่ต้องรับ ชีวิตคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเข้ารับปริญญาสักหน่อย มันอยู่ที่นี่ ในหัวใจนี้ กับอีกสองมือที่ไม่ได้ใส่ครีมบำรุง” โรสพยายามปลอบใจคนเศร้าด้วยการพูดติดตลก รู้สึกสงสารปนเห็นใจ ไม่ว่าจะเรื่องไหนเธอพร้อมเสมอหากปูนมีเรื่องให้ช่วย รอแค่เจ้าตัวเอ่ยออกมาก็เท่านั้น “อยากกินหมูปิ้งจังเลยน้า”

   “หมูปิ้ง? พี่โรสลดความอ้วนไม่ใช่หรือครับ” ปูนยิ้มบางๆ รู้ว่าเจ้านายคนสวยคงอยากจะทำให้เขาหายเศร้า “ปูนไม่เป็นไร ขอบคุณนะครับ”

   “ว้า รู้ทันอีก ไปหาขนมกินดีกว่า” แค่เห็นว่าปูนดีขึ้น โรสก็เบาใจ เด็กคนนี้เข้มแข็งมากกว่ารูปร่างเสียอีก พูดแล้วก็อิจฉา คนอะไรกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เป็นโรคร้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่างเธอถ้าไม่คุมอาหารดีๆ น้ำหนักขึ้นแน่นอน สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย




***



   ด้านปูนที่เก็บของเรียบร้อยก็กลับมานั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ตามเดิม ไม่นานเสียงกระดิ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ร่างผอมรีบฉีกยิ้มพูดต้อนรับอย่างเช่นทุกที ลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาสวมเดรสสีชมพูอ่อนยาวครึ่งตัวเข้ากับรูปร่างที่สูงชะลูดอย่างกับนางแบบ ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้าน แว่นตาสีดำก็ถูกเกี่ยวออกมาถือ ปากเคลือบลิปสติกสีแดงฉีกยิ้มบางๆ ให้กับคนเอ่ยต้อนรับ

   “เจ้าของร้านอยู่ไหมคะ”

   “อยู่ครับ เดี๋ยวผมจะไป...”

   “คริสตี้?”

   ยังไม่ทันได้พูดจบ เสียงโรสก็ดังลั่นร้าน เจ้าของเสียงรีบเดินออกมาด้วยใบหน้าที่ดูแปลกใจ ปูนได้แต่มองเมื่อโรสดึงแขนผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาไปนั่งที่โต๊ะ ท่าทางดูสนิทสนมกันมาก คงจะเป็นเพื่อนกัน พอคิดได้เช่นนั้น ปูนก็รีบเดินไปหาของว่างมาเสิร์ฟ

   ขนมคุ๊กกี้ที่ทำเองถูกวางเรียงบนจานสวยพร้อมชามะลิหอมๆ ปูนยกออกไปให้แขกของเจ้าของร้าน ยอมรับเลยว่า เมื่อกี้ตอนผู้หญิงคนนั้นเข้ามา หัวใจเขาแอบเต้นแรง เพราะความสวย สมบูรณ์แบบ

   “ขอบใจจ้ะ” โรสยิ้มให้ เหมือนกับที่แขกของเธอยิ้มบางๆ

   ปูนกลับมาประจำที่เคาน์เตอร์เพื่อรอลูกค้า เสียงพูดคุยของสองสาวดังมาเป็นระยะ จนมีชื่อคนที่ปูนรู้จักถูกหยิบยกขึ้นมา แต่เสียงคุยกลับเบาลงไปซะอย่างนั้น หลายครั้งที่ปูนรู้สึกว่า โรสกำลังมองมา พอสบตากัน ดวงตาคู่สวยนั้นก็รีบเสไปมองอีกทาง


   เหมือนมีพิรุธอย่างน่าสงสัย


   เกือบชั่วโมงที่สาวสวยทั้งสองจะลุกจากเก้าอี้ ปูนเงยหน้ายิ้มให้อย่างเป็นมิตรเมื่อแขกของโรสเดินเข้ามาหา

   “ขนมอร่อยมากค่ะ”

   “ขอบคุณครับที่ชอบ”

   ปูนยิ้มกว้างรับคำชม สาวสวยร่างสูงหันไปบอกลาโรสที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนนิ้วยาวจะสวมแว่นปกปิดดวงตาจากแสงแดดตามเดิม ท่าทางการเดินดูคล้ายกับหงส์ ช่างสง่างามจริงๆ

   “สวยจังนะครับ” อดไม่ได้ที่ชื่นชม ขนาดปูนไม่ชอบผู้หญิง ยังเหมือนตกหลุมรักซะให้ได้

   “สวยสิ นางแบบอินเตอร์นี่” โรสว่า หญิงสาวนั่งเก้าอี้สูงด้านหน้า ใช้ข้อศอกค้ำเคาน์เตอร์ไว้ “สงสัย พายุกำลังจะตั้งเค้าแน่นอน” โรสพูดจบ ปูนก็รีบวิ่งไปเกาะประตูดูท้องฟ้า จนคนพูดเปรยหัวเราะ “พี่หมายถึงพายุอารมณ์ ไม่ใช่พายุฝน ปูนละก็”

   “อ่าว ก็ปูนไม่รู้นี่นา” แอบเขินนิดๆ “เพื่อนพี่โรสหรือครับ”

   “ใช่ เพื่อนสมัยเรียนน่ะ สวยเนอะ ชีวิตน่าอิจฉาไปหมด” น้ำเสียงเนือยๆ ดูเหมือนไม่ได้อิจฉาจริง “สำหรับเมื่อก่อนนะ” ปูนยิ้มไม่ตอบกลับอะไร เพราะไม่รู้จะออกความเห็นเรื่องใดได้ในเมื่อไม่รู้จัก “เพื่อนพี่ชื่อคริสตี้นะ”

   “อ่าครับ” ไม่รู้ความหมายที่โรสบอกชื่อหรอก แต่ปูนก็ขานรับ

   “ไม่อยากรู้จักหรือ”

   “ปูนต้องรู้หรือครับ” ไม่ได้ตั้งใจตีรวน แต่เพราะสงสัยจริงๆ

   “ที่จริง ไม่ต้องรู้จักก็ได้ เพราะมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับปูน ก็แค่...เมียเก่าของกร แค่นั้น” โรสหยักไหล่พูดเหมือนไม่ใส่ใจ แต่หางตาแอบมองปฏิกิริยาของปูนอยู่ และเห็นว่าน้องชายที่น่ารักของเธอชะงักไป “เฮ้อ ไปหาอะไรกินต่อดีกว่า” แกล้งทำเป็นจะลุก แต่ก็ถูกมือขาวจับแขนเอาไว้ โรสยิ้มพรายออกมาเมื่อปูนติดกับ “ปูนอยากรู้จักแล้วเหรอ”

   “ก็...นิดหนึ่ง” น้ำเสียงอ้อมแอ้ม ดวงตากลมกรอกไปมาไม่กล้าสบตาตรงๆ “แต่ถ้าพี่โรสไม่อยากเล่าก็...”

   “คันปากจะตาย ทำไมถึงไม่อยากเล่าล่ะ” โรสกระตือรือร้นขึ้นมา หญิงสาวขยับตัวมานั่งตามเดิม พร้อมหันซ้ายหันขวามองเผื่อลูกค้าจะมาขัดจังหวะ “พี่ก็ไม่ได้อยากจะเม้าท์เพื่อนหรอกนะ แต่เพราะเป็นห่วงปูนนั่นแหละ”

   “ห่วงปูน? เรื่องอะไรหรือครับ เพื่อนพี่เกี่ยวกับปูนด้วยเหรอ”

   “ก็ไม่ได้เกี่ยวโดยตรงหรอกนะ แต่ไม่เกี่ยวเลยก็ไม่ใช่ เพราะกรมาตอแยปูนอยู่” ฟังกลายๆ คล้ายกับละครในทีวีสักเรื่อง “คริสตี้อาจจะไม่มายุ่งกับปูนหรอก แต่ปัญหาจากตัวเธอ จะมาทำให้ปูนวุ่นวาย”

   “ปัญหา? วุ่นวาย? ปูนไม่เข้าใจ”

   “คืองี้นะ พี่จะเล่าตั้งแต่ต้น นี่พี่ไม่ได้อยากจะเม้าท์หรอกนะ” ปูนเผลอหลุดขำออกมาก่อนปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้ง “เมื่อสมัยพวกเรายังเรียนมหาวิทยาลัย พี่กับคริสตี้เนี่ย ก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน จะว่าสนิทไหมก็ระดับหนึ่ง คริสตี้ชวนเพื่อนในกลุ่มไปแคสงานถ่ายแบบ แล้วบังเอิญมีเขากับพี่ที่ผ่าน ครั้งนั้นเราทั้งคู่ได้ขึ้นปกนิตยสารครั้งแรก อย่างที่ปูนเห็น คริสตี้มีเสน่ห์มาก ทำให้หลายคนชอบ โดยเฉพาะตากล้อง พวกเราทั้งคู่ได้นามบัตรจากตากล้องพร้อมการชักชวนเข้าสังกัด ตอนนั้นน่าตลกมาก สังกัดที่ว่าไม่มีชื่อเสียงอะไรเลยถ้าเทียบกับที่อื่นๆ แต่เพราะความสามารถของตากล้องรวมทั้งหน้าตาของเขา ไม่สิ ความสามารถก็พอ เราเชื่อว่า สักวันรูปของเรา งานของเราต้องโด่งดังเป็นที่รู้จัก ไม่รู้ทำไมถึงเชื่อแบบนั้นนะ”

   ปูนตั้งใจฟังการเล่าเรื่องราวของโรสในอดีต ซึ่งบางอย่างก็ทำให้กระจ่างแจ้ง อย่างเช่น ตอนถ่ายหนังสือ ทำไมโรสถึงโพสท่าได้เป๊ะเหมือนนางแบบมืออาชีพ รวมทั้งชำนาญทางในตึกนั้นที่ดูซับซ้อนไปหมด เพราะเคยเป็นนางแบบของที่นั่นมาก่อนนี่เอง
 
   “พวกพี่เริ่มได้ถ่ายงานสวยๆ ปกดีๆ จากการผลักดันของสังกัดที่ไม่คิดว่าจะทำได้ จนได้ถ่ายปกหนังสือหัวนอกที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ตอนนั้นแหละ สังกัดพวกเราถึงเริ่มมีชื่อขึ้นมา มีนางแบบ นายแบบสนใจเข้ามาสมัครกันมาก มันเหมือนเริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อนจะค่อยๆ เติบโต ผลิใบ ออกดอกออกผลที่สวยงาม”

   ใบหน้าสวยดูมีความสุขเมื่อได้ย้อนกลับไปนึกถึงอดีต ใบหน้าแบบนั้นทำเอาคนจ้องมองต้องยิ้มตาม ก่อนสีหน้าจะค่อยปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

   “มีอะไรเกิดขึ้นหรือครับ”

   “ตอนนั้นความสำเร็จมันเกิดขึ้นไวมาก พวกเราเลยจัดงานฉลอง ทุกคนต่างก็มึนเมาไปกับแสงสีและแฮลกอฮอล์ ความสนุกนั่นทำให้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น เรื่องที่ทำให้กฎของสังกัดต้องสั่นคลอน”

   “รุนแรงขนาดนั้นเลยหรือครับ”

   “ใช่ มันมีกฎข้อหนึ่งในนั้นที่ห้ามคนในสังกัดคบกัน แต่สุดท้าย ตากล้องกับนางแบบก็ได้กันเองด้วยความเมา” โรสย่นหน้าทันที เริ่มไม่ค่อยอยากจะเล่าช่วงนี้สักเท่าไหร่ “ตอนแรกก็คิดจะปิดไว้ แต่เรื่องมันดันบานปลายใหญ่โตขึ้นมาซะก่อน”

   ปูนรู้สึกลุ้นตามในสิ่งที่กำลังจะได้ยิน หากตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ตอนนั้น คงไม่คิดจะลุ้นแบบนี้ คงจะก้มหน้าเครียดจนไมเกรนขึ้นแน่นอน

   “ปกหัวนอกที่พวกพี่ไปถ่าย เกิดสนใจนางแบบแล้วติดต่ออยากขอให้ไปเซ็นต์สัญญาด้วย”

   “พี่คริสตี้ใช่ไหมครับ”

   “ใช่ เขาเลือกคริสตี้ พี่ก็ไม่ได้เสียใจหรอกนะ แต่ก็แอบผิดหวังอยู่ลึกๆ ก็เราไม่สวยเท่าเขานี่เนอะ”

   “พี่โรสของปูนสวยออกครับ” รีบเอ่ยชมทันทีอย่างรู้งาน

   “ปากหวานจริงพ่อคนนี้” โรสยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มของปูนจนแก้มยืด “ก็นั่นแหละ เพราะอนาคตกำลังจะไปได้ไกล แต่กลับมารู้ ว่าตัวเองกำลังท้อง ทุกอย่างเลยพังกันหมด”

   “ท้อง? กับตากล้องน่ะหรือครับ” ปูนย่นคิ้วสงสัย ก่อนหัวคิ้วจะเป็นปมหนักกว่าเดิม เมื่อบางประโยคที่ได้ยินตอนต้นแทรกเข้ามา “ตากล้องที่ว่า พี่กรหรือครับ”

   “ใช่ ตอนนั้นบริษัทแทบลุกเป็นไฟ ทุกครั้งที่พี่เข้าไปโคตรจะไม่มีความสุข กรกับคริสตี้ทะเลาะกันทุกวันเรื่องเด็ก น่าสงสารนะ ที่เด็กต้องเกิดมาจากความผิดพลาดของพ่อกับแม่ แถมแม่แท้ๆ ยังคิดจะทำแท้ง น่าหดหู่ใจจริง”

   “ทำแท้ง?” ปูนเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยิน

   “อืม ทั้งที่เด็กในท้องไม่ได้รับรู้เลยว่าเขามีความผิดอะไร แต่กรก็พาม๊ามาคุยด้วย คริสตี้เลยยอม แต่ก็นะ คนไม่ได้รักกัน อยู่ด้วยกันก็มีแต่จะทะเลาะให้ปวดหัว”

   “พวกเขา แต่งงานกันไหมครับ”

   “แค่ไปสู่ขอยังไม่ได้ทำเลย ครอบครัวคริสตี้ไปอยู่ต่างประเทศหมด แล้วคนแบบนั้นก็ไม่สนใจประเพณีอะไรด้วย แค่อยู่รอเวลาคลอดก็เท่านั้น”

   แทบไม่อยากเชื่อว่ามีแม่ที่ไม่ผูกพันกับลูกในท้องได้ขนาดนี้ อดทนอุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือนแท้ๆ

   “แล้วตอนนั้น พี่โรสทำยังไงหรือครับ”

   “พี่น่ะหรือ ไม่ค่อยสนใจหรอก คิดอยู่อย่างเดียว ว่าอยากไปให้ไกลมากที่สุด”

   “เลยไปเรียนต่อต่างประเทศสินะครับ”

   “พอคริสตี้คลอดเสร็จก็ติดต่อไปที่หนังสือปกหัวนอกนั่น พอรู้ว่าเขายังอยากได้ ก็หอบเสื้อผ้าทิ้งลูกบินไปเริ่มงานใหม่ที่นู้นทันที”

   “ไปตั้งแต่คลอดใหม่ๆ น่ะหรือครับ ทำไมถึงทำแบบนั้นได้”

   “คนบางคนก็อยากมีอนาคตที่ดี มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ โดยที่ไม่สนหรอก ว่าจะทิ้งอะไรไว้ข้างหลังบ้างน่ะ ไม่สนหรอกว่าลูกชายจะหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหน ไม่สนหรอกว่าลูกจะหิวนมไหม จะร้องไห้แล้วมีใครปลอบโยนหรือเปล่า...ปูนร้องไห้ทำไม”

   “ปูนแค่นึกถึงตัวเองนิดหน่อยครับ” คนร้องไห้ไม่รู้ตัวรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ความเหงา เดียวดายจากการไร้ครอบครัวมันทรมานจริงๆ “แล้วเด็กก็อยู่กับพี่กรหรือครับ”

   “อย่างกรน่ะเหรอจะเลี้ยงไหว ม๊าของกรรับไปเลี้ยงแทน แต่พอถึงประถมก็ขอมาอยู่กับพ่อตัวเอง นิสัยแบบนี้ก็มาจากพ่อมันนั่นแหละ รักอิสระ ใครห้ามไม่ฟังหรอก” โรสแขวะเพื่อนสนิทตัวเองจนปูนขำออกมา “แต่กรมันเป็นคนดีนะ รักลูก รักครอบครัว แต่ที่เห็นข่าวเพลย์บอย เจ้าชู้ พวกนั้นก็แค่เปลือกนอกที่ต้องเอาไว้ออกสังคมก็เท่านั้น พี่ว่า ปูนก็น่าจะสัมผัสได้ว่าเพื่อนพี่ เป็นคนดี”
 
   “ไม่ต้องมองปูนแบบนั้นเลย พี่กรกับปูนอย่างมากก็เป็นได้แค่พี่น้องนั่นแหละครับ”

   “ทำไมล่ะ หรือกรมันไม่ใช่สเป็กของปูน หรือมันทำรุ่มร่ามใส่ หนอย”

   “ไม่ใช่ครับ ก็แบบว่า พี่กรเขาดี...”

   “จะบอกว่าดีเกินไปงั้นสิ มันก็ถูกแล้วนี่ ดีเกินกว่าเราน่ะ จะให้คบกับคนที่เลวก็คงไม่ใช่ละมั้ง” โรสแกล้งแหย่เล่น ทำเอาคนโดนล้อหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา “เพื่อนพี่ไม่เคยจีบใครเลยนะ”

   “ส่วนมากเขามานอนรอหรือครับ” โดนพูดดัก โรสเลยหน้ามุ่ยไม่พูดต่อ “ปูนว่า พี่กรต้องได้คนที่ดีและเหมาะสม อย่างพี่โรสก็น่าจะเหมาะ”

   “โอ๊ย อย่าเอาพี่ไปข้องเกี่ยวด้วยเลย อย่างหมอนั่นไม่ใช่สเป็คพี่หรอก พี่ชอบแบบขาวๆ อวบๆ”

   “ผู้หญิงหรือครับ”

   “ซาลาเปาต่างหาก พูดแล้วก็หิวเลย ไปอุ่นดีกว่า ปูนสนใจไหมจ๊ะ”

   ว่าแล้วสาวเจ้าก็รีบลุกไปหลังร้านพร้อมอุ่นซาลาเปาจริงๆ นี่บอกจะลดน้ำหนักทุกวัน แต่ก็ไม่เห็นทำได้ แถมยังกินเยอะซะด้วยซ้ำ

   “พี่โรสอย่าลืมออกกำลังกายนะครับ”

   “ปูนพูดอะไรหยาบคาย ออกกำลังกายอะไร พี่แค่กินรองท้องเท่านั้นแหละ ไม่ได้กินเยอะ”

   ขนาดรองท้องซาลาเปายังตั้งห้าลูก ถ้าเกิดกินจริงๆ ขึ้นมา คงหมดเป็นสิบอย่างแน่นอน

   ปูนขำเจ้าของร้านคนสวยครู่เดียว ก่อนจะมองเหม่อเมื่อนึกถึงเรื่องอดีตที่ได้ยิน อดีตที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก ดังนั้น ปัจจุบันคือสิ่งที่สำคัญและเป็นตัวชี้อนาคตที่จะมาถึง

   หวังว่าทุกเรื่องจะออกมาในทางที่ดี




   กริ๊ง

   “สวัสดีครับ...อ่าวเกน มายังไง”

   “พี่ปูน” เด็กอายุน้อยกว่าวิ่งเข้ามารวบกอด ใบหน้าหล่อมีน้ำตาไหลอาบแก้ม “พี่ปูน” เกนเรียกชื่อคนที่กอดเขาไว้แน่นซ้ำๆ

   “เป็นอะไร ไหนบอกพี่ซิ แล้วมาได้ยังไง” เพราะชะเง้อออกไปนอกร้านก็ไม่เห็นรถที่นั่งประจำ “เกน”

   “เกนไม่ชอบเขา ไม่ชอบ”

   เรื่องอะไรกันที่เกนไม่ชอบ หรือถูกบังคับให้ทำอะไรอีก ปูนพยายามปลอบคนร้องไห้ให้หยุด ตอนนี้คำพูดที่ได้ยินฟังไม่ได้สรรพสักคำ มีแต่เสียงสะอื้นดังอยู่ตลอด แม้แต่โรสยังทำตัวไม่ถูกที่มีเด็กร้องไห้อยู่ในร้าน เธอเลือกที่จะปล่อยให้ปูนจัดการ เดี๋ยวอะไรมันก็คงจะดีขึ้นเอง


...TBC

มาแบบเรื่อยๆ เรียบๆ ค่าาา

ขอบพระคุณค่าาา  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
น่ารักดีค่ะ ปูนเปิดใจมากขึ้น
ชีวิตปูนน่าสงสารเนาะ ต้องเจออะไรมาบ้างน้า ถึงได้เหมือนจะกลัวบางเรื่องขนาดนี้
แล้วเพื่อนปูนคือดีไหม ทำไมกรทำเหมือนเค้ามาไม่ดี แต่ไม่น่าจะดีนะ มีที่ไหน ปล่อยคนเมาไปกับคนขับแท็กซี่เอง
ดีนะ ที่กรตาดี มองเห็น แล้วพอลตาดีกว่าไปอีก 5555

สงสารเกน พุ่งมาแบบนี้คือไปเจอมาแล้วหรอ หรือยังไง

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-8-




       “เกนเป็นอะไร ไหนบอกพี่ปูนซิ” ปูนยื่นมือเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มเกนออก เด็กหนุ่มนั่งสูดน้ำมูกฟืดใหญ่ “แล้วมาได้ยังไง เลิกเรียนแล้วเหรอ”

   “เลิกแล้ว” ตอบกลับปนสะอื้น

   “ดูซิ เป็นหนุ่มหล่อมาร้องไห้ขี้มูกโป่ง แบบนี้สาวไม่มองกันพอดี” ปูนพยายามพูดติดตลก แต่ดูเหมือนเกนจะไม่มีอารมณ์ร่วม ใบหน้าหล่อเป็นสีแดงเนื่องจากร้องไห้หนักมาก่อนหน้า “เป็นอะไรครับ”

   “เกนไม่ชอบ” เด็กหนุ่มยังคงย้ำประโยคเดิม

   “เกนไม่ชอบอะไร”

   “ไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น”

   ปูนหันขวับมองไปโรสทันทีซึ่งหญิงสาวก็เบิกตากว้างตกใจเหมือนกัน ดูท่าทั้งสองคนจะมีความคิดที่คล้ายกันอยู่

   “ผู้หญิงที่ไหน” ช่วงรอคำตอบ ปูนรู้สึกใจเต้น กลัวว่าจะเป็นคนที่คิดไว้

   “ก็ผู้หญิงที่มาชอบไอ้ฟลอยด์เพื่อนเกนอะ”

   แทบจะถอนหายใจออกมาพร้อมกันทั้งปูนและโรส

   “เมื่อกี้เกนว่าไงนะ เกนไม่ชอบผู้หญิงที่มาชอบฟลอยด์? แล้วทำไมเกนไม่ชอบล่ะ” พอปูนถามจบ เกนก็หยุดสะอื้นแล้วปั้นหน้าบึ้ง เด็กหนุ่มเปิดเป้พร้อมหยิบซองสีขาวออกมาให้ปูน “ซองอะไร ผ้าป่าเหรอ”

   “ซองเชิญผู้ปกครองต่างหาก” เกนตอบสีหน้านิ่งเฉย ก่อนเด็กหนุ่มจะจ้องหน้าแล้วส่งสายตาอ้อนวอน “พี่ปูนไปแทนป๋าหน่อยได้ไหมครับ นะๆ” เป็นคำขอที่ทำเอาปูนตาโต

   “พี่เนี่ยนะ ไม่ได้หรอก”

   “ทำไมจะไม่ได้ ป๋าไม่ว่าอะไรแน่นอนเชื่อเกนสิ”

   “ป๋าไม่ว่า แต่ทางโรงเรียนจะว่าน่ะสิ พี่ไม่ได้เป็นผู้ปกครองเกนนะ ไม่เกี่ยวข้องกันเลยด้วย” คำพูดคล้ายจะสะกิดความรู้สึกบางอย่างของเกน ทำให้หน้าหล่อสลดลง คนพลั้งปากพูดก็รีบเม้มริมฝีปากเน้น รู้สึกเหมือนพูดอะไรที่ไม่สมควรพูด แม้จะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ “พี่ขอโทษนะ”

   “พี่ปูนไม่ได้ผิดนี่ครับ ไม่ต้องขอโทษหรอก” เกนว่า “เดี๋ยวเอาไปให้ป๋าก็ได้ ถ้าป๋าไป เกนก็อาจจะโดนเตะแล้วก็ด่าเป็นอาทิตย์ เอาแบบนั้นก็ได้”

   ปูนหันไปมองโรสเพื่อขอความเห็น แต่หญิงสาวกลับยักไหล่ไม่มีความเห็นให้ ปูนเลยได้แต่ขมวดคิ้วเพราะไม่กล้ารับคำขอ ไม่รู้ว่าเรื่องที่ทางโรงเรียนเรียกไปจะเป็นเรื่องไหน หากรุนแรงหรือมีเรื่องสำคัญแจ้งให้ทราบ มันจะไม่ได้การเอา

   “ก็ได้ๆ” สุดท้ายก็ทนเห็นสีหน้าเศร้าซึมไม่ได้ ปูนเลยรับปาก “แต่เกนก็ต้องบอกป๋าก่อน ไม่งั้นพี่ไม่ไปนะ”

   “ได้เลย สบายอยู่แล้ว” เกนยิ้มร่าทันทีราวกับไม่เคยเศร้ามาก่อน แถมยังรู้สึกชอบใจที่ได้ยินปูนเรียกป๋าของเขาว่าป๋า

   “แล้วพี่ต้องไปเมื่อไหร่” ปูนเปิดซองหยิบจดหมายออกมาอ่านรายละเอียด แต่ยังไม่ทันได้อ่านดี คนถูกเรียกก็บอกวันจนกระดาษในมือแทบร่วง

   “พรุ่งนี้”

   “พรุ่งนี้? พี่ต้องทำงานน่ะสิ” ปูนว่า การบอกวันที่กระชั้นชิดแบบนี้ก็ยากไปสักหน่อย

   “ไม่เป็นไร พี่เฝ้าร้านได้ ตามสบายๆ” เสียงบอกดังมาจากเจ้าของร้านคนสวย โรสพูดจบก็รีบเดินหนีเข้าไปหลังร้าน คล้ายกับปล่อยระเบิดแล้วเดินหนีหาย

   จะมีเจ้านายที่ไหนใจดีเท่าเธออีก

   เกนยิ้มหน้าบานเมื่อปูนรับปากแถมโรสก็ดูจะเปิดทางให้ ดวงตาคมที่ถอดแบบกรพัฒน์มาจ้องหน้าปูนอย่างคาดหวัง พรุ่งนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยป๋าก็จะไม่ด่าเขา หากมีปูนปกป้อง

         ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว 

   “หัวเราะอะไร” ปูนหันมาถามเมื่อได้ยินเสียง ทั้งที่เมื่อกี้ร้องไห้โหอยู่เลย

   “เปล่าครับ งั้นเดี๋ยวเกนกลับก่อน พรุ่งนี้เกนจะมารับ”

   “อ่าว”

   พูดไม่จบ เกนก็เดินหนีออกจากร้านไปแล้ว คนหนักใจเลยได้แต่พ่นลมหายใจออกมา นี่เขาทำถูกแล้วใช่ไหมที่รับปากไป แล้วถ้าหากครูถามว่าเป็นอะไรกัน จะตอบไปว่ายังไงดี แค่คิดไมเกรนก็จะขึ้นอยู่แล้ว



*******


   เช้าวันใหม่ ปูนขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าร้านดอกไม้เช่นทุกวัน แต่วันนี้ หน้าร้านมีรถสีดำจอดเทียบรออยู่ก่อน คนในรถพอเห็นคนที่รอมาถึงก็รีบเปิดประตูลงมา เกนโบกมือเรียกให้ปูนขึ้นไปนั่งบนรถด้วย

   “เกนบอกป๋าแล้วใช่ไหม” ปูนถามขณะจอดรถของตัวเองที่ข้างร้าน ซึ่งก็ได้คำตอบคือการพยักหน้า “แล้วป๋าไม่ว่าอะไรหรือ”

   “ไม่เลย ป๋าบอกดีแล้ว เพราะป๋าก็ยุ่งอยู่” เกนตอบพร้อมรอยยิ้ม “ป๋าฝากบอกด้วย จะเลี้ยงข้าวตอบแทนพี่ปูนวันหลัง” ปูนยิ้มบางๆ รับโดยไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะไม่รู้จะพูดแบบไหนดี

   รถคันหรูด้านในกว้างสบายสมราคากำลังฝ่ารถติดไปยังจุดหมาย โรงเรียนเอกชนเนื้อที่กว้างขวางที่คนธรรมดาอย่างปูนคงไม่มีโอกาสได้เรียน ตึกสีขาวหลายตึกมีทางเชื่อมสำหรับเดินไปมาหากันได้อย่างสบายโดยไม่ต้องตากแดด ช่างเป็นโรงเรียนที่อำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียนได้อย่างดี รถที่นั่งมาวนไปจอดที่หน้าตึกอิฐสีแดงสด เกนลงจากรถมาก่อน โดยมีปูนขยับตามหลังมา

   “โรงเรียนสวยดีนะ” ปูนว่า ดวงตากลมยังคงมองไปรอบๆ บริเวณอย่างสนใจ เพิ่งเคยมาโรงเรียนที่ร่มรื่นและสวยหรูขนาดนี้ ปูนรู้สึกประหม่านิดๆ เมื่อมีเด็กนักเรียนมองมา เลยพยายามเมินไม่มองสายตาที่พุ่งมาที่ตัวเอง

   “ก็งั้นๆ แหละครับ” เกนตอบอย่างไม่ยี่หระ เพราะอยู่มาตั้งแต่อนุบาล เห็นตึก ต้นไม้พวกนี้จนชินตา “ไปเถอะครับ”

   “อืม” ปูนรู้สึกขาสั่นเมื่อต้องเดินเข้าไปด้านใน ตอนนี้ในอกเต้นระรัวราวกับได้ย้อนวัยไปในสมัยมัธยมเมื่อต้องเข้าห้องฝ่ายปกครอง

   “มือพี่ปูนโคตรเย็น” เกนว่าขำๆ มือของเด็กหนุ่มจับมือของปูนแน่น “ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ที่นี่ป๋ามีเส้น”

   “ดูพูดเข้า” ปูนแสร้งทำดุ แต่เด็กหนุ่มข้างๆ กลับหัวเราะเอิ้กอ้าก

   สองหนุ่มต่างวัยเดินมาจนถึงหน้าห้องฝ่ายปกครอง ประตูบานเลื่อนอัตโนมัติก็เลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นคนด้านในที่กำลังยืนหันหลังอยู่

   “มาพอดี” เสียงทักของหัวหน้าฝ่ายปกครอง ทำให้คนที่ยืนหันหลังขยับแหวกทาง จนได้เห็นใบหน้าดุดัน ที่คนเพิ่งเคยมาแอบหวั่นใจ “แล้วนั่นผู้ปกครองเธอหรือเด็กชายกนต์นธี” แว่นไร้กรอบถูกเลื่อนลงมาที่ปลายจมูก ปูนรู้สึกเกร็งเมื่อถูกจ้อง

   “ครับ” เกนตอบนิ่งๆ ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด “พี่ปูนเป็นตัวแทนของป๋า นี่ครับจดหมาย” ว่าแล้วเกนก็เดินเข้าไปหาพร้อมจดหมายของกรพัฒน์ที่อนุญาตให้ปูนมาแทน

   ปูนกระพริบตาปริบๆ มอง ไม่รู้เนื้อความในจดหมายเขียนว่าอะไร แต่ที่แน่ๆ ครูฝ่ายปกครองก็พยักหน้ารับ ก่อนจะลุกออกมาจากโต๊ะ

   “คุณผู้ปกครองคงทราบเรื่องแล้วว่าทำไมผมถึงเชิญมา” คำเกริ่นที่ทำเอาปูนขมวดคิ้ว “เด็กชายกนต์นธีได้ทำกิริยาไม่เหมาะสม ทั้งการกระทำและคำพูด”

   “ครับ?” ปูนรู้สึกมึนงงในสิ่งที่ได้ยิน “กิริยาไม่เหมาะสมหรือครับ”

   “ครับ กับเด็กผู้หญิงคนนี้” ว่าแล้วครูก็ชี้ไปทางนักเรียนหญิงที่ยืนอยู่ข้างห้องที่มีสีหน้าและท่าทางไม่พอใจ “เด็กชายกนต์นธีได้ใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ...”

   “ผมไม่ได้พูดคำหยาบเลยนะครับ” เกนรีบแทรกขึ้นมาเมื่อถูกกล่าวหาในสิ่งที่ไม่ได้ทำ

   “อย่าพูดแทรกในขณะที่ครูพูด” น้ำเสียงดุปราม พร้อมปรายตามอง

   “ก็มันจริง”

   “เกน” ปูนรีบจับแขนไม่ให้เกนพูดแทรก เพราะกลัวว่าเกนอาจจะถูกทำโทษจากไม้เรียวที่วางบนโต๊ะ “คือผมอยากทราบว่า เกน เอ่อ เด็กทางผมทำอะไรให้บ้างหรือครับ” เมื่อเกนเงียบ ปูนเลยพูดออกมาบ้าง ครูฝ่ายปกครองกวักมือเรียกนักเรียนหญิงคู่กรณีให้เข้ามาใกล้ พร้อมอนุญาตให้พูด

   “เขาว่าหนูไม่สวย” แค่ประโยคแรกที่ได้ยิน คิ้วปูนก็แอบกระตุกนิดๆ “เขาว่าหนูหน้าบานเหมือนกระด้ง ตัวดำ แขนใหญ่ ขาลาย แล้วก็ไม่เหมาะกับฟลอยด์” คำกล่าวหาที่ถูกบรรยายออกมา ดูเหมือนไม่น่าจะเกิดเรื่องราวใหญ่โตจนบานปลายขนาดนี้ “เขาว่าหนู ทั้งๆ ที่หนูก็ไม่ได้ชอบเขา สาระแน” คำหลังเด็กสาวหันไปพูดกับคู่กรณี

   “แต่ไอ้ฟลอยด์เป็นเพื่อนฉัน” เกนแทรกขึ้นมา เด็กหนุ่มเดินมายืนประชันหน้าคู่กรณีสาว “แล้วที่พูดไป มันไม่เป็นความจริงตรงไหน” ว่าแล้วก็ปรายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า “มันคือความจริงทั้งนั้น”

   “แก ไอ้เลว” เด็กสาวยกฝ่ามือขึ้นแล้วฟาดลงมา แต่เพราะปูนดึงเกนหลบได้ทัน ฝ่ามือนั้นเลยตบกับลมจนเจ้าของมือเซ ดูจากความแรงหากโดนแก้มคงเจ็บไม่น้อย “ครูขา” พอไม่ได้ดั่งใจ เด็กสาวก็หันไปฟ้องครูที่ยืนดูเงียบๆ

   และท่าทางแบบนั้นทำให้ปูนไม่ชอบใจเลยสักนิด

   “ครูไม่ห้ามหน่อยหรือครับ” ถามเสียงเครียด ช่วงจังหวะนั้นประตูห้องก็เปิดออก คนกลางของเรื่องรีบวิ่งเข้ามายืนอยู่ข้างเกน “ผมว่า ครูทำไม่ถูกต้องนะครับ เรื่องนี้ควรเรียกผู้ปกครองของอีกฝ่ายมาด้วย” ปูนว่า

   “แต่ฝ่ายคุณทำผิด ใช้ได้ที่ไหนด่าผู้หญิงแบบนั้น”

   “แล้วที่น้องเขาทำร้ายร่างกายของเกน มันไม่ผิดหรอกหรือครับ” ปูนทำหน้าจริงจัง ดวงตากลมโตมองครูฝ่ายปกครองอย่างวาวโรจน์ แม้วันนี้รอยช้ำที่โหนกแก้มของเกนจะจางลงกว่าเมื่อวาน แต่ก็ยังเห็นร่องรอยอยู่ “สมัยนี้ไม่ว่าจะเพศไหนก็ควรได้รับความยุติกรรมทั้งสองฝ่าย แต่การที่ครูเข้าข้างคนใดคนหนึ่งมากไป ผมว่ามันไม่สมควรเท่าไหร่”

   “แต่เด็กของคุณด่าลูกผมก่อน”

   ประโยคที่ได้ยินทำเอาความข้องใจทุกอย่างกระจ่างแจ้ง มิน่าถึงได้เข้าข้างกันขนาดนี้

   “ครูกำลังทำตัวเป็นพ่อแม่รังแกฉันอยู่นะครับ” แทบหมดคำพูดใดๆ เพราะไม่ว่าจะเอ่ยอะไรไปก็จะถูกมองว่าผิดอยู่ดี “เกน ขอโทษเขาซะ”

   “แต่พี่ปูน...” เกนหันขวับมองปูนอย่างไม่เข้าใจ

   “เกนก็ผิด รู้ตัวใช่ไหม” ปูนยิ้มบางๆ ให้ ก่อนคนผิดจะพยักหน้าช้าๆ อย่างจำนน “ผมขอโทษแทนเกนด้วยนะครับที่ทำร้ายจิตใจน้องเขาด้วยคำพูดที่ไม่ดี”

   “อะ อืม” เมื่อเห็นคนอ่อนกว่ายกมือไหว้ขอโทษ ครูฝ่ายปกครองก็รีบยกมือรับอย่างวางหน้าไม่ถูก “ต่อไปก็อบรมเขาเยอะๆ หน่อยก็แล้วกันนะ อย่าเกเรให้มันมากกว่านี้”

   “ครับ ไว้ผมจะอบรมสั่งสอนแกให้ดีกว่านี้” ปูนเหยียดยิ้มส่งท้าย รอเกนยกมือขอโทษครูและเอ่ยขอโทษคู่กรณี ซึ่งดูเด็กสาวคงจะยังไม่พอใจสำหรับการขอโทษ เมื่อเกนไม่ได้ถูกลงโทษด้วยการตีอย่างที่เตรียมไม้ไว้รอ “หมดเรื่องแล้วใช่ไหมครับ งั้นผมขอตัว เด็กๆ จะได้เข้าเรียนด้วย”

   “ครับ เชิญ”

   ได้รับคำตอบปุ๊บ ปูนก็จูงมือเกนออกมา โดยมีฟลอยด์เดินตามมาด้วย ตลอดทางเดินไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ ทุกคนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนมาถึงลานกว้างที่มีม้าหินอ่อนวางเรียงรายให้ทุกคนได้พักผ่อน ปูนทิ้งตัวนั่งลงมีเกนกับฟลอยด์ยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้า

   “เกนไม่มีสิทธิ์ไปว่าให้เขา รู้ตัวไหม” ปูนพูดหลังจากเงียบมานาน พอเด็กหนุ่มเงยหน้าจะเถียงก็เจอดวงตาดุจ้อง เลยก้มหน้าฟังเงียบๆ “เรื่องบางเรื่อง เราควรปล่อยให้เจ้าตัวเขาตัดสินใจเอง ใช่ไหมฟลอยด์”

   “ครับ” คนถูกเรียกชื่อรีบขานรับ พอพี่ปูนจริงจังแบบนี้ก็แอบสยองไม่ใช่น้อย

   “แต่เกนไม่อยากให้เพื่อนคบกับคนแบบนั้น” เกนโพล่งขึ้นมา “พี่ปูนก็เห็น ว่าผู้หญิงนั่นไม่สวย ไม่เหมาะกับไอ้ฟลอยด์เลยสักนิด”

   “นั่นก็เป็นสิทธิ์ของฟลอยด์ เกนยุ่งไม่ได้”

   “แต่ไอ้ฟลอยด์เป็นเพื่อนของเกนนะ”

   “แต่ผู้หญิงคนนั้นเขาชอบฟลอยด์ ไม่ใช่เกน” ปูนพยายามอธิบายเหตุผลให้ฟังอย่างใจเย็น “พี่รู้ว่าเกนรักเพื่อนมาก แต่เกนก็ต้องปล่อยให้ฟลอยด์เป็นคนเลือกเอง ว่าชอบหรือไม่ชอบ เพราะในอนาคต ไม่ว่าจะเกนหรือฟลอยด์ต่างก็ต้องเจอคนที่ตัวเองรัก”

   แม้รู้ว่าการพูดเรื่องความรักกับเด็กหนุ่มสองคนจะเร็วเกินไป แต่บางอย่างก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้อาจยังไม่เข้าใจ แต่อีกไม่นาน สองคนนี้คงจะต้องเข้าใจ

   ดูเหมือนคำสอนของปูนจะทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองประทับใจ เกนเลยรีบตบหลังเพื่อนสนิททันทีพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม ปูนฉีกยิ้มตามก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินประโยคของเกน

   “มึงดูไว้ไอ้ฟลอยด์ จะหาแฟนต้องให้ได้อย่างพี่ปูนนี่ ทั้งน่ารัก ใจดี รักเด็ก มีเหตุ มีผล อย่าไปคว้าเอาพวกคนนิสัยไม่ดีมานะ” เกนสั่งเพื่อนสนิทเสียงแข็ง

   “ไอ้ห่า แล้วกูจะไปเจอที่ไหน” ฟลอยด์ตบหัวเกนไปหนึ่งที เพราะสั่งอะไรที่ยาก ยิ่งกว่างมก้อนขี้มูกในมหาสมุทร

   “ไม่รู้ล่ะ ถ้ามึงกับกูไม่เจอแบบนี้ ก็ไม่ต้องมี ดีล” คนถูกจับมือทำหน้าเบื่อหน่าย ฟลอยด์ส่ายหน้าให้กับเพื่อนที่วางแผนอะไรได้สุดเพี้ยน ก็คนอย่างพี่ปูนเนี่ย มันก็มีคนเดียวในโลก จะไปหาได้จากไหนอีก

   “เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งตกลงกัน” ปูนรีบจับมือเด็กหนุ่มสองคนแยกออกจากกันด้วยความมึน “จะมาตกลงอะไรกันแบบนี้ได้ยังไง พี่เป็นผู้ชายนะ จะมาหาแบบพี่ไม่ได้ พวกเธอต้องหาสเปคสาวเองสิ” แทบอยากตบหน้าผากตัวเองแรงๆ หลังจากได้ยิน

   “ผู้ชายแล้วไง ไม่เห็นเป็นไร” เกนว่าอย่างไม่สนใจเลยถูกตีเข้าที่หัวไหล่ไปที คนโดนตีหน้ามุ่ยทันที “พี่ปูนอะ”

   “ไม่พูดแบบนี้นะเกน เอาล่ะ พี่กลับก่อน ส่วนเรื่องวันนี้พี่ต้องบอกป๋าของเกนนะ”

   “ครับ” เกนรับคำ ก่อนที่ปูนจะเดินไป มือเด็กหนุ่มก็รีบคว้าข้อแขนไว้ก่อน “เกนลืมบอก ว่าป๋าให้ลุงอ้อมรอไปส่งพี่ปูนด้วย ลุงแกรออยู่หน้าโรงเรียนนะครับ แล้วก็ คืนนี้เกนขอไปนอนด้วยนะ”

   “หา? ไปนอนกับพี่” เรื่องแรกก็พอเข้าใจที่ให้คนขับรถไปส่ง แต่เรื่องหลังนี่ไม่เข้าใจสักนิด

   “ครับ คืองี้นะ ถ้าป๋ารู้เรื่องเกนวันนี้ เกนต้องถูกทำโทษแน่ๆ ดังนั้น เกนก็เลย...”

   “อยากหนีความผิดตัวเองว่างั้น” ปูนพูดจบก็หัวเราะออกมา มือขาวยกขยี้ผมสีดำของเด็กหนุ่มตรงหน้า “เกนนี่นะ”

   “พี่ปูนอนุญาตใช่ไหม ดีเลย เกนเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าใส่รถลุงอ้อมไว้แล้ว”

        คนเจ้าแผนการเตรียมพร้อมมาก่อนล่วงหน้าซะด้วยซ้ำ ช่างแสนเจ้าเล่ห์นัก

   “ต้องบอกป๋าก่อน เกิดป๋ามาด่าพี่จะว่าไง”

   “โธ่ อย่างป๋าไม่กล้าว่าพี่ปูนหรอก เชื่อเกนสิ ตกลงตามนี้นะครับ ตอนเย็นเจอกัน เกนไปเรียนก่อน” พอตัวเองพูดจบก็รีบดึงแขนเพื่อนสนิทให้วิ่ง จนปูนไม่ทันได้พูดหรือตอบอะไรไป

   ลูกไม้หล่นใต้ต้นมันเป็นแบบนี้นี่เอง พ่อเป็นแบบไหน ลูกก็ไม่ต่าง เกนหนอเกน โตมาไม่รู้จะเป็นแบบไหน เดายากจริงๆ

   ปูนเดินออกมาหน้าโรงเรียนอย่างที่เกนบอก แต่รถคันที่นั่งมากลับไม่อยู่ หรือว่าจะกลับไปแล้ว ปูนตัดสินใจเดินบนฟุตบาทเพื่อจะไปที่ป้ายรถเมล์ พอดีกับมีรถสปอร์ตคาร์สีควันบุหรี่โฉบเข้ามาจอดเทียบ ก่อนกระจกด้านข้างจะลดลงเผยให้เห็นเจ้าของรถที่ยิ้มรออยู่ก่อน

   “ขึ้นมาสิปูน เดี๋ยวพี่ไปส่ง” กรพัฒน์ตะโกนเรียกพร้อมกับเอื้อมตัวข้ามเบาะรถมาเปิดประตูให้ “ขึ้นมาเร็วๆ ตรงนี้มันจอดไม่ได้”

   คล้ายกับเร่งนิดๆ ทำให้ปูนไม่มีเวลาตัดสินใจมากนัก คนตัวผอมรีบสอดเข้าไปนั่งด้านข้างทันทีพร้อมปิดประตู เมื่อรถวิ่งเข้าเส้นทางปกติ คนขับรถก็ถูกจ้องหน้าอยู่ตลอด

   “มีอะไรติดหน้าพี่หรือเปล่า” กรพัฒน์ถามปนขำ

   “พี่กรไม่ได้ประชุมอยู่หรือครับ” เพราะเกนเป็นคนบอกเอง ว่าป๋าของเขาติดประชุมทำให้มาที่โรงเรียนไม่ได้ แล้วทำไมถึงได้ขับรถผ่านมาทางนี้

   “พอดีพี่ออกมาประชุมกับลูกค้าแล้วผ่านมาทางนี้พอดี เห็นด้านหลังปูนก็คิดว่าต้องใช่ เลยจอดนี่ไง” เป็นคำอธิบายที่ดูมีเหตุมีผล “แล้วครูเขาว่ายังไงบ้าง”

   “ก็แค่เรื่อง...” ปูนเม้มริมฝีปากอ้ำอึ้งไม่กล้าบอก จะให้บอกไปได้ยังไงว่าลูกชายของกรพัฒน์ทะเลาะกับผู้หญิงเพราะหวงเพื่อน มันคงดูทะแม่งๆ “เรื่องทั่วไปครับ”

   “เรื่องทั่วไปนี่ถึงกับต้องเชิญผู้ปกครองน่ะหรือ ปูนอย่าเข้าข้างมันให้มากนัก” ดูจากท่าทางของปูน กรพัฒน์ก็พอจะรู้ว่ากำลังช่วยปกปิดความผิด “ควรปล่อยให้โดนทำโทษซะบ้าง ถูกเลี้ยงมาเสียนิสัยขนาดนั้น”

   “แต่นิสัยเหมือนพี่กรเลยนะครับ” ปูนรีบตะครุบปากตัวเองเมื่อหลุดประโยคตามที่คิด หน้าขาวค่อยๆ หันไปมองคนที่ตัวเองว่าที่กำลังเลิกคิ้วมองมา “ขอโทษครับ ปากไวไปหน่อย”

   “ไม่หน่อยแล้วแบบนี้” กรพัฒน์ว่า ก่อนริมฝีปากจะค่อยๆ ฉีกยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ

   กรพัฒน์ขับรถมาส่งปูนที่ร้านดอกไม้และเข้าไปทักทายเพื่อนสาวคนสวยครู่หนึ่งก่อนจะขอตัวกลับไปทำงาน ทั้งที่จริงแล้ว เขาโดดงานออกมาตั้งแต่เช้าเพื่อจะไปรอรับปูนที่หน้าโรงเรียน โดยโทรสั่งให้ลุงอ้อมคนขับรถกลับไปทันทีที่ส่งถึงโรงเรียน

   แบบนี้ถึงไม่ปฏิเสธที่ว่าลูกชายตัวดีจะมีนิสัยเจ้าเล่ห์เหมือนตัวเองราวกับก็อปปี้ออกมา แต่ถึงเกนจะเจ้าแผนการยังไง ก็ยังคงสู้ตัวพ่อไม่ได้อยู่ดี เรื่องเชิญผู้ปกครองวันนี้ กลับถึงห้องคงต้องมีทำโทษกันบ้าง ไม่งั้นคงเตลิดจนห้ามไม่อยู่ ไอ้นิสัยขี้หวงขึ้นสมอง ไม่รู้ไปได้นิสัยนี้จากใครมา...

   ติ๊ง เสียงข้อความมือถือดังขณะจอดรอสัญญาณไฟแดง กรพัฒน์หยิบมือถือเครื่องแพงมาเปิดดูเพราะคิดว่าอาจจะเป็นลูกกวางของเขา แต่ชื่อที่ปรากฏกลับเป็นลูกชายตัวดีกับข้อความที่ชวนหงุดหงิดหัวใจ

   ‘ป๋า คืนนี้เกนไปนอนกับพี่ปูนนะ เตรียมของไว้หมดแล้วด้วย พี่ปูนก็อนุญาตแล้วด้วย เจอกันวันพรุ่งนี้ มารับด้วย’

   แทบอยากจะปามือถือทิ้ง หนอย ไอ้เกน แกกล้าทำเกินหน้าป๋าแกได้ยังไง ถ้าเจอหน้าต้องทำโทษให้หลาบจำซะแล้ว ที่บังอาจกระตุกหนวดเสือของอย่างกรพัฒน์คนนี้ ถึงจะเป็นลูกก็เถอะ ไม่ไว้หน้าแน่



...TBC

พ่อลูกนิสัยไม่หนีกันแน่ค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ

ปล. ฟลอยด์เคยเจอคนแบบพี่ปูนด้วยนะคะ แต่เจอช้าไปเพราะกลายเป็นของคนอื่นไปซะแล้ว แม้จะตามตอแยแต่ก็ได้แค่มอง -.,-

ออฟไลน์ benzdekba

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-9-




        พระอาทิตย์ใกล้ตกเต็มที ร้านดอกไม้ยังคงวุ่นวาย ไม่ใช่เพราะมีลูกค้าเยอะ แต่เพราะมีผู้ช่วยที่คาดว่าจะเป็นคนทำให้ยุ่งเสียมากกว่า เกนเดินร่อนไปทั่วร้าน หยิบจับอะไรไปเรื่อย แม้จะถูกโรสบ่นแต่เด็กหนุ่มก็ไม่สน ในเมื่อไม่มีอะไรทำก็จะรู้สึกเบื่อ นั่งเฉยๆ ก็ง่วง

   กริ๊ง

   “ยินดีต้อนรับครับ อ่าว”

   ปูนฉีกยิ้มต้อนรับก่อนจะอ้าปากหวอเมื่อคนเข้ามาไม่ใช่ลูกค้า แต่เป็นกรพัฒน์ที่เดินยิ้มเข้ามา

   “ไหนบอกเลิกดึกไงป๋า” เกนร้องทักพ่อตัวเองอย่างสงสัย อุตส่าห์หาที่หลบการโดนทำโทษได้อยู่แล้วเชียว

   “ใครบอกแก” กรพัฒน์ถามกลับลูกชาย ทั้งที่เขานั่นแหละเป็นคนพูดเองเมื่อค่ำวานนี้ “อย่าคิดว่าไม่นอนห้องแล้วฉันจะลืมทำโทษนะ” พูดพร้อมชี้นิ้วไปทางลูกชายตัวดี เกนทำปากขมุบขมิบก่อนก้มหน้าอ่านหนังสือดอกไม้ต่อ “พอดีงานพี่เสร็จเร็วน่ะ”

   “เหรอครับ” ปูนยิ้มบางๆ ส่งให้เมื่อกรพัฒน์หันมาบอกทั้งที่เขาก็ไม่ได้ถามอะไร “แล้วพี่กรมารับเกนหรือครับ”

   “ก็...”

   “เกนไม่กลับนะ วันนี้จะนอนกับพี่ปูน” คนมีชื่อรีบแย้งทันที เกนปรี่เข้ามาหาปูนทันทีพร้อมส่งสายตาอ้อนวอน “พี่ปูนอนุญาตแล้วเมื่อเช้านี่นา”

   “ดูมัน” กรพัฒน์จ้องลูกชายเขม่ง รู้สึกหมั่นไส้จนอยากเขกหัวสักที ถ้าไม่ติดว่าไอ้ตัวดีหลบอยู่หลังปูนละก็นะ

   “รู้แล้วๆ พี่แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง”
 
   “ไม่ตลกสักนิดพี่ปูนอะ”

   เกนหน้างอเดินกลับไปนั่งที่เดิมโดยที่มีกรพัฒน์เดินตามไปด้วย ปูนมองสองพ่อลูกที่เริ่มคุยกันเงียบๆ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน เพราะจากตรงนี้ก็ไกลพอสมควร

   “อยากรู้จังน้า ว่าคุยอะไรกัน” เสียงดังใกล้ๆ ทำให้ต้องรีบหันไปมอง โรสยืนค้ำข้อศอกกับเคาน์เตอร์มองไปยังสองพ่อลูกเช่นกัน “ไปแอบฟังดีกว่า”

   “พี่โรส” เรียกไม่ทันซะแล้ว เพราะหญิงสาวแอบเดินไปอยู่หน้าตู้หนังสือใกล้ๆ และแสร้งทำเป็นสนใจหนังสือ ทั้งที่หูกำลังผึ่งเต็มที่

   การอยากรู้มันช่างน่ากลัวซะจริงๆ

   ปูนเลิกสนใจทุกคนเมื่อมีคนเข้าร้าน ลูกค้าขาประจำเดินยิ้มเข้ามาอย่างทุกที

   “วันนี้กลับเย็นจังนะครับ” คำทักทายของปูนเรียกความสนใจจากสองพ่อลูกให้หันมามอง

   “ครับ ประชุมเลิกช้า วันนี้เหมือนเดิมนะครับ” ลูกค้าหนุ่มฉีกยิ้มพร้อมกับเดินตามปูนไปที่ตู้ดอกไม้ แถมยังช่วยเลือกดอกไม้ที่ชอบอีก

        ความสนิทสนมนั่นทำเอาคิ้วกรพัฒน์กระตุกถี่ยิบ

   กรพัฒน์กระดิกนิ้วเรียกเพื่อนสาว โรสเห็นก็เดินยิ้มเข้าไปหาและรู้ว่าเพื่อนจะถามอะไร

   “ก็สนิทพอดูนะ มาทุกวัน”

   “ยังไม่ได้ถาม” กรพัฒน์กระแอมเล็กๆ เมื่อเพื่อนรู้ทัน “มีครอบครัวหรือยัง”

   “ฉันเหรอ”

   “ไอ้นั่น”

   โรสหัวเราะพร้อมส่ายหน้า แค่อยากแหย่เพื่อนแค่นั้น เห็นจ้องจนตาแทบถลน ซึ่งพอกรพัฒน์รู้ว่าลูกค้าขาประจำยังโสดสนิทเลยปรายตามองลูกชาย ซึ่งเกนรู้หน้าที่ ก็รีบเดินเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างปูนกับลูกค้า
 

   ช่างรู้ใจป๋ามันซะจริงๆ


   “เกนช่วย” เด็กหนุ่มยิ้มร่า ปากบอกจะช่วย แต่เหมือนมาทำให้วุ่นวายมากกว่า ไม่ว่าลูกค้าหนุ่มคนนั้นจะหยิบจับอะไร เกนก็จะรีบแย่งถือตลอด รวมทั้งการยื่นของให้ปูนด้วย “ลุงชอบดอกไม้เหรอ”

   “ลุง?” ลูกค้าหนุ่มหน้าเสียนิดๆ เขายังไม่ได้แก่ขนาดนั้น อายุก็เพิ่งจะสามสิบนิดๆ เอง

   “ครับ” เกนตอบพร้อมฉีกยิ้ม สำหรับคนอื่นดูคงจะเป็นมิตรแน่ แต่คนที่กำลังจ้องตากันอยู่ รู้ทันทีว่ากำลังถูกเด็กตีรวนอย่างแน่นอน


       เด็กตรงหน้ามาอย่างไม่เป็นมิตร 


   “พอดีพี่ซื้อไปให้แม่น่ะ”

   “อ๋อ ครับ” เกนรับคำสั้นๆ และพยายามแทรกตัวไม่ให้ลูกค้าเข้าใกล้ปูนเกินความจำเป็น “แม่ลุงชอบกุหลาบเหรอ เหมือนผมเลย ชอบลิลลี่”

   “กุหลาบเหมือนลิลลี่ยังไง”

   “ก็เป็นดอกไม้เหมือนกันไง ลุงนี่ก็ถามแปลก”

   “เกน” ปูนเรียกชื่อเสียงต่ำเพื่อปรามเด็กหนุ่ม เมื่อเห็นว่าทำตัวไม่เหมาะสม “ไปอยู่กับป๋าก่อน เสร็จช้าก็กลับช้านะ”

   “ก็ได้ครับ” สุดท้ายก็ต้องเดินคอตกกลับไป โดยกรพัฒน์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะที่ลูกชายขวางไม่สำเร็จ ตอนนี้ลูกค้าคนนั้นเลยใกล้ชิดปูนอีกรอบ “ป๋าก็ไปบ้างสิ”

   “ถ้าไปได้ ก็ไปนานแล้วไหมล่ะ” กรพัฒน์ตอบ ชายหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้วมอง จะเข้าไปก็อาจถูกมองไม่ดี เผลอๆ ปูนจะโกรธเอา ซึ่งไม่คุ้มแน่นอน

   นานกว่าลูกค้าคนนั้นจะได้ช่อดอกไม้ที่ถูกใจ ดูเหมือนจะแกล้งถ่วงเวลาซะด้วยซ้ำ บ่อยครั้งที่ปรายตามองมาแล้วยักคิ้วอย่างผู้มีชัย จนสองพ่อลูกกัดฟันแน่น ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ ออกไปหาเรื่องก็ไม่ได้อีก คงได้แต่ปล่อยไปก่อน รอวันที่เป็นของเขาบ้าง จะไม่มีใครหน้าไหนมาทำแบบนั้นได้อีก

   “ทำไมต้องยิ้มกว้างขนาดนั้น” ไม่รอช้าที่กรพัฒน์จะเดินเข้าไปถามหลังจากคนเขม่นออกไปแล้ว ชายหนุ่มขมวดคิ้วนั่งที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์มองคนที่ชอบเก็บของอยู่ ปูนเงยหน้าขึ้นมามองแปบหนึ่งก่อนก้มลงไปเก็บของต่อ “ปูน พี่ถามปูนอยู่นะ”

   “ก็เขาเป็นลูกค้านี่ครับ จะให้ตีหน้ายักษ์แบบพี่กรตอนนี้หรือไง เขาหนีพอดีแบบนั้น” ปูนหน้ามุ่ยใส่ คนถูกว่าหน้ายักษ์ก็รีบชะเง้อไปมองกระจกที่ติดไว้ผนังร้าน พอเห็นหน้าตัวเองแล้วก็แอบตกใจจนต้องปรับสีหน้าใหม่

   “ถึงอย่างนั้น ปูนก็ยิ้มให้เขามากเกินไป” กรพัฒน์ยังไม่ยอม เขาหวงรอยยิ้มของปูนมาก ยิ่งดวงตากลมโตนั่นเป็นประกายด้วยยิ่งหวง ปูนส่ายหน้าให้กับความคิดไม่เข้าท่าของกรพัฒน์ ขาเรียวก้าวเอาของไปเก็บหลังร้าน แต่ถูกอีกคนแย่งไปถือ “พี่ช่วย”

   “ขอบคุณครับ” ตอนแรกคิดจะว่าให้ แต่ใบหน้าหล่อนั่นยิ้มมาเลยได้แต่ยิ้มกลับ ทำไมรู้สึกว่า คนที่เดินตามหลังเริ่มเข้ามาในชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่พยายามถอยห่างให้มากที่สุดแล้วแท้ๆ

   ปูนมองกรพัฒน์ที่แย่งทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะกวาดพื้น เช็ดโต๊ะ หรือแม้แต่ปิดไฟ ปิดพัดลม ขนาดเจ้าของร้านอย่างโรสยังเอ่ยปากเรื่องค่าแรง ว่าไม่มีให้คนของผู้ช่วย ทุกคนหัวเราะหมดยกเว้นปูนที่ทำหน้าบึ้งตึงเมื่อถูกล้อ พอโรสแย่งตัวกลับไปแล้ว ก็เหลือสองพ่อลูกและปูนที่ยังยืนอยู่หน้าร้าน

   “พี่กรพาเกนไปที่หอปูนก่อนเลย เดี๋ยวปูนขี่มอเตอร์ไซค์ตามไป”

   “ทิ้งไว้ที่นี่แหละ แล้วปูนก็ไปกับพี่” กรพัฒน์ไม่เห็นด้วย เหมือนกับเกนที่เดินไปจูงมือปูนไปที่รถของพ่อตัวเอง “ประตูรั้วล็อคอย่างดี คงไม่มีใครขึ้นรั้วไปขโมยหรอก”

   “ปูนก็ไม่ได้กลัวขโมย แค่ไม่อยากทิ้งไว้ที่นี่” ปูนมองรถตัวเองที่จอดในรั้วของร้าน ที่กังวลอีกอย่างคือพรุ่งนี้เขาจะมาทำงานยังไงนี่สิ หากไม่เอารถกลับ

   ถึงแม้จะคิดแบบนั้น แต่ตอนนี้ตัวเขาได้เข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับเรียบร้อย มีเกนไปนั่งยิ้มอยู่ด้านหลัง ข้างๆ คนยิ้มมีกระเป๋าเสื้อผ้าที่เตรียมมาจากบ้านเมื่อเช้า

   “ดูมัน” กรพัฒน์ขยับกระจกมองหลังแล้วจ้องหน้าลูกชายตัวเอง อดไม่ได้ที่จะว่าให้เมื่อเห็นท่าทางดีใจซะเหลือเกินที่จะได้นอนกับปูน เห็นแล้วหมั่นไส้จนอยากตบกะโหลกสักที

   รถหรูเคลื่อนออกจากร้าน มุ่งหน้าไปหอพักของปูน ระหว่างทางปูนขอให้กรพัฒน์แวะซื้อของเพื่อนำกลับไปทำเป็นมื้อค่ำด้วย สองพ่อลูกยิ้มกริ่มเมื่อจะได้ชิมฝีมือของปูนอีก

   หอพักครึ่งเก่าครึ่งใหม่ที่กรพัฒน์เคยมาแล้วครั้งหนึ่งยังคงน่ากลัวเหมือนเดิม คำว่าน่ากลัวคือมันไม่ปลอดภัยนั่นเอง คนพักอย่างปูนเดินนำไปที่ห้อง เกนเพิ่งเคยมาเลยมองซ้ายมองขวาอย่างสนใจ ปกตินอนแต่ที่หรูๆ วันนี้ได้ลองมานอนที่ใหม่รู้สึกตื่นเต้นนิดๆ

   “นี่ห้องพี่ปูนเหรอ” เกนถามหลังจากเข้ามาในห้อง พอมีผู้ชายสามคนอยู่ด้วยกันแล้ว ห้องนี้ก็รู้ดูแคบลงถนัดตา

   “ใช่” กรพัฒน์เป็นคนตอบลูกชายตัวเองแทน คล้ายกับจะอวดว่าเคยมา “ปูนจะทำกับข้าวเลยไหม แล้วไหนครัว” เพราะตั้งแต่เข้ามา ยังไม่เห็นห้องครัวเลย

   “ไม่มีห้องครัวหรอกครับ ทำในหม้อไฟฟ้าเอา” มื้อนี้ปูนทำของง่ายๆ อย่างสุกี้ที่ทำไม่ยากแถมสะดวก แค่รอให้ทุกอย่างสุกแค่นั้น

   แล้วสามหนุ่มก็ล้อมหม้อไฟฟ้าที่กำลังเดือดปุดๆ แม้กับข้าวมื้อนี้จะดูง่าย ไม่ได้หรูเลิศ แต่กลับอร่อยกว่ามื้อไหนๆ กรพัฒน์กับเกนต่างก็คอยแย่งกันตักของใส่ถ้วยของปูน จนเจ้าของถ้วยบ่นว่ากินไม่หมดแล้วกระจายของคืน สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน
 
   “อยากให้พี่ปูนไปกินข้าวด้วยกันทุกมื้อจัง” เกนว่าออกมาหลังจากอิ่มจนพุงกาง รู้สึกพอมีปูนมานั่งด้วย เขาเจริญอาหารสุดๆ ความคิดนี้ไม่ต่างจากกรพัฒน์ที่พยักหน้าเห็นด้วย

   “ไม่ได้หรอก พี่ต้องทำงาน” ว่าอย่างกลางๆ ก่อนจะขำออกมาเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทำหน้าบึ้ง “เกนก็กินกับป๋าอยู่แล้วนี่...ครับ?” ไม่รู้เพราะอะไรปูนถึงได้หันไปมองกรพัฒน์ที่เขาหันขวับมามองอยู่ก่อนแล้ว

   “ปูนเรียกพี่ว่าอะไรนะ เมื่อกี้”

   “หืม...ป๋าน่ะหรือครับ ก็เรียกตามเกน”

   “แต่พี่ชอบนะ”

   มือขาวที่กำลังเก็บของชะงัก ปูนเงยหน้าขึ้นมองกรพัฒน์ที่จ้องมาเหมือนกัน ดวงตาคมฉายแววจริงจังสะกดให้อีกคนหยุดนิ่ง เนิ่นนานกว่าดวงตากลมโตจะกระพริบเมื่อเกนหาวเสียงดัง

   “เอ่อ ปูนเก็บของก่อนนะครับ”

   “พี่จริงจังปูนก็รู้”

   มือที่ยกหม้อต้องชะงักอีกรอบเมื่อถูกมือใหญ่กว่าจับไว้ ไม่รู้ตอนนี้มือเขาร้อนเพราะหม้อหรือเพราะฝ่ามือของกรพัฒน์

   “คือปูนยังไม่พร้อมจริงๆ” ริมฝีปากแดงขบเม้มกันแน่นยามถูกสะกดด้วยสายตา ทั้งที่หลบมาได้แล้วเมื่อกี้ “พี่กรคงจะเจอคนที่ดีกว่าปูน...”

   “พี่เลือกเองได้ ว่าจะเจอคนดีหรือไม่ดียังไง อย่างตอนนี้ พี่เลือกปูน” น้ำเสียงจริงจังจนปูนต้องก้มหน้า “หนึ่งอาทิตย์ตกลงไหม”

   “ครับ?” พอเจอคำถามแบบนี้ถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย “อะไรหนึ่งอาทิตย์หรือครับ”

   “พี่ให้เวลาปูนตัดสินใจไง อาทิตย์หน้าพี่จะไปดูงานหนังสือเมืองนอก ก่อนหน้าที่จะไป พี่หวังจะได้คำตอบจากปูนนะ”

   “พี่กรกำลังกดดันปูน”

   “พี่ไม่ได้จะกดดัน แต่พี่ไม่อยากจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆ อีก ชีวิตพี่ผ่านอะไรมาก็มาก พี่ก็หวังว่าชีวิตที่เหลือจะได้อยู่กับคนที่พี่รัก”

   เจอคำว่ารักเข้าไป ปูนถึงกับหน้าร้อนขึ้นมาทันที เมื่อมือใหญ่ผละออกไป ปูนก็รีบยกหม้อไปเก็บและเผลอชนกับขอบโต๊ะเข้าไปอีกด้วยความประหม่า

   ถูกบอกรักมาก็มาก แต่ทำไมตอนนี้รู้สึกใจเต้นกว่าทุกครั้ง

   กรพัฒน์มองตามคนที่ผ่านหน้าไปอย่างสังเกต ที่จริงก็ไม่ได้อยากเร่ง แต่หากไม่พูด เรื่องก็จะยืดเยื้อไปเรื่อยๆ จนเขาอาจจะท้อและถอย ดังนั้นให้พูดออกมาตรงๆ ว่าจะใช่หรือไม่ หากใช่จะได้เดินหน้าเต็มกำลัง แต่หากไม่ใช่ละก็ เขาก็จะยอมถอย มาถึงขั้นนี้แล้ว สู้เต็มที่ขนาดนี้ ก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น


   ปูนกับเกนลงมาส่งคนตาละห้อยกลับบ้าน กรพัฒน์อยากขอนอนด้วยใจจะขาดแต่ก็ต้องทนไว้ เพราะห้องนั้นแคบเกินไป เตียงก็เล็ก หากนอนกันหมดคงยาก เอาไว้วันอื่นก็คงไม่สายหากวางเรื่องดีๆ สักหน่อย

   “ขับรถกลับดีๆ นะครับ” ปูนยิ้มหวานเป็นการทิ้งท้าย จนรถหายจากสายตาไป สองหนุ่มต่างวัยถึงเดินกลับขึ้นห้อง “เตียงพี่แคบ เกนอาจจะนอนไม่ค่อยสบายตัวนะ”

   “เกนเป็นคนอยู่ง่าย นอนพื้นก็ได้ สบายอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มยิ้มร่า เขาไม่ใช่เด็กติดหรูอยู่แล้ว

   “ได้ยังไง เกนนอนเตียงนั่นแหละ เดี๋ยวพี่นอนพื้นเอง” ปูนส่ายหน้ารัวๆ ใครจะกล้าให้แขกนอนพื้น

   “งั้นก็ปูผ้านอนที่พื้นด้วยกันซะเลยดีไหมครับ”

   “เอางั้นก็ได้ แต่ห้ามมาบ่นทีหลังว่าปวดหลังนะ”

   “ไม่แน่นอน เกนนอนได้” แล้วอยู่ๆ เกนก็หัวเราะขึ้นมา พอถูกถามก็ส่ายหน้าทำเหมือนไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้ว เขากำลังนึกขำพ่อตัวเอง สายตาที่มองอย่างละห้อยตอนจะขึ้นรถเมื่อกี้ยังจำติดตา สงสัยอยากนอนด้วยแต่ไม่กล้า งี้แหละนะ คนไม่กล้าก็อด ส่วนคนหน้าด้านก็ได้ อย่างเขานี่ไง




*****


   
   เช้าวันใหม่ เสียงนาฬิกาปลุกปูนให้ตื่นขึ้นมาก่อน ความหนักที่เอวทำให้ต้องผงกศีรษะขึ้นดู และเห็นท่อนขาขาววางพาดขึ้นมา ส่วนเจ้าของขานอนเอียง หัวพาดออกนอกผ้าห่มที่ใช้ปู พอเห็นแบบนี้ก็อดจะขำคนนอนดิ้นไม่ได้ ปูนยกขาให้พ้นออกจากตัวก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย

   “พี่ปูน” เกนงัวเงียมาเคาะประตูห้องน้ำ ปูนที่เพิ่งเริ่มถอดเสื้อเปิดประตูออกไปดู เพราะคิดว่าเกนอาจปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ

   “ปวดท้องเหรอ” ถามไป คนตายังปิดก็ส่ายหน้า “อ่าว แล้วทำไมตื่นเช้าล่ะ วันนี้วันหยุดไม่ใช่หรือ”

   “ฮะ แต่เกนมีเรียนพิเศษเช้า” พอได้คำอธิบาย ปูนก็พยักหน้าลง “พี่ปูนอาบก่อนก็ได้” พูดเสร็จก็เดินกลับไปทิ้งตัวนอนบนเตียง แม้ไม่นุ่มเท่าที่คอนโด แต่ก็ดีกว่าผ้าห่มปูบนพื้นแข็งๆ ปูนยิ้มนิดๆ แล้วปิดประตูตามเดิม คงต้องเร่งเวลาอาบน้ำของตัวเองเพื่อให้เกนไปเรียนได้ทันเวลา

   สองหนุ่มเร่งการแต่งตัวให้ทัน เกนบอกลุงอ้อมจะมารับไปส่งโรงเรียนก่อนแล้วจะวนกลับไปส่งปูน แต่ปูนบอกจะไปเอง ทั้งสองคนเถียงกันไปมาอย่างจริงจัง พอทั้งคู่ลงจากตึกมาก็เจอกับรถที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว คนขับรถยืนกอดอกพิงกับรถหรูตัวเองรอ
 
   “ป๋ามานานแล้วเหรอ แล้วลุงอ้อมล่ะ” เกนมองหาคนขับรถแต่กรพัฒน์กลับเปิดประตูด้านหลังให้คล้ายกับเร่งให้รีบเข้าไปนั่ง
 
   “พอดีพี่ให้แกพักน่ะ พี่เลยมารับแทน” กรพัฒน์รู้ ว่าปูนก็จะถามเช่นกัน เลยรีบตอบก่อน พอได้คำตอบ ร่างผอมก็พยักหน้ารับ แล้วสอดตัวลงไปนั่งเมื่อประตูถูกเปิดให้

   บนรถที่แอร์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ เกนยังพูดจ้อไม่หยุด คงเพราะน้ำเย็นที่อาบไปทำให้ตื่นเต็มตา

   “คืนนี้เกนนอนด้วยอีกได้หรือเปล่า” เป็นหนึ่งในคำถามของคนปากมาก

   “พอเลยแก รบกวนพี่เขา” กรพัฒน์ปรามลูกชาย แต่ก็ดูจะไม่มีท่าทีสลดแม้แต่น้อย เพราะเกนยังขยับตัวยื่นหน้ามาหาปูนอีก “ไอ้เกน”

   “ก็อยากให้พี่ปูนถูหลังให้อีก” ประโยคที่ผ่านหูกับน้ำเสียงร่าเริง ทำให้รถคันหรูเกือบชนท้ายคันด้านหน้า เมื่อต้องจอดตามสัญญาณไฟ “เกลือแบบนั้นหอมมากเลย เกนชอบ” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยังพูดไม่หยุด แถมยังลูบแขนตัวเองไปมาอีก

   “ถูหลัง คืออะไรเหรอ” สุดท้ายก็ถามออกมา กรพัฒน์มองหน้าลูกชายสลับกับปูนที่ยิ้มตาหยี “คืออะไรไอ้เกน”

   “ก็เมื่อคืนเกนอาบน้ำกับพี่ปูน แล้วพี่ปูนใช้เกลือหอมขัดหลังให้ ตอนนี้ขี้ไคลหลุดหมดเลย” พูดได้หน้าบานสุดๆ ต่างจากกรพัฒน์ที่หน้าตูมยิ่งกว่าดอกบัวออกใหม่

   “อาบน้ำด้วยกัน? ปูนอาบน้ำกับไอ้เกนหรือ” ตอนนี้หูอื้อตามัวไปหมด ภาพในจินตนาการของชายหนุ่มผุดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ปูนของเขากำลังขัดหลังให้ลูกชาย โดยที่ทั้งคู่เปลือยตัว “ไม่แฟร์อะ”

   “ครับ?”

   กรพัฒน์เลิกคิ้วเมื่อรู้ตัวว่าหลุดพูดในสิ่งที่คิด ปูนเอียงคอมองอย่างสงสัย จะมีก็แต่เกนที่พอรู้ความหมายก่อนหัวเราะออกมา
 
   “มือพี่ปูนเบามาก ถูหลังไม่เจ็บเลยนะป๋า” เกนเพิ่มน้ำมันในตะเกียงเพื่อเติมความอิจฉาให้ลุกโชน เด็กหนุ่มรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งพ่อตัวเอง “เมื่อเช้าถ้าไม่ง่วงก็จะเข้าไปอาบด้วยแล้ว...โอ๊ย”  พูดจบก็ถูกฝ่ามือของพ่อผลักจนหงายหลัง “เจ็บนะป๋า”

   “สม” กรพัฒน์ปรายตามองลูกชายผ่านกระจกมองหลังอย่างหมั่นไส้ แค่ได้นอนด้วยก็อิจฉาจนนอนไม่หลับ นี่มารู้อีกว่าได้อาบน้ำด้วย จะให้เขาอิจฉาลูกชายไปถึงไหน

   “อิจฉาล่ะสิ” เกนยักคิ้วให้พ่อตัวเองอย่างผู้ชนะ มีปูนที่นั่งหัวเราะอยู่คนเดียวเพราะคิดว่าพ่อลูกแกล้งหยอกกันเฉยๆ โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ

   กรพัฒน์ขับรถมาส่งลูกชายที่โรงเรียน ก่อนจะย้อนกลับไปส่งปูนที่ร้าน แม้เจ้าตัวจะขอลงระหว่างทางเพราะเกรงใจ แต่เจ้าของรถกลับไม่ยอมทำตาม รถหรูมุ่งหน้าไปยังร้านดอกไม้ที่ตอนนี้เขามาบ่อยกว่าออฟฟิศซะอีก บนรถมีการพูดคุยบ้างเป็นบางครั้ง เพราะกรพัฒน์ต้องคอยรับสายจากที่ทำงานมาตลอดทาง ไม่รู้ทำไมถึงยุ่งกะทันหันแบบนี้

   เมื่อมาถึงร้าน ปูนลงจากรถปุ๊บ กรพัฒน์ก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ เมื่อเอเจนซี่อยากให้นางแบบของเขาถ่ายลงหนังสือที่บริษัทดูแลในเล่มที่จะถึง ดังนั้นต้องรีบไปคุยรายละเอียดอย่างเร่งด่วนเพราะหนังสือมีกำหนดออกอีกสองอาทิตย์ ซึ่งคอนเซ็ปกับเสื้อผ้าหน้าผมต้องออกแบบใหม่หมด เพื่อให้เข้ากับนางแบบที่จะถ่ายขึ้นปก

   ส่วนปูนเดินเข้าร้านมาก็เจอกับโรสที่ตีหน้าเครียด หญิงสาวกวักมือเรียกปูนให้เข้าไปหา ใบหน้าสวยไม่ฉายแววขี้เล่นอย่างทุกทีจนน่าใจหาย

   “พี่โรสไม่สบายหรือเปล่าครับ” ปูนถามอย่างเป็นห่วง

   “พี่สบายดี” โรสว่า แต่หน้าก็ยังเคร่งเครียดอยู่

   “แล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ”

   “ปูน” โรสมองหน้าน้องคนสนิทอย่างหนักใจ หญิงสาวถอนหายใจออกมาอีกหลายรอบก่อนจะอธิบาย “คืองี้นะ พี่ชายของพี่จะพาพ่อกับแม่ไปอยู่เมืองนอก แล้วแม่ก็ไม่อยากให้พี่อยู่ที่นี่คนเดียว ก็เลย...”

   “พี่โรสจะไปอยู่เมืองนอกหรือครับ” ปูนทำตาโตพอเดาสิ่งที่จะได้ยินออก ยิ่งได้รับการพยักหน้ายืนยันยิ่งตกใจ “แล้วร้านนี้ล่ะครับ”

   “พี่คงต้องปิด พี่ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยนะ ปูนเข้าใจพี่ใช่ไหม” โรสทำหน้าเครียดมองปูน อยากจะยกร้านให้ปูนดูแล แต่กลัวปูนจะแบกรับไม่ไหว หากหญิงสาววางมือไปแล้ว แม้ร้านจะมีกำไรมาก แต่ก็อาจไม่เสมอไป กลัวว่าวันหนึ่งลูกค้าลดลงแล้วมีภาระเพิ่ม ปูนจะลำบากเอา

   “ปูนเข้าใจครับ พี่โรสไม่ต้องเครียดนะ ปูนไปหางานอื่นทำได้” ก็พอรู้ว่าที่โรสเครียดก็เพราะห่วงเรื่องงานของเขา ยังไงซะ งานก็ไม่ได้หายากหากไม่เลือกมาก เพราะก่อนมาทำที่ร้านนี้ ปูนก็ผ่านงานมามาก ทั้งพาร์ทไทม์ หรือฟลูไทม์

   “พี่ขอโทษนะ มันกะทันหันจริงๆ พี่จะจ่ายเงินชดเชยให้ปูนแล้วกันนะ”

   “ครับ ยังไงก็ได้”

   ปูนรู้สึกใจหายที่ร้านดอกไม้จะถูกปิดตัวลง เขาทำงานที่นี่ตั้งแต่ร้านเปิดใหม่ๆ มีความผูกพันกับทุกสิ่ง ไม่ว่าจะลูกค้าหรือดอกไม้ที่ต้องเจอในทุกๆ วัน จากนี้ไปคงจะคิดถึงมากทีเดียว

   หน้าร้านดอกไม้ขึ้นกระดานว่าอีกสองวัน ร้านนี้จะปิดตัวลง ทั้งปูนและโรสต่างยืนมองร้านที่สร้างขึ้นมาอย่างรักใคร่ หญิงสาวโผเข้ากอดปูนพร้อมเอ่ยขอโทษออกมาอีกหลายรอบ ทั้งที่เธอก็ไม่อยากไป แต่ก็ปฏิเสธครอบครัวไม่ได้เหมือนกัน อีกอย่างแม่ก็เป็นโรคหัวใจ ไม่อยากให้ท่านต้องมาคิดมาก

   “ปูนคงจะคิดถึงทุกอย่างที่นี่ คิดถึงพี่โรส คิดถึงดอกไม้”

   “พูดแล้วน้ำตาพี่จะไหลเนี่ย” ไม่ใช่แค่พูด แต่น้ำใสๆ ไหลอาบแก้มเนียนไปแล้ว “พี่คงคิดถึงปูนมากแน่ๆ”

   “ปูนก็คิดถึงพี่โรสมากแน่ๆ เหมือนกัน ไม่ได้ยินเสียงคนบ่นอ้วนอีกแล้วล่ะสิ” พยายามสร้างเสียงหัวเราะให้กับเจ้านายสาว ซึ่งเธอก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ถึงจะรู้จักกันไม่นานมาก แต่ก็รักเหมือนคนในครอบครัว

   “พูดซะพี่รู้สึกผิดเลยที่กินเยอะ” โรสหัวเราะทั้งน้ำตา “อยากพาปูนไปด้วยจัง” คงไม่ยากหากจะรับปูนเป็นน้องจริงๆ และพาไปด้วย แต่เพราะมีคนจับจองไว้แล้วเลยได้แต่คอยเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ

   “อยู่ที่นั่นก็โทรหากันได้ ปูนจะเติมเงินไว้เยอะๆ”

   “ปูนละก็ ใช้ไลน์โทรหากันก็ได้ ประหยัดเงิน”

   “นั่นสินะครับ”

   “มาทำให้อีกสองวันเป็นวันที่ดีกันเถอะ”

   “ครับ”

   การจากลาแม้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความคิดถึงก็จะยังคงอยู่ ปูนมองภายในร้านเพื่อบันทึกความทรงจำดีๆ และหวังว่าถ้ามีโอกาส เขาจะได้กลับมาที่นี่อีก เมื่อโรสคิดจะกลับมาเปิดร้าน ซึ่งไม่ว่าตอนนั้นเขาจะทำงานอะไรอยู่ ก็จะรีบกลับมาทำที่นี่อีกครั้ง

   กริ๊ง

   “ร้านสวีทฟลาวเวอร์ยินดีต้อนรับครับ”



...TBC

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ไปทำงานกับป๋ากรสิน้องปูน :mew1:

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
หมั่นไส้สองพ่อลูกแรงมาก 555

 :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด