[จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI ประกาศ (26/05/61)#หน้า14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI ประกาศ (26/05/61)#หน้า14  (อ่าน 69609 ครั้ง)

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เฟี้ยวเราขอโทษที่ตัดสินเฟี้ยวว่าเป็นคนแกล้งไทม์ :o11: พ่อคนดีศรีสังคมอุตส่าห์ช่วยไทม์ทำรายงานอีก

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 14

การรวมตัวที่น่าเหลือเชื่อ (2)

 

แกร๊ก…

“เข้ามาสิ  ห้องรกหน่อยนะ  กูไม่ค่อยได้จัด”

ไอ้เฟี้ยวไขกุญแจแล้วเดินนำเข้าไปในห้อง  แต่พวกผมยังไม่มีใคร ‘กล้า’ เดินตามมันเข้าไปสักคน

“เอ้า!  ไม่เข้ามากันวะ  ต้องให้กูปูพรมแดงเชิญหรอไง”

“ดะ…เดี๋ยวนะ  ฉันก็พอจะรู้มาบ้างว่านายออกมาอยู่คนเดียวแล้ว  แต่…ที่นี่จริงๆเหรอ”

คุณอวกาศถามด้วยใบหน้าตกใจจริงๆ  ผมเองก็ตกใจไม่น้อยไปกว่าเขาหรอก

จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง  ในเมื่อห้องที่ไอ้เฟี้ยวพามาเนี่ย  เล็กกว่าบ้านผมอีก!  แถมรอบๆยังเป็นป่าขึ้นรถร้าง  มีห้องเช่าตั้งอยู่แค่สามห้องเท่านั้น  ห้องแรกคอห้องของไอ้เฟี้ยว  ส่วนอีกสองห้องของใครผมไม่รู้  ด้านในมีพื้นที่แค่ขนาดหนึ่งเสือ  พอให้นั่งและนอนเท่านั้น!

“ใช่   ทำไมเหรอ”

“แล้วมันจะอัดกันเข้าไปหมดเหรอเนี่ยตั้งสี่คน!”

“ฉันถึงบอกไงว่าแกสองคนไม่จำเป็นต้องมา”

ไม่เข้าใจๆๆๆๆๆ

ไม่เข้าใจอย่างแรง!  ไอ้เฟี้ยวทีเป็นถึงลูกชายของผอ. ทำไมถึงมาอยู่ห้องซอมซ่อเล็กเท่ารูมดแบบนี้ฟะ!

ผมมองเข้าไปข้างใน  ที่มุมห้องมีกระเป๋าเสื้อผ้าตั้งอยู่ใบหนึ่ง  และพัดลมตัวเล็กๆหนึ่งตัวกับโต๊ะเขียนหนังสือที่มีหนังสือเรียนวางอยู่นิดหน่อย  ไม่ว่าจะคิดจนหัวแทบแตกยังไงผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี  คนระดับไอ้เฟี้ยวทำไมถึงมีสภาพแบบนี้ไปได้

“มึง…ไม่ได้แอบซ่อนกล้องไว้ตรงไหนใช่ไหม”

“จะบ้าหรือไง  นี่แหละห้องกู  พอดีงานพิเศษที่ทำอยู่ตอนนี้มันได้เงินน้อยน่ะ  ก็เลยต้องประหยัดนิดหน่อย”

“แบบนี้ไม่เรียกว่านิดหน่อยแล้ว  ไปทำที่บ้านฉันดีกว่า  ไป”

คุณอวกาศคว้าแขนไอ้เฟี้ยวแต่มันสะบัดออกทันที  ท่าทางมันจะไม่ได้ล้อเล่นแฮะ  ที่นี่คือห้องที่มันอาศัยอยู่จริงๆ

ดูท่าแล้ว…จะไม่ได้มีแค่ผม  คุณจักรวาล  หรือว่าคุณอวกาศแล้วล่ะที่มีบางสิ่งในใจ  ไอ้เฟี้ยวเองก็เหมือนกัน

“น่าๆ  พวกเรามาช่วยกันทำรายงานเถอะนะครับ  ก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้  ไหนๆก็มาแล้ว  นะครับ”

“ถ้านายว่ายังงั้น…ก็ได้”

คุณอวกาศตอบตกลงเป็นคนแรก  เขาเดินตามเข้าไปนั่งใกล้ๆไอ้เฟี้ยวที่นั่งเปิดพัดลมรออยู่ก่อนแล้ว  ผมหันไปหาอีกหนึ่งหนุ่มที่เอาแต่ยืนเงียบตั้งแต่มาถึง

เขามองไปรอบๆด้วยสีหน้านิ่งแต่ก็เหมือนจะคิดอะไรอยู่ในใจ  ก่อนที่สายตานั้นจะไปหยุดอยู่ที่ไอ้เฟี้ยวซึ่งกำลังกัด เอ๊ย  ทะเลาะกับคุณอวกาศอยู่ข้างในเพราะมันไม่ต้องการนั่งใกล้เขา  ทว่าคนหัวขาวก็กวนเหลือทน  เอาแต่เบียดจนอีกฝ่ายไปจนมุมเข้ากับกำแพงห้อง

“มีอะไรเหรอครับ”

“เปล่า”

ก็รู้อยู่แล้วล่ะนะว่าเขาจะต้องตอบแบบนี้  แต่ก็ยังอยากจะถาม  ผมแค่อยากรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ก็เท่านั้นเอง

“แกจะมาเบียดฉันทำไมวะเนี่ย!”

“ก็ห้องมันแคบนี่  เราก็ต้องนั่งเบียดกันไว้สิ  จริงไหมไทม์”

“เอ่อ…”

อย่าโยนขี้มาทางนี้สิเฟ้ยยยย!

“ลงมือทำได้แล้ว  เดี๋ยวจะไม่ทัน”

“นั่นสิ  ถ้างั้นผมขอโน้ตบุ๊คหน่อยครับ”

คุณจักรวาลส่งโน้ตบุ๊คที่ผมขอยืมของเขามาใช้ในวันนี้ให้  ผมลงมือเรียบเรียงทุกอย่างใหม่หมดทันที  ยังดีที่พอจะจำจากการทำครั้งก่อนได้คร่าวๆบ้าง

“งั้นฉันจะจัดการเรื่องหาบทความเปรียบเทียบเอง”

“ขอบคุณนะครับ”

ผมเอ่ยขอบคุณเขา  คุณจักรวาลเปิดโน้ตบุ๊คอีกเครื่องขึ้นมาแล้วลงมือทำ  ไอ้เฟี้ยวจัดการรื้ออุปกรณ์สำหรับทำบอร์ดขนาดเล็กออกมาเพื่อจะทำบอร์ดให้  ส่วนคุณอวกาศก็นั่งตัดรูปภาพเพื่อจัดการทำในส่วนของรูปภาพประกอบรายงาน

ทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างขะมักเขม้น  พอมองภาพพวกเขาสามคนที่กำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือผมแล้วมันก็อดตื้นตันไม่ได้  มีแต่คำว่า ‘ทำไมกันนะ’  ‘เพราะอะไรกันล่ะ’  เต็มหัวผมไปหมด  อยากจะรู้เหตุผลที่พวกเขาต้องคอยช่วยผมขนาดนี้…

ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้ได้

กว่าจะรู้ตัวอีกที…รอบตัวผมก็มีพวกเขาเสียแล้ว

“เฮ้ย!  ตาเขหรอไงวะ  ตัดให้มันตรงๆดิ”

ไอ้เฟี้ยวที่ต้องทำงานคู่กับคุณอวกาศเพราะเขาเป็นคนคอยตัดรูปให้บ่นเสียงดังพลางส่งรูปที่เพิ่งได้รับมาจากคนข้างๆคืนกลับไป

“ทำไงได้ล่ะ  ก็ไฟในห้องนายมันสลัวซะขนาดนี้  ฉันไม่ตัดเอานิ้วตัวเองก็บุญแค่ไหนแล้ว”

“อย่ามาอ้าง!  แก่แล้วก็ไปตัดแว่นใส่เหอะ  หัดยอมรับอายุตัวเองซะบ้าง!”

“ปากดีแบบนี้ต้องโดนจูบสั่งสอนแล้วมั้งครับ”

“มึงเข้ามากูถีบ!”

ไอ้เฟี้ยวง้างขาขึ้นกะถีบเต็มที่จริงๆ  คุณอวกาศรีบยกมือโบกธงขาวขึ้นยอมแพ้  ผมเหลือบตามองทั้งสองคนที่กัดกันไปมาแล้วแอบยิ้มคนเดียว

คุณอวกาศ…ปกติก็เป็นคนกวนๆอย่างนี้อยู่แล้ว  แต่ผมไม่เคยเห็นเขากวนใครแล้วดูมีความสุขมากๆแบบนี้มาก่อน   

ส่วนไอ้เฟี้ยว…ทั้งที่ปากมันด่าฉอดๆไม่หยุดและดูไม่มีความเคารพคุณอวกาศที่แก่กว่าเลย  แต่ผมกลับมองว่าสิ่งที่ทั้งสองแสดงต่อกันมันทำให้รู้ได้เลยว่าพวกเขาสนิทกันมากแค่ไหน  และไอ้เฟี้ยวเองก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเวลาถูกคนหัวขาวกวนตีนใส่

“ทั้งสองคน…สนิทกันจังเลยนะครับ”

ผมเอ่ยออกไปพร้อมกับยิ้มกว้าง  คำถามของผมทำเอาไอ้เฟี้ยวที่กำลังจะแปะรูปลงบนฟิวเจอร์บอร์ดชะงักกึก

“มึงใช้ตาปลามองเหรอไอ้ไทม์  กูกับไอ้เวรนี่เนี่ยนะ!”

“นายช่างเป็นคนที่ตาถึงจริงๆ  รู้ได้ยังไงว่าพวกเราสนิทกันมาก”

“ก็บอกว่าอย่ามาแตะตัวกูไงเล่า!”

ไอ้เฟี้ยวผลักคุณอวกาศออกแล้วะเขยิบหนีไปจนติดกำแพงห้องในที่สุด  บางทีผมไม่ควรถามอะไรออกใช่ไหม…

พอหันไปมองทางคนหัวดำบ้าง  เขาไม่พูดไม่มองอะไรใครทั้งนั้น  เอาแต่จ้องไปที่โน้ตบุ๊คอย่างตั้งใจ  นั่งอยู่ข้างๆผมแท้ๆเลยนะ  แต่ทำไมรู้สึกเหมือนนั่งคนเดียวชอบกล  คุณจักรวาลคงกลืนไปกับความมืดเรียบร้อยแล้วล่ะสิ

จะเงียบอะไรเบอร์นั้นฟะ!

เอาล่ะๆ  เราเองก็เลิกสนใจคนอื่นได้แล้ว  ตั้งใจทำในส่วนของตัวเองให้เสร็จเร็วๆก็พอ  ทุกคนอุตส่าห์ยอมอดหลับอดนอนมาช่วยขนาดนี้  ผมจะให้พวกเขาเหนื่อยฟรีไม่ได้!

“ว่าแต่…ห้องน้ำอยู่ไหนเหรอ ในนี้มันมีแค่ห้องนี้ห้องเดียวเองนี่  แล้วเวลาอาบน้ำเข้าห้องน้ำล่ะ?”

“ที่นี่ไม่มีห้องน้ำ  แต่ข้างหลังมีคลองกับท่าน้ำ  เวลาอาบน้ำก็อาบน้ำในคลองนั่นแหละ  ส่วนห้องน้ำ…จะฉี่ตรงไหนก็ได้  แต่ถ้าจะขี้…ก็ต้องขุดหลุมเป็นหลังเอา”

“ถามจริง?”

คุณอวกาศเสียงดังขึ้นด้วยไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง  ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน  ให้ตายสิ!  ยังไงก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรคนรวยๆอย่างไอ้เฟี้ยวถึงมาอยู่ที่นี่!

มีแต่เครื่องหมายคำถามแปะเต็มหน้าไปหมดแล้ว!

 

ตีสี่…

เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทลืมตาตื่นขึ้นมาในความมืด  ข้างๆเขามีไทม์นอนคุดคู้อยู่  เลยไปนอนก็เป็นอวกาศที่หลับสนิท  ทว่า…คนที่ควรจะนอนอยู่ข้างๆเขากลับหายไป  ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าประตูห้องเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย  ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นออกจากห้องไป

จักรวาลเดินอ้อมไปด้านหลังห้องพัก  ก้าวเท้าไปอย่างช้าๆตรงไปทางท่าน้ำที่มีเสียงเหมือนมีใครกำลังอาบน้ำอยู่  ชายหนุ่มเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังคนที่กำลังตักน้ำจากในคลองขึ้นราดตัวอย่างเงียบเชียบ  ทำให้อีกฝ่ายไม่รู้ถึงการมาของเขา

ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองไปยังร่างกายของคนตรงหน้า  ก่อนที่ความทรงจำบางอย่างจะย้อนกลับเข้ามาในหัว

เหตุการณ์ที่เขาบังเอิญได้ไปเห็นมันเข้าเมื่อสิบกว่าปีก่อน…

ตึก…ตึก…ตึก…

ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้  สายตาไม่ละไปจากแผ่นหลังของอีกฝ่ายเลย  สิ่งที่เขาเห็น  ยิ่งตอกย้ำให้เขานึกถึงเรื่องราวในวันนั้น  หัวใจของชายหนุ่มเจ็บปวดไม่น้อยเมื่อนึกถึงมัน  เสียงร้องไห้  ร่างกายที่สั่นเทา  เลือดสีแดงสด…

ทุกอย่างชัดเจนในความทรงจำ

“นี่”

“ไอ้เหี้ย!!!!  ตกใจหมด!”

เฟี้ยวสบถเสียงดังลั่นพลางสะดุ้งโหยง  เขาเงยหน้ามองจักรวาลที่จู่ๆก็โผล่พรวดมายืนข้างๆอย่างตกใจ

“นั่งด้วยคนสิ”

“ไม่”

“จะนั่ง”

“แล้วจะถามทำแมวอะไรฟะ!”

ว่าพลางเขวี้ยงค้อนทางสายตาใส่อย่างหงุดหงิด  จักรวาลทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเฟี้ยว  จุ่มขาลงไปในคลอง  ต่างฝ่ายต่างก็เงียบจนบรรยากาศอันน่าอึดอัดเข้ากลืนกิน

“ถ้าแกจะออกมาเพื่อนั่งจ้องหน้าฉันล่ะก็…ไสหัวกลับเข้าไปซะ”

“จะไม่ญาติดีกันจริงๆใช่ไหม”

“กับคนที่ทำให้พี่สาวฉันต้องเสียใจอย่างแก  ไม่จำเป็น”

“นายรู้ได้ยังไงว่ามารีอาเสียใจ”

“เรื่องแบบนี้ยังต้องถามอีกเหรอวะ  ถูกถอนหมั้นแบบนั้น  มีใครที่ไหนจะไม่เสียใจบ้าง!”

จักรวาลแสยะยิ้ม  ยิ่งทำให้คนข้างๆโมโหเข้าไปใหญ่เพราะคิดว่าเขาไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเลย

“นายยังเด็ก”

“หา?”

“นายยังเด็กเกินกว่าที่จะรับรู้ได้ว่าโลกใบนี้ความจริงแล้วมันโหดร้ายแค่ไหน  สิ่งที่เห็น  บางทีมันอาจเป็นเพียงภาพลวงตาก็ได้  ฉันน่ะ…”

“ฉันอะไร”

“ไม่เคยลืมคำสัญญาในวันนั้นหรอกนะ”

จักรวาลสบตาเฟี้ยวอย่างจริงจัง

คำว่า ‘สัญญาในวันนั้น’  ทำให้เขาเงียบไป   เพราะในใจยังคงจำมันได้ดี

“หุบปาก”

“ฉัน…”

“บอกให้หุบปาก!!!”

“จะปกป้องนาย”

 

‘ฉันจะปกป้องนายเอง  ไม่ต้องกลัวนะ’

 

“จะไม่ให้ใครทำร้ายนายได้อีก”

“บอกให้หุบปาก!!!!!  หยุดพูดสิเว้ย  หยุด!!!”

“ฉันสัญญา”

 

‘จะไม่ให้ใครทำร้ายนายได้อีก  ฉันสัญญา’

 

“พอได้แล้ว!”

“…”

“พอ…”

หมับ…

จักรวาลดึงเฟี้ยวเข้ามากอดแนบแน่น  ฝ่ามือไล้ไปเบาๆบนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยความหลังอันเจ็บปวดของคนในอ้อมกอดเขา

 

“…”

หลังต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากท่าน้ำ  ไทม์ยืนเอามืออุดปากตัวเองไว้แน่น  ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยตกใจกับสิ่งที่เห็น

ไม่ใช่เพราะเห็นจักรวาลกอดเฟี้ยว

แต่เป็นเพราะ…

สิ่งที่เขาเห็นบนแผ่นหลังของเฟี้ยวต่างหาก

‘หมอนั่น…ที่แผ่นหลัง…’

รอยแผลเป็นที่เกิดจากการ…

…ถูกทารุณ

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ต้องขออภัยที่หายไปถึงสองวันเต็มๆ  มีธุระต้องจัดการนิดหน่อยค่า  แต่วันนี้กลับมาละ  ตอนนี้เริ่มเปิดปมดราม่าแล้วนะคะ  เฟี้ยวเองก็มีความหลังที่แสนเจ็บปวดเหมือนกัน  ดูเหมือนว่าจักรวาลจะรู้อะไรบางอย่าง  ยิ่งไปกว่านั้น…เหตุผลที่แท้จริงของการถอนหมั้นมารีอาคืออะไรกันแน่  พระเอกของเราจะสามารถปกป้องคนสำคัญของเขาทั้งหมดไว้ได้หรือเปล่า  และแผลเป็นที่หลังของเฟี้ยว...ใครเป็นคนทำ?  ติดตามกันต่อไปน้า

#เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  แฮชแท็กเงียบมากมาย  ติดแฮชแท็กในทวิตเตอร์มาพูดคุยสันนิษฐานกันได้นะคะ ^^


ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใครทำร้ายหลานเฟี้ยว แล้วทำไมจักรวาลถึงถอนหมั้นมารีอา  หรือว่า มารีอาทำร้ายเฟี้ยว มึนตึบ คนแก่งง  :really2: :really2: :really2:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปมเต็มไปหมด
ทำไมทั้งเฟี้ยวทั้งมารีอาเห็นไทม์ส่งงาน แล้วงานหายไปไหน 
มีคนจ้องทำร้ายไทม์อีกหรือ หรือมารีอาเป็นคนเอางานไทม์ไป 
หรือเฟี้ยวเป็นคนเอางานไปเอง เพื่อจะได้ช่วยไทม์ทำงาน 

ใครทำร้ายเฟี้ยว
ทำไมเฟี้ยวต้องออกจากบ้าน
มารีอาทำไมไม่ช่วยน้อง

ทำไมจักรวาลต้องทำทุกอย่างเพื่ออวกาศ

จักรวาลรับปากใคร ที่ต้องดูแลเด็กที่ไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย ใช่ไทม์หรือเปล่า

ไทม์ได้ทุนการศึกษาจากใคร
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 15

มาเป็นเพื่อนกันนะ

 

หมับ!

“อ๊ะ! อุ๊บ!”

“ชู่…”

มือหนาอุดปากผมที่ตกใจจนเกือบจะเผลอร้องตะโกนออกมาเอาไว้  คุณอวกาศที่ไม่รู้ว่าตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ส่งเสียงชู่พร้อมเอานิ้วชี้แตะปากตัวเองไว้เป็นเชิงบอกให้ผมเงียบ  ผมพยักหน้ารับรู้  เขาจึงเอามือออก

“ไปข้างในกันเถอะ”

พูดพลางยิ้มหวานก่อนจะเดินนำผมเข้าไป  ท่าทางแบบนั้นแสดงว่า…

เขาก็รู้เรื่องงั้นเหรอ?

ทันทีที่กลับเข้ามาข้างใน  คุณอวกาศก็ทิ้งตัวลงนั่งพิงกำแพง  เงยหน้ามองกำแพงห้องด้วยรอยยิ้ม  ทว่ายิ้มของเขามันแตกต่างไปจากทุกที  ดูเศร้าๆยังไงก็ไม่รู้

“เอ่อ…”

“นายเห็นแล้วสินะ   แผลเป็นที่หลังของหมอนั่น”

“ครับ”

“ไม่ถามเหรอว่าไปโดนอะไรมา  หรือ…ฉันรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”

ผมสบตาเขานิ่ง  นึกย้อนไปถึงแผลเป็นที่ค่อนข้างน่ากลัวตรงแผ่นหลังของไอ้เฟี้ยวที่มีมากมายนับไม่ถ้วน  ผิวเนื้อของมันแทบจะไม่มีส่วนที่เรียบเนียนเลยด้วยซ้ำ

“ผม…”

“…”

“อยากรู้ครับ”

“นั่นสินะ”

“แต่…”

“แต่?”

“ผมอยากได้ยินเรื่องทั้งหมดจากปากไอ้เฟี้ยวเองมากกว่าฟังจากคนอื่น  ตัวผมน่ะ…ที่ผ่านมามักจะถูกคนอื่นมองข้ามจนแทบจะกลายเป็นคนไร้ตัวตนในโลกไปเลยก็ว่าได้  ไม่เคยมีเพื่อน  ไม่เคยคุยกับใครนอกจากคนในครอบครัว  ไม่เคยสัมผัสความรู้สึกพิเศษเวลามีคนตั้งใจทำอะไรให้หรือลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยผม”

“…”

“แต่ว่าวันนี้…ไอ้เฟี้ยวมันทำให้ผมเข้าใจได้อย่างหนึ่งว่า…การมีเพื่อนเนี่ย  มันดีจริงๆเลยนะ  จริงอยู่ที่ตอนแรกผมเกลียดมันมาก  แล้วก็ยังไม่เคยลืมสิ่งแย่ๆที่มันทำไว้กับผม  ทั้งที่คิดแบบนั้นอยู่แท้ๆ  ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากเป็นเพื่อนกับมันนัก” 

“ถ้าเป็นเรื่องนั้น  ฉันคิดว่าฉันรู้นะ”

“จริงเหรอครับ?”

ผมพุ่งเข้าหาคุณอวกาศ  ไปนั่งจ๋องอยู่ตรงหน้าเขาพลางยื่นหน้าเข้าหาอย่างรอฟังคำตอบ

สำหรับคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนค่อนข้างแย่อย่างผม  ถ้ามีใครสักคนให้คำปรึกษาในเรื่องพวกนี้ได้ล่ะก็…คงดีไม่น้อยเลยล่ะ

“นายเนี่ยน้า~  เอางี้…เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะอธิบายให้ฟังเอง”

มือหนาเอื้อมมาสัมผัสแก้มผมทั้งสองข้างก่อนจะกดลงมาจนปากจู๋  ผมปัดมือเขาออกแล้วจัยแก้มตัวเองไว้  เจ็บนิดๆแฮะ

“คุณอวกาศครับ  ทำไมชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลยล่ะ”

“นั่นสิ  ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน  พอมองนายทีไร  ฉันจะเห็นนายเป็นเด็กตัวเล็กๆตลอดเลย”

“อ๊ะ  ไม่เอาครับ  ผมยุ่งหมดแล้ว”

ต่อจากแก้มก็เป็นหัวงั้นเหรอ  ผมกลายเป็นอนุบาลในสายตาเขาไปแล้วใช่ไหม!

“โอเค  ไม่แกล้งแล้ว  ที่ฉันบอกว่าฉันรู้ว่าเป็นเพราะอะไรก็คือ…นายน่ะ  สัมผัสได้เหมือนกันไงล่ะ”

“สัมผัสได้?  สัมผัสอะไรเหรอครับ”

“เรื่องที่ว่าความจริงแล้วเจ้าหมอนั่น…เป็นเด็กดี”

“หมายถึงไอ้เฟี้ยวเหรอครับ?”

“ใช่แล้ว  ถ้าว่ากันตามจริงเลยเนี่ย  ตัวฉัน  พี่จักรวาล  มาเรีย  เอ่อ…หมายถึงมารีอาน่ะ  แล้วก็เฟี้ยว  พวกเราเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เล็กๆนะ  ครอบครัวของมารีอากับเฟี้ยวย้ายมาอยู่บ้านข้างกันตั้งแต่เจ้านั่นเพิ่งเกิดมาได้แค่สามเดือนเอง  คุณพ่อของฉันกับคุณพ่อของเฟี้ยวเป็นเพื่อนที่เจอกันที่สนามกอล์ฟก็เลยสนิทกัน  แน่นอนว่ามันทำให้พวกฉันสนิทกันไปด้วย  ตอนนั้นพวกเราสามคนเลยได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของเฟี้ยวบ่อยๆ  ทั้งเปลี่ยนผ้าอ้อม  ชงนม  หรือว่าคอยอุ้มเวลาร้องไห้  โดยเฉพาะพี่จักรวาล  คงเป็นเพราะตอนนั้นเป็นพี่คนโตที่สุดล่ะมั้ง  ก็เลยต้องคอยดูแลน้องๆ  คอยให้เฟี้ยวขี่คอ  เอาหมอนั่นใส่กระเป๋าสำหรับอุ้มเด็กเวลาพวกเราไปเที่ยวกัน  จนหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าพี่จักรวาลเป็นคุณพ่อวัยใสเลยนะ  ฮ่าๆๆๆ”

อ่า…คิดภาพไม่ค่อยออกเลย  คุณจักรวาลในโหมดมุ้งมิ้งแบบนั้น

แต่เท่านี้ผมก็พอจะเข้าใจได้แล้วว่าพวกเขาสนิทกันมากแค่ไหน  มันไม่ใช่แค่เพื่อนเล่นสมัยเด็กธรรมดา  พวกเขาเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน…

“น่าเสียดายนะครับ  ทั้งที่สนิทกันขนาดนั้น  แต่ว่าตอนนี้กลับ…”

“ก็นะ  ไม่มีใครรู้เลยว่าพี่จักรวาลคิดอะไร  แม้แต่ฉันที่เป็นน้องชายแท้ๆยังเข้าไม่ถึง  คนอะไร  ลึกลับจนน่ากลัว”

ข้อนี้เห็นด้วยเลย!

“เพราะงั้น…เชื่อฉันสิ  เฟี้ยวน่ะเป็นเด็กดีแน่นอน  เพราะพวกฉันเลี้ยงเขามากับมือ  แค่ไม่ได้คลอดออกมาเองกับไม่มีน้ำนมจากเต้าให้กินเท่านั้นเอง”

“ครับ  ผมเชื่อคุณ”

ถ้าเป็นคนที่คุณอวกาศเชื่อมั่นแบบนั้น  ผมเอง…ก็จะเชื่อเหมือนกัน

“เสียงฝีเท้า  สองคนนั้นคงกำลังจะเข้ามา  รีบไปนอนเร็วเข้า  อย่าให้พวกนั้นรู้ว่าเราแอบตามออกไป”

คุณอวกาศผลักผมกลับไปนอนที่เดิม  ส่วนตัวเองก็รีบไถลกลับเข้าที่ก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก  เสียงฝีเท้าของพวกเขาเข้ามาใกล้  ข้างกายผมรับรู้ได้ว่าคุณจักรวาลทิ้งตัวลงนอนข้างๆแล้ว  หะ…ให้ตายสิ  ผมเกร็งไปแล้ว  พวกเขาจะรู้ไหมนะว่าความจริงผมกับคุณอวกาศตื่นอยู่!

“เด็กไม่ดีต้องถูกลงโทษนะ”

เสียงทุ้มต่ำกระซิบเบาๆที่ข้างหู

ผมกำมือแน่นจนแทบลืมหายใจ  ขะ…เขารู้จริงๆด้วย!  แล้วไอ้ที่ว่าต้องถูกลงโทษมันหมายความว่ายังไง  คงไม่สั่งให้คนมากระทืบผมแล้วเอาศพไปถ่วงน้ำหรอกใช่ไหม!

“พึมพำอะไรวะ คนจะนอน”

ไอ้เฟี้ยวตะโกนด่ามาตามสายลม  เอ๊ะ?  ผมนึกว่าสองคนนี้จะปรับความเข้าใจแล้วญาติดีกันแล้วเสียอีก  สรุปว่ายังทะเลาะกันอยู่เรอะ!

มีแต่เรื่องไม่เข้าใจทั้งนั้นเลยวุ้ย  เฮ้อ!

 

“นี่ครับรายงาน”

ผมยื่นรายงานส่งให้อาจารย์ฉวีวรรณที่วันนี้นั่งรออยู่ที่โต๊ะของตัวเองเรียบร้อย  อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่ารายงานของผมจะไม่หายอีกเป็นรอบที่สองล่ะนะ

“ดีมาก  จบเรื่องกันสักทีนะ”

“ขอบคุณมากนะครับอาจารย์”

ผมยกมือไหว้อาจารย์ก่อนจะเดินกลับออกมา  ไอ้เฟี้ยวที่นั่งจ๋องรออยู่ตรงเก้าอี้ระเบียงทางเดินรีบลุกขึ้นมาหา

“เป็นไงวะ  เรียบร้อยดีไหม”

“อื้ม  ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วล่ะ”

ผมบอกมันพร้อมยิ้มกว้าง  เมื่อเช้าคุณจักรวาลกับคุณอวกาศมาส่งพวกเราที่โรงเรียนก่อนจะรีบไปทำงานต่อเพราะเห็นว่ามีประชุมด่วนกะทันหัน  รู้สึกว่าผู้บริหารอีกคนที่มีหุ้นในบริษัทเป็นอันดับสองรองจากตระกูลของพวกคุณจักรวาลกำลังจะกลับมาจากฝรั่งเศสหลังจากไปดูงานที่นั่นมาถึงสามเดือน

แต่แปลกอยู่เรื่องหนึ่งคือ…สีหน้าคุณจักรวาลที่รู้ว่าผู้บริหารอีกคนกลับมา  แวบหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นว่าเขาทำหน้าตาน่ากลัวมากๆ  มีเรื่องอะไรระหว่างพวกเขาหรือเปล่านะ

“หมดเรื่องวุ่นวายสักทีนะมึง  ไปหาอะไรแดกกันดีกว่า  กูหิวละ”

“ได้สิ  แต่…กูขอเลี้ยงนะ”

“กูไม่แดกข้าวกับเกลือนะบอกไว้ก่อน”

มันหรี่ตามองผมพลางชี้หน้าคาดโทษไว้ก่อน  เราพากันเดินไปที่โรงอาหารท่ามกลางสายตานักเรียนมากมาย  ผมว่าผมชักจะชินกับมันแล้วล่ะ  ทุกคนเอาแต่มอง มอง มอง แล้วก็มอง  เห็นผมเป็นหมีแพนด้าสะพายกระเป๋ามาเรียนหนังสือหรือไง!

“คนมองใหญ่เลยว่ะ”

“เพราะมึงมาเดินกับกูไง  ยังมีหน้ามาพูด”

“เออว่ะ  แล้วทำไมกูต้องมาเดินกับมึงด้วยเนี่ย”

“จะไปรู้มึงเรอะ”

กูเองก็งงเถอะ  รู้ตัวอีกทีก็เดินกับไอ้เวรนี่ได้โดยรู้สึกอึดอัดหรือว่าเกลียดขี้หน้าเหมือนในตอนแรกแล้ว

ไอ้เฟี้ยวยังคงทำตัวร่าเริงเหมือนปกติต่างจากเมื่อคืน  ใครเดินผ่านแล้วมนเกิดหมั่นไส้เขาขึ้นมากะทันหัน  มันก็ยังคงหันไปเตะก้นเขาดื้อๆ  ทำตัวอันธพาลตามเดิมที่เคยทำทุกวัน  จะต่างก็แค่มันไม่ได้มาทำตัวอันธพาลใส่ผมก็เท่านั้น

“ถ้ากินเสร็จแล้ว  ไปดาดฟ้ากับกูหน่อยได้ป่ะ”

“ดาดฟ้า?  มึงจะกระโดดถีบขาคู่กูอีกหรือไง”

“ว่าไปนั่น  กูแค่มีเรื่องจะคุยเฉยๆ”

“ฮันแน่  หรือว่าจะสารภาพรัก  ตกหลุมรักกูแล้วล่ะสิ”

ยังมีหน้ามายิ้มแป้นใส่อีก

ผมผลักหน้ามันที่ยื่นมาใกล้ให้ออกห่าง  การกระทำของผมกับมันเหมือนคู่รักกำลังหยอกล้อกันไปมายังไงก็ไม่รู้  ดูสายตาของพวกสาวๆที่มองมาสิ…

วิ้งวับเป็นรูปหัวใจเชียว!

“ไม่มีทาง”

“กูจะคอยดู”

“ไอ้หลงตัวเองเอ๊ย!”

ไม่ไหวจะเคลียร์กับมันแล้วจริงๆ  ผมวิ่งไล่เตะไอ้เฟี้ยวไปจนถึงโรงอาหาร  มันเอาแต่ล้อว่าผมจะต้องตกหลุมรักมันแน่ๆอยู่นั่นแหละ  พูดห่าอะไรไม่เกรงใจบรรดาแฟนคลับมึงเลยนะ  เดี๋ยวพวกก็แห่กันมารุมสกำกูแย่!

 

สุดท้ายผมก็ลากไอ้เฟี้ยวขึ้นมาบนดาดฟ้าด้วยกันหลังจากกินข้าวเสร็จจนได้  หลายวันมานี้ผมไม่เห็นไอ้โชเล่มาตามติดไอ้เฟี้ยวเหมือนทุกทีเลย  ว่าจะถามมันอยู่เหมือนกันว่าไอ้บ้านั่นหายไปไหน  แต่ก็มัวแต่วุ่นๆเรื่องรายงานเลยลืมไปเสียสนิท

“แล้วไง  พากูขึ้นมาที่นี่มีเรื่องอะไรเหรอ”

ถามพลางเดินไปที่ระเบียง  ไอ้เฟี้ยวทอดสายตามองไปไกล  ผมกำมือแน่น  หัวใจเต้นระทึกด้วยสิ่งที่ต้องการจะพูดต่อไปนี้  สำหรับคนอื่นมันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร  แต่สำหรับคนอย่างผม…

มันเป็นเรื่องที่ใหญ่และยากมาก!

“คือว่า…”

จะ…จะเริ่มพูดยังไงดีล่ะ  ในหัวผมมันปั่นป่วนไปหมดแล้ว  ทั้งที่คิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปแล้วแท้ๆนะ  พอเอาเข้าจริงๆก็กลัวจนปากแทบไม่ขยับเลย!

ใจเย็นๆไว้ไอ้ไทม์  เชื่อมั่นในสิ่งที่คุณอวกาศบอกสิ  เชื่อมั่นในตัวเอง  มึงต้องทำได้!

ทำได้…

“ว่า?”

“กะ…กูจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ  มึงตั้งใจฟังให้ดีล่ะ”

ไอ้เฟี้ยวหันกลับมามองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ  สองขาก้าวเข้าไปหามัน  แต่ละก้าวสั่นไหวจนความมั่นใจเลยหายไปทีละนิด…

“มึง…กับ…กู”

เงยหน้ามองมันไปด้วย  สาบานได้ว่าผมรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นเลย  เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยให้ตายสิ!

“พวกเรา…”

“…”

“พวกเรา…”

ต้องพูดได้…ต้องพูดออกไปได้แน่ๆ…

ภาพที่ไอ้เฟี้ยวช่วยเหลือผมไว้ย้อนกลับเข้ามาในหัว  ภาพแผลเป็นที่แผ่นหลังของมัน  ภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ผมกับมันวิ่งไล่เตะกันเมื่อเช้า…

ทุกๆอย่าง  ผมอยากจะ…ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตลอดไป

“เรา…”

“…”

“มาเป็นเพื่อนกันนะ!”

“…”

ในที่สุดก็กลั้นใจพูดออกไปจนได้  ผมหลับตาปี๋ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองดูสีหน้าของไอ้เฟี้ยวในตอนนี้  ในใจแอบกลัวว่ามันอาจจะปฏิเสธผมก็ได้  เพราะคนอย่างผมน่ะ…มันไร้ตัวตนแล้วก็ไม่มีค่านี่นา  ใครจะอยากมาเป็นเพื่อนด้วยกันล่ะ

เวลาผ่านไปเกือบนาทีแต่ยังไม่ได้รับคำตอบจากตรงหน้า  ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมองมันที่ยืนก้มหน้ามองผมนิ่ง  ความเงียบที่เหมือนเป็นคำตอบกรายๆทำเอาขอบตาร้อนผ่านขึ้นมา

“ฮะๆ   ฮะๆ….”

แค่นหัวเราะออกมาเสียงสั่น  กะแล้วเชียว  ไม่ได้ผลสินะ   ผมมันได้ใจเกินไปที่พอเห็นมันทำดีด้วยก็คิดจะอยากเป็นเพื่อน  ไม่เจียมตัวเอาซะเลย

“คงไม่ได้สินะ    ขอโทษด้วยที่จู่ๆมาพูดอะไรแบบนี้  กูคงดีใจมากไปหน่อยพอมึงทำดีด้วย  ลืมไปเลยว่าคนอย่างกูไม่เหมาะที่จะมีเพื่อนเหมือนคนอื่นเขาหรอก”

“…”

“เอาเป็นว่า…ลืมไปซะนะ  คิดซะว่ากูไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน”

ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา  ยิ้มแห้งๆให้กับอีกฝ่ายที่ยังยืนเงียบอยู่ก่อนจะหันหลังให้มัน  เตรียมจะออกจากดาดฟ้า

ไม่เป็นไร  ไม่เป็นไรหรอกไอ้ไทม์  ก็แค่กลับไปอยู่แบบเดิมเท่านั้น  การอยู่คนเดียวเป็นเรื่องที่มึงเคยชินอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง

หมับ!

ขณะที่กำลังจะก้าวขา  แขนก็ถูกคว้าแล้วกระชากให้หันกลับไปจากคนด้านหลัง  ทันทีที่หันกลับไป  ไอ้เฟี้ยวก็โน้มหน้าลงมา  และ…

“อุ๊บ!”

ประกบปากจูบผมทันที!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพตอนที่สิบห้าแล้วจ้า  ในที่สุดน้องไทม์ของเราก็มีความกล้าขึ้นมาอีกนิดหนึ่งแล้ว!  ที่สำคัญกว่านั้นดูเหมือนว่าเฟี้ยวจะเริ่ม ‘รุก’ น้องไทม์ซะแล้วสิ  แต่อย่างว่าละนะ  ทั้งจริงใจ  ใสซื่อ  แล้วก็เชื่องอย่างน้องไทม์  ใครบ้างอยู่ใกล้แล้วจะไม่หวั่นไหว ยิ่งหนุ่มๆในเรื่องของเราแต่ละคนมีปมหลังฝังใจกันทั้งนั้น  งานนี้คงต้องปล่อยให้น้องไทม์ได้ใช้หัวใจตัดสินหน่อยล่ะ  ว่าใครกันแน่คือคนที่อยู่ในหัวใจ >___<

#เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  ติดแฮชแท็กนี้พูดคุยกันในทวิตเตอร์ได้น้า  จุ๊บๆๆๆ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ้าวๆ..........ที่ผ่มาเฟี้ยวแกล้งไทม์ เพราะชอบหรอกรึ   o22  o22  o22
แล้วอยู่ๆมาจูบไทม์  :z3: :z3: :z3:

ทำไม จักรวาลหน้าเครียดๆล่ะ ที่หุ้นส่วนอีกคนกลับมาจากฝรั่งเศส
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คนแก่อึ้ง ตกลงมีแต่คนหลงรักหลานไทม์กันทุกคนเลยหรอ ไม่เบา ๆ เลย หลานไทม์  :z1: :z1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่จักรวาลไม่ปล่อยแกไว้แน่ เฟี้ยวเอ้ย

ออฟไลน์ ShadeoftheMoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น้องไทม์เปิดฮาเร็มสะดีมั้ยจ้ะ เสน่ห์แรงจริงๆ เลย

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 16
คำขอร้องของมารีอา
 
“นี่  พี่!          ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วยล่ะ  พี่!”
อวกาศที่ตามจักรวาลมาที่บริษัทด้วยร้องถามเสียงดัง  แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ  เขาจ้ำอ้าวเดินไปยังห้องประชุมด้วยใบหน้าน่ากลัว
“พี่!”
ปัง!
ประตูห้องประชุมถูกเปิดออกอย่างแรง  คนที่นั่งอยู่ด้านในพากันสะดุ้งตกใจ  มองมายังคนที่เป็นคนเปิดมันซึ่งก็คือจักรวาล  เขากวาดสายตาไล่มองไปทีละคนจนกระทั่งถึงคนที่เขาตั้งใจมาเจอ  ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานอายุไล่เลี่ยกับเขานั่งอยู่ตรงตำแหน่งฝั่งตรงข้ามกับเก้าอี้ประธาน
มันคือเก้าอี้ของรองประธานนั่นเอง!
“ไง…จักรวาล  ไม่ได้เจอกันตั้งนาน  สบายดีนะ”
“อืม  กลับมาจนได้สินะ”
อวกาศที่ยืนอยู่ข้างๆหันมองพี่ชายสลับกับ ‘กวินทร์’ รองประธานหรือมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขาเพราะเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของน้องชายคุณพ่อเขานั่นเองด้วยความสงสัย
“ทิ้งให้บริหารบริษัทคนเดียวตั้งสามเดือน  ในฐานะรองประธานฉันเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยเลย  อ้อ  ยินดีต้อนรับกลับมานะอวกาศ  เรียนจบแล้วใช่ไหม”
“ครับ  ว่าแต่…ผมเพิ่งรู้นะว่าพี่กวินทร์ไปดูงานที่ฝรั่งเศสตั้งสามเดือน”
“ก็นะ  จู่ๆก็ถูกท่านประธานส่งไป  ถึงจะยังงงๆแต่ก็ขัดไม่ได้หรอก”
“งั้นเหรอครับ”
อวกาศยิ้มเจื่อน  เขารู้สึกได้ว่าบรรยากาศในตอนนี้มันช่างกดดันเหลือเกิน  สายตาที่จักรวาลจ้องมองไปยังชายผู้นั้นก็น่ากลัวราวกับกำลังจ้องคนที่เกลียด
“พี่…”
“นายกลับไปก่อน  ฉันจะอยู่ประชุม”
“อ้าว  ทำไมล่ะ  ให้ผมอยู่ด้วย…”
“ตอนนี้นายยังไม่มีสิทธิ์อะไรในบริษัทนี้ทั้งนั้น  ออกไปซะ”
เขาหันกลับมาสั่งเสียงเข้ม  เน้นย้ำคำว่าไม่มีสิทธิ์เป็นครั้งแรก
“ครับ”
ยอมรับคำสั่งแต่โดยดี  จักรวาลรีบผลักตัวอวกาศออกมาจากห้องประชุมและปิดประตูทันที  ชายหนุ่มยืนนิ่งขบคิดถึงการกระทำที่หน้าสงสัยของพี่ชายด้วยไม่เข้าใจ
“แปลก?  ปกติเอาแต่พูดกรอกหูว่าบริษัทนี้คือของเรา  แล้วทำไมวันนี้…ถึงพูดแบบนั้นนะ?”
ยิ่งไปกว่านั้น  สายตาที่จักรวาลมองกวินทร์  ยังไงๆมันก็แดสงออกถึงความเกลียดชังมาเกินไป  เขาไม่เคยเห็นพี่ชายเป็นแบบนี้มาก่อน
หรือในช่วงที่เขาไปเรียนต่างประเทศ  จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น?
พอคิดแบบนั้นอวกาศก็ยิ่งกังวล  เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้อะไรเลยว่ายิ่งบริษัทเติบโตมากขึ้นเท่าไหร่  การแข่งขันและความต้องการของผู้คนก็จะมากขึ้น  แน่นอนว่าตำแหน่งประธานที่ใหญ่ที่สุดนั้นจะต้องมีแต่คนต้องการจะได้  จักรวาลเลยต้องทำตัวแข็งนอกจนผู้คนพากันหวาดกลัวแบบนี้
ครืด…ครืด…
‘มาเรีย’
“ฮัลโหล”
ชายหนุ่มกดรับสายที่โทรเข้ามา  ปลายสายเงียบไปอึดในก่อนจะตอบกลับเสียงอ่อน
[อวกาศเหรอ  มาเจอกันหน่อยได้ไหม]
“ได้สิ  ที่ไหนล่ะ”
หญิงสาวบอกสถานที่นัดแก่เขา  อวกาศกดวางสายแล้วรีบไปยังที่นัดหมายทันที  เขาเก็บความสงสัยทั้งหมดเอาไว้ก่อน  และตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องสืบดูให้ได้ว่าจักรวาลกำลังพยายามจะทำอะไร!
 
อวกาศมาถึงร้านอาหารที่นัดกับมารีอาไว้ในที่สุด  หญิงสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว  ชายหนุ่มชะงักไป  แววตาที่มองไปยังเธออ่อนโยนราวกับกำลังมองหญิงสาวอันเป็นที่รัก  เธอยังดูบอบบางและน่าทะนุถนอมไม่เปลี่ยนเลย
“มาเรีย”
“อ๊ะ มาแล้วเหรอ”
มารีอายิ้มหวานออกมาอย่างมีความสุข  เธอดีใจจริงๆที่ได้เจอเขาหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปี
“ขอโทษที่มาช้านะ  รถติดนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ  ฉันก็เพิ่งมาถึงไม่นานหรอก   ดื่มน้ำก่อนสิ  ฉันสั่งน้ำฝรั่งที่นายชอบเตรียมไว้ให้แล้วล่ะ”
อวกาศพยักหน้ารับแล้วยกน้ำฝรั่งที่อยู่ตรงหน้าขึ้นดื่มอย่างกระหายจนหมดแก้วก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่าย
“แล้ว…ที่เรียกมามีอะไรหรือเปล่า  คงไม่ใช่แค่อยากเจอหน้าฉันแน่ๆใช่ไหม”
“คือ…”
“หลังจากที่ถูกเธอปฏิเสธจนตัดสินใจไปเรียนต่อตามที่พี่จักรวาลบอก  นี่เป็นครั้งแรกเลยสินะ ที่พวกเราได้กลับมาพบกัน”
“อวกาศ…”
หญิงสาวสบตาเขาด้วยความเศร้าสร้อย  นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด  เห็นแบบนั้นอวกาศก็รีบโบกไปโบกมือพูดแก้สถานการณ์ทันที
“เฮ้ยๆ แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว  เธอไม่ต้องกังวลหรอรู้สึกผิดหรอกนะ”
“ขอโทษนะ  ทั้งที่ทำร้ายจิตใจของนายไปแบบนั้น  แต่วันนี้กลับเรียกนายออกมาพบ”
“ไม่เอาน่า  ฉันเองก็อยากเจอเธออยู่เหมือนกัน  ถ้าเธอไม่โทรมา  ฉันก็ต้องไปหาเองอยู่ดีนั่นแหละ”
มารีอายิ้มอ่อน  ใบหน้าของเธอดูไม่มีความสุขเลยแม้แต่นิดเดียว  กลับกัน…อวกาศรู้สึกได้ว่าคนตรงหน้ามีเรื่องกังวลอยู่ในใจ
“มาเรีย  มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“อวกาศ…คือฉัน…”
“ร้องไห้ทำไมน่ะ?”
“ขอโทษ   ขอโทษนะ”
เธอไม่ตอบ  เอาแต่ร้องไห้จนคนในร้านพากันหันมามอง  อวกาศลุกขึ้นไปหาเธอออย่างร้อนรน  เขางงไปหมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ  ฉันไม่รู้จริงๆว่าเขาเป็น…. ฮือ…”
“มาเรีย  ใจเย็นๆก่อน  นี่มันเรื่องอะไร  เกิดอะไรขึ้น  บอกฉันสิ  ใครทำอะไรเธอ  บอกฉัน!”
“อวกาศ  สัญญากับฉัน  ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม  อย่าดึงเฟี้ยวเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้เด็ดขาด  อย่าให้น้องชายของฉันต้องมาเกี่ยวด้วย  เข้าใจไหม”
“ฉันไม่เข้าใจ  เธอหมายถึงอะไรกันแน่”
“ฉัน…ฉันบอกนายไม่ได้  ฉันรักเขา  ฉันหักหลังเขาไม่ได้   แต่ฉันก็ทำร้ายนายไม่ได้เหมือนกัน  ฮือ…”
“มาเรีย…  เธอพูดถึงใคร  พี่จักรวาลเหรอ?”
หญิงสาวส่ายหน้า เธอดึงมือชายหนุ่มมาจับไว้แน่น
“อย่าดึงเฟี้ยวเข้ามาเกี่ยวเด็ดขาด  กันเขาออกไป   และ…ปกป้องเด็กคนนั้นให้ได้”
“เด็กคนนั้น?  ใครล่ะ?”
“ความทรงจำของพวกเราสี่คน”
“???”
“ไปที่นั่น  แล้วหามันให้เจอ   ฉันช่วยนายได้แค่นี้เท่านั้น”
“เดี๋ยวสิ  ฉันยังไม่เข้าใจอะไรเลย  มา…!”
“ขอโทษนะอวกาศ…”
“เธอ…หรือว่า…ในน้ำ….”
ตุ้บ!
ร่างของชายหนุ่มร่วงลงกับพื้น  ยาสลบในน้ำฝรั่งออกฤทธิ์  มารีอาค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา  ลูบไปเส้นผมอย่างแผ่วเบา
“ขอโทษนะที่ทำกับนายแบบนี้  แต่นอกจากนายแล้วฉันก็ไม่ไว้ใจใครอีก  ความผิดที่ฉันได้ทำลงไป  ฉันชดใช้ให้นายได้แค่นี้จริงๆ  เพราะไม่ว่ายังไง…ฉันก็ทำใจหักหลังเขาไม่ลง  เพราะงั้น…สานต่อที่เหลือแทนฉันที  ดูแลเฟี้ยวแทนฉัน  ปกป้องเด็กคนนั้นเอาไว้ให้ได้  เด็กคนนั้น…สำคัญสำหรับนายที่สุด  จำไว้นะ”
“…”
“ถ้าเป็นนาย  จะต้องทำได้แน่  ยังไงนายก็ยังมีเขาคนนั้นคอยปกป้องอยู่  เขาจะทำทุกอย่างเพื่อนายและเด็กคนนั้น  หามันให้เจอนะ  เมื่อนายหามันเจอ  ความจริงทุกอย่างก็จะปรากฏ  ขอโทษที่ทำให้เรื่องมันยุ่งยากแบบนี้  แต่ฉันไม่เข้มแข็งพอที่จะทรยศเขา  ฉันขอโทษ”
เธอร้องไห้ออกมาจนแทบขาดใจ  ความทรงจำวัยเด็กที่ได้ร่วมทุกข์  ร่วมสุข  ร่วมหัวเราะไปกับอวกาศ  จักรวาลและเฟี้ยวฉายย้อนเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ
 
‘เจอตัวอวกาศแล้ว!  จักรวาล  เฟี้ยว  ฉันหาเขาเจอแล้วล่ะ!’
 
“ขอบคุณนะ  ที่เคยรักฉัน  ฉันดีใจมากจริงๆที่ได้รับความรักจากนาย”
 
“มะ…มะ…มึง!  มึงทำอะไรวะ!”
ผมผลักให้ไอเฟี้ยวออกห่าง  สองมือขึ้นจับริมฝีปากของตัวเองเอาไว้  หัวใจเต้นระทึกจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
กะ…กูถูกจูบ…
ถูกจูบโดยผู้ชาย!!!
“จูบไง  ถามแปลกนะมึง”
“กูรู้ว่าจูบ  แล้วมึงมาจูบกูทำไมเล่า!”
“ก็…จูบแห่งมิตรภาพน่ะ”
“หา?”
ร้องเสียงหลงพลางมองหน้ามันที่ให้คำตอบมาง่ายๆเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ  แต่ปกติจริงๆคือผู้ชายเขาไม่จูบกันเองไม่ใช่เหรอฟะ!!!
“มันก็เหมือนเวลาฝรั่งเขาทักทายกันไง  มึงไม่เคยเห็นเหรอ”
“เม้าท์ทูเม้าท์เลยเนี่ยนะ!”
“ก็เออ  ทำไมวะ ถึงจะจูบกัน  แต่ถ้าไม่ได้คิดอะไรมันก็จะกลายเป็นจูบธรรมดาไม่ใช่หรือไง”
“ยิ่งฟังยิ่งงง  สรุปมึงจูบกูทำไมกันแน่?”
ไอ้เฟี้ยวไม่ตอบ  มันเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มพลางกรอกตาไปมา  อารมณ์เหมือนเด็กแอบกินขนมในห้องเรียนแล้วถูกจับได้ประมาณนั้น
“กูว่ารีบไปห้องเรียนกันดีกว่า  ชั่วโมงแรกจะเริ่มแล้ว  เดี๋ยวเข้าห้องสายนะเว้ย”
ไอ้เฟี้ยวตัดบท  มันรีบวิ่งออกจากดาดฟ้าทิ้งให้ผมยืนงงอยู่คนเดียวเพราะยังไม่ได้คำตอบ  แบบนี้มันหมายความว่ายังไงกันล่ะเนี่ย  สรุปเมื่อกี้ที่ผมถูกจูบ…
มันเพราะอะไรกันล่ะ!
 
เรียนมาจนถึงคาบที่สี่  ไอ้เฟี้ยวยังคงทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่มันเพิ่งจะจูบผมไปเมื่อเช้า  แต่พอเห็นเจ้าตัวการทำตัวปกติอย่างนั้นแล้วผมก็เลยไล่บี้ถามต่อไม่ลง  กะ…ก็ถ้ามันทำตัวปกติ  ผมเองก็ต้องทำได้เหมือนกัน
ลืมจูบนั่นไปซะไอ้ไทม์!
วี้หว่อๆๆๆ
“หือ?”
นักเรียนในห้องพากันแตกฮือเมื่อมีเสียงไซเรนรถตำรวจกำลังเข้ามาในโรงเรียน  ผมกับไอ้เฟี้ยวหันมามองหน้ากันก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปเกาะระเบียงดูว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น  อาจารย์คนหนึ่งเดินออกไปหาตำรวจสองคนที่รถมาจากรถ  สีหน้าของตำรวจดูเคร่งเครียด  ทว่าเมื่อพูดคุยกันไปสักพักอาจารย์คนนั้นก็หน้าถอดสีไปเลย
เกิดอะไรขึ้นกันนะ?
อาจารย์ท่านนั้นคุยกับตำรวจต่ออีกสักพักก็เดินนำตำรวจขึ้นมาทางตึกที่พวกผมเรียนอยู่  ไม่นานนักก็ขึ้นมาถึงชั้นของพวกผมและกำลังตรงมาทางนี้  พวกนักเรียนพากันซุบซิบด้วยสงสัยว่ามีเรื่องอะไรกันแน่  จนกระทั่ง…
อาจารย์คนนั้นพาตำรวจมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าผมกับไอ้เฟี้ยว!
“มึงไปสร้างเรื่องอะไรมาป่ะเนี่ย”
ผมเงยหน้าถามคนข้างๆอย่างตกใจ  มันมะเหงกใส่หัวผมหนึ่งทีเต็มแรง
“มึงจะบ้าหรือไง  ถึงกูจะอันธพาลชอบแกล้งคนอื่นแต่กูก็ไม่ได้เลวถึงขั้นจะสร้างเรื่องถึงตำรวจหรอกเว้ย!”
“ขอโทษนะครับ  คุณคือคุณเฟี้ยว  น้องชายของคุณมารีอาใช่ไหมครับ”
ตำรวจเอ่ยถาม  ไอ้เฟี้ยวพยักหน้ารับก่อนจะหันไปถามอาจารย์ที่เป็นคนเดินนำตำรวจขึ้นมา
“มีอะไรเหรออาจารย์”
“คือว่า…คือ…”
“คืออย่างนี้ครับ  มีคนพบศพของพี่สาวคุณผูกคอตายอยู่ในตึกร้าง  เบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม  ตอนนี้เราต้องการพาตัวคุณไปยืนยันศพเพราะเราไม่สามารถติดต่อผอ.ของโรงเรียนนี้ที่ว่าเป็นแม่ของคุณมารีอาได้  คุณสะดวกไปไหมครับ”
“ดะ…เดี๋ยวนะ  คุณตำรวจพูดว่าอะไรนะ   พะ…พี่สาวผม?”
ไอ้เฟี้ยวถามเสียงสั่น  ส่วนผมได้ตาเบิกตากว้างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำใจ  แต่เพื่อให้เราทำการสืบสวนต่อไปได้  ผมจำเป็นต้องสอบถามอะไรกับคุณนิดหน่อยเพื่อสืบหาสาเหตุการตายของคุณมารีอาต่อไปนะครับ”
“ไม่จริง   พี่สาวผมจะตายยังไง  ไม่มีทาง!!!”
“ไอ้เฟี้ยว”
“มึงบอกเขาไปสิไอ้ไทม์   ว่าพี่สาวกูเป็นคนดี  พี่น่ะ…พี่ต้องไม่ตายสิเว้ย!  ผิดคนแล้ว!!!”
ไอ้เฟี้ยวอาละวาดยกใหญ่  นี่มันเรื่องอะไรกัน…
อาจารย์มารีอา…ตายแล้วงั้นเหรอ?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่…
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนต่อไปแล้วจ้า  เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว  มารีอา…นางฟ้าของทุกคนจากโลกใบนี้ไปพร้อมกับ ‘ความลับ’ บางอย่างที่เธอเก็บเงียบเอาไว้  แต่แน่นอนว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรทีเป็นความลับเสมอไป  ทางเดียวที่จะรู้ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่เธอรู้มาก็คือ…จะต้องหาสถานที่ที่เธอบอกให้เจอ  มาติดตามกันว่าอวกาศจะทำสำเร็จหรือไม่  และใครคือคนที่มารีอารักจนไม่สามารถหักหลังได้  รวมถึง…’เด็กคนนั้น’ ที่เธอพูดถึง  ทำไมจักรวาลถึงต้องคอยปกป้องอวกาศและเด็กคนนั้น  ตัวจริงของจักรวาลคือใครกันแน่?  ติดตามกันไปเรื่อยๆแล้วมาร่วมลุ้นไปด้วยกันนะคะ
ไว้อาลัยให้แก่นางฟ้าของทุกคน  แต่งไปก็ร้องไห้ไป  สงสารผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน…
#เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  ติดแฮชแท็กนี้มาพูดคุยกันในทวิตเตอร์ได้น้า
 

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เห้ยๆ.......มารีอา ผูกคอตาย
มันน่าสงสัย ผูกเอง หรือใครทำเสมือนว่าผูกเอง  :katai1: :katai1: :katai1:

ความลับที่มารีอาให้อวกาศหา ยังไงๆ แล้วจะหาเจอเหรอ
บอกมาเลยก็ได้ทำไมไม่บอ ลึกลับซับซ้อนซะจริง

มันต้องมีการแย่งผลประโยชน์กันแน่ๆ
แล้วที่จักรวาลเคยบอกว่าทุกอย่างเป็นของอวกาศ
แต่ต่อหน้ากวินทร์ พูดอีกอย่าง
หรทอตัวปัญหาคือกวินทร์ กับพ่อของกวินทร์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไหนๆ ก็จะฆ่าตัวตายแล้วทำไมต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วย ไม่อยากพูดหรือหักหลังใครแต่ก็ห่วงอีกฝ่าย ก็ทำไมไม่แอบเขียนบอกเป็นจม.แทนก็ได้ บอกที่ซ่อนกับอวกาศให้ไปเอาดีกว่ามาพูดแบบมีลับลมคมในแล้วอีกฝ่ายตีความไม่ได้ แบบนี้มันก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วที่ชิงฆ่าตัวตายไปก่อนนี่มีจม.ลาตายด้วยไหม ถ้าไม่มีเดี๋ยวคนอื่นก็สงสัยจักรวาลอีก

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Walkaduck

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แง มาเรีย ทำไมเธอทำแบบนี้???  ตอนนี้รู้สึกว่าปมเพิ่มเข้ามาหลายอย่างมาก แล้วก็ต้องรอลุ้นว่าจะเฉลยเมื่อไหร่ โห้ยยยยยย
รอติดตามอยู่นะคะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ปมเริ่มเยอะขึ้นแล้วอ่ะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
งง ตึ้บบบบ

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :sad11:  :sad11: อาไรมันจะซับซ้อนขนาดนั้น

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
โห ผูกเงื่อนเข้าไปอีก พี่มาเรีย

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 17

น้ำตาของเขา…

 

ผมและไอ้เฟี้ยวนั่งรถตำรวจมาที่เกิดเหตุด้วยกัน  ระหว่างทางผมส่งข้อความบอกเรื่องทั้งหมดกับคุณจักรวาลและคุณอวกาศไป  เนื่องจากไอ้เฟี้ยวอยู่ในโหมดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้  อาจารย์เลยขอให้ผมมาด้วยเพื่อจะได้คอยอยู่ข้างๆช่วยเหลือมัน

ตลอดทางคนข้างตัวผมเอาแต่นั่งเงียบ  แต่แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด  มันนั่งบีบขาตัวเองไว้แน่นจนเส้นเลือดที่มือปูดบวม  ผมเองก็ได้แต่ภาวนาขอให้เป็นการเข้าใจผิด  ขอให้ศพที่เจอไม่ใช่อาจารย์  เพราะถ้าเป็นอาจารย์จริงๆ  จะไม่ได้มีแค่ไอ้เฟี้ยวกับผอ.เท่านั้นที่เสียใจ  แต่ยังมี…

ใบหน้าของคุณจักรวาลกับคุณอวกาศแทรกเข้ามาในความคิด

เกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงบ้านร้างที่เกิดเหตุ  มีชาวบ้านมายืนมุงดูกันอยู่มากมาย  ตำรวจช่วยกันพื้นที่เพื่อให้ผมและไอ้เฟี้ยวได้แทรกไทยมุงเข้าไป  ด้านในมีรถปอเต๊กติ๊งและตำรวจอีกจำนวนหนึ่งยืนสำรวจที่เกิดเหตุอยู่  ใกล้กันมีผ้าสีขาวผืนยาวคุมร่างของใครบางคนเอาไว้

“นั่นครับ”

ตำรวจชี้ไปยังผ้าสีขาวผืนนั้น  ผมเอื้อมมือไปจับมือไอ้เฟี้ยวเอาไว้  บีบเบาๆเป็นการให้กำลังใจก่อนที่มันจะเดินตัวสั่นเข้าไปใกล้

“พร้อมนะครับ”

ไอ้เฟี้ยวพยักหน้ารับคำถามของตำรวจอีกนาย  ผ้าสีขาวถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างของผู้ตายที่อยู่ด้านใน  เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้เห็นใบหน้าของศพ  ไอ้เฟี้ยวก็ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง

“พี่!  พี่!”

ผมกัดฟันแน่น  ไม่อาจเก็บน้ำตาแห่งความสงสารของตัวเองไว้ได้  ไอ้เฟี้ยวโผเข้ากอดศพของอาจารย์มารีอา  น้ำตามากมายหลั่งไหลออกมา

“ทำไม   ทำไมเป็นแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่  พี่!!!”

“มาเรีย!”

“มารีอา!”

เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง  คุณจักรวาลและคุณอวกาศที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อวิ่งพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว  พวกเขายืนอึ้ง  สายตาแห่งความเจ็บปวดจ้องมองไปยังร่างที่ไร้วิญญาณของอาจารย์มารีอา

“ไม่จริง”

คุณอวกาศพึมพำ เขาเดินโซซัดโซเซไปทรุดอยู่ปลายเท้าของเธอ   สองมืออันสั่นเทาเอื้อมไปแตะขานั้น

“ทำแบบนี้ทำไมยัยบ้า!”

ผมละสายตาจากทั้งสองหันมามองคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆบ้าง  คุณจักรวาลยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่  เขาไม่พูดหรือแสดงสีหน้าอะไร  ทว่าผมกลับสัมผัสได้จากแววตาของเขาว่าเขากำลังเสียใจมากแค่ไหน

ตึก…ตึก…ตึก…

ร่างสูงหันหลังกลับ  ค่อยๆเดินออกไปจากที่เกิดเหตุ  ผมมองเขาสลับกับไอ้เฟี้ยวและคุณอวกาศ  ก่อนจะตัดสินใจวิ่งตามคุณจักรวาลออกไป  ยังไงคุณอวกาศก็ต้องคอยอยู่กับไอ้เฟี้ยวแน่ๆ  เขาคงไม่ปล่อยให้มันอยู่คนเดียวหรอก

คุณจักรวาลเดินกลับมาที่รถของตัวเอง  ผมรีบวิ่งสุดชีวิตเข้าไปหาเขาก่อนที่เขาจะเปิดประตูขึ้นรถได้ทัน  ดูเหมือนว่าเมื่อกี้เขาจะไม่ได้สังเกตเห็นผมเลยสินะ

“นาย…”

“…”

“อยู่ด้วยเหรอ”

“คุณจะไปไหนครับ  ผมไปด้วยได้ไหม”

“อืม”

พอได้รับอนุญาต  ผมก็รีบเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับแล้วขึ้นไปนั่งทันที  อาการใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้  ปล่อยให้ไปคนเดียวคงไม่ดีแน่

ร่างสูงเปิดประตูรถตามขึ้นมาก่อนจะขับออกไป  มือที่จับพวงมาลัยอยู่แน่นกำแน่นเสียจนผมกลัวว่าพวงมาลัยจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ  นัยน์ตาสีดำของเขาดำเข้มจนแทบมองไม่เห็นสิ่งที่สะท้อนอยู่ในนั้น  เขา...อาจจะกำลังร้องไห้อย่างบ้าคลั่งอยู่ภายใน

 

คุณจักรวาลขับรถออกมานอกเมือง  สองข้างทางเริ่มมีแต่ทุ่งหญ้าและต้นไม้  รถบนถนนเริ่มน้อยลงทุกที  ตลอดทางพวกเราเอาแต่นั่งเงียบ  ผมทำได้แค่ลอบมองเขาเป็นระยะๆเท่านั้น  ในหัวก็คิดหาสาเหตุการตายของอาจารย์ไปด้วย  ล่าสุดที่เจอคือเมื่อวานที่เธอมาช่วยยืนยันเรื่องรายงานให้กับผม  ตอนนั้นเธอยังดูปกติดีทุกอย่าง  ยิ้มแย้มแจ่มใส  แล้วทำไม…

หรือเมื่อคืนจะมีอะไรเกิดขึ้น  อะไรบางอย่างที่อาจเลวร้ายถึงขั้นทำให้อาจารย์ตัดสินใจปลิดชีวิตของตัวเอง

อ๊ากกกก  คิดยังไงก็คิดไม่ออก  ผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนี่นา  ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของใครทั้งสิ้น  แล้วผมจะไปเดาหรือปะติดปะต่อเรื่องได้ยังไงกันล่ะ  ที่เข้ามาในวงวนของพวกเขาทั้งสี่คนได้ก็เพราะมาขัดดอกต่างหาก

เอี๊ยด!

รถเลี้ยวเข้ามาจอดสนิทในบ้านหลังหนึ่ง  เป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆที่รอบๆเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้ที่ถูกปลูกเรียงรายไว้อย่างสวยงาม  คุณจักรวาลเปิดประตูรถเดินเข้าไปข้างในบ้าน  ผมรีบตามเขาไปติดๆชนิดที่แทบจะสิงร่างเลยก็ว่าได้

ที่นี่ที่ไหนกันนะ  บ้านใครกัน?

“คุณ…”

“ขอโทษนะ  ฉันขออยู่คนเดียวหน่อย”

พูดโดยไม่มองหน้าผมก่อนจะเดินเข้าไปในห้องที่มีอยู่เพียงห้องเดียวตรงหน้า  เล่นพูดมาแบบนี้แล้วผมจะเซ้าซี้ต่อได้ยังไงล่ะ

ผมเดินไปนั่งที่โซฟาตรงส่วนของห้องรับแขก  บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียว  มีห้องนอนเพียงห้องเดียว  ไม่เล็กเกินไปและไม่ใหญ่เท่าคฤหาสน์ที่เขาอยู่  แต่ผมว่ามันดูสวยและอบอุ่นดีมากๆเลยล่ะนะ  เป็นแบบนี้แล้ว…ผมจะทำอะไรต่อไปดี

อยากโทรหาไอ้เฟี้ยวว่าเป็นยังไงบ้างแต่ก็ไม่มีเบอร์มัน (ยังไม่ได้แลกเบอร์กัน)  ส่วนคุณอวกาศผมก็ยังไม่กล้าโทรไปรบกวนเขาสักเท่าไหร่เพราะคงอยู่ในช่วงเศร้าเสียใจ  ตั้งใจจะตามมาอยู่ข้างๆคุณจักรวาลแต่กลับทำได้แค่นั่งจ๋องรออยู่นอกห้อง…

สุดท้ายก็ทำอะไรเพื่อใครไม่ได้เลย

ผมไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น  ทำไมผมที่ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขาเลยถึงมาอยู่ตรงนี้ได้  เรื่องที่เกิดขึ้นราวกับมีคนจัดวางมัน  แต่จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ  ในเมื่อมันคือชีวิตจริงไม่ใช่การ์ตูน  การตายของอาจารย์มารีอาเองก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน

ในห้องที่เขาเข้าไปยังคงเงียบกริบ  ผมลุกจากโซฟาเดินสำรวจไปเรื่อยเพราะไม่รู้จะทำอะไรดี  ที่ห้องรับแขกมีตู้โชว์เล็กๆตั้งอยู่ด้วย  ผมไล่ดูรูปปั้นต่างๆที่ถูกวางโชว์อยู่ในตู้กระจกก่อนจะลองเปิดลิ้นชักที่มีอยู่ด้านล่างสุดของตู้ดู

“นี่มัน…”

ข้างในมีเพียงอัลบั้มรูปวางอยู่หนึ่งอัลบั้ม  ผมสองจิตสองใจว่าจะเปิดมันดูดีไหม?

“ขะ…ขออนุญาตนะครับ”

ป้องมือพูดเสียงเบาหันไปทางห้องของคุณจักรวาล  ถือซะว่าขออนุญาตไปแล้วก็แล้วกันนะ!

ในที่สุดผมก็เปิดอัลบั้มรูปนี้ออกดู  สีของรูปเริ่มจะเป็นสีเหลืองหน่อยๆบ่งบอกถึงความเก่าของมัน  ผมเพ่งมองดูคนที่อยู่ในรูปว่าเป็นใคร…

อืม…เด็กผู้ชายอายุน่าจะยังไม่ถึงยี่สิบคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กที่ท่าทางจะยังไม่ถึงขวบดีอยู่ในกระเป๋าสำหรับใส่เด็กที่ด้านหน้า  และที่แขนทั้งสองข้างก็ยังอุ้มเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงอายุประมาณวัยประถมไว้อีกข้างละคน  ที่แขนซ้ายเป็นเด็กผู้หญิงผมยาวยิ้มหวานน่ารัก  ส่วนที่แขนขวาก็เป็นเด็กผู้ชายที่กำลังแหกปากร้อง  ที่หัวของเด็กคนนี้มีผ้าพันแผลพันอยู่ด้วย

บาดเจ็บเหรอ?

“แต่เอ๊ะ?  ดูๆไปแล้ว  ผู้ชายคนนี้…”

ผมเพ่งมองมันอีกที  ใบหน้าของคุณจักรวาลเคลื่อนทับลงที่ใบหน้าของเด็กผู้ชายคนนี้!

“คุณจักรวาลงั้นเหรอ?  ถ้างั้น…เด็กผู้หญิงในรูปก็…อาจารย์มารีอาสินะ  ส่วนเด็กผู้ชายที่กำลังร้องไห้และเหมือนจะบาดเจ็บที่หัวคนนี้ก็คงจะเป็นคุณอวกาศ  และ…”

เด็กน้อยตรงกลาง…

…ไอ้เฟี้ยว

ผมไล่เปิดดูไปทีละรูป  ทั้งหมดเป็นรูปของพวกเขาทั้งสี่คน  ท่าทางคงจะสนิทกันมากเลยทีเดียว  คุณจักรวาลเมื่อก่อนเองยังดูยิ้มง่ายและอ่อนโยนกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มากนัก ทุกๆรูป  สายตาของคุณจักรวาลที่มองน้องๆทั้งสามคนมันดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก

“อ๊ะ…”

ผมสะดุดกับรูปใบสุดท้ายในอัลบั้ม  ไม่ใช่รูปของพวกเขาทั้งสี่คน  หากแต่เป็นรูปของผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง  เธอสวยมาก  มากเหลือเกิน  ดวงตากลมโตกับนัยน์ตาสีน้ำตาลสวย  ผมสีดำขลับยาวสยายตัดกับสีผิวที่ขาวผ่อง  ถึงรูปมันจะเก่าไปบ้างแล้วแต่ผมมั่นใจว่าเธอต้องสวยมากแน่ๆ  ใครกันนะ?

ไม่รู้ทำไมผมถึงละสายตาไปจากรูปของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลย  ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกอบอุ่นข้างในหัวใจ  รอยยิ้มของเธอที่ยิ้มตอนมองกล้องนั้นดูอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรัก  ราวกับว่าที่เธอมองจริงๆไม่ใช่กล้องแต่เป็นคนที่อยู่ด้านหลังกล้องต่างหาก

คนที่ถ่ายรูปนี้ให้เธอ…

เผาะ…

“!!!”

มือข้างหนึ่งยกขึ้นจับที่ใบหน้าของตัวเองอย่างแปลกใจ  ทะ…ทำไมกัน  น้ำตา…มันไหลลงมาได้ยังไง

ครุ่นคิดอยู่ในหัว  แปลกใจในน้ำใสๆที่ไหลออกมาจากดวงตาอย่างไม่มีเหตุผล  ผมไม่ได้อยากจะร้องไห้สักหน่อย  ยังไม่ได้คิดเรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ  แล้วเพราะอะไร  แค่มองรูปของผู้หญิงคนนี้  ทำไมน้ำตาของผมจะต้องไหลออกมาด้วยนะ…

 

หลังจากเก็บรูปพวกนั้นเข้าที่เดิม  ผมก็เดินมาที่ห้องครัวเพื่อหาดูว่ามีอะไรพอจะทำกินได้บ้าง  อย่างน้อยก็อยากจะเตรียมอาหารไว้ให้เขาไม่ว่าเขาจะกินหรือไม่ก็ตาม  โชคดีที่มีข้าวสารและไข่ไก่อยู่  พวกเครื่องปรุงทุกอย่างก็มีพร้อม  ราวกับว่าปกติมีคนมาที่นี่บ่อยครั้งเลยมีเตรียมเอาไว้

ผมตัดสินใจที่จะทำข้าวผัด  เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะมืด  คุณจักรวาลหายเข้าไปอยู่ในห้องนั้นคนเดียวสี่ชั่วโมงแล้ว  ผมไม่กล้าแม้แต่จะไปเคาะประตูเรียกเขาเสียด้วยซ้ำ  อัลบั้มรูปเมื่อกี้มันบอกผมหมดแล้วว่าคุณจักรวาลรักและผูกพันกับอาจารย์มารีอามากแค่ไหน

ถึงจะไม่ใช่ในฐานะคนรัก  แต่พวกเขาก็ยังผูกพันกันในฐานะของพี่น้อง…

ไม่นานนักข้าวผัดที่ตั้งใจทำก็เสร็จ  ฟ้ามืดไปเมื่อประมาณสิบนาทีก่อน  ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว  ไม่รู้ตอนนี้ทางไอ้เฟี้ยวกับคุณอวกาศจะเป็นยังไงบ้าง  ขนาดทางนี้ยังแทบจะไม่รอดเลย  หมกตัวในห้องนานขนาดนั้น  จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

เดินถือจานข้าวไปที่ห้องคุณจักรวาลอีกครั้ง  ผมทำใจอยู่เกือบนาทีก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูเรียก  ทว่าไม่มีเสียงตอบกลับมาเลย  ทุกอย่างเงียบกริบราวกับในบ้านหลังนี้มีแค่ผมคนเดียว

เอิ่ม…อย่าทำแบบนี้สิเฮ้ย  ใจไม่ดีแล้วนะเนี่ย!

ผมวางจานข้าวลงกับพื้นก่อนจะเคาะประตูและตะโกนเรียกเขาเสียงดังขึ้น  ไม่ไหว  ไม่มีเสียงตอบกลับมาเลย  คงไม่ได้เสียใจมากเสียจนฆ่าตัวตายตามไปหรอกนะ!

ความคิดนี้ทำให้ผมกลัวสุดขีด  ถ้าเขาฆ่าตัวตายขึ้นมาผมอาจถูกสงสัยว่าเป็นฆาตกรก็ได้สินะ!  อ๊ะ  ไม่สิ  ไม่ใช่เวลาจะมาคิดอะไรแบบนี้นะไอ้ไทม์!

“คุณจักรวาล!  คุณจักรวาล!”

เอาไงดีวะ  ยังเงียบอยู่เลย  เสียงผมดังขนาดนี้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ได้ยิน  คนหน้าหมู่บ้านยังได้ยินเลยมั้ง

“ถ้าคุณไม่ตอบผมขออนุญาตเข้าไปนะครับ!”

เงียบ…

เอาวะ!  เปิดเข้าไปเลยแล้วกัน  ขอถือวิสาสะหน่อยนะเจ้านาย!

แอ๊ด…

โชคดีที่ประตูไม่ได้ล็อก  ภายในห้องมืดจนมองแทบไม่เห็นอะไร  แต่แสงไฟจากในห้องรับแขกที่ส่องเข้ามาทำให้ผมมองเห็นได้ลางๆว่าคนที่ผมกำลังเป็นห่วงอยู่ตอนนี้นั่งอยู่ตรงไหน   คุณจักรวาลนั่งพิงเตียงอยู่ที่พื้นด้านล่างในสภาพหมดอาลัยตายอยากสุดๆ  แขนทั้งสองข้างทิ้งดิ่งอยู่ข้างลำตัว  นัยน์ตาเหม่อลอยไม่รู้ว่ามองตรงไหน

จึก…

“อ๊ะ…”

ผมเลื่อนมือขึ้นกุมหัวใจของตัวเอง  ทำไมมันถึงรู้สึกเจ็บจี๊ดๆข้างใน  เพราะคุณจักรวาลงั้นเหรอ?  เพราะว่าเขากำลังเจ็บปวด  ผมถึงได้เจ็บปวด…งั้นเหรอ?

“คุณจักรวาล”

เดินเข้าไปหาเขาช้าๆ  อีกฝ่ายไม่ได้รับรู้ถึงการมาของผมเลย  เขายังคงนั่งนิ่งราวกับเป็นเพียงแค่หุ่นยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน

ผมคุกเข่าลงข้างๆเขา  กลิ่นคาวเลือดอ่อนๆโชยมาแตะจมูก  พอลองมองหาที่มาของกลิ่นก็เจอเข้ากับหลังมือของคุณจักรวาลที่เต็มไปด้วยแผลถลอกและมีเลือดอาบ  นี่เขา…ระบายความเจ็บปวดด้วยวิธีนี้ใช่ไหม?

หมับ…

ผมโผเข้ากอดร่างสูงไว้แน่น  โน้มศีรษะของเขาให้ซบลงกับอก  เอนหัวซบลงบนหัวของเขาอีกที  ไม่อยากเห็นเขาทำร้ายตัวเองแบบนี้เลย

“ไม่เป็นไรนะครับ  ไม่เป็นไรนะ…”

“…”

“ถ้าเจ็บปวด  ก็ร้องออกมาเถอะครับ  ผมสัญญาว่าจะไม่ไปไหน  ผมจะอยู่ข้างๆคุณตรงนี้ในฐานะหมาน้อยของคุณ”

“…”

“อย่าเจ็บปวดคนเดียวอีกเลย  คุณจักรวาล”

“ไทม์เหรอ”

ในที่สุดก็มีเสียงตอบกลับมา  ผมพยักหน้าทั้งน้ำตา  ยังคงกอดเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ครับ  ผมเอง  ผมอยู่นี่นะ  ผมอยู่กับคุณ   คุณได้ยินผมไหม”

“งั้นเหรอ  นายอยู่ตรงนี้จริงๆสินะ”

“อื้ม!  ผมเอง  ผมตัวจริงไม่ใช่ภาพลวงหน้าแน่นอน”

“ฉัน…”

“…”

“ฉันน่ะ…ทำพลาดไป”

“ครับ?”

“ฉันปกป้องยัยนั่นไว้ไม่ได้  แค่น้องสาวคนเดียวฉันยังดูแลไม่ได้  เพราะความโกรธมันบังตา  เพราะทิฐิและความเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปของฉันทำให้ฉันมองข้ามความจริง!”

รู้สึกได้ว่าเสื้อตรงบริเวณหน้าอกเปียกชื้นขึ้น

ร้องไห้…คุณจักรวาลกำลังร้องไห้

“ทั้งที่ฉันน่าจะรู้จักยัยนั่นดีกว่าใคร  ฉันต้องรู้จักนิสัยของน้องสาวดีกว่าใคร  แต่ฉันกลับ…โธ่เว้ย!”

“พอครับ!  พอแล้ว!  ไม่เอา  อย่าทำร้ายตัวเองนะครับ  พอเถอะ!”

ผมคว้าแขนเขาที่ตั้งท่าจะต่อยพื้นอีกแล้วเอาไว้  ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเขากำลังพูดถึงอะไร  รู้แค่นอกจากความเสียใจเรื่องการตายของอาจารย์มารีอาแล้ว  คนๆนี้ยัง…

รู้สึกผิดต่อเรื่องบางอย่างอีกด้วย

“พี่ขอโทษ  พี่ขอโทษนะมารีอา…”

หมับ…

วงแขนแกร่งเลื่อนขึ้นกอดผมแน่นจนต้องแอ่นตัวขึ้นจนปวดกระดูกไปหมด  ผมกัดฟันระงับความเจ็บปวดจากแรงกอดอันมหาศาลของเขา  ค่อยๆกอดอีกฝ่ายกลับเพื่อปลอบประโลม

เป็นครั้งแรกเลยที่ผม…

ได้เห็นน้ำตาของเขา

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  เป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของหนุ่มๆในเรื่องกันเลยก็ว่าได้สำหรับการตายของมารีอา  แต่เชื่อเถอะค่ะว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนของทุกคน  เธอจะต้องไม่ตายเปล่า  ความบาดหมางระหว่างจักรวาล  อวกาศ  และเฟี้ยวจะต้องค่อยๆลดลง  ไม่แน่ว่าบางทีน้องไทม์ของเราอาจเป็นคนๆนั้นที่จะมาเชื่อมโยงพวกเขาเข้าด้วยกันอีกครั้ง  และเอาความผูกพันในช่วงวัยเยาว์กลับคืนมาก็ได้  เพราะเมื่อไม่มีมารีอา  เพียงคนเดียวที่จะประสานร้อยร้าวที่เคยเกิดขึ้นได้ก็มีแค่น้องไทม์เท่านั้น  เห็นด้วยมั้ยคะ?


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ผู้หญิงสวยวัยกลางคน
ที่ไทม์มองแล้วน้ำตาไหล
เป็นแม่ไทม์ ใช่มั้ย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
เศร้า อยากรู้ว่ามาเรียฆ่าตัวตายทำไม ไหนว่ารักพระเอก แต่ไปรักคนอื่นแทนแล้วบอกว่าหักหลังไม่ได้ แล้วผู้หญิงสวยในรูปเป็นแม่ไทม์ใช่ไหม  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
หวังว่าจะไม่เป็นการตายโง่ๆ หวังใจจริงๆ กลัวว่ามันจะเป็นการตายโง่ๆ ที่เห็นว่า เออ ถ้าจะโง่ขนาดนี้ก็ตายไปเถอะ หวังใจจริงๆ อย่าเป็นการตายโง่ๆ ให้เราหวั่นใจนะ อย่าเลยนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด