@@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - มื้อค่ำพร้อมเสิร์ฟแล้วครับ (5/1/64)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - มื้อค่ำพร้อมเสิร์ฟแล้วครับ (5/1/64)  (อ่าน 115088 ครั้ง)

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- New Year's Party Pt. 1 ----



เจและฆาเบียร์หอบข้าวของพะรุงพะรังมาที่ลานหน้าบ้าน พวกเขาโดนฟองนวลและเหล่าลูกมือไล่ที่ออกมาจากในครัวเพราะทางนั้นกำลังเร่งมือเตรียมอาหารจำนวนมากสำหรับมื้อเย็น อาหารของพวกเขาสองคนไม่ต้องใช้การหุงต้มเลยถูกไล่ออกมาให้ใช้พื้นที่ๆ อื่น เจวางของไว้บนโต๊ะพับตัวหนึ่งที่คนงานกางไว้เพื่องานตอนเย็นแล้วลงนั่งบนเก้าอี้พับอย่างเหนื่อยอ่อน ฆาเบียร์กวาดตาดูไปรอบๆ

"เจ จัดโต๊ะไว้เยอะเลย งานใหญ่นะเนี่ย"

เขามองเหล่าคนงานที่กำลังจัดสถานที่ บนลานกว้างหน้าบ้านนั้นมีโต๊ะพับและเก้าอี้วางเรียงรายไว้จนเกือบเต็มพื้นที่ และยังมีบางส่วนที่จัดไว้ข้างล่างรอบตัวบ้านอีกด้วย มุมหนึ่งของลานจัดวางเครื่องเสียงและจอโปรเจ็คเตอร์ขนาดไม่เล็กนักไว้ พร้อมไมโครโฟน ด้านล่างมีเตาบาร์บีคิวทำจากถังน้ำมันวางไว้ 2 เตา และมีอีกเตาหนึ่งอยู่บนลาน

"อือ พี่จืดจัดเต็มทุกปีแหละ จริงๆ ก็เรียกได้ว่าเป็นงานเลี้ยงพนักงานและคู่ค้าของพี่จืดโดยมีเพื่อนๆ ของผมและพี่อิ่มมาแจมด้วย"

เจนยุทธหัวเราะคิกคัก ของฟรีนั้นดีเสมอ โดยเฉพาะเมื่อคนจ่ายคือพี่จืดจอมขี้เหนียว



“มะ เราเริ่มจัดการทำ Guacamole ดีกว่า”

เจหยิบบรรดาพืชผักออกมาจากถุง เอาเขียงและชามอ่างผสมวางบนโต๊ะ ฆาเบียร์จัดการกับมะเขือเทศและหัวหอมตามสูตร ส่วนเจผ่าครึ่งอะโวคาโดที่สุกเต็มที่แล้ว เขาผ่าไล่ไปตามแนวเม็ดใน จากนั้นวางมีดและเอาอะโวคาโดที่ผ่าแล้ววางระหว่างฝ่ามือทั้งสองจากนั้นบิดเล็กน้อยจนรู้สึกว่าเนื้อหลุดจากเม็ดแล้วจึงดึงทั้งสองซีกออกจากกันอย่างง่ายดาย เขาใช้ช้อนก๋วยเตี๋ยวโลหะแคะเม็ดในทิ้งแล้วใช้มีดกรีดเนื้อเป็นลายตารางใหญ่ๆ แต่ไม่ให้ทะลุเปลือก จากนั้นเจใช้ช้อนก๋วยเตี๋ยวควักเนื้อมันออกมาอย่างง่ายดาย เขาเอาเนื้ออะโวคาโดที่นิ่มและอุดมไปด้วยไขมันราวกับเนยใส่ลงไปในอ่างผสม เขาทำแบบนี้กับอะโวคาโดทั้ง 12 ลูกโดยใช้เวลาไม่นานนัก

เจส่งชามอ่างต่อให้เจ้าของสูตรอย่างฆาเบียร์เป็นคนผสม​ต่อ ฆาบี้บีบน้ำมะนาว 4 ลูกลงไปและโรยเกลือลงไปอีก 4 ช้อนชา เขาบี้เนื้ออะโวคาโดนิ่มๆ โดยใช้ที่บดมันพร้อมใช้ช้อนช่วยคลุกเคล้าเนื้ออะโวคาโดให้เข้ากับน้ำมะนาวและเกลือ ปกติถ้าทำกินเอง เขาใช้อะโวคาโดลูกสองลูกและจะใช้ส้อมบดแทน เขาบดเนื้ออะโวคาโดไม่ละเอียดนักโดยให้ยังเหลือเนื้อเป็นก้อนเล็กๆ บ้าง ฆาเบียร์ใส่หัวหอมสับเป็นลูกเต๋าขนาดเล็กลงไป 2 ถ้วยตวง กระเทียมสับละเอียด 4 ช้อนชา จากนั้นใส่มะเขือเทศโรม่าหั่นลูกเต๋าเล็กลงไปอีก 8 ลูก มะเขือเทศโรม่าเป็นมะเขือเทศทรงยาวรีสายพันธุ์อิตาลีในตระกูล Plum Tomato ที่มักใช้ทำซอสหรือนำมาแปรรูป เพราะมีเม็ดน้อยกว่ามะเขือเทศทรงกลมธรรมดา

"เชียงใหม่นี่ดีจังนะ เจ มีพืชผักเมืองหนาวให้กินเยอะแยะ ตอนแรกฉันนึกว่าจะหามะเขือเทศโรม่าไม่ได้เสียอีก"

เจบอกว่ามะเขือเทศโรม่าที่ฆาเบียร์ซื้อมานั้นเป็นผลผลิตจากในจังหวัดเชียงใหม่เอง ยิ่งในฤดูหนาวแบบนี้ยิ่งสามารถหาพืชผักผลไม้สายพันธุ์ต่างชาติได้ง่ายดายตามซุเปอร์มาร์เก็ตชื่อดัง อีกทั้งราคายังย่อมเยาอีกด้วย

"ที่จริงผมว่าในไร่ของพี่จืดก็น่าจะมี plum tomato นะ แต่ไม่ชัวร์ก็เลยซื้อเอาดีกว่า..."

ฆาเบียร์ชูผักชีที่เขาขอฟองนวลมากำหนึ่งให้เจดู

"ไอ้นี่ใส่นิดเดียวใช่ไหม?"

เจทำจมูกย่น

"ไม่ใส่เลยได้ไหมอ่ะ?"

ฆาเบียร์หัวเราะทีท่าของคนตัวเล็กของเขา เขารวบใบผักชีเข้าด้วยกันและใช้กรรไกรทำครัวตัดเล็มใบเป็นฝอยเล็กๆ เหนืออ่างผสม เขาใส่ลงไปเพียงเล็กน้อยแม้สูตรจะบอกว่าให้ใส่ใบผักชีถึง 12 ช้อนโต๊ะก็ตาม แต่เมื่อคนรักของเขาไม่ชอบ เขาก็จะใส่เพียงให้พอมีกลิ่นแค่นั้น



"ทำไมเจถึงไม่ชอบกินผักชีล่ะ?"

ฆาเบียร์ถามพลางคลุกเคล้าส่วนผสมในชามอ่างให้เข้ากัน เขาหยุดและเติมผง Cayenne pepper ลงไปสี่หยิบมือและผสมต่อ

"ตอนผมอยู่ประถม พวกเราต้องกินอาหารกลางวันที่โรงเรียนจัดให้ ที่ผมเกลียดที่สุดคือหมี่เหลือง เขาจะต้มหมี่เหลืองในหม้อใบใหญ่ ใส่หมูสับที่มีส่วนผสมของมันซะเยอะ จากนั้นประโคมใส่ทั้งถั่วงอกและผักชีลงไป..."

เจบอกว่ากว่าพวกนักเรียนจะได้กินหมี่เหลืองนั้นก็อยู่ในหม้อมานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ผลคือหมี่มันทั้งอืด ทั้งเลี่ยนหมูมันๆ ที่ลอยฟ่องอยู่ด้านหน้า แถมอวลไปด้วยกลิ่นรสของถั่วงอกและผักชีที่แช่น้ำมาเป็นเวลานาน เจทำคอขย้อนเมื่อนึกถึงกลิ่นและรสชาติของมัน

"ผมเคยคุยกับเพื่อนๆ หลายคน พวกเราฝังใจแบบเดียวกันเลย คือไม่กินผักชีและถั่วงอกเพราะความเลวร้ายของอาหารโรงเรียนนี่แหละ ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ชอบหมี่เหลืองแบบใส่หมูสับนะ เห็นก็ขนลุกแล้ว..."

ฆาเบียร์นึกภาพตามแล้วก็พอเข้าใจว่าทำไม

"หลังๆ มานี่ผมก็พอจะเริ่มกินถั่วงอกกับผักชีได้บ้าง ถั่วงอกนี่ ถ้าเอาไปผัดน่ะพอกินได้ ส่วนผักชี ถ้ามาแต่ใบ ไม่มีก้านแล้วเป็นกินสดก็พอโอเค อย่างถ้าอยู่ในแหนมคลุก หรือในกัวคาโมเล่เนี่ย พอกินได้ แต่ทั้งสองอย่างนี่ถ้ามาแบบน้ำๆ ต้มๆ นี่ ขอบาย!"



เจอ้าปากรับกัวคาโมเล่บนช้อนที่ฆาเบียร์ส่งมาให้ชิม

"อืมม์ ผมว่ารสชาติโอเคแล้วนะ แต่จะพอกินกันไหมนี่ต้องดูอีกที"

เจตักกัวคาโมเล่ใส่ถ้วยเล็กที่เตรียมมาจนเกือบพูน เขาใช้นิ้วจิ้มแล้วป้ายขึ้นมาคำใหญ่แล้วเอาเข้าปากอย่างมีความสุข ฆาเบียร์ได้แต่โคลงหัว ถ้ามันจะไม่พอก็เพราะคนตัวเล็กของเขาตักกินเอาๆ นี่แหละ ฆาเบียร์เอาฟิล์มใสปิดคลุมปากชามอ่างและรีบยกมันเข้าไปแช่ตู้เย็นไว้ก่อนที่เจจะตักเพิ่ม

เมื่อฆาเบียร์กลับออกมา กัวคาโมเล่ที่เจตักไว้ก็หมดไปเกินครึ่งแล้ว เจเปิดถุง tortilla chips ที่ซื้อมากะกินตอนเย็นมากินก่อนหน้าตาเฉย ฆาเบียร์รีบฉวยถ้วยออกจากมือเจแล้วหยิบแผ่นข้าวโพดกรอบๆ นั้นมาจิ้มกิน เขายิ้มอย่างพึงใจในรสชาติของมัน

"ถูกและอร่อยกว่ากินร้านใช่ไหม เจ?"

เจนยุทธพยักหน้า เขายังเจ็บใจกัวคาโมเล่ถ้วยน้อยพร้อมแผ่นตอร์ติย่าไม่กี่แผ่นในราคา 100 บาทไม่หาย ฆาเบียร์ใช้นิ้วป้ายกัวคาโมเล่คำโตและส่งให้เจ คนตัวเล็กใช้ลิ้นตวัดเลียจนหมดแล้วยังไม่ยอมหยุด เจค่อยๆ ใช้ลิ้นตวัดเกี่ยวพันนิ้วชี้ของฆาเบียร์ลึกเข้าไป พลางดูดส่วนที่อยู่ในปากแล้วเบาๆ ฆาเบียร์ขบกรามแน่น เขามองลิ้นเรียวที่ตวัดอย่างยั่วเย้ากับริมฝีปากรูปกระจับสีแดงระเรื่อนั้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยถูกคนอื่นยั่วเย้าอย่างนี้มาก่อน แต่ไม่มีใครทำให้เขารู้สึกแทบคลั่งได้เท่ากับเจ

“เจ…อย่า…นี่เราอยู่บ้านไร่นะ”

ฆาเบียร์พูดเสียงแหบพร่าพร้อมกับดึงนิ้วออกจากความเย้ายวนนั้น เจเองก็เหมือนตื่นจากภวังค์ เขาทำไปโดยลืมตัวว่านี่คือที่บ้าน เจหน้าแดงก่ำแล้วทุบต้นขาอีกฝ่ายเบาๆ แก้เขิน



“เอ่อ…”

ทั้งสองสะดุ้งเฮือก เมื่อหันไปก็เจอริคกี้ที่ไม่รู้ว่ายืนอยู่ใกล้ๆ พวกเขานานเท่าไหร่แล้ว แต่ดูจากการที่ริคกี้ไม่ยอมสบตาพวกเขา เลขาหนุ่มคนนี้คงเห็นอะไรมากพอสมควร

“เจ่เจ้ เอ๊ย เมลิน่าให้ผมมาช่วยพวกคุณเตรียมอาหารครับ”

“งั้นนั่งลงเลย มาช่วยกันจัดการผักหน่อย”

เจส่งมีดให้ริคกี้และให้ช่วยปอกแครอทให้เขา 3 หัว ริคกี้ทำอย่างแคล่วคล่อง แถมเมื่อเจบอกให้ตัดแครอทเป็นแท่งยาวๆ เขาก็ทำถูกต้องโดยไม่ต้องสอนมาก

“เก่งนี่ ริคกี้ ปกตินายทำอาหารกินเองเหรอ?”

เจชมหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่เป็นเหมือนเพื่อนของเขาที่ฮ่องกง

“นานๆ ทีครับ แต่ผมต้องทำอาหารเองมาตั้งแต่ยังเล็กแล้วครับ ตั้งแต่ตอนที่อยู่กับพ่อแค่สองคน”

ริคกี้หน้าสลดลงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงพ่อที่ล่วงลับ เจลอบสบตากับฆาเบียร์ คนตัวโตพยักหน้าเป็นนัยว่าให้เขาคุยต่อได้

“ต้องทำกับข้าวเองแต่เด็กเลยเหรอ?”

ริคกี้หัวเราะเบาๆ

“ครับ ก็พ่อผมทำกับข้าวไม่เป็นเลยครับ งานบ้านก็ไม่ค่อยได้เรื่อง ถ้าไม่ได้พวกป้าๆ ลุงๆ ในอพาร์ทเมนท์ช่วยพวกผมคงลำบากแย่”



ริคกี้เล่าว่าเขาและแอนดี้ผู้เป็นพ่ออาศัยอยู่ในย่าน Sham Shui Po ซึ่งเป็นย่านที่เสื่อมโทรมและยากจนที่สุดในฮ่องกง ถึงสภาพความเป็นอยู่ของเขาจะไม่ได้แย่ถึงขั้นต้องอาศัยอยู่ในห้องเช่าที่ใช้กรงเหมือนกรงไก่แบ่งพื้นที่ห้องเป็นล็อคๆ ให้คนอยู่แบบที่สื่อเรียกว่า Caged home หรือเป็นกล่องแคบๆ แบบที่เรียกว่า Coffin Cubicles แบบที่เคยเห็นตามสารคดี แต่ห้องพักเขาก็เก่าโทรมและเล็กแคบ หากสิ่งเดียวที่ดีคือเพื่อนบ้าน เหล่าลุงป้าที่อยู่อพาร์ทเมนท์เดียวกับเขารักและเอ็นดูพ่อของเขามากเหมือนเป็นพี่น้องหรือลูกหลานคนหนึ่ง

“พวกลุงป้าพวกนี้ดูแลพ่อผมมาตั้งแต่วัยรุ่นครับ อพาร์ทเมนท์ที่พ่ออยู่ก็เป็นของตาคนนึงที่เก็บพ่อมาจากถนน ก่อนแกตาย แกเซ็นยกมันให้เป็นสิทธิ์ของพ่อ”

ที่ริคกี้ไม่รู้คือ ตาเฒ่าเฉินคนนี้เคยเป็นคนรับใช้ในบ้านตระกูลหว่อง เขาจำหนุ่มน้อยแอนดี้วัย 17 ปีเศษที่นอนป่วยอยู่ข้างถนนได้เกือบทันที เขาดูแลแอนดี้ที่สภาพโทรมเพราะความอดอยากและสภาพเป็นอยู่ที่แร้นแค้นจนร่างกายฟื้นตัวดี แอนดี้ขอร้องแกมขู่เขาไม่ให้บอกไปทางบ้านตระกูลหว่องว่าเขาอยู่ไหน ไม่เช่นนั้นเขาจะหนีออกไปอีกครั้ง เขาขออาศัยอยู่กับตาเฉินซึ่งช่วยหางานให้เขาทำ แอนดี้ย้ายออกเมื่อเขาพบรักกับแม่ของริคกี้ตอนอายุ 20 ปี หากซมซานกลับมาพร้อมลูกน้อยเมื่อถูกเมียรักทอดทิ้งตอนริคกี้อายุได้เพียง 3 ขวบ

“แม่ผมทิ้งพ่อไปตอนผมอายุ 3 ขวบ ถ้าไม่ได้ตาเฉินกับพวกคนที่อพาร์ทเมนท์ พ่อคงเลี้ยงผมคนเดียวไม่ไหว กลางวันตอนพ่อออกทำงาน ผมก็ได้พวกลุงๆ ป้าๆ และตาเฉินช่วยกันเลี้ยง แต่พอผมอายุได้ 7-8 ขวบ ตาเฉินก็ป่วยตายไป ทีนี้ก็เหลือผมกับพ่อสองคน จากนั้นพ่อก็ออกไปทำงานหนักตลอด ทำงานสารพัดแบบทั้งกลางวันกลางคืนเพื่อเก็บเงินส่งผมเรียน…”


“…พอผมเริ่มเป็นวัยรุ่น ผมบอกพ่อว่าผมจะเลิกเรียนมาช่วยพ่อทำงาน พ่อก็โกรธมาก…”

ริคกี้นึกถึงวันนั้น มันเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาโดนพ่อตบ

‘ฉันอุตส่าห์ทำงานหนักเพื่อให้แกได้มีการศึกษา ถ้าแกอยากเลิกเรียน แกก็ออกบ้านไปเลยและไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก’

“…พ่อผมบอกว่าการศึกษาคือสิ่งสำคัญที่จะพาผมให้พ้นไปจากตรงนี้ อีกอย่างพ่อเก็บเงินไว้พอส่งผมเรียนจบระดับมัธยมแล้ว ที่หาอยู่ตอนนี้คือเงินที่จะส่งผมเข้าเรียนระดับอุดมศึกษา”

แอนดี้ปดริคกี้ว่าเงินที่เขาใช้ส่งริคกี้เรียนทุกวันนี้เป็นเงินที่เขาได้มาจากการทำงาน แต่ที่จริงแล้วก่อนหนีออกจากบ้านของเจด แอนดี้แอบขโมยเครื่องประดับบางส่วนของแม่มา เขาหาทางขายมันในตลาดมืดได้ในราคาไม่สูงนัก แต่ก็มากพอที่ถ้าใช้มันก็จะทำให้เขาอยู่ได้อย่างสบายไปอีกระยะหนึ่ง หากแอนดี้เลือกที่จะเก็บเงินนี้ไว้ในธนาคาร ในตอนแรกเขากะเก็บไว้ทำธุรกิจ แต่เมื่อมีลูก เขาจึงเก็บเงินก้อนนี้ไว้เพื่อให้ลูกของเขาได้มีการศึกษา แม้มันจะพอถึงแค่ระดับมัธยมก็ตาม เขาส่งริคกี้เข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนแทนที่จะให้เข้าโรงเรียนฟรีของทางรัฐ เงินอีกส่วนหนึ่งเขาก็นำเอามาให้ตาเฉินเพื่อช่วยค่ากินอยู่ของเขาและลูก

‘แกไม่ต้องห่วงฉัน หน้าที่แกตอนนี้คือเรียนและผลักตัวเองขึ้นไป เรียนให้จบ มีชีวิตที่ดี ทำในสิ่งที่พ่อของแกไม่มีวาสนาได้ทำ’


เจแอบปาดน้ำตาเมื่อได้ยินริคกี้เล่าถึงตอนนี้ แอนดี้คงนึกน้อยใจในชะตาชีวิตตน แต่เขาก็ละอายและทิฐิเกินไปที่จะมาพึ่งพิงคริสและตระกูลหว่องที่แม่ของเขาทำให้แตกแยก



“สิ่งเดียวที่ผมทำเพื่อตอบแทนพ่อได้ คือตั้งใจเรียน ผมสอบเข้าโรงเรียนมัธยมชั้นนำของฮ่องกงได้ด้วยคะแนนดีและยังได้ทุนอีกด้วย พ่อผมดีใจมาก และบอกว่าขั้นต่อไปคือผมต้องเข้า University of Hong Kong ให้ได้…”

“…แต่พ่อก็ล้มป่วยและเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้เห็นวันนั้น”

เจน้ำตาร่วงออกมาแล้วเรียบร้อย ฆาเบียร์ซึ่งก็น้ำตาซึมโอบไหล่บางของคนรักเบาๆ ต่อให้เขารู้อดีตของริคกี้มาจากคริสบ้างแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยได้ยินเจ้าตัวเล่ารายละเอียดชัดๆ ออกมา ยิ่งฟังเขายิ่งตั้งใจว่าจะต้องสนับสนุนเลขาฯ หนุ่มของเขาคนนี้ให้ก้าวไกลที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

"ถ้าไม่ได้บอสมาช่วยอุปถัมป์ ผมก็คงไม่ได้มีโอกาสได้เรียนต่อ อาจจะลงเอยทำงานก่อสร้างหรือทำงานเบ็ดเตล็ดไปทั่วครับ"

ริคกี้ค้อมหัวให้ฆาเบียร์เพื่อเป็นการส่งผ่านความขอบคุณไปถึงพ่อบุญธรรมของคนตัวโต

"แล้วนายไม่ม่ีญาติคนอื่นเหลือเลยเหรอ ริคกี้?"

เลขาหนุ่มส่ายหน้า

"พ่อผมกับแม่ตัดขาดกันไปนานแล้วครับ ผมเองก็ไม่ได้มองเขาเป็นแม่และไม่คิดจะไปตามหาด้วย ส่วนญาติทางพ่อก็ไม่เหลือใครแล้ว พ่อบอกผมว่าพ่อไม่รู้ว่าปู่เป็นใคร แต่ย่าของผมที่เคยทำงานในบ้านของคุณคริสนั้นตายไปนานแล้วตั้งแต่พ่อผมเป็นวัยรุ่น"

เจกับฆาบี้แอบสบตากันเมื่อได้ยินเรื่องของเจด

"ย่าของนายเคยทำงานในบ้านของอาปางั้นเหรอ?"

เจถามขึ้น เขาอยากรู้ว่าแอนดี้เล่าเรื่องนี้ให้ลูกชายฟังว่าอย่างไร

"ครับ พ่อผมบอกว่าย่าของผมเป็นนางงิ้วตกอับ ตอนที่ย่ามาสมัครงานที่บ้านของคุณคริสก็มีพ่อติดท้องเข้ามาด้วยแล้ว พ่อบอกว่าย่าไม่ยอมบอกว่าปู่เป็นใคร พ่อผมเกิดในบ้านของบอส แล้วโตมาในบ้านนั้น..."



ริคกี้บอกว่าพ่อเขาย้ำเขาเสมอถึงบุญคุณของบ้านตระกูลหว่อง เล่าว่าที่บ้านตระกูลหว่องได้ให้การศึกษาและเลี้ยงดูพ่อเขาอย่างดี แต่ย่าของเขาซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านไม่รักดีและไปขโมยของในบ้านนั้น พอโดนจับได้ก็หอบพ่อเขาหนีออกมาตอนพ่อเขาอายุได้ 14 ปี หลังจากนั้นย่าก็ติดสารเสพติดจนตายไปตอนพ่อเขาอายุ 16 ทำให้พ่อเขาต้องเป็นกำพร้าและใช้ชีวิตบนถนนตามลำพัง

ฆาเบียร์เม้มปาก แม้จะเป็นเรื่องโกหกเสียส่วนใหญ่ แต่มีส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ที่ถูกต้อง ตามที่คริสให้คนสืบดู เจดตายแล้วจริงจากยาเสพติดอย่างฝิ่นและเฮโรอิน แต่ก็หลายปีหลังจากที่ลูกชายของเธอหนีออกจากบ้าน แสดงว่าแอนดี้เองก็อาจเคยตามข่าวคราวของแม่ของตนอยู่เช่นกัน

"เป็นโชคดีของนายจริงๆ นะริคกี้ ที่อาปามาเจอนาย"

"ครับ โชคดีของผมจริงๆ ที่คุณคริสให้คนตามหาคนเก่าๆ ที่เคยทำงานหรือที่เคยอยู่ที่บ้านตระกูลหว่องจนมาเจอพ่อผม แต่เสียดายที่พ่อผมบุญน้อยไม่ได้ทำงานรับใช้เพื่อตอบแทนบุญคุณตระกูลหว่องที่เคยเลี้ยงดูมา ก่อนพ่อเสีย พ่อบอกผมว่าให้ผมทำหน้าที่นี้แทนพ่อ ซึ่งผมจะรักษาสัญญาข้อนี้แน่นอนครับ"

เจและฆาเบียร์มองรอยยิ้มแสนจริงใจของริคกี้ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แอนดี้ผู้เจียมตัวปดลูกชายเป็นครั้งสุดท้ายว่าคริสหาเขาและพ่อเจเพราะคริสต้องการตามหาคนเก่าๆ ที่เคยทำงานหรืออาศัยอยู่ที่ตระกูลหว่องที่ออกไปในช่วงที่เขาไม่ได้อยู่ในฮ่องกง เจอยากจะเข้าไปกอดเพื่อนชาวฮ่องกงของเขาและเล่าความจริงให้ฟังเสียจริงๆ แต่ก็ต้องข่มใจไว้ เขาทำได้เพียงยื่นมือไปเกาะกุมมือของเลขาหนุ่ม

"ริคกี้ ฉันอยากให้นายรู้ว่านายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ฉันจะเป็นเหมือนคนในครอบครัวให้นายเอง เข้าใจไหม?"

ริคกี้ปฏิเสธลั่นว่าเขาไม่อาจเอื้อมและยังมองหน้านายตนอย่างหวาดๆ ที่เจมาจับมือถือแขนเขา แต่เป็นครั้งแรกที่ฆาเบียร์ไม่ได้ทำทีท่าหวงคนตัวเล็กของเขา แต่กลับยื่นมือใหญ่มากุมทับมือของทั้งสองและบีบกระชับแน่น

"ตามนั้นแหละ ริคกี้ คิดซะว่าพวกเราเป็นเหมือนครอบครัวของนาย"

ชายหนุ่มน้ำตาไหลพราก เขาพร่ำขอบคุณทั้งสองคน แม้เขาจะไม่อาจเอื้อมตีตนเสมอนาย แต่มันก็อบอุ่นในใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนนั้นบอกกล่าว

"...อีกอย่าง ฉันก็มองเลขาที่ฉันเห็นหน้ามาตั้งแต่วัยรุ่นอย่างยัยเมลิน่าเป็นเหมือนคนในครอบครัวมานานแล้ว ถ้าจะมีนายมาเป็นเหมือนคนในครอบครัวอีกคน ฉันก็ไม่รังเกียจนะ"

ริคกี้หน้าแดงในคำพูดที่กำกวมเหมือนรู้อะไรบางอย่างของฆาเบียร์ เจนยุทธหันไปมองหน้าคนรักยิ้มๆ คนเจ้าเล่ห์คนนี้ช่างพูดนัก


(ต่อคอมเมนท์ถัดไป)



ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- New Year's Party Pt. 1 (ต่อ) ----



"พอๆ เลิกคุยเรื่องเครียดๆ กันได้แล้ว มาจัดการของพวกนี้ให้เสร็จก่อน เดี๋ยวจะไม่ทันเวลาพอดี"

เจยื่นเซเลอรี่ต้นใหญ่และแตงกวาญี่ปุ่นให้ริคกี้ตัดเป็นแท่งยาวๆ เหมือนแครอท นอกเหนือจากกัวคาโมเล่แล้ว เขายังมีเครื่องจิ้มอย่างอื่นที่ซื้อมาอย่าง Hummus ซึ่งเป็นเครื่องจิ้มของทางตะวันออกกลางทำจากถั่วลูกไก่หรือ chick pea ปั่นกับซอสงาบดหรือ Tahini น้ำมะนาว น้ำมันมะกอก ยี่หร่า และปรุงรสด้วยเกลือ นอกจากนั้นอิ่มใจก็ยังจะทำ blue cheese dip หรือเครื่องจิ้มรสบลูชีสมาให้เขาอีกด้วย

"โอเค ในส่วนของเราก็เรียบร้อยแล้วสินะ"

เจมองดูของบนโต๊ะ เขาจัดบรรดาแท่งผักขนาดประมาณนิ้วก้อยใส่จานกลมขนาดใหญ่และคลุมไว้ด้วยฟิล์มใส เขามี hummus 4 ตลับ กัวคาโมเล่ก็อยู่ในตู้เย็นรอเสิร์ฟ แล้วพอแขกเริ่มมา เขาก็จะแกะมันทอดรสเกลือและแผ่นตอร์ติย่าชิพใส่ชามไม้ขนาดใหญ่ที่เตรียมไว้ แล้วไหนจะมีซังเกรียที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ป่านนี้รสผลไม้คงซึมซาบอยู่ในเหล้าแล้ว แต่ทำไมเขายังรู้สึกว่าขาดอะไรไปนะ?

"เจ ไหนๆ ก็ยังพอมีเวลา ฉันว่าจะทำ salsa fresca เพิ่มด้วยอีกอย่าง ดีไหม?"

เจนยุทธทำตาโต ใช่สิ มีแผ่นตอร์ติย่าแล้วจะขาดซัลซ่าไปได้อย่างไร ซัลซ่าเฟรสก้า หรือซัลซ่าสดของฆาเบียร์คือมะเครื่องจิ้มของเม็กซิกันที่ประกอบด้วยมะเขือเทศเป็นหลัก คำว่า salsa ในภาษาอิตาเลียน สเปน กรีกและตุรกีแปลว่าซอส แต่ถ้าในอาหารเม็กซิกัน หรือเท็กซ์ เม็กซ์ เมื่อพูดถึงซัลซ่า คนจะนึกถึง salsa picante หรือซอสมะเขือเทศที่เกิดจากการนำมะเขือเทศและพริกหยวก poblano ที่ผ่านการย่างไฟแล้วไปปั่นกับวัตถุดิบอื่นๆ ตามสูตร หาก salsa fresco หรือที่เรียกอีกชื่อว่า pico de gallo นั้นใช้วัตถุดิบสดที่ไม่ผ่านไฟ

"เออ ดีๆ เดี๋ยวผมไปเอามะเขือเทศมาให้ หัวหอมกับมะนาวก็ไปจิ๊กในครัวมาก็ได้ แต่เราไม่มีพริก jalapeno นะฆาบี้ ใช้พริกหนุ่มแทนได้ไหม?"

"พริกหนุ่ม?"

เจนยุทธเปิดหารูปพริกหนุ่มซึ่งเป็นพริกของทางภาคเหนือเอาไว้ใช้สำหรับตำน้ำพริกหนุ่มให้ฆาเบียร์ดู

"อืมม์...หน้าตามันก็คล้ายๆ พริก serrano แต่ฉันไม่รู้ว่ามันเผ็ดมากไหม ลองเอามาดูก็ได้เจ"



เจนยุทธเดินหายเข้าไปในครัวพักหนึ่งแล้วกลับออกมาพร้อมหัวหอม มะนาว พริกหนุ่มที่ขอแม่มาและมะเขือเทศที่เหลือจากการทำกัวคาโมเล่ เขาซื้อมะเขือเทศโรม่ามาเยอะพอสมควรเพราะไม่รู้ว่าต้องใช้ทำอะไรอีกบ้าง

"งั้น เจกับริคกี้ ช่วยฉันหั่นมะเขือเทศ หัวหอม กับพริกหนุ่มเป็นลูกเต๋าหน่อย ไม่ต้องใหญ่นะ เต๋าเล็ก"

ฆาเบียร์ตัดปลายพริกหนุ่มมาชิมแล้วต้องไอออกมาเพราะความเผ็ด เจรีบหาน้ำให้คนรักกิน

"อืมม์ เผ็ดใช้ได้เลย..."

"...พริกหนุ่มนี่หั่นระวังหน่อยล่ะ อย่าให้ติดเม็ดมันลงไปด้วย หั่นให้เล็กกว่ามะเขือเทศกับหัวหอมแล้วกัน จะได้ไม่รู้สึกเผ็ดมากเวลากัดโดน ส่วนมะเขือเทศก็อย่าลืมเอาเม็ดออกด้วยเหมือนกันนะ"

พวกเขาช่วยกันหั่นมะเขือเทศครึ่งกิโล หัวหอม 1 หัว และพริกหนุ่ม 2 เม็ด ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย

"เอาหอมกับมะเขือเทศใส่ในชามอ่างก่อน ส่วนพริกหนุ่มฉันจะค่อยๆ เติมลงไป"

ฆาเบียร์บีบน้ำมะนาว 2 ลูกลงไปในชามอ่างที่มีมะเขือเทศและหัวหอมอยู่ เขาใส่พริกหนุ่มลงไปครึ่งหนึ่งก่อน จากนั้นโรยเกลือหนึ่งหยิบและคลุกเคล้าให้เข้ากัน เขาตักชิมแล้วก็เติมน้ำมะนาวเพิ่มลงไปอีกหน่อย จากนั้นให้เจกับริคกี้ชิมแล้วถามความเห็นเรื่องพริกหนุ่ม ทั้งสองคนบอกว่ายังเผ็ดได้อีก เขาจึงเติมลงไปอีกครึ่งหนึ่งของที่เหลือและพอแค่นั้น



"อ๊ะ ฉันรู้ละว่าลืมอะไร"

ฆาเบียร์หยิบผักชีกำที่เหลือจากการทำกัวคาโมเล่มา เขาหันไปเห็นเจส่งสายตาอ้อนวอนมาอีกครั้ง ฆาบี้ถอนหายใจและเล็มใบผักชีใส่ไปเพียงนิดเดียว

"พอใจหรือยัง?"

เขาหันไปถามคนตัวเล็กที่ส่งยิ้มหวานให้เขา ฆาเบียร์อดไม่ได้ต้องเอามือขยี้ผมดำขลับของเจจนยุ่ง เจร้องลั่น ก็มือของคนตัวโตยังเปื้อนมะเขือเทศอยู่เลย

"คุณอ่ะ เดี๋ยวผมต้องสระผมใหม่อีกแล้วสิ"

เจนยุทธโวยลั่น เมียตัวโตของเขาหัวเราะแล้วก้มลงหอมผมของเจโดยไม่สนใจริคกี้ที่นั่งหน้าแดงอยู่ตรงหน้า

"ไม่เห็นเหม็นเลย หอมน่ากินดีออก..."

"...ไม่รู้แหละ คืนนี้ฉันจะจับเจกินให้ได้"

ฆาเบียร์กระซิบเบาๆ ที่หูของคนรัก เจหน้าแดงก่ำแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะไม่อยากทำร้ายร่างกายฆาเบียร์ต่อหน้าลูกน้องก็เลยต้องทำเป็นหูทวนลมไป



"งั้นตอนนี้ก็เหลือแค่ทำน้ำตาลซินนามอนไว้สำหรับสัปปะรดย่าง เดี๋ยวค่อยทำก็ได้ สัปปะรดแม่ก็ให้เด็กเตรียมไว้ให้แล้ว งั้นตอนนี้เราก็พร้อมหมดละ"

เจแยกเศษอาหารบนโต๊ะใส่ถุงและแยกขยะแห้งไว้อีกถุง เขาให้ฆาเบียร์และริคกี้ช่วยกันยกอ่างซัลซ่าและจานผักเข้าไปแช่ตู้เย็นเพื่อรอเวลา ส่วนตัวเขาหอบพวกอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำอาหารเข้าไปทิ้งไว้ในซิงค์ให้เด็กๆ ช่วยกันล้าง จากนั้นเขามายืนกะลิ้มกะเหลี่ยอยู่ข้างเตาที่แม่กำลังอุ่นน้ำเงี้ยวไว้ ฟองนวลโคลงหัวแล้วก็ตักขนมจีนราดน้ำเงี้ยวให้ลูกชายไป 1 จานย่อมๆ เจยิ้มร่าถือจานน้ำเงี้ยวออกมานั่งกินที่ลานกว้างโดยมีฆาเบียร์เดินตามออกมา ส่วนริคกี้ขอตัวกลับไปดูคริส

"กินทั้งวันเลยนะ เจ"

"ไม่ได้ๆ ต้องตุนพลังงานไว้ก่อน คืนนี้ยังอีกยาว เผลอๆ อาจจะได้ออกแรงเต้นด้วยนะ"

เจเปรยขึ้นเขาอยากให้ถึงเวลาค่ำเร็วๆ จัง

"แต่ฉันอยากออกแรงอย่างอื่นมากกว่านะ"

ฆาเบียร์กระซิบเบาๆ ที่หูคนรัก ริมฝีปากบางของเขาคลึงจูบหลังใบหูและต้นคอของเจ ถึงจะมีคนงานทำการตั้งโต๊ะและจัดเตรียมสถานที่อยู่ แต่ตรงที่พวกเขานั่งนั้นค่อนข้างลับตาคน ฆาเบียร์ที่ชอบแสดงความรักอัดอั้นตันใจมาแต่เช้า พอกลับมาบ้านไร่ คนตัวเล็กมักไม่ค่อยยอมให้เขาแสดงความรักโจ่งแจ้งนัก พอมีโอกาสเขาก็ต้องฉวยไว้ เจนยุทธหลับตาพริ้ม เขาวางช้อนลงและหันหน้าไปรับจุมพิตของคนรัก

"เจ...เผ็ดอ่ะ"

ฆาเบียร์บ่นเบาๆ จูบของเจเผ็ดร้อนเพราะรสของขนมจีนน้ำเงี้ยวที่กินอยู่

"งั้นก็ไม่ต้องจูบ!"

คนรักของฆาเบียร์ทำท่าจะกลับไปกินต่อ แต่ฆาบี้ใช้มือประคองหน้าเล็กๆ ของเจและจรดริมฝีปากลงกับปากรูปกระจับที่เผยอรอ เขาลากลิ้นไล้ตามไรฟันและฉกเข้าในโพรงปาก เจตวัดลิ้นของตนเกาะเกี่ยวกับลิ้นของฆาเบียร์ เขาดูดดึงริมฝีปากบางนั้นเบาๆ มือใหญ่ของฆาเบียร์เริ่มรุกรานเข้าใต้เสื้อของคนตัวเล็กอย่างลืมตัว



"อะแฮ่ม แยกๆๆ"

ทั้งสองร่างที่กอดเกี่ยวกันอยู่รีบแยกออกเมื่อได้ยินเสียงของนพ ร่างอวบใหญ่เดินมาหาเขาทั้งสองและนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าทั้งคู่พร้อมกวักมือเรียกวัฒน์ที่ยืนหน้าแดงแป๊ดให้มานั่งด้วย

"จืดกับเด็กๆ กำลังจะมา สงวนทีท่าหน่อย"

ไม่ทันขาดคำ จืดและครอบครัวซึ่งขับรถตามหลังนพเข้ามาเมื่อครู่ก็เดินขึ้นมาที่ชานบ้าน นพทักทายพี่ชายของเพื่อนรุ่นน้องอย่างสนิทสนม ก่อนที่จะหันมาหาคู่รักที่ชอบแสดงความรักไม่เลือกที่

"พวกมึงนี่น้า ทำอะไรระวังหน่อย อย่าหื่นไม่เลือกที่ให้มากนัก"

นพหัวเราะร่วน คนหน้าไม่อายทั้งสองนั่งหน้าจ๋อย ดีที่คนที่เดินมาเจอพวกเขาคือนพไม่ใช่จืดและครอบครัว

"กินหนมเส้นป่าว พี่นพ"

เจเลื่อนจานขนมเส้นหรือขนมจีนของเขาให้นพแก้เขิน นพหยิบส้อมของเจจิ้มก้อนเลือดในจานกินหน้าตาเฉย

"อืมม์ น้าฟองทำหนมเส้นอร่อยเหมือนเคยเลยนะ"

เจชวนนพเข้าไปในครัวแล้วไปแอบตักขนมจีนมาอีกจานใหญ่ๆ ทั้งฆาเบียร์และวัฒน์ได้แต่มองคนกินจุทั้งสองของพวกเขากินขนมจีนอย่างเอร็ดอร่อย



"เออ พี่นพ ลืมถามไป ได้สะเต๊ะมาหรือเปล่า?"

นพรวบช้อนรวบส้อมในจานขนมจีนที่ว่างเปล่า แล้วบอกวัฒน์ให้ยกกล่องที่พวกเขาหอบหิ้วพะรุงพะรังมาเมื่อกี้วางบนโต๊ะ

"สะเต๊ะร้านพิชัย 500 ไม้ น่าจะพอกินกันเล่นๆ นะ ลุงแกให้ยืมเตาย่างมาด้วย"

เจเรียกคนงานให้ไปยกเตาย่างพร้อมขาตั้งที่นพเอาออกมาตั้งไว้ที่หลังรถของตัวเองขึ้นมาวางบนลาน ตัวเขายกถุงหมูสะเต๊ะที่ยังไม่ได้ย่างขึ้นดู

"อืมม์ ก็ดูไม่เยอะเลยนะ พี่นพ จะกินกันพอไหมเนี่ย?"

"มึงก็ อย่าไปคิดว่าคนอื่นจะกินเยอะเหมือนมึงกับกูสิวะ สาวๆ เพื่อนน้องอิ่มกินกันคนละไม่กี่ไม้ก็อิ่มแล้วมั้ง"

เจยิ้มร่า เขาขอจัดคนเดียวซัก 30 ไม้ก่อน จากนั้นก็ค่อยตามเก็บกวาดที่เหลือ

"ลุงให้กะทิมาด้วยถุงหนึ่ง เอาไว้ทาตอนย่าง แต่ถ้ามันไม่พอที่บ้านเจมีกะทิไหม?"

เจบอกว่าแม่น่าจะมีกะทิเหลือจากทำแกงเขียวหวาน แต่ถ้าไม่มีเขาก็มีกะทิกล่องที่พอใช้แทนได้



"สะเต๊ะร้านนี้ขายมากว่า 60 ปีแล้วน่ะ​"

นพบอกเพื่อนหนุ่มชาวละตินของเขา ฆาเบียร์ดูสะเต๊ะดิบอย่างสนใจ เขาเคยกินสะเต๊ะแบบไทยมาก่อนแต่ไม่ชอบเท่าสะเต๊ะของอินโดนีเซียและมาเลเซีย โดยเฉพาะของโปรดของเขาอย่างสะเต๊ะลิลิทซึ่งเป็นอาหารบาหลี มันใช้เนื้อสัตว์อย่างไก่ ปลา หมู หรือเนื้อวัวบดคลุกเคล้ากับกะทิและเครื่องเทศแล้วนำไปหุ้มก้านตะไคร้แล้วนำไปย่าง แต่ยังไงเสียเขาก็อยากจะลองชิมสะเต๊ะที่นพซื้อมาวันนี้ดู

นพเล่าให้ฆาเบียร์ฟังว่าร้านนี้เดิมทีขายอยู่ในตลาดอนุสาร ซึ่งเดิมเป็นตลาดขายอาหารโต้รุ่งแถวไนท์บาร์ซาร์ ตอนหลังเจ้าของที่ขายตลาดนี้ให้นักลงทุนเจ้าใหญ่จากกรุงเทพฯ หลายๆ ร้านซึ่งเคยอยู่ในตลาดนั้นก็แยกย้ายกันไปเปิดร้านในที่ต่างๆ ส่วนร้านที่ขายอยู่ในตอนนี้เป็นร้านใหม่เกือบทั้งหมด

"เขาบอกว่า ถ้าเห็นร้านไหนที่เขียนติดหลังชื่อร้านว่า 'เจ้าเก่าตลาดอนุสาร' ก็มักจะอร่อย"

นพบอกว่าสำหรับตัวเขาจะได้กินสะเต๊ะเจ้านี้ช่วงสิ้นปี เพราะออฟฟิศของเขาสั่งหมูสะเต๊ะเจ้านี้มาในงานเลี้ยงปีใหม่มาเป็นเวลานับสิบปีแล้ว

"งั้น พี่นพกินตอนเลี้ยงไปแล้วก็จะไม่มาแย่งผมกินแล้วใช่ไหม?"

เจนยุทธพูดยิ้มๆ นพหันไปแยกเขี้ยวใส่และบอกว่าตอนเลี้ยงที่ออฟฟิศเขาต้องสงวนทีท่า ไม่ได้กินให้สะใจ นี่เขากะย่างเอง กินเองซัก 50 ไม้ ฆาเบียร์ได้แต่ส่ายหัวในความตะกละของทั้งคู่ สงสัยว่าสองคนนี้คงกินกันสัก 100 ไม้ ส่วนอีก 400 ให้แขกคนอื่นๆ แบ่งกันเอง

"แล้วตอนนี้ลุงแกย้ายไปอยู่ไหนอ่ะ พี่นพ ผมเคยเจอแกขายที่หน้าร้านลิ้ม ฮาน ง้วน ตรงถ.รัตนโกสินทร์เมื่อหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้เหมือนแกย้ายไปอีก"

"ตอนนี้แกตั้งแผงอยู่ที่ถ. เจริญเมืองน่ะ หน้าอำนวยมอเตอร์แอร์ ตรงข้ามเซเว่น เปิดช่วงเย็นๆ หลัง 6 โมง คนกินเยอะนะมึง ไปต้องรอหน่อย"

"ได้ยินมาว่าลูกชายลุงก็ขายอยู่แถวร้านข้าวต้มปลาลิ้ม ฮาน ง้วนที่ก็ย้ายไปเปิดตรงกาดก้อม แต่กูก็ยังไม่เคยไป เคยกินแต่ร้านลุงนี่แหละ"

เจเรียกฆาเบียร์ให้ดูถุงอาจาดที่ยังไม่ได้ผสม คนตัวโตของเขายิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นของโปรด เจหันไปเล่าให้นพฟังว่าฆาบี้ชอบกินอาจาดแค่ไหน นพก็ได้แต่หัวเราะ เพื่อนชาวละตินของเขาคนนี้ก็ยังคงชอบกินผักเหมือนเดิม



นพชวนวัฒน์ให้ยกกล่องของสดเดินเข้าไปในครัว เขาเข้านอกออกในบ้านนี้จนรู้แล้วว่าอะไรอยู่ตรงไหน เขานำสะเต๊ะดิบใส่ตู้เย็นเช่นเดียวกับกะทิ ที่จริงแล้ววิธีเก็บกะทิให้ดีที่สุดคือใส่ช่องฟรีซ แต่นี่อีกไม่กี่ชั่วโมงเขาก็จะใช้มันแล้วก็เลยใส่แค่ช่องธรรมดาก็พอ เจกับฆาเบียร์เองก็เดินตามนพเข้ามาในครัว เจล้างจานขนมจีนของเขาและนพ จากนั้นพาหนุ่มรุ่นพี่มานั่งรอที่ชุดรับแขกในบ้าน เจและฆาบี้นั่งคุยกับนพและวัฒน์ครู่หนึ่ง

"คุณคริส สวัสดีครับ จำผมได้ไหม?"

นพลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นคริสเดินออกมาจากห้องนอนแขก เขาทักทายพ่อบุญธรรมของเพื่อนสนิทคนเดียวที่สหรัฐฯ ของเขา คริสยิ้มกว้าง ทำไมเขาจะจำชายหนุ่มที่เขาเคยเจอตอน Thanksgiving เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วไม่ได้

"จำได้สิ นพ ดีใจที่ได้เจออีกครั้งนะ"

คริสจับมือทักทายกับนพซึ่งเคยเป็นคนในดวงใจของลูกบุญธรรมของเขามานานกว่าทศวรรษ นพแนะนำคนรักของตนให้คริสได้รู้จัก ฆาเบียร์ยิ้มกริ่มมองอาปาของเขากับคนที่เขาเคยรัก

"แน่ะๆ จ้องพี่นพเป๋งเลยนะ"

เจแกล้งทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นฆาเบียร์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดูคนต่างวัยทั้งสองคุยกัน จริงๆ เขาไม่ได้หึงอะไรหรอก แต่แค่อยากหยอกคนรักเล่นเท่านั้น

"ฉันกำลังคิดน่ะ ว่าดีแล้วที่ฉันไม่ถอดใจไปเสียก่อนแล้วหาทางติดต่อนพจนได้เมื่อสองปีที่แล้ว"

ฆาเบียร์หัวเราะคนตัวเล็กที่ตีหน้ายักษ์ใส่เขา เขาพูดต่อ

"...ไม่อย่างนั้น ฉันก็คงไม่มีวันเจอเจ ไม่มีวันเจอรักแท้และไม่มีวันเจอความสุขในใจแบบที่ฉันมีทุกวันนี้หรอกนะ"

ทีนี้เจเริ่มหน้าร้อนขึ้นจริงๆ แล้ว​ ฆาบี้หอมแก้มแดงๆ นั้นเบาๆ และกุมมือคนรักไว้แน่น


"อาปาครับ พี่นพ สี่โมงกว่าแล้ว พวกผมขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน เดี๋ยวมานะครับ"

เจดูนาฬิกา งานจะเริ่มประมาณหกโมง เมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว แต่แขกเหรื่อมักเริ่มทะยอยมากันประมาณห้าโมง พวกเขาควรไปเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่แขกจะมากันเต็มบ้าน





-------------------------------------------



​เวลาของสองคนยังคงเดินไปช้าๆ ค่ะ แหะๆๆ แถมมีเรื่องเล่าจากริคกี้เพิ่มอีก ยาวไปใหญ่ ขอแบ่งตอนนี้เป็นสองช่วงแล้วกันนะคะ

เรื่องไม่ชอบผักชีและถั่วงอกเพราะอาหารโรงเรียนตอนเด็กนี่เป็นประสบการณ์ตรงของคนเขียนเองเลย ทุกวันนี้ยังทำใจกินหมี่เหลืองใส่หมูไม่ได้ อีกอย่างคือข้าวต้มหมูอืดๆ ที่มีผักชีลอยฟ่อง นึกถึงแล้วก็ยังขนลุกค่ะ​


วันนี้มีของหนักๆ มาให้ดูกันค่ะ เคยผ่านตาเรื่อง cage people ของฮ่องกงมา ดูแล้วหดหู่มาก ไม่นึกว่าในเมืองที่ดูเจริญและแพงอย่างฮ่องกงจะมีของแบบนี้อยู่

Coffin cubicles https://goo.gl/wQs7Lh

Caged home https://goo.gl/ga7wPf

ย่าน Sham Shui Po รูปนานแล้วนะคะ แต่ปัจจุบันก็เหมือนจะไม่ต่างไปมากนัก https://goo.gl/mfCFcJ


อาหารการกินในตอนนี้ค่ะ​

Blue cheese dip https://goo.gl/igtj1V

pico de gallo/salsa fresca https://goo.gl/gSsiHj

หมูสะเต๊ะพิชัย https://goo.gl/DfW9c8

​​แถมร้านขนมเส้น/ขนมจีนในเชียงใหม่ให้ด้วย  https://goo.gl/cwfXMG





ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- New Year's Party Pt. 2 ----​



เจนยุทธยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก เขาใส่ยีนส์ตัวโปรดกับเสื้อยืด อากาศช่วงปลายเดือนธันวาคมที่บ้านไร่ของจืดเย็นกว่าในเมืองพอสมควร ในช่วงดึกมักลงต่ำกว่า 20 องศา บางปีก็เป็นเลขตัวเดียว เขาจึงหยิบเสื้อคาร์ดิแกนบางๆ ติดมือมาด้วยอีกตัว เจหยิบต่างหูสีน้ำเงินของคาตาลิน่ามาใส่ที่หูซ้าย จากนั้นไปนั่งรอฆาเบียร์ที่โซฟา วันนี้เขาไม่ยอมเข้าอาบน้ำพร้อมคนตัวโตเพราะไม่อยากเสียเวลาในนั้นนานเกินไป แต่พ่อเจ้าประคุณของเขาก็ยังอาบน้ำนานอยู่ดี

ฆาเบียร์เปิดประตูห้องน้ำออกมา เมียตัวโตของเขายังคงเปลือยท่อนบนและใส่แค่ผ้าเช็ดตัวที่พันหมิ่นเหม่อยู่ระดับสะโพก ใบหน้าที่เคยมีหนวดเคราสั้นๆ ขึ้นครึ้มนั้นถูกทำการโกนจนเกลี้ยงเกลาเผยให้เห็นแนวกรามและคางที่บุ๋มน้อยๆ เจใจสั่นเมื่อคนรักส่งยิ้มให้ เขาชอบเวลาฆาเบียร์หน้าเกลี้ยงๆ แบบนี้จริงๆ

คนตัวโตส่งสายตาวิบวับให้คนรักร่างเพรียวและสลัดผ้าเช็ดตัวออกเผยให้เห็นร่างเปลือยอันงามสมบูรณ์ เจกลืนน้ำลายลงคอ ปกติเขาไม่ค่อยได้เพ่งพิศร่างเปลือยของคนรักจากระยะห่างเท่าไหร่ เจมองไหล่กว้างของเมียตัวโตและไล่เลาะมองไปเรื่อย กล้ามเนื้อไบเซ็ปส์และไทรเซ็ปส์ที่แขนทั้งสองนั้นถูกเพาะจนแข็งเป็นลูกแต่ไม่ใหญ่จนน่าเกลียด แผงอกของฆาเบียร์นั้นกว้างดีจริงๆ กล้ามอกของเขานูนพอประมาณ ช่วงเอวคอดกิ่วสร้างเป็นรูปตัววี กล้ามท้องหกลูกของเขาเด่นชัด ต่ำลงไปคือวีไลน์ที่นำลงไปสู่ส่วนที่เขาไม่กล้าจ้องมองตรงๆ เจเบือนหน้าหนีเมื่อสายตาวับวาวจ้องมองเขาอย่างรู้ทัน ฆาเบียร์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเยื้องย่างเข้ามาใกล้คนตัวเล็กด้วยท่วงท่าของเสือที่เตรียมตะครุบเหยื่อเบื้องหน้า

"เจจ๋า..."

เสียงทุ้มแหบนั้นแฝงความเว้าวอน

"อะไรเล่า? ไปแต่งตัวซะเดี๋ยวช้า"

เจหันหน้าหนีจากวีไลน์อันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เขาอยากจูบหน้าท้องสวยๆ นั่นใจแทบขาดแล้ว ฆาเบียร์หัวเราะท่าทางของคนรักและเดินกลับไปที่ส่วนแต่งตัว เจมองกล้ามเนื้อก้นแน่นๆ นั้นอย่างมันเขี้ยว กลับคอนโดเมื่อไหร่เขาไม่ปล่อยให้คนตัวโตมาเดินยั่วเปล่าๆ ปลี้ๆ แบบนี้แน่นอน

ฆาเบียร์ใส่ชั้นในแล้วหยิบกางเกงยีนส์ Saint Laurent สีดำทรงสลิมเอวต่ำมาใส่ ท่อนบนเขาใส่เสื้อเชิร์ตสีขาวแขนยาวเนื้อดีที่เข้ารูปจนกระดุมแทบปริ เจมองพ่อเจ้าประคุณของเขาปลดกระดุมลงสามเม็ดอย่างหมั่นไส้ แต่วันนี้เขาจะปล่อยพี่แกแต่งตัวเต็มที่ ดูจากชุดและรองเท้าหนังที่เตรียมมาแล้ว วันนี้ฆาเบียร์คงกะเต้นอย่างเมามันแน่นอน



ฆาเบียร์เดินกลับมาที่กระเป๋าเสื้อผ้าใบน้อยของเขาที่วางไว้ข้างเตียง เขาเปิดมันออกและหยิบต่างหูของแม่มาใส่ที่หูขวาจากนั้นหยิบน้ำหอมขวดสี่เหลี่ยมสีดำฉลากทองดูหรูหราขึ้นมา

"น้ำหอมใหม่เหรอ?"

เจนยุทธถามอย่างสนใจ ปกติฆาเบียร์จะใช้ Marc Jacobs Men เป็นกลิ่นประจำกาย แต่จะเปลี่ยนไปใช้ Creed Sublime Vanille เมื่อออกงาน

"ใช่ เพิ่งซื้อใหม่ ฉันลองแล้วถูกใจ กะว่าจะเอามาใช้เป็นกลิ่นออกงาน เจคิดว่าไง?"

ฆาเบียร์ฉีดน้ำหอมนั้นครั้งเดียวที่ซอกคอ น้ำหอมตัวนี้กลิ่นค่อนข้างแน่น ฉีดครั้งเดียวก็ติดทนไปทั้งวันแล้ว เจนยุทธใจเต้นระรัวเมื่อกลิ่นน้ำหอมนั้นโชยมาแตะจมูก

"ฆาเบียร์..."

เจครางเสียงแหบๆ เขาทนไม่ไหวต้องลุกมายืนอยู่ตรงหน้าฆาเบียร์ที่นั่งอยู่ที่ขอบเตียง กลิ่นแรกที่เขาสัมผัสได้จากน้ำหอมที่น่าจะแพงระยับขวดนี้คือกลิ่นแมนๆ ของใบยาสูบ จากนั้นตามด้วยกลิ่นหอมหวานของวนิลาชั้นดีเจือด้วยกลิ่นเครื่องเทศ เขาผลักคนตัวโตลงบนเตียงและทาบกายตามลงไป เจสูดดมที่ซอกคอของคนตัวโตอย่างลืมตัว เขาชอบกลิ่นใบยาสูบของน้ำหอมนี้จริงๆ มันเหมือนกลิ่นซิการ์ชั้นดีที่แสนจะละเมียดละไม กลิ่นวนิลานั้นก็ไม่ได้โหลเหมือนกลิ่นวนิลาสังเคราะห์ แต่คล้ายกับกลิ่นที่ได้ตอนที่เรากรีดเปิดฝักวนิลาออกแล้วสูดดมกลิ่นหอมละมุนของเมล็ดเล็กละเอียดภายใน มันเป็นกลิ่นวนิลาแบบเดียวกับน้ำหอมแสนแพงที่ฆาเบียร์เคยใช้อย่าง Creed Sublime Vanille แต่เพิ่มความแมนให้ด้วยกลิ่นใบยาสูบ

เจนยุทธระบายลมหายใจออกเบาๆ แล้วซบหน้าลงกับอกกว้างของคนรักที่นอนยิ้มเผล่อยู่ เขาว่ากลิ่น Marc Jacobs Men เร้าใจแล้ว กลิ่นนี้ยิ่งทำให้เขาอ่อนระทวยมากกว่า แต่ตอนนี้เขาคงสูดมันเข้ามากเกินไปเพราะกำลังเริ่มรู้สึกมึนหัว



เจค่อยพลิกตัวลงจากร่างคนตัวโตลงไปนอนแผ่อยู่ด้านข้าง ฆาเบียร์ขยับตัวนอนตะแคงและใช้ข้อศอกเท้าแขนยกตัวขึ้นดูคนรักที่เมาน้ำหอมอยู่ เขาหัวเราะเบาๆ

"เจเป็นถึงขนาดนี้ แสดงว่าชอบสินะ"

เจหลับตาพริ้มแล้วพยักหน้าเบาๆ

"ชอบ หอมมากเลย ฆาบี้ น้ำหอมอะไรน่ะ?"

"Tom Ford Private Blend กลิ่น Tobacco Vanille น่ะ"

"มิน่าล่ะ หอมกลิ่นใบยาสูบมากๆ เหมือนซิการ์แพงๆ เลย กลิ่นวนิลาก็ห๊อม หอม"

เจเพ้อถึงกลิ่นที่อวลอยู่ในจมูกของเขา

"อืมม์ ถ้าเจคิดว่าฉันกลิ่นเหมือนซิการ์ ฉันยอมให้เจดูดฉันทั้งวันเลยก็ได้นะ"

เจนยุทธลืมตาทันทีเมื่อได้ยินตาแก่ลามกของเขาใช้คำว่า suck แทนคำว่าสูบหรือ smoke เจหันไปไล่งับจมูกโด่งๆ ของคนที่ทำตาเยิ้มใส่เขาเบาๆ ฆาเบียร์พลิกกายคร่อมคนตัวเล็กของเขาและจุมพิตแผ่วเบาที่ริมฝีปากแดงระเรื่อ เจจูบตอบอย่างอ่อนหวาน เขาซบหน้าที่ซอกคอของคนรักอีกครั้งก่อนจะดันร่างคนตัวโตออกแล้วลุกขึ้นนั่ง



"ไม่เวิร์คเลยอ่ะ น้ำหอมนี้ ผมไม่อยากให้คุณใช้เลย"

คนตัวเล็กบ่นอุบอิบ ฆาเบียร์ขมวดคิ้ว ก็ไหนเมื่อกี้เจยังบอกว่าชอบอยู่หยกๆ

"...มันต้องมีคนแบบผมอีกแน่ๆ ที่ได้กลิ่นนี้แล้วแทบอยากจะเอาหน้าไปซุกดม"

ฆาเบียร์หัวเราะลั่นแล้วเอนกายซบลงที่ไหล่คนรักที่ทำหน้ายุ่งอยู่อย่างเอาใจ

"งั้นให้ฉันไปล้างออกดีไหมเจ?เอาไว้ฉีดแค่ตอนอยู่กับเจคนเดียวพอ"

เจนยุทธคิดนิดนึงแล้วส่ายหน้า

"ไม่เอาอ่ะ ซื้อมาแล้วก็ต้องใช้ ดูท่าทางขวดนึงจะแพง ใช้ไปเหอะ แต่ฉีดแค่ทีเดียวพอ โอเคไหม?"

ฆาเบียร์พยักหน้า เขาลุกขึ้นยืนและฉุดคนรักให้ลุกขึ้นตาม เจทำตัวอ่อนเอนร่างไปซบแผงอกกว้างแล้วดมกลิ่นกายใหม่ของของเมียตัวโตเขาอีกครั้ง ฆาเบียร์โคลงหัวก่อนจะจับเจหันกายแล้วดันหลังคนขี้อ้อนให้เดินไปที่ประตู

"ไปกันเถอะ ห้าโมงนิดๆ แล้ว เดี๋ยวคนอื่นจะรอ"

"อือ ป่านนี้คนคงเริ่มทะยอยมากันแล้ว เรารีบตั้งของกันดีกว่า"



จริงดั่งเจคาด แขกเริ่มทะยอยมาและเริ่มนั่งตามโต๊ะที่จัดไว้บนลานกว้างหน้าบ้านแล้ว เจกับฆาเบียร์รีบเข้าไปในครัวและทะยอยยกของที่พวกเขาเตรียมไว้มาจัดวางที่โต๊ะยาว จืดมักให้คนจัดสถานที่สำหรับแขกของแต่ละคนแยกกันชัดเจน โดยปกติแขกของเจและอิ่มจะถูกจัดให้นั่งบริเวณหน้าเรือนพักของทั้งสองที่อยู่คนละฟากของลาน แต่ปีนี้อิ่มขอให้พี่ชายจัดโต๊ะของเพื่อนๆ เธออยู่ใกล้ๆ กับเพื่อนๆ ของเจ อิ่มอ้างว่าเพื่อนๆ ของเธอจะได้ทำความรู้จักกับ "แฟน" ของน้องชายเธอ

"อิป้านั่น ไว้ใจไม่ได้ ต้องมีแผนอะไรแน่ๆ!"

เจพูดอย่างเจ็บใจเมื่อเห็นป้ายที่เขียนติดโต๊ะ เจคาดว่าอิ่มคงอยากเห็นว่าเขาจะยอมแนะนำฆาเบียร์กับบรรดาสาวๆ ที่เขาเคยมีอดีตด้วยไหม​ ฆาเบียร์หัวเราะน้อยๆ และบีบไหล่ทั้งสองของคนรักเบาๆ

"เอาน่า อิ่มเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรมากก็ได้ เรามาจัดของกันต่อดีกว่า"

เจนยุทธเรียกเด็กที่เดินอยู่แถวนั้นให้ไปช่วยเขายกของมาเพิ่ม นพกับวัฒน์ที่เดินออกมาพอดีก็ถามว่าให้เขาทำอะไรบ้าง พวกเขาพากันกลับเข้าไปในครัวและไปหอบข้าวของออกมาอีก

"โอเค พร้อมแล้ว ซังเกรียพร้อม ผักพร้อม เครื่องจิ้มพร้อม เตาสะเต๊ะก็ใส่ถ่านไว้พร้อม แล้วสะเต๊ะอยู่ไหนอ่ะ?"

เจมองหาสะเต๊ะดิบ แล้วก็เจอมันอยู่ในกล่องโฟมที่ใส่น้ำแข็งไว้ เขาพยักหน้าหงึกหงักแล้วหันมาไล่เช็คของต่อ

"โอเค น้ำจิ้มสะเต๊ะมีแล้ว ขนมปังปอนด์มีแล้ว ไว้เดี๋ยวค่อยปิ้งกันนะ แล้วก็อาจาด...เฮ้ย!"

เจร้องลั่นเมื่อหันไปเจอฆาเบียร์แอบตักอาจาดใส่จานไปสองสามช้อน

"ฆาบี้ มันเอาไว้กินตัดเลี่ยนนะ ไม่ใช่เอาไว้กินเป็นสลัด"

เจเท้าสะเอวดูเมียตัวโตของเขาที่ทำหูทวนล้มใช้ส้อมจิ้มแตงกวากินอย่างเอร็ดอร่อย เขาชอบไอ้เจ้าอาจาดหรือ Thai cucumber relish นี้จริงๆ ยิ่งที่ใช้แตงกวาของไทยทำแบบที่เขาได้กินในประเทศไทยยิ่งอร่อยกว่าที่เขาเคยกินตามร้านในสหรัฐฯ อีกมากนัก



"แหม น้องเจ อย่าดุแฟนนักเลยน่า"

เสียงใสๆ ที่พูดเป็นภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงอเมริกันชัดเจนดังขึ้นด้านหลังของทุกคน เจสะดุ้งเฮือกแล้วหันกายไปช้าๆ

"สวัสดีครับพี่พลอย พี่ฟ้าครับ มานานแล้วเหรอครับ"

เจรีบยกมือไหว้สาวเปรี้ยวผมซอยสั้นคนนี้ วันนี้พลอยใส่กางเกงยีนส์อัลตร้าสกินนี่กับรองเท้าส้นสูงปรี๊ด ท่อนบนของพลอยเป็นเสื้อลูกไม้คล้องคอตัวจิ๋วซึ่งเปิดให้เห็นแผ่นหลังเปลือยขาวเนียน เจเบือนหน้าหนีไปจากผิวขาวผ่องที่เขาเคยลูบไล้นั้น

"สวัสดีครับ พลอย สบายดีเหรอครับ?"

ฆาเบียร์ยิ้มละไมทักทายหญิงสาวในอดีตของเจนยุทธ เขายื่นมือไปสัมผัสมือหญิงสาวที่ยื่นออกมาให้เขา

"เสื้อสวยนะครับ ผมชอบ แต่ตอนกลางคืนแถวนี้อากาศเย็นนะครับ พลอยไม่กลัวหนาวเหรอ?"

เจกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอเมื่อได้ยินน้ำเสียงจิกกัดเล็กๆ ของคนรัก แม้ปากที่มีรอยยิ้มแต้มอยู่ของฆาเบียร์บอกแบบนั้นแต่สายตาของเมียตัวโตของเขานั้นช่างทิ่มแทงเหลือเกิน

พลอยหัวเราะเสียงสดใส เธอเข้าใจความหมายของฆาเบียร์ดี

"ไม่หนาวหรอกค่ะ เดี๋ยวดึกๆ พออากาศเย็น เจเค้าก็หาอะไรทำให้พลอยหายหนาวเหมือนทุกทีเอง ใช่ไหมน้องเจ?"

"เห้ย อย่ามาโยนขี้ให้ผมสิพี่!"

เจร้องลั่นเป็นภาษาไทย หายหนาวบ้าอะไร นานๆ ทีพลอยจะมางานปีใหม่บ้านเขาที มาทีไรก็แค่กินเหล้าเมาเฮฮากันเพราะพลอยมีแฟนสาวมาคุมด้วยทุกครั้ง และเจเองก็เคร่งครัดเรื่องการไม่แสดงความรักในเขตบ้านแม่กับสาวๆ ทุกคนของเขา เขามาตบะแตกเอาก็กับฆาเบียร์เท่านั้น แต่คนตัวโตที่ไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วยหน้าแดงก่ำ รอยยิ้มละไมหายไปจากใบหน้าเขา สายตาของเขาเย็นเยียบเหมือนจะแช่แข็งแม่สาวร้อนรักข้างหน้าทั้งเป็น

"พี่พลอย พอ! พี่เล่นแรงไปแล้วนะ"

เสียงเรียบๆ แต่เฉียบขาดดังมาจากสาวร่างบางในชุดลูกไม้แขนสั้นสีงาช้างยาวเหนือเข่าที่ยืนเคียงข้างพลอย เจหันไปส่งสายตาแสดงความซาบซึ้งให้กับฟ้า แฟนสาวของพลอย สาวเปรี้ยวหัวเราะเบาๆ แล้วกุมมือคนรักอย่างเอาใจ ฟ้าสะบัดออกแล้วหันมาพูดกับฆาบี้ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ต้องขอโทษด้วยจริงๆ พี่พลอยเขาล้อเล่นค่ะ เขาเตรียมเสื้อกันหนาวมาเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะหนาวหรอกค่ะ"

ฟ้าหันไปขอโทษขอโพยคนตัวโตที่ทำมีทีท่าจะระเบิดลงอยู่มะรอมมะร่อ เจนยุทธรีบแนะนำฆาเบียร์ให้รู้จักแอร์ฯ สาวสายการบินแห่งชาติซึ่งคบหากับพลอยมานับสิบปีแล้ว ฟ้าชี้ให้ฆาเบียร์ดูเสื้อหนังแบบไบเกอร์สีดำที่พลอยแขวนไว้ที่เก้าอี้ ฆาเบียร์มีทีท่าผ่อนคลายขึ้น และยิ้มออกมาได้เมื่อเจแนะนำเขาให้กับฟ้า

"พี่ฟ้าครับ นี่ฆาเบียร์ครับ แฟนผมเอง"

ฆาเบียร์สูดลมหายใจเข้าปอด คนตัวเล็กของเขาไม่เคอะเขินแม้แต่น้อยที่จะแนะนำเขาในฐานะแฟน แล้วเขายังจะต้องกลัวเจจะไปมองคนอื่นอีกหรือ ฟ้ายื่นมือมาจับมือใหญ่ของฆาเบียร์

"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ พี่พลอยเล่าให้ฟ้าฟังเรื่องคุณกับน้องเจแล้ว พี่เค้าบอกด้วยว่าเขาดีใจที่ได้เห็นเจมีคนรักและมีความสุขแบบนี้เสียที"

สาวเปรี้ยวปากแข็งอย่างพลอยได้แต่บ่นคนรักของตัวเองเบาๆ ที่พูดมากจนเกินไป พลอยที่มีสัมพันธ์ทางกายกับเจนยุทธมาหลายปีรู้ได้ถึงความแตกต่างเมื่อเห็นท่าทางเปี่ยมรักของคนทั้งสองที่แสดงออกแก่กันตอนเจอทั้งสองที่ห้างสรรพสินค้าในวันนั้น เจในวันนั้นดูเปล่งปลั่งและมีความสุขมากกว่าที่ผ่านๆ มา เธอได้แต่ดีใจกับเจนยุทธ แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งหยอกเย้าพ่อหนุ่มตัวโตหน้าคมเข้มคนนั้นกับน้องชายเพื่อนที่เคยร่วมเตียงกับเธอ



"อ้าว ยัยพลอย มาเมื่อไหร่? แล้วนี่กลับมาอยู่ไทยแล้วเหรอ?"

"สวัสดีค่ะ พี่นพ พี่วัฒน์ กลับมาได้สักพักแล้วค่ะ รอบนี้คงอยู่ยาวเลย พ่อให้เข้ามาช่วยงานที่โรงพยาบาลแล้ว"

พลอยหันไปยกมือไหว้นพและวัฒน์ที่เดินออกมาจากครัวพร้อมกับยกมือทักทายอิ่มที่เดินตามหลังนพมา

"พลอยนี่เขารู้จักกับนพด้วยเหรอ?"

ฆาเบียร์กระซิบถามเจ เขาไม่เข้าใจสิ่งที่สองคนนั้นคุยกันแต่สังเกตได้จากท่าทาง

"พี่พลอยเป็นญาติของพี่ต้าเพื่อนสนิทพี่นพสมัยมัธยมน่ะ ตระกูลนี้ทำโรงพยาบาล ลูกหลานเลยไปเป็นหมอกันหมด"

"ส่วนพี่ต้าน่ะ..."

"ไอ้เจ พวกกูมาแล้ว!"

เจยังไม่ทันเม้าถึงเพื่อนสนิทคนนี้ของนพก็ถูกเสียงโหวกเหวกของซันซันขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

"ไง มาซะเลทเลยนะพวกมึง จะหกโมงแล้ว ไม่มาดึกๆ เลยล่ะ"

"อืมม์ ช่วยไม่ได้นะ กูปลุกไอ้ซันมันหลายรอบแล้ว มันก็ไม่ตื่นซักที กูปลุกจนเมื่อยมือแล้ว ไม่รู้มันเพลียอะไรนักหนาแถมยังนอนกินที่ทั้งเบียดทั้งกอดกูจนแทบไม่ได้นอน สบายตัวอยู่คนเดียวนะ มันอ่ะ"

เพื่อนหนุ่มร่างใหญ่ของเจพูดยิ้มๆ เจนยุทธยิ้มกริ่มแล้วหันไปถามเพื่อนตี๋อ้วนที่ยืนอ้าปากค้างอยู่

"อ๋อ หรา? ไปค้างบ้านไอ้ปรินซ์มันอีกแล้วเหรอ ซันซัน แล้วทำอะไรเหนื่อยมาเหรอจ๊ะ ถึงหลับไม่ตื่นขนาดนั้น หือ? แล้วมีก่งกอดอะไรกันด้วยนี่ อะไรกันๆ"

"กู...กู โว้ย ไอ้เชี่ยปรินซ์ เล่นกูอีกแล้วนะ!..."

ตี๋อ้วนหน้าแดงก่ำ เขาระล่ำระลักแก้ตัว

"...เมื่อคืนพอพวกมึงไปนะ ไอ้เจ กูก็กินเหล้ากับพวกน้องฝ้ายมันต่อ ทีนี้กูเมาหลับคาร้าน ปรินซ์มันเลยลากกูกลับไปนอนค้างบ้านมันเพราะไม่อยากให้พ่อแม่กูเห็น กูโดนด่าหลายรอบแล้วเรื่องเมาจนหลับคาผับอ่ะ"

"...แล้วที่ไม่ตื่นน่ะ เพราะกูแฮงค์โว้ย ตอนนี้ก็ยังปวดหัวตุบๆ อยู่เลย ส่วนเรื่องกอดอะไรนั่น กูไม่รู้เรื่องโว้ย!"

ซันซันโวยลั่น เขาไปค้างบ้านเพื่อนสนิทคนนี้บ่อยเพราะบ้านของพวกเขาอยู่ติดกันมาตั้งแต่เขาจำความได้ แต่เมื่อก่อนเพื่อนเขาคนนี้ก็ไม่เคยพูดถึงตอนที่พวกเขาไปค้างบ้านอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงและคำพูดที่ชวนเข้าใจผิดแบบนี้ แต่ช่วงหลังๆ มานี่ ไอ้ปรินซ์มันทำให้เขาแทบบ้าตายอยู่แล้ว



เจหัวเราะคิกคักแล้วหันไปแปลให้ฆาเบียร์ฟัง

"ไอ้เจ มึงแปลดีๆ sleep over ไม่ใช่ sleep together ห่านนี่ คนละความหมายเลย แปลงสารเก่งนักนะ มึงอ่ะ"

ตี๋อ้วนชี้หน้าเพื่อนตัวดีที่เป็นนักแปลเสียเปล่าดันแปลคำว่า 'ไปค้าง' ไปเป็นคำว่า sleep together ที่ตีความไปได้หลายทางเสียได้

"แปลแบบนี้ มึงไม่ต้องแดกนี่ละ"

ซันซันชูถุงพลาสติกสองสามถุงซึ่งด้านในเป็นถุงกระดาษบรรจุของบางอย่างอยู่ เจทำตาวาว เขารีบไปบีบนวดทำท่าประจบประแจงเพื่อนตี๋อ้วนทันที

"อืมม์ ที่จริงพวกกูมาช้าก็เพราะไปรอลูกชิ้นทองสุขนี่แหละ"

ปรินซ์พูดยิ้มๆ ซันซันหันไปด่าเพื่อนตัวดีที่ไปพูดทำให้คนอื่นเข้าใจผิดแต่แรก

"ฆาเบียร์ คุณตักซังเกรียให้สาวๆ กับพี่นพเค้าหน่อย ส่วนไอ้ปรินซ์ให้มันตักเองโทษฐานที่มาแกล้งน้องซันที่รักของผม"

ปรินซ์โอดครวญลั่นแต่เจผู้เห็นแก่กินรีบพาเพื่อนหนุ่มร่างท้วมของเขาเข้าไปในครัวเพื่อใช้ air fryer อุ่นลูกชิ้นทอดพวกนี้ให้ร้อนและกรอบเหมือนเพิ่งขึ้นจากกะทะใหม่ๆ​ ฆาเบียร์รับคำและทำตามคำของคนรัก เขาขอปรินซ์ให้ช่วยตักไวน์ที่แช่ผลไม้ตระกูลส้มจนหอมกรุ่นใส่ลงในแก้วซึ่งเขาตักเนื้อผลไม้บางส่วนใส่ลงไปก่อนแล้ว เขาไม่ใส่น้ำแข็งเพราะเจให้คนเอาอ่างขนาดใหญ่ใส่น้ำแข็งรองใต้ชามพันช์แก้วนั้นทำให้เครื่องดื่มยังคงเย็นอยู่ ฆาเบียร์เทโซดาตบท้ายลงไปเล็กน้อยก่อนจะยกไปเสิร์ฟให้อิ่มและเพื่อนสาวๆ ที่เริ่มทะยอยมานั่งที่โต๊ะ

"อิ่ม ฝรั่งนั่นใครน่ะ เพื่อนเจเหรอ? ดูดีมากเลยแก"

กลุ่มเพื่อนสาวๆ ของอิ่มที่มาทีหลัง​กระซิบถามอาจารย์สาว คนที่ยังโสดก็ต่างจ้องมองชาวต่างชาติรูปร่างดี แต่งตัวดีหน้าตาคมเข้มคนนี้ตาเป็นมัน

"แกก็ถามเค้าเองสิ มาถามชั้นทำไม"

อิ่มพูดยิ้มๆ

"...ไม่งั้นเดี๋ยวรอไอ้เจมา แล้วค่อยถามมันเองแล้วกัน"

"ถามอะไรเหรอพี่อิ่ม?"

เจซึ่งยกถาดลูกชิ้นหอมกรุ่นมาวางที่โต๊ะยาวถามขึ้น เขาตักลูกชิ้นใส่จานและตักน้ำจิ้มเผ็ดผสมน้ำจิ้มหวานใส่ลงไปด้านข้างกองลูกชิ้น เขาลงนั่งที่โต๊ะเคียงข้างกับฆาเบียร์แล้วจิ้มลูกชิ้นที่ทอดจนกรอบเพราะอุดมไปด้วยแป้งแตะน้ำจิ้มแล้วเอาเข้าปาก เจนยุทธทำหน้าฟิน เขาจิ้มลูกชิ้นอีกลูกส่งเข้าปากเมียตัวโต ฆาเบียร์เคี้ยวลูกชิ้นพร้อมรอยยิ้ม คนตัวเล็กของเขาแสดงออกอะไรไม่ระวังเลย

"พี่ว่า เพื่อนพี่มันคงไม่ต้องถามอะไรแล้วล่ะ"

อิ่มพูดยิ้มๆ แล้วหันไปยักคิ้วให้เพื่อนสาวๆ ที่นั่งอึ้งกันทั้งโต๊ะ

"เดี๋ยวนะ เจ อะไร ยังไง?"

เพื่อนสาวคนหนึ่งของอิ่มซึ่งเคยมีสัมพันธ์ช่วงสั้นๆ กับน้องชายเพื่อนคนนี้ถามขึ้นอย่างงงๆ เธอรู้ยิ่งกว่ารู้ว่าเจน่ะแมนไปทั้งตัวทั้งใจ เจนยุทธหน้าแดง เขาเผลอตัวไปหน่อย สาวคนอื่นๆ ก็ถามย้ำมา เจผู้น่าสงสารก็ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ


(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่า)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2017 07:29:56 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- New Year's Party Pt.2 (ต่อ) ----



"Hello, ladies...My name is Javier."

เมียตัวโตของเจหันไปยิ้มละไมและส่งเสียงทุ้มๆ ของเขาทักทายสาวๆ ที่โต๊ะของอิ่ม เขารู้จากคำบอกเล่าของเจว่าในกลุ่มนั้นมีคนที่เคยแนบกายกับเจรวมอยู่ด้วยนอกเหนือจากพลอย เขาเข้าใจได้ที่เจมีท่าทีเขินอายและลังเลที่จะแนะนำตัวเขา เมื่อเจยังไม่พร้อม เขาก็ไม่รังเกียจที่จะยังไม่แสดงตัว

"...ผมเป็นเพื่อนของนพจากสหรัฐฯ ครับ​"

"...ฆาเบียร์เป็นแฟนของผมครับ"

เสียงใสแต่หนักแน่นของเจดังขึ้นแทรกประโยคของเขา ฆาเบียร์หันไปมองหน้าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ มือนิ่มของเจกุมกระชับเข้ากับมือของเขา เจพูดย้ำกับสาวๆ เพื่อนอิ่มอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำ ฆาเบียร์ข่มความรู้สึกตื้นตันที่เอ่อขึ้นมา เขาสูดลมหายใจเข้าและหันไปยิ้มกว้างอย่างจริงใจให้สาวๆ พวกนั้น

"ครับ และผมเป็นคนรักของเจ"

เสียงกรีดร้องเบาๆ ดังออกมาจากปากอิ่มซึ่งทำหน้าฟินสุดชีวิต เพื่อนๆ ของเจยิ้มกริ่มมองหน้าเพื่อนตัวดีที่นั่งก้มหน้างุดด้วยความเขิน

"อยากรู้อะไร พี่ๆ ถามพี่อิ่มแล้วกัน ผมกินก่อนล่ะ"

เจชิ่งหนีไปตักอาหารที่พวกเขาเตรียมมามากมายโดยมีฆาเบียร์เดินตามไปไม่ห่าง สาวๆ พวกนั้นซักไซร้อิ่มใจที่ตอบคำถามแทนน้องชายทุกอย่าง อาหารอันโอชะในคืนนี้สำหรับสาวๆ กลุ่มนี้คงไม่ใช่หม้อไฟเนื้อวากิวอันเลิศรสที่อิ่มเตรียมไว้ให้ แต่คงเป็นเผือกที่พวกสาวๆ พากันขนมาทั้งไร่ในตอนนี้



ตะวันเริ่มลับฟ้าแล้ว ที่ลานกว้างเปิดไฟสว่างไสว แขกก็เริ่มเข้ามานั่งจนเต็มแทบทุกโต๊ะ พี่จืดของเจขึ้นกล่าวขอบคุณพนักงานและคู่ค้าพร้อมกับเปิดงานเลี้ยงสิ้นปี เจไม่สนใจใครทั้งนั้น เขาตั้งหน้าตั้งตากินอาหารที่เขาตักมา นพก็เช่นเดียวกัน

"อร่อยว่ะ เจ กัวคาโมเล่นี่อร่อยเลย ซัลซ่านี่ก็เริ่ด เข้ากับซังเกรียสุดๆ เลย ฝีมือมึงสินะ ไอ้ฆาบี้"

นพชมเปาะ เขากับเจสองคนกินกัวคาโมเล่หมดไปเกือบ 1 ใน 5 ของอ่างแล้ว

"พี่นพ สะเต๊ะพิชัยนี่ก็สุดยอดเลย ยิ่งพอย่างเองแล้วทากะทิเยอะๆ นะ ยิ่งสุดยอดเลย"

เจปาดน้ำตาแห่งความอร่อย สะเต๊ะที่ย่างเองนั้นสุกพอดีไม่แห้ง แถมยังชุ่มกะทิอย่างสะใจ เขาไปขอกะทิแม่มาเพิ่มเมื่อเห็นว่าที่มีมาให้นั้นอาจไม่พอ ฆาเบียร์กินสะเต๊ะอย่างเงียบๆ เขาชอบทั้งน้ำจิ้มถั่วรสชาติเข้มข้นและอาจาดของโปรดของเขา มันทำให้กินสะเต๊ะนี้ได้เพลินจริงๆ

"เห้ย ฆาบี้ คุณกินไปเยอะขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย?"

เจอุทานเมื่อเห็นจำนวนไม้ที่วางบนจานของฆาเบียร์

" 18 19 20 โห ยี่สิบไม้ ใช่ย่อยเลยนะคุณ ปรินซ์กับซันซันกินไม่ทันแล้วมั้ง"

เจแซวคนรักตัวโต ฆาเบียร์หน้าแดงวูบ เขาลืมตัวไปอีกแล้ว เขากินไปคุยไปกับคนตัวเล็กของเขาพอรู้ตัวอีกทีก็หมดไปเยอะขนาดนี้แล้ว อยู่กับเจ อะไรๆ ก็อร่อย

เจเดินไปหยิบจานแล้วพลิกๆ สะเต๊ะที่ย่างไว้อีกหลายสิบไม้ จากนั้นจัดใส่จานเมื่อมันได้ที่

"เดี๋ยวผมเอาไปให้พวกผู้ใหญ่ก่อน แล้วจะเอาพวกของย่างกลับมาด้วย"

เจเดินเอาหมูสะเต๊ะไปเติมให้ที่โต๊ะของแม่และอาปา ทั้งคู่นั่งร่วมโต๊ะกับจืดและครอบครัวโดยมีเมลิน่าและริคกี้คอยอยู่กับคริส เขาแวะเจ๊าะแจ๊ะครู่หนึ่งแล้วเดินไปที่เตาย่าง



“อ้าว คุณ ก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวจะเอากลับไปให้เอง ไม่ต้องลุกมารอหรอก”

เจทักฆาเบียร์ซึ่งยืนถ่ายรูปซี่โครงหมูย่างที่มันเริ่มแตกและส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย

“ฉันมาถ่ายรูปบาร์บีคิวน่ะ ดูดีเหมือนกันนะเจ”

เจขอไก่ย่างมาหนึ่งตัวโดยให้สับแบ่งเป็น 2 จาน เช่นเดียวกับซี่โครงที่เขาใส่มา 2 จานพูนๆ ไหนจะปลาหมึกและกุ้งย่างพร้อมด้วยน้ำจิ้มแซ่บอีก

“ของโต๊ะเราส่วนนึง โต๊ะสาวๆ อีกส่วนนึงน่ะ”

ฆาเบียร์แอบมองหน้าคนตัวเล็กที่ยืนหน้ามันรออยู่หน้าเตา เจของเขาช่างบริการแบบนี้ ไม่แปลกหรอกที่สาวๆ จะติดใจ

“เจ คืนนี้ฉันขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”

“อะ...อะไรเหรอ ฆาบี้?”

เจเสียงสั่น อยู่ๆ เมียตัวโตของเขาก็จ้องหน้าเขาแทบทะลุแถมทำเสียงจริงจังอีก

“คืนนี้ เจไม่ต้องเกรงใจฉัน ไม่ต้องทำเหนียมหรือทำตัวเรียบร้อย ฉันอยากให้เจเป็นตัวของตัวเอง…”

“เจเคยร่าเริงแบบไหน เคยคุยเล่นกับสาวๆ แบบไหน ทำได้เต็มที่”

“ฆาบี้…”

เจเรียกชื่อคนรักแผ่วๆ

“…จะดีเหรอ?”

“ฉันอยากเห็นทุกด้านของเจ ทุกอย่างที่เจเป็น ทุกอย่างที่เจเคยทำ แสดงออกมาให้ฉันเห็นให้หมด โอเคไหม?”

เจนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบตกลง

“ก็ได้ แต่ห้ามหึงล่ะ”

อดีตคนเจ้าชู้พูดยิ้มๆ

“ฉันจะพยายาม แต่ขออย่างเดียวนะเจ เฟลิร์ตได้ แต่ห้ามเกินเลย โอเคไหม?”

เจนยุทธตอบรับอย่างแข็งขัน ปกติเขาไม่ทำอะไรที่บ้านแม่อยู่แล้วอย่างมากก็แค่กอดหรือหอมแก้ม



ทั้งสองคนยกพวกซีฟู๊ดย่าง ไก่ย่างและซี่โครงหมูย่างหอมกรุ่นกลับมาให้เพื่อนๆ เจวางทุกอย่างลงบนโต๊ะของอิ่มและเพื่อนๆ พร้อมส่งยิ้มหวานจ๋อยให้กับทุกคน อิ่มหรี่ตามองน้องชายอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

“ไอ้เจ อ่อยมากไปแล้วนะเรา เกรงใจแฟนตัวเองมั่ง”

อิ่มแอบกระซิบกับน้องชายตัวดี เจหัวเราะแล้วกระซิบบอกอิ่มว่าพ่อเทวดาของเธอนั่นแหละที่อนุญาตให้เขาทำแบบนี้ได้ อิ่มได้แต่อึ้งไป เจลงนั่งข้างพี่สาวคนงามแล้วหยิบตะเกียบคู่ใหม่มาถือวิสาสะคีบเนื้อวากิวแผ่นบางๆ ลงแกว่งๆ ในน้ำซุปเดือดๆ 3 วินาทีก่อนจะยกขึ้นจุ่มไข่ดิบแล้วกินอย่างอร่อย

"นี่ กินหน้าตาเฉยเลยนะ ยิ่งมีน้อยๆ อยู่"

อิ่มบ่นน้องชาย ถ้าไอ้เจมาร่วมวงกินด้วย เนื้อที่เตรียมไว้ก็คงไม่พอแน่ๆ เจหัวเราะฮิฮะแล้วทำท่าเอาใจพี่สาว

"พี่อิ่มกับเพื่อนก็กินของที่ผมเตรียมไว้ได้นะ ผมเตรียมไว้เยอะ เอางี้ เดี๋ยวผมไปตักมาให้"

เจลุกขึ้นไปตักกัวคาโมเล่ ซัลซ่าสดและเครื่องจิ้มอื่นๆ ใส่ถ้วยพร้อมด้วยผักจิ้มและแผ่นตอร์ติย่า เขาเอาไปวางให้ที่โต๊ะของเพื่อนอิ่มทั้งสองโต๊ะ เจมักจะบริการเพื่อนสาวๆ ของอิ่มแบบนี้ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยง



"พวกพี่จะเอาอะไรเพิ่มไหมครับ พวกอาหารเมืองหรืออะไร เดี๋ยวผมไปเอามาให้เพิ่ม"

สาวๆ เพื่อนอิ่มปฏิเสธว่าไม่ต้องการอะไรเพิ่ม

"พี่ว่าเพื่อนพี่อยากให้เจส่งฆาเบียร์มาให้สัมภาษณ์มากกว่านะ"

พลอยพูดยิ้มๆ พร้อมส่งสายตายั่วเย้าไปให้เจ เจกัดริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะตอบตกลง เจเดินไปคุยกับเพื่อนๆ ที่โต๊ะแล้วพากันย้ายทั้งโต๊ะมาต่อกับโต๊ะสาวๆ

"แหมๆ ไม่ยอมปล่อยให้แฟนมาคนเดียวเลยนะ ลากก้างมามาอีกตั้งหลายคน"

อิ่มแซวน้องชายของเธอ เจหัวเราะหึๆ เขาไม่หวงฆาเบียร์หรอกเพราะรู้ดีว่ายังไงพ่อเจ้าประคุณก็ไม่มีวันมองผู้หญิงหน้าไหนแน่นอน แต่ไอ้เจ้าเพื่อนอีกสองคนของเขาโดยเฉพาะซันซันต่างหากที่อยากมาคุยกับสาวๆ เจโคลงหัวดูซันซันที่หน้าบานเจ๊าะแจ๊ะกับบรรดาสาวรุ่นพี่ แม้เพื่อนๆ ของพี่อิ่มจะเริ่มขึ้นเลข 4 กันแล้ว สาวโสดหลายคนที่มาวันนี้ก็ยังคงรักษารูปร่างและผิวพรรณจนดูเหมือนวัยใกล้ๆ กันกับเจ

เจเดินไปสั่งอาหารนั่นนี่ตามซุ้ม แม่ของเขาเตรียมอาหารเมืองไว้หลายอย่าง เช่นผักกาดจอ แกงอ่อมเครื่องในหมู ยำจิ๊นไก่ หมูคั่วเผ็ด ไข่คว่ำและอาหารประจำงานเลี้ยงฉลองของคนเมืองอย่างลาบหมูคั่วและลาบเนื้อทั้งสุกและดิบ เจให้เด็กยกอาหารพวกนี้อย่างละสามชุดไปให้ที่โต๊ะของพวกเขา แล้วยังให้ตักน้ำเงี้ยวถ้วยใหญ่และขนมจีนอีกหลายจับไปให้อีกด้วย จากนั้นเขาเดินกลับไปหาแม่ของเขาและอาปาของฆาเบียร์  เขานั่งลงคุยกับทั้งสองอีกพักใหญ่



"เจไม่ต้องคอยเดินมาคุยกับอาปาก็ได้ ไปอยู่กับพวกเพื่อนๆ เถอะ เดี๋ยวสักพักอาปาคงก็จะเข้าห้องแล้ว แต่จะขอฝากริคกี้กับเมลิน่าด้วยให้พวกเขาได้สนุกบ้าง มานั่งอยู่กับพวกคนแก่แบบนี้คงน่าเบื่อแย่"

คริสพูดยิ้มๆ เลขาทั้งสองของฆาเบียร์ควรได้ใช้เวลาในคืนสิ้นปีแบบนี้ผ่อนคลายบ้าง ฟองนวลยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของคริสที่แสดงถึงความเอ็นดูลูกชายคนเล็กจอมขี้อ้อนของเธอมาก

"อาปาจะนอนได้ไหมครับ ข้างนอกยังเสียงดังกันแบบนี้"

เจนยุทธถามอย่างกังวล ถึงเวทีจะตั้งห่างตัวบ้านบ้าง แต่เสียงก็ยังดังพอสมควรอยู่ดี ตัวแม่ของเขาน่ะเขาไม่ค่อยห่วงเพราะรู้ว่าฟองนวลนอนดึก อีกทั้งยังชินแล้ว เขาห่วงแต่คริสที่อาจจะอยากพักผ่อน

"ไม่เป็นไร เจ รู้สึกว่าห้องจะเก็บเสียงได้ดีพอสมควร อีกอย่างอาปาก็ยังไม่นอนด้วย ว่าจะอ่านหนังสือต่อให้จบน่ะ"

เจนั่งคุยกับพวกผู้ใหญ่อีกพักหนึ่งแล้วก็เดินไปเอาพวกบาร์บีคิวใส่จานยกกลับไปที่โต๊ะอีก เขายิ้มกริ่มเมื่อเห็นเมียตัวโตของเขาโดนชาวไร่เผือกกลุ่มใหญ่ล้อมอยู่ ฆาเบียร์ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้เจ ทั้งปรินซ์และซันซันไม่ช่วยเขาเลย ส่วนนพก็คุยอยู่กับอิ่มสลับกับคอยปลุกวัฒน์ที่ทำท่าจะหลับอยู่แล้วเพราะกินซังเกรียไปสองแก้ว

เจนยุทธวางจานในมือลงบนโต๊ะและลงนั่งบนเก้าอี้ข้างฆาเบียร์ที่เพื่อนคนหนึ่งของอิ่มลุกให้เขานั่ง เขายิ้มร่ายกแขนโอบไหล่ฆาเบียร์โชว์สาวๆ เมื่อได้บอกสถานะของเขาทั้งคู่ออกไปเขาก็สบายใจที่จะแสดงออกอะไรมากขึ้น ฆาบี้ทำตาปริบๆ คนตัวเล็กนี่ทำท่าทีน่าหมั่นไส้จริงๆ

"เจ เล่ามาให้หมด อะไร ยังไง เจอกันที่ไหน แฟนเจเขาไม่ยอมเล่าอะไรเลย แนะนำตัวอย่างเดียว"

เพื่อนสาวของอิ่มคาดคั้นน้องชายตัวดีของเพื่อน ฆาเบียร์แค่แนะนำตัวว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน เขาบอกแค่ว่าตอนนี้เขาทำงานด้านประชาสัมพันธ์ให้บริษัทด้านไอทีอยู่ที่ฮ่องกง

"ก็ ไม่มีอะไรมากพี่ ผมเจอฆาเบียร์เพราะเขาเป็นเพื่อนพี่นพตอนพี่นพไปแลกเปลี่ยนเมื่อนานมาแล้ว กี่ปีนะพี่นพ? สามสิบ?"

นพด่าลั่นบอกว่าเขายังไม่แก่ขนาดนั้น

"โอเคๆ เกือบยี่สิบปีที่แล้ว แล้วพอดีว่าสองคนนี้กลับมาติดต่อกันเพราะเจอกันในเฟซบุ๊ค..."

"เมื่อสักเดือนพฤษภา ฆาเบียร์เขาย้ายมาทำงานที่ฮ่องกง แล้วช่วงนั้นเขามีเวลาว่างก่อนเริ่มงานเดือนนึงก็เลยมาเที่ยวไทย ก็เลยนัดเจอพี่นพที่กรุงเทพฯ"

"พี่นพชวนผมไปเที่ยวกรุงเทพฯ ด้วย ก็เลยได้เจอกัน กินเหล้ากันไปกินเหล้ากันมาก็..."



"เดี๋ยวฉันเล่าเองดีกว่า เจ"

ฆาเบียร์ชิงเล่าเองเพราะกลัวเจจะเล่าไปถึงตอนที่เขาเสียทีให้กับเด็กแสบคนนี้

"คือ ตอนนั้นพอดีว่าวัฒน์แฟนนพกลับมากรุงเทพฯ เร็วกว่ากำหนด นพเลยต้องไปหาแฟน ทิ้งเจไว้กับผมครับ เรากินเหล้าคุยๆ กันแล้วก็ถูกคอ หลังจากนั้นนพก็ชวนผมมาเชียงใหม่แล้วก็ให้มาพักห้องเจเพราะเจมีห้องว่างอยู่ เราก็เลยได้ใช้เวลาด้วยกันเดือนนึง..."

สาวๆ พากันกรี๊ดกร๊าดเมื่อรู้ว่าสองหนุ่มนั้นได้อยู่ร่วมห้องกันก่อนที่จะได้คบกันและพากันจิ้นกระจายไปหมด ฆาเบียร์เล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ว่าเขารู้ตัวเอาเมื่อกลับไปฮ่องกงว่าเขาตกหลุมรักเจเข้าแล้ว เขาข้ามเรื่องราวต่างๆ ไปแล้วสรุปว่าหลังจากเทียวไล้เทียวขื่อมาหาเจทุกเดือน​ เขาก็สารภาพรักกับเจที่สมุยในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนซึ่งเป็นวันเกิดของเขา และเจก็รับรักเขาในที่สุด​ เจหน้าแดงก่ำ ฆาเบียร์บอกว่าเขาเป็นคนสารภาพรักกับเจ แต่ที่จริงตัวเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายตะโกนบอกรักอีกฝ่ายทั้งน้ำตา

"เอ๊ะ เดี๋ยวนะ งั้นคุณก็คือบาเลนตินเหรอ?"

เพื่อนสาวคนหนึ่งของอิ่มถามขึ้น เธอเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊คของเจและเคยเห็นเจโดนแท็กในคลิปเจ้าปัญหาในเพจ Valentin de la Rosa เธอรู้แต่ว่าน้องเจในคลิปนั้นเซ็กซี่มาก แต่จำหน้าผู้ชายคนที่อยู่กับเจไม่ได้ เธอรีบหาคลิปนั้นเปิดให้เพื่อนๆ ของเธอดูซึ่งเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างดี แล้วยิ่งกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เมื่อเห็นรูปเจในสารพัดอิริยาบถบนเพจนั้น

เจนยุทธทำหน้าเซ็งแต่ฆาเบียร์นั้นยิ้มกริ่ม แต่ก็ต้องทำหน้านิ่วเมื่อโดนเจกระทืบเท้าเข้าเต็มเหนี่ยว

"นึกว่าคุณลบคลิปนั้นทิ้งไปแล้ว"

เจกระซิบเสียงหนักๆ ที่หูคนรัก

"ผมก็บอกเมลิน่าให้ลบแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไมยังมีอยู่"

คนตัวโตกระซิบตอบพร้อมไขว้นิ้วไว้ด้านหลัง ในความเป็นจริงเขาบอกเมลิน่าว่าให้ดันคลิปนี้ให้อยู่บนๆ ตลอดเวลา



ฆาเบียร์บอกเพื่อนของอิ่มว่าเขาทำงานเป็นประชาสัมพันธ์และบล็อกเกอร์ให้กับบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของเว็บไซต์จองโรงแรมและข้อมูลการท่องเที่ยวชื่อดังนี้ สาวๆ หลายคนตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าฆาเบียร์ทำงานให้กับบริษัทนี้และบอกว่าพวกเธอเองก็ใช้งานเว็บนี้เป็นประจำ เจถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อหัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปจากเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับฆาเบียร์ นี่ถ้าสาวๆ พวกนี้รู้ว่าฆาเบียร์ไม่ได้เป็นแค่พนักงานแต่เป็นผู้บริหารและเจ้าของก็คงจะยิ่งตื่นเต้นหนักกว่านี้​

ฆาเบียร์ได้ทีถามเพื่อนอิ่มถึงความเห็นด้านการใช้งานและปัญหาที่ได้รับ เขาหยิบสมุดน้อยของเขาขึ้นมาจดข้อปัญหาและคำแนะนำต่างๆ หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปเป็นเรื่องงานเรื่องการขึ้น เขาใส่ใจทุกรายละเอียดโดยเฉพาะคำแนะนำจากเพื่อนบางคนของอิ่มที่ทำงานในวงการท่องเที่ยวและการโรงแรม เจนยุทธนั่งอมยิ้มมองคนรักที่เริ่มเข้าโหมดนักธุรกิจ เขาไม่ละเลยความเห็นจากผู้ใช้แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย นั่นคือสิ่งที่เขาเคยได้ยินฆาเบียร์สอนปรินซ์และซันซันไว้ เขาสอนทั้งคู่ให้รับฟังเสียงของลูกค้าแม้ว่าจะเป็นเสียงที่เล็กที่สุด และให้เปลี่ยนทุกคำติเป็นพลังในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า

ฆาเบียร์เริ่มผ่อนคลายและพูดคุยกับบรรดาเพื่อนๆ ของอิ่มอย่างสนุกสนานโดยมีเพื่อนทั้งสองของเจและนพเป็นตัวสอดประสาน เจนยุทธมองคนรักของตนที่กลายเป็นจุดศูนย์กลางของวงสนทนาอย่างภูมิใจ ฆาเบียร์รอบรู้และหาเรื่องคุยได้สารพัด เจดูออกอีกว่าฆาบี้ที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้สวมหน้ากากของนักประชาสัมพันธ์มือหนึ่งและดาวเด่นของวงสังคมเหมือนตอนที่เขาพบปะกับผู้คนในวงธุรกิจ เขาสนุกไปกับคนรอบข้างจริงๆ และเสน่ห์ของเขาเผยออกมาโดยที่เขาไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำหรือตั้งใจโปรยมันออกมา ฆาเบียร์หันมายิ้มหวานให้กับเจ ดวงตาพริบพรายของเขาจ้องลึกเข้าในตาของคนรักตัวเล็ก

"เจ...!"

ฆาบี้อุทานเบาๆ เมื่อริมฝีปากอุ่นๆ ของเจสัมผัสเข้ากับปากของเขา เจสะดุ้งเฮือกแล้วปล่อยมือจากคอเสื้อของคนตัวโต เขาโดนฆาเบียร์ดึงดูดจนเผลอตัวคว้าคอเมียตัวโตของเขามาจูบต่อหน้าคนเกือบสองโหล ทั้งวงสนทนาเงียบกริบ เพื่อนของเขาคนหนึ่งยกแก้วน้ำค้าง อีกคนทำช้อนตกใส่จานดังเคร้ง นพอ้าปากค้าง อิ่มใจรีบลนลานคว้าโทรศัพท์มาจะยกถ่ายรูปแต่ไม่ทัน เจลุกพรวดแล้วรีบเดินหนีไปพร้อมกับเสียงกรี๊ดของสาวๆ ที่ดังตามหลังมา



-------------------------------------------


อิน้องเจทำตัวรุ่มร่ามมาก!!

ในตอนนี้มีเล่าย้อนนั่นนี่บ้างเพราะกลัวคนอ่านลืม แหะๆๆ

ปาร์ตี้ปีใหม่ยังมีต่อนะคะ ยาวๆ กันไป ยิ่งดึกยิ่งคึกกันแน่ๆ


มาอัพเดทน้ำหอมประจำตัวของฆาเบียร์ ณ ปัจจุบันกันดีกว่า

กลิ่นออกงาน Tom Ford Private Blend กลิ่น Tobacco Vanille ขวดนี้เป็น Eau de Parfum หอมแบบแมนๆ มาก ได้กลิ่นแล้วนึกถึงหนุ่มในชุดสูทสูบซิการ์อยู่บนเก้าอี้หนัง เป็นผู้ใหญ่และหรูสุดๆ แต่ยังเจือความอ่อนหวานของวนิลา น้ำหอมนี้กลิ่นแน่นและติดทนนานไม่เหมาะสำหรับวันที่อากาศร้อนเพราะอาจเป็นลมได้ค่ะ https://goo.gl/6JoPAe 


กลิ่นประจำตัว Marc Jacobs Men เป็นอีกกลิ่นที่หอมแบบอบอุ่น นุ่มนวล กลิ่นมันจะออกครีมๆ ปนเครื่องเทศ เรียกได้ว่าเป็นกลิ่นน่าซบอีกกลิ่นหนึ่งค่ะ ขวดนี้เป็น Eau de Toilette ค่ะ ราคาจะน่าคบหากว่าขวดบนพอสมควร https://goo.gl/cMpTkS


ออกตัวก่อนว่าคนเขียนไม่ได้เล่นน้ำหอมจริงจัง สมัยก่อนออกจะแพ้กลิ่นน้ำหอมด้วยซ้ำ แต่หลังๆ มาแฮงก์เอาท์กับเพื่อน(หนุ่ม)ที่เปลี่ยนน้ำหอมเป็นว่าเล่นเลยมีภูมิต้านทานและได้เจอกลิ่นที่ชอบๆ เองหลายกลิ่น ตอนนี้กำลังหลงกลิ่น tobacco vanille ค่ะ แต่ก็ทำเอาจะเป็นลมหลายครั้งเหมือนกัน

เดี๋ยวคงเขียนเหตุการณ์ช่วงปีใหม่นี่อีกสักสองสามตอน จากนั้นจะพาไปเที่ยวมาเก๊ากันค่ะ แต่ก็อาจมีตอนย่อยๆ คั่นก่อนอีกนิดนึง รอติดตามชมนะคะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2017 03:30:22 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- ราตรีนี้ยังเยาว์นัก ----




"เจ...เจนยุทธ หยุดก่อน!"

ฆาเบียร์ดึงแขนคนตัวเล็กที่ผลุนผลันเดินหนีจากวงสนทนาออกมา เจเดินกึ่งวิ่งหนีมายังนอกบริเวณจัดงานลงมาบริเวณแปลงผักไม่ห่างจากตัวบ้านนัก ดีที่เขาตามมาทัน ไม่งั้นไม่รู้คนตัวเล็กจะเดินหนีไกลไปถึงไหน

"ปล่อยผมเถอะ ฆาเบียร์ ขอผมไปสงบสติอารมณ์ก่อน"

คนตัวเล็กพยายามดึงมือออกจากอุ้งมือที่แข็งปานคืมเหล็กของคนรัก เขาก้มหน้างุดด้วยความอดสูใจ ฆาเบียร์รวบร่างเพรียวเข้ามาแนบอก เขาลูบเรือนผมดำขลับที่นิ่มราวกับไหม เจนยุทธซุกหน้าลงกับอกของเขา ฆาบี้เห็นได้จากเสี้ยวหน้าของคนรักว่าเจนั้นหน้าแดงก่ำไปหมด

"เป็นอะไร เจ?"

เขาดันร่างคนตัวเล็กออกและจ้องใบหน้าที่แดงก่ำ

"ผม...ผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว ฆาเบียร์ ผมเผลอทำแบบนั้นไปได้ไงก็ไม่รู้"

เจพูดตะกุกตะกัก

"ปกติเราก็จูบกันในที่สาธารณะเป็นปกติไม่ใช่เหรอ เจนยุทธ ต่อหน้าเพื่อนๆ ก็ทำออกบ่อย"

ฆาเบียร์พูดอย่างงงๆ พวกเขาจูบกันต่อหน้าปรินซ์ ซันซัน และนพไม่รู้ต่อกี่ครั้งแล้ว เขาคิดว่ากับสาวๆ เพื่อนอิ่มเอง เจก็คงได้เคยแสดงความรู้สึกในที่สาธารณะด้วยมาก่อน เขาก็ยังไม่เห็นว่าทำไมเจจะต้องอายขนาดนี้ เมื่อกี้มันแทบไม่เรียกว่าจูบด้วยซ้ำ แค่เอาริมฝีปากสัมผัสกัน ที่เขาอุทานออกมาก็เพราะโดนจู่โจมโดยไม่รู้ตัว

"แต่ไม่ใช่ที่นี่ ฆาเบียร์ ผมมีกฎของผมว่าจะไม่ทำตัวรุ่มร่ามที่บ้านแม่ เมื่อมาที่บ้าน กับสาวๆ พวกนั้นผมไม่เคยสัมผัสพวกพี่เขามากไปกว่ากอดหรือหอมแก้ม มีแต่คุณเท่านั้นที่ผมทำมากกว่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ตอนที่มีคนอยู่เต็มบ้าน"

ถ้าจะมีคนเห็นก็เป็นคนที่เผลอเดินมาเจอไม่ก็คนที่ตั้งใจแอบดูอย่างอิ่ม

"ผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว พูดเองตั้งกฎเองไว้ซะดิบดี แต่ก็แหกกฎเอง"

ฆาเบียร์รัดร่างเพรียวนั้นไว้แน่น คนตัวเล็กของเขาน่ารักเหลือเกิน เขารู้ว่าเจระวังตัวในการแสดงความรักกับเขาที่บ้านแม่ ถึงจะมีเผลอบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็เรียบร้อยกว่าตอนพวกเขาอยู่ด้วยกันข้างนอกหรือที่คอนโดเยอะ



"แล้วอะไรทำให้เจเผลอตัวมาจูบฉันล่ะ?"

ฆาเบียร์ก็ยังงงๆ ว่าอะไรดลใจเจนยุทธให้กระชากคอเขาไปจูบ เจดิ้นขลุกขลักจนหลุดออกมาจากอ้อมกอดของคนตัวโต แล้วผลักอกใหญ่หนานั้นจนฆาเบียร์เซไป

"ความผิดคุณนั่นแหละ ไอ้ตาคู่นั้นของคุณอ่ะ คุณจ้องผมแบบนั้นผมจะไม่เคลิ้มได้ไง"

เจหน้าแดงก่ำ ดวงตาแพรวพราวสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นมีประกายระยิบระยับเหมือนดวงดาว ทุกครั้งที่ถูกฆาเบียร์จ้องมอง มันเหมือนสติเขาจะจางหายไป ฆาเบียร์ยิ้มกริ่ม

"จ้องแบบนี้เหรอ เจ?"

เขาใช้มือประคองใบหน้าของคนรักและส่งสายตาเว้าวอน เจใจสั่น เขาอยากเบือนหน้าหนีเหลือเกินแต่ก็โดนสายตาของฆาเบียร์ที่เห็นเป็นประกายแม้ในที่แสงน้อยเช่นนี้ดึงดูดไว้จนหนีไปไหนไม่พ้น ใบหน้าคมเข้มของคนรักค่อยๆ โน้มเข้ามาใกล้เขาจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

"ตอนนี้ ที่นี่ไม่มีคน ฉันจะจูบเจได้หรือยัง?"

เมียตัวโตของเขากระซิบแผ่วๆ ที่ข้างหูและงับใบหูของเจเบาๆ เจสะดุ้งเฮือก สัมผัสนั้นช่างปลุกเร้า ริมฝีปากอุ่นๆ ของฆาเบียร์เริ่มรุกรานตามซอกคอและพวงแก้มของเจนยุทธก่อนที่จะประทับลงที่ริมฝีปากรูปกระจับสีแดงระเรื่อ เจดูดดึงริมฝีปากบางนั้นตอบอย่างแผ่วเบา เสียงเฮฮาจากที่งานยังดังมาเป็นระยะๆ แต่เจนยุทธไม่ใส่ใจอะไรอีกแล้ว เขาเพียงอยากลิ้มความหวานจากปากของคนรัก



เจหอบหายใจถี่และซุกหน้าลงกับอกของฆาเบียร์ ลิ้นของฆาเบียร์ช่างร้ายกาจนัก เขารู้สึกเหมือนตัวลอยไปบนฟ้าตอนที่ลิ้นร้อนๆ นั้นเกาะเกี่ยวกับลิ้นเขาและซอกซอนไปทั่วโพรงปาก ต่อให้เขาทั้งคู่จูบกันมานับครั้งไม่ถ้วน สัมผัสของฆาเบียร์ก็ทำให้เขาสั่นสะท้านได้ทุกครั้ง

"เรากลับไปที่โต๊ะกันเถอะ เจ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะว่าเอา"

"เดี๋ยว ฆาบี้..."

"...คุณจะกลับไปทั้งสภาพนั้นเหรอ?"

เจดึงแขนเสื้อของคนรักไว้ แล้วพยักเพยิดไปที่กลางตัวของเขา ฆาเบียร์สบถเบาๆ ไอ้ลูกชายของเขามันไม่รักดีจริงๆ สัมผัสจากเจแค่นี้ก็ทำให้มันตื่นขึ้นมาชูคอเป็นลำอยู่ใต้กางเกงที่ฟิตเฟรี๊ยะของเขา เขาพยายามดึงเสื้อออกจากกางเกงมาปิดแต่ก็ยังเห็นอยู่ดี

"งั้นเจไปก่อนเถอะ ฉันเดินเล่นอยู่แถวนี้แป๊บหนึ่งก่อนแล้วกัน"

เจนยุทธส่ายหน้า

"ผมก็ยังกลับไปไม่ได้เหมือนกัน"

ฆาเบียร์ก้มดูกางเกงของคนรัก เจเองก็มีสภาพไม่ต่างจากเขา เจกัดริมฝีปากเบาๆ จากนั้นก็ลากแขนเมียตัวโตของเขาเดินลึกเข้าไปในแปลงผัก

"เจ จะไปไหน"

เจนยุทธไม่ตอบ เขาเดินลิ่วไปยังเพิงไม้ไผ่ที่ตั้งอยู่เดียวดายห่างจากแสงไฟ เขาผลักฆาเบียร์ให้นั่งลงแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเมียตัวโตของเขาและกระชากกระดุมกางเกงยีนส์ออก

"ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ อ๊ะ เจ..."

ฆาเบียร์ซี้ดปากเบาๆ เมื่อเจนยุทธลากลิ้นไล่ตามแท่งลำของเขา เจใช้ลิ้นเขี่ยดุนส่วนปลายอันไวต่อสัมผัสโดยเฉพาะรูร่องตรงปลาย เขาค่อยๆ ครอบริมฝีปากอุ่นๆ ลงไป ฆาเบียร์ครางอู้และเสือกแก่นกายเข้าคอเจอย่างลืมตัว

"อื้อ..เอาๆ อ่อย"

'เบาๆ หน่อย'

เจประท้วงทั้งที่ยังมีของอัดแน่นคับปาก เขาดูดหนักๆ พร้อมกับใช้ลิ้นไล้โลมแท่งลำแข็งนั้นไปด้วย ฆาเบียร์ใช้มืออุดปากตัวเองไว้เพื่อกลั้นเสียง อารมณ์เขายิ่งพลุ่งพล่านเมื่อเห็นเจปลดปล่อยแก่นกายของตัวเองออกมาและใช้มือรูดไล้มัน

"เจ ให้ฉันทำให้ไหม?"

ฆาเบียร์พูดเบาๆ ด้วยเสียงสั่นเครือ เขาอยากสัมผัสกายคนรักใจแทบขาดแล้ว หากเจส่ายหน้าและถอนปากออก

"ให้คุณเสร็จก่อนเถอะ เรื่องของผมว่ากันอีกที"

ฆาเบียร์พยักหน้า เขาเปลี่ยนเป็นยืนขึ้นและจับแก่นกายตัวเองจ่อที่ปากของเจที่ครอบรับมันเข้าไปเกือบทั้งอัน เขาค่อยๆ ขยับสะโพกและเร่งจังหวะขึ้น ฆาเบียร์ขบกรามแน่นด้วยความเสียวซ่าน เขาใช้มือขยุ้มกลุ่มผมสีดำสนิทนั้นและขยับหัวเจเป็นจังหวะตามการขยับของสะโพก เจนยุทธพยายามดูดกลืนร่างคนรักให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในที่สุดฆาบี้ก็ทนไม่ไหว เขาปิดปากตัวเองแน่นและปลดปล่อยออกมาจนเต็มปากของเจ

เจปาดของเหลวที่ล้นออกมาจากมุมปาก เขาอยากกลืนกินมันเข้าไปทุกหยดหยาด

"อ๊ะ ฆาเบียร์!"

เจนยุทธอุทานเบาๆ เมื่อคนรักดึงร่างเขาขึ้นไปนั่งตัก

"เจยังไม่เสร็จเลยนะ"

ริมฝีปากอุ่นๆ กระซิบที่ใบหูพร้อมทั้งจูบคลึงแถวต้นคอ มือใหญ่ๆ ของฆาเบียร์กอบกุมแกนกายเจไว้ แล้วเริ่มขยับ เจขบกรามแน่น ฆาเบียร์รู้จักความชอบของเขาดีจริงๆ ความตื่นเต้นของการต้องแอบทำในที่โล่งแจ้งแบบนี้ยิ่งทำให้อารมณ์ของเขาเตลิด ไม่นานเจก็ปลดปล่อยออกมาเต็มมือของคนรัก ฆาบี้ล้างมือที่ก๊อกน้ำแถวนั้นก่อนจะดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาชุบน้ำและทำความสะอาดให้เจนยุทธและตัวเอง เจทำตาเขียวใส่เขาและตีมือใหญ่ที่ทำท่าจะซุกซนอีก



"งั้นเรากลับกันเถอะ..."

"เอ่อ เรียบร้อยกันแล้วใช่ไหมทั้งสองคน"

ยังไม่ทันขาดคำของเจ เสียงห้าวๆ ของปรินซ์ก็ดังมาจากมุมมืดไม่ห่างจากเพิงไม้ไผ่นั้น​ คนที่หื่นไม่เลือกที่ทั้งสองคนสะดุ้งโหยง

"เชี่ย! พวกมึงอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่"

เจร้องลั่น ปรินซ์ได้ยินหรือเห็นอะไรไปบ้างแล้ว

"พี่อิ่มให้พวกกูมาตามพวกมึง พวกกูรอจนยุงกัดไปทั้งตัวแล้ว"

เสียงของซันโอดครวญขึ้น พวกเขาเดินตามเจอตอนเจลากฆาเบียร์ไปนั่งพอดี แต่พอกำลังจะเรียกก็ต้องตาค้างเมื่อเห็นลางๆ ในความมืดว่าเจกำลังปลดกระดุมกางเกงของฆาเบียร์ พวกเขาเลยตัดสินใจนั่งรอในมุมมืดที่ห่างจากสายตาของคนทั้งคู่ แต่ก็เหมือนไม่จำเป็นเท่าไหร่เพราะสองคนนั้นก็เหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวและไม่ใส่ใจพวกเขาอยู่แล้ว แต่เพื่อนทั้งสองของเจก็มารยาทดีพอที่จะไม่หันไปดู



"พวกมึงอ่ะ มาแล้วทำไมไม่เรียกดังๆ วะ ถ้ากูรู้จะได้ไม่ปล่อยตัวนัก"

เจหน้าแดงก่ำต่อว่าเพื่อนทั้งสองเพื่อแก้เขิน

"ไม่ต้องมาทำอายหรอก ไอ้เจ มากกว่านี้กูก็เคยเห็นมาแล้ว"

ปรินซ์ตบไหล่เพื่อนตัวเล็กของเขา

"...มึงรีบไปหาพี่อิ่มเถอะ เขาจะย้ายที่กันแล้ว"

เจก้มหน้างุดรีบลากฆาเบียร์กลับขึ้นไปที่งานโดยมีเพื่อนสองคนเดินตามหลังมา

"เจ ที่ปรินซ์บอกว่าเคยเห็นมากกว่านี้มาแล้วแปลว่าอะไร?"

ฆาเบียร์ถามสิ่งที่คาใจ ปรินซ์เผลอพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษตามความเคยชิน พวกเขาพยายามสนทนากันเป็นภาษาอังกฤษ​เมื่ออยู่ต่อหน้าฆาเบียร์ เจอึกอักก่อนจะตอบข้อสงสัยนั้น

"สมัยก่อนผมกับปรินซ์ เอ่อ ร้ายกันพอดู คือ เราเคย เอ่อ..."

เจถอนหายใจก่อนจะเล่าว่าพวกเขาเคยแชร์ผู้หญิงกันบ้าง พี่พลอยก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่พลอยคงจำปรินซ์ที่เคยอะไรๆ กันครั้งเดียวไม่ได้ หรือบางทีก็มีนัดสาวแบบแลกคู่กัน แต่ปรินซ์เลิกพฤติกรรมแบบนั้นมาหลายปีแล้วตั้งแต่ซันซันเริ่มออกเที่ยวกับพวกเขาแล้วมารับหน้าที่ลากเพื่อนวัยเด็กคนนั้นกลับบ้านแทน

"พวกผมทำมาสารพัดอย่างแล้ว แต่ที่ไม่ทำเด็ดขาดคือเล่นยากับต่อยตี"

นั่นคือสองสิ่งที่แม่ของเขาห้ามเด็ดขาด อีกอย่างที่พ่อแม่ของเขาสอนคือให้ยืดอกรับผลการกระทำของตัวเอง และเขาก็กำลังจะทำมัน



“ฮิ้ววววววว”

เสียงโห่แซวจากสาวๆ เพื่อนของอิ่มดังขึ้นเมื่อเขากับฆาบี้เดินกุมมือกันขึ้นมาที่ลานบ้านอันเป็นที่จัดงาน

“หายกันไปไหนมาตั้งนาน นึกว่าจะกลับเช้าซะแล้ว”

อิ่มแซวน้องชายตัวดี

“อะไรเล่า! อิป้านี่!”

เจนยุทธทำฟึดฟัดแก้เขิน พร้อมเดินหนีไปนั่งกับเพื่อนๆ โดยทิ้งให้ฆาเบียร์ตอบคำถาม ฆาเบียร์บอกสาวๆ ไปว่าพวกเขาหาเจไม่เจอเพราะความมืด ตามหากันอยู่นาน พอเจอก็รีบพากันกลับมาที่นี่ เพื่อนทั้งสองผู้เห็นเหตุการณ์ก็ได้แต่กรอกตา

“งานทางนี้ใกล้เลิกละ เดี๋ยวพวกเราจะย้ายที่กันแล้ว เพื่อนๆ พี่พวกที่มีครอบครัวหรือมีธุระก็ทยอยกลับกันไปหมดแล้ว งั้นเราไปกันเลยไหม?”

เจพยักหน้า เขาชวนฆาเบียร์ไปหาแม่กับคริสก่อน อิ่มเองก็ไปด้วย คริสบอกว่าเขาเองก็กำลังจะกลับเข้าห้อง แล้วเดี๋ยวจะขอฝากเมลิน่ากับริคกี้ไปกับกลุ่มคนหนุ่มสาวด้วย ส่วนฟองนวลบอกว่าเธอจะดูแลความเรียบร้อยอีกหน่อยแล้วก็จะเข้านอนเช่นกัน เจนยุทธเดินไปหานพที่กำลังคุยกับพี่จืดของเขาอย่างคร่ำเคร่ง

“งั้นเดี๋ยวกูตามไป ขอคุยกับจืดเรื่องไร่ก่อน ที่เดิมใช่ไหม?”

เจพยักหน้า นพมาซื้อไร่ของเพื่อนไว้ที่เชียงดาวและตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างศึกษาเรื่องการทำเกษตรอินทรีย์กับเกษตรแบบผสมผสาน​ จะมีใครให้คำปรึกษาได้ดีไปกว่าพี่ชายของเขาคนนี้



“เดี๋ยวเราจะไปไหนกัน เจ?”

ฆาเบียร์ถาม เขา เจ เมลิน่าและริคกี้กำลังช่วยกันขนของกินที่ยังเหลือใส่รถกะบะของทางไร่

“ไปที่ลอดจ์น่ะ คืนนี้พวกเพื่อนๆ พี่อิ่มที่ยังเหลืออยู่ ปรินซ์ ซัน พี่นพ พี่วัฒน์จะค้างที่นั่น

ลอดจ์ที่เจว่าคือเรือนพักขนาดสี่ห้องนอนสร้างแบบล็อกโฮมแบบเดียวกับเรือนใหญ่ มันตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของไร่ จืดเปิดมันเป็นบ้านพักแบบเช่าเหมาทั้งหลังในช่วงฤดูหนาว หรือเปิดรับแขกของตัวเขาและน้องสาวน้องชาย

“แล้วเราก็จะไปปาร์ตี้กันต่อที่นั่น… The night is still young, my love”

‘ราตรีนี้ยังเยาว์นักครับ ที่รัก’


เจนยุทธให้ฆาเบียร์ขับรถของเขาพาเมลิน่าและเพื่อนสาวๆ ของอิ่มบางส่วนไปที่ลอดจ์ ส่วนเขาขับรถกะบะพาพวกผู้ชายนั่งท้ายกะบะไป อิ่มก็ขับรถของตัวเองพาเพื่อนสาวๆ อีกส่วนหนึ่งไป พวกเขาขับรถไปตามทางดินในไร่ที่จุดไต้เรียงรายสองข้างทาง

ฆาเบียร์จอดรถไว้หน้าลอดจ์ จากนั้นไปช่วยเจขนเสบียงขึ้นบ้าน บ้านหลังนี้มีสองชั้น หากกลางบ้านคือโถงโล่งเพดานสูงซึ่งใช้เป็นส่วนรับแขกและกินข้าว เจจัดเรียงอาหารไว้ที่เคาเตอร์บาร์ยาวที่กั้นระหว่างแพนทรี่เล็กๆ และส่วนกินข้าว

“กัวคาโมเล่กับพวกผักแนมแล้วก็พวกมันทอด แผ่นตอร์ติย่ายังเหลือนะครับ สะเต๊ะที่เหลืออีก 100 ไม้ก็ย่างมาเรียบร้อยแล้ว แม่ห่อซี่โครงกับไก่มาให้ด้วย เสียดายที่กุ้งหมดแล้วแต่ปลาหมึกกับน้ำจิ้มแซ่บก็ยังเหลือนะ ใครจะกินก็ไมโครเวฟเอาได้เลยนะ ซังเกรียก็ยังมี เหล้าไวน์ที่พี่ๆ หิ้วมากันอยู่นี่นะครับ มิกเซอร์ น้ำแข็ง อยู่ตรงนี้ เชิญตามสบายนะครับ”

ฆาเบียร์มองดูคนรักจัดการนั่นนี่อย่างเพลิดเพลิน นอกจากจัดการอาหารแล้ว เขายังไปดูความเรียบร้อยในห้องนอนที่เตรียมให้เพื่อนๆ พี่อิ่มอีกด้วย

“โดยปกติสาวๆ เค้าจะนอนเรือนนี้ ส่วนเพื่อนๆ ผมก็จะกลับไปนอนสุมกันที่ห้องผม ส่วนพี่นพ พี่วัฒน์นอนห้องแขกที่เรือนใหญ่ แต่ถ้าเมากันมาก ผมกับเพื่อนก็จะปูฟูกนอนมันที่ห้องโถงนี่แหละ…”

“งั้นปีนี้ พวกหนุ่มๆ ก็คงต้องได้ปูฟูกนอนกันที่นี่สินะ เพราะ…”

ฆาเบียร์เปรยขึ้นพร้อมส่งสายตาหวานเยิ้มให้คนรัก เจหน้าร้อนวูบ ทำไมเขาจะไม่เข้าใจความหมายของฆาเบียร์

“อือ เพราะคืนนี้ผมก็กะเมาพับหลับอยู่ที่นี่นี่แหละ”

เจทำเสียงร่าเริงพูด คนรักของเขาหน้าเครียดลงทันที เจหัวเราะคิกคักแล้วเดินไปหาพี่สาวโดยมีฆาเบียร์ตามติดไม่ห่าง



กิจกรรมในบ้านแบ่งเป็นสองส่วน ในตัวบ้าน เจเปิดเพลงจากคอมโดยซิงค์ให้ขึ้นจอ เขาเตรียมอุปกรณ์สำหรับร้องคาราโอเกะไว้พร้อมแถมเคลียร์พื้นที่เต้นให้เสร็จสรรพ ส่วนที่ชานบ้านขนาดใหญ่ด้านหลังปูเสื่อพร้อมหมอนหลายใบไว้สำหรับสายชิลที่อยากตีไพ่และนอนดูดาว พี่สาวของเขากับเพื่อนสาวๆ อีกสองคนแยกตัวออกไปเล่นไพ่ ภายหลังมีนพกับวัฒน์ที่ตามมาทีหลังไปสมทบด้วย พลอย ฟ้า กับเพื่อนอิ่มอีกสามคนเลือกอยู่ร้องเพลงเต้นรำ เจเครียดไปเล็กน้อยเพราะเพื่อนอิ่มทั้งสามคนนี้ต่างเป็นคนที่เคยสนุกกับเขามาแล้วทั้งนั้น

“เมลิน่า ริคกี้ ตามสบายนะ สนุกให้เต็มที่”

ฆาเบียร์บอกเลขาฯ ของเขาทั้งสองคน แน่นอนเมลิน่าเลือกอยู่เต้นและร้องเพลงในห้อง ริคกี้เองก็ไม่ยอมอยู่ห่างเมลิน่า เพื่อนหนุ่มของเขาทั้งสองคนก็อยู่ในที่ๆ มีสาวเยอะกว่า แต่เจก็สังเกตว่าซันซันดูเงียบๆ ไปหลังพวกเขากลับมาจากแปลงผัก เจกังวลว่าซันอาจรู้สึกอึดอัดใจที่ได้เห็นบทรักระหว่างเขากับฆาบี้ เจหมายมั่นปั้นมือว่าหลังงานปีใหม่เขาต้องคุยกับเพื่อนหนุ่มของเขาทั้งสองคนให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที

สาวๆ เพื่อนอิ่มเริ่มเปิดคาราโอเกะร้องกันโดยมีเมลิน่าที่เข้ากับเพื่อนอิ่มได้อย่างรวดเร็วมาร่วมแจมด้วย ต่างคนต่างจัดเต็มไม่ยอมใคร ยิ่งมีหนุ่มๆ รุ่นน้อง​อย่างปรินซ์ ซันซันและริคกี้นั่งเป็นกองเชียร์ แต่ละคนก็ยิ่งงัดสกิลร้องเพลงมาเต็มที่ ส่วนเจกับฆาเบียร์แยกตัวนั่งห่างออกมาที่โซฟา

เจตักกัวคาโมเล่กับซังเกรียมาวางตรงหน้าฆาเบียร์แล้วลงนั่งเคียงข้าง ฆาบี้ยกมือขึ้นโอบไหล่คนรักที่เอนกายพิงไหล่เขาอย่างไม่ขัดเขิน ไหนๆ ก็จูบเขาต่อหน้าคนสองโหลไปแล้ว เจก็คงเลิกอายเพื่อนสาวๆ ของอิ่มแล้ว เจใช้แผ่นตอร์ติย่าตักกัวคาโมเล่กินอย่างสบายอารมณ์ เขาส่งให้คนรักอีกชิ้นหนึ่งซึ่งอ้าปากรับ คืนนี้ฆาเบียร์กินค่อนข้างเยอะ นอกจากจะกินหมูสะเต๊ะไป 20 ไม้แล้ว เขายังซัดอาจาดไปอีกเยอะ ไหนจะลูกชิ้นทองสุขที่พี่แกดูจะติดใจน้ำจิ้มหวาน ดูได้จากการที่ฆาเบียร์แอบเอามาราดไก่ย่างกินอย่างเอร็ดอร่อย เขายังกินอาหารพื้นเมืองที่แม่เจเตรียมไว้อีก แต่ที่ไม่กินคือขนมจีนน้ำเงี้ยว



"กินเยอะจังนะ วันนี้"

เจกระเซ้าคนรักของตน ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวคืนนี้ก็เบิร์นออกแล้ว"

คนตัวโตยิ้มหวานให้คนตัวเล็กของเขา เจหน้าร้อนวาบ

"บ้าน่า คุณ นี่บ้านแม่ ห้ามทำนะ"

ฆาเบียร์หัวเราะคนที่เพิ่งจะทำรุ่มร่ามกับเขาเสียเองเมื่อชั่วโมงที่แล้ว

"อะไรกัน เจ คิดไปถึงไหน ฉันหมายถึงเบิร์นออกด้วยการเต้นไง เดี๋ยวคืนนี้เราจะเปิดฟลอร์กันด้วยไม่ใช่เหรอ?"

เจบ่นอุบอิบ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตอนแรกฆาเบียร์หมายถึงอะไร เขาทำท่าทีไม่สนใจแล้วเดินย้ายไปร่วมวงคาราโอเกะ

"เจมาแล้วคร้าบ สาวๆ ขอผมร้องด้วยคนนะ"

พลอยรีบยื่นไมค์ให้เจนยุทธอย่างรวดเร็ว ปรินซ์กับซันซันมองหน้ากันยิ้มๆ ไอ้เจมันจะแผลงฤทธิ์แล้ว ฆาเบียร์ลากบีนแบ้กที่วางอยู่มานั่ง เขาไม่เคยได้ยินคนตัวเล็กของเขาร้องเพลงสักที อย่างดีก็ได้ยินเจฮัมเพลงเบาๆ ตามเพลงที่เปิดในวิทยุ

"เดี๋ยวผมเลือกเพลงเลยนะ เอาเพลงยุคพี่ๆ แล้วกัน"

เจโปรยยิ้มให้พวกสาวๆ ที่ต่างสรรเสริญไอ้ตัวแสบที่พูดพาดพิงถึงอายุและโวยลั่นเมื่อเพลงที่ดังขึ้นคือเพลงยุคชรินทร์ นันทนาครอย่าง คำมั่นสัญญา

"อ๊ะ ขอโทษๆ ผมกดผิด"

เจหัวเราะคิกคักก่อนที่จะเลือกเพลงใหม่ สาวๆ ยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินดนตรีขึ้นต้นของเพลงนั้น เจบอกปรินซ์ให้แปลเพลงให้ฆาเบียร์ฟังด้วย

"เพลงนี้สำหรับคุณ คนที่เปลี่ยนชีวิตของผม"

เจนยุทธยิ้มละไมและจ้องลึกเข้าไปในตาของคนรัก ก่อนจะเริ่มร้องเพลงนั้น



(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2017 23:05:59 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1


---- ราตรีนี้ยังเยาว์นัก (ต่อ) ----




(เติมใจให้กัน) https://www.youtube.com/watch?v=t2wsnVDulr8 



ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้ อยากให้เธอลองตรองดู ในความทรงจำ..เก็บไว้

I've been answering this to my heart. You know that I've been waiting for you. I want you to consider this and keep it in your memories.


ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไป..อย่างนั้น

Each of us has our own path. There might be time that we have to be apart. One of us is waiting for another's love and still keep waiting just like that.


อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน...จนเต็ม

We are half the world apart, yet our hearts are still connected. We'll keep this bond until we are in reach of each other. We'll be each other's strength when feeling down. We'll share each other's distress and sorrow without any fear. We'll both keep filling each other's heart...keep filling until our hearts are full (with love).



ฆาเบียร์น้ำตาซึมเมื่อปรินซ์แปลเพลงให้เขาฟังจนครบ เจร้องเพลงได้ห่วยจริงๆ เขาทั้งร้องเพี้ยน เสียงหลง คร่อมจังหวะ แต่มันเป็นเพลงที่เพราะที่สุดที่เขาเคยได้ยินมา เพลงนั้นถ่ายทอดความรู้สึกของเจให้เขาฟังได้จนหมดสิ้น ฆาเบียร์ไม่คิดอะไรแล้ว ณ จุดนี้ เขาลุกขึ้นแล้วก้าวพรวดเข้าไปรวบร่างที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่หน้าจอแล้วกดจูบลงที่ริมฝีปากที่ยิ้มพรายนั้น เจสะดุ้ง แต่ก็ตอบสนองเขาอย่างอ่อนหวาน เขาได้ยินเสียงสาวๆ กรี๊ดกร๊าด แต่เขาไม่สนใจอะไรแล้วนอกจากร่างที่อยู่ตรงหน้า

"ฆาบี้ ปล่อยได้แล้ว"

คนตัวเล็กที่ซุกหน้าอยู่กับอกฆาเบียร์พูดพลางหอบเล็กๆ เจนยุทธใจเต้นราวกับรัวกลอง เขาไม่นึกว่าคนตัวโตจะกล้าทำอะไรแบบนี้ เขาทุบเบาๆ ที่อกกว้างด้วยความเขิน ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ และกอดร่างคนรักไว้แน่น เจดิ้นจนหลุดออกมาจากอ้อมกอดร้อนๆ นั้นได้ แต่ก็แทบอยากซุกกลับไปเมื่อได้ยินเสียงแซวลั่นจากสาวๆ รอบตัว กระทั่งอิ่มยังโผล่หน้าเข้ามาดูแถมยังยกมือถือถ่ายไว้อีกต่างหาก

"โอ๊ย ภาพหายากอ่ะ ไอ้เจเขิน สมัยก่อนนั่งกอดนั่งหอมพวกพี่ต่อคนตั้งเยอะก็ไม่เห็นจะทำท่าเขินแบบนี้เลยนะ เจ"

เจนยุทธทำตาเขียวใส่พี่เปิ้ลซึ่งเคยเป็นหนึ่งในคอลเล็คชั่นของเขา เปิ้ลหัวเราะคิกคัก

"บ้า เปิ้ล พูดแบบนี้ต่อหน้าแฟนเจได้ไง"

เจน อีกหนึ่งสาวซึ่งเคยคั่วอยู่กับเจตีแขนเพื่อนเบาๆ สาวห้าวนิสัยคล้ายผู้ชายอย่างเปิ้ลยกมือขึ้นปิดปากก่อนที่จะหัวเราะแหะๆ แล้วยกมือขอโทษฆาเบียร์ คนตัวโตยิ้มกว้างตอบไป เขาอารมณ์ดีเกินที่จะคิดเล็กคิดน้อยแล้ว เพื่อนๆ ของอิ่มนอกจากพลอยและฟ้าต่างตาลอยเคลิ้มไปกับฟันขาวๆ และตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขของฆาเบียร์



"โอ๊ย อิจฉาไอ้เจมัน แฟนมันหล่อ หน้าที่การงานก็ดี ทำไมฉันถึงหาดีๆ แบบนี้ไม่ได้มั่งวะ?"

แตงโม เพื่อนสาวคนสุดท้ายของอิ่มที่อยู่ในคอลเล็คชั่นของเจพูดขึ้นอย่างเซ็งๆ พร้อมกรอกเหล้าเข้าปาก เจหัวเราะแหะๆ แล้วลงนั่งบนบีนแบ้กเดียวกับเพื่อนของพี่สาวแล้วกอดเอวอย่างเอาใจ

"ก็เจ๊เลือกมากเองอ่ะ สวยก็สวย การศึกษาก็สูง ผู้ชายรุมล้อมเต็มแต่เจ๊ไม่สนใจเองนี่นา แล้วก็มาทำบ่น"

แตงโมปัดมือที่เคยโอบกอดและให้ความสุขตนเองออกอย่างไม่แยแส แล้วโบกมือไล่เจให้ไปไกลๆ

"ไปๆ ชิ้วๆ คนมีแฟนแล้วไม่ต้องมาอยู่ใกล้"

"หนาวอ่ะ ขอกอดหน่อยก็ไม่ได้"

เจบ่นพร้อมกับทำหน้ามุ่ย เขาจะไปนั่งตรงกลางระหว่างเปิ้ลกับเจนก็โดนไล่มาอีก

"ไม่ต้องคิดมาทางนี้เลย!"

พลอยรีบกอดคนรักของตัวเองไว้อย่างหวงแหน ฟ้าหน้าแดงตีแขนคนของตนเบาๆ แล้วหันไปหัวเราะเจนยุทธที่ทำหน้าจ๋อย

"เจก็มีคนให้กอดอยู่แล้วนี่ ไปกอดฆาเบียร์สิ"

เจเมินหน้าหนีจากคนรักที่อ้าแขนรอและเดินไปหาพี่สาวที่ทิ้งวงไพ่มาให้ความสนใจกับคนในห้อง แล้วทิ้งตัวลงนั่งแปะลงข้างๆ แล้วกอดพี่สาวแน่น

"เห้อ ดีกว่ากอดกล้ามๆ ตัวแข็งๆ ตั้งเยอะ"

เจแกล้งพูดและหันหน้าไปทำหน้าทะเล้นใส่ฆาบี้ แต่เขาต้องใจหายวูบเมื่อเห็นคนตัวโตชะงักไปและเมื่อเห็นตาที่เป็นประกายนั้นอับแสงลง

"สาวๆ ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ"

ฆาเบียร์ลุกขึ้นและยิ้มฝืนๆ ให้ทุกคนก่อนจะเดินออกไปที่ชานบ้านโดยที่ไม่มองหน้าเจ

"ไอ้เจ ไอ้เด็กเวร แกพูดแบบนี้ได้ไง?"

อิ่มโวยลั่นใส่น้องชายตัวแสบ เพื่อนสาวๆ ของเธอก็ช่วยกันโวยใส่หนุ่มร่างเพรียวคนนี้ เจนยุทธได้แต่ตะลึงปากคอสั่น เขาลืมไปว่าช่วงนี้อารมณ์ของฆาเบียร์ยังแกว่งอยู่

"ไป เจ ไปคุยกับฆาบี้ซะ"

อิ่มดันหลังน้องชายที่ยังมีทีท่าเอ๋อๆ อยู่ให้ออกไปนอกชานและไล่ต้อนวงไพ่ให้กลับมาในห้อง



"ฆาบี้...ฆาเบียร์ครับ"

เจนยุทธเดินเข้าไปใกล้ร่างกำยำที่นั่งเหม่อห้อยขาอยู่ที่ปลายชานบ้าน เขาลงนั่งข้างๆ คนรักและซบหัวลงที่ไหล่กว้าง ฆาเบียร์หันหน้ามา เจได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ จากเมียตัวโตของเขาก่อนที่แขนล่ำสันจะโอบเข้าที่ไหล่เพรียวของเจ

"ฆาบี้ ผมขอโทษ ผม..."

"เจคงเริ่มรู้สึกเสียใจที่เปลี่ยนมากอดผู้ชายแทนแล้วสินะ"

เจใจหายวูบ เสียงของฆาเบียร์นั้นสั่นเครือและเศร้าเหลือเกิน เขาดึงร่างกำยำนั้นมากอดทันที

"ไม่นะ ฆาบี้ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นสักนิด ผมแค่อยากแหย่คุณเล่นอ่ะ"

เสียงเจสั่นเครือไม่แพ้เสียงของคนรัก จริงอยู่ที่เขาชอบร่างอุ่นๆ นิ่มๆ ของผู้หญิงมากกว่ากล้ามแข็งๆ ของผู้ชาย แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างผู้หญิงกับฆาเบียร์ เขาต้องเลือกเมียตัวโตของเขาอยู่แล้ว

"ใช่ ผมไม่ได้พิศวาสการกอดผู้ชาย แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นคุณ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปร่างไหน เปลี่ยนไปแค่ไหน ผมก็ยังอยากกอดมากกว่าคนอื่นในโลกนี้"

เจดึงมือทั้งสองของฆาเบียร์ขึ้นมาจูบและดึงมาแนบแก้ม น้ำตาอุ่นๆ ของเขาหยดลงบนหลังมือใหญ่นั้น ฆาเบียร์ใช้นิ้วปาดน้ำตาของเจอย่างอ่อนโยน ยิ่งฆาเบียร์ทำดีกับเขา เจยิ่งน้ำตาร่วง ฆาเบียร์กอดคนรักของเขาไว้แนบอก เขารู้ว่าเจรักเขาแต่ก็อดน้อยใจเล็กๆ ไม่ได้ที่ได้ยินเจพูดแบบนั้น ฆาเบียร์ลูบหลังคนตัวเล็กเบาๆ ก่อนที่จะจูบซับน้ำตาของเจ

"เจ เจนยุทธ อย่าร้องสิ ฉันไม่สบายใจนะ"

"คุณ ฮึก ผมขอโทษ...ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณเสียใจ ฮึก คุณอย่าเป็นแบบคราวที่แล้วอีกนะ ถ้าคุณล้มไปอีกผมจะทำยังไง"

เจยังสะอื้นเล็กๆ เขายังนึกถึงตอนที่ฆาเบียร์ล้มตึงไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ฆาเบียร์ถอนหายใจ เจยังกังวลเรื่องอาการของเขาไม่หาย ที่จริงเขาดีขึ้นมากแล้ว ร่างกายคงเริ่มปรับตัวรับยาที่ปรับใหม่ได้และอารมณ์ของเขาไม่ได้แกว่งเหมือนเมื่อหลายวันที่แล้วอีกแล้ว

"ไม่เป็นไรหรอก เจ จริงๆ นะ ฉันไม่เป็นอะไร ฉันไม่ได้โกรธนายด้วย​"

ฆาเบียร์ดันร่างของเจออก เขาปาดน้ำตาของคนรักและส่งยิ้มกว้างให้ เจยิ้มกลับทั้งน้ำตา ในใจเขารู้สึกละอายนัก เขากะมาปลอบเมียตัวโตของเขาแต่กลับต้องให้อีกฝ่ายมาปลอบแทน เจจุมพิตเบาๆ ที่ปากของคนรัก ฆาเบียร์จูบแผ่วๆ ตอบ

"แต่ก็อย่าล้อเล่นแบบนี้บ่อยนักนะ เจ ไม่งั้นคราวหน้าฉันจะลงโทษนายหนักๆ แบบไม่ให้ได้นอนแน่ๆ"

เจนยุทธหน้าจ๋อยและบอกว่าเขาเข็ดแล้ว เขารีบลุกขึ้นและดึงมือคนรักตัวโตให้ลุกขึ้น เขาต้องสะดุ้งเมื่อหันกลับไปเจอเผือกทั้งไร่อยู่ในบ้าน บรรดาสาวๆ รวมทั้งเพื่อนๆ ของเขาและเลขาทั้งสอง ต่างเกาะประตูกระจกดูพวกเขาสองคนกันหน้าสลอน เมื่อเห็นพวกเขาหันกลับมาบรรดาขาเผือกก็รีบเปลี่ยนไปทำนั่นนี่กันทันที เจรีบลากฆาเบียร์เข้าบ้านพร้อมบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ฆาเบียร์ยิ้มละไมให้ทุกคนโดยเฉพาะนพที่มีทีท่าเป็นห่วงเขาคงเพราะเคยเห็นอาการของเขามาก่อน



อิ่มและเพื่อนสาวๆ พากันรุมสวดเจนยุทธเสียยกใหญ่ พร้อมกับขอโทษขอโพยฆาเบียร์ ฆาบี้บอกทุกคนว่าเขาไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง

"อย่าให้เรื่องของผมทำให้ทุกคนหมดสนุกเลยนะครับ มาสนุกกันต่อดีกว่า"

ฆาเบียร์ยิ้มละไมให้อิ่มและเพื่อนๆ พวกสาวๆ ยิ่งกรี๊ดกันเข้าไปใหญ่

"มึงกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วว่ะ ไอ้เจ สาวๆ มึงเขาไปเข้าข้างฆาบี้หมดละ"

นพกระซิบเบาๆ เจนยุทธทำหน้าเซ็งแต่ก็ต้องยอมรับสภาพ

"เพื่อเป็นการขอโทษ เดี๋ยวผมจะสอนพวกคุณเต้นซัลซ่ากัน ดีไหมครับ?"

"เฮ้ย ซัลซ่าเหรอ? ดีๆ กูเต้นด้วย"

นพลุกพรวดเมื่อได้ยินคำว่าเต้นซัลซ่า ฆาเบียร์เคยสอนเขาเต้นเมื่อเกือบยี่สิบปีมาแล้ว เมื่อกลับมาไทย เขาก็ได้หัดเองบ้าง นานๆ ทีเขาก็ไปตามโรงแรมหรือร้านอาหารที่จัด Latin Night แต่ครั้งสุดท้ายที่ไปก็ที่ Hard Rock Cafe เชียงใหม่เมื่อครึ่งปีมาแล้ว ตอนนี้เขาอยากเต้นเต็มแก่แล้ว

"เออ เดี๋ยวมึงได้เต้นแน่ รอก่อน กูสอนสาวๆ ก่อน"

ฆาเบียร์ยิ้มให้เพื่อนหนุ่ม เขายังจำวันที่สอนมันเต้นครั้งแรกได้ มันเป็นครั้งแรกที่เขาบอกรักเพื่อนร่างอวบคนนี้ แต่เขาไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวเองจะจำได้หรือเปล่า แม้ตอนนี้เขาทั้งคู่จะไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกันแล้ว หากความทรงจำดีๆ นั้นย่อมหอมหวานเสมอ



ฆาเบียร์สอนสเต็ปพื้นฐานให้ทุกคน เขาลากเมลิน่าออกมาเป็นคู่สอนด้วย เขารู้ดีว่าเลขาสาวของเขาที่โตมาในปูเอร์โตริโก้นั้นเท้าไฟขนาดไหน

"เอ้า ถอยขวานะสาวๆ ควิกๆ สโลว์ ควิกๆ สโลว์ แบบนั้นแหละค่ะ ขวาก้าวหลัง ย่ำเท้าหน้า ชิด พัก ซ้ายก้าวหน้า ย่ำเท้าหลัง ชิด พัก"

เมลิน่าเป็นผู้สอนที่ดีกว่าฆาเบียร์มาก ไม่นานสาวๆ ก็สามารถก้าวเท้าได้แม่นตามจังหวะ ส่วนพลอยกับฟ้านั้นเคยเต้นมาก่อนแล้วจึงยืนดูและช่วยเมลิน่าแก้ไขให้เพื่อนๆ ทางฆาเบียร์นั้นสอนเจ ปรินซ์ ซันซันและริคกี้โดยมีนพช่วย ส่วนวัฒน์นั้นนั่งยิ้มดูอย่างเดียว เขาค่อนข้างมึนเพราะซังเกรียที่กินไปสองสามแก้วและขอนั่งพักดีกว่า

"เอ่อ ฟังที่เมลิน่าสอนแล้วก้าวตรงข้ามกับเขานะ ผู้ชายเริ่มจากก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าก่อน"

หนุ่มๆ ทำตามฆาเบียร์ ไม่นานก็เริ่มคล่อง

"ดีมาก งั้นเดี๋ยวก็เริ่มเต้นกันได้แล้วมั้ง"

ฆาเบียร์ขยับจะเปิดเพลง แต่เสียงเตือนจากมือถือของเจดังขึ้นเสียก่อน


(เบสิคเท้าของเต้นซัลซ่า) https://www.youtube.com/watch?v=aVtWSZOttC0 



เจยกมือถือขึ้นดู แล้วรีบตะโกนบอกอิ่ม

"พี่อิ่ม จะถึงเวลาแล้วอีกสิบนาที เราไปหน้าลอดจ์กันเถอะ"

ฆาเบียร์ยกนาฬิกาของเขาขึ้นดู ปี 2017 กำลังจะล่วงเลยไปในอีก 10 นาทีข้างหน้า

"ตายล่ะ เจ ฉันนึกได้ เราลืมเอาแชมเปญที่ซื้อไว้มาด้วยนี่นา"

เจนยุทธหัวเราะ เพิ่งมานึกได้ตอนนี้นะคุณฆาเบียร์

"ไม่เป็นไร ฆาบี้ ผมโทรมาบอกพี่อิ่มให้เตรียมไว้แล้ว แค่ว่ามันไม่ได้ดีเท่าของคุณแค่นั้นเอง ขวดนั้นเราเก็บไว้กินกันสองคนแล้วกันนะ"

เจนยุทธขอคนรักให้ช่วยเขาถือแก้วพลาสติกกับแชมเปญ Moët​&Chandon ที่แช่ไว้เย็นเจี๊ยบสามขวดออกไปที่หน้าเรือนพัก

"มีแก้วแชมเปญไม่พอ ดื่มในแก้วพลาสติกเหมือนทุกปีนะครับ ทุกคน"

เจหันไปยิ้มให้สาวๆ

"แต่ปีนี้เจจะไม่ป้อนแชมเปญพี่ๆ แล้วใช่มะ?"

สาวของเขาสักคนแซวขึ้นมา

"ไม่ครับ ปีนี้ผมจะเป็นฝ่ายป้อนเจเอง"

ฆาเบียร์ตอบกลับไปนิ่มๆ และส่งสายตาหวานฉ่ำให้คนรักพร้อมใช้นิ้วไล้เบาๆ ที่ปากของเจ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดสนั่นจากสาวๆ เจหน้าร้อนผ่าว คำว่าป้อนแชมเปญที่สาวๆ หมายถึงเอาแขนเกี่ยวกันแล้วดื่มแชมเปญแค่นั้นเอง

"ยั่วกันนักนะ คุณ"

เจกระซิบหนักๆ ที่หูคนรัก

"ยั่วสิ เจจะได้ไม่หนีฉันมานอนที่เรือนนี้ไงล่ะ"

ฆาเบียร์ตอบยิ้มๆ แล้วรีบเดินตามอิ่มออกไปหน้าบ้านเพื่อนช่วยเตรียมการ เจนยุทธหัวเราะหึๆ ในลำคอ ในเมื่อยั่วนัก คืนนี้เขาคงต้องผิดกฎตัวเองเสียแล้ว



------------------------------------------------


รู้สึกตัวเองแปลเพลงได้ห่วยมากเลยค่า แหะๆๆ

ตอนนี้ก็ยังคงชิลเหมือนเดิม อิน้องเจก็ขี้แกล้งจริงๆ

ส่วนเรื่องการเต้นซัลซ่า มีอีกคลิปที่คิดว่าใช้ได้เหมือนกัน ค่อนข้างละเอียดคือคลิปนี้ค่ะ

สอนเต้นซัลซ่า https://www.youtube.com/watch?v=aV8dS2m9Adc




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2017 23:15:00 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- สวัสดีปีใหม่! ----



"ข้างล่างพร้อมหรือยัง?"

เจตะโกนถามคนของจืดที่เขาขอให้มาช่วยเตรียมการบนลานโล่งกว้างหน้าลอดจ์ที่ปกติใช้ตั้งแคมป์ไฟ  ทางนั้นตะโกนกลับมาว่าพร้อมแล้ว เจส่งแชมเปญในแก้วพลาสติกให้ทุกคน เขาดูนาฬิกา

"เอ้า 10 9 8 ..."

"...3 2 1 Hap...อื้อ"

ริมฝีปากร้อนๆ ของฆาบี้ปิดปากของเจไว้ก่อนที่จะทันได้กล่าวคำว่า Happy New Year ก็เจนยุทธเคยพูดไว้ว่าพวกเขาอาจจะได้จูบกันข้ามปี ฆาเบียร์ก็เลยจัดให้ตามที่คนตัวเล็กว่า

"เอ่อ อ่า สวัสดีปีใหม่นะทุกคน"

อิ่มยกแก้วขึ้นชูให้เพื่อนๆ ทุกคนโดยปล่อยให้คู่รักเพี้ยนๆ นั้นฉลองวันปีใหม่กันเอง เจพยายามดิ้นแต่จูบอันร้อนแรงของฆาเบียร์ทำให้เขาอดไม่ได้ต้องยกมือข้างที่ว่างโอบคอคนรักและตอบรับจูบนั้น แสงสว่างวาบจากด้านหลังทำให้ฆาเบียร์ต้องปล่อยคนตัวเล็กและหันไปดู เขาตะลึงเมื่อเห็นสะเก็ดไฟพวยพุ่งขึ้นจากหม้อดินเผาขึ้นสูงไปบนฟ้าจนเหมือนต้นคริสต์มาสต้นใหญ่ ประกายไฟที่ย้อยตกลงมาเป็นรูปโดมนั้นระยิบระยับสวยงามเหลือเกิน

(​บอกไฟดอก คลิป) https://www.youtube.com/watch?v=03E0O7SgDQY


"อื้อหือ ปีนี้จัดเต็มมากเลยนะเจ ใหญ่กว่าทุกๆ ปีอีกนะเนี่ย

นพคราง ทุกปีบอกไฟที่เจเป็นคนหามาจะสูงไม่เกิน 3 เมตรและแป๊บเดียวก็ดับ แต่ปีนี้ประกายไฟนั้นพุ่งสูงประมาณตึกสองชั้นและใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะหมดหม้อ

"เจ มันสวยมากเลย เรียกว่าอะไรน่ะ?"

"มันเรียกว่าบอกไฟโอ่ง หรือบางที่ก็เรียกบอกไฟบะขี้เบ้าน่ะ เขาเอาไว้จุดกันช่วงเทศกาลยี่เป็งหรือลอยกระทงของคนไทยภาคกลาง แต่ผมเอามาจุดแทนพลุเพราะเสียงมันเบากว่า..."

"ทุกปีผมจะซื้อสำเร็จเอา แต่ปีนี้ ผมไปขอเขาทำให้เป็นพิเศษเลย เพื่อคุณ ฆาเบียร์"

เจยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ เขาหมดเงินไปกับมันหลายอยู่เพราะไปขอช่างทำบอกไฟระดับประกวดทำมาให้ พรุ่งนี้พี่จืดคงต้องบ่นแน่ๆ เรื่องหญ้าที่โดนสะเก็ดไฟไหม้ไปบ้าง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มและแววตาตื่นเต้นของฆาเบียร์เมื่อสักครู่แล้ว การโดนด่าและเงินที่เสียไปนั้นมันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ฆาบี้รวบร่างเพรียวเข้ากับอก เจคิดทำอะไรพิเศษๆ ให้เขาอีกแล้ว

"นายจะทำให้ฉันรักนายเพิ่มขึ้นอีกแค่ไหนกัน เจนยุทธ?"

เจดื่มแชมเปญอึกสุดท้ายในแก้ว ฆาเบียร์ก้มลงดูดรับแชมเปญอึกนั้นจากปากคนรัก เจทิ้งแก้วพลาสติกลงและใช้มือทั้งสองโอบรอบคอเมียตัวโตของเขา ฆาเบียร์ดูดดึงริมฝีปากของเจนยุทธอย่างหนัก เจส่งลิ้นร้อนๆ เข้าไปพันเกี่ยวกับลิ้นคนรัก

"ทุกคน กลับเข้าบ้านเถอะ ปล่อยสองคนนั่นไปอยู่ในโลกส่วนตัวสักพักก่อนแล้วกัน"

นพไล่สาวๆ ที่ทำท่าอยากดูสองหนุ่มนั้นแสดงความรักกันกลับเข้าไปในบ้าน ริคกี้กับเมลิน่าเดินกลับเข้ามาก่อนแล้วด้วยรู้กาละเทศะ อิ่มบ่นเสียดายแต่ก็กดปุ่มหยุดอัดคลิปบนมือถือแล้วเดินตามนพเข้าไปโดยดี

"ปรินซ์ ซันซัน เราสองคนก็มาด้วย ไม่ต้องดูแล้ว จะศึกษาไว้ใช้เองรึไง?"

นพพูดยิ้มๆ ซันซันรีบลนลานปฏิเสธ หากคนข้างๆ เขานั้นได้แต่ยิ้มอย่างเดียว นพลากทั้งสองกลับเข้ามาจนได้และปล่อยให้เจและฆาเบียร์พลอดรักกันต่อ



"อ้าว เสร็จแล้วเหรอ เร็วจัง"

นพทักทั้งสองคนที่กลับเข้ามาหลังเขาเข้ามาได้ไม่ถึง 5 นาที

"บ้า เสร็จเสิดไรพี่นพ ไม่ได้ทำอะไรกันซักหน่อย"

เจนยุทธหน้าแดงแป๊ด พวกเขาแค่จูบกัน มีลูบๆ คลำๆ กันบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น

"กูจะรู้เหรอ? เห็นลิ้นไอ้ฆาบี้มันแทบจะทะลุคอมึงออกมาอยู่แล้ว มือมึงก็ขยำก้นมันใหญ่ ก็เลยนึกว่าจะรวดอ๊ะ อ๊างกันหน้าบ้านเลย"

นพหัวเราะคิกคัก ฆาเบียร์เกาหัวและด่านพลั่น ไอ้เพื่อนคนนี้ของเขามันทะลึ่งจริงๆ

"ไปๆ สาวๆ เขารอมึงไปสอนเต้นแล้ว รีบๆ สอนซะ กูอยากเต้นแล้ว"

นพพูดยิ้มๆ แล้วดันหลังอดีตรูมเมทเข้าไปในห้อง



"เรียนเบสิคกันไปแล้ว ทีนี้ก็ลองมาเต้นกันดูนะครับ ฟังจังหวะกันไปก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวผมกับเมลิน่าจะทำให้ดูก่อน"

ฆาเบียร์เดินมากดเปิดเพลง นพมองหน้าฆาบี้ทันทีเมื่อได้ยินเพลง No Me Ames เวอร์ชั่น Tropical ของเจ โลและมาร์ค อันโธนี ฆาเบียร์ยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อน นพยังจำเพลงนี้ได้สินะ เพลงที่มันเคยเรียกว่าเพลงผัวเมียตีกัน เพลงที่มันถามความหมายเขาแล้วเขาบอกรักมันกลับไป เขาคิดเพลินๆ ตอนที่ศอกแหลมๆ ของเจที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กระทุ้งเข้าที่ชายโครง

"โอ๊ย เจ ทำอะไรน่ะ"

"จ้องหน้าพี่นพอยู่ได้ มีความหลังอะไรกันกับเพลงนี้หรือไง?"

ไอ้ตัวดีของเขาทำท่างอน เขาหัวเราะเบาๆ แล้วขยี้ผมดำขลับของเจจนยุ่งไปหมด เจนยุทธเซนส์ดีจริงๆ

"อือ ใช่ แต่มันก็จางหายไปหมดแล้วเหมือนความรักของเจ้าของเพลง เหลือไว้แค่ความทรงจำเท่านั้นแหละ เจ"

คู่ผัวเมียอย่างเจ โลและมาร์ค อันโธนีนั้นหย่าขาดกันไปหลายปีแล้ว เหลือไว้แค่เพลงคู่ที่เป็นเหมือนความทรงจำดีๆ ระหว่างคนสองคน

"อือ ขอให้จริงเถอะ หนุ่มๆ หล่อๆ ใสๆ หน้าไหนผมไม่กลัว แต่ผมกลัวที่สุดก็ตาลุงอ้วนคนนั้นแหละ"

เจทำหน้าจ๋อย ฆาเบียร์หอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่แล้วกระซิบบางอย่างที่ข้างหูเจนยุทธ เจอุทานลั่นแล้วรีบผลักฆาเบียร์ออกไปห่างๆ คนแก่บ้าคนนี้พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง ฆาเบียร์ยิ้มกริ่มเดินกลับไปหาเมลิน่า

"ป๋าเขาพูดอะไรกับมึงวะ?"

ซันซันถามเป็นภาษาไทย เขาหูผึ่งคอยฟังสองคนนั้นอยู่ตลอด

"ฆาเบียร์ว่ากูไม่ต้องห่วงหรอก เพราะ เอ่อ เพราะ...ช่างมันเถอะ พวกมึงไม่ต้องรู้หรอก"

เจผลักหัวปรินซ์ที่เอียงเข้ามาจนหูจะติดปากเขาอยู่แล้ว จะให้เขาพูดออกไปได้ยังไงว่า ฆาเบียร์บอกว่าไม่สนนพแล้วเพราะ เจ "กอด" มันกว่าตั้งเยอะ เพียงแต่ว่าฆาเบียร์ไม่ได้ใช้คำว่า "กอด" แค่นั้นเอง



"เดี๋ยวผมกับเมลิน่าจะเต้นให้ดูก่อนนะครับ"

ฆาเบียร์พยักหน้าให้เจเปิดเพลง เจเล่นเพลงนั้นซ้ำอีกรอบ ฆาเบียร์กับเมลิน่าเต้นอย่างสนุกสนาน การก้าวเท้าของเขาต่างไปจากที่สอน มีทั้งก้าวไปทางด้านข้าง ทั้งสะบัด ทั้งเตะเท้า หมุนตัว ทั้งจับมือกันและปล่อยมือ มันไม่เหมือนท่าเท้าที่พวกเขาสอนสาวๆ หนุ่มๆ พวกนี้เลย ทุกคนได้แต่อ้าปากค้าง ฆาเบียร์และเมลิน่าเต้นไปพักหนึ่งแล้วก็หยุด เจกดหยุดเพลง

"นี่คือการเต้นสำหรับคนที่เต้นเป็นประจำแล้วนะครับ เป็นสิ่งที่คนคิดถึงเมื่อพูดถึงการเต้นซัลซ่า แต่สำหรับระดับเริ่มต้น ทำแบบนี้ครับ..."

"...สำหรับผู้ชาย อาจจะยกมือขวาแตะสะบักหลังผู้หญิงและมือซ้ายกุมมือไว้ที่ระดับไหล่ แบบนี้..."

"หรือ ใช้มือทั้งสองข้างจับมือทั้งสองข้างของผู้หญิงและยกไว้ต่ำๆ ระดับพุง หรือจะเต้นด้วยกันแบบไม่แตะตัวกันก็ได้ ให้พริ้วเข้าไว้และใช้สะโพกและเข่าให้เยอะหน่อยนะครับ"

ทั้งคู่สาธิตให้ดูทีละท่า และให้ทุกคนลองเต้นดู เขาให้คนที่เต้นเป็นอย่างเมลิน่า ฟ้า พลอยและนพไปช่วยสอน ส่วนตัวเองทำท่าจะไปสอนเจ แต่เจบอกว่าเขาเองก็เต้นพอได้เพราะเคยไปกับนพบางครั้ง

"ไปเต้นกับสาวๆ ซะไป๊"

เจโบกมือไล่คนรัก ส่วนตัวเองไปลากพี่สาวมาเต้นด้วย อิ่มทำท่าอิดออดและยอมเต้นด้วยอย่างเสียไม่ได้


(เต้นซัลซ่า) https://www.youtube.com/watch?v=ZEq54f1q0Xs   



ฆาเบียร์เปิดเพลย์ลิสต์ของเจ้าพ่อเพลงเต้นอย่าง Marc Anthony เสียงทรัมเป็ตอันแสนเร้าใจดังก้องในโถงกว้างนั้น แรกๆ ทุกคนก็ยังเก้ๆ กังๆ แต่ด้วยการนำของคนที่เต้นเป็น ทุกคนก็พอจะจับจังหวะได้และเริ่มเพิ่มท่าอย่างการหมุนตัว สาวๆ หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน มีเสียงร้องโอดโอยจากการโดนเหยียบเท้าบ้าง แต่ทุกคนก็ต่างมีความสุข

แต่ตอนนี้มีคนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ ริคกี้ขมวดคิ้วดูเมลิน่าที่หัวเราะร่วนเต้นรำอยู่กับปรินซ์ ทั้่งปรินซ์และซันซันจองเต้นกับเมลิน่ามาพักใหญ่แล้ว แม่สาวเท้าไฟคนนี้ก็ดูไม่ขัด โดยเฉพาะตอนที่ปรินซ์มาแย่งตัวเธอไปจากซันซัน เธอก็ยิ่งแฮ้ปปี้ แถมชายหนุ่มร่างกำยำคนนี้ยังเป็นคู่เต้นที่ดีใช้ได้เลยทีเดียว

"คุณ เอ่อ ริคกี้ใช่ไหม?"

เสียงใสๆ ของเจนดังขึ้นข้างๆ ตี๋หนุ่มร่างสันทัดคนนี้

"เต้นกันหน่อยไหมคะ?"

สาวเจนที่กรึ่มได้ที่เชิญชวนเลขาหนุ่มของฆาเบียร์

"เอ่อ ผมเต้นไม่เก่งนะครับ กลัวจะเหยียบเท้าคุณ"

ริคกี้ออกตัว เจนยิ้มหวานให้ชายหนุ่มที่เธอมองว่าขี้อายจนน่ารักคนนี้

"Well, that makes two of us."

'ฉันก็ไม่เก่งเหมือนกัน
'

เจนจับมือทั้งสองของริคกี้และเป็นคนนำในการเต้น คำว่าเต้นไม่เก่งของเจนนั้นจริงๆ แล้วแปลว่าเต้นใช้ได้ทีเดียว ชายหนุ่มขี้อายเริ่มสนุกไปกับการเต้น ทั้งคู่ผลัดกันหมุนตัว และหัวเราะอย่างสนุกสนาน

"May I cut in?"

'ขอฉันแทรกหน่อยได้ไหม?'


ริคกี้หยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงของเมลิน่า เขาหันไปเจอเมลิน่ายืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆ

"ริคกี้ บอส เอ๊ย คุณฆาเบียร์เรียกตั้งนานแล้ว นายไม่ได้ยินเหรอ? คุณเจนคะ ขอยืมตัวริคกี้แป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวฉันจะเต้นแทนเขาเอง"

ริคกี้รีบขอตัวไปหาฆาเบียร์ ส่วนเจนก็เต้นต่อกับเมลิน่าอย่างมึนๆ



"เอ่อ คุณฆาเบียร์เรียกผมเหรอครับ? ขอโทษครับ เมื่อกี้ผมไม่ได้ยิน"

ริคกี้ยืนก้มหัวเล็กๆ ตรงหน้านายของตนที่นั่งพักกินน้ำอยู่บนโซฟา ฆาเบียร์ทำหน้างงๆ

"ไม่นี่ ฉันไม่ได้เรียกนายนะ ริคกี้ เห็นนายกำลังสนุก ฉันไม่กวนหรอก"

"อ้าว แต่เมลิน่าบอกว่า..."

ริคกี้หันไปทางเมลิน่า ฆาเบียร์มองตามแล้วแอบยิ้ม ยัยเมลิน่าเอ๋ย เจ้าเล่ห์นักนะ

"สงสัยเมลิน่าคงหูฝาดมั้ง นายไปสนุกต่อเถอะ เอางี้ ไปชวนเจเต้นหน่อยแล้วกัน ฉันไม่อยากให้เขาเต้นกับสาวๆ แล้ว"

ฆาเบียร์ลากริคกี้ไปหาเจที่กำลังเต้นกับเปิ้ลอย่างสนุกสนาน เขาขอยืมตัวเจที่ทำหน้าบูดมาจากอดีตกิ๊กของคนตัวเล็ก แต่เจก็ยิ้มออกมาเมื่อฆาเบียร์กระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

"เออๆๆ ผมเต้นกับริคกี้ก็ได้ แล้วไม่ต้องมางอนผมล่ะ"

ฆาเบียร์โคลงหัวเบาๆ เมื่อคนตัวเล็กของเขาแกล้งทำทีท่ากระฟัดกระเฟียดและบ่นพึมพำ เจตีบทแตกจริงๆ เจลากแขนริคกี้ที่ยังมีทีท่างงๆ ไปที่กลางฟลอร์ก่อนจะเริ่มเต้นซัลซ่าแบบไม่สัมผัสตัวกันอย่างสนุกสนาน


"แล้วทำไมกูต้องมาเต้นกับมึงด้วยวะ?"

ซันซันบ่นเพื่อนตัวล่ำที่ลากเขามาจากกลุ่มสาวๆ เพื่อนของอิ่ม

"ก็มึงห่วย เต้นไปก็เหยียบเท้าสาวๆ เขาเจ็บหมด กูอุตส่าห์เสียสละตีนให้มึงเหยียบ ไม่ดีเหรอ?"

ปรินซ์พูดกลั้วหัวเราะ ซันซันเหยียบเท้าเขาหลายครั้งมากแล้ว

"แล้วทำไมมึงต้องจับมือกูด้วยวะ เต้นแบบไม่โดนตัวกันแบบไอ้เจไม่ได้เหรอ?"

ซันซันชี้ให้ปรินซ์ดูเจกับริคกี้ที่เต้นกันอย่างสนุกสนาน

"ก็เพราะมึงเต้นห่วยอีกนั่นแหละ หมุนไปหมุนมาก็ขาพันกันจะล้ม ถ้ากูไม่จับตัวไว้ มึงก็ล้มไปหลายรอบแล้ว"

เพื่อนตัวล่ำของซันซันกระชับร่างเพื่อนรักวัยเด็กเข้าแนบตัว

"แบบนี้แหละ มึงไม่ล้มแน่"

"แล้วทำไมมึงต้องเอาหน้ามาใกล้หน้ากูขนาดนี้ด้วยวะ ขนลุกโว้ย"

หนุ่มตี๋อ้วนหน้าร้อนวาบ ไม่รู้ว่าเพราะเขาเมาแล้วหรือว่าเพราะอะไร แต่เขารู้สึกว่าริมฝีปากของเพื่อนรักที่อยู่ตรงหน้านั้นขยับเข้ามาใกล้เขาทุกที ซันซันหลับตาปี๋ แต่เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มพลันหยุดลง เขาเหมือนได้ยินเสียงเพื่อนถอนหายใจเบาๆ และรู้สึกอุ่นวาบขึ้นน้อยๆ ที่พวงแก้มเต่งก่อนที่ตัวเขาจะเป็นอิสระจากอ้อมแขนแข็งแรงนั้น เขาลืมตาขึ้น เพื่อนตัวล่ำของเขาหันหลังเดินไปหาเจนยุทธ โดยไม่รู้ตัว ขาสั้นๆ ของซันซันพาก็พาร่างท้วมของเขาเดินตามหลังปรินซ์ไป



"เปลี่ยนจังหวะกันหน่อยแล้วกันนะครับ เต้นซัลซ่ากันมาพักใหญ่ละ มาเปิดเพลงละตินแดนซ์ธรรมดาๆ กันบ้าง ซังเกรียกับอาหารยังเหลือ เบียร์ ไวน์ เหล้าก็ยังครบ จัดไปอย่าให้เสียนะ"

เจโปรยยิ้ม เขาเปิดเพลย์ลิสต์ใหม่ขึ้นมาจากแอคเคาท์ยูทูบของเขา สาวๆ กรี๊ดกร๊าดเมื่อเพลงแรกที่ขึ้นมาคือ Despacito ซึ่งดังมากช่วงสามสี่เดือนที่แล้ว พวกเขาโยกย้ายตามจังหวะเพลงอย่างเมามัน เพลงไล่เรื่อยไปทั้งเพลงของพิทบูล มาร์ค อันโธนี หรือเพลงเก่าหน่อยอย่าง La Camisa Negra ของ Juanes หรือกระทั่งเพลงฮิตในปี 1993 อย่าง La Macarena ของ Los del Rio และในตอนนี้ในจอกำลังเป็นเพลงใหม่ล่าสุดของนักร้องชื่อดังอย่าง Enrique Iglesias


(Subeme la Radio) https://www.youtube.com/watch?v=9sg-A-eS6Ig


เจนยุทธเดินกลับมายังโซฟา เขานั่งลงข้างคนรักที่นั่งพักเหนื่อยอยู่แล้ววางแก้วลงตรงหน้า

"เบอร์เบินครับ คุณผู้ชาย"

ฆาเบียร์ขอบใจเจแต่ตาเขาจ้องเป๋งอยู่ที่จอ เจขมวดคิ้ว เมียตัวโตของเขาดูสนอกสนใจหนุ่มฮ้อตอย่างเอนริเก้ อิเกลเซียสที่กำลังเต้นอยู่ในรถบัสนั่นเหลือเกิน

"หือ เจว่าไงนะ?"

ฆาเบียร์หันมาเมื่อเจสะกิดเขาเพื่อถามอะไรบางอย่าง เจอ้าปากกำลังจะถามอีกครั้ง

"วิ้ว เฆเฟ่คะ นี่มันสุดที่รักของคุณนี่นา"

เมลิน่าที่ดูเมาพอสมควรแล้วมานั่งแปะลงที่พื้นข้างๆ โซฟา โดยมีริคกี้เดินตามมาพยายามจะดึงเมลิน่าให้ลุกขึ้น เมลิน่าสะบัดมือหนุ่มรุ่นน้องออก ก่อนจะอิงกายเข้ากับโซฟา

"คุณเจ รู้ไหม เอ็นริเก้เนี่ยเป็นนักร้องในดวงใจของเฆเฟ่มาตั้งแต่ตอนนู้นแล้ว"

เมลิน่าผู้เข้าออกบ้านของฆาเบียร์มาตั้งแต่ตอนฆาบี้เพิ่งเรียนจบหัวเราะร่วน เธอเล่าว่าเธอจำได้ว่าฆาบี้ลูกชายของผู้มีพระคุณของเธอชอบนักร้องหนุ่มคนนี้มากและไปดูคอนเสิร์ตของเอ็นริเก้เป็นประจำ ที่รู้เพราะบางครั้งถ้าเอ็นริเก้มาจัดคอนเสิร์ตที่แอลเอ ฆาเบียร์จะให้เธอที่ตอนนั้นเรียนที่ UCLA ช่วยหาตั๋วให้

"กระทั่งตอนนี้คุณฆาเบียร์ก็ยังหาโอกาสไปดูคอนเสิร์ตนานๆ ครั้งเลยนะคะ"

เมลิน่าหัวเราะคิก เธอจำได้ว่านายของเธอมีทีท่าประหม่ามากเมื่อเจอตัวจริงของนักร้องหนุ่มในงานพรมแดงงานหนึ่งเมื่อสองสามปีก่อน

"แล้วไงอีก เมลิน่า เล่ามาๆ"

เจเท้าแขนกับโซฟาและฟังอย่างสนใจ เมลิน่าอ้าปากจะเล่าต่อ



"Enough, Melina! YOU TALK TOO MUCH!"

'พอแล้ว เมลิน่า! เธอปากมากเกินไปแล้ว!'


ฆาเบียร์ตวาดเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้เมลิน่าชะงัก เธอแทบสร่างเมาเมื่อได้ยินน้ำเสียงของฆาเบียร์ ตลอดมาแม้จะถูกฆาเบียร์ดุบ้าง แต่ฆาบี้มักทำด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่เฉียบขาด แต่คราวนี้เธอสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในนั้น เธอปากคอสั่นรีบขอโทษขอโพยนาย บรรยากาศสบายๆ ของที่นี่และเหล้าที่เข้าปากไปไม่น้อยทำให้เธอเผลอตัวไป

"เธอดื่มมากเกินไปแล้ว ไปทำตัวให้สร่างเมาซะ ริคกี้ พาเมลิน่าไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็หาน้ำให้กินเยอะๆ"

ฆาเบียร์สั่งเลขาหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

"ฆาบี้ อย่าดุเมลิน่าเลยอ่ะ เธอแค่เมามากไปหน่อย"

เจประท้วงแทนเลขาคนสนิทของคนตัวโต

"นายเลิกให้ท้ายคนของฉันได้แล้ว เจนยุทธ คราวนี้เมลิน่าล้ำเส้นเกินไป"

ฆาเบียร์หันไปดุคนรัก เจหน้าซีด

เมลิน่าน้ำตาคลอหน่วย เธอพลาดไปจริงๆ ในฐานะเลขานุการหรือ secretary รากศัพท์ภาษาละตินของคำนี้คือ secretum หรือความลับ ฉะนั้นเธอควรเป็นคนที่คอยดูแลและเก็บความลับของนาย แต่นี่เธอกลับนำความลับของนายมาพูด นั่นคือความบกพร่องในหน้าที่ แถมยังพาลทำให้เจนยุทธถูกดุไปด้วย เมลิน่าน้ำตาร่วงพรู เธอก้มหัวขอโทษนายแล้วรีบลุกเดินออกไปที่ชานหลังบ้านโดยมีริคกี้เดินตามออกไปทันที



"ฆาเบียร์ ผมขอโทษ ผมไม่นึกว่าคุณจะไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ขนาดนี้"

เจหน้าจ๋อย ฆาเบียร์ลุกขึ้นจากโซฟา

"ตามฉันมานี่ เจ"

เขาดึงแขนเจให้เดินไปทางที่เลขาทั้งสองเดินไป เจทำหน้างงๆ

"เงียบๆ ล่ะ"

ฆาเบียร์หันมากระซิบ เขาค่อยๆ โผล่หน้าออกไปทางชานหลังบ้าน แล้วดึงตัวเจให้มาดู เจยิ้มกริ่มเมื่อเห็นเมลิน่าซุกหน้าร้องไห้ที่อกของริคกี้ที่โอบร่างบางของเลขารุ่นพี่ไว้อย่างทะนุถนอม เขาไม่ได้ยินว่าสองคนนั้นพูดอะไรกัน แต่คิดว่าริคกี้คงกำลังปลอบโยนเมลิน่าอยู่

"คุณนี่ร้ายจริงๆ นี่วางแผนแบบนี้ไว้แต่แรกเลยเหรอ? สงสารเมลิน่าอ่ะ"

"เฮ้ย ไม่ได้วางแผนอะไร ฉันโกรธยัยเมลิน่าจริงๆ มีอย่างที่ไหนเอาความลับของฉันมาเปิดเผย ตัวเองเป็นเลขาแท้ๆ ควรต้องรู้ว่าอะไรพูดได้พูดไม่ได้"

"...บางทียัยนั่นก็ต้องโดนดุบ้าง ไม่งั้นจะเคยตัว แต่เรื่องนี้น่ะมันเป็นผลพลอยได้"

ฆาเบียร์ยิ้มบางๆ เจโคลงหัวเขาไม่เชื่อว่าคนเจ้าเล่ห์คนนี้จะไม่มีแผน

"ดูๆๆ"

เจสะกิดฆาเบียร์ยิกเมื่อริคกี้เชยคางเลขาสาวรุ่นพี่ขึ้นและประทับจูบลงบนริมฝีปากสวยๆ คู่นั้น เมลิน่าดูเหมือนจะขัดขืนในทีแรก แต่ก็ตอบสนองโดยการยกแขนขึ้นโอบรอบคอของหนุ่มรุ่นน้อง ทั้งสองจุมพิตกันพักใหญ่ก่อนที่เมลิน่าจะดันร่างของริคกี้ออก พวกถ้ำมองทั้งสองหดหัวเข้ามาแทบไม่ทันเมื่อเมลิน่าหันตัวทำท่าจะเดินกลับมาในห้อง แต่เหมือนริคกี้จะดึงเจ้าหล่อนไว้



"ฆาบี้ เรากลับไปนั่งดีกว่า ปล่อยทั้งสองคนไว้แบบนั้นแหละ แต่ผมว่านะ พ้นคืนนี้ไปแล้วสถานการณ์ระหว่างสองคนนั้นคงดีขึ้นแล้วล่ะ"

เจนยุทธพูดยิ้มๆ เขาดึงแขนเมียตัวโตที่ทำท่าอยากดูความคืบหน้าของริคกี้ต่อให้กลับไปที่โต๊ะ พวกเขานั่งลงดื่มเบอร์เบิ้นที่เจนยุทธยกมาให้ตอนแรก

"Cheers!"

ทั้งสองยกแก้วชนกันเบาๆ

"อืมม์ Maker's Mark เหรอ?"

ฆาเบียร์พูดชื่อของเหล้าเบอร์เบินแบรนด์หนึ่งออกมา เบอร์เบินคือวิสกี้สไตล์อเมริกันทางใต้โดยเฉพาะเคนตักกี้และเทนเนสซี่ สิ่งหลักๆ ที่ทำให้เบอร์เบินแตกต่างจากวิสกี้ชนิดอื่นคือต้องมีส่วนผสมของข้าวโพดมากกว่า 51%  ต้องถูกหมักบ่มในถังไม้โอ๊คเผาซึ่งทำให้กลิ่นเฉพาะตัวของมัน และต้องไม่มีการใส่สารเติมแต่งลงไป เจนยุทธชอบดื่มเบอร์เบินพอๆ กับวิสกี้ซิงเกิลมอลท์ดีๆ จากสก็อตแลนด์ ตอนที่ทรัพย์จางเขาก็จะเลือกซื้อเบอร์เบินซึ่งราคาถูกกว่ามาเก็บไว้ ถ้ามีตังค์หน่อยก็ค่อยถอยพวกซิงเกิลมอลท์ ถ้าเลือกได้เขาจะดื่มวิสกี้ของเขาแบบ neat หรือไม่ผสมอะไรเลย แต่ถ้าเจอเหล้าแบบจอห์นี่ วอล์เกอร์เร้ด หรือแบล็ค หรือเบอร์เบินอย่างแจ็ค แดเนียล เขาก็เลือกที่จะผสมโค้ก สำหรับวันนี้ เจดื่มแบบเพียว

ฆาเบียร์ยกเบอร์เบินจากเคนตักกี้แก้วนี้ขึ้นดื่ม รสชาติละมุนติดหวานเล็กน้อยแต่ยังคงความเข้มข้นของเบอร์เบินทำให้ Maker's Mark เป็นหนึ่งในเบอร์เบินไม่กี่ตัวที่เขาเลือกดื่ม

"เจรู้ไหมว่าตอนหลังแบรนด์นี้เขาออกตัวที่เรียกว่า Maker's 46 มานะ ใช้ได้เลยทีเดียว ไว้ถ้าฉันเจอแถวดิวตี้ฟรีจะซื้อมาฝาก"

"จริงๆ ผมอยากลองอีกยี่ห้อนะ ผมเห็นรูปขวดมันในหนังเรื่อง John Wicks ภาค 1 เป็นเบอร์เบินที่คีนูกินตอนทำแผลที่โดนยิง ผมไปค้นดูในเน็ต ปรากฎว่าเป็นยี่ห้อ Blanton's"

"อ๋อ ที่ห้องฉันที่ฮ่องกงมีอยู่ขวดหนึ่ง ไว้คราวหน้าที่จะเจอกันจะเอาให้ชิมนะ"


(ต่อคอมเมนท์ถัดไป)


ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- สวัสดีปีใหม่! (ต่อ) ----



เจนยุทธกระดกเหล้าในแก้วจนหมดก่อนจะลุกขึ้น

"อีกแก้วไหม ฆาบี้?"

ฆาเบียร์ส่ายหน้า

"พอก่อนดีกว่า เจ วันนี้ฉันจัดไปหลายขนานแล้ว ทั้งซังเกรีย แชมเปญ ไวน์ เบอร์เบิน เดี๋ยวฉันค่อยเติมเองแล้วกัน"

เขาเริ่มมึนๆ บ้างแล้ว สาวๆ เพื่อนอิ่มบางคนยอมแพ้และหนีไปนอนเรียบร้อย ส่วนที่เหลือก็เลิกเต้นและเริ่มตั้งวงไพ่แทน นพกับเพื่อนเจทั้งสองก็ไปแจมกับเขาด้วย ส่วนวัฒน์หลับอยู่บนโซฟา เจเดินไปเปลี่ยนเพลย์ลิสต์จากเพลงเต้นจังหวะมันๆ เป็นเพลงละตินหวานๆ แทน

"เฆเฟ่คะ"

ฆาเบียร์หันไปหาเมลิน่าซึ่งเรียกเขาเบาๆ เลขาสาวของเขาคงไปล้างหน้าล้างตาให้หายเมามาเรียบร้อยแล้ว เมลิน่าทรุดตัวลงนั่งข้างหน้าเขา

"ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะที่ทำเรื่องวุ่นวายขึ้น"

เมลิน่าก้มหน้า น้ำตาเจ้าหล่อนหยดหยาดลงอีกแล้ว

"...ฉันไม่มีหน้าจะเรียกตัวเองเป็นเลขาของเฆเฟ่ได้อีกแล้วค่ะ"

เมลิน่าสะอื้นน้อยๆ

"เดี๋ยวก่อนๆ เมลิน่า ใจเย็นๆ เธอจะพูดอะไร"

"กลับจากไทยคราวนี้ ฉันจะจัดการเคลียร์งานให้เรียบร้อย แล้วจะขอย้ายกลับไปสำนักงานใหญ่ค่ะ ทางนี้ฉันจะให้คุณเหลียงทำงานแทนค่ะ"

เมลิน่าพูดถึงคนที่ทำหน้าที่รองลงมาจากเธอ

"เฮ้ๆ ที่ฉันดุเธอเมื่อกี้ฉันไม่ได้จะไล่เธอไปไหนนะ เมลิน่า ฉันแค่อยากให้เธอทำตัวดีๆ หน่อย แค่นั้นเอง"

ฆาเบียร์เกาหัว ยัยตัวยุ่งนี่คิดมากไม่เข้าท่าอีกแล้ว

"เจ ช่วยฉันพูดหน่อยซิ"

ฆาบี้หันไปหาคนรักที่เดินกลับมาหาเขา

"เมลิน่า คิดมากน่า ฆาเบียร์เค้าดุเธอเพราะอยากให้ปรับปรุงตัว แต่ที่เมลิน่าทำตอนนี้มันเป็นการหนีปัญหานะ"

เจหันไปคุยกับเลขาสาวหลังจากฆาเบียร์เล่าเรื่องให้เจฟัง เมลิน่าอึ้งไป

"ที่เมลิน่าควรทำ คือเอาที่ฆาเบียร์พูดวันนี้ไปคิดและปรับปรุงตัวซะ เธอก็รู้แล้วนี่ว่าเธอผิดตรงไหน"

เมลิน่าพยักหน้า

"เมื่อรู้ตัวและปรับปรุงแล้ว ปัญหาก็จบ แล้วจะต้องไปอีกทำไมล่ะ? เธอไว้ใจให้คนอื่นทำหน้าที่ดูแลฆาเบียร์จริงๆ เหรอ? คิดว่าคนอื่นทำหน้าที่ได้ดีเท่าตัวเองจริงๆ เหรอ? เผลอๆ เธอต้องมาตามแก้ปัญหาให้ทีหลังอีกนะ จะดีแน่เหรอ?"

เมลิน่าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าออกมา ถ้าในเรื่องความรู้ใจเจ้านายและการจัดการงานเธอมั่นใจว่าไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าเธอ ฆาเบียร์ยิ้ม คนตัวเล็กของเขารู้จักพูดจริงๆ

"นั่นแหละ แล้วยังจะอยากไปอีกไหม?"

"ไม่อยากไปแล้วค่ะ"

เมลิน่าพูดออกมาเบาๆ ริคกี้ที่นั่งหน้าจ๋อยอยู่ด้านหลังของเลขาสาวก็ยิ้มกว้างออกมาได้



"เรานี่มันตัวยุ่งจริงๆ นะ ยัยบ๊องเอ๊ย"

ฆาบี้ยกนิ้วดีดหน้าผากเลขาสาวที่อยู่ในความดูแลของเขาตั้งแต่วัยรุ่น

"ไป พาริคกี้ไปหาอะไรกินซะ ให้รุ่นน้องมันต้องมาดูแลซะได้ อ้อ ริคกี้ ดูยัยนี่ไม่ให้เหล้าเข้าปากอีกล่ะ"

เมลิน่าทำหน้าเจื่อนบอกว่าเธอจะเลิกดื่มซักพัก ฆาเบียร์แอบยิ้ม ซักพักของเมลิน่านี่คงไม่เกิน 7 วัน แต่อย่างน้อยในวันนี้เธอคงได้บทเรียนบ้างแล้ว

"ว่าแต่ เมลิน่า ไอ้เรื่องเอ็นริเก้นี่มันยังไงนะ เมื่อกี้ผมยังฟังไม่จบเลย"

เจที่ยังคาใจถามขึ้นอย่างอดไม่ได้

"เฮ้ๆ ถ้าอยากรู้อะไรให้มาถามกับตัว ไม่ต้องไปถามคนอื่นเลย เจ"

ฆาเบียร์แยกเขี้ยวใส่คนตัวเล็กของเขา เมลิน่าหัวเราะคิกออกมาได้ เธอทำท่ารูดซิปปากแล้วรีบลากริคกี้ไปหาอะไรกินต่อ

ฆาเบียร์บ่นพึมพำ ก่อนจะกอดปล้ำคนตัวเล็กที่ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นอย่างมันเขี้ยว เจหัวเราะลั่นเมื่อถูกคนตัวโตจั๊กกะจี้

"อยากฟังจริงๆ เหรอ เจ?"

"ถ้าเล่าก็จะฟัง"

"งั้นฉันไม่เล่า"

"อ่ะ...อยากฟังๆ เล่าหน่อยสิ นะๆๆ"

เจนยุทธเกาะแขนคนตัวใหญ่แล้วทำตาปิ๊งๆ ใส่ ฆาเบียร์แววตาใสซื่อของเจ้าเสือห่มหนังกระรอกแล้วก็ได้แต่ยอมแพ้

"ไม่มีอะไรหรอก แค่ว่าตอนที่เอ็นริเก้ออกซิงเกิลแรกที่ชื่อ Si Tu Te Vas มา ตอนนั้นฉันเลิกกับอเล็กซ์พอดี"


(Si Tu Te Vas) https://www.youtube.com/watch?v=VVyh2sUgTmw


เพลง Si Tu Te Vas หรือ 'ถ้าเธอจากไป' นั้นถึงเนื้อหาของมันจะเป็นการคร่ำครวญไม่ให้คนรักจากไป ฆาเบียร์ที่เป็นฝ่ายทิ้งอเล็กซ์ที่นอกใจเขาไปก็ฟังมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

"...คือ เอ่อ เอ็นริเก้ในวัยนั้นมีส่วนคล้ายอเล็กซ์ด้วยนิดหน่อยนะ แต่แค่นิดเดียวนะ มาดูตอนนี้ฉันแทบไม่เห็นความเหมือนแล้ว"

"...ตอนแรกฉันดู MV เพลงนี้ด้วยความรู้สึกว่าเป็นอเล็กซ์มาร้องเพลงขอร้องไม่ให้ฉันจากไป แต่ยิ่งดูก็ยิ่งชอบนักร้องคนนี้"

หลังจากนั้น ฆาเบียร์เลยตามผลงานของนักร้องคนนี้มาตลอด ยิ่งเวลาผ่านไป เขายิ่งหลงใหลในเสียงที่มีเอกลักษณ์และรูปลักษณ์ของเอ็นริเก้

"หึ ชอบ เพราะคล้ายแฟนเก่า มิน่าล่ะ"

ฆาเบียร์ถอนหายใจ แบบนี้เขาถึงไม่อยากให้คนตัวเล็กรู้ จริงๆ ที่เขาบอกว่าเหมือนนิดเดียวนั้น แทบจะเหมือนกันเป๊ะเลยต่างหากเพียงแต่ว่าอเล็กซ์ตัวเล็กและบอบบางกว่า แล้วก็ดูไม่แมนเท่าเอ็นริเก้

"เจจ๋า ฉัน..."

"เอาเถอะๆ ใครจะเหมือนใครก็ช่างมัน ผมไม่สนใจหรอก แต่คราวหน้าเวลาอยู่กับผมก็อย่าเผลอไปเหม่อดูเอ็นริเก้เหมือนคืนนี้แล้วกัน ต่อให้เป็นการคลั่งดาราผมก็หึงนะ..."

เจพูดยิ้มๆ

"...เพราะผมไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้เขาได้"

ฆาเบียร์หอมแก้มคนตัวเล็กของเขาฟอดใหญ่

"สู้ได้สิ ก็เจ..."

ฆาเบียร์กระซิบเบาๆ ที่หูคนรัก เจหน้าแดงก่ำ วันนี้ฆาเบียร์ลามกจริงๆ



"โอ๊ย หมั่นไส้โว้ย"

เสียงสาวๆ สักคนในวงไพ่ตะโกนมาเมื่อเห็นคนทั้งสองพลอดรักกันต่อหน้าต่อตา

"กฎเกิดอะไรนั่น ลืมหมดแล้วเหรอ เจ"

เสียงใสๆ ของพลอยแซวเจขึ้นอีกคน

"เออ ลืมหมดแล้ว มีไรป่าว พี่ ผมจะหอม จะกอด จะจูบ จะทำหมดเลย คอยดูสิ ชิ แซวกันอยู่นั่นแหละ"

คนตัวเล็กที่ลืมอายไปแล้วว๊ากลั่น เสียงหัวเราะและโห่ฮาดังมาจากวงไพ่ ฆาเบียร์อมยิ้มมองหน้าคนรักที่นั่งหน้าแดงก่ำและมองเหล่าเพื่อนใหม่ของเขาที่วงไพ่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลังพ่อแม่เขาจากไป ฆาเบียร์มักใช้ชีวิตแบบหมาป่าเดียวดายมาตลอด คนใกล้ชิดในชีวิตเขามีแค่อาปา กระทั่งเมลิน่าที่เป็นเลขาและเด็กที่โตมากับบ้านเขา เขาก็ยังไม่ค่อยปล่อยให้เข้ามาสัมผัสชีวิตของเขาเท่าไหร่ แต่ในวันนี้ เขารู้สึกได้ถึงสายสัมพันธ์ที่อยู่รอบตัวเขา เขารู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ตามลำพังอีกแล้ว เขารู้สึกถึงความเชื่อมโยงระหว่างเขากับผู้คนรอบข้าง แม้จะเป็นคนที่เพิ่งพบเจอกันเป็นครั้งแรกอย่างเพื่อนๆ ของอิ่ม และคนที่ทำให้เขาเห็นความสำคัญของสายสัมพันธ์เหล่านี้ก็คือคนตัวเล็กที่นั่งหน้าแดงอยู่ตรงหน้าเขาคนนี้

"เจ..."

"อะไร?!"

คนตัวเล็กแว๊ดมาเบาๆ

"ฉันรักเจนะ"

"อือ รู้น่ะ รักเหมือนกัน"

เจยิ้มออกมาแล้วจุ๊บเบาๆ ที่ปากบางของฆาเบียร์



"นี่ เลิกสวีทกันแล้วมาเล่นไพ่กันได้แล้ว ไอ้เจ"

อิ่มที่ชักเริ่มหมั่นไส้น้องชายของตัวเองตะโกนเรียกเจให้มาเล่นไพ่ เธอเซ็งที่ไม่ชนะสักทีและอยากให้เจมาแก้มือให้ เจทำเมินแล้วหันไปคุยกับคนรักต่อ ฆาเบียร์หัวเราะท่าทางกระฟัดกระเฟียดของอิ่ม

"นี่ เจ ขอถามหน่อย ทำไมอิ่มใจถึงยังไม่มีแฟน? พวกเพื่อนๆ ของอิ่มก็เหมือนกัน แต่ละคนก็หน้าตาดีกันทั้งนั้น ถ้าจะหาแฟนสักคนก็ไม่น่าจะหายากนี่นา"

ฆาเบียร์กระซิบถาม เจหัวเราะ เมียตัวโตของเขานี่ก็เป็นขาเผือกเหมือนกัน

"เพื่อนๆ พี่อิ่มที่ยังเหลือโสดๆ อยู่น่ะ โสดเพราะเลือกมาก แต่ละคนถ้าไม่ใช่ว่าบ้านรวยถึงรวยมาก ก็ประเภทการศึกษาสูง หน้าที่การงานดี พวกนี้พึ่งพาตัวเองได้และไม่ง้อผู้ชาย ฝันไปเถอะที่จะเห็นเจ๊ๆ พวกนี้ไปเป็นแม่บ้านหรือไปตามเอาใจผู้ชาย...ที่แต่งแล้วหย่าแล้วก็มี"

ฆาเบียร์เข้าใจทันทีว่าทำไมสาวๆ พวกนี้ถึงเสร็จคนช่างเอาใจอย่างเจ ยิ่งเจแสดงทีท่าว่าไม่ได้จะมาเกาะด้วยแล้ว พวกเธอยิ่งสบายใจที่จะคบหาด้วย



"แต่พี่อิ่มน่ะ เป็นกรณียกเว้น ไม่ใช่ว่าเจ๊เค้าไม่สนผู้ชาย แต่เขาปักใจรักผู้ชายคนเดียวมาตลอดเวลากว่า 25 ปี"

"...นู่น เจ้าชายของพี่อิ่มน่ะ คนนู้น"

เจนยุทธแอบชี้ไปทางร่างท้วมที่นั่งตีไพ่อย่างเมามันโดยมีวัฒน์นอนหลับหนุนตักอยู่

"นพเหรอ?"

"ใช่ พี่อิ่มก็เหมือนคุณนั่นแหละ ฆาเบียร์ แต่พี่อิ่มปักใจอยู่กับตาลุงนี่มาตั้งแต่อยู่ม. ต้น"

เจเล่าว่าอิ่มใจเป็นรุ่นน้องถัดจากนพไป 2 รุ่นที่โรงเรียนสาธิต ม.เชิงดอย แถมอิ่มยังเป็นสายรหัสของต้า เพื่อนสนิทของนพในตอนนั้น

"ต้า? ที่บอกว่าเป็นญาติพลอยน่ะเหรอ?"

"ใช่ เชียงใหม่มันแคบใช่ไหมล่ะ? พี่นพตอนนั้นสนิทกับพี่ต้ามาก แบบตัวติดกันเลย พี่ต้าไปเทคหลานรหัส พี่นพก็ไปด้วยแล้วไม่รู้อิท่าไหน พี่อิ่มผมก็ดันไปปิ๊งพี่นพซะงั้น เริ่มชอบตั้งแต่ตอนพี่อิ่มอยู่ม. 2 มั้ง รู้ทั้งรู้ว่าพี่นพแกแอบชอบพี่ต้า เจ๊แกก็ไม่สน แถมยังเป็นปลื้มกับความรักเล็กๆ ของพี่นพอีก"

เจนยุทธส่ายหัว พี่สาวของเขาเริ่มเป็นสาววายมาตั้งแต่ตอนนั้น สายตาของอิ่มคอยเฝ้าติดตามนพที่แอบชอบต้ามาตลอดจนกระทั่งนพไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ อิ่มได้เจอนพอีกทีตอนเข้าม.เชิงดอย

"ตอนนั้น พี่นพเข้าชมรมฟันดาบสากล พี่อิ่มก็เข้าชมรมเทควันโดที่อยู่ข้างๆ แกยังมากรี๊ดให้ฟังบ่อยๆ ว่าพี่นพกำลังตัวติดกันกับรุ่นน้องโรงเรียนอีกคน"

"ราฟาสินะ"

"ครับ คนนั้นแหละ"

เจนยุทธถอนหายใจเมื่อนึกถึงเสี้ยวหนึ่งของหัวใจนพคนนั้น

"พี่อิ่มเขาก็แอบปลื้มอยู่ห่างๆ ไม่ค่อยได้เข้าไปพูดไปคุยเหมือนตอนนี้ ตอนที่พี่นพเข้าไปสอนที่ม. ก็เป็นช่วงพี่อิ่มไปต่อนอก พี่อิ่มกลับมาก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะได้สอนในม. เหมือนกัน ปรากฎว่าพี่นพแกเลิกสอนเสียก่อน เจ๊ก็จ๋อยไป เพราะคิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว"



อย่างที่เขาบอกฆาเบียร์ เชียงใหม่นี้มันแคบนัก เจยิ้มเมื่อนึกถึงวันที่เขาพาพี่นพซึ่งเขาเพิ่งรู้จักและสนิทด้วยจากก๊วนกินข้าวเว็บพันxิปมาเที่ยวที่บ้านแม่ พอพี่อิ่มเห็นนพ พี่สาวของเขาถึงกับพูดไม่ออก มันเป็นครั้งแรกที่เจเห็นพี่สาวมีอาการขวยเขินประหนึ่งสาวน้อยวัยทีน คืนนั้นเขาคาดคั้นพี่สาวของเขาจนรู้เรื่องทั้งหมด นับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาจึงพยายามพานพมาเที่ยวบ้านเมื่อมีโอกาสเพื่อให้พี่สาวของเขาได้ชุ่มชื่นหัวใจบ้าง

"นี่ให้รู้ไม่ได้เลยนะว่าคุณเป็นครั้งแรกของพี่นพและเคยรักแกมาก่อน ไม่งั้นนะเจ๊แกจะทำทุกวิถีทางให้คุณกับพี่นพได้กันแน่นอน"

เจหัวเราะและเดาไปเรื่อยเปื่อย แต่ฆาเบียร์ขำไม่ค่อยออก รู้แบบนี้แล้วเขายิ่งเกร็ง

"แล้วนพรู้ไหมว่าอิ่มชอบ?"

"ไม่รู้สิ รู้มั้ง แต่พี่เขาก็คงถือว่าไม่ได้เสียหายอะไร มีคนรักดีกว่ามีคนชัง ใช่ไหม?"

"มิน่าล่ะ ก็ว่าทำไมมาคราวนี้อิ่มไม่ค่อยมาสนใจอยู่ใกล้ฉันเท่าไหร่ ทุกทีถ้ามา อิ่มต้องเข้ามาคุยมาเจ๊าะแจ๊ะด้วย แต่คราวนี้กลับหายๆ ไป นี่แปลว่าเสน่ห์ฉันสู้นพไม่ได้เลย ฉันเสียใจนะเนี่ย"

"ใช่ไหมล่ะ? ผมถึงบอกไง จะหนุ่มหล่อมาจากไหนผมไม่กลัว ผมกลัวอีตาลุงที่โปรยเสน่ห์โดยไม่รู้ตัวอย่างพี่นพที่สุดแล้ว"

เจหัวเราะเบาๆ ฆาเบียร์ยิ้มไม่ออก ทำไมเขาถึงจะไม่รู้ล่ะ เขาเองก็โดนฤทธิ์มันเข้าอย่างจังเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว



"ป่ะ ไปตีไพ่กันดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวพี่อิ่มจะมาลากคอพวกเราไป"

 เจลากคนตัวโตให้ไปนั่งเล่นไพ่กับสาวๆ ซึ่งแบ่งเป็นสองวง วงหนึ่งเล่นป๊อกเด้งกันขำๆ ลงเงินกันตาละบาท ส่วนอีกวงหนึ่งที่นั่งทำท่าเคร่งเครียดกันนั้นเป็นโต๊ะโป๊กเกอร์ที่ลงเงินกันจริงจังพอสมควร ฆาเบียร์เนื้อเต้น เขาไม่ได้เล่นโป๊กเกอร์มาพักใหญ่แล้ว

"จะเล่นจริงๆ อ่ะ?"

"อืมม์ ฉันไม่ได้เล่นนาน เห็นแล้วคันไม้คันมือ"

ฆาเบียร์พูดยิ้มๆ

"งั้นเตรียมตังค์เลย วงนั้นเขาเล่นกะเอารวยกัน"

ฆาเบียร์เดินไปที่วงโป๊กเกอร์และถามจำนวนเงินที่ลงกันและเปิดกระเป๋าเตรียมควักเงินบ้าง แต่ก็ชะงักเมื่อเห็นว่าเงินเขาไม่พอ พอมาอยู่เชียงใหม่ ด้วยความที่เจไม่ยอมให้เขาจ่ายอะไรเลย เขาจึงไม่ค่อยได้พกเงินสด ส่วนใหญ่จะใช้บัตรเครดิตมากกว่า ฆาเบียร์เดินกลับมาที่วงป๊อกเด้งแล้วลงนั่งทำท่าประจบเจนยุทธ

"งั้น เจ ฉันขอยืมตังเจก่อนแล้วกัน เดี๋ยวจะรีบหามาคืนให้"

ฆาเบียร์พูดยิ้มๆ เขามั่นใจในฝีมือตัวเองพอสมควร

"อือ หยิบกระเป๋าตังค์ผมเปิดเอาได้เลย ตังค์ผมก็เหมือนตังค์คุณนั่นแหละ เมียจ๋า อุ๊บ..."

"หา?!!!"

เจนยุทธที่มัวแต่จดจ่อกับไพ่ในมือพูดออกมาอย่างลืมตัว เขาตะครุบปากตัวเองเมื่อหลุดคำเรียกติดปากนั้นออกไป แต่ไม่ทันแล้ว บรรดาสาวๆ ในวงป๊อกเด้งรวมทั้งวงโป๊กเกอร์ต่างอุทานและหันขวับมาจ้องเขาและเมียตัวโตเป็นตาเดียว ฆาเบียร์ได้แต่ปลง

"เมื่อกี้เจเรียกฆาบี้ว่าอะไรนะ?"

เปิ้ลถามขึ้นอย่างงงๆ สำหรับพวกเธอแล้วดูยังไงน้องเจน้อยของพวกเธอก็ต้องเป็นฝ่ายอยู่ล่างอยู่แล้ว ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าเจนั้น "แมน" แค่ไหนก็ตาม แต่พวกเธอก็เชื่อไม่ลงว่าฆาเบียร์จะมีรสนิยมชอบโดนกอด

"ฉันได้ยินว่า 'เมีย' เป็นภาษาไทยชัดแจ๋วเลยนะ"

แตงโมเสริมขึ้น

"มง เมียอะไร พวกพี่หูฝาดแล้วอ่ะ ผมบอกว่า ฆาเบียร์ แต่อาจจะออกเสียง ฆา เบาไปหน่อย คิดอะไรมากมายน่า"

"อ้อ สรุปว่าฆาเบียร์ไม่ใช่เมีย งั้นเจเหรอที่ใช่?"

พลอยที่เคยได้ยินเจเรียกฆาเบียร์แบบนี้มาก่อนแซวขึ้น เจหน้าแดงก่ำ เขาไปไม่เป็นแล้ว พูดอะไรก็เข้าตัวทั้งนั้น เขาเลิกตอบและก้มหน้าก้มตาจิ้มปลาหมึกย่างที่เหลือกินอย่างเอาเป็นเอาตายท่ามกลางเสียงแซวของบรรดาสาวๆ ส่วนเพื่อนๆ ของเจที่พอจะรู้บ้างถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองได้แต่ยิ้มกริ่มและรูดซิปปากเงียบ ฆาเบียร์เองก็ได้แต่หัวเราะหึๆ ถึงจะเริ่มสนิทกันแล้วแต่สาวๆ ก็ยังไม่กล้าถามเขา พอเจเลิกตอบสุดท้ายสาวๆ ก็เลิกถาม

"โอเค มะ เล่นไพ่ต่อกันดีกว่า ใครแพ้ถอด โอ๊ย!"

เจร้องลั่นเมื่อโดนพี่สาวตบหัวดังป้าบ อิ่มใจส่ายหัวด้วยความระอา แฟนนั่งอยู่ทนโท่ไอ้เจมันยังกล้าเล่น

"ไม่ถอดก็ได้ ชิ เล่นตาละบาทเหมือนเดิมละกัน"

เจบ่นกะปอดกะแปด ก็คนตัวโตบอกเขาเองว่าให้เล่นได้เต็มที่ แต่เหมือนจะมีคนคอยปกป้องผลประโยชน์แทนเจ้าตัวหลายคนจริง เขาตวัดสายตาขุ่นๆ ไปให้คนตัวโตที่นั่งยิ้มละไมอยู่กลางวงโป๊กเกอร์ คอยดูเถอะ คืนนี้เขาจะคิดบัญชีกับพ่อคนเสน่ห์แรงนี่ให้ลุกไม่ขึ้นเลยทีเดียว



---------------------------------------------


แหมๆ คืนนี้ดูจะเกิดอะไรขึ้นหลายสิ่งหลายอย่างทีเดียวหนอ

อ่านกันเล่นๆ เรื่องบอกไฟดอก บอกไฟโอ่งค่ะ

https://goo.gl/VWSiHV

https://goo.gl/G7BVJq


รวมเพลงของเจ้าพ่อซัลซ่าอย่าง Marc Anthony ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=aGVD7MUCYb8

No Me Ames https://www.youtube.com/watch?v=T_-4w08RoX4



ออฟไลน์ Fahsaizzz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พึ่งมาตามอ่านเรื่องนี้ สนุกมากค่ะ อ่านไปหื่่นไป เอ้ยหิวไป
มีแต่ร้านน่าตาม อาหารน่ากิน

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- New Year Resolution ----




"เทหมดหน้าตักเลย วัดกันไปเลย"

เสียงใสๆ ของพลอยฟังดูเคร่งเครียด เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มที่ยิ้มละไมอยู่เบื้องหน้า ตอนนี้เหลือแค่เธอกับฆาเบียร์ที่ยังเล่นอยู่ นพกับแตงโมนั้นหมอบไปแล้ว ฆาเบียร์ก้มดูไพ่ในมือตัวเอง แววกังวลเล็กๆ ฉายแว่บให้เห็นในตาคู่งามนั้น เขาเผลอขบกรามเบาๆ ก่อนจะดันกองชิพตรงหน้าไปที่กองกลาง

"หมดหน้าตักเหมือนกัน"

พลอยดูไพ่ในมือตัวเองอีกครั้ง เธอมีไพ่ A สี่ใบในมือ แม้ชายหนุ่มร่างกำยำที่นั่งอยู่เบื้องหน้าจะดูมีทีท่ามั่นใจแต่เธอคิดว่ามันเป็นเพียงการบลัฟฟ์เหมือนตาที่แล้วซึ่งฆาเบียร์ตบตาทุกคนจนหมอบให้หมดทั้งๆ ที่ตัวเองมีแค่ไพ่สะเปะสะปะไม่ได้เรื่อง แต่คราวนี้เธอจะไม่ยอมให้คนรักของเจหลอกได้อีก

"เปิดไพ่"

ปรินซ์ที่ทำหน้าที่เป็นคนแจกไพ่เรียกให้ทั้งคู่หงายไพ่ของตน พลอยสะใจเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของฆาเบียร์เมื่อเห็นไพ่ของตน

"เป็นอะไรไปล่ะ ฆาเบียร์ คุณเปิดไพ่ของคุณมาสิ"

ฆาเบียร์ขบกรามแน่นและหงายไพ่ในมือ

"กรี๊ดดดดดดดดดดด"

สาวเปรี้ยวกรี๊ดอย่างเจ็บใจจนคนในวงป๊อกเด้งหันมาดู ไพ่ในมือของฆาเบียร์คือ Straight Flush ซึ่งก็คือไพ่ดอกเดียวกันเรียงกัน 5 ใบ คนตัวโตของเจหัวเราะลั่นและขยิบตาให้สาวพลอยก่อนจะโกยชิพทั้งหมดเข้าหาตัว



"เอ้า เจ ฉันบอกว่าจะเอาเงินมาคืน ฉันเอามาคืนให้แล้วบวกดอกเบี้ย"

เจรับธนบัตรสีเทาหนึ่งปึกที่เมียตัวโตที่ทำหน้าระรื่นอยู่ตรงหน้าของเขาส่งให้ เขาดึงออกมา 15 ใบและส่งที่เหลือคืนให้ฆาเบียร์

"ผมรับแค่ส่วนที่คุณยืมผมไปเท่านั้นแหละ ที่เหลือคุณหามาได้ คุณก็เอาไว้ใช้เอง"

"แต่ เจ"

"ไม่ต้องดื้อเลยครับ เมีย..."

เจเผลอเรียกตามความเคยชินอีกแล้ว แต่คราวนี้เหมือนจะไม่มีใครสนใจจะแซวเขาอีก

"ผมบอกแล้ว ถิ่นผม คุณไม่ต้องจ่ายอะไรสักบาท และไม่ต้องเอาซักบาทให้ผม โอเคนะ?"

ฆาเบียร์รับเงินคืนมาอย่างจนปัญญา เขาเดินกลับไปที่โต๊ะโป๊กเกอร์และส่งเงินคืนให้สมาชิกที่นั่งเซ็งอยู่ เขาเล่นเพื่อความสนุกเท่านั้น เขากะยกเงินให้เจตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่ถ้าเจไม่เอาเขาก็ไม่จำเป็นต้องเก็บเงินไว้ พลอยและแตงโมรับเงินคืนมาอย่างงงๆ ส่วนนพยิ้มแป้นและกระโดดกอดอดีตรูมเมทของตัวเองแน่น

"เฮ้ยๆ พี่นพ อย่าเนียน!"

"อะไร ไอ้เจ ทำหวงไปได้น่า"

นพหันไปยักคิ้วให้เพื่อนรุ่นน้องและทำท่าหอมแก้มฆาเบียร์ฟอดใหญ่ เจทำหน้ายักษ์และเตรียมโวยอีกครั้ง



"นพ ปล่อยฆาเบียร์ได้แล้ว"

เสียงเรียบๆ ดังมาจากร่างวัฒน์ที่ตอนแรกหลับอยู่บนเก้าอี้ข้างตัวนพ หนุ่มร่างท้วมปล่อยคอฆาเบียร์ทันที ต่อให้ปกติเขาเป็นฝ่ายข่มดร.หนุ่มผู้เป็นคนรักมาตลอด แต่เมื่อวัฒน์พูดด้วยเสียงโทนนี้เขาต้องเป็นฝ่ายถอยให้

"ไม่เอาน่า พี่วัฒน์ นพยั่วเจเล่นแค่นั้น"

"ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ วัฒน์ พวกผมแค่เล่นกันจริงๆ"

ฆาเบียร์พูดเสริมขึ้นมา เขาพยายามสงบปากสงบคำและพูดเท่าที่จำเป็น แต่เขาดีใจที่ไม่ได้รู้สึกอะไรอีกแล้วกับสัมผัสของนพ และเขาก็รู้ว่าเพื่อนตัวกลมของเขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะพิศวาสอะไรเขา

"ทำแบบนี้ เกรงใจเจเขาบ้างนะ นพ"

วัฒน์ตำหนิแฟนของตน

"หึ ที่ห้ามเนี่ย เพราะเกรงใจเจอย่างนั้นเหรอ?"

เพื่อนรุ่นพี่ของเจนยุทธพูดขึ้นอย่างน้อยใจ คนรักของเขาไม่ค่อยยอมแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมานัก หลายครั้งที่เขาเป็นฝ่ายคาดคั้นเอาความรู้สึกจากอีกฝ่ายจนโกรธเกรี้ยวหรือแสดงอารมณ์ออกมาเองจนเหมือนเป็นคนบ้า วัฒน์ถอนหายใจ

"แล้วพี่มีสิทธิ์พูดได้เหรอว่าพี่หึง หึงจนแทบบ้าแล้ว พูดไป นพก็โกรธพี่อีก"

นพยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้ยินคนรักพูดว่าหึงตน เขาจุ๊บเร็วๆ ที่แก้มของวัฒน์ ดร.หนุ่มหน้าแดง เขาตามอารมณ์ของนพไม่เคยทันเลยจริงๆ เจกับฆาเบียร์หันมายิ้มให้กันเมื่อเห็นนพแสดงความรักกับแฟน



"งั้นเดี๋ยวพวกกูไปนอนก่อนนะ นี่จะตีสามแล้ว พรุ่งนี้กูต้องออกจากที่นี่ตั้งแต่ตอนสายๆ"

"อ้าว ไม่อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนเหรอพี่?"

เจนยุทธถาม โดยปกติแล้วเพื่อนๆ อิ่มและเพื่อนเขาที่ค้างที่บ้านมักกลับกันหลังกินมื้อเที่ยงที่ฟองนวลจัดเต็มให้ทุกปี

"ไม่ล่ะ เสียดายเหมือนกัน แต่กูนัดน้องๆ กินมื้อเที่ยงไว้ ปีนี้อยู่กันพร้อมหน้า ไว้กูค่อยมากินข้าวฝีมือแม่ฟองใหม่วันหลังแล้วกัน"

อิ่มใจหน้าบาน นพพูดแบบนี้แสดงว่าอีกไม่นานเจ้าชายในใจของเธอก็จะมาที่บ้านนี้ใหม่ เธอคงต้องขอเจอัพเดทให้ว่านพจะมาวันไหนจะได้กลับมาบ้านวันเดียวกัน

"งั้น ฝันดีนะพี่..."

"...อ้อ ว่าแต่ พี่วัฒน์ คืนนี้ไงๆ ก็เบาเสียงหน่อยนะ เรือนหลังนี้ผนังมันบาง"

ฆาเบียร์แทบหัวเราะก๊ากเมื่อได้ยินสิ่งที่ไอ้ตัวแสบของเขากระซิบแบบไม่เบานักที่หูดร.หนุ่ม นพด่าเพื่อนรุ่นน้องลั่นและไล่เตะเจนยุทธไปทั่วห้อง วัฒน์ได้แต่ยืนหน้าแดงก่ำ เขามักกลั้นเสียงของตนเองไม่อยู่จริงๆ นพบ่นพึมพำแล้วรีบลากคนรักขึ้นชั้น 2 ของเรือนพักหลังนี้ไป

"เหลือเกินจริงๆ เจ นี่ไปรู้ได้ยังไงว่าวัฒน์น่ะเสียงดัง"

ฆาเบียร์หยิกแก้มป่องๆ ของคนรักอย่างมันเขี้ยว เจหัวเราะ เขาเล่าให้ฟังว่าเขาไปเที่ยวต่างประเทศหรือต่างจังหวัดกับนพบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งตอนไปกทม. ก็ตาม บางครั้งวัฒน์ก็ไปด้วย บางครั้งก็ได้นอนห้องเดียวกัน เจมักนอนเตียงเสริมและให้คู่รักทั้งสองนอนบนเตียงใหญ่

"บางทีพวกพี่เขานึกว่าผมหลับสนิทไปแล้ว ก็เลย..."

ฆาเบียร์โคลงหัว พนันได้เลยว่าไอ้ตัวดีของเขาคงทำเป็นหลับสนิทพร้อมกรนคร่อกๆ เพื่อรอดูท่าทีของคนทั้งสอง เขาชักรู้สึกสงสารนพขึ้นมาตะหงิดๆ



"พี่ๆ จะเล่นไพ่กันต่อป่าว"

เจนยุทธที่ยังตาสว่างอยู่ถามบรรดาสาวๆ ซึ่งดูแบตอ่อนกันเกือบทุกคนแล้ว

"ไม่หวายแล้วว่ะ พี่ขอตัวปายนอนก่อนดีกว่า"

เปิ้ลที่กินเหล้าไม่หยุดมาตั้งแต่หัวค่ำทำท่าจะลากหมอนมานอนพื้นห้องโถง เธอทั้งง่วงทั้งเมาจนหัวหมุนไปหมดแล้ว เจรีบประคองแขนข้างหนึ่งของร่างอวบอัดที่เขาเคยร่วมเตียงด้วยขึ้นมาจากพื้น เขาขอฆาเบียร์ช่วยประคองอีกข้าง แต่ฆาเบียร์กลับช้อนร่างนั้นขึ้นและอุ้มพาไปส่งในห้อง อิ่มกรี๊ดกร๊าดเบาๆ พร้อมถ่ายรูปเก็บไว้ตามเคย พรุ่งนี้เธอจะส่งให้เพื่อนสาวของเธอได้ดู รับรองว่าเจ้าตัวต้องกรี๊ดอย่างฟินแน่ๆ เจนกับแตงโมซึ่งตอนนี้กลายเป็นแฟนคลับของฆาเบียร์ไปแล้วแทบอยากจะทิ้งตัวลงนอนบนพื้นแต่โดนเจถลึงตาห้ามไว้ ทั้งคู่หัวเราะให้กับท่าทางหึงหวงที่พวกเธอไม่เคยได้เห็นตลอดระยะเวลาที่เคยมีสัมพันธ์กับเจ

เจปลุกริคกี้ที่นั่งขัดสมาธิพิงผนังหลับอยู่ให้ตื่น ริคกี้งัวเงียปลุกเมลิน่าที่นอนหนุนตักเขาให้ตื่นขึ้นมา ทั้งคู่ช่วยเจและอิ่มเก็บกวาด เทเศษอาหารทิ้งและเอาอาหารที่เหลือใส่ตู้เย็นพร้อมกับเก็บขวดเหล้าที่ยังไม่หมดใส่ลัง ใช้เวลาไม่นานแพนทรี่ก็สะอาดเหมือนเดิม สาวๆ ขอตัวไปนอนเช่นเดียวกับอิ่มที่คืนนี้จะนอนที่เรือนพักกับเพื่อน เจจัดการกางโซฟาที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นเตียงขนาด 5 ฟุตได้ มันจะเป็นที่นอนของพวกเพื่อนๆ ของเขา เขาเอาฟูกปูเสริมลงไปและปูผ้าปูเตียงลงไปพร้อมจัดหาหมอนให้ เขามองหาเพื่อนๆ เพื่อที่จะลาไปนอน

"ปรินซ์กับซันซันหายไปไหนน่ะ?”

"เห็นว่าไปนอนดูดาวที่ชานบ้านหรือว่าไงนี่แหละ"

ฆาเบียร์ตอบ ตอนอุ้มเปิ้ลไปส่งที่ห้องนอน เขาเจอปรินซ์ซึ่งขึ้นไปเอาหมอนสำรองกับผ้าห่มมาจากห้องเก็บของ เขาบอกว่าจะเอาไปให้ซันซันที่หลับไปแล้วที่นอกชาน เจพยักหน้าแล้วเดินไปที่ประตูออกนอกชานเพื่อไปเรียกเพื่อนทั้งสองให้กลับเข้ามาในบ้าน เขาชะงักแล้วหันมากวักมือเรียกฆาเบียร์ยิกๆ

"มีอะไรเหรอ เจ?"

"ชู่ว์ เบาๆ สิ"

ฆาเบียร์โผล่หน้ามาดู ที่เขาเห็นคือปรินซ์ที่นั่งหันหลังให้เขาทั้งคู่อยู่ตรงสุดชานบ้าน โดยมีซันซันห่มผ้านอนตะแคงหนุนหมอนบนตักของเพื่อนหนุ่มตัวล่ำ เจนยุทธแอบแง้มประตูกระจกนิดหน่อยเพื่อให้ได้ยินเสียงของทั้งสองคน จากเสียงกรนดังสนั่นของซันซันที่เขาได้ยิน เพื่อนตี๋อ้วนของเขาคงหลับสนิทแล้ว

ซันซันพูดละเมออะไรงึมงำออกมาแล้วก็พลิกตัวนอนหงาย เจและฆาเบียร์มองหน้ากันเมื่อเห็นปรินซ์ดึงผ้าห่มที่หลุดจากตัวขึ้นคลุมร่างของเพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็กอย่างนุ่มนวล ใบหน้าที่หันมาครึ่งซีกของปรินซ์ทำให้ฆาเบียร์และเจเห็นสายตาอ่อนโยนที่เพื่อนหนุ่มคนนี้มองเพื่อนสนิทของเขาที่กำลังหลับปุ๋ย

"..."

เจตะครุบปากตัวเองไม่ให้อุทานออกมาเมื่อปรินซ์ก้มลงจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากที่แดงก่ำเพราะลมหนาวของซันซัน ก่อนหน้านี้เขาได้ยินเสียงปรินซ์กระซิบอะไรเบาๆ ที่ข้างหูเพื่อนรักของเขา เจรอดูทีท่าของเพื่อนสักพักก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปนอกชาน



"ปีนี้ กูก็จะอยู่ข้างๆ มึงและคอยดูแลมึงเหมือนกับที่กูเคยสัญญาไว้ทุกปีนะ ซันซัน"

ปรินซ์กระซิบเบาๆ ที่หูของเพื่อนตี๋อ้วนของเขา เขาสัญญาแบบนี้กับมันทุกวันปีใหม่โดยที่มันไม่รู้ตัวมาหลายปีแล้ว ก่อนจะจบด้วยการจูบเบาๆ ที่ปากของเพื่อนที่มักเมาไม่รู้เรื่องเพื่อเป็นการตีตราประทับบนสัญญานั้น ปรินซ์เพ่งพิศใบหน้ากลมๆ ของเพื่อนรัก มันจะเคยรับรู้ความรู้สึกของเขาบ้างไหม? แต่ต่อให้มันจะไม่รับรู้เลย เขาก็ไม่ใส่ใจ แค่ได้อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ แบบนี้เขาก็สุขใจแล้ว หนุ่มลูกจีนร่างล่ำสันใช้นิ้วไล้เบาๆ ที่ข้างแก้มนิ่มๆ ของตี๋อ้วน เขาสะดุ้งเฮือกและชักมือกลับเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคน

เจนั่งแปะลงที่ข้างร่างเพื่อนตัวล่ำของเขา

"นี่ เดี๋ยวกูกับฆาเบียร์ไปนอนก่อนนะ"

"อือ...กี่โมงแล้วน่ะ กูมานั่งรับลมหนาวให้สร่างเมาน่ะ ไอ้อ้วนนี่ก็หลับปุ๋ยไปแล้ว ดันมาใช้ขากูเป็นหมอน หนักก็หนัก จะให้หนุนหมอนเฉยๆ มันก็เตี้ยไป กูก็เลยต้องสละตักให้มันนอน ..."

ปรินซ์ยิ่งพูดยิ่งไม่รู้เรื่อง เขาประหม่าเพราะไม่รู้ว่าเพื่อนตัวแสบของเขามานานแค่ไหนแล้วและเห็นอะไรไปแค่ไหน เจนั่งนิ่งๆ ฟังปรินซ์พูด เพื่อนตัวล่ำของเขาคงไม่รู้ตัวว่าตัวเองหน้าแดงแค่ไหน

"ปรินซ์...มึงรู้ใช่ไหมว่าถ้ามีอะไร มึงมาคุยมาปรึกษากับกูได้ทุกเรื่อง"

เจจับแขนเพื่อนหนุ่มของเขา ปรินซ์นิ่งไป ก่อนจะถอนหายใจยาว

"อือ กูรู้ ขอบใจว่ะ เจ แต่เรื่องนี้กูคงต้องเคลียร์เอง ขอเวลากูหน่อยนะ"

เจบีบแขนเพื่อนที่สนิทกันมานับสิบปีคนนี้เบาๆ เพื่อให้กำลังใจ เขาพอจะเข้าใจสถานการณ์แล้วและหวังว่าเพื่อนของเขาทั้งคู่จะสามารถผ่านมันไปได้

"งั้นกูไปนะ มึงปลุกซันซันแล้วเข้าไปนอนเถอะ ข้างนอกนี่มันหนาวเดี๋ยวจะไม่สบายกันทั้งคู่"

"...มึงอาบน้ำที่ห้องน้ำข้างล่างได้เลยนะ กูเตรียมผ้าเช็ดตัวให้แล้ว เจอกันพรุ่งนี้เช้า"

เจลุกขึ้นยืน เขาตบไหล่ปรินซ์เบาๆ แล้วเดินกลับไปหาฆาเบียร์ที่ยืนรออยู่ที่ประตู พวกเขาเดินไปเรียกเมลิน่ากับริคกี้ที่นั่งรอพวกเขาอยู่ให้กลับไปด้วยกัน



"อ่ะ ขับรถให้หน่อยครับ เมีย ผมยังมึนๆ อยู่"

เจขึ้นนั่งข้างคนขับ ถึงภายนอกเขาจะดูไม่ค่อยเมาเท่าไหร่ แต่จริงๆ เขาเมาพอสมควรแล้ว ฆาเบียร์ค่อยๆ ขับน้องอัซซูรี่ของเจไปตามทางดิน ไต้ที่ปักไว้สองข้างทางดับหมดแล้ว แต่ไฟของรถคันนี้ก็สว่างนำทางพวกเขามาถึงเรือนใหญ่ เขาจอดรถส่งเลขาทั้งสองของเขาที่หน้าบ้าน

"พรุ่งนี้เจอกันตอนเช้านะ ทั้งสองคน พักผ่อนให้เต็มที่ อีกสองวันก็จะกลับกันแล้วนี่"

ทั้งสองรับคำและกล่าวราตรีสวัสดิ์กับนายของพวกเขาก่อนจะพากันเดินกลับเข้าบ้านไป ฆาเบียร์ขับรถเข้าไปจอดในโรงรถก่อนจะลงไปเปิดประตูให้เจที่นั่งหลับตาอิงเบาะ

"ไหวไหมเจ?"

"อืมม์ รู้สึกเหมือนบ้านหมุนเลย คุณประคองผมหน่อยสิ"

เจนยุทธหลับตาพูด ฆาเบียร์ประคองเจลงจากรถ เขากดปิดล็อคที่มือจับและค่อยๆ ประคองเจที่เดินซวนเซก่อนจะตัดสินใจอุ้มร่างเพรียวขึ้นและพาเดินขึ้นบันไดเตี้ยๆ ขึ้นสู่ลานหน้าบ้านซึ่งยังมีโต๊ะเก้าอี้วางรอเก็บอยู่ หากบรรดาสิ่งของทั้งหลายพวกจานชามถูกเก็บไปหมดแล้ว ฆาเบียร์ปล่อยเจลงยืนที่หน้าประตูห้อง เขาไขประตูเข้าห้องและประคองคนตัวเล็กเข้าไปและปิดประตูตาม เดี๋ยวเขาคงต้องลากมันเข้าไปอาบน้ำอาบท่าแล้วปล่อยให้หลับ

"เจ เดี๋ยว โอ๊ะ!"

คนตัวเล็กทิ้งน้ำหนักลงกับตัวของฆาเบียร์แถมขาของเจยังพันกับขาของเขาจนทำให้เขาเสียหลักล้มลงบนเตียง เขากอดคนตัวเล็กในอ้อมอกไว้ไม่ให้กลิ้งตกลงไปและดึงขึ้นมาทาบทับตัวเขา



"หอม..."

เจนยุทธซุกหน้าลงกับซอกคอของเขาและสูดดมหนักๆ กลิ่นของน้ำหอมทอม ฟอร์ดยังคงอวลอยู่จางๆ แม้ผ่านมาเกือบ 12 ชั่วโมง หากกลิ่นตอนนี้หนักไปทางวนิลามากกว่าใบยาสูบแล้ว

"หอมจนอยากกินคุณไปทั้งตัวเลย ฆาเบียร์"

น้ำเสียงของเจปราศจากความมึนเมา ฆาเบียร์กระพริบตาปริบๆ

"นี่เจไม่ได้เมาเหรอ?"

"เมาสิ นี่หัวหมุนอยู่เนี่ย สำหรับผม ถ้ากินเหล้าเข้าไปเยอะแต่ท่าหรือเสียงปกติน่ะแสดงว่าเมาแล้ว แต่ถ้าเซไป เซมา คอพับคออ่อนน่ะ แปลว่าแกล้งเมา"

"งั้น เมื่อกี้ก็..."

"อือ แกล้ง ก็ผมอยากให้คุณอุ้มอ่ะ ทีพี่เปิ้ลคุณยังอุ้มได้เลย"

ฆาเบียร์หัวเราะออกมาเบาๆ เจน้อยของเขาช่างแสบจริงๆ มันทำให้เขานึกถึงวันแรกที่เจอกัน เขาหน้าแดงนิดๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น เขาจุ๊บเบาๆ ที่ปากคนเมาที่นอนทับอกเขาอยู่

"เจจ๋า แกล้งเมาให้ฉันดูอีกสิ เอาแบบวันที่เราเจอกันครั้งแรกนะ"

เจนยุทธหน้าแดง เขาพลิกตัวลงนอนบนเตียง ส่วนฆาบี้ลุกขึ้นนั่งดูคนตัวเล็กของเขาแกล้งเมา เจหลับตาลง เขาเลิกเสื้อตัวเองขึ้นให้เห็นหน้าท้องแบนราบที่มีกล้ามน้อยๆ เขาลูบหน้าตัวเองแรงๆ ก่อนจะลืมตาขึ้น ตาของเขาหรี่ปรือ ปากรูปกระจับสีแดงระเรื่อนั้นเผยอออกเล็กน้อย

"ฆาเบียร์ครับ ผมไม่ไหวแล้ว มึนมากเลย"

เสียงของเจนั้นเมามาย

"ทั้งร้อน ทั้งอึดอัด...ทำไงดี"

เขายกมือทำท่าจะถอดเสื้อตัวเอง แต่ถอดไม่ได้ เจนยุทธถอนหายใจและอ้าแขนไปทางฆาเบียร์

"ถอดให้ผมหน่อยสิ"

ฆาเบียร์ดูแก้มแดงๆ และตาที่หรื่ปรือนั้นที่เคยล่อลวงเขาจนตกหลุมพรางมาแล้ว เขาอดไม่ได้ต้องยกมือหยิกแก้มป่องๆ ของเจ

"ร้ายนักนะเรา ทำท่าเมาหลอกสาวๆ มากี่คนแล้วเนี่ย"

"โอ๊ย อะไรเล่า ก็บอกให้ทำให้ดูไง ก็ทำแล้ว"

เสียงเจกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม เขาลูบแก้มที่โดนหยิกเบาๆ พร้อมบ่นอุบอิบแล้วดันกายลุกขึ้นจากเตียง เขาเซน้อยๆ แต่ไม่ได้ถึงขั้นเดินไม่ได้แบบที่แสดงออกมาเมื่อครู่ เจดึงคนตัวโตให้ลุกขึ้น

"ป่ะ อาบน้ำกันเถอะ ตีสามกว่าแล้ว"

เจนยุทธถอดต่างหูสีน้ำเงินออกและเอาใส่กล่องอย่างทะนุถนอม ฆาเบียร์ก็ถอดข้างของตนและวางมันลงเคียงข้างกับของเจ ทั้งคู่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้กันและกัน ทั้งคู่ใช้เวลาพักใหญ่ไปกับการจุมพิตและลูบไล้ร่างของอีกฝ่ายกว่าจะถอดหมดทั้งตัว


(ต่อคอมเมนท์ถัดไป)



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1


---- New Year Resolution (ต่อ) ----




"ผมอยากได้กล้ามแบบนี้มั่งอ่ะ"

เจบ่นอย่างอิจฉา เขาใช้มือที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ลูบไล้ไปทั่วแผงอกกว้างและกล้ามท้องที่เป็นลูกชัดเจน ฆาเบียร์ดึงกายคนรักเข้าแนบกับร่างของเขา เขาขยับกายเบาๆ ให้ร่างกายส่วนหน้าของพวกเขาทั้งสองถูไล้ไปด้วยกัน เจหลับตาพริ้มหากมือของเขาไม่นิ่งตาม เจเทสบู่เหลวลงกับมือและทำฟองเพิ่ม เขาโอบรอบร่างฆาเบียร์และลูบไล้ฟองสบู่ไปยังแผ่นหลังกว้าง ไล้เรื่อยลงมาสู่บั้นเอวและลงมาสู่บั้นท้ายงอนงามของฆาเบียร์

"เจ อย่าซนสิ"

ฆาบี้บ่นเบาๆ เมื่อเจเอาแต่ลูบไล้ที่ก้นของเขาแถมยังคลึงเคล้นเบาๆ จนเขาขนลุกไปทั้งตัว นิ้วเรียวๆ ของเจเฉี่ยวไปเฉี่ยวมายังปากทางอันแคบเล็ก

"ฆาบี้ครับ...อะไรมันทิ่มพุงผมอยู่น้า?"

เจพูดยิ้มๆ บางส่วนของฆาเบียร์ขยายตัวเต็มที่และดันอยู่ที่หน้าท้องของเขา เจใช้ฝ่ามือทั้งสองกอบกุมมันไว้ ฆาเบียร์ครางเบาๆ เมื่อเจใช้ฝ่ามือทาบและขยี้เบาๆ ที่ส่วนปลายอันไวสัมผัส

"เจ ไหนว่าจะไม่ทำที่บ้านไง"

"ช่างหัวกฎมันไปแล้ว ฆาเบียร์ ผมไม่สนแล้ว"

เจโน้มคอเมียตัวโตของเขามาจูบอย่างกระหาย เขาสะดุ้งเมื่อมือใหญ่ของฆาเบียร์สัมผัสแก่นกายของเขาเช่นกัน

"อา ฆาเบียร์ครับ..."

เจครางราวกับละเมอออกมาแผ่วเบา มือใหญ่นั้นกุมแท่งลำของเขาและของฆาเบียร์เองไว้ด้วยกันและรูดไล้ไปพร้อมกัน ความเสียดสีทำให้เจแทบดิ้นตาย ฆาเบียร์ปิดฝักบัวและดันคนตัวเล็กของเขาที่ทำท่าจะขาอ่อนลงกับพื้นติดผนังห้องน้ำ เขาซุกไซร้ตามซอกคอและพวงแก้มนิ่ม เจสยิวกายเฮือกเมื่อถูกขบเม้มใบหู ฆาบี้รู้จักจุดเสียวของเขาดีกว่าตัวเขาเองเสียอีก

"คุณ ผมจะไม่ไหวแล้ว"

เจครางเสียงกระเส่าที่ข้างหูคนรัก เขาซบหน้าลงบนไหล่ฆาเบียร์แล้วฉีดพ่นออกมาเต็มมือคนตัวโต ฆาเบียร์เองก็กายไหวเยือกและปลดปล่อยออกมาเช่นกัน



"เจ วันนี้ฉันสนุกมาก ขอบใจนะ"

ฆาเบียร์ที่กำลังเป่าผมให้คนตัวเล็กจูบเบาๆ ที่ต้นคอขาวๆ ของคนรัก

"...โดยเฉพาะ เอ่อ เรียกว่าอะไรนะ? บอกไฟใช่ไหม? มันสวยจริงๆ ฉันชอบมาก"

ฆาเบียร์รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายคลิปไว้เพราะมัวแต่ตะลึง แต่คิดว่าสาวๆ สักคนคงได้ถ่ายไว้ แล้วเขาค่อยให้เจไปขอให้

"แล้วก็ ขอบคุณมากนะเจ สำหรับเพลง แต่ว่าเจจ๋า..."

ฆาเบียร์กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่เมื่อนึกถึงเสียงของเจตอนร้องเพลง

"นายนี่ร้องเพลงไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ฮ่าๆ"

"งั้นเดี๋ยวผมขอแก้ตัวอีกรอบนะ ฆาบี้"

เจนยุทธยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ฆาเบียร์เช็ดน้ำตาป้อยๆ ไอ้ตัวเล็กอยากร้องอีกรอบก็ตามใจ แต่ฟังจากเสียงตอนคาราโอเกะแล้ว เจร้องเพลงไม่เป็นเลยจริงๆ เจกดเปิดเพลงจากยูทูปและเริ่มร้องเพลงอีกครั้ง ฆาเบียร์ตะลึง มันฟังดูเป็นคนละคนกับคนที่ร้องเพี้ยน คร่อมจังหวะ หลุดโน้ตคนนั้น เจคนที่กำลังร้องเพลงอยู่นี้ทั้งแม่นโน้ต แม่นจังหวะและฟังดูรู้ว่าเป็นคนที่ผ่านการฝึกร้องเพลงมา เสียงของเจนยุทธช่างสดใสกังวาลและเปี่ยมด้วยอารมณ์ นี่เขาโดนมันหลอกเข้าอีกครั้งแล้วสินะ

"...เติมใจให้กัน จนเต็ม"

เจกระซิบท่อนสุดท้ายของเพลงเข้าที่หูของคนรัก แม้จะไม่ได้รู้ความหมายของมันจริงๆ ในภาษาไทย แต่ฆาเบียร์ก็จำที่ปรินซ์แปลให้เขาฟังได้ เพลงนี้ของเจเติมเต็มใจของเขาได้จริงๆ

"นี่นายแกล้งร้องเพี้ยนเหรอ เจ?"

"ก็คุณบอกให้ผมทำตัวเหมือนทุกครั้ง ต่อหน้าพวกสาวๆ ผมก็จะร้องเพลงแบบนั้นตลอดแหละ"

เจหัวเราะเบาๆ ตัวเขาเองเคยเรียนดนตรีมาตั้งแต่เด็กแถมยังอยู่ชมรมดนตรีตอนมัธยม ร้องในวงกับพวกเพื่อนๆ ก็เคย การที่จะทำเป็นร้องเพี้ยนได้เนียนนั้นยากจริงๆ และต้องหัดกันนาน

"ทำไมล่ะ เสียงเจเพราะออก ใครฟังก็ต้องชอบ"

"คุณลองนึกดูนะ ฆาเบียร์ ถ้ามีคนๆ หนึ่งมาร้องเพลงให้คุณ ระหว่างคนที่ร้องเพราะอยู่แล้วกับคนที่ร้องเพลงไม่เป็นเลย แต่ก็ยอมอายแล้วออกมาร้องเพลงถ่ายทอดความรู้สึกให้คุณฟัง คนไหนที่ทำให้คุณปลาบปลื้มมากกว่ากัน?..."

ฆาเบียร์คิดตาม คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว เช่นที่เขาเคยเห็นจากในภาพยนตร์หลายเรื่องที่พระเอกหรือนางเอกร้องเพลงไม่ได้เรื่องแต่ทำให้คนรักน้ำตาซึมได้

"นี่ฉันเสียรู้นายเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เจนยุทธ"

ฆาเบียร์งับจมูกน้อยๆ ของคนรัก

"รู้ความจริงแล้วทำให้เพลงของผมซึ้งน้อยลงหรือเปล่า?"

ฆาเบียร์ส่ายหน้า หลังจากฟังทั้งสองเวอร์ชั่นแล้วเขาก็สรุปได้ว่าเขาชอบมันทั้งคู่เพราะมันเป็นเพลงที่เจร้องขึ้นเพื่อเขา ไม่ว่าจะด้วยเสียงแบบไหน สารที่ถูกส่งผ่านมาในเพลงนั้นก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม



ฆาเบียร์ไล้มือไปตามกรอบหน้าของคนรักที่นอนร่วมหมอนกับเขา ดวงตากลมโตที่ไร้แววง่วงงุนของเจจ้องเป๋งมาที่เขา

"ยังไม่ง่วงอีกเหรอ เจ?"

"ง่วง...แต่ผมยังไม่อยากหลับ"

"ทำไมล่ะ คนดี เดี๋ยวอีกไม่นานก็เช้าแล้วนะ"

"ผมไม่อยากเสียเวลาไปกับการนอน ฆาเบียร์ ผมอยากมองดูคุณให้นานที่สุด อยากสัมผัสตัว อยากจูบ อยากใช้เวลาด้วยกัน"

น้ำตาเอ่อขึ้นมาในดวงตาสดใสคู่นั้น ฆาเบียร์ใจหายวูบ

"อีกสามวันเองนะ ฆาเบียร์ อีกสองคืนคุณก็จะไปจากผมอีกแล้ว"

ฆาเบียร์จูบเบาๆ ที่เปลือกตาของคนรัก เขากอดร่างเพรียวไว้แนบอกและจุมพิตที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเจ เขาป้อนลิ้นของเขาสู่โพรงปากหวานฉ่ำนั้นและเกี่ยวไล้กับลิ้นเรียวของเจนยุทธ เขารู้สึกได้ถึงแกนกายของเจที่เริ่มพองตัวเบียดกับหน้าขาของเขา ฆาเบียร์ตัดสินใจพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างเพรียวนั้น เจเอื้อมมือไปหยิบถุงที่ฆาเบียร์เตรียมมาด้วยเพื่อหยิบอุปกรณ์ออกมา เขาหยิบถุงยางขนาดของคนรักมาส่งให้ฆาเบียร์ หากเจ้าตัวปฏิเสธ



"คืนนี้ฉันเป็นของนาย เจนยุทธ"

ริมฝีปากบางที่ยิ้มพราย ดวงตาคมวาวที่ส่องประกายระยิบระยับทำให้เจเคลิ้ม ฆาเบียร์บดเบียดบั้นท้ายเปลือยเปล่าของตนให้ถูไถกับส่วนแข็งขืนของเจนยุทธ มือของทั้งสองต่างลูบไล้เนื้อตัวของกันและกัน ฆาเบียร์ครางออกมาเบาๆ เมื่อนิ้วของเจบีบและเขี่ยดุนที่ยอดอกสีน้ำตาลอ่อนที่ไวต่อสัมผัส มันชูชันขึ้นแทบจะทันทีที่ถูกแตะต้อง เขาสะดุ้งเฮือกอีกครั้งเมื่อเจยกตัวขึ้นนั่งและซบหน้าลงกับอกของเขา ริมฝีปากสวยๆ นั้นดูดหนักๆ ที่ตุ่มไตแข็ง ฆาเบียร์ครางอย่างลืมตัวเมื่อลิ้นเจตวัดพริ้วเขี่ยดุน ลิ้นของเจช่างร้ายกาจจริงๆ อารมณ์ของฆาเบียร์เตลิดเมื่อมือเนียนนุ่มของคนรักขยำขยี้ที่บั้นท้ายหนั่นแน่นของเขา เขารู้สึกได้ถึงการรุกรานที่ปากทางแคบเล็ก

เจนยุทธผลักคนตัวโตของเขาให้นอนลงบนฟูกนุ่มเขาจูบไล่ลงมาหน้าท้องที่นูนแข็งด้วยกล้ามเนื้อ มือของเขาลูบไล้ตามต้นขาแข็งแรงก่อนใช้ตัวดันให้ต้นขาทั้งสองแยกออก ฆาเบียร์ผวากายขึ้นเมื่อเจนยุทธทิ้งรอยสีกุหลาบไว้บนท้องน้อยของเขา เจจูบไล้บริเวณรอบๆ ส่วนสงวนของฆาเบียร์ที่ปกคลุมด้วยเส้นไหมสีน้ำตาลอ่อนที่ตัดเล็มไว้อย่างดี ฆาเบียร์สูดปากเมื่อเจนยุทธใช้มือปลุกเร้าแก่นกายของเขาที่ตื่นพอสมควรแล้วให้ตื่นตัวเต็มที่

"อา ใช่ เจ ตรงนั้นแหละ"

ฆาเบียร์ครางลั่น เจนยุทธขยับนิ้วตามตำแหน่งที่จำได้ว่าสร้างความเสียวซ่านให้เมียตัวโตของเขา คนตัวโตหัวหมุนไปหมด เจโจมตีเขาทั้งหน้าและหลังอีกแล้ว ปากและลิ้นของเจสร้างความหฤหรรษ์ให้เขาไปพร้อมๆ กับที่ใช้นิ้วเบิกช่องทางด้านหลังเพื่อเตรียมรับสิ่งที่ใหญ่กว่า เจรู้สึกถึงการบีบรัดที่ช่องทางด้านหลัง เขาช้อนตามองคนตัวโตที่เอนกายอิงหมอนมองดูเขาป้อนความสุขให้กับตน ใบหน้าคมเข้มนั้นแดงระเรื่อด้วยความกำหนัด สายตาที่ฉ่ำเยิ้มของฆาเบียร์ทำให้เขาแทบทนไม่ได้แล้ว เขาอยากจูบปากบางๆ ที่ครางเสียงอันอ่อนหวานออกมานั้นเหลือเกิน



"เจ เจจ๋า ฉัน...อา ฉันจวนแล้ว รีบๆ เข้ามาเถอะ"

ฆาเบียร์หน้าร้อนวาบเมื่อเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของคนตัวเล็ก ไอ้ตัวดีทำให้เขาต้องร้องหาแก่นกายของมันอย่างสิ้นอายอีกแล้ว เจไม่สนใจคำร้องขอของคนตัวโต เขาขอลิ้มรสชาติของคนรักก่อน ริมฝีปากของเขาเร่งเร้า เขาชินกับแท่งลำของฆาเบียร์จนสามารถดูดกลืนมันเข้าไปได้ส่วนใหญ่แล้ว ส่วนที่เหลือเขากอบกุมมันด้วยฝ่ามือซึ่งกำมันได้ไม่เต็มรอบดีนัก ฆาเบียร์คำรามลั่นก่อนปลดปล่อยออกมา คืนนี้เจ "กิน" เขาไปสองครั้งแล้ว

"นี่ปล่อยไปตอนหัวค่ำแล้ว ยังเหลืออีกเยอะเลยนะ ฆาบี้"

คนตัวเล็กที่แทบสำลักบ่นพึมพำ เขาหยิบน้ำที่หัวเตียงมาดื่มล้างปากก่อนจะลงนอนตะแคงหนุนไหล่ฆาเบียร์ที่นอนหอบหายใจแรงแล้วกอดร่างกำยำนั้นไว้แนบอก

"แล้วเจไม่ทำเหรอ?"

ฆาเบียร์ลูบไล้แก่นกายของคนรักที่ชูชันแนบกับต้นขาของเขา

"ก็อยากอยู่อ่ะ แต่ตอนนี้ผมมึนมากอ่ะ ผมกลัวล่มกลางคันแล้วจะทำคุณค้าง"

เจยิ้มละไมให้คนรัก ถึงหน้าตาและเสียงเขาจะดูไม่เมา แต่เจนยุทธก็เมาพอสมควรในคืนนี้ เขาคงไม่ได้จัดการคนตัวโตจนลุกไม่ขึ้นอย่างที่ตั้งใจไว้

ฆาเบียร์จุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากซึ่งเพิ่งให้ความสุขเขาไปเมื่อครู่ มือของเขานวดเฟ้นแก่นกายของเจนยุทธ เจสูดปากเบาๆ เมื่อนิ้วของฆาเบียร์สัมผัสย้ำๆ ที่ส่วนปลาย เขาหลับตาพริ้มรับความสุขจากมือคนรัก พอรู้ตัวอีกทีฆาเบียร์ก็กำลังใช้ปากรูดใส่ถุงยางให้แก่นกายที่แข็งตัวเต็มที่ของเขา เจสูดปากและปล่อยอารมณ์ให้เพริดไปกับสัมผัสอุ่นๆ ของโพรงปากของเมียตัวโตของเขา ฆาเบียร์ถอนปากออก และขึ้นนั่งคุกเข่าคร่อมร่างเพรียวของเจนยุทธ เขาชะโลมแท่งลำของเจด้วยเจลอุ่นและจัดการส่งเจลบางส่วนเข้าช่องทางสีแดงระเรื่อด้วยนิ้วของเขาเอง เจกลืนน้ำลายลงคอ เมียของเขาช่างเซ็กซี่เหลือเกิน



"โอ ฆาเบียร์ มันแน่นจริงๆ"

เจครางกระเส่าเมื่อคนรักค่อยๆ กดสะโพกลงดูดกลืนแก่นกายของเขา ฆาเบียร์ยิ้มอย่างยั่วยวนให้คนที่นอนแทบหมดสภาพอยู่ตรงหน้า ดูท่าว่าเขาคงต้องเร่งหน่อยแล้วไม่อย่างนั้นเจคงหลับไปเสียก่อน ฆาเบียร์ค่อยๆ ส่ายสะโพกเบาๆ ก่อนแล้วค่อยเร่งจังหวะหนักขึ้นและเร็วขึ้น แท่งลำร้อนๆ ของเจสร้างความเสียวซ่านให้ฆาเบียร์จนเขาต้องครางกระเส่าออกมา เจไม่ยอมนิ่งเฉยๆ เขาใช้มือทั้งสองนวดคลึงตุ่มไตบนยอดอกของคนรัก ภาพของเมียตัวโตของเขาที่กำลังพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายข้างหน้าทำให้เขาแทบทนไม่ไหว ภายในกายของฆาเบียร์ช่างอุ่นและบีบรัดเหลือเกิน

"ที่รักครับ ผมรักคุณ รักคุณเหลือเกิน"

เจร้องลั่น เขายกตัวขึ้นกอดฆาเบียร์แน่นแล้วกระแทกสะโพกสวนขึ้นไปหนักๆ เพื่อสอดรับกับจังหวะของคนตัวโต เจครางกระเส่าและบดริมฝีปากกับปากของคนรัก ฆาเบียร์ดูดดึงริมฝีปากของคนตัวเล็ก เขาเองก็รู้สึกดีจนแทบจะลอยอยู่แล้ว การที่ได้เป็นคนควบคุมจังหวะเองนั้นช่างเยี่ยมจริงๆ ทั้งคู่กระแทกกายเข้าหากันอย่างเร่าร้อนอีกไม่กี่ครั้งก็ส่งเสียงคำรามอย่างสุดกลั้นออกมา ฆาเบียร์หอบหายใจหนักๆ และซบหน้าลงกับไหล่ของเจและจูบเบาๆ ที่ต้นคอและลาดไหล่นวลเนียน



"ฉันก็รักเจนะ"

ฆาเบียร์กระซิบแผ่วๆ ที่หูของคนรัก เจที่หลับตาพริ้มอย่างสุขสมยิ้มบางๆ ออกมา เขาไม่เคยเบื่อคำรักที่ฆาเบียร์พร่ำบอกเลย ถึงหลังๆ มาฆาบี้ไม่ค่อยได้กระซิบคำรักก่อนนอนเหมือนที่เคยทำช่วงที่แล้ว แต่ฆาเบียร์ก็หมั่นกล่าวมันต่อหน้าเขาแทน เขาจูบเบาๆ ที่ปากของคนรักแทนคำตอบรับ ฆาเบียร์ก็จูบตอบอย่างอ่อนโยนเช่นกัน หลายวันมานี้พวกเขาเพียรแลกจูบกันจนเขานึกไม่ออกแล้วว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้เขาจะอยู่อย่างไรถ้าไม่ได้สัมผัสริมฝีปากของคนรัก ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งเศร้าใจ

"ฆาบี้ เป็นอะไร?"

เจนยุทธดันกายของคนรักออกจากอก เขารู้สึกถึงหยาดน้ำอุ่นๆ ที่หยดลงกระทบแก้มของเขา เมียตัวโตของเขามีน้ำตาคลอเบ้า เจถอนหายใจ เขาใช้นิ้วปาดน้ำตาของฆาเบียร์ทิ้ง คนตัวโตคงคิดเรื่องเดียวกับเขาเมื่อก่อนหน้านี้

"อือ ผมรู้ๆ อย่าร้องไห้นะ คนดี"

เจโอบรัดร่างกำยำที่สะท้านเบาๆ ในอ้อมอก ฆาเบียร์พร่ำพูดว่าเขาเสียใจแค่ไหนที่ต้องจากเจไปอีกแล้ว เขาร้องไห้ไปด่าว่าตัวเองไปที่ไม่สามารถใช้เวลากับเจได้นานกว่านี้ เจนยุทธลอบถอนหายใจ คนรักของเขาเกิดอารมณ์อ่อนไหวขึ้นมาอีกแล้ว เขาลูบเบาๆ ที่แผ่นหลังกว้าง เขาพรมจูบตามใบหน้าที่เปรอะน้ำตาและพร่ำคำปลอบโยนคนตัวโตของเขา ฆาเบียร์ค่อยๆ คุมสติของตัวเองได้ และสงบลง

"โอเคหรือยังครับ เมีย?"

เจนยุทธพูดยิ้มๆ ฆาเบียร์พยักหน้าอายๆ เขาคุมตัวเองไม่อยู่อีกแล้ว

"ดีเลย เพราะขาผมชาไปหมดแล้ว ตัวคุณเบาๆ ซะที่ไหน"

ฆาเบียร์หน้าร้อนวาบ พวกเขายังอยู่ในท่าที่ใช้ร่วมรักกันเมื่อครู่อยู่ เขาขยับตัวเพื่อที่จะลุกออกจากร่างของคนตัวเล็กที่หาว่าเขาตัวหนัก

"เจ...ทำไมมัน เอ่อ แข็งอีกแล้วล่ะ"

"ก็ผมสร่างเมาแล้ว...อีกอย่าง มันก็ความผิดคุณด้วยอ่ะ"

เจยิ้มอายๆ ก็คนตัวโตขยับยุกยิกไปๆ มาๆ อะไรๆ ที่มันหลับไปแล้วก็ถูกเสียดสีจนตื่นขึ้นมาอีก เขาดึงเครื่องป้องกันที่ใช้แล้วทิ้ง แล้วหยิบอันใหม่ขึ้นมาชูให้ฆาเบียร์ดูพร้อมยักคิ้ว ฆาเบียร์เม้มปากครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะเอนกายลงนอนบนเตียงและดึงกายคนตัวเล็กลงทาบทับ



"ฆาเบียร์ครับ"

เจนยุทธที่อาบน้ำชำระกายมาใหม่แล้วไล้มือตามกรอบใบหน้าคมเข้มของคนรัก ฆาเบียร์ตอบรับแผ่วๆ เขาหมดสภาพแล้วจริงๆ วันนี้

"ปีใหม่นี้ ผมสัญญา ว่าผมจะรักคุณแค่เพียงคนเดียวและจะพยายามทำตัวให้เป็นคนที่เหมาะสมกับคุณให้ได้"

"เจจ๋า ทุกวันนี้เจก็เป็นคนที่สมบูรณ์พร้อมสำหรับฉันอยู่แล้วนะ ฉันขอแค่ความรักของเจ แค่นั้นก็พอแล้ว ฉันไม่ได้ต้องการสิ่งอื่นใดจากเจเลยนะ"

"คุณก็รู้ว่าผมหมายถึงอะไร"

ฆาเบียร์ถอนหายใจ เจยังคงกังวลเรื่องที่เคยกังวลตอนอยู่ฮ่องกง ฆาเบียร์รู้ว่าเจได้พยายามหาความรู้ใหม่ๆ และเรียนรู้หลายๆ สิ่งเพื่อที่จะสามารถก้าวมายืนเคียงข้างเขาในวงธุรกิจได้อย่างสมภาคภูมิ ใจจริงเขาอยากบอกเจว่าไม่ต้องทำแบบนั้น เพราะเขาไม่สนสายตาคนอื่น เจสมบูรณ์พร้อมในแบบของตัวเองอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นความพยายามของเจแล้วเขาก็พูดไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้คนตัวเล็กทำตามที่อยากทำไป

"ปีใหม่นี้ ฉันสัญญา ฉันจะพยายามกลับบ้านให้บ่อยขึ้นและใช้เวลากับเจให้มากขึ้น"

"หึ ทำให้ได้จริงๆ แล้วกันนะ พ่อคนบ้างาน"

เจนยุทธย่นจมูกล้อเลียนเมียตัวโตของเขา ใจจริงฆาเบียร์อยากชวนเจไปอยู่ฮ่องกงเสียด้วยกันเลย แต่เขารู้ว่ามันคงต้องใช้เวลาในการเตรียมการ ไหนจะเรื่องขอวีซ่าอยู่อาศัย ไหนจะเรื่ิองเวิร์คเพอมิท เพราะเขาแน่ใจว่าเจไม่ยอมอยู่เฉยๆ ให้เขาเลี้ยงแน่ เขาถอนหายใจเบาๆ เขาคงต้องเริ่มคิดเรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว เขาไม่รู้ว่าในใจเจคิดเรื่องการใช้ชีวิตกับเขาไปถึงขั้นไหน แต่สำหรับเขาแล้วปณิธานวันปีใหม่หรือ New Year resolution ที่แท้จริงของเขาคือการทำในสิ่งที่ทำให้ได้เข้านอนและตื่นเช้ามาโดยมีร่างของเจอยู่เคียงข้างทุกคืนวัน

"นี่ คิดอะไรอยู่ นอนได้แล้ว คุณ จะเช้าแล้ว"

เจหัวเราะเบาๆ ให้กับคนที่มัวแต่นอนเหม่อ แล้วตบที่ไหล่ตัวเองเบาๆ ฆาเบียร์ขยับร่างไปนอนหนุนไหล่เพรียวแข็งแรงของเจนยุทธและโอบกอดร่างของคนรักไว้ เจพลิกกายนอนตะแคงและกอดร่างกำยำนั้นไว้ในอ้อมอกก่อนที่จะหลับใหลไปอย่างแสนสุข



----------------------------------------

จบไปอีกหนึ่งวันนะเจ เฮ้อออออ พรุ่งนี้ฆาเบียร์จะลุกขึ้นไหมนะ?





ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1


---- 'I Hug Jay' ----




"เจ ลุกละยัง?"

'เจ ตื่นหรือยัง?'



"เวรแล้ว!"

เจนยุทธสบถลั่นเมื่อได้ยินเสียงแม่มาเคาะประตู เขาดูนาฬิกาแล้วตาลีตาเหลือกลุกขึ้นหยิบเสื้อกับกางเกงมาใส่ เขาโยนกางเกงนอนส่งให้ฆาเบียร์ที่งัวเงียลุกขึ้น

"รอแป๊บนึงเน่อครับ แม่ เจหลับม่วนไปน่อย เดียวผมโตยไปหาแม่ตี้คัวไฟเน่อ"

'รอแป๊บนึงนะครับ แม่ เจหลับเพลินไปหน่อย เดี๋ยวผมตามไปหาแม่ที่ครัวนะ'


ฟองนวลรับคำลูกชายแล้วเดินจากไป

"อะไรเหรอ เจ? นี่กี่โมงแล้ว?"

ฆาบี้หาวหวอดๆ เขารับกางเกงนอนมาใส่อย่างงงๆ

"แปดโมง ฆาเบียร์ ผมต้องรีบไปแล้ว คุณนอนต่อก็ได้ แต่แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน"

"ยังเช้าอยู่เลย เจจะรีบไปไหน มาให้ฉันกอดต่อเถอะ"

คนตัวโตทำกายสะท้าน ในเรือนพักของเจต่อให้มีระบบปรับอากาศคอยควบคุมอุณหภูมิแต่ด้วยความที่เป็นบ้านไม้ก็ทำให้อากาศหนาวเย็นจากเบื้องนอกเล็ดลอดเข้ามาได้อยู่ดี

"ไม่ได้ๆ ผมนัดแม่ไว้ว่าจะไปช่วยเอาอาหารเช้าไปส่งที่ลอดจ์ ส่งเสร็จแล้วเดี๋ยวผมกลับมาหา"

เจหยิบเสื้อคาร์ดิแกนบางๆ มาใส่ ฆาเบียร์ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าจากในตู้มาใส่บ้าง

"เดี๋ยวฉันไปช่วยด้วย เจ"



ทั้งคู่เข้าไปล้างหน้าล้างตาให้หายง่วงพร้อมกับแปรงฟันเสร็จแล้วจึงออกมา

"เดี๋ยวค่อยกลับมาอาบน้ำแล้วกันนะ ไม่ทันแล้ว"

ฆาเบียร์พยักหน้า เมื่อคืนตอนเจประคองเขาที่หมดสภาพไปล้างเนื้อล้างตัวอีกรอบก็ตีห้ากว่าแล้ว เมื่อคืนอากาศหนาวเหงื่อก็ไม่ได้ออกอะไร เดี๋ยวค่อยอาบก็ได้

"ตายล่ะ ฆาบี้ ไปเปลี่ยนเสื้อเลย"

เจอุทาน เขาส่งเสื้อยืดคอกลมให้ฆาเบียร์ใส่แทนเสื้อเชิร์ตตัวที่ใส่ตอนนี้ ฆาเบียร์ก้มดูเสื้อตัวเอง

"ทำไมเหรอ เจ เสื้อตัวนี้มีอะไร? มันขาดเหรอ?"

"เสื้อน่ะ ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าคุณจะใส่ต้องติดกระดุมให้ชิดคอเลย"

เจลากฆาเบียร์ไปดูที่หน้ากระจก ฆาบี้หน้าร้อนวาบ บนผิวสีแทนอ่อนๆ ของเขาที่โผล่พ้นแนวสาบเสื้อมาเปรอะไปด้วยรอยจูบเป็นจ้ำๆ เขาบ่นพึมพำและเปลี่ยนใส่เสื้อยืดคอกลมที่มิดชิดกว่า เขาสำรวจร่างกายของคนรักที่เขาเองจำได้ว่าตัวเองก็น่าจะทิ้งรอยไว้เยอะพอสมควร แต่เหมือนว่าจะไม่มีส่วนที่เห็นชัดเจนนอกร่มผ้า

"เจนี่รุนแรงจริง"

"อะไรเล่า ก็ใครกันที่ยั่วกันทั้งคืนตั้งแต่ที่ลอดจ์แล้ว ทีงี้มาทำบ่น"

เจนยุทธแยกเขี้ยวใส่คนแก่ขี้บ่น

"ว่าแต่คุณไหวจริงๆ นะ?"

ฆาเบียร์ยิ้มเพลียๆ พอเจทักขึ้นเขาก็รู้สึกเหนื่อยอ่อนขึ้นมาทันที แต่เขาอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์จึงฝืนตอบไปว่าไหว

“แน่ใจนะ? เมื่อคืนกว่าเราจะนอนก็ตีห้ากว่า แถมเมื่อคืนผมก็ใส่ไม่ยั้ง…”

ฆาเบียร์หน้าแดงเมื่อนึกถึงคืนที่ผ่านมา ถึงเจจะบอกว่าตัวเองใส่ไม่ยั้ง แต่ที่จริงเจนุ่มนวลกับเขามากและเอาใจเขาจนเขาเคลิบเคลิ้มไปกับความหฤหรรษ์ที่เจนยุทธป้อนให้ เขาถึงจุดครั้งแล้วครั้งเล่า ปัญหาของมันไม่ใช่ความรุนแรงแต่เป็นความยาวนาน เจรั้งรอจนกระทั่งเขาแทบจะสลบไปจึงปล่อยตัวเองให้ถึงสวรรค์



“ถ้าเจทำแบบนี้บ่อยๆ สักวันฉันต้องตายคาอกเจแน่ๆ”

เจยิ้มกริ่่มและหอมแก้มคนรักตัวโตของเขาที่บ่นกะปอดกะแปดอยู่ฟอดใหญ่

“แล้วคุณไม่ชอบเหรอ ฆาบี้?”

“ชอบสิ…”

เมียตัวโตของเจอ้อมแอ้มตอบ เขาไม่เคยนึกเลยว่าเขาจะต้องมาเป็นฝ่ายร้องขอให้คนทำกับตัวเองแรงๆ แบบที่เขาร้องขอเจนยุทธเมื่อคืน เขาเคยนึกดูถูกพวกคู่นอนของเขาที่ร้องอ๊างๆ แล้วขอให้เขาทำหนักๆ แรงๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าคงเป็นแค่การแสดงเพื่อกระตุ้นอารมณ์เขาและไม่เชื่อว่ามันจะรู้สึกดีได้แบบนั้นจริงๆ แต่เมื่อคืนและอีกหลายครั้งที่ผ่านมาเจทำให้เขากลายเป็นเหมือนชายหนุ่มเหล่านั้น

ฆาเบียร์ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าเขาติดใจรสสวาทที่เจป้อนให้เขาไม่ว่าจะทางไหนจนไม่คิดว่าจะไปทำแบบนี้กับใครอื่นได้อีก ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความรู้สึกที่พวกเขามีให้กัน แม้เซ็กส์จะรุนแรงและเร่าร้อน แต่จุมพิตและสัมผัสอันละเมียดละไมที่สื่ออารมณ์รักออกมานั้นคือสิ่งที่เติมเต็มมันให้สมบูรณ์

"นี่ๆ เหม่ออีกแล้ว"

เจตบๆ แก้มเมียตัวโตของเขาเบาๆ แล้วขโมยจูบฟอดใหญ่

"...ไปได้แล้ว เดี๋ยวแม่รอ"

โครกกกกกกกกก!

"แหะๆ ผมก็หิวแล้วด้วย เร็วๆ ไปกันเถอะ"

เจลากคนรักที่หัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงออกเรือนพักของเขาไปยังเรือนใหญ่



"กว่าจะยุรยาตรมาได้นะ ไอ้ตัวดี เมื่อคืนนอนกี่โมง?"

อิ่มใจบ่นเมื่อเห็นหน้าน้องชาย เธอสะดุ้งเมื่อเห็นร่างกำยำของฆาเบียร์โผล่ตามเข้ามาด้วย

"อุ๊ย ฆาเบียร์ สวัสดีค่ะ..."

อาจารย์สาวเปลี่ยนไปพูดภาษาอังกฤษ เธอตีแขนน้องชายเบาๆ

"นี่ไปปลุกเขามาใช้งานล่ะสิ ไม่ไหวเลยนะเรา"

"โอ๊ย อิป้านี่! แม่! พี่อิ่มเอากีบมาตีเจอ่ะ"

เจนยุทธโวยวายเป็นภาษาไทยดังๆ ให้แม่ได้ยิน อิ่มว๊ากลั่นเมื่อได้ยินคำว่ากีบ แม่ของเขาส่ายหัวด้วยความระอาแล้วบอกกลับมาว่าให้เลิกเล่นแล้วมาช่วยงานกันได้แล้ว ฆาเบียร์ยิ้มกับภาพตรงหน้า เขาซึ่งเป็นลูกคนเดียวไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของการมีพี่น้อง ที่ใกล้เคียงที่สุดคือเมลิน่าและเหล่าเด็กที่พ่อแม่ของเขาและคริสอุปถัมภ์ แต่เขาพบพวกนั้นเมื่อตอนโตแล้ว มันไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาเห็นอยู่นี้



"เจไปว่าอะไรอิ่มเขาล่ะ ถึงได้งอนแบบนี้"

ฆาเบียร์ซึ่งกำลังช่วยเจตักท้อปปิ้งข้าวต้มที่แม่เตรียมไว้แล้วใส่กล่องพลาสติกถามขึ้น เจหัวเราะคิกคักแล้วอธิบายให้ฟัง

"บ้า เจไปว่าอิ่มแบบนั้นได้ยังไง อิ่มไม่ได้อ้วนซักนิด"

ฆาเบียร์ดุคนตัวเล็ก อิ่มใจในวัยเกือบ 38 ปียังรักษารูปร่างไว้ได้ดี แม้จะไม่ได้ผอมเพรียวหุ่นเป๊ะเหมือนนางแบบอย่างพลอย แต่อิ่มซึ่งสูงประมาณ 150 กลางๆ ก็แค่อวบนิดๆ พอมีน้ำมีนวล อีกทั้งหน้าตาที่คล้ายน้องชายคือมีดวงตากลมโตและปากรูปกระจับทำให้เธอยังดูน่ารักและอ่อนเยาว์ ฆาเบียร์ก็ไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนที่ทำให้เจสามารถไปเรียกเธอว่าเป็นสัตว์มีกีบเท้าแบบหมูได้

"แหม ฆาบี้ คุณนี่ไม่รู้อะไรเลย ผู้หญิงทุกคนคิดว่าตัวเองอ้วนหมดแหละ ฉะนั้นจะมีอะไรทำให้เจ็บใจไปได้มากกว่าบอกว่าเจ๊น่ะ อ้วน"

เจนยุทธพูดคำว่า "อ้วน" ดังๆ ฆาเบียร์ทุบหลังเจเบาๆ และบ่นคนรักของเขายาวยืด ตัวเขาเองก็ค่อนข้างระมัดระวังเรื่องรูปร่างและไม่ค่อยชอบให้ใครมาทักเขาเรื่องน้ำหนักนัก อิ่มหัวเราะสะใจที่เห็นน้องชายโดนคนรักบ่น เจทำหน้าจ๋อย เขาลืมไปว่าเมียตัวโตของเขาเซนซิทีฟเรื่องนี้

"ระวังเถอะ เจ หาว่าคนอื่นอ้วนๆ เนี่ย ชั้นจะขุดรูปแกตอนเด็กๆ มาให้ฆาเบียร์ดู"

เจหน้าซีด เขาลืมไปสนิทว่าที่บ้านนี้มีอัลบั้มรูปสมัยเด็กอยู่เต็มไปหมด เขารีบไปประจ๋อประแจ๋กอดแขนพี่สาวที่สะบัดออกอย่างไม่ใยดี ฆาเบียร์เดินไปเบียดเจออกแล้วยิ้มละไมให้อิ่ม

"อย่าลืมนะครับ อิ่ม สัญญาแล้วนะว่าจะเอารูปเจตอนเด็กๆ ให้ผมดู"

"ค่ะ สัญญาค่ะ ให้ดูแน่นอนค่ะ"

อิ่มที่เคลิ้มไปเพราะฟันขาวๆ และสายตาแพรวพรายนั้นรีบตอบรับทันที

"เฮ้ย ขายน้องนี่หว่า ป้านี่ เห็นผู้ชายดีกว่าน้อง"

เจโวยลั่นทันที อิ่มรีบเดินหนีไปช่วยฟองนวลที่ยืนหัวเราะอยู่หน้าเตา พี่น้องคู่นี้อยู่ด้วยกันทีไรบ้านไม่เคยเงียบเลยสักครั้ง ฆาเบียร์ยิ้มกริ่มและกลับไปช่วยเจนยุทธที่ยืนทำหน้าเซ็ง



"ไงล่ะ เจ โดนเข้ากับตัวมั่ง ไม่สนุกใช่ไหม?"

ฆาเบียร์กระซิบเบาๆ

"…ตัวเองก็เคยน้ำหนักเยอะนี่นาตอนเป็นเด็ก ก็น่าจะรู้ว่าโดนแซวแล้วเป็นยังไง"

คนตัวโตอบรมคนตัวเล็ก ในสหรัฐฯ เรื่อง bullying หรือการรังแกกันไม่ว่าจะด้วยการพูดล้อเลียนเหยียดหยาม หรือการทำร้ายร่างกายและจิตใจกันในทางใดก็ตามถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก โดยเฉพาะที่เกิดในโรงเรียน ในแต่ละปีมีเด็กนักเรียนทำร้ายร่างกายกัน ฆ่ากันหรือการฆ่าตัวตายเพราะถูกรังแกเป็นจำนวนมาก เหตุกราดยิงในโรงเรียนที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ก็เกิดจากเด็กนักเรียนที่ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจนทนไม่ไหวทั้งนั้น

"ผมพูดเล่นกับแค่พี่อิ่มคนเดียวเองนะ ฆาบี้ เอ๊ย อ้ายครับ กับคนอื่นผมไม่เล่นแบบนี้นะ"

เจรีบเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวคนรักเมื่อแม่ตวัดสายตาดุๆ มา

"พี่อิ่มเองก็ชอบเรียกผมว่าเด็กแร่ด"

ฆาเบียร์หัวเราะ เขาจำคำนี้ได้

"อ้าว นั่นมันความจริงนะ เจ อิ่มเค้าก็พูดไม่ผิดนี่"

เจบ่นเป็นหมีกินผึ้งแล้วบอกว่าคนไทยเวลาแซวกันบางทีมันก็แค่เล่นๆ ขำๆ ไม่ได้มีความหมายแสดงความเกลียดชังเหมือนที่สหรัฐฯ หรือญี่ปุ่นที่มีปัญหานี้รุนแรง

"มันก็ไม่ดีเหมือนกันนั่นแหละ เจ มันทำให้เราโอเคกับการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น เราแค่คิดว่า แหม พูดเล่นขำๆ แต่เราไม่รู้ว่าคนที่ถูกวิจารณ์เขาจะคิดยังไง เหมือนที่เจเคยโดนคนนินทาตอนอยู่บนม่อนแจ่มไง จำได้ไหม?"

เจหน้าจ๋อย เขาเข้าใจสิ่งที่ฆาเบียร์พูดทุกอย่าง ความเคยตัวทำให้เขาคิดว่ามันโอเค

"ไป ไปขอโทษอิ่มเขาซะ"

ฆาเบียร์ดันหลังคนตัวเล็กของเขาให้ไปหาพี่สาว เจเดินจ๋องไปหาพี่สาวแล้วยกมือไหว้ขอโทษ อิ่มตบไหล่น้องน้อยของเธอที่ไม่เคยยอมใครนอกจากแม่เบาๆ เธอดีใจที่ในที่สุดก็มีคนมาปราบพยศเจเสียที เจเดินกลับมาหาฆาเบียร์แล้วยิ้มอย่างน่ารักให้ ฆาเบียร์โคลงหัว ยิ้มแบบนี้ไอ้ตัวเล็กมันจะเอาอะไรอีกล่ะ

"ผมขอโทษพี่อิ่มแล้ว อ้ายไม่ต้องดูรูปผมตอนเด็กๆ แล้วนะ"

เจทำสายตาเว้าวอนแบบที่ทำทุกครั้ง แต่คราวนี้คนตัวโตใจแข็ง ยังไงเขาก็จะขอดูให้ได้

"ไม่ต้องมาทำตาหวานใส่อ้าย ยังไงอ้ายก็จะขอดู"

เจทำตาปริบๆ คนตัวโตของเขาชักพูดคำว่า "อ้าย" แทนตัวได้อย่างแคล่วคล่องและชัดเจน นี่ถ้าทิ้งฆาเบียร์ไว้กับแม่เขาอีกสักครึ่งปี สงสัยพี่แกจะพูดคำเมืองได้แน่ๆ



ฟองนวลให้คนงานยกหม้อข้าวต้มใบเขื่องขึ้นใส่บนท้ายรถกะบะที่อิ่มขับมาจากลอดจ์ เจกับฆาเบียร์ช่วยกันขนบรรดาท้อปปิ้งในกล่องพลาสติกไปใส่ในลังท้ายรถ พวกเขาเดินกลับขึ้นมาเพื่อขนถ้วยชามแล้วก็เจอเข้ากับคริสที่ออกมานั่งดื่มกาแฟที่ชานบ้านโดยมีริคกี้กับเมลิน่าคอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ

"สวัสดีครับ อาปา เมื่อคืนนอนหลับสบายหรือเปล่าครับ? เสียงดังไปหรือเปล่า?"

คริสทักทายลูกของเขาและคนรัก ก่อนจะตอบคำถามของเจ

"นอนได้ลูก หลับสบายทีเดียวล่ะ ไม่ต้องห่วง เมื่อคืนอาปาอ่านหนังสือเพลินจนจบเล่ม กว่าจะนอนก็หลังเที่ยงคืน งานเขาเลิกกันเรียบร้อยแล้ว"

คริสยิ้มให้เจ เจนยุทธหันไปหาเมลิน่า

"ไง เมลิน่า แฮงค์ไหม? เมื่อคืนเมาน่าดูเลยนะ สนุกไหมเมื่อคืน?"

เจหัวเราะคิกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เขาแอบไปเห็นเข้า

"เอ่อ คือ ฉันจำอะไรไม่ค่อยได้ค่ะ คุณเจ ตอบไม่ได้จริงๆ"

เมลิน่าร้อนตัว ที่จริงเธอจำได้ทุกอย่าง แต่เธอหวังว่าเจคงไม่ไปเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับริคกี้ เจพยักหน้าหงึกหงักแล้วหันไปถามริคกี้

"เป็นไง ริคกี้ นอนสบายดีไหมเมื่อคืน ผ้าห่มพอหรือเปล่า?"

"ครับ นอนสบายดีครับ คุณเจ อุ่นสบายดีไม่มีปัญหา"

ริคกี้พูดยิ้มๆ จิตประหวัดนึกถึงร่างอุ่นๆ ในอ้อมอกเมื่อคืน เมลิน่าหน้าร้อนวาบ เมื่อคืนเธอนอนหลับไปในอ้อมกอดของริคกี้ทั้งคืน แม้จะไม่มีอะไรเกินเลย แต่ความอบอุ่นของมันทำให้เธอลืมไม่ลง

ฆาเบียร์หรี่ตาพินิจพิเคราะห์ท่าทางของเลขาฯ ทั้งสองของเขา สงสัยว่าอีกไม่นานเขาคงต้องได้เสียเลขาสักคนไป แต่มันเป็นความสูญเสียที่เขายินดีให้มันเกิดขึ้น เขาจะรอจนกว่าอะไรๆ มันชัดเจนขึ้นอีกนิด

"งั้น ผมขอตัวไปก่อนนะครับ อาปา เดี๋ยวผมจะกลับมาหาอีกทีช่วงมื้อกลางวันเลย"

คริสบอกให้ทั้งสองคนทำตัวตามสบาย เขามีเมลิน่ากับริคกี้คอยดูแลอยู่แล้ว และบอกว่าเดี๋ยวจืดจะให้คนพาเขาไปดูแปลงผัก เมื่อได้ยินอย่างนั้น เจรีบเดินไปตามหาจืดและฝากกุญแจน้องอัซซูรี่ของเขาไว้กับจืด

"เดี๋ยวผมทิ้งรถผมไว้ให้แล้วกันนะครับ อาปาจะได้นั่งสบายๆ ถ้าคนของพี่จืดไม่กล้าขับให้เมลิน่าขับก็ได้ เมลิน่าขับบีเอ็มเหมือนกัน น่าจะคุ้นกว่า"

ฆาเบียร์มองตามร่างคนรักที่เดินนำหน้าเขาไปขึ้นหลังรถกะบะด้วยความซาบซึ้งใจ เขารู้ว่าเจหวงรถคันนี้แค่ไหน แต่เขากลับปล่อยให้คนอื่นขับได้ง่ายๆ เพียงเพราะอยากให้อาปาของเขาได้นั่งรถสบายๆ เขาเดินมาถึงหลังรถกะบะแล้วกำลังจะปีนขึ้นแต่ก็ถูกเจไล่ให้ไปนั่งหน้ารถกับอิ่มซึ่งฆาเบียร์ก็ได้แต่ทำตาม



เจกับฆาเบียร์ยกหม้อข้าวต้มร้อนๆ เข้ามายังตัวเรือนพัก ทุกคนที่นอนบ้านนี้ตื่นหมดแล้ว แต่อยู่ในสภาพที่ต่างกันไป คนที่ดื่มหนักอย่างเปิ้ล ซันซัน พลอยและเพื่อนสาวอีกสองคนของอิ่มแทบจะฟุบนอนอยู่กับโต๊ะกินข้าวยาว คนอื่นที่เหลือก็กำลังเฮฮาตบไพ่กันอย่างสนุกสนาน

"โว้ย อีกแล้ว พี่วัฒน์ อะไรวะ?"

นพโวยลั่น ตอนนี้พวกเขาเล่นไพ่สลาฟกัน วัฒน์เป็นคิงมาหลายตาติดแล้ว ดร. หนุ่มซ่อนยิ้ม เห็นเงียบๆ หงิมๆ แบบนี้ฝีมือไพ่เขาไม่แพ้ใคร มันเป็นกิจกรรมยามว่างของกลุ่มนักเรียนไทยที่เรียนด้วยกันกับเขาที่ม. Ts ในภูมิภาคคันโตของญี่ปุ่น

"ข้าวเช้ามาแล้วจ้า"

นพทิ้งไพ่ในมือแล้วรีบเดินมาที่แพนทรี่ เขาหิวจนแสบท้องแล้ว เจสะกิดให้ฆาเบียร์ดูทีท่าของอิ่มยามคุยกับนพ ฆาเบียร์ยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นทีท่าเขินอายของอิ่มที่แสดงออกอย่างชัดเจน แบบนี้มีเหรอที่นพจะไม่รู้ แต่เพื่อนรักของเขาก็ทำตัวเป็นปกติและคุยเล่นกับสาวรุ่นน้องคนนี้อย่างสนิทสนม

“มีอะไรให้พี่กินมั่งน้องอิ่ม?”

“ข้าวต้มเหมือนทุกทีค่ะ พี่นพเบื่อหรือยัง?”

“โอ๊ย ไม่เบื่อหรอก ข้าวต้มเครื่องของแม่ฟองอร่อยที่สุดแล้ว”

อิ่มตักข้าวที่ต้มใส่น้ำซุปหอมกรุ่นใส่ถ้วยขนาดไม่ใหญ่นักให้นพ 2 ถ้วย

“อิ่มตักเผื่อให้พี่วัฒน์ถ้วยนึงค่ะ”

“แหม น้องอิ่มรู้ใจพี่จริงๆ ขอบใจนะ”

นพยิ้มให้รุ่นน้องก่อนที่จะก้มลงตักเครื่องข้าวต้มใส่ถ้วย อิ่มได้แต่ยืนม้วนไปม้วนมาด้วยความเขิน



“นั่นไง ดูตาลุงนั่นสิ โปรยเสน่ห์ไม่รู้ตัวอีกละ”

เจสะกิดฆาเบียร์ให้ดูพี่สาวของตัวเองที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดูนพยกข้าวต้มไปเสิร์ฟให้คนรัก แล้วทำท่าฟินเล็กๆ และยกมือถือขึ้นถ่ายรูปเมื่อเห็นนพทำท่าป้อนข้าวต้มให้วัฒน์ โดยหารู้ไม่ว่าที่จริงนพกำลังพยายามแกล้งยัดปลาเข้าปากคนรักซึ่งไม่ชอบกินปลา

“นี่แหละ ความสุขเล็กๆ ของพี่อิ่มอ่ะ มือถือนางมีรูปพี่นพอยู่เต็มเลย”

“งั้นเรามาทำชีวิตสาววายของอิ่มมีความสุขเพิ่มอีกไหม เจ?”

ฆาเบียร์ส่งเสียงเรียกอิ่มใจ​

“…อิ่มครับ ถ่ายนี่ไว้ด้วยนะ!”

“หือ? คุณจะทำอะไร ฆาบี้? อื้อ…”

คนตัวโตดึงตัวเขาไปจูบหน้าตาเฉยท่ามกลางเสียงแซวลั่นจากคนรอบข้าง เจพยายามปิดปากแต่ลิ้นร้อนของฆาเบียร์ก็สอดแทรกเข้าสู่โพรงปากของเขา เจได้แต่ตอบสนองไปตามสัญชาตญาณ ฆาเบียร์ลิ้มรสจูบของคนรักจนหนำใจแล้วจึงถอนริมฝีปากออก

“อ้ายฮักเจนะ”

เสียงทุ้มแหบของฆาเบียร์บอกรักเจด้วยภาษาแม่ของเจอย่างชัดเจน เขากุมมือทั้งสองของเจขึ้นจูบแผ่วๆ เจอ้าปากค้าง

“อ่า เอ่อ Yo tambien te quiero

เจหน้าแดงก่ำ เขาตอบรับเบาๆ ด้วยภาษาแม่ของอีกฝ่ายหนึ่ง เขายิ่งเขินเข้าไปใหญ่เมื่อหันไปเห็นพี่สาวยกมือถือขึ้นบันทึกไว้ทั้งหมด



“นี่แน่ะ คุณทำอะไรของคุณ ฆาบี้?”

เจทุบไหล่คนตัวโตเบาๆ พวกเขากำลังรอตักข้าวต้มอยู่

“ไม่เรียก อ้าย แล้วเหรอ เจ”

“อย่ามาทำได้ใจนะ แม่ไม่อยู่ผมไม่เรียกหรอก”

“แต่อ้ายชอบให้เจเรียกแบบนี้นะ”

คนขี้แกล้งยั่วคนตัวเล็กของเขาต่อ สำหรับเขามันไม่ยากอะไร แค่เปลี่ยนเสียง I ที่ใช้แทนตัวปกติให้ยาวขึ้นนิดและเสียงสูงขึ้นหน่อยแค่นั้นเอง ส่วนประโยคว่า 'อ้ายฮักเจ' นั้น เสียงของมันก็คล้ายๆ กับ 'I hug Jay' นั่นแหละ

“แล้วใครสอนให้พูดแบบนั้น?”

ฆาเบียร์บอกว่าเขาให้อิ่มสอนให้ตอนนั่งรถมาด้วยกัน

"ฉันพูดถูกไหมเจ? ออกเสียงชัดไหม?"

เจนยุทธทำเป็นไม่ตอบ เขาไม่อยากชมให้คนตัวโตได้ใจ เขายิ่งไม่อยากบอกว่าหัวใจเขาเต้นแรงแค่ไหนเมื่อได้ยินฆาเบียร์พูดประโยคนั้น มันทำให้เขานึกถึงเวลาที่พ่อเขาบอกรักแม่นานๆ ที พ่อเขาเป็นคนปากหนักตามประสาผู้ชายชาวเหนือที่ไม่ค่อยบอกรักเมียเท่าไหร่ แต่นานๆ ที เวลาพ่อเขากรึ่มได้ที่ เขาก็จะได้ยินพ่อเขาบอกแม่ว่า "อ้ายฮักฟองเน่อ" แม่เขาก็จะทำท่าเขินอายแล้วทุบพ่อเข้าสักทีสองทีแล้วบอกว่าให้อายลูกๆ บ้าง ฉะนั้นสำหรับเขาแล้วประโยคนี้เป็นคำรักที่เขาเคยได้ยินจริงๆ ในชีวิตจริง ไม่ใช่จากหนัง ละครหรือเพลง

เจซบหน้าลงบนหลังคนตัวโตที่ยืนตักข้าวต้มอยู่ข้างหน้า

"เจก่อฮักอ้ายเน่อ"

'เจก็รักอ้ายนะ'


เขากระซิบแผ่วๆ กับแผ่นหลังกว้างนั้น ฆาเบียร์ยิ้มน้อยๆ เขาไม่เข้าใจมันทั้งประโยคหรอก แต่เขาพอจับคำว่า ฮัก กับ อ้าย ได้ เขาอยากบอกคนตัวเล็กเหลือเกินว่าหัวใจเขาพองโตคับอกทุกครั้งที่ได้ยินเจบอกรักเขาไม่ว่าจะด้วยภาษาใดก็ตาม


(ต่อคอมเมนท์ถัดไป)



ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1


---- 'I Hug Jay' (ต่อ) ----



ฆาเบียร์ตักข้าวต้มใส่ถ้วยแล้วส่งให้คนรัก

"แม่เตรียมท้อปปิ้งไว้ให้หลายอย่างเลยนี่ เจ น่ากินทั้งนั้นเลย"

ฟองนวลทำข้าวต้มแบบเดียวกับที่เจเคยทำให้ฆาเบียร์กิน เครื่องหรือท้อปปิ้งแบบที่ฆาเบียร์เรียกนั้นเธอก็เตรียมมาให้หลากหลาย มีทั้งหมูรวนกระเทียมพริกไทยแบบที่เจเคยทำ ไก่ผัดพริกแห้ง ปลาเก๋าลวกคลุกกระเทียมเจียว กุ้งสับเป็นชิ้นเล็กๆ รวนกระเทียมพริกไทย อีกทั้งยังมีเครื่องแบบที่มักกินกับข้าวต้มขาวอย่างไข่เจียวหมูสับตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ไข่เค็ม กุ้งแห้งและถั่วลิสงอีกด้วย

เจตักกุ้งรวนกระเทียมพริกไทยใส่ลงไปในถ้วยข้าวต้ม ตามด้วยตังฉ่ายเล็กน้อยและคึ่นช่าย ฆาเบียร์เลือกปลาเก๋า เขาพยายามเลือกชิ้นที่ติดน้ำมันจากกระเทียมเจียวให้น้อยที่สุดเหมือนเคย เจบอกว่าให้ชิมน้ำซุปข้าวต้มดูก่อนปรุงเพราะแม่ของเขาปรุงรสไว้ดีอยู่แล้ว ฆาเบียร์ตักขึ้นชิมแล้วยิ้มออกมา รสชาติของมันคล้ายกับที่เจเคยทำ แต่อร่อยยิ่งกว่าเพราะน่าจะเป็นน้ำซุปที่ต้มใหม่ๆ ไม่ได้ต้มแล้วเอาแช่แข็งไว้เหมือนของเจ

"หวานหัวไชเท้าจริงๆ นะเจ รสชาติเยี่ยมไปเลย แล้วมันยังมีรสอะไรอีกสักอย่างที่ฉันว่ามันคุ้นๆ อยู่..."

ฆาเบียร์นึกแต่นึกไม่ออก เขาเลยลองใช้ทัพพีควานดูในหม้อข้าวต้มแล้วเจอของบางอย่าง

"กังป๋วย! หอยเชลล์แห้งนี่นา มิน่าล่ะมันถึงอร่อย"

ฆาเบียร์อุทาน กังป๋วยถือเป็นสุดยอดของแห้งที่ใช้ปรุงอาหารจีน ฟองนวลลงทุนมากที่ใช้ของแห้งราคาแพงชนิดนี้กับข้าวต้ม

"ผมซื้อกังป๋วยมาฝากแม่ตอนไปมาเก๊าคราวนู้นน่ะ ซื้อมาเยอะเหมือนกัน ซื้อทั้งแบบตัวเล็กๆ ขนาดปลายนิ้วก้อย กับที่ใหญ่หน่อยขนาดเหรียญห้า..."

"...ถ้าต้มซุปแบบที่ต้องกินซุปจริงจัง หรือเอาใส่ในอาหารแบบที่ต้องเห็นเป็นตัวหรือเส้นชัดๆ แม่ก็จะใช้ตัวใหญ่ ซึ่งแม่หวงมาก นานๆ เอามาใช้ที ส่วนถ้าทำพวกต้มจืด ต้มซุป น้ำก๋วยเตี๋ยว อะไรพวกนี้ แม่จะใส่ตัวเล็กๆ ลงไปสี่ห้าชิ้น มันช่วยปรับรสชาติได้จริงๆ นะ"

ฆาเบียร์พยักหน้า น้ำซุปของฟองนวลในวันนี้อร่อยจริงๆ เจบอกว่าถ้าไปมาเก๊าหรือฮ่องกงคราวหน้าเขาก็จะซื้อมาให้แม่อีก และจะซื้อเก็บไว้ที่บ้านด้วย คราวที่แล้วเขาไม่ได้ซื้อเพราะคิดว่าอาจจะไม่ได้ใช้



ทั้งสองยกข้าวต้มไปนั่งกินที่โต๊ะกับพวกสาวๆ เพื่อนอิ่มและเพื่อนๆ ของเจ พวกเขากินไป คุยไป แซวกันไป หยอกล้อกันมาอย่างสนุกสนาน เจนยุทธที่เดินไปตักข้าวต้มอีกรอบมองดูคนรักตัวโตของเขาที่หัวเราะอย่างเต็มเสียงกับเรื่องตลกที่เพื่อนสาวของอิ่มสักคนกำลังเล่า มันทำให้เจอดยิ้มออกมาไม่ได้ เขานึกถึงคำที่คริสเคยเล่าว่าก่อนนี้ฆาเบียร์มักคบหาคนแค่เพียงผิวเผินและมีรอยยิ้มแบบธุรกิจให้คนอื่นเท่านั้น แต่จากที่เขาเห็นวันนี้ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนรักของเขานั้นออกมาจากใจจริงทั้งนั้น

"นี่ครับ อ้าย ข้าวต้มกุ้ง"

เจวางถ้วยข้าวต้มตรงหน้าฆาเบียร์และนั่งลงข้างๆ

"เอ๊ะๆ เรียกกันว่าไงนะ?"

เปิ้ลที่ยังไม่สร่างเมาดีถามขึ้นเพราะนึกว่าหูฝาด เจหน้าแดงแล้วอ้อมแอ้มตอบไป

"โหย น่าร้อกอ่าาาา"

สาวห้าวขี้เล่นอย่างเปิ้ลอุทานเป็นภาษาไทย

“นั่นสิ เรียกกันว่าอ้ายด้วย เมื่อกี้แกคงไม่ได้ยินนะเปิ้ล ฆาบี้เค้าบอกเจด้วยนะ ว่าเค้า ฮัก เจด้วยนะ”

พลอยกระทุ้งศอกใส่ชายหนุ่มที่เคยกกกอดเธอ เจหน้าแดงแป๊ด

"โอ๊ย ห้ามแซวโว้ย เขิน!"

เจว๊ากลั่นเป็นภาษาไทยแล้วเอามือปิดหน้า สาวๆ หัวเราะกันคิกคักเมื่อเห็นท่าทีของน้องชายตัวดีของเพื่อน เจบ่นอุบอิบว่าแม่บอกให้เขาเรียกฆาเบียร์แบบนี้ เมื่อวานเขาอุตส่าห์ทำเป็นลืมๆ ไปแล้ว แต่วันนี้แม่ก็ยังกำชับให้เขาเรียกอีก

"ไม่เห็นต้องอายเลย เจ เรียกอ้ายแบบนี้ อ้ายชอบ เจจะเรียกแบบนี้ตลอด อ้ายก็ไม่ว่านะ"

เจนยุทธมองหน้าคนตัวโตที่ทำตาวิบวับอยู่ข้างหน้าอย่างจนปัญญา ทีเมื่อกี้ยังแทนตัวด้วยคำว่า I หรือ ฉัน ธรรมดาๆ แต่พอมีคนอื่นอยู่ด้วยล่ะทำเป็นโชว์ออฟ สาวๆ ยิ่งกรี๊ดสนั่นเมื่อได้ยินหนุ่มละตินร่างใหญ่คนนี้เรียกตัวเองเป็นคำเมืองอย่างชัดเจน



"อิ่ม แก ชั้นฟินอ่ะ ทำไมแฟนเจน่ารักแบบนี้"

เพื่อนสาวสักคนของอิ่มร้องขึ้นมา

"ใช่ไหมๆๆ น่ารักเนอะ!"

อิ่มตีแขนเพื่อนรัวๆ ด้วยความเขิน ฆาเบียร์นั่งยิ้ม เขาฟังสาวๆ พวกนี้ที่กรี๊ดกร๊าดกันเป็นภาษาไทยไม่ออก แต่เดาได้ว่าตัวเองกำลังถูกชม เจได้แต่ค้อนด้วยความหมั่นไส้ เขาทิ้งคนตัวโตของเขาไว้กลางวงสาวๆ แล้วหนีไปนั่งกับพวกหนุ่มๆ ที่นั่งกินข้าวกันเงียบๆ

"ไง ปรินซ์ ซันซัน นอนหลับสบายไหม?"

"อือ กูหลับเป็นตายเลยว่ะ ไอ้ปรินซ์มันลากกูมานอนบนเตียงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้"

ซันซันที่หน้าตาแช่มชื่นเพราะได้นอนเต็มตื่นพูดอย่างร่าเริง

"อือ ก็ นอนสบายดี"

ปรินซ์อ้อมๆ แอ้มๆ พูด

"เหรอ? แต่หน้ามึงดูไม่ค่อยสบายเลยว่ะ ขอบตาดำมาเชียว"

เจนยุทธแซวขึ้น ดูท่าทางเพื่อนตัวล่ำของเขาจะนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่

"เอ่อ ก็...ก็..."

ปรินซ์หันรีหันขวาง

"ก็ไอ้ซันมันนอนกรนกรอกหูกูทั้งคืนน่ะสิ กูเลยนอนไม่หลับ"

"อ้าว ห่านนี่ โทษกูอีก งั้นกูขอโทษด้วยแล้วกัน วันหลังกูไม่ไปค้างบ้านมึงแล้วด้วย ไปก็เหมือนไปกวนมึง"

ซันซันรู้สึกน้อยใจในคำพูดของเพื่อนอย่างไม่มีเหตุผล คำก็บ่น สองคำก็บ่น ไปนอนบ้านมันทีไร มันก็ดูนอนไม่สบายและทำท่าเหมือนเขาไปกวนมันทุกที ตี๋อ้วนลุกพรวดและมีทีท่าจะเดินไปนั่งที่อื่น

"เดี๋ยว ซันซัน"

ปรินซ์ฉุดมือเพื่อนร่างกลมไว้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน เจหูผึ่งคอยฟัง

"กูพูดเฉยๆ ไม่ได้ว่าอะไรมึง อย่างอนสิ"

ปรินซ์ถอนหายใจ เขาบอกมันไม่ได้หรอกว่าเมื่อคืนและตลอดมาที่เขานอนไม่หลับก็เพราะตัวนิ่มๆ อุ่นๆ ของเพื่อนที่นอนกอดเขาไว้แน่นทั้งคืนต่างหาก



“น่าๆ ซันซัน ไอ้ปรินซ์มันก็ปากหมาไปตามเรื่องของมันนั่นแหละ ก็ยังดีกว่ามันบอกว่านอนไม่หลับเพราะตัวมึงนิ่มน่าจับกดแบบที่มันชอบแกล้งพูดทุกทีล่ะน่า”

ปรินซ์หน้าตาตื่นไปเล็กน้อยเมื่อเจพูดกระแทกใจเขา ซันหยุดคิดแล้วนั่งลงเหมือนเดิม

“อือ ก็จริงของไอ้เจมัน มึงนี่ก็ชอบแกล้งกูจริงนะ ปรินซ์ ไม่ได้แกล้งกูซักวันนี่จะขาดใจตายเหรอวะ?”

“อือ ใช่ ถ้าขาดมึงไปซักวัน กูขาดใจตายแน่”

ทั้งวงสนทนาเงียบกริบ รวมทั้งวงสาวๆ ด้วย ทุกคนหันขวับมามองปรินซ์ที่พูดขึ้นด้วยเสียงไม่เบานัก ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดสนั่นของอิ่มและเพื่อนๆ และเสียงด่าลั่นของซันซัน

“เชี่ยปรินซ์! มึง…มึงเล่นกูอีกแล้ว ห่านเอ๊ย!”

ปรินซ์ได้แต่หัวเราะร่วน

“ขอโทษๆ กูตกคำว่าแกล้งไปว่ะ ถ้าขาดแกล้งมึงไปซักวัน กูขาดใจตายแน่ ซันซัน”

ไม่พูดเปล่า ปรินซ์ดึงคอเพื่อนในวัยเด็กของเขาเข้ามาใกล้และขยี้ผมของมันจนยุ่ง ก่อนจะลุกพรวดขึ้นวิ่งหนีร่างอวบๆ ที่พยายามไล่เตะเขา



“ฉันว่าคู่นี้มันยังไงๆ อยู่นะ เจ”

ฆาเบียร์นั่งข้างคนรักพลางกระซิบเบาๆ พอถึงตอนเม้าเขาก็ลืมแกล้งแทนตัวว่าอ้ายเสียสนิท เจพยักหน้า แล้วกระซิบตอบ

“อือ ผมว่าผมรู้ว่าปรินซ์รู้สึกยังไง เหลือแต่ไอ้ซันซันนี่แหละ เมื่อไหร่มันจะรู้ตัวซักที”

"...แต่เอาเถอะ ปล่อยพวกมันไป ไอ้คู่นี้มันคบกันมาตั้งแต่เกิดแล้วมั้ง เดี๋ยวมันก็หาทางของมันเองได้"

เจก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มต่อ เขากินไปสี่ถ้วยแล้ว และยังแพลนจะไปตักเพิ่มอีกสักถ้วย ฆาเบียร์หยุดไว้ที่สองถ้วยครึ่ง ซึ่งก็ถือว่าเยอะสำหรับเขาแล้ว

"ไม่กินอีกอ่ะ ฆาเบียร์ เอ๊ย อ้าย"

ฆาเบียร์หัวเราะ

"เจไม่ต้องเรียกฉันแบบนั้นหรอก ถ้าไม่อยากเรียก เอาไว้เรียกต่อหน้าแม่ก็พอ โอเคไหม?"

เจยิ้มร่า เขาเขินแทบตายเวลาเรียกฆาเบียร์ "อ้าย" แต่ละครั้ง

"ขอบคุณครับ อ้าย เอ๊ย ฆาเบียร์"

เจหน้าร้อนวาบ เขาชักติดเรียกแบบนี้เสียแล้วสิ ฆาเบียร์ลูบหัวคนตัวเล็กของเขาอย่างเอ็นดู ผมของเจช่างนิ่มดีจริงๆ



เจขับรถกะบะพาฆาเบียร์กลับมาที่เรือนใหญ่ เขาให้คนงานช่วยยกหม้อข้าวต้มและอุปกรณ์ทั้งหลายไปเก็บ เขาบอกลานพและวัฒน์ที่ขับรถของพวกเขาตามมา ทั้งสองคนต้องกลับเข้าเมืองไปก่อนเพราะมีธุระ

"งั้น ก่อนมึงกลับฮ่องกง ไว้เราไปกินข้าวกันอีกรอบนะ ฆาบี้"

ฆาเบียร์พยักหน้าตอบตกลง นพโบกมือลาเพื่อนทั้งสองของเขาก่อนจะขับรถพาวัฒน์กลับเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ ส่วนเจและฆาเบียร์ก็กลับเข้าเรือนพักเพื่ออาบน้ำอาบท่า

"เจ ไม่อาบด้วยกันเหรอ?"

ฆาเบียร์ทำตาละห้อยพร้อมกวักมือเรียกคนตัวเล็กเข้าห้องน้ำด้วยกัน แต่เจใจแข็งปฏิเสธ เขาไม่อยากเสียเวลาในห้องน้ำนานเกินไป ดูท่าแล้วอีตาคนตัวโตที่ทำตาปิ๊งๆ อยู่นั่นคงไม่ยอมแค่อาบน้ำเฉยๆ แน่ เขารีบปิดประตูใส่หน้าฆาเบียร์แล้วโดดขึ้นเตียงไป กว่าพ่อเจ้าประคุณจะอาบน้ำทำธุระสารพัดเสร็จก็เกินครึ่งชั่วโมงแน่ๆ เขางีบอีกหน่อยดีกว่า



"อืมม์..."

เจครางเบาๆ เมื่อวงแขนล่ำสันของฆาเบียร์กอดกระชับร่างเขา แผงอกเปลือยหนั่นแน่นของฆาบี้บดเบียดกับแผ่นหลังของเจจนเขารู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจของอีกฝ่าย

"คุณ อย่าซนสิ"

เจนยุทธปัดป้องมือใหญ่ๆ ที่เปะป่ายตามร่างกายเขา หากริมฝีปากร้อนๆ ที่ซุกไซร้อยู่ที่ซอกคอทำให้เขาใจอ่อน เจหันกายไปเผชิญหน้ากับคนตัวโตที่นอนตะแคงอยู่ด้านหลัง ฆาเบียร์ยิ้มกริ่ม แต่ก็ต้องอุทานออกมาเมื่อคนตัวเล็กลงมือจั๊กกะจี้รักแร้และเอวเขา

"โอ๊ย เจ ฮ่าๆๆ พอเหอะ พอ ฉันไม่เล่นแล้วก็ได้"

ฆาเบียร์หัวเราะจนหอบตัวโยน เขากอดร่างคนตัวเล็กที่คร่อมอยู่บนตัวไว้แน่น เจซบหน้าลงกับอกคนรักและจูบเบาๆ ลงที่ตำแหน่งของหัวใจ ก่อนจะขยับร่างขึ้นจุมพิตริมฝีปากบางที่ยิ้มพราย ฆาเบียร์จูบตอบ ทั้งคู่แลกเปลี่ยนความรู้สึกกันครู่หนึ่งก่อนที่เจนยุทธจะยันตัวขึ้น

"ผมไปอาบน้ำก่อนนะ ฆาบี้"

ฆาเบียร์พยักหน้าและปล่อยร่างเพรียวนั้นไป เจลงเตียงและปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ตัวเปล่า ฆาเบียร์กัดริมฝีปากมองร่างเพรียวที่เปลือยเปล่านั้นอย่างมันเขี้ยว เจเปิดประตูห้องน้ำและก้าวเท้าเดินเข้าไป เขาชะงักนิดหนึ่งก่อนที่จะหันหน้ามาหาเมียตัวโตของเขา

"Are you coming or what?"

'ตกลงจะมาไหม?'


ฆาเบียร์ทำตาโต เขาโดดลงเตียงและรีบสาวเท้าไปหาคนรัก เจดึงแขนฆาเบียร์เข้าห้องน้ำและปิดประตูตาม เสียงน้ำดังขึ้นพร้อมเสียงอุทานของฆาเบียร์และเสียงหัวเราะเบาๆ ของเจนยุทธ



เจนยุทธยืนผิวปากไปแต่งตัวไป เขาเปลี่ยนใส่กางเกงขาสั้นและเสื้อยืด อากาศตอนกลางวันไม่หนาวเย็นแล้วแต่ค่อนข้างร้อนเพราะแสงแดดจากท้องฟ้าที่ไร้เมฆ เจหยิบต่างหูของคาตาลิน่ามาใส่ที่หูซ้ายแล้วเดินไปดูคนตัวโตของเขาที่ใส่ผ้าเช็ดตัวนอนคว่ำอยู่บนเตียง ฆาเบียร์ทำท่าจะหลับแล้ว

"นี่ คุณ ลุกได้แล้ว สิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว"

"เจ ขอนอนต่ออีกหน่อยได้ไหม ฉันปวดเนื้อปวดตัวไปหมดแล้ว"

คนตัวโตบ่นพึมพำ ความเหนื่อยล้าจากเมื่อช่วงใกล้รุ่งยังไม่ทันหาย เขาก็​ดันหาเรื่องใส่ตัวอีก เขากะจะจัดการเจนยุทธในห้องน้ำเสียหน่อยแต่กลับเป็นฝ่ายโดนคนตัวเล็กเล่นงานเสียเอง แถมเจยังเล่นงานเขาเสียหนักจนตอนนี้เขาต้องมานอนโอดโอยรับผลการกระทำของตัวเอง

เจนยุทธลงนั่งไขว่ห้างที่ข้างเตียง เขาลูบแก้มคนรักตัวโตอย่างอ่อนโยน

"แก่แล้วก็งี้แหละ คุณเอ๊ย งั้นก็นอนพักไปเลยแล้วกันนะ เดี๋ยวตอนเที่ยงผมจะมาปลุก"

เจพูดกลั้วหัวเราะด้วยน้ำเสียงนิ่มๆ แต่ฆาบี้ลืมตาโพลงเมื่อได้ยินคำแสลงหูคำนั้น เขาค่อยๆ ยันกายลุกขึ้น เจหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นท่าทีของคนรัก เขาดึงคนตัวโตที่มีทีท่าไม่สบอารมณ์ให้ลุกนั่งแล้วตัวเองเข้าไปนั่งอิงไหล่กว้างนั้น

"คำก็แก่ สองคำก็แก่นะ เจ"

คนตัวโตบ่น เจหัวเราะเบาๆ แล้วจูบแผ่วๆ ที่แก้มของฆาเบียร์

"ถึงแก่ ผมก็รักนะ"

เจนยุทธกอดเอวคอดกิ่วของฆาเบียร์ไว้ ฆาเบียร์ถอนหายใจ เจนี่ขี้อ้อนจริงๆ เขาหอมเรือนผมดำขลับของคนรักก่อนที่จะดันร่างเจให้ลุกขึ้น

"ฉันโอเคขึ้นแล้วล่ะ เจ"

เจนยุทธลงเตียง เขากุลีกุจอหยิบเสื้อผ้ามาให้ฆาเบียร์ เจจัดการใส่เสื้อยืดให้ฆาเบียร์ เขาจัดการใส่ชั้นในและกางเกงชิโน่สีอ่อนให้ฆาเบียร์ ฆาเบียร์ยิ้มน้อยๆ ดูคนตัวเล็กค่อยๆ ใส่ขาเขาลงในกางเกงทีละข้าง ฆาเบียร์ลุกขึ้นยืนและรูดซิปกางเกงเอง เขาขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อรู้สึกเสียวแปลบที่ช่องทางด้านหลังและปวดน้อยๆ ที่บั้นเอว เขาคงแก่แล้วอย่างที่เจว่าจริงๆ

ฆาเบียร์หยิบต่างหูจากกล่องที่เจส่งให้มาใส่ที่หูขวา ก่อนจะจัดแต่งทรงผมหน้ากระจก

"หล่อแล้วน่า ไปๆ เดี๋ยวเราต้องไปรับพวกสาวๆ มากินข้าวกันอีก"

เจนยุทธดันหลังฆาเบียร์ให้ออกห้อง



เจขับรถกะบะของพี่ชายนำฆาเบียร์ซึ่งขับน้องอัซซูรี่ของเจไปตามทางดินเพื่อมุ่งหน้าไปที่ลอดจ์ ในตอนเช้าคริสนั่งรถของเจเข้าไปดูไร่ของจืดโดยมีจืดเป็นคนขับพาชมด้วยตนเอง ตอนนี้รถว่างแล้วเจจึงใช้มันเพื่อมารับพี่อิ่มและเพื่อน

"สาวๆ ครับ เลือกเลย ใครจะนั่งกับฆาเบียร์ ใครจะนั่งกับผม"

เจยิ้มแบบที่คิดว่าเท่ที่สุด แต่ก็ต้องชักสีหน้าเมื่อเห็นสาวๆ โดยเฉพาะพวกที่เคยร่วมเตียงกับเขารีบถลาไปยืนข้างๆ เมียตัวโตของเขา

"เห้ย ไรวะ เจอของใหม่แล้วลืมผมกันหมดเลยเหรอ? เมื่อก่อนใครกันนะที่เรียกหาเจจ๊ะ เจจ๋า โอ๊ย..."

เจที่เห็นว่าพี่สาวเดินไปไกลเกินได้ยินแล้วพูดกระเซ้าบรรดาอดีตสาวๆ ของเขาออกมาเป็นภาษาอังกฤษอย่างลืมตัว ผลคือโดนฝ่ามือพิฆาตจากสาวๆ ทั้งทุบทั้งฟาดลงที่ตัวคนละตุ้บสองตุ้บ

"ไอ้เด็กบ้า พูดแบบนี้ได้ไง คิดถึงหัวอกแฟนมั่ง"

เปิ้ลเอ็ดเจลั่น เจทำหน้าเลิ่กลั่ก เขาพูดอะไรผิดไป

"นั่นสิ แย่มากเลยนะเจ พูดแบบนี้น่ะ ฆาเบียร์ยืนอยู่ตรงนี้แท้ๆ"

ฟ้าผสมโรงโวยไปด้วย

"ไม่เป็นไรครับ สาวๆ ผมไม่ถือเรื่องอดีตของเจเขาหรอก"

ฆาเบียร์ยิ้มละไมให้สาวๆ ของเจ ผลก็คือเจยิ่งโดนด่าหนักเข้าไปใหญ่

"ปรินซ์ ซันซัน ช่วยกูด้วย ป้าๆ พวกนี้ใจร้ายอ่ะ โอ๊ย..."

เจที่พยายามขอความช่วยเหลือจากเพื่อนโดนอีกหลายตุ้บโทษฐานพูดคำแสลงหูอย่างคำว่า "ป้า" เพื่อนของเขาสองคนนอกจากจะยังไม่ช่วยแล้วยังได้แต่ยืนหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย เจเลยได้แต่ก้มหน้ารับผลของการกระทำไป



-------------------------------------------


ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเรื่องของกินเลย ปล่อยเจมันเล่นตลกให้ดูไปก่อนนะคะ



ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 o13 o13 o13

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- Job Offering ----




"ฆาเบียร์คะ ฉันถามจริงๆ นะ คุณโอเคเหรอที่เจยังสนิทสนมกับพวกเรา?"

เปิ้ลถามขึ้นมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ฆาเบียร์คงรู้ถึงความสัมพันธ์ของเจกับพวกเธอมาบ้าง เมื่อคืนตอนเมาพวกเธอก็จำได้ลางๆ ว่าได้พูดถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนกับน้องชายเพื่อนคนนี้ออกมา

"อืมม์ จะว่าไงดีล่ะ ผมว่าผมคงโอเคมั้ง..."

ฆาเบียร์ที่กำลังขับรถพาสาวๆ ไปส่งที่บ้านใหญ่อึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อ​ได้ยินคำถามก่อนที่จะตอบออกมา

"...ตัวผมก็ไม่ได้ซื่อใสอะไรนะครับ ผมไม่ได้มีความสัมพันธ์จริงจังกับใครมานานเป็นสิบๆ ปีแล้ว แต่ผมก็เล่นไปทั่วพอๆ กันกับเจหรืออาจจะแย่กว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าพวกที่ผมเดทด้วยนั้นเป็นผู้ชาย"

ฆาเบียร์หันไปยิ้มให้สาวๆ

"ฉะนั้น ผมว่าผมเข้าใจเจนะ ผมนับถือเขาด้วยซ้ำที่เขายังรักษาสัมพันธ์อันดีระหว่างตัวเขากับพวกคุณไว้ได้ แสดงว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดีและมีค่าพอให้พวกคุณคบหาแม้ว่าจะไม่มีสัมพันธ์ทางกายกันแล้ว"

พวกสาวๆ มองหน้ากัน พวกเธอไม่เคยมองมุมนี้มาก่อน สาวๆ เพื่อนอิ่มที่เคยมีสัมพันธ์กับเจเหล่านี้ บางคนอย่างเจนและแตงโมเจอเจในที่เที่ยวและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นน้องชายเพื่อน แต่เมื่อมารู้ทีหลัง พวกเธอก็เลิกคบหาเจแบบนั้น ส่วนเปิ้ลและพลอยนั้นรู้จักเจว่าเป็นน้องของอิ่มก่อนแล้วและมีการสานสัมพันธ์กันหลังจากนั้น พวกเธอเพิ่งหยุดมีอะไรๆ กับเจก่อนเจรู้จักกับฆาเบียร์ไม่นานนัก

สาวๆ เหล่านี้ แม้ในตอนนี้ไม่ได้มีสัมพันธ์ทางกายกันกับเจแล้ว พวกเธอก็ไม่ได้คิดจะเลิกคบหากันฉันท์เพื่อนหรือเลิกไปมาหาสู่กับเจนยุทธ ไม่ใช่เพราะเจเป็นน้องชายเพื่อน แต่เป็นเพราะระหว่างที่คบหาเพื่อสนุกกัน เจดูแลเอาใจใส่และให้เกียรติพวกเธออย่างดีเสมอมาแม้ว่าจะไม่ใช่คนรักกันก็ตาม

"...อีกอย่าง ตอนนี้พวกคุณก็ไม่ได้คิดหรือว่ามีอะไรกับเจแล้ว ใช่ไหมครับ?"

สาวๆ ทุกคนตอบรับคำของฆาเบียร์



"คุณโชคดีมากนะ ฆาบี้ ที่ได้ใจของเจไป"

แตงโมพูดเสียงเบาหวิว เปิ้ลแอบหยิกขาเพื่อนสาวคนนี้เบาๆ เธอรู้ดีว่าช่วงที่คบหาเจ แตงโมเคยตกหลุมรักเจเข้าจริงๆ แต่เลือกที่จะเก็บความรู้สึกไว้เพราะรู้ว่าเจยังไม่คิดจริงจังกับใคร

ฆาเบียร์ลอบถอนหายใจ เขาจับความรู้สึกของแตงโมได้รางๆ จากการพูดคุยกัน เขารู้สึกเห็นใจเพื่อนของอิ่มคนนี้ ทั้งเขาและเจต่างทำบาปเรื่องความรักมามากเหลือเกิน ในอดีต เขาไม่เคยรู้สึกรู้สาว่าจะทำร้ายจิตใจใครมากแค่ไหนจนกระทั่งได้พบและเห็นสัมพันธภาพของเหล่าสาวๆ กับเจ ตัวเขาเองก็มีเซ็กส์เฟรนด์ที่คบหาระยะยาวกันแบบนี้หลายคน แต่พอเลิกมีเซ็กส์กัน คนพวกนั้นก็ถอยห่างหายไปจากชีวิตเขาหมด ที่ยังเหลือติดต่อกันก็มีแต่คนที่เป็นเพื่อนกันมาก่อนอย่างจอชและฌอง นั่นก็เพราะเขาไม่เคยคิดถนอมน้ำใจใครระหว่างคบหากัน เขาพาไปกินข้าว พาไปออกงาน พาไปเที่ยว ซื้อของให้ตามเรื่องไป หากเขาไม่ได้เคยคิดดูแลจิตใจของคนพวกนั้นเลย

ฆาเบียร์จอดรถของเจที่หน้าเรือนใหญ่แล้วส่งบรรดาสาวๆ ของเจลง เขาขับรถไปจอดที่โรงรถ เจยืนรอเขาอยู่ด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

"คุณ โอเคไหม?"

ฆาเบียร์เลิกคิ้ว เจ้าตัวยุ่งถามเขาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเมื่อเขาเดินเข้าไปกอดมันแน่น

"โอเคสิ เจ...Never been better."

ฆาเบียร์ตอบเจตามจริง เขารู้สึกดีมากๆ

"แน่ใจนะ?"

คนตัวเล็กของเขาถามย้ำ

"ทำไมเหรอ เจ ทำไมนายถึงนึกว่าฉันจะไม่โอเค?"

"เอ่อ ก็...ก็"

เจอ้อมๆ แอ้มๆ ใบหน้าเขาแดงระเรื่อ

"ก็พี่อิ่มอ่ะ เล่นอะไรไม่รู้ แต่ละคนที่พี่อิ่มจัดให้นั่งรถคุณอ่ะ..."

เจไม่พูดต่อและละไว้ในฐานที่เข้าใจ อิ่มจัดสาวๆ ของเขาให้นั่งไปกับฆาเบียร์ ส่วนตัวเองและเพื่อนที่ไม่เคยยุ่งกับเจก็มานั่งท้ายรถกะบะแทน ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ ที่แท้มันก็ห่วงเรื่องนี้

"เจ ไม่ต้องห่วงนะ แต่ละคนไม่มีใครพูดถึงเจในทางไม่ดีเลย ทุกคนทำให้ฉันได้เห็นแล้วว่านายเป็นคนดีแค่ไหน และฉันคิดไม่ผิดที่เลือกนาย ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นโชคดีของฉันต่างหากที่นายเลือกฉัน"



ฆาเบียร์ยิ้มละไม เขาจูบหน้าผากคนรักเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

"ขอบใจนะ เจ ที่รักฉัน รักคนที่ไม่มีอะไรดีแบบฉัน"

"พูดอะไรน่ะ คุณดีจะตาย ฉลาด ทำงานเก่ง รวยก็รวย..."

คนตัวโตถอนหายใจ คำว่าไม่มีอะไรดีของเขาคือในฐานะคนรัก เขาเทียบเจไม่ติดเลยในเรื่องนี้ หากคนตัวเล็กยังร่ายสรรพคุณของเขาต่อ

"บุคลิกดี มารยาทเป็นเลิศ...เรื่องบนเตียงก็ เอ่อ เยี่ยม..."

เจนยุทธหน้าแดงเมื่อเขาเผลอหลุดปากชมเรื่องไม่เป็นเรื่องไป เขามองหน้าคนตัวโตที่ยิ้มกริ่มอย่างหมั่นไส้

"...หน้าตารูปร่างก็พอใช้ได้...โอ๊ยๆๆ"

ฆาเบียร์ดึงแก้มป่องๆ ของเจ

"แค่พอใช้ได้เองเหรอ เจ?"

คนที่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองถาม เขาเลิกเสื้อขึ้นโชว์ซิกซ์แพ็คและเบ่งกล้ามแขน

"...แบบนี้ก็แค่ใช้ได้เหรอ?"

"เออๆ หุ่นดีก็ได้ ไม่ต้องโชว์ รำคาญ!"

คนขี้อิจฉากระแทกเสียงหนักๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัสกล้ามท้องงามๆ นั้นอย่างหลงใหล



"เจ...อย่า..."

เจนยุทธสะดุ้งเมื่อฆาเบียร์จับข้อมือเขาแน่น คนตัวเล็กลูบไปลูบมาก็ขยับมือต่ำลงเรื่อยๆ ตามความเคยชิน

"กินข้าวก่อน แล้วฉันจะให้เจลูบจนพอใจเลย เอาไหม?"

เจหน้าแดงก่ำ เขาสะบัดมือใหญ่นั้นออกแล้วรีบเดินกลับไปบนเรือนใหญ่โดยมีฆาเบียร์เดินยิ้มอย่างอารมณ์ดีตามหลังมา

"เออ เจ ฉันว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวานแล้ว โรซ่าไปไหนอ่ะ?"

ฆาเบียร์ถามอย่างสงสัย ทุกทีไอ้เจ้าหมาหมูมันต้องวิ่งส่ายก้นดุ๊กดิ๊กมาหาเขาแล้ว แต่นี่เขาไม่เห็นมันมาตั้งแต่เมื่อวาน เจยิ้มให้คนรักที่มีสีหน้าร้อนใจ

"แม่เก็บมันไว้ในบ้านครับ เมื่อวานกับวันนี้คนเยอะ รถก็เยอะ แถมเมื่อคืนเสียงดังอีก ก็เลยให้มันอยู่แต่ในบ้าน นอนห้องแม่ ไว้ถ้าคนกลับหมดค่อยปล่อยมันออกมา"

ฆาเบียร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาและเจจับมือกันเดินขึ้นไปบนบ้านใหญ่ อิ่มและเพื่อนๆ นั่งคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ที่ชานบ้านโดยมีซันซันและปรินซ์คอยเป็นตัวสอดแทรก ฆาเบียร์ขอตัวไปหาคริสโดยทิ้งเจไว้กับกลุ่มสาวๆ



"ทุกคน แม่เรียกให้ไปกินข้าวน่ะ"

ฆาเบียร์เดินออกมาตามทุกคนให้ไปกินข้าว เขาเข้าไปนั่งคุยกับคริสพักหนึ่งก่อนที่ฟองนวลจะเริ่มให้เด็กตั้งสำรับและชวนทุกคนเข้ามากินข้าว สาวๆ กรี๊ดกร๊าดอีกตามเคยเมื่อได้ยินฆาเบียร์เรียกฟองนวลว่า "แม่" เป็นภาษาไทย เจรีบเดินเข้าบ้านไปก่อนที่จะโดนแซวอีก

ฟองนวลจัดโต๊ะอาหารแยกให้กลุ่มสาวๆ นั่งด้วยกันเป็นโต๊ะใหญ่ แล้วให้เจ ฆาเบียร์ ปรินซ์และซันซันมานั่งกับฟองนวล คริส เมลิน่าและริคกี้

"อ้าว แล้วพี่จืดล่ะแม่"

ฟองนวลตอบเหมือนเดิมว่าจืดพาลูกๆ ไปเที่ยวห้าง เจก็ได้แต่ทำหน้าเซ็ง หลังๆ มานี่เขาไม่ค่อยได้คุยกับพี่จืดเท่าไหร่เพราะพี่ชายคนโตมัวแต่ยุ่งกับเรื่องงานและครอบครัว

อาหารเที่ยงวันนี้ของฟองนวลก็ยังคงเป็นอาหารพื้นเมือง บางส่วนก็เป็นอาหารที่แบ่งไว้จากงานเลี้ยงเมื่อคืน เช่นแกงฮังเล ลาบเมืองคั่ว ขนมจีนน้ำเงี้ยว ฟองนวลเตรียมผัดผัก หมูฮุ่ม น้ำพริกอ่อง-ผักลวก และไข่คว่ำไว้ให้แขกชาวต่างชาติของเธอ อีกอย่างหนึ่งที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แขกได้พอสมควรคือปลาช่อนหลามในกระบอกไม้ไผ่ ปลาช่อนที่คลุกเคล้าในเครื่องแกงถูกนำไปใส่ในกระบอกไม้ไผ่แล้วนำไปเผาไฟจนปลาสุกหอมก่อนจะถูกนำมาเสิร์ฟทั้งกระบอก

ฆาเบียร์ดูท่าทางจะติดอกติดใจปลาเผา อีกอย่างที่เขาชอบเป็นพิเศษคือแกงฮังเลสูตรพิเศษของฟองนวล


"แม่ครับ ยะหยังถ้วยนี้มันบ่มีติ่นตี้ติดหนังติดมันเลย?"

'แม่ครับ ทำไมถ้วยนี้มันไม่มีชิ้นที่ติดหนังติดมันเลย?'


เจถามขึ้น แกงฮังเลถ้วยนี้มีแต่เนื้อล้วน เขาควานหาสามชั้นทั้งถ้วยแล้วก็ยังหาไม่เจอ เขาชอบหนังหมูเต่งๆ ที่เต็มไปด้วยรสชาติของเครื่องแกงฮังเล

"ถ้วยนี้ของแขกเปิ้น ถ้าไค่ได้ติ่นติดมัน เจมากิ๋นถ้วยของแม่นี่"

'ถ้วยนี้ของแขกเขา ถ้าอยากได้ชิ้นติดมัน เจมากินถ้วยของแม่นี่'

เจหัวเราะหึๆ คำว่าแขกของแม่ก็คงหมายถึงลูกชายคนโปรดคนใหม่ของแม่ที่ทำหน้าแฮ้ปปี้กับแกงที่ไม่มีชิ้นติดมันเลยฆาเบียร์กินแกงฮังเลไปคนเดียวเกือบครึ่งถ้วย แต่เขาแทบไม่แตะข้าวเหนียว ฆาเบียร์ท่องในใจตลอดเวลาว่า 30 กรัม 80 กิโลแคลอรี่

เจนยุทธตักเนื้อปลาช่อนใส่จานให้คริส

"มันจะเผ็ดหน่อยนะครับ อาปา หวังว่าจะกินได้"

คริสชิมแล้วก็บอกว่ากินได้ ไม่มีปัญหา ทั้งเจและฆาเบียร์ผลัดกันตักนั่นนี่ใส่จานให้ทั้งคริสและฟองนวล และตักนั่นนี่ให้กัน



"เจ นี่อะไรน่ะ?"

ฆาเบียร์ชี้ไปที่ถ้วยเล็กๆ ใส่อะไรสักอย่างเขียวๆ เขละๆ และมีพริกลอยข้างหน้า ฟองนวลเตรียมอาหารพิเศษสองสามจานไว้ให้ลูกคนเล็กของเธอโดยเฉพาะ

"นี่เหรอ? เรียกว่ายำเตา..."

เจบอกว่า เตาหรือเทาคือสาหร่ายน้ำจืดชนิดหนึ่งที่ขึ้นในทุ่งนา อาหารชนิดนี้แม่เขาให้คนซื้อมาจากตลาด ซึ่งนานๆ จะเจอขายที แต่ปกติแม่จะไม่ค่อยชอบให้เขากินเท่าไหร่เพราะกลัวว่ามันจะมีพวกไข่พยาธิติดมาด้วย อาหารอีกอย่างที่เป็นของโปรดของเขาคือลาบเนื้อดิบ ถ้าพูดถึงลาบเนื้อ ก็ต้องหมายถึงเนื้อควาย จานของเขาวันนี้ก็เช่นกัน

เจใช้ข้าวเหนียวจิ้มลาบเนื้อกินอย่างมีความสุข ฆาเบียร์มองอาหารสองอย่างนั้น เขาไม่กล้ากินลาบดิบ แม้เจจะบอกว่ามันไม่ต่างจากอาหารตะวันตกอย่าง Steak Tartare แต่เขาก็ยังไม่กล้ากินอยู่ดีเพราะเจเคยบอกว่ามันใส่เลือดสดลงไปด้วย ไอ้เจ้ายำเตาสีเขียวๆ เขละๆ อะไรนั่นเขายิ่งไม่กล้ากินเข้าไปใหญ่

“เจ กินแต่ของพวกนี้น่ะ ไปถ่ายพยาธิมั่งนะ”

อิ่มที่เดินมาดูว่าน้องชายกินอะไรบ้างทักขึ้น

“นั่นสิ เจ ต้องทำเป็นประจำนะ อย่าลืม ฉันเห็นเจชอบกินพวกของดิบแบบนี้นัก”

คนตัวโตพูดอย่างเป็นห่วง เจบอกว่าเขาทำเป็นประจำอยู่แล้ว เจคิดในใจว่าไอ้ที่เขากลัวจริงๆ น่ะไม่ใช่พยาธิที่มาจากของดิบหรอก แต่เขากลัวไอ้เจ้าพยาธิตัวโตตัวข้างๆ ที่จ้องจะไชก้นเขาเมื่อมีโอกาสต่างหาก



"เอ้า นี่ ต๋ำจิ๊น"

เจตักอาหารทำจากเนื้อสัตว์ที่ถูกทำให้เป็นฝอยใส่จานให้ฆาเบียร์

"ผมเดาว่านี่น่าจะเป็นอาหารโบราณนะ เพราะใช้เนื้อสัตว์ที่ผ่านการถนอมอาหารแล้วมาทำ"

เจบอกว่าเขาคิดแบบนั้นเพราะในสมัยก่อนเนื้อสดอาจไม่ใช่ของที่หากินได้ทุกวัน ต๋ำจิ๊น เกิดจากการนำเนื้อแห้งที่ทำเก็บไว้เมื่อตอนที่หาเนื้อสดมาต้มให้เปื่อยแล้วนำไปโขลกพอแหลกแล้วนำออกพักไว้ จากนั้นโขลกน้ำพริกจากหอมแดง พริกแห้ง กระเทียม ข่า และเกลือตามสูตรแล้วนำเนื้อแห้งที่โขลกแล้วลงตำด้วย คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นเอาลงผัดในน้ำมันที่เจียวกระเทียมไว้ด้วยแล้วจนเข้ากันดี ฆาเบียร์ยกสมุดโน้ตมาจดอีกตามเคยพร้อมกับถ่ายรูปไว้

"นี่ๆ ถ้าจะเอาไปลงเพจน่ะ ไอ้ส่วนที่ว่าเป็นอาหารโบราณเนี่ย ผมเดาเอาเองนะ ไม่ต้องเขียนลงไป"

เจท้วงไว้ก่อน ฆาเบียร์พยักหน้าตอบรับ เขาครุ่นคิดอะไรนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยปากถามเจ

"เจ ฉัน เอ่อ อ้ายว่าจะถามอะไรเจอย่างหนึ่ง เจอยากมาทำงานให้อ้ายไหม?"


ฆาเบียร์สบตากับคริสเป็นเชิงขออนุญาตก่อนที่จะถามเจนยุทธ คริสพยักหน้าให้ฆาเบียร์พูดต่อ

"เอ่อ ทำงานยังไง ฆาบี้ เอ่อ อ้ายครับ จะให้ผมไปทำงานที่ฮ่องกงผมไม่สะดวกอ่ะ"

เจทำเสียงอ่อยๆ ทำไมเขาจะไม่อยากได้งานทำ แต่ถ้าให้ต้องไปทำงานต่างแดน เขาว่าเขาไม่มีความสามารถพอ

"ไม่ต้องไปฮ่องกงหรอก เจ คือ ช่วงนี้ เอ่อ อ้ายไม่ค่อยมีเวลาที่จะมาหาข้อมูลลงเว็บและเพจ Valentin de la Rosa เท่าไหร่ กำลังกลุ้มใจอยู่เหมือนกัน..."

"...ทีนี้อ้ายเลยคิดว่าจะเปิด section ใหม่ขึ้นมา เป็นเรื่องรีวิวร้านอาหาร กับเรื่องต่างๆ ของเมืองเชียงใหม่ ผ่านมุมมองของคนท้องถิ่นอย่างเจ”

“…เจคิดว่าไง?”

“จะดีเหรอครับ อ้าย คือ ผมเขียนไม่เก่ง ภาษาก็ได้แค่สื่อสาร จะให้เขียนเป็นเรื่องเป็นราวก็ไม่ค่อยได้เท่าไหร่…”

“…อีกอย่าง ผมมันก็แค่เด็กบ้านๆ เป็นโนบอดี้ ไม่ใช่คนดูดีหรือมีชื่อเสียงแบบอ้ายนะ”

เจนยุทธพูดเสียงอ่อยๆ เขาคิดนิดนึงก่อนตัดสินใจ

“…คือ จะให้ลองดูก็ได้ แต่อ้ายต้องช่วยแนะนำผมนะ”

ฆาเบียร์ยิ้มออกมา

“งั้นเดี๋ยวเราค่อยคุยรายละเอียดกัน เจ กินข้าวเสร็จแล้วไว้คุยกัน จะได้คุยกับเมลิน่าและริคกี้ด้วย”



เจพยักหน้า เขาตักน้ำแกงในถ้วยที่ตั้งอยู่ข้างหน้าขึ้นซด ฆาเบียร์มองอย่างสนใจ นี่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ไม่มีในชุดของแขกต่างชาติ

“แกงอะไรน่ะ สายบัวเหรอ?”

แกงนั้นเป็นแกงพืชชนิดหนึ่งซึ่งเป็นท่อนยาวๆ หน้าตาคล้ายสายบัว แกงนี้ใส่เนื้อปลาช่อน ตัวน้ำแกงสีออกเหลืองคล้ายแกงส้มใต้

“แกงตูนน่ะ…”

เจบอกว่าตูนหรือที่ทางภาคกลางและภาคอีสานเรียกว่าคูนและทางใต้เรียกว่า เอาะดิบหรือออดิบ เป็นพืชตระกูลบอน ก้านของมันกินได้โดยกินสดใช้จิ้มน้ำพริกหรือเอามาแกงก็ได้

“ชิมมะ?”

เจเลื่อนถ้วยแกงส่งให้คนรักที่นั่งข้างๆ ฆาเบียร์ตักทั้งก้านตูนและน้ำแกงชิม ตัวก้านตูนไม่มีรสอะไรเป็นพิเศษ รสสัมผัสของมันคล้ายสายบัว ส่วนน้ำแกงนั้นมีกลิ่นรสของขมิ้นชัดเจน ฟองนวลปรุงมันให้มีรสเผ็ดเปรี้ยวนำ ฆาเบียร์ชิมแค่คำเดียวแล้วก็ส่งคืนให้เจ

“ไม่ชอบล่ะสิ”

ฆาเบียร์ส่ายหัว

“ไม่หรอก เจ อ้ายชอบนะ แต่…”

เขาลดเสียงลงจนเกือบกระซิบ

“…วันนี้อ้ายคงกินเผ็ดมากไม่ไหวน่ะ ความผิดเจล้วนๆ เลยนะ”

เจหน้าร้อนผะผ่าวเมื่อฆาเบียร์กระซิบประโยคถัดไป

“ฉะนั้นคืนนี้ เจต้องให้อ้ายทำโทษซะดีๆ นะ”

“อืมม์”

เจตอบรับเสียงแผ่วเบา เขาก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อและไม่ยอมมองหน้าเมียตัวโตของเขาที่ยิ้มร่าอย่างมีความสุข

]
(ftp://www.picz.in.th/images/2017/11/24/2-L.jpg[/img)



“พรุ่งนี้อาปาขึ้นเครื่องกี่โมงครับ?”

เจนยุทธถามคริส

“11:20 น.น่ะ ไฟลท์ของคาเธ่ย์ ดราก้อนเหมือนขามา”

เจทำหน้าเจื่อน เขานึกว่าไฟลท์ของคริสจะออกตอนเย็นเหมือนไฟลท์วันพุธของฆาเบียร์ที่ออกตอนหกโมงเย็น เขานึกว่าจะได้อยู่กับอาปาของเขานานอีกหน่อย

“งั้นคืนนี้ผมกับฆาบี้จะไปนอนค้างที่วิลล่ากับอาปาด้วยอีกคืน ส่วนตอนเช้าจะไปรอส่งที่สนามบินนะครับ อาปานั่งรถเบนซ์ไปสบายๆ ดีกว่า แล้วเราเจอกันที่สนามบิน”

คริสโบกมือปฏิเสธ

“เจไม่ต้องไปส่งก็ได้ อาปาไม่อยากกวนเวลา”

“ต้องไปส่งสิครับ กว่าผมจะได้เจออาปาอีกทีก็ไม่รู้เมื่อไหร่”

เจนยุทธทำหน้าสลด เดี๋ยวจากฮ่องกง คริสก็ต้องกลับสหรัฐฯ ไม่รู้เมื่อไหร่จะเจอกันอีก คริสหัวเราะเบาๆ

“เดือนหน้าก็เจอกันอีกนะ เจ อาปาจะมางานแต่งลูกชายเพื่อนที่ฮ่องกง เจกับฆาบี้ก็ต้องไปด้วยใช่ไหม?”

คริสบอกว่าเจ้าสาวคือพนักงานในบริษัทของเขาสาขาเอเชีย-แปซิฟิค



“แล้วตกลงว่าเจจะยอมมาทำงานกับเราหรือเปล่า?”

คริสถามยิ้มๆ เจยิ้มแหยๆ แล้วบอกว่าเขาไม่แน่ใจว่าเขาจะทำงานนั้นได้ดี

“อาปาอยากให้ลูกมานะ จะได้มาเรียนรู้งานหลายๆ อย่างด้วย”

เจมีท่าทีตกใจ แล้วถามว่าทำไมเขาต้องเรียนรู้งานด้วย ไหนฆาเบียร์บอกว่าจะให้เขาเป็นแค่คนเขียนคอนเทนท์เล็กๆ น้อยๆ

“อาปาอย่าทำให้เจตกใจสิครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรขนาดนั้นหรอก”

ฆาเบียร์ที่เหงื่อโทรมหน้าทรุดกายลงนั่งบนที่วางแขนของเก้าอี้นวมที่เจนั่งอยู่ เขาไปช่วยฟองนวลและอิ่มเก็บจานชามเข้าไปในครัวและทิ้งเจให้อยู่คุยกับคริส

“โอย ร้อน เจแน่ใจนะว่านี่ฤดูหนาวจริงๆ?”

ฆาเบียร์ยกแผ่นพับอะไรสักอย่างที่เขาถือติดมือมาจากในครัวขึ้นพัด เจหัวเราะแล้วบอกว่าฤดูหนาวของเชียงใหม่จะคล้ายฤดูร้อนของทางยุโรปเหนือ คืออากาศเย็นสบายถึงหนาวช่วงเช้าและกลางคืน แต่ตอนกลางวันอาจร้อนจัดเพราะแสงแดด ฆาเบียร์ใช้หนังยางที่หยิบติดมือมาจากในครัวมัดผมที่ยาวปรกคอของเขาขึ้นเป็นจุกน้อยๆ ที่หลังหัว เจมองใบหน้าคมเข้มนั้น ฆาเบียร์มัดผมจุกแบบนี้ทำให้ดูเป็นหนุ่มเซอร์ นี่ถ้าเป็นสองวันที่แล้วตอนที่หนวดเครายังเขียวครึ้ม คนรักตัวโตของเขาคงดูคล้ายพวกฮิปสเตอร์เลยทีเดียว



“เจ…เจนยุทธ”

เจที่พินิจพิเคราะห์ใบหน้าของเมียตัวโตเพลินๆ สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อฆาเบียร์จับมือ

“ครับ เมื่อกี้อ้ายว่าไงนะ?”

“อ้ายบอกว่าเจรับงานนี้เถอะ ท่านประธานลงทุนชวนเองแล้ว”

ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ

“นายเป็นคนแรกตั้งแต่เปิดบริษัทเลยนะที่ท่านประธานออกปากทาบทามให้มาทำงานด้วยตัวเองน่ะ”

“อย่ากดดันเจสิ ฆาบี้”

คริสหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและบอกว่าลูกของเขาออกจะพูดเกินจริงไปหน่อย อันที่จริงตอนบริษัทก่อตั้งขึ้นใหม่ๆ เขาเคยทาบทามและดึงตัวพนักงานระดับสูงหลายคนจากบริษัทอื่นมาก่อน หากตั้งแต่บริษัทขยายใหญ่โตและเขาขึ้นรับตำแหน่งประธานแล้วคริสก็ไม่เคยต้องลงมาจัดการเรื่องนี้เองอีก เจนยุทธอ้ำอึ้งก่อนที่จะให้คำตอบในที่สุด

"งั้นขอผมทดลองงานก่อนได้ไหมครับ? สักสองสามเดือนก็ได้"

ฆาเบียร์ตอบตกลง

"ไว้เรามาคุยรายละเอียดกันเย็นนี้ที่วิลล่าของอาปาแล้วกันนะ เจ"



(ต่อคอมเมนท์ถัดไป)



ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1


ขออภัยค่ะ เผลอหลับคาคอมไปก่อนอัพเสร็จ -_-"


---- Job Offering (ต่อ) ----




"เจๆ มานี่หน่อยสิ"

แตงโมกวักมือเรียกเจที่เดินมาลาเพื่อนๆ อิ่มที่กำลังจะเดินทางกลับ พวกอดีตสาวๆ ของเขาอย่างฟ้าและพลอยกลับไปก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้แตงโม เจนและเปิ้ลก็กำลังจะไปบ้าง ฆาเบียร์ยืนคุยอยู่กับเจน เปิ้ล และอิ่ม ส่วนแตงโมลากเจไปคุยห่างๆ

"เจ พี่คุ้นหน้าคุณลุงคนนั้นมากเลย"

แตงโมขมวดคิ้วพลางนึกว่าเธอเคยเห็นชายสูงอายุเชื้อสายจีนร่างเล็กท่าทางใจดีคนนี้จากที่ไหน เจมองตามสายตาแตงโมแล้วก็พบว่าหมายถึงคริส พวกเขาไม่ได้แนะนำคริสให้พวกเพื่อนของอิ่มได้รู้จักเพราะคิดว่าไม่จำเป็น เจขมวดคิ้วตาม แตงโมเป็นนักลงทุนที่เน้นซื้อขายหุ้นในตลาดต่างประเทศเสียส่วนใหญ่ เธอตามข่าวคราวความเป็นไปของบริษัทนั้นนี้ที่ตนเองสนใจซื้อหุ้นหรือถือหุ้นอยู่เป็นประจำ จึงไม่แปลกที่เธออาจจะจำคริสได้

"คุณลุงเค้าชื่ออะไรนะ?"

"เอ่อ...คุณคริสครับ"

แตงโมตบเข่าฉาด

"คริส คริสโตเฟอร์ หว่องใช่ไหม? เจเอ๊ย เจรู้ไหมว่าเค้าเป็นใคร?"

เจอ้ำๆ อึ้งๆ ตอบว่าคริสเป็นเจ้านายฆาเบียร์

"ไม่แค่เจ้านายล่ะ นั่นประธานบริษัทเลยนะ เจมีประธานบริษัทไอทียักษ์ใหญ่มูลค่าเป็นพันล้านเหรียญมานั่งอยู่ในบ้านเนี่ยนะ? โอย พี่จะเป็นลม แล้วเค้ามาทำอะไรที่บ้านไร่ของพี่จืด?"

แตงโมทำท่างุนงง เธอรู้ว่าฆาบี้ทำงานที่บริษัทนี้ แต่เท่าที่รู้ตำแหน่งของเขาเป็นด้านประชาสัมพันธ์ ถึงจะตำแหน่งใหญ่แค่ไหน ก็ไม่เห็นว่าจะมีเหตุอะไรที่ทำให้คริสซึ่งเป็นประธานบริษัทมาที่ไร่ในอำเภอแม่แตงนี้ได้



"เอ่อ แล้วพี่แตงโมรู้จักอาปา เอ๊ย คุณคริสได้ไงอ่ะ?"

เจไม่ตอบแต่ย้อนถามแตงโม

"พี่เคยถือหุ้นบริษัทนี้ ทำเงินได้ดีเลยแหละ คุณคริสมารับช่วงแทนประธานคนเก่าที่เสียชีวิตไปแล้วและทำเว็บนี้ให้กลายเป็นเว็บอันดับต้นๆ พี่ซื้อหุ้นบริษัทนี้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่มันเข้าตลาดหุ้นเลยนะ เป็นหุ้นตัวนึงที่พี่มีติดพอร์ทไว้ตลอด เพราะผลประกอบการดี"

"...แต่ปีที่แล้วพี่ดันพลาด ขายทิ้งไปซะเกือบหมด เซ็งจริงๆ"

"ขายทำไมล่ะพี่?"

"ก็ช่วงซักครึ่งปีที่แล้วมีข่าวว่าคุณคริสแกจะวางมือแล้วให้ลูกบุญธรรมของแกที่เป็นลูกของประธานคนเก่าขึ้นแทน ตอนนั้นหุ้นบริษัทตกกระจายเลย เพราะนักลงทุนไม่มีใครเคยรู้จักลูกบุญธรรมคนนี้ ไม่เคยเห็นฝีมือ รู้แค่ว่าตอนนี้นั่งตำแหน่งรองประธานอยู่..."

"...แต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นมีข่าววงในออกมาว่าจริงๆ แล้วลูกบุญธรรมแกนี่แหละที่เป็นคนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัท ทีนี้ล่ะหุ้นพุ่งเลย พี่ซื้อคืนมาได้ก็แพงกว่าตอนที่ขายไปเยอะ พี่นี่อย่างเซ็ง"

เจซ่อนยิ้มแล้วถามขึ้น

"แล้วพี่แตงโมรู้ไหมว่ารองประธานคนนั้นชื่ออะไร?"

แตงโมทำท่าครุ่นคิด

"อืมม์ พี่ก็เพิ่งอ่านเจอไม่นานมานี่อะนะ ชื่ออะไรน้า? มันติดอยู่ที่ปากนี่แหละ..."

แตงโมหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเปิดหาข้อมูล

"...อ๋อ ใช่ๆ ฆาเบียร์ ฆาเบียร์ มาร์ติเนซ...เฮ้ย!!"

เจรีบตะครุบปากสาวนักลงทุนคนนี้ก่อนที่จะโวยวายไปมากกว่านี้

"ชู่ว์ พี่แตงโม อย่าเอ็ดไป"

"เจ ฆาเบียร์? ฆาบี้ของเจเนี่ยนะ? จริงเหรอ?"

แตงโมชี้รูปฆาเบียร์ที่ยิ้มละไมในโทรศัพท์ของเธอ เจพยักหน้า

"จริง จริงมันทุกอย่างแหละ พี่ ทั้งเรื่องลูกบุญธรรม เรื่องการอยู่เบื้องหลัง ทุกอย่างแหละ"



แตงโมปากสั่น นี่เธอได้กระทบไหล่คนดังในวงการธุรกิจสหรัฐฯ โดยไม่รู้ตัว เธอไม่นึกเลยว่าคนที่ผลักดันอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเว็บไซต์ชื่อดังนี้จะเป็นคนวัยเดียวกันกับเธอ

"แม่กับอิ่มรู้ไหม?"

"รู้ แต่ก็มารู้กันทีหลัง ผมก็เหมือนกัน ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใครทำอะไร รู้แค่ว่าเขาเป็นเพื่อนพี่นพ แค่นั้นเอง..."

"...แต่ถึงรู้ มันก็แค่นั้นอ่ะ พี่ พวกเราก็ไม่ได้มองฆาบี้ที่ฐานะหรือหน้าที่การงานเขาอยู่แล้วอ่ะ อยู่ที่นี่ ฆาบี้ก็คือฆาบี้ คือแฟนผม คือคนที่ผมต้องดูแล"

เจบอกแตงโมว่าเข้ากับฆาเบียร์ทำข้อตกลงเรื่องเงินเรื่องทองกันไว้ แตงโมมองหน้าน้องชายเพื่อนสนิท เจยังคงเป็นคนเดิมที่ทะนงตัวและไม่ยอมเอาเปรียบใคร เป็นชายหนุ่มคนเดิมที่เธอเคยมีใจให้ เธอไม่แปลกใจที่คนธรรมดาอย่างเจสามารถชนะใจคนโพรไฟล์สูงลิ่วอย่างฆาเบียร์ได้

"พี่แตงโมครับ"

เจนยุทธเรียกชื่อเพื่อนพี่สาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"เรื่องนี้ จุ๊ๆ นะ ไม่ต้องบอกคนอื่นล่ะ ผมอยากให้ทุกคนทำตัวกับฆาเบียร์เหมือนเดิม"

"...ตอนอยู่เชียงใหม่ ผมอยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด อยากให้ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ผมอยากให้พวกพี่ๆ คบหาเขาโดยมองที่เนื้อแท้ของเขาจริงๆ"

แตงโมพยักหน้าตอบรับแล้วทำท่ารูดซิปปาก เธอไม่รังเกียจที่จะเป็นเพื่อนกับหนุ่มละตินเจ้าเสน่ห์คนนี้อยู่แล้ว



"งั้น พี่ไปก่อนนะ"

แตงโมโบกมือลาเจ เธอแวะไปบอกลาฆาเบียร์ เจมองแตงโมกระซิบกระซาบอะไรกับฆาเบียร์ ซึ่งคนตัวโตของเจทำตาโตและหัวเราะลั่น เขาแกะผมจุกของตัวเองแล้วปล่อยลงปรกคอเหมือนเดิม แตงโมเรียกสาวๆ คนอื่นๆ มาคุยกับฆาเบียร์อีก เมียตัวโตของเขายืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ท่ามกลางอดีตสาวๆ ของเขา พวกเขากอดลากันก่อนที่ทุกคนจะโบกมือลาเจและอิ่มและเดินทางกลับตัวเมืองเชียงใหม่

"นี่ คุยอะไรกับพี่แตงโมน่ะ เห็นหัวเราะกันสนุกเชียว"

"อ๋อ แตงโมเค้ามาบ่นน่ะ...ว่ารู้จักฉันช้าไป ไม่งั้นเขาคงไม่ขายหุ้นบริษัทฉันทิ้งแล้วต้องมาเซ็งทีหลัง"

ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แตงโมกับเขาคุยถูกคอกันเรื่องพวกหุ้นและการลงทุนต่างๆ

"อือ พี่เขาจำอาปาได้น่ะ แต่ผมก็บอกแล้วนะ ว่าให้เหยียบไว้ก่อน"

เจบ่นขึ้นเบาๆ

"ไม่เป็นไรหรอก เจ ที่จริงฉัน เอ๊ย อ้ายก็ไม่รังเกียจหรอกที่ใครจะรู้ว่าอ้ายเป็นใคร ทำงานอะไร เพราะมันก็คือส่วนหนึ่งของตัวตนอ้าย"

เจพยักหน้าตอบรับ

"แล้วกับสาวๆ คนอื่นๆ ล่ะ คุยอะไรกันมั่ง เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว"

ฆาบี้ยิ้มกว้าง เขาควรเล่าให้เจฟังดีไหมนะ?

"อืมม์ สาวๆ เขาบอกว่าถ้ามาเชียงใหม่คราวหน้าแล้วมีเวลาให้นัดกันกินข้าวด้วย แต่นัดอ้ายคนเดียว ไม่ให้เจไปด้วยนะ"

"...เพราะพวกเขาจะแนะนำอ้ายว่าเจชอบอะไร แบบไหนบ้าง"

เจหน้าแดงก่ำ สาวๆ พวกนั้นหมายถึงความชอบบนเตียงของเขาสินะ ฆาเบียร์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ถึงเขามั่นใจว่าเขารู้จักความชอบทุกอย่างของเจดีแล้ว รวมทั้งเรื่องที่สาวๆ พวกนั้นทำให้ไม่ได้ แต่เขาก็ยินดีที่จะรับฟังประสบการณ์และคำแนะนำของคนอื่นบ้าง



"อ้อ แล้วอีกอย่าง แตงโตเค้าบอกให้อ้ายปล่อยผมน่ะ"

ฆาเบียร์ยิ้มๆ เขาถึงขั้นหัวเราะก๊ากออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อแตงโมกระซิบบอกเขา

"...ก็เพราะเจนั่นแหละ ตอนอาบน้ำเมื่อกี้เจทำอะไรฉันไว้ หือ?

ฆาบี้กระซิบข้างหูของคนรักเมื่อเห็นเจเริ่มทำหน้าบูด เขาเลิกผมเปิดต้นคอด้านหลังของเขาให้เจดู เจสบถเบาๆ เมื่อเห็นรอยสีกุหลาบจางๆ หลายรอยบนหลังคอของเมียตัวโตของเขา ถึงจะไม่เข้มมาก แต่ก็เด่นชัดพอให้รู้ว่าคนที่ทำรอยนั้นอยู่ในท่าไหน ตำแหน่งไหน มิน่าล่ะ ก่อนไปแตงโมถึงมากระซิบกับเขาว่าเธอเชื่อแล้วว่าฆาเบียร์นั้นเป็น 'เมีย' ของเจจริงๆ

"ผมขอโทษจริงๆ ฆาบี้ มันเผลอตัวไปหน่อย"

เจหน้าแดงก่ำ อารมณ์ที่เตลิดไปทำให้เขาเผลอฝากรอยรักไว้โดยไม่รู้ตัว

"ไม่เป็นไรหรอก เจ พวกเราก็ทิ้งรอยกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนี่นา"

ฆาเบียร์ทำท่าจะรวบผมขึ้นอีกครั้ง เจรีบดึงมือคนตัวโตไว้ ใครเห็นไม่เท่าไหร่ แต่เขาไม่อยากให้พี่สาวของเขาเห็นเพราะอิ่มคงแซวไปอีกนานแน่ๆ



"เจ งั้นพวกกูไปก่อนนะ"

ปรินซ์เดินมาบอกลาเพื่อน พวกเขาเพิ่งขึ้นไปลาครอบครัวของเจและฆาเบียร์มา

"ผมไปก่อนนะครับ ป๋า ไว้มีปัญหาเรื่องงานอะไรผมจะไลน์ไปขอคำแนะนำนะครับ"

เพื่อนตัวล่ำของเจและซันซันยกมือไหว้คนรักของเพื่อนที่พวกเขาทั้งคู่มองเป็นไอดอล

"เดี๋ยวปรินซ์ มึงลืมเอาของให้ไอ้เจมัน"

ซันซันฉุดมือปรินซ์ที่ทำท่าจะเดินไปไว้ เจซ่อนยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนหนุ่มลูกร้านทองแดงซ่านขึ้นมาน้อยๆ

"เออ กูลืมไป"

ปรินซ์ปล่อยมือที่ฉุดรั้งตัวเองลงอย่างเสียดาย เขาเปิดกระเป๋า messenger ของตัวเองแล้วหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาสองกล่อง

"แต๊งกิ้วว่ะ ตังค์ค่าของกูโอนให้เรียบร้อยแล้วนะ"

ปรินซ์พยักหน้าบอกว่าได้รับแล้ว ทั้งสองคนโบกมือลาเจและเดินทางกลับตัวเมืองเชียงใหม่



เจยืนส่งจนรถของเพื่อนพ้นสายตาไป ตอนนี้แขกกลับไปหมดแล้วและเป็นเวลาของครอบครัวบ้าง เจชวนฆาบี้เดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน

"เฮ้ย!"

ฆาเบียร์อุทานลั่นเมื่อร่างดำมะเมี่ยมของเจ้าหมาอ้วนโรซ่าเผ่นแผลวขึ้นยืนสองขาเกาะตัวเขา เขาที่ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวแทบล้ม โชคดีที่เจนยุทธรั้งร่างเขาไว้ทัน เจดุสาวน้อยของเขาลั่นจนมันทำท่าจ๋อยแล้วทิ้งตัวลงนอนหงาย ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งเกาพุงให้เจ้าหมาตัวโปรดของเขา

"อ้ายนะ เอาใจมันจนจะเสียหมาแล้ว"

เจบ่นเบาๆ เขาทิ้งฆาเบียร์ให้เล่นกับโรซ่า ตัวเขาเดินไปนั่งกับแม่และคริสที่ชุดรับแขก อิ่มเองก็นั่งคุยกับเมลิน่าและริคกี้อยู่ที่นั่นด้วย

"อาปาเจอโรซ่าแล้วเหรอครับ?"

เจถามขึ้นเมื่อได้ยินคริสเรียกเจ้าหมาอ้วนของเขาให้เข้ามาหา

"ฉันเจอมันเมื่อคืนแล้ว"

ฟองนวลปล่อยโรซ่าให้ออกมาทักทายแขกเมื่อช่วงหัวค่ำ ตอนแรกคริสก็ยังหวั่นๆ เพราะขนาดและขนสีดำมะเมื่อมของมันทำให้มันดูเหมือนหมาดุ แต่เมื่อเล่นกับมันสักพักเขาจึงรู้ว่ามันไม่มีพิษภัยอะไร

"ถูกใจลูกล่ะสิ ฆาบี้"

คริสกระเซ้าลูกรักของเขา ฆาเบียร์ชอบและอยากเลี้ยงสุนัขมาตั้งแต่ยังเล็กแล้ว แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างไม่เอื้อทำให้เขาไม่มีโอกาสได้เลี้ยงสักตัว

"อาปาหามาไว้ที่บ้านสักตัวเอาไหม? พันธุ์อะไรนะ เจ?"

"ลาบราดอร์ครับ"

คริสผู้ตามใจลูกเลี้ยงของเขาแทบทุกเรื่องถามขึ้น อะไรที่เป็นความสุขของฆาเบียร์เขาก็พร้อมจะทำให้ หากฆาเบียร์ส่ายหน้า

"ตอนนี้ยังดีกว่าครับ อาปา รอกลับไปอยู่บ้านเต็มตัวก่อนค่อยเลี้ยง"

เจใจหายวูบ เขาเพิ่งระลึกได้ว่าสักวันคนตัวโตก็ต้องกลับไปรับตำแหน่งประธานที่สหรัฐฯ และเมื่อนั้นฆาเบียร์ก็คงไม่สามารถกลับเชียงใหม่ได้บ่อยๆ เหมือนตอนอยู่ที่ฮ่องกง

"เจ เป็นอะไร?"

ฆาเบียร์ถามเมื่อเห็นคนรักซึมไปเล็กน้อย เจฉีกยิ้มให้แล้วบอกว่าไม่มีอะไร ฆาบี้ลอบถอนหายใจ มันคงเป็นเพราะสิ่งที่เขาคุยกับคริสเมื่อสักครู่



เจสะกิดเรียกพี่สาว เขากำลังจะทำสิ่งที่เขาทำเป็นประจำทุกปี เขาทรุดตัวลงนั่งข้างหน้าแม่ของเขา

"แม่ครับ ปีที่ผ่านมานี้เจต้องขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ"

เจเลือกพูดเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้แขกของเขาเข้าใจด้วย เขากราบลงที่ตักของฟองนวล แม่ของเจก็ยกมือลูบหัวลูกชายคนเล็กเบาๆ เจส่งกล่องกำมะหยี่สีแดงให้ฟองนวลกล่องหนึ่ง เธอรับมาเปิดดูนิดหนึ่งแล้วปิดกลับไปเหมือนเดิม เจนยุทธกอดแม่แล้วย้ายตัวเองไปนั่งหน้าพี่สาวแล้วหยิบอีกกล่องหนึ่งส่งให้อิ่มใจ

"สวัสดีปีใหม่ครับ พี่อิ่ม"

อิ่มเปิดกล่องแดงนั้นแล้วหยิบสร้อยทองเส้นหนึ่งออกมา

"โห เจ ปีนี้ให้เส้นใหญ่กว่าปีที่แล้วอีกนะ"

เจหัวเราะเขินๆ

"ปีนี้ผมรับงานเยอะน่ะ ปั๊มตังค์ แต่ถ้าเจ๊ชอบเส้นเล็กๆ ผมก็เอาไปเปลี่ยนให้ได้นะ"

เจทำท่าจะไปแย่งกล่องคืน อิ่มร้องลั่นแล้วรีบเก็บวางไว้ข้างตัว ทุกคนได้แต่หัวเราะในทีท่าแบบเด็กๆ ของคนทั้งคู่



"ทุกวันปีใหม่ผมจะให้ทองแม่ปีล่ะบาท เอ่อ ก็ประมาณ 15.2 กรัมน่ะ"

เจเล่าให้คนตัวโตที่ถามว่าเจเอาอะไรให้แม่

"...ผมจะให้​ เป็นสร้อยบ้าง ทองแท่งบ้าง อย่างปีนี้เป็นสร้อยข้อมือ แล้วก็ซื้อสร้อยให้พี่อิ่มสลึงนึงทุกปี แต่ปีนี้มีตังค์เลยซื้อให้เจ๊สองสลึง"

เจพูดยิ้มๆ เขาบอกว่าส่วนพี่จืดนั้น เขาให้เป็นพวกกระเป๋าตังค์หรือของใช้ผู้ชายๆ ฆาเบียร์ชื่นชมคนรักตัวเล็กของเขาในความกตัญญูนั้น

"โหย คุณ ที่ผมให้น่ะ ยังน้อย พี่จืดกับพี่อิ่มเขาโอนให้แม่กันคนละอย่างน้อย 50,000 ทุกปี ผมน่ะใช้เงินเปลืองแถมรายได้ก็ไม่เยอะ เลยซื้อทองให้ได้แค่บาทเดียว"

เจยิ้มเขินๆ เมื่อถูกชม



"ฆาบี้ แล้วจะเอายังไงกับของที่เอาฝากอาปาไว้?"

"ผมว่าคงยังไม่เหมาะที่จะเอาให้ตอนนี้ครับ เดี๋ยวอาปาเก็บไว้ก่อนดีกว่า"


ฆาเบียร์ถอนหายใจ เขาเตรียมของมาให้ฟองนวลกับอิ่มใจเช่นกัน แต่เขาถูกเจดักคอไว้ตั้งแต่วันคริสต์มาสว่าไม่อยากให้เขาเสียตังค์ซื้อของแพงๆ ให้แม่กับพี่ของเขา แล้วยิ่งเห็นเจอุตส่าห์เก็บเงินซื้อทองให้แม่แล้ว เขาไม่ควรเอาของที่มูลค่าสูงกว่ามากๆ ให้ในตอนนี้ ​เจมองหน้าคนทั้งสองที่พูดกันเป็นภาษากวางตุ้งเพื่อไม่ให้เขารู้เรื่องอย่างขัดใจ

"ฆาเบียร์ ตกลงว่าคุณโกหกผมใช่ไหม?"

เจพูดดักคอฆาเบียร์ วัวสันหลังหวะอย่างคนตัวโตของเจสะดุ้งเฮือก

"โกหกอะไร เจ ไม่มี ฉันไม่ได้ซื้ออะไรเตรียมไว้จริงๆ"

ฆาเบียร์หลุดปากพูดออกมาในที่สุด เจได้แต่โคลงหัว นั่นปะไร คริสยิ้มบางๆ ในด้านธุรกิจ ลูกของเขานั้นจัดเจนช่ำชองและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แต่เมื่ออยู่กับเจ ฆาเบียร์ก็กลายเป็นคนซื่อๆ ไร้ลูกไม้หรือลูกเล่นใดๆ

เจนยุทธถอนหายใจ

"นี่ตกลงเตรียมของมาจริงๆ ใช่ไหม?"

ฆาเบียร์จนปัญญาต้องพยักหน้าตอบรับ เจครุ่นคิดนิดหนึ่ง ก่อนพยักหน้า

"เอาเถอะ ให้ก็ให้ ไหนๆ ของมันก็เตรียมมาแล้ว แต่ปีหน้าผมขอนะ ไม่ต้องซื้ออะไรแพงๆ มาอีก"

ฆาเบียร์รับปากคนรักของตน คริสบอกริคกี้ให้ไปหยิบถุงที่ฆาเบียร์ฝากไว้ในห้องพักของตน



"เอ่อ...เจไม่ว่าอะไรแน่นะ"

เจนยุทธอึ้งไปเมื่อเห็นถุงสองใบนั้น ใบหนึ่งเป็นถุงสีแดงของ Cartier อีกใบเป็นถุงน้ำตาลทองของ Bvlgari แต่ในเมื่อเขาออกปากอนุญาตแล้ว ก็คงจะได้แต่ยกประโยชน์ให้ฆาเบียร์ไป เจพยักหน้า ฆาบี้รีบส่งถุงใบสีแดงให้ฟองนวลและใบสีน้ำตาลให้อิ่มใจ ทั้งคู่กล่าวขอบใจฆาเบียร์และเปิดดูของด้านใน ฟองนวลได้นาฬิกา Cartier Tank Française สีเงินสลับโรสโกลด์ ที่หน้าปัดมีเพชรเม็ดจิ๋ว 11 เม็ดฝังอยู่ตรงตำแหน่งบอกเวลา ฟองนวลลองใส่นาฬิกาอย่างถูกใจ แต่ก็บ่นเกรงใจฆาเบียร์ว่าไม่น่าต้องเสียเงินซื้อของมีราคาแบบนี้ให้เธอเลย เจกับอิ่มใจแอบมองหน้ากัน ถ้าแม่เขารู้ว่านาฬิกาเรือนน้อยเรือนนี้ราคาหกหลักต้นคงจะยิ่งมีทีท่าเกรงใจหนักกว่านี้แน่นอน

อิ่มใจเปิดกล่องสีน้ำตาลที่มีลวดลายสวยงามออกดู ด้านในเป็นสร้อยข้อมือเส้นบอบบาง รุ่น B.Zero 1 สีโรสโกลด์เช่นกัน มันประกอบด้วยตัวสายโซ่และตุ้มรูปทรงถังอันเป็นเอกลักษณ์ของบุลการีและวงแหวนหนาสลักคำว่า Bvlgari อิ่มส่งให้น้องชายเป็นคนใส่ให้ เธอหันไปขอบคุณคนตัวโตของเจที่นั่งสงบปากสงบคำอยู่ข้างๆ

"ขอบคุณครับอ้าย ที่คิดถึงแม่กับพี่อิ่ม"

เจนยุทธขอบคุณคนรักด้วยใจจริง

"แต่ปีหน้า ห้ามซื้อของราคาขนาดนี้ให้แล้วนะ"

เจกระซิบคนตัวโตของเขาเมื่อแม่ของเขาไม่ได้ฟัง ฆาเบียร์ยกมือสัญญา



"โหย เจ๊ เห่อจัง"

เจแซวพี่สาวที่ลูบๆ คลำๆ สร้อยข้อมือใหม่ของเธอ

"ได้ของแพงแล้ว เจขอสร้อยทองคืนได้ป่าว?"

เจทำท่าคว้ากล่องสร้อยที่เขาซื้อให้พี่สาว อิ่มใจรีบคว้าหมับแล้วยัดมันเก็บลงไปกับถุงสร้อยข้อมือทันที

"ได้ยังไง ให้แล้วให้เลยสิเจ จะมาทวงคืนได้ไง?"

อิ่มพูดยิ้มๆ แล้วขยี้ผมน้องน้อยของเธอที่นั่งทำตาละห้อย

"เอ้า เอาไป ของขวัญปีใหม่ เดี๋ยวจะบ่นว่าพี่ไม่มีของให้ นี่เป็นของจากพี่ แม่ แล้วก็พี่จืดด้วยนะ"

อิ่มส่งซองจดหมายซองหนึ่งให้เจ เจเปิดดูแล้วก็ทำหน้าแดงก่ำ

"...จะให้เขาเอาไปส่งให้วันไหนก็โทรบอกที่ห้างฯ เองนะ"

ฆาเบียร์ชะโงกหน้ามาดู เจพูดเบาๆ ว่าพี่สาวเขาซื้อที่นอนหลังใหม่อย่างดีราคาหลายหมื่นให้

"ก็ตอนนี้เตียงเจไม่ได้ใช้นอนคนเดียวแล้ว ก็ต้องใช้ที่นอนดีหน่อย สงสารฆาบี้ที่ต้องมานอนที่นอนเก่าๆ ของเรานะเจ"

อิ่มพูดยิ้มๆ เจก้มหน้างุด ฆาเบียร์เองก็หน้าร้อนวาบ ฟองนวล คริสและอิ่มใจหัวเราะเมื่อเห็นทั้งคู่ทำท่าเขินอายเมื่ออิ่มใจพูดถึงเรื่องที่นอน มันเหมือนกับว่าที่บ้านของเจนยุทธยอมรับการนอนร่วมเตียงกันของชายหนุ่มทั้งสองนี้อย่างเป็นทางการแล้ว



--------------------------------------



รูปอาหารเมืองในเรื่องมาจากร้านเอื้องคำสาย ส่วนลาบดิบมาจากร้านลาบไก่สะเมิงค่ะ

ยำเตา https://goo.gl/3tgkJJ

ต๋ำจิ๊น https://goo.gl/rwKebt

แกงตูน หรือแกงคูนใส่ปลา  https://goo.gl/xUBEpX

เผื่อใครนึกทรงผมยาวปรกต้นคอของฆาเบียร์ไม่ออกนะคะ ทรงหนุ่มคนนี้กำลังดีเลย ที่ฆาเบียร์มัดจุกนั้นจะเป็นทรงที่สองในคลิปค่ะ
https://youtu.be/gB5iwO79YaE




ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- อัลบั้มชีวิต ----




หลังจากมอบของปีใหม่ให้แม่และอิ่ม พวกเขาก็นั่งคุยกันอีกพักใหญ่ ริคกี้และเมลิน่าเองก็คุยถูกคอกับอิ่มใจและได้ทำการแลกไลน์และอีเมล์กันไว้อย่างดิบดี โดยเฉพาะเมลิน่าซึ่งเด็กกว่าอิ่มใจสามปีเหมือนจะถูกใจพี่สาวของเจมาก เธอบอกอิ่มว่าถ้าได้ไปฮ่องกงเมื่อไหร่ให้บอก เธอจะคอยไปรับส่งพาเที่ยวหรือถ้าจะมาพักกับเธอก็ได้ อิ่มใจก็บอกเพื่อนใหม่ของเธอว่าถ้ามาเชียงใหม่ให้บอก เธอจะให้เมลิน่ามาพักคอนโดของเธอที่อยู่หน้าม.เชิงดอย

เจนยุทธยกนาฬิกาขึ้นดู ตอนนี้เวลาล่วงเลยไปบ่ายแก่ๆ แล้ว​

"จะอั้น หมู่ผมไปกั๋นก่อนเน่อครับ คืนนี้หมู่ผมจะไปค้างตี้เฮือนของอาปา วันพูกไฟลท์เปิ้นออกเจ๊า"

'งั้น พวกผมไปก่อนนะครับ คืนนี้พวกผมไปค้างที่ที่พักของอาปา วันพรุ่งนี้ไฟลท์อาปาออกเร็ว'

"ไปเต๊อะ ไปอยู่กับคุณคริสเปิ้นเต๊อะ"

'ไปเถอะ ไปอยู่กับคุณคริสเขาเถอะ'



เจยกมือไหว้ลาแม่ ฆาบี้เองก็ยกมือไหว้แม่ของคนรัก ตอนนี้เขาไหว้สวยใช่ได้ไม่เก้ๆ กังๆ เหมือนช่วงที่แล้ว​ คริส ริคกี้และเมลิน่าลาฟองนวลและอิ่มใจ และบอกว่าพวกเขาจะติดต่อมาเป็นระยะๆ และให้คำมั่นว่าถ้ามาไทยและได้โอกาสมาเชียงใหม่ก็จะมาเยี่ยมเยียนทั้งที่บ้านไร่แห่งนี้อีกแน่นอน ก่อนเดินลงจากบ้าน ฆาเบียร์แวะเล่นกับโรซ่าอีกพักใหญ่ เขาทั้งกอดทั้งหอมไอ้หมาอ้วนที่เขาจะไม่ได้เจออีกเกือบสองเดือน

"นี่ๆ อ้ายทำท่าอาลัยมันมากกว่าตอนลาผมครั้งที่แล้วอีกนะ"

เจนยุทธพูดกลั้วหัวเราะ เขายื่นกระดาษเปียกให้ฆาเบียร์เช็ดหน้าที่ถูกเจ้าหมาหมูเลียจนเปียกไปหมด

"ถึงบ้านอาปาไปล้างหน้าซะ ไม่งั้นผมไม่หอมแก้มอ้ายแน่นอน"



"อ้าว พี่จืด กลับมาแล้วเหรอ?"

เจทักทายพี่ชายที่โรงจอดรถ พี่ของเขามีทีท่าเหนื่อยอ่อนมาก ก็แน่ล่ะ ไอ้ลิงสองตัวมันฤทธิ์มากจะตาย พี่ชายของเขาที่ไม่ค่อยได้อยู่เลี้ยงลูกต้องมาอยู่กับมันทั้งวันก็คงไม่ไหวเหมือนกัน

"อือ แล้วนี่พวกเราจะกลับกันแล้วเหรอ?"

เจส่งกุญแจรถให้ฆาเบียร์ไปเปิดล็อคก่อนแล้วคุยกับพี่ชายต่อ

"ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณคริสเขากลับเช้า คืนนี้พวกเจเลยจะไปค้างที่บ้านพักอาปา ไว้หลังปีใหม่ผมจะมาหาแม่อีกที"

"อือ เราก็กลับบ้านบ่อยๆ หน่อยล่ะ แม่เค้าคิดถึง"

เจรับปากพี่ชายว่าจะกลับให้บ่อยกว่านี้

"ไอ้ลิงสองตัวกับพี่หวานล่ะ พี่จืด?"

จืดบอกว่าจอดส่งพวกเด็กๆ กับหวานที่หน้าบ้านเมื่อกี้นี้ ซึ่งน่าจะสวนกับเจพอดี เจยิ้มเล็กๆ ก็ดี เขาจะได้ไม่ต้องมาเล่นกับลูกๆ ของจืด เจเล่นกับเด็กไม่เป็นและไม่ชอบเล่นอีกด้วย แม้จะเป็นหลานเขา เขาก็มักเลี่ยงไม่อยากเจอ แต่มีหลายครั้งที่เขาต้องทำหน้าที่เป็นมือกำราบหลานเวลาที่พวกนั้นดื้อมากๆ จนคนอื่นเอาไม่อยู่ ตัวเขาจะเป็นคนเดียวที่สามารถจัดการจนพวกนั้นหยุดอาละวาดได้

"งั้นผมไปก่อนนะ พี่จืด ไว้เจอกันนะพี่"

เจยกมือไหว้พี่ชาย ฆาเบียร์ที่นั่งเบาะหลังก็เปิดกระจกมาโบกมือให้พี่ชายของคนรัก เจเดินกลับขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับ เขาให้คริสนั่งหน้าตามเคยเพราะนั่งสบายกว่า เขาออกรถแต่ก็ต้องหยุดเมื่อพี่อิ่มเดินกึ่งวิ่งมาที่รถ ในมือเธอมีถุงผ้าใบหนึ่ง

"ฆาเบียร์ นี่ของคุณค่ะ ตามสัญญา ฉันลืมไปสนิทเลย"

อิ่มปาดเหงื่อ แล้วส่งถุงผ้าใบนั้นให้ฆาเบียร์ที่รับมาอย่างงงๆ เขาเปิดถุงดูและยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นของข้างใน

"เอาเก็บไว้ที่คุณก่อนก็ได้นะ แล้วเอามาคืนฉันคราวหน้าที่เจอกัน แต่อย่าเอาให้เจเก็บไว้ล่ะ"

ฆาเบียร์รับปากอย่างแข็งขัน ถ้าให้เจนยุทธเก็บ เจคงต้องเผามันทิ้งแน่ๆ



"อะไรน่ะ ฆาเบียร์"

เจหันหน้ามาขอดู

"ขับรถไป เจ เดี๋ยวถึงที่พักอาปาฉันจะให้ดูเอง"

ฆาบี้ตัดบทแล้วเอาส่งถุงให้เมลิน่า

"รักษายิ่งชีวิตนะ ห้ามเจเอาไปเด็ดขาด แล้วก็ห้ามดู ให้อาปาดูได้คนเดียว"

เขากระซิบสั่งเลขาฯ ของเขาเบาๆ เจนยุทธทำหน้าเครียด เขาว่าเขารู้แล้วว่าในถุงนั้นมีอะไร



"ฆาบี้...ฆาเบียร์ครับ"

"ว่าไงเจ?"

ฆาเบียร์ซึ่งกำลังเอาเสื้อที่จะใส่วันรุ่งขึ้นใส่ไม้แขวน หันมาหาเจ คนรักของเขาเดินมาซบเข้าที่แผ่นหลังและกอดเอวเขาไว้

"...ทำเสียงอ้อนแบบนี้ จะเอาอะไรล่ะ เจนยุทธ?"

ฆาเบียร์แกะมือคนตัวเล็กออกและหันกลับไปหาเจ ไอ้ตัวเล็กมันทำตาออดอ้อนเขาอีกแล้ว ทำหน้าแบบนี้ทีไรเขาลำบากทุกที

"คุณ เอ่อ อ้าย..."

"ไม่ได้อยู่บ้านแล้ว ไม่ต้องเรียกฉัน อ้าย แล้วก็ได้เจ"

เจนยุทธพยักหน้า เขายกมือทั้งสองข้างของฆาเบียร์ขึ้นมากุม

"ฆาเบียร์ครับ..."

เจทำเสียงจริงจัง หนุ่มละตินร่างใหญ่จ้องลึกเข้าไปในตาคนรักของตัวเอง เจหน้าแดงและหลบสายตาแพรวพรายคู่นั้น เขาพูดตะกุกตะกัก

"คุณ เอ่อ...คุณไม่ต้องดูของที่พี่อิ่มให้มาได้ไหมอ่ะ?"

ฆาเบียร์ปล่อยก๊ากออกมาลั่น เขาก็นึกว่ามันจะพูดเรื่องซีเรียสอะไร

"ไม่ต้องมาอ้อนเลยเจ ยังไงฉันก็จะดู"

เจทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขางัดไม้ตายขึ้นมาขู่

"ถ้าดู ผมจะไม่ให้คุณแตะตัวผมอีกจนกระทั่งวันกลับ"

คนตัวเล็กประกาศก้อง ฆาเบียร์อ้าปากค้าง เขาหันรีหันขวางมองหาถุงผ้าแล้วก็นึกได้ว่าฝากไว้ที่เมลิน่า เขานึกถึงคำสั่งของตัวเองแล้วก็รีบลากเจออกจากเรือนน้อยในสวนไปที่เรือนพักใหญ่ที่อาปาของเขาพักอยู่ ฆาบี้หน้าซีดเมื่อเห็นคริสนั่งอมยิ้มดูอะไรบางอย่างอยู่ที่ชุดรับแขก เขาปั้นยิ้มให้เมื่อคริสเงยหน้าขึ้นมาเจอเขากับเจ

"อ้าว มากันก็ดี มาดูนี่สิ ลูก"

เจนยุทธแทบร้องไห้เมื่อเห็นอัลบั้มเล่มใหญ่ในมือคริส กลับบ้านคราวหน้าเขาต้องคิดบัญชีกับพี่อิ่มแน่นอน



คริสขยับให้เจและฆาเบียร์ลงนั่งบนโซฟา เจมองอัลบั้มเล่มใหญ่อย่างสิ้นหวัง อิ่มใช้กระดาษและวัสดุต่างๆ ตกแต่งหน้าปกอัลบั้มอย่างสวยงาม มีตัวอักษร J ตัวใหญ่ตัดจากผ้ายีนส์แปะไว้ที่หน้าปก คริสเปิดอัลบั้มที่เขานั่งดูไปบางส่วนแล้วให้ทั้งสองคนดูตั้งแต่หน้าแรก พ่อของเจชอบถ่ายภาพและได้บันทึกภาพของลูกเมียไว้จำนวนมาก อัลบั้มเริ่มตั้งแต่รูปแม่ของเจนยุทธที่ยืนยิ้มให้กล้อง ท้องของฟองนวลนูนน้อยๆ​ จากนั้นเป็นรูปตอนที่ท้องของเธอโตขึ้น ฆาเบียร์ยิ้มเมื่อเห็นรูปทารกน้อยตัวอ้วนกลมที่นอนเปลือยกายจ้องมองตรงมาที่เขา เขาหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นภาพเด็กชายวัยประมาณ 2-3 ขวบหน้าตาน่ารักตัวอ้วนๆ ขาวๆ ในเสื้อผ้าสีสดใส เด็กน้อยทำหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อโดนพี่สาววัยรุ่นอุ้ม

"หน้าตาน่ารักแต่เด็กเลยนะ เจ"

ฆาเบียร์หลุดปากชมออกมา แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นเจทำหน้าบอกบุญไม่รับเหมือนในรูปไม่มีผิด

รูปต่อๆ ไปเป็นเด็กน้อยเจในวัยประมาณ 3-4 ขวบถึง อายุประมาณ 10 ขวบ ซึ่งเป็นวัยกำลังน่ารัก เจอ้วนแต่เด็กอย่างที่เคยเล่าให้ฆาเบียร์ฟังจริงๆ แต่เป็นอ้วนแบบน่ารัก ฆาเบียร์จ้องรูปเด็กน้อยเจตัวป้อมๆ วัยประมาณ 5-6 ขวบที่ใส่เสื้อผ้าพื้นเมืองพร้อมผ้าโพกหัวและทาปากแดงอย่างหลงใหล เจของเขาน่ารักเหมือนตุ๊กตาตัวน้อยๆ

"เอ่อ นี่เป็นรูปตอนงานโรงเรียน ผมน่าจะอยู่ประมาณ ป. 1 "

เจบรรยายรูปให้คนทั้งสองฟัง เขาถอนหายใจ ไหนๆ ก็ดูกันไปแล้ว เขาก็ทำหน้าที่คอยบรรยายให้เลยแล้วกัน

"นี่เลย พี่พลอย ชอบแกล้งผมมาตั้งแต่เด็กแล้ว"

ฆาเบียร์ดูรูปสาวพลอยที่กำลังหยิกแก้มเจตัวน้อยวัยประมาณ 8-9 ขวบ

"น่าจะเป็นตอนพี่พลอยกับพี่อิ่มอยู่ปีหนึ่งนะ ไม่น่าเชื่อเลยเนาะว่าพี่เค้าจะโตมาสวย"

เจหัวเราะคิกคัก พลอยในชุดนักศึกษาซอยผมสั้น รูปร่างที่เก้งก้างแขนขายาวทำให้ดูเหมือนทอมบอยไม่มีผิด ไม่มีเค้าว่าพลอยจะโตมาเป็นสาวสุดเซ็กซี่เหมือนในปัจจุบันเลย​ เจชี้ให้ดูรูปที่เขาถ่ายกับกลุ่มเพื่อนๆ อิ่มอีกรูปแล้วบรรยายให้ฟังว่าใครอยู่ในรูปบ้าง เพื่อนๆ ของอิ่มส่วนมากที่มางานปีใหม่บ้านเจเป็นเพื่อนจากสมัยประถมที่มาเจอกันอีกทีตอนมหาวิทยาลัย มีแค่แตงโมและเปิ้ลที่เป็นเพื่อนสมัยมัธยม และฟ้าที่สนิทกันเพราะเป็นแฟนของพลอยอีกที



"รูปนี้ตอนงานกีฬาสี ผมโดนให้ลงวิ่งผลัด เข้าที่โหล่"

เขาบรรยายรูปตัวเองในวัยประมาณ 10 ขวบในชุดกีฬา หน้าเจเริ่มถอดสี ช่วงถัดไปของชีวิตเป็นช่วงที่เขาไม่อยากให้ฆาเบียร์เห็นเลย พอเริ่มเข้าวัยรุ่น การเป็นเด็กอ้วนไม่ใช่เรื่องน่ารักอีกต่อไป มันเป็นช่วงที่เขาอยากลืม ช่วงที่เขาถูกหัวเราะเยาะ ถูกสาวเมิน เขาหลับตาลงเมื่อฆาเบียร์เปิดหน้าถัดไป

"ก็น่ารักดีนี่ เจ"

ฆาเบียร์บีบมือคนรักที่ทำท่าไม่อยากดู เจเปิดตาจ้องมองภาพของเขาในอัลบั้ม อิ่มใจใส่รูปของเขาช่วงมัธยมต้นมาเพียงสองหน้า

"ก็ไม่เห็นอ้วนอะไรเท่าไหร่เลยนี่ เจ ก็แค่ท้วมๆ ฉันนึกว่าจะแบบหนักเฉียดร้อย"

เจนยุทธมองภาพของเขาอย่างประหลาดใจ อิ่มใส่รูปของเขามาห้าหกใบ รวมถึงรูปจากช่วงที่เขาคิดว่าเขาสภาพแย่ที่สุดในชีวิตแล้ว หากแต่เด็กในรูปเหล่านั้นก็เป็นแค่เด็กรูปร่างท้วมธรรมดาที่หนักอย่างมากไม่เกิน 60-65 กิโลกรัม แต่ความคิดของเขาตอนนั้นคือเขาตัวใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว

"ผม...ผมจำได้ว่าผมตัวใหญ่กว่านั้นนี่นา"

"มันเป็นเรื่องของการรับรู้น่ะ เจ"

คริสผู้ผ่านโลกมามากกว่าพูดขึ้นเมื่อฆาเบียร์หันไปเล่าให้เขาฟังว่าเจเคยบอกเขาว่าตัวเองเป็นเด็กอ้วน

"อาปาเดาว่าช่วงแรกๆ ลูกคงไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองตัวใหญ่อะไรมากใช่ไหม?"

เจพยักหน้า เขามองดูรูปตัวเองที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ในชุดนักเรียนเสื้อขาวกางเกงน้ำเงิน

"ครับ นี่เป็นรูปเปิดเรียนวันแรก ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมตัวเล็กกว่ารูปนี้มากเลยนี่นา"

เขาชี้ไปที่อีกรูป เขาจ้องดูรูปตัวเองในตอนนั้นตอนที่เขายังมีความสุข รูปร่างเขาแทบไม่ต่างจากช่วงที่เขาคิดว่าตัวเองตัวใหญ่ที่สุดในชีวิตแล้วเลย ดูแล้วน้ำหนักห่างกันไม่น่าเกิน 5-6 โล แต่ความรู้สึกนั้นช่างแตกต่าง



"ช่วงม. ต้น ลูกคงเริ่มโดนล้อเรื่องน้ำหนักใช่ไหม?"

คริสถาม เจนยุทธพยักหน้า เขาโตช้ากว่าเพื่อนๆ ในช่วงอายุเดียวกัน เพื่อนๆ เขาในตอนนั้นเริ่มสูงขึ้นและมีแขนขายาว ส่วนเขานั้นยังท้วมๆและด้วยความที่ตัวเตี้ยเลยยิ่งทำให้ดูอ้วน เพื่อนของเขาเริ่มมีเรียกเขาว่าไอ้อ้วนมั่ง ไอ้หมูมั่งตามประสาเด็กผู้ชาย สิ่งนั้นตอกย้ำในสมองของเด็กที่เริ่มโตเป็นหนุ่ม ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายขึ้นเมื่อเจถูกผู้หญิงปฏิเสธ เขาเลยยิ่งรู้สึกฝังใจไปใหญ่ว่าตัวเองนั้นอ้วนน่าเกลียด

"ฉันเห็นด้วยกับอาปาว่ามันเป็นเรื่องของ perception หรือการรับรู้ ตอนม.ต้นฉันเคยมีเพื่อนผู้หญิงที่ค่อนข้างสนิทกันคนหนึ่งที่น้ำหนักเกินแบบนี้ แม่นั่นโดนแซว โดนล้อตลอดเวลา แต่เธอไม่เคยใส่ใจเลย"

ฆาเบียร์เล่าว่าเธอไล่เตะพวกที่แซวเธอจนกระเด็นไป เธอบอกฆาเบียร์ว่าเธอมีความสุขในแบบของเธอและเลือกที่จะมองข้ามคำพูดที่เป็นเหมือนยาพิษของคนอื่น

"แล้วหลังเรียนจบ คุณได้เจอเธออีกไหม?"

เจอยากรู้ว่าเธอยังอยู่อย่างมีความสุขอยู่หรือเปล่า? ฆาเบียร์บอกว่าเขาไม่ได้ติดต่อเธออีกเลยหลังเรียนจบ แต่เคยได้ยินมาว่าเธอเรียนในวิทยาลัยแถวบ้านและแต่งงานกับแฟนสมัยม. ปลายซึ่งรักเธอเพราะความเป็นตัวของตัวเองของเธอ

"ฉันเคยกลับไปงานรียูเนี่ยนเมื่อหลายปีมากแล้ว แต่เธอไม่มาเพราะกำลังท้องลูกคนที่สาม"

ฆาเบียร์หัวเราะเมื่อนึกถึงเพื่อนสาวคนนั้น เท่าที่ได้ยิน เธอก็ยังอ้วนและมีความสุขกับชีวิตเหมือนเดิม เขาก็ได้แต่ยินดีกับชีวิตของเพื่อน



เจมองรูปตัวเองสมัยม. ต้น เด็กอ้วนในรูปเหล่านั้นดูต่างออกไปจากที่เขาจำได้ จากที่เขาไม่เคยกล้ามองรูปพวกนี้ตรงๆ เพราะเขาคิดว่าชีวิตเขาในตอนนั้นมันช่างน่าหดหู่ เขาเลือกที่จะจำสิ่งแย่ๆ เขาทิ้งรูปเก่าๆ ในตอนนั้นไปจนหมดสิ้น แต่ในวันนี้รูปสี่ห้ารูปของเขาที่อิ่มใจใส่มาให้กลับบอกเล่าเรื่องราวที่ต่างไป

"รูปนี้ ผมขึ้นร้องเพลงในวงกับเพื่อนเป็นครั้งแรก"

เด็กหนุ่มร่างท้วมคนนั้นดูประหม่า แต่แววตาของเขาช่างมีความสุขเหลือเกิน

"รูปนี้ ผมไปเข้าค่ายลูกเสือ เหนื่อย แต่ก็สนุกมาก"

เด็กน้อยเจมอมแมมไปทั้งตัว แต่รอยยิ้มบนหน้านั้นสดใสนัก ถึงเขาจะทำน้่นทำนี่ไม่ค่อยถนัดเพราะน้ำหนักตัว แต่เพื่อนๆ ที่ปากก็บ่นว่าเขาอ้วนเป็นตัวถ่วงก็ช่วยลากดึงเขาจนพ้นไปได้ทุกด่าน เจยิ้มดูรูปที่เหลือในหน้านั้น แต่ละรูปก็ให้ความทรงจำที่ต่างไปจากที่เขาจำได้

เจหันไปยิ้มกว้างให้ฆาเบียร์

"เดี๋ยวผมต้องไปขอบคุณพี่อิ่มหน่อยละ"

ไม่ว่าอิ่มจะตั้งใจทำให้น้องชายได้เห็นหรือแค่อยากเอาใจฆาบี้ รูปภาพที่อิ่มจัดมาให้ประกอบกับคำพูดเตือนสติของทั้งคริสและฆาเบียร์ทำให้เจมองตัวเองในช่วงม.ต้นด้วยมุมมองใหม่



"มะ ดูต่อดีกว่าครับ"

เจพูดด้วยน้ำเสียงดี๊ด๊าและพลิกเปิดหน้าถัดไป เขาหุบยิ้มทันที

"อิป้านี่!"

เขาบ่นร้องลั่นเมื่อเห็นรูปถ่ายของตัวเองที่ยังตุ้ยนุ้ยกับเด็กสาวหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง เจในรูปดูมีความสุขมาก

"โอ๊ย ไปขุดรูปนี้มาจากไหนเนี่ย ผมนึกว่าผมทิ้งไปแล้ว"

"รูปใครเหรอ เจ?"

"ก็นี่ไง ปิ๊งแรกในชีวิตผม"

เจนยุทธไม่ใช้คำว่า รัก เพราะมันเป็นแค่ความรู้สึกปิ๊งปั๊งแบบวัยรุ่น แต่ความเจ็บที่ได้รับจากการถูกปฏิเสธครั้งนั้นมันบาดลึกและส่งผลต่อชีวิตเขามากเหลือเกิน ฆาเบียร์มองหน้าเด็กสาวคนที่ได้ใจเจไปเป็นคนแรก

"อืมม์ ไม่สวยอย่างที่เจว่าจริงๆ"

น้ำเสียงของฆาเบียร์เจือแววขุ่นเล็กน้อย ฆาเบียร์หันไปเล่าเรื่องของสาวคนนี้ให้อาปาของเขาฟัง เขาเผลอยกมือโอบไหล่เจแล้วกอดกระชับ เจซบหน้าลงกับบ่าของคนรัก​

"โกรธแทนผมเหรอ ฆาบี้"

"ใช่ โกรธมากด้วย จะให้รางวัลอะไรฉันดีล่ะ เจ?"

ฆาเบียร์ตอบ เจรีบผลักคนตัวโตที่ตาส่อแววไม่น่าไว้ใจออกทันที

"จะว่าไป จริงๆ แล้วฆาบี้ควรขอบใจเธอคนนี้นะ"

คริสพูดยิ้มๆ

"...เพราะถ้าเธอไม่ปฏิเสธเจ พวกเราก็คงไม่มีโอกาสได้มาพบเจอกัน ใช่ไหม?"

เจพยักหน้า เขาต้องขอบคุณเธอคนนั้นเหมือนกันที่เป็นพลังผลักดันให้เขาเปลี่ยนแปลงตนเอง



เจนยุทธมองตัวเองในรูปภาพ ต่อให้เขารู้สึกดีขึ้นกับตัวเขาในช่วงมัธยมต้น แต่เขาก็รักตัวเองทุกวันนี้มากที่สุด เขาไม่นึกเสียใจเลยที่ตัดสินใจลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองในวันนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

รูปถัดๆ ไปเป็นรูปหนุ่มน้อยเจที่กำลังโต เขาสูงขึ้นและดูเพรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

"จะว่าไปผมก็ไม่ได้ผอมลงเยอะมากเท่าที่ผมคิดนะเนี่ย แต่ด้วยความที่สูงขึ้นด้วย ทำให้มันดูผ๊อม ผอม"

เจมองดูรูปเก่าๆ ด้วยความทึ่ง การรับรู้ของคนเรานี่น่ากลัวนัก เขาชี้ให้ฆาบี้ดูรูปๆ หนึ่ง

"นี่ไง ช่วงนี้ ผอมลงจากช่วงที่แล้ว..."

"...นี่เป็นรูปตอนเปิดเทอมใหม่ตอนม. 4  ช่วงปิดเทอมผมฟิตไปวิ่งกับว่ายน้ำ คือแทบไม่ไปเรียนพิเศษหรือทำอะไรเลย ลดอาหารกับออกกำลังกายอย่างเดียว โคตรทรมานเลยคุณ"

เจบอกว่า พอน้ำหนักลงมาจนได้รูปร่างที่พอใจแล้ว เขาก็เลิกคุมอาหาร แต่ออกกำลังกายให้หนักพอกับที่กินเข้าไป

"ตอนนั้นเป็นช่วงร่างกายเปลี่่ยนพอดีด้วยครับ น้ำหนักเลยลงเร็ว ตัวผมก็สูงขึ้นทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน"

เจยิ้มอย่างพอใจในความสำเร็จของตัวเอง



"มันเป็นที่มุมมองและความรับรู้จริงๆ อย่างที่คุณและอาปาบอกนะ ผมเพิ่งมาสังเกตตัวเองจากรูปนี้"

เจชี้ให้ดูรูปที่เขาบอกว่าเป็นช่วงที่เขาคิดว่าตัวเองดูดีที่สุดในช่วงม.ปลาย และให้ดูเทียบกับตอน ม. 3 มันดูต่างไปก็จริง แต่ไม่ได้ดูผอมไปเป็นสิบๆ กิโลอย่างที่เจคิด แต่ที่เปลี่ยนไปชัดเจนคือ เจในรูปลักษณ์ใหม่ดูมั่นใจและมีความสุขมากกว่าเดิมโดยสังเกตได้จากแววตาในภาพทั้งสอง

เจบอกว่าอีกสองสิ่งที่เขาพยายามอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนแปลงคือบุคลิกภาพและการดูแลตัวเอง เขายังคงเป็นเจที่ร่าเริงและขี้เล่น แต่การที่ออกกำลังกายทำให้ร่างกายผึ่งผายขึ้นเอง เขาเดินยืนนั่งด้วยหลังที่ตรงขึ้น ไหล่ที่ใหญ่หนาขึ้นเล็กน้อยทำให้เขาดูเปลี่ยนไป เขาไม่เดินห่อไหล่และก้มหน้ามองพื้นอีกต่อไป

การดูแลตนเองก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่เจทำ หนุ่มน้อยเจนยุทธนั้นหน้าใส หน้าเด็กไม่ค่อยมีสิวก็จริง แต่ก็เป็นเพราะรูขุมขนเล็ก มันทำให้เขาหน้าแห้ง เจเริ่มใช้ครีมบำรุงผิวหน้าและผิวกาย เขาใส่ใจกับทรงผมที่เริ่มไว้ยาวขึ้นอีกนิดตอนม.ปลาย ความพยายามเหล่านี้และผลที่ได้ออกมาสร้างความมั่นใจในตัวเองให้กับเจนยุทธ ยิ่งรู้ว่ามีคนมาชื่นชอบ เขายิ่งรู้สึกภูมิใจและรักตัวเอง และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เจในช่วงม.ปลายต่างไปจากตอนม.ต้น

“นี่ตอนผมแสดงในงานโรงเรียน”

หนุ่มน้อยเจร่างเพรียวร้องเพลงและเต้นบนเวที เขาดูสนุกสุดเหวี่ยง หน้าเวทีมีสาวๆยืนอออยู่กลุ่มใหญ่ รูปถัดไปเป็นหนุ่มน้อยเจตัวขาวผ่องในกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วฉีกยิ้มยืนชูสองนิ้วให้กล้อง เจบอกว่าเขาเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำอยู่พักหนึ่งก่อนจะเลิกเพราะไม่อยากผิวเสีย ฆาเบียร์ทำท่าจะแกะรูปนั้นออกจากอัลบั้มแต่เจตีมือไว้

“อยากได้ก็สแกนเก็บเป็นไฟล์ไว้สิ จะมาดึงออกไปทำไม”

เจได้แต่ส่ายหัวเมื่อฆาบี้บ่นอุบอิบว่าที่แกะออกเพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ดู



(ต่อคอมเมนท์ถัดไป)

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1


---- อัลบั้มชีวิต (ต่อ) ----



พวกเขาเปิดอัลบั้มดูต่อหน้าแล้วหน้าเล่า อิ่มใจใส่รูปช่วงม.ปลายของเจมาเยอะพอสมควร เจยิ้มไป ดูรูปไป ช่วงนี้รูปเขาเยอะเพราะมันเป็นยุคกล้องดิจิตอลแล้ว คนถ่ายรูปได้ง่ายมากขึ้นและดูรูปได้ง่ายๆ จากในคอม แต่พี่สาวของเขาก็ยังชอบปรินท์รูปเป็นใบมาเก็บไว้

“อ๊ะ นี่ตอนผมอยู่ม.เชิงดอย”

รูปหน้านี้โชว์เจในชุดนักศึกษาในมุมต่างๆ ของม. ทั้งที่หอนาฬิกา หน้าตึกคอม และที่อ่างแก้ว มีรูปถ่ายกับพี่สาวซึ่งในตอนนั้นเข้าทำงานเป็นอาจารย์แล้ว

“แล้วนี่ล่ะ เจ?”

ฆาเบียร์ชี้รูปเจนยุทธในชุดนักศึกษาเน็คไทสีฟ้า

“อ๋อ นี่ตอนย้ายมาม.เอกชนแล้ว”

รูปถัดไปเป็นรูปเจในชุดและหมวกเชฟ ขนาบข้างเขาคือเพื่อนรักอย่างปรินซ์และซันซัน

“รูปนี้ตอนเรียนวิชาครัว”

ฆาเบียร์พินิจดูเพื่อนรักของเจ ทั้งสองดูอ่อนเยาว์กว่าในตอนนี้ ซันซันผอมกว่าตอนนี้เล็กน้อย ปรินซ์ก็ตัวบางกว่าตอนนี้ หากเจนยุทธนั้นคล้ายกับในปัจจุบันมาก

“เจแทบไม่เปลี่ยนเลยนะ”

คริสชมขึ้น เวลาผ่านไปเกือบสิบปีแล้ว แต่เจนยุทธยังรักษาผิวหน้าและรูปร่างไว้ได้อย่างดี เจหัวเราะแหะๆ แล้วบอกว่าช่วงนี้เขาเริ่มหย่อนวินัยไปบ้าง

“พุงเริ่มมาเหมือนกันแล้วครับ”

เจจิ้มๆ ที่พุงตัวเองที่เริ่มนิ่มบ้างแล้วและก็ทำตาเขียวเมื่อคนตัวโตขยุ้มหมับเข้าที่พุงของเขา ไว้รอฆาเบียร์กลับเมื่อไหร่เขาจะกลับมาเข้ายิมจริงจังบ้าง



อิ่มมีรูปเจตอนเรียนม.เอกชนไม่มากนักเพราะช่วงนี้พวกเขาเริ่มอยู่ห่างกัน หนุ่มน้อยเจใช้ชีวิตส่วนใหญ่กับเพื่อน ถึงจะยังกลับมานอนที่บ้านในเมืองแทบทุกวันแต่ก็เข้ามาดึก อิ่มเองก็ออกไปสอนเช้า แต่พวกเขาจะอัพเดทชีวิตกันและกันในวันอาทิตย์ที่ทุกคนต้องอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตาและกินอาหารมื้อใหญ่ที่แม่ทำให้ไม่ก็ไปกินข้าวนอกบ้าน

“รูปนี้ตอนพวกผมไปเข้าค่ายอาสาฯ น่าจะตอนผมอยู่ปี 3”

“…จำน้องรุ่งได้ไหม? เรา เอิ่ม เอาเป็นว่าผม ‘สนิท' กับน้องเขาที่นั่น”

เจแอบกระซิบบอกฆาเบียร์ตอนคริสลุกไปเข้าห้องน้ำ ฆาบี้ทำหน้าตึง เจนยุทธหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นคนรักของตัวเองมีทีท่าหึงหวงขึ้นมา

“มันก็แค่อดีตน่า ฆาบี้ ไม่มีอะไรแล้ว”

เจบีบนวดขาคนตัวโตอย่างเอาใจ ฆาเบียร์ตอบรับเบาๆ สายตาเขาจ้องที่รูปถ่ายหมู่รูปนั้น เขาไม่ได้สนใจสาวน้อยพนักงานโรงแรมคนนั้นหรอก แต่เขาสนไอ้เด็กหน้าหล่อที่ยืนโอบไหล่เจอย่างสนิทสนมคนนี้มากกว่า แม้ทรงผมจะเปลี่ยนไป แต่เขาจำได้ว่ามันคือไอ้บาร์เทนเดอร์หนุ่มที่ชื่อตั้มคนนั้น

ฆาเบียร์ยิ่งขัดใจเมื่อเห็นหนุ่มคนนั้นในอีกหลายรูปในชีวิตช่วงมหาวิทยาลัยของเจนยุทธ ทั้งสองมักอยู่ในอิริยาบถที่สนิทสนมกัน​ รวมถึงรูปในวันรับปริญญา เขาเปิดผ่านหน้านั้นไปอย่างรวดเร็ว



"เอ๊ะ นั่นนพนี่?"

ฆาบี้อุทานเมื่อเห็นรูปนพนั่งอยู่ในกลุ่มคนซึ่งนั่งเรียงรายล้อมรอบโต๊ะอาหารขนาดใหญ่

"อ๋อ นี่เป็นตอนที่ผมเจอพี่นพครั้งแรก ที่เล่าให้ฟังไง มีตติ้งห้องคนชอบกินของเว็บดัง"

ฆาเบียร์ดูภาพนั้น มีคนที่เขาคุ้นๆ หน้าหลายคน มีทั้งคู่สามีภรรรยาเจ้าของร้านหมูกะทะ แล้วยังมีเพื่อนๆ ของนพที่เขากับเจเคยไปกินข้าวด้วยครั้งสองครั้ง รูปถัดๆ ไปก็ยังเป็นรูปไปกินอาหารกันเป็นกลุ่ม แต่ส่วนถัดมาของอัลบั้มเต็มไปด้วยรูปเจกับเจ้าชายของอิ่มอย่างนพแค่สองคน มีทั้งรูปที่เชียงใหม่และรูปที่ไปเที่ยวด้วยกันทั้งในและต่างประเทศ

"นี่ไง รูปนี้ตอนไปฮ่องกง รอบที่โดนป้าร้านติ่มซำหัวเราะใส่น่ะ"

ฆาเบียร์หัวเราะลั่นเมื่อนึกถึงมันแล้วหันไปเล่าให้คริสฟังเป็นภาษากวางตุ้ง คริสทำตาโตแล้วบอกเจว่าเขากับฆาเบียร์กินร้าน Tim Ho Van กันสองคนไม่เคยถึง 339 เหรียญฮ่องกงเลย ต้องไปสักสี่คนถึงจะจ่ายขนาดนั้น เจหน้าแดงแล้วบ่นฆาเบียร์ลั่นว่าไม่น่าเอาไปเล่าต่อเลย

"เจดูสนิทกับนพมากเลยนะ"

คริสกวาดตาดูรูปของเจกับชายหนุ่มที่เคยอยู่ในใจของฆาเบียร์

"ผมกับพี่นพสนิทกันมากครับ อาปา เราเข้ากันได้ทุกเรื่อง แต่หลักๆ ก็เรื่องกิน"

เจนยุทธหัวเราะ กลุ่มกินของเขานัดพบกันเป็นกลุ่มใหญ่ แต่หลังๆ ก็ค่อยๆ หดหายกันไป ที่สนิทๆ กันก็นัดกันเหลือสัปดาห์ละครั้งหรือน้อยกว่านั้น แต่เขากับนพนั้นเจอกันทุกวันในช่วงเย็นหลังนพเลิกงาน จากนั้นนพก็จะกลับบ้านไปดูแลพ่อ ส่วนเขาก็นัดเจอเพื่อนๆ เพื่อท่องราตรี



"ผมออกเที่ยวกลางคืนตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยครับ"

เจยิ้มเขินๆ มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเล่าให้ญาติผู้ใหญ่ของคนรักฟัง แต่ฆาเบียร์เองก็ผ่านอะไรมาเยอะ เขาจึงคิดว่าคริสเองก็น่าจะรับได้กับเรื่องนี้ของเขา

"ช่วงนั้นผมเหมือนเห่อชีวิตที่เป็นอิสระ เพื่อนชวนไปกินเหล้าไหนก็ไป จีบสาวไปทั่ว ได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร"

ในช่วงวัยหนุ่มนั้น คนที่ออกเที่ยวกับเจบ่อยที่สุดก็คือปรินซ์ ด้วยความที่หน้าตาดีทั้งคู่ ทั้งสองคนไม่เคยขาดสาวๆ ร่วมเตียงด้วยเลย ยิ่งพอเรียนจบ แม่ของเจก็โอนเงินส่วนที่เธอกันไว้ให้ลูกชายคนนี้ให้ เจนยุทธตัดสินใจจองคอนโดที่อยู่ใกล้กับที่เที่ยวประจำของเขาเพื่อเอาไว้ให้เขาและเพื่อนซุกหัวนอนยามเมาจนขับรถกลับบ้านไม่ไหว

"รูปนี้เป็นตอนผมเรียนจบแล้ว สาวๆ เต็มโต๊ะเลย ดูสิ"

ฆาเบียร์มองหนุ่มเจในรูปที่ยิ้มร่าโอบสาวซ้ายขวาอย่างหมั่นไส้ เจบอกว่าตอนนั้นเขาเริ่มเป็นที่รู้จักในบรรดาสาวๆ นักเที่ยวเพราะความใจสปอร์ตและความเจ้าสำราญของเขา เขาเลี้ยงเหล้าสาวๆ บ่อยๆ อีกทั้งรูปลักษณ์หน้าตาและคารมทำให้เจขึ้นแท่นหนุ่มที่สาวๆ อยากพากลับห้องด้วย



"แล้วพอเรียนจบแล้วเจทำอะไร?"

คริสถามขึ้น เจนยุทธถอนหายใจ เขาละอายเหลือเกินที่จะบอกคริสว่าเขานั้นลอยไปลอยมาอยู่หลายปีกว่าจะมาทำงานแปลแบบทุกวันนี้

"ตอนแรกที่จบมาผมก็ลองไปสมัครทำงานโรงแรมดูครับ แต่ที่จริง ผมรู้ตั้งแต่ตอนฝึกงานแล้วล่ะว่าผมไม่ชอบสายนี้เท่ากับที่ตัวเองคิดในตอนแรก"

เจชี้ให้ดูรูปเขาในชุดผ้าพื้นเมืองอันเป็นเครื่องแบบของโรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่

"...พอทำงานจริงๆ ผมก็ยิ่งไม่ไหว เจอลูกค้าวีนใส่หน่อย ผมก็ชักสีหน้าแล้ว"

เจยอมรับว่าตัวเองใจร้อนเกินไปสำหรับงานบริการแบบนี้ เขาลองสมัครทำงานบริษัท ร้านค้า และอีกหลายๆ งานแต่ก็ยังหาจุดที่ตัวเองชอบไม่ได้สักที

"ตอนนั้นผมท้อมาก จนคิดว่าสุดท้ายคงกลับไปรับช่วงร้านของพ่อแม่ในตลาดวโรรสดีกว่า แต่ก็มาเกิดเรื่องซะก่อน..."

พ่อของเจล้มลงหมดสติไปในวันหนึ่งเมื่อกว่า 5 ปีที่แล้ว หลังนอนโรงพยาบาล 2 คืน พ่อของเขาก็เสียชีวิตเพราะเส้นเลือดในสมองแตก

“นี่ไง รูปจากงานศพพ่อ”

ในภาพนั้น เจนยุทธในผ้ากาสาวพัสตร์ นั่งอยู่หน้าโลงศพพ่อพร้อมกับแม่และพี่ๆ ใบหน้าของเจนั้นเศร้าหมอง นัยน์ตากลมโตที่มีแววสดใสเป็นนิจนั้นแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด ฆาบี้ใจแทบขาดเมื่อเห็นภาพนั้น เขาบีบมือเรียวนั้นแน่นจนเจหันมานิ่วหน้าใส่เขา

“ผมไม่เป็นไร ฆาเบียร์”

เจบีบมือใหญ่นั้นตอบ ใจเขาหวังว่าภาพนั้นคงไม่ไปกระตุ้นความรู้สึกสูญเสียในใจคนรักขึ้นมา เขาเปลี่ยนไปเล่าเรื่องธรรมเนียมการบวชหน้าไฟให้คนต่างวัฒนธรรมทั้งสองฟังพร้อมกับรีบพลิกไปหน้าอื่น



“แม่ผมขายบ้านทิ้งหลังจากนั้นไม่นาน แม่ผมรักพ่อมากและทนไม่ได้ที่ต้องอยู่ในบ้านที่มีแต่ความทรงจำของพ่ออยู่เต็มไปหมด”

เจพลิกกลับไปให้ดูรูปพวกเขาที่ถ่ายหน้าบ้านไม้ 2 ชั้นขนาดไม่ใหญ่นัก เจเล่าว่าถึงบ้านเจจะไม่ได้ยากจน แต่พ่อแม่เขาใช้ชีวิตอย่างสมถะมาตลอด สิ่งเดียวที่ทั้งสองทุ่มเทเงินให้อย่างไม่เสียดายคือการศึกษาของลูก

“ถ้าผมรักเรียนหน่อย พ่อแม่ก็คงส่งผมไปเรียนต่อเมืองนอกเหมือนพี่ๆ แต่ผมมันขี้เกียจเอง แค่จบตรีก็หรูแล้ว”

เจพลิกๆ อัลบั้มมาจนถึงรูปเขายืนอยู่ในห้องคอนโดโล่งๆ

“นี่บ้านของเราไง ฆาเบียร์”

เจพูดยิ้มๆ พอแม่เขาย้ายไปอยู่กับพี่จืดที่แม่แตง เจขายห้องคอนโดห้องเล็กที่จองไว้แต่แรกและซื้อห้องขนาดใหญ่เกือบที่สุดของคอนโดแทน โชคดีที่คอนโดนี้สร้างเสร็จหลังแม่เขาตัดสินใจย้ายบ้านได้ไม่นานเจจึงมีที่อยู่ในเมืองแทบจะทันที

“พี่อิ่มถ่ายรูปนี้ให้ผมตอนเรามาตรวจรับห้องครั้งแรก หลังจากนั้นผมก็ใช้เวลากับเงินแต่งมันไปเยอะจนเป็นอย่างที่เห็นตอนนี้”

เจพลิกๆ ดูรูปต่อไป อิ่มมีรูปของเขาช่วงนี้ไม่มากนัก เพราะเขาแทบจะเรียกว่าแยกกันอยู่กับที่บ้าน เขากับอิ่มอยู่ในเมืองและจะกลับไปหาแม่นานๆ ที แต่อิ่มอาจจะไปบ่อยกว่าเขาหน่อย ฉะนั้นรูปส่วนมากที่อิ่มมีและปรินท์ใส่มาในอัลบั้มคือรูปเขาตอนไปเที่ยวซึ่งเขามักเมล์หรือส่งทาง messenger กลับมาให้อิ่มเพื่อส่งต่อให้แม่ดู



เจนยุทธเล่าต่อถึงเรื่องงานของตัวเอง

“ช่วงนั้นผมกำลังเคว้งเรื่องงาน ตอนแรกว่าจะกลับไปช่วยแม่ขายของ แต่พอพ่อตายแม่ก็ไม่อยากทำร้านแล้ว แม่เลยเซ้งมันให้ญาติพ่อที่เปิดร้านอยู่ข้างๆ”

“…ผมก็เลยไม่รู้จะทำอะไร ผมบ่นๆ กับพี่นพ ตอนแรกว่าจะไปของานแกทำที่ออฟฟิศแก แต่ไม่มีตำแหน่งเปิด…”

แต่นพหาทางใหม่ให้น้องรัก เขาบอกว่างานออฟฟิศของเขาก็ไม่ค่อยยุ่งนักเพราะเป็นธุรกิจแบบกงสีที่มีเหล่าญาติผู้ใหญ่คอยดูแลกำกับอยู่ เขาจึงมีเวลาว่างและรับงานแปลมาทำเพื่อไม่ให้ลืมภาษา ​ มันไปได้ค่อนข้างดีและตอนนี้เขากำลังหาคนช่วยทำงานที่มีเข้ามามากขึ้น

“ผมก็เลยลองทำดูซักชิ้นสองชิ้น ปรากฏว่าคลิกเลย”

งานแปลเป็นงานที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเจ เขาทำงานเมื่อไหร่ ที่ไหนก็ได้ เขายังไปกินเที่ยวได้ตามปกติ ขอแค่แบ่งเวลาให้ถูกเท่านั้น ตอนนี้เขาเป็นคนแปลส่วนใหญ่และนพที่งานหลักเริ่มยุ่งมากขึ้นเป็นคนรับและส่งต่องานให้เขาโดยที่ไม่คิดค่าหัวคิวใดๆ

“ก็ดีนะ ได้ดูทั้งสารคดีและซีรีส์หลายเรื่องก่อนใคร แถมได้ตังค์ด้วย”

ฆาเบียร์พูด เจนยุทธหัวเราะ แล้วบอกว่าจริงๆ มันก็ไม่สนุกทั้งหมดหรอก บางเรื่องก็น่าเบื่อ บางเรื่องก็ยากเพราะเนื้อหาเป็นเฉพาะทางจ๋า บางเรื่องก็น่าหดหู่ อย่างเช่นเรื่องที่เขาเพิ่งแปลจบไปไม่นานนี้ มันเกี่ยวกับสิงโตที่ถูกเพาะพันธุ์แบบแบบแย่ๆ เพื่อป้อนให้กับธุรกิจล่าสัตว์แบบสำเร็จรูปและเพื่อฆ่าเอากระดูกกับเลือด พวกพรานอ้างกับคนที่ซื้อแพคเกจมายิงสัตว์ที่จัดเตรียมไว้ให้ว่าทำแบบนี้ช่วยอนุรักษ์สิงโตในป่าจริงๆ ได้

“ผมแปลไปด่าไป ถ้าอยากอนุรักษ์จริงๆ ก็เลิกยิงสิงโตสิวะ!”

เจนยุทธทุบเปรี้ยงลงบนอัลบั้มอย่างใส่อารมณ์ ฆาเบียร์ลูบหลังคนรักของเขาเบาๆ เพื่อปลอบใจ เจหันมาหัวเราะแหะๆ ให้คริส

“ตอนนี้ผมก็ค่อนข้างอยู่ตัวเรื่องงานแล้ว ถึงมันจะยังไม่ค่อยสม่ำเสมอ คือถ้าช่วงไหนมาเยอะ ก็จะมาเยอะมากจนไม่ได้พัก แต่ช่วงที่น้อย บางทีก็ว่างเป็นเดือน แต่ผมก็อยู่ได้นะ มีเงินเก็บที่เหลือจากแม่ให้ด้วย ก็พออยู่สบายๆ ไปได้”

สำหรับเจ ตอนนี้เขาทำงานเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อเลี้ยงดูคนรักยามมาหาและเก็บตังค์ไว้ไปเที่ยวกับซื้อทองให้แม่ตอนปลายปี



เจนยุทธพลิกอัลบั้มชีวิตของเขาที่อิ่มรวบรวมให้ รูปจากช่วงนี้ของเขาที่อิ่มมีนอกจากรูปที่เขาส่งให้อิ่มและแม่ดูแล้ว ก็จะเป็นรูปที่เขาถ่ายกับครอบครัว มีทั้งตอนที่ไปเที่ยวยุโรปกันทั้งครอบครัวเมื่อหลายปีที่แล้ว รูปตอนไปญี่ปุ่นกับแม่และอิ่ม รูปงานปีใหม่จากหลายๆ ปี รูปเขากับที่บ้านกินข้าวกัน ฆาเบียร์หัวเราะก๊ากเมื่อเห็นรูปเจนยุทธนั่งหน้าบูดโดยมีไอ้ลิงสองตัวของพี่จืดปีนป่ายบนตัว

“นี่เป็นรูปตอนผมชวนพี่นพไปบ้านไร่ครั้งแรก”

เจชี้ให้ฆาเบียร์ดูรูปอิ่มยืนอายม้วนต้วนอยู่ข้างนพที่หน้าบ้านไร่ของจืด เจบอกว่าช่วงนี้ของชีวิตเขาไม่ได้ทำอะไรมาก มีแค่ทำงาน ตระเวนกินอาหารร้านนั้นนี้กับนพ เที่ยวกลางคืน วนเวียนเป็นวงจรแค่นั้น เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ายังเหลืออีกหลายหน้า แต่รูปสุดท้ายของหน้านี้ที่กำลังดูอยู่นี้คือรูปตอนเขากับนพไปญี่ปุ่นกันเมื่อปลายเดือนเมษา แล้วที่เหลืออีกหลายหน้าคือรูปอะไร

“ห่านเอ๊ย!”

เจนยุทธสบถเบาๆ เมื่อเปิดมาเจอภาพใบหนึ่ง เขารีบปิดอัลบั้มลงทันควัน แต่ฆาเบียร์ก็ใช้แรงแย่งมันมาจนได้ เขาลุกหนีไปนั่งข้างคริสเพื่อกันเจมาแย่งคืน คริสเปิดอัลบั้มแล้วหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นรูปนั้น มันเป็นรูปที่อิ่มเอามาจากเพจ Valentin de la Rosa รูปที่ใหญ่เกือบเต็มหน้าอัลบั้มนั้นเป็นรูปเจบนม่อนแจ่ม ส่วนคนตัวโตของเจยิ้มร่า รูปนี้เป็นรูปที่เขาชอบที่สุด มันเป็นรูปของเจนยุทธที่กำลังฉุดดึงเขาที่เห็นแค่มือในรูปให้เดินไปตามแปลงดอกไม้ เจในรูปหันกลับมายิ้มให้กล้อง รอยยิ้มอันงดงามตรึงใจนั้นได้ขโมยหัวใจเขาไปในที่สุด



หน้าที่เหลือของอัลบั้มเต็มไปด้วยรูปฆาบี้กับเจ ฆาเบียร์พลิกดูอย่างถูกอกถูกใจ มันมีทั้งรูปที่อิ่มถ่ายเอง อย่างรูปเจซึ่งหน้าแดงน้อยๆ หอมแก้มเขาตอนที่คิดว่าไม่มีใครเห็นโดยมีหมาหมูโรซ่านั่งหน้าสลอนอยู่ใกล้ๆ หรือรูปเงาร่างของทั้งสองคนเดินจับมือกันไปตามแปลงผักของจืดยามโพล้เพล้ และยังมีรูปอื่นๆ ที่อิ่มดูดมาจากเฟซบุ๊ค พี่สาวของเจปรินท์มันออกมาและติดไว้ในอัลบั้มชีวิตของเจเล่มนี้ สองรูปสุดท้ายของอัลบั้มน่าจะเพิ่งปรินท์ออกมาสดๆ ร้อนๆ เพราะใบหนึ่งเป็นรูปถ่ายของเขากับครอบครัวของเจ คริส เมลิน่าและริคกี้ ส่วนอีกรูปหนึ่งเป็นรูปเขา เจ และบรรดาสาวๆ เพื่อนๆ ของอิ่มและเพื่อนหนุ่มของเจ ทั้งสองใบถ่ายช่วงมื้อเที่ยงและอิ่มปรินท์มันออกมาด้วยเครื่องปรินท์รูปแบบโพลารอยด์

"อิ่มสรุปชีวิตของเจลงมาในหนึ่งอัลบั้มเลยนะ"

คริสพูดยิ้มๆ

"...แบบนี้สงสัยฆาบี้คงไม่ยอมส่งคืนให้แน่ๆ ใช่ไหมลูก?"

คนตัวโตของเจได้แต่นั่งยิ้ม ไว้เขาค่อยขออิ่มอัดรูปให้เขาเพิ่ม หรือไม่ก็อาจจะเอารูปไปสแกนแล้วทำอัลบั้มเก็บไว้เองอีกชุดหนึ่ง แต่ที่แน่ๆ เขาจะดึงรูปเจในชุดว่ายน้ำเก็บไว้แน่นอน ส่วนเจนยุทธนั้นได้แต่นั่งอึ้งพูดไม่ออก เขาไม่นึกว่าอิ่มจะมีรูปเขากับฆาเบียร์เก็บไว้เยอะขนาดนี้ เขาปรามาสสาววายตัวแม่อย่างอิ่มเกินไป



ฆาเบียร์กอดอัลบั้มเล่มโตไว้แนบอก เขาลุกพรวดขึ้นและเรียกหาเลขาฯ สาวของเขา เขาขมวดคิ้วเมื่อไม่มีเสียงตอบรับ ฆาเบียร์ชะโงกหน้าไปนอกเรือนใหญ่และลองตะโกนเรียกดูอีกครั้ง ทีนี้เขาได้ยินเสียงเมลิน่าขานรับเสียงดังจากเรือนน้อยที่เป็นที่พัก สักพักเลขาสาวของเขาที่หน้าและริมฝีปากแดงก่ำด้วยเลือดฝาดก็เดินกึ่งวิ่งมาหา

"ขอโทษค่ะ เฆเฟ่ ฉันเผลองีบไปหน่อย"

เมลิน่าพูดพลางหอบหายใจเบาๆ

"อืมม์ ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่จะให้เธอเอาอัลบั้มเล่มนี้ไปเก็บให้หน่อย พอถึงฮ่องกงแล้วเอาไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานของฉันนะ"

ฆาเบียร์ส่งอัลบั้มของเจให้เมลิน่า พร้อมกำชับไม่ให้เปิดดู เขาซ่อนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกระซิบเบาๆ ข้างหูเลขาฯ ตัวดีของเขา

"ว่าแต่ ติดกระดุมผิดเม็ดนะเรา จัดการให้เรียบร้อยก่อนเข้าไปหาอาปาล่ะ"

เมลิน่าหน้าซีดและรีบก้มลงดูกระดุมเสื้อเชิร์ตของตัวเอง เธอรีบจนติดกระดุมผิดทั้งแถว

"แล้วริคกี้ล่ะ หายไปไหน?"

"เอ่อ ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ อาจจะหลับอยู่ จะให้ฉันไปเรียกให้ไหมคะ?"

ฆาเบียร์ส่ายหน้า เขาคิดว่าเลขาหนุ่มอาจจะไม่อยู่ในสภาพที่มาพบเขาได้ตอนนี้ เขาเลยจะให้เวลาริคกี้อีกหน่อย

"ไม่เป็นไร ไม่ต้องเรียกหรอก แต่ว่าเดี๋ยวสักพักฉันอาจจะชวนอาปาไปกินข้าว พวกเธอก็จัดการอะไรๆ ให้เรียบร้อยแล้วก็มาหาพวกฉันที่ห้องโถงล่ะ"

เมลิน่าหน้าแดงก่ำ คำพูดของฆาเบียร์ฟังดูกำกวม เธอขอตัวไปจัดการกับเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและบอกว่าจะรีบมาให้เร็วที่สุด ฆาเบียร์ยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินผิวปากกลับมาหาเจและคริส



---------------------------------------------

แค่ดูอัลบั้มก็ลากมาได้อีกตอน ขออภัยจริงๆ ค่ะ แค่อยากให้รู้จักเจเพิ่มกันอีกนิด อาจจะซ้ำที่เคยเล่าๆ ไปแต่ให้รายละเอียดเพิ่มขึ้นอีกนิด

ตอนนี้มาช้าไปนิด มีเหตุสุดวิสัยนิดหน่อยค่ะ คนเขียนโพสต์หลักๆ อยู่ที่เว็บธันฯ และด้วยความขี้เกียจ ไม่อยากมาจัดหน้าใหม่เลยพิมพ์มันตรงๆ ไปในเว็บเลย ไม่ได้ลงเวิร์ดก่อน ทีนี้เมื่อคืนพิมพ์ตอนใหม่เสร็จแล้ว แต่ดันเผลอกดปิด tab มันก็เลยหายวับไปกับตาทั้งที่ยังไม่ได้เซฟ น่าจะอย่างน้อย 4-5 หน้า จำไม่ได้แล้วด้วยว่าพิมพ์อะไรไปบ้าง ก็เลยลากยาวต่ออีกคืน โดนแบบนี้สองรอบแล้ว วันหลังคงต้องเซฟถี่กว่านี้ค่ะ เศร้า :-(

อีกเรื่องหนึ่ง คนอาจจะงงเรื่องการใช้คำเมืองในครอบครัวของเจ อันนี้อิงตามครอบครัวของตัวเองค่ะ คือคนเขียนพูดคำเมืองกับพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ ส่วนระหว่างพี่น้องติดพูดภาษาไทยกลางกัน ตลกดีเนาะ




ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แปะไว้ก่อนนะคะ วันหลังจะมาตามอ่าน
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
พี่อิ้มน่ารักจังเลย ชอบความอาหารพื้นเมือง หลายอย่างเราก็ไม่เคยรู้จัก 555 พูดแล้วหิวน้ำเงี้ยว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- Dinner@the Rainbow ----




"เย็นนี้อาปาจะกินอะไรดีครับ?"

เจถามคริส ตอนนี้ก็หกโมงกว่าแล้ว ท้องน้อยๆ ของเขากำลังเริ่มร้องโครกคราก

"นั่นสิ แล้วพวกลูกหิวกันหรือยัง? พวกเธอด้วย?"

คริสหันไปถามฆาเบียร์และเลขาทั้งสอง ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ

"ผมน่ะยังไม่หิวหรอกครับ ตอนเที่ยงกินไปเยอะ แต่คนนี้น่ะ ไม่น่าจะทนไหวแล้ว"

เจหน้าแดงระเรื่อ เขาแอบใช้ศอกกระทุ้งซี่โครงฆาเบียร์เบาๆ แต่คนตัวโตจอมสำออยทำเป็นกุมสีข้างแล้วร้องครางโอดโอย คริสและเลขาทั้งสองได้แต่อมยิ้มกับท่าทางแบบเด็กๆ ของฆาเบียร์ที่หาดูได้ยาก เมลิน่าบอกว่าเธอไม่หิวเท่าไหร่ แต่ริคกี้พูดเสียงอ่อยๆ ว่าเขาเริ่มหิวบ้างแล้ว

"งั้น เราจะสั่งรูมเซอร์วิสมากินกันที่นี่ หรือออกไปกินข้างนอก? อาปาว่าไงดีครับ"

คริสครุ่นคิด

"จริงๆ อาปาก็ยังติดใจร้านเลเลฟองนะ อยากไปดูรูปที่นั่นอีกสักรอบ"

เขาติดใจภาพวาดหญิงสาวในชุดพื้นเมืองของภาคเหนือที่แขวนโชว์อยู่ในร้าน เจยกหูโทรศัพท์โทรถามที่ร้านแต่ก็ต้องหันมาบอกคริสว่าร้านถูกจองเต็มแล้ว

“คืนวันปีใหม่แบบนี้คงหาร้านกินยากหน่อยนะ เจ เรากินที่นี่ก็ได้”

ฆาเบียร์บอก

“เดี๋ยวผมขอลองอีกร้านนะ”

เจนยุทธยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาร้านอาหารอิตาเลียนร้านโปรดของเขา แล้วก็ยิ้มออกมาเมื่อพบว่ามีโต๊ะว่าง

“ครับๆ ผมเข้าไปถึงหลังทุ่มแน่ๆ สั่งพิซซ่าไว้ก่อนได้ไหมพี่เอน่า? เหรอ ได้ๆ ไปสั่งที่ร้านก็ได้ เดี๋ยวเจอกันครับ”

“…โอเค ได้โต๊ะแล้ว ที่ร้านบอกว่าลูกค้ากลุ่มใหญ่กำลังจะกินเสร็จ ถ้าไปถึงซักทุ่ม ทุ่มกว่าก็น่าจะได้โต๊ะครับ”



Arcobaleno เหรอ เจ?”

ฆาเบียร์เดาเอาจากน้ำเสียงที่สนิทสนมของเจกับเจ้าของร้าน เจนยุทธพยักหน้าแล้วหันไปบอกอาปาของเขาว่ามันเป็นร้านที่เขาและครอบครัวกินมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก เพียงแต่ตอนเชฟเรนาโต้ มังญี่ผู้พ่อของเจ้าของร้านคนปัจจุบันยังอยู่ร้านใช้ชื่อว่า Babylon และตั้งอยู่ที่หน้าม.เชิงดอย

“ชอบร้านนี้เพราะเจ้าของร้านด้วยล่ะสิ เจ”

ฆาเบียร์แซว เจนยุทธหน้าแดงซ่าน พี่เอน่าหรือเอเลน่าเจ้าของร้านคนสวยลูกครึ่งอิตาเลียนเป็นขวัญใจของเจมานานแล้ว แต่เขาก็ได้แค่มองเพราะพี่สาวคนงามคนนี้แต่งงานแล้ว



เจนยุทธขับรถพาสมาชิกมายังร้าน Arcobaleno ซึ่งแปลว่าสายรุ้งในภาษาอิตาเลียน ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ย่านวัดเกต ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านการค้าเก่าแก่ที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเข้าไปที่ร้าน เจขับรถพาทุกคนผ่านถนนเจริญราษฎร์

เจชี้ให้ทุกคนดูร้านนั่งดื่มที่คลาคล่ำไปด้วยนักเที่ยวซึ่งยังอยู่ในบรรยากาศการฉลองขึ้นปีใหม่ สองร้านเด่นของย่านนี้คือ The Riverside และ Good View ทั้งคู่เป็นร้านที่พลิกโฉมหน้าของย่านนี้ มันทำให้ย่านนี้กลายเป็นแหล่งเที่ยวกลางคืนของคนเชียงใหม่ตั้งแต่ยุค 80 และก็ยังคงคึกคักจนถึงทุกวันนี้​

“ถึงตอนนี้จะกลายเป็นย่านกลางคืนไปแล้ว แต่บริเวณนี้ก็ยังเป็นย่านวัฒนธรรม เพราะมันเป็นที่อยู่อาศัยที่เก่าแก่ที่สุดย่านหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ครับ ว่ากันว่าน่าจะมีการตั้งรกรากกันตั้งแต่ตอนพม่ายังปกครองเชียงใหม่สัก 3-400 ปีที่แล้ว..."

ทุกคนฟังเจนยุทธเล่าอย่างเพลิดเพลิน เจเล่าว่าแม่น้ำปิงช่วงนี้ในอดีตเป็นท่าขึ้นสินค้าสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ มันนำคนจากทุกสารทิศเข้ามาตั้งรกรากย่านนี้ ย่านวัดเกตนี้เป็นที่อาศัยของคนหลากวัฒนธรรมตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน มีทั้งชาวตะวันตกอย่างชาวอังกฤษ ชาวจีน ชาวซิกซ์และมุสลิม อีกทั้งชาวขมุ

"หลักฐานที่แสดงว่าถนนเส้นสั้นๆ นี้เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมคือมันมีทั้งวัดไทย โบสถ์คริสต์ฯ มัสยิดและวัดซิกซ์ครับ..."

ส่วนอาคารแบบจีนนั้น เจชี้ให้ทุกคนดูบ้านเก่าแก่ของตระกูลเหลี่ยวซึ่งปัจจุบันคือร้าน The Gallery ซึ่งเป็นทั้งร้านอาหารและแกลเลอรี่ ด้านหน้าของอาคารนั้นเป็นปูนเปลือยที่ประดับด้วยลวดลายนูนต่ำแบบจีนอย่างงดงาม ตรงข้ามกันเป็นอาคารไม้สักครึ่งปูนสไตล์ชิโน-ปอร์ตุกีสอายุกว่า 150 ปีซึ่งปัจจุบันเป็นร้านขายผ้าไหมชื่อดังอย่าง Vila Cini เจบ่นเสียดายว่าพวกคริสน่าจะอยู่หลายวันกว่านี้ เขาจะได้พามาเดินเที่ยวย่านนี้

"ไม่เป็นไรหรอกเจ อาปาจะได้มีเหตุให้กลับมาที่เชียงใหม่อีกหลายๆ รอบไงล่ะ"

คริสพูดยิ้มๆ



เจบอกว่าย่านนี้ยังมีสถานที่สำคัญๆ อีกหลายแห่ง เช่นที่ทำการเก่าของบริษัท บริติชบอร์เนียว ซึ่งได้สัมปทานทำไม้สักในภาคเหนือเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว ส่วนหนึ่งของมันตอนนี้กลายเป็นโรงแรมหรูอย่าง 137 Pillars House นอกจากนั้นย่านนี้ยังมีสุสานบุคคลสำคัญชาวตะวันตกของเชียงใหม่ สุสานนี้อยู่ในคริสต์จักรที่ 1  ซึ่งเป็นโบสถ์แห่งแรกของจังหวัดเชียงใหม่​

เจชี้ให้ทุกคนดูวัดเกตหรือวัดเกตการามซึ่งสร้างมากว่า 500 ปี และเป็นศูนย์กลางของย่านนี้ เจไม่ได้ลงรายละเอียดว่าในวัดมีเจดีย์ที่ว่ากันว่าจำลองแบบมาจากภาพของพระเกตแก้วจุฬามณีในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีจอ เขาเล่าเพียงว่าในวัดนี้มีพิพิธภัณฑ์ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของย่านแห่งนี้โดยละเอียดและยังได้เก็บโบราณวัตถุต่างๆ เอาไว้อีกด้วย

"ชุมชนวัดเกตนี้นับเป็นชุมชนเข้มแข็งอันดับต้นๆ ของจังหวัดเชียงใหม่เลยครับ คนย่านนี้รักและหวงแหนถิ่นที่อยู่ของพวกเขามากและเป็นชุมชนต้นแบบในการพัฒนาแบบยั่งยืน โดยทำให้ย่านนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต..."

"...เราจะเห็นว่าบรรดาร้านค้าต่างๆ ใช้พื้นที่ของอาคารเก่าแก่ต่างๆ ได้อย่างกลมกลืน สวยงาม มีบางส่วนที่อาจจะดูใหม่โดดไปบ้าง แต่ก็เป็นอาคารที่ถูกสร้างขึ้นช่วงสามสี่สิบปีที่แล้วตอนที่กระแสอนุรักษ์วัฒนธรรมยังไม่บูม..."

เจบอกว่าอาคารใหม่ที่สร้างขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้พยายามสร้างให้กลมกลืนกับย่านนี้ อย่างเช่นโรงแรม The Sala หรือ Hotel des Artists Ping Silhouette

"...และที่ผมชอบที่สุดของย่านนี้คือ ข้าวเกรียบปากหม้อครับ"

เจอธิบายถึงของกินเล่นของไทยที่ทำจากการเอาแป้งสดป้ายลงไปบนผ้าขาวที่ขึงบนหม้อต้มน้ำร้อนๆ จากนั้นใส่ไส้ลงไปบนแผ่นแป้งแล้วห่อ เจบอกว่าความพิเศษของร้านข้าวเกรียบปากหม้อร้านนี้คือมันเป็นแบบไดรฟ์ทรู

"...เขาจะทำข้าวเกรียบปากหม้อใส่กล่องไว้และตั้งโต๊ะขายริมถนน คนที่ขับรถผ่านมาก็จะจอดซื้อโดยยื่นเงินให้และรับกล่องขนมมา หลังๆ มาเริ่มมีการวิ่งเอามาส่งรถที่จอดซื้ออีกฟากด้วย..."

เจหัวเราะแล้วบอกว่าถึงจะทำด้วยความรวดเร็ว แต่มันก็ทำให้เกิดปัญหาการจราจรอยู่ดี เพราะถนนเส้นนี้มีแค่สองเลนและไหล่ทางอีกนิดหน่อยแค่นั้น แต่ถึงกระนั้นมันก็อร่อยจนทำให้คนที่จอดซื้อยอมโดนรถคันหลังบีบแตรด่า



เจขับรถมาจอดติดไฟแดงตรงสุดถนนเจริญราษฎร์ ก่อนที่จะเลี้ยวขวาเข้าถนนแก้วนวรัฐฯ

"ถนนเส้นนี้ก็เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวตะวันตกในเชียงใหม่เมื่อร้อยๆ ปีก่อนครับ และยังมีสถาบันการศึกษาและสถานพยาบาลที่เป็นของคริสเตียนหลายแห่งซึ่งมีอายุเป็นร้อยปีทั้งนั้น"

เจยกตัวอย่างโรงเรียนปรินส์รอแยลฯ โรงเรียนดาราฯ และมหาวิทยาลัยพายัพ รวมถึงโรงพยาบาลอย่างแมคคอมมิคส์และสถาบันแมคเคน ทั้งหมดนี้เป็นสถาบันในกำกับของมูลนิธิแห่งสภาคริสต์จักรในประเทศไทย เจบอกว่าเขาเองก็เป็นนักเรียนของโรงเรียนคริสต์ แต่เป็นโรงเรียนแคธอลิคที่อยู่คนละฝั่งของแม่น้ำปิง

เจเลี้ยวรถเข้าถนนหน้าวัดเกตฯ เขาขับเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็มาถึงร้าน Arcobaleno เขาจอดรถในลานจอดอันกว้างขวาง ตัวร้านเป็นอาคารแบบโคโลเนียลสองชั้นขนาดไม่ใหญ่นัก หากชั้นล่างถูกปรับปรุงให้ดูทันสมัยส่วนชั้นบนปิดไว้

"ผมคุ้นๆ ว่าที่นี่เคยเป็นโรงพยาบาลเก่าครับ แต่ไม่แน่ใจนะ ที่รู้แน่ๆ คือมันเคยเป็นที่ตั้งของร้านเหล้าดังอันดับต้นๆ ของเชียงใหม่อย่างร้าน Warm Up ก่อนจะโดนคนในชุมชนวัดเกตต่อต้านจนย้ายไปเปิดที่ถ.นิมมานเหมินท์แทน"

เจพูดยิ้มๆ เรื่องร้านเหล้านี่เขารู้เยอะ แต่เขาไม่ทันตอนที่ร้านวอร์มอัพอยู่ที่นี่ เขาเคยไปแต่ที่ถ.นิมมานฯ เท่านั้น เจเปิดประตูกระจกให้คริสเข้าไปในร้าน พนักงานต้อนรับเข้ามาทักทายพวกเขาทันที พวกเขาถูกพาไปนั่งที่โต๊ะที่จัดไว้ให้แล้ว หัวหน้าบริกรซึ่งทำงานมาตั้งแต่สมัยเชฟมังญี่ยังอยู่เข้ามาทักทายเจนยุทธและฆาเบียร์อย่างสนิทสนมแต่ยังคงระยะห่างอย่างพอดีไว้



"สวัสดีครับ คุณฆาเบียร์ วันนี้จะรับกราแตงปูเหมือนทุกทีไหมครับ?"

ฆาบี้ยิ้มร่า เขามาที่นี่หลายครั้งแล้วก็จริงแต่ก็ไม่นึกว่าหัวหน้าพนักงานคนนี้จะจำของชอบของเขาได้

"ครับ 2 ที่เลยแล้วกัน ผมว่าเจคงเหมาคนเดียวครึ่งถ้วยเหมือนทุกที"

ฆาเบียร์หันไปสัพยอกคนรัก เจยิ้มหวานให้คนรู้ดี บริกรบอกว่าคืนนี้อาหารอาจจะช้าสักหน่อยเพราะแขกเต็มทุกโต๊ะ เจบอกว่าถ้าอะไรเสร็จก่อนก็ให้เอาออกมาก่อน พวกเขาดูเมนูและเริ่มสั่งอาหาร

"งั้นผมขอวิสาสะสั่งพวกของกินเล่นมาก่อนเลยนะครับ"

เจสั่งของขึ้นชื่ออย่างหอยลายอบกระเทียม ปลาหมึกทอดใบเบซิลและพริกแห้ง เขายังสั่งสลัดอย่างซีซาร์สลัดมาอีกด้วย อีกอย่างที่เขาสั่งคือมะเขือม่วงอบชีส ที่เหลือเขาปล่อยให้แต่ละคนสั่งอาหารของตนเอง เมลิน่าอยากลอง Lasagna Verde al Forno หรือลาซานญ่าเขียวที่บริกรบอกว่ามีส่วนผสมของผักโขม คริสสั่ง Poached Sole Fiorentina หรือปลาลิ้นหมาอบซอสครีมไวน์ขาวกับผักโขมและเห็ด ฆาเบียร์ชั่งใจอยู่นานก่อนจะเลือกพอร์คช็อพย่างราดซอสเห็ด ริคกี้สั่งมะกะโรนี Siciliana ซึ่งใส่มะเขือม่วงฝานบางชุบแป้งทอดและเนื้อปั้นก้อน ส่วนเจเลือกไม่ได้ว่าจะกินสปาเก็ตตี้ซีฟู้ดหรือเบค่อนกรอบดี เขาเลยสั่งสปาเก็ตตี้ซีฟู้ดและเพิ่มเบค่อนเสียเลย

"งั้นผมขอสั่งพิซซ่าอีกอย่างนะครับ..."

เจพูดขึ้นหน้าตาเฉย คนบนโต๊ะเริ่มมองตากันปริบๆ อาหารที่สั่งมานี่ก็นับว่าเยอะพอสมควรแล้ว เจยังจะกินพิซซ่าอีก? ฆาเบียร์หัวเราะหึๆ เขาเชื่อว่าเจ้าตัวเล็กนี่กินไหวแน่นอน



อาหารที่สั่งเริ่มทะยอยมาหลังจากใช้เวลารอพักหนึ่ง แต่พวกเขาที่ไม่ได้หิวกันมากก็ไม่ได้บ่นอะไร คนเดียวที่หิวจนตาลายคือเจนยุทธก็ได้ขนมปัง dinner roll ที่ทางร้านทำเองมารองท้องก่อน เขากินของตัวเองหมดแล้วยังมาแย่งของฆาเบียร์ไปอีกครึ่งลูก

"เจ พิซซ่าเบร้ดนี่อร่อยดีนะ"

คริสชมแป้งพิซซ่าที่นำมาอบจนกรอบที่มาพร้อม dinner roll

"ครับ แป้งพิซซ่าของร้านนี้เขาจะไม่ใช่แบบร้านอิตาเลียนอื่นที่เป็นแป้งบางๆ หนึบๆ ผมเดาว่าเชฟมังญี่คงทำแป้งแบบนี้เพื่อให้ถูกปากคนไทยเมื่อซัก 3-40 ปีก่อน..."

จะเนื่องด้วยความชอบของคนไทยสมัยนั้น หรือด้วยเรื่องวัตถุดิบก็ตาม แป้งพิซซ่าของร้านนี้จึงมีความเฉพาะตัว มันไม่บางและไม่หนาจนเกินไปและมีความกรอบนิดๆ ที่ขอบ สำหรับเจแล้ว ไม่ว่าจะกินพิซซ่าแบบอิตาเลียนจ๋ามากี่ร้านก็ตาม พิซซ่าในดวงใจเขาก็คือรสชาติของร้านนี้เท่านั้น

"...มันเป็นรสชาติของพิซซ่าชิ้นแรกที่ผมเคยกินในชีวิตครับ ตอนเด็กๆ ผมก็กินแต่แบบนี้ ไม่นับพิซซ่าฮัทนะ"

เจพูดยิ้มๆ ในความคิดของเขา เรื่องของอาหารนั้นไม่มีผิดถูก สำหรับคนไทยอีกหลายๆ คน พิซซ่าฮัทก็อาจจะเป็นรสชาติพิซซ่าในดวงใจ สำหรับเขารสชาติอาหารอิตาเลียนของร้าน Babylon ที่ส่งผ่านมายังรุ่นลูกอย่างร้าน Arcobaleno คือรสชาติที่คุ้นเคยของวัยเด็กที่จะตราตรึงในจิตใจเขาไปตลอด เขากินลาซานญ่าครั้งแรกก็ที่ร้านนี้ ริซอตโต้ก็เช่นเดียวกัน หรือกระทั่งของหวานคลาสสิคอย่างทีรามิสุ เขาก็กินครั้งแรกที่นี่



ของกินเล่นเริ่มทยอยมาเสิร์ฟที่โต๊ะ คริสติดใจ calamari หรือปลาหมึกทอดที่ทอดมาได้กรอบพอดี แป้งของร้านนี้เป็นแป้งบางๆ และไม่กรอบกรุบนัก ใบเบซิลที่ผัดเร็วๆ กับกระเทียมและพริกแห้งช่วยเสริมรสชาติของปลาหมึกได้ดี เจแอบกระซิบฆาเบียร์ว่าเขารู้สึกว่าคล้ายผัดกะเพราที่ไม่มีซอสปรุงรส ส่วนเบซิลให้ความรู้สึกของอาหารฝรั่งมากกว่ากะเพรา

หอยลายอบกระเทียมทั้งสี่ถ้วยหมดลงในพริบตา เร็วพอๆ กับกราแตงปูที่เจกวาดคนเดียวกว่าครึ่งถ้วย คริสอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นเจใช้ช้อนแคะชีสเกรียมๆ ที่ติดอยู่บนขอบถ้วย ส่วนเมลิน่าชอบมะเขือม่วงอบชีสเป็นพิเศษ เธอชมเปาะว่าซอสมะเขือเทศ ซึ่งเป็นซอสพื้นฐานของอาหารอิตาเลียนของร้านนี้รสชาติดีทีเดียว

"เจ ฉันว่าซีซาร์สลัดของร้านนี้แปลกๆ แฮะ"

ฆาเบียร์ถามถึงสลัดที่เขาคุ้นเคยดี แต่เวอร์ชั่นของร้านนี้เขาเพิ่งเคยได้กินเป็นครั้งแรก เจหัวเราะเบาๆ

"ซีซาร์สลัดจานนี้เป็นแบบดั้งเดิมตั้งแต่ร้านบาบีลอนแล้วคุณ..."

ซีซาร์สลัดของร้านนี้ไม่เหมือนของร้านไหนๆ เพราะมันใส่ไข่ต้มสับละเอียดแทนไข่ลวกหรือไข่ดิบและใช้น้ำสลัดน้ำใสแทนน้ำข้นที่ใส่แอนโชวี่แบบต้นฉบับ

"ผมเดาเอาว่าคงเป็นเพราะเรื่องวัตถุดิบอีกเช่นเคย สมัยนั้นแอนโชวี่ดีๆ คงหายาก แล้วถ้าจะให้ใส่ไข่ลวกไข่ดิบ คนไทยก็อาจจะไม่ชอบหรือเปล่า แต่เขาก็มีเบค่อนกับ Crouton ครบนะ"

Crouton ที่ว่านั้นหมายถึงขนมปังกรอบชิ้นเล็กๆ เจบอกว่าตอนนี้ทางร้านทำน้ำสลัดซีซาร์แบบข้นที่มีแอนโชวี่และไข่แดงจริงๆ มาแล้ว เราสามารถเลือกได้ว่าจะกินแบบไหน แต่เจอยากให้สมาชิกได้ชิมรสชาติที่แท้จริงของร้านนี้มากกว่าจึงสั่งแบบดั้งเดิมมา



"แล้วเจรู้ไหมว่าจริงๆ แล้วซีซาร์สลัดไม่ใช่อาหารพื้นถิ่นของอิตาลีเลย"

ฆาเบียร์พูดยิ้มๆ เจอ้าปากหวอ เขาไม่เคยรู้มาก่อน

"อ้าว ถ้างั้นทำไมมันชื่อซีซาร์สลัดล่ะ?"

ความเข้าใจของเจและอาจจะเป็นความเข้าใจของคนจำนวนมากด้วยคือ มันน่าจะเป็นสลัดที่ตั้งชื่อขึ้นตามองค์ซีซาร์ผู้ปกครองอาณาจักรโรมันโบราณ และควรจะเป็นอาหารที่มีประวัติความเป็นมายาวนานอีกด้วย

"ไม่ใช่เลย เจ มันถูกปรุงขึ้นครั้งแรกที่เมืองติฆัวน่า เม็กซิโกช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเชฟชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียนชื่อ ซีซาร์ คาร์ดินี่..."

"ก็เลยชื่อซีซาร์สลัดซะงั้น?"

"ถูกต้องเลย เจ"

"ปั้ดโธ่เอ๊ย ผมก็นึกว่าเป็นสูตรดั้งเดิมสมัยโรมัน"

เจตบเข่าฉาด เขาโดนฝรั่งหลอกเข้าจนได้



"ดูสิ เรื่องแค่นี้ผมยังไม่รู้เลย แล้วผมจะไปเขียนนั่นนี่ให้บล็อกคุณได้ไงอ่ะ?"

เจนยุทธพูดเสียงอ่อยๆ เขาไม่มั่นใจในตัวเองเลยจริงๆ ว่าจะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดีตามที่คนตัวโตหวังไว้

"ได้สิ เจ นายทำได้แน่ ทีตอนที่เรานั่งรถผ่านย่านวัดเกต เจยังอธิบายนั่นนี่ให้เราฟังได้ตั้งเยอะตั้งแยะ ก็ทำแบบนั้นแหละ เล่าเรื่องออกมาในแบบของเจ คิดซะว่าเขียนให้ฉันอ่าน"

ฆาบี้พูดกระตุ้นคนรักของเขา

"ไม่ยากหรอกค่ะ คุณเจ เดี๋ยวฉันจะส่งตัวอย่างที่บล็อกเกอร์คนอื่นทำมาให้คุณดู"

เมลิน่าเสริมขึ้น

"อ้าว คุณก็มีบล็อกเกอร์คนอื่นทำให้แล้วนี่ ก็ให้คนอื่นทำไปเลยสิ"

ฆาเบียร์ขมวดคิ้ว ยัยเมลิน่าทำเสียเรื่องซะแล้ว

"ไม่ใช่ครับ คุณเจ ไม่ใช่แบบนั้น บล็อกเกอร์คนอื่นที่เจ่เจ้ เอ๊ย เมลิน่าบอกนั้นโดยมากเป็นบล็อกเกอร์มีชื่อที่เราจ้างเขาให้มาเขียนให้เราเป็นงานๆ ไปโดยลงในเว็บหลักของเรา ไม่ก็เป็นคนเขียนประจำ มีเพจของตัวเองเหมือนกับที่บอสทำบล็อกในนาม Valentin de la Rosa..."

ริคกี้รีบแก้ข้อเข้าใจผิดนั้น

"แต่ที่บอสอยากให้คุณเจทำคือ ให้คุณเจมาช่วยเขียนร่วมในเพจของบอสเพราะว่าตอนนี้บอสไม่มีเวลาพอที่จะทำเองครับ"

ฆาเบียร์พยักหน้า ริคกี้อธิบายได้ชัดเจนแล้ว

"คุณไปหาคนที่มีชื่อเสียงมาเขียนไม่ดีกว่าเหรอ? จะได้เขียนหลากหลายแบบกว่าด้วย หรือพวกที่เดินทางบ่อยๆ ไปหลายๆ ประเทศ"

เจแย้ง เขาก็ยังไม่เห็นว่าคนที่ไม่มีคนรู้จักแบบเขาจะทำประโยชน์อะไรให้เว็บของฆาบี้ได้

"นี่เป็นโปรเจ็คท์ทดลองของเราน่ะ เจ เราอยากจะเริ่มนำเสนอข้อมูลของเมืองท่องเที่ยวเด่นๆ ในโลกผ่านสายตาของบล็อกเกอร์ท้องถิ่น ให้แนะนำร้าน แนะนำที่เที่ยวที่คนท้องถิ่นไปใช้บริการกัน ที่ผ่านมาในเว็บเรามีแต่บล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวที่เที่ยวไปหลายๆ ที่ ไม่ได้เจาะที่ใดที่หนึ่งเป็นพิเศษ ไม่ก็ให้คนทั่วไปสามารถรีวิวและโพสต์รูปได้ตามใจชอบ แต่บางครั้งรูปก็ไม่ได้สวยและไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึก..."

เจฟังที่ฆาเบียร์อธิบายต่อแล้วก็พอจะเข้าใจไอเดีย เขาบอกตัวเขาเองก็สนใจที่จะลองทำดู เพราะอยากจะพัฒนาทักษะด้านการเขียนภาษาอังกฤษ แต่เขาก็ยังมองว่าน่าจะมีคนอื่นที่เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เจมองหน้าคริสและเลขาฯ ของเขาเป็นเชิงขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครยอมสบตาเขา คริสหัวเราะเบาๆ และบอกว่าฆาเบียร์ควรต้องบอกความจริงกับเจ

คนตัวโตของเจเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะตัดสินใจบอกเจ

"เจ นายว่าตัวเองเป็นโนบอดี้ใช่ไหม? บอกว่าไม่มีคนรู้จักใช่ไหม? งั้นฉันว่าเจคงไม่ได้ดูเพจของฉันเลยล่ะสินะ"

คนตัวโตของเจมีท่าทางน้อยใจ เจอ้ำอึ้ง เขาแทบไม่เข้าไปดูเลย เขาเคยเข้าไปดูแป๊บๆ แล้วก็ต้องรีบปิดออกมาเมื่อเห็นรูปตัวเองตรงนั้นตรงนี้ ฆาเบียร์ถอนหายใจ แล้วบอกให้เมลิน่าเปิดแทบเล็ตที่เธอถือติดมือมาให้เจดู

"พอฉันเปิดตัวเรื่องสืบทอดธุรกิจ และลดการโพสต์เรื่องเที่ยวเรื่องกินลงคนก็เลิกตามฉันเยอะอยู่ แต่ฉันกลับมาได้คนตามกลุ่มใหม่แทน"

ฆาเบียร์พูดยิ้มๆ เจดูปริมาณ followers ของคนรักทั้งทางเฟซบุ๊คและแพลทฟอร์มอื่นๆ มันลดลงบ้าง แต่ไม่ได้ตกฮวบฮาบ

"กลุ่มผู้ตามใหม่เนี่ย เขาเป็นแฟนคลับของนายนะ เจ"

เจนยุทธอึ้งไปพักใหญ่ ฆาเบียร์พูดอะไร? อย่างเขาเนี่ยนะมีแฟนคลับ? ฆาเบียร์คลิกให้ดูอัลบั้มหนึ่งในเพจเฟซบุ๊คของเขา เจอึ้งไปเมื่อเห็นจำนวนคนที่กดไลค์และแชร์อัลบั้มนั้น และที่อึ้งกว่าคือชื่อของมัน


'Mi Corazón*, Mi Alma, Mi Vida...Mi Jay'

'หัวใจ จิตวิญญาณ ชีวิตของฉัน...เจของฉัน'




(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)




ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- Dinner@The Rainbow (ต่อ) ----




เจแทบลงไปดิ้นตายตรงนั้น สำนวนของเมียตัวโตของเขาเหมือนหลุดมาจากละครน้ำเน่าจริงๆ แต่มันก็ทำให้เขาหน้าร้อนผ่าวๆ ในอัลบั้มนั้นเต็มไปด้วยรูปของเขาในอิริยาบถต่างๆ เขาหน้าแดงเมื่อเห็นรูปตัวเองนอนหลับพริ้มบนอกกว้าง แล้วไหนจะรูปเขาที่หัวเราะเริงร่าอยู่บนชายหาดที่สมุยอีก สายตาเขาที่จ้องคนที่อยู่หลังกล้องทำไมมันหวานเยิ้มได้ขนาดนั้น?

"เห้ยๆ นี่มันรูปแอบถ่ายนี่คุณ?"

เจตกใจเมื่อเห็นรูปเขาและฆาเบียร์ถูกถ่ายจากที่ไกลๆ มันน่าจะเป็นตอนที่เขาทั้งสองไปเดินห้างฯ ด้วยกัน

"เราเปิดรับรูปจากแฟนๆ ในเพจด้วยค่ะ เอาเป็นว่า มีคนรู้จักคุณมากพอแล้วกันค่ะ คุณเจ"

เมลิน่าพูดยิ้มๆ ตอนนี้ทีมงานของเธอทำงานหนักมากในการคัดกรองรูปที่แฟนๆ ส่งมาให้ลงในหน้าเพจของฆาเบียร์ เธอก็เพิ่งรู้ว่ากระแสวายนิยมในภูมิภาคนี้มันแรงถึงขนาดนี้ เจนยุทธแทบลมจับ เขาเลื่อนดูรูปแล้วก็ต้องโวยขึ้นมาอีกเมื่อรูปในนั้นจำนวนมากซ้ำกับรูปที่อิ่มแอบถ่ายเขาและฆาเบียร์ไว้

"อิป้านี่! เอาผมมาขายอีกแล้ว โอ๊ย! มีคลิปด้วยอ่ะ!"

เจว๊ากลั่นจนโต๊ะข้างๆ เริ่มหันมามอง เขาหันไปทำตาเขียวและทุบต้นขาเมียตัวโตของตัวเองเข้าพลั่กใหญ่ตอนคนอื่นเผลอ เขาทำแบบนั้นเมื่อเห็นข้อความที่ฆาเบียร์ใช้อวยพรปีใหม่แก่แฟนของเพจเขา ฆาเบียร์โพสต์ทั้งข้อความสวัสดีปีใหม่ แถมด้วยคลิปที่มีการตัดต่อแล้วเสร็จสรรพ มันเป็นวีดีโอรวมภาพนิ่งของเขาและฆาเบียร์จำนวนหนึ่ง ตบท้ายด้วยคลิปเมื่อเช้าตรู่วันนี้ที่ฆาเบียร์จูบเขาและพูดว่า "อ้ายฮักเจ" โดยมีอิ่มเป็นคนถ่ายคลิปนี้ไว้



'I wish all of my followers a happy new year. For me, however, I have no wish for this year because it has already be granted. Thank you for being by my side, My Jay.'


'ผมขอให้ผู้ติดตามของผมทุกคนมีความสุขในปีใหม่นี้ แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่ปรารถนาสิ่งใดในปีนี้เพราะความปรารถนาของผมเป็นจริงแล้ว ขอบใจที่อยู่เคียงข้างกันนะ เจของฉัน'




ภาพของเขาทั้งคู่หยุดนิ่งพร้อมตัวหนังสือและเสียงพูดของฆาเบียร์ เจหน้าแดงก่ำ คนตัวโตหรือพวกเลขาฯ เอาเวลาที่ไหนไปตัดต่อคลิปนี้?

"อย่าบอกนะว่าคุณขอพี่อิ่มให้เป็นแอดมินเพจให้คุณ?"

ฆาเบียร์ปฎิเสธลั่นบอกว่าเขาไม่เคยขอให้อิ่มทำแบบนั้น

"แต่อิ่มเค้าเป็นแอดมินอีกเพจหนึ่งน่ะ"

ฆาเบียร์คิดว่าไหนๆ เจก็รู้แล้ว ก็ให้รู้ให้หมดเลยแล้วกัน เขาบอกเมลิน่าให้เปิดเพจ Jay x Valentin FC ให้เจดู เจนยุทธแทบทรุด ถึงคนติดตามเพจนั้นจะไม่ได้มากเท่าเพจท่องเที่ยวของฆาเบียร์ แต่ก็มีห้าหลักกลางๆ และสมาชิกไม่ได้มีแค่คนไทยหรือคนเอเชีย เขาเห็นแฟนเพจโพสต์ด้วยภาษาอื่นๆ อีกหลายภาษาโดยเฉพาะสแปนิช ในนั้นมีคนหมุนเวียนแชร์รูปเขาและฆาเบียร์ หรือรูปเขาคนเดียวที่ฆาบี้โพสต์ลงในเพจของเขา และยังมีการโพสต์รูปเขาทั้งคู่ที่ถูกคนอื่นถ่ายในที่ต่างๆ ลงในเพจนี้อีกด้วย

"คนตามเพจฉันเขารู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นเกย์ ฉะนั้นทุกคนเขารับนายได้นะ เจ"

ตอนแรกที่ลงรูปเจนยุทธ ฆาเบียร์ก็หวั่นอยู่บ้างว่าจะเสียความนิยมจากแฟนกลุ่มที่ชมชอบเขา ที่ผ่านมาเขาไม่เคยลงรูปชายหนุ่มคนอื่นเพราะต้องการคงภาพลักษณ์ของ Valentin ให้เป็นเกย์หนุ่มโสดเจ้าสำราญ แต่กับเจ เขาอดใจไม่ได้จริงๆ ที่ต้องอวดให้โลกรู้ถึงคนพิเศษของเขาคนนี้ ช่วงแรกมีคน unfollow เขาไปบ้าง และบางส่วนก็หายไปช่วงที่เขาเปิดตัวเป็นทายาททางธุรกิจและเริ่มโพสต์เรื่องกินเที่ยวน้อยลง

แต่หลังๆ มานี้เขากลับได้ followers หน้าใหม่เพิ่มขึ้น เมื่อดูจากคอมเมนท์แล้ว กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ชื่นชอบเจนยุทธไม่ก็ชอบที่ได้เห็นเขากับเจอยู่ด้วยกัน เขาถึงกับอึ้งไปเหมือนกันเมื่อเมลิน่าเปิดเพจแฟนคลับของเขากับเจให้เขาดู เมื่อเขาดูชื่อแอดมินเพจก็พบว่าหนึ่งในนั้นคืออิ่มใจ เขาติดต่อกับอิ่มใจผ่านทางเมล์และ messenger มาพักใหญ่แล้วเพื่อขอให้อิ่มช่วยคัดกรองรูปและให้ส่งบางส่วนต่อให้เขา



"ทุกคนเขาเรียกร้องอยากรู้จักนายเพิ่มขึ้นนะ เจนยุทธ เพราะงั้น เลิกลังเลแล้วมาช่วยฉันทำงานได้แล้ว!"

ฆาเบียร์ทำเสียงเข้ม เจอึกอัก

"เอ่อ...เอิ่ม ผม..."

"สปาเก็ตตี้ซีฟู้ดกับเบค่อนกรอบค่ะ"

เสียงของบริกรสาวเป็นเหมือนระฆังช่วยชีวิต เจรีบหันไปให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้าทันที ฆาเบียร์ได้แต่โคลงหัว ไม่เป็นไรเดี๋ยวเขาค่อยขอคำตอบจากเจหลังกินข้าวเสร็จ ฆาเบียร์หันไปสนใจกับพอร์คช็อพตรงหน้าเขาบ้าง เจอึ้งไปเมื่อเห็นขนาดของหมูสันนอกติดกระดูกชิ้นโตบนจานของคนรัก

"เห้ย ทำไมมันใหญ่งี้อ่ะ?"

เขาไม่ได้กินจานนี้นานแล้ว ครั้งสุดท้ายเขาจำได้ว่าขนาดมันเล็กกว่านี้พอสมควร แต่ฆาเบียร์ว่าคราวก่อนนู้นที่เขามากินร้านนี้กับนพมันก็ขนาดนี้อยู่แล้ว



"พี่เอน่า หวัดดีครับ"

เจยกมือไหว้เจ้าของร้านคนสวยที่ออกมาจากการช่วยหลังครัวและเดินมาทักทายตามโต๊ะต่างๆ

"ไง เจ คุณฆาเบียร์ สวัสดีค่ะ อาหารทุกอย่างโอเคไหม?"

"ผมยังไม่ได้ชิมของผมครับ พี่ แต่พวกของเรียกน้ำย่อยนี่อร่อยทุกอย่างเหมือนเคย"

เจพูดยิ้มๆ ก่อนถามข้อสงสัยของตัวเองเรื่องพอร์คช็อพ เอเลน่าบอกว่าเธอเพิ่มขนาดของมันมาพักหนึ่งแล้วเพื่อให้สัมพันธ์กับราคาอาหารที่จำต้องเพิ่มขึ้นตามวัตถุดิบที่ราคาสูงขึ้น เจตอบรับ เขาแนะนำผู้ร่วมโต๊ะให้เจ้าของร้านสาวรู้จัก เธอสัมผัสมือทุกคนตามมารยาทสากล

"ถ้าขาดเหลืออะไรบอกได้นะคะ ถ้ามีข้อติอะไรบอกน้องเจได้เลยค่ะ"

เอเลน่าขอตัวไปทักทายแขกโต๊ะอื่นต่อ เจโบกมือลาพี่สาวคนงามคนนี้อย่างอาลัยเล็กๆ

"นี่ๆ ออกหน้าออกตาไปหน่อยแล้ว เจ"

ฆาเบียร์แกล้งทำหน้าบึ้ง เจหันมาหัวเราะแหะๆ ก่อนจะโดนอุทานเบาๆ เมื่อโดนคนตัวโตจับหัวเขย่าเบาๆ

"เล่นอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้ คุณนี่"

คนที่ชอบทำตัวเป็นเด็กบ่น เขาใช้มือตบๆ จัดผมตัวเองก่อนจะลงมือกินพาสต้าของตัวเอง เขาสั่งเบค่อนกรอบเพิ่มไป ซึ่งในครัวก็จัดมาให้อย่างเต็มเหนี่ยว เจยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อส่งเส้นที่ต้มได้ al dente พอดีเข้าปากพร้อมกับเบค่อนและปลาหมึกชิ้นโต ร้านนี้ทำซอสพื้นฐานของอาหารอิตาเลียนอย่างซอส Pomodoro หรือที่อเมริกันเรียกว่า Marinara ซึ่งทำจากมะเขือเทศได้เลิศรสไม่แพ้ร้านไหนๆ เขายังได้ขอให้ในครัวใส่พริกแห้งลงในซอสนิดหน่อย ทำให้รสชาติของมันจัดจ้านถูกใจเขามากขึ้น เจม้วนเส้นพร้อมซอสและส่งเข้าปากเมียตัวโตของเขา ฆาเบียร์อ้าปากรับมาเคี้ยวตุ้ยๆ แล้วก็ตัดพอร์คช็อพของตัวเองส่งให้เจคำหนึ่งโดยที่ไม่ต้องขอ



“อาหารเป็นยังไงมั่งครับ อาปา?”

“โอเคเลยนะ เจ เนื้อปลาติดแข็งไปนิด แต่รสของผักโขมที่รองข้างใต้นี่ดีมากเลย ซอสก็มีรสเปรี้ยวนิดๆ ของไวน์ขาว…”

“…แล้วที่อาปาชอบคือนี่ เจ้าชิตาเกะสดนี่”

คริสจิ้มเห็ดหอมที่อยู่ในซอสขาวออกมาให้เจดู

“ถ้าผมจำไม่ผิด ร้านนี้น่าจะเป็นร้านแรกๆ ของเชียงใหม่ที่ใช้เห็ดหอมสดในการทำอาหารตะวันตกครับ”

เขาบอกว่าพิซซ่าแฮมเห็ดของร้านนี้ก็ใช้เห็ดหอมสดเช่นเดียวกัน



“เป็นอะไรไปเหรอ เจ?”

คริสถามเจ คนรักของลูกชายเขาดูตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้

“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่นึกขึ้นมาได้ว่า ปลาอบซอสขาวนี่ก็เป็นเมนูโปรดของพ่อผมเหมือนกัน พ่อสั่งมันแทบทุกครั้งที่มากินที่นี่…”

“…พอร์คช็อพของคุณก็เหมือนกันนะ ฆาบี้ พ่อผมชอบซอสเห็ดแบบนี้มาก”

คริสยกมือขึ้นลูบหัวชายหนุ่มเบาๆ เท่าที่ฟังมา เหตุหนึ่งที่เจชอบและผูกพันกับร้านนี้ก็คงเป็นเพราะความทรงจำดีๆ ที่มาพร้อมกับอาหารทุกจานที่เสิร์ฟมา เขามองไปรอบๆ ร้าน หลายโต๊ะที่มากินข้าวที่นี่เป็นครอบครัวคนท้องถิ่น บางโต๊ะก็เป็นครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกในครอบครัว 3 รุ่นล้อมวงกินอาหารกัน ในบรรดาลูกค้าเหล่านี้ คงมีสักคนที่มองสถานที่แห่งนี้เป็นเสี้ยวหนึ่งแห่งความทรงจำเหมือนกับที่เจมอง



“นี่ ฆาบี้…”

“ครับ อาปา?”

“ลูกจำไดเนอร์เล็กๆ ที่อยู่ใกล้บ้านเก่าของเราได้ไหม?”

ฆาเบียร์หัวเราะ แล้วบอกว่าทำไมเขาจะจำไม่ได้ เขาชอบไอศครีมซันเดย์ของที่นั่นที่สุด

“สักวันถ้าเจได้ไปสหรัฐฯ เราพาเจไปกินที่นั่นกันนะ…”

“…เราจะได้เล่าความทรงจำดีๆ ของครอบครัวเราที่มีที่นั่นให้เจฟังเหมือนกับที่เจเล่าความทรงจำของเจที่นี่ให้เราฟังไง”

ฆาเบียร์รู้สึกร้อนวูบที่หัวตาหากริมฝีปากของเขายิ้มพราย

“ได้สิครับ อาปา ผมจะพาเจไปที่นั่นแน่นอน”

เขาหันไปสบตาคนตัวเล็กของเขาที่ส่งยิ้มกลับคืนมาให้เขา ฆาเบียร์กุมมืออุ่นๆ ของเจไว้แน่นเพื่อแทนคำสัญญา



“เมลิน่า ริคกี้ ชอบอาหารไหม?”

ทั้งสองคนบอกว่าชอบ โดยเฉพาะเมลิน่าที่ดูจะปลื้มปริ่มกับลาซานญ่าเขียวซึ่งเป็นอาหารพื้นถิ่นของแคว้น Emilia-Romagna ที่หากินได้ยากจานนี้

“ซอสเบชาเมลกับซอสเนื้อของที่นี่เข้ากันได้ดีมากเลยค่ะ ตอนแรกฉันนึกว่าจะกินไม่หมดเพราะถ้วยมันใหญ่ แต่กินไปกินมาก็เกือบหมดแล้ว”

เมลิน่ายิ้มเขินๆ วันนี้เธอเจริญอาหารเป็นพิเศษ เจบอกว่าพาสต้า Bolognese หรือพาสต้าซอสเนื้อบดสไตล์โบโลญ่าของร้านนี้ก็อร่อยไม่แพ้ที่ไหนๆ ฆาเบียร์พยักหน้าเห็นด้วย ตอนแรกเขาก็ลังเลว่าจะสั่งพาสต้าจานนั้นหรือจานเนื้อดี และสุดท้ายก็เลือกพอร์คช็อพ

"ริคกี้ กินแค่พาสต้า อิ่มเหรอ?"

ริคกี้ยิ้มอายๆ เขาบอกว่าเมื่อกี้เขาพวกขนมปังกับของกินเล่นไปเยอะ แถมพาสต้าของเขาก็หนักพอสมควรแล้ว เขาชอบมะเขือม่วงแผ่นบางที่ชุบแป้งเล็กน้อยแล้วทอดมาก่อนที่จะคลุกเคล้ากับซอสพาสต้า มันทำให้แป้งบางๆ ที่หุ้มอยู่ด้านนอกของมะเขือม่วงนั้นซึมซับรสอร่อยจากซอสเข้าไปอย่างเต็มที่

"เดี๋ยวอย่าพึ่งอิ่มกันล่ะ มีพิซซ่าเหลืออีกถาดนึง"

เจพูดยิ้มๆ บรรดาสมาชิกเริ่มขมวดคิ้ว พวกเขาเริ่มตื้อกันแล้วและไม่แน่ใจว่าจะกินพิซซ่าไหว เจพูดไม่ทันขาดคำ บริกรก็ยกพิซซ่ามาวางไว้ที่กลางโต๊ะ



"Calzone เหรอ เจ?"

เจพยักหน้า เขาบอกว่าพิซซ่าคาลโซเน่หรือพิซซ่าพับและใส่ไส้ไว้ตรงกลางของร้านนี้มีสองแบบ แบบแรกเป็นไส้ผักโขม เห็ด แฮมและชีสซึ่งเป็นแบบดั้งเดิมของร้าน ส่วนอีกแบบคือแบบที่เขาสั่งในวันนี้มีไส้เป็นไข่ แฮมและชีสสามอย่าง

"มี 6 ชิ้น ก็คนละชิ้นแล้วกันครับ ส่วนที่เหลือ..."

ฆาเบียร์ตักแบ่งพิซซ่าให้สมาชิกให้คนละชิ้น เขาหันไปมองเจที่ทำตาละห้อยดูพิซซ่าที่เหลืออีกชิ้นหนึ่งแล้วตักมันวางบนจานให้คนรักของเขา

"...เอ้า เอาไป ไม่ต้องมาทำตาหมาน้อยมองฉันหรอก"

เจยิ้มหวานให้เมียตัวโตของเขาแล้วยกพิซซ่าที่ยังร้อนๆ นั้นขึ้นกัด พร้อมทำหน้าฟิน ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ เจแทบไม่เคยใช้มีดส้อมกินพิซซ่าเลยยกเว้นแต่เจอพิซซ่าที่แป้งนิ่มจนยกไม่ขึ้นจริงๆ เขาให้เหตุผลว่ามันเสียอรรถรสในการกิน

"อืมม์ อร่อยนี่ เจ"

คริสอุทานออกมา รสชาติของชีสริคอตต้า มอสซาเรลล่าและพาร์มีซานผสานกับไข่และแฮมทำให้เหมือนกินคีชอยู่ แต่มันมีรสแหลมๆ ของซาลามี่มาช่วยทำให้รสมันต่างออกไป แป้งที่กรอบน้อยๆ ตรงขอบทำให้รสสัมผัสของพิซซ่านี้แตกต่างจากพิซซ่าอิตาเลียนอื่นๆ ที่เขาเคยกินมา

"ตอนแรกผมก็ว่าจะสั่งคาลโซเน่แบบดั้งเดิม แต่ก็คิดว่าเรามีผักโขมกันหลายจานแล้ว กินตัวนี้แทนแล้วกัน"

เจพูดยิ้มๆ เขาว่าเขาสั่งได้ถูกต้องแล้ว



"รับไวน์เพิ่มไหมคะ?"

เอน่าถามเมื่อเธอรินไวน์ Barolo แก้วสุดท้ายของขวดที่คริสเอาติดมือมาจากที่วิลล่าลงในแก้วของคริส พ่อบุญธรรมของฆาเบียร์ปฏิเสธแล้วบอกว่าพวกเขาอิ่มของคาวแล้วและพร้อมที่จะสั่งของหวาน เจ้าของร้านคนสวยรับคำและเดินไปหยิบเมนูของหวานมาให้

"ช่วงแรกๆ ที่ผมมาอยู่เชียงใหม่เดือนนึง ตอนที่เจยุ่งอยู่กับงานแปล ผมกับนพชอบมาดื่มไวน์ที่นี่กันครับ อาปา"

"...ผมกับนพจะไปเลือกไวน์ดีๆ มาชิมกัน บางทีถ้านพมีเพื่อนมาด้วยก็หยิบมาสองขวด เพราะที่นี่เขาไม่คิดค่าเปิดขวดครับ"

คริสมีทีท่าถูกอกถูกใจ สมัยนี้หายากนักแล้วที่ร้านอาหารจะไม่คิดค่าเปิดขวดกับแขก



"อืมม์ ไอศกรีมขิงกับน้ำผึ้งนี่รสชาติใช้ได้เลยนะ เจ อาปาชอบที่เขาใส่เนื้อขิงชิ้นเล็กๆ ลงมาด้วย"

"ครับ ที่นี่เขาทำไอศกรีมเอง ในหน้าทุเรียนเขาก็จะมีไอศกรีมทุเรียนซึ่งทำจากทุเรียนสดๆ เลยจริงๆ ผมเคยสั่งเป็นมิลค์เชคทุเรียนและโปะไอติมทุเรียนลงไปอีก โอ๊ย ถึงขั้นใจสั่นเล็กๆ เลยครับ"

เจหัวเราะ เขายังบอกอีกว่าในอดีตไอศกรีมที่เขาตั้งหน้าตั้งตารอกินทุกครั้งที่มาคือไอศกรีมละมุด เสียดายที่ทางร้านเลิกทำไปแล้ว เจยกส้อมตัดทีรามิสุสูตรพิเศษของทางร้านขึ้นกิน จากนั้นตัดให้ฆาเบียร์ชิมอีกคำหนึ่ง เมียตัวโตของเขาเลือกกินแค่กาแฟดำตบท้ายมื้ออาหารเพราะไม่อยากเพิ่มแคลอรี่ไปมากกว่านี้ หากฆาบี้ก็ไม่ปฏิเสธขนมหวานคำน้อยนี้ ส่วนริคกี้กับเมลิน่าเลือกสั่งทีรามิสุเหมือนกับเจนยุทธมาแบ่งกันกิน


] (ftp://www.picz.in.th/images/2017/11/29/Arcobaleno-L.jpg[/img)


"เจ ให้อาปาจ่ายเถอะ"

คริสขอเจนยุทธให้ส่งบิลที่พนักงานนำมาให้เขา แต่เจไม่ยอม หลังจากต่อรองกันพักหนึ่งเจก็ยอมให้คริสแบ่งจ่ายค่าอาหารมื้อนี้กับเขาคนละครึ่ง

"นายนี่มันดื้อจริงๆ นะ เจ ให้อาปาเลี้ยงสักหน่อยก็ไม่ได้เลยเหรอ?"

ฆาเบียร์ขยี้ผมดำขลับของเจตอนที่พวกเขากำลังเดินกลับไปขึ้นรถ เจหันมายิ้มหวานจ๋อยให้เมียตัวโตของเขา

"แหม มันก็ไม่ได้แพงอะไร อีกอย่างส่วนของคุณ ผมก็ต้องจ่าย เมียทั้งคนผมเลี้ยงได้น่า"

เจยืดตัวขึ้นหอมแก้มคนตัวโตของเขาเบาๆ ฆาเบียร์โอบกระชับไหล่ของคนรักและจุ๊บเบาๆ ที่หน้าผาก ที่ผ่านมาเขาเป็นฝ่ายควักกระเป๋าจ่ายให้คนอื่นตลอดหรือไม่ก็ต่างคนต่างจ่าย ไม่เคยมีใครที่คิดจะดูแลเขาเหมือนกับที่เจนยุทธทำและไม่ใช่แค่เรื่องเงินทองเท่านั้น อาจเป็นความเคยชินที่เคยดูแลเหล่าสาวๆ ของเขามาก่อน บางครั้งถ้าเผลอตัว เจจะคอยเปิดประตูรถหรือประตูห้องให้เขาเข้าไปก่อน เวลาเดินด้วยกันริมถนน เจจะเป็นฝ่ายเดินด้านนอกเสมอและคอยเอาตัวกันเขาเวลามีรถขับผ่านใกล้ตัว ยามนั่งร้านกาแฟหรือร้านอาหารแบบบริการตัวเอง เจจะเป็นฝ่ายเดินไปรับอาหารมาและปล่อยให้เขานั่งรอเฉยๆ

ยังมีสิ่งเล็กน้อยๆ อื่นที่เจทำให้เขาเช่นเรื่องตัดเล็บให้ คอยดูแลเรื่องเสื้อผ้า ทุกครั้งที่มาเชียงใหม่ เขาไม่เคยต้องซักเสื้อผ้าเอง เจจะเป็นคนรวบรวมแล้วส่งซักให้หลังจากที่เขากลับไปแล้ว ส่วนตัวไหนที่ซักยากหรือต้องดูแลเป็นพิเศษ เจก็จะเป็นคนจัดการซักให้ด้วยตัวเอง เจจะขอให้เขาช่วยต่อเมื่อเป็นของชิ้นใหญ่อย่างผ้าปูเตียงหรือผ้าห่ม แต่นอกจากนั้นเขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลย และที่ทำให้เขายิ้มได้ทุกครั้งคือ นานๆ ครั้ง ถ้านึกครึ้มอกครึ้มใจ เจก็จะหาดอกไม้มาให้เขา อาจจะเป็นกุหลาบสักช่อที่ซื้อมาจากตลาดหรือร้านดอกไม้หรืออาจเป็นแค่ดอกไม้เล็กๆ ที่เด็ดมาจากข้างทางยามที่เดินไปไหนมาไหนด้วยกัน เหมือนกับตอนนี้



"อ่ะ ให้"

เจส่งดอกไม้กลางคืนสีขาวช่อน้อยที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ฆาเบียร์ที่หยุดรอเขาอยู่ที่ทางเดินเข้าวิลล่า คนตัวโตจำได้ว่ามันคือดอกจากพุ่มไม้ที่ปลูกเป็นรั้วอยู่หน้าวิลล่า เจคงเด็ดมันมาตอนเอารถเข้าจอดในโรงรถ ฆาบี้หยุดเดินและพิจารณาดูช่อดอกไม้สีขาวที่มีกลีบเรียวเล็กบอบบาง

"ดอกอะไรน่ะ?"

"ดอกแก้ว ผมไม่รู้ว่าภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร แต่มันหอมดี ผมชอบ"

ฆาบี้ยกดอกไม้ขึ้นดมก่อนที่จะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากคนตัวเล็กแผ่วๆ

"ชื่นใจ"

ฆาเบียร์ยิ้มละไม ไม่มีดอกไม้ใดจะหอมหวานไปกว่าริมฝีปากของคนรักของเขา และวันนี้ริมฝีปากของเจมีรสของกาแฟและริคอตต้าชีส เจโน้มคอเมียตัวโตของเขาลงพร้อมป้อนจูบที่หนักหน่วงกว่าให้ ฆาเบียร์โอบร่างเพรียวของเจไว้กระชับกับอกพร้อมจูบตอบอย่างเร่าร้อน เขาอยากลิ้มชิมรสเจทั้งตัวแล้ว



-------------------------------------------


ยิ่งเขียนยิ่งยาวอีกแล้ว -_-"


ถ้ามาเชียงใหม่ อยากแนะนำให้ไปเดินเล่นย่านวัดเกตจริงๆ ค่ะ หรือถ้ามีเวลาก็เดินตั้งแต่ย่านกาดหลวงแล้วเดินข้ามสะพานจันทร์สมมาที่ย่านวัดเกต ถ้าเที่ยวย่านวัดเกตแล้ว ยังมีแรงและเวลาเหลือ ขอแนะนำให้เดินเลาะริมน้ำปิงไปทางสะพานนวรัฐและข้ามถนนไปทางโรงเรียนเชียงใหม่คริสเตียน แถวนั้นจะมีเบเกอรี่เก๋ๆ ที่ชื่อว่า Khagee ขนมที่นั่นอร่อยหลายตัว โดยเฉพาะ Canele กาแฟก็อร่อยค่ะ หรือจะเข้าซอยข้างโรงเรียนเชียงใหม่คริสเตียนไปที่เบเกอรี่ดังของเชียงใหม่อย่าง Love at First Bite ก็ได้ จากนั้นเดินเลยไปอีกหน่อยก็จะเจอโรงแรมศรีประกาศ โรงแรมเก่าแก่ยุคแรกๆ ของเชียงใหม่ที่ตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว ถัดจากศรีประกาศไปไม่ไกลก็จะเจอร้าน The Duke's สาขาแรก แวะกินขนมหรืออาหารสักมื้อก่อนที่จะเดินข้ามขัวเหล็กหรือสะพานเหล็กก็ได้นะคะ แต่อย่าไปช่วงเย็นเพราะจะเริ่มมีวัยรุ่นมามั่วสุมกันแถวนั้น ไม่ค่อยปลอดภัยนักค่ะ



ย่านวัดเกตhttps://goo.gl/buJdNf

https://goo.gl/Dp5cKQ

เดินเที่ยวย่านวัดเกต https://goo.gl/6Gxunx

การพัฒนาชุมชมวัดเกตอย่างยั่งยืน https://goo.gl/gAfHc7

ชุมชนวัฒนธรรม https://goo.gl/ygn6vw


ร้าน Arcobaleno http://www.arcobaleno-cm.com/][url]http://www.arcobaleno-cm.com/[/url]

ว่าด้วยซีซาร์สลัด https://goo.gl/3DpsZY





[/font][/size]

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1




---- Cuban Aphrodisiac ----



“เดี๋ยวก่อน ฆาเบียร์ เอ๊ ซนจริง”

เจนยุทธดันร่างคนตัวโตที่มือไม้เริ่มซุกซนออก

“นิดเดียวเอง หวงตัวจริงนะ เจ"

ฆาเบียร์บ่นอุบอิบ คนตัวเล็กทำตาเขียวใส่ พร้อมตีมือใหญ่ๆ ที่ทำท่าจะเลื้อยเลาะลงใต้ขอบกางเกงของเขาอีก

"พอได้แล้ว เข้าบ้านเลย คุณ เดี๋ยวอาปาจะว่าพวกเราหายไปไหนกัน"

เจฉุดมือคนตัวโตที่ทำท่าจะเดินลิ่วกลับไปที่เรือนพักน้อยกลางสวนให้ขึ้นไปที่เรือนใหญ่ก่อน



“อาปาขึ้นไปนอนแล้วเหรอ ริคกี้?”

ฆาเบียร์ถามเมื่อไม่เห็นคริส

“คุณท่านสูบซิการ์อยู่ริมสระครับ”

ริคกี้เดินนำทั้งสองคนไปหาคริสซึ่งนั่งหย่อนอารมณ์บนเตียงอาบแดดริมสระ ในมือคริสมีซิการ์ขนาดกลางส่งควันกรุ่น ฆาเบียร์ยิ้ม นานๆ คริสจะสูบซิการ์ที และเมื่อเขาเอามาสูบมันแปลว่าเขากำลังมีความสุขหรือว่าสบายใจขั้นสุด

“อ้าว ไง ลูก อาปาไม่เห็นเดินตามมาเลยนึกว่าไปนอนกันแล้ว”

ฆาเบียร์ไม่ตอบ เขาลงนั่งบนเตียงอาบแดดอีกตัวที่อยู่เคียงข้างและฉุดเจให้นั่งลงด้วยกัน เจถอนหายใจ เตียงมันใหญ่ก็จริง แต่พอยัดนั่งกันสองคน มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะต้องไปนั่งเบียดซบอกฆาเบียร์โดยมีแขนล่ำสันของเมียตัวโตของเขาโอบกระชับไหล่ไว้



“สูบเป็นเพื่อนอาปาสักมวนสิ ฆาบี้”

คริสส่งซองหนังบรรจุซิการ์ของเขาให้ลูกบุญธรรม ฆาเบียร์รับมาตัดก้นและจุด

“ฆาบี้ ลูกย้ายมานั่งกับอาปาไหม? พ่นควันใส่หัวเจแบบนั้น เดี๋ยวเจจะสำลักควันเปล่าๆ”

คริสบอกอย่างเป็นห่วง เขาขยับตัวขึ้นนั่งและตบๆ เบาะตรงที่ว่าง ฆาเบียร์หัวเราะหึๆ ไอ้ตัวเล็กมันไม่สำลักควันหรอก ดูจากสายตาเขาก็รู้ว่าเจเปรี้ยวปากอยากสูบเต็มแก่แล้ว

“ไม่เป็นไรหรอกครับ อาปา เจเขาทนได้”

ฆาเบียร์ตอบพร้อมพ่นควันกลุ่มใหญ่ใส่เจที่เริ่มทำหน้าบูดใส่เขาที่ไม่ยอมส่งซิการ์หน้าตาดูแพงตัวนี้มาให้ลองสักที คริสขมวดคิ้ว แต่ก็ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเจทนไม่ได้จนต้องขอซิการ์ในมือฆาเบียร์ไปสูบและค่อยๆ ปล่อยควันออกมาอย่างคนสูบเป็น เจนยุทธทำหน้าตาดื่มด่ำกับรสอันล้ำลึกของซิการ์ตัวนี้

“ร้ายจริงๆ เจ สูบเป็นกับเขาด้วยรึ?”

เจหัวเราะแหะๆ แล้วบอกว่าเขาสูบนานๆ ที

“พี่นพสอนผมสูบครับ เมื่อก่อนตอนสมัยเรียนผมสูบแต่บุหรี่ ค่อนข้างติดเลยทีเดียว..."

เจบอกว่าหลังๆ พอเริ่มสูบซิการ์เขาก็เลิกบุหรี่ แล้วหันมาสูบพวกซิการ์มวนน้อยแทน แต่ก็ลดปริมาณลงจนเหลือแค่ไม่กี่ตัวในคืนที่ออกเที่ยวเพราะมันแพง ส่วนซิการ์มวนใหญ่นี่ จะสูบตอนครึ้มอกครึ้มใจอยากสูบ ไม่ก็ตอนโอกาสพิเศษ”

แต่เจบอกว่า ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เมื่ออยู่บ้านแม่เขาจะไม่สูบทั้งบุหรี่และซิการ์ให้แม่เห็นเพราะรู้ว่าแม่ไม่ชอบ



เจนยุทธยกซิการ์ขนาด Double Robusto ในมือขึ้นพิจารณา จากโลโก้รูปศีรษะชนพื้นเมืองมันคือยี่ห้อ Cohiba ที่เขาคุ้นเคยดี แต่รสชาติมันต่างจากทุกตัวที่เคยสูบมา รสของมันหนักแน่นแต่แฝงความละมุนละไม การมวนก็ดูประณีตกว่าพวกที่เขามี

เจอุทานเบาๆ เมื่อเห็นคำว่า Behike ที่พิมพ์อยู่ใต้โลโก้แทนคำว่า Cohiba มิน่าล่ะมันถึงอร่อยนัก

"รู้จักด้วยเหรอ เจ?"

เจพยักหน้า เขายกซิการ์ตัวนั้นขึ้นสูบอีกคำ เขาปล่อยให้ควันของมันสัมผัสในโพรงปากชั่วครู่และลิ้มรสอันล้ำลึกของใบยาสูบก่อนจะค่อยๆ ปล่อยควันออกมาทางปาก วิธีสูบซิการ์ที่ถูกต้องนั้นต้องไม่อัดควันมันลงปอด ตอนแรกที่เขาหัดสูบ เขาติดนิสัยสูบเหมือนตอนสูบบุหรี่ ผลคือเขาเมาหนักจนถึงขั้นต้องอาเจียนออกมาเลยทีเดียว

เจบอกฆาเบียร์ว่าเขาจำได้ว่า Behike หรือ เบฮิเก้เป็นซีรีส์หรูของซิการ์แบรนด์นี้ ถ้าจำไม่ผิด เขาเคยเห็นในเว็บขายซิการ์ออนไลน์ว่าราคาต่อมวนของมันมีตั้งแต่ 110 ไปจนถึง 140 เหรียญสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับขนาด ส่วนหนึ่งที่ทำให้มันแพงเพราะใบยาสูบที่ใช้มวนเป็นชั้นนอกสุดของซิการ์ซีรีส์นี้เป็นใบยาคัดพิเศษจากสองใบบนสุดของต้นยาสูบ พวกมันมาจากแหล่งปลูกเฉพาะที่ต้นยาสูบที่ถูกฟูมฟักอย่างดีภายใต้แสงตะวันอันเจิดจ้าของคิวบา ฆาเบียร์ยิ้มฟังเจ้าตัวเล็กของเขาเจื้อยแจ้วไปเรื่อยเปื่อย



"เกือบถูกนะ เจ"

เจนยุทธขมวดคิ้ว ไอ้เจ้า Behike ที่มีขายในท้องตลาดมันก็ตามที่เขาว่านี่นา ฆาเบียร์หัวเราะหึๆ แล้วเล่าให้คนรักของเขาฟังต่อ

"Behike ตัวนี้ของอาปา เป็น Limited Edition ที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 2006 แล้ว"

เจตาเหลือกและรีบส่งซิการ์ตัวนั้นคืนให้ฆาเบียร์อย่างรวดเร็ว ที่ฆาเบียร์พูดหมายถึงซิการ์ล็อตพิเศษที่ผลิตขึ้นในปี 2006 เนื่่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีของบริษัทผู้ผลิตซิการ์ยี่ห้อดังนี้ มันถูกผลิตขึ้นเพียง 4,000 มวนและถูกแบ่งขายชุดละ 40 ตัวพร้อมฮิวมิดอร์หรือกล่องเก็บซิการ์ที่ผลิตมาเป็นพิเศษเพียง 100 ใบ โดยสนนราคาของมันอยู่ที่กล่องละ เกือบ 20,000 เหรียญสหรัฐฯ ฉะนั้นถ้าคิดเสียว่ากล่องนั้นเป็นของแถมแล้ว จะเท่ากับว่าซิการ์มวนนี้มีมูลค่ากว่า 400 เหรียญในปีที่มันออกสู่ท้องตลาด

ในปัจจุบัน ซิการ์รูมบางแห่งในโลกที่ยังมีซิการ์รุ่นนี้หลงเหลืออยู่และขายมันในราคาสูงลิ่ว เขาเคยได้ยินว่าซิการ์รูมในโรงแรมแห่งหนึ่งที่อังกฤษขายมันในราคา 1,500 - 2,000 ปอนด์ต่อมวน ส่วน Cohiba Behike 'BHK' ที่เจพูดถึงตอนแรกเป็นซิการ์โคฮีบาซีรีส์แพงที่ผลิตขายทั่วไป มันใช้ชื่อ Behike เพื่อเป็นการอ้างอิงถึง Behike Limited Edition ซึ่งเคยได้ชื่อเป็นซิการ์ที่ราคาแพงที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก แต่ใช้วัตถุดิบที่ไม่พรีเมียมเท่าและใช้วิธีผลิตที่พิถีพิถันน้อยกว่า

"คุณสูบเองเถอะ ฆาเบียร์ ผมพอแล้ว"

เจพูดเสียงอ่อยๆ ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ เขาดูดควันหนักๆ ของซิการ์ตัวนั้นเข้าไปในปาก ก่อนที่จะหันหน้าไปส่งต่อควันรสเข้มข้นแต่แฝงด้วยความละมุนละไมนั้นถึงปากของคนรัก คริสได้แต่อมยิ้มมองคนทั้งคู่แสดงความรักต่อกัน เจที่หน้าแดงก่ำโวยคนตัวโตของเขาเบาๆ ที่ทำรุ่มร่ามต่อหน้าคริส แต่ฆาเบียร์ก็ปิดปากเจด้วยจูบอันอ่อนหวานอีกครั้ง



คริสยิ้มบางๆ มองใบหน้าคมเข้มของลูกของเขาที่แสดงท่าทีกรุ้มกริ่มใส่คนรัก ใบหน้าด้านข้างของฆาเบียร์ในวัย 40 ทำให้เขาอดนึกถึงอันเดรสขึ้นมาไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นฆาเบียร์สูบซิการ์สุดพิเศษที่เขาตั้งใจหาซื้อมาอย่างยากลำบากเพื่อเป็นของขวัญให้แก่เพื่อนรักของเขาผู้ชื่นชอบการสูบซิการ์มาก หากอันเดรสจากไปก่อนที่จะทันได้สูบมัน

"อาปาครับ..."

ฆาเบียร์แตะที่แขนของอาปาของเขาที่นั่งเงียบไปเบาๆ

"ไม่มีอะไรหรอก ฆาเบียร์ อาปาแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปน่ะ"

คริสหันมายิ้มน้อยๆ ให้ฆาเบียร์ ฆาบี้ลอบถอนหายใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอาปาเกิดคิดถึงเพื่อนรักของตัวเองขึ้นมาอีกแล้ว อันที่จริงแล้ว ลึกๆ ในใจทำไมฆาเบียร์จะไม่รู้ว่าคริสรักอันเดรสมากเพียงใด ตลอดมาเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความรู้สึกของคริสที่มีต่อพ่อของเขา หากเขาไม่เคยรู้สึกรังเกียจหรือโกรธคริสแต่อย่างใด เขามีแต่ความเห็นใจและความรู้สึกซาบซึ้งในความทุ่มเทของอาปาของเขาที่มีให้กับครอบครัวของเขา

"เจ สูบไปเถอะ ไม่ต้องเสียดายมันหรอก อาปายังมีอีกหลายตัว"

คริสหันไปคุยกับเจนยุทธที่ทำท่าไม่อยากจะยุ่งกับซิการ์แพงระยับตัวนั้น ฆาเบียร์ส่งซิการ์ให้เจส่วนตัวเองยกแก้วคอนญัคที่คริสรินให้เขาเมื่อครู่ขึ้นดื่ม เขาส่งแก้วนั้นต่อให้เจจิบก่อนจะรับซิการ์มาวางบนถาดรอง พวกเขาทั้งสามนั่งคุยกันไป สูบซิการ์ไป จิบคอนญัคไปอย่างรื่นรมย์ ค่ำคืนสุดท้ายในเชียงใหม่ของคริสผ่านไปอย่างช้าๆ



"จะหมดมวนแล้วอ่ะ"

เจบ่นเบาๆ อย่างเสียดาย เขาเคาะซิการที่ดับแล้วกับถาดเบาๆ จนเถ้าที่ยังติดเป็นรูปแท่งของซิการร่วงลงบนถาดรอง ฆาเบียร์จุดไม้ขีดยาวที่ใช้สำหรับซิการ์โดยเฉพาะและจ่อปลายด้านบนของไฟเข้ากับปลายซิการ์ที่เจคาบไว้ในปาก ฆาเบียร์ช่วยเอามือป้องไฟไว้ไม่ให้ลมหนาวกรรโชกมันดับ เจดูดซิการ์เบาๆ สองสามทีและหมุนจนปลายซิการ์ติดไฟเป็นสีส้ม เขาพ่นควันออกเบาๆ แล้วทำหน้าฟิน

"ชอบล่ะสิ?"

คนตัวโตของเขาถาม เจหันมายิ้มหวานให้คนรักพร้อมพยักหน้า เขาบอกว่าชอบรสชาติอันหนักแน่นของมันตั้งแต่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นซิการ์อะไร แต่เจก็ไม่ได้พูดสิ่งที่เขาคิดออกมาว่าถ้าจะให้ไปหาซื้อ เขาก็คงไม่เอาเพราะว่ามันแพงเกินไป เขารู้ว่าถ้าเขาพูดออกไป ฆาเบียร์คงต้องไปหามันมาบรรณาการให้เขาแน่ๆ ซึ่งเขาไม่อยากให้คนตัวโตต้องมาเสียเงินกับเรื่องแบบนี้

"นี่...คุณไม่ต้องไปหาไอ้พวกนี้มาให้ผมนะ ของเก่าที่มีผมยังสูบไม่หมดเลย"

เจดักคอคนรักไว้ก่อน เมื่อเห็นฆาเบียร์ทำท่าจะเอ่ยปากพูดอะไร คริสเองที่กำลังจะเสนอให้ฆาเบียร์มาเอาซิการ์พวกนี้ที่เขามีเหลืออยู่พอสมควรที่บ้านที่สหรัฐฯ มาให้เจก็พลอยเงียบไปด้วย แม้จะไม่ได้อยู่กับเจบ่อยเท่าฆาเบียร์ คริสก็รับรู้ได้ถึงนิสัยที่ไม่ชอบฉวยโอกาสและไม่ชอบเอาเปรียบใครของเจ



ฆาเบียร์สูบคำสุดท้ายของซิการ์มวนนี้ก่อนจะวางก้นซิการ์ที่เหลือประมาณหนึ่งนิ้วลงบนถาด

"ผมขอแถบรัดซิการ์ได้ไหมอ่ะ?"

เจเอ่ยปากขอแถบกระดาษที่รัดช่วงโคนซิการ์ซึ่งมักทำเป็นลวดลายเฉพาะและมีโลโก้หรือรุ่นของซิการ์ติดอยู่ เขาสะสมมันเพื่อให้รู้ว่าตัวเองเคยสูบตัวไหนไปบ้างแล้ว ฆาเบียร์ถอดแถบรัดของเขาและของคริสส่งให้เจ ฆาเบียร์มองหน้าคนตัวเล็กของเขาที่ยิ้มร่าเหมือนเด็กได้ของเล่นที่ถูกใจ เขาตั้งใจว่าคราวหน้าเขาจะหาซิการ์ดีๆ มาฝากเจนยุทธอีก ถึงเจบอกว่าไม่เอา Behike ซึ่งถือเป็นหนึ่งในซิการ์ที่แพงที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันก็ไม่เป็นไร คราวหน้าเขาจะไปขอ Cohiba รุ่นฉลองครบรอบ 50 ปีที่คริสเพิ่งได้มาเมื่อปีที่แล้วมาให้เจแทน



"งั้นอาปาขึ้นห้องก่อนนะ ลูก"

คริสลุกขึ้นบิดขี้เกียจเบาๆ ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้เขาต้องตื่นเช้าเพราะนัดรถมารับตอนก่อนเก้าโมง เจถามคริสว่าจะให้เขาขึ้นไปช่วยแพ็คของหรืออะไรไหม แต่คริสบอกว่าริคกี้กับเมลิน่าช่วยเขาจัดการทุกอย่างแล้ว

"พวกลูกเองก็รีบไปนอนได้แล้วนะ อย่าดึกมากนักนะคืนนี้"

คริสพูดยิ้มๆ คนหนุ่มไฟแรงสูงทั้งสองหน้าแดงก่ำ พวกเขาเข้าใจความหมายแฝงของคริสดี

"งั้นเราก็ไปนอนกันเถอะ เจ"

ฆาเบียร์ลุกขึ้นและส่งมือให้คนรัก เจจับมือฆาเบียร์ไว้แต่ไม่ยอมลุกหากกลับฉุดคนรักจนเสียหลักล้มลงคร่อมตัวเขา ฆาเบียร์มองใบหน้าที่แดงน้อยๆ ของเจนยุทธ รอยยิ้มพรายบนริมฝีปากแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นช่างเย้ายวนนัก ฆาเบียร์มองดูไปรอบๆ และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้วเขาจึงก้มลงจุมพิตริมฝีปากคู่นั้นเบาๆ เจตอบสนองเขาด้วยการดูดดึงริมฝีปากของเขาน้อยๆ ลิ้นเรียวของเจไม่รอช้าที่จะล่วงล้ำเข้าสู่โพรงปากของคนรัก ลิ้นของทั้งคู่บดเบียดกันอย่างกระหาย แขนของเจโอบรอบคอของเมียตัวโตของเขา ฆาเบียร์ยิ้มกริ่มเมิื่อเจนยุทธอดไม่ได้ต้องส่งเสียงออกมาเบาๆ ตอนเขาซุกไซร้ใบหน้าลงกับซอกคอขาวผ่องของคนตัวเล็ก เจมักมีอารมณ์ทุกครั้งเมื่อได้สูบซิการ์ดีๆ

"เจ...กลับห้องกันเถอะ นะ ฉันจะไม่ไหวแล้ว"

ฆาเบียร์กระซิบเสียงกระเส่าที่หูของคนรัก ถ้ายังนัวเนียกันแบบนี้ เขาคงอดไม่ได้ต้องจับมันกดที่ริมสระนี้แน่ๆ เจพยักหน้า เขาเองก็อยากจะ "กิน" ฆาเบียร์ใจจะขาดอยู่แล้ว ฆาเบียร์ประคองร่างคนตัวเล็กของเขาขึ้นจากเตียงริมสระก่อนที่จะโอบเอวเจเดินไปยังเรือนพักน้อยกลางสวนอย่างรวดเร็ว



"ฆาเบียร์ เดี๋ยวก่อน ปิดประตูก่อน"

เจหอบพลางดันตัวคนรักที่ดันเขาติดผนังหน้าประตูห้องและจูบอย่างเร่าร้อน ฆาเบียร์ทำท่าจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาออกทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ปิดประตูห้อง ฆาบี้รีบปิดประตูห้องก่อนจะช้อนร่างเจที่อุทานอย่างตกใจขึ้นและพาเดินลิ่วไปที่เตียง เขาวางร่างคนรักลงบนเตียงและโถมกายลงทาบทับอย่างไม่รอช้า

“ฆาเบียร์…ฆาบี้ครับ เบาๆ หน่อย ช้าๆ”

เจตบหลังฆาเบียร์เบาๆ เมื่อเห็นเขามีท่าทีตะกรุมตะกรามเกินไป คนตัวโตเริ่มจะฟอนเฟ้นเขาแรงจนเจ็บไปทั้งตัวอีกแล้ว ถึงสัมผัสรุนแรงนั้นจะเร้าใจ แต่เขาต้องเบรคมันบ้าง

“เราอาบน้ำกันก่อนดีกว่านะ อ๊ะ”

เจอุทาน แต่ก็หัวเราะออกมาลั่นเมื่อฆาเบียร์โอบใต้สะโพกเขาแล้วยกตัวเขาขึ้นพาดบ่า เขาคงต้องเริ่มลดน้ำหนักบ้างแล้วเพื่อที่คนแก่ตัวโตบ้าพลังที่ชอบอุ้มเขาเหมือนเด็กๆ คนนี้จะได้ไม่ต้องลำบากเกินไป



“เจ โอย เจจ๋า แบบนั้นแหละ ดีๆๆ”

ฆาเบียร์ครางแทบไม่เป็นภาษา ร่างใหญ่กำยำของเมียตัวโตของเจยืนระทวยพิงผนังห้องน้ำ มือใหญ่ของเขาขยุ้มกลุ่มผมดำขลับของเจที่กำลังใช้ปากสร้างความเสียวสุดสุดยอดให้เขา ลิ้นร้อนๆ ของเจทำให้เขาแทบคลั่งพอๆ กับนิ้วเรียวของเจที่กำลังนวดเฟ้นและเริ่มรุกล้ำช่องทางคับแคบของเขา ฆาเบียร์สูดปากลั่นและดันแก่นกายเข้าโพรงปากน้อยๆ แต่ลึกล้ำนั้นหนักๆ อีกสองสามที่ก่อนจะคำรามลั่น

ฆาเบียร์หายใจหอบกระเส่า เขาต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเจนยุทธจับเขาหันหลัง เขาแยกขาออกตามความเคยชินและฝังหน้าลงกับท่อนแขน เจเริ่มโจมตีเขาอีกครั้งด้วยนิ้วเรียวที่กำลังขยับระรัวเพื่อเบิกทาง ลิ้นร้อนๆ ของเจยังได้เลียไล้เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้ช่องทางสีแดงของเขา

“อย่า เจ ใช้เจลก็ได้ ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก”

ฆาเบียร์ห้ามคนรัก แต่ก็ต้องครางกระเส่าเมื่อลิ้นของเจล่วงล้ำช่องทางของเขาพร้อมๆ กับนิ้วที่สัมผัสกับจุดเสียวอย่างจัง ฆาเบียร์หมดคำพูดและปล่อยให้เจทำตามใจ



“อูย ฆาบี้ ดีมาก ขยับอีกสิครับ ที่รัก”

เจกระซิบเสียงแหบพร่าที่ข้างหูของคนรัก ฆาเบียร์ค่อยๆ ดันสะโพกมาด้านหลังช้าๆ ก่อนจะเริ่มเร่งความเร็ว เจกระแทกแก่นกายของตัวเองรับความคับแน่นของคนรักที่แม้จะถูกเขาจัดการเสียหนักเมื่อคืนและเมื่อเช้าแต่ก็ยังพร้อมรับการรุกรานของเขาในตอนนี้ได้อย่างดี ฆาเบียร์ซี้ดปากเมื่อต่อมเสียวของเขาถูกแท่งลำของเจครูดเข้าอย่างจัง นิ้วของเจเขี่ยระรัวไปที่ตุ่มไตสีน้ำตาลอ่อนบนลำตัวที่ตั้งตรงแนบชิดกับอกอุ่นของเจ

“อา เจ Mi amor ฉันจวนแล้ว จวนแล้ว”

สิ้นเสียงนั้น ฆาเบียร์ก็อุทานลั่นและปลดปล่อยมาเต็มกำแพงอีกครั้ง เจยิ้มบางๆ ก่อนจะเร่งขยับกายและปลดปล่อยออกมาอีกคน



(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)



ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1


---- Cuban Aphrodisiac (ต่อ) ----




"เจ ทำอะไรน่ะ?!"

คนตัวโตร้องลั่นเมื่อเจสับกุญแจมือที่หุ้มด้วยนวมนุ่มที่เมลิน่าให้มาลงบนข้อมือของเขาปลายอีกข้างเจสับมันติดไว้กับเสาที่หัวเตียง หลังจากนัวเนียกันในห้องน้ำจนเสร็จสมอารมณ์หมายกันไปแล้ว เจจับฆาเบียร์ล้างตัวเร็วๆ ก่อนจะพากันขึ้นมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างดุดันต่อบนเตียง คืนนี้เจช่างดูร้อนแรงเหลือเกิน ใบหน้าน้อยๆ ของเจแดงก่ำด้วยแรงปรารถนา เจผลักคนตัวโตเขาลงบนเตียงและตรึงแขนเขาไว้ จากนั้นทาบกายลงตาม เจนยุทธสร้างรอยสีกุหลาบเป็นทางจากซอกคอไล่เรื่อยลงไปตามตัว ฆาเบียร์ผวากายด้วยความเสียวปนตื่นเต้น สัมผัสหนักหน่วงของเจในคืนนี้ทำให้เขาแทบขาดใจ

ฆาเบียร์ครางออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อเจดูดดึงเม็ดสีน้ำตาลอ่อนที่ชูชันบนยอดอกของเขา มือของเจโลมไล้ปลุกเร้าแก่นกายของเขาจนขยายเต็มที่ ฆาเบียร์คาดเดาไม่ออกเลยว่าเจจะทำอะไรต่อไป

“เจ ปล่อยฉันเถอะ ฉันจะคลั่งตายอยู่แล้ว”

ฆาเบียร์เว้าวอนขอความเห็นใจจากร่างเพรียวตรงหน้า เจนยุทธช่างยั่วเขาเหลือเกิน เขามองร่างที่นั่งกึ่งนอนบิดเร่าๆ ด้วยความเสียวซ่านอยู่เบื้องหน้า เจชะโลมเจลลงบนนิ้วของตัวเองและชำแรกมันเข้ายังช่องทางสีชมพูของตัวเอง เขาค่อยๆ ขยับนิ้วเข้าออก หมุนควาน ใบหน้าของเจเหยเกด้วยความเสียว เสียงครางแผ่วๆ จากปากที่เผยออกน้อยๆ ตาที่หรี่ปรือ แก้มที่แดงระเรื่อ ทั้งหมดนี้ทำให้ฆาเบียร์ร้อนไปหมดทั้งตัว เขาหอบหายใจแรง ภาพที่เห็นทำให้เขาตื่นเต้นอย่างสุดแสน ฆาบี้ขบกรามแน่น แก่นกายของเขาเขม็งเกร็งจนแทบระเบิดอยู่แล้ว

“ช่วยผมหน่อยสิ ฆาบี้”

เจขยับกายขึ้นคุกเข่าคร่อมอกของฆาเบียร์ เมียตัวโตของเขาเปิดปากรออย่างรู้งาน เจหลับตาพริ้มและดันสะโพกตามจังหวะขยับของคนรัก ไม่นานเจก็ครางลั่นและปลดปล่อยเต็มโพรงปากของคนรัก ฆาเบียร์กลืนกินทุกหยดหยาดของเจ เจนยุทธทรุดตัวลงนั่งบนตักของคนรักอย่างหมดแรง เขาหน้าแดงวูบเมื่อสัมผัสกับความใหญ่โตของฆาเบียร์ที่แข็งเกร็งดันบั้นท้ายของเขา



“จะปล่อยฉันค้างแบบนี้จริงๆ เหรอเจ?”

“…ให้ฉันได้กอดนายเถอะนะ”

ฆาเบียร์ดึงมือข้างที่ถูกตรึงไว้อย่างขัดใจ เจนยุทธยิ้มหวานจ๋อยให้คนรักและปลดกุญแจมือที่ติดกับเสาเตียง แต่ฆาบี้สะดุดใจกับแววตาเจ้าเล่ห์ที่เขาเห็นแว่บหนึ่งในดวงตากลมโตที่ฉ่ำเยิ้มคู่นั้น เขากำลังจะดันตัวคนรักลงกับเตียงตอนที่เจใช้กุญแจมือข้างที่ว่างสับแป๊กเข้าที่ข้อมืออีกข้างของเขา

"เจนยุทธ!"

ฆาเบียร์คำรามอย่างขัดใจ แต่อีกใจเขาก็ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว ฆาเบียร์แกล้งทำเป็นฮึดฮัดแต่คนรักของเขาก็เหมือนจะรู้ทัน และได้แต่หัวเราะร่วน ฆาเบียร์ทำหน้ามุ่ย เขาลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแล้วชูมือที่ถูกตรึงติดกันให้เจดูด้วยทีท่าไม่สบอารมณ์ เจ้าตัวเล็กของเขามุดตัวเข้ามาในวงแขนของเขาและนั่งคร่อมลงไปบนตักแล้วหัวเราะเบาๆ ใช่สิ เขาทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจ แต่บางส่วนของเขามันซื่อตรงต่อใจตัวเองและชูคอเด่นชัดจนหลอกเจไม่ได้ เจทำส่งสายตาหวานฉ่ำให้คนรักพร้อมถูไถก้อนเนื้อหนั่นแน่นของเขาไปกับส่วนสงวนของคนรัก

"ห้ามใช้มือนะ ฆาบี้..."

เจกระซิบแผ่วๆ ที่หูคนตัวโต

"...คืนนี้ผมจะบริการคุณเอง"

ฆาเบียร์สูดปากเบาๆ เจใช้มือประคองส่วนแข็งเกร็งของเขาให้แนบไปกับรอยแยกของก้อนเนื้อทั้งสองที่ยังฉ่ำเยิ้มด้วยเจล เขารูดสะโพกขึ้นลงตามแนวยาวของแท่งลำจนมันถูกเจลเคลือบจนมันปลาบ เจบีบเจลใส่มือเพิ่มอีกและส่งมันเข้าสู่ช่องทางคับแคบของตัวเอง ฆาเบียร์หรี่ตาดูลิ้นสีชมพูของเจที่เลียริมฝีปากอย่างลืมตัวเมื่อนิ้วเรียวของตัวเองแทรกผ่านปากทางอันคับแน่น เขาพยายามจูบริมฝีปากสวยๆ นั้น แต่เจขยับตัวมุดหนีออกไปนอกวงแขนของเขาพร้อมกับหัวเราะอย่างยั่วเย้า



"ใจร้ายนักนะ เจ!"

"เดี๋ยวสิครับ คนดี อย่าพึ่งใจร้อน รอนิดนึงนะ อ๊ะ..."

เจครางออกมาเบาๆ เมื่อนิ้วของตนกระทบกับจุดอ่อนไหว เขาเองก็แทบทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เจค่อยๆ จับแท่งลำที่ร้อนแทบระเบิดของฆาเบียร์จ่อเข้าปากทางสีชมพูของตัวเอง แล้วค่อยดันตัวลงครอบ เขาสูดปากเบาๆ พร้อมบ่นอุบอิบเป็นภาษาไทย ฆาเบียร์ยิ้มกริ่มก่อนที่จะยกสะโพกกระแทกหนักๆ ขึ้น เจร้องลั่นและซบร่างลงกับแผงอกกว้างของคนรัก เขาจุกแน่นในท้องไปหมดแล้ว

"ไหวไหม คนดี? ปล่อยมือฉันเถอะ เดี๋ยวฉันทำเอง"

เจส่ายหน้าและจับบ่าของฆาเบียร์เพื่อทรงตัว เขาค่อยๆ ขยับตัวช้าๆ เขาใช้เจลมากพอสมควรทำให้อะไรๆ ลื่นไหลได้ด้วยดี เจนยุทธค่อยๆ ขยับเปลี่ยนท่าจากที่นั่งคุกเข่าคร่อมไปเป็นนั่งยองๆ แล้วดันตัวฆาเบียร์ให้นอนลง ฆาเบียร์ยิ้มกริ่มรอดูคนตัวเล็กที่ทำตัวเป็นคาวบอยขับขี่เขา ท่านี้ทำให้เขาได้เห็นกิจกรรมที่กำลังเกิดขึ้นชัดเจนดีจริงๆ เจขยับตัวขย่มเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนแรกเจเม้มปากแน่นเพราะความคับตึง แต่เมื่ออะไรเริ่มลื่นไหลและเขาหาจุดของตัวเองได้แล้ว เขาก็ส่งเสียงครางอย่างสุดกลั้นออกมา มือของเขาป่ายเปะปะอยู่ที่อกแน่นตึงของฆาเบียร์ ฆาเบียร์ขบกรามแน่น จังหวะของเจช่างเร่งเร้าเขาเหลือเกิน



"เจ ช้าๆ หน่อย อ๊ะ โอย เจ เดี๋ยวฉันก็เสร็จก่อนหรอก"

ฆาเบียร์ร้องลั่น ภายในของเจช่างร้อนและบีบรัดจนเขาอดไม่ได้ต้องกระแทกสะโพกสวนไปหนักๆ จนคนตัวเล็กสะดุ้ง เจครางลั่นอย่างลืมตัวเมื่อส่วนสงวนของฆาเบียร์กระทบจุดเสียวเขาอย่างจัง เขาอดไม่ได้ต้องโน้มกายไปจูบริมฝีปากคนตัวโตของเขาอย่างหนักหน่วง ฆาเบียร์ดูดดึงริมฝีปากของเจนยุทธ มือที่ถูกตรึงติดกันของเขาลูบไล้แท่งลำของคนรัก เจเองก็เพลินจนลืมไปว่าตัวเองห้ามอีกฝ่ายใช้มือ

"ฆาบี้ ผม...ผมจะไม่ไหวแล้ว"

เจครางลั่น ข้างในของเขามันสั่นระริกไปหมดแล้ว ฆาเบียร์เองก็เสียวจนแทบทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน เขายกแขนขึ้นข้ามหัวคนตัวเล็กจนเจอยู่ในอ้อมอกของเขาและดันตัวขึ้นนั่ง เจเปลี่ยนเป็นนั่งชันเข่าบนตักของคนรักและผ่อนจังหวะลงจนเนิบนาบแต่หนักหน่วง แขนของพวกเขาโอบรัดร่างคนรักไว้แน่นจนลำตัวแนบชิดกัน ริมฝีปากของทั้งคู่ตรึงติดกันแน่น ความร้อนแรงด้วยแรงราคะเมื่อสักครู่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นการแลกเปลี่ยนความรักอันอ่อนโยนแก่กัน

ฆาเบียร์ขยับเปลี่ยนจากนั่งขัดสมาธิเป็นคุกเข่า มือที่ถูกตรึงติดกันของเขาเปลี่ยนมาโอบสะโพกของเจ เจนยุทธนั้นเสียวเกินกว่าที่จะทำเองแล้วและปล่อยให้คนตัวโตทำตามใจ ฆาเบียร์ยกร่างเจขึ้นน้อยๆ ริมฝีปากของเขาเลาะเล็มเม็ดทับทิมสีแดงก่ำบนอกของคนรัก เจสะท้านเฮือกด้วยความเสียวซ่าน ฆาเบียร์เปลี่ยนไปซุกไซร้ซอกคอและจูบพรมไปทั่วใบหน้าคนรักพร้อมๆ กับขยับสะโพกส่งแก่นกายตัวเองเข้าช่องทางที่ฉ่ำเยิ้มของเจ เจนยุทธเกาะบ่าของฆาบี้ไว้แน่นเพื่อทรงตัว เขาบดสะโพกลงหนักๆ เพื่อรับการกระแทกกระทั้นของคนตัวโต เสียงครางแสนหวานของเจกระตุ้นเร้าฆาเบียร์ให้เร่งจังหวะ เขาคำรามลั่นออกมาพร้อมๆ กับเสียงร้องยาวของเจ ที่ตัวอ่อนระทวยซบลงกับบ่าของเขา



"ออกมาเยอะเลยนะ เจ"

ฆาเบียร์จูบหนักๆ ที่แก้มของเจนยุทธที่ยังหอบหายใจหนักๆ เขารู้สึกดีจนพูดไม่ออกแล้ว

"ไหนทำเก่งบอกว่าจะจัดการฉันเองไงล่ะ เจ"

ฆาเบียร์พูดยิ้มๆ สุดท้ายเขาก็ต้องเป็นคนจัดการเจเสียเอง เจหน้าแดง ก็เขาเสียวจนแข้งขาหมดแรงไปหมดจนขยับต่อไม่ไหว

"แล้วคุณไม่รู้สึกดีเหรอ ฆาบี้"

เจตีหน้าเศร้า ฆาเบียร์จูบหน้าผากคนตัวเล็กของเขา

"ดีสิ เจ ดีมากๆ เลย คราวหน้าเจจะทำให้ฉันแบบนี้อีกก็ได้นะ"

ฆาเบียร์ตอบตามจริง แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะเขาจะได้ไม่เผลอทำรุนแรงเกินไป เจมุดตัวออกจากวงแขนของฆาเบียร์แล้วดันตัวลุกจากตักของคนรัก เขาซี้ดปากเบาๆ เมื่อแก่นกายที่อ่อนตัวลงแต่ก็ยังแน่นอยู่ในช่องทางแคบเล็กของเขาค่อยๆ เลื่อนหลุดออก น้ำขุ่นข้นของฆาเบียร์ไหลออกมาตามขาของเขา เจปลดล็อคกุญแจมือนวมที่ข้อมือของฆาเบียร์แล้วก็ต้องร้องลั่น เมื่อมือเป็นอิสระ ฆาเบียร์โถมกายทับร่างเพรียวของคนรักและตรึงไว้กับเตียง เขาสัมผัสไปทั่วอย่างย่ามใจก่อนที่จะซุกหน้าลงกับช่องทางสีแดงก่ำของเจ เขาดูดกลืนน้ำรักที่ยังหลงเหลือในช่องทางนั้น เจครางลั่นเมื่อลิ้นของฆาเบียร์ล่วงล้ำเข้าไปในช่องทางที่ยังสั่นระริกของเขา

"ฆาเบียร์..."

เจเสียงสั่นเมื่อฆาบี้หยิบถุงยางจากถุงข้างเตียงมาใส่เข้ากับแท่งลำพองตัวขึ้นอีกครั้ง

"ไม่ต้องกลัวนะ เจ"

ฆาเบียร์ยิ้มละไม เจจ้องตาพริบพรายของคนตัวโตแล้วก็ต้องยอมสยบให้ ฆาเบียร์เลียริมฝีปากเบาๆ ด้วยท่วงท่าของพญาเสือที่เตรียมตะปบเหยื่ออันโอชะ ก่อนที่จะทาบกายลงรับความหวานจากกายของคนรัก



"เรานี่เหลือเกินจริงๆ นะ เจ"

ฆาเบียร์บ่นคนรักที่นอนซบอกเปลือยของเขา เจที่ทำตาปรือเหมือนจะหลับลืมตาขึ้นแล้วทำตาแป๋วมองหน้าคนรัก

"ไปหื่นจากไหนมานะ คืนนี้ กอดฉันไปแล้วยังไม่พอยังจะมาให้ฉันกอดต่ออีก หืมม์?"

เจนยุทธหน้าแดงก่ำ คืนนี้อารมณ์เขาร้อนแรงจริงๆ

"ไม่รู้อ่ะ ก็มันอยากทำนี่"

คนตัวเล็กตอบส่งๆ แล้วซุกหน้าลงกับอกฆาเบียร์ด้วยความเขินอาย

"เพราะซิการ์แน่ๆ เลย ใช่ไหม เจ? ฉันสังเกตหลายรอบแล้ว เจสูบซิการ์ทีไร ฉันต้องเหนื่อยทุกที"

ฆาเบียร์ทำหน้าเคร่งขรึม

"คราวหน้าฉันห้ามเจสูบซิการ์โดยที่ไม่มีฉันอยู่ด้วยนะ"

"ไม่ใช่ซักหน่อย เมื่อก่อนตอนผมสูบกับพี่นพสองคน ผมก็ไม่ได้ไปปล้ำพี่เขาแบบนี้นิ"

เจนยุทธบ่นอุบอิบ เขาก็รู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองมีอารมณ์เป็นพิเศษเมื่อสูบซิการ์กับฆาเบียร์



"ผมว่า มันคงทำให้ผมนึกถึงวันแรกที่เจอคุณมั้ง"

เจหน้าแดง เขาหัวเราะเมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองแกล้งทำเป็นสูบซิการ์ไม่เป็น ในคืนนั้นตอนที่เขากกกอดฆาเบียร์เป็นครั้งแรก เขาจำได้ว่ากลิ่นกายของฆาเบียร์ผสานกับกลิ่นล้ำลึกของซิการ์ชั้นดีทำให้เขาร้อนรุ่ม ในคืนนั้นในหัวเขาไม่ได้มีเพียงความคิดอยากสั่งสอนฆาเบียร์เพื่อแก้แค้นให้นพเท่านั้น หากมันยังถูกผลักดันด้วยความปรารถนาที่ก่อตัวขึ้นมาในใจอีกด้วย ไม่ว่าจะด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือใบยาสูบก็ตาม มันทำให้เจอยากกกกอดร่างกำยำของผู้ชายที่ทอดกายยั่วยวนอยู่ตรงหน้าขึ้นมา

ฆาเบียร์เองก็หน้าร้อนวูบเมื่อคิดถึงคืนนั้น เขากอดรัดร่างเพรียวในอกไว้แน่นและอดไม่ได้ต้องจูบหนักๆ ที่แก้มของคนใจร้ายในวันนั้น



"นายนี่มันเจ้าเล่ห์นัก เจนยุทธ!"

เจทำหน้าจ๋อย

"ผมรู้ว่าผมทำผิดต่อคุณ ฆาเบียร์ และผมขอโทษจริงๆ ผมไม่ควรทำแบบนั้นเลย"

เจทำตาแดงๆ เขาแอบคิดโทษตัวเองเมื่อเห็นน้ำตาของฆาเบียร์ในตอนนั้น แต่หลายๆ อย่างทำให้เขาหยุดไม่อยู่ และเขายิ่งเสียใจเมื่อเขามีประสบการณ์ครั้งแรกกับฆาเบียร์ที่สมุย ในตอนนั้นถึงฆาเบียร์จะนุ่มนวลกับเขามาก แต่มันก็เจ็บจนบรรยายออกมาไม่ได้ แล้วในตอนที่ฆาเบียร์ถูกเขาขืนใจมันจะเจ็บขนาดไหนกัน ยิ่งคิดเจยิ่งเสียใจจนต้องหลั่งน้ำตาออกมา

ฆาเบียร์ใจหายเมื่อเห็นน้ำตาหยดน้อยๆ ของคนรัก



"เจ โธ่ เจ ไม่ต้องร้องไห้นะ"

เขากอดปลอบเจนยุทธและลูบหลังเบาๆ เขาถอนหายใจออกมาหนักๆ จริงอยู่ว่าในตอนนั้นเขานึกเคืองเจ แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกผิดในใจมานานเกือบยี่สิบปีในเรื่องที่ตัวเองพรากเอาครั้งแรกของนพมาโดยไม่รู้ตัว และเมื่อรู้ว่าเจทำเพื่อนพ เขาก็รู้สึกปลงและคิดไปว่ามันเป็นเหมือนการไถ่โทษในสิ่งที่เขาทำไป

"ใช่ เจ การขืนใจมันเป็นสิ่งที่ให้อภัยกันไม่ได้ และฉันก็หวังว่าทั้งฉันและเจจะไม่ไปทำแบบนี้กับใครคนอื่นอีก"

ฆาเบียร์ดันร่างของคนรักให้มาเผชิญหน้ากับเขา เจร้องไห้จนน้ำตาเปรอะไปทั้งหน้าแล้ว

"...ฉะนั้นสัญญาสิ เจ สัญญาว่าเจจะไถ่โทษด้วยการรักฉันและอยู่กับฉันไปทั้งชีวิต"

เจนยุทธสัญญาลั่น เขากอดคนรักตัวโตของเขาแน่น ฆาเบียร์จูบซับน้ำตาบนใบหน้าของเจ เขาลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อนึกถึงวันนั้น ความรู้สึกในตอนแรกที่ถูกล่วงละเมิดนั้นช่างเลวร้ายนัก แม้เขาจะเมาและจำอะไรไม่ได้มาก และต่อให้เจทำอย่างนุ่มนวลในภายหลัง มันก็ยังหลงเหลือความรู้สึกเจ็บปวดในใจว่าถูกคนที่ไว้ใจหักหลัง แต่ที่เขาปลงได้ก็เพราะตัวเองก็เคยทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นไว้เหมือนกันและคิดว่ามันเป็นเหมือนกรรมตามสนอง



ฆาเบียร์ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะหลงรักคนที่ทำแบบนี้กับตนได้ในที่สุด แต่ความรักของเขาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขาเสียตัวให้เจ ไอ้ความคิดน้ำเน่าประเภทปล้ำไปก่อนเดี๋ยวรักเองนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง ความรักของเขาที่มีต่อเจนยุทธเกิดมาจากธาตุแท้ของเจที่เขาได้รู้เห็นภายหลังจากที่ได้ใช้เวลาด้วยกัน เกิดจากความผูกพันและความนับถือในน้ำใจของคนตัวเล็กใจใหญ่คนนี้

"โชคดีจริงๆ ที่เป็นนาย เจนยุทธ"

ฆาเบียร์จูบหน้าผากของเจที่หลับทั้งน้ำตาบนอกของเขา เขาจูบซับน้ำตาของคนรักจนแห้ง และจุมพิตเบาๆ ที่ปาก คนที่เขานึกว่าหลับแล้วก็จูบตอบแผ่วๆ

"Lo siento, mi amor..."

'ผมขอโทษนะ ที่รัก...'

ฆาเบียร์จูบซ้ำเพื่อหยุดคำพูดนั้น

"เลิกโทษตัวเองแล้วนอนเถอะ คนดีของฉัน พรุ่งนี้เราต้องตื่นเร็ว พักผ่อนเถอะ"

เจพยักหน้าทั้งที่หลับตาและจุ๊บเบาๆ ที่ปลายคางของเมียตัวโตของเขา ก่อนจะพลิกกายกอดก่ายร่างอุ่นๆ นั้นและผลอยหลับไป ฆาเบียร์ปิดไฟและนอนครุ่นคิดอะไรอีกพักใหญ่ก่อนจะหลับไปเช่นกัน



------------------------------------------------


ไม่ได้เขียนฉากประมาณนี้เต็มๆ มาสักพักละ ชักหมดมุก แหะๆๆ

ออกตัวก่อนว่าที่เขียนถึงเหล้าบ้าง ซิการ์บ้างนี่ เป็นการเขียนเพื่อให้รายละเอียดแก่ตัวละครเท่านั้นนะคะ ไม่ได้ต้องการนำเสนอว่ามันเป็นสิ่งดีหรือควรทำตามเน่อ และขอเน้นย้ำว่าซิการ์นั้นมีฤทธิ์ร้ายแรงและเป็นผลเสียต่อสุขภาพเทียบเท่าหรืออาจจะมากกว่าบุหรี่เพราะมันอาจทำให้เกิดมะเร็งที่ลำคอและช่องปากได้ด้วย และที่สำคัญมันส่งผลร้ายแรงต่อกระเป๋าสตางค์ด้วยนะคะ ดังนั้นจึงไม่ขอลงลิงค์รายละเอียดของซิการ์ทั้งตัว Behike limited edition และ 50th Anniversary นะคะ




ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- วันก่อนจาก ----




"ถึงฮ่องกงแล้วอาปาส่งข้อความมาบอกผมด้วยนะครับ"

เจกอดคริสแน่น คริสที่ตาแดงๆ เช่นกันก็ตบหลังของลูกชายคนใหม่ของเขาเบาๆ

"ได้สิ เจ จะให้โทรมาบอกเลยก็ได้นะ"

คริสพูดยิ้มๆ เจยิ้มกว้างให้พ่อบุญธรรมของคนรักก่อนที่จะขยับให้ฆาเบียร์มากอดอำลาคริส

"เดี๋ยวเจอกันที่ฮ่องกงพรุ่งนี้ครับ อาปากลับสหรัฐฯ วันที่ 5 ใช่ไหมครับ?"

คริสตอบรับ เขาหันไปบอกเจว่าช่วงนี้เขาชีพจรลงเท้าพอสมควร แต่ฆาเบียร์เองก็คงพอๆ กันกลับจากไทย เขาต้องไปทั้งเกาหลี สิงคโปร์และออสเตรเลีย ก่อนที่จะกลับมาฮ่องกงอีกทีเพื่อร่วมงานแต่งงานตอนปลายเดือน

"ถ้าคุณไม่ว่าง คุณไม่ต้องโทรหรือติดต่อมาหาผมก็ได้นะ ฆาเบียร์ เอาเวลาไปพักผ่อนเถอะ"

เจพูดกับคนรักด้วยความเกรงใจ เขาเพิ่งรู้ว่าช่วงนี้งานของฆาเบียร์หนักปานนี้

"เจก็มาช่วยงานฆาบี้สิ จะได้แบ่งเบาภาระ"

คริสพูด ฆาเบียร์อมยิ้ม ที่จริงงานของเขาที่ยุ่งในตอนนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับบล็อกแล้ว หากเป็นเรื่องการพบปะลูกค้า เอเยนต์ หรือเดินสายดูตลาดและสำนักงานสาขาย่อยที่เริ่มก่อตั้งในที่ต่างๆ มากกว่า แต่เขาก็ไม่ได้ขัดคริส ส่วนคนตัวเล็กของเขาก็มีทีท่าคล้อยตาม

"ผม...เอ่อ"

เจถอนหายใจ แล้วหันไปบอกเมลิน่า

"งั้น เดี๋ยวถ้าเมลิน่ากลับฮ่องกงแล้ว ส่งตัวอย่างงานที่ผมต้องทำมาให้ผมดูด้วยนะ แล้วก็ขอขอบเขตและลักษณะของงานที่ผมต้องทำด้วยนะ จะให้เน้นเขียน ลงรูป หรือลงวีดีโอหรือว่าต้อง live ไหม อะไรพวกนี้"

ฆาเบียร์ยิ้มกริ่ม บทเจจะจริงจังกับอะไร เขาก็ทำได้

"แล้วฆาบี้..."

เจหันไปหาคนรักของเขา

"...ผมขอทำฟรีก่อนนะ ช่วงเดือนแรกๆ ผมยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้ถึงมาตรฐานของคุณ ถือเป็นขั้นทดลองงานก่อน"

ฆาเบียร์และคริสปฏิเสธลั่น ฆาเบียร์บอกว่าการที่เจมาทำงานให้เขา ก็เป็นการเบียดบังเวลาทำงานแปลของเจ

"งั้นเรื่องนี้คุณกับผมค่อยคุยกันทีหลังนะ ฆาเบียร์ นี่ก็สิบโมงแล้ว ให้อาปาเข้าเกทเถอะ"

เจนยุทธตัดบท เขายกมือไหว้คริสและกอดลาริคกี้และเมลิน่า

"เจอกันที่ฮ่องกงตอนปลายเดือนนะครับ ทุกคน เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ"

เจและฆาเบียร์โบกมือให้คนทั้งสามที่ขึ้นบันไดเลื่อนไปสู่ส่วนตรวจพาสปอร์ตต่อไป



"เดี๋ยวปลายเดือนก็เจออาปาใหม่แล้วน่า เจ"

ฆาเบียร์ลูบหัวคนรักที่นั่งจ๋อยอยู่บนที่นั่งคนขับ เจถอนหายใจ

"ไม่ใช่เรื่องอาปาหรอก ฆาเบียร์ แต่เรื่องพรุ่งนี้อ่ะ"

เจนยุทธช้อนตาที่มีน้ำตาปริ่มๆ มองคนตัวโตของเขา รอบนี้ฆาเบียร์กับเขาอยู่ด้วยกันหลายวัน ต่อให้ไม่นานเท่าช่วงไปสมุยต่อกับ Thanksgiving แต่ก็มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากเหลือเกิน พวกเขารู้สึกเหมือนได้รู้จักกันลึกซึ้งขึ้นทุกวันๆ และมันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกที่มีให้กัน ฆาเบียร์โอบร่างคนรักไว้กระชับอก เขาเองก็ไม่อยากจากเจไปเลย ทั้งคู่โอบกอดกันอย่างเงียบงันอยู่ในรถพักใหญ่ก่อนที่เจนยุทธจะดันร่างคนตัวโตออก เขาปาดน้ำตาและระบายลมหายใจออกจากปากเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างให้คนรัก เขาไม่ควรทำให้ฆาเบียร์เป็นห่วงไปมากกว่านี้

"ผมไม่เป็นไรแล้ว ฆาบี้ เดี๋ยวพองานสุมๆ หัว เวลามันก็ผ่านไปเร็วเองแหละ"

เจหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่าพองานเยอะๆ เวลาของเขาก็เหมือนผ่านไปเร็ว ปั่นงานเมื่อไหร่ก็เหมือนจะไม่ทันเด้ดไลน์สักที

"แป๊บๆ ก็ปลายเดือนได้เจอกันละ ใช่มะ? ฉะนั้น เรามาใช้เวลาที่เหลือด้วยกันให้คุ้มค่าดีกว่า เรามาออกแรงกันอีกหน่อยนะครับ คนดี"

เจนยุทธส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้คนตัวโตของเขา สายตาแบบที่ทำให้ฆาเบียร์ร้อนไปทั้งตัว

"ช่วงกลางวันนี้ เราจะไม่ออกห้องไปไหนแล้วนะ ฆาเบียร์"

เจพูดทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตูลงรถ ฆาเบียร์รีบลงรถตาม เขาอยากรู้เต็มแก่แล้วว่าคนตัวเล็กเตรียมจะทำอะไรเขาอีก พวกเขาขนข้าวของลงรถและขึ้นลิฟท์กลับไปยังห้องที่เป็นเหมือนบ้านของพวกเขา



"ใจร้ายมากนะ เจนยุทธ!"

ฆาเบียร์บ่นลั่นระเบียง เจใช้แรงงานเขาคุ้มค่าจริงๆ วันนี้เจให้เขาช่วยซักผ้าห่มและผ้าปูที่นอนที่หมกๆ ไว้หลายผืน ตอนนี้พวกเขากำลังเอามันออกมาตากที่ระเบียงขนาดใหญ่นอกห้องนอน

"น่า คุณจะปล่อยให้ผมส่งผ้าพวกนี้ซักจริงๆ เหรอ? อายเค้าตายเลย"

ฆาเบียร์หน้าแดงซ่าน ผ้าปูที่นอนของพวกเขาเต็มไปด้วยคราบกิจกรรมที่พวกเขาทำกันอย่างไม่บันยะบันยังตลอดเวลาเกือบสิบวันที่ฆาเบียร์อยู่ที่เชียงใหม่ เขาอ้อมแอ้มบอกเจว่างั้นซักเองนั่นแหละ ดีแล้ว

"ใช่มะ? เสื้อผ้าคุณผมจะจัดการส่งซักให้เอง เพราะไงๆ เสื้อผ้าพวกนี้คุณก็ไม่หอบกลับไปด้วยอยู่แล้ว แต่ไอ้ผ้าพวกนี้ต้องช่วยกันนะ คุณฆาเบียร์"

เจบอกฆาเบียร์ว่าสูทที่ฆาเบียร์ใส่มาทิ้งไว้เมื่อรอบที่แล้วเขาจัดการส่งซักแห้งให้เรียบร้อยแล้ว เขาสามารถใส่กลับไปได้เลย

"แต่คราวหน้า ถ้ากลับเชียงใหม่ก็ใส่สูทถูกหน่อยกลับมานะ ผมไม่ไว้ใจร้านซักแห้งแถวนี้นัก"

สูทตัวที่แล้วที่ฆาเบียร์ทิ้งไว้ที่เชียงใหม่คือสูทสั่งตัดแพงระยับของ Tom Ford เขาทิ้งชุดนี้ไว้ตั้งแต่ตอนกลับมาจากสมุย

"งั้นวันหลังถ้าฉันใส่พวกสูท bespoke แบรนด์ดังกลับมา ฉันจะหิ้วกลับไปซักที่ฮ่องกงก็ได้ เจจะได้ไม่ต้องลำบากใจ"

เจพยักหน้า สูทเรือนแสนพวกนี้ เขาไม่ไว้ใจให้ร้านแถวเชียงใหม่ซักจริงๆ ถ้าเป็นชุดทำงานธรรมดาๆ ห้าหลักเขายังพอจะโอเค



"แต่จริงๆ เจไม่ต้องห่วงมากก็ได้นะ พอฉันมาอยู่ฮ่องกง ฉันก็ไม่ค่อยได้ใช้พวกสูทสั่งตัดจากแบรนด์หรูเท่าไหร่แล้ว ไปสั่งที่ Sam's ถูกกว่าเยอะ คุณภาพดีอีกด้วย"

ฆาเบียร์เล่าว่าเพื่อนๆ หรือคนรู้จักของเขาบางคนที่ล้วนเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่งจะบินมาแถบเอเชียปีละครั้งสองครั้งเพื่อวัดตัวตัดสูท หรือที่เรียกว่า bespoke ไม่ว่าจะที่ไทยหรือที่ฮ่องกงอย่างร้านแซมส์ ร้านเหล่านี้ฝีมือดีไม่แพ้สูทยี่ห้อดังและสามารถเลือกผ้าและแบบได้ตามใจชอบด้วยสนนราคาที่ถูกกว่าสูทยี่ห้อหลายเท่า พวกนั้นมักกลับไปด้วยสูทอย่างดีเต็มกระเป๋าเดินทาง สนนราคาค่าตั๋วเครื่องบินบวกค่ากินอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์และค่าสูททั้งกระเป๋ายังถูกกว่าสูทสั่งตัดจากแบรนด์ดังไม่กี่ชุดด้วยซ้ำ

“ถ้าพวกของยี่ห้อ ฉันจะใส่เวลาออกงานที่ต้องโชว์หรูหน่อยแค่นั้นเอง...”

บางงานที่คนดูกันที่เสื้อผ้าและการแต่งตัวที่หรูหราอย่างพวกงานพรมแดงเขาถึงจะใส่เสื้อผ้าที่สั่งตัดจากแบรนด์หรู ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบที่ดูปุ๊บรู้ปั๊บว่าสูทยี่ห้อนั้นนี้ แต่ถ้าใส่ทำงาน หรือไปงานทั่วไป เขาก็สะดวกใจที่จะใส่สูทสั่งตัดจากร้านแซมส์มากกว่า แต่อย่างตอนงานสำคัญอย่างงานเปิดตัวสำนักงานที่ฮ่องกงเขาจำเป็นต้องใช้บริการร้าน Sam's เพราะป่วยและน้ำหนักลดไปมากจนใส่สูทของ Ermenegildo Zegna ที่เตรียมไว้ไม่ได้



"เห้อ เสร็จซะที"

เจนยุทธปาดเหงื่อและลงนั่งบนโซฟาพร้อมเปิดทีวีดู ฆาเบียร์ที่เหงื่อโทรมกายเช่นกันทรุดตัวลงนอนหนุนตักคนรักของเขา เจก้มลงจุ๊บริมฝีปากของฆาเบียร์เบาๆ เขาลูบผมสีน้ำตาลเข้มที่หยักศกน้อยๆ อย่างรักใคร่

"ไม่หิวเหรอ เจ?"

ฆาเบียร์ถามอย่างสงสัย นี่เวลาล่วงเลยเข้าไปบ่ายแก่ๆ แล้ว ครั้งสุดท้ายที่กินอะไรคือมื้อเช้าที่วิลล่าของคริส ตัวเขานั้นทนได้หรอก แต่ตัวเจเองไม่น่าจะทนหิวข้าวได้นานขนาดนี้

"หิวสิ หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว"

เจสารภาพเสียงอ่อย เขากินขนมเข้าไปหน่อยแต่ท้องน้อยๆ ของเขาก็ยังร้องร่ำร้อง ฆาเบียร์ยิ้มและเอาหูแนบท้องเจ

"ลูกเจดิ้นใหญ่แล้วนะ ร้องลั่นอีกด้วย"

เขาทำท่าเหมือนพ่อที่เอาหูแนบท้องแม่เพื่อฟังเสียงลูกน้อยที่ยังไม่เกิด ท้องของเจร้องโครกครากจนสั่นสะเทือนไปหมด เจหน้าแดงก่ำแล้วผลักหัวคนรักตกจากตัก

"ทำเป็นเล่นไป ฆาบี้ อยากมีนักเหรอ ลูกน่ะ เสียใจด้วยนะ ผมคงมีให้คุณไม่ได้"

ฆาเบียร์เบ้ปากและส่ายหัว เขาก็เล่นๆ ไปแบบนั้น แต่ถ้าจะให้มีลูกหรือเลี้ยงเด็กขึ้นมาจริงๆ ก็คงไม่ไหว เขานึกภาพตัวเองเล่นกับเด็กไม่ออกเลยสักนิด

"ไม่ไหวล่ะ เจ ฉันขอเลี้ยงหมาดีกว่า"

เจนยุทธหัวเราะเบาๆ เขากับฆาเบียร์มันคนพันธุ์เดียวกัน คนหนึ่งเป็นลูกคนเดียวส่วนอีกคนเป็นลูกคนเล็กที่มีพี่อายุห่างกันมาก พวกเขาทั้งคู่โตมาโดยไม่มีเด็กคนอื่นอยู่ใกล้ๆ และทนไม่ได้เวลาได้ยินเสียงเด็กร้องไห้หรือเอะอะโวยวาย



เจลุกพรวดขึ้นจากโซฟา เขาหิวจนทนไม่ไหวแล้ว

“ป่ะ กินข้าวกันเถอะ ฆาบี้"

"เดี๋ยวสิ เจ อาบน้ำอาบท่าให้หายร้อนก่อนได้ไหม เหงื่อฉันเต็มตัวไปหมดแล้ว"

เมียตัวโตของเจอุทธรณ์ขึ้น เขายังไม่อยากกินข้าวเท่าไหร่หรอก เขาอยากกินอย่างอื่นมากกว่า กลิ่นกายของเจทำให้เขา "หิว" เหลือเกิน เจมองหน้าคนรักอย่างรู้ทัน เขาถอนหายใจแล้วลุกไปคุ้ยๆ หาของกินในตู้เย็นและได้ข้าวแช่แข็งมาสองสามอย่าง

"สปาเก็ตตี้ไหมคุณ? หรือว่าเบอเกอร์ข้าวเหนียวลาบ"

ฆาเบียร์เลือกข้าวเหนียวลาบอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนเจก็เลือกสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าของแฟรนไชส์ร้านอาหารเก่าแก่ของไทย เขาอุ่นมันในไมโครเวฟตามเวลาบนห่อแล้วถือมานั่งกินบนโซฟา

"มันร้อนนะคุณ ระวังลวกมือ"

เจเตือนให้ฆาเบียร์ระวังเบอร์เกอร์ในห่อพลาสติก เขาโดนมันลวกมือเป็นประจำ แต่เขาเหมือนจะเตือนช้าไป

"โอ๊ย"

ฆาบี้สะบัดมือเมื่อโดนไอร้อนจากในถุงพวยพุ่งใส่ เจรีบวางถาดสปาเก็ตตี้ในมือและดึงมือคนรักมาดูอย่างเป็นห่วง

"ขอผมดูหน่อย...ตายล่ะ แดงเลย"

เจขมวดคิ้วและพลิกมือฆาเบียร์ดู เขาส่งนิ้วที่โดนลวกของคนรักเข้าปากเพื่อลดความร้อนให้อย่างลืมตัว เมื่อนึกได้ เขารีบเอานิ้วฆาเบียร์ออกปากและลากคนตัวโตไปที่ซิงค์เพื่อเปิดน้ำให้ไหลผ่านนิ้วที่ถูกไอน้ำลวก



"เจ..."

"อะไรอีกล่ะ!"

เจหน้าแดงก่ำเมื่อหันไปเห็นใบหน้ายิ้มกริ่มของคนรัก

"ขอบใจนะ ที่คอยดูแลเอาใจใส่ฉัน"

ฆาเบียร์จุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากของคนรัก

"แหม เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องขอบอกขอบใจอะไรหรอก ฆาบี้ คุณเองก็ทำแบบเดียวกันให้ผม ใช่ไหมล่ะ"

"อืมม์ ใช่ Mia ทั้งคนถ้าฉันไม่ดูแลแล้วฉันจะไปดูแลใคร"

ฆาเบียร์ยิ้มๆ แล้วพูดเลียนแบบประโยคที่เจชอบพูดติดปากออกมา เจหน้าร้อนวาบ นานๆ ฆาเบียร์จะใช้คำนี้เรียกเขาที และคราวนี้คนตัวโตของเขาออกเสียงแบบที่ใกล้เคียงกับภาษาไทยมากกว่าภาษาสเปน แต่เขาจะเถียงว่าเขาไม่ใช่เมียแบบเมื่อก่อนก็พูดได้ไม่ค่อยเต็มปากแล้วเพราะหลังๆ มาเขาเองก็ปล่อยให้เมียตัวโตของเขาได้ทำหน้าที่แบบที่ตัวเองคุ้นเคยบ่อยครั้งขึ้นเช่นกัน

"หึ ทำเป็นพูดดีนะ ฆาบี้ ผมไม่ปล่อยให้คุณได้กดผมอีกแน่ๆ"

"งั้นเหรอ เจ แล้วเมื่อคืนใครกันนะที่บอกว่าจะบริการฉันเอง"

ฆาเบียร์ยิ้มกริ่ม ภาพของเจที่ตาฉ่ำเยิ้ม ริมฝีปากเผยอและครางออกมาอย่างเย้ายวนยังคงติดตาเขา แค่คิดถึงร่างเพรียวที่เด้งกายขึ้นลงบนตักเขาก็ทำให้เขาแทบทนไม่ไหวแล้ว เจหน้าแดงและซัดผัวะเข้าที่หน้าท้องอันแข็งแกร่งของคนรักจนตัวงอก่อนที่จะเดินตุปัดตุป่องไปนั่งกินสปาเก็ตตี้ของตัวเอง



"เจจ๋า..."

"ไม่ต้องมาเรียกเลย!"

เจกระชากเสียงใส่ และสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ฆาเบียร์โคลงหัว

"อย่างอนสิ..."

"...เดี๋ยวฉันแบ่งของฉันให้กินนะ"

เจหันขวับกลับมาและยิ้มหวานให้เมื่อฆาเบียร์ยื่นเบอเกอร์ข้าวเหนียวลาบของโปรดของเขามา ฆาเบียร์อมยิ้ม เขารู้ว่าที่จริงเจก็ไม่ได้เห็นแก่กินขนาดนั้นและไม่ได้งอนอะไรขนาดนั้นด้วย แต่การแกล้งงอนและแกล้งง้อกันนั้นก็เป็นสิ่งที่ช่วยเติมความหวานให้ชีวิตของพวกเขาทั้งคู่

เจงับเบอเกอร์ข้าวเหนียวลาบของร้านสะดวกซื้อยี่ห้อดังไปคำไม่ใหญ่นัก

"อ้าว พอแล้วเหรอ เจ กินอีกก็ได้นะ"

เจนยุทธส่ายหัวปฏิเสธ

"พอแล้วล่ะ เดี๋ยวคุณกินไม่พอ ผมมีนี่แล้ว..."

เจยกถาดสปาเก็ตตี้ให้ดู

"...คุณน่ะ กินไปเถอะ ไม่ต้องแบ่งผม นี่ผมว่ามาคราวนี้คุณซูบไปนะ อยู่ฮ่องกงน่ะกินบ้างหรือเปล่า อย่ามัวแต่กลัวอ้วนอะไรนัก กินอะไรบ้าง พักผ่อนให้เยอะๆ เนี่ย เมลิน่า เอ๊ย มีคนเขาแอบมาฟ้องผมนะ ว่าคุณ..."

ฆาบี้ยิ้มฟังคนตัวเล็กของเขาบ่นเรื่อยเปื่อย เจเป็นแบบนี้เขาถึงได้รักมันนักหนา ถึงจะปากร้ายบางที แสนงอนบางครั้ง แต่สุดท้ายแล้วเจก็มักคิดถึงและห่วงใยคนอื่น เขารวบร่างเพรียวเข้าไว้แนบอกและจูบปากสีชมพูระเรื่อที่กำลังบ่นเขาอยู่

"อืมม์...อย่า..."

เจพูดเสียงอู้อี้ สปาเก็ตตี้เขายังไม่หมดเลย ฆาเบียร์วางเบอเกอร์ที่ยังไม่ได้กินของเขาลงบนโต๊ะและดึงสปาเก็ตตี้ที่เกือบหมดของเจไปวางไว้เช่นกัน เขายกร่างคนรักขึ้นนั่งคร่อมบนตักของเขา เจโอบรอบคอคนรักไว้และตอบสนองต่อจุมพิตแสนหวานของฆาเบียร์ มารอบนี้พวกเขาจูบกันนับครั้งไม่ถ้วน แต่มันไม่ทำให้เจเบื่อเลยสักนิด ริมฝีปากและลิ้นของฆาเบียร์เป็นเหมือนสิ่งเสพติดที่ทำให้เขาหลงระเริงไปกับรสจูบอันช่ำชองของหนุ่มละตินร่างใหญ่คนนี้



"ฆาเบียร์ ไม่เอา เดี๋ยวก่อน"

เจประท้วงขึ้นเมื่อฆาเบียร์ทำท่าจะเลิกเสื้อยืดของเขาขึ้น

"ทำไมล่ะ เจ"

"ตัวผมเหม็นเหงื่อ ไปอาบน้ำกันก่อนเถอะ"

"ไม่เห็นเหม็นเลย เจ ฉันว่ากลิ่นมันเซ็กซี่ดีออก"

ฆาเบียร์พูดพลางใช้ริมฝีปากขบดุนตุ่มไตที่นูนดันเสื้อยืดเนื้อบางของเจจนเห็นชัด มือของเขาข้างหนึ่งมุดเข้าไปใต้เสื้อและขยี้ตุ่มไตอีกข้าง เจหอบหายใจเบาๆ ฆาเบียร์ทำแบบนี้บ่อยๆ จนตุ่มไตทั้งสองข้างของเขาไวสัมผัสขึ้นมาก บางทีแค่เขาเอามือไปลูบโดนเบาๆ มันก็เกิดชูชันขึ้นมาให้ได้อาย เขาครางเบาๆ เมื่อฆาเบียร์ใช้ลิ้นตวัดเลียเม็ดทับทิมรัวๆ แถมยังดูดมันหนักๆ มือของเขาก็ทั้งดึงทั้งเขี่ยตุ่มไตอีกข้าง เขารู้สึกได้ว่าที่ใต้กางเกงของเขานั้นเริ่มฉ่ำเยิ้มแล้ว โดยไม่รู้ตัว เจยื่นมือไปปลดซิปกางเกงของตัวเองและของฆาเบียร์ออก

"เจ...ซนจริงนะเรา"

ฆาเบียร์ละปากจากยอดอกของคนรัก เขาก้มลงดูมือน้อยๆ ที่กำลังทำงานของมันอยู่ เจหาทางเอาส่วนสงวนของพวกเขาทั้งคู่ออกมาจากกางเกงจนได้ ฆาเบียร์รอดูว่าเจจะทำอะไรต่อไป

เจนยุทธใช้มือเรียวของเขากอบกุมแท่งลำทั้งสองเข้าด้วยกันและค่อยๆ ขยับตามแนวแท่งลำ เขาบ่นอุบอิบเพราะมันล้นมือของเขาไปมาก ลำพังแค่ของฆาเบียร์เขาก็กำแทบจะไม่มิดอยู่แล้ว ฆาเบียร์โคลงหัวและหัวเราะเบาๆ เขาใช้มือใหญ่ของตัวเองช่วยกุมทับมือของคนรัก

"เดี๋ยวฉันจัดการเอง เจ"

เจกัดปากเบาๆ และสุดท้ายก็ซี้ดปากออกมาอย่างสุดกลั้น มือของฆาเบียร์อุ่นและนิ่มดีเหลือเกิน แต่เขาก็อยากให้ความสุขคนรักบ้าง

"ผมทำให้คุณเอง ฆาเบียร์"

เจพูดเสียงกระเส่า เขาใช้มือตัวเองเกาะกุมส่วนสงวนของคนรักไว้และให้ฆาเบียร์จัดการกับของเขา เจซบหน้าลงบนบ่าของคนตัวโตด้วยความเสียวซ่าน เขากัดเบาๆ ที่ไหล่หนานั้น ก่อนที่จะผวาตัวขึ้นเพราะคนขี้แกล้งใช้นิ้วเขี่ยดุนไปที่รูร่องส่วนปลายที่แสนจะไวสัมผัส เจปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตของฆาเบียร์ออกจนหมดและไล้มือตามแผงอกแข็งแรง เขาดึงดุนเม็ดสีน้ำตาลบนอกคนรัก มันแข็งขืนสู้นิ้วเขาอย่างรวดเร็ว

"เจ อย่าแกล้งสิ"

ฆาเบียร์บ่นเมื่อเจใช้ฟันถูตุ่มไตของเขาเบาๆ เขาเร่งมือเมื่อรู้สึกได้ถึงลำตัวที่เริ่มเกร็งและมือที่บีบแน่นขึ้นอย่างลืมตัวของเจ เจเองก็เริ่มเร่งจังหวะเมื่อเขารู้ตัวว่าตัวเองจวนถึงสวรรค์แล้ว พวกเขาทั้งคู่คำรามหนักๆ ออกมาพร้อมกันพร้อมกับน้ำขุ่นข้นที่ฉีดพ่นออกมา



"เจ ระวัง!"

ฆาเบียร์รีบใช้มือโอบรั้งหลังของคนรักที่สะท้ายกายเฮือกและเอนไปด้านหลังอย่างลืมตัวเมื่อเสร็จสมอารมณ์หมาย​ มันทำให้เจเสียหลักตกจากตักของฆาเบียร์และเกือบหงายหลังล้มฟาดโต๊ะกาแฟ

"ระวังตัวหน่อยสิ เจ ถ้านายเป็นอะไรไป ฉันจะทำยังไง"

ฆาเบียร์ระล่ำระลักพูด เขารั้งตัวคนตัวเล็กของเขาไว้แนบอก เขาใจหายวาบตอนเห็นเจเสียหลักหงายหลังไป ถ้ารั้งไว้ไม่ทัน หัวเจต้องฟาดกับโต๊ะไม้แข็งๆ นั้นแน่นอน เขาหลับตาลงอย่างสยองใจเมื่อภาพนั้นปรากฎเข้ามาในหัวเขา ถ้าเจเป็นอะไรไป เขาคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ ในชีวิตเขาทนรับความสูญเสียไม่ไหวอีกแล้ว

"ฆาเบียร์ ฆาบี้ครับ..."

เจยกมือลูบแก้มคนรัก

"ผมไม่เป็นไรแล้วไง นะ ใจเย็นๆ นะ คนดี หายใจลึกๆ นะ ฆาเบียร์"

เจปลอบคนตัวโตที่ทำท่าจะสติหลุดหายไป ฆาเบียร์สูดลมหายใจลึกๆ จนรู้สึกดีขึ้น เขาทำจมูกฟุดฟิด

"เจ...กลิ่นอะไรคาวๆ"

เจนยุทธสะดุ้ง เขายกมือตัวเองข้างที่ใช้ลูบแก้มคนรักขึ้นดู



(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)



ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- วันก่อนจาก (ต่อ) ----



"ตายห่าน!"

เจสบถดังลั่น เขาใช้มือข้างที่เปื้อนลูบแก้มคนรักด้วยความลืมตัว

"โอ๊ย ฆาบี้ ผมขอโทษจริงๆ เวรเอ๊ย"

เจรีบลุกขึ้นจากตักของคนรักและลนลานหาทิชชู่มาเช็ดหน้าให้ ฆาเบียร์หัวร่องอหาย

"เจ...ฉันว่าเราต้องซักผ้าใหม่อีกแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ"

เขาหัวเราะลั่นออกมาอีก แล้วชี้ไปที่เสื้อยืดของเจ เขาเองก็ใช้มือข้างที่เปื้อนโอบหลังของเจตอนที่เสียหลักไว้เหมือนกัน แถมตอนที่เขาดึงตัวเจมากอดไว้แน่น อะไรๆ ที่เปื้อนอยู่บนท้องของทั้งสองก็เลอะเทอะตามเนื้อตัวและเสื้อผ้าของทั้งคู่ไปหมด เจโคลงหัวอย่างปลงๆ แล้วถอดเสื้อยืดตัวเองปาใส่หน้าของเมียตัวโตที่นั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆ อยู่ ฆาเบียร์ตะครุบมันไว้แล้วทำท่าสูดดมอย่างชื่นใจ

"เอาไงล่ะทีนี้ ข้าวก็ยังกินไม่หมด อาบน้ำก็ต้องอาบ ผ้าก็ต้องซัก ว่าไง ฆาบี้?"

ฆาเบียร์ลุกขึ้นและสลัดเสื้อและกางเกงที่เปื้อนออกจนเหลือแต่ชั้นใน เขาหันมายักคิ้วให้คนตัวเล็กของเขาและทำท่าเบ่งกล้ามโชว์ เจได้แต่ส่ายหัวให้กับความขี้เล่นของคนรัก เขาลุกขึ้นไปล้างมือและเอาเบอเกอร์กับสปาเก็ตตี้ที่เหลือไปวางไว้บนเคาเตอร์และเอาฝาชีพลาสติกครอบไว้ ก่อนที่ลากตัวฆาเบียร์เข้าไปอาบน้ำ



"ฉันคิดถึงแผงเรนชาวเวอร์นี้จริงๆ"

ฆาเบียร์พูด เขาหลับตาและแหงนหน้าขึ้นรับน้ำจากแผงฝักบัวขนาดใหญ่บนเพดาน เขาไม่ได้อาบน้ำที่นี่มาหลายวันแล้ว แผงฝักบัวที่อื่นให้สายน้ำขนาดพอเหมาะกับอาบคนเดียว แต่แผงฝักบัวขนาด 20 x 20 นิ้วของเจนั้นทำให้เขาทั้งสองผ่อนคลายใต้สายน้ำได้พร้อมๆ กัน ฆาเบียร์ตั้งใจแน่วแน่ว่าเขาจะหามันมาติดที่บ้านเขาที่พาโล อัลโต้แน่นอน

"ก้มหัวหน่อยสิ ฆาบี้"

เจเอื้อมมือไปปิดน้ำ เขาเทแชมพูลงบนฝ่ามือแล้วสระผมให้คนตัวโตที่เขารักจนสุดหัวใจคนนี้อย่างอ่อนโยน เจกลั้นสะอื้นเมื่อนึกว่าเขาจะไม่ได้สระผมให้คนๆ นี้แบบนี้ไปอีกหลายสัปดาห์ เขาขยี้ผมสีน้ำตาลเข้มยาวปรกคอของฆาเบียร์เบาๆ เจเปิดน้ำล้างแชมพูออกและสระต่ออีกน้ำหนึ่งก่อนที่จะใส่ครีมนวดผมให้ เขานวดหนังหัวของคนที่หลับตาพริ้มด้วยความเพลิดเพลิน

"ผมชักยาวแล้วนะ คุณ กลับไปคราวนี้คงต้องเล็มออกแล้วนะ"

เจเปิดน้ำล้างครีมนวดออกจนหมด เขาบ่นคนรักของตัวเองเบาๆ และใช้นิ้วสางๆ ผมที่เริ่มยาวเกินคอลงมาระไหล่กว้าง ฆาเบียร์พยักหน้า ตอนที่เขายังอยู่ในโหมดเนิร์ดหนุ่มหัวฟูที่ทำงานหน้าคอม เขาเคยปล่อยผมยาวเลยไหล่และไม่ได้ใส่ใจจะทำอะไรกับมันมากนัก มาช่วงหลังที่ต้องทำงานหน้าฉากที่เขาต้องกลับไปทำตัวเนี้ยบเหมือนตอนเรียน แต่ช่วงนี้เขาก็เริ่มไม่ค่อยใส่ใจทรงผมและหนวดเคราตัวเองมากนักเพราะเมื่ออยู่เชียงใหม่ เขาสามารถทำตัวสบายๆ ไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์ตัวเองมากนัก แค่ระวังเรื่องรูปร่างอย่างเดียวก็พอ



"ฉันตัดสั้นเลยดีไหมเจ"

ฆาเบียร์ลูบๆ ผมตัวเอง เขาไว้ผมยาวสลวยมาตั้งแต่ตอนม.ปลาย เพราะต้องการเลียนแบบนักฟุตบอลอย่างโรแบร์โต้ บาจโจ้แห่งทีมอิตาลีผู้เป็นทั้งไอดอลและขวัญใจของเขาและกาเบรียล บาติสตูต้า แห่งทีมอาร์เจนติน่าบ้านเกิดของแม่เขา เขาโชคดีที่ไม่มีใครในครอบครัวหัวล้านและไม่ได้ดูทีท่าว่าผมของเขาจะบางลง แต่บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าผมยาวๆ ของเขานี้มันชักดูเชยไปเสียแล้ว

"เฮ้ย เสียดาย ผมคุณสวยดีออก"

เจนยุทธที่กำลังไดร์ผมให้คนตัวโตลูบผมนิ่มๆ ของคนรักอย่างเสียดาย เขาบอกไปให้เล็มออก ไม่ใช่ให้ตัดทิ้ง

"ผมชอบผมของคุณจะตาย ทั้งหนาทั้งนิ่ม ผมของผมสิ เส้นเล็ก จัดทรงโคตรยาก ไว้ยาวก็ดูบาง ไม่สวย"

หนุ่มน้อยเจตอนอยู่มหาวิทยาลัยพยายามไว้ผมทรงญี่ปุ่นประมาณพวก Johny's Junior หรือนักร้องไทยแบบกอล์ฟ ไมค์ที่ยาวปรกคอและสไลด์เป็นทรง จัดให้พองๆ หน่อย แต่ด้วยความที่ผมเส้นเล็ก ทำยังไงก็ดูหัวลีบทุกที เขามองฆาเบียร์ที่ผมสวยมีวอลลุ่มอย่างอิจฉา เขานึกภาพฆาเบียร์ไว้ผมทรงอื่นไม่ออกจริงๆ ส่วนเขาตอนนี้ก็ได้แต่ตัดผมสั้นสไตล์เกาหลีตามสมัยนิยมไป

อีกอย่างที่เขาไม่ได้บอกฆาเบียร์คือ เขาชอบผมยาวๆ ของฆาเบียร์เพราะเขาชอบความรู้สึกที่มีผมยาวๆ เปียกเหงื่อมาระใบหน้ายามที่เขาทั้งคู่ร่วมรักกัน เขาว่ามันเซ็กซี่มาก มันอาจจะเป็นสิ่งที่ติดมาจากสมัยที่เขายังเป็นเสือผู้หญิง หากผมของฆาเบียร์ก็ยาวพอดีไม่ได้รุ่ยร่ายน่ารำคาญเท่าผมผู้หญิง เจยังชอบขยุ้มผมยาวๆ นั้นยามที่เขากำลังจะถึงจุดสุดยอด

"อย่าตัดเลยนะ ผมขอร้อง"

เจใช้นิ้วม้วนผมที่บางครั้งเขามองว่าเหมือนแผงคอของสิงโตหนุ่มเล่น ฆาเบียร์หันหน้ามาหอมแก้มนิ่มๆ ของเจ

"ไม่ตัดก็ไม่ตัด งั้นเจก็ต้องรับผิดชอบสระผมให้ฉันตลอดนะ"

เจหอมผมสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายของเมียตัวโตของเขา เขาก็ทั้งสระทั้งไดร์ให้พ่อเจ้าประคุณตลอดอยู่แล้ว ยังจะเอาอะไรอีก



"ไม่อิ่มอ่ะ..."

เจนั่งหน้ามุ่ย หลังอาบน้ำ เขาก็เอาเสื้อผ้าที่เปื้อนไปโยนใส่เครื่องซักผ้าไว้ จากนั้นก็มากินของที่กินไม่ทันหมดเมื่อกี้ แต่มันเหมือนจะไม่ช่วยทำให้ท้องน้อยๆ ของเขาหายโยเย เขายันหัวฆาเบียร์ที่ทำท่าจะเอาหูมาแนบฟังลูกในกระเพาะของเขาอีกครั้ง

"ไม่ต้องเล่นเลย ช่วยผมคิดหน่อยว่าจะกินอะไรดี"

"...ไทย จีน ฝรั่ง เกาหลี เวียดนาม ญี่ปุ่น..."

"อาหารเวียดนามก็ได้ เจ ตั้งแต่ฉันมาอยู่เชียงใหม่ฉันยังไม่ได้กินเลย"

ฆาเบียร์นึกถึงอาหารที่เคยเป็นของโปรดของเขาตอนอยู่สหรัฐฯ ที่แคลิฟอร์เนีย อาหารเวียดนามถือเป็นอาหารต่างชาติที่หากินได้ทั่วไปเช่นเดียวกับอาหารจีน เกาหลีและไทย ซอส Sriracha ตราไก่ที่โด่งดังในสหรัฐฯ ในตอนนี้ก็มาจากร้านอาหารเวียดนาม แม้ฆาเบียร์จะมารู้ทีหลังว่าที่จริงแล้วต้นกำเนิดของซอสชนิดนี้จริงๆ แล้วมาจากประเทศไทย แต่เขาก็ติดรสชาติของซอสนี้แบบเวียดนามมากกว่า



เจขี่เวสป้าน้อยของเขาพาฆาเบียร์มาที่สวนดอกพาร์คข้างโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ หรือโรงพยาบาลสวนดอก เขามายังร้านมายเวียดนามซึ่งเป็นร้านเวียดนามที่มีหลายสาขาทั่วจังหวัดเชียงใหม่ สำหรับพวกเขาที่นี่เป็นสาขาที่ใกล้ที่สุด

"มะ จะกินอะไร ฆาเบียร์"

ฆาเบียร์เปิดเมนูดูแล้วก็ต้องงง อาหารเวียดนามหลายๆ อย่างที่เขาเคยกินไม่มีในเมนูที่นี่ หลายอย่างที่ชื่อเหมือนกันก็หน้าตาไม่เหมือนกันนัก เขาปิดเมนูแล้วบอกให้เจสั่งเลย

เจสั่งอาหารมาแค่ 5 อย่าง

"เจ สั่งน้อยกว่าปกติหรือเปล่า? รู้สึกไม่สบายหรือว่าอะไรหรือเปล่า?"

ฆาเบียร์ถามอย่างเป็นห่วง ปกติคนตัวเล็กของเขาสั่งไม่ค่อยยั้ง วันนี้สั่งแค่ 5 อย่างซึ่งนับว่าผิดวิสัยมาก

"น่า เดี๋ยวก็รู้"



รอไม่นาน อาหารที่ทั้งเจสั่งก็ทะยอยมา ฆาเบียร์เห็นอาหารแล้วถึงเข้าใจว่าทำไมเจถึงหยุดแค่ 5 อย่าง มันเป็นเพราะทุกจานล้วนแต่มีแป้ง และบางจานก็มาเยอะมาก อย่างข้าวเปียกเส้นที่เจสั่งมาถ้วยนี้

"ฉันนึกว่าเจจะสั่งเฝอซะอีก"

ฆาเบียร์พูดถึงเมนูที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของอาหารเวียดนามอย่าง เฝอ หรือก๋วยเตี๋ยวสไตล์เวียดนาม เขากินเฝอทุกครั้งที่เข้าร้านอาหารเวียดนามที่สหรัฐฯ เพราะชอบรสของสารพัดผักสมุนไพรที่ใส่ลงไปและรสของเครื่องเทศที่อยู่ในน้ำซุป เจบอกว่าสำหรับเขา เฝอในไทยก็รสชาติไม่ต่างอะไรจากก๋วยเตี๋ยว เขาไม่แน่ใจว่าน้ำซุปเดียวกับซุปของข้าวเปียกเส้นที่เขาสั่งหรือเปล่า เจตักน้ำซุปของเขาให้ฆาเบียร์ชิม

"อืมม์ มันไม่ค่อยได้รสเครื่องเทศอะไรจริงๆ"

ฆาเบียร์พูดอย่างผิดหวังเล็กๆ เมนูนี้จริงๆ เสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้มแบบพริกน้ำส้ม แต่เจขอเครื่องปรุงแบบเฝอมา ซึ่งได้กะปิมา 1 กระปุกอีกด้วย ฆาเบียร์มองอย่างสนใจ สำหรับในสหรัฐฯ เฝอมักปรุงด้วยซอสพริกอย่างซอส Sriracha และฮอยซินซอส เจส่งกะปิให้เขาดู ฆาเบียร์บอกว่าเขารู้จักแล้วเพราะเห็นใช้บ่อยในอาหารฮ่องกง ข้าวเปียกเส้นของเจมาพร้อมหมูยอและซี่โครงหมูต้มจนเปื่อยและหมูเด้ง แต่ที่เจบอกว่าชอบที่สุดคือหัวไชเท้าต้มรสละมุน เขาส่งให้ฆาเบียร์ชิมชิ้นหนึ่งซึ่งพ่อเจ้าประคุณของเขาติดอกติดใจมากจนขอแบ่งไปอีกครึ่งอัน



เจแนะนำอาหารที่เหลือให้ฆาเบียร์

"นี่คือปากหม้อญวน"

ฆาเบียร์บอกว่าเขารู้จักจานนี้ ปากหม้อญวนหรือ Bánh cuốn เป็นหนึ่งในเมนูที่เขาสั่งบ่อย รสชาติมันไม่ค่อยต่างกับของไทย แต่ที่ต่างคือของไทยใส่กุ้ยช่ายแต่ของแถวบ้านเขาไม่ใส่และใส่เห็ดหูหนูลงไปแทน จานนี้เสิร์ฟพร้อมหมูยอและหอมเจียวจำนวนมาก อีกจานที่เขาชิมคือ บั่นต่ายแม่ว เป็นแป้งห่อไส้เหมือนขนมปากหม้อญวนแต่ที่ต่างคือแป้งที่ใช้ห่อเป็นแป้งใสๆ และมีสัมผัสเหนียวนุ่มไส้ข้างในเป็นหมู หน่อไม้ แครอทนิดหน่อย และที่ทำให้เขารู้สึกว่าไส้ของมันเหมือนปากหม้อญวนที่เขาเคยกินแถวบ้านมากกว่าจานเมื่อกี้คือเห็ดหูหนู และเสิร์ฟพร้อมหอมเจียวอีกเช่นกัน

"นี่เลย ของโปรดผม"

เจตักอาหารที่ทำจากข้าวใส่ช้อนและป้อนให้คนรัก

"แหนมคลุก บางทีผมได้ยินคนเรียกแหนมข้าวทอด แต่ก็เคยอ่านเจออีกเหมือนกันว่ามันเป็นคนละอย่างกัน แหนมคลุกจะใส่เครื่องน้อยกว่า"

เจบอกว่าเขาไม่รู้ว่านี่เป็นอาหารเวียดนามด้วยหรือเปล่า แต่มันเป็นของที่เขาชอบตั้งแต่เด็กแล้ว ข้าวที่ปรุงรสอย่างดีถูกนำไปปั้นเป็นก้อนแล้วทอดจนกรอบนอกนุ่มใน จากนั้นถูกนำมายีให้แตกและยำใส่แหนมเปรี้ยวๆ และหนังหมู และพวกสมุนไพรอย่างขิง หอมแดง ผักชีฝรั่งและถั่วลิสง โดยปรุงรสให้เปรี้ยว เค็ม เผ็ด

"แต่ผมชอบแหนมคลุกเวอร์ชั่นของร้านนี้ แทนที่เขาจะเอาข้าวไปปั้นเป็นก้อนทอดแล้วยี เขาเอาข้าวเป็นเม็ดลงทอดจนกรอบไปเลยแล้วถึงเอามายำ"

เจบอกว่าแหนมคลุกของร้านนี้ไม่ใส่หอมแดง แต่มีขิง พริกแห้ง มะม่วงเปรี้ยวและถั่วลิสงวางแนมมาให้ข้างๆ

"เอ๊ะ เจ ปกตินายไม่กินผักชีไม่ใช่เหรอ"

ฆาเบียร์ถามเมื่อเห็นเจตักแหนมคลุกที่ใส่ผักชีเต็มไปหมดเข้าปากหน้าตาเฉย เจบอกว่าแหนมคลุกของร้านนี้รสจัดจนกลบกลิ่นผักชีไปหมด อีกอย่างหนึ่งคือเขาใส่มาแต่ใบและไม่ค่อยมีก้าน ซึ่งเจโอเค เพราะจริงๆ แล้วที่เขาเกลียดคือกลิ่นของก้านผักชีต่างหาก



"แหนมเนืองมาแล้วครับ"

เด็กเสิร์ฟยกอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟ

"นี่สำหรับคุณ ฆาเบียร์"

จานสุดท้ายที่เจสั่งมาคืออาหารสำหรับคนชอบผักอย่างฆาเบียร์

“คุณเคยกินไหม ฆาบี้?”

ฆาเบียร์พยักหน้าและบอกว่าเขาเคยกินตอนไปเวียดนามรอบที่แล้วที่มาแถบเอเชีย

“…แต่ตัวแป้งของที่นั่นไม่ต้องแช่น้ำเหมือนของไทยนะ”

ฆาเบียร์เอาผักสลัดวางบนฝ่ามือจากนั้นวางแผ่นแป้งที่แช่น้ำไว้ลงบนผัก เขาตักตัวลูกชิ้นและเครื่องเคียงใส่ลงไป สำหรับร้านนี้ เครื่องเคียงที่มีให้คือ มะเฟือง กระเทียม กล้วยดิบ แตงกวา และพริก ทุกอย่างหั่นมาเป็นเป็นชิ้นเล็กๆ อย่างสวยงาม เขาตักน้ำซอสที่ใส่ถั่วลิสงด้วยราด ก่อนจะห่อทุกอย่างและเอาใส่ปากในคำเดียว

“ใช้ได้นะ เจ ต่างกับของเวียดนามบ้าง แต่ก็อร่อยดี”

"อาหารเวียดนามเข้ามาในไทยผ่านทางลาวครับ ผมเลยไม่แน่ใจว่ากว่าจะมาถึงไทย มันผ่านการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงให้เข้ากับนิสัยการกินหรืออาหารประจำถิ่นของลาวและไทยหรือเปล่า"

เจพูดสิ่งที่เขาคิดให้ฆาเบียร์ฟัง ฆาบี้บอกว่านี่คือสิ่งที่เจสามารถสอดแทรกไว้ในบทความที่เจจะเขียนลงในบล็อกของเขา



เจจัดการห่อแหนมเนืองมาหนึ่งคำ เขาใส่เครื่องเยอะไปหน่อยเลยออกมาคำใหญ่ ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ เมื่อเจอ้าปากกว้างพยายามยัดทุกอย่างให้เข้าไปในคำเดียว

"อะไอเอ้า"


คนตัวเล็กถลึงตาใส่คนตัวโตที่ทำสายตากรุ้มกริ่มใส่เขา ตาลุงนี่ต้องคิดอะไรลามกอยู่แน่ๆ เจพยายามเคี้ยวแหนมเนืองคำใหญ่ในปากจนหมด

"นี่ๆ ทำหน้าแบบนี้ คิดอะไรทะลึ่งๆ อยู่แน่ๆ เลย ใช่ไหม?"

"อะไรกัน เจ ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย แค่มองเฉยๆ ว่าท่าทางเจตลกดี"

ฆาเบียร์พูดยิ้มๆ จริงๆ เขาก็คิดแหละ คิดว่าไม่น่าเชื่อว่าปากน้อยๆ ของเจนั้นจะอ้ากว้างรับของชิ้นใหญ่ๆ อย่างแหนมเนืองชิ้นนั้นได้ และมันก็ทำให้เขาพาลคิดไปถึงตอนที่ปากน้อยๆ นั้นมีบางส่วนของเขาอัดแน่นอยู่จนเต็ม

"...เจพูดแบบนี้ แสดงว่าเจคิดสิว่าท่าทางของตัวเองมันส่อ แบบนี้ใครกันแน่ที่ลามก"

เจนยุทธหน้าแดงแป๊ด เขาพูดอะไรไปก็เข้าตัว เขาเมินคนตัวโตที่นั่งหัวเราะร่วนแล้วก้มหน้าก้มตากินต่อ



"ขอผักเพิ่มอีกที่นึงครับ"

เจหันไปบอกพนักงานเสิร์ฟเมื่อเห็นคนตัวโตกินผักที่มากับชุดแหนมเนืองจนหมดโดยไม่ต้องถามฆาเบียร์

"...เอาเฉพาะผักสลัดนะครับ"

เจเหลือบดู ผักกับอื่นๆ อย่างผักชีฝรั่ง ใบสะระแหน่นั้นยังเหลือ แต่ที่หมดคือสลัดใบ คนรักของเขากินผักเก่งจริงๆ เจเอาแป้งห่อแช่น้ำเพิ่ม เจเอาแผ่นแป้งใส่ลงน้ำทีละแผ่นๆ

"เนี่ย ไอ้แป้งเนี่ย เวลาแช่ต้องดูดีๆ อย่าให้มันติดกัน ไม่งั้นยุ่ง"

เจเล่าให้ฟังว่า เขาเคยซื้อชุดแหนมเนืองไปในงานเลี้ยงบ้านซันซัน

"...ไอ้ซันมันปกติไม่ค่อยได้ทำอะไรเอง ถ้าไม่ที่บ้านจัดการให้ก็มีไอ้ปรินซ์คอยดูให้ แต่วันนั้นมันเกิดอยากช่วยขึ้นมา..."



ซันซันผู้หวังดีแกะห่อแป้งแหนมเนือง แล้วจับแผ่นแป้งทั้งปึกแช่ลงน้ำไปทีเดียว

"...มันก็ติดกันหมดสิคุณ สุดท้ายก็ต้องปล่อยมันทิ้งไว้จนมันเริ่มอืดและค่อยๆ ลอกออกมากินกันทีละแผ่น ดีนะที่ผมซื้อผักสลัดเพิ่มไปด้วย เลยกินแบบใช้ผักห่อแทน"

ฆาบี้หัวเราะลั่น เขานึกออกว่าท่าทางเก้ๆ กังๆ ของซันซันออก เจบอกว่าตั้งแต่วันนั้นมา ทุกคนก็กันซันซันออกจากครัวโดยสิ้นเชิง พูดถึงตอนนี้ ฆาเบียร์ยิ่งขำเข้าไปใหญ่ เขาว่าเขาอดนึกถึงแม่ของเขาที่โดนคริสกับพ่อกันออกจากครัวไม่ได้

ทั้งสองคนกินไปคุยไปจนทุกอย่างหมดเกลี้ยง ฆาเบียร์กินทั้งเครื่องเคียงและผักแนมของแหนมเนืองจนหมดไม่เหลือสักอย่างยกเว้นพริกและกระเทียม

"คุณนี่เลี้ยงง่ายจริงๆ นะ ฆาบี้ ถ้าไม่รู้จะให้กินอะไร ผมก็ซื้อผักมาผัดให้กินไม่ก็ซื้อสลัดมาทิ้งไว้ให้ก็พอ"

เจแซวคนรักตัวโตของเขา

"ขาดไปอีกอย่างนะ เจ"

ฆาเบียร์พูดยิ้มๆ

"ของสำคัญที่สุดที่ฉันขาดไม่ได้เลย ก็คือเจไงล่ะ ถ้าไม่ได้ 'กิน' นาย กินอาหารรสเลิศแค่ไหนฉันก็อยู่ไม่ได้นะ คนดี"

เจนยุทธอ้าปากค้างเช่นเดียวกับพนักงานที่เดินเอาบิลมายื่นให้ เธอคงฟังภาษาอังกฤษที่คนตัวโตพูดเนิบๆ เข้าใจ เจหน้าแดงก่ำแล้วรีบยื่นเงินให้เกินจำนวนเล็กน้อย แล้วรีบลากคนตัวโตที่ไม่รู้จักอายสักนิดให้ลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่เอาเงินทอน



] (ftp://www.picz.in.th/images/2017/12/04/MyVietnam-L.jpg[/img)



------------------------------------------

มาช้าหน่อยนะคะ วันนี้ แหะๆๆ มัวแต่เวิ่นเว้อ ตอนแรกนึกว่าจะจบช่วงคริสต์มาส/ปีใหม่ในตอนนี้ แต่ปรากฎว่าจบไม่ลง ลากต่ออีกตอนแล้วกัน

อาหารเวียดนามในสหรัฐฯ https://goo.gl/nrqkCY

ร้าน มายเวียดนาม http://www.myvietnamesefood.com/





ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



--- Hasta Luego ----



"คุณนี่มันเหลือเกินจริงๆ ฆาบี้ พูดอะไรดูหน้าดูหลังหน่อยเหอะ"

เจนยุทธที่ยังเคืองไม่หายว๊ากใส่คนรักที่นั่งทำหน้าแป้นแล้นอยู่ตรงหน้า พวกเขามานั่งจิบกาแฟกันต่อที่ร้านประจำอย่าง Impresso

ฆาบี้ลุกจากม้านั่งทรงโค้งที่เจบอกว่าน่าจะเป็นม้านั่งเก่าจากสถานีรถไฟแล้วเดินไปที่เคาเตอร์บาร์ด้านใน เขารอครู่หนึ่งแล้วกลับมาพร้อมเครื่องดื่มเย็นในมือ

"อย่าโกรธเลยนะ คนดีของฉัน เอ้า นี่ ฉันเลี้ยง"

เจกำลังจะหันไปบ่นว่าเขาบอกแล้วว่าไม่ให้ฆาเบียร์จ่ายเงินที่เชียงใหม่และเมื่อกี้เขาเพิ่งกินลาเต้ร้อนไป ยังไม่อยากกินอีกแก้ว แต่เมื่อหันไปเห็นสายตาออดอ้อนของคนรัก เขาก็พูดไม่ออกและดึงแก้วพลาสติกใสบรรจุ Double Chocolate Frappe สีน้ำตาลเข้มเกือบดำนั้นมาจากมือฆาเบียร์ เจดูดช็อคโกแลตปั่นรสขมเข้มสะใจแก้วนั้นแล้วแอบยิ้ม ฆาเบียร์จำของโปรดเขาได้เสมอ

"แล้วทำไมใส่แก้วกลับบ้านมาล่ะ?"

เจขมวดคิ้ว ฆาเบียร์ยื่นหมวกกันน็อคให้เจ

"กลับบ้านกันได้แล้ว นะ"

"งั้นคุณรอแป๊บนึงนะ ฆาบี้ ผมไปสั่งก๋วยเตี๋ยวก่อน"



เจวางแก้วช็อคโกแลตปั่นไว้และเดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวจากร้านเนื้อตุ๋นรสเยี่ยมที่อยู่ตรงข้ามร้านกาแฟ ย่านนิมมานเหมินท์นี้มีของกินอร่อยๆ ทุกซอยจริงๆ ที่เขากินบ่อยๆ นอกจากร้านห้องแถวและแยงซีเจียงแล้วก็มีเนื้อตุ๋นรสเยี่ยม ส้มตำเฮาส์หรือส้มตำยกครกเดิม หม้อไฟหม่าล่ารสเผ็ดร้อนอย่างร้าน Hei Hei เขาก็โปรด แต่ช่วงหลังไม่ค่อยได้กินเพราะร้านมักจะแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวจีน และเขาเลยไปกินเพนกวิน ชาบูร้านดังจากกทม. ตรงข้ามผับดังอย่างวอร์มอัพแทน

ข้อเสียหนึ่งของย่านนิมมานเหมินท์คือรถติดและหาที่จอดรถยาก เวลาเขาชวนเพื่อนๆ มากินข้าวแถวนี้ก็มักไม่ค่อยยอมมากันด้วยเหตุผลว่ารถติดและไม่มีที่จอด ต่อให้เขาบอกว่าจะยอมจ่ายค่าจอดรถให้แล้วให้จอดตามลานจอดเสียตังค์ที่มีแถวนั้นก็ยังไม่ค่อยมีคนยอมมา เขาคิดเอาเองว่าเหตุผลหนึ่งก็เพราะคนเชียงใหม่ขี้เกียจเดิน ถ้าต้องให้จอดไกลๆ แล้วเดินมา ถ้าไม่ใช่สำคัญหรือต้องไปทำธุระจริงๆ ก็จะไม่มีใครยอมเดิน นี่เป็นเหตุหนึี่งที่ทำให้คนเชียงใหม่บางส่วนโดยเฉพาะคนรุ่นเก่าที่ไม่ว่าจะมีเงินแค่ไหน ก็มักจะขี่มอเตอร์ไซค์เป็นเพื่อเอาไว้ใช้ยามที่ต้องไปที่ๆ หาที่จอดรถยาก



"สั่งอะไรมาล่ะ? ยังไม่อิ่มอีกเหรอ เจ?"

ฆาเบียร์ถามอย่างสงสัย แต่เจที่นั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่ก็ไม่ตอบและเสไปพูดเรื่องอื่น

"เออ คุณจะเข้าไปดูกระเป๋าไหม? ร้าน Rubber Killer ที่ผมซื้อกระเป๋าให้ริคกี้น่ะ อยู่ฝั่งตรงข้ามนี้เอง"

"ยังก็ได้ เจ ไว้รอคราวหน้าค่อยมาดูก็ได้"

เจยักไหล่ แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายนั่นถ่ายนี่ในร้าน

"เจ น้องเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเรียกน่ะ"

เจเงยหน้าขึ้นดู เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวรสเยี่ยมโบกไม้โบกมือเรียกเขา เจหันไปโบกมือตอบ แล้วหันมาเรียกฆาเบียร์

"ป่ะ ฆาบี้ กลับบ้านได้แล้ว"

เขาดึงมือคนตัวโตให้ลุกแล้วออกร้านไปขึ้นคร่อมรถเวสป้าสีเขียวแปร๋นของเขา เขาขี่รถไปเลียบหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวและรับถุงพลาสติกใส่อาหารถุงใหญ่มาจากเจ้าของร้านและส่งให้เมียตัวโตของเขา

"ถือดีๆ ล่ะ ฆาบี้ มันร้อน"


] (ftp://www.picz.in.th/images/2017/12/06/Impresso-L.jpg[/img)



"สั่งอะไรมาเยอะแยะ เจ?"

ฆาเบียร์ถามด้วยความสงสัยและเปิดดูถุงที่เจเอาวางไว้บนเคาเตอร์บาร์

"หม้อไฟเนื้อน่ะ ไว้กินกันคืนนี้นะ"

เจเดินมากอดเอวคนรักแล้วหอมเบาๆ ที่ต้นคอ เขาขอฆาเบียร์ให้เอาพวกของเย็นเช่นเนื้อสด ลูกชิ้นที่ยังไม่ได้ลวกและผักใส่ตู้เย็นไว้ก่อน ส่วนพวกของร้อนและของแห้งอย่างน้ำก๋วยเตี๋ยว เนื้อ-เครื่องในตุ๋น และเส้นก๋วยเตี๋ยวเขาทิ้งไว้บนเคาเตอร์

เจวางแก้วน้ำเย็นๆ ลงตรงหน้าฆาเบียร์ที่นั่งอ่านนั่นนี่ในแท็บเล็ตของเขาและดันตัวขึ้นนั่งบนเก้าอี้บาร์ตัวข้างๆ เขาคุยเรื่องนั่นนี่ แต่เหมือนฆาเบียร์จะกำลังเพลินอยู่กับสิ่งที่อยู่ในแท็บเล็ต เจจิ๊ปากเบาๆ อย่างขัดใจเล็กๆ เขาหันรีหันขวางอยู่พักหนึ่งก่อนจะทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เจนยุทธใช้นิ้วค่อยๆ ลากไล้ไปตามลำแขนแข็งแกร่งของฆาเบียร์ คนตัวโตสะดุ้งกับสัมผัสนั้นและหันหน้ามาหาคนรักที่ยิ้มละไมให้

"มีข้าวเย็นแล้ว วันนี้เราก็ไม่ต้องออกห้องไปไหนแล้วนะ ฆาเบียร์"

เจนยุทธกระซิบแผ่วๆ ที่หูเมียตัวโตของเขา และใช้นิ้วเขี่ยเบาๆ ที่ฝ่ามือใหญ่อันแสนอบอุ่น เขาลงจากเก้าอี้และเดินไปที่ประตูห้องนอน ก่อนจะหันมาเรียกคนตัวโตที่นั่งตัวแข็งอยู่ ฆาเบียร์วางแท็บเล็ตแล้วรีบเดินคนช่างยั่วเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว



"ขยันแกล้งฉันจริงๆ นะ เจ"

ฆาเบียร์ไล้แผงอกขาวเนียนที่เขานอนหนุน เจนยุทธหลอกให้เขาเข้ามาในห้อง แต่ก็ให้มาช่วยปูผ้าปูที่นอนและทำความสะอาดห้องที่ทิ้งรกไว้หลายวัน ถึงท้ายสุดหลังจากทำนั่นนี่เสร็จแล้วพวกเขาจะได้นัวเนียกันจนลงเอยบนเตียง แต่มันก็แค่สัมผัสนั่นนี่กันไปตามเรื่อง

"คุณเป็นกระต่ายเหรอ ฆาบี้? ตั้งใจจะขี่ผมอย่างเดียว พักบ้างอะไรบ้าง นอนเล่นกันเฉยๆ บ้างไม่ได้เหรอครับคนดี?"

ฆาเบียร์บ่นอุบอิบว่าเดือนๆ นึงเจอกันแค่ไม่กี่วัน เขาก็อยากจะใช้เวลาให้คุ้มค่า แถมรอบนี้ที่กลับมา ต่อให้กลับมานาน เขาก็โดนเจทำโทษไปตั้ง 3 วัน แล้วไหนจะติดนั่นนี่อีก เขายังรู้สึกว่าได้รับความรักจากเจไม่เพียงพอเลยด้วยซ้ำ เจอมยิ้ม เขาเองก็บ่นไปงั้น ที่จริงเขาไม่รังเกียจหรอกถ้าฆาบี้จะอยากทำอะไรขึ้นมา แค่ว่าเขายังไม่อยากให้ผ้าปูผืนใหม่ที่พึ่งปูไปเมื่อกี้เปื้อน

เจจุ๊บเบาๆ ที่เรือนผมนิ่มของคนตัวโต อีกอย่างหนึ่ง สำหรับเจแล้วเขาชอบนอนกอดเกลือกกลิ้งกันแบบนี้พอๆ กับการร่วมรักเลยทีเดียว และฆาเบียร์เป็นคนแรกและคนเดียวที่เขาสะดวกใจที่จะทำแบบนี้ด้วยมากที่สุด กับบรรดาสาวๆ ในอดีตของเขานั้น เขาไม่ค่อยอยากจะทำแบบนี้ด้วยเพราะมันอาจทำให้เกิดการคิดมากกันขึ้นมาได้



"ฆาบี้ครับ..."

เจพลิกกายกอดรัดคนตัวโตของเขาไว้ ฆาเบียร์ก็โอบรัดร่างเพรียวนั้นไว้แน่นและใจหายเมื่อรู้สึกถึงความสั่นสะท้านของร่างในอ้อมอก

"อือ...ฉันรู้ เจ ฉันรู้"

เขาจุมพิตหน้าผากของคนรักที่งึมงำพร่ำคำรักออกมาทั้งน้ำตา

"...ฉันก็ยังไม่อยากกลับเลย"

ฆาเบียร์กระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่เอ่อมาจากตาเช่นกัน เขาถอนหายใจ และลูบหลังคนรักตัวเล็กของเขาจนรู้สึกว่าเจเริ่มสงบลงแล้ว เจพร่ำบอกฆาเบียร์ว่าเขารักฆาบี้แค่ไหน ฆาเบียร์จูบเบาๆ ที่เรือนผมของเจนยุทธ

"รู้สิ เจ ฉันรู้ว่าเจรักฉันแค่ไหน และฉันก็อยากให้นายรู้ว่า..."

"...อ้ายฮักเจ also"​

เขาผสมคำภาษาอังกฤษกับคำรักภาษาแม่ของเจที่เขารู้ว่าเจชอบนักหนา เขาสังเกตได้จากอาการเขินอายเป็นพิเศษของเจและคิดว่ามันคงมีความหมายกับคนรักของเขามากกว่าภาษาไหนๆ เขายิ้มกริ่มเมื่อรู้สึกได้ถึงความขวยเขินของคนในอ้อมอก ถึงเจจะซุกหน้าลงกับอกเขาแน่น แต่ใบหูน้อยๆ ทั้งสองของเจนยุทธก็แดงก่ำไปหมด

"ขอฉันดูหน้าหน่อยสิ คนดี"

เจส่ายหน้าและมุดหน้ากับแผงอกกว้าง แต่คนตัวโตใช้แรงพลิกตัวดันร่างคนตัวเล็กลง เขายิ้มกริ่มเมื่อเห็นเจยกมือปิดหน้าไว้แน่นแต่ฆาเบียร์ก็ยังเห็นว่าริมฝีปากเจมีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่ ฆาเบียร์ประทับจูบลงบนริมฝีปากนิ่มๆ ที่ยิ้มพรายนั่น เจอดไม่ได้ต้องใช้มือที่ปิดหน้าอยู่เสยผมนิ่มๆ ของฆาเบียร์ และรั้งศีรษะนั้นเข้ามาอีกจนริมฝีปากพวกเขาบดเบียดกันอย่างหนักหน่วง



"อือ เบาหน่อยเจ เบาหน่อย"

ฆาเบียร์ดันคนตัวเล็กออกเมื่ออารมณ์ของเจเริ่มเตลิด ช่วงหลังมาเขาต้องเริ่มระวัง เพราะถ้าเจเริ่มมีอารมณ์มากๆ และเริ่มแสดงออกหนักๆ มันก็มักทำให้เขาตอบสนองด้วยความเร่าร้อนพอๆ กัน และมันก็มักเลยเถิดจนทำให้คนตัวเล็กได้ลำบากกายทีหลังทุกครั้ง

“เจอยากทำเหรอ?”

ฆาเบียร์ถามเพื่อให้แน่ใจ เจนยุทธส่ายหน้า ในตอนนี้เขาแค่อยากนอนกอดจูบและสัมผัสภายนอกกับหมอนข้างใบโตใบนี้เท่านั้น ฆาเบียร์พยักหน้ารับ เขาเริ่มเข้าใจสัญญาณกายของเจมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงแรกๆ เวลาเจแสดงทีท่าแบบนี้เขาก็จะตีความไปว่าเจต้องการจะไปสุดทางอย่างเดียว หลังๆ มาเขาถึงรู้ว่าบางทีเจก็แค่อยากกอดอยากนอนฟัดเขาเล่น ซึ่งมันเป็นสิ่งใหม่สำหรับพวกเขาทั้งคู่ซึ่งในอดีตนั้นมักมีสัมพันธ์แบบฉาบฉวย

สำหรับหนุ่มละตินร่างใหญ่คนนี้ น้อยครั้งนักที่เขาจะอ้อยอิ่งใช้เวลากับคู่ขาก่อนหรือหลังมีเซ็กส์ ยิ่งพูดถึงการตื่นนอนด้วยกันในตอนเช้านั้นยิ่งยากนัก ห้องคอนโดของเขาไม่ว่าจะที่ไหนมักจะมีสองห้อง ห้องหนึ่งไว้ปฏิบัติกามกิจและไว้ให้คู่ขานอนพักผ่อน ส่วนเขาจะกลับไปนอนที่ห้องนอนใหญ่ของตนเอง ถ้าจะมีตื่นนอนมาด้วยกัน ก็อาจเพราะว่าคืนนั้นเขาเมาและไปนอนนอกสถานที่

คนแรกที่ฆาเบียร์นอนร่วมเตียงจนหลับและตื่นขึ้นมาด้วยกันก็คงจะเป็นนพเมื่อครั้งที่นพไปค้างที่บ้านของเขา แต่นั่นคือในฐานะเพื่อน ส่วนครั้งที่เขาขืนใจนพไปนั้นก็คงนับไม่ได้เพราะอีกฝ่ายลุกขึ้นหนีเขาแทบจะทันทีที่รู้ตัวตื่นขึ้นมา ส่วนอเล็กซ์แฟนคนแรกนั้น เขายังไม่เคยได้มีโอกาสไปค้างอ้างแรมด้วย แต่คนที่นอนร่วมเตียงกันแล้ว นัวเนียกัน มีสัมพันธ์กันแล้ว ตื่นขึ้นมาแล้วยังนอนกอดรัดนัวเนียกันต่อนั้น เจนยุทธถือเป็นคนแรกที่ทำแบบนี้



“นี่ๆๆ คิดอะไรอยู่?”

เจตบๆ ดึงๆ แก้มหมอนข้างใบโตที่นอนเหม่อ ปล่อยให้เขากอดไปกอดมาอยู่คนเดียว ฆาเบียร์รู้ตัวแล้วหันไปหอมแก้มคนรักเบาๆ

“ไม่มีอะไรหรอก เจ ฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ"

เจปีนขึ้นมานอนพังพาบบนอกคนตัวโต เขาเท้าแขนกับอกฆาเบียร์แล้วทำตาแป๋วมองหน้าคนรัก

"ไม่มีอะไรจริงอ่ะ? ช่วงนี้เหม่อๆ นะคุณ เบื่ออยู่กับผมแล้วเหรอ?"

ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ และโอบแขนรอบตัวเจก่อนจะพลิกตัวกดคนรักลงกับฟูกแล้วหอมฟอดใหญ่

"ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่คิดๆ ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่หาคนที่ฉันอยากจะเข้านอนและตื่นนอนด้วยไปตลอดชีวิตเจอ"

เจหัวใจเต้นโครมคราม คนรักของเขานี่ปากหวานตามประสาผู้ชายละตินจริงๆ

"เหรอ? ใครล่ะ?"

เจถามยิ้มๆ ฆาเบียร์มองหน้าคนตัวเล็กของเขาที่ยิ้มอย่างยียวนให้อย่างหมั่นไส้ รู้ทั้งรู้ เจก็ยังมาถามเขา

"อืมม์ นั่นสิ ใครกันนะ? เจไม่รู้จักหรอกมั้ง"

คนตัวเล็กหุบยิ้มทันที เขาดันคนตัวโตที่ทำท่าจะซุกไซร้หน้าลงกับแก้มและคอออกแล้วลุกพรวดขึ้นจากเตียงและใส่เสื้อผ้า



"เจ จะไปไหน"

ฆาเบียร์เผ่นพรวดลงเตียงไปกอดรั้งร่างเพรียวจากด้านหลัง เขากระซิบคำขอโทษแผ่วๆ พร้อมคลึงจูบที่หลังใบหูและต้นคำ ลมหายใจร้อนๆ ทำให้เจนยุทธแทบขาดใจ

"ขอโทษจริงๆ เจ ฉันแค่ล้อเล่น..."

"...นายไงล่ะ เจ คนที่ฉันอยากใช้ชีวิตทั้งยามหลับและยามตื่นไปด้วยตลอดชีวิต นายคนเดียวเท่านั้น"

เจยิ้มกริ่ม ทำไมเขาจะไม่รู้ทันคนตัวโตของเขา เขาก็แค่อยากแกล้งคนขี้แกล้งคืนเท่านั้น เจหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มใสซื่อบนใบหน้าและจูบหนักๆ ที่ริมฝีปากบางคู่นั้น

"รู้น่า คุณน่ะหนีผมไปไม่พ้นหรอก คุณน่ะติดใจเจน้อยของผมจะตายใช่ไหมจ๊ะ เมียจ๋า"

ฆาเบียร์หน้าแดงก่ำ ไอ้ตัวเล็กของเขานี่มันร้ายจริงๆ

"ใช่ ฉันติดใจจนหนีไม่พ้น แต่ไม่ใช่เจน้อยอย่างเดียวหรอกนะที่ฉันติดใจ..."

ฆาเบียร์พูดทิ้งค้างไว้ แววตากรุ้มกริ่มของเขาสำรวจร่างคนรักขึ้นๆ ลงๆ เจสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามือร้อนๆ ตะปบเข้าที่ก้นแน่นๆ ของเขาที่อยู่ใต้กางเกงชั้นในสีขาว เขาปัดมือใหญ่นั้นออกแล้วรีบใส่กางเกงยีนส์ที่ใส่ค้างไว้แล้วรีบเดินหนีออกไปนอกห้อง ขืนอยู่นานกว่านี้อีกหน่อย ฆาเบียร์เกิดเครื่องติดขึ้นมาก็ไม่ต้องได้กินมื้อเย็นกันพอดี ฆาเบียร์หัวเราะอย่างอารมณ์ดีไล่หลังคนตัวเล็กที่รีบเผ่นออกห้องไป และรีบหยิบเสื้อผ้ามาใส่แล้วเดินตามออกไป



"นี่ คุณยกหม้อสุกี้ออกไปไว้ที่โต๊ะบนระเบียงให้หน่อยสิ"

เจชี้หม้อสุกี้กับถ้วยก๋วยเตี๋ยวขนาดเล็กที่เขารื้อมาวางไว้บนเคาเตอร์ ฆาเบียร์ขนมันออกไปไว้ที่ระเบียงและจัดโต๊ะ เจเดินตามออกมา เขาเทน้ำก๋วยเตี๋ยวเนื้อหอมกรุ่นของร้านเนื้อตุ๋นรสเยี่ยมลงในหม้อสุกี้ พร้อมกับใส่ลูกชิ้นกับเนื้อตุ๋นลงไป

"คุณไม่กินเครื่องในใช่ไหม? งั้นเดียวผมแยกใส่ถ้วยไว้กินเองนะ"

ฆาเบียร์พยักหน้า เขาเทเนื้อสดหมักใส่ถ้วยเล็กอีกใบที่ยังว่าง

"เดี๋ยวฉันลวกถั่วงอกแยกเองต่างหากแล้วกันเจ จะได้ไม่ต้องเหม็น"

"ผมลวกไว้ให้แล้ว ฆาเบียร์ เท่าทุกทีใช่ไหม?"

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจซื้อหม้อไฟเนื้อของร้านนี้มากินที่บ้าน เขารู้ว่าคนตัวโตของเขาก็ชอบก๋วยเตี๋ยวของร้านนี้เหมือนกัน

"...วุ้นเส้นผมแช่น้ำไว้ให้แล้ว อยู่บนซิงค์นะ น่าจะพอ"

ฆาเบียร์เดินกลับเข้าไปดู เจจะสั่งมาแค่เส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กของตัวเองเท่านั้น ส่วนวุ้นเส้น เจจะกลับมาเอายี่ห้อที่เขามีติดบ้านไว้ เขาบอกว่ามันอร่อยกว่า

"โอเคแล้ว เจ แค่นี้พอแล้วล่ะ"

ฆาเบียร์ชะโงกหน้าออกมาบอกที่ระเบียง เขาหยิบถ้วยวุ้นเส้นและถั่วงอกลวกพร้อมกับตะกร้าผักบุ้งออกมา แค่นี้ก็น่าจะเรียบร้อยแล้ว



"มะ กินกันเถอะ ผมหิวแล้ว"

ฆาเบียร์หัวเราะหึๆ เขาก็เห็นเจบ่นหิวทั้งวัน เจลวกผักบุ้งและเส้นในตะกร้อลวกและใส่ลงในถ้วย จากนั้นลวกเนื้อสดจนสุกบ้าง เขาคีบเครื่องในเปื่อยในถ้วยซึ่งมีทั้งม้าม ตับ ไส้และผ้าขี้ริ้วใส่ลงในถ้วย จากนั้นตักทั้งลูกชิ้นและเนื้อเปื่อยและน้ำซุปราดลงไป ก็เป็นอันเสร็จพิธี ฆาเบียร์ทำแบบเดียวกัน แค่ว่าของเขาเป็นวุ้นเส้น ใส่ถั่วงอกและไม่ใส่เครื่องใน

"อาหย่อยอ่ะ"

เจกินไปยิ้มไป สำหรับเขา ก๋วยเตี๋ยวเนื้อก็ต้องร้านรสเยี่ยม ในจังหวัดเชียงใหม่มีรสเยี่ยมหลายสาขาด้วยกัน แต่ละที่ก็มีเจ้าของต่างกัน สำหรับเขา เขาสะดวกใจที่จะกินที่สาขานี้มากที่สุด ร้านนี้ก็เป็นหนึ่งในร้านที่เจกินมาตั้งแต่เด็กเช่นเดียวกัน เขาถึงดีใจมากเมื่อพบว่ามีร้านสาขานี้มาเปิดที่ถนนนิมมานเหมินท์

"ผมชอบเครื่องในเปื่อยของร้านนี้จริงๆ นะ เขาทำดี กลิ่นไม่แรง มีอีกร้านที่ผมคิดว่าสูสีกับร้านนี้ก็คือร้านเพ็ญจันทร์ที่อยู่ตรงข้ามกับประตูใหญ่ม.ช. "

เจคีบเนื้อสดใส่ตะกร้อลวกจนสุก เขาแบ่งให้ฆาเบียร์ครึ่งหนึ่ง ฆาเบียร์คีบเนื้อเปื่อยและเอ็นเปื่อยใส่ถ้วยให้เจ คนตัวเล็กยิ้มหวานให้เขาและคีบมันเข้าปาก ฆาเบียร์อดนึกถึงคำของแม่ขึ้นมาไม่ได้ เจทำให้ทุกมื้ออาหารของเขารื่นรมย์ เขาคีบลูกชิ้นในถ้วยส่งให้เจ แล้วคีบวุ้นเส้นเข้าปากตัวเองพร้อมซดน้ำซุปตาม

"อากาศแบบนี้ก็ต้องหม้อไฟสินะ"

เจนยุทธเปรยขึ้นพร้อมสยิวกายเฮือกนึง อุณหภูมิที่เบื้องนอกระเบียงนี้ลดลงทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน ถึงปีนี้จะไม่หนาวจัดนัก แต่อากาศช่วงต้นเดือนมกราคมก็ยังคงเย็นพอที่จะทำให้เจที่ใส่แค่เสื้อยืดหนาวได้ เขาซดน้ำซุปร้อนๆ จากหม้อ มันทำให้เขาอุ่นขึ้นอีกหน่อย ฆาเบียร์ขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้นไปนั่งบนที่เท้าแขนของเก้าอี้เจและโอบร่างเพรียวนั้นเพื่อให้ความอุ่น

"นี่ คุณ..."

เจโคลงหัว

"ถ้ากลัวผมหนาวน่ะ เดินไปหยิบเสื้อคาร์ดิแกนมาให้ผมสักตัวดีกว่าไหม?"

ฆาเบียร์ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ เขาบอกว่าเขาอยากกอดให้ความอบอุ่นเจมากกว่า เจโบกมือไล่ฆาเบียร์ให้กลับไปนั่งที่ตัวเองแล้วบอกว่าเขาไม่ได้หนาวขนาดนั้น ฆาบี้ทำหน้ามุ่ยกลับไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวในถ้วยของตัวเองต่อ พวกเขาทั้งสองกินไป หัวร่อต่อกระซิกกันไปจนก๋วยเตี๋ยวที่เจซื้อมาหมดเกลี้ยง



"โอย ท้องจะแตก"

เจนั่งพุงอืดอยู่บนเก้าอี้บาร์ ส่วนฆาเบียร์จัดการล้างเศษอาหารออกจากจานชามก่อนจะเรียงลงเครื่องล้างจาน ตอนนี้เขากำลังล้างหม้อสุกี้อย่างขมักเขม้น เจยิ้มมองดูฆาเบียร์ที่ยืนหน้ามันอยู่หน้าซิงค์ จะมีใครสักกี่คนที่ได้เห็นโฉมหน้านี้ของนักธุรกิจหนุ่มผู้ทรงเสน่ห์เจ้าของกิจการมูลค่ามหาศาลคนนี้ เขาอดไม่ได้ต้องเดินเข้าไปกอดเอวและซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างๆ นั้น

"Te adoro, Javi"

เจกระซิบคำรักอีกคำหนึ่งในภาษาแม่ของฆาเบียร์ลงบนแผ่นหลังของคนรัก ฆาเบียร์กุมมือนิ่มของเจและบีบเบาๆ

"Yo tambien te quiero mucho, mi rey"

'ฉันก็รักนายมากนะ ราชาของฉัน'


เจนยุทธหน้าแดงระเรื่อ หลังๆ มาฆาเบียร์ใช้คำนี้เรียกเขาบ่อย ไม่ว่าจะ mi rey เฉยๆ หรือ El rey de mi corazon ที่แปลว่าราชาประจำใจ เขามักกระซิบคำเหล่านี้ก่อนนอน และมันทำให้เจใจเต้นได้ทุกครั้ง



"ฆาเบียร์ครับ..."

"ว่าไง เจ?"

คนตัวโตที่กำลังทำโรแมนติกกระซิบตอบ

"มือผมเปียกหมดแล้ว ปล่อยเหอะ เลอะน้ำยาล้างจานหมดแล้ว"

เจพูดเสียงอ่อยๆ เขาผิดเองที่มากอดฆาเบียร์ผิดที่ผิดทางไปหน่อย ฆาเบียร์หัวเราะลั่นแล้วรีบปล่อยมือคนรัก เขาขอโทษขอโพยและดึงมือเจมาล้างน้ำและเช็ดให้เสร็จสรรพ

"ไปนั่งรอก่อนนะ เจ อีกนิดก็ล้างเสร็จแล้ว"

เจพยักหน้า เขาไม่กลับไปนั่งที่เก้าอี้บาร์ แต่ไปทำอะไรก๊อกๆ แก๊กๆ ในครัว เขาเปิดปิดตู้เย็นและเดินเข้าเดินออกครัวกับระเบียง จบท้ายด้วยการหอบถังน้ำแข็งกับแก้วสองใบออกไปข้างนอก

เจสะดุ้งเฮือกเมื่อหันกลับมาเจอร่างกำยำของฆาเบียร์ยืนกอดอกพิงกรอบประตูดูเขาอยู่

"ทำอะไรน่ะ เจ?"

"ของหวานไง ฆาบี้ กินข้าวแล้วก็ต้องกินของหวาน"

ฆาเบียร์ทำตาปริบๆ เมื่อกี้เจเพิ่งบ่นว่าเขาอิ่มท้องจะแตกไปหยกๆ มาตอนนี้คนตัวเล็กกลับบอกว่าพร้อมสำหรับของหวานแล้ว เจดึงมือคนรักมานั่งบนเก้าอี้ เขาเลื่อนเก้าอี้ให้ฆาเบียร์ลงนั่ง

"นั่งรอนี่แป๊บนึงนะ คุณ"



เจนยุทธกลับออกมาพร้อมถาดใหญ่ใส่ของอีกหลายอย่าง เขาปิดไฟที่ระเบียงและจุดไฟเทียนที่ปักบนขวดไวน์เก่าที่กลางโต๊ะ จากนั้นวางชามเซรามิคสีสดใสลงตรงหน้าฆาเบียร์

"Say when"

'พอก็บอกนะ'


เจนยุทธตักสตรอเบอรี่คลุกซอสที่เขาเตรียมและแช่เย็นไว้ตั้งแต่ก่อนกินข้าวลงในชามของฆาเบียร์ เขาเริ่มขมวดคิ้วเมื่อฆาบี้ไม่บอกพอเสียที

"โอเคๆ พอก็ได้"

ฆาเบียร์หัวเราะเมื่อเห็นเจทำท่าจะเทสตรอเบอรี่ทั้งอ่างผสมลงในชามของเขา เขารั้งตัวเจให้นั่งลงบนตักเขา

"กินด้วยกันนี่แหละ เจ"

เขาพูดและหยิบสตรอเบอรี่ชิ้นหนึ่งดันใส่ระหว่างริมฝีปากที่หุบแน่นของเจแล้วขยิบตาให้ เจหน้าแดงระเรื่อ ทำไมเขาจะไม่เข้าใจความหมายของคนตัวโต เขาก้มหน้าลงแล้วใช้ริมฝีปากของตัวเองป้อนสตรอเบอรี่เข้าปากของฆาเบียร์ เขารีบถอนริมฝีปากออกก่อนที่คนตัวโตจะรุกรานเขามากกว่านี้


(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)



ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- Hasta Luego (ต่อ) ----



"อืมม์ อร่อยนี่ เจ นี่ใส่น้ำส้มบัลซามิคลงไปในสตรอเบอรี่ด้วยเหรอ?"

ฆาเบียร์อุทาน น้ำส้มบัลซามิคและสตรอเบอรี่เป็นส่วนผสมที่แสนลงตัว เขาบอกเจว่าเขารับรสได้ว่าน้ำส้มบัลซามิคที่เจใช้นั้นเป็นของดีที่ไม่ใช่เกรดทำสลัดที่ขายขวดละไม่กี่ร้อยทั่วไป

"แหม เก่งจริงๆ ฆาบี้"

เจยกบัลซามิคไร้ยี่ห้อขวดน้อยออกมาให้ฆาเบียร์ชิม คนตัวโตเทมันลงช้อนเล็กน้อยและยกขึ้นดม จากนั้นแตะชิม

"ว้าว ของดีเลยนี่ เจ ได้มาจากไหน?"

เจนยุทธบอกว่าเขาได้มาจากนพอีกทีในวันเกิดของเขา นพน่าจะซื้อมาจากเชฟอิตาเลียนสักคนที่เขารู้จักซึ่งที่บ้านของเชฟคนนั้นที่โมเดน่า อิตาลีเป็นโรงหมักน้ำส้มบัลซามิค นพกำชับเขาว่าให้ใช้กับพวกของหวานหรือสลัดในโอกาสพิเศษเท่านั้น

"พี่นพบอกว่า ถ้าจำไม่ผิดไอ้ขวดนี้น่าจะหมักกว่า 30 ปี ผมว่าถ้าขายก็น่าจะหลายพัน"

ฆาเบียร์ลิ้มรสบัลซามิคบนช้อนจนหมด มันไม่ได้ให้รสเปรี้ยวแหลมเหมือนน้ำส้มบัลซามิคเกรดทำอาหารทั่วไป แต่มีรสเข้มข้นกว่า ความหวานน้อยๆ และความหอมของเปลือกองุ่นที่ยังคงอยู่ทำให้รสของมันเกือบเหมือนกินลูกเกดชั้นดี เขายกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปบัลซามิคขวดนั้นและถ้วยสตรอเบอรี่ไว้ เจบอกเขาว่ามันคือสตรอเบอรี่ที่เขาซื้อมาจากร้านโครงการหลวงในสนามบินตอนที่พวกเขาไปส่งคริส



"เจใส่พริกไทยลงไปด้วยใช่ไหม? รสเผ็ดน้อยๆ นี่เสริมรสเปรี้ยวหวานของสตรอเบอรี่บัลซามิคมากเลย"

"ใช่ พริกไทยดำบดสด คุณนี่ลิ้นดีจริงๆ"

ฆาเบียร์ยิ้มมุมปากและตอบเจนยุทธ

"ถ้าลิ้นไม่ดี เจไม่ร้องครางลั่นห้องทุกครั้งหรอกนะ คนดีของฉัน"

เจนยุทธหน้าแดงก่ำ เขาบ่นลั่นแล้วปัดมือคนตัวโตที่ลูบไล้ต้นขาของเขา ตาลุงนี่ทำตัวเป็นตาเฒ่าหัวงูตามคาราโอเกะไปได้



"อย่าพึ่งกินนะ ฆาบี้ ขาดไปอีกอย่าง"

เจกล่องไอศกรีมวนิลายี่ห้อดีที่สุดในท้องตลาด มันเหลือไม่เยอะแล้ว เขาตักมันออกมาทั้งหมดแล้วโปะลงไปบนกองสตรอเบอรี่

"เดี๋ยวก่อน เจ"

ฆาเบียร์ยกมือกันช้อนของเจที่กำลังจะจ้วงไอศกรีม เขาหยิบขวดบัลซามิคชั้นดีนั้นขึ้นมาแล้วเทใส่ช้อนชาเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ ราดลงบนไอศกรีม

"ลองชิมดูสิ"

เจตักไอศกรีมราดบัลซามิคนั้นขึ้นชิมแล้วทำตาโต รสชาติหวานอมเปรี้ยวที่มีกลิ่นหอมๆ ของบัลซามิคเข้ากันได้ดีกับไอศกรีมวนิลา เขาตักมันกินพร้อมกับสตรอเบอรี่แล้วก็ทำท่าเต้นแร้งเต้นกาจนฆาเบียร์หัวเราะ

"อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ เจ?"

เจพยักหน้าระรัว เขาตักไอศกรีมพร้อมสตรอเบอรี่ป้อนใส่ปากคนรักที่อ้ารออยู่

"อร่อยจริงๆ ด้วยแฮะ เชฟคนนั้นยังพอมีบัลซามิคแบบนี้เหลือไหม? ฉันชักอยากได้มั่งสักขวด"

ฆาเบียร์หยิบช้อนมาตักกินเองอีกคำ เขาทำท่าเสียดายเมื่อเจบอกว่าเห็นนพบอกว่าเชฟคนนั้นย้ายไปทำงานที่ประเทศอื่นแล้ว เขาเลยใช้บัลซามิคขวดนี้อย่างกระเหม็ดกระแหม่เพราะไม่รู้จะหาได้อีกจากที่ไหน แต่ถ้าฆาบี้อยากได้ เอาขวดของเขาไปก็ได้ ฆาเบียร์ปฏิเสธแล้วบอกว่าไว้เขากลับมากินที่เชียงใหม่ก็ได้



"ตายล่ะ ผมลืม"

เจอุทาน เขากินสตรอเบอรี่หมดไปเกือบครึ่งแล้ว แต่ดันลืมเปิดเครื่องดื่มที่เข้ากับสตรอเบอรี่สุดๆ ไปจนได้ เขาลงจากตักคนรักและเดินไปหยิบแชมเปญที่เขาแช่ไว้ในถังน้ำแข็งพร้อมแก้วแชมเปญสองใบมาให้ฆาเบียร์เปิด

"แชมเปญนี้ ที่คุณลืมเอาไปเปิดตอนปีใหม่ไง เราเปิดกินกันสองคนก็ได้"

เจลากเก้าอี้มานั่งอิงแอบแนบข้างคนรัก ​ฆาเบียร์รับขวดแชมเปญ Dom Perignon ปี 2006 มาและค่อยๆ ดันฝาจุ๊กคอร์กออกจากนั้นก็เทแชมเปญสีทองที่มีพรายฟองเล็กละเอียดลงในแก้ว

"สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังครับ ฆาเบียร์"

เจยกแก้วขึ้นชนเบาๆ กับฆาเบียร์

"Feliz año nuevo, vida mia"

'สุขสันต์วันปีใหม่นะ ที่รัก'

ฆาเบียร์พูดยิ้มๆ ก่อนยกแก้วแชมเปญขึ้นดื่ม เขากับเจยังไม่ได้กล่าวสวัสดีปีใหม่กันเพราะตัวเขาดึงตัวเจมาจูบข้ามปีเสียก่อน เจหยิบสตรอเบอรี่ในถ้วยขึ้นกินแล้วถึงยกแชมเปญขึ้นจิบ พวกเขาทั้งสองนั่งจิบแชมเปญไป คุยกันไป กินสตรอเบอรี่ไปจนกระทั่งมันหมดอ่างที่เจเตรียมมา



"แชมเปญยังไม่หมดเลยนะ เจ เอาไงดี?"

"นั่นสิ ดื่มให้หมดเลยดีกว่า ฆาเบียร์"

"งั้นเดี๋ยวฉันมานะ"

ฆาเบียร์ลุกหายเข้าไปและเดินยิ้มกริ่มกลับออกมาพร้อมถุงซิการ์และไฟแช็ก เจนยุทธหน้าแดง เมื่อคืนเขาก็เพิ่งโดนฤทธิ์ซิการ์ราคาแพงของอาปาเข้าไปอย่างจัง ฆาเบียร์เลือกๆ ซิการ์ที่เจเก็บเอาไว้นานแล้วเลือกตัวที่ยังสภาพดีออกมา เขาหยิบซิการ์ยี่ห้อ H. Upmann เบอร์ 1 ออกมาแล้วจัดการตัดปลายแล้วจุด ส่วนเจจุด Montecristo เบอร์ 2

ทั้งคู่นั่งสูบซิการ์เงียบๆ บนเก้าอี้อาบแดดที่ระเบียงพร้อมจิบแชมเปญ มันเข้ากันได้ดีทีเดียวแต่เจก็ยังชอบสูบซิการ์ไปพร้อมๆ กับดื่มซิงเกิลมอลท์ดีๆ มากกว่า เจหันไปมองคนตัวโต ฆาเบียร์กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง คิ้วของเขาแทบจะชนกันอยู่แล้ว เจเอื้อมมือไปสัมผัสฝ่ามือใหญ่ของคนรัก

"เป็นอะไร ฆาเบียร์ คุณมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?"

ฆาเบียร์ถอนหายใจ มันมีอะไรบางอย่างกวนใจเขามาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เขาไม่รู้ว่าเขาควรพูดมันออกไปไหม เพราะรู้ว่าถ้าพูดเจต้องโกรธแน่ๆ แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจพูดมันออกไป



"เจ เจจำที่ฉันขอเจเมื่อคืนได้ไหม? ที่ฉันบอกว่าจะให้เจไถ่โทษด้วยการรักฉันและอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต"

เจพยักหน้า เขาขมวดคิ้ว ฆาเบียร์ต้องการจะพูดอะไร

"เจลืมๆ ที่ฉันพูดไปเถอะนะ...ฉัน...ฉันแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย"

ฆาเบียร์อ้ำๆ อึ้งๆ

"ฉันขอถามเจได้ไหม?..."

คนตัวโตของเจทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เขารู้สึกตื้อขึ้นมาในอกอีกแล้ว ใจหนึ่งเขาอยากถามให้รู้เรื่องไป แต่อีกใจก็กลัวจะได้รับคำตอบ



"ทุกวันนี้ ที่เจคิดว่าเจรักฉัน จริงๆ แล้วเจอาจจะแค่คิดว่าต้องชดใช้สิ่งที่ทำกับฉันหรือเปล่า? ตอบฉันมาหน่อยสิ เจ?"

น้ำตาหยดน้อยๆ ค่อยๆ หยาดหยดจากดวงตาคู่งามที่ตอนนี้ฉายแววโศก ต่อให้เจเคยบอกรักเขากี่ครั้งก็ตาม เขาก็ยังไม่มั่นใจว่าเจที่ไม่เคยลิ้มรสชายคนไหนมาก่อนจะสามารถรักเขาได้จริงๆ เจอึ้งไป ก่อนที่จะถอนหายใจแล้วลุกขึ้นไปนั่งบนตักของคนรักที่นั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้อาบแดด เขาดึงซิการ์และแก้วแชมเปญออกจากมือของฆาเบียร์ แล้วซบกายลงไปบนอกกว้างนั้น

"ฆาบี้ครับ คุณอย่าดูถูกความรักของผมแบบนั้นสิ"

เจนยุทธตัดพ้อ เขาเคืองนิดๆ ที่ฆาเบียร์ถามแบบนั้นออกมา แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของคนรัก ทีนี้เขาต้องทำอย่างไรเพื่อให้เมียตัวโตของเขามั่นใจ

"ฉันกลัวจริงๆ เจ กลัวไปหมดว่าวันหนึ่งนายจะรู้ตัวว่าที่ผ่านมา มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกผิด"

"เหมือนที่คุณรู้สึกกับพี่นพเหรอ ฆาเบียร์"

เจย้อนถาม ฆาเบียร์เคยบอกว่าเขาเพิ่งมารู้ตัวเอาทีหลังว่าความรู้สึกเกือบ 20 ปีที่มีต่อนพนั้น หลักๆ คือความรู้สึกผิดและความรู้สึกติดค้างที่มีในใจ

"คุณกลัวว่าความรู้สึกที่ผมมีจะเป็นเหมือนของคุณใช่ไหม?"

ฆาเบียร์พยักหน้า เจพลันดึงคอเสื้อของฆาเบียร์เข้ามาแล้วประกบปากจุมพิตที่ริมฝีปากบางนั้น เขาพยายามส่งความรู้สึกของตัวเองผ่านจูบนั้นไปให้ได้มากที่สุด จูบแบบที่เขาจะไม่มีให้ใครอื่นอีก จูบที่มีให้ชายคนแรกและคนเดียวในชีวิตของเขาคนนี้



"เจ...ฉัน"

ฆาเบียร์ซบหน้าลงกับไหล่ของคนรัก เขาละอายใจเหลือเกินที่คิดสงสัยอะไรแบบนั้น

"เมียครับ"

เจจับไหล่ทั้งสองข้างของฆาเบียร์แล้วดันออก เขาจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาที่มีแววโศกนั้น

"ผมรักคุณ รักด้วยใจ ไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิดอะไร เข้าใจไหม?"

"ช่วงแรกๆ ที่คบหากัน ใช่ มันมีความรู้สึกผิดอะไรอยู่บ้าง แต่นั่นมันแค่ทำให้ผมดูแลคุณอย่างดี แค่นั้นเอง ไม่ได้ทำให้ผมยอมให้อะไรๆ ระหว่างเรามันเกิดขึ้น"

แต่ความรู้สึกลึกซึ้งที่เจมีให้ฆาเบียร์นั้นก่อตัวขึ้นยามที่เขาทั้งสองใกล้ชิดกัน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อทั้งคู่ได้เห็นธาตุแท้ของกันและกัน ได้เห็นตัวตนที่แท้จริง ได้เห็นความอ่อนแอในใจ และเรื่องอื่นๆ ที่ไม่มีใครเคยได้เห็นหรือรับรู้

"แต่ถ้าคุณกลัวว่าความรักที่ผมมีให้คุณมันเป็นแค่ความรู้สึกปลอมๆ คุณจะเดินจากผมไปก็ได้นะ ฆาบี้"

เจทอดเสียงอย่างเศร้าสร้อย ถ้าคนตัวโตยังหวั่น เขาก็พร้อมจะถอยเพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย ฆาเบียร์ผวาเข้ากอดร่างเพรียวที่ทำท่าจะลุกขึ้นจากตักของเขา

"ไม่ เจ ฉันไม่สงสัยแล้ว จริงๆ นะ"

ฆาเบียร์กอดเจไว้แนบอกจนเจต้องบอกให้เขาปล่อย เจขยับลงนอนเบียดข้างคนรัก

"คุณนี่มันจริงๆ เลย ถึงขนาดนี้แล้วยังจะมานอยด์อะไรนักหนา"

เจถอนหายใจ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เขาก็ขอสารภาพเลยแล้วกัน

"ผมอ่ะ ติดใจคุณตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว"

เจนยุทธหน้าแดงเมื่อฆาเบียร์หันมาจ้องหน้าเขา ตาคมๆ คู่นั้นทำให้เขาเขินเหลือเกิน



"ก็ตอนแรกที่เจอกันอ่ะ พอได้พูดคุยกับคุณผมก็รู้สึกว่าคุณไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอย่างที่ผมคิด..."

"พอผมเห็นคุณมีทีท่าเสียใจและขอโทษพี่นพตั้งแต่ตอนแรกที่พบกัน ผมก็ว่าจะไม่ทำอะไรคุณละ"

เจบอกว่าเขามาเปลี่ยนใจอีกทีตอนที่ฆาเบียร์พยายามให้นพอยู่ค้างด้วย เขาก็เลยตั้งใจทำตามแผนที่จะมอมเหล้าฆาเบียร์และทำการสั่งสอนเหมือนที่ตั้งใจไว้

"แต่ความตั้งใจของผมน่ะ จริงๆ แค่จะมอมให้คุณเกือบสลบแล้วล่วงล้ำคุณด้วยนิ้วแล้วถ่ายรูปเก็บไว้อ่ะ"

ฆาเบียร์ทำตาโตแล้วทุบพลักเข้าที่อกคนรัก เจนี่ช่างร้ายกาจจริง ถ้ามีรูปแบบนั้นหลุดออกมา เขาต้องตายแน่ๆ

"...แล้วเจได้ถ่ายไว้ไหม?"

"บ้า ใครจะไปยอมถ่ายให้คนอื่นเห็นล่ะ"

เจหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงท่าทางของฆาเบียร์ในคืนนั้น คนตัวโตไม่รู้หรอกว่าตัวเองนั้นเซ็กซี่ขนาดไหน ใบหน้าคมเข้มที่เมามายนั้นเร้าใจเขาอย่างประหลาด  ตอนแรกเขาตั้งใจจะปัดป้องการรุกเร้าของฆาเบียร์แล้วหาโอกาสจับคนที่เมาหนักแล้วคนนี้กดแล้วจัดการตามที่ตั้งใจ แต่แอลกอฮอล์ในเลือดและกลิ่นซิการ์ผสานกับกลิ่นกายของฆาเบียร์ทำให้เขาไม่ปฏิเสธจูบของฆาเบียร์ที่ประทับลงมา​ จูบของฆาเบียร์ปลุกเร้าความรู้สึกของเขามากกว่าจูบของสาวคนไหนๆ ยิ่งฆาเบียร์สัมผัสแท่งลำของเขา เขายิ่งต้องการตัวของคนร่างใหญ่คนนี้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้



"ที่ผมใช้ปากให้คุณน่ะ ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมทำมันไปได้ไง ผมแค่รู้ว่าผมอยากทำ"

เจก้มหน้าซุกไปกับอกคนตัวโตอย่างขวยเขิน เจย่ำยีฆาเบียร์ด้วยนิ้วตามที่ตั้งใจไว้ แต่เขาตัดใจถ่ายรูปคนตัวโตที่ดิ้นพราดๆ น้ำตาเปรอะเต็มหน้าไม่ได้ หากเสียงร้องของฆาเบียร์ในตอนนั้นกลับทำให้เขาร้อนไปทั้งตัว ในหัวเขาตอนนั้นสั่งให้เขาเดินหน้าไปจนสุดทาง​จนในที่สุดเขาฝืนยัดเยียดส่วนสงวนของเขาเข้าไปจนได้

"นายทำฉันเจ็บแทบตายเลยนะ เจนยุทธ"

ฆาเบียร์ถอนหายใจเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดในตอนนั้น เจทำหน้าสลด เขาพร่ำขอโทษคนรักอีกครั้ง

"ฆาเบียร์ครับ ผม เอ่อ ผมรู้ว่ามาพูดเอาตอนนี้มันก็คงไม่มีค่า ไม่มีความหมายอะไร..."

"แต่ผมอยากให้คุณว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นส่วนหนึ่งมันเป็นความปรารถนาของผมจริงๆ ไม่ใช่แค่ความรู้สึกอยากแก้แค้น"

ฆาเบียร์จูบแก้มคนรักแผ่วๆ

"ฉันรับรู้แล้ว เจ และขอบใจมากที่บอกฉัน"

แม้มันจะไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเจขืนใจเขา แต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่าอย่างน้อยเจก็ปรารถนาในตัวเขาจริงๆ ไม่ใช่ทำไปด้วยเหตุผลงี่เง่าอย่างอยากแก้แค้นเพียงอย่างเดียว



"เจ...งั้นฉันอยากจะขออะไรนายอย่างหนึ่ง..."

"ฉันอยากให้วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะพูดและคิดถึงเรื่องคืนนั้น...Let bygones be bygones, ok?"

'อะไรที่มันแล้ว ก็ให้มันแล้วไป'

นั่นคือคำขอของเมียตัวโตของเจ

"ผมไม่รู้ว่าผมจะทำได้ไหม ฆาเบียร์"

เจทำเสียงสลด ฆาเบียร์จ้องลึกไปในตาของคนรัก แต่ที่เขาเห็นคือแววซุกซน

"ก็คุณในวันนั้นเอ๊กซ์โคตรๆ ผมลืมไม่ลงเลยอ่ะ"

ฆาเบียร์อุทานลั่นและพยายามคว้าตัวเจที่เผ่นผลุงลงหนีลงเก้าอี้ไปตั้งหลัก ฆาเบียร์ลงเก้าอี้ตามและอาศัยความที่ขายาวกว่าตามจับตัวคนตัวเล็กของเขามาจนได้และปล้ำจูบจนเจอ่อนระทวยไปทั้งตัว



"ฆาเบียร์ครับ..."

"อะไรเหรอ เจ?"

เจจูบต้นคอคนที่นอนคว่ำเปลือยเปล่าอยู่ใต้ร่างของตัวเองแผ่วๆ

"อย่าได้สงสัยในตัวผมอีกเลยนะ ที่รักของผม..."

"...คุณจะเป็นชายคนแรกและคนเดียวในชีวิตผม เป็นรักเดียวที่ผมจะมีไปจนตลอดชีวิต..."

ถ้าวันหนึ่งข้างกายเขาไม่มีฆาเบียร์แล้ว เขาคงทำใจไปรักผู้ชายหรือกระทั่งผู้หญิงคนอื่นไม่ได้

"...คุณเติมเต็มชีวิตผม และผมรู้ว่าผมก็เติมเต็มชีวิตคุณด้วยเช่นกัน"

"เจ...อ๊ะ"

ฆาเบียร์ครางออกมาเบาๆ เมื่อเจนยุทธขยับตัว บางสิ่งที่คาอยู่ที่ช่องทางด้านหลังของเขาเริ่มพองตัวขึ้นเมื่อถูกบีบรัด เจขยับสะโพกให้มันฝังลึกกลับลงไปในช่องทางที่พึ่งให้ความสุขสุดยอดเขาไปเมื่อครู่



ฆาเบียร์ครางเสียงกระเส่ากอดรัดร่างเพรียวแต่แข็งแรงในอ้อมอกไว้แน่น เขาโน้มคอเจนยุทธลงมาและป้อนจูบให้ เจตอบสนองด้วยจูบหนักๆ และลิ้นร้อนๆ ที่เข้ามาพัวพันกับลิ้นของเขา มือข้างหนึ่งของพวกเขาประสานกันแน่น ร่างกายทั้งสองขยับประสานกันเป็นท่วงทำนองแห่งความรัก เมื่อคืนพวกเขาร่วมรักกันจนหลับไปโดยร่างกายยังเชื่อมต่อกัน และเมื่อตื่นขึ้นมาก็บรรเลงเพลงรักกันต่อจนตอนนี้ที่แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเข้ามาในห้อง

"เจ อา เจของฉัน เอาอีก แรงอีก หนักๆ ฉันจวนแล้ว"

ฆาเบียร์ปลดปล่อยออกมาพร้อมเสียงคำรามลั่น เจหอบกระเส่าแต่ยังขยับกายต่อ

​"โอ ฆาเบียร์ ผมรักคุณ รักคุณเหลือเกิน ผมไม่ไหวแล้ว"

เจครางลั่น เขาทนความบีบรัดไม่ไหวแล้ว

"อา ฆาเบียร์ครับ จำความรู้สึกนี้ไว้นะ จำไว้"

เจสูดปากลั่น เขาขยับแรงๆ ครั้งสุดท้ายก่อนปลดปล่อยออกมาจนทะลักล้นช่องทางแดงก่ำของฆาเบียร์ ฆาบี้ผวาเฮือกอีกครั้ง ความรู้สึกนั้นช่างเร่าร้อนและรุนแรง เขากอดร่างเพรียวที่ทาบทับร่างเขาไว้แน่น ทั้งคู่แลกจูบกันจนกระทั่งหลับไปอีกครั้ง



"ฆาบี้ครับ วันนี้ผมส่งคุณแค่ที่ประตูหน้านะ ที่จอดหายากเหลือเกิน ช้ากว่านี้คุณจะตกเครื่องเอา"

เจนยุทธนั่งทำหน้ายุ่งอยู่หลังที่นั่งคนขับ พวกเขาทั้งคู่สะดุ้งตื่นมาตอนบ่ายโมงกว่า หลังจากตาลีตาเหลือกอาบน้ำพวกเขาก็ทำอาหารง่ายๆ กินกันก่อนที่ฆาเบียร์จะโกยของใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะเอากล่องดนตรีที่เจสั่งทำให้ติดตัวกลับไปด้วย

เจพาฆาเบียร์ออกมายังสนามบินตอนประมาณหลังสามโมงครึ่งเล็กน้อย ไฟลท์ของฆาเบียร์ออกตอนหกโมงยี่สิบ เขาดูเวลาแล้วอย่างไรก็ทัน แต่การจราจรที่ติดขัดมากเพราะใครๆ ก็แห่กันกลับวันนี้ทำให้พวกเขามาถึงสนามบินช้ากว่าที่คาดมาก

"ไม่เป็นไรหรอก เจ ส่งที่ไหนก็เหมือนกัน"

เจนยุทธลงรถไปเอากระเป๋าที่ท้ายรถให้คนรักตัวโตของเขา

"เจ ไปเถอะ รปภ.ทำหน้ายักษ์เดินมานู่นแล้ว"

ฆาเบียร์ชี้ไปที่รปภ.ซึ่งมาคอยไล่คนไม่ให้จอดแช่ที่หน้าประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ เขาโบกมือลาคนรัก

"Hasta luego นะ เจนยุทธ"

ฆาเบียร์พูดคำลาในภาษาสเปนที่แปลตรงตัวว่า Until then หรือ จนกว่าจะถึงตอนนั้น

"Hasta luego ​ครับ ฆาเบียร์"

ฆาเบียร์ยิ้มให้คนรักและหันหลังเดินไป พวกเขาไม่กล่าวคำว่า goodbye หรือ farewell เพราะพวกเขารู้ว่าตราบใดที่ใจของพวกเขาทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะอย่างไร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มันก็ไม่ต่างกัน เขารู้ว่าเขามีเจและเจก็มีเขา ไม่ว่าจะห่างกันแค่ไหน ไม่ว่าจะห่างกันนานแค่ไหน เขารู้ว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาต้องหาทางกลับมาหากันจนได้​


"ฆาบี้ครับ!"

ฆาเบียร์ชะงักและหันหลังกลับมา ร่างเขาไหวเยือกเพราะแรงปะทะของเจที่โถมเข้ามาในอ้อมอกเขา คนตัวเล็กที่ปกติเขินอายในการแสดงออกในที่สาธารณะโน้มคอฆาเบียร์ลงแล้วจุมพิตเนิ่นนานท่ามกลางสายตาของคนที่มารอขึ้นเครื่อง

"ฮักอ้ายนะ"

เจกระซิบแผ่วๆ ที่หูของคนรัก

"อือ อ้ายก็ฮักเจ"

ฆาเบียร์กระซิบตอบก่อนที่จะจุ๊บเบาๆ ลงบนปากที่ยิ้มพรายนั้นก่อนที่จะลากกระเป๋าเดินจากไป เจยิ้มให้รปภ.ที่ยืนอึ้งอยู่ก่อนที่จะขึ้นน้องอัซซูรี่ของเขาแล้วขับออกจากสนามบินไป



---------------------------------------------


โฮ้ยยยย กว่าจะจบภาคคริสต์มาส/ปีใหม่ ยาวมากกกกกกก ตอนนี้ก็ยาวมากคร่า จบไม่ลง ฮ่าๆๆ จบพาร์ทนี้คนเขียนขอพักสักแป๊บๆ แล้วอาจจะกลับมาลงตอนพิเศษซักตอนสองตอนเพื่อคั่น แล้วก็จะมาลงตอนยาวอีกตอน ซึ่งจะเป็นพาร์ทเที่ยว ไม่แน่ใจว่าจะเขียนได้สนุกหรือเปล่า แต่ยังไงก็รออ่านกันนะคะ คนเขียนไม่หนีไม่ชิ่งไปไหนแน่นอน Hasta luego ค่ะ ทุกคน


วันนี้ไม่มีอะไรมาฝากมาก เอาสูตรสตรอเบอรี่บัลซามิคไปก่อนแล้วกันนะคะ

Balsamic strawberries https://goo.gl/FCUocy

แล้วก็...เนื้อตุ๋นรสเยี่ยม https://goo.gl/7T1JjY




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2017 06:40:40 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



คุยกันก่อนอ่านนะคะ ต้องบอกกันไว้ก่อนว่าตอนนี้เป็นตอนแยกที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องหลักเลย อาจเกี่ยวแค่ว่ามันเป็นฝันของเจนยุทธแค่นั้นเอง และถ้าอ่านแล้วรู้สึกคุ้นๆ คล้ายๆ กับนิยายเรื่องดังของไทยบางเรื่องหรือนิยายฝรั่งดังบางเรื่องซึ่งเป็นแรงบันดาลใจ(แบบเกือบเหมือนเป๊ะในบางตอน)ของนิยายไทยเรื่องนั้นอีกที ก็เพราะว่าจงใจให้ได้บรรยากาศแบบนั้นค่ะ แหะๆๆ เรียกได้ว่าเป็นแฟนฟิคของทั้งสองเรื่องก็ว่าได้ คนเขียนโตมากับการอ่านนิยายเรื่องนั้นซึ่งออกชื่อดังๆ ไม่ได้เดี๋ยวโดนฟ้อง ก็อยากจะลองเขียนอะไรแนวนั้นดู แต่จะให้ไปเปิดเป็นเรื่องใหม่เลยก็กลัวว่าจะยาว ก็มาแปะๆ กับเรื่องที่กำลังเขียนอยู่แล้วกันเนาะ ตอนแรกกะว่าจะตอนเดียวจบ แต่ดูท่าจะไม่จบง่าย จะพยายามดึงๆ ไว้ใน 2-3 ตอนแล้วกันค่ะ ถ้าใครรอสองหนุ่มเจ ฆาเบียร์ เดี๋ยวหนุ่มๆ เขาจะโผล่มาอีกทีช่วงก่อนจบของตอนพิเศษนี้ค่ะ

อีกสาเหตุที่เขียนตอนนี้ขึ้นมาเพราะตอนนี้คนเขียนมีพล็อตเรื่องใหม่ในหัว ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรโบราณและจะไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับสิ่งรอบตัวแบบที่เขียนๆ อยู่ในปัจจุบัน ก็เลยมาลองเขียนซ้อมมือดูก่อนว่าจะสามารถเขียนจากการหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเพียงอย่างเดียวและไม่อิงกับประสบการณ์จริงเลยได้ไหม ปรากฎว่ายากมาก ไงก็ไม่สามารถเข็นให้จบหนึ่งตอนภายในวันสองวันได้ อ่านแล้วคิดยังไงก็ขอคำชี้แนะจากคนอ่านด้วยนะคะ จะได้เอาไปใช้ในเรื่องถัดไป (ซึ่งคงอีกนาน รอเรื่องสองหนุ่มนี่จบก่อน)




---- ฝันกลางฤดูร้อน Pt.1 ----




"อือ ทำไมมันร้อนงี้วะ?"

เจนยุทธบ่นทั้งๆ ที่หลับตา อากาศในคืนกลางเดือนเมษาแบบนี้ช่างอบอ้าวนัก แต่ห้องของเขาไม่ควรจะร้อนขนาดนี้เพราะเขามักเปิดแอร์ไว้เย็นเฉียบ

"ฆาบี้ ไฟดับเหรอ?"

เขาถามคนที่นอนข้างตัว หากไร้คำตอบ เขาอยากลืมตาแต่ก็หนักหน้าตาไปหมดจนลืมตาไม่ขึ้น เขารู้สึกเหนอะหนะไปทั้งตัว แล้วยังมีเหมือนแมลงหรืออะไรมาตอมหน้าตาเขาอีก แล้วไหนจะเสียงคนพูดดังอื้ออึงเหมือนใครเปิดทีวีทิ้งไว้อีก

"โอ๊ย อะไรกันนักหนาวะ?!"

เขาลืมตาโพลงและลุกพรวดขึ้นนั่งด้วยความรำคาญ



เจนยุทธงงงันวูบเมื่อได้ยินเสียงโห่เฮจากรอบข้าง เสียงเหล่านั้นอยู่ในภาษาที่เขาไม่เข้าใจ เขาได้ยินคนตะโกนบอกอะไรกันสักอย่างเป็นทอดๆ

"…ฟื้นแล้ว กัปปิตันฟื้นแล้ว"

เจกระพริบตาถี่ๆ เข้าใจสิ เขาเข้าใจภาษานั้น เขารีบหันไปดูรอบๆ ตัวแล้วก็ต้องตะลึงงัน นี่เขาอยู่ที่ไหนกัน เขานอนอยู่บนเตียงสนามซึ่งวางอยู่กลางกระโจมผ้าใบที่ตั้งขึ้นอย่างลวกๆ ภายนอกกระโจมเขาเห็นผู้คนเดินกันขวักไขว่นับสิบคน ทุกคนดูง่วนอยู่กับการขนข้าวของและเอะอะโวยวายกันด้วยภาษาพื้นเมืองแขนงหนึ่งซึ่งเขาเข้าใจมันทุกถ้อยคำอย่างน่าประหลาดใจ

“รีบขนของขึ้นจากเรือให้หมด…”

“…กัปปิตันฟื้นแล้ว ไปตามท่านหญิงมา”

“…นับคนซิ มีใครหายไปบ้าง”

“ระวัง นั่นกล่องปืนกับกระสุน อย่าให้เปียกน้ำ…"




ชายหนุ่มสะบัดหน้าแรงๆ ฝัน…นี่เขาคงกำลังฝันไป

ในขณะที่เขามึนงงอยู่นั้น ในหูเขาก็ได้ยินเสียงในภาษาที่คุ้นหู

“มิเกล คุณฟื้นแล้ว โอ ผมดีใจจริงๆ”

ร่างหนึ่งถลาเข้ามากอดเขา ชายหนุ่มดันตัวออกจากอ้อมกอดนั้นเพื่อดูว่าคนๆ นั้นคือใคร

“พี่นพ! โอ๊ย ดีใจจริงๆ ที่ได้เจอพี่ นี่มันบ้าอะไรเนี่ย”


“มิเกล คุณพูดภาษาอะไร ผมไม่เข้าใจ?”

คนเบื้องหน้าทำหน้างุนงง ชายหนุ่มกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะถามประโยคเดิมซ้ำ แต่เขาต้องตะลึงเมื่อคำที่ออกจากปากเขาคราวนี้กลับเป็นภาษาสเปนอย่างคล่องแคล่วเช่นเดียวกับที่ร่างเบื้องหน้าใช้พูดกับเขา

“นพ? ใคร? ผมงงไปหมดแล้ว มิเกล ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดสักนิด”

“…เฮ้ ใครก็ได้ ไปตามมาริโซลมาที”

ชายหนุ่มที่กำลังมึนงงกระพริบตาถี่ๆ ภาพของชายหนุ่มชาวเอเชียร่างท้วมที่เขาเห็นซ้อนทับกับร่างเบื้องหน้าจางหายไป และกลายเป็นร่างของชายวัยราว 40 ปีชาวตะวันตก…ถ้าจะให้ชี้ชัดคือชาวเมดิเตอเรเนียน ร่างนั้นผอมหากสูงสง่า ใบหน้าคมเข้มนั้นมีหนวดเส้นเรียวเล็กเหนือริมฝีปาก เขาแต่งกายด้วยชุดเดินป่าที่ตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อดี หากตอนนี้มันเปียกโชกและยับยู่ยี่

 

“มิเกล!”

เสียงใสๆ เรียกชื่อที่เขายังไม่คุ้นเคย เขาหันไปก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นสองร่างเดินเข้ามาในกระโจมอย่างเร่งร้อน หญิงสาวชาวตะวันตกร่างเล็กบางที่อยู่เบื้องหน้า ดูยังไงก็มีเงาร่างของพี่อิ่มซ้อนทับ แต่คนที่เดินตามหลังมานั่นสิ...ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นและโผเข้าไปหาร่างใหญ่กำยำที่เดินตามมาเบื้องหลัง

“ฆาบี้ ฆาบี้ของผม นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ที่นี่ที่ไหน? ผมอยากกลับบ้าน”

ร่างใหญ่กำยำนั้นรับร่างที่โผเข้าสู่อ้อมอกไว้แล้วรีบดันออก ก่อนจะจับร่างสันทัดที่มีน้ำตานองหน้านั้นเขย่า

“กัปปิตันครับ ใจเย็นๆ ก่อน ตั้งสติเอาไว้!”

ร่างใหญ่นั้นตวาดใส่เขาเบาๆ ชายหนุ่มผู้สับสนนิ่งไป ใบหน้านี้เป็นใบหน้าเดียวที่ไม่ซ้อนทับกับใบหน้าคนที่เขาไม่รู้จัก หากผิวพรรณของร่างนั้นเป็นสีน้ำตาลอมแดงคล้ายพวกชนเผ่าพื้นเมืองที่คนไทยเรียกติดปากว่าอินเดียนแดง

"นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผมไม่เข้าใจ"

ชายหนุ่มที่ยังงุนงงกับสิ่งรอบกายทรุดตัวลงฮวบ หากแขนกำยำของร่างที่อยู่ตรงหน้าโอบรัดเอวเขาไว้ทัน และประคองไปนั่งบนเก้าอี้

"ที่นี่ที่ไหน พวกคุณเป็นใคร? แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?"



คำถามของเขาไร้คำตอบ หญิงสาวที่ถูกเรียกชื่อว่ามาริโซลกับชายร่างผอมสูงหันหน้าไปคุยกันอย่างเคร่งเครียด ส่วนชายร่างกำยำที่มีใบหน้าเดียวกับคนรักของเขาใช้สายตาคมวาวจับจ้องเขานิ่ง หญิงสาวส่งกระจกเล็กๆ ที่ตนพกติดตัวให้ชายหนุ่ม เขารับมาส่องดูหน้าตัวเองแล้วก็ตะลึงงัน ใบหน้าที่จ้องกลับมาหาใช่หนุ่มไทยที่มีผิวขาวตาโต แก้มป่อง ปากรูปกระจับตามที่เขาเคยจำได้ไม่ หากเป็นชายเมดิเตอเรเนียนวัยราว 35-40 ปี ผิวของเขาคล้ำแดด ใบหน้านั้นคมสันแต่มีหนวดเคราขึ้นครึ้มด้วยความขี้เกียจโกนอยู่รอบริมฝีปากอิ่มได้รูป สิ่งที่เด่นชัดที่สุดบนใบหน้าคือดวงตากระจ่างใสราวกับดวงดาว เขาก้มดูร่างผอมเพรียวของตัวเองซึ่งตอนนี้เปลือยครึ่งท่อนใส่เพียงกางเกงเดินป่าสีกากีที่เปียกชื้น ชายหนุ่มปิดตาลงและกระซิบซ้ำๆ ออกมาราวกับละเมอ

“ไม่ๆ นี่ไม่ใช่ตัวผมๆ ไม่ใช่ๆๆ”

"ฉันว่ามิเกลมีอาการหลงลืมชั่วคราวเพราะอุบัติเหตุค่ะ ให้เขาพักสักนิดและลองดูอาการดีกว่า"

มาริโซลหันไปคุยกับชายร่างผอมสูงซึ่งหันมาพูดกับเขา

“มิเกลผมว่าคุณนอนพักเถอะ ไว้คุณรู้ตัวดีกว่านี้แล้วเราค่อยมาคุยกัน”

"ไม่! ตอบคำถามผมมาสิ นี่มันที่ไหน? ผมเป็นใคร?!"

ชายหนุ่มตวาดลั่น ชายร่างสูงถอนหายใจ เขานั่งลงตรงหน้าและเริ่มเล่าทุกอย่าง



ชายหนุ่มนั่งนิ่งฟังสิ่งที่ชายที่อยู่เบื้องหน้าค่อยๆ เล่าให้ฟัง สติสัมปชัญญะของเขาค่อยๆ กลับคืนมา ความมึนงงเมื่อครู่เริ่มจางหายไป เขาจำทุกอย่างได้แล้ว ชื่อของเขาคือมิเกล เรเยส อดีตนายทหารผู้บังคับกองร้อยที่ 42 แห่งกลุ่มกบฏฝ่ายชาตินิยมสเปน ชายร่างผอมสูงที่นั่งอยู่เบื้องหน้าเขาคือพันเอกอัลฟองโซ โกโลม่า เคาท์แห่งเอลด้า อดีตผู้บังคับบัญชาสายตรงของเขาช่วงสงครามกลางเมืองสเปนระหว่างรัฐบาลรีพับลิกันและกลุ่มกบฏฝ่ายชาตินิยมในช่วงปี 1936-1939

มิเกล ร้อยเอกหนุ่มอนาคตไกลวัย 28 ปีเข้าสู่สงครามด้วยความฮึกเหิม หากความโหดร้ายของสงครามที่ได้พบเจอทำให้เขาทนไม่ไหว ในปี 1938 ​ มิเกลซึ่งไร้ครอบครัวหนีจากการศึกและแฝงตัวลงเรือมากับผู้คนที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาล Republican ซึ่งพ่ายศึกให้แก่จอมทัพฟรังโก้ผู้นำการกบฏ จุดหมายปลายทางของเขาคือเปรู เขามาอาศัยอยู่กับญาติซึ่งตั้งรกรากอยู่ที่อดีตเมืองขึ้นของสเปนแห่งนี้มานับร้อยปีแล้ว มิเกลยึดอาชีพพรานและคนนำสำรวจป่าอันเป็นอาชีพดั้งเดิมของพ่อแม่ผู้ล่วงลับไปของเขาที่สเปน ตลอดเวลาแปดปีมานี้ เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามอัตภาพที่เมือง Cusco  บนเทือกเขาแอนดีส จนกระทั่งมีคนกลุ่มหนึ่งมาตามหาเขาจนเจอ



มิเกลสั่นเทิ้มไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มละไมของดอนอัลฟองโซในวันนั้น ใจของเขาคิดว่าเขาคงจะถูกจับตัวกลับไปสเปนในข้อหาหนีทหาร หากชายสูงศักดิ์ผู้เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของเขาหัวเราะร่าและบอกว่าเขาไม่ได้มาเพื่อจับตัวมิเกล

"ฉันจะมาจ้างนายให้พาฉันเดินทางเข้าป่า..."

ดอนอัลฟองโซกล่าวว่าหลังจบสงครามเขาเองก็ลาออกจากราชการและกลับไปสืบทอดธุรกิจที่มีมากมายของตระกูลโกโลม่า หากความเบื่อหน่ายทำให้เขาอยากออกผจญภัย เขาจับพลัดจับผลูไปได้แผนที่โบราณอายุเกือบ 500 ปีของฆวน กาโก้ หนึ่งในทีมสำรวจโลกใหม่ของนายทหารและนักสำรวจชื่อก้องอย่างฟรานซิสโก ปิซาโร่ ฆวนเสียชีวิตกลางป่าอะเมซอนหากลูกหาบชาวพื้นเมืองของเขาเสี่ยงตายนำแผนที่มามอบให้กับมือของปิซาโร่ และสุดท้ายหลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 500 ปีมันก็ตกมาถึงมือของดอนอัลฟองโซ เขาพบว่าแผนที่นั้นถูกเขียนขึ้นด้วยภาษาสเปนสลับกับ Quechua ซึ่งเป็นภาษาของอาณาจักรอินคาโบราณที่ถูกเขียนโดยใช้อักษรละติน

ดอนอัลฟองโซให้นักภาษาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญภาษา Quechua ซึ่งยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบันช่วยแปลแผนที่ฉบับนั้นให้ แม้ยังมีบางจุดที่แปลไม่ได้ แต่ดอนอัลฟองโซก็เดินหน้าเตรียมการเดินทางครั้งนี้ เขาใช้เส้นสายทุกทางเพื่อให้ได้รับความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้ เขาเนื้อเต้นเมื่อได้ยินว่าลูกน้องเก่าของเขา มิเกล เรเยส ได้มาตั้งรกรากอยู่ที่คุสโก้ เขาจำได้ว่าในช่วงสงครามมิเกลได้ใช้ทักษะในการแกะรอยและยิงปืนที่ตกทอดมาจากครอบครัวที่เป็นพรานเพื่อช่วยในการศึก



"ฉันมาตามหา El Dorado"

อัลฟองโซกล่าวอย่างตื่นเต้น เขาหยิบแผนที่ฉบับคัดลอกจากกระเป๋าขึ้นมากางบนโต๊ะ มิเกลขมวดคิ้ว

"แต่ท่านครับ ผมคิดว่ามันเป็นแค่ตำนาน"

ตำนานเอล โดราโด หรือนครแห่งทองนั้นเป็นตำนานเล่าขานของแถบละตินอเมริกานี้มาช้านาน นักสำรวจชาวสเปนตามหานครทองคำแห่งนี้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ทั้งในอเมริกากลางและอเมริกาใต้หากยังไม่เคยมีใครพบเจอนครแห่งนี้ หลายอารยธรรมในดินแดนแถบนี้ต้องสูญสลายไปเพราะผลพวงจากการสำรวจโลกใหม่เพื่อหาทองคำของชาวสเปน

"คราวนี้ฉันมั่นใจ ดูนี่นะ มิเกล นี่คือจุดหมายปลายทางของเรา"

อัลฟองโซชี้ไปที่สัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์แบบอินคาโบราณซึ่งมีหน้าคนอยู่ตรงกลาง มันอยู่ท่ามกลางภาพขุนเขาสลับซับซ้อน ข้างๆ นั้นมีตัวอักษรละตินเขียนว่า Hanan Pacha

"Hanan Pacha เป็นชื่อที่ชาวอินคาใช้เรียกดินแดนของ Inti หรือสุริยเทพ"

"ทีนี้ นายดูนี่"

อัลฟองโซหยิบสมุดปกหนังเล่มหนึ่งออกมา

"นี่เป็นฉบับคัดลอกจากบันทึกการเดินทางเล่มหนึ่งของฆวน กาโก้ ฉันเสียเงินและเวลามากมายไปเพื่อเสาะหาฉบับจริงมา แต่ฉันเก็บฉบับจริงไว้ที่สเปนเพราะมันเก่าแก่มากแล้ว..."

"...นี่ ตรงนี้ นายดู..."



"...ในที่สุด พวกข้าก็มาถึง Hanan Pacha ตามตำนานของของเหล่าชนนอกรีต ในตำนานที่นี่คือนครแห่งทวยเทพ แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของทำให้หมอกควันแห่งความเคลือบแคลงที่เคยปกคลุมใจของข้ามลายหายไป ที่แห่งนี้มิใช่อื่นใด หากเปนนครเอลโดราโดในตำนานอย่างแน่แท้"



ในบันทึกนั้นบรรยายถึงความรุ่มรวยมั่งคั่งของนครนี้ เขาบรรยายว่านครแห่งนี้ใช้ทองและเงินปูพื้นปราสาทราชวังและยังใช้ประดับประดาอาคาร ไม่นับเพชรนิลจินดามหาศาลที่ใช้ประดับเหมือนของไร้ค่า บางส่วนก็ถูกขุดมากองทิ้งไว้ให้ชาวบ้านหยิบไปใช้ตามใจชอบ



"...แลที่ล้ำค่าที่สุดในบรรดาสมบัติทั้งมวลในดินแดนนี้ คงเปนขุมสมบัติที่ถูกซุกซ่อนไว้หลังมหาวิหารขององค์เทพอินทิ หากพวกข้ามิได้รับอนุญาตให้เข้าชม เมื่อนึกถึงว่าสิ่งล้ำค่าอย่างทองแลเพชรพลอยยังถูกใช้เปนของประดับประหนึ่งสิ่งไร้ค่าแล้ว ข้ามิอาจคาดได้เลยว่าสมบัติที่อยู่ในคลังนั้นจะประมาณค่ามิได้เพียงใด..."



มิเกลพลิกๆ ดูบันทึกฉบับคัดลอกนั้น ดูราวกับว่าฆวนและคณะถูกต้อนรับอย่างดีและพักอยู่ในเมืองนั้นนานพอสมควร หากช่วงหลังๆ ของบันทึกนั้นแสดงถึงความหวาดกลัวของผู้เขียนออกมา



"พวกข้ามิอาจอยู่ที่นี่ต่อไป พวกข้าจักต้องหนีก่อนกลายเป็นเครื่องสังเวยแด่องค์เทวะ เพลานี้ข้าประจักษ์แจ้งแล้วว่าเหตุใดพวกข้าจึงถูกต้อนรับเลี้ยงดูอย่างดี มันมิต่างจากการขุนสัตว์ก่อนนำมาสังเวยนั่นแล..."

"...พวกข้าจักออกเดินทางในราตรีนี้ ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงนำทางพวกข้าด้วย"




บันทึกของฆวนจบลงที่ตรงนี้ เขาหนีออกจากเมืองมาได้หากไม่อาจรอดพ้นจากความโหดร้ายของพงไพรแห่งเทือกเขาแอนดีส ลูกหาบของเขาที่เหลือรอดอยู่เพียงคนเดียวเผาเขากลางป่าและนำเถ้าอัฐิกลับมายังเมืองคุสโก้ พร้อมกับบันทึกหลายเล่มและแผนที่ฉบับนี้ เขามอบมันให้กับปิซาโร่ หากในเวลานั้นปิซาโร่กำลังเตรียมการสู้รบกับกองทหารของนายทหารสเปนคู่แข่ง เขาเก็บของเหล่านั้นไว้ในคลังโดยไม่ได้ใส่ใจจนกระทั่งเขาถูกลอบสังหาร น้องชายของเขานำมันกลับสู่สเปนแต่มาค้นพบว่ามันคือแผนที่สมบัติเอาภายหลัง เมื่อถึงตอนนั้นมันก็สายเกินที่จะกลับไปตามหาแล้ว เขาส่งผ่านมันให้กับนักสำรวจคนอื่นแต่ไม่มีใครใส่ใจจริงจังจนกระทั่งมาตกอยู่ในมือดอนอัลฟองโซ



มิเกลพิจารณาเส้นทางในแผนที่นั้น เขาเดินไปหยิบแผนที่ปัจจุบันที่เขามีมาเทียบ เขาบอกว่าดูๆ แล้วช่วงแรกคงต้องเดินทางๆ รถและเรือกันเป็นหลัก จากนั้นก็ลงเดินเท้าเพื่อเข้าสู่ดงทึบอันเป็นที่ตั้งของจุดหมายปลายทาง

"ท่านจะให้ผมจัดเตรียมข้าวของและเริ่มออกเดินทางจากที่เมืองคุสโก้นี้เลย หรือว่าท่านจะไปพบผมที่จุดขึ้นเรือเลยครับ?"

เมืองคุสโก้หรือที่ Qosqo ในภาษาเก็ตชวาคือศูนย์กลางของอาณาจักรอินคาที่รุ่งเรืองในแถบนี้ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 13 ถึงศตวรรษที่ 16 ก่อนที่สเปนจะเข้ายึดครองและทำลายเหล่าเทวสถานไปจนสิ้น ในปัจจุบันเมืองนี้ยังคงอยู่ในฐานะเมืองหลวงของมณฑลคุสโก้และยังสามารถมองเห็นร่องรอยความรุ่งเรืองในอดีตเมื่อกว่า 800 ปีก่อนได้จากกำแพงหินขนาดใหญ่ เมืองนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นในแผนที่ของฆวน กาโก้อีกด้วย

"ไม่เป็นไร ผมมานี่ก็อยากจะมาเที่ยวด้วย ไหนๆ ก็ไหนๆ เราก็เริ่มต้นที่เดียวกันกับฆวน กาโก้เลยแล้วกัน จากนั้นคุณแนะนำอะไรต่อ?"

มิเกลบอกว่าเท่าที่เทียบกับแผนที่ปัจจุบันแล้ว ในช่วงแรกของการเดินทาง เขาจะพยายามให้เดินน้อยที่ พรานหนุ่มและชายสูงศักดิ์สนทนาตกลงรายละเอียดกันจนพอใจแล้วจึงแยกย้ายกัน

"งั้นตกลงตามนี้ เราจะพบกันอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลังที่นี่ ฝากด้วยนะ มิเกล"

มิเกลเดินทางมาพบดอนอัลฟองโซและคณะตามที่นัดไว้ เขาอึดอัดใจเมื่อพบว่าหนึ่งในคณะเดินทางคือโดญ่ามาริโซล โกโลม่า อี บูร์บง ญาติผู้น้องผู้สูงศักดิ์ของดอนอัลฟองโซ ก่อนหนีทัพเขาเคยได้ยินกิติศัพท์เรื่องความงามสง่าของท่านหญิงน้อยผู้เป็นญาติของอดีตผู้บังคับบัญชา หากเขาก็เคยได้ยินเรื่องความพยศและไว้ตัวของท่านหญิงผู้มีมารดาเป็นเชื้อพระวงค์คนนี้เช่นกัน เขาไม่เห็นเลยว่าหญิงสาวรูปร่างแบบบางคนนี้จะสามารถทนการเดินทางรอนแรมกลางป่าเขาที่อาจยาวนานนับเดือนได้อย่างไร หากดอนอัลฟองโซยืนกรานจะพาญาติผู้น้องคนนี้ไปด้วย



การเดินทางของคณะล่าช้าออกไปสองสามวันเพราะการป่วยของพรานผู้ช่วยคนหนึ่งของมิเกล มันทำให้เขาต้องประกาศหาพรานพื้นเมืองใหม่ แต่เมื่อข่าวแพร่ออกไปว่าพวกเขาจะเดินทางไปตามหานครลึกลับก็ไม่มีใครกล้ามาสมัคร หากในเย็นวันสุดท้ายก่อนกำหนดเดินทางใหม่ ชายพื้นเมืองร่างใหญ่หน้าตาคมสันคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่บ้านพักของมิเกลที่นอกเมืองคุสโก้อันเป็นที่ซึ่งคณะเดินทางใช้เตรียมการเดินทาง

"ข้าชื่อ Ayar Inti ท่านเรียกข้าสั้นๆ ว่าอินตีก็ได้..."

"...ข้าได้ยินว่าท่านอยากได้คนร่วมเดินทางไปตามหานคร Hanan Pacha ข้าอยากขอติดตามคณะของท่านไปด้วย"

ชายร่างใหญ่กำยำในชุดพื้นเมืองพูดด้วยภาษา Quechua มิเกลก็ตอบโต้ไปด้วยภาษาเดียวกันอย่างคล่องแคล่ว เขาถามไถ่ถึงความคุ้นเคยกับพื้นที่ของชายหนุ่มและความสามารถในการเดินป่าล่าสัตว์

"เจ้าสามารถพูดภาษาสเปนได้หรือไม่? นายจ้างของข้าไม่เข้าใจภาษาเก็ตชวา หากเจ้าพูดสเปนได้จะดีมาก เพราะเจ้าต้องทำงานใกล้ชิดกับพวกนายท่านด้วย"

พรานผู้ช่วยของมิเกลทุกคนเป็นชาวพื้นเมืองหากสามารถสื่อสารด้วยภาษาสเปนได้พอสมควร

"ผมพูดสเปนได้ครับ"

อินตีตอบกลับมาเป็นภาษาสเปนอย่างชัดเจนเหมือนเจ้าของภาษา บรรดานายจ้างที่นั่งฟังการสัมภาษณ์อยู่มองหน้ากันอย่างประหลาดใจ

"ผมเกิดที่เปรูก็จริง แต่ตอนเป็นเด็กผมถูกนำไปทิ้งไว้ที่โบสถ์ บาทหลวงที่นั่นเป็นชาวสเปน ท่านเก็บผมมาเลี้ยง พอโตขึ้นหน่อยท่านก็ย้ายกลับสเปนและพาผมติดสอยห้อยตามไปด้วย ผมเพิ่งกลับมาที่นี่ได้ไม่ถึงสิบปีครับ"

ชายหนุ่มร่างใหญ่ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก ฟันขาวๆ ที่เรียงกันอย่างสวยงามในริมฝีปากที่เผยอยิ้มกว้างนั้นสะดุดตามิเกล เขาขมวดคิ้วน้อยๆ

"แล้วนายยิงปืนได้คล่องใช่ไหม?"

มิเกลกวาดตาดู อินตีไม่ได้พกปืนแต่สะพายหน้าไม้แบบชนพื้นเมืองมาด้วย

"ได้ครับ"

"ไหนลองซิ?"

มิเกลเลือกๆ ปืนจากราวปืนของเขาแล้วส่งปืนวินเชสเตอร์ .30-60 แบบคานเหวี่ยงซึ่งเป็นปืนที่เขาใช้ประจำตัวกระบอกหนึ่งให้อินตีพร้อมโยนกระสุนให้ 3-4 นัด เขาเดินนำอินตีและนายจ้างออกไปยังลานกว้างหน้าบ้าน

"ไหน ลองยิงตาไม้ที่ยื่นออกมาตรงนั้นซิ?"

เขาชี้ไปที่ตาไม้ขนาดประมาณเท่าฝ่ามือบนต้นไม้ใหญ่ที่ห่างไปประมาณ 40 เมตร อินตีบรรจุกระสุนทั้งหมดลงหลอดแม็กกาซีนใต้ลำกล้องและยกปืนขึ้นประทับบ่า เขากระชากคานเหวี่ยงของไรเฟิลเพื่อส่งกระสุนขึ้นลำและยิงออกไป จากนั้นกระชากคานเหวี่ยงอีกครั้งและยิงอย่างต่อเนื่อง กระสุนทั้งหมดเข้าเป้าอย่างแม่นยำแทบจะซ้ำตำแหน่งเดียวกัน อัลฟองโซและมาริโซลปรบมืออย่างลืมตัว

อินตีเดินยิ้มกว้างกลับมาหาคณะเดินทาง เขาส่งปืนคืนให้มิเกล อดีตนายทหารหนุ่มยิ้มเย็น เขารับปืนคืนมาและส่งมันให้พรานผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันไปประเคนหมัดใส่หน้าชาวพื้นเมืองร่างใหญ่อย่างจังท่ามกลางเสียงอุทานอย่างตกใจจากทุกคน


(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-10-2018 09:38:58 โดย La Vida Sin Tu Amor »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด