ตอนพิเศษ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
“ครั้งสุดท้ายแล้วสินะ ที่กูกับมึงจะได้ยืนมองวิวของโรงเรียนจากบนนี้”
ไอ้เฟี้ยวที่ท้าวคางมองลงข้างล่างเอ่ยถามขึ้น ผมกับมันพากันขึ้นมาบนดาดฟ้าซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเราชอบมา วันนี้เป็นวันจบการศึกษาของเด็กม.6 ทุกคน ทางโรงเรียนจัดงานเลี้ยงให้ในตอนกลางคืนและมีพิธีรับประกาศนียบัตรในช่วงกลางวัน
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับโกหก ไอ้เฟี้ยวสอบติดมหาวิทยาลัยที่เชียงรายอย่างที่ใฝ่ฝัน ขณะที่ผมเองก็สอบชิงทุนไปเยอรมันได้เหมือนกัน อีกหนึ่งเดือนต่างคนต่างต้องแยกย้ายไปเริ่มต้นก้าวแรกสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ผมจะไม่ได้เดินผ่านประตูโรงเรียนนี้กับไอ้เฟี้ยวอีกแล้ว จะไม่ได้แย่งข้างกลางวันกันกิน และคงไม่ได้มายืนมองดูนักเรียนคนอื่นๆจากบนนี้อีก…
“ยังดีนะที่ไอ้โชมันเป็นเยาวชน และพวกมึงเองก็ไม่ได้ติดใจเอาความกับมัน ถึงมันจะต้องเรียนซ้ำชั้นอีกรอบเพราะก่อนหน้านี้ไม่มาเรียนเป็นเดือนๆ แต่อย่างน้อยมันก็ยังไม่เสียอนาคตไป ขอบคุณมากนะที่ยังสงสารเพื่อนเหี้ยๆของกูอยู่”
“ตอนแรกก็คิดว่าจะเอาเรื่องอยู่เหมือนกันแหละ แต่พอเห็นมิตรภาพที่มันมีกับมึงอย่างจริงใจแล้ว กูกลับรู้สึกดีมากกว่า ที่ยังมีคนอื่นนอกจากพวกกูจริงใจกับมึงจริงๆ อีกอย่าง…มันเองก็โดนพ่อหลอกเหมือนกัน ทำทุกอย่างเพราะคิดว่าจะช่วยพ่อได้ทั้งที่จริงพ่อมันแค่ถูกจ้างให้เล่นละครหลอกแลกกับเงินที่จะเอาไปเล่นในบ่อนได้ คิดๆแล้วกูสงสารมันมากกว่า”
“เฮ้อ! แต่ก็ถือว่าจบด้วยดีล่ะนะ ช่วงเวลาที่สุขสงบแบบนี้ ทำเอาอดคิดไม่ได้เลยว่าที่ผ่านมาเป็นแค่ความฝันหรือเปล่า”
“นั่นสิ…”
ผมทอดสายตามองไปข้างล่างบ้าง ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย จากผู้ชายตัวคนเดียวไม่สนใจใคร ตอนนี้ผมกลับมีคนสำคัญเพิ่มเข้ามาในชีวิตอีกหลาย เป็นคนสำคัญที่อยากจะปกป้องรอยยิ้มของพวกเขาเอาไว้ให้นานที่สุด
“ไอ้เฟี้ยว ขอบใจนะที่เป็นเพื่อนกู”
“ไม่ต้องมาทำดราม่าเลยมึง คนนิสัยแย่อย่างมึง ถ้าไม่มีกูคอยเป็นเพื่อนเตือนสติมีหวังถูกดักกระทืบทุกวันๆแน่”
“อ๋อเหรอ ไอ้คนนิสัยดี!”
“อย่างน้อยกูก็ไม่เคยทำสายตาเหมือนทุกคนเป็นเพียงธาตุอากาศแบบมึงก็แล้วกัน!”
“จะว่าไป เดตะวันนั้นเป็นไงมั่งวะ หลังจากนั้นก็ยุ่งๆเรื่องสอบปลายภาคกับสองชิงทุนก็เลยไม่มีโอกาสได้คุยเป็นจริงเป็นจังสักที”
ก่อนหน้าที่จะเริ่มสอบปลายภาค ไอ้เฟี้ยวได้ออกเดตกับพี่อวกาศของผม แถมยังเป็นเดตแบบค้างคืนอีกด้วย ไม่รู้ว่าหลังจากเดตคราวนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นบ้างหรือเปล่า แต่เท่าที่สังเกตพี่อวกาศ…
ผมว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับสองคนนี้แน่ๆ พี่ผมเล่นตามติดมันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยคิดดู! ต่อให้ชอบมากแค่ไหนก็ไม่น่าจะตามหึงตามหวงขนาดนั้นเปล่าวะ?
“ไอ้ไทม์ มึงคิดว่าทำไมไอ้อวกาศถึงชอบกู”
คนถูกถามไม่ยอมตอบคำถามแต่กลับตั้งคำถามขึ้นใหม่แทนซะงั้น แถมยังเป็นคำถามโลกแตกเหมือนไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันอีกด้วย
“ทำไมไม่ถามเจ้าตัวเองวะ”
“กูแค่สงสัยว่าคนอย่างกูไปทำอะไรให้มันชอบได้ ปากก็หมา นิสัยก็ห่าม ชอบชกต่อยเป็นกิจวัตร แล้วก็ไม่เคยเคารพมันเลย กูคิดเรื่องนี้หลายครั้งจนแทบจะเอาตีนขึ้นมาก่ายหน้าผากแล้วนะเว้ย แต่คิดยังก็ไม่ได้คำตอบว่ะ พอไม่ได้คำตอบ มันเลยทำให้กูสับสน”
“สับสน?”
“มันชอบกูจริงๆหรือเปล่า พอมีความคิดแบบนี้อยู่ในหัว กูก็กลัวที่จะชอบมันกลับขึ้นมาทันทีเลย”
น้ำเสียงและสีหน้าของไอ้เฟี้ยวเศร้าลงทันตา
ถึงผมจะยังไม่ได้เข้าใจเรื่องความรักดีนักเพราะตัวเองก็เพิ่งเคยมีความรักเป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่อย่างน้อยตอนนี้มีอย่างหนึ่งล่ะที่ผมบอกได้…
การที่มันเอาแต่คิดถึงเรื่องของพี่อวกาศ นั่นไม่ได้แปลว่า…
…มันชอบเขามากๆ…ไปแล้วหรือไง?
Special Part :
“ไปไหนของมันวะ ไหนบอกว่าจะรออยู่หน้าห้องน้ำ”
หันมองซ้ายขวาเพื่อหาไอ้ไทม์ งานเลี้ยงตอนกลางคืนเริ่มแล้ว และธีมการแต่งตัวคืนนี้ก็คือธีมสวมหน้ากาก นักเรียนทุกคนที่มาเลยต้องสวมหน้ากากปิดบังใบหน้ามาทั้งนั้น แต่พอดีผมดันปวดขี้ขึ้นมาก่อนจะเข้างานเลยชวนไอ้ไทม์มาเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อน และทั้งๆที่มันบอกว่าจะยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ แต่พอออกมากลับไม่เจอแม้แต่เงา
หรือจะเข้าไปในงานแล้ว?
ให้ตายสิ เป็นงานเลี้ยงที่น่าเบื่อชะมัดเลย หน้ากากบ้าบออะไรแบบนี้มันมีแต่ในนิยายรักโรแมนติกเท่านั้นแหละ ของจริงพอเอามาใส่แม่งคันหน้าฉิบหาย! แถมยังเกะกะอีกต่างหาก อย่าให้กูรู้เชียวว่าใครเป็นคนคิดธีม พ่อจะเอาเท้ายันหน้าให้!
พลั่ก!
“อุ้ก!”
หมับ!
ทันทีที่หันหน้าไปอีกทางเพื่อจะเดินไปยังหอประชุมซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง ใครบางคนจู่โจ่มต่อยเข้าที่หน้าท้องผมอย่างจังจนจุก ก่อนที่ร่างกายจะถูกแบกด้วยฝีมือของไอ้คนที่ประทุษร้ายผม มะ…มันจะพาผมไปไหนเนี่ย
ใครกันวะ!!!
อยากจะขยับร่างกายทว่ามันยังไม่หายจุก ทั้งที่ต่อยแค่ทีเดียวแต่กลับทำผมจอดสนิทจนไม่มีแรง คนที่มีพละกำลังมากมายขนาดนี้ นอกจากไอ้จักรวาลแล้วก็…
แอ๊ด…
“ไอ้อวกาศ!”
ตะโกนเรียกชื่อของคนที่กำลังแบกอยู่ทันทีอย่างมั่นใจ เสียงประตูเปิดออกพอมองไปรอบๆก็พบว่ามันคือดาดฟ้าที่ผมกับไอ้ไทม์ชอบมาเป็นประจำ
ตุ้บ…
มันค่อยๆวางผมลงกับพื้นอย่างเบามือ ผู้ชายหัวทองสวมชุดสีขาวกับหน้ากากขนนกสีขาวงั้นเหรอ…
“ทำไมถึงรู้ล่ะว่าเป็นฉัน…”
คนถูกจำได้ถอดหน้ากากออกพลางมองผมอย่างผิดหวังที่ถูกจับได้ มึงยังมีหน้ามาถามอีกเรอะ สีขาวคือสัญลักษณ์ของมึงทั้งตัวขนาดนี้ใครไม่รู้ก็โง่แล้วไอ้ฟาย!
“เล่นบ้าอะไรวะ ท้ารบเหรอ?”
“ขะ…ขอโทษจ้า แค่คิดว่าถ้าขอให้มาด้วยกันดีๆคงจะไม่ยอมแน่ๆก็เลยใช้วิธีนี้”
อ่า…จริงด้วย ตั้งแต่กลับจากเดตคราวนั้นผมก็เลี่ยงมันตลอดเลย แถมยังย้ายออกมาจากบ้านอสังหาและกลับไปอยู่ห้องเช่ารูหนูของตัวเองเหมือนเดิมอีก มันโทรมาก็ไม่รับสาย ไลน์ก็ไม่อ่านไม่ตอบ การกระทำของผมคงทำให้มันปวดใจมากเลยสินะ
“ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมนายถึงต้องหลบหน้าฉันขนาดนี้ด้วย ฉันก็แค่…อยากเจอ อยากได้ยินเสียงบ้างก็เท่านั้น”
ไม่ไหว ใบหน้าเศร้าตอนกำลังพูดของมันทำเอาใจอ่อนยวบยาบเลย อุตส่าห์คิดว่าหัวใจแกร่งมากพอที่จะไม่เอนอ่อนให้มันอีกต่อไปแล้วเชียว
แบบนี้ก็เท่ากับว่า…แพ้ทางผู้ชายคนนี้หมดรูปเลยสิเรา
“กูแค่ยุ่งๆ มึงมีอะไร”
“ของขวัญวันจบการศึกษา”
“หา?”
“หลับตาสิ ฉันมีของขวัญจะให้”
ร่างสูงยิ้มแป้น พอเห็นรอยยิ้มแบบนี้ทีไรปฏิเสธไม่ลงทุกที ผมจำใจต้องหลับตาตามที่มันขอ รู้สึกได้ว่าไอ้อวกาศเดินไปยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ผมเกร็งตูดหลบอัตโนมัติ นึกถึงเรื่องราวในคืนวันออกเดตขึ้นมาทันที
ทุกจุดที่มันสัมผัส…
ทุกคำหวานที่มันบอกกับผม…
ต่อให้โดนรถบรรทุกชนจนสมองเสื่อมก็คงลืมไม่ลง
“เดินไปข้างหน้าสิ”
ผมออกเดินตามที่มันกระซิบบอกข้างหู ลมเย็นๆจากบนดาดฟ้าเริ่มปะทะเข้ากับใบหน้า มือหนาที่จับแขนผมไว้เพื่อพยุงให้เดินไปยังนุ่มนวลเหมือนเดิม
นุ่มนวลเหมือนในคืนนั้น…
อ๊ากกกกก แล้วนี่กูจะคิดถึงเรื่องคืนนั้นอีกทำม๊ายยย!
“โอเค ตรงนี้แหละ หยุดเดินได้”
“มึงจะเล่นอะไรกันแน่”
“นับหนึ่งสองสามแล้วลืมตามองลงไปข้างล่างนะ”
“หนึ่งสองสาม”
“เจ๊ย! ไม่เอาแบบนั้นสิ ค่อยๆนับ นับเร็วแบบนั้นมันไม่ตื่นเต้นหรอก”
“เรื่องมากจริงวุ้ย!”
ผมชักเสียงไม่พอใจใส่เล็กน้อยก่อนจะเริ่มนับเลขอย่างช้าๆตามที่มันบอก ( บ่นทุกรอบแต่ไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง…)
“หนึ่ง…”
“…”
“สอง…”
“…”
“สาม…”
ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วมองลงไปข้างล่าง แสงไฟสีส้มจากเปลวเทียนที่ถูกจุดเรียงกันเป็นรูปตัวอักษรพัดไหวเล็กน้อยตามแรงลม เหมือนหัวใจจะหยุดเต้นหลังจากที่ค่อยๆไล่มองตัวอักษรไปทีละตัวจนครบและประกอบเป็นคำได้…
ไอ้บ้าเอ๊ย…แอบมาทำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย
พรึ่บ…
กุหลาบขาวหนึ่งดอกถูกส่งมาตรงหน้า ผมมองไล่ตั้งแต่กุหลาบไปเรื่อยๆจนถึงใบหน้าของคนให้ สุดท้ายมึงก็กะจะให้ทุกอย่างเป็นสีขาวไม่เว้นแม้กระทั่งดอกกุหลาบเลยสินะ…
“กุหลาบหนึ่งดอก หมายถึงฉันจะมีแค่นายคนเดียว รักนายแค่คนเดียว ต้องการนายแค่คนเดียว คิดถึงนายแค่คนเดียว หลงใหลนายแค่คนเดียว เฝ้ามองนายแค่คนเดียว มีชีวิตอยู่เพื่อนายแค่คนเดียว ทุกสิ่งที่ฉันจะทำต่อจากนี้…จะทำเพื่อนายแค่คนเดียว”
“…”
“ฉันรักนายนะเฟี้ยว ยิ่งตอนนี้นายเป็นของฉันแล้วฉันก็ยิ่งรักนายมากขึ้น มีแต่จะมากขึ้นทุกวันๆ อย่าสงสัยในความรักที่ฉันมีให้นายได้ไหม”
“สงสัย? หรือว่าไอ้ไทม์…!”
ไอ้เพื่อนทรยศ! เอาเรื่องที่กูมาปรึกษาบอกมันหมดเลยใช่ไหม!
หมับ…
“เชื่อใจฉันได้ไหม ทั้งหมดในตัวฉัน ไม่ว่าจะร่างกายหรือว่าหัวใจ…”
ไอ้อวกาศจับมือผมขึ้นไปทาบตรงหน้าอกข้างซ้าย สายตาหวานซึ้งจ้องมองลึกเข้ามาจนหัวใจเต้นระส่ำ
“มันจะเป็นของนายแค่คนเดียว”
ใบหน้าเจ้าเล่ห์ที่ผมเคยเกลียดนักเกลียดหนาเคลื่อนเข้ามาใกล้ น่าแปลกอีกแล้วที่ผมกลับไม่ยอมหันหน้าหนีจนกระทั่ง…
ริมฝีปากของมันทาบทับลงมา
ผมหลับตาลงรับจูบนี้แต่โดยดี มือข้างหนึ่งดึงเอากุหลาบที่มันให้มาถือไว้
ไม่ใช่ว่าผมจะยอมรับรักมันหรอกนะ ที่ยอมให้จูบ ที่ยอมรับกุหลาบ มันก็แค่…แค่ส่งท้ายที่เรียนจบเท่านั้นแหละโว้ยยยย! (ซึนเดเระตัวพ่อ…)
Special Part End.
“จะเรียบร้อยดีไหมนะ กังวลชะมัด”
ผมเดินวนไปมาเป็นหนูติดจั่นอยู่ในงานเลี้ยง เป็นห่วงพี่อวกาศที่มาขอให้ช่วยหลบฉากเพื่อขอโอกาสอยู่กับไอ้เฟี้ยวสองคนหลังจากที่ผมเล่าเรื่องความกังวลของมันให้ฟังเมื่อตอนบ่าย ไม่รู้ป่านนี้พี่ชายผมจะเป็นยังไงบ้าง โดนไอ้เฟี้ยวซ้อมปางตายไปหรือยังนะ
[เอาล่ะครับ ต่อไปจะเป็นการเต้นรำเปิดงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ สาวๆหนุ่มๆคนไหนที่อยากจะร่วมกันเปิดฟลอร์ก็เชิญเดินเข้าไปขอคนที่คุณอยากจะเต้นรำด้วยให้มาเต้นรำด้วยกันได้เลยครับ!]
พิธีกรที่สวมหน้ากากไว้เหมือนกันเอ่ยขึ้น บรรดานักเรียนชายหญิงต่างวิ่งวุ่นเข้าหากันเพื่อจับคู่ แม้ว่าจะไม่เห็นหน้าของอีกฝ่าย แต่ทุกคนดูมีความสุขและสนุกสนานกับค่ำคืนนี้เอามากๆ
“เอ่อ…ขอโทษนะคะ”
เสียงหวานเอ่ยทัก พอหันไปก็ผมว่าเป็นสาวน้อยร่างเล็กในชุดราตรีแสนสวย หัวใจผมเต้นระทึกขึ้นมาทันที เป็นครั้งที่มีผู้หญิงมาคุยด้วยแบบนี้!
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด เธอคงจะเป็น…กาลเวลาใช่ไหม”
หงึกๆๆๆ
ผมพยักหน้าตอบคำถามทันที ยะ…อย่าบอกนะว่าเธอคนนี้จะมาขอผม…
ตะ…เต้นรำ…
“ถ้าไม่รังเกียจ จะช่วยเต้นรำกับฉันได้ไหม”
ไม่จริงน่า! เธอมาขอผมเต้นรำจริวๆเหรอเนี่ย! เป็นใคร ชื่ออะไร เรียนจบจากห้องไหน! นี่มันความใฝ่ฝันทั้งชีวิตของชายหนุ่มทุกคนเลยนะ!
หมับ!
“ต้องขอโทษด้วยนะสาวน้อย แต่ว่าเด็กคนนี้เป็นคู่เต้นรำของฉัน”
“คะ…คะ…คะ…คุณจักรวาล!”
“งะ…งั้นฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะพาคู่มาในงานเลี้ยงด้วย”
“เอ๋ เดี๋ยว ไม่ใช่…”
ผมยื่นมืออกไปข้างหน้าเพื่อจะรั้งเธอเอาไว้จะได้อธิบาย แต่สาวน้อยคนนั้นก็วิ่งหนีออกไปเสียก่อน หมดกัน…คิดว่าจะมีช่วงเวลาดีๆแบบชายหนุ่มทั่วไปทิ้งท้ายก่อนจบมัธยมปลายเสียอีก
“นายนี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆเลยนะ คลาดสายตาเข้าหน่อยก็เตรียมกระดิกหางหาเจ้านายใหม่”
ร่างสูงที่โอบรอคอผมไว้แล้วดึงเข้าหาจนเอนซบกับแผงอกพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอย่างไม่พอใจ คนที่ควรจะไม่พอใจมันคือผมมากกว่า ใครใช้ให้มากันล่ะเนี่ย!
“คุณเข้ามาได้ยังไงครับ แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้”
ดำทั้งชุดทั้งเส้นผมทั้งหน้ากาก จะเด่นสะดุดตาเกินไปแล้ว! หนำซ้ำยังมียืนกอดผมเหมือนคู่รักอยู่กลางงานเลี้ยงแบบนี้อีก คนอื่นเขามองหมดแล้วไม่เห็นหรือไง
“อย่าลืมสิว่าฉันเป็นใคร คนอย่างจักรวาล…ไม่มีที่ไหนที่เข้าไม่ได้หรอก”
“ครับๆ ผมลืมไปว่าคุณมันมีอำนาจล้นฟ้า”
“เรื่องนั้นช่างมัน ดูท่าทางเมื่อกี้นายจะดีใจมากเลยนะที่เธอคนนั้นมาขอเต้นรำด้วย”
“ก็แหงสิครับ ผมเป็นผู้ชายนะ มีผู้หญิงมาขอเต้นรำด้วยแบบนั้นใครจะไม่ดีใจบ้าง อีกอย่าง…อยู่มาจนสิบแปดปีเคยมีผู้หญิงเข้ามาทักผมแบบนั้นที่ไหน”
ว่าแต่…จะยืนกอดท่านี้อีกนานไหมเนี่ย กลัวคนอื่นเขาไม่รู้เรอะว่าเป็นคู่รักกัน!
“ไม่ปฏิเสธซะด้วย คิดจะยั่วให้ฉันหึงหรือไง”
“พูดอะไรของคุณครับ แล้วก็นะ ปล่อยผมได้แล้ว คนเขามองมาที่เราเป็นจุดเดียวแล้วเนี่ย”
ถึงจะเขินที่ถูกมอง แต่ต้องมาอยู่ในอ้อมกอดเขานานๆแถมยังได้กลิ่นตัวหอมๆชัดเจนแบบนี้มันทำให้ผมใจเต้นแทบจะระเบิดอยู่แล้ว เกิดอดใจไม่ไหวกอดเขากลับหรือดีไม่ดีอาจถึงขั้นดึงเข้ามาจูบขึ้นมาจะว่ายังไง แบบนั้นคนเขารู้กันทั้งโรงเรียนแน่ๆ!
“ไม่ปล่อย ท่าทางฉันคงต้องหลงโทษหมาน้อยที่ไม่จงรักภักดีอย่างนายสักหน่อยแล้ว”
“คะ…คุณจะทำอะไร”
“ประกาศให้รู้กันไปเลย ว่านายเป็นของใคร”
“อะไรนะ!”
พรึ่บ!
สิ้นคำ คุณจักรวาลก็กระชากหน้ากากของผมออกตามด้วยของตัวเอง ใบหน้าของเราสองคนปรากฏออกมาให้คนอื่นเห็นเต็มๆ เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันใดเมื่อรู้ว่าผู้ชายสองคนที่ยืนกอดกันอยู่กลางงานคือผมกับเขา!
บ้าเอ๊ย!
“คุณคิดจะ อื้อ!!!”
อึ้งรอบสอง!
ร่างสูงดึงผมเข้าไปจูบเอาดื้อๆ เขาบีบแก้มผมแน่นจนต้องอ้าปากออกเพื่อรับเอาเรียวลิ้นของเขาเข้ามา ไม่ไหว… ร่างกายมัน…ไม่มีแรงเลย จูบของเขามันทั้งดุดันและเร่าร้อนเกินกว่าที่ผมจะต้านทานไว้ได้
หมับ!
“อื้อ!!!”
เคร้งงง!
อาหารบนโต๊ะถูกเขาใช้มือกวาดออกจนเกลี้ยงก่อนจะยกตัวผมให้ขึ้นไปนั่งบนนั้นแล้วระดมจูบต่อ ไม่ว่าจะดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่อาจสู้แรงมหาศาลของคุณจักรวาลได้เลย สำคัญกว่านั้น…
ลิ้นของเขามันกำลังดูดวิญญาณของผมออกไป
สติ…
สติหายไปไหนแล้ว กลับมาหาผมก่อน…
“หึ…”
ร่างสูงถอนจูบออกไปก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ ทว่าวิญญาณผมยังไม่กลับเข้าร่าง ไม่เคยโดนเขาจูบร้อนแรงจนร่างกายร้อนวูบวาบขนาดนั้นมาก่อน เรี่ยวแรงผมไม่เหลือแล้ว…
ตุ้บ…
คุณจักรวาลใช้วงแขนแกร่งรับร่างของผมที่หมดแรงเอาไว้ได้ทันก่อนจะช้อนขึ้นไปอุ้มในท่าเจ้าหญิง นาทีนี้ทำได้แค่ซุกหน้าเข้าหาอกกว้างเพื่อซ่อนใบหน้าแดงก่ำจากนักเรียนคนอื่นๆเท่านั้น ถะ…ถูกทุกคนเห็นจนได้!
“เท่านี้คงจะเข้าใจชัดเจนกันแล้วสินะว่าหมอนี่เป็นของใคร”
“…”
“ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ถ้าใครหน้าไหนก็เข้ามายุ่งกับเมียของฉัน ฉันจะทำให้ได้สัมผัสกับคำว่านรกของจริง”
แปะๆๆๆๆๆ
“เยี่ยมไปเลยพี่! ฉากจูบเมื่อกี้ก็เร่าร้อนเด็ดสะระตี่สุดๆไปเลย”
เสียงของพี่อวกาศดังขึ้นก่อนจะมีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้จุดที่ผมกับคุณจักรวาลยืนอยู่ รีบๆออกไปจากงานเลี้ยงกันสักทีจะได้ไหม ผมอายจนไม่กล้าสู้หน้าใครเขาแล้ว!
“เกิดมาเคยอายอะไรกันบ้างไหมเนี่ย”
ต่อด้วยเสียงของไอ้เฟี้ยว ยะ…อยู่กันครบเลยนี่หว่า!
“กลับกันเถอะ”
คุณจักรวาลพูดทิ้งท้ายแล้วเริ่มออกเดิน ผมค่อยๆเลื่อนวงแขนขึ้นไปโอบรอคอเขาเอาไว้กันตก เสียงซุบซิบมากมายดังระงมเหมือนเป็นการส่งพวกเราสี่คนออกจากงานเลี้ยง ไหนๆก็วันสุดท้ายแล้ว ถือว่าเป็นการจูบทิ้งทวนในโรงเรียนก็แล้วกัน!
“ว่าแต่…เรากลับเข้าไปจูบอย่างดูดดื่มต่อหน้าทุกคนแบบนั้นบ้างดีไหมที่รัก”
“ใครที่รักของมึง แล้วก็ฝันไปเหอะว่ากูจะยอมจูบกับมึงต่อหน้าคนอื่นแบบนั้น”
“แปลว่าถ้าอยู่กันสองคนก็จูบได้ใช่ป่ะ!”
“มะ…ไม่ใช่เว้ย!”
ผมลอบยิ้มคนเดียวอย่างมีความสุข การทะเลาะกันของพี่อวกาศและไอ้เฟี้ยวกลายเป็นสีสันอย่างหนึ่งในชีวิตของผมไปแล้ว
“อ๊ะ…”
ร้องออกมาเบาๆเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆกดลงมาที่หน้าผาก พอลองเงยหน้าขึ้นดูก็พบกับใบหน้าเรียงตึงเป็นเสือยิ้มยากของคุณจักรวาลอยู่ใกล้ในระยะประชิดแม้ว่าเขาจะกำลังอุ้มผมเดินออกจากโรงเรียนก็ตาม
เมื่อกี้เขา…จูบหน้าผากงั้นเหรอ
“อื้อ…”
จูบที่สองเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมหลับตาลงอย่างมีความสุข ช่างเป็นวันจบการศึกษาที่น่าจดจำเหลือเกิน!
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนพิเศษแล้วจ้า ส่งท้ายกันด้วยตอนนี้ จบจริงๆแล้วน้า ไม่มีอะไรจะมาอัพเพิ่มอีกแล้วนอกจากสปอยตอนพิเศษในเล่มแต่ละตอนจ้า คุณจักรวาลก็ยังคงเป็นคุณจักรวาล เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลกเสมอ 5555 หึงแม้กระทั่งกับสาวน้อยตัวเล็กๆ ขณะที่คุณอวกาศก็ละมุนเหลือเกิ๊นนนนน ได้เมียซึนเดเระก็งี้แหละค่ะ ทนไปนะเฮีย =..=
ขอบคุณสำหรับการติตตามมาจนถึงตอนนี้มากๆนะคะ นิยายเรื่องนี้จะไม่ดำเนินมาถึงจุดนี้เลยถ้าไม่มีแรงสนับสนุนและกำลังใจจากนักอ่านทุกคน หวังว่าจะมีความสุขกับการอ่านนิยายเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยนะคะ จะพยายามพัฒนาฝีมือต่อไปค่ะ
ติดตามผลงานอีกสองเรื่องของบิวได้นะคะ มี
SEX(Y) รักโคตรแซ่บ! ( เรื่องนี้อัพไปได้สิบแปดตอนแล้วค่ะ )
Teacher Darling “เด็กอ่อย” ( จะเปิดเรื่องในวันพรุ่งนี้ รอติดตามได้จ้า )
บอกกันอีกครั้ง…!
หนังสือ 2 เล่มจบ (ในเล่มแถมที่คั่นเล่มละ 1อัน/1ลาย และโปสการ์ดอีก 1ใบ)
ภายในเล่มมีตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในเว็บดังนี้
รายชื่อตอนพิเศษ
- เมื่อผมต้องมีรักทางไกล 3 ตอนจบ (จักรวาลxไทม์)
- เมื่อผมกลายเป็นหมอแต่สามีดันขี้หึง! 3 ตอนจบ (จักรวาลxไทม์)
- ทำไมผมต้องออกเดตกับมัน 2 ตอนจบ (อวกาศxเฟี้ยว เรื่องราวก่อนเฟี้ยวจะไปเรียนต่อ จุดเริ่มต้นของเล่มมินิสเปฯ)
- ทิ้งท้ายฟินๆกับ "2ปีที่เฝ้ารอ" คืนวันเกิดอายุครบ 20 ปี ของน้องไทม์!
พิเศษสำหรับ 100 ท่านแรกที่โอนเงิน รับฟรีหนังสือเล่มมินิสเปฯ “จะรุกจนกว่าจะรัก” อวกาศXเฟี้ยว ค่ะ ( มีจำนวนจำกัดแค่ 100 เล่มเท่านั้น )
ใครสนใจพรีออเดอร์หนังสือเรื่องนี้คลิกที่ลิงก์นี้แล้วกรอกแบบฟอร์มเลยจ้า
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScEYLhiSnY4Cmc5Jn13oevviMUkD1vnD11ZbkJeF6Vphg_SBA/viewform?usp=sf_link#response=ACYDBNjWprgKpl9NaRRLJEYcihg7KUOdimUmXwsKGYWEWH_wMnidgEs0BeA