Round 1 
ผมวิ่งไปรถแล้วยกกุญแจขึ้นกดสัญญาณปลดล็อกอัติโนมัติ สะบัดหนังสือพิมพ์บนหัวสองสามที จึงค่อยหย่อนตัวลงเบาะใต้พวงมาลัย เสียบกุญแจสตาร์ทรถแต่ก็ต้องตกใจเมื่อมีเสียงเคาะกระจกรัว…ผมกดเปิดกระจกรถ
“มีอะไร” ผมขึ้นเสียงถาม แค้นกูมากเลยรึไงที่ด่า ถึงกับต้องวิ่งตามมาหาเรื่องกลับ ไอ้นี่นี่
“เปิดรถหน่อยๆ” ไอ้หน้าหล่อหันซ้ายหันขวาเอามือทั้งสองข้างตะปบกระจกรถไว้ทำให้เลื่อนขึ้นไม่ได้
“จะทำไม” ผมมองมันแบบไม่ไว้ใจ มือคว้าเกียร์ลงมาที่ตัว D แล้วเตรียมเหยียบคันเร่ง
“เฮ้ยๆ! ใจเย็นๆ เอาน่า เปิดหน่อยสิวะ ไม่ต่อยมึงหรอก” ไอ้หน้าหล่อตกใจเมื่อเห็นผมเหยียบคันเร่งกระตุกไปข้างหน้าจนมันต้องก้าวตามแล้วยื่นมือข้ามมาล็อกพวงมาลัยไว้ ผมถอนหายใจเสียงดังแล้วจำใจเปิดล็อกให้ มันก็รีบเปิดประตูด้านหลังเบาะคนขับแทรกตัวเข้ามาทันที…แต่ไม่ใช่แค่นั้น พอปิดประตูรถเสร็จ มันก็ล้มตัวลงนอนราบกับเบาะหลังด้วยความรวดเร็ว
“มึงทำไรวะ!?” ผมเอี้ยวคอมาถาม เห็นไอ้หล่อทำท่าทีลุกลี้ลุกลน แต่ไม่นานก็ร้องอ๋อในลำคอเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง จัดว่าสวยเลยทีเดียวดูจากผิวพรรณ หน้าตาและการแต่งกาย เสียอยู่อย่างเดียวที่ตอนนี้น้ำฝนทำให้เครื่องสำอางค์เธอเลอะเปรอะเปื้อนจนเป็นคราบด่างไปทั้งหน้า ชุดเดรสสีเหลืองสดท่าทางราคาแพงเปียกยับยู่ยี่ มือสองข้างหิ้วรองเท้าส้นสูงไว้…เธอมองซ้ายทีขวาทีแล้วร้องกรี๊ดๆ อยู่อย่างนั้นอย่างไม่อายฟ้าอายดิน
“รีบๆ ออกรถสิวะ” มันทุบเบาะผมดังตุบ คนอะไรวะโคตรไร้มารยาท
“ครับ ครับ คุณชาย” ผมส่ายหัวกับความเอาแต่ใจของอีกฝ่ายทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อนแท้ๆ ถ้ารู้จักกันแล้วจะขนาดไหน ไม่ต้องลงไปเช็ดตีนให้เลยเรอะ
ผมแอบกระชากตัวรถออกอย่างแรงจนคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างหลังหล่นลงตรงช่องหย่อนขาตรงกลางดังโครมจนได้ยินเสียงร้องโอดโอยกับสบถบรรดาสิงสาราสัตว์ออกมาไม่ขาดปาก หึหึหึ ผมแอบมองด้วยกระจกหลัง เห็นเจ้าตัวค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นมามองผมตาเขียวปั๊ดหลังจากที่เห็นผมทำท่ายักไหล่ปากเบะและยิ้มตอบประมาณว่าไม่ได้ตั้งใจนะ
“จำไว้นะมึง…” มันลุกขึ้นมานั่งตรงกลางเบาะหลังแล้วเอานิ้วชี้หน้าผมแบบอาฆาตแค้น
“จำทำไมเรื่องไร้สาระ เอาล่ะ ลงไหนครับคุณชาย” ผมขับออกมาจนถึงถนนใหญ่ก็เตรียมหาทำเลที่จอดเหมาะให้ไอ้นี่ลงไปซะที
“ไม่ลง ไปส่งที่โรงแรมคอนติเนนทอลฯ หน่อย” ไอ้สุดหล่อกวนพระบาทมันพูดหน้าตาเฉยก่อนจะเอนหลังพิงเบาะนุ่มๆ ที่เพิ่งทำความสะอาดมาใหม่อย่างสบายใจ สายตาก็กวาดมองไปรอบๆ รถผม
“เฮ้ย กูไม่ใช่แท็กซี่ว่ะครับ มึงจะลงก็ลงตรงนี้” ผมเริ่มโมโหกับอาการไร้ซึ่งความเกรงใจอย่างแสนสาหัส เลยตัดสินใจจอดรถข้างๆ ฟุตบาทแถวนั้น
“ลงตรงนี้ป่ะ กูมีธุระต้องไปทำ ไม่มีเวลามาเลี้ยงเด็ก เข้าใจมั้ย” ผมขึ้นเสียงแข็งเชิงดุ จนอีกฝ่ายหน้าหงอไปแป๊ปนึง….เน้นว่าแป๊ปนึงจริงๆ ครับ สูดหายใจเข้ายังไม่ทันเต็มปอดมันก็หันมาทำหน้าเข้มแข่ง
“กูยังโกรธมึงอยู่ มึงด่ากูไอ้เตี้ย ถ้าไม่อยากมีเรื่องมึงไปส่งกูเดี๋ยวนี้” มันไม่พูดเปล่าแต่ยังแทรกตัวเองมานั่งเบาะหน้าอย่างรวดเร็วจนผมห้ามไม่ทัน ดีนะที่ถอดรองเท้าแล้ว ไม่งั้นมีเฮ
“ให้มันน้อยๆ หน่อย ใครกันแน่ที่มากวนตีนก่อน มึงลงไปเลย” ผมยังยืนยันคำเดิม มือกดเปิดไฟเลี้ยวทิ้งไว้ เท้ากดเบรกนิ่ง แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีสนใจเลยสักนิด หยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดู ไม่ก็ลูบคลำๆ เครื่องเสียงผมเล่นเหมือนกับจะหาเพลงเปิดฟัง จนผมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ ถอนเบรก แล้วออกรถอีกครั้ง
มันเริ่มคลำวิธีใช้ถูก แหงล่ะครับ รถไหนๆ วิธีเปิดปิดเครื่องเสียงก็เหมือนๆ กันหมดแหล่ะ เพลงสากลช้าๆ ก็ดังเอื่อยขึ้นมาค้างจากที่ผมฟังทิ้งไว้คราวที่แล้ว
“อือหือ รสนิยมดีนี่” มันพูดพร้อมกับกดเอนเบาะ บิดขี้เกียจแล้วหลับตาลงฮัมเพลงตาม
ผมอดไม่ได้ที่จะละสายตาจากถนนมาชำเลืองมองคนที่ผมเพิ่งด่าว่าไอ้เตี้ยมาหมาดๆ…ไม่ได้เตี้ยหรอกครับ แต่คงเพราะความผอมนั่นแหล่ะเลยทำให้ดูตัวเล็ก ผมสังเกตได้จากตอนมันบิดขี้เกียจ เสื้อเชิ้ตสีดำพอดีตัวถูกเลิกขึ้นจนเห็นเอวคอดสีขาวตัดกับขอบกางเกงในสีเทา แถมยังผมที่เปียกนิดๆ ลู่ใบหน้านั่นอีก…เซ็กซ์ชะมัด
“เอ้า เช็ดผมซะ” ผมหยิบผ้าผืนเล็กที่มักจะพกติดรถไว้เสมอจากข้างประตูยื่นให้คนข้างๆ พลางคิดในใจ ทำไมกูต้องใจดีกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนด้วยฟะ แถมนิสัยยังกวนส้นตีนอีกต่างหาก
ไอ้หล่อเทพหันมามองหน้าผมกับผ้าขนหนูสีขาวสลับกันไปมาด้วยความงง แล้วค่อยคลายยิ้มหวาน หัวเราะหึๆ รับผ้าไปเช็ดหน้าเช็ดตา
“ไม่ได้อยากยุ่งหรอกนะ แต่ทำแบบนั้นกับผู้หญิงจะดีเรอะ” ผมเริ่มบทสนทนา เห็นทีจะต้องนั่งไปด้วยกันอีกนานเพราะทางไปโรงแรมนั่นยังอีกไกลคนละทิศคนละทางกับจุดหมายของผมเลยด้วยซ้ำ… แล้วทำไมตูต้องไปส่งมันด้วยวะ ยังงงตัวเองไม่หาย
“ผู้หญิงไหน…อ๋อออ เสือกจริงนะมึง” กูว่าแล้วววววต้องโดนมันสวน อยากต่อยปากซักทีสองทีให้หายหมาจริงๆ
“จะไปสนทำไม ผู้หญิงมีหน้าที่อ้าขาให้ผู้ชายฟัน ฟันแล้วก็ทิ้ง มึงก็น่าจะรู้ดี ผู้ชายด้วยกัน ถามโง่ๆ” มันตอบหน้าตาเฉย
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ ถึงกูเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่กูก็ให้ความเคารพผู้หญิงนะเว้ย และนั่นก็เป็นสิ่งที่ผู้ชายทุกคนพึงกระทำ….ผู้หญิงเป็นเพศที่…”
“มึงหุบปากไปเลย แต๋วป๊ะเนี่ย พูดมาได้ เคารพผู้หญิง ไม่มีผู้ชายคนไหนเค้าทำกันหรอกโว้ย!” มันพูดแทรกขึ้นมาไม่ทันเปิดโอกาสให้ผมได้จบประโยค มุมปากบางนั่นยกเชิดยิ้มเยาะราวกับจะชวนผมหาเรื่อง ตาคู่สวยดุดันแฝงแววขำขันจ้องมาที่ผมอย่างไม่ลดละ
“ถ้ามึงพูดจาแบบนี้อีก ก็ลงไปตรงนี้เลย” ผมพูดเสียงเย็นหน้านิ่ง แล้วชะลอรถเข้าข้างทาง ตาไม่แม้แต่หันไปมองอีกฝ่าย
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ เชี่ยนี่ ใจเย็นสิวะ…ลงตรงนี้กูจะไปต่อยังไงล่ะ ฝนก็ตก แท็กซี่ก็ไม่มี”
“เรื่องของมึง” ผมจัดการจอดรถเข้าข้างทางเรียบร้อยแล้วกดปลดล็อกเป็นนัยเชิญให้อีกฝ่ายลง
“เออๆ! แม่งงงงง ขอให้รถชนตายแยกหน้า!” มันอวยพรผมก่อนที่จะหันไปคว้ารองเท้าตัวเองจากเบาะหลัง สวมแบบลวกๆ แล้วเปิดประตูก้าวลงไป ปิดตามดังปัง…
ผมค่อยๆ ออกรถช้าๆ ห่างออกมาจากจุดเมื่อกี้เรื่อยๆ ตาเจ้ากรรมไม่รู้ทำไมต้องเผลอไปมองกระจกส่องหลัง…เห็นคนหล่อที่ตอนนี้หมดหล่อลงไปเยอะเนื่องจากโดนฝนเปียกโชก ยืนกอดอกสั่นมองหาแท็กซี่ แต่ก็ไร้วี่แววสักคัน…แถมรถคันที่ผ่านมายังเหยียบซะมิด ลูกล้อเบียดกับถนนที่ล้นไปด้วยน้ำโคลนสาดกระเซ็นโดนมันไปเต็มๆ ผมแอบเห็นมันอ้าปากพะงาบๆ ชี้รถคนนั้น เดาไม่ยากคงกำลังด่าถึงชาติตระกูล วงศาคณาญาติของเจ้าของรถคนที่แซงผมไปแน่ๆ
เฮ้ออออ เอาวะ…ผมตัดสินใจเปิดไฟคู่กระพริบ แล้วหันไปมองด้านหลัง ค่อยๆ ถอยรถกลับมาที่เดิม
“ขึ้นมา” ผมเปิดกระจกฝ่ายข้างคนขับลง ตรงกับไอ้ลูกหมาตกน้ำพอดี
มันไม่พูด แต่ยกนิ้วที่เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกความเป็นเพศชายขึ้นมาเต็มหน้าผม
“กูมีแล้ว ไม่ต้องให้ ยังไม่อยากออกงานวัด…ขึ้นมา” ผมย้ำ
มันยังไม่ยอมขึ้นครับ ยืนกอดอกสั่นระริกมองหาแท็กซี่อยู่นั่น จนผมต้องบีบแตรเสียงยาวดังลั่นเรียก ไอ้หล่อ(เลว)สะดุ้งแล้วหันมามองผมตาเขียวปั๊ด คว้ามือเปิดประตูรถแล้วกระแทกตัวลงมาบนเบาะอย่างแรง
***TBC
กระทู้นี้ใครพูด(พิมพ์)คำว่าเกลียมัวจับปรับ 2,000!
