Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]  (อ่าน 81069 ครั้ง)

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-16-



       
        หน้าร้านดอกไม้ที่ปูนเคยทำงานมาเป็นปีตอนนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม จะมีสีของตัวร้านที่ถูกเปลี่ยนใหม่ให้เป็นสีเหลืองอ่อน ซึ่งเป็นสีที่ปูนชอบ โดยรอบๆ ของร้านปลูกดอกกุหลาบที่กำลังจะออกดอกและเบ่งบานในไม่ช้า

   “ทั้งที่อยากให้ปูนได้เห็นตอนเสร็จแท้ๆ” กรพัฒน์ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เข้าไปดูด้านในกันเถอะ”

   ปูนเดินตามหลังกรพัฒน์เข้าไป ภายในร้านเปิดโล่ง ไม่มีข้าวของเครื่องใช้ หรือฟอร์นิเจอร์สักชิ้น นั่นเพราะบางส่วนของตัวร้านยังอยู่ในระหว่างปรับปรุงใหม่

   “รูปบนผนังนี่มัน...” ผนังที่เคยแขวนกรอบรูป ตอนนี้ถูกทาสีขาวจนทั่ว บนนั้นยังมีรูปดอกไม้หลากหลายพันธุ์ที่ถูกวาดซะสวย ที่สำคัญ มีรูปของปูนที่ถูกวาดเป็นตัวการ์ตูนน่ารักอยู่ด้วย

   “น่ารักใช่ไหม พี่ให้รุ่นน้องมาวาดให้ เอารูปปูนให้ดู มันก็ออกแบบแล้วมาวาดให้” กรพัฒน์เดินมาใกล้ผนัง แล้วส่งยิ้มหวานให้ “ปูนชอบไหม”

   “อื่อๆ” รีบพยักหน้าลงแรงๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหา มือขาวยื่นไปแตะรูปตัวเองเบาๆ “ชอบมากที่สุด”

   “ถ้ามาตอนร้านเสร็จคงจะสวยกว่านี้ ดูสิ ยังมี...”

   เสียงทุ้มพูดยังไม่จบดีก็ถูกรัดรอบเอว ปูนกอดกรพัฒน์แน่น หน้าสวยซบกับอกกว้าง ตอนนี้รู้สึกดีใจ ตื้นตันและอีกนานาความรู้สึกที่มันเกินคำว่าขอบคุณ

   “กอดแบบนี้พี่ก็เขินน่ะสิ” พูดไปอย่างนั้น แต่มือใหญ่ก็กอดกลับเช่นกัน กว่าจะทำให้ปูนเปิดใจ กรพัฒน์ต้องใช้ทั้งพลังสมองและพลังกายอย่างมากที่จะทลายกำแพงของคนในอ้อมกอด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ มันคุ้มค่ามากจริงๆ

   “ปูนขอบคุณทุกอย่างที่พี่กรทำให้ ขอบคุณนะครับ” ตอนนี้ลูกกวางของกรพัฒน์ปล่อยโฮออกมาซะแล้ว “ขอบคุณจริงๆ”

   “เปลี่ยนคำขอบคุณ เป็นคำว่ารักได้หรือเปล่า” แกล้งหยอกเพื่อให้หยุดร้องไห้ไปงั้น กรพัฒน์ค่อยๆ ดันร่างปูนออกเพื่อสบตาคู่สวย “ที่พี่ทำทั้งหมด เพราะพี่อยากทำให้ปูนจริงๆ ไม่ได้หวังว่าจะทำให้ปูนรับรัก ไม่สิ ก็ต้องหวังบ้าง แต่พี่อยากทำให้ปูนจริงๆ”

   “รักก็ได้”

   “หา?”

   “ก็บอกว่ารัก”

   ราวกับหูฝาด กรพัฒน์ยกมือขยี้รูหูตัวเองซ้ำๆ แต่คำว่ารักที่ได้ยินยังคงดังก้องไม่จางหาย

   “ปูนพูดว่า...รัก...เหรอ”

   “ปูนรักพี่กรนะ”

   ดวงตากลมโตนัยน์ตาสวยที่มองมาไม่มีสั่นไหว คำว่ารักของปูนพูดออกมาจากใจจริงๆ แก้มแดงระเรื่อบ่งบอกว่าคนพูดเขินอายพอสมควรแต่ก็ไม่ยอมหลบตา คล้ายกับจะเล่นเกมส์จ้องตาหากใครหลบก่อนจะแพ้ ซึ่งคนนั้นไม่ใช่กรพัฒน์แน่นอน

   พอเอาเข้าจริง ปูนต้องหลุบสายตาลงเมื่อเจอดวงตาคมจ้องมอง คำตอบนี้ปรากฏเด่นชัดมานานแล้ว แค่ไม่ได้พูดออกไป เพราะสิ่งที่กรพัฒน์ทำให้ทุกอย่างมันแสดงให้เห็นถึงความจริงใจและจริงจัง การเอาใจใส่เรื่องเล็กน้อยที่บางครั้งปูนยังมองข้ามแต่กรพัฒน์ไม่ใช่ ความห่วงใยทั้งความรู้สึกและร่างกายที่ได้เห็น มันทำลายกำแพงของปูนลงจนแทบไม่เหลือสักเศษเสี้ยว

   “ขอบคุณที่รักพี่นะครับ”

   มือใหญ่ค่อยๆ เชยคางคนหลบตาขึ้นมา ดวงตาคู่สวยสั่นไหวระริกด้วยความเขินอาย กรพัฒน์ยกยิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนจะค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปใกล้ ริมฝีปากของชายหนุ่มค่อยๆ แตะกับริมฝีปากนุ่ม และปูนก็หลับตาเพื่อรับความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดจากคนที่เขารักและรักเขา

   เนิ่นนานกว่าคนจูบจะผละออก แต่ก็ไม่ยอมขยับห่างไปไหน กรพัฒน์ยังคงใช้จมูกโด่งตัวเองคลอเคลียจมูกขาว หากสามารถหยุดเวลาตรงนี้ได้ด้วยเงิน ชายหนุ่มก็จะยอมทุ่มจนหมดตัว

   “โทรศัพท์” เสียงพูดดังชิดจนรู้สึกถึงลมหายใจกลิ่นมิ้นท์อ่อนๆ ที่ออกมาจากปากบาง

   “ช่างมัน” แต่อีกคนกลับไม่สนใจ ตอนนี้สิ่งที่น่าสนคือริมฝีปากตรงหน้านี้ต่างหาก
 
   “แต่มันดังหลายรอบแล้วนะครับ” ปูนยังคงไม่หยุดพูด จนถูกจูบย้ำๆ ซ้ำๆ อยู่หลายรอบ คนจูบถึงยอมถอย กรพัฒน์สบถอย่างหัวเสีย มือก็ล้วงมือถือออกจากกางเกง “เกนหรือครับ”

   “คนเดียวนี่แหละ” คนเป็นพ่อว่าอย่างเซ็งๆ พร้อมกดรับ “เออ” ตอบไปคำเดียวแล้วก็วาง

   “ทำไมคุยน้อยจัง เกนมีอะไรหรือครับ” ปูนมองอย่างสงสัย

   “มันบอกให้รีบกลับ หิวข้าว” พูดแล้วก็น่าโมโหลูกชายที่ชอบขัดอยู่เรื่อย ส่วนปูนพอได้ยินก็หัวเราะออกมา “กลับเถอะ ส่วนร้านก็ให้ปูนมาดูแลเอง เพราะพี่จะยกให้”

   “ยกให้ปูน? ไม่ใช่จะจ้างให้ปูนทำงานที่นี่หรือครับ”

   “คนรักของเจ้าของ จะให้จ้างทำไม ปูนก็แปลกจริง”

   ที่จริงก็รู้ แค่อยากแกล้งคนหัวเสียก็เท่านั้น ปูนเดินหัวเราะอารมณ์ดีตามหลังคนหน้าบูด มีหวังกลับถึงคอนโด เกนอาจจะถูกคาดโทษก็เป็นได้

   “พี่กรซื้อร้านต่อจากพี่โรสหรือครับ” ปูนถามระหว่างทางกลับ และแน่นอนว่าปูนก็ต้องกลับไปคอนโดกรพัฒน์ด้วย

   “อืม พี่ซื้อต่อตั้งแต่รู้ว่าจะเขาย้ายไปเมืองนอกนั่นแหละ” ตอบเสร็จก็หันมายิ้ม “โรสลดราคาให้ด้วย แต่แลกกับการที่พี่ห้ามทำปูนเสียใจ”

   “ซื้อเพราะลดราคานี่เอง”

   “ซื้อเพราะพี่จะไม่ทำให้ปูนเสียใจต่างหาก”




*********


   กว่าจะถึงคอนโด เกนก็นอนหลับไปแล้วหลายตื่น พอปูนไปเรียกให้มาทานข้าว เกนก็รีบตักข้าวเข้าปากคำใหญ่จนสำลักอยู่หลายรอบ

   “รสชาตินี้มัน...ป๋าเอากับข้าวมาจากบ้านอาม่ามาใช่ไหม” เกนจำรสชาติอาหารแต่ละอย่างได้ดี เด็กหนุ่มติดรสมือของอาม่ามากที่สุด

   “รู้ดี...” กรพัฒน์ยังเขม่นลูกชายตัวดี เลยไปนั่งซะไกล “พาปูนไปเปิดตัวมา”

   “จริงดิ่” คราวนี้เกนเบิกตาโต มือรีบทิ้งช้อนไว้บนโต๊ะแล้วก็วิ่งมานั่งข้างพ่อตัวเอง “แล้วอากง อาม่าว่ายังไงบ้าง”

   “ป๋าแกซะอย่าง” คนเป็นพ่อพูดพลางดันหน้าของลูกชายให้ออกห่างหน้าตัวเอง

   “ขี้อวดตลอด” เกนส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปกินข้าวต่อ ไม่สนหมอนที่ปลิวตามหลังมา โดยมีปูนเดินมาเก็บไปคืน “คืนนี้พี่ปูนจะนอนกับเกนใช่ไหม”

   “คือพี่...”

   “นอนกับฉันเว้ย เตียงแกแคบจะตาย ปวดหลังด้วย” กรพัฒน์รีบขัด

   “แคบที่ไหน เพราะป๋าไปนอนด้วยต่างหากเลยแคบ ถ้าเกนนอนกับพี่ปูนสองคนก็พอดี” ลูกชายยังไม่ยอม “อีกอย่าง เตียงป๋านอนก็ปวดหลังเหมือนกันนั่นแหละ”

   “หมายความว่ายังไง”

   “ก็ตอนที่ป๋าไปเมืองนอก เกนมานอนกับพี่ปูนที่นี่ทุกวัน เนอะ”

   “ไอ้เกน”

   ปูนได้แต่ถอนหายใจเมื่อต้องนั่งฟังพ่อลูกเถียงกันไปมาอย่างกับเด็กไม่รู้จักโต และสุดท้าย ค่ำคืนนี้ที่ห้องของกรพัฒน์ ก็มีเกนที่หอบหมอนข้ามห้องมานอนคั้นกลาง ทำเอาเจ้าของห้องหัวเสียนอนกอดหมอนข้างจนหลับสนิท




****



   “ห้องฟิตเนสปูนก็ใช้ได้นะ อยู่ชั้นล่างนี่เอง ห้องอาหารก็มี กับข้าวอร่อยทุกอย่าง แล้วนี่การ์ดห้องพี่ นี่ก็บัตรเครดิต พี่ทำเรื่องให้ใช้ลายเซ็นปูนแล้วนะ เผื่อปูนอยากได้ของใช้อะไรจะได้สะดวก” กรพัฒน์จูบยาวก่อนจะแจกแจงรายละเอียด แต่คนได้กลับไม่ค่อยจะเห็นด้วย

   “เงินปูนก็ยังมีอยู่ พี่กรเก็บบัตรเครดิตไว้เถอะครับ” มือขาวเลื่อนบัตรคืน แต่เจ้าของไม่ยอมหยิบ แถมยังออกไปทำงานเฉย ปูนเลยได้แต่ถอนหายใจยามมองบัตรสีดำเคลือบทองตรงหน้า ก่อนจะเอาใส่กระเป๋าเก็บไว้กันหาย

   เมื่อเก็บกวาดห้องทั้งสองฝั่งจนเสร็จ ปูนก็อาบน้ำเพื่อจะลงไปหาร้านข้าวราดแกงอร่อยๆ ซึ่งร้านขายก็ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับคอนโด จะเดินไปก็ยังได้ ลิฟต์ตัวที่ปูนใช้ลงไปชั้นล่างเปิดออกขณะลงมาได้ไม่กี่ชั้น และคนที่เข้ามา ก็เป็นคนที่ปูนรู้จัก แถมรู้จักดีมากซะด้วย

   หญิงสาวรูปร่างผอมสูงสวมชุดเดรสสีหวาน สะพายกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อดัง เธอสวมแว่นตาสีดำปกปิดดวงตาไว้

   “หลับสบายดีหรือเปล่า” ปูนเริ่มทักหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหน้าชิดประตู พอได้ยินคำทักทาย เธอก็ค่อยๆ หันมาพร้อมกับยกมือลดแว่นตาลงมาค้างไว้ที่ปลายจมูก ดวงตาที่เคลือบอายแชร์โดวเลื่อนมองปูนตั้งแต่หัวจรดเท้า

   “อ่าว ปูนหรอกหรือ คิดว่าคนบ้านๆ ที่ไหน” รอยยิ้มที่ส่งกลับมา หากพิจารณาดีๆ แล้ว ช่างเป็นรอยยิ้มที่ไม่มีความจริงใจเอาซะเลย “ดีใจด้วยนะ ที่คุณกรเปิดตัวปูนในงานเดินแบบเมื่อวาน เซอร์ไพรส์มาก”

   “ขอบใจนะ” ปูนยิ้มตอบกลับ “แล้วมิ้นท์ล่ะ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า”

   “แน่นอนสิ ช่วงนี้งานฉันยุ่งมากเลย แทบไม่มีเวลาพัก อีกเดี๋ยวก็จะมีโฆษณาด้วยนะ เหนื่อยมากเลย” หญิงสาวกรอกดวงตาขึ้นบนพร้อมเบะปากนิดๆ คล้ายกับจะบอกว่าเหนื่อยมากอย่างที่พูด แต่ปูนกลับมองนิ่ง “ว่าแต่ ปูนไม่ทำงานที่บริษัทแล้วเหรอ ไม่เห็นเลย”

   ชายหนุ่มหรี่ตาลงนิดๆ เมื่อคนตรงหน้าทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร “อืม พอดีได้งานใหม่น่ะ”

   “เหรอ งานที่ไหนล่ะ”

   “ร้านดอกไม้เหมือนเดิมนั่นแหละ”

   “ได้เงินน้อยน่ะสิ ไม่ไหวหรอก เป็นฉันละก็ ทนไม่ไหวหรอก” มิ้นท์เบะปากอีกครั้งยามพูดถึงค่าจ้างแสนถูก “เสียดายนะ ถ้าปูนทำงานที่บริษัทคุณกร ไม่แน่ ฉันอาจจะขอร้องพวกเขาให้ปูนมาเป็นผู้ดูแลก็ได้นะ ช่วงงานฉันยุ่งน่ะ”

   “แต่เราว่า มิ้นท์ไม่น่างานยุ่งนะช่วงนี้” พอปูนพูดปุ๊บ คิ้วของหญิงสาวก็กระตุกนิดๆ “ไม่ใช่แค่ช่วงนี้สิ สามเดือนใช่ไหม ที่ถูกพักงานน่ะ เหนื่อยหน่อยนะที่งานไม่มีน่ะ” แม้จะพูดเสียงเรียบๆ แต่กลับทำให้มิ้นท์แทบกรี๊ดออกมา ดวงตาที่จ้องมองก็ดูเกรี้ยวกราด

   “ทำไมต้องเหนื่อย อีกอย่าง คุณกรไม่มีเหตุผลเอาซะเลย อยู่ๆ ก็มาพักงานกันแบบนี้...”

   “เหตุผลที่มิ้นท์ก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือ เราไม่คิดเลยนะ ว่ามิ้นท์จะทำร้ายเราได้” ปูนมองหน้าหญิงสาวด้วยความผิดหวัง “เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ”

   คราวนี้หญิงสาวอึกอักพร้อมดันแว่นขึ้นปิดบังดวงตาตามเดิม

   “ถ้าคำว่าเพื่อนที่เราให้ไป มันไม่มีค่า งั้นเราก็เป็นคนแปลกหน้าก็แล้วกัน” ปูนพูดอย่างเหลืออด ไม่คิดว่ามิ้นท์จะไม่มีความรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำ ดูได้จากหญิงสาวยังยืดคอทำตัวเป็นหงส์

   “ก็เอาที่ปูนสบายใจแล้วกัน” ลิฟต์ตัวนี้ช่างเชื่องช้าซะจริงในความคิดของมิ้นท์ เธอรู้สึกถึงสายตาผิดหวังที่จ้องด้านหลังอยู่ตลอด จนอดไม่ได้ที่หันไปเผชิญหน้าตรงๆ โดยไร้แว่นตากันแดด “มันก็ใช่ ที่เราเป็นคนบอกทุกคนว่าเจอปูนที่นี่ แต่เราถามหน่อย เราโกหกหรือ เราพูดความจริงทั้งนั้น แล้วแบบนี้เราผิดอะไร”

   “ผิดตั้งแต่ที่มิ้นท์เอาเราไปพูดลับหลัง” ปูนยังคงนิ่งสงบ

   “แต่เราก็พูดความจริง”

   “ความจริงที่บอกว่าเราเกาะคุณกรเพื่อหวังเงินนะหรือ เกาะคุณกรเพื่อหวังจะมีหน้ามีตาทางสังคมเพื่ออวดใครๆ และเพราะเราอิจฉาที่มิ้นท์ทำงานที่นั้นก็เลยอยากเข้าไปทำบ้าง เพื่อที่จะอวดใครๆ ว่าเป็นเด็กคุณกร พวกนี้น่ะหรือคือความจริงที่มิ้นท์ว่า”

   “ใช่ มันเป็นความจริง ถ้าคุณกรไม่รวย ปูนจะมาคบหรือ คนเราก็อยากได้คนรวยทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครอยากลำบาก”

   “เพราะมิ้นท์เป็นแบบนี้สินะ ถึงไม่มีเพื่อนที่คบกันนานๆ แม้แต่ในบริษัทก็ไม่มีเพื่อนสักคน” ปูนมองอดีตเพื่อนสนิทด้วยแววตาสมเพช “แม้มิ้นท์จะทำตัวเองให้ดูน่าอิจฉาเพียงใด แต่ในสายตาของคนอื่น กลับมองว่ามันน่าสมเพช รู้อะไรไหม เราไม่เคยอิจฉามิ้นท์เลยสักเรื่อง แต่มิ้นท์ต่างหาก ที่ตอนนี้กำลังอิจฉาเราอยู่ มิ้นท์อิจฉาที่เราคบกับคุณกร อิจฉาที่เรามีเพื่อนที่บริษัทมากกว่า อิจฉาที่ใครๆ ก็รักเรา อิจฉาที่...”

   “หุบปากไปเลยนะ!” หญิงสาวตวาดพร้อมเสียงกรี๊ดดังลั่นห้องแคบๆ จนปูนต้องยกมือขึ้นปิดหู “ชีวิตที่แทบไม่มีอะไรเลยอย่างแกมีอะไรให้ฉันต้องอิจฉา ได้คุณกรแล้วฉันอิจฉา อย่ามาบ้าหน่อยเลย อย่างคุณกรเนี่ย ไม่ได้แอ้มฉันหรอก คนอย่างฉัน ต้องระดับไฮโซพันล้านเท่านั้น คอยดูเถอะ”

          คำพูดสุดท้าย พอดีกับประตูลิฟต์เปิดออกพอดี ด้านนอกมีคนยืนรอเข้าลิฟต์อยู่ประปราย มิ้นท์รีบปรับสีหน้าพร้อมสวมแว่นตามเดิม ริมฝีปากเคลือบสีชมพูอ่อนฉีกยิ้มหวานให้กับทุกคนก่อนเดินออกจากลิฟต์ไป ทิ้งให้ปูนมองตามหลังด้วยความระอา 


   ความทะเยอทะยานของมิ้นท์มันช่างน่ากลัวซะจริงๆ


   จากตอนแรกจะหาอะไรกินแถวๆ นั้น ปูนเลือกที่จะรับคำชวนของแอ้นที่ส่งข้อความมาหา และใช้เวลาไม่นานในการเดินทางมาที่บริษัท ปูนสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกความกล้า อีกทั้งเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้ผิดอะไร ไม่มีประโยชน์ที่จะหนีอีก

   โรงอาหารกลางเวลาบ่ายพนักงานยังคงนั่งอยู่เต็ม ปูนเดินเข้าไปโดยมีสายตาหลายสิบคู่มองตาม พอถึงโต๊ะที่มีคนรออยู่ ชายหนุ่มก็ฉีกยิ้มหวานส่งให้พร้อมยกมือไหว้

   “ไม่เจอกันแค่สองสามวัน ปูนกลายเป็นคนดังไปซะแล้ว” แอ้นรีบล้อทันทีหลังจากเห็นข่าวเจ้านายกับปูน นี่ก็เป็นเหตุผลที่เรียกปูนออกมาด้วยความอยากรู้ “สบายดีใช่ไหม ปูนผอมไปนะ”

   “คำถามเยอะจนผมไม่รู้จะตอบอันไหนก่อนดี” ปูนขำออกมาพร้อมหัวหน้าแผนกอย่างเหมียว “พี่ๆ สบายดีนะครับ”

   “ก็ตามสภาพนั่นแหละ งานเยอะจนจะเครียดตายอยู่แล้ว” เหมียวบ่น มือก็จิ้มผักสลัดเข้าปาก “ปูนนั่นแหละ เป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่คุณกรเปิดตัวเนี่ย”

   “พี่เหมียวก็” ชายหนุ่มขัดเขินนิดๆ “ก็เหมือนเดิมแหละครับ ไม่มีอะไร”

   “แต่หวานออกสื่อซะขนาดนั้น” แอ้นยิ้มกว้าง ทำตาลอย “จะว่าไป คุณกรก็กล้าเหมือนกันนะ งานระดับนั้นยังพาปูนไปเปิดตัวได้ เรียกได้ว่า เป็นข่าวดังกลบข่าวคนอื่นหมดเลย”

   “เขาเรียกคนจริงต่างหาก” เหมียวว่า “พี่ก็รู้ตั้งแต่คุณกรมาบอกเรื่องจะเอาปูนมาทำงานแล้ว ปกติเจ้านายเขาไม่ชอบเด็กเส้น”

   “แต่นี่ไม่น่าจะใช่เด็กเส้นนะคะพี่เหมียว น่าจะเด็กป๋ามากกว่า” พูดจบสองสาวก็พากันหัวเราะคิกคัก มีปูนคนเดียวที่นั่งหน้าบูดเมื่อถูกล้อ “แล้วรู้เรื่องที่คนปล่อยข่าวถูกพักงานหรือยังล่ะ”

   “ครับ คุณกรบอกแล้ว”

   “ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวนะ ขนาดเพื่อนกันแท้ๆ ยังทำกันได้ลงคอ” แอ้นเบะปากเมื่อนึกถึงหน้าของมิ้นท์

   “เป็นคนที่เห็นคนอื่นได้ดีกว่าตัวไม่ได้ เห็นแล้วจะชักดิ้นชักงอ นี่พี่ก็ไม่อยากจะเม้าท์นะ ตอนนางพีคๆ มีนางแบบมาใหม่ นางข่มรัวๆ แต่พอดีหนังสือออกมา คนใหม่เด่นกว่า นางเลยแขวะตากล้องว่าฝีมือห่วย”

   “พี่เหมียวรู้ได้ยังไงคะ ว่านางด่าน้องอิน”

   “คุณพอลเล่าให้ฟัง บังเอิญไปได้ยินตอนแม่นางแบบนั่งดูรูปที่คอฟฟี่ช็อป”

   “สมน้ำหน้า ถูกคนอื่นแบนยังไม่รู้ตัว ยังกล้าเชิดหน้าชูคอเป็นนางพญาอยู่ได้ ตลกชะมัด”

   ปูนนั่งฟังสองสาวคุยกันอย่างออกรสโดยไม่เอ่ยคำใดๆ ออกมา พอยิ่งฟัง ก็ยิ่งรู้สึกสงสารที่อดีตเพื่อนสนิททำ ระหว่างที่นั่งคิดเรื่องของเพื่อน ตรงบ่าก็รู้สึกถึงแรงกดเบาๆ พอเงยหน้าขึ้นไปดูก็เจอกับคนที่เพิ่งจูบลากันตอนเช้า

   “จะมาทำไมไม่บอก” กรพัฒน์เอ่ยถาม ดวงตาคมไม่ได้หันไปสนใจใคร เขามองแค่ปูนคนเดียว

   “พอดีมาแบบกะทันหัน พี่แอ้นชวนมา ปูนก็เลยมา” คนมีชื่อในประโยคยิ้มแห้งๆ “พี่กรกินข้าวหรือยัง”

   “กินแล้ว ถ้ารู้ว่าปูนจะมา พี่ไม่ออกไปกินกับไอ้พอลหรอก” ประโยคนี้ทำให้สองสาวที่นั่งร่วมโต๊ะกับปูนถึงกับกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม “แล้วปูนกินหรือยัง”

   “ครับ” คงเพราะตรงหน้าไม่มีจานของปูนวางอยู่เลยถูกถาม

   “แล้วปูนจะกลับยังไง”

   “ก็กลับแท็กซี่เหมือนตอนขามานั่นแหละครับ”

   “งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง จะออกไปทำธุระพอดี”

   “เหมียวได้ยินว่า คุณกรต้องคุยเรื่องชุดกับเลือกนางแบบให้แอมมี่ไม่ใช่หรือคะ...อุ่ย” ดูเหมือนเหมียวจะพูดในสิ่งที่กรพัฒน์ไม่ชอบใจ เพราะใบหน้าหล่อทำบึ้งตึงทันที “ถึงเวลางานแล้วนะ รีบไปทำงานได้แล้วแอ้น”

   “นั่นสิคะ แอ้นไปทำงานก่อนนะคะคุณกร พี่ไปก่อนนะปูน ไว้เจอกันใหม่”

   แล้วสองสาวก็รีบลุกจากโต๊ะไป เหลือแค่ปูนที่ยังนั่งอยู่ กับกรพัฒน์ที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเก้าอี้

   “กลับเลยไหม”

   “แต่เมื่อกี้พี่เหมียวบอกพี่กรมีงาน...”

   “ให้ไอ้พอลจัดการก็เหมือนกัน” ว่าแล้วก็ต่อสายถึงเพื่อน ไม่สนว่าจะถูกด่ากลับมายังไง แค่วางสายก็ไม่ได้ยินแล้ว “ไปกัน”
 
   “ครับ”

   กรพัฒน์ยื่นมือไปตรงหน้ารอให้ปูนยื่นมาจับ ชายหนุ่มนึกลุ้นกลัวจะแห้ว แต่พอมีมือขาววางบนมือ รอยยิ้มกว้างก็ผุดขึ้นมา คราวนี้ปูนไม่ได้หนีอีก ในเมื่อจะรักกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอายใครอีก

   “มือนุ่มนะเนี่ย” เสียงทุ้มเอ่ยชม “หอมด้วย” ก่อนยกขึ้นจูบเบาๆ โดยไม่แคร์สายตาพนักงานที่นั่งมองพร้อมรอยยิ้ม

   “มือพี่กรก็หยาบมาก” คราวนี้เป็นปูนที่ชม ไม่สิ ต้องเรียกว่าด่าหรือเปล่า “แต่ก็อุ่นมาก” เป็นประโยคปิดท้ายที่ทำให้เจ้าของมือหยาบยิ้มกว้างกว่าเดิม

   “ตัวพี่อุ่นกว่านี้นะ ถ้าปูนอยากกอด” เสียงกระซิบชิดใบหูขาว ปูนเลยต้องเอี้ยวตัวหนีก่อนถลึงตาใส่

   “ห่มผ้าก็อุ่นเหมือนกันนั่นแหละ”

   “อุ่นเหมือนกันซะที่ไหน ตัวพี่อุ่นกว่า แถมร้อนมากด้วย”

   “ปูนไม่ชอบของร้อน”

   “แต่พี่ชอบปูนนะ”

   ไม่มีการตอบกลับ มีเพียงรอยยิ้มสวยที่ส่งมาให้แทน

   ความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อม อยู่ที่เราจะคว้าได้ไหมก็เท่านั้นเอง



...TBC

ตอนนี้มดจะขึ้นอยู่หน่อยๆ นะคะ ฮ่าๆๆๆ

ขอบคุณมากๆ ค่าาาา

ออฟไลน์ zorHa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

 :-[ โอย!!หวานเว่อร์ เบาหวานจะขึ้นตาค่ะคุณ ว่าแต่ว่ามาสองตอน!!หมายความว่ายังไงคนเขียน อย่าบอกว่าจะลายาวๆนะ ม่ายยย  :serius2:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เลืี่ยนอ่า คุณกร

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มินท์ สมกับเป็นนางร้าย
ทั้งอิจฉา ทั้งร้ายกาจ แม้กับเพื่อน นางถึงไม่มีเพื่อนสินะ
ใครก็รู้ความร้ายของนางหมด
ให้สงสัยอาชีพนาง จะยั่งยืนต่อไปได้ยังไง
เล่นร้ายกับทุกคนอย่างนี้ 

คุณกร หวานกับปูนสุดๆ
พ่อลูก หลงปูน แย่งปูนกัน  :laugh:
คุณกร ปูน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
หวานเว่อร์ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ว่าแต่มิ้นท์นิสัยดีขนาดนี้อยากรู้บทสรุปนางจังเลยว่าจะได้ไหมผัวที่รวยเป็นพันล้านน่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เปิดตัวแล้ว ให้สมกับที่ไปพาปูนคืนมา
หวานนะพ่อ ทำไรไม่เกรงใจกันเลย ฟินมาก บอกเลย ไม่หวือหวา แต่อบอุ่น

ตลกกร เกน จะทะเลาะกันให้ได้อะไร
เกนคะ แล้วจะปล่อยพี่ปูนตอนไหนน่ะ

ป๊าม๊ากรใจดีเนาะ น่ารักด้วย คนตะกริวกินขาก็สบายไป

มินท์แย่มากเลย ทำตัวเอง

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-17-





        ร้านดอกไม้ถูกตกแต่งตามที่เจ้าของร้านคนใหม่ชอบ ปูนเริ่มเข้ามาดูแลงานร้าน โดยมีรุ่นน้องของกรพัฒน์เข้ามาช่วยในเรื่องของการตกแต่ง ไม่นานร้านดอกไม้ก็พร้อมเปิดบริการ

   “ร้านสวีทฟาวเวอร์ยินดีต้องรับครับ”

   ชื่อร้านยังคงเป็นชื่อเดิม เพราะปูนรู้สึกรักและผูกพันกับชื่อนี้ แถมลูกค้ารายแรก ก็ยังเป็นลูกค้าคนเดิมที่มาอุดหนุนในทุกๆ วันตอนที่ร้านเก่ายังเปิดอยู่ ลูกค้าหนุ่มยิ้มแย้มทันทีที่ได้เจอหน้าพนักงานสุดน่ารักของร้าน

   “ดีใจมากเลยนะครับ ที่คุณปูนกลับมาเปิดอีก นี่ถ้าเป็นคนอื่นละก็ ผมไม่มาแน่” สีหน้าและท่าทางเป็นไปตามคำพูดอย่างนั้น ปูนก็ยิ้มรับพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเบาๆ “วันนี้ฉลองเปิดร้านใหม่ ผมขอสั่งช่อใหญ่พิเศษเลยนะครับ ขอดอกกุหลาบสีขาว แล้วก็ บลาๆ”

   คำบอกของลูกค้าคนแรกถูกจดลงรายการอย่างช้าๆ ปูนทำเมินสายตาแวววาวจ้องมาที่เขาตลอดเวลา กว่ารายละเอียดจะเสร็จ ก็กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกับการขอเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ตลอด

   “คุณปูนเปิดร้านเองแบบนี้ ทำคนเดียวหรือครับ ผมไม่เห็นมีผู้ช่วยเลย แบบนี้คงเหนื่อยแย่” ลูกค้าหนุ่มถามคำถามมากมาย ดวงตาก็กวาดดูรอบๆ ตัวร้านที่เปลี่ยนไปมาก แต่ก็สวยไม่ต่างกัน “นั่นรูปคุณปูนหรือครับ น่ารักเหมือนตัวจริงเลย”

   “ไม่หรอกครับ คุณก็พูดเกินไป” ปูนหันมาตอบกลับพร้อมยิ้มหวานอย่างทุกที มือก็ยังคงจัดช่อดอกกุหลาบให้เป็นไปตามที่ลูกค้าเลือก

   “ไม่เกินไปสักนิดเลยครับ” ลูกค้ารายแรกของร้าน ลุกจากเก้าอี้ทรงสูงไปที่กำแพงที่มีรูปการ์ตูนวาดอยู่ มือหยาบค่อยๆ ยกลูบเบาๆ ก่อนจะหยิบมือถือมาเก็บภาพตัวเองกับตัวการ์ตูนของเจ้าของร้าน เมื่อถ่ายเสร็จก็ย้อนกลับไปนั่งหน้าเคาน์เตอร์ตามเดิม และมองคนน่ารักอย่างไม่รู้จักเบื่อ

   “เรียบร้อยแล้วครับ” ด้วยความชำนาญ ปูนจัดดอกกุหลาบช่อโตเร็วจนคนแอบมองถึงกับเสียดาย เพราะอยากอยู่ที่นี่ไปนานๆ “แล้วการ์ดให้เขียนเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ” การ์ดของร้านตอนนี้ก็ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ โดยที่ปูนให้เกนเป็นคนออกแบบ ซึ่งก็เป็นลวดลายแบบแปลกๆ แต่ก็สวยไม่เหมือนใคร แม้กรพัฒน์จะเปรยว่าเด็กอนุบาลวาดสวยกว่าก็ตาม

   “ไม่ต้องเขียนหรอกครับ”

   “อ่าว”

   ปูนเอียงคอมองอย่างสงสัย ดอกไม้ช่อโตขนาดนี้ก็น่าจะแนบการ์ดความหมายดีๆ ไว้สักหน่อย แม้จะเอาไปให้แม่ แต่ก็ควรมีประโยคหรือคำพูดซึ้งๆ แนบไปอย่างทุกที

   “เพราะช่อนี้ ผมให้คุณปูนครับ เป็นของขวัญสำหรับเปิดร้านใหม่” ลูกค้าหนุ่มรับช่อดอกไม้มาถือ ก่อนจะยื่นคืนให้กับปูน “ยินดีด้วยสำหรับร้านใหม่นะครับ”

   “ขอบคุณครับ แต่มัน...”

   “ไม่มีแต่สิครับ ผมตั้งใจไว้จริงๆ”

   “ขอบคุณครับ”

   เมื่อปฏิเสธไม่ได้ ปูนเลยยื่นมือไปรับดอกไม้ช่อนั้น และจังหวะนั้นเอง ประตูร้านก็ถูกเปิดออก กรพัฒน์แทบปรี่เข้าไปขยำคอเสื้อคนที่กล้ามองตาหวานใส่ปูน หากต้องข่มใจไว้กลัวว่าปูนจะเดือดร้อน ต่างจากลูกชายที่รีบเดินเข้าไปขวางพร้อมแย่งช่อดอกไม้ไปถือ

   “อ่าวลุงนั่นเอง จำกันได้ไหม หวังว่ายังไม่แก่จนเป็นอัลไซเมอร์นะครับ” เกนวางช่อดอกไม้นั้นบนเคาน์เตอร์ แล้วเอาตัวเองยืนแทรกกลาง คิ้วเข้มขยับขึ้นลงคล้ายกับจะหาเรื่อง

   “เป็นเด็กไม่มีมารยาทนะครับ” ลูกค้าหนุ่มคิ้วขมวดเอนตัวไปบอกปูน แต่เกนก็ขยับตามเพื่อที่จะบังคนด้านหลังตัวเอง

   “ขอโทษนะครับ” ปูนอยู่ด้านหลังพยายามจะปรามด้วยการแตะแขนคนขวาง แต่เกนก็ไม่ยอม เด็กหนุ่มหันไปส่ายหน้าเบาๆ คล้ายกับว่าไม่ยอมหลบ

   การกระทำของเกนแม้จะดูไม่ค่อยดี แต่สำหรับคนเป็นพ่อแล้ว มันช่างแสนวิเศษ เกนสามารถจัดการในสิ่งที่พ่อทำไม่ได้ ช่างดีเสียจริง ไม่ต้องออกแรง อีกทั้งไม่ถูกด่าด้วย มีลูกรู้ใจแบบนี้งานพ่อก็เบาขึ้นเยอะ

   “งั้นผมกลับก่อนดีกว่า แล้วจะมาใหม่นะครับคุณปูน” ลูกค้าหนุ่มยังคงพยายามจะโยกตัวเพื่อส่งยิ้มให้เจ้าของร้านสุดน่ารัก แต่ก็ถูกร่างของเด็กหนุ่มขวางทุกครั้งจนต้องถอดใจลา “ให้ผู้ปกครองสอนบ้างนะ เรื่องมารยาทน่ะ”

   เกนมองตามหลังคนที่ออกไปแล้วตาปริบๆ กว่าจะนึกขึ้นได้ว่าถูกว่าก็ช้าไปซะแล้ว

   “ป๋า เมื่อกี้มันด่าเกนอะ” เมื่อทำอะไรไม่ได้ เด็กหนุ่มก็รีบไปฟ้องพ่อตัวเอง

   “มันด่าฉันต่างหาก กล้าว่าฉันไม่สั่งสอนลูก ถ้าเจออีก มีตายไปข้างหนึ่งแน่” กรพัฒน์ว่าอย่างฉุนเฉียว ก่อนที่พ่อลูกจะถูกไม้ขนไก่เคาะหัวเบาๆ คนละทีจนหน้ามุ่ย “พี่เจ็บนะปูน”

   “อย่ามาเว่อร์ ปูนตีไม่แรงสักหน่อย อีกอย่าง เขาว่าให้ก็ถูกแล้ว พี่กรต้องบอกเกนสิว่าไม่ควรทำแบบนี้” ปูนบ่นยาวออกมา โดยมีเกนรีบย้ายข้างมายืนด้านหลังพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย

   “ใช่ๆ ป๋าอะ ไม่บอก”

   “อ่าวไอ้นี่ ทิ้งป๋าแกเฉย” กรพัฒน์ถึงกับโวยวายลูกชายตัวดี แต่สุดท้าย เกนก็ถูกเคาะหัวอีกรอบ “สม”

   “ป๋า นี่ลูก”

   “เออ รู้ แกเกิดมาจากเชื้อฉัน”

   “ดูพูดเข้า พี่ปูน”

   ปูนส่ายหน้าเมื่อพ่อลูกยังคงเถียงกันไม่หยุด นับวัน กรพัฒน์จะทำตัวเป็นเกนอีกคน พอไม่ได้ดั่งใจอะไรก็จะทำหน้างอแล้วฟ้อง

   “พี่หาพนักงานให้ปูนได้แล้วนะ” พอหยุดเถียงกัน กรพัฒน์ก็ว่าออกมา มือใหญ่ยื่นไปดึงคนตัวผอมให้มานั่งตัก “คนของม๊าพี่เอง ไว้ใจได้” ปูนมองคนยิ้มกริ่มอย่างสงสัย กรพัฒน์ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่นอน คนๆ นี้คิดจะทำอะไรต้องวางแผนล่วงหน้าและมีประโยชน์ด้วยเสมอ

   “ใครอะป๋า เกนรู้จักป่ะ” เกนเอ่ยถามออกมา ปากก็เคี้ยวองุ่นไร้เมล็ดตุ้ยๆ

   “ฟองจันทร์” ตอบเรียบๆ แต่คนถามกลับเบิกตากว้าง

   “พูดจริงป่ะเนี่ย ป้าฟองเนี่ยนะ”

   “อืม กว่าจะขอมาได้”

   ปูนไม่รู้หรอกว่าฟองจันทร์คือใคร แล้วทำไมสองพ่อลูกต้องมีท่าทางแบบนั้น เพราะปูนขอแค่พนักงานที่ไว้ใจได้เป็นพอ เรื่องจัดดอกไม้นั้นฝึกกันได้ เหมือนที่ปูนมาฝึกกับโรสอยู่นานกว่าจะจัดได้สวยและไวขนาดนี้

   เมื่อมีลูกค้าเข้าร้าน ปูนก็รีบลุกไปต้อนรับ โดยไม่เห็นสายตาและท่าทีที่ยิ้มย่องของกรพัฒน์สักนิด คนที่ขอจากม๊าตัวเองมา ระดับความเข้มอยู่ที่หลักร้อย หน้าตาใจดี แต่โหดเป็นที่หนึ่ง กรพัฒน์สามารถไว้วางใจให้มาดูแลปูน และกันหนุ่มๆ ที่จะมาข้องแวะได้ล้านเปอร์เซ็น

   “ป๋าคิดอะไรเกนดูออกนะ จะให้ป้าฟองมากันคนเข้าหาพี่ปูนล่ะสิ ร้ายนะ”

   กรพัฒน์ไม่ตอบลูกชาย เพียงแต่ขำในลำคอเท่านั้น ชายหนุ่มคิดมาล่วงหน้าแล้ว ว่าหากปูนมาเปิดร้านก็ต้องมีเหตุการณ์แบบเดิม ซึ่งเขาไม่ยอมให้ชายคนใดได้เข้าใกล้แน่นอน ที่สำคัญ ได้กำชับอย่างหนักแน่นไว้แล้ว หากมีผู้ชายเข้าร้าน ก็ให้ฟองจันทร์เป็นคนรับแทน แค่นี้ก็เบาใจไปอีกหน่อย

   “ปิดเทอมเกนมาเฝ้าให้ด้วย เอาป่ะ”

   “ก็ดี”

   “เดือนละห้าหมื่น”

   “งั้นก็ไปเรียนเหมือนเดิม”

   “โธ่ ป๋าอะ”



****



   กรพัฒน์อยู่ที่ร้านกับปูนจนร้านปิด ชายหนุ่มรีบเคลียร์งานเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ช่วงเช้าก็แค่เอาไปเช็คของพร้อมหอบหิ้วเกนไปด้วย งานเสร็จหมดเลยสามารถมาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน ส่วนลูกชายตัวดีต้องกลับไปเรียนพิเศษช่วงเย็น ตอนปิดร้านก็เลยเหลือแค่ปูนแล้วก็กรพัฒน์แค่สองคน

   “เหนื่อยไหมครับ” ปูนยกน้ำเย็นมาให้คนที่อยู่ช่วยจนร้านปิด

   “อยู่กับปูน พี่ไม่เคยเหนื่อยสักนิด” หยอดซะจนน้ำเปล่าในแก้วอาจหวาน กรพัฒน์ซ้อนจับมือปูนที่ยังถือแก้วน้ำ ก่อนจะค่อยๆ ยกดื่มช้าๆ ดวงตาคมจ้องมองคนหน้าหวานอยู่ตลอด “อร่อย”

   “น้ำเปล่าจะอร่อยได้ยังไง”

   “น้ำไม่อร่อย แต่คนป้อนต้องอร่อยแน่”

   ว่าแล้วก็ใช้ปากที่ยังชุ่มน้ำจูบมือขาวเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาฉกแก้มนุ่มฟอดใหญ่

   “พี่กร เดี๋ยวมีคนมาเห็น” ปูนทำตาโตเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกดึงให้นั่งคร่อมบนตัก จมูกโด่งซุกไซ้ตามซอกคอหอมโดยไม่สนเสียงห้ามปราม “พี่กร อื้อ นี่มันในร้านนะ”

   “งั้น ขึ้นข้างบนกัน”

   ว่าแล้วก็อุ้มคนบนตักขึ้นไปห้องด้านบน ซึ่งเมื่อก่อนเป็นห้องเก็บของ แต่ตอนนี้ถูกทำใหม่กลายเป็นห้องนอนที่กว้างขวาง คนทำห้องให้เหตุผลว่า เผื่อเหนื่อยจะได้ขึ้นมาพัก แต่ดูเหมือนว่า เหตุผลที่แท้จริงจะไม่ใช่แบบนั้นซะแล้ว

   ความเร้าร้อนเริ่มตั้งแต่การขึ้นบันได กรพัฒน์ไม่ยอมละจูบจากปากนุ่มเลยแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งปูนยังคิดว่าชายหนุ่มช่างจูบเก่งซะจริงที่ทำให้เขาเคลิ้มได้ขนาดนี้

   ทันทีที่หลังบางแตะเตียงนุ่ม คนด้านบนก็ไม่รอช้าที่จะตามลงมาทาบทับพร้อมมอบจูบอันเร้าร้อนมากกว่าเดิม มือหยาบแสนร้อนสอดเข้าไปในเสื้อเชิ้ตสีขาวอย่างรวดเร็ว ทุกสัดส่วนที่ได้สัมผัสใต้ร่มผ้าช่างเนียนละเอียดยิ่งกว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยผ่านมา
 
   “ปูนสวยมากเลยรู้ไหม” กรพัฒน์ผละจูบออกมาเพื่อจะถอดชุดของตัวเอง โดยไม่สนว่าเสื้อตัวแพงจะปลิวไปตกส่วนไหนของห้อง ดวงตามคมมองปากแดงที่บวมนิดๆ จากการที่เขาจูบไปเมื่อครู่ แถมดวงตากลมโตกำลังมองมาที่เขา ก็ดูยั่วยวนจนเผลอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก

   ไม่ปฏิเสธเลยว่าตอนนี้ เขาอยากครอบครองคนตรงหน้าใจจะขาด

   “พี่รักปูนนะครับ”

   “ปูนก็รักพี่กรเหมือนกัน”

   คล้ายกับเป็นคำขอและมีคำตอบย้อนกลับมา กรพัฒน์รีบจัดการคนที่ยั่วยวนสายตาและอารมณ์ทั้งที่ไม่ตั้งใจ  ความรุกเร้าแสนเร่าร้อนของทั้งคู่ ทำลายประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศที่แทบไม่รู้สึกถึงความช่ำเย็น

   เสียงหอบดังออกจากปากแดง ยิ่งถูกลิ้นร้อนตวัดลงบนยอดอกสีสวย เสียงนั้นก็ยิ่งแหบพร่าปลุกความตื่นตัวจนปวดหนึบ ปูนช่างหวานไปทุกส่วน กรพัฒน์ไล่ลิ้นสากลงมาตามหน้าท้อง ตวัดดูดเม้มรอบสะดือเรียกเสียงทรมานจากคนตัวผอมได้อีกระลอก

   “พะ พี่กร อ๊า” 

   ปูนเบิกตาโตผงกหัวขึ้นดู คิดไม่ถึงว่ากรพัฒน์จะใช้ลิ้นกับของๆ ตัวเอง ทันทีที่ถูกตวัดไล่เล็ม ความรู้สึกมากมายก็ประดังประเดเข้ามา ในหัวสมองตอนนี้แทบไม่มีอะไรเหลืออยู่ ยิ่งปากร้อนดูดกลืนเข้าไป  ปูนยิ่งดิ้นพล่านด้วยความเสียวซ่าน 

   พอเห็นว่าร่างผอมมีอารมณ์มากขึ้น คนที่เตรียมพร้อมอย่างกรพัฒน์ ก็รีบลุกไปเปิดลิ้นชักในตู้เสื้อผ้าและกลับมาอย่างไว ในมือมีหลอดเจลใสที่ไม่รู้ว่าไปเก็บซ่อนไว้ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ช่วงเวลาต่อจากนี้ ชายหนุ่มจะต้องใจเย็นให้มาก ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะอดครอบครองลูกกวางน้อยตัวนี้ ทั้งที่ของๆ เขาพร้อมซะยิ่งกว่าพร้อม 

   “ปูนไม่ต้องเกร็งนะ สูดหายใจเข้าลึกๆ”
 
   “อืม อะ”

   ความเย็นของเจลที่สัมผัสช่องทางด้านหลังทำเอาขนลุกซู่ ปูนเม้มริมฝีปากไว้แน่นเมื่อนิ้วของกรพัฒน์ค่อยๆ กดเบาๆ และดันเข้าไป มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมผ่านเข้าไป

   “เจ็บไหม” กรพัฒน์พยายามขยับนิ้วช้าๆ เพื่อให้ปูนไม่กลัว คนที่เม้มปากส่ายหน้าเป็นคำตอบ เขาเลยลองเพิ่มนิ้วเข้าไปอีก แม้ต้องใช้เวลามากสักหน่อยก็ตาม

   กรพัฒน์สังเกตคนรักที่นอนเม้มริมฝีปาก มือขาวกำผ้าปูเตียงแน่น คงกำลังอดทนเพื่อเขาแน่ พอคิดแบบนี้รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมา นี่ปูนจะทำให้เขารักเพิ่มไปอีกสักแค่ไหนกัน แค่นี้ก็ล้นออกมานอกอกอยู่แล้ว

   มือที่หมุนอยู่ในช่องทางเริ่มขยับสะดวกขึ้น และหลายครั้งที่จะได้ยินเสียงหวานดังออกมาจนรู้ว่า ตรงไหนที่จะทำให้คนรักของเขามีความสุข แค่คิดก็แทบอยากเข้าไปครอบครอง แต่ก็ต้องอดใจไว้อีกสักหน่อย เขาอยากให้ปูนจำครั้งแรกว่าเป็นครั้งที่ดีที่สุด

   เสียงหวานครางถี่ขึ้นเมื่อนิ้วสัมผัสถูกบางจุดที่เสียวปราบ ยิ่งด้านหน้าถูกลิ้นร้อนตวัดดูดกลืน ปูนก็ยิ่งดิ้นพล่านด้วยอารมณ์ที่ปะทุ ไม่นานก็ถึงฝั่งฝันที่มีทั้งความทรมานและเสียวซ่านปะปนกัน และตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาที่กรน้อยของเขาแล้วจะออกศึกแล้ว กรพัฒน์เลื่อนขึ้นไปจูบรุกเร้าเช่นเดิมเพื่อจุดอารมณ์ในตัวปูนอีกครั้ง

   “ปูนครับ มองมาที่พี่” เสียงทุ้มเรียกชื่อพร้อมเรียกให้จ้องมองมาที่ตัวเขา

   “พี่กร อื่อ” ปูนยื่นมือไปแตะแก้มคนด้านบนเบาๆ ก่อนจะย่นคิ้วเมื่อท่อนเนื้อร้อนค่อยๆ แทรกผ่านเข้ามา มือขาวเลื่อนลงมาบีบแขนแกร่งไว้แน่น “เจ็บ พี่กร เจ็บ”

   แม้ช่องทางจะถูกขยายมาก่อนหน้า แต่ขนาดที่ต่างกันก็ทำให้คนใต้ร่างส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ใบหน้าขาวบิดเบี้ยวยามถูกแทรกเข้ามา 

   “พี่เอาออกก่อนไหม ปูนจะได้...”

   แม้จะเสียดายอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นห่วง กรพัฒน์กำลังจะถอนท่อนเนื้อร้อนออกมา แต่ปูนกลับจับหน้าคมมาบดจูบ ความต้องการลุกโชนจนทนแทบไม่ไหว แม้รู้ว่าคนรักจะเจ็บอยู่มากแต่เพราะความต้องการของเขามันยากยิ่งเหลือเกินที่จะหักห้ามใจได้ มือหยาบจับขาขาวให้อ้ากว้างกว่าเดิมก่อนจะตัดสินใจดันสิ่งที่ค้างคาให้เข้าไปจนสุด

   ตอนนี้ปูนเป็นของเขาโดยสมบูรณ์แบบแล้ว

   กรพัฒน์หยุดค้างไว้เพื่อให้คนใต้ร่างปรับตัว เขาถอนจูบออกมาแต่ปากก็ยังวนเวียน ซุกไซ้ตามพวงแก้มหอมและซอกคอขาว โดยไม่ลืมฝากรอยรักเพื่อเป็นสัญลักษณ์ไว้

   “พี่ขยับนะ”

   “ครับ อ๊ะ ช้าๆ”

   พอได้ครอบครองก็ชักจะเอาแต่ใจใหญ่ กรพัฒน์ขยับช้าสลับเร็วทำเอาปูนปรับอารมณ์แทบไม่ถูก คล้ายกับว่า จะแกล้งให้โหยหายามนุ่มนวลและทำให้ขาดใจตายยามหนักหน่วง เพลิงที่ถูกจุดจนติด ยากที่จะมอดดับลง ความเร้าร้อนค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ผิวขาวของปูนแทบไม่มีตรงไหนเลยที่ไม่มีรอยจ้ำสีกุหลาบ หากปกติแล้ว กรพัฒน์ไม่เคยฝากรอยไว้กับใคร และส่วนใหญ่ก็ได้กันตั้งแต่วันแรก จะมีแค่ปูนเท่านั้นที่ทำให้เสืออย่างเขากลายเป็นลูกหมาที่รอคอยความรักความเมตตาอย่างน่าสงสาร

   จากหนึ่ง ค่อยๆ เพิ่มไปเรื่อยๆ ตามความกระหายอยากที่ต้องทนมากนาน ยิ่งคนใต้ร่างส่งเสียงครางหวานเพียงใด ความหน้ามืดตามัวก็เข้าครอบงำเสียซะทุกครั้ง แม้ปูนจะอ่อนหวาน แต่ก็เร้าร้อนจนกรพัฒน์เองยังนึกแปลกใจ นี่เขาเจอเพชรสินะ

   ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศค่อยๆ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายทั้งสองคนค่อยๆ ลดลง หลังจากหยุดพักเพราะความเหนื่อยล้า กรพัฒน์สอดแขนโอบตัวปูนไว้จากด้านหลัง หัวไหล่มนมีรอยของเขาอยู่หลายจุด และอดไม่ได้ที่จะทำเพิ่มอีก

   “ทำไมชอบกัด” ปูนหันมาแหวเมื่อเจ็บจี๊ดตรงที่ถูกทำรอย

   “ก็พี่เป็นหมา” พูดแล้วก็หัวเราะออกมา ไม่เคยยอมรับกับใครว่าตัวเองเป็นหมามาก่อน “พันธุ์พิทบลูด้วยนะ กัดไม่เลือกหน้าแน่ ถ้ามีหมาตัวไหนมายุ่งกับปูน” ว่าแล้วก็แยกเขี้ยวทำขู่

   “แต่ปูนไม่เป็นหมานะ” แล้วก็หัวเราะตาม

   “ปูนเป็นเมียพี่ต่างหาก” พูดจบก็ดูดปากแดงตรงหน้าแรงๆ เพราะยั่วสายตาเขาดีนัก

   “ปากปูนช้ำหมดแล้วเนี่ย” แม้จะบ่นแต่ปูนก็ยิ้มหวานให้ “แล้วเราไม่ต้องรีบกลับหรือครับ” พายุความเร้าร้อนที่เพิ่งผ่านไปหลายยกทำให้ลืมใครบางคนที่คงกำลังรอกินข้าวอยู่ “เกนรอกินข้าวอยู่แน่ พี่กร อื้อ” พอพูดอีกก็ถูกดูดปากอีก

   “ต่อไปให้เรียกป๋าเหมือนที่เกนเรียก” นี่กรพัฒน์เริ่มคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคจิต ที่เสพติดปากแดงจนอยากจะจูบย้ำๆ ซ้ำๆ ไม่อยากห่างไปไหน

   “แต่...”

   “เรียกป๋านั่นแหละ น่ารักดี”

   “แต่เหมือนปูนเป็นเด็กป๋าเลยนะ” หน้าหวานง้ำงอนิดๆ

   “ไม่ใช่เด็กป๋า แต่เมียป๋าต่างหาก ดูสิ เมียป๋าโคตรน่าเอา เอ๊ย น่ารัก” ว่าแล้วมือหยาบก็เริ่มลูบไล้ท้องแบนด้านหน้า ไม่สนว่าคนในอ้อมกอดจะดิ้นขืน

   “แต่เกนรออยู่นะ ป๋า ไม่เอาแล้ว”

   “เรียกป๋าแล้วมันกร๊าวใจซะจริง มาฉลองร้านใหม่อีกสักรอบเถอะนะ เมียป๋า”

         ศัพท์วัยรุ่นที่ได้ยินทำเอาปูนหัวเราะลั่น ก่อนเสียงหัวเราะจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวานๆ ที่กรพัฒน์ชอบ ความเร้าร้อนที่ทำให้ทั้งห้องมีแต่เสียงแห่งความสุข และทั้งคู่ก็ลืมไปเลยว่า เกนหิ้วท้องรอข้าวมื้อค่ำจนผล็อยหลับบนเตียงไปถึงเช้าอีกวัน ตื่นมาห้องก็ยังคงว่างเปล่า เพราะป๋ากับพี่ปูนของเขาไม่ได้กลับห้อง


   “ไปไหนกันวะเนี่ย หิวข้าว!!!” 




...TBC

ถึงกับปากเหงื่อจริงๆ ค่ะ แต่ได้เท่านี้จริงๆ มันยากมากที่จะบรรยายออกมา (- / / -)

อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้วนะคะ ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจผ่านตัวอักษร ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

ตอนที่เหลือเน้นความหวานชดเชยความขมช่วงต้นเรื่อง แล้วพบกันค่ะ จุ๊บๆ เซฮัลโหลหน่อย จุ๊บๆ (นั่นมันเนโกะจั้มฟ์ แฮ่)

ออฟไลน์ Altasia

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
โธ่ หนูเกน สงสารจัง ต้องอดข้าวเพราะเวลาสวีทของพ่อ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

น้องเกนโดนเท

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เกนเอ๊ยยยย  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ป๋ากรทำสำเร็จจนได้
เอาขนะใจร้องปูนได้อย่างสวยงาม

น้องเกนตัวแสบโดนเท สงสาร 555

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
-18-



        (ร้านขายดีแบบนี้ ต้องมีทิปให้คนช่วยนะเนี่ย) เสียงหัวเราะดังผ่านจากสมาร์ทโฟนตรงหน้า ปูนยิ้มจนตาแทบปิดที่อยู่ๆ กรพัฒน์ก็เดินมาหาพร้อมบอกว่ามีคนอยากคุยด้วย ทันทีที่เห็นว่าคนอยากคุยเป็นใคร ปูนก็แทบลืมคนรัก (แล้วนี่ปูนสบายดีไหม)

   “สบายดีครับ พี่โรสสบายดีนะ ดูอ้วนขึ้นนะครับเนี่ย” ปูนยิ้มทั้งน้ำตา รู้สึกดีใจที่โรสไม่ลืมเขา

   (เป็นคำที่ร้ายกาจมากคำนี้) โรสทำหน้าง้ำงอก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมา (พี่สบายดี สบายมาก และกำลังจะสบายกว่านี้) ว่าแล้วก็โชว์การ์ดสีขาวขึ้นมา (พี่จะแต่งงานแล้วนะ)

   “แต่งงาน? กับใครครับ ทำไมปูนไม่เห็นรู้เรื่อง”

   (กับฝรั่งน่ะสิ สเปคพี่เลยนะ หล่อ รวย ครบอะ) ปูนหัวเราะเมื่อเห็นพี่สาวที่รักกำลังจะมีความสุข (ปูนเถอะ คิดไว้หรือยังว่าจะคบกรไปถึงเมื่อไหร่)

   “อ่าวๆ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ” กรพัฒน์รีบแย่งมือถือไปแล้วถลึงตาใส่เพื่อนสาว

   (ก็ฉันพูดจริง อย่าคิดเล่นๆ กับปูนนะ ไม่งั้นจะบินไปรับแล้วหาหนุ่มหล่อๆ ให้ปูนใหม่)

   “ไม่มีวันนั้นหรอก” เจ้าของเครื่องแทบกดปิดหลังจากได้ยิน แต่เพราะเห็นแก่ปูนที่ดูจะคิดถึงโรสอยู่มาก เลยต้องทนให้คุยกันต่อ

   (ร้านเป็นไงบ้างปูน เหนื่อยไหม แรกๆ ก็หนักหน่อยน่ะ แต่พี่เชื่อว่าปูนทำไหวอยู่แล้ว)

   “ขอบคุณครับ ก็ไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ พอดีป๋ามาช่วย” ว่าแล้วก็หันไปยิ้มหวานให้กับกรพัฒน์ “ป๋ามาช่วยเก็บร้านทุกวัน ปูนก็เลยสบายไปครับ”

   (ดีจริงๆ งานตัวเองมีไม่ทำ ต่อไปนี้ ปูนมีอะไรก็ใช้เข้า ชี้นิ้วสั่งไปเลยไม่ต้องเกรงใจ) ประโยคของโรสก็ยังเรียกวงค้อนจากกรพัฒน์ได้อีกหลายรอบ ตั้งแต่กล่าวหาว่าโดดงาน แม้จะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ (งานแต่งพี่ ปูนคงไม่ได้มา แต่ถ้างานแต่งปูนละก็ พี่ไปแน่)

   “งานแต่งปูน? ไม่มีหรอกครับ” ใบหน้าขาวทำงง ก่อนจะหันไปมองคนข้างกายที่รีบเสหน้าไปมองทางอื่นอย่างมีพิรุธ “ป๋าคุยอะไรกับพี่โรสไว้หรือครับ”

   (ไม่มี๊) ปลายสายปฏิเสธเสียงสูง ก่อนจะขอวางเพราะต้องไปเตรียมงาน ก่อนจาก โรสโชว์รูปเจ้าบ่าวให้ดู ซึ่งเป็นฝรั่งที่หล่อมาก หน้าตาดีซะจนกรพัฒน์แขวะออกมาว่างั้นๆ

   พอวางสายปุ๊บ ปูนก็ยังคงยิ้มให้กับหน้าจอมือถือที่ดับไปแล้ว ปกติจะเจอกันตลอด ห่างกันแบบนี้ก็คิดถึง ยิ่งได้เห็นหน้าแบบนี้ยิ่งคิดถึงหนักเข้าไปอีก

   “ปูนอยากไปงานของโรสไหม” กรพัฒน์เอ่ยถามออกมา แต่คนถูกถามกลับส่ายหน้าเบา “ทำไมล่ะ พี่พาไปได้นะ ถ้าปูนอยากไป”

   “แค่รู้ว่าพี่โรสมีความสุข ปูนก็ดีใจแล้วครับ” ปูนตอบพร้อมรอยยิ้ม “พี่กรไม่ต้องไปทำงานหรือ จะบ่ายแล้วนะ” มัวแต่คุยเพลินจนลืมดูเวลา

   “ช่างมัน ให้ไอ้พอลดูไป” แล้วคนขี้เกียจก็โยนงานให้เพื่อนเฉย กรพัฒน์รีบทำตัวให้เหมือนยุ่งด้วยการปัดฝุ่นตามโต๊ะ เก้าอี้ทั้งที่มันสะอาดอยู่แล้ว

   “ขี้เกียจตลอด” ปูนว่าเบาๆ ก่อนเดินไปจัดการดอกไม้สดที่เพิ่งมาใหม่

   ระหว่างที่ต่างคนต่างทำงานอยู่นั้น เสียงทีวีที่ติดผนังก็ดังเรียกความสนใจ เมื่อตัวอักษรย่อจากชื่อเล่นและชื่อจริงของนางแบบสังกัดดังถูกเอ่ยออกอากาศ ปูนละมือในการทำทุกอย่างเพื่อยืนดู รายการที่กำลังออกอากาศตอนนี้ เป็นรายการบันเทิง มีพิธีกรสองคนนั่งพูดถึงข่าวเม้าท์สนั่นที่กำลังดังอยู่ในวงการรันเวย์ ว่านางแบบชื่อเล่น ม.สังกัดดัง ใช้เด็กในท้องจับผู้ชายแต่กลับถูกฝ่ายชายปฏิเสธแบบไม่เหลือเยื้อใย หากปูนจะไม่สนใจข่าวนี้เลย ถ้าพิธีกรอีกคนไม่พูดว่า นางแบบคนที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ กำลังถูกต้นสังกัดพักงานอยู่

   “ป๋ารู้เรื่องไหม” ข่าวที่ได้ยินทำให้ปูนขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด และเมื่อกรพัฒน์พยักหน้า หน้าขาวก็ตียุ่งหนักเข้าไปอีก “แล้วจะทำยังไงล่ะครับ”

   “เรื่องนี้ก็ต้องเข้าที่ประชุมก่อนว่าจะจัดการยังไง” กรพัฒน์ตอบเสียงเรียบ “ปกติทางบริษัทจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว หากไม่กระทบถึงงาน” แม้จะเป็นคำตอบที่ไม่ดีไม่ร้าย แต่ปูนก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี

   ข่าวนี้ไม่ได้มีแค่ในทีวี ตอนนี้กำลังแพร่สะพัดไปทุกช่องทาง ปูนเม้มปากเมื่อได้เห็นผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างสนุกปากโดยที่บางคนก็ยังไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริงเลยด้วยซ้ำ ว่าแล้วปูนก็รีบต่อสายไปหาเพื่อนที่เคยสนิท แต่ปลายสายติดต่อไม่ได้

   “ไม่ต้องโทรหรอก เขาไม่รับอยู่แล้ว” เพราะเห็นคนรักดูวุ่นวายเลยพูดออกมา

   “แต่ปูนเป็นห่วงมิ้นท์นี่ครับ ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง ท้องอยู่ด้วย” ก็ว่าทำไมช่วงที่เจอถึงรู้สึกว่ามิ้นท์ดูอวบขึ้น
 
   “มันเป็นเรื่องที่เขาต้องแก้ด้วยตัวเอง ปูนช่วยอะไรไม่ได้หรอก”

   “อย่างน้อยก็ช่วยเป็นกำลังใจ...”

   “เขาจะหาว่าซ้ำเติมน่ะสิ”

   “คิดแง่ร้ายตลอดอะป๋าเนี่ย”

   “เพราะบางคน เราคิดดีด้วยไม่ได้ยังไงล่ะ”

   แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ปูนก็ยังอดห่วงอดีตเพื่อนไม่ได้อยู่ดี แม้จะถูกหักหลังมา แต่ยังไงก็เคยเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน

   “ไม่น่าเลือกทำแบบนี้เลย” ปูนพึมพำเบาๆ ก่อนก้มหน้าทำงานต่อ โดยปล่อยให้ข่าวที่ได้ยินเป็นไปตามเรื่องราวของมัน ใครก่ออะไรไว้ก็ควรตามแก้กันเอาเอง ซึ่งปูนได้แต่หวังว่าลูกเศรษฐีที่มิ้นท์เลือกนั้น จะยอมรับผิดชอบเด็กในท้อง แต่หากเป็นแบบที่ข่าวว่า ผู้ชายคนนั้นเลือกที่จะปฏิเสธอย่างเดียว มิ้นท์ก็อาจจะลำบากหน่อยที่ต้องรอตรวจยืนยันความจริง





*****


   
   “ให้เกนไปนอนกับเพื่อนมันก็ดีเหมือนกันนะ” กรพัฒน์ใช้มือค้ำคางระหว่างมองคนรักทำกับข้าวในห้องครัว วันนี้ร้านปิดเร็วกว่าทุกวันเพราะลูกค้าน้อย อาจเพราะเปิดใหม่ ลูกค้าเก่าๆ ก็หายไปมาก จะเหลือแค่เสี้ยนหนามที่ยังวนเวียนมาอยู่รอบตัวปูน ที่จัดการยังไงก็ไม่ตายลงสักที

   “ไปนอนกับเพื่อนดียังไง นอนห้องตัวเองดีกว่าตั้งเยอะ” แม้ปากจะพูด แต่ดวงตาและมือยังคงสนใจอยู่ที่ของในกระทะ “ป๋าหยิบจานให้ปูนหน่อย”

   สั่งปุ๊บได้ปั๊บ เรียกได้ว่าแบบนั้น และไม่ได้มาแค่จาน ยังได้อ้อมกอดอุ่นของคนหยิบจานแถมอีกด้วย

   “หอมทั้งกับข้าว ทั้งคนทำ”

   “เดี๋ยวเถอะ ปูนตัวเหม็นเหงื่อจะตาย”

   หากไม่ติดว่ากลัวกรพัฒน์เจ็บละก็ ปูนก็อาจใช้ตะหลิวในมือเคาะคนชอบฉวยโอกาสไปแล้ว

   ไม่ต้องออกไปกินร้านหรูราคาแพง แค่กับข้าวง่ายๆ สองสามอย่างก็สร้างความสุขได้แล้ว ยิ่งคนที่อยู่ด้วยเป็นคนรัก ก็ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่ แถมเจริญอาหารอีก หากมีปูนกินข้าวด้วยกันแบบนี้ไปตลอด สงสัยอีกไม่นานกรพัฒน์ต้องกลายเป็นหมู ไม่ก็ลงพุงแน่

   มื้ออร่อยค่อยๆ หมดทีละช้าๆ กรพัฒน์เล่าเรื่องราวของบริษัทให้ฟังบ้าง คุยเรื่องพอลบ้าง โดยมีปูนที่อารมณ์ดีหัวเราะตลอดเวลาตอนที่ฟัง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนรัก ก็ทำให้คนเล่ามีความสุขและต้องหัวเราะตาม นี่แหละ คือความสุขที่กรพัฒน์ตามหามานาน

   “ป๋าไปอาบน้ำเถอะครับ  เดี๋ยวปูนล้างจานเอง อยู่ช่วยปูนที่ร้านมาทั้งวันแล้ว” ปูนบอกหลังจากทั้งคู่ช่วยกันเก็บจานที่กินเสร็จแล้วมาวางตรงอ่าง

   “ไม่เป็นไร ช่วยกันจะได้เสร็จไวๆ” ดูเหมือนเป็นคำพูดธรรมดา แต่พอออกจากปากของกรพัฒน์ที่จ้องด้วยสายตาวิบวับแบบนี้แล้ว มันต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

   ปูนเบ้ปากนิดๆ เมื่อรู้ทันความคิดของคนหื่น ร่างผอมขยับห่างออกมานิดหน่อย แต่ก็ถูกขยับมาชิดติด จนต้องหันไปดุทางสายตา

   “ที่มีตั้งเยอะนะป๋า”

   “แต่ที่ตรงนั้นไม่มีปูนนี่นา” ประโยคช่างชวนเลี่ยนเสียจริง ยิ่งประโยคหลังทำเอาปูนต้องปล่อยให้คนว่า ล้างจานเองซะเลย “ผ้ากันเปื้อนเหมาะกับปูนดีนะ”

   ปูนหนีมานั่งอยู่ที่โซฟาพลางเปิดทีวีดู และข่าวที่เห็นก็เป็นการตั้งโต๊ะแถลงข่าวของมิ้นท์ ที่ข้างๆ เป็นเจ้าของหนึ่งในสองของบริษัทเอเจนซี่ที่เธอสังกัดอยู่ และอีกฝั่งเป็นลุงแก่ๆ ที่สวมชุดสูท

   บรรดานักข่าวต่างก็ถามคำถามกันอย่างมากมาย ปูนไม่เห็นว่าเพื่อนมีสีหน้าและแววตายังไงเพราะเธอสวมแว่นกันแดดสีดำปิดบังอยู่

   “ป๋าไม่ไปหรือครับ” ปูนเงยหน้าถามคนที่เพิ่งล้างจานเสร็จแล้วเดินมานั่งข้างๆ

   “ไอ้พอลมันจัดการได้” กรพัฒน์ว่าอย่างไม่ค่อยเดือดเนื้อร้อนใจสักเท่าไหร่ มือใหญ่ดึงคนสนใจข่าวมาชิดพร้อมโอบรอบเอวไว้หลวมๆ คางแหลมวางเกยไหล่มนเพื่อดูข่าวตรงหน้า

   การจากแถลงข่าวนั้น มีข้อสรุปได้ว่า ทางมิ้นท์ยืนยันว่าไม่ได้คิดจะใช้เด็กจับใคร และเธอยืนยันว่าลูกเศรษฐีคนนั้นคือพ่อของลูกเธอจริงๆ แม้นักข่าวจะสาดแสงแฟลชหรือสาดคำถามมากแค่ไหน มิ้นท์ก็ตอบมาแค่สองประโยคนี้ จนนักข่าวเปลี่ยนไปถามกับพอลบ้าง ซึ่งต้นสังกัดก็พูดแค่ว่า ต้องรอผลจากที่ประชุมก่อน เนื่องจากนางแบบยังอยู่ในช่วงพักงาน ส่วนจะมีการฟ้องร้องกันไหม บริษัทก็คงไม่เข้าไปยุ่ง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของนางแบบ

   ฟังแล้วเหมือนบริษัทคล้ายจะผลักภาระ แต่ความจริงก็เป็นแบบนั้น บริษัทไม่ได้รู้เห็นเป็นใจหรือสนับสนุนให้นายแบบ นางแบบรักกับใครอยู่แล้ว หากเกิดปัญหาก็ควรจัดการเอง แต่ถ้าเกิดจัดการไม่ได้แล้วกระทบต่อบริษัท กฎก็ต้องเป็นกฎ นั่งคือพักงาน ไม่ก็ยกเลิกสัญญา

   “ป๋ารู้จักแฟนมิ้นท์ไหม”

   “รู้จักแบบผ่านๆ นั่นแหละ ไม่ได้สนิท” คนตอบเหมือนจะฉุกคิดอะไรได้ กรพัฒน์รีบบิดคางให้ปูนหันมามอง “อย่าคิดที่จะเข้าไปยุ่งนะ เรื่องนี้ปูนห้ามยุ่งเด็ดขาด แม้เขาจะเป็นเพื่อนปูนก็เถอะ ถือว่าพี่ขอ”

   “ครับ” รับคำแม้จะไม่ค่อยเต็มเสียง ในเมื่อถูกดักทางเอาไว้แบบนี้ก็ต้องปล่อยไปจริงๆ

   “อาบน้ำกันเถอะ พี่เหนียวตัวจะแย่” กรพัฒน์ทำเป็นเนียนจับจูงมือปูนไปที่ห้องน้ำ โดยที่คนเดินตามเผลอหัวเราะออกมา “พี่ชอบให้ปูนถูหลังให้นี่นา”

   “ฟังไม่ขึ้นเลยนะครับป๋า”

   “เมียป๋ารู้ทันตลอด ป่ะ อาบน้ำกัน”

   ยังไม่สิ้นคำชวนดี ปูนก็ถูกอุ้มจนตัวลอยเข้าห้องน้ำ และดูเหมือนว่า สิ่งที่กรพัฒน์ชอบ จะไม่ใช่การถูหลังจากปูน แต่เป็นการที่ได้ครอบครองปูนต่างหาก

   สายน้ำที่ช่ำเย็นไหลจากฝักบัวกระทบร่างกายไม่ขาดสาย แต่ก็ไม่อาจทำให้อุณหภูมิในกายของทั้งสองคนลดต่ำลงได้ เพราะยิ่งความต้องการมากขึ้น ความร้อนในตัวก็เพิ่มตาม เอวสอบขยับถี่เหมือนทางขึ้นฝั่งอยู่ไม่ไกล แขนแกร่งข้างหนึ่งโอบรอบเอวปูนไว้ให้แนบชิดมากกว่าเดิม ส่วนอีกข้างก็ปลุกเร้าปูนไปด้วย จนในที่สุดทั้งคู่ก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน ปูนแทบทรุดดีที่มีแขนโอบไว้

   “เมียป๋านี่สุดยอดจริงๆ” เสียงชื่นชมดังชิดใบหู ก่อนคนชมจะส่งลิ้นร้อนแหย่เข้ามาจนปูนต้องย่นคอหลบด้วยความเสียวซ่าน

   “พอแล้ว ปูนเหนื่อย” คนเหนื่อยจะขยับตัวออกห่างเพื่ออาบน้ำ แต่เพิ่งรู้สึกว่า สิ่งๆ นั้นยังคงค้างคาอยู่ในตัว ปูนหันไปย่นคิ้วใส่ แต่กรพัฒน์กลับลอยหน้าลอยตา แถมยังออกแรงขยับซะอย่างนั้น “อ๊ะ ป๋า”

   “ปูนเหนื่อย แต่พี่ไม่เหนื่อย เป็นเมียป๋าแล้วต้องอดทนนะรู้ไหม เพราะป๋าคนนี้อึดมาก”

   “นี่ปูนคิดผิดใช่ไหมเนี่ย ป๋า...”

   หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงพูดคุยกันอีกเลย มีแต่เพียงเสียงของความสุขของทั้งคู่ที่ดังไปทั่วห้องน้ำและห้องนอน...






******




   เสียงกดกริ่งพร้อมกับการเคาะประตูเรียกดังจนคนที่นอนหลับต้องสะดุ้งตื่น ปูนขยี้ตาพลางดูตัวเลขนาฬิกาดิจิตอล การเพิ่งตื่นนอนทำให้สมองช้ากว่าทุกที กว่าจะรู้เรื่องราวก็ตอนได้ยินคนเคาะห้องส่งเสียงโวยวายว่าสายแล้วและหิวข้าว

   ปูนรีบผุดลุกจากเตียงนอน ทันทีที่ขาแตะพื้น ร่างทั้งร่างก็ทรุดลงไปนั่งกองที่พื้น ตอนนี้ขาแทบไร้เรี่ยวแรง แถมเอวก็ยังปวดหนึบ นี่แหละคือผลของการตามใจป๋า ปูนค่อนขอดคนนอนหลับสบายอยู่บนเตียง ก่อนจะรวบรวมแรงทั้งหมดเพื่อไปทำกับข้าวมื้อเช้าให้เกน

   ด้วยความรีบร้อนทำให้หาเสื้อผ้ามาสวมไม่ทัน ปูนเลยคว้าผ้ากันเปื้อนมาสวมปิดบังร่างกายด้านหน้าเอาไว้ก่อน แล้วเร่งมือทำอาหาร เสียงตะโกนดังอย่างหนวกหูปลุกคนหลับสนิทให้ตื่น กรพัฒน์ตีหน้ายุ่ง มือก็ขยี้ผมตัวเองแรงๆ ที่ถูกกวน ทั้งที่เพิ่งได้นอนไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง

   “โอย ใครวะ” เมื่อสุดทน ร่างสมส่วนก็ลุกไปเปิดประตู โชคดีที่มือใหญ่คว้ากางเกงบ็อกเซอร์มาสวมก่อนเดินไปเปิด “มาทำไมแต่เช้าวะ” ทันทีที่เห็นหน้าเกน กรพัฒน์ก็โวยวายใส่

   “เช้าที่ไหน สายแล้วเนี่ย” เกนแทรกตัวเข้ามาด้านในเมื่อได้กลิ่นหอมของมื้อเช้า “เกนหิวแล้วครับ” พอนั่งที่ เกนก็ตะโกนบอกคนที่ทำกับข้าวในครัว

   กรพัฒน์หน้ามุ่ยมานั่งตรงข้ามกับลูกชาย ซิกแพกสวยๆ ไร้ไขมันนั่นทำให้เกนอดที่จะอิจฉาไม่ได้ ช่วงนี้เกนก็เริ่มคิดจะหันมาดูแลหุ่น เพราะอยากดูดีเหมือนพ่อตัวเอง แต่ติดตรงกับข้าวทุกมื้อมีแต่ของอร่อยๆ ทั้งนั้น

   “มาแล้วๆ โทษทีนะ วันนี้พี่ตื่นสายไปหน่อย” ปูนรีบเดินเข้ามาพร้อมจานข้าวสวยร้อนๆ สองจานพร้อมไข่เจียวหมูสับสีเหลืองสวยวางโป๊ะอยู่ด้านบน

   “ไม่เป็นไรฮะ เกนกินอะไรก็ได้” ว่าแล้วก็ตักข้าวไข่เจียวใส่จนเต็มปาก กรพัฒน์ยังนั่งสัปหงกด้วยความที่ยังตื่นไม่เต็มตา “ว่าแต่ พี่ปูนกำลังจะอาบน้ำเหรอ”

   “หา?” ปูนเลิกคิ้วอย่างงงๆ ก่อนจะเห็นสายตาเกนมองมาที่ร่างกายตัว “อ๋อ ก็ประมาณนั้นแหละ” ตอบไปอย่างนั้นเอง

   “งั้นไปอาบน้ำสิฮะ” เกนเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ บอก

   พอดีกับที่กรพัฒน์ปรือตาขึ้นมาเจอกับปูนที่ยืนหันข้างมาให้ จากที่ง่วงอยู่ก็ตื่นเต็มทั้งสองตา คนรักของเขาไม่ได้สวมอะไรเลย มีเพียงผ้ากันเปื้อนสีแดงที่ปกปิดเอาไว้ ที่สำคัญตอนนี้ ร่างขาวๆ นี้กำลังถูกเกนมองอยู่

   “ไอ้เกน รีบๆ กินแล้วก็รีบๆ ออกไป” คนรู้ตัวช้ารีบดึงปูนให้ไปยืนด้านหลัง เกนกับปูนได้แต่ทำหน้าสงสัย ที่อยู่ๆ กรพัฒน์ก็เกิดหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมา “มองอะไร รีบๆ กินไปสิ”

   “ป๋าเป็นอะไรเนี่ย มาไล่เกนทำไม” คนถูกไล่ตีหน้ายุ่ง

   “นั่นสิ ป๋าไล่เกนทำไมครับ” ปูนก็ยังสงสัยตามพร้อมจะขยับ แต่ก็ถูกแขนสองข้างวาดมาด้านหลังแล้วดันให้ยืนชิดหลังกว้างเอาไว้ “ป๋า”

   “ยืนอยู่เฉยๆ ห้ามหันหลัง” คำสั่งลอยๆ ที่คนถูกสั่งไม่ค่อยเข้าใจ แต่เกนกลับผุดรอยยิ้มออกมา “ยิ้มอะไรไอ้เกน รีบๆ กิน”
 
   “หวงพี่ปูนเหรอ โด่ว เกนเห็นก่อนป๋าอีก อาบน้ำกับพี่ปูนมาตั้งกี่รอบ” คนเห็นก่อนยืดตัวอวด แต่กลายเป็นว่า ถูกคนเห็นทีหลังหิ้วคอเสื้อแล้วลากออกจากห้อง “ป๋า นี่เกนนะเว้ย กินข้าวไม่อิ่มเลยเนี่ย”

   “ไม่อิ่มก็ไม่ต้องกิน อยากกินก็ไปกินที่อื่น” กรพัฒน์โวยวาย ไม่ลืมหรอกที่ลูกชายได้อาบน้ำกับปูน แต่ก็อดที่จะโมโหไม่ได้ เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นรอง จากนี้เขาจะต้องที่หนึ่งเพียงคนเดียวเท่านั้น

   “ทำไมป๋าต้องใจร้ายกับเกน”

   “เพราะแกมันขี้อวด”

   “อวดตรงไหน มันเรื่องจริงทั้งนั้น”

   “ไม่สนโว้ย”

   ประตูไม้อย่างดีถูกปิดใส่หน้า เกนถึงกับเหวอ ส่วนปูนได้แต่ตะลึง ไม่คิดว่ากรพัฒน์จะหิ้วลูกชายออกไป ทั้งที่เรื่องอาบน้ำนั้น มันก่อนที่ปูนจะตกลงคบกับกรพัฒน์ซะอีก

   “ป๋าเป็นอะไร ทำไมถึงทำแบบนั้น”

   “หึงย้อนหลัง”

   “แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ”

   “ได้ มันต้องได้” ปูนหัวเราะออกมาเมื่อคนหึงตีหน้ายักษ์ “แล้วพี่ขอสั่ง ไม่ให้ปูนอาบน้ำกับไอ้เกนอีก แล้วแต่งแบบนี้ก็ไม่ได้ ห้ามโชว์ให้ไอ้เกนเห็น ถ้าอยากโชว์ละก็ ให้พี่เห็นคนเดียวพอ”

   “ไม่ได้อยากโชว์สักหน่อย เพราะป๋านั่นแหละทำให้ปูนตื่นสาย แต่งตัวไม่ทันด้วย” ดีแค่ไหนแล้วที่หาผ้ากันเปื้อนมาคลุมได้ทัน “พูดแล้วก็โมโห ไปอาบน้ำดีกว่า”

   “อาบน้ำ?”

   พอได้ยินคำว่าอาบน้ำ กรพัฒน์ก็ปรับอารมณ์ทันที ดวงตาคมลุกวาววับ ยิ่งปูนเดินไปที่ห้องน้ำยิ่งคึก ด้านหลังคนงอนโชว์ก้นงอนขาวๆ น่ากัดให้จมเขี้ยว ว่าแล้วคนคึกก็รีบตามไป แต่หากถูกปิดประตูใส่หน้าอย่างกับที่ทำกับลูกชายเมื่อครู่นี้

   “ปูน เปิดประตูให้พี่ด้วย ปูนจ๋า”

   “ปูนจะอาบก่อน เดี๋ยวป๋าค่อยอาบ”

   “โธ่ปูน นี่ป๋าเอง เปิดประตูให้ป๋าอาบด้วย ปูน”

   ไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงแต่เสียงฮัมเพลงดังออกมาให้ได้ยิน นี่เป็นครั้งแรกที่กรพัฒน์คิดจะเอาประตูห้องน้ำออก หรือไม่ก็เอาที่ล็อคกลอนออก นั่นสิ สงสัยวันนี้ต้องให้ช่างของคอนโดมางัดกลอนออกซะแล้ว แค่นี้ก็จบกับปัญหาล็อคห้องน้ำ

   ว่าแต่ ล็อคได้ ก็ต้องไขได้สิ ทำไมโง่เช่นนี้ แล้วรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก็ปรากฏบนใบหน้าหล่อ พร้อมมือที่ถือลูกกุญแจสีเหลืองทอง



   ไม่รอดป๋าอีกตามเคย เพราะป๋าคนนี้ แรงดีไม่มีตก


...TBC

ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วค่าาา ขอบคุณทุกคนมากๆ เจอกันตอนหน้าค่ะ ^^~

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ป๋าหื่นมาก

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อาจจะต้องย้ายร้านมาอยู่ใต้คอนโดแทนไหม ขยันเหลือเกินนะพ่อ
ปูนก็โดนยำตลอด และก็ยอมตลอด 55555

กรก็อาการหนักนะ และไม่มีลดด้วย

เกนน่าสงสาร 5555

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ  สนุกมากกกค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
-19-




       “วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยได้ไหม” คำขอร้องดังออกมาจากคนที่โดดงานมานั่งอยู่ที่ร้านดอกไม้ กรพัฒน์เท้าคางจ้องหน้าคนรักที่เอาแต่สนใจจัดช่อดอกไม้ในมือ “นะครับปูน”

   “ทำไมล่ะครับ” แล้วปูนก็ต้องเงยหน้ามาสนใจ “ป๋ามีอะไรหรือเปล่า”

   “ไม่มี๊” ช่างเป็นคำปฏิเสธที่เสียงสูงเสียจริง กรพัฒน์เบือนหน้าหนีสายตาจับผิด

   “ต้องมีอะไรแน่ๆ ทำแบบนี้”

   ช่วงที่ปูนไล่ต้อนจับผิดด้วยสายตา เสียงโทรศัพท์ของกรพัฒน์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มรีบอ้างแล้วเดินออกจากร้านไป อยากจะหนีล่ะสิ

   กรพัฒน์คุยกับเพื่อนสนิทพร้อมมือไม้ออกอาการซะจนคนในร้านอย่างปูนสนใจ แถมยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บ้างก็ทำเหวี่ยงคล้ายกับไม่พอใจ แบบนี้แล้วปูนก็ชักอยากรู้ว่าคุยกับใคร หรืออาจจะเป็นพอลที่โทรมาเรื่องงาน คิดได้เช่นนี้ ร่างขาวก็จัดช่อดอกไม้เช่นเดิมเพื่อให้ทันส่งเจ้าของที่โทรมาสั่ง

   หลังจากคุยอย่างออกรส กรพัฒน์ก็เดินยิ้มเข้ามาแล้วทำเป็นเก็บกวาดข้าวของ และยังแอบเนียนดึงสายโทรศัพท์ออกเพื่อที่จะไม่ให้ลูกค้าโทรมาอีก แม้เรื่องนี้อาจถูกด่าได้ แต่ก็ต้องยอม เพื่อที่จะได้ปิดร้านแต่หัววัน

   จากตอนเช้าที่มีออเดอร์เข้ามาหลายเจ้า แต่พอบ่ายมากลับเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงโทรศัพท์ ปูนนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดที่ไม่มีลูกค้า

   “ปูนจ๋า พี่ซื้อขนมมาฝาก” คนที่ออกไปซื้อกาแฟข้างนอกเดินเข้ามาพร้อมถุงขนม กรพัฒน์ถอดแว่นกันแดดสีดำออกแล้วเดินมาวางถุงขนมไว้ตรงหน้า “ขนมเขาอร่อยมาก พี่เลือกแบบที่ปูนชอบทั้งนั้นเลยนะ...ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

   “ก็บ่ายนี้ไม่มีลูกค้าเลย” ปูนหน้าบูดเล็กๆ แต่ก็ยอมกินขนมที่ยื่นมาที่ปาก “หรือเขาไม่ชอบดอกไม้ที่ปูนจัด”

   “ไม่จริงสักนิด ดอกไม้ฝีมือปูนสวยจะตาย ขนาดลูกค้าพี่ยังชอบ” ธุรกิจดอกไม้ของปูน ยังถูกต่อยอดไปใช้ในการถ่ายแบบและดูจะผูกขาดเจ้าเดียวด้วย “พี่ว่า คงใกล้สิ้นเดือน เงินก็คงหมด เดี๋ยวพรุ่งนี้ ไม่ก็ต้นเดือนลูกค้าก็มาเอง เชื่อพี่สิ”

   “ไม่ดีเลยแบบนั้น”

   แม้จะสงสารคนรัก แต่มันจำใจต้องทำเช่นนี้จริงๆ กรพัฒน์รีบหาเรื่องสนุกมาชวนคุย บ้างก็เล่าเรื่องของเพื่อนรักอย่างพอลให้ฟัง จนนาฬิกาบอกเวลาบ่ายแก่ คนมีแผนก็รีบคะยั้นคะยอให้ปิดร้าน

   “ป๋าจะรีบไปไหนครับเนี่ย” ตอนนี้ปูนได้แต่ยืนดูคนอยากปิดร้าน ที่รีบเก็บกวาดแล้วกลับป้ายว่าปิดแล้วที่หน้าประตู “ถามจริง ป๋ามีแผนอะไรที่ไม่ได้บอกปูนหรือเปล่า” ปูนพยายามจ้องหน้าแต่กรพัฒน์เลือกที่จะไม่สบตา “แน่ๆ เลย”

   “นิดนึง” ยอมบอกมานิดๆ แล้วก็รีบเปิดประตูให้คนรัก พอปูนเข้าไปนั่งแล้ว กรพัฒน์ก็รีบอ้อมไปอีกฝั่งแล้วออกตัวทันทีเพื่อจะได้ไม่เสียเวลา

   “จะไปไหนเนี่ย” ดูจากเส้นทางแล้ว ไม่น่าจะใช่ทางกลับอย่างทุกที “ป๋า ถ้าไม่บอกจะงอนแล้วนะ”

   “ขอวันนึงนะ พี่บอกไม่ได้จริงๆ” ไม่อยากเห็นหน้าหวานหงิกงอแต่ก็ต้องทน

   ปูนมองสองข้างทางเมื่อรถหรูวิ่งบนถนนที่ทอดยาวโดยไม่รู้ปลายทางที่แน่ชัด จนป้ายบอกทางระบุว่าทางข้างหน้าคือทะเลฝั่งตะวันออก

   “ทะเล? ป๋าพาปูนมาทะเลเหรอ”

   “พี่ก็อยากให้ปูนพักบ้างไง”

   กรพัฒน์ไม่ได้สังเกตเลยว่า คนข้างกายของเขาไม่ได้ยิ้มหรือแสดงท่าทางดีใจเลยแม้แต่น้อย ปูนนั่งนิ่งเม้มริมฝีปาก หัวใจกำลังบีบรัดแน่นจนต้องยกมือขึ้นมากุมเอาไว้



   ตลอดทางปูนพยายามทำตัวให้ไม่เป็นที่สนใจมากนัก ทั้งๆ ที่อยากตะโกนบอกไปว่าไม่ชอบทะเล แต่ก็กลัวคนตั้งใจพามาพักจะรู้สึกไม่ดี

   พระอาทิตย์เริ่มทอประกายเป็นสีส้มเมื่อใกล้จะตกเต็มแก่ คนขับรถก็รีบเหยียบเพื่อจะได้ทันดูตอนดวงสีส้มค่อยๆ จมลงทะเล เขาอยากให้ปูนประทับใจ

   “พี่เตรียมเสื้อผ้ามาแล้วนะ เรานอนพักที่นี่สักคืนสองคืน” กรพัฒน์ผู้ที่เตรียมพร้อมทุกอย่างยิ้มแย้มเมื่อนึกถึงแผนการของตัวเอง

   “นอน...ที่นี่” เสียงแผ่วเบาแทบจะไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ตอนนี้เม็ดเหงื่อเริ่มผุดจากไรผม ทั้งที่ไม่ได้ร้อนเลยสักนิด “มะ ไม่นอนไม่ได้หรือ”

   “ทำไมล่ะ พี่จองห้องไว้แล้วนะ เป็นบ้านพักติดชายหาด ปูนจะต้องชอบแน่ๆ”

   ปูนส่ายหน้ารัวๆ มือสองข้างเต็มไปด้วยเหงื่อจนชื้นแฉะ ใจตอนนี้เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา แล้วจู่ๆ น้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้ม เสียงสะอื้นเบาๆ ทำให้กรพัฒน์หันมามอง ชายหนุ่มเหยียบเบรกหัวทิ่ม ดีที่ไม่มีรถด้านหลังที่วิ่งตามมา ไม่อย่างนั้น อาจเกิดอุบัติเหตุไปแล้ว

   “ปูนเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” กรพัฒน์ตกใจที่เห็นปูนร้องไห้ แต่ก็ยังประคองสติพารถเข้าไปจอดข้างทางก่อนจะสอบถาม แต่คนตัวผอมกลับเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น “ปูน เป็นอะไร”

   “ไม่เอา” คำพูดปนเสียงสะอื้นฟังแทบไม่ออก ปูนพยายามเค้นเสียงออกมาให้อีกคนได้รู้ “ไม่ไป ปูนไม่อยากไป”

   “ไม่อยากไปไหน ทะเลหรือ” พอได้ยินก็ต้องแปลกใจ แต่อาการของปูนมันบ่งบอกได้ดีว่าไม่ได้พูดเล่น “ทำไมล่ะ ปูนไม่ชอบทะเลหรือ พี่ว่ามัน...”

   “ไม่ชอบ ปูนไม่ชอบ ไม่เอา ปูนไม่ไป ป๋า ปูนไม่ไป” คนไม่อยากไปร้องไห้จนตัวโยน กรพัฒน์รีบดึงปูนเข้ามากอดปลอบ “ทะเลน่ากลัว มันมืด อึดอัด หายใจไม่ออก ปูนไม่ชอบ” เสียงกระท่อนกระแท่นแต่ก็พอจับใจความได้ ปูนขยำเสื้อเชิ๊ตคนตรงหน้าไว้แน่น ความกลัวในอดีต ค่อยๆ ผุดขึ้นมา ภาพเดิมๆ กับวันเก่าๆ มันช่างน่ากลัว

   คนในอ้อมกอดร้องไห้อย่างน่าสงสาร กรพัฒน์เริ่มคิดหนักเพราะว่าแผนการต่างๆ ที่เตรียมไว้นั้นถูกซักซ้อมจนเรียบร้อยหมดแล้ว ถ้าเกิดเขาไม่ไปละก็ จบเห่กันพอดี

   “ปูนไม่ต้องกลัวนะ มีพี่อยู่ด้วยทั้งคน พี่ไม่ปล่อยให้ปูนเป็นอะไรอยู่แล้ว”

   “ไม่เอา ไม่ไป ปูนไม่ไป” ปูนร้องไห้ส่ายหน้าอยู่กับบ่าคนปลอบ “ปูนไม่ชอบทะเล ไม่ชอบ”

   “ทำไม...” เหมือนจะมีอะไรผุดเข้ามาในความทรงจำ คำพูดของอดีตเพื่อนของปูนค่อยๆ เคลื่อนไหว ก่อนจะต่อด้วยเสียงและภาพของปูน “ที่ๆ ปูนถูกจับไป คือทะเลหรือ” คราวนี้ได้รับการพยักหน้าจนคนวางแผนอย่างดีคิดหนัก “ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันนะ ตอนนี้ปูนมีพี่ ปูนไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แล้วที่นั่นก็ไม่มืดเลย ขอแค่ปูนเชื่อใจพี่ ได้ไหมครับ”
 
   คราวแรกคนร้องไห้ก็ส่ายหน้าปฏิเสธลูกเดียว จนกรพัฒน์ทั้งกล่อมและปลอบอยู่นานกว่าปูนจะยอมตกลง แต่ก็ยอมไปกลับเพื่อความสบายใจของปูน

   และตลอดการเดินทาง มือของปูนก็กำแน่นอยู่ตลอด แม้จะถูกมือใหญ่กุมไว้ แต่ก็ยังเกร็งอยู่ดี ยิ่งพอเห็นทะเลอยู่ไกลๆ ปูนก็ลุกลี้ลุกลนจนดูน่าสงสาร กรพัฒน์อยากจะต่อยหน้าตัวเองแรงๆ ที่ลืมคิดไป แต่ก็เพราะไม่รู้นั่นแหละที่ทำให้เกิดเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าความประทับใจที่อยากให้ปูนได้เจอ จะแปรเปลี่ยนเป็นความเลวร้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้


   เมื่อรถหรูจอดหน้ารีสอร์ทสวยที่แสนร่มรื่น กรพัฒน์ก็รีบวิ่งอ้อมไปหาปูนแล้วประคองให้ลงจากรถ ดูท่าแล้วคงจะกลัวจริงๆ ดวงตากลมสอดส่ายไปมาอย่างระแวง

   “มันมืดแล้ว” ปูนว่าออกมาเสียงสั่น มือก็จับอีกคนไว้แน่น

   “พี่อยู่ตรงนี้ไง มองพี่สิ อย่ามองทางอื่น” เพราะมัวแต่ปลอบกันนานเลยมาถึงช้ากว่าที่คิด ตอนแรกอยากให้ปูนได้เห็นพระอาทิตย์ตกด้วย แต่ก็เหลวไม่เป็นท่า “เดี๋ยวเราไปเช็คอินก่อนนะ” พอบอกปุ๊บ คนในอ้อมแขนก็ขืนตัวเองไว้ทันที

   “ไหนบอกไปกลับ แล้วทำไมต้องเช็คอิน” คิ้วสวยขมวดเป็นปมแถมไม่ยอมเดินอีก

   “เพราะพี่จองไว้แล้ว เช็คอินเสร็จเราค่อยเช็คเอ้าท์ทีหลัง” เป็นคำอธิบายที่ปูนไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ยอมเดินเข้าไป พอเช็คอินเสร็จสรรพ พนักงานสาวสวยก็รีบออกมาต้อนรับแล้วพาไปที่บ้านพักที่จองไว้ “ไปนั่งพักที่ห้องก่อน ค่ำๆ เราค่อยกลับนะ พี่มีอะไรให้ปูนด้วย”

   ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ปูนก็ยอมเดินตาม มือขาวยึดชายเสื้อคนเดินนำไว้แน่น นั่นเพราะไม่อยากให้กรพัฒน์ประคองโอบกอดตลอด กลัวว่าชายหนุ่มจะดูไม่ดี



   บ้านพักที่จองไว้นั้น อีกด้านนั้นติดทะเล แถมยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวอีกต่างหาก และหากตัดความกลัวออกไป ปูนก็รู้สึกว่าบ้านหลังนี้สวยมาก ยิ่งตอนทะเลหอบลมพัดขึ้นมาทำให้ผ้าม่านสีขาวปลิวสะบัดก็ยิ่งสวย แม้ทะเลในตอนนี้จะดูน่ากลัวไปสักหน่อยก็ตาม แต่พระจันทร์กับแสงดาวก็ส่องประกายจนปูนต้องเดินไปดู

   “สวยไหม” กรพัฒน์ลุ้นอยู่นานตอนพาปูนเข้าห้อง ชายหนุ่มปล่อยให้ปูนได้ปรับตัวกับห้องและสิ่งรอบตัว ตอนนี้ไฟในบ้านเปิดแทบทุกดวงเพื่อลดอาการกลัวของปูน ซึ่งดูได้ผล

   “อื่อ” แม้ตอบไม่เต็มเสียงนัก แต่คนพามาก็ใจชื้นขึ้นบ้าง

   “ทะเลตอนกลางคืนน่ากลัวไปหน่อย พี่อยากให้ปูนเห็นตอนพระอาทิตย์ตกมากกว่า” คราวนี้กรพัฒน์เดินมาซ้อนหลัง แขนแกร่งยื่นไปโอบเอวคนรัก “แต่ถ้ารู้ว่าปูนกลัวมากขนาดนี้ พี่ไม่พามาหรอก”

   “ปูนขอโทษ” หน้าขาวสลดลงอย่างรู้สึกผิด

   “ขอโทษทำไม ปูนไม่ได้ทำผิดสักหน่อย” ชายหนุ่มก้มลงไปหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ “แต่พอมาคิดดีๆ แล้ว มาที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะ เผื่อปูนจะเลิกกลัว”

   “ปูนก็ไม่ได้อยากกลัว”

   “พี่จะทำให้ปูนเลิกกลัวเอง ฝันร้ายๆ นั่น พี่จะทำให้กลายเป็นฝันดีเอง”
 
   คนเคยฝันร้ายที่ว่าแอบขำให้กับท่าทางและน้ำเสียงจริงจัง แต่แล้วก็ถูกฉกแก้มนุ่มอีกจนได้ และก่อนที่จะถูกฉกมากกว่าแก้ม เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงก็ดังเรียก กรพัฒน์แอบเสียดายปากแดงที่ยั่วสายตาแต่ก็ต้องไปรับ เพราะภารกิจสำคัญในการมาที่นี่รออยู่

   ปูนมองตามหลังกว้างที่ออกจากประตูไป ตอนนี้เลยเหลือแค่เขาเพียงคนเดียว กับห้องที่ทั้งกว้างและเงียบ ถึงจะมีแสงสว่างจากหลอดนีออน แต่ก็อดที่จะกลัวไม่ได้ ยิ่งเสียงคลื่นที่กระทบฝั่งนั่น คล้ายกับเสียงของปีศาจคำราม ปูนค่อยๆ ถอยจากระเบียงไปที่มุมห้องแล้วย่อตัวนั่งกอดเข่าตัวเองไว้

   เหมือน...มันเหมือนคราวนั้นที่ปูนถูกพามาขัง เสียงคลื่น เสียงลม และความเงียบของห้องยามต้องอยู่คนเดียว แล้วเหงื่อเม็ดโตก็ผุดขึ้นมา ดวงตาเหลือบไปมาอย่างหวาดหวั่น เล็บมือกดลงในบนหัวเข่าจนมีเลือดออกซิบๆ




   “ปูน พี่...” เสียงเปิดประตูพร้อมกับพรวดเข้ามา กรพัฒน์กวาดสายตามองหาคนรัก ก่อนจะหันไปเจอปูนนั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้อง นี่เขาทิ้งให้ปูนต้องกลัวอีกแล้วใช่ไหม ทั้งที่สัญญาแล้วแท้ๆ กรพัฒน์เดินไปหา พอยื่นมือไปแตะ ปูนก็สะดุ้งทันที “พี่เอง พี่ขอโทษนะ”

   พอเห็นปูนเบ้ปากทำท่าจะร้องไห้ มือใหญ่ก็รีบดึงร่างผอมเข้ามาในอ้อมกอด ปากก็พร่ำขอโทษอยู่ตลอด จนปูนเริ่มดีขึ้น กรพัฒน์ก็ชวนออกไปรับลมข้างนอก ซึ่งปูนก็รีบตกลงทันที อย่างน้อยด้านนอกก็ไม่น่ากลัวเท่าในนี้

   กรพัฒน์ประคองปูนออกจากห้อง คราแรกเตรียมผ้ามาผูกตา แต่พอเห็นปูนกลัวเมื่อสักครู่ ผ้าก็ถูกเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม จนเมื่อใกล้ถึงลานที่เตรียมไว้ ร่างสูงก็หยุดเดินทำเอาคนเดินมาด้วยสงสัย

   “ปูนเชื่อใจพี่ไหม” คำถามที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นทำให้ปูนพยักหน้าลง “ที่ๆ พี่จะพาปูนไป เป็นที่ๆ พี่ตั้งใจมอบให้กับปูน แต่ถ้าพี่จะขอปิดตาปูนไว้ก่อนจะได้ไหม” ปกติหากเป็นคนอื่น อาจใช้ผ้าคาดหรือปิดตาได้เลย แต่สำหรับปูนคงต้องขอก่อน สิ่งที่เจอมันสอนให้ต้องทำแบบนี้

   “ต้องปิดตาด้วยหรือ” ปูนย่นคิ้วนิดๆ แต่พอมองหน้าของคนรัก ก็ยอมตกลง

   ทันทีที่ถูกมือใหญ่ปิดตา ปูนก็แอบหวั่นใจ แต่เพราะคนที่อยู่ข้างๆ คือคนรักที่จะไม่มีวันทอดทิ้งหรือทำร้าย ปูนเลยผ่อนคลายลงบ้าง ทางเดินที่ไม่รู้ไปหยุดอยู่ตรงไหน ปูนทำได้แค่เดินอย่างช้าๆ และทำตามที่คนเห็นทางบอก จนเท้าสัมผัสกับผืนทราย

   “ปูนหลับตาไว้ก่อนนะ อย่าเพิ่งลืมขึ้นมา ขอเวลาหนึ่งนาที ไม่สิ สามสิบวินาที”

   ทันทีที่คนข้างกายหายไป ลมเย็นของทะเลก็ทำให้ปูนห่อตัวนิดๆ ร่างผอมพยายามข่มตัวเองให้คิดว่าที่นี่มีกรพัฒน์อยู่ ปากแดงเลยเริ่มนับเลขเบาๆ คลายความฟุ้งซ่าน

   แสงเล็กๆ ที่กระทบกับเปลือกตาทำให้ปูนค่อยๆ ปรือตาขึ้นดู จากผืนทรายและท้องทะเลที่มืดมิด ตอนนี้กลับสว่างไสวไปด้วยแสงไฟดวงเล็กๆ ที่ต่อกันเป็นสาย เรียงร้อยเป็นตัวหนังสือที่ทำเอาปูนน้ำตาคลอ คนที่หายไปเดินมาจากด้านข้างพร้อมช่อกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ ที่ปูนจำได้ว่า มีลูกค้าผู้หญิงโทรมาสั่ง บอกจะนำไปให้เพื่อนขอแฟนแต่งงาน โดยให้ปูนจัดแบบที่ปูนชอบ
 
   “นี่มัน...” แทบพูดไม่ออก น้ำตาที่เคยมีตอนหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นตื้นตัน



   “Will you marry me?”



   กรพัฒน์คุกเข่าลงด้านหน้าพร้อมยื่นช่อดอกกุหลาบมาให้ ปูนเพิ่งสังเกตว่าตัวเองและกรพัฒน์อยู่ในวงล้อมของไฟดวงเล็กที่ทำเป็นรูปหัวใจดวงโต


   “Please”


   คำขอปนอ้อนวอนสร้างรอยยิ้มหวานจากปูน ก่อนศีรษะทุยจะพยักหน้าลง แค่นั้นเสียงเพลงก็ดังขึ้นมาพร้อมๆ กับผู้ร่วมขบวนการวิ่งมาดึงพลุกระดาษจนปลิวว่อนไปทั่ว

   “เย้ๆ ดีใจด้วยนะเพื่อน” พอลรีบตบบ่าเพื่อนสนิทก่อนจะหันมาแตะปูนบ้าง ก็ถูกกรพัฒน์ดึงหลบ “หวงตลอด ดีใจด้วยนะปูน ฝากเพื่อนผมด้วย”

   “ขอบคุณครับ” ปูนตอบรับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเซเกือบล้มเมื่อถูกเด็กหนุ่มที่เริ่มจะสูงกว่าพุ่งเข้ากอด “เกน”

   “ดีใจด้วยนะพี่ปูน มาอยู่ด้วยกัน เกนจะไปนอนด้วยทุกวันเลย” แรกๆ ก็ดูดี แต่พอหลังๆ หน้าของเกนก็ถูกมือใหญ่ของพ่อดันให้ออกห่างทันที “ป๋า ทำไรเนี่ย” สุดท้ายก็ถูกดันจนหลุด

   แต่ที่ทำให้ปูนดีใจที่สุดคือ หญิงสาวที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง ในมือมีมงกุฎดอกไม้ เธอเดินเข้ามาหาก่อนสวมให้กับปูน
 
   “ยินดีด้วยนะปูน พี่ดีใจที่เห็นปูนมีความสุข”

   “ขอบคุณครับพี่โรส” ปูนปล่อยน้ำตาไหลเป็นสาย แขนเรียวโอบกอดร่างบางที่เปรียบเสมือนพี่สาวที่รักมาก “ทำไมมาไม่เห็นบอกปูนเลย”

   “บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ ไม่เอาๆ ไม่ร้อง วันนี้วันดีที่พี่ได้เห็นปูนมีความสุข” ว่าแล้วโรสก็จับมือปูนขึ้นมา ก่อนจับมือเพื่อนสนิทมาวางด้านบนมือของปูน “กร ฉันฝากน้องชายฉันด้วย อย่าทำให้ปูนเสียใจ”

   “รู้แล้วน่า” กรพัฒน์ยิ้มกว้างให้เพื่อน

   “อย่ามัวแต่คุยเลย มาฉลองกันดีกว่า ดูสิ กุ้ง หอย ปู ปลาเต็มไปหมด ว่าแต่ ไหนแอลกอฮอล์ชั้นเลิศวะ” พอลยืดคอมองหาน้ำอำพันชั้นดี เท่าที่เห็นมีแค่น้ำอัดลมกับน้ำเปล่าเท่านั้น

   “งานวันนี้โนแอลนะครับคุณลุง เพราะพวกผมอยู่ด้วยเห็นป่ะ อยากเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีหรือไง” เกนร่ายยาวจนถูกเขกศีรษะโดยมีเพื่อนอย่างฟลอยด์เอาแต่ขำ

   ถึงแม้จะเป็นงานเล็กๆ แต่ปูนก็สุขใจจนอยากเก็บภาพความทรงจำนี้ไว้ด้วยหัวใจ ร่างผอมยืนมองตัวหนังสือที่ถูกพันด้วยสายไฟแล้วก็ยิ้มออกมา

   “ชอบไหม” เสียงคุยเบาๆ ดังอยู่ข้างกาย ปูนพยักหน้าลงทันที “พี่ก็ชอบนะ” คราวนี้ปูนหันมามองคนที่บอกว่าชอบอย่างสงสัย “ชอบที่มีปูนอยู่ข้างๆ แบบนี้ และชอบที่ปูนรักพี่ ขอบคุณที่ยอมแต่งงานกับพี่นะ”

   “ปูนต่างหากที่ควรพูดแบบนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ หากป๋าพาปูนกลับ งานนี้ก็คงไม่มี แล้วปูนก็คงเสียดายไปตลอดชีวิต”

   “ไม่หรอก ถ้างานนี้ล่ม พี่ก็ไปจัดที่อื่นอีกก็ได้ เงินป๋าเยอะ” กรพัฒน์พูดแล้วขยิบตาให้ ก่อนนิ่วหน้าเมื่อถูกหยิกที่เอว “เจ็บนะเนี่ย”

   “เจ้าแผนการดีนักนะ” ปูนยิ้มกว้าง ยื่นแขนโอบรอบแขนแกร่งไว้พลางเอนซบไหล่ “ขอบคุณที่รักปูนและอดทนเพื่อปูน”

   “นี่ถ้าพี่ไม่ทนละก็ คงไม่รู้ว่าเมียพี่เด็ด โอ๊ย” อีกคนกะจะซึ้ง แต่อีกกลับพูดติดตลกจนถูกหยิกที่เอวอีกรอบ “พี่อดทนเพื่อคนที่พี่รักได้เสมอจ้า” ว่าแล้วก็หอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่และอีกหลายๆ ฟอดตามมา ปูนเอียงหน้าหลบแต่ก็ไม่พ้นอยู่ดี ความสุขกับภาพความรักทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นกลายเป็นอากาศไปในพริบตา

   “แหม หวานซะน้ำทะเลจืดแล้วเนี่ย” โรสแกล้งหยอก “แล้วคุณพอลคะ คุณจะไม่วางแก้วเลยใช่ไหมคะ”

   “ทำไมกลายเป็นขี้ประชดฮะ ตอนเป็นนางแบบใหม่ๆ ออกจะน่ารัก พูดอะไรก็เชื่อฟัง เนอะไอ้กร” พูดจบก็ต้องวิ่งหนีฝ่ามือที่เตรียมฟาด ความวุ่นวายนั่นเรียกเสียงหัวเราะได้รอบวง “ช่วยด้วยๆ แม่มดจะฆ่าแล้ว”

   “หนอย”

   แล้วสองหนุ่มสาวก็ไปวิ่งไล่กันรอบแท่งตัวหนังสือที่ประดับหลอดไฟ ก่อนจะกอดคอพากันกลับมาด้วยความเหนื่อยอ่อน

   “เล่นกันเป็นเด็กๆ” ทุกสายตาหันไปมองคนพูด จนฟลอยด์เงยหน้ามามอง ปากยังคาบก้ามปูเอาไว้ “ผมคิดออกเสียงหรือ” แล้วทั้งหมดต่างก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นหาด





***


   กว่างานเล็กๆ จะจบลง ทุกคนก็ดูจะอิ่มท้องด้วยอาหารทะเลเผา รวมไปถึงท้องอืดจากน้ำอัดลม เด็กหนุ่มสองคนขอแยกกลับไปห้องพัก เพราะอิ่มกว่าจะกระดิก จริงๆ ดูจากท่าเดินที่ค่อยๆ ก้าว คงเป็นแบบที่พูด ส่วนผู้หญิงหนึ่งเดียวก็มีชายหนุ่มที่วิ่งไล่กันจนเหนื่อยเดินไปส่งที่ห้องเพื่อความปลอดภัย และไม่อยากอยู่เป็นก้างของคู่รักที่กำลังจะแต่งงานกัน

   กรพัฒน์จับมือปูนแล้วพาออกเดินลัดเลาะชายหาด ทะเลยามค่ำคืนหอบลมขึ้นมาทำให้รู้สึกเย็นสบาย ตอนนี้ปูนลดความกลัวลงได้มาก คงเพราะมีคนข้างกายที่รักและพร้อมดูแล

   “แสงที่ทะเลนั่นคืออะไรหรือครับ” ปูนชี้นิ้วไปที่แสงเล็กๆ กลางทะเล

   “คงจะเรือไดหมึกมั้ง” กรพัฒน์ว่า เมื่อตอนยังหนุ่มๆ เขาเคยออกทะเลไปกับเรือไดหมึกเพื่อจะถ่ายภาพ จำได้ว่าครั้งแรกเมาเรือแบบหมดสภาพ เข็ดไปนานกว่าจะทำใจไปอีกรอบและได้ภาพสวยๆ ถูกใจ

   “น่าสนุก”

   “ไม่เลย”

   คนเคยมีประสบการณ์ไม่ดีในครั้งแรกรีบส่ายหน้า ปูนขำออกมาทันทีที่เห็น

   ลมทะเลยิ่งดึกก็ยิ่งแรง กรพัฒน์เลยพาปูนกลับขึ้นบ้าน ตอนแรกคิดจะไปเช็คเอ้าท์ตามที่คุยกันไว้ตอนแรก แต่ปูนก็รีบห้าม และอยากให้กรพัฒน์ทำให้เขาหายกลัวอย่างที่เคยบอก

   “แค่อยู่ข้างปูนห้ามไปไหนก็พอ” คนกลัวดึงมือใหญ่มาที่ระเบียง ดาวบนท้องฟ้าส่องประกายสวยในยามมืดมิด “ปูนก็เหมือนท้องฟ้าตอนนี้” อยู่ๆ ปูนก็พูดออกมา ร่างผอมอยู่ในอ้อมกอดอุ่น “ป๋าก็เหมือนกลุ่มดาวพวกนั้น”

   “เดี๋ยวนะ ปูนต้องเป็นดาว พี่เป็นท้องฟ้าหรือเปล่า” คนสงสัยเอียงหน้ามอง ซึ่งปูนก็ส่ายหน้าตอบเบาๆ

   “ปูนเป็นท้องฟ้าตอนกลางคืน มันดูมืดมน เงียบเหงา โดดเดี่ยว อ้างว้าง แต่พอมีดวงดาวส่องแสงเป็นประกาย ท้องฟ้านั่นก็ดูมีชีวิตขึ้นมา” รอยยิ้มของปูนดูเศร้าในตอนแรก ก่อนจะยิ้มหวานเมื่อถูกหอมแก้มเบาๆ “ขอบคุณนะครับ”

   “พูดแบบนี้พี่ก็เขินน่ะสิ”

   “เนี่ย ชอบทำเป็นตลกอยู่เรื่อย”

   “ป๊าพี่เคยบอก” ปูนขยับเอียงหน้าไปรอฟัง “ป๊าบอกว่า ถ้าชีวิตมันเครียดนัก ก็หาเมียเป็นตลก แต่ถ้าไม่อยากตกนรก เราก็ควรเป็นตลกซะเอง”

   “มันคล้องจองกันด้วยหรือ” คนอุตส่าห์ตั้งใจฟังขำแห้งๆ ให้กับสิ่งที่ได้ยิน แต่คนพูดกลับทำหน้านิ่ง “จริงจังด้วย”

   “ปูนอ่ะ” คนตั้งใจพูดทำหน้าง้ำงอให้คนในอ้อมกอดที่หัวเราะเยาะ

   “ถึงป๋าไม่เป็นตลก ปูนก็ไม่ทำให้ป๋าตกนรกหรอก”

   ร่างผอมในอ้อมกอดหันกลับมา มือนุ่มทั้งสองข้างยกขึ้นกอบกุมแก้มตอบแล้วเขย่งตัวขึ้นจูบ ริมฝีปากนุ่มค่อยๆ ขบเม้มอย่างช้าๆ แม้จะดูชักช้าแต่กรพัฒน์ก็รอรับความรักจากปูน จนปากเป็นอิสระก็ได้เห็นรอยยิ้มหวานส่งมาให้ แถมส่งสายตายั่วยวน กระดิกนิ้วชี้เรียกให้ไปที่เตียงอีกต่างหาก

   พอเห็นแบบนี้กรพัฒน์ก็รู้สึกคึกคักขึ้นมาทันตา ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก ยกมือทำท่าขยุ้มเป็นเสือร้าย วันนี้เขาจะตะปบลูกกวางเอาให้หนำใจเลย แต่พอกระโดดขึ้นไปหา คนที่นอนรอกลับกลิ้งตัวหลบซะงั้น ปูนหัวเราะเยาะที่เห็นคนรักทำหน้าเหวอที่คว้าแต่อากาศ

   “คิดจะแกล้งกันเหรอ ได้ครับได้ เดี๋ยวเจอป๋า”

   “ไม่ได้แกล้ง เฮ้ย ป๋าจะทำอะไร”

   ปูนตาเหลือกที่อยู่ดีๆ กรพัฒน์ก็ถอดเสื้อ ถอดกางเกงเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง ตอนนี้ร่างกายกำยำเหลือแต่กางเกงชั้นในสีขาวราคาแพง

   “มาให้ขย้ำซะดีๆ”

   “ผ้าม่านก็ไม่ได้ปิด เดี๋ยวคนเห็นนะ ป๋า”

   ปูนวิ่งหลบแขนยาวไปรอบห้อง กรพัฒน์ที่เห็นผ้าม่านปลิวก็ถอยหลังไปปิด เพราะสายตาคมจดจ้องร่างคนตัวหอมข้างหน้า
 
   “ปิดแล้ว มาให้ป๋าขย้ำมะ”

   “น้ำก็ยังไม่ได้อาบเลยนะ”

   ข้ออ้างอีกหลายข้อถูกยกมาอ้าง พร้อมกับคนอ้างที่วิ่งวนไปทั่ว ปูนหัวเราะไปหอบไปด้วยความเหนื่อย สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้คนแข็งแรง ร่างผอมตกอยู่ในอ้อมกอดอุ่นอยู่บนเตียง กรพัฒน์หอมแก้มนุ่มซ้ายขวาอย่างหมั่นเขี้ยว

   “ไปอาบน้ำกัน” สายตาและน้ำเสียงยังไม่บ่งบอกถึงความต้องการเท่าท่อนล่างที่กำลังดันต้นขาปูนอยู่ “อาบน้ำไปด้วย ถูหลังไปด้วย ป๋าชอบ” แล้วคนชอบก็รีบช้อนอุ้มร่างผอมแล้วเดินเข้าห้องน้ำทันที


         ...แบบนี้ป๋าก็ชอบ

.
.
.
(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
.
.
.
.
   
   แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาพร้อมกับลมที่หอบกลิ่นทะเลขึ้นมาเตะจมูก ปูนขยับพลิกตัวช้าๆ เพราะไม่อยากให้คนข้างกายตื่น ดวงตากลมโตมองหน้าคนหลับด้วยความรัก หัวใจของปูนตอนนี้มีแค่กรพัฒน์คนเดียวเท่านั้น เพราะเขาทำให้ปูนผ่านพ้นค่ำคืนที่แสนเลวร้ายมาได้ และทำให้มีวันใหม่ที่สวยงาม

   “ขอบคุณนะครับ” นิ้วเรียวค่อยๆ ไล้ใบหน้าหล่ออย่างเบามือ ไม่เคยคิดว่าผู้ชายคนนี้จะยอมอดทนรอและพิสูจน์ตัวเองจนทำให้ปูนรักได้มากขนาดนี้ มันมากซะจนขอบคุณยังไงก็ไม่มีทางหมด

   “ปลุกแบบนี้อยากต่อตอนเช้าหรือจ๊ะ” กรพัฒน์พูดแม้จะหลับตา แต่พอมือขาวชักกลับก็รีบคว้าเอาไว้ “ป๋ากำลังสบายเลย” ว่าแล้วก็เอาฝ่ามือนุ่มวางไว้ที่แก้มและไม่ลืมจูบย้ำๆ หลายครั้ง

   “รีบตื่นเถอะครับ เดี๋ยวเช็คเอ้าท์ช้านะ แล้วไม่รู้คนอื่น...” คำพูดหายไปกับการจูบที่เนิ่นนาน

   “Morning Kiss ครับเมียป๋า”

   “ป๋าอะ” ปูนจับปากตัวเองไว้ เมื่อคืนก็ถูกจูบจนปากแทบจะเปื่อยอยู่แล้ว

   “ใช่ ป๋ามีอะไรจะให้ด้วยนะ” คนที่ตาปรือเหมือนจะคิดอะไรออก กรพัฒน์ลุกจากเตียงแล้วเดินโทงๆ ไปที่กระเป๋าเสื้อผ้า ก่อนเดินกลับมานั่งบนเตียง “ขอมือหน่อยครับ”

   “ว่าปูนเป็นหมาหรือ” ดูแล้วไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่ ปูนขยับตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมรีบซ่อนมือตัวเองไว้ด้านหลัง

   “ป๋าต่างหากที่เป็นหมาน่ะ จำไม่ได้เหรอ” ว่าแล้วก็ทำลิ้นห้อยให้ดูจนปูนขำออกมา “นะครับ ขอมือให้ป๋าหน่อย ด้านซ้ายนะ” พอเห็นปูนจะยื่นด้านขวา ก็รีบให้เปลี่ยนข้าง พอมือวางปุ๊บ ปูนก็ต้องทำตาโตเมื่อมีแหวนทองคำขาวมีเพชรเล็กๆ อยู่ตรงกลางเลื่อนเข้าสวมที่นิ้วนางด้านซ้าย “พอดีเป๊ะเลย ที่จริงป๋าอยากให้เพชรเม็ดโตๆ แต่กลัวปูนไม่ชอบ หรืออันนี้ก็ไม่ชอบ?”

   กรพัฒน์เห็นปูนนั่งนิ่งก็คิดว่าไม่ชอบทำท่าจะถอดขืน แต่ปูนรีบชักหลบแล้วซ่อนไว้ด้านหลัง

   “ให้แล้วห้ามเอาคืน” ปูนพูดออกมาพร้อมน้ำตาที่เอ่อคลอ

   “ไม่มีทางเอาคืน และไม่มีวันที่ปูนจะได้ถอดออกด้วย” นิ้วยาวค่อยๆ เกี่ยวปอยผมคนรักขึ้นทัดใบหูขาว “แต่ถึงแม้ไม่มีแหวน คนๆ นี้ก็เป็นที่รักของป๋าอยู่ดี เป็นเมียป๋าด้วย นี่ถ้าได้รางวัลแบบเมื่อคืนอีกสักยกสองยก ป๋าก็คงปลื้มมาก”

   พูดไม่ทันจบดี ปูนก็กระโดดทับคนตัวใหญ่แล้วนั่งทับ มือที่วางในบนอกค่อยๆ ไล้ตามร่องช้าๆ และสะกิดเม็ดตุ่มไตสีน้ำตาลเข้มคล้ายกับจะแกล้ง และคงจะแกล้งจริงๆ ทันทีที่เห็นกรพัฒน์ทำหน้าเคลิ้ม ปูนก็วิ่งหนีเข้าห้องน้ำทันที ก่อนมาเห็นอาวุธร้ายคึกแล้วด้วย แบบนี้แหละ เหมาะสำหรับคนเจ้าแผนการแล้ว

   อารมณ์ที่ค่อยๆ เตลิดถูกดับไปซะอย่างนั้น กรพัฒน์ลืมตามองเพดานปริบๆ เขาถูกคนรักแกล้งให้อยากแล้วจากไปอีกแล้ว ทำไมปูนถึงใจร้าย ทำแบบนี้กับป๋าได้ ร่างกำยำค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ดวงตามองไปที่ประตูห้องน้ำที่กั้นเขาเอาไว้ ก่อนรอยยิ้มร้ายจะปรากฏ

   มีสิ่งหนึ่งที่ปูนยังไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกรีสอร์ทนี้ นั่นเพราะอากาศที่ดีก็ใช่ วิวยามเช้าสบายตาก็ใช่ ห้องสะอาดนั่นก็ใช่อีก แต่ที่ชอบมากที่สุดคือ



   แกร๊ก



   “ป๋า!”

   “ประตูห้องน้ำที่นี่ ไม่มีกลอนนะครับ เมียป๋า”

   เสียงหัวเราะร้ายกาจดังไปทั่วห้องน้ำ คราวนี้ละ ประตูไร้กลอนแบบนี้ก็กำลังจะเกิดขึ้นที่คอนโดของเขา มันใช่ ที่ตอนนี้สั่งให้ช่างเปลี่ยนประตูห้องน้ำที่ไร้กลอน แถมเลื่อนเปิดโดยง่ายอีก เบาแรงไปอีกเยอะ

   ความร้อนแรงในห้องน้ำกลบเสียงเคาะประตูจากด้านนอก สามหนุ่มกับอีกหนึ่งสาวยืนทำหน้าง่วงอยู่หน้าประตู แต่เคาะห้องเท่าไรคนในห้องก็ไม่ยอมเปิด จนทุกคนลงความเห็นว่าจะกลับก่อน โดยที่พอลยังทำหน้าที่รับส่งทุกคนเหมือนตอนขามา




****

   “ไม่รู้สองคนนั้นเขาทำอะไรกัน” โรสบ่นเบาๆ

   “ไม่รู้จริงอะ ไม่เชื่อ” แล้วคนย้อนก็ถูกฝ่ามือตีเข้าที่หลังจนเสียงดัง

   “ลุงกับป้านี่ชอบกันป่ะเนี่ย” เกนขัดขึ้น

   “นั่นดิ่ เขาว่ากัดกันบ่อยๆ มักจะได้กันนะ” ฟลอยด์เดินทำตาปรือเสริมขึ้นมา

   “แต่ป้ากำลังจะแต่งงานไม่ใช่เหรอ ลุงก็อดดิ่” เกนออกความเห็นอีก

   “ทั้งที่เจอก่อน แต่ก็ทำหลุดมือ ช่วยไม่ได้” ฟลอยด์ยังพูดต่อ

   “นั่นสิ” และเกนปิดท้าย

   ก่อนเด็กหนุ่มสองคนจะโดนตบหัวคนละทีโทษฐานที่พูดมาก แล้วทั้งสี่ก็เช็คเอ้าท์กลับ เหลือก็แต่สองคนที่ยังไม่ยอมออกจากห้องไปไหน โดยที่ทั้งสี่ไม่รู้เลยว่า คนที่เงียบหายนั้นโทรมาแจ้งขออยู่ต่ออีกเป็นอาทิตย์





   ...ก็เพราะป๋าชอบแบบนี้ไง



{THE END}



จบแล้วค่าาาาาาา กว่าจะจบได้ เอ็นซีที่ว่ายาก ยังต้องแพ้ให้กับตอนจบ
ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่สนใจเข้ามาอ่านและฝากกำลังใจไว้ให้ ขอบคุณมากค่ะ
หากเรื่องนี้มีข้อบกพร่อง หรือข้อติติงอะไร ขออภัยด้วยจากใจเลยค่ะ เราจะยังไม่หยุดพัฒนาตัวเองเพราะไม่มีอะไรดีที่สุด

แล้วพบกันเรื่องต่อไปค่าาาา จุ๊บๆ

ปล. ตอนพิเศษแซ่บๆ ก็ยังมีนะคะ แต่เอาไว้ก่อน ฮ่าๆๆๆๆ

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ป๋าหื่นมากกก ขอบคุณมากนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
จบแล้ว ไปไวมาไว เคลมไวมากค่ะ แต่ครบเครื่องค่ะ

น่ารักมากเลย กรทำดี ทำปูนลืมความกลัวไปได้โข แถมไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่ามีทะเล
จัดหนักจัดโตกันไปอีก 5555

เกนตลก น่าสงสาร โดนพ่อกีดกันเฉย

ปูนน่ารักค่ะ มีรักแท้ มีคนจริงรออยู่แล้วนะ ไม่ต้องกลัวอดีตที่ผ่านมาแล้ว

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
สนุกมาก ๆ ครับ ปูนน่ารัก ป๋าโคตรหื่น เกนกวนตีนแต่เด็ก



ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เพิ่งเห็นว่าแต่งเรื่องของป๋ากับพี่ปูน
ตอนแรกเห็นชื่อคนแต่งก็ว่าคุ้นๆเปิดมาไม่ผิดหวัง
ฟินกันไปยาววววๆๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด