10
ตอนนี้ใบหน้าไอ้ฉางเป็นจุดสายตาใหม่ให้กับผม เหตุเพราะทรงผมมันที่ผมตัดแหว่งเมื่อคราวก่อน จนตอนนี้มันก็ยังคงไว้อย่างนั้น ไม่ได้สนใจว่ามันจะออกมาเด๋อจนผมมักจะมองเพื่อใช้เป็นจุดผ่อนคลายอารมณ์อยู่ตลอดก็ตาม
ทรงผมมันเด๋อจนฮา แต่เพราะรูปหน้ามันสมบูรณ์แบบเกินไปเลยทำอะไรทรงผมทุเรศๆ นี้ไม่ได้
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังตลกอยู่ดี
ไอ้ฉางนอนอยู่กับแมว ทำงานไปพลางเกาแมวไปพลาง วันนี้ผมไม่มีเรียนเนื่องจากอาจารย์ของดเซค ไอ้เขียนก็ไปเที่ยวกับสาวของมันแล้วเรียบร้อย ผมเลยได้แต่จำใจอยู่ในห้อง นั่งมองไอ้ฉางไปทำงานไป ตลกชะมัด
ระหว่างปล่อยเหม่อจู่ๆ ไอ้ฉางก็หันมาทางผม สายตามันจับจ้องเข้าที่ตามผมราวกับแมวล่าเหยื่อ ผมเพิ่งนึกได้ถึงข้อนี้ว่าระหว่างสายตาของเรา ไม่มีเส้นผมปรกหน้าของไอ้ฉางมาบดบังดวงตาของมันอีกแล้ว
ผมจ้องมองดวงตาสีดำสนิท ชัดเจนกว่าเดิม เสมือนโดนผลักลงไปในอีกโลก ละสายตาไม่ได้...
ฉางเป็นคนตาสวย... มีเสน่ห์ น่าค้นหา เมื่อได้จ้องแล้วยากที่จะละสายตาหนี ราวกับโดนดูดให้หลงลงไปในอีกมิติ ไม่บ่อยที่ผมจะได้จ้องตามันเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเพราะมันเอาแต่หลับ อีกส่วนก็เพราะ...จ้องทีไรผมหลุดสติทุกที
ครั้งนี้ก็เช่นกัน...
“ข้าว?”
ทันทีที่คิดได้ ผมสะดุ้งตัวหนี มีเสียงเรียกชื่อผมจากไอ้ฉางเรียกสติ สะบัดหน้าหันหลังให้มัน ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ทำท่าทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่แม้แต่จะสนใจเสียงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะนี้เช่นกัน
อันตราย
ขบคิด ก่อนตั้งสมาธิ จมดิ่งกับกองงานตรงหน้า
ละทิ้งหนึ่งคนหนึ่งแมวไว้ในห้อง ปล่อยให้เวลาครบงำ จนกระทั่งไอ้ฉางเอ่ยขัดความเงียบขึ้นมา
“ข้าว ผมไปเรียนก่อนนะ”
ผมหันไปมองมัน ส่งแววตาสงสัยแต่ไม่ถามอะไร ตอบอืมกลับไปบ่งบอกว่ารับรู้ ไอ้ฉางออกไปจากห้อง เหลือเพียงหนึ่งคนหนึ่งแมวในห้องเงียบๆ
ผมลงไปหาอะไรกินในตอนกลางวัน แอบเติมข้าวให้แมวฉางเมื่อเห็นว่าถ้วยข้าวที่ไอ้ฉางเติมให้ตอนเช้าใกล้จะหมด จริงๆ แมวอ้วนนี่ก็ตะกละไม่เบา
เสร็จภารกิจ ผมกลับมานอนขลุกอยู่ในห้องเช่นเดิม ดำเนินชีวิตในแนวราบ เกียจคร้านเกินกว่าจะทำงานที่คืบหน้าไปมากกว่าครึ่ง นอนกลิ้งไปกับแมว ให้ความรู้สึกประหลาดไปอีกแบบ จนกระทั่งเบื่อได้ที่ ผมลุกออกจากเตียง ไม่มีอะไรให้ทำในห้องนอกจากนอนมองแมว จึงตัดสินใจออกนอกห้อง เป้าหมายคือร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ หาเสบียงขนมมาเคี้ยวเล่นให้เพลินๆ
ตอนออกจากหอ ผมเห็นคุณป้าเจ้าของหอคุยกับพี่ตูนที่เรียนเศรษฐศาสตร์ห้องชั้นบน ผมเดินผ่านไม่ได้สนใจอะไร ทำตามภารกิจหลัก เลือกซื้อขนมขบเคี้ยวจนเต็มตะกร้า จ่ายตัง ก่อนหิ้วถุงขนมกลับเข้าหอพักที่คุ้นชิน ทว่ากลับพบร่างของพี่ตูน ที่เมื่อครู่ยืนคุยอะไรสักอย่างกับป้าหอ ในตอนนี้พี่แกกลับนั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าหอ หน้าตาเคร่งเครียด
“พี่ตูน?”
“อ้าว...ข้าว...?”
เพราะอยู่หอเดียวกัน เคยเดินสวนกันบ่อยๆ จนจำหน้าได้ เลยทักทายกันบ้างเป็นครั้งคราว ผมรู้จักคนในหอนี้บ้างตามประสาคนร่วมหอ เพียงแต่ไม่ได้สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ ครั้งนี้ก็ไม่แปลกอะไร ผมตั้งใจจะทักทายเขาตามปกติเช่นเดิม ทว่าหน้าตาเคร่งเครียดของเขาทำให้รู้สึกถึงความผิดปกติ
“พี่มีอะไรป่าว”
“เฮ้อ เรื่องหอนี่ดิ พี่ไม่มีเงินจ่ายป้าเขามาหลายเดือนแล้วจนต้องย้ายออกแล้วเนี่ย”
“อ้าวเฮ้ย จริงดิพี่ ทำไมงั้นล่ะ”
“ก็...นะ เออจะว่าไป พี่รบกวนข้าวหน่อยได้มั้ย”
“อะไรหรอ”
“ว่าจะฝากของในห้องไว้ในห้องข้าวสักพักอ่ะ ไม่เยอะหรอก จนกว่าจะได้หอใหม่อ่ะ ได้มั้ย”
ผมเงียบไปสักพัก ใช้ความคิด ห้องผมไม่ได้ใหญ่ ก็ตามราคาที่ถูกนี่นั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้ไม่มีพื้นที่เสียทีเดียว ถึงอย่างนั้นกลับนึกหน้าไอ้ฉางทั้งสองออกมา อยู่คนเดียวยังพอว่า แต่พอมีไอ้ฉางและไอ้ฉางคงจะลำบากเอา ผมนึกถึงข้าวของไอ้ฉางทั้งสองที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ของห้อง ทั้งถ้วยข้าวแมว กระบะทราย เสื้อผ้าข้าวของไอ้ฉาง ไม่สะดวกสักเท่าไหร่
“ผมว่าไม่ค่อยสะดวกอ่ะพี่”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“คือ...”
“อ๋อ พี่รู้นะว่าข้าวพาคนนอกมาพักด้วย แถมยังเลี้ยงแมวอีก แต่ถ้าเรื่องนี้รู้ไปทั่วหอคงไม่ดีใช่ไหม”
ผมสะอึก ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะเล่นแง่นี้ นี่พี่ตูนกำลังแบล็กเมล์ผมอยู่ใช่มั้ย
“เนี่ย พี่ฝากของไว้นิดเดียว แล้วเรื่องนี้พี่จะเก็บเงียบไว้ โอเคไหม”
ไม่อยากโอเค แต่ถ้าเรื่องแดงขึ้นมาคงซวยอยู่เหมือนกัน ผมทำผิดกฎก็จริง ทว่าการที่ดันต้องมารับความยุ่งยากจากคนอื่นแทนที่จะเป็นการลงโทษตามกฎระเบียบเนี่ย ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่
“ข้าว พี่ขอล่ะ ถ้าคนในหอรู้เรื่องนี้เขาก็จะต่อว่าข้าวใช่ไหม ถือว่าช่วยๆ กันนะ”
ยิ่งฟังยิ่งทะแม่ง ถ้ารู้ว่าเขาจะว่าผมทำไมพี่ตูนต้องเอาไปบอกด้วย จริงๆ ผมก็รู้เรื่องง่ายๆ แค่นี้ กฎของความเป็นมนุษย์ ขอแค่ตัวเองรอด ใครจะเป็นยังไงก็ไม่สน อันที่จริง...ไอ้ฉางคงเป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน
รู้สึกแย่แฮะ ไม่น่าลงมาซื้อขนมตอนนี้เลย
ผมอยากบอกปัด ไม่สะดวก ถึงไม่มีไอ้ฉางก็ไม่สะดวก แต่ก็ไม่อยากแล้งน้ำใจ อะไรพอช่วยได้ก็อยากช่วย แต่เล่นหาข้ออ้างมาขู่ผมแบบนี้ ชักไม่อยากช่วยแล้ว
“พี่ เอาจริงๆ นะผมว่าห้องผมไม่ค่อยมีที่มากเท่าไหร่ พี่ลองถามเพื่อนพี่ดูรึยัง”
“เอ๊า จะเอางี้ใช่มั้ย”
อ้าว แล้วกูผิดอะไร
“ห้องมันจะไปมีอะไรเยอะนักหนาวะ กะอีแค่ของไม่กี่อย่างจะฝากไม่ได้เลยหรือไง ทั้งเอาผัวมากกถึงห้องทั้งแอบเลี้ยงแมวอีก คิดว่าจะใสซื่อที่ไหนได้...”
อ้าว จู่ๆ มาพูดสาดเสียเทเสียอย่างนี้ได้ไงวะ
“พี่ มันไม่เกี่ยว ผมไม่ได้พาผัวมา มันเป็นเพื่อน ถึงไม่มีมัน ไม่มีแมวผมก็ไม่มีที่ให้พี่อยู่ดี ถ้าพี่ยังปากอย่างนี้อ่ะ”
“ปากกูมันทำไม มันทำไม มึงจะเอาใช่มั้ย!”
ผมถอนหายใจ ใจจริงไม่อยากมีเรื่อง ผมเผลอใส่อารมณ์ไปก็จริงแต่ไม่คิดว่าพี่ตูนจะเป็นคนอารมณ์ร้อนได้ขนาดนี้ ถึงขั้นพาลใส่คนไม่สนิทกันอย่างผมเนี่ย อยากรู้จริงๆ ว่าถูกเลี้ยงดูมายังไง
“เอางี้มั้ยพี่ ฝากของผมได้ไม่เกินสองลัง ไม่เกินสองอาทิตย์”
“ก็บ้าแล้ว ของกูจะมีแค่สองลังได้ไงวะ แล้วสองอาทิตย์กูจะไปหาหอใหม่ทันได้ไง”
อ้าว เรื่องของมึงสิ นี่ช่วยสุดๆ แล้วนะ สองอาทิตย์นี่ผมก็ให้นานสุดๆ แล้ว มากกว่านี้ไม่ทำให้ห้องผมกลายเป็นห้องเก็บของเลยหรือไง ผมเริ่มหงุดหงิด แต่ไม่อยากลงอารมณ์ไปกับคนพาล กลัวเรื่องจะแย่ลงกว่าเดิม จะเดินหนีพี่มันก็เสือกรู้ห้องผมอีก มีหวังได้ตามไปเอะอะถึงหน้าห้องแน่ๆ นิสัยอย่างนี้
ผมถอนหายใจ
ก่อนจะมีเสียงหนึ่งขึ้นมา
“ห้องไม่ว่างครับ”
ผมรู้จักเจ้าของเสียงนี้ก่อนจะหันไปเจอใบหน้ามันอีก ไอ้ฉางโผล่หัวมาอยู่ข้างๆ ตอนไหนวะ
“มึงยุ่งอะไร กูถามมันไม่ได้ถามมึง อ๋อ ลืมไป เป็นผัวเมียกันนี่ ต้องทำธุระให้กัน”
ผมคิ้วขมวด วาจาเลวร้ายของไอ้พี่ร่วมหอนี่แม่งจะเกินไปแล้วนะ กับอีแค่เรื่องแค่นี้ต้องพาลใส่กันขนาดนี้เลยหรือไง ผมไม่ได้สนิทกับพี่แกถึงขั้นนี้ ไม่ค่อยรู้นิสัยจริงๆ แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้อะไรทำให้พี่ตูนขึ้นอารมณ์เสียขนาดนี้เหมือนกัน
“พี่ ผมรู้ว่าผมทำผิดกฎ เรื่องนี้ผมจัดการคุยกับป้าหอเอง แต่เรื่องพี่อ่ะ ไม่เกี่ยวกับผมเลย นี่ผมก็พยายามช่วยแล้วนะ”
“ช่วยอะไรของมึงวะ ถ้าช่วยจริงก็ต้องหาที่ให้กูได้ดิ-”
“ห้องไม่ว่างครับ”
เสียงไอ้ฉางเอ่ยขัดพี่ตูนขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงโทนเย็นและราบเรียบทว่าหนักแน่นทำเอาพี่มันเงียบไปสักพัก
“กูไม่ได้-”
“ห้องไม่ว่างครับ”
“เสือก! กูจะเอาเรื่องของมึงไปบอกป้าหอ ดูสิว่ามึงกับแมวมึงจะไปซุกหัวอยู่ที่ไหน”
“บอกสิ”
“อย่าท้า!”
“ผมเปล่า อยากทำก็ทำ ผมไม่ได้ท้า ไม่ได้ล้อเลียนคุณด้วย”
อ้าวไอ้สัด กรรมมันจะมาตกที่กูไง เวร
“เพียงแต่เรื่องนี้ผมคุยกับคุณป้าไว้แล้ว”
“อะไรนะ”
เป็นครั้งแรกที่ผมความคิดตรงกับไอ้พี่ตูน มึงว่าอะไรนะ จ้องหน้ามันเค้นคำตอบ ไอ้ฉางสบตากับผมก่อนเอ่ย
“ผมไม่ใช่คนนอก ผมจ่ายค่าหออีกครึ่งหนึ่งของข้าวไว้แล้ว ผมเป็นรูมเมทกับเขา ส่วนเรื่องแมว ผมขออนุญาตคุณป้าแล้วว่านานๆ ทีจะเอามาไว้ที่ห้อง มันไม่เคยรบกวนใคร ไม่มีใครว่าอะไร คุณป้าก็ไม่ว่าอะไร”
“...”
เงียบทั้งผมทั้งพี่ตูน เพียงแต่ครั้งนี้เงียบกันคนละแบบ
“มีแต่คุณเนี่ยแหละที่โง่ ต้องการจะใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือหลอกใช้ข้าว เสียใจนะที่มันล้มเหลว”
“ไอ้!!”
พี่ตูนพุ่งพรวดเข้ามาหาไอ้ฉางจนผมสะดุ้ง เหตุเพราะไอ้ฉางอยู่ข้างตัวผมนี่เอง ร่างกายพี่ตูนอาจไม่ได้สูงเท่าไอ้ฉางแต่ว่าดูบึกบึนกว่ามาก ไอ้เชี่ย มึงอย่าตีกัน!
คนนิสัยเสียคว้าคอเสื้อไอ้ฉางมา หมายข่มขู่ ผมได้แต่ยืนเกร็งทำอะไรไม่ถูก คนรอบๆ เริ่มชะเง้อออกมาดูเรื่องราวได้สักพักแล้ว เอาไงดี กูควรแจ้งตำรวจมั้ย
“สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่นคือสมอง แต่ไม่รู้ทำไมบางคนถึงไม่ยอมใช้มัน”
ฉางเอ่ยยุโทสะ น้ำเสียงเย็นเยียบ คว้าข้อมือไอ้พี่ตูนออก ปัดทิ้งลงไปอย่างง่ายดาย ก้มลงไปกระซิบอะไรสักอย่างที่ผมไม่ได้ยิน บรรยากาศกดดันจนผมพูดไม่ออก เป็นครั้งแรกที่รู้สึกกลัวไอ้ฉาง แม้ว่าทรงผมมันจะเป็นอย่างนั้น แต่ใบหน้าของมันที่แสดงออกมาผมไม่เคยเห็นมาก่อนจนรู้สึกกลัวเบาๆ ไอ้ฉางผละออกจากพี่ตูน ก่อนส่งยิ้มมาทางผม
“ข้าว ผมหิวแล้ว ขึ้นไปข้างบนกัน”
มันว่าพร้อมจ้องถุงขนมในมือผม ไม่ปล่อยให้ผมโต้ตอบอะไร มือใหญ่ของมันดันหลังผมให้เข้าหอไป บรรยากาศกลับมาเป็นปกติ ผมจำใจเดินตามแรงผลักของไอ้ฉาง พยายามหันหลังมองคนต้นเรื่องทว่ามองไม่เห็น จะยกมือขัดไอ้ฉางก็ทำไมได้เพราะสองมือหิ้วถุงขนมไว้อยู่ ไอ้ฉางยังคงดุนดันไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าห้อง จนต้องถอดใจควักกุญแจห้องไขประตูเปิดออกมาจนได้ คำถามมากมายแล่นขึ้นในหัว
เมื่อเหลือแค่ผมกับมัน ไม่รอช้า ผมเอ่ยถามเรื่องราวทันที
“มันเรื่องอะไรวะ มึงไปคุยกับป้าหอแล้วว่าเป็นเมทกู!? จ่ายเงินแล้วด้วย แล้วยังเรื่องขอแมวอีก ถามกูสักคำมั้ย”
“ข้าวใจเย็นสิ”
“ก็ถ้ามึงไม่เล่นอย่างนี้กูก็คงเย็นได้อยู่หรอก สัด”
“ผมมาอยู่กับข้าวขนาดนี้ผมก็ต้องช่วยออกค่าใช้จ่ายให้เป็นเรื่องธรรมดา”
“...”
เพราะยังไม่ถึงเวลาจ่ายค่าหอของอีกเดือน ทำให้ผมไม่รู้ว่าค่าห้องครึ่งหนึ่งของเดือนถัดไปมันถือวิสาสะออกเองไปแล้วครึ่งหนึ่ง แล้วยังไงล่ะ อย่างไรห้องนี้ก็เป็นของผม มันควรจะบอกผมก่อนมั้ยว่าจะมาอยู่ด้วยแบบเป็นทางการ แล้วคิดหรอว่าผมอนุญาตแล้ว ทำไมแม่งเป็นคนงี้อีกวะ โว้ย
“ข้าวใจเย็นๆ นะ...”
“ให้กูเย็นได้ไง มึงทำอะไรไม่บอก คิดว่าไม่ต้องเห็นหัวกูหรือไง”
“ผมเปล่าสักหน่อย”
“ก็เห็นๆ อยู่!”
“ข้าวก็ฟังผมก่อน...”
ผมกัดฟันกรอด ข่มความโกรธ ถอนหายใจก่อนเอ่ย “ว่ามา”
“ผมช่วยออกค่าห้องให้ บอกป้าหอว่าผมจะเป็นรูมเมทข้าว บอกเรื่องแมว เพราะไม่อยากให้ข้าวมาเดือดร้อนเรื่องนี้เพราะผมไง”
“...”
“ผมรู้ว่าผมทำให้ข้าวผิดกฎ มันเป็นความรับผิดชอบของผม ผมก็เลยต้องจัดการ แต่ข้าวไม่ต้องห่วงนะ ผมบอกว่าเป็นรูมเมทข้าวก็จริง แต่เรื่องห้อง ข้าวยังเป็นคนตัดสินใจอยู่เหมือนเดิม จะให้ผมอยู่ ให้ผมไป ยังไงผมก็ฟังข้าว”
“...”
“แค่เป็นในนาม ให้ป้าหอแกรู้ไว้ ผมไม่อยากทำตัวเป็นปัญหาให้ข้าว ไม่อยากให้คนอื่นมองข้าวไม่ดี ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน ถึงยังไง เวลาผมเข้าจะออกห้องผมก็บอกข้าวเหมือนทุกทีไง”
ก็จริงของมัน ไม่รู้ว่ามันไปตกลงกับป้าหอตอนไหน ถ้ามันบอกว่าเป็นเมทผม ป้าเขาก็ต้องให้กุญแจห้องมาแล้ว แต่มันก็ยังใช้ไลน์เรียกให้ผมไปเปิดประตูให้มันอยู่ดี มันทำเหมือนมันไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมห้องผมเช่นเดียวกับตอนแรก
“ผมไม่ได้เอากุญแจห้องมาจากป้าหอ ฝากไว้ที่เขา อ้างว่ากลัวหาย ใช้ของข้าวไปก่อน เพราะไม่อยากถือวิสาสะเข้าห้องข้าวเอง”
มันตอบคำถามที่ผมสงสัยในใจ ผมเข้าใจมันแล้ว อารมณ์ร้อนๆ เมื่อครู่ดับไปอย่างรวดเร็ว ไอ้ฉางเตรียมการไว้ดีเกินกว่าที่ผมคาดไว้ ถึงอย่างนั้นกลับไม่ได้มารบกวนผมแม้แต่เสี้ยวเดียว นอกเหนือจากเรื่องการมาผลุบๆ โผล่ๆ นอนด้วยล่ะก็นะ
บ้าเอ้ย ทำไมผมต้องรู้สึกดีในความคุกคามของมันด้วยวะ
“กูเข้าใจแล้ว”
“ขอโทษนะที่ไม่บอกข้าวก่อน”
“เออ แต่ก็เพราะมึง กูถึงได้ไม่ต้องไปยุ่งกับไอ้พี่ตูนนั่น”
“ผมเข้าออกหอนี้บ่อย เห็นพี่คนนั้นทะเลาะกับป้าหอเป็นประจำ รู้มาว่าพี่เขาติดพนันจนไม่มีเงินจ่าย ป้าเขาก็ให้ผลัดมาจนครึ่งปีแล้ว ผมไม่อยากให้ข้าวไปช่วยคนอย่างนี้”
“มึงนี่นะ...” นอกจากจะเตรียมการดีแล้วยังสอดรู้เรื่องชาวบ้านมากกว่าที่คิดอีกด้วย
“ผมทำงานหนักขนาดนี้...” ฉางยิ้ม “ข้าวมีรางวัลให้ผมมั้ย”
“ไม่มีโว้ย!”
มีแต่ตีนเนี่ย จะแดกมั้ย!!
X
คิดว่าผมจะเหนื่อยฟรีหรอ
ผมลอบหอมแก้มเขาเมื่อยามหลับ ถือว่าให้รางวัลกับตัวเอง
น่ารักอีกแล้ว
ผมไม่เคยบอกข้าวเรื่องที่จัดการกับป้าหอไว้ ถ้าข้าวรู้ข้าวจะโกรธ กะรอให้ซี้กว่านี้สักหน่อยแล้วค่อยบอก ถึงตอนนั้นข้าวคงใจดีกับผมมากกว่าตอนนี้ คงปล่อยให้ผมทำตามเรื่องไปโดยไม่ว่าอะไร นิสัยข้าวๆ
จัดการไว้ตั้งแต่ช่วงหลังจากเอาแมวฉางเข้าห้อง ไหนๆ ก็จะไปขอเรื่องแมวแล้ว เลยรวบไปขอจ่ายค่าห้องด้วยเสียเลย แต่ผมก็ไม่เคยใช้กุญแจอีกดอกมาไขเข้าห้องข้าวตามใจชอบเลย ผมขออนุญาตและบอกข้าวก่อนเสมอเวลาต้องการจะเข้าห้อง มีครั้งเดียวก็ตอนที่ต้องเอาฉางมาฝากที่ห้องข้าวอย่างเร่งด่วน ถึงได้ขอยืมกุญแจคุณป้าเจ้าของหอมา
เสียที่เรื่องต้องมาแดงก่อนกำหนด แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ผมจัดการเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว คนไม่ดีถึงเอาเปรียบข้าวไม่ได้
ผมรู้ รู้เสมอว่าทำผิดกฎ ถึงได้เป็นคนไปแก้กฎนั้นด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้รบกวนข้าวในอนาคต
อย่างที่เจอในวันนี้
ดีนะที่ตัดสินใจรีบตรวจแบบแล้วรีบออกมา ไม่อย่างนั้นข้าวต้องตกเป็นเหยื่อของพวกคนเลวแบบนี้แน่ๆ ข้าวไม่ชอบเรื่องยุ่งยากวุ่นวาย เห็นท่าว่าถ้าเรื่องนี้ไม่มีผม ข้าวก็คงยอมให้เขาเข้ามารบกวนง่ายๆ
ใครๆ ก็รู้ว่าข้าวใจดี
รู้หรอกว่าคนอย่างข้าวต้องโดนเอาเปรียบเข้าสักวัน อย่างน้อยๆ ผมก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น แต่เชื่อเถอะ ข้าวอยู่กับผมไม่โดนถูกเอาเปรียบไปมากกว่านี้หรอก ให้ผมเป็นคนเดียวที่เอาเปรียบข้าวบนโลกนี้ก็พอแล้ว
ผมบอกแล้ว ผมจะเป็นคนปกป้องข้าวเอง
♦ ♦ ♦ ♦ ♦ ♦ ♦
คิดว่าพี่แคร์เรื่องผมหรอ...เรื่องเล็กแค่นี้
พี่มีเป้าหมายไกลกว่านั้นเยอะ555555
