|| THE MACHANICAL DOLL ตุ๊กตาไขลาน || ตอนที่ 18 (END) ** 2018.01.14 **
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: || THE MACHANICAL DOLL ตุ๊กตาไขลาน || ตอนที่ 18 (END) ** 2018.01.14 **  (อ่าน 18856 ครั้ง)

ออฟไลน์ BlueSora

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



|| THE MACHANICAL DOLL ||
ตุ๊กตาไขลาน


ติดตามการอัพเดทนิยาย ทวงถาม พูดคุยกันได้ที่แฟนเพจนะคะ ฝากด้วยค่ะ

FANPAGE



PROLOGUE

ตุ๊กตาไขลาน... โบราณกาลกล่าวไว้ว่ามักจะถูกทำขึ้นด้วยมือ ผู้สร้างจึงมักใส่จิตวิญญาณในการทำลงไปด้วยเสมอ

ผู้ผลิตตุ๊กตาไขลานจากเนื้อไม้ฝีมือดีเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนบนโลกใบนี้ และวิคเตอร์ บรอมฟอร์ด เจ้าของร้านขายตุ๊กตาไม้ในชนบทแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ตุ๊กตาที่ตั้งโชว์อยู่บนชั้นวางแต่ละตัวล้วนถูกสร้างสรรค์มาด้วยความปราณีต รวมถึงตุ๊กตาไขลานขนาดเท่าคนจริงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ม้าโยกตัวหนึ่งในร้าน มันกระพริบตามองดูผู้คนที่แวะเวียนมาอยู่อย่างสม่ำเสมอ มันเคยถูกเศรษฐีขอซื้อไปด้วยจำนวนเงินมูลค่ามหาศาลแต่วิคเตอร์กลับปฏิเสธที่จะขายมันไป ตุ๊กตาตัวนี้มีค่ามากกว่านั้นมากเพราะมันเป็นตัวแรกที่วิคเตอร์ใส่กลไกต่างๆ เข้าไปให้มันทั้งกระพริบตา ขยับแขนและขาได้ อีกทั้งยังเป็นตุ๊กตาที่ชิ้นส่วนภายนอกถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากเงิน

“อุล วันนี้มีคนเข้าร้านกี่คนกันนะ ได้นับบ้างหรือเปล่า” วิคเตอร์เอ่ยถามตุ๊กตาที่เปรียบดั่งคู่ทุกข์คู่ยาก ยามเขามีปัญหาก็มักจะได้อุลรับฟังเสมอโดยไม่ปริปากบ่นใดๆ

อุลเป็นเพียงตุ๊กตาไขลานที่ทำหน้าที่ต้อนรับแขกได้ดีเสมอ เวลาเด็กตัวน้อยผ่านมาแถวนี้ก็มักจะแวะเข้ามาเล่นด้วยเป็นประจำ เพียงเพราะเห็นดวงตาสุกใสสีหยกกระพริบมองราวกับเชิญชวน บางครั้งก็ยกมือขึ้นทักทาย ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อยเวลาที่มันได้จ้องมองดูเด็กเหล่านั้น

“เหนื่อยหน่อยนะ อุล” วิคเตอร์เอ่ยบอกกับตุ๊กตาไขลานเมื่อเห็นว่ามีเด็กเข้ามาห้อมล้อม เล่นด้วยมากมาย

วิคเตอร์เป็นชายชราวัย 83 ปี ที่ยังคงมีใจรักในการสร้างตุ๊กตาไม้และตุ๊กตาไขลาน เขาวางแผนจะเกษียณอายุตัวเองและกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายกับญาติผู้น้องในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ แต่ทว่าเวลาแค่เพียงครึ่งปีให้หลัง สุขภาพร่างกายของวิคเตอร์กลับทรุดหนักลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามที่จะสรรสร้างผลงานอันเป็นที่รักต่อไป จวบจนกระทั่งแรงที่จะจับสิ่วจับค้อนสร้างผลงานนั้นค่อยๆ หายไปไม่เหมือนเคย

“อุล... ถ้าฉันไม่อยู่แล้วจะทำยังไง”

วิคเตอร์รู้ว่าถามออกไปอย่างไรตุ๊กตาไขลานตัวนี้ก็คงไม่ตอบ

“อุล ถ้านายเป็นคน ฉันก็อยากได้ยินความในใจของนายนะ”

อุลเป็นตุ๊กตาไขลานที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อยี่สิบปีที่แล้วและทุกๆ สามเดือนจะต้องทำการไขลานหนึ่งครั้งเพื่อต่อชีวิตให้มันได้ขยับเขยื้อนร่างกายต่อไป วิคเตอร์ไม่อยากให้มันตายไปพร้อมกับเขา ยังอยากให้เจ้าตุ๊กตาไขลานตัวนี้ได้อยู่ดูความเปลี่ยนแปลงที่งดงามของโลกใบนี้ต่อไป แต่ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก อาการของวิคเตอร์ทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อาจกลับมาเปิดร้านได้อีกครั้ง ตุ๊กตาไขลานยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ม้าโยกโดยได้แต่เฝ้ารอเจ้านายผู้สร้างมันขึ้นมาอย่างมีความหวังว่าร้านนี้จะเปิดต้อนรับลูกค้าในสักวันหนึ่ง

ผ่านไปวันแล้ววันเล่า
จากหนึ่งวัน ... เป็นสองวัน
จากสองวัน ... เป็นสัปดาห์
จากสัปดาห์ ... กลายเป็นเดือน

ร้านขายตุ๊กตาของวิคเตอร์ บรอมฟอร์ดยังคงเงียบสงัดและไร้วี่แววของเจ้าของร้าน มันเป็นความเงียบที่แฝงไปด้วยความเศร้าที่เหล่าตุ๊กตาทุกตัวสัมผัสได้ การหายไปอย่างเงียบงันของผู้เป็นเจ้าของไม่ต่างอะไรจากคำบอกลา จนกระทั่งเสียงกระดิ่งที่ประตูร้านดังขึ้น

“เฮเลน ไม่วิ่งนะลูก หนูคงไม่อยากทำให้คุณปู่วิคเตอร์โกรธหรอกใช่ไหม”

หญิงวัยกลางคนกำลังพูดเตือนลูกสาววัยกำลังอยากรู้อยากเห็นไม่ให้วิ่งไปไหน เธอรู้ว่าพ่อของเธอนั้นรักตุ๊กตาไม้และตุ๊กตาไขลานพวกนี้เท่าชีวิต ไม่อย่างนั้นคงไม่เขียนจดหมายและสั่งเสียก่อนสิ้นใจให้เธอนำมาอ่านให้กับตุ๊กตาพวกนี้ได้ฟัง

“แม่คะ ตุ๊กตาสีเงินตรงนั้นเหมือนคนเลย”

เด็กน้อยชี้ไปยังตุ๊กตาไขลานตัวหนึ่งขนาดเท่าคนจริงกำลังนั่งหันหน้ามองตรงมาทางที่พวกเธอยืนอยู่ แววตาสีหยกคู่นั้นสะท้อนความหวังอันเปี่ยมล้นว่าสักวันหนึ่งวิคเตอร์จะกลับมาเปิดร้านนี้ได้อีกครั้ง มันรอคอยที่จะได้เล่นกับพวกเด็กๆ จะแย่แล้ว

“อุล ตุ๊กตาตัวนั้นชื่ออุลจ๊ะ คุณปู่น่ะรักอุลมากเลยนะ”

“รักอุลมากกว่าหนูอีกเหรอคะ” เด็กน้อยทำเสียงตัดพ้อ จ้องมองดวงตาสีหยกที่เหมือนจะกำลังมองเธออยู่ด้วยเช่นกัน

“เด็กน้อย... คุณปู่จะรักตุ๊กตามากกว่าหลานแท้ๆ ได้ยังไงล่ะจ๊ะ ที่มากกว่าอาจเป็นความผูกพัน ทั้งชีวิตของคุณปู่หลังจากที่ย่าเสียไปตั้งแต่ยังสาวก็มีแต่ตุ๊กตาพวกนี้นี่แหละที่อยู่กับคุณปู่ตลอด ลูกน่ะเพิ่งจะห้าขวบเองนะ แต่อุลและตุ๊กตาพวกนี้อยู่มาก่อนลูกจะเกิดเสียอีก”

เฮเลนพยักหน้าเข้าใจแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักของอุล

“หนูต้องเรียกว่าพี่อุลใช่ไหมคะ แม่”

เจนีวา ผู้เป็นแม่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ เธอหยิบจดหมายฉบับหนึ่งที่วิคเตอร์กำชับอย่างหนักแน่นว่าต้องมาอ่านให้กับตุ๊กตาเหล่านี้และอุลได้ฟัง

“อุล... ฉันชื่อเจนีวา เป็นลูกสาวของวิคเตอร์ คนที่สร้างเธอขึ้นมา ฉันจะอ่านจดหมายฉบับหนึ่งที่พ่อฉันเขียนขึ้นมาให้เธอได้ฟัง

เจนีวาคลี่จดหมายจากผู้เป็นพ่อที่เขียนเอาไว้ตอนอยู่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อนจะสิ้นลมหายใจออกอย่างช้าๆ พอได้เห็นลายมืออันคุ้นตาแล้วแทบใจสลาย

“อุล เมื่อเธอได้เห็นลูกสาวฉันพร้อมกับจดหมายฉบับนี้ ขอให้รู้ว่าฉันได้ออกเดินทางไปยังที่ที่แสนห่างไกลและไม่อาจกลับมาพบกับเธอได้อีก”

เจนีวานิ่งเงียบไป แค่คำว่าตาย พ่อของเธอก็ยังอุตส่าห์ประดิดประดอยคำพูดสวยหรูได้ถึงขนาดนี้ราวกับจะกลัวว่าหากตุ๊กตาเหล่านี้รวมถึงอุลได้ฟังแล้วจะใจสลาย ดูเหมือนวิคเตอร์จะใส่ใจความรู้สึกของตุ๊กตาพวกนี้มากมายเหลือเกิน

“ขอบคุณนะ อุล ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดยี่สิบปี คอยรับฟังเรื่องราวของฉันโดยไม่ปริปากบ่นใดๆ ขอบคุณที่ทุกครั้งที่ฉันหันไปมอง เธอจะคอยส่งยิ้มและโบกมือทักทายให้ฉันเสมอ ตลอดเวลาที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันนั้นเป็นช่วงเวลาที่วิเศษที่สุดในชีวิตของฉัน ถ้าหากความปรารถนาของฉันเป็นจริงได้ก็อยากให้เธอได้มีชีวิตและใช้มันต่อจากนี้ไปอย่างมีความสุข”

เจนีวาหยุดพูดและมองดูใบหน้าของตุ๊กตาไขลานที่เพียงเสี้ยววินาทีเหมือนเธอจะเห็นน้ำใสๆ เอ่อคลออยู่ที่ดวงตาสีหยกคู่นั้น

“ฉันรู้... ฉันรู้ว่ามันคงไม่มีพรใดที่จะทำให้สิ่งที่ไม่มีชีวิตกลายเป็นสิ่งที่มีชีวิตได้ แต่ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นตุ๊กตาไขลานที่มีชีวิตมาตั้งแต่แรก อุล... คือสมบัติอันล้ำค่าของครอบครัวฉันและเป็นดั่งลูกที่ฉันรักมากที่สุด”

เจนีวาเว้นจังหวะ มองดวงตาสีหยกที่ดูจะเศร้าหมองลงถนัด ริมฝีปากที่เคยแย้มยิ้มตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอเห็น ทำไมตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ยิ้มเหมือนคราวแรกเลยราวกับมันมีความรู้สึก รับรู้ได้ถึงการจากไปของวิคเตอร์

“นายอยู่ที่นี่อาจจะเหงา ฉันจะให้ลูกสาวฉันรับนายกลับไปอยู่ที่บ้านนะ นายคือครอบครัวของฉันนะ อุล ด้วยรักตราบชั่วนิจนิรันดร์ วิคเตอร์”

เจนีวาเก็บจดหมายใส่กระเป๋า กวักมือเรียกลูกสาวให้ลงมาจากตักของอุล

“อีกสองวัน ฉันจะกลับมารับนะ”

เจนีวาจูงมือลูกสาวตัวน้อยเดินจากอุลมาได้ไม่ไกล ลูกสาวอย่างเฮเลนก็เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “แม่คะ ทำไมตัวพี่อุลถึงได้อุ่นจังเลยคะ”

“คงเป็นเพราะไออุ่นจากตัวลูกล่ะมั้ง”

‘ขอบคุณนะ’   

คำขอบคุณที่ไม่มีใครได้ยิน
น้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงสีหยกอันเศร้าหมอง
ความเสียใจที่ท่วมท้นพรั่งพรูออกมาไม่จบสิ้น
ความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรับรู้ เว้นเพียงแต่ตุ๊กตาที่ยังคงอยู่ในร้านของวิคเตอร์


** ติดตามตอนต่อไป **

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2018 13:37:36 โดย BlueSora »

ออฟไลน์ arjanlai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
แค่เปิดเรื่องมาก็ดูดีมากครับ ใช้ภาษาได้สวยงามจริงๆ อยากอ่านต่อนะครับ

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
บรรยายได้ดีมากเลยค่ะ เราถึงกับน้ำตาซึม

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
น่าติดตามมากค่ะ

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


ตั้งตารอติดตามเลยค่ะ ^_^


ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ตามรอย Malimaru มาค่ะ

ชอบมากกกกกกก  สำนวนภาษาสละสลวย ไม่เห็นคำผิดเลย

ติดตามและให้กำลังใจค่ะ

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ติดตามม :katai5:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
เรื่องราวน่าสนใจมากเลยค่ะ แค่เริ่มก็อินแล้ว อ่านไปน้ำตาไหลๆป  :mew4:

ออฟไลน์ BlueSora

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่ 1

ร้านดอกไม้อุ่นไอรักเป็นร้านที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนมานานถึงสี่สิบปี ชื่อร้านถูกตั้งขึ้นให้คล้องจองกับชื่อเจ้าของร้านอย่างอุล บรอมฟอร์ดหรือที่คนในครอบครัวปัจจุบันเรียกว่า ‘ไออุ่น’

ถ้าจะให้ย้อนความว่าเพราะเหตุใดก็คงต้องย้อนไปยังช่วงก่อนหน้านี้ราวๆ เกือบร้อยปี หลังจากที่วิคเตอร์เสียชีวิตลง อุลก็ถูกพาไปอยู่กับครอบครัวใหม่ซึ่งเป็นครอบครัวของเจนีวาที่เป็นลูกสาวคนเล็กของวิคเตอร์ อาศัยอยู่ในเมืองใหม่ พบผู้คนใหม่และบรรยากาศของความเป็นเมืองหลวงที่อึกทึกครึกโครม

เฮเลนมักจะเข้ามาเล่นกับอุลเสมอจนเกิดเป็นความรักและความผูกพันระหว่างมนุษย์กับตุ๊กตาไขลาน เมื่อไรไม่รู้ที่ความคิดหนึ่งผุดเข้ามาในหัวสมอง มันอยากให้ความปรารถนาครั้งสุดท้ายของวิคเตอร์กลายเป็นความจริงจึงคอยเฝ้าอธิษฐานต่อพระจันทร์และดวงดาวทุกค่ำคืน

จนเวลาผ่านไปนานหลายปี คำอธิษฐานของมันก็เป็นจริง มันได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขยับเขยื้อนร่างกายได้ พูดได้ หากแต่ร่างของมันยังคงเป็นดั่งเช่นแรกเริ่ม สิ่งแรกที่อุลทำคือการลูบหัวเฮเลน ไม่มีใครในครอบครัวบรอมฟอร์ดรังเกียจที่มันทำได้มากกว่าการเป็นตุ๊กตาไขลานธรรมดา ทุกคนกลับรักและดูแลมันราวกับสมบัติอันล้ำค่าเพราะมันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่วิคเตอร์รักสุดหัวใจ

หลังจากที่เฮเลนเรียนจบมหาวิทยาลัยได้พักใหญ่ เธอก็แต่งงานและย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่ประเทศไทย ในขณะนั้นอุลสามารถพูดได้ เดินได้เหมือนดั่งเช่นมนุษย์คนหนึ่ง หากแต่ร่างกายยังคงทำจากเงิน เฮเลนพาอุลมาด้วยและตั้งชื่อให้ใหม่ว่าไออุ่น

ห้าปีให้หลัง... เฮเลนได้ให้กำเนิดลูกชายและตั้งชื่อว่าสเตซี่ อุลได้รับโอกาสให้คอยเลี้ยงดูสเตซี่แทนเธอและสามีที่เอาแต่โหมงานหนักเพื่อต้องการสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว และอาจจะเพราะความผูกพันอันใกล้ชิดระหว่างมนุษย์กับตุ๊กตาไขลาน ผิวของอุลจึงเริ่มเหมือนมนุษย์เข้าไปทุกทีจนท้ายที่สุดก็ดูเหมือนคนปกติทั่วไปโดยที่ภายในร่างกายยังคงทำงานด้วยกลไกเครื่องจักร

 เมื่อสเตซี่โตขึ้น เฮเลนได้เปิดร้านดอกไม้ให้เป็นของขวัญเพราะเธอกลัวว่าอุลจะเหงา อุลดูมีความสุขกับการอยู่ท่ามกลางมวลหมู่ดอกไม้ หลังจากนั้นไม่นาน สเตซี่ก็แต่งงานกับสาวไทยและมีลูกชายหนึ่งคน เขาให้อุลเป็นคนตั้งชื่อให้กับเด็กคนนั้น และชื่อนั้นก็คือ ‘เบฟ’



เสียงกระดิ่งตรงประตูร้านดังขึ้นบ่งบอกให้เจ้าของร้านดอกไม้ได้รู้ว่ามีแขกมาเยือน ไออุ่นเดินออกมาจากหลังร้านเพื่อต้อนรับลูกค้ารายที่สามของวัน เขาส่งยิ้มทักทายเป็นอันดับแรกแต่อีกฝ่ายกลับทำเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยตอบกลับมา
 
“สวัสดีครับ จะรับดอกไม้แบบไหนดีครับ”

“ช่อลิลลี่สีขาว”

“ครับ รอสักครู่นะครับ”

ไออุ่นเดินไปเปิดประตูตู้แช่ หยิบเอาดอกได้เมืองหนาวอย่างดอกลิลลี่ออกมา ใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่งก้านและวางมันไว้บนโต๊ะ หยิบกระดาษสาออกมาพร้อมกับกระดาษฉลุลวดลายวางไว้บนโต๊ะเช่นกัน

“กลับมาแล้วครับ ป๊ะป๋า!”

เสียงที่ดังกว่ากระดิ่งของร้านไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าเป็นเสียงของเบฟ ลูกชายของสเตซี่ที่ยกให้ไออุ่นเป็นคุณพ่อทูนหัว เขาเกาะติดไออุ่นมากกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเสียอีก

“เบฟ!” ไออุ่นทำเสียงเข้ม ดุลูกชายตัวน้อยของเขาที่ส่งเสียงดังรบกวนลูกค้าที่นั่งรอรับช่อดอกไม้อยู่ภายในร้าน

เบฟเป็นเด็กผู้ชายที่น่ารัก หน้าตาจิ้มลิ้มคล้ายกับผู้เป็นแม่มากแต่ถึงอย่างนั้นเวลาที่เจ้าตัวทำท่าขรึมก็ดูค่อนข้างจะหล่อเหลาเอาการ ดวงตาสีฟ้าครามได้พ่อ สูงร้อยเจ็ดสิบสองเซนติเมตรแต่ก็ยังเตี้ยกว่าไออุ่นอยู่ถึงห้าเซนติเมตร

“ขอโทษครับ พี่อุ่น”

เบฟทำหน้าหงอยแล้วเปลี่ยนสรรพนามเรียกไออุ่นเสียใหม่ ด้วยเพราะอายุที่ดูจากภายนอกแล้วน่าจะใกล้เคียงกันแม้ว่าความจริงแล้วไออุ่นจะมีอายุมากกว่าเกือบจะร้อยปีก็ตาม ไออุ่นไม่อยากให้ใครสงสัย ไม่อยากให้ใครซักไซ้ว่าเพราะอะไรถึงได้เรียกไออุ่นว่าป๊ะป๋า

“มานี่” ไออุ่นกวักมือเรียกให้เบฟเดินเข้ามาหาแล้วเอื้อมมือออกไปยีเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเบาๆ อย่างรักใคร่เอ็นดู

“พี่อุ่นไปพักเถอะครับ เดี๋ยวเบฟทำเอง”

“ไม่เป็นไรหรอก ใกล้เสร็จแล้ว”

“พี่อุ่น...”

เบฟถึงกับขมวดคิ้วด้วยความขัดใจ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าร่างกายของไออุ่นเริ่มมีปัญหา ฟันเฟืองบางตัวเริ่มบิดเบี้ยวแต่เจ้าตัวกลับทำเหมือนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังหาอะไหล่มาทดแทนไม่ได้ ไออุ่นก็จะกลายเป็นเพียงตุ๊กตาไขลานมีชีวิตที่ขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้อีกต่อไป

เสียงกระดิ่งที่ประตูร้านดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่ลูกค้าแต่เป็นคนที่ทั้งไออุ่นและเบฟรู้จักดี เขาเป็นลูกชายของเจ้าของร้านขายอะไหล่ อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าไออุ่นเป็นตุ๊กตาไขลาน บางครั้งเขาก็แวะมาเพื่อช่วยซ่อมในส่วนที่จัดการยาก

“พี่อุ่น อะไหล่ที่พี่ต้องการหายากมาก”

“ขอบใจนะ พีท”

“พี่อุ่นจะเปลี่ยนเลยไหม เดี๋ยวผมช่วย”

“หยุดเลย! พี่พีท ป๊ะป๋าของเบฟ เบฟจัดการเอง”

เบฟกระโดดเข้ากอดไออุ่นจากทางด้านหลังในขณะที่ไออุ่นกำลังจัดการมัดเชือกเป็นลำดับสุดท้าย

“เบฟ!”

ดูท่าว่าไออุ่นคงต้องดุเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นคงได้เรียกเขาว่าป๊ะป๋าทั้งวันแน่ เห็นลูกค้าที่นั่งรอมองมาด้วยแววตาที่มีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมดแล้วไม่รู้จะอธิบายยังไงดีถ้าเขาเกิดถามขึ้นมา

“ขอโทษครับ”

เบฟยื่นมือออกไปขอรับอะไหล่ที่พีทไปควานหามาให้ อะไหล่ของไออุ่นนั้นหายากจริงๆ กว่าจะตามหามาได้แต่ละชิ้นก็ใช้เวลาอยู่มาก บางชิ้นถึงกับต้องสั่งผลิตขึ้นมาใหม่เพราะสมัยนี้อะไหล่แบบนั้นหาไม่ได้อีกแล้ว ไออุ่นเองก็รู้ดีว่าวันสุดท้ายของการได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ใกล้เข้ามาทุกที

พีทส่งอะไหล่สองชิ้นไปให้กับเบฟที่ยื่นมือมารอก่อนจะหันไปบอกกับไออุ่นว่า “พี่อุ่นมีอะไรก็โทรมาเรียกได้ตลอดนะครับ” ไออุ่นพยักหน้ารับ พีทถึงได้เดินออกจากร้านไป

“ขอโทษนะครับที่ปล่อยให้รอนาน ช่อดอกไม้ที่สั่งไว้เรียบร้อยแล้วครับ”

ไออุ่นหยิบช่อดอกไม้ช่อนั้นขึ้นมา ตั้งใจจะเดินเอาไปส่งให้กับลูกค้าแต่แค่ก้าวไปไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดนิ่ง อะไหล่บางชิ้นในร่างกายคงจะติดขัดฝืดเคืองเข้าเสียแล้ว ได้เวลาใช้น้ำมันหล่อลื่นเสียหน่อยแต่ตอนนี้แค่ก้าวขาเดินไปให้ถึงลูกค้าที่นั่งรออยู่ยังยากลำบาก

“พี่อุ่นเอามาครับ เดี๋ยวเบฟเอาไปให้ลูกค้าเอง”

ไม่อยากตอบรับแต่ไออุ่นไม่มีทางเลือก เขายอมส่งช่อดอกลิลลี่ไปให้กับลูกชายแล้วเอี้ยวตัวไปหยิบการ์ดใบเล็ก จากลิ้นชักที่อยู่ใกล้ตัวยื่นไปให้กับเบฟพร้อมปากกาเผื่อว่าลูกค้าอยากจะเขียนข้อความเสียหน่อย เขายืนรออยู่กับที่ แค่ขยับขายังยาก การจะเดินออกไปจากที่ตรงนี้เพื่อไปนั่งพักบนเก้าอี้ด้วยการเดินแบบคนปกติคงไม่ง่ายนัก

เบฟจัดการส่งช่อดอกไม้พร้อมกับการ์ดและปากกาไปให้ลูกค้าเผื่อว่าลูกค้าอยากจะเขียนข้อความอะไรเพิ่มเติม

“ขอบคุณครับ เท่าไรครับ”

น้ำเสียงของลูกค้าที่ใช้พูดกับเบฟ ไออุ่นรู้ว่ามันช่างแตกต่างกับตอนที่พูดกับเขา คำพูดของลูกค้าคนนั้นในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แววตาที่ใช้มองลูกชายของเขามันมีแต่คำว่ารัก ถ้าเขาคาดการณ์ไม่ผิดแล้วล่ะก็การเข้ามาในร้านนี้ไม่ใช่แค่ต้องการมาสั่งช่อดอกไม้แต่ต้องการเจอกับเบฟ

“แปดร้อยครับ”

ลูกค้ายื่นแบงค์สีเทาให้กับเบฟก่อนจะรับช่อดอกไม้นั่นเอาไว้แล้วเดินตรงมาที่ที่ไออุ่นยืนอยู่ ชายที่เป็นลูกค้าสบตาเข้ากับดวงตาสีหยกแล้ววางช่อดอกลิลลี่ไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินออกจากร้านไป ไออุ่นรู้ว่ามันหมายความว่าอะไร เพียงแต่ลูกชายเขาจะรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังถูกผู้ชายด้วยกันจีบอยู่

“อะไรอ่ะ ป๊ะป๋า~ ตังค์ทอนก็ไม่เอา ดอกไม้ก็ไม่เอา ประหลาดคน”

“ก็เขาให้เบฟไง”

“ให้เบฟเหรอ ให้ป๊ะป๋ามากกว่า เมื่อกี้เห็นจ้องตากันด้วย”

ไออุ่นได้แต่ยิ้ม ดอกลิลลี่ช่อนั้นมันไม่มีทางเป็นของเขาไปได้

“เบฟ พาป๊ะป๋าเข้าหลังร้านที”

เด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปเปลี่ยนป้ายหน้าร้านเป็นคำว่า ‘CLOSE’ แล้วค่อยๆ พยุงกึ่งแบกร่างของตุ๊กตาไขลานเข้าไปที่หลังร้าน ไออุ่นต้องกระโดดกระต่ายขาเดียวเหมือนคนพิการแต่อันที่จริงก็แค่ข้อต่อตรงสะโพกด้านซ้ายมันฝืดเลยทำให้ขยับลำบาก หยอดน้ำมันหล่อลื่นลงไปนิดหน่อยก็กลับมาใช้การได้เป็นปกติแล้ว

“ให้เบฟช่วยไหม”

“ไม่ต้องหรอก ป๊ะป๋าทำเองได้ เบฟขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ”

ไออุ่นไล่ให้เบฟขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แค่หยอดน้ำมันหล่อลื่นไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ เขาทำมันเองมาตลอดอยู่แล้ว แม้แต่การเปลี่ยนอะไหล่บางส่วนของร่างกาย ไออุ่นก็ต้องทำมันด้วยตัวเองตั้งแต่แรกเพราะทั้งเฮเลนและสเตซี่ไม่มีใครเชี่ยวชาญด้านนี้เลยสักคน

มือเพรียวบางดึงกางเกงของตัวเองลงแล้วกดไปบนสะโพกแรงๆ สิ่งที่ห่อหุ้มเครื่องกลข้างในอยู่ก็เปิดออก ดวงตาสีหยกมองดูสภาพภายในร่างกายของตัวเองแล้วต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แม้เขาจะถูกสร้างขึ้นจากเงินแต่มันก็เป็นเพียงแค่ภายนอกเท่านั้น ส่วนข้างในก็ทำจากทองเหล็กธรรมดาที่ชิ้นส่วนบางอย่างก็ผุพังลงไปตามกาลเวลา

ไออุ่นไม่อยากให้เบฟเห็นเขาในสภาพนี้



ผ่านมาสองวันแล้วตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์ฟันเฟืองบางตัวในร่างกายของไออุ่นเกิดอาการฝืด วันนี้ลูกค้าคนนั้นที่เคยทิ้งช่อดอกลิลลี่เอาไว้เดินเข้ามาในร้านอีกครั้ง ไออุ่นจำได้เพราะดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองเขาก่อนออกจากร้านไป

“สวัสดีครับ วันนี้จะรับดอกไม้แบบไหนดีครับ”

“ลิลลี่สีขาว”

ไออุ่นยิ้ม ดอกลิลลี่อีกแล้ว

“คราวที่แล้วคุณลูกค้าก็สั่งลิลลี่สีขาว ผมจำได้”

ไออุ่นเดินไปเปิดประตูตู้แช่ หยิบเอาดอกลิลลี่สีขาวออกมา ช่อดอกไม้ที่ลูกค้าคนนั้นสั่งไว้คราวก่อนแต่ถูกทิ้งเอาไว้ เขาเก็บมันไว้ในตู้แช่อย่างดีเผื่อว่าลูกค้าคนเดิมจะย้อนกลับมารับมันกลับไปแต่น่าแปลก แทนที่เจ้าตัวจะมารับของเก่ากลับไปสั่งช่อใหม่ เขาจึงหวังว่าคราวนี้ลูกค้าคนนี้จะไม่ลืมทิ้งไว้อีกเหมือนคราวที่แล้ว

“ผมเก็บมันไว้ในตู้แช่อย่างดี หวังว่าวันนี้คุณลูกค้าคงรับมันกลับไปด้วยนะครับ”

“ไวน์”         

“ครับ คุณลูกค้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”

“ผมชื่อไวน์”

ไออุ่นยิ้มให้ ผู้ชายคนนี้ดูท่าทางเป็นคนดุเพราะใบหน้าที่ไม่เคยยิ้มให้เขาเลย ไม่ว่าจะเป็นวันนี้หรือเมื่อสองวันก่อน

“ผมชื่อไออุ่น จะเรียกผมว่าอุ่นก็ได้ครับ คุณไวน์”

ในขณะที่ไออุ่นกำลังหยิบกรรไกรเพื่อมาตัดแต่งกิ่งดอกลิลลี่สีขาว เขาก็รู้สึกเหมือนลานในตัวเริ่มเดินช้าลง เมื่อเช้าเบฟไม่ได้ไขลานให้เพราะรีบร้อนออกจากบ้านไปสอบคาบแรก และตัวเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเมื่อคิดว่าตามปกติแล้วลานในตัวจะเริ่มหยุดเดินจริงๆ ก็ตอนบ่ายสามโมง ยังไงตอนนี้ก็น่าจะพอมีเวลาทำช่อดอกลิลลี่ให้กับลูกค้าก่อนจะถึงเวลา

ไออุ่นรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย

“คุณไวน์รีบไปไหนไหมครับ”

“ไม่รีบ”

ไวน์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วนๆ แม้แต่ใบหน้าของไออุ่นก็ยังไม่มอง

“งั้น... รบกวนคุณไวน์รอสักครู่ได้ไหมครับ”

ไวน์ไม่ได้ตอบคำถามอะไร เขาทำเพียงแค่นั่งเฉยๆ เหมือนไม่ได้สนใจอะไรจริงจัง ไออุ่นเลยคาดเดาไปเองว่าอีกฝ่ายคงไม่ว่าอะไรหากเขาจะหายเข้าไปข้างหลังร้าน แต่ถึงไวน์จะไม่ยินยอม ไออุ่นก็ต้องเดินกลับเข้าไปข้างหลังร้านอยู่ดี ลานในร่างกายที่กำลังจะหยุดเดินคือระเบิดเวลาที่เตรียมนับถอยหลังรอเวลาระเบิด เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะทำอะไรไม่ได้อีก

“ถ้าคุณไวน์ไม่ว่าอะไร ผมขออนุญาตเข้าไปทำธุระที่หลังร้านสักครู่นะครับ”

ไออุ่นเดินเข้ามาที่ด้านหลังร้าน เขายืนอยู่ในมุมที่มั่นใจว่าเมื่อถูกมองมาจากทางหน้าร้านก็จะไม่เห็นเขายืนอยู่ เสียงลานที่เคลื่อนไหวไปในจังหวะที่ใกล้จะหยุดลงนั้นเด่นชัดในความรู้สึก เพียงแค่เอื้อมมือจะหยิบกุญแจที่คล้องอยู่ในสร้อยคอ ทุกอย่างก็หยุดนิ่งลง ลานสุดท้ายเคลื่อนมาถึงแล้ว... กึก!

‘แย่แล้ว’ เป็นคำแรกที่ปรากฏเข้ามาในหัวของไออุ่นก่อนที่จะนิ่งไปราวกับรูปปั้น

ไวน์เป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำทะมึนดูเป็นทางการ ใบหน้าคมคายค่อนไปทางฝั่งตะวันตก ดวงตาสีอำพันฉายแววเปล่งประกายเชิญชวนให้จ้องมอง เขานั่งรอเจ้าของร้านอยู่ที่ม้านั่งหน้าร้านอย่างกระวนกระวายใจมาเกือบสิบนาทีแล้ว ในความรู้สึกของเขาเองนั้นเจ้าของร้านไม่ควรปล่อยร้านทิ้งไว้ให้กับลูกค้าเพียงลำพังคนเดียวนานขนาดนี้

“อุ่น”

“....”

“คุณอุ่นครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”

“....”

ความเงียบที่เป็นคำตอบให้ไวน์ทำให้เขาคิดว่ามันคงมีอะไรเกิดขึ้นข้างหลังร้านนั่นแน่ แต่กลับสองจิตสองใจ ลังเลที่จะก้าวเข้าไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ปล่อยเวลาให้ผ่านไปได้สักพักก็รู้สึกเหมือนท่าจะไม่ดี เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากม้านั่งเพื่อเข้าไปดูคนที่อยู่ข้างใน คนๆ นั้นอาจกำลังต้องการความช่วยเหลือแต่เพียงแค่เขาก้าวเดินออกไปยังไม่ถึงครึ่งทาง เสียงกระดิ่งที่บานประตูก็ดังขึ้น เขาหันกลับไปมองและพบว่าผู้ที่เดินเข้ามาในร้านคือน้องชายของเจ้าของร้าน

“ป๊ะป๋า เอ่อ... ไม่สิ พี่อุ่นล่ะครับ”

“อยู่ข้างในครับ ผมกำลังจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นหายไปนาน”

“นาน? นานขนาดไหน”

น้ำเสียงของเบฟฟังดูร้อนรน เขาอยากได้คำตอบว่ามันนานแค่ไหนเพราะจะได้เอาไปประกอบกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้แต่ดูเหมือนไวน์จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ดีสักเท่าไร

“ทำไมคุณถึงไม่ไปดูพี่ชายก่อนล่ะ”

“ตอบผมมาได้ไหมว่ามันนานแค่ไหนที่เขาอยู่ในนั้น”

“น่าจะสักยี่สิบกว่านาทีที่แล้ว”

เบฟก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองที่ตอนนี้บ่งบอกว่าเป็นเวลาบ่ายสองโมงครึ่งแล้ว ถ้าสำหรับคนทั่วไปมันก็ไม่มีอะไรแต่สำหรับตุ๊กตาไขลานอย่างไออุ่นนั่นคือเวลาที่บอกว่าชีวิตที่เหลือต่อจากนี้จะสั้นลงเรื่อยๆ

“ราวๆ บ่ายสองโมงสินะ เร็วกว่าปกติหนึ่งชั่วโมง”

เบฟพึมพำกับตัวเองเบาๆ เขารู้สึกไม่ค่อยดีนักกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยจริงๆ เป็นความรู้สึกที่ว่าอีกไม่นานวันที่ต้องกล่าวคำอำลาจะต้องมาถึง เขาหันไปคุยกับลูกค้าเพียงคนเดียวของร้านว่า “รบกวนคุณลูกค้าไปนั่งรอก่อนนะครับ เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจัดการเอง”

เบฟเดินเข้ามาข้างหลังร้าน เห็นไออุ่นยืนหันหลังให้ในสภาพที่นิ่งมาก แน่ล่ะ! ไออุ่นเป็นตุ๊กตาไขลานที่มีชีวิต เมื่อลานหมดก็ย่อมต้องหยุดเดินเป็นธรรมดา แต่เบฟค่อนข้างจะหัวเสียไม่น้อยทั้งๆ ที่เขารีบโดดเรียนคาบต่อไปเพื่อกลับมาไขลานให้ทันเวลาแต่มันก็สายเกินไป ลานนั้นหยุดเดินไปแล้วแต่ไออุ่นไม่ได้ตาย เขาเพียงแค่... ทุกอย่างของร่างกายหยุดทำงานชั่วคราวเท่านั้น ถ้านำกุญแจที่คล้องคออยู่มาไขลานที่ด้านหลังก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

“แม้แต่อุ่นก็ยังไม่ทันเหรอครับ” น้ำเสียงที่เบฟใช้พูดกับตุ๊กตาไขลานฟังดูแฝงไปด้วยความเจ็บปวด

“ผมไม่ทิ้งอุ่นหรอกนะ”

ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปตามโครงหน้าอันงดงาม

“ผมสัญญา จะดูแล ปกป้องอุ่นให้ดีที่สุด ตื่นได้แล้วครับ ที่รัก”

เบฟโอบกอดร่างที่สูงกว่าเอาไว้จากทางด้านหลัง เสียบกุญแจเข้าที่ช่องกลางหลังแล้วหมุนทวนเข็มนาฬิกาหนึ่งรอบ ดึงกุญแจออกแล้วคล้องมันไว้ที่คอของไออุ่นตามเดิม ถอยออกมาดูปฏิกิริยาที่จะเกิดขึ้น เปลือกตาบางค่อยๆ กระพริบอย่างช้าๆ เพียงแค่นั้นเขาก็รู้สึกโล่งใจมากแล้ว

“ป๊ะป๋า! เบฟดีใจจังครับที่ป๊ะป๋ากลับมา”

ไออุ่นยิ้มน้อยๆ ที่เห็นเบฟอยู่ตรงนี้ เขาเองก็ดีใจที่ได้กลับมา

“ป๊ะป๋าก็ดีใจครับ”

“ป๊ะป๋า เรื่องลานในตัวป๊ะป๋ามัน...”

“เบฟ ลูกค้าคนนั้นยังรออยู่ไหม”

ไม่ใช่ว่าไออุ่นไม่รู้ว่าเบฟต้องการจะพูดเรื่องอะไรแต่เพราะรู้ถึงยังไม่อยากให้พูดถึงตอนนี้ มันแค่ยังไม่ถึงเวลา

“อยู่ข้างหน้าร้านครับ เบฟบอกให้นั่งรอก่อน”

ไออุ่นพยักหน้ารับแล้วเดินไปหน้าร้าน เห็นไวน์นั่งรออยู่ที่ม้านั่งตัวเดิม มองตรงมาทางเขาแต่พอเห็นไออุ่นเดินมา เจ้าตัวก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ก็คงเป็นเพราะไม่ชอบหน้าเขาล่ะมั้ง

“ขอโทษด้วยนะครับที่ปล่อยให้รอนาน พอดีมีปัญหานิดหน่อย เดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้ทันที”

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

ไออุ่นทำหน้างง ผู้ชายคนนั้นกำลังคุยอยู่กับใคร เห็นมองออกไปทางนอกร้าน

“ถามผมหรือเปล่าครับ คุณไวน์”

“อืม”

“ไม่เป็นอะไรครับ”

ไออุ่นเห็นผู้ชายคนนั้นทำท่าทางโล่งอก ดูประหลาดคนดีแท้ ขนาดหน้าของเขายังไม่มองแล้วทำไมถึงได้ทำท่าทางโล่งใจอย่างนั้น แต่ก็ได้เพียงแค่คิดเมื่อลูกชายสุดที่รักเดินออกมาจากข้างหลังร้านแล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เขา

“เบฟ วันนี้ไม่ไปทำรายงานกับเพื่อนเหรอ”

“ไม่ไปครับ เป็นห่วงพี่อุ่น”

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ไม่มีอะไรแล้ว นัดเพื่อนทำรายงานไว้ก็ไปเถอะ ไม่อยากให้ผิดนัดน่ะ”

“งั้น...” เบฟดูท่าทางคิดหนัก ใจน่ะเป็นห่วงแต่รายงานที่นัดกับเพื่อนว่าจะทำกันวันนี้ก็น่าห่วงไม่แพ้กัน “เอาเป็นว่าเบฟจะโทรให้พี่พีทมาอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกันนะครับ เบฟไม่อยากทิ้งให้พี่อุ่นอยู่คนเดียว”

“เอาแบบนั้นก็ได้”

ไออุ่นเองก็ไม่อยากทำให้เบฟเป็นห่วง ถึงการให้พีทมาอยู่เป็นเพื่อนจะเป็นทางแก้ของปัญหานี้แต่เขาก็ไม่อยากไปรบกวน แค่ให้ช่วยหาชิ้นส่วนอะไหล่ให้ มาคอยช่วยซ่อมแซมในส่วนที่มันชำรุดก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว
“งั้นเบฟไปก่อนนะครับ”

เบฟลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่แต่ยังไม่วายมองดูไออุ่นด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“คุณไวน์รอสักครู่นะครับ ใกล้จะเสร็จแล้ว”

“ผมไม่รีบ”

ถึงไวน์จะไม่รีบแต่ไออุ่นก็ไม่กล้าปล่อยให้ลูกค้ารอนานมากกว่านี้แล้ว เขารีบลงมือทำช่อดอกลิลลี่ตามที่สั่งเอาไว้ให้เสร็จแต่ก็มีสิ่งที่นอกเหนือจากคำสั่งนั่นก็คือขนาดของช่อและความหรูหราเพื่อเป็นการขอโทษที่ทำให้ต้องเสียเวลารอนาน ในขณะที่ไวน์มองออกไปข้างนอกแต่ปลายหางตากลับเหลือบมองไออุ่นอยู่เป็นระยะ

กระดิ่งบนบานประตูร้านส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเบาๆ ไออุ่นเงยหน้าขึ้นมอง มีคนมาส่งดอกไม้ให้ตามที่โทรไปสั่ง เขาจึงวางมือจากช่อดอกไม้ของไวน์แล้วเดินไปเปิดประตูให้กว้างเข้าไว้เพื่อที่คนส่งดอกไม้จะได้แบกเข้ามาวางข้างในได้สะดวก

“ให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ คุณอุ่น”

“หน้าตู้แช่เลยครับ เดี๋ยวผมจัดการต่อเอง ขอบคุณมากนะครับ” ไออุ่นส่งยิ้มแล้วยืนรอเปิดประตูให้คนส่งดอกไม้

“คุณอุ่นใจดีจังเลยครับ แบบนี้แฟนคงรักตายเลย”

“ผมยังไม่มีแฟนหรอกครับ”

ไออุ่นตอบเสร็จก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ดูความเรียบร้อยของช่อดอกไม้ที่ทำอยู่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนหยิบมันขึ้นมาส่งมอบให้กับคนที่สั่ง

“ช่อดอกไม้ที่สั่ง ได้แล้วครับ”

ไวน์มองช่อดอกไม้ที่ถูกยื่นมาตรงหน้าด้วยแววตาที่คล้ายกับแววตาที่ใช้มองเบฟในวันนั้น แต่ต่างกันที่น้ำเสียงที่ใช้พูด “ผมไม่ได้สั่ง”

“ครับ คุณไวน์ไม่ได้สั่ง ผมทำให้พิเศษแทนคำขอโทษที่ปล่อยให้ลูกค้าอย่างคุณไวน์รอนานครับ”

ไออุ่นยิ้มให้และยื่นมันไปใกล้กับไวน์มากขึ้น เขาอยากให้รับมันไว้แม้ว่าสิ่งที่เขาทำให้จะนอกเหนือคำสั่งไปเสียหน่อย

“เท่าไร”

ในที่สุด ไวน์ก็ยอมรับช่อดอกลิลลี่นั้นเอาไว้

“ฟรีครับ ผมทำให้คุณไวน์ฟรี”

“เท่าไร” ไวน์ทำเสียงเข้มถามอีกครั้ง

“หนึ่งพันบาทครับ แต่คุณไวน์ไม่ต้องจ่ายหรอกครับ คราวที่แล้วคุณไวน์ไม่ได้รับเงินทอนและครั้งนี้ผมก็ลดราคาให้คุณอีก ถือเป็นคำขอโทษที่ทำให้เสียเวลารอนะครับ”

ไออุ่นเดินตรงไปที่ตู้แช่หลังจากที่ไวน์ยอมรับช่อดอกลิลลี่ช่อนั้นไปแล้ว เขาหยิบดอกไม้ช่อเก่าที่ไวน์ไม่ได้รับไปตั้งแต่วันนั้นออกมา เอาไปมอบให้กับเจ้าของแม้มันจะไม่ได้สดเหมือนช่อดอกไม้ที่เขาเพิ่งจะทำให้ก็ตาม ไวน์ทำท่าจะไม่ยอมรับช่อดอกไม้ที่ถูกยื่นมาตรงหน้าช่อนั้น ไม่ใช่เพราะมันไม่สดเหมือนของทำใหม่แต่เป็นเพราะเขายกให้ไปตั้งแต่คราวที่แล้วต่างหาก

“ของคุณครับ”

“ขอเบอร์ติดต่อ”

“ครับ?” ไออุ่นทำหน้างง จู่ๆ ฝ่ายนั้นก็เปลี่ยนเรื่องเสียเฉยๆ แต่พอตั้งสติได้ก็เดินไปหยิบนามบัตรของทางร้านที่โต๊ะมาให้โดยช่อดอกไม้ช่อเก่าก็ยังถืออยู่ในมือ “ผมมีแต่เบอร์ร้านนะครับ คุณไวน์”

“เบอร์มือถือล่ะ”

“ผมไม่มีหรอกครับ แต่คุณไวน์โทรเข้าเบอร์นี้ได้ตลอดเวลานะครับ ถ้าคุณไวน์ต้องการสั่งดอกไม้ล่วงหน้า”

ไวน์แอบยิ้มนิดๆ และในท้ายที่สุดดอกไม้ช่อเก่าก็ถูกรับเอาไว้พร้อมกับนามบัตรของทางร้านแต่ก่อนจะออกจากร้านไป เขากลับวางช่อดอกลิลลี่ที่ไออุ่นทำให้แบบพิเศษลงบนโต๊ะ

‘อีกแล้ว’
เป็นคำที่ไออุ่นนึกขึ้นในใจ ช่อดอกไม้ที่เขาทำให้ถูกทิ้งไว้ในร้านอีกแล้ว คราวนี้ดูเหมือนจะเป็นความตั้งใจของเจ้าตัวเสียด้วย


** ติดตามตอนต่อไป **


เราเห็นคอมเม้นท์แล้วดีใจมาก แอบมีมือสั่นหน่อยๆ ตอนโพสต์ด้วย
แบบว่า... กลัวอ่ะ กลัวว่าจะเขียนตอนต่อไปได้ไม่ดีเท่าที่ผู้อ่านคาดหวังไว้
แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะสำหรับทั้งคำคอมเม้นท์และการติดตาม


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดูท่าไวน์จะมาจีบอุ่นนะ แล้วเบฟนี่ยังไงเอ่ย
รอตอนต่อไปค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อ่านไปก็น้ำตาจะไหลไป ดูเหมือนนาฎกรรมอำลา

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
สปอยล์ได้ไหมคะว่ามันจะจบแฮปปี้เอนด์ดิ้งหรือเปล่า ที่เราถามไม่ใช่ว่าเราจะทิ้งนะ เราแค่อยากจะทำใจไว้ก่อนT__T

ออฟไลน์ BlueSora

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่ 2

สองทุ่มคือเวลาที่ร้านดอกไม้อุ่นไอรักปิดให้บริการ ไออุ่นกำลังเก็บกวาดสิ่งที่ทำให้ร้านดูรกและสกปรกเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแต่วันนี้ต่างกันตรงที่ประตูเหล็กหน้าร้านยังไม่ถูกดึงลงมา เขาไม่ชอบการออกไปนอกร้านแม้ว่ามันจะน่าสนใจแค่ไหนก็ตามเพราะแค่ก้าวออกไปเพียงก้าวเดียว ใจก็กลัวว่าฝุ่นผงภายนอกร้านจะทำให้ชิ้นส่วนที่อยู่ภายในร่างกายสกปรกและนั่นมันก็ยากต่อการทำความสะอาด

เสียงครืดๆ ของแผ่นเหล็กที่เลื่อนลงมาดังขึ้น ไออุ่นที่กำลังเช็ดทำความสะอาดโต๊ะอยู่ก็รู้ว่าพีทคงมาแล้วตามคำขอที่เบฟบอกว่าจะให้มาอยู่เป็นเพื่อนเพราะกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป

“พี่อุ่น กุญแจครับ” พีทชะโงกหน้าเข้ามาในร้าน ถามหากุญแจไว้ล็อคประตูเหล็กข้างหน้า

“อยู่ข้างกล่องใส่กรรไกร พีทเข้ามาหยิบได้เลย”

พีทเดินเข้ามาหยิบกุญแจออกไปจัดการล็อคประตูให้เรียบร้อยเพราะต่อให้มีถุงขยะอยู่ในร้าน ไออุ่นก็ไม่เดินเอามันออกไปทิ้งข้างนอกอยู่ดีและวันนี้เบฟก็ไม่กลับบ้าน ฉะนั้นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเปิดประตูไว้เพื่ออะไร เขาเดินมาช่วยงานที่เหลืออยู่ของไออุ่น ต่อให้รู้ว่าไออุ่นไม่มีทางเหนื่อยแต่การปล่อยให้ชิ้นส่วนต่างๆ ในร่างกายทำงานหนักจนเกินไปก็จะยิ่งเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

“พี่อุ่นไปนั่งพักเถอะครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง”

“ไม่เป็นไรหรอก”

“ไปนั่งเถอะครับ ผมไม่อยากได้ยินเบฟโวยวายว่าผมดูแลพี่ไม่ดี”

โดนพีทไล่ให้ไปนั่งเฉยๆ แบบนี้ก็มีแต่ต้องจำยอม ไออุ่นไม่อยากให้เบฟต้องรู้สึกไม่สบายใจเพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้เขาก็ไม่ต่างอะไรจากตัวภาระสักเท่าไร ทุกวันนี้ก็ต้องคอยให้เบฟไขลานให้ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วก็ทำเองได้ เบฟคอยช่วยซ่อมแซมอะไหล่บางส่วนให้ในที่ที่เขาไม่สามารถทำได้ด้วยสองมือของตัวเอง

“กินอะไรมาหรือยัง ให้พี่ไปทำให้ไหม”

“เรียบร้อยแล้วครับ พร้อมนอนเป็นเพื่อนพี่อุ่นแล้ว”

ไออุ่นยิ้มนิดๆ แต่ความจริงแล้วตุ๊กตาไขลานหลับไม่เป็นหรอกนะ

~ กริ๊งงงง กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงง ~

เสียงโทรศัพท์ในร้านดังขึ้น ไออุ่นไม่มีโอกาสได้เดินไปรับเมื่อพีทรีบวางมือจากงานที่ทำอยู่แล้ววิ่งไปรับแทน เขาได้แต่มองภาพนั้นนิ่งๆ เป็นตุ๊กตาไขลานที่กำลังหมดอายุขัยนี่มันก็แย่เหมือนกันราวกับสิ่งที่เป็นอยู่คอยฉุดรั้งให้คนรอบข้างไม่ก้าวไปไหน คอยพะว้าพะวงว่าสักวันหนึ่งลานที่ไขอยู่เป็นประจำจะไขต่อไปไม่ได้อีก

“พี่อุ่น พอผมพูดด้วย เขาก็ไม่พูดอ่ะครับ”

“เขาคงกดผิดมั้ง”

พีทเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่ม้านั่งข้างๆ ไออุ่นแล้วเอนหัวซบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ

“ตัวพี่อุ่นไม่อุ่นเหมือนชื่อเลยนะครับ”

“ก็เพราะพี่เป็นตุ๊กตายังไงล่ะ”

“แต่พี่อุ่นเป็นตุ๊กตาไขลานที่พิเศษมากเลยนะครับ ผมล่ะแอบอิจฉาเบฟจัง”

~ กริ๊งงงง กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงง ~

ไออุ่นยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงโทรศัพท์ของทางร้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปรับเอง

“สวัสดีครับ ร้านดอกไม้อุ่นไอรักครับ”

// ........ //

“ไม่ทราบว่าทางนั้นได้ยินไหมครับ”

// ........ //

“ถ้าไม่ตอบ ขออนุญาตวางสายนะครับ”

// ........ //

“ราตรีสวัสดิ์ครับ คุณไวน์”

ไออุ่นวางสายลง แอบอมยิ้มนิดหน่อย ถ้าถามว่าเขารู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่ายคือไวน์ ลูกค้าที่ชอบทิ้งช่อดอกไม้ที่เขาทำให้ถึงสองครั้งก็คงเพราะลูกค้าประจำของร้านที่รู้เบอร์โทรศัพท์จะไม่โทรเข้ามาหลังเวลาร้านปิดและวันนี้ไวน์ก็เพิ่งจะได้รับนามบัตรของทางร้าน แถมเขายังเป็นฝ่ายบอกเองว่าให้โทรมาหาได้ตลอดเวลา

“พี่อุ่นยิ้มอะไรเหรอครับ”

“ไม่มีอะไรหรอก พีทจะเข้านอนหรือยัง พี่จะได้ไปเตรียมที่นอนให้”

“ไม่เป็นไรครับ ผมนอนตรงม้านั่งนี่ก็ได้”

“พีท...”

ไออุ่นเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วฉุดให้พีทลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่

... กึก! …

ไออุ่นสะดุ้งนิดๆ เสียงทีได้ยินเมื่อครู่เหมือนจะเป็นข้อต่อที่หัวไหล่เคลื่อน มันคงแค่เคลื่อนแต่แขนข้างซ้ายของเขากลับขยับหรือหมุนไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

“พี่อุ่น!!”

พีทร้องลั่นร้าน เขารีบกุลีกุจอลุกขึ้นมาดูอาการด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าแค่ดึงร่างของเขาขึ้นจากเก้าอี้จะทำให้เป็นแบบนี้ไปได้

“ไม่เป็นไร พีทไปนอนเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”

“ไม่ได้ครับ ถ้าเบฟรู้เข้าได้ฆ่าผมตายแน่”

พีทจัดการตรวจตราความเรียบร้อยที่หน้าร้านแล้วให้ไออุ่นเดินเข้าไปด้านหลังร้านเพียงลำพัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ยอมลุกขึ้นมาดีๆ สุดท้ายแล้วก็ทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บตัวจนได้ ถ้าเบฟรู้เข้าคงโดนโกรธแถมอาจจะไม่ให้เขาเข้าใกล้ไออุ่นอีกเลย

ไออุ่นเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้หลังร้าน ถลกแขนเสื้อขึ้น กดตรงบริเวณหัวไหล่หนักๆ เพื่อเปิดมันออกดูกลไกและชิ้นส่วนที่อยู่ภายในว่ามีส่วนไหนได้รับความชำรุดเสียหาย ปรากฏว่าไม่มีความเสียหายที่น่ากังวลใจเท่าไร เพียงแต่ฟันเฟืองบางๆ ตัวหนึ่งบริเวณหัวไหล่บิดเบี้ยวเพียงเล็กน้อยจึงทำให้เขาขยับแขนไม่ได้ คงเป็นตอนที่ออกแรงดึงมากไปหน่อยเลยไปกระแทกเข้าไปกับส่วนอื่นของร่างกาย ยิ่งสภาพของมันดูเหมือนจะไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไรตามระยะเวลาที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนด้วยแล้ว ไออุ่นหยิบคีมที่อยู่ในกล่องเครื่องมือเพื่อจะดัดให้มันกลับเข้าที่เหมือนเดิมแต่คีมที่เขาหยิบมากลับถูกแย่งไปจากมือ

“พี่อุ่นทำเองไม่ถนัดหรอกครับ ให้ผมทำให้ดีกว่า”

“ขอบใจนะ”

“ผมว่าถ้าโดนกระแทกอีกสักครั้งสองครั้ง เฟืองชิ้นนี้น่าจะหักได้ง่ายๆ เลย เอาเป็นว่าเดี๋ยวไว้กลับไปที่ร้านแล้วจะลองไปหาดูว่าพอจะมีมาเปลี่ยนได้ไหมนะครับ”

“พี่ทำให้ลำบากหรือเปล่า”

การที่จะหาอะไหล่ที่ถูกทำขึ้นเมื่อเกือบร้อยปีก่อนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางชิ้นก็กลายเป็นของที่หาไม่ได้อีกแล้วในยุคสมัยนี้ บางชิ้นอาจถึงขั้นต้องพลิกแผ่นดินตามหา คงไม่มีใครพยายามทุ่มเทให้กับมันทั้งๆ ที่รู้ว่าทำไปแล้วตัวเองก็เหนื่อย
“ไม่เลยครับ หาอะไหล่ให้พี่อุ่นมันเป็นเรื่องท้าทายดี ผมชอบครับ”

พีทค่อยๆ ใช้คีมบิดฟันเฟืองตัวนั้นให้เข้ารูปอย่างเบามือที่สุด เพราะถ้าบิดแรงเกินไปล่ะก็โอกาสที่มันจะหักคามือมีสูงมาก

“เมื่อเช้าผมดูข่าวพยากรณ์อากาศ เขาบอกว่าพรุ่งนี้ฝนจะตกหนักมาก”

พรุ่งนี้ฝนจะตกหนักหรือแดดจะออก อากาศจะร้อนขนาดไหน สำหรับไออุ่นแล้วนั้นมันไม่เคยเป็นปัญหาเพราะเขาไม่เคยคิดที่จะออกจากร้านไปไหนอยู่แล้ว อาจมีบ้างที่เขารู้สึกเกลียดช่วงเวลาที่อากาศเย็นขึ้นเพราะมันมีโอกาสทำให้ชิ้นส่วนในร่างกายขึ้นสนิม

“ฝนตกทีไร ลูกค้าไม่ค่อยมาร้านทุกทีเลย”

ไออุ่นเฉไฉพูดเรื่องอื่นทั้งที่รู้ดีว่าพีทต้องการจะสื่ออะไร เด็กคนนี้ดูจะเป็นห่วงเขามากเกินไปแล้ว

“พี่อุ่น...”

“พี่รู้ๆ เอาเป็นว่าพี่จะไม่ทำให้ตัวเองชื้นก็แล้วกัน พีทชักจะเริ่มเหมือนเบฟเข้าไปทุกทีแล้วนะ” 

พีทได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ที่เขาเป็นห่วงขนาดนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะเบฟที่ทั้งฝากฝังและกำชับให้เขาดูแลอย่างดี ทิ้งท้ายด้วยคำขู่ที่ว่าถ้าไออุ่นเป็นอะไรแม้เพียงเล็กน้อย เขาได้ไปนอนเฝ้ายมบาลในโลกหน้าแน่ อีกส่วนก็คงเพราะเขาหลงใหลในดวงตาสีหยกกับรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นและความใจดีนั่นล่ะมั้ง

“เสร็จแล้วครับ งั้น... ผมไปนอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้จะได้กลับไปหาอะไหล่ให้แต่เช้า”

“ขึ้นไปนอนที่ห้องพี่แล้วกันนะ นอนข้างล่างเดี๋ยวจะปวดหลังซะเปล่าๆ”

“แล้วพี่อุ่นจะนอนไหน”

“เดี๋ยวพี่นั่งข้างล่างนี่แหละ”

ไออุ่นดึงแขนเสื้อลงแล้วลองขยับแขนดู ปรากฏว่าหัวไหล่ซ้ายกลับมาขยับได้ตามปกติแล้วแต่ก็ยังวางใจไม่ได้

“พี่อุ่น ราตรีสวัสดิ์นะครับ”

“อืม... ฝันดีนะ”

ไออุ่นนั่งอยู่ที่เดิม มองดูพีทเดินขึ้นไปข้างบนด้วยความอิจฉา ตุ๊กตาไขลานอย่างเขาไม่มีวันได้รู้จักกับคำว่านอนหลับ ไม่มีทางได้รู้จักกับคำว่าเลือดหรือความเจ็บปวดที่เกิดจากบาดแผลบนร่างกาย ต่อให้ต้องถูกตัดแขนตัดขาหรือร่างกายถูกทำลาย เขาก็ไม่มีวันรู้สึกอะไร เป็นได้แค่เพียงตุ๊กตาไขลายที่มีชีวิตแต่ไร้ความรู้สึก



เช้าวันต่อมา ไออุ่นเปิดร้านตามปกติโดยมีพีทคอยช่วยก่อนที่จะกลับไปยังร้านของตัวเอง

เช้านี้อากาศไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไรนักตามคำพยากรณ์อากาศที่พีทบอกมา ท้องฟ้าดูอึมครึมแต่เช้า เมฆดำลอยมาแต่ไกล แม้แต่แสงของพระอาทิตย์ก็ยังส่องลงมาไม่ถึงพื้น ดูท่าว่าวันนี้พายุจะเข้ามากกว่าจะเป็นแค่ฝนตกหนักธรรมดา สภาพอากาศแบบนี้ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูหดหู่ เหงาหงอยไปตามๆ กัน แม้แต่ดอกไม้ในร้านก็ยังไม่สดชื่น

เสียงกระดิ่งที่ติดกับบานประตูดังขึ้นเบาๆ ไออุ่นที่กำลังพรมน้ำให้ดอกไม้หันไปดูต้นตอของเสียงที่เกิดขึ้น

“คุณไวน์ มารับช่อดอกไม้คืนเหรอครับ”

“เปล่า จะมาสั่ง”

“ถ้าอย่างนั้นช่วยนั่งรอสักครู่นะครับ ผมกำลังจัดร้านอยู่ แล้วจะรับเป็นดอกอะไร แบบไหนดีครับ”

ไวน์ยืนรออยู่ที่หน้าประตูร้าน ที่เขารีบมาตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดก็เพราะรู้ว่าวันนี้ฝนอาจจะตก เมฆดำตั้งเค้ามาแต่ไกล ถ้าไม่รีบมาล่ะก็ตัวเขาอาจติดฝนอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วแวะมาหาไม่ได้ เขาตอบคำถามนั้นแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยว่า “แบบที่อุ่นชอบ”

มือที่กำลังหยิบกระดาษห่อชะงักลงเมื่อได้ยินคำตอบนั้น วันนี้ผู้ชายคนนั้นมาแปลก เขาคาดว่าอีกฝ่ายจะตอบว่าช่อดอกลิลลี่สีขาวเหมือนสองครั้งที่ผ่านมาเสียอีก

“ครับ?”

“ขอช่อดอกไม้ที่คุณคิดว่าเหมาะกับผม”

“อ๋อ! ครับ”

ไออุ่นรับคำ ครั้งแรกที่เขาได้ยินคือไวน์บอกว่าเป็นช่อดอกไม้ในแบบที่ไออุ่นชอบเลยลองถามให้แน่ใจก็กลับกลายเป็นว่าเขาเองที่หูฝาดไป อีกฝ่ายแค่ต้องการช่อดอกไม้ที่เหมาะกับตัวเองเท่านั้นแต่จะหาดอกไม้ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นตัวตนของไวน์ดูจะเป็นเรื่องยากเพราะเขาแทบจะไม่รู้จักผู้ชายคนนี้เลย

ดอกกุหลาบสีชมพูถูกหยิบออกมาวางบนโต๊ะ ไออุ่นคิดว่าตัวเขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรในตัวผู้ชายคนนี้จึงคิดที่จะเลือกดอกไม้ในแบบที่ตัวเองชอบไปให้แทน อีกฝ่ายคงจะไม่ว่าอะไร เขาตั้งใจจะแซมด้วยดอกกุหลาบขาว มันจะได้ไม่ดูหวานเลี่ยนจนเกินไป

“คุณไวน์ จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะทำช่อดอกไม้ในแบบที่ผมชอบให้คุณแทน”

“ก็แล้วแต่สิ”

น้ำเสียงห้วนๆ ใบหน้าของไออุ่นก็ยังไม่มอง บอกได้เลยว่าตอนนี้ไออุ่นเริ่มจะชินขึ้นมาบ้างแล้วแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นผู้ชายที่แปลก ลูกค้าที่แวะเข้ามาที่ร้านดอกไม้อุ่นไอรักไม่เคยมีใครเป็นแบบนี้สักนิด ตลอดสี่สิบปีที่เปิดร้านมา พบผู้คนมากหน้าหลายตา หลากหลายนิสัยและความต้องการ ไวน์เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เห็นแค่ครั้งแรกก็จำได้

“คุณไวน์ครับ ไม่ทราบว่าเมื่อวานได้โทรเข้าร้านหรือเปล่าครับ”

“เปล่า”

“เหรอครับ เห็นที... ถ้าเขาโทรเข้ามาอีกครั้ง ผมคงไม่พูดด้วยแล้วล่ะ”

ไออุ่นแอบมองดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เห็นท่าทางของไวน์ดูจะอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเขาบอกว่าจะไม่ยอมพูดด้วย ไออุ่นถึงกับยิ้มขำ เขาคาดเดาไว้ไม่ผิดเลยจริงๆ ว่าคนที่โทรมาเมื่อวานจะเป็นไวน์

เปรี้ยง!!! ครืนนนนน ครืนนนนนนน

เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าบ่งบอกว่าอีกไม่นานท้องฟ้าคงเทน้ำลงมาโครมใหญ่

ไออุ่นมองออกไปข้างนอกร้าน สภาพอากาศแบบนี้ เขารู้สึกไม่ชอบมันเลยจริงๆ

“เดี๋ยวผมจะรีบทำให้เสร็จก่อนฝนจะตกนะครับ”

ในขณะที่ไออุ่นจัดแจงเรียงดอกไม้ให้เป็นช่อกลม สายฝนก็สาดกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้าทันที เขาคงไม่จำเป็นต้องรีบอะไรแล้ว ต่อให้ทำดอกไม้ช่อนี้เสร็จ ไวน์ก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่ดี

“คุณคงไม่ต้องรีบแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น... ระหว่างที่คุณนั่งรอฝนซา ผมจะไปทำช็อคโกแลตร้อนให้นะครับ”

ไออุ่นละจากช่อดอกกุหลาบสีชมพูแล้วเดินเข้าไปหลังร้าน ในจังหวะนั้นประตูร้านก็เปิดออก กระดิ่งที่ติดตรงประตูสั่นไหวแรง เบฟที่ร่างกายเปียกปอนสาวเท้าเร็วๆ เข้ามาข้างใน ตรงดิ่งไปหาไออุ่นที่กำลังจะไปชงอะไรร้อนๆ มาให้กับไวน์

“อุ่น! เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“เบฟ...”

ไออุ่นเรียกเสียงอ่อน เขาไม่เคยเห็นเบฟทำท่าทางจริงจังมากขนาดนี้มาก่อน ชื่อของเขาที่ไม่มีแม้แต่คำนำหน้าหรือเป็นคำปกติที่เคยเรียกทำให้คิดได้ว่าคงมีเรื่องสำคัญอะไรแต่ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่เป็นของเขาที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้

“เราต้องคุยกันเดี๋ยวนี้”

“ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดหัวให้แห้งแล้วค่อยคุยกันได้ไหม”

“อุ่น...”

“ได้ไหม”

“กะ... ก็ได้”

เบฟตอบตกลงทั้งที่ไม่อยาก เขารีบกลับมาในขณะที่ฝนตกหนักราวกับพายุเข้าก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จิตใจว้าวุ่นร้อนรน อยากถามให้มันคลายความกังวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ลานไขที่หมดก่อนเวลาหรือแม้แต่ความชำรุดเสียหายของอะไหล่แต่ละชิ้นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลมีผลต่อการมีอยู่ของไออุ่น

ไออุ่นมองดูลูกชายที่รักให้แน่ใจว่าจะขึ้นไปอาบน้ำจริงดั่งว่า ที่เขายังไม่ต้องการพูดอะไรในตอนนี้ก็เพียงแค่อยากให้เบฟอารมณ์เย็นลงกว่านี้สักหน่อย การพูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ครุกกรุ่นไม่สามารถทำให้อะไรดีขึ้นมาได้และอาจนำพาไปสู่การทะเลาะกันในที่สุด หลังจากนั้นจึงเดินไปเข้าไปหลังร้าน ชงช็อคโกแลตร้อนให้เสร็จเรียบร้อย

ไวน์นั่งรออยู่บนม้านั่งเดิม ครั้งนี้เขาไม่ได้ใส่สูทเหมือนที่ผ่านมาแต่มาในชุดลำลอง อันที่จริงแล้วไวน์ไม่ได้ต้องการอะไรมาก เพียงแค่อยากมาเห็นหน้าของใครบางคนที่อยู่ในร้านดอกไม้อุ่นไอรักเท่านั้น แต่ด้วยนิสัยของเจ้าตัวแล้วการที่ต้องพูดความรู้สึกหรือแสดงท่าทีออกมาตรงๆ ต่อหน้าคนที่ชอบนั้นเป็นเรื่องยาก

“ช็อคโกแลตร้อนมาแล้วครับ คุณไวน์”

“ขอบคุณ”

ไวน์รับแก้วช็อคโกแลตร้อนเอาไว้ กลิ่นหอมกรุ่นที่หลงลืมไปนานแล้วชวนให้น้ำลายสอ พักหลังๆ ตั้งแต่เริ่มทำงานในตำแหน่งที่ใหญ่โตขึ้นก็มักจะเอาแต่จิบกาแฟมากกว่า ดวงตาสีอำพันเหลือบมองร่างสูงโปร่งที่กำลังตั้งอกตั้งใจทำช่อดอกไม้อยู่เป็นระยะ พอถูกอีกฝ่ายมองกลับมาก็รีบเบือนหน้าหนีออกไปนอกร้าน เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งหลายคราว

“ถ้าคุณไวน์อยากจะมองก็มองเถอะครับ ผมไม่ได้ว่าอะไร”

“ผมไม่ได้อยากมองแค่อยากรู้ว่าเมื่อไรจะเสร็จ”

“ใกล้แล้วครับ ผมจะรีบเร่งมือนะครับ”

“พี่อุ่น”

ในขณะที่ไออุ่นกำลังจัดช่อดอกไม้ให้กับลูกค้านของร้านอยู่นั้นเบฟก็เดินเข้ามาแล้วโอบกอดร่างที่สูงกว่าจากทางด้านหลังโดยไม่แคร์สายตาของใครอื่นที่มองมา และดูเหมือนว่าหลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วใจของเขาจะเย็นลงบ้าง เบฟคิดทบทวนดูแล้วเขาเองที่เป็นฝ่ายผิด ไม่น่าทำเสียงแข็งเสียงเข้มใส่คนที่รักไปแบบนั้น

“เบฟขอโทษ”

ไออุ่นไม่ได้ว่าอะไร เขาเพียงแค่เอื้อมมือออกไปลูบหัวปลอบใจเพราะรู้ว่าที่ทำไปนั้นด้วยความเป็นห่วง

“วันนี้จะไปเรียนไหม”

“ไม่อยากไปแต่ต้องไปครับ มีเทสต์”

“อย่าลืมเอาร่มไปด้วยนะ”

เบฟพยักหน้านิ่งๆ ในขณะที่ยังโอบกอดไออุ่นไม่ปล่อย

“เบฟปล่อยก่อนครับ พี่ทำงานไม่ถนัดนะ”

ไออุ่นยังอยากให้เบฟกอดอยู่แบบนี้แต่เขามีงานที่ต้องรับผิดชอบรออยู่ ยิ่งถูกไวน์จ้องเขม็งอยู่แบบนั้นตั้งแต่ที่เบฟเดินเข้ามากอดแล้วคงต้องรีบเร่งมือจัดช่อดอกไม้ให้เสร็จก่อนที่ร่างทั้งร่างจะพรุนไปหมดเพราะถูกจ้องไม่วางตาอย่างนี้

“ไม่อยากปล่อยพี่อุ่นเลยครับ”

ไม่อยากปล่อยแต่จำต้องปล่อย ไออุ่นกำลังทำงานและฝนกำลังตกหนัก เขารู้ว่าผู้ชายที่อยู่ท่ามกลางดอกไม้เกลียดช่วงเวลาแบบนี้ ไออุ่นไม่เคยอาบน้ำเพราะถ้าเมื่อไรที่น้ำไหลผ่านช่องว่างในส่วนต่างๆ ของร่างกายจะทำให้ชิ้นส่วนภายในขึ้นสนิม ไออุ่นไม่เคยดื่มกินอะไรทั้งสิ้นเพราะตุ๊กตาไขลานไม่มีกระเพาะอาหาร เบฟรู้เรื่องพวกนี้ดีและรู้มาโดยตลอด เขาถึงได้พยายามถนุถนอมไออุ่นทุกวิถีทาง เขาเพียงแค่รักตุ๊กตาไขลานที่มีชีวิตตัวนี้มากเกินกว่าความสัมพันธ์ที่ควรจะเป็น

“พี่อุ่น แด๊ดบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับพี่”

“เขาบอกหรือเปล่าว่าเรื่องอะไร”

“ไม่ได้บอกครับ แด๊ดบอกว่าถ้าไม่โทรมาหาพี่ก็อาจจะแวะมาที่ร้านเองเลย แต่เบฟว่าแด๊ดไม่มาหรอก ฝนตกหนักขนาดนี้”

ไออุ่นพยักหน้ารับและคิดว่าความเป็นไปได้ที่สเตซี่จะแวะมาหาที่ร้านดอกไม้อุ่นไอรักมีแค่สิบเปอร์เซ็นต์

“คุณไวน์ ดอกไม้ที่คุณต้องการ ได้แล้วครับ”

พอไวน์ได้ยินว่าช่อดอกไม้ที่สั่งไว้เรียบร้อยแล้วก็เลิกจ้องหน้าและหันไปทางอื่นแทนแต่ทางอื่นที่ว่านั้นเป็นทางที่เบฟยืนอยู่ ถ้าไออุ่นคาดเดาไม่ผิด เขาว่าไวน์น่าจะแอบชอบเบฟเข้าให้แล้ว ประเมินจากสายตาที่ใช้มอง ดูจากทิศทางที่หันไปยังไงก็เป็นเบฟไม่ผิดแน่ที่เป็นสาเหตุของการแวะมาที่ร้านดอกไม้อุ่นไอรักเป็นประจำและมักจะทิ้งช่อดอกไม้ที่เขาทำให้ไว้ในร้านเสมอ

“พันสองร้อยบาทครับ”

เบฟหยิบเอาช่อดอกไม้ไปจากมือของไออุ่นแล้วเดินเอาไปมอบให้กับลูกค้าเพียงคนเดียวในร้าน เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นที่สายตาที่เอาแต่จ้องมองเบฟเปลี่ยนไปมองไออุ่น ช่อดอกกุหลาบสีชมพูถูกรับไว้แล้วพร้อมคำขอบคุณและเงินค่าของ

“ขอบคุณนะ ไม่ต้องทอน”

“ไม่ต้องทอนเหรอครับ”

“ครับ ไม่ต้องทอนหรอกครับ ถือเป็นค่าช็อคโกแลตร้อนที่พี่คุณทำมาให้ผมด้วย”

เบฟมองเงินที่อยู่ในมือแล้วเดินเอาไปให้ไออุ่นแต่หางตาเหลือบมองไปเห็นเวลาที่เดินอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาที่ติดอยู่บนฝาผนังแล้วแทบจะต้องวิ่ง เขามัวแต่เอ้อระเหยอยู่ในร้านนานสองนาน พอรู้สึกตัวอีกทีก็แทบจะไม่มีเวลาเหลือให้นั่งเล่นได้อีกแล้ว “เบฟสายแล้ว! ไปก่อนนะครับ!”

“เดี๋ยวเบฟ! ร่ม”

ถึงแม้ว่าฝนข้างนอกร้านจะไม่ได้ตกหนักเหมือนก่อนหน้านี้แต่ก็ไม่ได้เบาจนถึงขั้นจะเดินออกไปตัวเปล่าโดยไม่พกร่มได้ ไออุ่นยื่นร่มกันฝนที่แขวนไว้อยู่แถวนั้นไปให้กับเบฟ เขาเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่เช้าแล้วเพราะรู้ว่าฝนอาจจะตก

“ขอบคุณครับ”

หลังจากที่เบฟเดินออกไป ไวน์เองก็ลุกขึ้นบ้าง เขาไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องอยู่ต่อ คนที่อยากจะเจอก็ได้เจอแล้ว ดอกไม้ที่ต้องการก็ได้รับแล้ว ถ้ายังขืนนั่งต่อในร้านก็คงได้ถูกถามแน่และเขาก็ไม่รู้จะตอบคำถามนั้นยังไง

“คุณไวน์ ข้างนอกฝนยังตกอยู่ ถ้าคุณไม่รีบล่ะก็เดี๋ยวค่อยออกก็ได้ครับ”

ไวน์ดูนิ่งไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะถูกอีกฝ่ายเอ่ยปากชวนให้อยู่ต่อทั้งที่เขาหมดธุระแล้ว ใจจริงของเขาเองก็อยากอยู่ที่นี่อีกสักพักแต่ติดที่ว่าช่วงบ่ายยังคงมีธุระให้ต้องไปจัดการ

“ผมมีธุระต้องไปทำต่อ”

“งั้นเอาร่มไปนะครับ ถ้าตัวเปียกฝนเดี๋ยวจะไม่สบายไปซะก่อน”

ไออุ่นเดินไปหยิบร่มสีน้ำเงินเข้มของตัวเองไปให้กับไวน์ มันเป็นร่มที่สเตซี่ซื้อไว้ให้และแทบจะไม่ถูกนำมาใช้งานเลยเพียงเพราะเขาไม่มีความจำเป็นต้องออกจากร้านไปไหน

“แล้ว...”

“ถ้าคุณว่างเมื่อไรค่อยเอามาคืนก็ได้ มันเป็นร่มของผมเอง”

~ กริ๊งงงง กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงง ~

เสียงโทรศัพท์ของร้านดังขึ้นบังคับให้ไวน์ต้องรับร่มคันนั้นเอาไว้โดยปริยาย

“ขอบคุณ”

ไออุ่นยิ้มให้นิดๆ แล้วเดินไปรับโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด เขารู้สึกสบายใจที่อีกฝ่ายยอมรับร่มคันนั้นเอาไว้แล้วเดินออกจากร้านไป

“สวัสดีครับ ร้านดอกไม้อุ่นไอรักครับ”

// อุล //

“สเตซี่!?”

// ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ //

“อะ... อืม ฉันเข้าใจ นายคงยังไม่มีเวลาว่าง”

// น้ำเสียงน้อยใจแบบนี้มันอะไรครับ อุล //

ไออุ่นอยากตีปากตัวเองจริงๆ เขาไม่ได้เจอหน้าสเตซี่มาเกือบห้าปีเห็นจะได้ ตั้งแต่ที่เบฟเริ่มเข้าโรงเรียน พวกเขาก็ทิ้งเด็กคนนั้นให้ไออุ่นดูแลและหันไปมุ่งมั่นกับธุรกิจส่วนตัว มีไม่กี่ครั้งที่พวกเขาแวะมาหาแล้วหลังจากนั้นก็หายหน้าไปเลย การคุยโทรศัพท์ในครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่ผ่านมา

“นายหายไปไหนตั้งห้าปี”

// จัดการกับธุรกิจแล้วก็ทำอะไรบางอย่างจนตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อย ลงตัวหมดแล้ว เบฟคงไม่เคยบ่นคิดถึงผมกับรุ้งเลยใช่ไหม //

ไออุ่นรู้ว่าสิ่งที่สเตซี่พูดคือความจริง เบฟแทบจะไม่เคยพูดถึงพ่อและแม่ตัวเองหลังจากที่ถูกปล่อยให้อยู่ภายใต้การดูแลของเขา ในช่วงที่ยังเด็กมากก็เรียกร้องหาพ่อแม่ตามปกติแต่พอเบฟโตขึ้นมาหน่อยและเข้าใจอะไรมากขึ้น เขาก็ไม่เคยได้ยินเด็กคนนี้เอ่ยถึงอีกเลย

“ฉันขอไม่พูดถึงก็แล้วกันนะ”

// ผมเข้าใจ อุล... อีกสามวันผมจะไปเยี่ยมมัม ไปด้วยกันไหม //

“เฮเลนน่ะเหรอ ฉันอยากไปนะ แต่สภาพร่างกายมัน...”

// ไปไม่นาน แค่อาทิตย์เดียวก็กลับ อุลเก็บไปคิดดูก่อนก็ได้ แต่ถ้ามัมได้เห็นหน้าตุ๊กตาไขลานที่เธอรัก เธอคงมีความสุขมาก เอาเป็นว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ ผมจะโทรมาขอคำตอบก็แล้วกันนะครับ คิดถึงอุลนะ //

“คิดถึงเหมือนกัน เจ้าลูกชาย”



** ติดตามตอนต่อไป **

ติดตามการอัพเดทนิยาย ทวงถาม พูดคุยกันได้ที่แฟนเพจนะคะ ฝากด้วยค่ะ
https://www.facebook.com/Bluesora28/

สำหรับคำถามที่ว่า "เรื่องนี้จบแบบแฮปปี้หรือเปล่า" .... คำตอบอยู่ข้างล่างค่ะ
















แฮปแน่นอนค่ะ

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
สนุกมากกก น่าติดตามมาก ๆ เลยค่ะ ภาษาที่เขียนดีมาก ๆ เลย เก่งจัง
สารภาพว่าอ่านบทนำแล้ว นั่งร้องไห้เลยอ่ะ สงสารอุลมาก ฮือออ
โชคดีของอุล ที่ครอบครัวของวิคเตอร์ทุกรุ่น รักและดูแลอุลอย่างดี
แต่อ่านไป ก็หน่วงไปด้วย เวลาไออุ่นบอกว่า วันสุดท้ายที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ใกล้เข้ามาทุกที  :monkeysad:
ปรกติเราไม่ค่อยอ่านแนวดราม่าเลยค่ะ เป็นคนที่อ่านอะไรแล้วอินจัดจนกลัวตัวเอง
แต่อ่านเรื่องของไออุ่นแล้ว ถึงจะกลัว แต่ก็อยากติดตาม ว่าบทสรุปจะเป็นยังไง
ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้เรื่องนี้จบลงด้วยความสุข อยากให้ไออุ่นได้มีชีวิตเหมือนคนจริง ๆ
ไวน์ จีบไออุ่นแน่ ๆ อ่ะ หนุ่มซึน ชอบจัง  :o8: แต่พอไม่แสดงออกตรง ๆ ไออุ่นเลยเข้าใจไปอีกอย่าง
ส่วนเบฟ รู้สึกกับไออุ่น เกินกว่าป๊ะป๋าหรือพี่ชายแน่ ๆ เลย ฮืออ ไม่อยากเลย T ^ T
อ่านแล้วเชียร์ไวน์ ถึงไม่รู้ว่า ถ้าไวน์รู้ความจริงว่าไออุ่นเป็นตุ๊กตาแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น
ส่วนเบฟ เชียร์ให้ไปคู่พี่พีทดีกว่า ไม่อยากให้รู้สึกเกินเลยกับอุ่นไปมากกว่าคนในครอบครัวเลย
เดาไม่ออกว่าบทสรุปของเรื่องจะเป็นยังไง แต่ยังไงก็หวังว่า จะจบแบบมีความสุขทุกคนนะคะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เดาว่าทำอะไรบางอย่าง ของสเตซี่นี่คงเกี่ยวกับอุล
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ xหยกน้อยx

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
งง สรุปไวท์ไม่ได้ชอบอุ่นหรอ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบบ  :katai2-1:

ไวน์ ไออุ่น  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เคืองสเตซี่!

เบฟรักอุ่น ไวน์ก็ชอบอุ่น

รอดูต่อไปว่าอุ่นจะรู้สึกอะไรกับใคร

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
น่าติดตามมากๆค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ติดตามค่ะ ^^ แอบลุ้นนะคะเนี่ย ว่าใครเป็นพระเอก

ออฟไลน์ BlueSora

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่ 3


ร้านดอกไม้อุ่นไอรักเปิดต้อนรับลูกค้ามานานกว่าสี่สิบปีโดยไม่เคยหยุดพัก มีทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าขาจรแวะเวียนมาเรื่อยๆ ไออุ่นจึงค่อนข้างกังวลหากต้องเปิดร้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเฮเลนและค่อนข้างเป็นห่วงเบฟ เขารู้ว่าเด็กคนนั้นไม่เคยต้องห่างไปไหนไกล ไม่เคยต้องจากกันนานกว่าหนึ่งคืน

“ป๊ะป๋า~ กลับมาแล้วครับ”

“เบฟ มานั่งข้างๆ ป๊ะป๋านี่มา”

ไออุ่นกวักมือเรียกเบฟให้ลงมานั่งข้างๆ เขา วันนี้ดูเหมือนน่าจะมีเรื่องให้คุยกันทั้งวันทั้งคืน เบฟเดินไปนั่งลงข้างๆ ตามคำเชิญชวน เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าของตุ๊กตาไขลาน รอยยิ้มที่สว่างสดใสราวกับดวงอาทิตย์ เขาก็รู้สึกมีความสุขที่สุดแล้ว สองแขนจึงโอบกอดร่างที่นั่งอยู่ก่อนเอาไว้แนบแน่นเหมือนเช่นทุกครั้ง

“เบฟ ป๊ะป๋ามีเรื่องจะคุยด้วย”

“ครับ”

“แด๊ดโทรมาชวนป๊ะป๋าไปเยี่ยมย่าเฮเลน คิดว่ายังไงครับ”

อันที่จริงแล้วไออุ่นก็พอจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าถ้าเบฟไม่ตามไปด้วยก็คงไม่อยากให้เขาไปแต่คำตอบน่าจะเป็นข้อแรกมากกว่า

“ไม่อยากให้ไปเลยครับ แต่นานๆ ป๊ะป๋าจะได้ไปเจอย่า งั้น... เบฟขอไปด้วยนะครับ”

“ถ้าไปกับป๊ะป๋าแล้วเรื่องเรียนล่ะ หยุดไปตั้งอาทิตย์เชียวนะ”

เบฟนิ่งไปเมื่อได้ยินจำนวนวัน เขาเองก็หยุดนานไม่ได้เสียด้วย เดี๋ยวจะเสียการเรียนแล้วจะไม่ได้เกียรตินิยมอย่างที่ไออุ่นหวังไว้ คำตอบอยู่ตรงหน้าแล้วเพียงแต่ยังไม่อยากที่จะยอมรับ

“ป๊ะป๋า~”

“ป๊ะป๋ารู้ครับว่าเบฟไม่อยากให้ไป ป๊ะป๋าก็ตั้งใจจะปฏิเสธแด๊ดอยู่แล้วล่ะ”

“ถ้าเบฟบอกว่าขอไปอยู่ด้วยแต่อยู่ได้แค่เสาร์ อาทิตย์ ป๊ะป๋าจะว่ายังไงครับ”

“ก็ได้ แต่เบฟคงต้องกลับก่อนนะ ป๊ะป๋าจะกลับพร้อมแด๊ด”

เบฟชะงักไปเล็กน้อย เขาไปด้วยทั้งทีแล้วทำไมถึงไม่ได้กลับพร้อมกัน ถ้าไม่เป็นเพราะติดเรียนและกลัวเกียรตินิยมจะหลุดลอยไปแล้วไม่ทำให้ไออุ่นภาคภูมิใจ ตัวเขาเองก็ไม่มีความสุขแต่ในขณะเดียวกันก็ยังทำใจไมได้ที่จะต้องห่างกันนานขนาดนั้น ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็หาทางออกที่มีความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่ายไม่ได้

“ป๊ะป๋า~ กลับพร้อมกันไม่ได้เหรอ”

“ทำไมครับ เหงาเหรอ”

ดวงหน้ากลมพยักขึ้นลงช้าๆ แล้วซบลงที่ไหล่ของไออุ่น ไม่เพียงแค่รู้สึกเหงาแต่ไออุ่นเป็นมากกว่าพ่อ เป็นมากกว่าคนที่คอยเลี้ยงดู เป็นตุ๊กตาไขลานมีชีวิตที่เขาขาดไม่ได้ เหนือสิ่งอื่นใดนั้นไออุ่นคือผู้ที่เขามอบความรักทั้งหมดให้โดยไร้ข้อกังขา

“ถ้าวันหนึ่งป๊ะป๋าไม่อยู่ เบฟต้องตายแน่เลยครับ”

ไออุ่นยิ้มนิดๆ เอื้อมมือไปลูบหัวเป็นเชิงปลอบใจ ยังไงฝ่ายที่จะต้องจากไปก่อนนั้นน่าจะเป็นเขาเสียมากกว่า

“เอาล่ะ! ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ป๊ะป๋าทำของโปรดไว้ให้ด้วยนะ”

เพียงแค่เบฟได้ยินคำว่าของโปรด เขาก็พอจะยิ้มออกมาได้บ้าง ไออุ่นไม่เคยลืมว่าเขาชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรเช่นเดียวกับที่เขารำลึกเสมอว่าต่อให้รักมากแค่ไหน ความรักระหว่างมนุษย์กับตุ๊กตาไขลานที่มีชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก

“ป๊ะป๋าอาบน้ำให้เบฟหน่อยได้ไหมครับ”

ไออุ่นได้แต่ยิ้มเขิน เขาเคยอาบน้ำให้เบฟก็แค่ตอนเด็กเท่านั้น

“นะครับ”

ลูกอ้อนของเบฟ ไออุ่นไม่เคยชนะได้เลย เพียงแค่อีกฝ่ายซบลงมาที่ไหล่แล้วใช้น้ำเสียงอันอ่อนหวานกับแววตาที่เป็นประกาย เขาก็ไม่รู้จะหาอะไรไปสู้ด้วย แต่ก็ต้องตัดใจ ไม่ยอมทำตามที่ขออย่างเด็ดขาด

“เบฟโตแล้วนะ ไม่อายบ้างเหรอ”

“ป๊ะป๋า~ แค่สระผมให้ก็ได้”

“เมื่อเช้าก็เพิ่งสระไป สระอีกเดี๋ยวผมก็แห้งกันพอดี ไว้คราวหน้านะครับ”

เบฟไม่อยากจะตอบตกลงแต่ถ้าไออุ่นไม่พร้อม เขาเองก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่เดินคอตกขึ้นไปอาบน้ำคนเดียว

ไออุ่นทำได้เพียงแค่มองตามแล้วเอ่ยขอโทษในใจ ถ้าเพียงแค่เขาได้มีชีวิตอย่างมนุษย์ทั่วไป เจ็บได้ ร้องไห้เป็นก็คงไม่ทำให้เบฟเสียใจแต่เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นตุ๊กตาไขลานที่มีชีวิตจิตใจแต่ไร้ความรู้สึก และสักวันหนึ่งสุดท้ายแล้วก็จะกลายเป็นตุ๊กตาไขลานธรรมดาที่ตอบสนองใครไม่ได้อีก

นาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาทุ่มกว่าแล้ว ถึงเวลาที่ไออุ่นต้องเตรียมตัวเก็บร้านสักที เขาลุกขึ้นจากม้านั่งแล้วเดินไปตรงประตูหน้าร้าน เปลี่ยนป้ายเป็นคำว่า ‘CLOSE’ ดูท่าวันนี้น่าจะไม่มีลูกค้าแล้วและต่อให้มี ใจเขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะเอ่ยคำต้อนรับจึงเลือกที่จะปิดร้านเสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า

ในขณะที่ไออุ่นกำลังเก็บกวาดร้านอยู่นั้นเหมือนเขาจะเห็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง เรือนผมสีน้ำตาอ่อนที่ตรงหัวมุมถนนฝั่งตรงข้ามกำลังมองตรงมาที่เขา สายตาแบบนั้น แววตาแบบนั้น เขาจำมันได้ดี ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้น.... ไวน์

“คุณไวน์”

ต่อให้ไออุ่นอยากเดินข้ามถนนไปทักทายก็ออกจากร้านไปไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ยืนมองนิ่งๆ ตัดใจแล้วลงมือเก็บของในร้านต่อ วันนี้เพราะฝนตกหนักตลอดครึ่งเช้าและตกๆ หยุดๆ ในช่วงบ่ายทำให้ร้านดอกไม้อุ่นไอรักแทบจะไม่ได้ต้อนรับลูกค้า ของที่จำต้องเก็บให้เข้าที่เข้าทางจึงเหลือเพียงไม่กี่อย่าง

“ป๊ะป๋า~ ทำอะไรอยู่ครับ”

“เก็บร้านอยู่ครับ กับข้าววันนี้ป๊ะป๋าทำกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ต้มยำเห็ดรวมมิตรกับปลาสามรสให้นะครับ”

ไออุ่นตอบกลับลูกชายที่เดินมาอยู่ข้างๆ คอยดูเขาเก็บของให้เรียบร้อยแล้วจู่ๆ ร่างของเขาก็ถูกดึงเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่นแต่ต่อให้ถูกกอดแน่นแค่ไหนก็ไม่มีทางรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเบฟได้ สัมผัสได้ก็เพียงแต่ความรู้สึกที่มาจากใจ บางทีก็เคยถามตัวเองว่าเพราะอะไรตุ๊กตาไขลานของวิคเตอร์ตัวนี้ถึงได้มีชีวิตขึ้นมาได้แต่กลับกลายเป็นว่าคำตอบนั้นมีแต่ความว่างเปล่า

“งั้นเบฟไปปิดประตูให้นะครับ แล้วเราค่อยมานั่งกินข้าวกัน”

ไออุ่นพยักหน้า อย่าเรียกว่านั่งกินข้าวจะดีกว่า ต้องเรียกว่าให้เขาได้ไปนั่งดูเบฟกินข้าวถึงจะถูกต้อง ไออุ่นแอบมองไปที่หัวมุมถนนฝั่งตรงข้าม ไม่เห็นไวน์ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วแต่เสียงโทรศัพท์ในร้านดังขึ้นแทนจึงเดินไปรับสาย

“สวัสดีครับ ร้านดอกไม้อุ่นไอรักครับ ไม่ทราบจะรับดอกไม้แบบไหนดีครับ”

// .......... //

“คุณครับ ได้ยินผมไหมครับ”

// .......... //

“คุณครับ ยังอยู่หรือเปล่าครับ”

// .......... //

“ถ้าไม่ตอบ ขอเสียมารยาทวางสายนะครับ”

// ฝันดีครับ อุ่น //

“คุณ....”

ไม่รู้ทำไมทั้งที่หัวใจก็ไม่มีแต่เหมือนตัวจะลอย คำพูดของผู้ชายคนนั้นเหมือนเสียงของใครคนหนึ่งที่เมื่อนานมากแล้วเคยพูดประโยคคล้ายกันแบบนี้ให้เขาฟังทุกวันจนจำได้ขึ้นใจ ‘ฝันดีนะ อุล’ แล้วน้ำตาพานจะไหลแต่น่าเสียดายที่ตุ๊กตาไขลานอย่างไออุ่นไม่มีน้ำตาแม้สักหยด ความรู้สึกโหยหาที่ก่อตัวขึ้นในใจอย่างช้าๆ นี่มันอะไรกัน!

“ป๊ะป๋า~”

“..........”

“ป๊ะป๋า~ ไปกินข้าวกันครับ”

“อ๊ะ! อืม... ไปกัน เบฟคงหิวแย่แล้วเนอะ”

ไออุ่นเรียกสติของตัวเองกลับมา มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่คนที่จากไปแล้วเกือบร้อยปีจะกลับมา

“ป๊ะป๋า ป้อนเบฟได้ไหมครับ”

“เบฟไม่เด็กแล้วนะ ยังจะให้ป๊ะป๋าป้อนอีกเหรอ”

เบฟเดินกอดร่างที่สูงกว่าไปตลอดทางที่เข้าไปข้างหลังร้าน เขาแค่อยากเป็นเด็กให้ถูกรักเหมือนที่เคยเพียงเพราะรู้ว่าเมื่อเด็กตัวน้อยคนนี้เติบโตขึ้น สิ่งที่เคยได้รับมาตลอดก็อาจจะเปลี่ยนไปจนท้ายที่สุดแล้วจะกลายเป็นความห่างเหินที่ไม่อาจต่อกันติดอีกแล้ว เขาเคยสัมผัสกับความเจ็บปวดแบบนั้นมาก่อน

“ยังไงป๊ะป๋าก็รักเบฟอยู่แล้ว กลัวอะไร”

“รักตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความรักของป๊ะป๋าที่มีให้จะไม่เปลี่ยนแปลง... สัญญาได้ไหมครับ”

“อืม... ป๊ะป๋าสัญญา”

ได้ยินคำสัญญาแบบนั้น เบฟก็พอจะยิ้มออกมาได้บ้าง ถ้าวันหนึ่งไออุ่นได้รับรู้ความจริงบางอย่างที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในใจของเขาก็คงจะไม่มีวันถูกเกลียด

“งั้นเราไปกินข้าวกันดีกว่า เบฟสบายใจแล้ว”

“พูดแบบนี้ ป๊ะป๋าชักไม่แน่ใจแล้ว ไม่ได้ไปทำอะไรผิดกฎหมายมาใช่ไหม”

เบฟถึงกับหลุดขำออกมา หน้าแบบเขานี่นะจะไปทำอะไรที่ผิดกฎหมายมา

“ป๊ะป๋า! เห็นเบฟเป็นคนแบบนั้นเหรอครับ”

“ไปๆ ไปกินข้าวได้แล้ว กินดึกๆ น่ะจะทำให้อ้วนนะ รู้ไหม”

“คร๊าบบบบบ”

เบฟตอบรับแล้วรีบวิ่งไปตักข้าวรอ ถึงแม้จะรู้ว่าไออุ่นกินไม่ได้แต่ก็อยากให้อยู่ร่วมโต๊ะอาหารเดียวกัน ได้มองเห็นว่าเขามีความสุขมากแค่ไหนกับการได้กินกับข้าวฝีมือของตุ๊กตาไขลานที่แม้แต่จะชิมรสชาดของอาหารที่ทำลงไปยังไม่ได้
“กับข้าวที่ป๊ะป๋าทำน่ากินทุกวันเลยครับ”

ไออุ่นได้แต่ยิ้ม เหตุที่เขาทำได้ถึงขนาดนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะมีเบฟคอยช่วยชิมให้ตลอด เขาลองผิดลองถูกมาก็มากจนสุดท้ายแล้วก็ทำได้โดยไม่ต้องชิมแม้แต่น้อย

“เพราะใครกันล่ะที่ช่วยป๊ะป๋าตั้งแต่เล็ก”

“เบฟครับ!”

ไออุ่นหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับลูกชายที่รัก เลื่อนจานข้าวที่อยู่ตรงหน้าเบฟมาใกล้กับตัวเอง ตักกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาใส่จานแล้วป้อนให้กับเด็กน้อยตรงหน้าที่บัดนี้โตเป็นหนุ่มแล้ว นานมากแล้วสินะ... ที่เขาหยุดทำอะไรแบบนี้ให้กับเบฟ

“กับข้าวฝีมือป๊ะป๋าอร่อยที่สุดในโลกเลย”

“อร่อยก็กินเยอะๆ”

“ครับ”

เบฟส่งยิ้มจนตาปิดให้กับไออุ่น ความอร่อยในทุกๆ จานที่ได้ลิ้มรสไม่ใช่อร่อยเพราะไออุ่นทำอร่อยแต่เป็นเพราะไออุ่นเป็นคนทำ มันจึงอร่อย เขาชอบในทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไออุ่นต่อให้เรื่องที่ชอบมันจะผิดแต่ก็ยังชอบและได้แต่เก็บมันไว้ในใจลึกๆ รู้ว่าถ้าพูดออกไปจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ที่ผ่านมา เขายอมเจ็บปวดคนเดียวดีกว่าจะทำให้คนที่รักเสียใจ

“ป๊ะป๋ารู้ไหมว่าเบฟรักป๊ะป๋าที่สุดในโลกเลยนะ”

“พูดแบบนี้ เดี๋ยวแด๊ดกับแม่ได้ยินเข้าก็เสียใจแย่”

ไออุ่นป้อนข้าวอีกคำเข้าปาก

“แด๊ดกับแม่ไม่เสียใจหรอก พวกเขารู้อยู่แล้วว่าเบฟรักป๊ะป๋ามากกว่า”

“เบฟ...”

“ก็มันเรื่องจริงนี่ครับ เบฟรักป๊ะป๋ามากกว่า”

ไออุ่นถอนหายใจเบาๆ เด็กน้อยของเขากลายเป็นคนชอบเถียงตั้งแต่เมื่อไรกัน สิ่งที่เบฟพูดมันอาจเป็นความจริงแต่ก็ควรนึกถึงใจคนฟังไว้บ้าง


~ กริ๊งงงง กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงง ~


“เบฟกินไปก่อนนะครับ เดี๋ยวป๊ะป๋าไปรับโทรศัพท์ก่อน”

ไออุ่นลุกขึ้นเดินไปรับโทรศัพท์ เขารู้ว่าคงไม่ใช่สายจากลูกค้าของร้านแต่ก็แอบภาวนาให้เป็นใครคนนั้น

“สวัสดีครับ ร้านดอกไม้อุ่นไอรักครับ”

// อุล //

“สเตซี่ มีอะไรหรือเปล่า”

// ผมโทรมาขอคำตอบครับ //

“อ้าว~ ไหนว่าพรุ่งนี้ไง ทำไมรีบขนาดนี้”

// มัมอยากรู้ว่าอุลจะมาได้ไหมเลยเร่งให้ผมโทรมาเอาคำตอบ มัมบอกว่าคิดถึงอุลมากนะ //

ไออุ่นยิ้ม เขาเองก็คิดถึงเฮเลนมากเช่นเดียวกัน

“ไปได้แต่ว่าเบฟจะไปด้วยนะ อยู่แค่เสาร์อาทิตย์แต่ฉันจะกลับพร้อมนาย”

// ครับ งั้นเดี๋ยวผมโทรไปบอกมัมก่อนนะครับ มัมต้องดีใจมากแน่ถ้ารู้ว่าอุลจะไปหา //

“อืม แล้วจะคุยกับเบฟไหม”

// ไม่ครับ เดี๋ยวผมคุยทีหลัง แค่นี้ก่อนนะครับ อุล //

“ครับ”

สเตซี่วางสายไปแล้วแต่ไออุ่นยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ทำไมแต่ที่แน่ๆ เขายังอยากได้ยินเสียงที่บอกฝันดีนั้นอีกครั้ง มันทำให้เขานึกถึงคนที่สร้างเขามา คนที่อยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบปี คนที่กล่าวทักทายอรุณสวัสดิ์และบอกฝันดีทุกคืน

“ป๊ะป๋า~ ใครโทรมาเหรอครับ”

“แด๊ดน่ะ”

“แล้วแด๊ดว่ายังไงบ้างครับ”

“แด๊ดไม่ได้ว่าอะไร บอกแค่ว่าย่าเฮเลนอยากเจอพวกเรามาก”

“ไม่ใช่แค่อยากเจอป๊ะป๋าคนเดียวเหรอครับ”

“เบฟ...”

“ขอโทษครับ”

เบฟทำหน้าเศร้า มันเป็นความจริงที่ว่าสำหรับทุกคนในครอบครัว ไออุ่นต้องมาเป็นที่หนึ่งเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องให้ความสำคัญกับไออุ่นก่อนเสมอเพราะมันเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายที่วิคเตอร์เขียนไว้ให้กับเจนีวาและทุกคนในครอบครัวจำเป็นต้องปฏิบัติตามแต่สำหรับเขาแล้วต่อให้ไม่มีคำสั่งเสียนั่น เขาก็ให้ความสำคัญกับไออุ่นมากกว่าใครมาตลอดอยู่แล้ว เพียงแค่เจ้าตัวจะรับรู้ถึงมันได้หรือไม่เท่านั้น

“ไป เตรียมตัวเข้านอนกันดีกว่า เดี๋ยวป๊ะป๋าไปจัดที่นอนให้นะ”

ไออุ่นลูบหัวเบาๆ แล้วเดินขึ้นไปจัดที่นอนให้ เบฟได้แต่ยิ้มนิดๆ ไม่ว่าเขาจะเจอปัญหาอะไรหรือไม่สบายใจ พอไออุ่นลูบหัวเหมือนทุกครั้ง ความกังวลใจหรือแม้แต่ความรู้สึกแย่ๆ ก็หายไปในพริบตา

“อุ่นรู้หรือเปล่าว่าตัวเองไม่ใช่แค่สมบัติล้ำค่าของครอบครัวนะ แต่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม”





ไออุ่นแทบจะไม่เคยเข้าไปนอนในห้องของตัวเองจริงจังสักครั้ง จะมีก็แต่ถูกเบฟลากให้ไปนอนที่ห้องข้างๆ และเขาก็ไปไหนไม่ได้เพราะถูกอีกฝ่ายไม่กอดก็จับมือไว้ตลอดทั้งคืน พอเขาขยับตัวทีฝ่ายนั้นก็รู้สึกตัวตื่นเกือบจะทุกครั้ง เป็นแบบนี้มาตลอดยี่สิบปีไม่เคยเปลี่ยน

“ป๊ะป๋า~”

“ครับ”

“คืนนี้ป๊ะป๋านอนกับเบฟนะครับ”

ถึงเบฟจะไม่ชวนแต่ไออุ่นก็รู้ว่าเขาไม่มีทางถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ต่อให้เขาย้ายไปนอนห้องของตัวเอง เบฟก็ยังคงตามไปนอนด้วยอยู่ดี

“มา... ป๊ะป๋าจัดที่นอนให้เรียบร้อยแล้ว”

เบฟเดินมายืนตรงหน้าไออุ่นเหมือนเช่นทุกครั้งแล้วบรรจงจุมพิตลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ไออุ่นก็ทำเช่นเดียวกันกลับคืนไปให้ พวกเขาทำแบบนี้เสมอทุกคืนก่อนนอนตั้งแต่เบฟยังเป็นเพียงแค่เด็กแบเบาะ

“ราตรีสวัสดิ์”

“เบฟยังไม่อยากนอน ป๊ะป๋าเล่าเรื่องตอนที่อยู่กับแด๊ดให้ฟังหน่อยได้ไหม”

“ไว้ลองไปถามจากแด๊ดดูสิ”

ไม่ใช่ว่าไออุ่นไม่อยากเล่าให้ฟังแต่ความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่นี้ดูห่างเหินจนน่ากลัว ถ้าเขาเอาแต่เล่าให้ฟังอยู่ฝ่ายเดียว เกรงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเบฟกับสเตซี่คงไม่มีวันดีขึ้นได้แน่

“แต่เบฟอยากให้ป๊ะป๋าเล่าให้ฟังนี่ครับ”

ไออุ่นได้แต่ยิ้มให้เท่านั้นแล้วไล่ให้เบฟเข้านอน เขารู้ว่าเวลาในตอนนี้เร็วเกินไปที่เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่จะหลับกันแต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ก็มีแต่จะเกิดความเงียบชวนให้อึดอัดเปล่าๆ ดวงตาสีน้ำตาอ่อนทอดมองใบหน้าเขาราวกับว่ามีหลายคำถามที่อยากจะถาม มีหลายเรื่องที่อยากจะคุย

“มีอะไรจะถามหรือเปล่า”

“เอ่อ... คือ...”

เบฟดูอ้ำอึ้งไป แน่นอนว่าเขามีเรื่องที่อยากจะถามไออุ่นมากมายและหนึ่งในนั้นก็เกี่ยวกับการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนต่างๆ ภายในร่างกาย

“เรื่องชิ้นส่วนกับลานในตัวป๊ะป๋า...”

ไออุ่นยิ้ม ไม่แปลกที่เบฟจะเป็นห่วงในเรื่องนี้แต่ทุกอย่างมันเป็นไปตามกาลเวลา มนุษย์เราเกิดมาสุดท้ายแล้วก็ต้องตาย นับประสาอะไรกับตุ๊กตาไขลานเก่าๆ ตัวหนึ่งที่อยู่มาถึงร้อยปี สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นอะไร ต่างฝ่ายต่างก็มีอายุขัยในตัวมันเอง

“ป๊ะป๋ารู้ครับว่ามันเริ่มพังแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ป๊ะป๋ายังอยู่ได้อีกนาน”

“แต่ถ้ามันพังเร็วกว่านี้ล่ะ”

ถ้ามันต้องพังไปเร็วกว่าที่คิด ไออุ่นก็คงจะทำอะไรไม่ได้ ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของเวลาที่เขาเองก็ไม่อาจคาดเดาได้

“ป๊ะป๋าบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงไงครับ”

“แต่...”

“นอนเถอะ พรุ่งนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ”

เบฟพยักหน้า พรุ่งนี้เขามีเรียนเช้าเหมือนที่ไออุ่นพูดแต่เขาก็ยังอยากเก็บช่วงเวลาที่มีกันและกันเพียงสองคนแบบนี้เอาไว้นานๆ

“พรุ่งนี้... ขอเบฟอยู่กับป๊ะป๋าได้ไหมครับ ไม่อยากไปเรียนเลย”

เด็กหนุ่มเอนตัวลงนอนซบไหล่ตุ๊กตาไขลานที่นั่งอยู่บนเตียง คำว่าไม่อยากไปเรียนไม่ใช่ข้ออ้างของคนขี้เกียจแต่เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเวลาที่จะมีกันและกันในแต่ละวันนั้นเหลืออีกไม่มากแล้ว เขาต้องการเพียงแค่ขอให้ทุกวินาทีที่ยังมีลมหายใจ ยังมีตุ๊กตาไขลานตัวนี้อยู่ด้วยเสมอ

“อ้อนเหรอครับ เด็กน้อย”

“เปล่าครับ เบฟแค่อยากอยู่กับป๊ะป๋า”

“ก็ได้ครับ”

ไออุ่นยิ้มแล้วเอื้อมมือออกไปลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ด้วยความรักใคร่เอ็นดูก่อนที่จะขยับตัวออกมาให้เบฟได้นอนบนเตียงสบายๆ แต่กลับถูกรั้งเอาไว้ เขาอยากนอนหนุนตักตุ๊กตาตัวนี้แล้วหลับไปเพราะอย่างน้อยก็ยังมั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว

“ขอเบฟนอนแบบนี้นะครับ”

“มันจะไม่สบายเอานะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

สุดท้ายแล้วไออุ่นก็ต้องยอมนั่งพิงหัวเตียงให้เบฟได้นอนหนุนตักไปทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงนอนไม่สบาย เบฟมักจะเป็นแบบนี้เสมอ ...ขี้อ้อน เอาแต่ใจ... แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็รัก





วันที่ไออุ่นต้องก้าวย่างออกจากร้านเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปีก็มาถึง เมื่อสเตซี่และรุ้งเดินเข้ามาในร้าน เบฟรีบเก็บของและกวาดทุกอย่างที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทางแล้วเดินออกมายืนข้างๆ ไออุ่นคล้ายกับจะแบ่งพรรคแบ่งพวก

“อุล! ขอผมกอดหน่อย”

“ก่อนที่จะกอดฉันน่ะ แวะไปกอดลูกชายก่อนดีไหม”

ไออุ่นปรามเบาๆ เมื่อเห็นว่าสเตซี่กำลังจะวิ่งถลาเข้ามากอดเขา ดูจากจังหวะการเข้าหาแล้วเกรงว่าอะไหล่ในตัวจะเคลื่อนเอาเสียก่อน รุ้งที่เดินตามท้ายเข้ามาในร้านถึงกับยิ้มขำที่เห็นสามีของตัวเองทำอะไรแบบเด็กๆ และเธอก็รู้ว่าที่จู่ๆ ขอไออุ่นกอดก็เพราะเขินอายลูกชายตัวเอง เธอเลยทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

“เบฟ มาให้แม่กอดให้หายคิดถึงหน่อยสิ ลูก”

“คร๊าบ~”

เบฟเดินเข้าไปหาแม่และเข้ากอดเธอด้วยความคิดถึงเช่นกัน

“แค่กอดลูกชายเอง สเตซี่”

ไออุ่นแอบเหน็บเบาๆ เขารู้ว่าสเตซี่ไม่มีทางกอดลูกชายตัวเองต่อหน้าคนหมู่มากแน่ก็เพราะเขาเป็นพวกการกระทำสวนทางกับความรู้สึกและจะเป็นแค่เฉพาะกับเบฟเท่านั้น

“อุล!”

“มา มากอดที เจ้าลูกชาย”

ไออุ่นเดินไปกอดสเตซี่เบาๆ ก่อนที่จะผละออกมา

“ผมว่าเราไปกันเลยดีกว่าไหม ถ้าสายแล้วเดี๋ยวรถจะติดซะก่อน”

ไออุ่นเห็นด้วยว่าต้องรีบเดินทาง อีกทั้งวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ คนคงออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกันมากแน่แต่ติดที่ว่าเขาไม่เคยก้าวเท้าออกจากร้านมานานมากแล้ว ได้แต่มองทุกอย่างภายนอกผ่านกำแพงกระจกจนแทบจะลืมสิ่งที่เรียกว่าลมธรรมชาติกับอากาศบริสุทธิ์ไปจนหมดสิ้นแต่ถึงอย่างนั้นต่อให้ไปยืนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม ตุ๊กตาไขลานที่มีชีวิตก็ไม่สามารถสัมผัสกับอะไรได้อยู่ดี เว้นเพียงแต่ความงดงามที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า


** ติดตามตอนต่อไป **


ออฟไลน์ เฟมโตตัน.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สำนวนภาษาสวยมากเลยยย  :impress2:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
เย้ๆมาแล้ว

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
ฮือออ อ่านแล้วก็ยังหน่วง ๆ เศร้า ๆ สงสารไออุ่นตลอดเลย T ^ T
คุณไวน์ น่ารักอ่ะ มีมาแอบดู โทรมาบอกฝันดี  :-[
จริง ๆ อ่านตอนแรก ก็มีแอบคิด ว่าไวน์ จะเป็นวิคเตอร์มาเกิดหรือเปล่าด้วยล่ะ
พอมาตอนนี้ เสียงของไวน์ ทำให้อุ่นคิดถึงวิคเตอร์ นี่ยิ่งคิดจริงจังมากเลยนะ ว่าใช่อ่ะ
เบฟ ก็น่าสงสาร แต่ไม่อยากให้รักไออุ่นแบบนั้นเลย เป็นลูกชายขี้อ้อนของป๊ะป๋าแบบนี้น่ารักดีออก
เอาใจช่วยไออุ่น อยากให้มีปาฎิหารย์เกิดขึ้นอีกจัง
รอตอนต่อไปค่า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ xหยกน้อยx

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบเรื่องนี้มากอยากใก้อัพบ่อยๆคะ

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
คนบ้านนี้รักอุ่นมากๆเลย ซึ้ง..
ว่าแต่คุณไวน์นี่ใช่วิคเตอร์มาเกิดใหม่หรือเปล่าน้า ครุ่นคิสสส

ปล. ขอบคุณนะคะที่มาตอบว่าจบแบบแฮปปี้ ดีใจจจจจ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ยังคงน้ำตาไหลทุกรอบที่อ่าน

สงสารเบฟ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด