7
ผมเกลียดมันจริงๆ เกลียดการนอนหนีคำถามของผมซึ่งๆหน้า คนบ้าอะไรหลับกลางอากาศงี้ก็ได้ ราวกับชีวิตมันเกิดมาเพื่อหลับ การตื่นเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติ
ฉางไม่ตอบผม ปลุกแค่ไหนก็ไม่ตื่น จนใจแล้ว เมื่อถึงเวลาผมถึงเข้านอนบ้าง ไม่คิดว่าตื่นมาไอ้ฉางจะหายไปราวกับรู้ตัว ไม่ได้คำตอบวันนี้ วันหน้าก็ต้องได้ ยิ่งไม่ตอบยิ่งทำให้อยากรู้คำตอบนะฉาง
แต่สุดท้ายวันนี้มันก็ไม่โผล่หัวมา วันอาทิตย์แสนสุขของผมเป็นไปอย่างเรียบง่าย ผ่านไปอีกวันจนผมลืมเรื่องที่จะถามไอ้ฉางไปแล้ว
“มันยังมาหามึงอยู่มั้ย ไอ้คนที่ชื่อฉางอ่ะ”
ไอ้เขียนถามผมเมื่อจบคาบเรียนคาบแรก อยู่ระหว่างพากันเดินตรงไปโรงอาหารคณะ
“เป็นพักๆ ผลุบๆ โผล่ๆ”
“มึงก็ยังให้มันมาเนอะ”
“ลองมาเป็นกูดูสิ”
“เพราะเป็นมึงนั่นแหละ มันถึงได้ยังอยู่กับมึงอ่ะ มึงมันใจดีเกินไปข้าว”
รู้อย่างนั้นก็มาช่วยกูซะสิ
“ให้กูไปนอนด้วยก็จบ”
“โนวๆ น้องข้าว เตียงพี่มีให้สาวๆ เท่านั้น”
ก็เป็นซะอย่างนี้ ผมเบะปาก ไม่ใช่ว่าไม่เคยไปนอนห้องมัน เพียงแต่นานๆ ทีเท่านั้น ช่วงหลังๆ มานี้ดูไอ้เขียนจะติดสาวมากกว่าเดิม ไม่รู้คนเดิมหรือคนใหม่ ยังไงผมก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อยู่แล้ว
“จริงๆ ช่วงนี้รถไฟชนกันบ่อยๆ มึงมาคงไม่สะดวกเท่าไหร่”
ไอ้เขียนบอก ว่าแก้ตัวกล่าวถึงสาเหตุที่ไม่ยอมให้ผมไปลี้ภัยนอนด้วย แต่คำแก้ตัวมันเหมือนฟังแล้วทำให้มันดูแย่ลงกว่าเก่าอีก พวกศัตรูของผู้หญิง
พวกผมมาถึงโรงอาหาร แยกย้ายกันไปสั่งอาหารก่อนหาที่นั่ง
“แล้วเอาไงอ่ะ งานกลุ่ม” ผมเปิดบทสนทนาขึ้นอีกครั้งกลางโต๊ะอาหาร
“จะนัดวันไหนก็บอก กูได้หมด ขอแค่บอกก่อนจะได้เตรียมตัว” เตรียมตัวบอกสาวสินะ ผมส่งเสียงอืมในลำคอ
“กูหาข้อมูลไว้แล้วหน่อยๆ เดี๋ยวส่งให้ดูก่อน”
“ขยันอีกแล้ว”
ไอ้เขียนว่า ผมไม่ตอบ ก้มดูดเส้นก๋วยเตี๋ยวในตะเกียบต่อไป คนตรงข้ามผมก็เล่นมือถือไปกินไป จวบจนอาหารตรงหน้าหมด ก็พากันเอาจานไปเก็บ ผมแวะซื้อน้ำก่อนจะขึ้นตึกเรียน
ทว่าพอออกจากโรงอาหาร กลับพบคนที่คุ้นหน้าจนแทบอยากหมุนตัวแล้วหนี
ไม่ ไม่ใช่ไอ้ฉาง
แต่เป็นอัลฟ่า
ไม่ได้อยากสังเกตเห็นมัน แต่เพราะกลุ่มคนที่ล้อมรอบตัวมันเป็นเป้าสายตาทำให้ผมหันไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ทันทีที่เห็นหน้ามัน จะวิ่งหนีก็ไม่ทันแล้ว ไอ้ฟ่าสังเกตเห็นผมแล้ว
มันก้มหัวให้บรรดาสาวๆ รอบๆ ก่อนเดินตรงมาทางผม ทำไงดี ไปหลบหลังไอ้เขียนจะทันมั้ย ทำไมวันนี้มันซวยวะ
“ข้าว เจอพอดี”
“อะ...อะไร” ผมตอบมันเสียงอึกอัก สายตาหลายคู่เพ่งเล็งมาทางผมกับอัลฟ่าอย่างเห็นได้ชัด
“รู้จักอาจารย์ยิ่งยศมั้ย”
“รู้จัก”
อาจารย์ยิ่งยศ สอนผมตอนปีหนึ่ง วิชาที่เป็นพื้นฐานของวิศวกรรม เชื่อว่ามันสุ่มใครสักคนในคณะนี้ถามก็รู้จัก ทำไมต้องกูวะ
“โต๊ะแกอยู่ไหนอ่ะ เราถูกวานให้เอาเอกสารมาให้”
โต๊ะอาจารย์ยิ่งยศ นักศึกษาทุกคนต้องเคยผ่านมือมาแล้วทั้งนั้น เพราะอาจารย์มักจะสั่งให้ทำรายงานมาส่งที่โต๊ะแกทุกปี ห้องพักอาจารย์ไปไม่ยาก ผมบอกแผนที่ให้อัลฟ่าฟัง
“ยากอ่ะ ข้าวไปเป็นเพื่อนหน่อยละกัน”
บอกว่าไม่ยากไง! ชั้นแรกของตึกไฟฟ้า เข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายก็เจอแล้ว บัดซบ!
ไอ้ฉางที่ผมไม่เคยปฏิเสธได้ แล้วคิดว่าผมจะปฏิเสธเพื่อนมันได้มั้ยล่ะ อัลฟ่ากอดคอผมก่อนเดินนำไป รีบรุดออกห่างบรรดาขามุงอย่างรวดเร็ว
“มึงรู้จักกันหรอ”
ไอ้เขียนที่เดินตามมาต้อยๆ เอ่ยขึ้นระหว่างทาง
“ไม่เชิง” ผมตอบ “เพื่อนฉาง”
“มันนับเราเป็นเพื่อนมั้ยยังไม่รู้เลย” อัลฟ่าว่าพร้อมหัวเราะขบขัน
“หือ ไอ้ฉางมีเพื่อนเป็นเดือนถาปัตย์อ่ะนะ”
“หือ?” ผมส่งเสียงสงสัย หันไปมองไอ้เขียนที ไอ้ฟ่าที
“อ้าว รู้ด้วยหรอ ฮ่าๆ” สิ้นเสียงอัลฟ่า ผมเบิกตาโต
“อัลฟ่าเป็นเดือนถาปัตย์!?”
“อ่าห้ะ สองปีก่อนนะ”
มิน่าล่ะ เห็นสาวๆ มุงมัน นั่นคือเหล่าบรรดาแฟนคลับมันสินะ...
“ไอ้ฉางนี่เลือกคบเพื่อนแฮะ” ไอ้เขียนเอ่ยคุยกับอัลฟ่า
“ไม่หรอก เป็นเราเนี่ยไปขอมันเป็นเพื่อน ตอนแรกพี่มาขอให้ฉางเป็นเดือนเถอะ แต่มันไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยุ่ง เลยมาขอเราแทน เป็นตัวสำรองอันดับสุดท้าย ฮ่าๆๆ”
“จริงป้ะเนี่ย”
“อือ ที่จริง ฟิวเจอร์กับเพียวถูกขอก่อนฉางอีก แต่สองคนนั้น...อืม”
ไอ้เขียนทำหน้างงเมื่อมีตัวละครใหม่มาเพิ่ม จนผมต้องอธิบาย “เพื่อนอีกสองคนของไอ้ฉาง”
“อืม เคยได้ยินชื่อบ้าง”
“รู้จักด้วยหรอ” ผมถามเพื่อนซี้
“ไม่หรอก แค่เคยได้ยิน หน้าเป็นไงก็ไม่รู้”
“สองคนนั้นไม่สนโลกยิ่งกว่าฉางอีก” ว่าแล้วก็หัวเราะ อัลฟ่าดูเป็นคนที่หัวเราะได้กับทุกเรื่อง ไม่เหนื่อยบ้างหรือยังไง
มองหน้าอัลฟ่า รู้ว่ามันเป็นคนหล่อ แต่ไม่คิดว่าเป็นเดือนคณะ เห็นเพื่อนมันอีกสองคนรวมถึงไอ้ฉางด้วยแล้วเลยเผลอคิดไปเองว่าคณะนี้มีแต่คนหน้าตาดี แต่ความจริงแล้วคือมีแค่พวกนี้ที่เป็นตัวท็อปสินะ
“ไม่เห็นรู้เลย”
“That’s what makes you beautiful~” ไอ้ฟ่าร้องเพลงออกมา หันหน้ามามองผม พร้อมฉีกยิ้ม ผมงงจัด ทว่าไอ้เขียนเป็นฝ่ายผละมันออกมา แขนที่คล้องคอผมขอไอ้ฟ่าถูกปลดออก
“ไม่ต้องมาจีบเพื่อนกูเลย เพื่อนกูไม่ใช่เกย์”
“เราไม่ได้จีบซะหน่อย~” ไอ้ฟ่าว่าอย่างอารมณ์ดี “แต่อีกคนก็ไม่แน่นะ”
ผมไม่เข้าใจบทสนทนา ไม่ทันได้โต้ตอบอะไรอัลฟ่าก็บอกลาพร้อมเลี้ยวซ้ายเข้าห้องพักอาจารย์ไป อ้าว เวร จะไปเองก็ไปได้นี่ แล้วจะเรียกให้ผมไปด้วยทำไมวะ
แล้วผมก็เพิ่งสังเกต...ว่าอัลฟ่าพูดแบบรู้เรื่องก็เป็นนี่หว่า
เพื่อนไอ้ฉางมีแต่คนกวนตีน
ส่งไอ้ฟ่าถึงจุดหมายแล้ว พวกผมก็เดินออกมา
“อัลฟ่าถาปัตย์ กูได้ข่าวมาว่าเป็นไบ มึงอย่าไปยุ่งกับมันมากนะไอ้ข้าว หน้าอย่างมึงยิ่งถูกหลอกง่ายๆ อยู่”
อ้าว ไอ้...
“มันมาหากูเองเหอะ”
“กูถึงบอกไว้ให้มึงระวังตัว พวกนี้น่าขนลุกจะตาย”
ผมไม่ตอบอะไรมัน เรื่องพวกนี้ผมไม่ได้แอนตี้ เจอทั่วไปจนชิน ไม่ได้รู้สึกขยะแขยงอะไร เสียแต่ไอ้เขียนมันไม่ใช่ มันไม่ชอบพวกคนเหล่านี้ เกย์ กะเทย ทอม ดี้ ต่างๆ มันไม่เข้าไปยุ่งเลย แถมชอบมาบอกให้ผมอยู่ห่างๆ เช่นนี้บ่อยๆ
ผมไม่ได้รังเกียจกลุ่มคนประเภทนี้ก็จริง แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะชอบผู้ชายเหมือนกัน เลยได้แต่อือออตามไอ้เขียนมันไป ขี้เกียจเถียงกับมันให้วุ่นวาย
หลังจากที่แยกกับไอ้ฟ่า ผมกับเขียนเดินขึ้นตึกเรียนไปตามปกติ ห้องเรียนเริ่ม ไอ้เขียนกดมือถือเล่นเหมือนอย่างเคย ส่วนผมก็ได้แต่จดเลคเชอร์เผื่อแผ่คนข้างๆ ที่เอาแต่คุยกับสาวไม่สนโลก
หลังจากเรียนเสร็จ ทั้งเย็น ผมใช้ชีวิตไปกับไอ้เขียน ไม่คิดว่าคนอย่างมันจะว่างมาเดินเล่นกับผมเหมือนกัน ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย ไอ้เขียนจะเจียดเวลาของมันมาอยู่กับผมเป็นครั้งคราว ชีวิตเด็กเมืองกรุง ไม่รู้จะไปไหนก็เข้าห้าง ถึงแม้ผมไมได้อยากดูอะไรเป็นพิเศษ แต่ไอ้เขียนอยาก
มันต้องหาซื้อของขวัญให้เจนนี่ สาวคนล่าสุดของมัน
ผมไม่มีที่ไปอยู่แล้ว ไม่ไปกับมันก็กลับหอ เลยเลือกไปกับไอ้เขียนแทนการคุดคู้อยู่แต่ในห้อง พวกผมดูโน่นนี่ ได้ของขวัญแล้วแต่ก็ขี้คร้านจะกลับห้อทั้งคู่จึงเลือกเดินเตร่ไปเรื่อยๆ จวบจนเวลาเย็น พวกผมเดินสุ่มเข้าร้านอาหารสักร้านนั่งกิน ก่อนไอ้เขียนจะเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวกูว่าจะไปร้านนั่ง มึงไปด้วยกันป่ะ”
ร้านนั่ง ที่มันว่าคือชื่อร้านเหล้ายอดฮิตในช่วงนี้ แน่นอน ผมไม่ถูกโรคกับของพวกนี้เท่าไหร่นัก ทว่าก่อนจะได้เอ่ยคำปฏิเสธ ไอ้เขียนก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน
“ไปเถอะ นะ ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย”
“....ทำไม”
“นัดเจนนี่ไว้ กะจะเอาของขวัญไปเซอร์ไพร์ส” ไอ้เขียนว่าพร้อมฉีกยิ้ม ที่เห็นแล้วอดยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้
ที่แท้กะใช้กูเป็นตัวช่วยนี่หว่า
“ไปเถอะนะไอ้ข้าว มึงไม่ได้ออกมาร้านแบบนี้นานแล้วนะ กูเหงา”
ตอแหลชิบหาย ถึงแม้จะรู้ว่าไอ้เขียนพูดไปงั้น แต่ผมก็ตกลงพยักหน้าไปแต่โดยดี ไม่ใช่เพราะคิดว่ามันเหงาจริงๆ หรอก แต่ช่วงนี้ผมเอาแต่อยู่ในห้องมากไปแล้วอย่างที่มันว่า แถมในห้องยังมีสิ่งมีชีวิตประหลาดผลุบๆ โผล่ๆ มากวนประสาทเป็นระยะอีก
ถึงแม้วันนี้ผมไม่เจอไอ้ฉางมันเลยทั้งวัน แต่ก็ไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าถ้าผมกลับหอไปจะไม่เจอมัน
เที่ยวเล่นสักวันก็ดีเหมือนกัน ไหนๆ วันพรุ่งนี้ก็เรียนบ่าย
ผมปล่อยไอ้เขียนดี๊ด๊าของมันไป เดินตามตูดมันไปเงียบๆ มันแวะอะไรก็แวะตาม ไปเรื่อยๆ จนหมดอะไรจะดู ถึงได้ตัดสินใจกันออกจากห้าง ประกอบกับเวลาเริ่มเหมาะกับการร่ำสุราแล้ว พวกผมจึงตรงดิ่งไปยังร้านนั่งทันที
สองทุ่มกว่า ไม่ดึกมากทว่าผู้คนกลับคึกคัก ด้วยเพราะเป็นร้านเหล้าเปิดใหม่ สไตล์ตกแต่งร้านถูกใจวัยรุ่น ราคาเบียร์ก็ย่อมเยา ทำให้สถานที่แห่งนี้มากคนอย่างช่วยไม่ได้ ให้ตาย คิดผิดรึเปล่าที่มา ผมไม่ชอบคนเยอะๆ อย่างที่เคยว่า แต่กลับต้องมาเบียดเสียดผู้คนมากมายเข้าไปข้างในร้าน หาโต๊ะนั่ง
กินพลังงานชีวิตมาก
วันนี้สาวๆ เยอะกว่าปกติ ลาภตาไอ้เขียนนัก เจนนี่ยังไม่มา ไอ้เขียนก็ส่งสายตาแพรวพราวไปทั่ว ส่วนผมก็ก้มหน้าดื่มน้ำเมาในมือตัวเองไปเงียบๆ
สองทุ่มครึ่ง กิ๊กใหม่ไอ้เขียนมาถึง มันออกไปต้อนรับ ส่งมอบของขวัญให้ผมเก็บรักษาดูแลไว้ เมื่อมันมาถึงโต๊ะพร้อมสาวสวย นั่งลงกันเสร็จสรรพ ผมยื่นของขวัญของเจนนี่ให้เขียนใต้โต๊ะ ไอ้เขียนรับก่อนเอาไปให้เจนนี่ เซอร์ไพร์สเล็กๆ ไม่ต้องเล่นใหญ่ก็ทำให้สาวๆ ระทวยได้ไม่ต่างกัน
เจนนี่เขินม้วนอย่างน่ารัก ก่อนไอ้เขียนจะแนะนำสาวใหม่ให้ผมรู้จัก พร้อมๆ กับแนะนำให้ผมให้เจนนี่รู้จัก ผมพยักหน้ารับ จำอะไรไม่ได้นอกจากชื่อเล่นและอายุที่เท่ากัน เชื่อว่าพ้นเดือนนี้ไปไอ้เขียนก็มีคนใหม่ จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก นั่งดื่มของเหลวในแก้วตัวเองต่อไป
แก้วแรกเป็นเบียร์เบาๆ แก้วต่อมาไอ้เขียนถึงรินเหล้าให้ ผมยกซด หลังๆ ไอ้เขียนเริ่มหันไปคุยกับเจนนี่แล้ว ผมถึงรินเองดื่มเอง เวลาคืบคลานผ่านไปจนดึก
“อุ้ย”
เจนนี่ร้องอุทานขึ้นมาเบาๆ เมื่อวงดนตรีวงใหม่เดินขึ้นมา ผมเบนสายตาไปมอง แทบสำลักน้ำเมา
วันนี้เป็นวันอะไร ทำไมเพื่อนไอ้ฉางถึงได้มาวนเวียนรอบตัวผมแบบนี้
บนเวทีปรากฏร่างของเพียว เพื่อนไอ้ฉางอีกคนที่ผมเจอเมื่อครานั้น ร่างสวยหิ้วกีตาร์โปร่งขึ้นเวที ท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ ว่าแล้วเชียว นึกแล้วว่ามันแปลกๆ ทำไมวันนี้ผู้หญิงเยอะผิดปกติคงเป็นเพราะเรื่องนี้ เพียวมีเสน่ห์มากทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย เครื่องหน้าสวยนั้นเป็นสิ่งยืนยันถึงเสน่ห์ของเจ้าตัวได้อย่างดี
“เจนนี่รู้จักด้วยหรือ” ไอ้เขียนถามหญิงข้างกาย เจ้าหล่อนตอบด้วยความขวยเขิน
“อื้อ เพียวถาปัตย์ เห็นว่าเจอยากมากๆ เลย ไม่คิดว่าวันนี้จะเจอนะเนี่ย”
ผมฟังพร้อมยกซดน้ำสีชาในมือต่อ ไม่คิดว่าจะเจอมันในนี้เหมือนกัน
มือเรียวเริ่มบรรเลงเพลงสด ไล่นิ้วกดคอร์ด นักร้องเสียงใสอีกคนร้องตามจังหวะคีย์โน้ตที่เสียงกีตาร์มอบให้ เสียงฮือฮาเริ่มเบาลงเมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น เพียวไม่ได้แตะไมค์ร้องเลยด้วยซ้ำ ทว่ามีแต่สาวๆ มองด้วยความหลงใหล นอกจากผู้หญิงที่มองแล้ว...พวกผู้ชายเองก็จับจ้องไปที่คนตรงหน้าไม่วางตาเช่นกัน
เส้นผมสีอ่อนพลิ้วลู่ลงตามแรง ไหลปรกหน้าสวยไปเกือบครึ่ง ทว่ากลับเพิ่มเสน่ห์ให้น่าค้นหาอย่างน่าประหลาด ลำคอระหงส์เผยออกมากขึ้นตามท่วงท่าที่คนหน้าสวยขยับตัว เสื้อสีขาวโปร่งและแสงไฟจากเวทีฉายส่องทำให้คนตัวขาวสว่างกว่าเดิม ไล่ไปเห็นถึงผิวอกเนียน ดวงตาสีอ่อนปรือลง เหม่อมองออกไปราวกับตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง
สวยราวภาพวาด
ขนาดเป็นผู้ชาย ผมยังหลงไปกับเสน่ห์ของเพียวได้อย่างง่ายดาย
ผมจ้องเขาโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งคนบนเวทีเงยหน้ามาสบตาผมถึงได้รู้ตัว สะดุ้งว่าตัวเองมองเขานานไปแล้ว
ส่ายหน้ารีบนำสติตัวเองกลับ กระดกน้ำเมาในมืออีกครั้งก่อนแทบสำลักเมื่อสายตาเหลือไปเห็นร่างของคนในเงามืดที่แสนคุ้นตา
ฟิวเจอร์
คนที่โดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ผมจำเขาได้แทบทันที เป็นวันปล่อยผีจริงๆ ด้วย พวกเพื่อนไอ้ฉางอยู่รอบตัวผมอย่างน่าขนลุก
เมื่อเพลงบรรเลงจบไปสามสี่เพลง ได้เวลาเปลี่ยนเวที เพียวลุกออกไปท่ามกลางเสียงเสียดายของสาวๆ และหนุ่มๆ บางคน ผมมองตามร่างเพรียวไปตลอดจนลงเวที
ฟิวเจอร์เข้ามารับตัวเพียวไว้แทบทันที แขนแกร่งของหมอนั่นโอบเอวเพียวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ ไม่พอ ใบหน้าหล่อราวกับรูปปั้นซบเข้ากับเส้นผมนิ่ม ตอกย้ำความมีสิทธิ์เหนือใครๆ ของตัวเอง
ผมคิดอยู่แล้วว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์แปลกๆ อย่างน้อยเพื่อนชายด้วยกันคงไม่กอดกันตัวติดขนาดนั้น แถมยังเอาคางมาเกยไหล่กัน ท่าทีสนิทสนมเกินเพื่อนชายทำเอาผมสงสัยอยู่ในใจเงียบๆ ทว่าไม่ได้แสดงอะไรออกไป
“โฮโมตัวเป็นๆ เลยว่ะ” ไอ้เขียนเอ่ยขึ้น
ดูท่าว่ามันเองก็คงสังเกตฉากเพียวกับฟิวเจอร์เหมือนกัน ใบหน้าหล่อเหยเกเหม็นบูด คล้ายกับเรื่องตรงหน้ามีสิ่งใดผิดปกติไป ถ้าคิดจากความคิดไอ้เขียน เพียวกับฟิวเจอร์คงเป็นสิ่งปกติสำหรับมันจริงๆ
“ข้าว มึงระวังตัวไว้นะ”
“อะไร”
“ไอ้ฉางคบแต่เพื่อนเกย์ๆ มันต้องเป็นเกย์แน่ๆ มึงอยู่ห่างๆ มันไว้เลย”
“...”
ผมไม่ตอบมัน รินเหล้าให้ตัวเองก่อนยกซดอีกอึก ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำเอามึนได้ที่ ก่อนที่จะกลายเป็นหมามากกว่านี้ ผมตั้งสติให้ตัวเองหยุดดื่ม นั่งเหม่อมองไอ้เขียนก้อร่อก้อติกกับเจนนี่ไปเรื่อยๆ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว ตั้งใจจะกระพริบตาไล่ความง่วง
ทว่าลืมตาตื่นมาอีกทีก็อยู่ที่ห้องตัวเองแล้ว
พร้อมกับความคิด...
วันนี้ไม่เจอไอ้ฉางเลยทั้งวัน...
VII
เบื่องาน เหนื่อย ง่วง
อยากกลับไปหาข้าวจะแย่
ตีสามกว่าแล้ว ไปหาตอนนี้คงโดนตีตาย แต่ช่วยไม่ได้ ผมคิดถึงข้าว แวบไปหาหน่อยคงไม่เป็นไร ไม่ต้องเข้าห้องก็ได้ แต่พอมาถึง ไม่คิดว่าประตูหอจะเปิดไว้อ้าซ่าต้อนรับกันขนาดนี้
ไม่คิดด้วยว่าห้องข้าวจะไม่ได้ล็อก เชิญชวนกันขนาดนี้
ผมก้าวเข้าไป เจอร่างไร้สตินอนแผ่อยู่บนเตียงท่ามกลางกลิ่นคละคลุ้งของแอลกอฮอล์…
♦ ♦ ♦ ♦ ♦ ♦ ♦
มาแบบเรื่อยๆ เอื่อยๆ
คิดว่าฉางจะทำไงต่อ....