ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)  (อ่าน 17419 ครั้ง)

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
สกินชิฟกันเข้าเยอะๆ ไปๆมาๆ เกืดจิตใจไหวหวั่นจะหัวเราะลั่นเบยคอยดู
โอมเพี้ยง ขอให้ยะหยาชอบลุงตอบทีเถอะ
ถ้าวันนั้นมาถึง เจอเด็กเลี้ยงหนีหน้าขึ้นมา
หุหุ สนุกแน่นวน
 :mew3:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
แหม เขาเสนออะไรให้ก็เอาหมดเลยนะลุง

รบกวนเวลาอัพที เปลี่ยนหัวให้ได้มั้ย จะได้เข้ามาอ่านถูก

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
ลุง สั่งน้ำปั่นสาวน้อยจ๋ามากมาย ^^ คู่นี้เขาสกินชิฟกันอยู่เรื่อยเลย ถูไปถูมาระวังสป๊าคติดเข้าให้

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ท่าทางลุงมีใจให้เจ็มนะ แต่ไม่รู้ตัวนะ  o18

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ท่าทางลุงมีใจให้เจ็ทนะ แต่ไม่รู้ตัวนะ  o18

ออฟไลน์ oommmy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
CH9

ฤดูกาลแห่งการสอบได้ผ่านพ้นไป เข้าสู่ช่วงของวันหยุดปิดเทอม ที่เหมือนไม่ได้ปิดเทอม ก็จะเรียกว่าปิดเทอมได้ยังไงล่ะครับ เหมือนมหาวิทยาลัยให้วันหยุดสะสางงานที่ค้างคาเพื่อจะส่งในวันเปิดเทอมมากกว่า อาจารย์ชอบบอกว่าเอาไว้กันลืมความรู้ที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมากันตลอดเทอม แต่ดีหน่อยที่พอมีเวลาส่วนตัวบ้าง เวลาว่างของผมส่วนใหญ่จึงไปวนเวียนอยู่กับห้างสรรพสินค้า และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองกรุง

ผมเป็นคนคนหนึ่งที่ชอบสะสมกล้องฟิล์มครับ ผมรู้สึกว่ามันดูมีเสน่ห์ในตัวเอง ผมไม่ใช่พวกสมัยนิยมที่เห็นว่าเขากำลังฮอต เลยต้องมีเอาไว้ถ่ายรูปอัพลงโซเซียลให้ดูเป็นคนชิคๆ แต่ผมสนใจกล้องฟิล์มมาตั้งแต่ช่วงมอปลายแล้ว จำได้ว่ากล้องฟิล์มตัวแรกคือกล้องตัวเก่าของพ่อที่บังเอิญไปเจอตอนที่กำลังจัดบ้านกันครับ ความโชคดีคือมันยังมีฟิล์มค้างอยู่ในกล้องนิดหน่อย พ่อผมเลยถ่ายรูปเล่นๆ ให้ฟิล์มหมดม้วนก่อนจะให้ผมเอารูปไปล้าง

ตอนแรกผมก็สงสัยนะครับว่าเราจะมาลำบากใช้กล้องฟิล์มทำไม เทคโนโลยีสมัยนี้มันก้าวกระโดดไปไกลแล้ว แค่มีมือถือหรือกล้องดิจิตอลซักตัว ก็มีรูปสวยๆ ไว้อวดคนอื่นได้อีกหลายรูปเลยล่ะ แต่คำตอบพวกนั้นมันอยู่ในรูปที่ล้างออกมาจากฟิล์มนั่นแหละครับ

ทั้งม้วนมี 36 รูป แต่รูปที่ออกมาชัดจริงๆ มีไม่ถึง 20 รูปครับ แต่รูปพวกนี้สื่อความรู้สึกของความทรงจำได้ดีทีเดียว รูปของแม่ที่แอบปีนรั้วโรงเรียนอนุบาลของผม รูปที่น้องสาวผมวิ่งร้องไห้ออกมาจากหน้าโรงเรียนอนุบาล รูปที่ผมทำหน้าเซ็งตอนแม่สนใจน้องสาวมากกว่าผม หรืออีกหลายๆรูปที่มีแม่ น้องสาว และผม เป็นคนเล่าเรื่อง พ่อผมเก็บทุกความทรงจำเหล่านั้นไว้ผ่านกล้องฟิล์ม แต่ด้วยงานที่เพิ่มมากขึ้น ภาระทางบ้านหนักขึ้น ทำให้พ่อลืมเลือนที่จะหยิบนำกล้องมาถ่ายให้ฟิล์มหมด ภาพสุดท้ายที่ชัดคือภาพแม่ที่กำลังเก็บของในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย มองผ่านไปด้านหลังเห็นน้องสาวกำลังหยิบหนังสือพิมพ์ส่งให้ผมไปสำหรับเช็ดกระจกในบ้าน ข้างๆ มีขวดน้ำยาเช็ดกระจกอยู่ นั่นคงเป็นภาพปัจจุบันก่อนที่พ่อจะให้ผมไปล้างฟิล์ม

และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมสนใจกล้องฟิล์ม จากตอนแรกที่เอากล้องพ่อมาใช้บ้าง ก็เริ่มตามหามาเป็นของตัวเอง แต่การจะไปหาซื้อฟิล์มมาใส่กล้องมันก็ยากเหลือเกินครับสำหรับสมัยนั้น กว่าจะได้ฟิล์มมาใช้ซักม้วนต้องวิ่งเต้นกันแทบตาย แต่จะเรียกว่าผมโชคดีก็ได้นะครับ ที่พ่อค่อนข้างจะสนับสนุนเรื่องพวกนี้ เพียงแต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่พกกล้องไปโรงเรียนด้วย เพราะแต่ละตัวมันแพงเหลือเกิน ถ้าหายพ่อจะให้เลิกสะสม แล้วก็ให้ช่วงแม่ทำงานบ้านทุกวัน อย่างน้อยล้างจานทุกวันก็ยังดีครับ

และตอนนี้กล้องฟิล์มที่ผมหยิบติดมือมาด้วยจากบ้านที่ภาคเหนือก็คือ Nikon FM10 ตัวนี้มีฟังก์ชั่นที่ผมชอบครับ ตอนซื้อมาเป็นมือสองราคาไม่แพง มีรอยขีดข่วนที่ตัวบอดี้นิดหน่อย แต่ถือว่ายังสามารถได้งานได้เต็มที่ เลยตัดสินใจเจียดเงินค่าขนมนิดหน่อยมาซื้อ

วันนี้ผมเลยพาตัวและกล้องมาที่ท้องฟ้าจำลองเอกมัย ดูมุ้งมิ้งตามสไตล์ผมไหมล่ะ นอกจากเป็นคนตลกแล้วยังเป็นคนตะมุตะมิด้วยนะเออ เห็นสมัยนี้เขาใช้คำนี้กันใช่ไหมครับ ตะมุตะมิ 55555 ที่มามันคือยังไงไม่รู้ แต่อยากหยิบมาใช้บ้างเดี๋ยวหาว่าผมหัวโบราณ

ผมเคยดูหนังเรื่องรถไฟฟ้ามหานะเธอที่ คริส หอวัง เล่นคู่กับ เคน ธีรเดช ไอ้ฉากประทับใจตอนนั้นก็คงเป็นตอนที่ตามหาว่าบ้านตัวเองอยู่ตรงไหนในแผนที่ แต่บังเอิญบ้านผมไม่ได้อยู่กรุงเทพเสียด้วยสิ แต่อยากลงหาบ้าง เลยตัดสินใจหามหาลัยตัวเอง ถึงไม่อยู่ในตัวเมืองกรุงเทพ แต่ก็อยู่แถบชานเมืองล่ะน่า

ผมถอดรองเท้าและเดินวนๆ รอบๆ แผนที่ จริงๆ ก็อายนิดหน่อยนะที่ต้องทำไรแบบนี้ เพราะในนี้มีแต่เด็กน้อยตัวเล็กๆ วิ่งเต็มไปหมดเลยครับ แล้วก็มีคุณพ่อคุณแม่ยืนถ่ายรูปเด็กๆ อยู่ไกลๆ เห็นแบบนี้ก็คิดถึงรูปที่พ่อผมถ่ายขึ้นมาทันทีเลยล่ะครับ ว่าแล้วก็ขอแชะภาพเก็บไว้ซะหน่อย

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะหามหาลัยตัวเองบนแผนที่เจอ เสียงแอพพลิเคชั่นยอดฮิตที่มีสัญลักษณ์สีเขียวสว่างจ้าขึ้นมาเสียก่อน ดังทีเดียวอ่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่นี่ดังติดๆ กันหลายครั้งก็ควรหยิบมาดูล่ะ

SomZaa : พวกมึง พี่เก่งไม่ตอบแชทกูตั้งแต่เช้าแล้วว่ะ
YaYaya : พี่เก่งไม่ว่างรึเปล่า อย่าคิดมาเลย
SomZaa : แต่พี่เก่งไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะหยา เราใจคอไม่ดีเลยอ่ะ
Yiim : คิดมากน่ามึง พี่เก่งอาจจะยังไม่ตื่นก็ได้

และอีกมากมายที่ใจความประมาณว่าพี่เก่งเหมือนจะเปลี่ยนไป ไม่ตอบแชทเหมือนเก่า ยิ่งช่วงสอบยิ่งหนัก เพราะพี่เก่งแทบจะไม่โผล่หน้ามาให้ส้มเห็นเลย จากที่ตอนแรกพวกผมก็คิดว่าส้มอาจจะคิดมากกไปเอง แต่ด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่างทำให้ใจผมเริ่มคิดเหมือนส้มแล้วครับ ถึงอย่างนั้นเราก็พยายามปลอบใจส้มว่ามันคงไม่มีอะไร แม้มันอาจจะมีอะไรจริงๆ ก็ได้
ผมที่ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไงทำได้แค่ส่งข้อความไปปลอบใจ และสติ๊กเกอร์รูปหมียืนยิ้มกลับไป และจังหวะที่เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าและหยิบกล้องขึ้นมาเตรียมถ่ายรูปอีกรอบก็มีเด็กผู้หญิงตัวกลมวิ่งเข้ามาชนผมเสียก่อน ด้วยสรีระของเด็กน้อยที่ตัวเล็กกว่าผมมาก ทำให้เด็กน้อยเซไปด้านหลังเล็กน้อย ดีที่คว้าเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างงั้นก้นคงจ้ำบ๊ะไปแล้ว

“ขอโทษค่ะ” เด็กผู้หญิงเงยหน้ามาขอโทษผม พร้อมกับทำหน้าสำนึกผิดเต็มที่ เห็นท่าทางแบบนั้นแล้วอยากหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ แต่กลัวผู้ปกครองเด็กจะกว่าเสียก่อน เลยทำแค่ลูบหัวไปเบาๆ แล้วบอกไม่เป็นไรกลับไป

“ว่าแต่คุณพ่อคุณแม่ไปไหนคะ” เห็นเด็กยืนอยู่คนเดียว มองไปรอบๆก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีพ่อแม่เด็กคนนี้เลย เพราะคนอื่นๆ ก็ต่างสนใจลูกของตัวเองกันหมด

“คุณแม่เดินไปเข้าห้องน้ำค่ะ เลยบอกให้ฮันนี่รอตรงนี้ ส่วนคุณพ่อไม่ว่างค่ะ ไปเที่ยวบนสวรรค์นู่น เลยมาเที่ยวกับฮันนี่ไม่ได้” อ่า ฮันนี่คงไม่เข้าใจคำว่าคุณพ่อไปเที่ยวบนสวรรค์สินะ

“วันนี้คุณแม่พาฮันนี่มาดูดาว มีน้าทีมาด้วย แต่น้าเดินไปซื้อน้ำตรงนู่นนนนน” ฮันนี่ชี้ไปมือไปตามทิศที่น้าทีของฮันนี่เดินไป มองไปก็เห็นแผ่นหลังผู้ชายตัวโตกำลังส่งเงินให้แม่ค้า ในมือถือน้ำเปล่าสองขวด

“คุณแม่บอกว่าให้ฮันนี่หาบ้านตัวเองรอไปก่อน แต่ฮันนี่ยังหาไม่เจอเลยค่ะ” เด็กหญิงพูดเจื้อยแจ้ว แล้วก้มลงกับพื้นเพื่อมองหาบ้านตัวเอง ผมเห็นแบบนั้นเลยก้มลงไปช่วยเด็กหญิงหาบ้านด้วย ฮันนี่น่ารักครับ ตามองหาบ้าน และก็ยังพูดไม่หยุด มือไม้แตะสะเปะสะปะไปทั่ว บางครั้งก็ก้มลงไปใกล้ๆแผนที่ เพื่อดูว่าใช่บ้านของตัวเองจริงๆ รึเปล่า ต้องคอยห้ามปรามอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าพื้นนี่มีใครเหยียบมาแล้วบ้าง ถ้าให้เด็กก้มลงไปใกล้ขนาดนั้น กลัวว่าจะไม่สบายเพราะเชื้อโรคเสียหมด

“เพิ่งรู้ว่าคนอย่างมึงก็มาเที่ยวที่แบบนี้นะ” ผมว่าตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ ไอ้ทฤษฎีโลกกลมอะไรเนี้ย มันน่าจะมีจริงละล่ะ ไปไหนก็หนีไม่พ้นลุงร่างยักษ์คนนี้จริงๆ เสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นด้านหลังไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจนัก เพราะตอนที่ฮันนี่ชี้ไปที่ร้านขายน้ำ  ผมก็เดาว่าน้าทีอะไรนั่น คงหนีไม่พ้นตาลุงที่ผมเจอหน้าทุกวันหรอก ดีหน่อยที่ตอนนี้ไม่ได้มารับผมไปเรียนแล้ว เพราะมอเตอร์ไซด์ที่พังซ่อมเสร็จแล้ว ผมเลยไม่มีข้ออ้างอะไรบอกเพื่อนว่าลุงนี่มาส่งผมได้ยังไง แต่จะว่าก็ว่าเหอะ ไอ้ช่วงสอบที่พวกผมคลุกตัวอยู่ร้านพี่โจ้ ลุงนี่ก็แวะเวียนมาสั่งน้ำสตอเบอรี่ทุกวัน หลังๆ เริ่มมาช่วยหยาติวหนังสือด้วยอีกคน ขนาดเรียนคนละคณะ ลุงมันยังสามารถติวหนังสือพวกผมได้เลยอ่ะ ในสมองนั่นบรรจุอะไรอยู่วะ ตอนนี้พวกเพื่อนๆ ผมเลยยกย่องให้ลุงเป็นเทพ ไม่เว้นแม้แต่ยะหยาที่ดูจะถูกใจเป็นพิเศษ เพราะได้วิธีคิดแบบใหม่ๆ ที่จำง่ายกว่าที่ยะหยาเคยคิดไว้เยอะ แหมม คะแนนนำลิ่วขนาดนี้ การจะคว้าหัวใจยะหยาคงไม่ยากแล้วล่ะมั้ง

“น้าที!!!” ฮันนี่หันไปตามเสียงที่คุ้นเคยก่อนจะยิ้มให้น้าของตัวเอง น่ารักจังเลยเว้ย อยากจะฟัดแก้มนิ่มๆ นั่นจริงๆ ถ้าน้องสาวผมมันน่ารักแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ ผมคงไม่แกล้งมันได้ทุกวี่ทุกวันที่อยู่ด้วยกันหรอก ยิ่งโตยิ่งขี้บ่น ไม่รู้ได้นิสัยนี้มาจากไหน

“ว่าไงตัวแสบ น้าเคยบอกว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้าไงคะ” พูดจบก็ยิกจมูกเด็กสาวที่กำลังพยายามชูมือให้อุ้มอยู่ตรงหน้า

“ก็เมื่อกี้ฮันนี่วิ่งชนน้าคนนี้ แต่น้าคนนี้ไม่ดุฮันนี่ น้าคนนี้ใจดี ไว้ใจได้” เด็กก็คือเด็กครับ เห็นคนใจดีเข้าหน่อยก็ไว้ใจง่ายๆ แบบนี้ไม่แปลกที่ลุงจะเป็นห่วงขนาดนี้ มีโอกาสโดนหลอกได้ง่ายๆ เลยนะเนี้ย เห็นแบบนี้ก็ไม่น่าปล่อยเด็กไว้คนเดียวนะ

“คุณแม่ไปไหนคะ ทำไมปล่อยให้ฮันนี่อยู่คนเดียว”

“คุณแม่ไปเข้าห้องน้ำค่ะ  บอกว่าปวดท้องทนไม่ไหว เลยบอกให้ยืนรอน้าทีอยู่ตรงนี้” บรรยากาศฟรุ้งฟริ้งระหว่างน้ากับหลานทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องที่คล้องคออยู่มาถ่ายรูปเก็บไว้ ตาลุงก็มีโมเมนต์น่ารักแบบนี้ด้วย ขอถ่ายเก็บไว้ดูเล่นเสียหน่อย

“แล้วมึงมาทำไรที่นี่” หลังจากที่หันไปสวีทกับหลานสาวตรงหน้าเสร็จ ก็เบนความสนใจกลับมาหาผมต่อ เห็นเจ้าตัวเล็กกำลังดูดน้ำที่อยู่ในขวด โดยที่ลุงเป็นคนถือขวดไว้ให้

“มาท้องฟ้าจำลอง มาดูจระเข้มั้งลุง”

“หึ” น่ะ มีส่งเสียงในลำคอกลับมาด้วย บอกแล้วอย่าเล่นกับไอ้เจ็ท มีแต่กวนทรีนกลับเท่านั้นแหละ

“แล้วมากับใคร” ขณะที่ผมยกกล้องถ่ายรูปเด็กน้อยดูดน้ำก็มีเสียงดังมาจากคนตรงหน้าฮันนี่อีกรอบ กล้าถ่ายแล้วครับ คิดว่าผู้ปกครองคงไม่ได้ว่าอะไร ก็เห็นยืนเฉยๆ ไม่ได้ว่าหรือตำหนิผมที่ยกกล้องมาถ่ายเจ้าตัวเล็ก

“เห็นว่ามากับใครล่ะคร้าบบบบ” อยากไปล้างฟิล์มแล้วครับ รูปของเด็กหญิงฮันนี่จะต้องออกมาดูดีแน่ๆ

“เพื่อนไม่คบสินะ”

“แหมลุง เที่ยวคนเดียวสนุกกว่าเที่ยวกับเพื่อนเยอะน่า ไม่ต้องรอใคร อยากทำไรทำ ไม่ต้องรอใครให้รำคาญใจกันเสียเปล่า” ก็อย่างว่าแหละครับ ไปคนเดียวได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ มันสบายใจกว่าการต้องคอยเอาใจใครมากมาย กว่าธุระของคนนู่นคนนี้จะเสร็จ ไม่เป็นอันทำอะไรกันพอดี ผมเคยไปเที่ยวกันครบแก็งค์ครั้งหนึ่ง บอกเลยว่ารอไอ้คุณส้มแอ็กท่าถ่ายรูปนานมาก จนรำคาญกันไปเลย หลังจากนั้นผมขอฉายเดี่ยวตลอด

“ซื้อตั๋วดูดาวรึยัง” ฮันนี่หันกลับไปสนใจการหาบ้านต่อแล้วครับ ปล่อยให้ผมยืนดูข้างๆ กับน้าทีของฮันนี่นั่นแหละ

“อืม รอบต่อไปนี่แหละ”

“ดูด้วยกันสิ รอบเดียวกัน” ฮันนี่หันกลับมายิ้มให้พวกทีหนึ่ง ก่อนนะสนใจหาบ้านต่อ เป็นเด็กที่มีความพยายามมากครับ ถ้าเป็นผมนะ เลิกหาไปนานแล้วล่ะ นี่หามหาลัยตัวเองยังไม่เจอแต่ก็ขี้เกียจแล้วครับ คิดเสียว่ามันหลุดนอกแผนที่นี้ไปเสีย จะได้ไม่ค้างคาใจ

“อืม” ตอบรับเบาๆ แล้วเดินเข้าไปช่วยฮันนี่หาบ้านต่อ เด็กหญิงยิ้มให้เล็กน้อย แล้วบอกว่าหลังคาบ้านเป็นสีฟ้าเข้มๆ หน่อย ใช้เวลาหาอยู่นานแต่ก็หาไม่เจอเสียที ลำบากลุงทีต้องมาชี้พิกัดที่ตั้งบ้านให้กำจัดวงการหาให้แคบลง

...

“แล้วเจ็ทกลับยังไงจ๊ะ” พี่ฟ้า แม่ของน้องฮันนี่หรือพี่สาวของลุงหันมาถามผมหลังจากที่เราดูดาวกันจบแล้ว ตอนนี้พวกเรายืนอยู่หน้าท้องฟ้าจำลองครับ ใช้เวลาประมาณราวๆ 1 ชั่วโมงได้ กับการนอนดูดาวในนั้น เด็กหญิงฮันนี่ที่ตอนแรกดูตื่นเต้นกับอนิเมชั่นตรงหน้า ตอนนี้หลับอยู่ในอ้อมอกของคุณแม่แทน อาจเพราะแอร์เย็นๆ เบาะนิ่มๆ และการวิ่งไปมารอบท้องฟ้าจำลอง ทำให้เด็กหญิงหลับลงได้อย่างง่ายดาย หลังจากฉายดาวไปไม่ถึง 15 นาที

“คงจะ BTS แหละครับ”

“อย่างนี้ก็ต้องไปต่อรถตู้อีกสิ” พี่ฟ้าพูดขึ้นอีกครั้ง

“งั้นให้ทีไปส่งไหม เดี๋ยวแวะไปส่งพี่กับฮันนี่ที่บ้านก่อน แล้วเดี๋ยวพี่ให้ทีขับรถไปส่งเราที่หอ” รอยยิ้มพี่ฟ้าสดใสมากครับ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าตัวเล็กจะมียิ้มที่น่ารักขนาดนั้น

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ พอดีผมมีที่ที่อยากแวะก่อนที่หนึ่ง ถ้ายังไงไม่รบกวนดีกว่า” เห็นว่าแถวนี้มีคาเฟ่ที่บรรยากาศน่าถ่ายรูปอยู่ ว่าจะแวะไปก่อนจะกลับ จะได้ไปขโมยสูตรใหม่ๆ ให้ร้านพี่โจ้ด้วย

“เอางั้นหรอ งั้นกลับดีดีนะจ๊ะ ถ้าถึงหอแล้วก็ส่งข้อความมาบอกตาทีหน่อยละหัน พวกพี่จะได้ไม่ต้องห่วง”

“ครับ งั้นผมลาตรงนี้เลยนะครับ สวัสดีครับ” หันไปลูบหัวเด็กน้อย ก่อนจะเดินแยกออกมาหาแท็กซี่เพื่อไปยังร้านดังกล่าว แต่ยังไม่ทันพ้นประตูท้องฟ้าจำลองก็เห็นรถคันคุ้นเคยขับผ่านหน้าไป มันคงไม่ได้ทำให้ผมสนใจมากเลยถ้าคนบนรถไม่ใช่พี่เก่ง

และผู้หญิงอีกคนที่ผมเคยเห็นหน้าผ่านๆ เวลาเดินอยู่ในคณะ

พี่พาย ดาวคณะพ่วงด้วยตำแหน่งมหาวิทยาลัยปีที่แล้ว!

...
ไฟในการแต่งกำลังมาเลยค่ะ เลยรีบแต่งติดๆ กันได้หลายๆ ตอน
เราได้งานทำแล้วนะเอ้ออออ หลังจากเดินสายสัมภาษงานอย่างหนักหน่วง
ตอนนี้เลยรีบมาแต่งก่อนจะต้องไปทำงานจริงๆ จังๆ

สำหรับตอนนี้มาแบบเบาๆ ไม่หนักหน่วงๆ สบายๆ
เด็กหญิงฮันนี่ก็ได้แรงบรรดาลใจมาจากการ์ตูนเลยค่ะ เรื่อง honey&cover
บุลคลิกรูปร่างหน้าตาก็จะคล้ายๆ แบบนั้นเลย แฮ่

ตัวละครเพิ่มคนเรื่อยๆ แล้ว แต่คิดว่าตัวละครทึกตัวกำลังจะออกมาจนหมดทุกคนในเร็วๆ นี้
ยังไงก็ฝากติชมเหมือนเดิมนะคะ เราจะได้พัฒนางานเขียนให้เข้มข้นขึ้นๆ ไปอีกเนอะ
รักคนอ่านทุกคนน้าาา จุ้บๆ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
เข้ากับครอบครัวได้ด้วย น้องฮันนี่สนใจน้าสะใภ้คนนี้มั้ยยยย

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
น้องฮันนี่น่ารักขโมยซีนตอนนี้ไปเต็มๆ
 :mew3:

ออฟไลน์ oommmy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
CH10

“เป็นไรว่ะมึง วันนี้ดูเงียบๆ” วันนี้พี่โจ้เข้าร้านครับ ปกติเวลาพี่โจ้เข้าร้านมักจะมีเมนูใหม่ๆ มานำเสนอให้พวกผมลองทำตลอด เราจะเปลี่ยนเมนูแนะนำของร้านทุกเดือน เพราะจะได้ไม่จำเจ ลูกค้าจะได้ติดตามกันเสมอ แต่เมนูอื่นๆ ก็มีเสมอครับ แต่มีมากมีน้อยก็ขึ้นอยู่กับปริมาณการสั่งของลูกค้าในแต่ละวัน ร้านเราพยายามจะไม่นำของค้างคืนมาทำ แต่บางครั้งมันก็จำเป็นครับ ไม่งั้นพี่โจ้ได้ขาดทุนย่อยยับแน่

“เปล่าพี่ แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” ก็เรื่องพี่เก่งกับพี่พายนั่นแหละครับ เพราะปกติเวลาที่เก่งมาคณะพวกผมทีไรก็จะมาแค่รับส้มอย่างเดียว ไม่รู้ว่าไปสนิทกับพี่พายเอาตอนไหน จะว่าเป็นช่วงที่เก็บตัวประกวดดาวเดียวก็ไม่น่าใช่ เพราะตอนนั้นพี่เก่งก็มีส้มมาเฝ้าตลอด สองคนนี้ตัวติดกันตลอดเวลาขนาดนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พี่เก่งจะไปสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นได้โดยที่ส้มไม่รู้เรื่อง

“เครียดมากก็แดกๆ เข้าไป เขาว่ากันว่าของหวานช่วยผ่อนคลาย”

ผมตักบานอฟฟี่ที่พี่โจ้เพิ่งทดลองเอามาให้ชิมที่ร้าน แฟนพี่โจ้ทำมาครับ ด้วยความพี่อยากลองทำเมนูใหม่ๆ เลยไปลงเรียนทำขนม เป็นการช่วยกิจการของพี่โจ้ไปในตัว แฟนพี่โจ้ทำงานประจำเป็นพนักงานฝ่ายบุคคลอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง พอมีเวลาว่างก็มักจะชวนพี่โจ้ไปชิมขนมร้านนู่นร้านนี้ตลอด จนกระทั่งได้มีโอกาสทำด้วยตัวเองนี่แหละครับ ขนมเค้กส่วนใหญ่ก็เป็นฝีมือแฟนของพี่โจ้ทั้งนั้น จะมีแค่บางอย่างที่รับมาจากร้านที่ไปชิมๆ กัน

“เป็นไง ฝีมือแฟนกู ใช่ได้มั้ย กูว่าจะเอาลงขายเร็วๆ นี้ เป็นเมนูแนะนำของเดือนหน้าไปเลย” ผมพยักหน้าเบาๆ ว่าอร่อย แล้วตักขนมตรงหน้าต่อเรื่อยๆ

“แล้วไอ้ต่อยังไม่มาอีกหรอวะ” หันไปมองนาฬิกาเล็กน้อย ใกล้ได้เวลาเข้างานของเพื่อนต่างคณะของผมแล้วครับ รายนี้จะเข้ากะต่อจากผม เพิ่งรับเข้ามาให้ครับ พี่โจ้เลยต้องคุมหน่อย กลัวทำสูตรผิดพลาดไปแล้วลูกค้าจะหายหมด จริงๆ แล้วพี่โจ้มันกลัวคิดเงินพลาดแล้วขาดทุนมากกว่า

“อีกตั้ง 15 นาทีน่าพี่ ถ้ามันเข้าสายเจ็ทอยู่ช่วยก่อนแปปนึงก็ได้นะ” เรื่องทำงานเลยเวลาผมไม่เกี่ยงหรอกครับ เพราะพรุ่งนี้ยังปิดเทอมอยู่ มีนัดทำงานกลุ่มก็ช่วงบ่ายๆ นู่น ตื่นสายได้สบายมาก

“เฮ้ยไม่เป็นไรมึง ขอบใจมาก แล้วหายเครียดยัง มีไรพูดกับกูได้นะเว้ย” พี่โจ้ตบบ่าผมเบาๆ ก่อนหันไปสนใจบานอฟฟี่ต่อ

จะเรียกว่าเครียดก็ไม่ถูกหรอกครับ ลำบากใจมากกว่า คิดมาตั้งแต่ตอนนั้นว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับส้มดีไหม หรือเอาไปบอกสองแฝดก่อนดี แต่คิดอีกทีถ้ามันไม่มีอะไรก็กลัวจะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ผมห่วง ไม่อยากให้ส้มมันไม่สบายมากกว่าเดิม ไอ้คนอย่างผมก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้เสียด้วยสิ ไม่รู้ว่าต้องจัดการกับปัญหานี้ยังไง

“พี่โจ้” เรียกคนข้างๆ เบา พี่โจ้หันมามองหน้าผมเหมือนคนต้องการจะถามว่ามีอะไรก็พูดมา

“สมมตินะพี่ ถ้าพี่เจอแฟนเพื่อนพี่อยู่กับผู้หญิงคนอื่น พี่จะบอกเพื่อนพี่ไหม” พี่โจ้ตักบานอฟฟี่เข้าปากก่อนจะขมวดคิ้วเบาๆ แล้วมองหน้าผม

“ถ้ามึงคิดว่าการบอกเพื่อนมึงแล้วทำให้มึงสบายใจมึงก็บอก ยังไงความจริงก็คือความจริง ไม่ว่าเรื่องที่มึงเห็นมันจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม” ผมคิดว่าผมเข้าใจสิ่งที่พี่โจ้กำลังจะบอก นั่นสินะ ยังไงความจริงก็คือความจริง โกหกกันก็ไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นหรอกจริงมั้ยครับ ถ้าพี่เก่งบริสุทธิ์ใจจริงๆ เรื่องนี้ก็ต้องไม่ใช่เรื่องที่มันเสียหายอะไร

“ขอบคุณมากพี่” ผมยิ้มให้พี่โจ้เบาๆ ก่อนจะตักบานอฟฟี่เข้าปากต่อ อร่อยจริงๆ แฮะ กินของหวานแล้วทำให้ผ่อนคลายนี่คงเป็นเรื่องจริงสินะ

...

BMW คันคุ้นเคยขับมาจอดหน้าคณะพวกผม แปลก เพราะช่วงนี้ลุงไม่ได้ทักแชทมาถามความคืบหน้าของยะหยากับผมซะเท่าไหร่ เรียกว่าไม่ได้รายงานเรื่องของยะหยาเลย อย่างวันนี้ที่พวกผมนัดกันมาทำงานที่คณะก็ไม่ได้บอก

และที่แปลกกว่านั้นคือยะหยาที่ก้าวลงมาจากรถของลุงนั่น โดยที่ไม่มีหยิมอยู่ด้วย ปกติสองแฝดไม่เคยแยกจากกัน และปกติหยิมไม่เลยให้หยานั่งรถมากับคนอื่น นอกจากจะมีเราคนใดคนหนึ่งนั่งไปด้วย คนขับรถเปิดประตูตามยะหยาลงมา แล้วส่งถุงอะไรบางอย่างให้ ยะหยาหยิบถุงนั้นแล้วสวัสดี ก่อนจะเดินมาหาพวกผม

ไม่มีการทักทายกันระหว่างผมกับลุง และรถคันนั้นก็เคลื่อนออกไป

“ทำไมหยามาพร้อมพี่ทีล่ะ แล้วนั่นถุงอะไร” คำถามนี้เป็นของส้มครับ ยะหยาส่งถุงมาให้ส้มดูก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะที่พวกเรานั่งกันอยู่ ส้มเปิดถุงออกแล้วหยิบของในถุงออกมา เป็นพวกขนมและเครื่องดื่มที่เพียงพอสำหรับจำนวนคนตอนนี้

“พอดีรถพวกเราเสียอ่ะ หยิมเลยอยู่เคลีย แล้วพี่ทีขับรถผ่านมาพอดี หยิมเลยให้พี่ทีขับรถมาส่งหยาก่อน” แล้วทำไมหยุมหยิมมันไว้ใจคนอื่นนอกจากพวกเราให้พายะหยามาส่งได้ล่ะวะ

“แล้วขนมพวกนี้พี่ทีก็ซื้อมาบอกให้เอามาฝากพวกเราตอนทำงาน จะได้มีแรง” ยะหยาพูดถึงเจ้าของขนมต่อ ป๋าอีกแล้วนะลุง เอะอะเลี้ยง เอะอะจ่าย รวยมาจากไหนเนี้ย

พวกเรานั่งทำงานกันได้ไม่นาน หยุมหยิมก็นั่งแท็กซี่มา ได้ความว่าตอนนี้รถต้องเข้าอู่ซักพัก ช่วงนี้ก็ต้องพึ่งหาแท็กซี่กันไปก่อน เราใช้เวลาช่วงบ่ายในการเคลียงานกลุ่มสองถึงสามอย่างจนเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ อย่างว่าแหละครับ เพราะแบ่งงานกันไปหาข้อมูลกันมาบ้างแล้ว การเอาข้อมูลมาผสมรวมกันมันก็ไม่ยากเท่าไหร่ งานเลยเดินกันได้ไว เหลือแค่เช็คความเรียบร้อยกันเล็กน้อยก็น่าจะเสร็จ

“แล้วมึงกลับยังไงส้ม” เพราะตอนนี้เห็นว่าส้มกำลังมีปัญหากับพี่เก่ง ตอนมาก็นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างมา ส้มอยู่ง่ายครับ แต่ปกติมีพี่เก่งคอยรับคอยส่งตลอด ช่วงปิดเทอมจะหารถโดยสารก็ยากหน่อย เพราะนักศึกษาน้อย คนขับรถส่วนใหญ่ก็คงไปหาทำกินอย่างอื่นที่มันน่าจะคุ้มค่าเสียเวลามากกว่า

“คงหาวินแถวนี้แหละมึง”

“แล้วเรื่องพี่เก่งเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้โอเคไหม” ยะหยาวางมือจากคอมพิวเตอร์ตรงหน้าแล้วมองหน้าส้ม

“ก็เหมือนเดิม วันนี้ทักไปบอกว่าจะมาทำงานที่คณะก็ยังไม่อ่าน ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ เราก็เริ่มจะทำใจบ้างแล้วล่ะหยา” สีหน้าส้มไม่ได้ดี แต่ก็พยายามยิ้มออกมา ผมรู้ว่าในใจส้มคงไม่พร้อมจะยิ้มมากนัก แค่ทุกวันดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ ให้ไม่คิดมากก็คงจะยากแล้วล่ะครับ คนรักกันมาตั้งนาน อยู่ดีดีมาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย มันก็ต้องเสียใจมากเป็นธรรมดา

“ส้มรู้ใช่ไหมว่ายังไม่พวกเราอยู่” หยาเอื้อมมือไปแตะมือส้มเบาๆ แล้วยิ้มให้ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่มีจังหวะที่จะได้บอกเรื่องนั้นกับส้มเสียที จะทักแชทหรือโทรไปบอกก็กลัวฝ่ายนั้นจะคิดมากเวลาอยู่คนเดียว บอกตอนที่มีพวกผมอยู่ด้วยกันน่าจะดีกว่า

“กูมีเรื่องจะบอกมึง แต่มึงต้องสัญญาก่อนว่าถ้าคิดอะไรอยู่แล้วจะบอกพวกกู” ผมกำชับเพื่อความสบายใจของตัวเอง เห็นสองแฝดมองหน้าผมด้วยความสงสัย ส่วนส้มเงยหน้าขึ้นมาจ้องผมด้วยแววตาที่มีน้ำตาคลอเล็กน้อย

“รับปากกับกูส้ม” ผมเรียกเพื่อนเพื่อเตือนสติอีกรอบ ส้มพยักหน้า เห็นอย่างนั้นใจผมก็เต้นรัวขึ้นมาทันที เอาวะ เป็นไงเป็นกัน เรื่องจริงก็คือเรื่องจริง

“เมื่อวานตอนที่กูกำลังจะกลับจากท้องฟ้าจำลอง กูเจอพี่เก่ง..” ผมเว้นช่องเล็กน้อย เพื่อเช็คปฏิกิริยาของส้ม เห็นแววตาส้มไหววูบไปเล็กน้อย น้ำตาเอ่อจนเกือบจะไหลลงมา

“กับพี่พายดาวคณะเรา ขับรถผ่านหน้ากูไป” เขื่อนแตกครับ น้ำตาที่ส้มพยายามกั้นเอาไว้ไหลลงมาทันทีหลังจบประโยคนั้น ยะหยารีบเข้าไปกอดส้ม ผมกับหยิมทำอะไรไม่ถูก นอกจากเอื้อมมือไปลูบศีรษะ ลูบตัวส้ม เป็นการปลอบใจ เวลาผ่านไปซักพักส้มเริ่มดีขึ้น จึงออกจากอ้อมกอดของยะหยาขึ้นมา

“โอเคไหม อยากร้องร้องออกมาได้หมดเลยนะ”

“เราโอเคหยา” ตาส้มบวมและแดงมาก เห็นแบบนี้แล้วสงสารจับใจครับ ผมไม่รู้ว่าการที่ถูกคนที่เรารักหักหลังมันเป็นยังไง ผมไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนในชีวิต ถึงจะเคยเป็นเจ้าน้องสาวตัวดีแอบร้องไห้บ้างเวลาที่รุ่นพี่ที่แอบชอบมีแฟน แต่พออีกวันก็เห็นนางกลับมาสดใสร่าเริงได้แบบเดิม ต่างกันส้มตอนนี้ที่น้ำตาไหลอย่างบ้าครั่ง จนไม่รู้ว่ามันจะหยุดได้ยังไง

“เมื่อวานกูชวนพี่เก่งไปกินข้าวที่บ้านกับพ่อแม่ พี่เก่งบอกกูว่ายังไงรู้ไหม” ส้มเว้นจังหวะเพื่อปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเรื่อยๆ

“พี่เก่งบอกว่ามีธุระสำคัญ ไปไม่ได้ ฝากขอโทษพ่อกับแม่กูด้วย” พูดถึงตรงนี้ส้มก็เอามือมาปิดหน้าแล้วสะอึกสะอื้นมากกว่าเดิม สงสารครับ พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากคอยอยู่ข้างๆ ส้มเท่านั้น

“กูว่าเราไปถามเจ้าตัวเลยไหม” หยิมเป็นคนเสนอความคิดเห็นนี้ออกมา แต่ส้มก็ส่ายหน้าลูกเดียว

“หยาว่ารอให้ส้มใจเย็นกว่านี้ดีกว่า”

สุดท้ายผมก็เป็นคนขี่มอเตอร์ไซด์ไปส่งส้มที่หอ เพราะไม่อยากให้ส้มต้องคิดมากเวลาอยู่คนเดียว พวกเราตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวคลายเครียดกันซัก 2-3 วัน ผมรีบโทรไปลางานพี่โจ้ทันที พี่โจ้บ่นผมหูชาเลยครับ แต่พอบอกเหตุผลก็ฝากดูแลส้มให้ดี แถมบอกว่ากลับจากเที่ยวแล้วให้พาส้มมาหาที่ร้านอีกด้วย

“เดี๋ยวกูกลับไปเก็บของที่หอแล้วจะมารับ มึงอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม” ผมมาส่งส้มหน้าหอเพื่อให้เตรียมตัว ส่วนสองแฝดนั้นนั่งแท็กซี่กลับไปเก็บของที่บ้านเช่นกัน และด้วยความที่รถของหยิมเสีย เราจึงตัดสินใจว่าจะนั่งรถตู้ไปกันแทนครับ ทะเลที่ไม่ใกล้ไม่ไกลมากนัก บางแสนนี่แหล เพราะเราไม่มีรถส่วนตัว แถมตอนนี้ก็ใกล้จะเย็นมากแล้ว เราเลยต้องเลือกสถานที่ใกล้ๆ แทน

“อืม ออกจากหอแล้วบอกกูด้วย จะได้ลงมารอ” ผมรับปากแล้วขี่มอไซด์กลับหอด้วยความรวดเร็ว นัดกันไว้ว่าอีก 1 ชั่วโมงเจอกันที่หน้ามหาลัยครับ จะได้เหมาแท็กซี่กันไปที่คิวรถตู้

ผมใช้เวลาในการเก็บของไม่นาน หยิบเสื้อผ้าไปสองสามตัวพอ ขาดเหลืออะไรค่อยหาซื้อเอาข้างหน้า ส่งข้อความไปบอกเสด็จแม่เสียหน่อยว่าจะไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน อยากได้ของฝากเป็นอะไรไหมจะได้ซื้อส่งไปรษณีย์ไปให้ ไม่ลืมที่จะคว้ากล้องฟิล์มไปด้วย ความนี้ผมเลือก Olympus trip 35 เพราะมันตัวเล็กหน่อย พกพาสะดวก หยิบฟิล์มไปเผื่อสัก 2-3 ม้วน ไว้เอาใจส้ม เผื่อเกิดอยากถ่ายรูปขึ้นมาจะได้มีฟิล์มสำรอง

เก็บสัมภาระต่างๆ ลงกระเป๋า แล้วส่งไลน์ไปบอกส้มว่ากำลังจะออกจากหอ หยิบกุญแจรถเดินออกมาหน้าหอ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างครับ ตอนนี้หน้าหอผมมีรถ BMW คันคุ้นเคยจอดอยู่ เห็นเจ้าของรถกำลังยืนพิงรถกดโทรศัพท์ยิกๆ พร้อมๆ กับที่โทรศัพท์ผมแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้าพอดี หยิบขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นข้อความจากคนตรงหน้านี่แหละ

ผมไม่ตอบแต่เลือกที่จะเดินไปเข้าไปหาลุงแทน “มาทำไมลุง” เข้าประเด็นทันที เวลามีค่า ไม่อยากให้ส้มรอนานครับ

“หยาให้มารับ” หืมมมมมมมมมมมม ถ้าเติม ม.ม้า ได้อีกยาวๆ ผมก็อยากเติมซัก 1 หน้ากระดาษครับ ยะหยาให้ลุงมารับผมทำไม ก็เรานัดกันไว้หน้ามหาลัยไม่ใช่หรอ

“กำลังจะไปทะเลกันใช่ไหม กูไปด้วย” ห๊ะ งงกว่าเก่าอีก ไปด้วย ไปทำไม แล้วรู้ได้ยังไง ก็ไหนว่านี่เป็นทริปพักผ่อนให้ส้มได้เลิกคิดมากไง แล้วตาลุงนี่เกี่ยวไรด้วยวะ

“เร็ว เดี๋ยวไปรับส้มอีกไม่ใช่หรอ” พูดจบก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง เห็นแบบนั้นผมก็ก้าวขึ้นรถตามด้วยความงงๆ และบอกทางไปหอส้มให้ตาลุงนี้ต่อ

คนที่ดูจะไม่งงเลยน่าจะเป็นส้ม เพราะหลังจากที่ BMW จอดที่หน้าหอ ส้มก็ก้าวขึ้นรถทันทีโดยที่ไม่มีคำถามใดๆ ออกมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลกครับ คนขี้สงสัยแบบส้มเนี้ยนะ จะว่ามันซึมเลยไม่สงสัยก็ไม่น่าใช่ เพราะก็เห็นชวนตาลุงนั่นคุยได้ตามปกติ เหมือนเมื่อกี้มันไม่ได้เศร้าแต่อย่างใด

ลุงขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของสองแฝด เห็นหยาโบกมือหยอยๆ ต้อนรับอยู่หน้าบ้าน มองเลยเข้าไปในบ้านเห็นหยิมกำลังชวนพี่ไม้ยกกระเป๋าขึ้นรถตู้ รถตู้มาได้ไงวะ แล้วพี่ไม้มาจากไหน โอ้ยยย ไอ้เจ็ทงงครับ

“นี่สรุปจะไม่มีใครบอกเลยหรอว่าทำไมเรามีสมาชิกเพิ่ม” ทนควาสงสัยไม่ไหวครับ เพราะไม่มีใครบอกอะไรผมจริงๆ ทุกคนทำตัวปกติหมด ตอนนี้บนรถตู้มีเพื่อนกลุ่มผมและเพื่อนกลุ่มลุงนั่น โดยมีพี่ก๊งเพื่อนในกลุ่มของลุงเป็นคนขับ และมีพี่ติ๊ก เพื่อนในกลุ่มลุงอีกคนเป็นตุ๊กตาหน้ารถ พี่ก๊งคนนี้ก็เป็นเพื่อนที่เคยสั่งกาแฟผมด้วยเมนูที่ไม่ต้องถามใครผมวันนั้นนั่นแหละครับ

ถัดจากเบาะคนขับเป็นที่นั่งของพี่ไม้และลุง หลังจากขึ้นรถมาได้ไม่นานพี่ไม้ก็หลับคอพับคออ่อนไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปเหนื่อยมาจากไหน ยังไม่ทันพ้นกรุงเทพเลยก็ไปเสียแล้ว ส่วนลุงตอนนี้เสียบหูฟังนั่งมองออกไปนอกรถโดยไม่สนใจเสียงที่เถียงกันเรื่องเส้นทางของพี่ก๊งและพี่ติ๊กเลยครับ

หยาและหยิมนั่งเบาะถัดมา สองคนนี้ก็หยิบขนมกินกันเงียบๆ 2 คน เห็นหยิมหยิบน้ำหวานให้หยากินตลอดทาง ระวังหยาจะปวดเข้าห้องน้ำนะเอ่อออ ส่วนส้มนั่งอยู่ข้างผมนี่แหละครับ เบาะหลังสุด เพราะเราสองคนเป็นคนไม่เมารถครับ นั่งตรงไหนก็ได้ ขอแค่นั่งสบาย ยืดแขนยืดขาได้หน่อยเป็นโอเคแล้ว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังไม่มีใครตอบคำถามผมอยู่ดีครับ หันไปมองทางไอ้คุณส้มก็เอาแต่เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ไม่ได้สนใจผมที่นั่งอยู่ข้างๆ เลย ทำตัวเป็นนางเอกเอ็มวีเพลงอกหักไปเลยล่ะครับนั่น

ละความสนใจจากส้มไปที่เบาะข้างหน้าแทน สะกิดถามหยา ก็เห็นแค่แววตาเขินๆ และรอยยิ้มนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ตอบอะไรผม ลำบากไอ้หยิมละครับ เหลือมึงคนเดียวแล้วนะโว้ยยย ถ้าไม่ตอบกูก็ไม่รู้จะถามใครแล้ว

หยิมทำหน้าเซ็งโลกก่อนจะหันมาตอบผมที่สะกิดเบาะมันยิกๆ “ก็พี่ทีโทรมาถามพวกกูเรื่องรถ หยาเลยบอกไปว่ากำลังจะไปเที่ยวกัน พี่ทีเลยบอกว่าจะพาไปเอง แค่เนี้ยยย” อ่ออออ โทรหาหยาเรื่องรถ ข้ออ้างนี่หว่าลุง อยากโทรหาเขาก็บอกเถอะ

“ส่วนนี่ก็รถตู้ของบ้านพี่ก๊งจ่ะ พอพี่ทีบอกว่าจะพาไป ก็โทรไปยืมรถตู้บ้านพี่ก๊ง แต่พวกเพื่อนๆ พี่ทีไม่ยอม สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการไปด้วยกันทั้งหมด” หยาเป็นคนต่อบทสนทนาจนจบ

ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะยอมกลับไปนั่งดีดี จะเรียกว่าเข้าใจก็คงไม่ถูก ที่ไม่เข้าใจคือทำไมไอ้คุณลุงนั่นต้องขอไปด้วย หรือว่าอยากใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดกับหยา แล้วทำไมไม่ปรึกษาผมก่อนเล่า ร่วมหัวจมท้ายกันมาตั้งนาน พอกล้าคุยหน่อยก็เอาใหญ่เลยนะ เดี๋ยวนี้ทำไรไม่บอกกันก่อนแล้วดิ แถมให้มารู้เป็นคนสุดท้ายอีก ชิ

เราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบางแสนครับ ช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ถึงแม้จะหัวค่ำแล้ว แต่นักท่องเที่ยวที่เดินกันบริเวณชายหาดก็ยังมีอยู่ อาจเป็นเพราะเป็นช่วงหยุดปิดเทอมของนักศึกษามออื่นเหมือนกัน ทำไมมีนักท่องเที่ยวเยอะแยะมากมายขนาดนี้

แวะกินข้าวที่ร้านค้าริมหาดกันประทังความหิวไปก่อน เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยลุยอาหารทะเลกันให้อิ่มท้อง กับข้าวง่ายๆ เช่น ข้าวผัดปู หรือกระเพรากุ้งเป็นเมนูที่พวกเราเลือกกินกัน ก็มีแต่ตาลุงผู้ชื่นชอบการกินสุกี้เป็นชีวิตจิตใจที่แหละที่ดูมีปัญหา เพราะคุณชายเขาอยากกินสุกี้น้ำทะเลครับ แต่ที่นี่ไม่มีน้ำจิ้มเด็กให้ สุดท้ายก็จบด้วยการกินข้าวผัดทะเลไม่ใส่ผักจืดๆ ไปแทน น่าสงสารเขานะครับ นั่งหน้าหงิกหน้างอกินข้าวผัด หึ

เราเลือกที่พักเป็นบ้านของทางเทศบาลครับ ปกติที่นี่จะเต็มตลอด แต่อาจจะเป็นโชคดีของเราที่วันนี้แขกที่จองไว้แคนเซิลไป เราจึงได้ที่พักที่นี่มาครอบครอง แต่ด้วยสมาชิก 8 คน กับบ้านพักหลังเดียวที่มีแค่ 2 ห้องนอนก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ ยกห้องหนึ่งให้สาวๆ ไป เหลือผู้ชาย 6 คน กับห้องพักห้องเดียว ดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะยัดตัวพวกผมพอแน่ๆ ถึงแม้จะขอหมอนมาเพิ่มเพื่อนอนพื้นแล้วก็คงนอนในห้องได้แค่ 4 คน ยังไงก็ต้องออกมานอนนอกห้อง 2 คนแน่ๆ

และด้วยความรักน้องมากๆ ของบรรดาพวกรุ่นพี่ แน่นอนว่าคนที่ต้องหยิบหมอนมานอนกันที่โซฟาก็คงไม่พ้นผมและหยิมเป็นแน่แท้ครับ โชคดีที่พวกผมเป็นคนตัวเล็ก การจะนอนบนโซฟาแคบๆ กับสองคนเลยไม่เป็นปัญหามากนัก แค่อึดอัดเล็กน้อยเวลาพลิกตัวไปมา

แต่ให้ตายเถอะครับ การนอนกับหยิมใกล้ชิดขนาดนี้ก็ทำผมแทบคลั่งได้เหมือนกัน ตะแคงตัวนิดหน่อยหน้าก็จะแนบกันอยู่แล้ว แล้วคืนนี้ผมจะนอนหลับได้ยังไงเล่า

...
สวัสดีบางแสนนน เอ้าให้ทายทำไมต้องเลือกบางแสน 555
แด่ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย แฮ่

ขอบคุณที่ติดตามเหมือนเดิมนะค่าา จุ้บจุ้บ

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
จะได้นอนกะหยิบจริงร้อออ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ตกลงพี่เก่ง เปลี่ยนไป แล้วนอกใจส้มจริงๆ
ถามว่าดาวผิดมั้ย นางไม่รู้ก็ไม่ผิด ถ้ารู้นี่ผิดชัดๆ
คนผิดคือไอ้พี่เก่ง เลว ชัั่วตัวจริง  :z6: :z6: :z6:

อืมมมม......พอเจอคนสวยกว่า เป็นดาวคณะนี่ใจก็ไปเลยนะพี่เก่ง
อดีตที่ผ่านมาไม่ทำให้รู้สึกผูกพัน รักกัน
ซื่อสัด เอ้ย....ซื่อตรงต่อคนรักเลยสินะ
ก็คอยดูว่ายายดาวคนนี้จะซื่อสัด ต่อพี่เก่งมั้ย

เจ็ท บอกส้มน่ะถูกแล้ว
อ๊ะๆ.......เหมือนข่าวไฮโซชาย
ชอบคบดาราสวยๆ ดังๆ ไม่นานก็เลิก
คบกับดาราดัง แล้วคบซ้อน เพื่อนรู้จะบอก ไฮโซชายบอกจะบอกเอง
แต่ความแตกซะก่อน เพื่อนกันเลยผิดใจกันเพราะรู้แล้วไม่บอก
ใครๆว่าเพื่อนเลว เราฟังแล้วว่า คนเลวน่ะไม่ใช่เพื่อนหรอก

พี่ที ได้โอกาสบริการหยา
แต่เจ็ทนี่สิต้องนอนกับหยิม ใจไม่เต้นจนอกพังรึ
แต่คิดว่าที่ที ต้องกันแน่ๆ เพราะรู้ความนัย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2017 20:54:54 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
เก่งตอนแรกคิดว่าจะดี ดีแตกเลยนะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หนุกหนาน ๆ รอตอนต่อไป  :mew1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 :hao5:
อยากอ่านต่อแว้วววว
อยากรู้จะได้นอนกะหยิมจริงป่ะ
 :hao7:

ออฟไลน์ oommmy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
CH11

ง่วงฉิบหายเลยครับ เมื่อคืนบอกตรงๆ ผมนอนหลับตาทั้งคืนนะ แต่ทำยังไงก็ไม่ยอมหลับไปจริงๆ เสียที ก็เล่นได้ยินเสียงหายใจของหยิมดังอยู่ข้างหูทั้งคืนแบบนั้น ใครมันจะหลับลงเล่า สุดท้ายเลยตัดสินใจมาเดินเลียบชายหาดตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ก็ไม่ยักจะมีใครตื่นมาเดินเล่นกับผม สงสัยจะเดินทางกันเหนื่อย กว่าจะตื่นกันน้ำเต้าหู้ที่ผมซื้อไว้ก็เย็นหมดแล้ว

ยะหยาเป็นคนแรกที่ตื่นครับ ตามด้วยหยิม น่าจะเป็นเพราะได้ยินเสียงผมคุยกับหยา ทำให้หยิมที่นอนอยู่ตรงโซฟาตื่นมาได้ง่าย แถมคำแรกที่มันทักผมคือ “วันนี้ฝนตกแน่เลยว่ะไอ้เจ็ทตื่นเช้า” ครับเพื่อนหยาครับ คุณรักผมมากสิ

กว่าสมาชิกทั้งหมดจะตื่นตะวันก็ตรงหัวแล้วครับ แถมคนที่ตื่นสายที่สุดก็ไม่พ้นไอ้คุณส้มนั่นแหละ แต่ไม่มีใครกล้าบ่นมันครับ เพราะยะหยาแอบกระซิบว่าเมื่อคืนส้มนอนกอดโทรศัพท์ร้องไห้เกือบทั้งคืน หยาปลอบจนไม่รู้จะปลอบยังไงแล้วเหมือนกัน

และตอนนี้เราก็อยู่กันที่หาดครับ ต้องยอมรับว่าเป็นครั้งแรกสำหรับที่นี่ของผม ผมเป็นเด็กที่มาพร้อมกับภูเขาตั้งแต่เกิดนี่ครับ พ่อเคยบอกว่าถ้าอยากเที่ยวทะเลน้ำใสให้ไปทะเลใต้ ครอบครัวเราวางแพลนจะไปกันหลายครั้ง แต่ทุกครั้งพ่อจะต้องมีงานด่วนตลอด นี่ยัยน้องสาวตัวดีของผมก็ส่งข้อความมาสั่งผมซื้อของเต็มไปหมด แถมบอกว่าคราวหน้าให้ผมพามาด้วยให้ได้

ชายหาดที่นี่ถือว่าใช้ได้เลยครับ มันไม่ได้สวยจ๋าเหมือนกับรูปที่เคยดูในอินเตอร์เน็ต แต่ที่เขาร่ำลือกันว่าบางแสนขยะเยอะนี่คงไม่จริง เพราะจากที่ผมดูแล้ว มันก็ไม่เห็นจะมีขยะเลยนี่ จัดว่าสะอาดเลยล่ะ มีจุดที่ไว้สำหรับให้เตียงผ้าใบวาง และมีจุดที่เป็นหาดธรรมดาสำหรับเอาเสื่อมาปูได้ ถัดขึ้นมาจากหาดก็มีร้านขายของเต็มไปหมด อาหารส่วนใหญ่ก็เป็นพวกไก่ย่างส้มตำนี่แหละ แล้วก็มีคนถืออาหารมาเดินขายบ้างประปราย

พวกเราเลือกนั่งกันที่เตียงผ้าใบครับ เพราะมันไม่ร้อนมากเท่าไหร่ มีร่มกางเพื่อกันแดด สั่งส้มตำมานั่งกินกันครับ สำหรับมื้อนี้คืออาหารเช้าพ่วงด้วยกลางวันของพวกผม เลยจัดหนักจัดเต็มกันน่าดู ราคาก็สมกับการเป็นเมืองท่องเที่ยวแหละครับ ไม่แพงจัด แต่ก็ถือว่าค่อนข้างสูงสำหรับนักศึกษาที่ยังหาเงินเองไม่ได้อย่างพวกเราอยู่ดีครับ

แต่คนที่ดูท่าจะมีปัญหาที่สุดสำหรับอาหารมื้อนี้ก็คงไม่พ้นตาลุงนั่นแหละ มนุษย์ผู้กินเผ็ดไม่ได้ แถมยังไม่กินผักอีกต่างหาก ส้มตำจืดๆ กับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่สั่งทำพิเศษใส่พริกน้อยๆ จึงถูกสั่งเพื่อเอาใจลุงโดยเฉพาะ โดยที่พี่ก๊งคอยกำชับอีกว่าต้องกินคนเดียวให้หมด ไม่งั้นเสียดายของ เพราะไม่มีใครกินรสชาติแบบนี้ด้วย แต่พี่ก๊งไม่รู้อะไรเสียแล้วครับ ลิ้นจระเข้แบบไอ้เจ็ทนี่แหละ กินได้ทุกรสชาติ ถ้าลุงกินไม่หมดเดี๋ยวไอ้เจ็ทเคลียเอง

หลังจากนั่งกินลมชมวิวกันเรียบร้อยพร้อมเพราะรอผมที่ฟาดทุกอย่างบนโต๊ะจนหมด ก็ถึงเวลาออกเดินทางท่องเที่ยวกันครับ เราถามชาวบ้านแถวนี้ว่ามีที่ไหนน่าสนใจไปเที่ยวบ้าง ได้ความมาว่าถ้าเที่ยวแถวบางแสนก็จะมีแต่พวกสวนสัตว์หรือพิพิธภัณฑ์เสียมากกว่า สำหรับผมไม่มีปัญหาหรอกครับ เพราะมีที่ไหนให้ถ่ายรูปผมก็ไปหมด แต่คนอื่นๆ นี่สิ อยากเที่ยวอะไรที่มันได้ปีนได้ป่ายกัน ก็เด็กผู้ชายนี่ครับ

“กูว่าเราลองไปปีนเขาสามมุขกันไหม” พี่ก๊งขับรถเหมือนเดิมครับ

“มึงจะบ้าหรอ ลิงได้มาแหกอกกันพอดี” และนี่คือพี่ติ๊กครับ

เรากำลังขับรถขึ้นไปชมวิวกันบนเขาสามมุขครับ สถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้หาดบางแสนและมีลิงเยอะมากก ผมเคยอ่านตำนานเจ้าแม่เขาสามมุขครั้งหนึ่ง มันเป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีความรักกับชายหนุ่ม แต่รักของพวกเราไม่สมหวังครับ หญิงสาวจึงกระโดดเขาฆ่าตัวตายทำให้เป็นที่มาของชื่อเขาสามมุขแห่งนี้ และยังมีศาลเจ้าแม่สามมุขเป็นอนุสรณ์ความรักของพวกเขาด้วยครับ

“ขับรถดีดีไปเถอะมึงน่ะ ระวังจะชนลิง” พี่ไม้เป็นอีกคนที่ร่วมกับบทสนทนาครั้งนี้ ลิงที่นี่มีเยอะแยะเต็มไปหมดเลยครับ ครอบครัวลิงนี่เอง ต้องขับรถกันช้าที่สุด เพราะไม่รู้ว่าลิงจะโผล่ออกมาตอนไหนบ้าง ชาวบ้านข้างล่างเขาก็เตือนๆ กันมาเหมือนกันว่าให้เก็บของให้ดี ระวังลิงจะแย่ง กระเป๋าหรือถุงอะไรอย่าถือ ยิ่งถ้ามีของกินก็ระวังให้มาก ถ้าจะให้ก็โยนๆ ให้ไปจากบนรถเลย ไม่งั้นมันจะเข้ามาแย่งจากมือคุณเลยล่ะครับ

จุดชมวิวของที่นี่คือจุดสูงสุดของเขาครับ สามารถมองเห็นหาดบางแสนได้เกือบหมด เห็นไปจนถึงขั้นชายหาดอีกฝั่งที่ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหนเหมือนกัน ข้างบนนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก แต่ผมจำได้ว่าตรงนี้หนังเคยมาถ่ายนะครับ เรื่องที่พี่เป้ อารักษ์ เล่น แต่จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไร

“วันนี้ไม่ถ่ายรูปหรอมึง” หยิมที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมถามออกมา ทุกคนดูสนุกสนานกับการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่ตัวเองมากครับ และคนที่น่าจะหนักมากที่สุดก็คงเป็นพี่ก๊งที่พยายามปีนรั้วเพื่อแอกท่าให้พี่ติ๊กถ่ายให้ หวาดเสียวแทนครับ ตกลงไปนี่ไม่สนุกแน่ หันไปอีกด้านเห็นยะหยากำลังพยายามเดินเข้าไปรั้งส้มที่ทำท่าจะเข้าไปเซย์ฮายกับลิงเหลือเกิน ช่างเป็นผู้หญิงที่ใจกล้าใช่ย่อย ลิงกัดมากูจะขำให้ฟันร่วง

“กลัวลิงแย่งกล้องว่ะ ยิ่งซื้อมาแพงๆ อยู่” ครับ สำหรับกล้องตัวนี้กู้เงินน้องสาวซื้อมาครับ เพราะมันขายดีมาก เห็นเขาว่ามันไปดังตอนซีรี่ย์เรื่องฮอร์โมนหรือไงนี่แหละ มันเลยขายออกไวเหลือเกิน ผมที่เพิ่งจ่ายค่าหอไปก็ต้องบากหน้าไปยืมเงินน้องสาวตัวดี แลกกับการที่สัญญาว่ากลับไปจะถ่ายรูปให้ม้วนหนึ่งเต็มๆ

“ตรงนี้ไม่มีลิงหรอก ลิงมันล้อมไอ้ส้มอยู่ตรงนู่น” จริงอย่างที่มันว่า เพราะตอนนี้ลิงเกือบทั้งหมดกำลังพุ่งความสนใจไปที่สองสาว ดูท่าไอ้คุณส้มจะพอใจมากครับที่เรียกร้องความสนใจจากลิงได้ แต่ยะหยานี่ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้อยู่แล้ว

“กูว่าเราไปช่วยยะหยาก่อนดีไหมวะ” ยังไม่ทันที่ผมหรือหยิมจะได้ขยับตัว ก็มีชายหนุ่มร่างยักษ์เดินไปหาสองสาวเสียก่อน ลุงทำเพียงแค่เดินไปมองหน้าลิงนิ่งๆ ลิงก็พากันทำหน้าตื่นๆ แล้ววิ่งไปตรงที่พี่ก๊งกับพี่ติ๊กอยู่แทน พี่ก๊งตกใจจนเกือบปล่อยมือจากรั้วแน่ะ ดีที่พี่ไม้ที่อยู่ใกล้คว้าไว้ได้ทัน

“เกือบตายแล้วไหมล่ะกู ดีนะบุญยังมีอยู่” เสียงที่ก๊งบ่นออกมาดังๆ ก่อนจะเรียกเสียงหัวเราะของคนในกลุ่มได้ทั้งหมด จะว่าสงสารก็สงสารครับ แต่สมน้ำหนามากกว่า

เราใช้เวลาอยู่ตรงนี้กันอีกสักพัก ก็ขึ้นรถเดินทางกันต่อ แต่ก่อนกลับเราก็ไม่ลืมที่จะแวะไหว้เจ้าแม่เขาสามมุขกันก่อน มาถึงแล้วนี่ครับ อย่างน้อยก็มาขอพรให้เราเดินกันปลอดภัยตลอดทริปนี้ก็ยังดี

สถานที่ต่อไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำครับ เขาว่ากันว่าที่นี่มีปลาทะเลหลายชนิด แถมยังไม่ไกลจากหาดมากนัก ใช้เวลาเดินทางกันแค่สิบนาทีก็ถึงแล้ว เลือกเที่ยวที่ใกล้ๆ ที่พักกันก่อนครับ พรุ่งนี้เราค่อยไปลุยที่ไกลๆ กัน ถึงตรงนี้ก็ฟรีสไตล์เลยครับ ใครสนใจตรงไหนก็เดินเลย ไม่ต้องไปกันเป็นกลุ่มๆ แล้ว ผมที่ชอบฉายเดี่ยวก็ขอเดิมดุ่มๆ ไปก่อนล่ะ

เข้ามาข้างในความรู้สึกก็ไม่ได้ต่างจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอื่นๆ แต่ที่ทำให้ผมสะดุดใจมากที่สุดคือบริเวณที่เป็นแมงกะพรุนครับ เหมือนผมถูกดึงเข้าไปอยู่ในอวกาศ  อยากลองเอามือเข้าไปคว้ามันขึ้นมาดูว่าไอ้ตัวที่มันดูโปร่งแสงแบบนั้น พอจับไปแล้วจะมีความรู้สึกยังไง หรือบางทีอาจจะไม่มีความรู้สึกเลยก็ได้นะ

“อยากจับหรอ” เหมือนเสียงในหัวดังทะลุออกมาเลยครับ ผมหันไปมองคนข้างๆ นิดหน่อยแล้วหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย อยากได้จริงว่ะ ถ้าขโมยไปเลี้ยงที่หอจะมีใครว่าไหมนะ

“ที่จตุจักรน่าจะมีขายนะ” หันควับเลยครับที่นี่ เห็นประกายตาผมไหมลุง

“จริงดิ จตุจักรไปไงว่ะลุง ผมอยากไปเดินดูอ่ะ” ต้องลองหาข้อมูลไว้แล้วครับ กลับจากที่นี่จะได้ไปเดินดูเสียหน่อย

“ไว้กูพาไปดูแล้วกัน” ผมพยักหน้าตอบรับทันที ลุงเห็นแบบนั้นเลยยิ้มออกมานิดๆ แล้วลูบหัวผมเบาๆ

“มึงนี่น้า เด็กจริงๆ” ไมรู้แหละ อยากได้ก็ต้องได้นะ ฮิฮิ

...

ตอนนี้เราเดินกันอยู่ที่ถนนคนเดินครับ โชคดีของเราที่มาตรงกับวันที่มีถนนคนเดินพอดี เราเลยตัดสินใจว่าจะมาฝากท้องกันที่นี่สำหรับมื้อเย็น แต่ให้ตายเถอะ คนเยอะมากครับ เดินกันไม่ถึง 5 นาที ทุกคนหลงทางกันหมด เลยส่งข้อความไปในไลน์กลุ่มว่าเจอกันที่รถอีก 2 ชั่วโมง ตอนนี้ให้แยกกันหาอะไรกินไปเลย

ผมที่หลุดหลงทางมาตนเดียวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก ฉายเดี่ยวเป็นปกติอยู่แล้วนี่ครับ ดีเสียอีก จะได้เดินดูของฝากให้ยัยตัวดีที่บ้านด้วย รายนั้นอยากได้เสื้อมัดย้อมของที่นี่ครับ ทั้งๆ ที่เชียงใหม่ก็มีขายนะ แต่ดันอยากได้ของที่นี่ซะงั้น แถมกำชับมาอีกด้วยว่าต้องมีเขียนว่า made in bangsean เท่านั้น โอ้โห ผมเพ้นท์ให้ง่ายกว่านะเอาจริงๆ

เดินถ่ายรูปบรรยากาศไปหาของฝากไป ก็เหมือนจะเห็นยะหยาอยู่ใกล้ๆ ครับ ถัดจากร้านที่ผมอยู่ไปสองถึงสามร้านได้ ตั้งใจว่าจะเดินเข้าไปหา ถ้าหากไม่เห็นว่าคนข้างๆ ที่ช่วยยะหยาเลือกเสื้ออยู่เป็นใคร

แปลก ปกติความรู้สึกแบบนี้จะมีเฉพาะเวลาที่ผมเห็นหยิมมีคนมาขายขนมจีบให้เท่านั้น แต่วันนี้ผมกลับมีความรู้สึกแบบนั้นเพราะแค่เห็นภาพตรงหน้า

ยะหยาที่กำลังหยิบเสื้อปาดไหลสีชมพูขึ้นมาทาบตัว โดยมีลุงยืนพยักหน้าแล้วยิ้มให้ยะหยาเหมือนที่เคยยิ้มให้ผม

ท่าทางผมจะแย่แล้วสิครับ!

.......................................................................................
เสนอตอนท่องเที่ยวสไตล์บางแสน ทริปทะเลง่ายๆ หาได้ที่นี่เลยจ้า
สำหรับตอนนี้มาแบบเอื่อยๆ แต่ใจเจ็ทเริ่มไม่เอื่อยแล้วสิ
ตอนต่อไปจะคงพาเที่ยวชลบุรีอยู่ แต่พาไปไหนเดี๋ยวรอติดตามน้าา

ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร ไม่เกินวันพุธจะมาต่อจ้าา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2017 12:56:27 โดย oommmy »

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
เห้อมมมม

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นอกจากแอบชอบหยิมแล้ว
เจ็ท ก็หวั่นไหวกับลุงซะและ

อยากให้ส้มตัดใจได้ไวๆ
ไอ้พี่เก่ง ไม่มีค่าพอสำหรับส้มหรอก
ผู้ชายดีๆยังมีอีก ถ้าส้มมองหา
เลิกเศร้า  กลับมาเป็นหญิงมั่นเหมือนเดิม
เดินหน้าต่อไป ทิ้งไอ้ผู้ชายเลวๆไปซะ
รอตอนใหม่นะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล.ขอแก้คำผิดนะ
เห็นประกรายตาผมไหมลุง ------ ประกาย
กราย ----- กรีดกราย / ปลากราย


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
เอาแล้ววว เริ่มรู้สึกแปลกๆละ

ออฟไลน์ oommmy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
 CH12

น้องนอนไม่หลับ หัวใจมันกระสับกระส่ายยยย

‘ใครแม่งมาเปิดเพลงตอนนี้วะ’ ทำได้แค่คิดในใจครับ ไม่กล้าตะโกนด่าออกไป เดี๋ยวงานเข้าไอ้เจ็ท

ตอนนี้ผมกำลังนอนอยู่บนโซฟาตัวเดิมเลยครับ มีหยิมนอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ เหมือนเดิม นอนไม่หลับเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่เพราะหยิมนะครับ แต่เป็นเพราะเวลาหลับตา ภาพที่เห็นที่ถนนคนเดินก็โผล่ชัดขึ้นในหัวตลอด พาลให้รู้สึกหงุดหงิดในใจแปลกๆ

นอนพลิกตัวไปมาก็กลัวว่าหยิมจะตื่น สุดท้ายต้องลุกขึ้นมานั่งหน้าบ้าน พร้อมกับฟังเพลงที่ดังมาจากที่ไหนไม่รู้เหมือนกัน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ผมถึงรู้สึกว้าวุ่นใจนัก ทั้งที่ผมควรยินดีที่เห็นว่าลุงกับหยามีพัฒนาการที่ดีขึ้น แถมความลับเรื่องที่ผมมีใจให้หยิมก็ไม่ถูกเปิดเผย แต่ตอนนี้ผมมีแต่เรื่องนี้อยู่ในหัว ความง่วงที่ไม่ได้นอนทั้งคืนไม่ได้ทำให้ผมข่มตาหลับลงได้เลย แถมยังทำให้อดนอนอีกคืนด้วยเนี้ย

อากาศเวลาค่ำคืนของบางแสนเพียงแค่เย็นๆ จากลมทะเลเท่านั้น ผมเพิ่งรู้ว่าการที่เรานั่งให้ลมทะเลพัดผ่านตัวไป ก็ทำให้รู้สึกเหนียวตัวได้เหมือนกัน แต่ไม่เท่าตอนกลางวันครับ เพราะมันไม่ได้มีแดดเปรี้ยงๆ มาทำให้รำคาญใจ

ไม่รู้ว่านั่งอยู่นานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็นๆ ที่มาจับบริเวณไหล่ ลุงทำหน้าตาสงสัยเล็กน้อย แล้วนั่งลงข้างๆ ผม คงอยากรู้ว่ามานั่งทำเอ็มวีอะไรตอนนี้ แต่ผมขี้เกียจคุยด้วยครับ ยังไม่พร้อม

“นอนไม่หลับหรอมึง”

ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนั้น เพราะผมก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไร จะให้ตอบว่าใช่ครับ นอนไม่หลับครับ ก็น่าจะเห็นอยู่แล้ว ถ้านอนหลับจะมานั่งตากลมอยู่ตรงนี้ไหมล่ะ

“มึงชอบถ่ายรูปหรอ” ลุงคงเห็นว่าผมคงไม่ตอบคำถามแรกแน่ๆ จังเลือกที่จะเปลี่ยนคำถามอื่นแทน

“ครับ”

“ต้องกล้องฟิล์มเท่านั้นหรอ” โดนบ่อยแล้วครับคำถามนี้

“ครับ”

“ทำไมล่ะ” เหล่ตามองคนช่างถาม เห็นอ้าปากหาวหวอดๆ แต่ไม่ยักจะกลับไปนอนแฮะ

“ง่วงก็ไปนอนเถอะลุง ลุกมาทำไม”

“ออกมาเข้าห้องน้ำ เห็นมึงไม่ได้นอนอยู่ เลยตามหา” เข้าห้องน้ำเสร็จก็ไปนอนสิวะครับ

“อืม” ขี้เกียจคุย อยากนั่งก็นั่งไป

“มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลยนะ”

“ผมชอบรูปจากฟิล์ม ผมชอบความรู้สึกตอนรอล้างฟิล์ม” ลุงพยักหน้าเหมือนว่าเข้าใจ ทำหน้าสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยอมนั่งนิ่งๆ ต่อไป

เรานั่งกันอยู่ตรงนี้ซักพัก ผมก็เริ่มรู้สึกว่าคนข้างๆ นิ่งเกินเหตุ หันไปมองจึงได้รู้ว่าลุงนั่งหลับพิงพนักเก้าอี้ไปแล้ว คนบ้าอะไรวะ ขนาดเวลานอนยังดูหล่อ แพขนตาที่เรียงตัวสวยถูกวางอยู่บนเปลือกตาที่ปิดสนิท ใบหน้าคมเข้มที่ขับความเป็นชายไทยออกมาได้อย่างลงตัว ผมชอบมองตาของลุง ผมรู้สึกว่าทุกครั้งที่เราคุยกัน ตาของลุงจะดูมุ่งมั่น แต่บางครั้งก็ดูจริงจัง หากแต่ได้ลองสัมผัสกันจริงๆ จะรู้ว่าลุงนั่นมีความอบอุ่นซ่อนอยู่ภายในตัวมากเลยทีเดียว

ผมเดินเข้าไปในบ้านก่อนจะหยิบผ้าห่มของตัวเองออกมาห่มให้ลุง รอบนี้คงหลับจนถึงเช้าแน่ แม้จะเห็นว่าท่านอนไม่สบายนัก แต่ผมคงไม่มีปัญหาอุ้มลุงไปนอนบนเตียงเหมือนในละครไทยที่แม่ชอบดูตอนหัวค่ำแน่ๆ ทำได้แค่เพิ่มความอบอุ่นให้ลุงไม่รู้สึกหนาวไปกับลมทะเลเท่านั้น

“ฝันดีนะลุง” พูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองต่อ

 .................................................................................

“ทำไมมึงตื่นเช้าอีกแล้ววะ” ขณะที่กำลังเก็บข้าวของกัน หยิมก็เป็นฝ่ายตั้งข้อสงสัย เพราะวันนี้นอกจากผมจะตื่นเช้ามากๆ อีกแล้วนั้น หยิมยังตื่นมาพร้อมกับเห็นตาลุงนั่นนอนอยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้านพักพร้อมกับผ้าห่มของผม

ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่เลือกที่จะเดินไปหยิบแปรงสีฟันในห้องน้ำมาเก็บใส่กระเป๋าแทน วันนี้เราจะย้ายสถานที่กันครับ เนื่องจากเมื่อวานพี่ก๊งกับพี่ติ๊กได้มีโอกาสคุยกับพ่อค้าที่ถนนคนเดินเรื่องสถานที่เที่ยวใกล้ๆ จึงถูกแนะนำว่าให้ลองไปค้างที่เกาะกันซักคืนหนึ่ง เกาะที่ว่าคือเกาะสีชังครับ ไม่ใช่เกาะล้านอย่างที่ทุกคนคิด พ่อค้าคนนั้นบอกว่าถ้าอยากได้ความสงบให้ลองไปเกาะสีชัง เพราะมันจะเงียบกว่าเกาะล้านเยอะ จำนวนนักท่องเที่ยวไม่มากเท่า

วันนี้สมาชิกทุกคนจึงตื่นกันไม่เกิน 8 โมง เพื่อเก็บของและเดินทางไปท่าเรือไปเกาะกัน ผมที่ตื่นคนแรกเช่นเคย อย่าเรียกว่าตื่นเลย ยังไม่ได้นอนมากกว่า จึงเป็นที่น่าสงสัยของบรรดาเพื่อนฝูงมาก เพราะปกติกว่าจะงัดผมออกมาจากเตียงได้ เคยถึงขั้นต้องเอากระทะมาเคาะเรียกกันเลยทีเดียวครับ

“แล้วทำไมเมื่อคืนพี่ทีไปนอนอยู่ตรงนั้นล่ะครับ น้ำค้างลงหัวแย่” ตัวเจ้ายังคงความสงสัยเหมือนเดิม ลุงเหลือบตามามองผม แต่ก็ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ให้หยิมเหมือนเคย

หยิมคงเห็นว่าไม่ได้คำตอบแน่ทั้งจากผมและลุง จึงตั้งหน้าตั้งตาเก็บของต่อไป แม้จะทำหน้าตาสงสัยมากแค่ไหนก็ตาม

ใช้เวลาเก็บของกันไม่นาน ก็ถึงเวลาออกเดินทาง ขับรถกันมาจนถึงท่าเรือก็หาที่ฝากรถครับ หยิบกระเป๋าของใช้กันเรียบร้อยก็มาซื้อตั๋วเรือข้ามเกาะ ราคาไม่แพง คนละ 50 บาทเอง นั่งรอบนเรือไม่นานเรือก็ออกครับ

ตอนเดินขึ้นเรือมาเห็นว่ามีสองชั้น แต่บริเวณที่นั่งชั้นบนมีนั่งท่องเที่ยวจำนวนมากจับจองที่นั่งกันจนเต็มแล้ว เราจึงต้องพาตัวเองมานั่งกันที่ชั้นล่างแทน แต่นั่งตรงนี้นานมันก็ร้อน ผมเลยกระซิบบอกหยาว่าจะออกสำรวจข้างนอกก่อนจะเดินออกมา ตอนแรกหยิมจะมาเป็นเพื่อน แต่ผมบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนสาวๆ ดีกว่า ที่นี่ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มเรือ เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้ช่วยกันแก้

ผมเลือกเดินออกมาที่หัวเรือเป็นอันดับแรก บริเวณนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยครับ จะมีก็แต่พวกลูกเรือนั่งกันเต็มไปหมด โดยทุกคนมีผ้าปิดหน้า เสื้อคลุมแขนยาว และหมวกปีกกว้างป้องกันแสงแดดกันเรียบร้อย แต่ละวันคงต้องเดินทางกันหลายรอบอยู่ ถ้าไม่หาเครื่องป้องกันเลยผิวคงทนไม่ไหว

ผมถ่ายรูปตรงบริเวณนี้ไป 2-3 รูป ก็เริ่มรู้สึกแสบผิวขึ้นมาบ้าง ด้วยแว่นกันแดดอันเดียวคงไม่ช่วยอะไรมากนัก จึงคิดที่จะไปหาที่ร่มตรงบริเวณอื่น แต่ในขณะที่กำลังหันหลังเพื่อเดินกลับเข้าไป ก็มีคนเอาเสื้อมาคลุมหัวเสียก่อน กลิ่นคุ้นเคย เดาได้ไม่อยากหรอกครับว่าใคร

“แดดร้อน คลุมไว้” เห็นผมทำท่าเหมือนจะดึงเสื้อออก ลุงจึงรีบห้ามการกระทำผมเสียก่อน

“ครับ” ไม่รู้สิครับ ผมยังไม่อยากคุยกับลุงตอนนี้เสียเท่าไหร่ เลือกที่จะเดินหนีกลับไปนั่งรอกับเพื่อนเหมือนเดิม โดยปล่อยให้ลุงยืนมองผมด้วยความสงสัย

นี่สรุปผมแม่งเป็นอะไรกันแน่วะ?

................................................................................................

ประเทศอะไรวะเนี้ย โคตรพ่อโคตรแม่จะร้อนเลยครับ ตอนนี้เราอยู่บนเกาะสีชังกันแล้ว ที่นี่มีทั้งบริการให้เช่ารถตุ๊กตุ๊กและเช่ามอเตอร์ไซด์ แค่ลงจากเรือมาบรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็พากันเรียกให้พวกเราเข้าไปจับจองบริการต่างๆ ที่บนเกาะนี้มีให้แล้ว ตอนแรกพวกเราคิดว่าจะเช่ารถตุ๊กตุ๊กกันครับ เพราะมีคนขับให้ แต่พอคิดอีกที การได้ลุยไปในที่แปลกๆ กับแผนที่หนึ่งอันมันก็น่าสนุกไปอีกแบบครับ สุดท้ายจึงเลือกมอเตอร์ไซด์ 4 คัน กับการต่อราคาอันน่ากลัวของยะหยา ไม่คิดเหมือนกันคำพูดด้วยเสียงหวานๆ ของยะหยาจะทำให้พ่อค้าคิดค่าเช่าจาก 2 วัน เป็น 1 วัน แถมเติมน้ำมันให้เต็มถังอีกต่างหาก

สาวๆ จับคู่กันไปแล้ว โดยส้มเป็นคนขี่ ส่วนคู่หูคู่ฮาอย่างพี่ก๊งและพี่ติ๊กไม่มีทางแยกจากกันแน่นอน ตอนนี้จึงเหลือผม หยิม ลุง และพี่ไม้ ที่กำลังตัดสินใจว่าใครจะคู่ใคร จริงๆแล้วลุงควรจะคู่กับพี่ไม้นี่แหละครับ แต่วันนี้พี่ไม้ดันอยากเป็นคนขับเอง บอกว่าอยากเอาหน้าปะทะลมตอนขี่บ้าง ซึ่งลุงไม่มีทางยอมเป็นคนซ้อนแน่ๆ ที่นั่งลำบากจึงตกเป็นของผมและหยิม เพราะเลือกไม่ได้ว่าจะซ้อนใครดี

“ซ้อนกู” คำสั่งสั้นๆ ที่ส่งออกมาจากหนุ่มร่างยักษ์ จะพูดกับใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่ผม เพราะลุงไม่ใช้สรรพนามแบบนั้นกับหยิมเป็นแน่แท้ สนิทไม่เท่ากับสนิทกับผมครับ เลยยังไม่กล้าใช้กูมึงด้วย

พี่ไม้ได้ยินแบบนั้นจึงส่งหมวกกันน็อตให้หยิม หยิมทำท่าลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับไปเมื่อเห็นว่าผมพยักหน้า ขึ้นไปซ้อนบนมอเตอร์ไซด์ของพี่ไม้ แล้วขับตามพี่ก๊งกับพี่ติ๊กที่ออกตัวไปมุ่งไปยังที่พักก่อนแล้ว เอาสัมภาระไปเก็บก่อนตระเวนเที่ยวครับ

“เร็ว” คว้าหมวกกันน็อตมาใส่ แล้วตามไปคร่อมมอเตอร์ไซด์ ก่อนเสื้อคลุมตัวเดิมจะถูกส่งมาจากข้างหน้า

“แดดร้อน เดี๋ยวผิวไหม้” แหมมม พูดมาได้ไม่เกรงใจเสื้อกล้ามที่มึงใส่อยู่เลยนะครับไอ้คุณลุงง

...

หลังจากเก็บของกันเรียบร้อย เราก็ขี่รถวนรอบเกาะ และหยุดพักถ่ายรูปกันเป็นพักๆ ตอนนี้ส้มเริ่มอารมณ์ดีและยิ้มให้ผมถ่ายรูปแล้วครับ โชคดีเหลือเกินที่หยิบม้วนฟิล์มมาเผื่อ เพราะดูท่าที่นี่จะมีโลเคชั่นมากมายให้ถ่ายรูปกันสนุกสนานเลยทีเดียว โดยเฉพาะพี่ก๊งกับพี่ติ๊กที่ดูจะสนุกกับการโพสท่าอย่างไรให้ดูฮามากที่สุด แต่ละรูปที่ออกมาแถบจะไม่มีความหล่อเลยครับ ผมนี่ไม่กล้าหยิบกล้องฟิล์มขึ้นมาถ่ายเลย ทำได้แต่เอากล้องโทรศัพท์ถ่ายแทน กลัวฟิล์มหมดครับ ยังเที่ยวไม่ทั่วเกาะเลย

“ลุง ผมว่ารอคนอื่นก่อนไหม” ลุงเป็นคนขี่มอเตอร์ไซด์ได้เร็วมากคนหนึ่งเลยล่ะ ไม่รู้จะรีบไปไหน ตอนนี้แซงหน้าคนอื่นๆ มาไกลพอสมควรแล้ว แถมทางที่มาก็ไม่มีในแผนที่เสียด้วยครับ สองข้างทางเริ่มเป็นต้นไม้เต็มไปหมด

คงจับกระแสความกังวลจากน้ำเสียงผมได้ จึงชะลอรถให้ช้าลงก่อนจะหยุด ด้านหลังไม่มีเพื่อนๆ ผมขับตามมาแล้วครับ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรถามก็ดันแบตหมด ไม่น่าเอาโทรศัพท์ไปถ่ายรูปให้พี่ก๊งกับพี่ติ๊กเลยนี่สิ

“แบตหมดอ่ะลุง” ชูโทรศัพท์ที่ตายสนิทให้ลุงดู ก่อนจะแบมือขอโทรศัพท์ของลุงมายืมโทรออก แต่กลับได้รับการปฏิเสธแทน ลืมไปเลยครับว่าลุงฝากโทรศัพท์ให้พี่ไม้ชาร์จแบตสำรองไว้

“งั้นลองขับกลับไปดู”

วนกลับไปก็พบเจอแต่ความว่างเปล่าครับ  ไม่มีมอเตอร์ไซด์ขับผ่านมาทางนี้เลยซักคัน ใจเริ่มไม่ดีแล้วสิ ต่างถิ่นแบบนี้ผมไม่ชอบเท่าไหร่ แถมมองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้เต็มไปหมด ขับออกนอกเส้นทางมาไกลแค่ไหนก็ไม่รู้

“เดี๋ยวก็เจอเพื่อนน่า” เสียงดังมาจากคนข้างหน้า กระแสความอบอุ่นที่ถูกส่งมา ดึงให้ผมเอื้อมมือไปกอดคนข้างหน้าเอาไว้ ซบหน้าลงบนหลังเจ้าตัวอย่างคุ้นเคย อย่างน้อยลุงคงไม่ทิ้งผม เหมือนที่ลุงเคยให้คำสัญญาไว้ ผมเชื่อแบบนั้น

ออฟไลน์ oommmy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
CH13

ที่พักของเราเป็นบ้านพักริมทะเลเลยครับ หลังใหญ่มาก มี 2 ชั้น 4 ห้องนอน มีเตาให้เช่าอีกด้วย แต่พวกอาหารสดต้องหาซื้อเข้ามากันเองครับ ดีนะที่พ่อค้าคนนั้นแนะนำให้ซื้อพวกของสดเข้ามาด้วยจากบนฝั่ง เพราะถ้าหาในเกาะราคาจะสูงมากครับ เราจึงหาซื้อกันมาเตรียมไว้ก่อน

ยะหยาและหยุมหยิมเป็นผู้จัดการเรื่องการทำอาหารครับ สองแฝดที่อยู่กับคุณย่ามาตลอด แน่นอนว่าเรื่องงานบ้านงานเรือนถูกปลูกฝังมาอย่างเก่งกาจแน่นอน แต่น้ำจิ้มซีฟู้ดถูกสั่งให้เป็นหน้าที่ของพี่ติ๊กครับ ไม่คิดเหมือนกันว่าพ่อหนุ่มรักสนุกคนนี้จะเป็นถึงลูกชายเจ้าของรีสอร์ทในตัวเมืองกระบี่โน่นน แค่โทรกริ๊งเดียวสูตรน้ำจิ้มซีฟู้ดแสนอร่อยก็ถูกถ่ายทอดออกมาจากเซฟระดับห้าดาวแล้วล่ะครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือเครื่องดื่มแอกอฮอลล์ และหน้าที่จะเป็นของใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ผมผู้ซึ่งกินเป็นอย่างเดียวและคนขับรถของผม ตอนแรกจะขอไปคนเดียวครับ แต่กลัวพนักงานจะไม่ขายให้ เด็กปีหนึ่งนี่นะครับ อายุอานามก็ยังไม่ยี่สิบบริบูรณ์ดี ต้องพาตาลุงหน้าแก่นี่ไปด้วย

เสื้อคลุมตัวเดิมถูกส่งมาให้ผมอีกครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่าลมมันแรง ถ้าทำกันขนาดนี้ขายต่อเสื้อตัวนี้ให้ผมเลยเถอะครับ เจ้าของตัวจริงนี่แทบจะไม่ได้ใส่

เมื่อตระเตรียมทุกอย่างพร้อม เราก็เริ่มปาร์ตี้คืนนี้กันได้ น้ำจิ้มนี่อร่อยจริงๆ นะครับ สมแล้วที่เป็นรีสอร์ทระดับห้าดาว น้ำจิ้มไม่หวานหรือเปรี้ยวจนเกินไปครับ พริกก็ถูกตำให้ละเอียดจนเวลาจิ้มจะมีพริกติดมาที่กุ้งเล็กน้อย พอให้มีรสชาติเผ็ดนิดๆ แต่พอหันไปมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าลุงแล้วอยากหัวเราะออกมาดังๆ น้ำจิ้มบ้าอะไรวะไม่มีพริกซักเม็ด แล้วแบบนั้นมันจะไปอร่อยได้ยังไง

“พวกมึงๆ ร้องเพลงกัน” พี่ติ๊กที่หายไปนานวิ่งกลับมาพร้อมกับกีต้าร์ในมือ ไปเอามาจากไหนวะน่ะ ที่นี่มีให้เช่าเครื่องดนตรีด้วยหรอวะ

แต่ไม่มีใครสนใจที่จะถามที่มาของเครื่องดนตรีชนิดนี้ แถมพากันเสนอชื่อเพลงต่างๆ ที่อยากฟังกันใหญ่ จนพี่ติ๊กหาคอร์ดเพลงแทบไม่ทันเลยครับ

เพลงแล้วเพลงเล่าถูกขับร้องโดยพวกเราทุกคน โดยมีพี่ติ๊กเป็นคนดีดกีต้าร์ และพี่ไม้ที่หยิบขวดเบียร์มาเคาะเป็นจังหวะตามไปด้วย ให้ความรู้สึกสนุกบวกมึนเมาเพิ่มขึ้นไปอีก เครื่องดื่มหมดลงไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครยอมใคร ทุกคนต่างดวลกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะพี่ก๊งที่เริ่มออกลายลุกขึ้นมาขยับร่างกายด้วยแล้ว

“โชว์ซักเพลงดิ๊ที” อยู่ดีดีพี่ติ๊กก็หยุดเล่นกีต้าร์ไปดื้อๆ แล้วส่งเครื่องดนตรีดังกล่าวให้ลุง รับกีต้าร์มาถืออย่างชำนาญก่อนจะหยุดคิดเพลงที่จะเล่นแปปนึงก่อนนะจะเริ่มเกากีต้าร์เป็นทำนองเพลงที่คุ้นเคย

รู้ก็ทั้งรู้ว่าเธอเป็นใคร และฉันก็ไม่คิดจะปีนขึ้นไป
คงไม่มีทางจะเป็นไปได้ ก็เรานั้นมันต่างกัน
ทำได้แค่เพียงเจียมตัวมันไปวันวัน ฉันเข้าใจ

เขาว่ากันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ และตอนนี้ดวงตาคู่นั้นก็กำลังสื่อความหมายอะไรบางอย่างออกมา

แต่ฉันก็ไม่รู้เพราะความบังเอิญ หรืออันที่จริงฉันนั้นจงใจ
เวลาที่เธอมายืนใกล้ใกล้ ก็ยังเผลอไปสบตา
รู้ก็ทั้งรู้ว่าคงไม่มีปัญญา คงไม่มีหวัง

ไม่หรอกลุง ลุงน่ะมีหวังเต็มๆเลยนะ ผมรู้ดี ผมมองออก

ไม่อยากจะเหลียวมอง ฉันคอยบอกตัวเอง แต่ยังทำไม่ได้
ไม่อยากจะสนใจ ก็รู้ว่าไม่มีทาง และก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร

อดใจไม่ไหวเมื่อได้พบหน้า ยิ่งเธอส่งยิ้มคืนมา ยิ่งหวั่นไหว
ยังเป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน ฉันต้องคอยหักห้ามใจ  ( หยุดหักใจไม่ได้ หยุดห้ามใจไม่ได้ )
อดใจไม่ไหวทุกทีที่เจอ เพียงแค่แอบเผลอมองตา จะผิดไหม
เก็บเอาไปฝันอยู่ทุกคืน ฉันต้องทำตัวเช่นไร ช่วยบอกได้ไหมเธอ

อยากหายตัวไปจากตรงนี้ ไม่อยากเห็นภาพที่เขาสบตากัน แล้วยิ้มเขินให้กันเลยครับ

เพลงจบลงแล้ว แต่ความหม่นหมองในใจผมยังไม่หายไป หยิบแก้วในมือกระดกเข้าไปแก้วแล้วแก้วเล่า อยากลืมภาพที่เห็นตรงหน้าเมื่อกี้ไปให้หมด ไม่อยากจำ ไม่อยากเห็น ไม่อยากคิดมาก

“เฮ้ย ช้าๆ ก็ได้ไอ้เจ็ท รีบแดกขนาดนั้นเดี๋ยวก็เมาตายห่ากันพอดี” หยิมส่งเสียงเรียกมาจากหน้าเตาปิ้ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมสนใจ นอกจากหยิบขวดตรงหน้ามาเทใส่แก้วต่อ

“พอได้แล้ว” แก้วในมือถูกดึงออกไปโดยผู้ชายที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้

“ยุ่งไรด้วยวะ เอาแก้วมา”

“เป็นเหี้ยไรของมึง” ในเมื่อไม่คืนแก้วก็คว้าขวดนี่แหละมาดื่มเสียเลย ไม่ง้อก็ได้โว้ย

“เชี่ยไรเนี้ยยย!” ขวดที่ผมเพิ่งกระดกใส่ปากไปเมื่อกี้ถูกดึงออกไปอย่างแรงอีกครั้ง จนน้ำในขวดหกรดตัวผมเต็มไปหมด

“กูบอกให้หยุดแดกไง เมาแล้วมึงอ่ะ”

“เสือก”

ควับ!

หมับ!

เพล้ง!!!

...

Natee talk

เพล้ง!! เสียงขวดแตกไม่ได้ทำให้เด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมหันไปสนใจ เพราะตอนนี้มันกำลังดึงมือออกจากมือที่ผมคว้าเอาไว้ให้หันมาคุยกันดีดี แววตาน้อยใจที่ส่งมา ทำให้ผมไม่อยากปล่อยมันเดินหนีไป

“ปล่อย”

“เป็นอะไร”

“ปล่อยกู” สรรพนามเปลี่ยนไปจากเดิม มันเคยใช้คำพูดแบบนี้กับผมในครั้งแรกที่เราเจอกัน ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักกัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เด็กผู้ชายที่ชอบเข้ามาคลอเคลียให้ผมตามใจคนนั้นหายไปเมื่อแอลกอฮอลล์ถูกส่งผ่านเข้าไปในลำคอมัน หรืออาจเพราะเหตุผลอื่น ที่ผมเองก็ไม่เข้าใจ

“คุยกันก่อนเจ็ท”

“กูบอกว่าให้ปล่อยไงวะ”

“พี่ทีปล่อยมันก่อนเถอะครับ” หยุมหยิมเป็นคนที่พยายามเข้ามาห้ามเหตุการณ์ตรงหน้า หางตาผมเห็นว่ายะหยากำลังเดินเข้ามาหา

เจ็ทที่พยายามดึงข้อมือออกจากมือผมให้ได้ จนตอนข้อมือมันเริ่มมีรอยแดงจากการบีบของผม เห็นดังนั้นจึงคิดจะปล่อย แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นต่างหากที่หยุดทุกการกระทำของมัน

แรงกระชากมือออกจากการรัดกุมของผมส่งผลให้ร่างกายมันไม่สามารถต้านทางแรงเหวี่ยงที่มันสร้างขึ้นมาเองหลังจากผมปล่อยมือ ยะหยาที่กำลังเดินเข้ามาถูกฟาดเข้าไปเต็มๆ ไม่เพียงแค่ล้มลงไปเท่านั้น แต่มือของเธอกลับถูกเศษแก้วที่เจ็ทเพิ่งปัดตกลงพื้นไปเมื่อกี้เข้า

ยะหยาไม่แสดงความเจ็บปวดออกมาให้เห็น แต่เลือดสีแดงสดไหลออกมาทันที เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้น เมื่อทุกคนกรูกันเข้ามารุมดูมือของยะหยาวุ่นวายไปหมด โดยผมเป็นคนแรกที่ถึงตัวยะหยา เศษแก้วไม่ลึกมาก แต่ก็ควรไปให้หมอดูอาการ ไอ้ไม้เป็นคนแรกที่มีสติ มันวิ่งไปคว้ากุญแจมอเตอร์ไซด์ส่งให้ผมเพื่อพาหยาไปโรงพยาบาล

แต่ก่อนที่ผมจะขี่มอเตอร์ไซด์ออกไป หูก็ได้ยินเสียงหยิมตะโกนด่าเจ็ทก่อนที่เจ็ทจะวิ่งหนีเข้าไปตัวบ้าน

...

“หยาสบายดี หยิมไม่ต้องห่วงหรอก”

“กันไว้ดีกว่าแก้ทีหลังน่า”

สองแฝดเขาเป็นแบบนี้มาซักพักแล้วครับ หลังจากที่หยิมออกจากห้องฉุกเฉิน ตอนนี้เรากำลังนั่งรอยากันอยู่ หยิมขับรถตามมาพร้อมกับส้ม ส่วนสมาชิกที่เหลือตอนนี้ติดตามสถานการณ์ที่บ้านพักครับ ผมโทรไปรายงานความคืบหน้ากับไม้แล้วเรียบร้อย

หลังจากที่เคลียธุระที่โรงพยาบาลกันเรียบร้อย เราก็เดินทางกลับไปยังบ้านพักทันที ยะหยาควรกินยาแล้วนอนพัก หวังว่าบาดแผลจะไม่ติดเชื้อแล้วทำให้ยะหยาไข้ขึ้นหรอกนะครับ

กลับมาถึงบ้านพักของทุกอย่างก็ถูกเก็บล้างไปจนหมดแล้ว ไม้เป็นคนเดินออกมารับที่หน้าบ้าน พร้อมกับบอกว่าก๊งกับติ๊กกำลังล้างจานกันอยู่ในครัว แต่สมาชิกอีกคนหลังจากที่ถูกหยิมตะคอกไปนั้น จนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นหน้าเลยครับ

“ปล่อยมัน” นั่นเป็นคนเดียวที่หยุมหยิมกล่าวออกมาหลังจากได้ฟังเรื่องราวจากไม้ หยิมคงโกธรที่คนไม่รู้เรื่องราวอย่างยะหยากลายเป็นแพะรับบาปในคดีนี้

“ไม่เอาน่าหยิม” ยะหยาผู้ให้อภัยทุกคน

“เดี๋ยวกูไปดูมันเอง” และส้มผู้เป็นคนกลาง

ส้มหายขึ้นไปบนห้องได้ซักครู่ ก่อนจะวิ่งหน้าตาตื่นลงมาข้างล่าง พร้อมกับคำบอกเล่าที่ทำให้ผมตัวชาวาบขึ้นมาทันที

“ไอ้เจ็ทไม่ได้อยู่ในบ้าน!!!”

.......................................................
ต่อสองตอนรวด แฮ่ เจ็ทเริ่มออกลายขึ้นเรื่อยๆ ลุงก็ยังคงตามจีบยะหยา แต่ก็ยังห่วงหวงเจ็ท
ส่วนใจของเจ็ท จะเป็นยังไงต่อต้องติดตามกันนะค๊าาา

ขอบคุณที่ช่วยแก้คำผิดเน่ออ เจอคำไหนอีกรีบบอกเลยนนะคะ จะรีบแก้ บางทีเราก็ตกภาษาไทยไปบ้าง แหะๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจเหมือนเดิม เลิฟฟฟฟ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด