ความอารมณ์ดีที่เกิดจากความโง่ของบาทหลวง ทำให้โคลว์พูดหยอกล้อด้วยอย่างผิดวิสัย
ฮาโรลว์ยิ้มมุมปาก ตอบได้สมกับเป็นเจ้าตัวจริงๆ "มันง่วงก็จริงแต่มันทำให้คุณบริสุทธิ์ พระองค์เจ้าโฟเทียสจะอวยพรคุณให้รอดพ้นจากพวกปีศาจชั่วร้าย"
"ฟังดูน่ากลัวจัง" มันพูดขำๆ ให้กลัวตัวเองก็ยังไงอยู่นะ
"ถ้าคุณกลัวก็มาสวดมนต์กับผม ไม่นานนักหรอก" ไม่รอคำตอบนักบวชหนุ่มล็อกเอวร่างผอมไว้แน่นหนาลากเข้าโบถส์เพื่อไปสวดมนต์กับตัวเองโดยไม่ฟังความเห็นอะไรทั้งนั้น
"ไม่โว้ย ไม่!!!" โคลว์แทบกรีดร้องพยายามตะเกียกตะกายออก ถึงการสวดมนต์จะไม่สามารถทำอะไรมันได้มากมายแต่ก็สร้างความแสบๆ คันๆ ให้มันไม่น้อย ถามว่ารู้ได้ไงก็มันเคยลองสวดเล่นๆ ดูแล้วน่ะสิ แค่ขึ้นคำแรกก็ร้อนผ่าวไปทั้งตัวจนตาพร่ารู้สึกอยู่กลายๆ เหมือนถูกพ่อตะคอกด่าข้างหูในความโง่งมของมันที่เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง
"ไม่ต้องห่วง คุณจะต้องชอบมันแน่ๆ " ฮาโรลด์พูดเกลี้ยกล่อมกลั้วหัวเราะรู้สึกสนุกกับการกลั่นแกล้ง เอาเข้าจริงเขาก็ไม่หวังหรอกว่าเขาคนนี้จะยอมมานั่งสวดมนต์ด้วย ในมุมของฮาโรลด์นั้นร่างโปร่งนี่ก็เปรียบเสมือนแมวป่าซนๆ สักตัวที่เวลาท้องหิวก็มาร้องแง้วๆ ขออาหารพอท้องอิ่มก็ไปซุกซ่อนตัวในที่สักที่ที่เขาไม่รู้
นัยน์ตาสีฟ้าที่เกือบจะเป็นสีน้ำเงินหรี่ลงราวกับสัตว์นักล่าเมื่อจับจ้องร่างที่ร้องแง้วๆ เรียกร้องหาอิสระภาพไม่หยุด
ใจจริงเขาอยากจับแมวป่าในนี่ใจจะขาดแล้ว อยากจับมากอดไว้แน่นๆ ให้เชื่องแล้วติดเขาแจ จะได้ไม่ต้องหนีหายไปไหนอีก
"ชอบก็บ้าแล้ว! ปล่อยสิวะ!! อย่าทำให้ผมโมโหนะ ผมฆ่าคุณแน่!!" ร่างโปร่งโวยวายและโวยวาย มันง่วงเต็มแก่แล้วแต่ยังต้องมาปวดหัวกับมนุษย์หน้าโง่ที่ชักจะล้ำเส้นมันมากเกินไป
เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่บาทหลวงหนุ่มยิ้มจนปวดแก้ม "ใจเย็นน่า แค่นั่งเฉยๆ ก็ได้" และค่อยๆ บรรจงวางเขาลงบนโซฟาเบาะนุ่มที่เจียดเงินซื้อมาด้วยความคิดที่ว่าเขาต้องชอบมัน
มันกำลังจะโวยวายต่อแต่พอเจอความนุ่มของเบาะไปก็..
"หือ?" โคลว์หลุดเสียงร้องในลำคอก็มองสิ่งที่ตัวเองนั่งอย่างสนใจ ดวงตาลุกวาว
นุ่มกว่าต้นไม้ที่มันนอนทุกวันตั้งเยอะ!!!
ฮาโรลด์พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลุดหัวเราะ แมวป่าที่เขาพยายามล่อเข้ามาติดกับแล้ว แมวดุลงไปเกลือกกลิ้งไปมาไม่หยุดเหมือนไม่เคยนอนมาก่อนอีกทั้งยังยืดแขนยืดขาออกมาประกาศความเป็นเจ้าของเบาะอย่างเต็มที่
ดูเหมือนว่าจะลืมเรื่องสวดมนต์ไปแล้วสินะ
บาทหลวงหลุดขำขึ้นจมูกจนได้ แมวป่านี่น่าเอ็นดูจนตบะเขาแทบตายหลายรอบแล้ว ฮาโรลด์ส่ายหัวให้กับตัวเอง เขาเริ่มจะออกไปไกลจากศีลธรรมขึ้นทุกทีเพราะแมวป่านี่
"ถอดเสื้อสิ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกคุณ" ฮาโรลด์ถอดเสื้อคลุมนักบวชสีขาวสว่างที่เริ่มจะหมองพราะขาดแคลนผงซักฟอกไปคลุมตัวแมวที่ดูจะเห่อเตียงนอนใหม่ซะเหลือเกิน
เสียงทุ้มหนักๆ คล้ายกับระฆังเตือนเรียกสติโคลว์
มันสะดุ้งเฮือกเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเพิ่งทำอะไรบ้าๆ ลงไป!
โคลว์รีบลุกขึ้นมานั่งดีๆ สีหน้าติดจะแดงด้วยความอับอาย ดวงตามาดร้ายมองบาทหลวงโง่เง่าอย่างเอาเรื่อง "ผมจะกลับแล้ว! คุณจะสวดมนต์ก็สวดไป ผมไม่สวด!!"
ไม่รอคำตอบอะไรมันรีบลุกขึ้นโยนเสื้อคลุมออกแล้วสาวเท้าหนีออกไปข้างนอก อย่าลืมว่านี่เป็นเวลานอนสำหรับพวกมัน ถึงแม้วันนี้มันจะมืดจนมองไม่เห็นอะไรแต่เวลาข้างนอกก็ยังเหมือนเดิมก็คือตอนกลางวัน
"ไม่เอาน่า แค่นั่งเฉยๆ ผมก็ไม่ว่าหรอก"
ฮาโรลด์ขยับตัวไปขวางทาง
"โอยยย" โคลว์กลอกตาใส่ตรงๆ และมองตาขวาง "ผมจะนอนจบนะครับ คุณบาทหลวง"
"ถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ"
เส้นเลือดตรงขมับโคลว์ปูดขึ้นมาทันควัน
"ก็เรื่องของคุณ!!"
มันผลักคนขวางทางออกแล้วสาวเท้าไวๆ ออกมาครั้งนี้บาทหลวงหน้าโง่ไม่ได้รั้งมันไว้อย่างที่มันคิด แต่ใครสนล่ะ ดีซะอีกมันคิดถึงที่นอนประจำมันจะแย่แล้ว!
ร่างโปร่งเดินงุ่นง่านออกไปอย่างเดือดดาลทิ้งร่างสูงไว้อย่างน่าสงสาร
"แย่จังนะ"
ฮาโรลด์หัวเราะในลำคอ นัยน์ตาสีน้ำเงินฉายชัดทั้งความเอ็นดูและความอยากได้
"ถ้าได้จริงๆ ก็คงจะดี"
บาทหลวงหนุ่มพึมพำกับตัวเองแล้วเดินไปหยิบไม้ถูพื้นมาจัดการกับพื้นที่เปียกเป็นทางยาว
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ฝนที่ตกหนักราวกับฟ้ารั่วกลายเป็นฝนปรอยๆ ก่อนที่จะหยุดในที่สุด แต่เวลาที่มันหยุดนั้นก็ล่วงเลยไปทุ่มสองทุ่มแล้ว มีเพียงดวงจันทร์ที่สว่างเต็มดวง เป็นเวลาเดียวกับที่โคลว์ตื่นพอดี
ร่างโปร่งหาวหวอดง่วงๆ บิดขี้เกียจแต่ก็ยังนอนเลื้อยอยู่ที่เดิมไม่ขยับตัว มันกำลังคิดอยู่ว่าคืนนี้มันจะออกไปหา ‘อาหาร’ ดีไหมเพราะล่าสุดที่มันกินอย่างตะกละตะกลามก็เดือนที่แล้ว
จะไปดีไหมนะ?
โคลว์หันไปมองฝั่งเมืองที่มีบ้านและอาคารทันสมัยตั้งอยู่มากมาย ด้วยความสูงของต้นไม้ทำให้มันเห็นภาพวิวต่างๆ ได้ชัดเจน มันเห็นบ้าน มันเห็นรถ มันเห็นทุกอย่างที่ตอนที่มันยังเด็กไม่มี พวกมนุษย์นั้นถึงจะอ่อนแอแต่ก็ฉลาดจนน่ากลัว สามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ที่ปีศาจอย่างพวกมันไม่เข้าใจ น่าแปลกที่พวกแวมไพร์สามารถปรับตัวเข้ากับพวกมันได้อย่างกลมกลืน
ต่างจากมันที่นอกจากจะปรับตัวไม่ได้แล้วยังปฏิเสธสิ่งเหล่านั้นอีก.. สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมานั้นเข้าใจยากเกินไปสำหรับมัน มันเคยเข้าไปอยู่กับพวกมนุษย์อยู่ช่วงนึงและผลที่ได้คือมันกลายเป็นตัวตลก มันไม่รู้จักอะไรสักอย่าง มันไม่เข้าใจว่าไอ้สิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์ทำงานยังไงกันแน่ มันไม่เข้าใจว่าทำไมมนุษย์ถึงเสพติดการใช้สิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นมาขนาดนั้น
มันพยายามทำเข้าใจแต่มันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี สุดท้ายมันก็เลือกที่จะมาจมปลักอยู่กับโบถส์เก่าที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยมันยังเด็ก เมื่อก่อนมันไม่เคยคิดจะเฉียดกลายมาที่แถวนี้ด้วยซ้ำแต่มันเหนื่อยแล้วกับการปรับตัวเข้าหามนุษย์ที่เป็นแค่เหยื่อโง่ๆ หรืออาหารอันโอชะของมัน
สิ่งที่มันยอมรับเพียงอย่างเดียวตอนนี้ก็คือแอปเปิ้ลพาย มันชอบมากและเคยกินครั้งแรกก็กับบาทหลวงหน้าโง่นี่แหละ บาทหลวงนี่ลืมจานที่มีแอปเปิ้ลพายไว้สองชิ้นไว้ใต้ต้นไม้ที่มันนอนพอดี กลิ่นหอมของแอปเปิ้ลพายทำเอามันห้ามตัวเองไม่อยู่ รีบขโมยมากินชิ้นนึงและพบว่าอร่อยมาก พอมันจะขโมยอีกชิ้นเจ้าของจานก็มาพอดีเป็นอันอดไป
โคลว์หลุดยิ้มนิดๆ
อย่างน้อยการเห็นบาทหลวงงี่เง่านี่ก็ทำให้มันอารมณ์ดีนิดหน่อยเพราะบาทหลวงในสมัยนี้นั้นหายาก พวกมนุษย์นับถือตัวเองมากขึ้นจนเลือกจะทิ้งความเชื่อตัวเองไว้เบื้องหลัง นั่นเท่ากับว่าการมีอยู่ของบาทหลวงนี่นั้นเป็นเครื่องยืนยันถึงอดีตที่สาวมาถึงปัจจุบัน
พวกมันยังไม่ถูกลืมเลือนไปจนหมด ถึงแม้จะมีตัวตนแต่ก็เลือนรางเหลือเกินในสายตาพวกมนุษย์
มันไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเจ็บปวดรึเปล่าเพราะตอนนี้ก็น่าจะเหลือแค่มันแล้วสำหรับปีศาจเผ่าพันธุ์ของมัน การกวาดล้างของพวกบาทหลวงตอนนั้นน่ากลัวและรุนแรงเกินไป มันเสียพ่อแม่เพื่อนไปมากมายกับเหตุการณ์ครั้งนั้น ที่มันยังไม่ถูกกำจัดนั้นก็เพราะถูกบังคับให้จำศีลร้อยปีและฝังไว้ใต้โบถส์นี้ก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น
ซ่า..
นัยน์ตาเทาฉายแววอมทุกข์ก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็ว
เหตุกาณ์ครั้งนั้นผ่านไปนานมากแล้วเหมือนกับฝนที่ตกหนักห่าใหญ่และค่อยๆ หายไปในที่สุด ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้นอกจากความทรงจำของผู้ที่ยังคงอยู่
มันเจ็บปวดก็จริงแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ ความชินชามากกว่าที่เป็นสิ่งที่มันกลัว กลัวว่าสักวันจะเผลอปลิดชีพตัวเองเพราะเบื่อหน่ายกับชีวิตมากเกินไป
"...ฟู่่ว"
โคลว์สะดุ้งเฮือกรีบผลุดลุกขึ้นนั่งมองหาต้นกำเนิดเสียงอย่างหวาดระแวง ไม่รู้ว่ายัยแวมไพร์สองสาวนั่นจะกลับมาแก้แค้นรึเปล่า
มันในตอนที่เริ่มจะหิวนี่คงไม่มีแรงสู้กับใครสักเท่าไหร่
ซึ่งพอเห็นว่าเป็นใครมันก็ถอนหายใจเซ็งๆ ยกมือนวดขมับตัวเอง
ไอ้บาทหลวงหน้าโง่...
ไม่รู้ว่าบังเอิญรึเปล่าที่บาทหลวงนั่นเดินมาอยู่ใต้ต้นไม้ที่มันนอนอยู่พอดี มันเท้าคางมองอย่างสนใจเพราะนี่ไม่ใช่เวลาที่บาทหลวงจะออกมาเดินเพ่นพ่าน ปกติเห็นสองทุ่มบาทหลวงนี่ก็หลับตายแล้ว ถามว่ารู้ได้ไงมันก็เคยไปอีกนั่นแหละ ตอนนั้นมันหิวๆ แล้วขี้เกียจไปไกลก็เลยไปลองส่องฝันของบาทหลวงนี่เล่นๆ ดู
รู้อะไรไหม? ในฝันของผู้ชายวัยประมาณสามสิบคือการไล่ต้อนแกะพร้อมกับหมาคอร์กี้!! ตอนนั้นมันใช้ร่างเป็นอีกาไปเกาะบนต้นไม้ มองผู้ชายที่ยิ้มโง่ๆ ไล่ต้อนแกะให้เข้ารั้ว คือมันไม่เข้าใจว่าไอ้บาทหลวงงี่เง่านี่มันฝันอะไรของมัน ไร้สาระจนมันทนไม่ไหวยอมออกจากฝันไปเข้าเมือง ไปหาเหยื่อตัวอื่นที่ดูจะมีสติสตังมากกว่านี้
"..ฟู่่ว"
ควันสีเทาลอยฟุ้งพร้อมๆ กับกลิ่นฉุนในอากาศ
โคลว์ขมวดคิ้ว เพิ่งสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังสูบบุหรี่
เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?
มันอยากจะเอ่ยปากถามแต่ปากก็หนักเกินกว่าที่จะทำ มันนั่งมองนิ่งๆ เห็นร่างสูงที่ตอนนี้ไม่อยู่ในชุดบาทหลวงสีขาวแล้วแต่อยู่ในชุดลำลองชายสบายๆ สีหน้าเคร่งขรึมเหมือนมีเรื่องหนักอกหนักใจ
"..หือ?"
มันสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกคนข้างล่างเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาของโคลว์เบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก
อย่ามองเห็นเถอะ..
แปลกที่อยู่ๆ ในหัวของมันก็คิดคำนี้ขึ้นมา มันไม่รู้ทำไมตัวเองถึงต้องตกใจด้วยซ้ำเพราะมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นปีศาจที่อยู่ในร่างปกติได้ อย่างตอนที่มันไปขอกินแอปเปิ้ลพายก็อยู่ในร่างมนุษย์ที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้
หากแต่มันยังไม่หายตกใจดี คนที่ทำมันตกใจก็ดึงสายตาตัวเองกลับไปมองทางอื่นแล้วสูบหนักๆ ครั้งหนึ่งก่อนที่จะพ่นควันออกมา
ร่างปีศาจที่แข็งเกร็งขึ้นมาจึงค่อยผ่อนคลายลง โคลว์ลูบอกตัวเองที่หัวใจเต้นแรงไม่หาย
ต้องยอมรับว่าลึกๆ แล้วมันกลัวที่จะถูกบาทหลวงนี่จับได้
นัยน์ตาสีเทาของมันเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีดำจากความเครียดที่ก่อตัวขึ้น มันหลับตาลงเบี่ยงสายตามองไปฝั่งตรงข้ามกับร่างที่อยู่เบื้องล่าง
ปีศาจกับบาทหลวง... แม้แต่คำว่าคนรู้จักยังเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
มันรู้ว่าถ้าบาทหลวงงี่เง่ารู้ว่ามันเป็นปีศาจคงไม่วายรังเกียจมันและหาทางกำจัดมันอย่างเลือดเย็น กับคนที่ใช้เวลาทุกวันในการ
สวดมนต์ขับไล่สาปแช่งปีศาจ มันไม่คาดหวังหรอกว่าตัวเองจะรอดจากฝีมือบาทหลวงนี่
แต่มันก็ยังคาดหวังเล็กๆ ว่ามันจะมีชีวิตที่สงบสุขแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันมีความสุขกับการเข้าไปในเมืองหนึ่งครั้งต่อเดือนและกลับนอนอุดอู้บนต้นไม้รอกินแอปเปิ้ลเวลาที่บาทหลวงนี่ทำ แค่นี้มันก็รู้สึกว่าชีวิตของมันมีความสุขเป็นบ้า ถึงแม้ว่ามันจะพยายามเลิกกินแอปเปิ้ลพายก็เถอะ ช่วยไม่ได้ มันไม่อยากยึดติดกับมนุษย์มากเกินไป ไม่ว่าใครก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าพวกมนุษย์มันทั้งอ่อนแอและอายุสั้น
ถ้าเกิดอะไรขึ้นมามีแต่ปีศาจอย่างมันที่ต้องเจ็บปวดฝ่ายเดียวและมันไม่ก็ไม่คุ้มค่าสักนิดที่มันจะต้องยอมกลายเป็นแบบนั้น กว่ามันจะกลับมาใช้ชีวิตปกติจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ก็ใช้เวลาหลายปี
โครก...
โคลว์กลอกตาแล้วกระโดดลงจากต้นไม้อย่างไม่ยากเย็น ท้องของมันคร่ำครวญหาอาหารอีกแล้ว มันเหลือบมองบาทหลวงหนุ่มนิดหน่อยขณะที่เดิน
เอาเข้าจริงมันก็สามารถกินบาทหลวงนี่ได้นะ แต่มันเลือกที่จะไม่ทำ ไม่รู้สิมันโง่เกินล่ะมั้ง มันถึงกินไม่ลงสักทีหรือไม่ก็ถ้ากินเข้าไปก็อาจจะโง่ตาย ฉะนั้นไม่กินคงจะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุด
เพราะความคิดที่ว่าอีกฝ่ายคงไม่เห็นตัวเอง โคลว์จึงเดินผ่านในระยะที่ค่อนข้างใกล้เอามากๆ บาทหลวงงี่เง่านี่เลือกที่สูบบุหรี่ได้ขวางทางเดินมันพอดี
ไหล่ของมันแทบจะชนกับบาทหลวงหน้าโง่ด้วยซ้ำแต่อีกฝ่ายไม่แม้กระทั่งจะรู้ตัว
โคลว์ส่ายหัวให้กับความคิดตัวเองไม่รู้ว่ามันคาดหวังหรือไม่คาดหวังกันแน่ สิ่งที่เข้าใจยากกว่ามนุษย์ก็คงเป็นตัวมันเอง กลิ่นบุหรี่ที่อบอวลทำให้มันรู้สึกเป็นห่วง มันหยุดฝีเท้าหันไปมองคนที่ปกติจะยิ้มอยู่เสมอตอนนี้ทำหน้าอมทุกข์เหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ
พอเถอะน่า.. โคลว์
คำเตือนหนึ่งดังก้องในหัว
"...อืม"
โคลว์ดึงสายตากลับมาแล้วเดินต่อแม้ว่าในใจจะดื้อดึงอยากหันกลับไปมอง
หมับ
"ไม่เอาน่า ถ้าหิวคุณจะกินผมก็ได้ผมไม่ว่า"
ปีศาจหนุ่มยืนตัวแข็งค้างอยู่ท่าเดิมด้วยความตื่นตระหนกถึงขีดสุด
มันเห็น!!!
โคลว์ยืนตัวสั่นเทา สิ่งที่ตัวเองหวาดกลัวว่าจะเกิดขึ้นตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว ความกังวลต่างๆ พากันถาโถมกระโจนเข้ามากัดกิน
ปีศาจหนุ่มจนยืนแทบไม่อยู่
"ชู่ว.. ไม่ต้องกลัว"
ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นอ้อมกอดเดียวกับเมื่อตอนบ่าย โคลว์พยายามมองบาทหลวงหนุ่มซึ่งอีกฝ่ายก็ส่งยิ้มใจดีให้พร้อมกับลูบหัวเบาๆ
ตัวที่สั่นเทาของปีศาจหนุ่มถึงค่อยทุเลาลง "เจ้าเห็น.. เห็นข้า มาตลอด?"
สติที่ตอนนี้แตกกระจายทำเอาโคลว์พูดไม่เป็นภาษา
ฮาโรลด์ยิ้มแทบคำตอบ "อืม เห็นคุณชอบนอนบนต้นไม้"
"...แล้วเจ้าจะฆ่าข้าไหม"
โคลว์ถามตรงๆ เข้าประเด็นหลักเมื่อสติเริ่มกลับมา มันเรียกพลังความมืดออกมาจนอากาศรอบกายหายใจลำบากสำหรับมนุษย์เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับบาทหลวงงี่เง่านี่ที่มันคิดเองเออเองมาตลอดว่ามีพลังแต่ใช้ไม่เป็น
"ไม่" บาทหลวงหนุ่มหลุดขำเบาๆ รู้สึกเอ็นดูร่างโปร่งที่ตอนนี้นอกจากจะมีผมสีเทาแล้วยังมีเขาเล็กๆ คล้ายแพะสีขาวอมม่วงบนหัวและยังมีหางเล็กๆ สีดำยื่นออกมาจากสะโพก
ซึ่งดูรวมๆ แล้วน่าขย้ำเป็นบ้า..
ฮาโรลด์แทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เขาชอบปีศาจสักตนมากขนาดนี้ ปกติจะออกแนวเกลียดด้วยซ้ำเพราะปีศาจส่วนใหญ่มักจะทำร้ายมนุษย์ให้เดือดร้อนอยู่เสมอๆ
แต่ปีศาจที่อยู่ในอ้อมกอดเขานี่กลับไม่ทำอะไรแบบนั้น
ทั้งๆ ที่เป็นถึง 'ซัคคิวบัส' หรือเรียกอีกอย่างว่าปีศาจกินฝัน ปีศาจจำพวกนี้จะดำรงอยู่ด้วยการเข้าไปในฝันของเหยื่อและเสพสังวาสเพื่อกินดวงวิญญาณของมนุษย์หลังจากนั้นเหยื่อคนที่ว่าก็จะตายเพราะไร้ดวงวิญาณ
ซึ่งร่างโปร่งตรงหน้าเขานี่ก็ทำแบบนั้นเหมือนกันแต่กลับกินแค่ไอวิญญาณ ไม่ได้กินดวงวิญญาณจนมนุษย์ตายสักคน มันทำเขาให้แปลกใจและเฝ้าสังเกตปีศาจตรงหน้ามาตลอด แต่ยิ่งเฝ้าติดตามเขาก็ยิ่งดำดิ่งจนไม่สามารถปีนออกมาได้ ต้องยอมรับว่าซัคคิวบัสมีรูปลักษณ์เหลือร้ายจริงๆ ตามที่ตำราว่า
"กินผมสิ" บาทหลวงหนุ่มที่ตอนนี้แทบลืมเลือนหลักธรรมไปหมดสิ้นก้มลงไปกระซิบเสียงนุ่มข้างหูโคลว์ "ผมเต็มใจให้คุณกินจนกว่าจะพอใจเลยล่ะ"
ซัคคิวบัสหนุ่มกระพริบตาปริบรู้สึกงุนงงมากกว่าหิว
"เจ้าว่าอะไรนะ?"
โคลว์งงเป็นไก่ตาแตก นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นอยู่กันแน่ แต่ก็ยังไม่คลายความระมัดระวังตัวลง กลุ่มหมอกสีดำที่แฝงไปด้วยพลังหมุนริ้วอยู่รอบกายปีศาจหนุ่มเฝ้ารอคำสั่งโจมตีถ้าหากบาทหลวงงี่เง่านี่คิดจะเล่นตุกติก
ฮาโรลด์หัวเราะแล้วก้มลงไปจูบเบาๆ ที่หลังใบหูปีศาจ
"หิวอยู่ไม่ใช่เหรอ? กินผมสิ" นัยน์ตาของบาทหลวงหนุ่มที่มักจะดูอ่อนโยนอยู่เป็นนิจในเวลานี้กลับพราวระยับและแฝงไปด้วยความต้องการ
โคลว์กลืนน้ำลายเอือก ต้องยอมรับว่ามันหิวจริงๆ ยิ่งกลิ่นกายของบาทหลวงนี่เล่นเอามันคิดอะไรแทบไม่ออก "แต่ แต่เจ้าเป็นบาทหลวงนะ ข้าไม่กิน"
มีหลายเหตุผลที่โคลว์ใช้ในการละเว้นชีวิตของอีกฝ่ายทั้งๆ ที่มีโอกาสฆ่าอีกฝ่ายหลายต่อหลายครั้ง แต่มันก็ทำไม่ลงสักที ตอนนี้ก็เช่นกัน มันกินคนที่ดีกับมันไม่ลงหรอก
โคลว์สบตากับฮาโรลด์นิ่งไม่พูดอะไร พยายามดันตัวอีกฝ่ายออกก
และจู่ๆ ฮาโรลด์ก็ยิ้มออกมา
"คุณไม่ต้องกลัวผมตายหรอก ผมจะยังคงแข็งแรงดีต่อให้คุณกินด้วยความตะกละทั้งหมดก็ตาม"
เหมือนนั่นเป็นคำอนุญาต เส้นสติของโคลว์ขาดผึงเพราะความหิวโหยที่อยู่ๆ ก็ปะทุขึ้นมาจนตกอยู่ในสภาพหิวจัด ซัคคิวบัสนั้นสามารถอดอาหารได้อย่างมากที่สุดก็แค่หนึ่งเดือนถ้ามากกว่านั้นก็จะตกอยู่ในสภาวะที่ควบคุมตัวเองไม่ได้
หมอกควันที่ถูกเรียกออกมาสลายไปจนหมด สองแขนของซัคคัวบัสหนุ่มจึงรั้งคออีกฝ่ายลงมาจูบอย่างตะกละจนเกิดเสียงลามก นัยน์ตาของโคลว์ยังคงเป็นสีเทากระจ่างใสแจ่มชัดมีสติครบถ้วนแต่กลับเลือกที่จะปล่อยให้ร่างกายเป็นไปตามสัญชาตญาณ
โคลว์ปรือตามองเหยื่อตัวเองที่กำลังใช้มือใหญ่ๆ นั้นเฟ้นสะโพกเขาอย่างลามกนอกจากนั้นยังแกล้งกระตุกหางมันจงต้องเผลอสะดุ้งเฮือกอีก
"เล่นบ้าอะไร.." มันสบถเมื่อหางของมันถูกกระตุกเล่นอีกครั้งแล้วร้องครางออกมา
อึดอัด..
"..ไม่ได้เล่นครับ" บาทหลวงหนุ่มยิ้มนุ่มแม้ว่าการกระทำของตัวเองจะลามกมากๆ ก็ตาม ความคิดในหัวที่คิดอยากทำกับร่างตรงหน้ามาตลอดถูกนำออกมาใช้จนหมด
"โอ๊ย!" โคลว์ถลึงตามองหงุดหงิดหนักกว่าเดิม "อย่ากัด!" มองบริเวณหน้าท้องตัวเองที่ถูกหมาตัวใหญ่ไล่ขบกัดไปทั่วจนเป็นรอยแดงและหลุดเสียงร้องดังลั่นเมื่อถูกอุ้มขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว มันแยกเขี้ยวขู่ใส่ฮาโรลด์ที่ยังทำหน้ายิ้มอ่อนโยนขัดกับสิ่งที่ทิ่มแทงที่สะโพกเขาซะเหลือเกิน
"เจ้าเป็นบาทหลวงนะ" โคลว์พยายามย้ำความจริงข้อนี้ขณะที่ถูกฮาโรลด์พาเข้าห้องนอนหลังโบถส์ มันมองเตียงสลับกับฮาโรลด์ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันที่มันถูกเหยื่ออ้อนวอนขอให้กินตัวเอง
"ผมไม่ได้เป็นแล้ว" ฮาโรลด์ค่อยๆ วางร่างโปร่งบนเตียงแล้วนั่งถอดรองเท้าตัวเองออกอย่างใจเย็น
"อะไรนะ?"
โคลว์ลุกขึ้นมานั่งมองอีกฝ่ายอึ้งๆ "..เจ้าจะเลิกเป็นบาทหลวง?"
"อืม วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะเป็นบาทหลวง ..แต่ยังไงพรุ่งนี้ก็มีคนมาแทนผมอยู่ดี" เพราะนั่งหันหลังอยู่ฮาโรล์จึงไม่เห็นสีหน้าของโคลว์ มือยังคงวุ่นกับรองเท้า
แปลกที่อยู่ๆ ใจของมันก็เบาโหวงขึ้นมา ความรู้สึกที่มันเกลียดที่สุดถาโถมเข้ามาจนทำมันรู้สึกเหมือนอยากร้องไห้ ถ้าบาทหลวงนี่มันไม่อยู่นั่นก็หมายถึงมันต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้ว
บัดซบชะมัด... เจ้าพลาดอีกแล้ว โคลว์
มันตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ มันหวาดกลัวการอยู่คนเดียว ครั้งนี้ที่มันตื่นขึ้นจากการจำศีลได้ก็เพราะบาทหลวงนี่ไปขุดสวนดอกไม้หลังโบถส์และเผลอทำลายมนตราที่ผนึกมันไว้ด้วย
ครั้งแรกที่มันลืมตาขึ้นมาอีกครั้งมันดีใจและนึกว่าจะเจอทุกๆ คนเหมือนเดิมแต่แล้วความจริงก็เป็นสิ่งน่ากลัว มันไม่เหลือใครทั้งนั้นนอกจากตัวมันเอง สมาพันธ์ปีศาจที่เคยรุ่งเรืองตอนนี้เหลือเพียงชื่อไม่เหลืออะไรทั้งนั้น
มันกำลังจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกครั้ง! ถึงจะมีคนอื่นมาแทนแต่มันก็ไม่เหมือนบาทหลวงโง่นี่!
ความหิวโหยที่กัดกินสติของมันกลับไม่ได้ทำให้มันกระโจนใส่เหยื่อ โคลว์ยกมือข้างนวดหว่างคิ้วตัวเองพยายามจะควบคุมตัวเองไม่ให้อ่อนแอ
โคลว์เจ้าเป็นถึงซัคคิวบัสนะ.. กับแค่เหยื่อตัวเดียวจะใส่ใจมันทำไมนัก
"เอาล่ะ ถึงเวลาอาหารคุณแล้ว" ฮาโรลด์พูดกลั้วหัวเราะแต่พอเห็นน้ำตาที่คลอเบ้าของอีกฝ่ายก็สะดุ้ง "เดี๋ยวคุณเป็นอะไร"
โคลว์ส่ายหัวด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ "เปล่า" ก่อนที่จะผลักอีกฝ่ายให้นอนลงบนเตียงแล้วตัวเองก็ไปนั่งคร่อม มันก้มลงจูบพร้อมๆ กับปลดเข็มขัดอีกฝ่ายออก
"เฮ้ เดี๋ยวๆ" เหยื่อร่างใหญ่ดึงมือไว้ "คุณโอเคไหม? ผมว่าคุณไม่โอเคเลยนะ" ฮาโรลด์พูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"เปล่า" โคลว์ย้ำคำเดิมเสียงนิ่งไม่สบตา "ขอบคุณสำหรับอาหาร"
เพราะมือถูกรั้งไว้เพียงข้างเดียว โคลว์จึงสามารถปลดทั้งเข็มขัดและกางเกงของฮาโรลว์ได้สำเร็จ ซัคคิวบัสหนุ่มจึงกดร่างของตัวเองกับสิ่งนั้นทันทีโดยไม่มีการเตรียมอะไรทั้งนั้น ความจุกที่มาพร้อมกับความเต็มตื้นทำเอาโคลว์เปลี่ยนสีหน้า
มันเจ็บก็จริงแต่มันก็อยากจะทำให้มันจบๆ ไป
บาทหลวงนี่จะได้ไปสักที
โคลว์หลุบตาลงต่ำมองมือตัวเองที่กำแน่น
"เป็นอะไรของคุณ" ฮาโรลด์ถามเสียงเครียดรั้งเอวอีกฝ่ายเอาไว้แน่นและลุกขึ้นนั่งโดยที่ตัวยังเชื่อมติดกันอยู่
ซัคคิวบัสหนุ่มกลอกตาใส่ตรงๆ "เปล่า คุณใจบุญให้ผมกิน ผมก็กินคุณอยู่นี่ไง"
ฟังก็รู้ว่าโกหก..
ฮาโรลด์ขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม "ผมรู้คุณกำลังกินผมอยู่แต่ที่ผมอยากรู้คือคุณร้องไห้ทำไม"
น้ำตาเม็ดเล็กที่ยังคงคั่งค้างที่เบ้านั่นเป็นหลักฐานชั้นดีว่าซัคคิวบัสนี่อยู่ในอารมณ์ที่ไม่ปกติแน่ๆ
"..."
โคลว์ไม่ตอบทำหูทวนลมพยายามแกะมือที่ขัดขวางการกินของตัวเองออก
"ถ้าให้เดาคุณคงจะโกรธเรื่องที่ผมย้ายออก" คนเป็นเหยื่อพยายามคาดเดาโดยสังเกตปฏิกิริยาของซัคคิวบัสไปด้วยและก็ได้ผล อีกฝ่ายเบือนหน้าหนีทางอื่นราวกับไม่อยากจะฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ฮาโรลด์หลุดยิ้มนิดๆ "ผมว่าจะชวนคุณไปอยู่ด้วยแต่ปีศาจผู้สูงส่งอย่างคุณไม่น่าตอบตกลงกับเหยื่ออย่างผม"
โคลว์หันขวับแทบจะทันทีเมื่อได้ยินคำว่าชวน "เจ้าว่าอะไรนะ?"
ฮาโรลด์เลิกคิ้วยิ้มๆ "ผมว่าจะชวนคุณไปอยู่ที่บ้านผม"
"..!!" มันเบิกตากว้าง หัวใจเต้นรัวเมื่อฟังจบ
บ้าน.. บ้าน..?!
บาทหลวงหนุ่มไม่ปล่อยให้โอกาสตัวเองหลุดลอยไปรีบตะล่อมแมวป่าให้เข้ามาอยู่ในกรงทองที่มีเหยื่อยินยอมพร้อมใจให้กินเช้ากินเย็น "ผมจะไปเปิดเบเกอร์รี่ที่บ้านเก่า อบพวกขนมปังแล้วก็พวกพาย" ฮาโรลด์พยายามไม่ยิ้มขณะที่พูด ดวงตาสีเทาของแมวป่าตอนนี้เป็นประกายระยับน่าเอ็นดู "คุณจะได้กินพายแอปเปิ้ลทุกวัน ถ้าคุณมาอยู่กับผม"
"บ้าน.. แอปเปิ้ลพาย.." โคลว์ตอนนี้สภาพคล้ายถูกมอมยาจิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ความเศร้าที่กัดกินมันเมื่อกี้หายไปทันควันและแทนที่ด้วยความฝันอันสวยงามที่มันฝันที่จะมีมาตลอด
อย่างที่รู้ว่าสงครามพรัดพรากสิ่งสำคัญของโคลว์ไปหลายสิ่ง หนึ่งในนั้นก็คือคฤหาสน์ที่เคยเป็นที่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่อย่างอบอุ่นหากแต่ตอนนี้นั้นเหลือเพียงเถ้าถ่าน
"ใช่ แค่คุณมาอยู่กับผม" ฮาโรลด์ลูบหัวโคลว์เบาๆ "ผมจะดูแลคุณอย่างดี"
"...อืม"
น้ำตาที่กลั้นไว้นานไหลทะลักเหมือนเขื่อนแตก โคลว์ปล่อยโฮเสียงดังราวกับเด็กๆ โถมตัวเข้ากอดฮาโรลด์สะอื้นฮัก ลืมไปหมดสิ้นว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
ซึ่งก็เล่นเอาฮาโรลด์เหงื่อตกอยู่เหมือนกัน..
"นี่เป็นกุญแจสำหรับห้องนอนแล้วนี่ก็ประตูโบถส์ครับ"
บาทหลวงหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงที่มารับช่วงต่อจากฮาโรลด์พยักหน้าหงึกๆ ในขณะเดียวกับก็ลอบมองร่างโปร่งที่กำลังหาวหวอดในมือกอดหมอนข้างกับกระเป๋าเดินทางใบเล็ก
ฮาโรลด์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรแต่ก็ไม่ได้ตำหนิอะไร "แต่มาอยู่ที่นี่คุณก็ทำใจหน่อยนะ แถวนี้ไม่ค่อยมีใครศรัทธาสักเท่าไหร่ ถ้าคุณใช้เงินฟุ่มเฟือย ผมไม่แน่ใจเลยว่าคุณจะรอดถึงสิ้นเดือน" ถึงจะพูดติดตลกแต่เรื่องจริงมันไม่ได้ขำสักนิด นี่เป็นอีกเหตุผลใหญ่ๆ ที่ฮาโรลด์เลือกที่จะเลิกเป็นบาทหลวงส่วนเหตุผลใหญ่กว่านั้นก็อย่างที่รู้
"ฮาโรลด์.. ง่วง"
ฮาโรลด์ยิ้มดึงร่างที่ยืนโงนเงนมานอนพิงไหล่ตัวเอง
"ขอบคุณครับ" บาทหลวงหนุ่มรีบกุญแจมาถือแล้วมองโคลว์ตรงๆ อย่างสงสัย ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลบางอย่างกระตุ้นให้เลือดที่ศรัทธาในแสงสว่างร้อนผ่าวๆ "ผมว่ามีอะไรแปลกๆ นะครับ"
คนโดนทักลืมตาขึ้นมามองข้างนึงแล้วแค่นเสียงเหอะใส่หลับตาต่อ
"คิดมากไปเองรึเปล่าครับ" ฮาโรลด์กล่าวเสียงแข็งโอบไหล่โคลว์อย่างหวงแหน "เสียเวลามามากแล้วผมคงต้องขอตัว คุณมีปัญหาอะไรก็ติดต่อทางส่วนกลางไปแล้วกัน" พูดจบก็หมุนตัวพาแมวขี้เซาขึ้นรถเพื่อไปยังบ้านใหม่
เพราะโดนตอกหน้าเข้าตรงๆ บาทหลวงหนุ่มก็ยืนนิ่งอึนหน้าชาอยู่ที่เดิม มองตามหลังร่างของคนสองคนที่เดินอาดๆ ที่รถเก๋งคนเก่า
"..!"
บาทหลวงหนุ่มขยี้ตาตัวเองแรงๆ เมื่อคล้ายกับเห็นเขาและหางของชายร่างโปร่งซึ่งมันก็ปรากฏเพียงเสี้ยววิก่อนที่จะหายไป
"สงสัยจะนอนน้อยเกินไปล่ะมั้ง"
บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะเข้าในโบถส์เพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง
กี้! กี้!
"หือ..?" ฮาโรลด์เหลือบมองกระจกข้างรถเมื่อเห็นค้างคาวสองตัวบินตามมาทั้งๆ ที่เป็นเวลากลางวันแสกๆ อย่างผิดวิสัย
ร่างสูงแค่นเสียงหัวเราะท่องบทสวดบางอย่างซึ่งเมื่อท่องจบ ค้างคาวสองตัวก็ถูกแสงสว่างจัดเผาผลาญกลายเป็นจุลในพริบตา
"ก็แค่แวมไพร์โง่ๆ..."
ฮาโรลด์ฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี
ภารกิจจับแมวป่าของเขาสำเร็จแล้ว
END
------------------
ยาวมากกกก
เรื่องนี้แต่งตามรีเควสต์ค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับไอเดียแก้ตัน
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่เพจ :
https://www.facebook.com/FoggyTime/