[จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI ประกาศ (26/05/61)#หน้า14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI ประกาศ (26/05/61)#หน้า14  (อ่าน 69545 ครั้ง)

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
กัดไม่ปล่อยเลยนะ เก็บกระดาษเป็นหลักฐานฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทซะเลยดีไหม

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หมาบ้า กัดไม่ปล่อย เฟี้ยวชั่ว

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
กับหมาน้อยนี่ตะมุตะมิ น่ารัก ขี้อ้อนจัง แต่กับคนอื่นนี่ เหมือนจะฆ่าคนได้ตลอดเลยนะ

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
เหมือนมีปมผูกไว้เยอะ?
รอๆ

ออฟไลน์ aurusma

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
เฟี้ยวนี่รู้จักอะไรกับจักรวาลใช่มั้ยอ่ะ ดูไม่กลัวเลย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อิเฟี้ยววววว (กระโดดเตะขาคู่)

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 8
ประกาศสงคราม
 
สนามบิน
ชายหนุ่มผมสีทองในชุดสีขาวตัดกับผิวเดินคุยโทรศัพท์เป็นที่จับตามองของคนในสนามบินด้วยความหล่อดูดีและฟีโรโมนในตัวที่มีมากล้น  ทำให้เขาค่อนข้างเด่นแม้จะไม่ได้ตั้งใจให้เด่นก็ตาม  ด้านหลังเขามีชายชุดดำเดินเข็นกระเป๋าตามมาอยู่สามคน   
“พี่!  ยู้ฮู!”
‘อวกาศ’  โบกไม้โบกมือเรียกชายหนุ่มที่แต่งตัวสีตรงกันข้ามกับเขาทุกอย่างด้วยความดีใจ  ชายหนุ่มที่ถูกตะโกนเรียกหันกลับมามองสีหน้านิ่ง  สองมือกอดอกไม่แสดงท่าทีอะไร
“อายุยี่สิบหกแล้วนะ  เลิกทำตัวเป็นเด็กสักที”
“อะไรเนี่ยพี่  เจอหน้าผมก็บ่นเลยนะ  น้องชายคนเดียวกลับมาทั้งที  พี่ต้องยิ้มกว้างๆสิ  ยิ้มแบบเนี้ย  เนี่ย!”
อวกาศทำท่าฉีกยิ้มปากกว้างให้ดู  ยามที่พวกเขาทั้งคู่ยืนคู่กัน  มันช่างดูแตกต่างหากแต่ก็ลงตัวกันอย่างไม่น่าเชื่อ
จักรวาลที่เปรียบเหมือนตัวแทนของสีดำ
อวกาศที่เปรียบเหมือนตัวแทนของสีขาว
“ไหนตอนแรกบอกอีกสามวันถึงจะกลับไม่ใช่หรือไง  กำหนดการกลับก็ต้องมะรืนสิ”
“ก็ใช่  แต่ผมอยากมาเจอหน้าพี่สะใภ้เร็วๆก็เลยรีบเคลียร์งานกลับมา  ครึ่งปีที่ผ่านมาผมยอมงดเที่ยวก็เพื่อรอเวลาจะมาแสดงความยินดีกับพี่แล้วก็พี่สะใภ้เลยนะ”
“ไร้สาระ”
“ด่าอีกละ”
“ถ้ามีเวลามานั่งห่วงเรื่องพวกนี้  นายควรจะเลิกทำตัวเป็นเพลย์บอยเสเพลแล้วมาช่วยงานฉันได้แล้ว  ยังมีธุรกิจอีกมากมายที่นายต้องเรียนรู้ในฐานะผู้สืบทอด”
“ไม่เอาน่าพี่  เจอหน้าทีไรพูดแต่เรื่องงาน  อีกอย่างนะ…พี่เป็นพี่  ผมเป็นน้อง  พี่ต่างหากที่ต้องเป็นผู้สืบทอดอันดับหนึ่ง”
“ต้องให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง  ว่าสมบัติทุกอย่างที่มี…มันจะเป็นของนาย”
จักรวาลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  อวกาศเบ้หน้า  เขาไม่ค่อยชอบจะพูดเรื่องงานหรือสมบัติอะไรพวกนี้สักเท่าไหร่  เพราะตั้งแต่เด็กจนโต  จักรวาลเอาแต่ทำตัวเหมือนปู่โสมเฝ้าทรัพย์  ทำราวกับว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ในสมบัติพวกนั้นทั้งที่เป็นพี่คนโต
“ไม่เอาอ่ะ  ไม่คุยกับพี่ละ  ผมไปดีกว่า”
“จะไปไหน  ฉันมารอรับนายไปที่บริษัท  วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นทั้งหมด”
“เฮ้ย!  อะไรกันพี่  ผมเพิ่งบินมาจากอเมริกาเลยนะ  ใจคอจะไม่ให้ได้พักผ่อนกันเลยหรือไง  ผมไม่ได้เข้าบริษัทแค่วันเดียวมันคงไม่ระเบิดตัวเองตายหรอก”
“นายจะทำชะล่าใจไม่ได้  อย่าลืมสิว่ามีใครบ้างที่จ้องจะฮุบบริษัทและกิจการทั้งหมดของนายอยู่!”
“ของเรา”
“…”
“พี่เลิกทำเหมือนตัวเองเป็นคนนอกสักทีได้ไหม  ผมไม่เข้าใจเลยว่าพี่เป็นอะไร  เราเป็นพี่น้องกันนะ  สมบัติทุกอย่างของพ่อเราก็ต้องแบ่งกันสิ”
“ทำตามที่ฉันสั่ง”
“ไม่!”
อวกาศยืนยัน  ตั้งแต่เด็กๆแล้ว  จักรวาลจะคอยทำตามทุกอย่างที่เขาต้องการ  แม้แต่ของรักของหวงหรือของเล่นชิ้นโปรด  ถ้าหากอวกาศต้องการ  จักรวาลก็จะยกให้อย่างไม่ลังเล  ชายหนุ่มเฝ้าเก็บความสงสัยมาตลอด  เขาไม่รู้เลยว่าทำไมพี่ชายของตัวเองจะต้องยอมเสียสละทุกอย่างให้ถึงขนาดนี้ด้วย จะว่าเป็นพี่ชายที่รักน้องมันก็ให้อารมณ์กันคนละแบบ  มันเหมือนกับ…
ทาส…
ทาสที่ยอมสละได้แม้แต่ชีวิตเพื่อเจ้านายของตัวเอง
“วันนี้ผมจะไม่เข้าบริษัทเด็ดขาด  แต่ผมจะไปในที่ที่ผมอยากจะไป  เชิญพี่ไปประชุมคนเดียวได้เลย”
“อวกาศ!  เดี๋ยวสิ  อวกาศ!”
เจ้าของเรือนผมสีทองไม่สนใจฟังเสียงเรียก  เขาเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปยังประตูทางออก  ตรงไปขึ้นแท็กซี่ที่จอดเรียงรายเพื่อรับผู้โดยสารอยู่
“ไปโรงเรียนทวีรัตนรามครับ”
บอกกับแท็กซี่ก่อนจะหยิบเอาหูฟังขึ้นมาฟังเพลง  รอยยิ้มสนุกสนานผุดขึ้นเต็มใบหน้าของเขา
 
หมับ! หมับ! หมับ!
ผมก้มลงเก็บใบปลิวพวกนั้นแล้วยัดใส่กระเป๋าจนแทบจะรูดซิปไม่ได้  แต่ไอ้เวรเฟี้ยวมันก็ยังไม่หยุดโปรยกระดาษพวกนี้ลงมาสักที!
ไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องทนอยู่ในสภาพนี้ไปอีกนานเท่าไหร่  เหตุผลที่โดนหมายหัวก็ยังไม่เข้าใจ  แล้วแบบนี้ผมจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในหนึ่งร้อยวันเพ่อรอพ่อกับแม่กลับมาได้หรือเปล่า  จะให้เอาแต่วิ่งโล่ไปฟ้องคุณจักรวาลก็ไม่ได้  แค่นี้เขาก็เหนื่อยมากพอแล้ว  ผมไม่ต้องการเป็นภาระของเขไปกว่านี้หรอกนะ
 
‘น่ารังเกียจ’
‘ขยะแขยงชะมัด’
‘เมื่อไหร่จะลาออกไปสักทีนะ’
 
อดทนไว้ไอ้ไทม์  อดทนไว้   เดี๋ยวเวลาผ่านไปเรื่องพวกนี้ก็จะเงียบไปเอง  แล้วทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ปกติ…
“ไงวะไอ้ไทม์!  เมื่อคืนไอ้เจ้าพ่อนั่นจัดให้มึงกี่ดอกล่ะ!!!”
ไอ้เฟี้ยวตะโกนเสียงดังลั่นมาจากบนดาดฟ้า…
“ไม่ไหวแล้วโว้ยยยย!”
ผมกำหมัดแน่นพร้อมเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้าอย่างสุดจะทน  ก่อนจะวิ่งเข้าไปในตึกเรียนโดยมีเป้าหมายคือดาดฟ้า!!!
รังแกกูกลั่นแกล้งกูยังพอทน  แต่คราวนี้นอกจากมึงจะทำให้คนอื่นเข้าใจกูผิดๆแล้วมึงยังทำให้คุณจักรวาลถูกเข้าใจผิดไปด้วยอีก  เรื่องนี้เท่านั้นที่กูยอมไม่ได้!!!
ตึกๆๆๆๆๆ
ผมวิ่งขึ้นบันไดไปดาดฟ้าแบบลืมตาย  เป็นไงก็เป็นกัน  ถ้าจะตายวันนี้ก็ตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย  แต่อย่างน้อยผมก็ขอปกป้องชื่อเสียงของคุณจักรวาลก่อนตายก็แล้วกัน!
ปัง!!
เสียงเปิดประตูดาดฟ้าดังสนั่นหวั่นไหว  ไอ้เฟี้ยวที่ยืนจังก้ารออยู่ก่อนแล้วหุบยิ้มก่อนจะขมวดคิ้วมองมาที่ผมอย่างแปลกใจ
“นี่มึงโกรธกูจนเหงื่อออกเยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ  อย่างกับคนตากฝน”
“กูวิ่งขึ้นบันไดมาเหงื่อก็เลยออกเว้ย!”
“วิ่งขึ้นบันได?”
“เออ!”
“มึงวิ่งหาพ่อมึงเหรอ  ในเมื่อลิฟต์ก็มี”
สิ้นประโยคนั้น  ผมก็ทรุดตัวลงนั่งแบบหมดแรงในทันที
จริงด้วย  ผมลืมไปเลยว่าที่โรงเรียนมีลิฟต์ให้ใช้ด้วย  มัวแต่โกรธจนขาดสติก็เลยลืมรีบวิ่งขึ้นบันไดมาซะงั้น
“ระ…เรื่องนั้นช่างมัน  ที่กูขึ้นมาก็เพราะต้องการจะขอให้มึงหยุด”
“หยุดอะไร”
มันเดินย่างสามขุมมาทิ้งตัวนั่งยองๆลงตรงหน้าผม  ยอกตามตรงว่ากูล่ะเสียดายหน้าตาหล่อๆของมึงฉิบหาย  นี่ถ้าไม่เหี้ยไม่เลวแม่งคงฮอตสุดๆไปเลยล่ะ
“มึงจะแกล้งกูกูไม่ว่า  จะใส่ร้ายกูแค่ไหนก็ได้  กูทนได้  แต่มึงอย่า…มายุ่งกับคุณจักรวาล  เขาเป็นคนดี”
“หึ!  คนดีงั้นเหรอ  นี่มึงคงรักคงบูชามันมากเลยสินะ  ถึงได้โกรธแทนจนกล้าบุกเข้าถ้ำเสือมาคนเดียวแบบนี้”
“มันเรื่องของกู”
“งั้นนี่ก็เรื่องของกูเหมือนกัน!  ถ้ามึงไม่อย่างถูกกระทืบตายเหมอนหมาข้างถนนกฌไสหัวออกไปซะ  กูให้เวลามึงสามสิบวินาที”
ดวงตาแข็งกร้าวจนมองผมอย่างโกรธจัด
ไอ้เฟี้ยวตอนนี้มีแต่ความโกรธ  เกลียด  อัดแน่นอยู่เต็มหัวใจของมัน  ไม่เข้าใจเลย  ทำไมมันถึงตั้งแง่เกลียดคุณจักรวาลได้ขนาดนี้
“กูไม่ไป”
“!!!”
“กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่ามึงจะยอมหยุด!”
เชื่อว่าถ้าคนในโรงเรียนได้มาเห็นผมตะคอกไอ้เฟี้ยวกลับไปแบบนี้คงต้องใจช็อกจนตาตั้งกันเป็นแถวแน่ๆ  เพราะตัวผมเองยังตกใจตัวเองเลย  นี่มันถือเป็นการปฏิวัติตัวเองครั้งยิ่งใหญ่เลยเนี่ย  ที่ผ่านมาโดนจิ๊กโก๋วัยประถมแซวผมยังรีบเผ่นเลย
ให้ตายสิ  ต้องโดนไอ้เฟี้ยวซ้อมตายเป็นผีเฝ้าดาดฟ้าแน่ๆ
หลังจากถูกผมตะคอกกลับพร้อมจ้องตาด้วยอย่างไม่เกรงกลัว  ไอ้เฟี้ยวก็นิ่งไป  มันเอาแต่จ้องผมกลับ  ต่างคนต่างจ้องกันจนลูกตาแทบหลุดออกมาจากเบ้า
อย่า  อย่าคิดว่าผมจะเล่นมุกปลากัดนะ  มันล้าสมัยแล้ว!
พรึ่บ!
ไอ้เฟี้ยวลุกขึ้นหันหลังให้แล้วเดินไปทางระเบียงของดาดฟ้า  ผิดกลับที่คาดการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง   ตอนแรกผมคิดว่ามันจะใช้หมัดทะลวงปากผมไม่ยั้งเสียอีก
“วันนี้กูอารมณ์ดี  ไม่อยากกระทืบใคร  มึงรีบไสหัวไปดีกว่าไอ้ไทม์  ก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ”
“มึงก็รับปากมาก่อนสิว่าจะไม่แกล้ง ไม่สิ  มึงจะแกล้งกูก็ได้  แต่มึงต้องไม่เอาคุณจักรวาลเข้ามาเกี่ยว!”
“ทำไมกูต้องรับปากหมารับใช้อย่างมึงด้วย  คนไร้ค่ายิ่งกว่าเศษขยะในโลกอย่างมึงไม่มีค่าพอให้กูต้องไปรับปากอะไรด้วยหรอกนะ”
มันตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าคู่สนทนาอย่างผมเสียด้วยซ้ำ
คำก็ขยะ  สองคำก็เศษขยะ
ในสายตามันผมคงยิ่งกว่าธุลีดินอีกสินะ  แปลกใจชะมัด  ปากเหมือนอมเหี้ยเอาไว้ทั้งฝูงอย่างมันทำไมถึงเป็นลูกของท่านผอ.ได้
“กูขอร้อง”
“…”
“มึงจะแกล้งกูยังไงก็ได้  จะทำให้กูอับอายแค่ไหนกูก็จะไม่ปริปาก  แต่ขอแค่คุณจักรวาลเท่านั้น  อย่ายุ่งกับเขา”
“เดี๋ยวนะ  ขอร้องงั้นเหรอ  นี่มึงยกระดับตัวเองขึ้นมากล้าขอร้องกูตั้งแต่เมื่อไหร่!”
ไอ้เฟี้ยวหันกลับมามองหน้าผมในที่สุด  สายตาของมันที่มองมาเต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม  มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ขยะจริงๆ
“ให้กูทำอะไรก็ได้  กูยอมทั้งนั้น”
“อะไรก็ได้ทั้งนั้นเหรอ”
“…”
“…”
ผมกัดฟันแน่น  มือสองข้างก็กำเข้าหากันจนเส้นเลือดปูด   ค่อยๆยืนขึ้นทั้งที่ร่างกายสั่นเทิ้มเต็มไปด้วยความโกรธ  แต่ก็ต้องระงับไว้เพราผมยังต้องพึ่งพิงทุนการศึกษาของโรงเรียนนี้อยู่
“อืม”
“หึ!  ก็ดี   ถ้างั้นเอาแบบนี้นะ  เพื่อแลกกับการที่กูจะไม่แตะต้องไอ้จักรวาลสุดรักสุดยูชาของมึง  มึง!  กับพ่อแม่ของมึง  ต้องมากราบตีนกู”
“!!!”
“ในเมื่อไอ้จักรวาลมันมีค่ามากสำหรับมึง  ถึงขั้นที่มึงกล้ามีปากมีเสียงและบุกขึ้นมาหากูถึงที่นี่เป็นครั้งแรก  มึงก็ต้องเอาอะไรที่สำคัญสำหรับมึงพอๆกันมาแลก  ซึ่งนั่นก็คือ…พ่อแม่มึง”
“…”
“ว่าไงเล่า  ถ้ามึงยอมให้พ่อแม่มึงมากราบตีนกู  กูก็จะยอมหยุด”
“หนึ่ง…”
“หืม?  พึมพำอะไรวะ”
“สอง…”
ผมค่อยๆนับเลขออกมา  เสียงนับเลขลอดผ่านไรฟันที่ผมกัดมันไว้แน่นด้วยความโกรธ  ไม่ไหว…  ผมทนไอ้เวรที่อยู่ตรงหน้านี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
“สาม!  ย้ากกกกก!”
“เฮ้ยๆ  จะทำอะไรวะ  ว๊ากกกกก!”
พลั่ก!!!
บาทาทั้งสองข้างประทับเข้ากลางอกไอ้เฟี้ยวแบบเต็มๆเน้นๆจนเจ้าตัวหงายหลังตึงไปคลุกฝุ่นอยู่กับพื้น  ผมรีบลุกขึ้นไปคร่อมตัวมันเอาไว้  สองมือกระชากคอเสื้อมันขึ้นแล้วดึงเข้ามาใกล้
“ไม่เคยมีใครสอนมึงหรือไงว่าอย่ามาเล่นถึงพ่อแม่ของคนอื่นเขา!”
ผมตะโกนใส่หน้ามันอย่างเหลืออด  ที่เสื้อของไอ้เฟี้ยวมีรอบบาทาขาคู่ของผมประดับอยู่  เจ้าตัวยังดูอึ้งๆเหมือนสติจะยังกลับมาไม่ครบถ้วน
“กูจะไม่หนีอีกแล้ว  กูขอประกาศสงคราม!”
“…”
“กูจะทำให้มึงรู้ว่า…เศษขยะไร้ค่าอย่างกู  ก็กลายเป็นขยะรีไซเคิลได้เหมือนกัน!!!”
ผลักอกมันทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งหนีออกมาด้วยความคับแค้นใจที่เดือดพล่านอยู่ในอก  หลังจากนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง  อย่างน้อยๆวันนี้ผมก็ได้แก้แค้นไอ้เฟี้ยวด้วยตัวผมเอง!
จงตราตรึงลูกถีบขาคู่ของกูไว้ในสมองมึงซะ  ไอ้สวะเอ๊ย!!!
 
หลังจากที่ร่างเล็กวิ่งหนีหายกลับลงไปทางบันไดตามเดิม  เฟี้ยวที่ยังนอนหงายอยู่กับพื้นเพราะตกใจในสิ่งที่อีกฝ่ายทำ  มันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของเขาสุดๆ
“ขยะรีไซเคิลงั้นเหรอ  ฮะๆ”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ ยิ่งคิดถึงหน้าตาคนพูดที่โกรธจนหน้าแดงหูแดงแล้วก็ยิ่งขำ  เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมานั่ง  ก้มมองเสื้อของตัวเองที่มีลวดลายรองเท้าของคนตัวเล็กประดับอยู่
“ถีบแรงเหมือนกันฮะ”
เขาปัดรอยเศษทรายที่ติดมากับรองเท้าของไทม์ออก  แต่รอยเท้าที่เปื้อนอยู่มันก็ไมได้จางไปง่ายๆ  เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าทำกับเขาถึงขนาดนี้  ที่ผ่านมาแค่เพราะอำนาจเงินที่เขามีก็ทำให้เขายิ่งใหญ่ได้โดยไม่ต้องกลัวใคร  คิดไม่ถึงเลยว่า…
ผู้ชายมืดมนตัวเล็กๆที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขามาก่อนอย่างไทม์จะกล้าทำถึงขนาดนี้
แปะๆๆๆๆ
เสียงปรบมือดังมาจากประตูดาดฟ้า  เฟี้ยวเบนสายตาไปมองก็พบกับบุคคลไม่ได้รับเชิญในชุดสีขาวสว่างตัดกับเส้นผมสีทอง
“ตั้งใจว่าจะมาเซอร์ไพรส์แท้ๆ  ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอของดี  มีคนกล้าทำร้ายร่างกายนายด้วย  ต้องใจกล้าขนาดไหนนะถึงทำแบบนี้ได้”
“แก…”
“อะไรกันๆ  เพื่อนเล่นสมัยเด็กที่ไมได้เจอตั้งหลายปีกลับมาทั้งที  ไม่ยิ้มต้อนรับแล้วโผเข้ามากอดหน่อยเหรอ”
“ไสหัวไปซะ”
“เอ่อ…พูดจริงพูดเล่นเนี่ย  พูดแบบนี้ฉันเสียใจนะ”
“ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้   ไอ้อวกาศ…”
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนที่แปดแล้วจ้า  เอ้า! จุดพลุฉลองให้กับความใจกล้าของน้องไทม์เร็วเข้า 5555  ในที่สุดก็ลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเองเป็นสักที  จะว่าไป…ถ้าไม่มีเฟี้ยว  บิวคิดว่าน้องไทม์ของเราก็คงไม่กล้าที่จะสู้กับคนอื่นยามที่ตัวเองถูกรังแกหรอกเนอะ  รู้จักปกป้องสิ่งสำคัญ  ปกป้องคนที่รักด้วยตัวเอง  บางทีตัวละครเฟี้ยวอาจจะเป็นตัวช่วยในการสอนเรื่องนี้ให้กับน้องไทม์ก็ได้  คนที่เอาแต่วิ่งหนีและเรื่องที่จะดึงตัวเองออกมาจากสังคมอย่างน้องไทม์  กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปทีละนิดแล้วววว
ในที่สุดตัวละครก็ออกกันมาจนครบ!  น้องไทม์  จักรวาล  เฟี้ยว  มารีอา และอวกาศ  คนเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันแบบไหนนะ?


ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
กระโดดถีบเลย55555สะใจ แต่เฟี้ยวคงไมได้เกลียดไทม์หรอกแต่ชอบแกล้ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทำไมจักรวาล ถึงให้อวกาศถือครองสมบัติทั้งหมด ??????
แล้วพี่สะใภ้ที่อวกาศว่า คือไทม์ ใช่ปะ

อืมมมม.....ให้รู้สึกว่าเฟี้ยวไม่ถูกกับจักรวาล
แต่กับไทม์แค่แกล้ง เพราะจักรวาลมายุ่งกับไทม์
พ่อแม่ไทม์ โดนคนของเฟี้ยวแกล้งด้วยเหรอ

อวกาศ คิดไรกับเฟี้ยวปะ
แต่เฟี้ยวคิดไรกับไทม์มั้ยนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
มาลองเดาๆกันดูน้าว่าตัวละครในนี้เขามีความสัมพันธ์กันแบบไหนบ้างค่า  ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและติดตามเรื่องนี้อยู่นะคะ ^^

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
กระโดดถีบเลยแหะ ว่าแต่จะสู้เขาได้จริงๆ หรือ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อวกาศมาปราบเฟี้ยวสินะ  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ไทม์เยี่ยม กล้าหือกับเฟี้ยวก็ถือว่าตำแหน่งสะใภ้ ผ่าน!
อวกาศจัดเฟี้ยวที จะได้หายซ่ากับบไทม์
จัดเบาๆ นะ
 :mew3:

 

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 9

ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน

 

ออด…

ช่วงพักกลางวันมาถึงสักที  ผมรีบลุกจากที่นั่งตรงไปยังโรงอาหารด้วยความลัลล้าเป็นครั้งแรกในชีวิต  เพราะว่าวันนี้…ผมมีเงินซื้อข้าวในโรงอาหารกินเหมือนเพื่อนคนอื่นๆด้วยล่ะ!  ไม่อยากจะเชื่อเลย  ความฝันสูงสุดในชีวิตเป็นจริงแล้ว  ฮึก… (ฝันว่าอยากนั่งกินข้าวที่ซื้อจากโรงอาหารของโรงเรียนดูสักครั้งก่อนตาย…)

ไอ้เฟี้ยวไม่ได้มาเข้าเรียนเลยในช่วงเช้า  แอบกังวลนิดหน่อยว่ามันคงไม่ได้ตายคาดาดฟ้าเพราะลูกถีบขาคู่ของผมหรอกนะ  ถ้ามันตายขึ้นมาก็เท่ากับว่าผมจะต้องกลายเป็นฆาตกรน่ะสิ  ไม่ได้การละ  แดกข้าวเสร็จเมื่อไหร่ต้องขึ้นไปดูสักหน่อย 

การปรากฏตัวของผมในโรงอาหารสร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้คนที่พบเห็นเป็นอย่างมาก  คือกูแค่มาซื้อข้าวแดกไหม  ทำไมพวกมึงต้องทำหน้าตาตื่นตกใจเหมือนเจอหมีควายมาซื้อข้าวด้วยฟะ!

“เอา…อันนี้  อันนี้  อันนี้  แล้วก็อันนี้ครับ!”

“เยอะขนาดนี้กินหมดเหรอพ่อหนุ่ม”

“หมดสิครับ  หมดแน่นอน”

ผมยิ้มกว้างตอบแม่ค้ากลับไป  รสชาติอาหารอย่างอื่นนอกจากเมนูไข่กับเกลือ  มันจะอร่อยขนาดไหนกันนะ  แค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว

“นี่จ้ะ”

ผมส่งเงินที่มีจ่ายเป็นค่าอาหารไป   โอ้…นี่แหละชีวิตที่ใฝ่ฝัน  ใช้เงินซื้อของกินที่อยากกินได้โดยไม่ใช่แค่ยืนมอง

อ๊ากกกก  ที่สุดในชีวิตจริงๆเลยโว้ยยย

แทบกลั้นนำตาไว้ไม่อยู่  ผมเดินถือจานข้าวไปนั่งยังโต๊ะที่ว่างอยู่  จ้องมองมันอยู่นานไม่ยอมกินเพราะอยากจะจารึกช่วงเวลาอันมีค่านี้เอาไว้

ข้าวมื้อแรกในโรงอาหารของกู…

อยากจะร้องไห้ด้วยความดีใจ  ฮือออออ

 

หนึ่งนาทีผ่านไป…

เคร้ง!

“ฮ้า!!!  อิ่มจังเลยยยยย”

ช้อนถูกวางลงในจานเมื่อข้าวคำสุดท้ายถูกตักเข้าปาก  ข้าวในโรงอาหารของโรงเรียนนี่มันเป็นอะไรที่พระเจ้าประทานจริงๆเลย!

เพราะมัวแต่สนใจเรื่องกินเลยไม่ได้มองรอบตัว  ทว่าพอกินเสร็จผมถึงจะเริ่มสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแหม่งๆจนต้องหันมองไปรอบๆ  ทุกสายตาต่างจ้องมาที่ผมด้วยแววตาอึ้ง ทึ่ง  ราวกับผมเป็นตัวประหลาด

ดูจากใบหน้าและท่าทางแล้ว  คงกำลังอึ้งกับสกิลในการกินขั้นเทพของผมอยู่ล่ะสินะ  ภายในหนึ่งนาทีผมสามารถสวาปามเอาข้าวในจานที่พูนประหนึ่งอาหารหมูหมดได้

แฮะแฮ่ม!  ทำไมรู้สึกภูมิใจ  หึๆๆๆ

“เอ่อ…”

เสียงหวานใสดังขึ้นข้างตัว  หันกลับไปมองก็พบว่าเป็นอาจารย์มารีอา  เธอส่งยิ้มให้ผมอย่างใจดี

“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมจ๊ะ”

“อ่อ…ได้ครับๆ  คุยได้ครับ”

“งั้นเชิญทางนี้จ้ะ”

เธอผายมือเชิญผมให้เดินตามเธอไป  ผมคว้ากระเป๋ารีบเดนิตามเธอไปด้วยความสงสัย  ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเธอจะเข้ามาคุยหรอสนใจผมเลย  แล้ววันนี้ทำไม…

อาจารย์มารีอาเดินนำมายังสวนหย่อมของนักเรียนที่มีนักเรียนมานั่งอยู่ก่อนแล้วประปราย  พวกเรานั่งอยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนใต้ต้นไม้ติดกับกำแพงของตึกเรียน  เธอเอาแต่ยิ้มมองผมมาตลอดทาง  แต่ว่า…ยิ้มของเธอมันดูเศร้าๆชอบกล

หรือผมจะคิดมากไป?

“อาจารย์มารีอามีอะไรกับผมเหรอครับ?”

“เข้าเรื่องทันทีเลยนะ”

“กะ…ก็มันสงสัย”

ตอบกลับไปตามตรง  เธอนั่งอยู่ที่ม้าหินฝั่งตรงข้าม  ไอ้บรรยากาศแสนน่าอึดอัดชวนให้อ้วกนี่มันคืออะไร  ผมไม่ชอบเวลาที่ต้องเจอกับความรู้สึกแบบนี้เลยจริงๆ

“ครูขอถามตรงๆเลยนะจ๊ะ   ไทม์…เธอ…เป็นอะไรกับจักรวาลเหรอ”

“ครับ?”

“เอ่อ  คือครูแค่สงสัยน่ะจ้ะ  ปกติเธอเป็นเด็กเงียบๆ  ไม่ค่อยคบหากับใคร  แล้วยังเป็นนักเรียนทุนอีกด้วย  ครูเลยคิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้จักกับเขาได้”

“เรื่องนั้น…”

จะว่ายังไงดีล่ะ  ให้บอกเรื่องเป็นหนี้สิบล้านจนต้องมายอมเป็นตัวขัดดอกก็คงไม่ได้  อีกอย่าง…ผมเองก็อยากรู้ความสัมพันธ์ของอาจารย์  ไอ้เฟี้ยว  แล้วก็คุณจักรวาลเหมือนกัน

“แลกกันได้ไหมล่ะครับ”

“จ๊ะ?”

“ผมจะบอกว่าทำไมผมถึงรู้จักกับคุณจักรวาลได้  แต่อาจารย์เองก็ต้องเหมือนกัน”

“บอกอะไรเหรอ?”

“ความสัมพันธ์ของอาจารย์  คุณจักรวาล  แล้วก็ไอ้เฟี้ยว”

เธอนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อผมพูดจบประโชค  ก่อนจะค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา  รอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนเหมือนนางฟ้านั่น…

สวยจริงๆ

“ได้สิ  ครูจะบอก”

“งั้นก็ตกลงครับ  ผมน่ะ…รู้จจักกับเขาได้ก็เพราะ…”

“…”

“งานน่ะครับ”

“งาน?”

“พ่อกับแม่ผมได้งานใหม่เป็นคนงานในบ้านของคุณจักรวาล  เขาเมตตาพ่อกับแม่ผมมากก็เลยพลอยเมตตาผมไปด้วย  มันก็แค่นั้นแหละครับ”

“เมตตา  จักรวาลน่ะเหรอ…”

อาจารย์มารีอาตีหน้ายุ่ง  ดูเธอจะแปลกใจมากๆที่ผมบอกว่าคุณจักรวาลมีเมตตา

อ่า….นั่นสินะ  ดูจากลุกค์และนิสัยภายนอกที่เขาแสดงออกกับคนอื่นๆแล้ว  คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเขาจะมีคำว่าเมตตาฝังอยู่ในหัวสมอง

“ก็แค่นี้แหละครับ  ไม่มีอะไรมากเลย  ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทุกคนจะต้องตกใจกันด้วย  เอล่ะ  แต่อาจารย์เล่าบ้างแล้วนะครับ”

ผมตัดบทแล้วโยนซีนต่อไปส่งให้อาจารย์ทันที

ปกติก็ไม่ใช่คนโกหกอะไรเก่งอยู่แล้ว  ถ้าขืนยังให้แถสดต่อไปเรื่อยๆมีหวังโดนจับได้แหงๆ

“ความจริง…พวกเราเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กกันน่ะ”

“เพื่อนเล่น?!”

“ครูไม่แน่ใจว่าเธอรู้จักเขาหรือยัง  น้องชายของจักรวาลที่ชื่ออวกาศ  เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับครูมาตลอด  แล้วก็เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กด้วย  เพราะเมื่อก่อนพวกเราเคยอยู่บ้านข้างๆกัน  สมัยที่ครูกับอวกาศอายุสิบขวบ  จักรวาลก็อายุสิบเก้า  เขาเป็นเหมือนพี่ชายที่ต้องคอยดูแลน้องๆ”

“เดี๋ยวครับ!”

ผมแทรกกลางขณะที่เธอกำลังเล่าถึงความหลังด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข

“จ๊ะ?”

“แล้ว…ไอ้เฟี้ยวเงาะนั่นล่ะครับ  มันมาเกี่ยวอะไรด้วย”

“เขาเป็นน้องชายของครูเองจ้ะ”

“น้องชาย!”

ให้ตายสิ  นี่คงเป็นเรื่องที่พีคสุดๆสำหรับผมแล้วล่ะ

ห่ามๆอย่างไอ้เฟี้ยวเป็นน้องชายของอาจารย์มารีอา!  นี่มึงไปเอาดีเอ็นเอใครมาไว้ในตัววะเนี่ยย!

“ตอนนั้นเฟี้ยวเพิ่งจะสองขวบ  แต่ว่าครู  อวกาศ  แล้วก็จักรวาลต่างก็ช่วยกันเลี้ยงเขาเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆมาตลอด  พวกเราสี่คนสนิทกันมาก  จักรวาลที่ถึงจะไม่ค่อยพูดหรือแสดงอาการอะไรนัก  แต่เขาก็มักจะคอยปกป้องเราสามคน  ที่เฟี้ยวสนใจศิลปะการต่อสู้ก็เพราะได้จักรวาลนี่แหละเป็นคนสอน  เมื่อก่อนเด็กคนนั้นอ่อนแอแล้วก็ขี้แยจะตาย  เพราะงั้น…เฟี้ยวเลยรักและนับถือจักรวาลเหมือนพี่ชานแท้ๆคนหนึ่ง”

เอิ่ม…นึกภาพไอ้เฟี้ยวอ่อนแอและขี้แยไม่ออกเลยให้ตายเหอะ  แถมยังที่ว่ามันสนิทกับคุณจักรวาลมากๆอีก  จากเหตุการณล่าสุดที่ทั้งคู่เจอกัน  มันไม่เหลือเค้าของคนที่เคยผูกพันกันมาก่อนเลยนะ

“จนกระทั่งพออายุยี่สิบสอง  ทั้งครูและอวกาศต่างก็เรียนจบมหาวิทยาลัย   อวกาศต้องไปเรียนต่อด้านบริหารที่อเมริกาตามที่จักรวาลวางแผนไว้ให้  ส่วนครูก็มาเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนของคุณแม่ทันทีที่เรียนจบ  เฟี้ยวเองก็เพิ่งจะอายุสิบสี่  ความสัมพันธ์ของพวกเราค่อยๆห่างกันไปเรื่อยๆ  ช่วงนั้นจักรวาลคนที่หายหน้าไปมากที่สุด  เขาไม่ติดต่อใครเลยแม้แต่อวกาศก็ตาม  คนในบ้านของเขาบอกว่าเหมือนเขากำลังตามหาใครอยู่เพราะเคยได้ยินเขาสั่งการกับลูกน้อง  แต่ครูเองก็ไม่รู้อะไรมากหรอกจ้ะ  ในตอนนั้นครูก็มัวแต่สนุกกับการเป็นครูด้วย  เลยไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่พวกเราสี่คนเริ่มห่างกันแล้วเท่าที่ควร”

“จากที่ฟังๆมาก็ดูไม่มีอะไรร้ายแรงนี่ครับ  แล้วทำไม…ไอ้เฟี้ยวเงาะมันถึงแสดงท่าทางเหมือนโกรธเกลียดคุณจักรวาลขนาดนั้นล่ะครับ”

“เรื่องนั้น…”

พอถึงตรงนี้  สีหน้าของอาจารย์มารีอาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน  ดวงตาคู่สวยรื้นขึ้นด้วยน้ำใสๆ

“อะ…อาจารย์!”

“ขะ…ขอโทษจ้ะ  ครูทำให้ตกใจสินะ”

เธอรีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาออก  ตายห่าล่ะ  เกิดมีใครมาเห็นเข้าจะคิดว่าผมรังแกอาจารย์ไหมเนี่ย

“พอคิดว่าเพราะอะไรเฟี้ยวถึงต่อต้านจักรวาลขึ้นมา  ครูก็อดรู้สึกผิดไม่ได้”

“ทะ…ทำไมเหรอครับ”

“เรื่องมันเริ่มต้นมาจาก…สองปีก่อน…ที่ครูกับจักรวาลหมั้นกัน”

“หมั้นกัน!”

ผมทวนคำพูดนั้นด้วยความตกใจ

หมั้นกันนี่ก็หมายความว่า…

อาจารย์มารีอา…เป็นว่าที่เจ้าสาวของคุณจักรวาล!

 

ตึกๆๆๆๆๆๆๆ

เสียงฝีเท้าหนักๆย่ำไปบนพื้นบ่งบอกถึงความโกรธของเจ้าของฝีเท้านั่นได้เป็นอย่างดี  ร่างสูงในชุดอาภรณ์สีขาวเดินถมึงทึงไปยังห้องประชุมของบริษัทที่ตอนนี้คงกำลังมีการประชุมใหญ่กันอยู่

“เข้าไม่ได้นะครับคุณอวกาศ  ตอนนี้บอสกับผู้บริการคนอื่นกำลังประชุมอยู่ครับ”

“ถอยไป!”

“เข้าไม่ได้จริงๆครับ”

“บอกให้ถอยไป!!!”

พลั่ก!

ยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูถูกผลักจนกระเด็น  อวกาศจัดการเปิดประตูเข้าไป  การประชุมทั้งหมดหยุดชะงัก  จักรวาลหันมามองหน้าน้องชายที่หุนหันเดินเข้ามาด้วยวามแปลกใจ

“มีอะไร  ไหนบอกว่าจะไม่มา…”

พลั่ก!!!

พูดยังไม่ทันจบประโยค  หมัดเน้นๆของอวกาศก็พุ่งเข้าใส่หน้าเขาจนเซไปกระแทกกับโต๊ะที่ประชุม  ผู้บริหารคนอื่นๆต่างแตกฮือกันด้วยความตกใจ

“นาย…”

“หมายความว่ายังไง”

“กำลังพูดเรื่องอะไร”

“ที่ว่านายถอนหมั้นกับมาเรียตั้งแต่หนึ่งปีก่อนมันหมายความว่ายังไง!!!”

เป็นครั้งแรกที่อวกาศโกรธจนสติหลุดและตวาดได้เสียงดังขนาดนี้  จักรวาลถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันไปหาผู้บริหารคนอื่นๆ  ส่งยิ้มอย่างใจเย็นไปให้

“วันนี้ประชุมแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ  ไว้ยังไงผมจะนัดประชุมใหม่  ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ตกใจกัน  ไปส่งพวกเขาที”

ตอนท้ายหันไปสั่งการกับเลขา  เมื่อทุกคนออกจากห้องประชุมไปจนหมด   บรรยากาศมาคุภายในห้องก็ก่อตัวทันที

“รู้แล้วเหรอ”

“ใช่  ถ้าผมไม่ได้ไปที่โรงเรียนเพราะตั้งใจจะไปแสดงความยินดีกับเธอ  ผมก็คงไม่รู้เรื่องนี้   ว่าพี่ถอนหมั้นเธอมาตั้งหนึ่งปีแต่กลับปิดผมเอาไว้เป็นความลับ!”

“ฉันไม่ได้ปิด  ฉันแค่คิดว่ามันเป็นเรื่องของฉัน”

“พี่จะว่าผมเสือกงั้นสิ!”

“ฉันรู้ว่าสำหรับนาย  มารีอาเป็นเพื่อนสนิทที่…”

“เธอไม่ใช่แค่เพื่อนสนิท”

“…”

“มาเรียคือนางฟ้าของผม  พี่  แล้วก็เฟี้ยว  เธอคือคนที่พวกเราสามคนต่างสัญญาว่าจะปกป้องและทำทุกอย่างเพื่อให้เธอมีความสุข  อย่าบอกนะว่าพี่ลืมคำสัญญานี้ไปแล้ว!”

“ฉันไม่ได้ลืม”

“แล้วทำไม…!”

“แต่สำหรับฉัน…จะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านายและ…”

“…”

“หน้าที่ที่ฉันต้องทำ”

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพตอนที่เก้าแล้วจ้า  ในที่สุดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็เปิดเผย  ช่างอีนุงตุงนังซับซ้อนซ่อนเงื่อนเสียเหลือเกิน  ที่แท้ว่าที่เจ้าสาวของท่านจักรวาลที่อวกาศพูดถึงก็คือมารีอานี่เอง  แต่เอ๊ะๆๆๆ  ทำไมเขาถึงถอนหมั้นกับเธอกันล่ะ  สิ่งที่จักรวาลกำลังทำอยู่คืออะไรกันแน่  เขามีเป้าหมายอะไรหรือเก็บงำความจริงอะไรไว้หรือเปล่านะ?  ถ้าอยากรู้ก็ต้องติดตามกันต่อไปจนกว่าจะจบเน้ออออ


ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ที่ถอนหมั้นก็คงเพราะว่าอวกาศชอบมารีอาซินะไม่ต้องสงสัย

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
เด๋วๆ
มารีอาชอบเฟี้ยว หรือเฟี้ยวชอบมารีอา
หรือมารีอารักจักรวาลกันแน่
ที่แน่ๆ มารีอาคือนางฟ้าของอวกาศ
และตอนนี้มารีอาคืออดีตคู่หมั้นจักรวาล
...ตูมึน
 :hao4:
เชียร์น้องไทม์เว้ย น้องไทม์น่ารัก
 :mew3:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :a12: :a12: นอนรอตอนต่อไปดีกว่า

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
อวกาศชอบอาจารย์ใช่มะ คุณพี่จักรวาลเลยยอมถอยเพื่อน้อง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อวกาศ น่าจะชอบมารีอาเกินเพื่อน
พอจักรวาลถอนหมั้น เลยโกรธแทน
แต่อวกาศ ไม่รู้หรือ หมั้น-ถอนหมั้นเป็นเรื่องของคนที่หมั้นกัน
ทำไมต้องโกรธขนาดชกหน้าพี่ชายตัวเอง
ถามกันดีๆก็ได้ ทำให้สงสัยโกรธเพราะอะไรกันแน่
โกรธเพราะไม่บอก หรือโกรธเพราะจักรวาลทำให้มารีอาเสียใจ

เฟี้ยวเป็นน้องชายมารีอา แต่ชื่อไม่ไปทางเดียวกันเลย
แล้วทำตัวเป็นอันธพาลในโรงเรียน ทั้งที่พี่เป็นครู แปลกมากกกก
แล้วพี่ไม่รู้หรือว่าน้องทำตัวเกเร ไม่น่าไม่รู้นะ  :m16:
เฟี้ยวโกรธจักรวาล เพราะถอนหมั้นพี่สาวตัวเองหรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ความเดาล้วนๆ อวกาศชอบมารีอา เฟี้ยวชอบจักรวาล จักรวาลชอบไทม์ 

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 10

ถูกชะตา

 

“จะแวะที่ไหนก่อนไหมครับคุณไทม์”

พี่เข้มเอ่ยถามเมื่อผมเดินมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน  เลยส่ายหน้าไปเพื่อเป็นการปฏิเสธ  ในหัวยังคิดถึงเรื่องที่อาจารย์มารีอาเล่าอยู่

 

‘สองปีก่อน  ครูกับจักรวาลหมั้นกัน  ความจริงมันก็ไม่ใช่การหมั้นที่เกิดจากความรักของคนสองคนเลย  มันเป็นการหมั้นทางธุรกิจมากกว่า  บรรดาผู้บริหารในบริษัทที่จักรวาลบริหารอยู่ตอนนี้  ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าถ้าจักรวาลได้เป็นดองกับตระกูลของครู  จะทำให้ความสัมพันธ์ด้านธุรกิจมั่นคงขั้น  เพราะฝั่งคุณปู่คุณย่าของครูท่านเป็นเจ้าของกิจการอสังหาฯขนาดใหญ่  และเพื่อบริษัท  จักรวาลก็เลยมาขอหมั้นกับครู  ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รักครูก็ตาม’

‘แล้วอาจารย์ทำไมถึงยอมหมั้นล่ะครับ  ก็ในเมื่ออาจารย์ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับบริษัทพวกนั้นอยู่แล้ว  อาจารย์เป็นอาจารย์นะครับ’

‘ที่เธอพูดมาก็ถูก  แล้วเธอคิดว่าเป็นเพราะอะไรกันล่ะ  ทำไมผู้หญิงคนหนึ่งถึงยอมรับหมั้นกับผู้ชายคนหนึ่งได้’

‘…’

‘…’

‘รัก…ใช่ไหมครับ’

‘จ้ะ  ครูรักเขามาตลอด  แอบรักเขามาตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะ แต่เขาไม่เคยมองครูมากกว่าความเป็นน้องสาวเลย  ตอนที่ได้หมั้นกัน  ครูดีใจมาก  และคิดว่าคงทำให้เขารักครูได้ไม่ยากเพราะเราผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก  แต่ก็ไม่ใช่  หนึ่งปีให้หลังเขามาขอถอนหมั้นกับครู  ไม่ว่าครูจะถามเหตุผลแค่ไหนก็ไม่เคยได้รับคำตอบ  เขาเลือกที่จะเงียบและค่อยๆเย็นชามากขึ้น  จนในที่สุด…เราก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย  เพิ่งจะได้กลับมาเจอก็วันที่เขามารับเธอที่นี่นั่นแหละ’

‘ถ้างั้น  สาเหตุที่ไอ้เฟี้ยวมันเกลียดคุณจักรวาลก็…’

‘เด็กคนนั้นโกรธที่จักรวาลไม่ยอมพูดอะไรเลย  ไม่บอกเหตุผลและยังทำเย็นชากับทุกคน  แรกๆเขก็ไม่ได้โกรธหรอกนะ  พยายามไปหาและถามเหตุผล  แต่กลับถูกจักรวาลเฉยชาใส่และไล่กลับมา  ตั้งแต่วันนั้น…เฟี้ยวเลยตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับจักรวาลมาโดยตลอด  อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับจักรวาล  เด็กคนนั้นจะพาลเกลียดไปเสียหมด’

 

และเพราะเรื่องเล่านั้น  ทำให้ผมพอจะรู้สาเหตุที่ตัวเองถูกมันแกล้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วล่ะ  มันคงเห็นว่าคุณจักรวาลดีและให้ความสำคัญกับผม  ในขณะที่กับอาจารย์มารีอานั้น  เขาทำเฉยชาจนเธอต้องเจ็บปวด  ความแค้นที่มีก็เลยทำให้มันมาลงที่ผมเพราะต้องการเอาคืนคุณจักรวาล

แต่ว่านะ  ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ  การกระทำของเขามีแต่เรื่องชวนปวดหัวทั้งนั้น  ผมเดาไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไร  คนๆนี้ลึกลับและชวนพิศวงจนบางครั้งผมก็อดกลัวไม่ได้  ตัวเขาเปรียบเหมือนเขาวงกต  ที่อาจจะทำให้เรานึกสนุกอยากจะหาทางออกให้เจอ  แต่ใครจะไปรู้ล่ะ  ว่าถ้าหลงเข้าไปในนั้นแล้ว  เราอาจจะหาทางออกมาไม่เจอก็ได้

“พี่เข้มครับ  ผมถามอะไรหน่อยสิ”

“ครับคุณไทม์”

“คุณจักรวาลเนี่ย  เขาเป็นคนยังไงเหรอครับ”

“บอสเหรอ  บอสก็เป็นคนที่จริงจังนะครับ  เท่าที่ผมเห็นบอสมา  บอสจะทำงานอย่างหนักมาก  ทำทุกอย่างเพื่อให้กิจการเจริญก้าวหน้า  ทั้งที่คนในบริษัทและที่บ้านต่างก็ลือกันว่าบอสไม่คิดที่จะรับช่วงต่อ  แต่ทำทุกอย่างเตรียมไว้ให้กับคุณอวกาศที่เป็นน้องชาย  ขนาดโดนลอบฆ่าไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง  แต่บอสก็ยังไม่เคยคิดที่จะหนีเลยนะ”

“ลอบฆ่าเหรอครับ!  ทำไมล่ะ?”

“ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว  จุดที่บอสยืนอยู่ในตอนนี้คอจุดที่อันตรายที่สุด  มีคนมากมายต้องการโค่นล้มบอส  แต่ผมคิดว่าอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้บอสยังยืนอยู่ในจุดนี้ก็คงเป็นเพราะต้องการตามหาตัวคนที่คิดจะฮุบกิจการให้เจอมากกว่า  เพราะถ้าบอสวางมือตอนนี้แล้วให้คุณอวกาศขึ้นรับทุกอย่างแทน  คนที่จะตกเป็นเป้าก็จะกลายเป็นคุณอวกาศทันที”

หมายความว่า…ยอมเป็นอันตรายเองเพื่อปกป้องน้องชายงั้นเหรอ?

ยอมที่จะตกเป็นเป้าไปจนกว่าจะตามล่าหาตัวคนที่คิดลอบฆ่าเจอ  คนเป็นพี่ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?  ถ้าทำเพื่อรักษาบริษัทของครอบครัวตัวเองผมก็พอเข้าใจได้  แต่ว่านี่…ทำทั้งๆที่ถ้าจับตัวคนคิดลอบฆ่าได้ตัวเองก็จะวางมือจากบริษัทเนี่ยนะ?

มันจะเสียสละเกินไปไหม

ไม่ให้ความรู้สึกของพี่ชายที่ทำเพื่อนน้องเลยสักนิด  กลับกัน…ผมรู้สึกเหมือนเขาไม่ต่างอะไรจากบอดี้การ์ดของเขาเองเลย

เหมือนบอดี้การ์ดของคุณอวกาศมากกว่า

อ่า…คิดมากเอาเองอีกแล้วสินะ  เขาอาจจะรักน้องชายเขามากจริงๆก็ได้

“พ่อของผมทำงานกับบอสมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อของบอสเล่าให้ฟังว่า  หลังจากที่นายท่านเสียชีวิตไปเมื่อหกปีก่อน  บอสก็ต้องทำหน้าที่และบริหารทุกอย่างแทนนายท่าน  จากที่เคยใจดีกับคนอื่นๆก็เริ่มเย็นชาจนในที่สุดก็ไม่มีใครเคยเห็นบอสยิ้มอีกเลย  แต่ผมเข้าใจนะครับ  สิ่งที่บอสกำลังเผชิญทำให้บอสต้องเข้มแข็ง  บอสต้องดูแลและปกครองคนอีกนับร้อยนับพันที่ทำงานให้กับบริษัท  หนำซ้ำชีวิตของบอสก็ยังแขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลาอีก  การที่ต้องแบกรับอะไรไว้มากมายขนาดนั้น  ผมคิดว่ามันคงไม่ง่ายเท่าไหร่นัก”

“นั่นสินะครับ”

เรื่องเล่าจากพี่เข้มทำให้ผมคิดถึงวันนั้นขึ้นมา  วันที่คุณจักรวาลพาไปเดินเล่นแล้วเงยหน้ามองฟ้าด้วยแววตาที่ว่างเปล่าแต่กลับแฝงความเศร้าเอาไว้

ที่ผ่านมาเขาคงเหนื่อยมามาก  แต่บอกใครไม่ได้  เขาแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยตัวเอง  รวมถึงรู้ตัวมาตลอดว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายและสามารถตายได้ทุกเมื่อ  ถ้าหากว่าผมเป็นคุณจักรวาล  ต่อให้มีเงินทองใช้ตลอดเวลาแต่มั่นใจได้เลยว่าผมคงไม่ไหวจริงๆ

ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น…

 

ทันทีที่กลับมาถึงคฤหาสน์  ผมก็ตรงดิ่งไปที่ห้องนอนก่อนเพื่อจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ารอกินข้าวพร้อมคุณจักรวาล   เรื่องที่ได้รับรู้มาในวันนี้ทำให้ผมเริ่มมองเขาในแง่ดีขึ้นมาอีกนิดหน่อย  อย่างน้อยเขก็ไม่ใช่เจ้าพ่อใจคอโหดร้ายอย่างที่ผมคิด

“หือ?”

คะ…คุณจักรวาล!

ขยี้ตาตัวเองแรงๆและเพ่งมองไปที่เตียงนอนอีกที  ร่างสูงในชุดสีดำนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงทว่าหลับสนิท  ผมค่อยๆย่องเข้าไปใกล้เพราะกลัวว่าเขาจะตื่น

คุณจักรวาลนอนหลับตานิ่ง  ที่แก้มมีรอยฟกช้ำเหมือนคนถูกต่อย  ไปมีเรื่องกับใครมาหรือเปล่านะ?  เขาในตอนนี้ดูเหนื่อยอ่อนมากๆ  ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกสงสารเขาขึ้นมา

ยวบ…

ผมขึ้นไปนั่งบนเตียง  เขยิบเข้าไปใกล้เขาเพื่อจะนั่งมองใบหน้านี้ใกล้ๆ

“เหนื่อยมากไหมครับ”

อะไรดลใจให้ถามออกไปแบบนั้น  ผมเอื้อมมือไปสัมผัสเส้นผมสีดำนุ่มของเขาอย่างเบามือ  อยากจะให้เขาได้นอนพักแบบนี้นานๆ  จนกว่าเขาจะหายเหนื่อยและรู้สึกดีขึ้น

“คุณรู้ไหม  บางครั้ง…คนเราก็ไม่จำเป็นต้องแบกรับอะไรไว้คนเดียวหรอกนะครับ  ปากเราก็มี  พูดขอความช่วยเหลือเสียบ้างในยามที่เราเหนื่อยจนทนไม่ไหว  อย่าแบกโลกเอาไว้บนบ่า  แม้ว่าคุณจะชื่อจักรวาลก็ตาม”

“…”

“แต่ก็นะ  คนขี้ขลาดและเอาแต่หนีมาตลอดอย่างผม  มาบอกคุณเรื่องนี้ก็คงดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่  เพราะลำพังตัวเองก็เต็มกลืนแล้ว”

“…”

“งั้นเอาแบบนี้  ในฐานะหมาน้อยของจักรวาล  ผมจะคอยอยู่ข้างๆคุณ  ยามที่คุณเหนื่อย  ผมจะคอยเติมพลังให้  ยามที่คุณท้อ  ผมก็จะคอยเป็นแรงใจให้  ยามที่คุณล้า  ผมก็จะให้คุณนอนหนุนตักจนกว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้น”

“…”

“ผมจะเป็นทุกอย่างเพื่อคุณ”

“…”

“ขอบคุณนะครับ  เจ้านาย”

แผล่บ…

เหนือความคาดคิดของตัวเองด้วยก็ตรงที่ผมก้มลงไปเลียแก้มเขาเหมือนหมาจริงๆนี่แหละ!!!

พอเลียเสร็จผมก็นั่งนิ่งตกใจกับกับการกระทำของตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจวิ่งออกไปตั้งหลักที่นอกห้อง  หัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอกเลยทีเดียว

กะ…กูทำบ้าอะไรลงไปวะเนี่ย!!!

 

ตึกๆ!  ตึกๆ!  ตึกๆ!

“เจ้าเด็กนั่น…”

จักรวาลที่ไม่ได้หลับแต่อย่างใด  เขาแค่นอนพักสายตาเท่านั้นลืมตาขึ้นมาเมื่อร่างเล็กวิ่งออกจากห้องไปแล้ว  มือข้างหนึ่งของชายหนุ่มยกขึ้นปิดใบหน้าที่ขึ้นริ้วสีแดงของตัวเองเอาไว้

หมับ!

แต่แค่เอามือปิดหน้าไม่สามารถช่วยระบายความรู้สึกในใจได้  เขาเอื้อมมือไปคว้าหมอนของไทม์มากอด  ก่อนจะซุกหน้าลงเพื่อสูดกลิ่นหอมอ่อนๆที่ติดอยู่

“ให้ตายสิ  ทำบ้าอะไรเนี่ยเรา”

แม้จะบอกกับตัวเองอย่างนั้น  แต่เขาก็ยังไม่เลิกฟัดหมอนของไทม์สักที…

 

ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปึก!

“โอ๊ยยย!”

ร้องลั่นเมื่อร่างพุ่งเข้าชนกับใครบางคนที่เปิดประตูออกมาจากห้องข้างๆพอดี  ผมหงายหลังล้มตึงประหนึ่งวิ่งชนรถบรรทุก

“โอ๊ะ!  โทษทีๆ  เป็นอะไรไหม”

คนที่ผมชนเอ่ยถาม  เสียงผู้ชายงั้นเหรอ?  แถมยังไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วย  ใครกันนะ?

ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงด้วยความอยากรู้  เพียงวินาทีแรกที่ผมและเขาสบตากัน  ความรู้สึกบางอย่างก็เดือดพล่านอยู่ในใจ  ผมสีทองสว่างในชุดสีขาวทำให้เขาเหมือนเทวดาไม่มีผิด  ผู้ชายคนนี้…ใครกัน?

“ขอโทษนะ  เจ็บมากหรือเปล่า”

“อ๊ะ  มะ…ไม่ครับ  ไม่เจ็บ  ผมต่างหากที่ต้องขอโทษเพราะวิ่งไม่ดูทาง  ขอโทษนะครับ”

“ลุกขึ้นมาก่อนมา”

เขายื่นมือมาจับแขนช่วยดึงผมขึ้น  แปลกจัง… ในใจผมมันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเพียงแค่มองรอยยิ้มของเขา  มือที่จับแขนผมอยู่ตอนนี้ก็เหมือนกัน…

เป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย

“เอ…เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?”

“หมายถึงผมกับคุณเหรอครับ”

“ใช่”

“คิดว่าไม่น่าจะเคยนะครับ  ผมไม่รู้จักคุณ”

“แปลก  ทำไมแวบหนึ่งเมื่อกี้ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับนายนะ”

ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่คิดแบบนั้นเหรอเนี่ย  แต่เขาเองก็คิดเหมือนกัน  มันจะเป็นไปได้ยังไง  พวกเราแทบจะเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันเลยด้วยซ้ำ

ไม่เข้าใจแฮะ

“จริงสิ  ลืมแนะนำตัวไปเลย  ฉันชื่ออวกาศนะ   เป็นน้องชายของพี่จักรวาล  แล้วนายล่ะ?”

“อวกาศ?”

“…”

“งะ…งั้นคุณก็คือคุณอวกาศ  น้องชายของคุณจักรวาลเหรอครับ!”

ผมรีบดึงแขนออกจากเขาแล้วทรุดตัวลงนั่งยกมือไหว้ท่วมหัว  งานงอกแล้วไง  เดินชนใครไม่ชนเสือกมาชนน้องชายคุณจักรวาลเนี่ยนะ!

เป็นรอยบุบสลายตรงไหนไหมวะ

“เฮ้ย!  อย่าทำแบบนี้สิ  ลุกขึ้นๆ  มาไหว้ฉันทำไม”

“ผะ…ผะ…ผมขอโทษที่เดินไม่ดูทางก็เลยชนคุณเข้า  ขอโทษจริงๆครับ”

“รู้แล้วๆ  ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร  ลุกขึ้นมาเถอะน่า”

“แต่…”

“ถ้านายไม่ลุกฉันจะโกรธนะ”

พรึ่บ!

ลุกทันทีทันใด

คุณอวกาศหัวเราะ  มือข้างหนึ่งวางลงบนหัวผมก่อนจะก้มหน้าลงมาหา

“ชื่ออะไรน่ะเรา”

“ทะ…ไทม์ครับ!”

“ไทม์?  อ๋อ!  เด็กที่เพิ่งมาอยู่ใหม่สินะ  พี่เล่าให้ฉันฟังบ้างแล้วล่ะ  มิน่าถึงวิ่งออกมาจากห้องพี่  งั้น…ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

เขายิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก  เหมือนมีดอกไม้งอกงามขึ้นมารอบตัวผมในตอนนี้เลย  เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึก…อยากจะหยุดช่วงเวลานี้เอาไว้

ความอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่ใกล้เขา  มันเป็นเพราะอะไรกัน…

ถูกชะตางั้นเหรอ?

ไม่สิ  ผมมั่นใจว่ามันเป็นความรู้สึกที่มากกว่านั้น  อะไรบางอย่างในใจมันบอกกับผมว่าคนๆนี้แตกต่างออกไป

ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพตอนที่สิบแล้วจ้า  เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว  ในที่สุดอวกาศและน้องไทม์ก็ได้เจอกัน  ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในใจของสองคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอมันเพราะอะไรกันนะ?   ไหนจะการกระทำของจักรวาลอีก  อะไรทำให้เขายอมเอาชีวิตตัวเองเข้าเสี่ยงเพียงเพื่อต้องการจะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ให้อวกาศเท่านั้น?  และเหตุผลที่เขาถอนหมั้นกับมารีอาคืออะไร?  เรื่องราววุ่นๆทั้งหมดจะลงเอยแบบไหน  ติดตามกันต่อไปนะค้า

#เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  ติดแฮชแท็กนี้มาเม้ามอยกันในทวิตเตอร์ได้น้า  แลกเปลี่ยนความร็สึกหลังอ่านจบในแต่ละตอนกันค่ะ  หรือใครมีข้อสันนิษฐานในเรื่องนี้ยังไงบ้างก็เอามาพูดคุยกันได้น้า  อย่าปล่อยให้แฮชแท็กร้างกันนะคะ  สงสารหนุ่มๆในเรื่อง T^T
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2017 10:57:05 โดย WwW »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด