
รีบลงรีบไปดูคนแหกคุกต่อ...
***
Round 13... ผมขับรถปาดซ้ายปาดขวาจนรถที่แซงมาบีบแตรไล่เสียงดัง...แต่ตอนนั้นใจมันไม่ได้อยู่บนถนนแล้วครับ ในที่สุดก็มาถึงที่หน้าโรงแรมอย่างปลอดภัย พนักงานต้อนรับเดินเข้ามาหมายจะเปิดประตูให้ แต่ก็ต้องรีบก้าวถอยหลังเพราะผมชิงเปิดประตูออกด้วยความรวดเร็ว โยนกุญแจให้พนักงานแล้ววิ่งไปที่ลิฟท์ทันที....ผมยืนรอลิฟท์อยู่นานมาก นานจนเกือบจะวิ่งไปขึ้นบันไดแทนแล้ว...แต่ก็เหมือนฟ้าฝนไม่เป็นใจ(เกี่ยว?) ส่งเมฆทะมึนมาเป็นเซคิวริตี้สองคนตัวบึกๆ เดินมาทางผม ผมมองเลยไปด้านหลังคือตาลุงแก่ๆ ที่ดูตำแหน่งใหญ่ในนี้ ท่าทางจะฟังคำสั่งไอ้คุณหนูซะเหลือเกิ้นนน หันซ้ายหัวขวาทำไงดีวะ พอดีกับที่ลิฟท์เปิดมาพอดี เลยรีบก้าวเข้าไป....แต่ไอ้ประตูเจ้ากรรม ปิดช้าจัด เท้าของไอ้การ์ดคนนึงมันมากั้นไว้ไม่ให้ลิฟท์ปิดครับ...ทำไงได้ล่ะ
โครมมมมม
ผมยกเท้าขึ้นยันหน้าอกไอ้การ์ดคนนั้นจนหงายหลังไปชนกับการ์ดอีกคนนึง...ใช้โอกาสนี้รีบกดปิดประตูลิฟท์ แล้วกดหมายเลขชั้นบนสุดทันที...ช่วงที่ลิฟท์ขึ้นมาผมก็ใจตุ้มๆ ต่อมๆ ทั้งกลัวว่าพวกนั้นจะตามมา แล้วก็กลัวด้วยว่าไอ้คนที่อยู่ข้างบนจะเป็นยังไงบ้าง
ทันทีที่ประตูเปิด ผมรีบก้าวฉับๆ ไปที่ห้องเป้าหมาย...เงียบ(ก็แน่ล่ะ)
“มาร์ช! มาร์ช! เปิดประตูหน่อย!” เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย แต่ก็ไร้เสียงตอบรับภายในจนผมแอบคิดไม่ได้ว่า หรือเจ้าตัวไม่ได้อยู่ที่นี่....ปัดโธ่เว้ย...แล้วจะไปหาที่ไหนเจอฟะ
ผมลงมือทุบและเรียกอีกสองสามครั้ง แต่ก็ยังคงไร้วี่แวว...จนเกือบถอดใจ....แต่อยู่ๆ ประตูก็ค่อยๆ แง้มออก....กรรม มันเป็นแบบดึง ไม่ใช่ผลัก กูก็ทุบอยู่ตั้งนาน....-*- แต่ก็แปลกใจที่ทำไมประตูถึงไม่ล็อค...
ผมเดินก้าวเข้าไปข้างใน รู้สึกคุ้นชินเล็กน้อยเพราะเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง มองซ้ายมองขวา เดินตามหาและเรียกทั่วทุกห้องก็ไม่เจอ มีเพียงเศษข้าวของกระจายว่อน ขวดเหล้าและเบียร์วางกองเต็มพื้น กระจกตู้โชว์แตก หนังสือที่ดูคล้ายจะเป็นตำราเรียนเล่มหนาถูกฉีกทึ้ง...โต๊ะเก้าอี้วางระเกะระกะ ตั้งบ้าง ล้มบ้าง....ผมเริ่มใจไม่ดี....เกิดอะไรขึ้นเนี่ย
“มาร์ช!” ไม่มีเสียงตอบ....ผมทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มในห้องนอน ก้มหน้าเอามือกุมขมับ ให้ตายสิ ไปอยู่ที่ไหนนะ!
แล้วหูผมก็ได้ยินเสียงสายน้ำไหลรินเบาๆ จากห้องน้ำ....ผมค่อยๆ เดินไปอย่างไม่มั่นใจ ยกมือขึ้นค่อยๆ ผลักประตูบานสีขาวเปิดออกช้าๆ ......
“แม่งเอ้ย!” ผมรีบเข้าไปคว้าร่างขาวซีดที่นอนแผ่อยู่ในอ่างอาบน้ำ ตัวเปียกแฉะทั้งๆ ที่ยังสวมเสื้อผ้าครบอยู่...ผมเรียกชื่อมันสองสามครั้งแต่ก็ไร้ปฏิกิริยาตอบรับ เนื้อตัวเย็นชืด...จึงจัดการถอดเสื้อผ้าเปียกๆ ของมันออกให้หมด ไม่เว้นแม้แต่ชั้นใน แล้วอุ้มมาวางลงบนเตียง
“มาร์ช....มาร์ช” ผมลูบหัวมันแล้วตบหน้าเบาๆ ให้รู้สึกตัว...แต่ก็ไร้ประโยชน์ ห่าเอ้ยยยย ทำไงดีวะ ผมเดินออกไปข้างนอกแล้วนึกขึ้นได้ว่าการ์ดจะต้องตามมาแน่เลยรีบไปล็อกประตูห้อง...มันคงไม่มีกุญแจสำรองอะไรหรอกมั้ง ก็ห้องของลูกชายเจ้าของเลยนี่หว่า คงไม่กล้าทำอะไร....แล้วก็เดินไปหากระติกน้ำร้อน...ลงมือตั้งอุ่นน้ำ รอสักพักก็หาถ้วยใหญ่ๆ มารอง พร้อมกับค้นผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าปกติในตู้เสื้อผ้ามาด้วย
หลังจากบิดน้ำพอหมาดๆ ผมก็เริ่มลูบและบีบนวดร่างกายของไอ้มาร์ชตั้งแต่ใบหน้า....ลำคอ...ตัว....แขนขา....ทุกส่วนในร่างกายจนอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผิวขาวซีดนั่นค่อยๆ เจือสีแดงและแผ่ความร้อนออกมาให้ผมกระชุ่มกระชวยและโล่งใจ....
“มาร์ช.....” ผมตัดสินใจเรียกชื่อมันอีกทีหลังจากที่สวมเสื้อผ้าและห่มผ้าห่มให้
“อือ...” ขนตามันไหวนิดๆ....คิ้วขมวดเข้าหากัน แต่ตัวยังไม่ขยับ แค่นี้ผมก็ดีใจมากมายแล้วครับ
“มาร์ช มาร์ช ได้ยินมั้ย” ผมเผลอยิ้มและพูดเสียงดังขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรมาก มือก็ลูบอยู่บนหัวมันเบาๆ
มันค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ....กระพริบถี่หลายครั้ง คงยังมึนอยู่....ผมยิ้มให้มันแล้วเอื้อมมือไปลูบข้างแก้มเบาๆ....
“ดีขึ้นรึยัง?”
แต่คำตอบที่ผมได้มากลับเป็นอาการถลึงตาใส่....
“ม....มึงมาทำไม” มันเสียงแหบแห้งตะโกนกลับมา พรวดพราดลุกขึ้นจนหน้ามืดเอามือกุมหัวตัวเอง หน้าตาบูดเบี้ยว
“ค่อยๆ สิ....” ผมรีบลุกขึ้นไปพยุงตัวอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอด....อยากกอด....อยากกอดมันจัง
“ปล่อย! สัตว์...ปล่อยกู!” ไอ้มาร์ชพยายามใช้เรี่ยวแรงอันน้อยนิดดิ้นสะบัดให้หลุดจากอ้อมกอดผม มันหน้านิ่วคิ้วขมวด แล้วตาเหลือก โก่งหลัง.... อาการแบบนี้ใช่เลย....
ผมรีบพยุงมันไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกก......มันโก่งคอขย้อนของเหลวสีข้นออกมาจากปาก นานพอสมควรเหมือนกันกว่าจะหยุด แล้วล้มลงไปนั่งหายใจหอบถี่ หน้ากลับมาซีดเซียวอีกครั้ง
ผมพยุงมันลุกขึ้นมาตรงอ่างล้างหน้า เปิดน้ำแล้วกวักลูบหน้าให้.....ส่วนตัวมันก็รองน้ำใส่มือเอามาอมบ้วนปากตัวเองไปด้วย....ท่าทางจะไม่ไหวเพราะเห็นยืนซะขาสั่นถึงจะมีมือผมคล้องเอวรับน้ำหนักไว้ก็ตาม ผมจึงตวัดมืออีกข้างขึ้นมาอุ้มมันทั้งตัว ไอ้มาร์ชหน้าเหวอหงายหลังไปเล็กน้อย...ดิ้นขลุกขลักแต่ไร้เรี่ยวแรงต้านทาน ก้มหน้าลงซบกับหน้าอกผมแล้วค่อยๆ หลับตาลง มือข้างนึงเกี่ยวคอผมไว้เป็นที่ยึด
ไม่นานหลังของไอ้มาร์ชก็แตะที่นอนนุ่มๆ มันรีบหันหน้าดึงผ้าห่มคลุมตัวหนีผม...
“เป็นอะไรเนี่ย”
“......”
“เฮ้ย มาร์ช” ผมเริ่มหงุดหงิด อะไรวะ คนอุตส่าห์รีบมาหา แล้วนี่เป็นอะไร...
“กูอยากอยู่คนเดียว” มันพูดเสียงเบา...เบาจนแทบจะกระซิบ
“....ยังไม่ตอบกูเลยว่าเป็นอะไร ตอนกูโทรมา...”
“กูบอกอยากอยู่คนเดียว!” ไอ้มาร์ชลุกพรวดจากที่นอน ตะโกนก้องดัง ถลึงตาใส่ผม จนตัวหอบแฮ่ก...น้ำใสในตาคลอเบ้า หันหน้าหนีพยายามเลี่ยงไม่ให้ผมเห็น...
“......” ผมพูดไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไรด้วยซ้ำเมื่อเจออาการแบบนี้
"ถ้ามึงไม่ออกกูออกเอง!" ไอ้มาร์ชลุกพรวดพราดจากที่นอนแล้ววิ่งออกไปห้องนั่งเล่น ตรงดิ่งไปยังประตู...ผมรีบตามไปทันที
"เดี๋ยวๆๆ มึงเป็นเชี่ยไรเนี่ย!?" ผมคว้าหมับเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างของมันทันก่อนที่มันจะไปถึงหน้าประตู...
"ปล่อย...ปล่อย"
มันก้มหน้าก้มตาดิ้นอย่างรุนแรง...มือไม้สะเปะสะปะไปมา โธ่เว้ย! ทำไงดีวะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย...ตอนนี้มันเหมือนคนขาดสติ ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่ผมพยายามตะโกนเรียกให้สติมันกลับมา ...ยกมือขึ้นทาบแก้มมันทั้งสองข้างให้มาสบตากัน....ดวงตามีแววสั่นระริกเล็กน้อยก่อนที่มันจะผลักหน้าอกผมออกมา แล้วปล่อยหมัดเข้าที่ปลายคางด้านซ้ายผมอย่างจัง
โอย....ดีนะที่มันไม่ค่อยมีแรง เลยโดนแค่เฉี่ยวๆ ไม่เจ็บมาก แต่ก็ได้เลือดอยู่เหมือนกัน...ผมยกมือขึ้นปาดเลือดที่มุมปากตัวเอง ฤทธิ์เยอะเหลือเกินตัวแค่เนี้ยะ....
“ทำอะไ...อื้อออออ”
เจ้าตัวร้องขัดขืนเมื่อผมลุกขึ้นคว้าเจ้าตัวเข้ามาแนบแล้วบีบต้นคออีกฝ่าย บังคับให้หันหน้าตรง ก้มลงประกบปากทันที...จับกดเข้ากับผนังเพื่อลดแรงดิ้น...ส่งลิ้นร้อนเข้าไปดุนดันพัวพันกับลิ้นเย็นๆ ของมันจนครางเสียงฮือ ขาทั้งสองถูกแยกออกเมื่อผมสอดขาตัวเองเข้าไปดันระหว่างกลาง....มือว่างสองข้างของมันก็ทุบตีลงบนตัวผมจนจุกไปหมด...แต่แล้วก็ต้องระทวยลง กลายมาเป็นขยำที่ไหล่ผมเมื่อทนแรงรุกรานในโพรงปากไม่ได้....มันทำหน้าทรมานและคลื่นเหียนเพราะรสจูบครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงความหวานหอมเท่านั้น....แต่มีทั้งรสขมฝืนจากกรดในกระเพาะที่มันเพิ่งขย้อนออกมาและรสคาวเลือดสดๆ จากปากผมอีกต่อหนึ่ง....
“ฮืออออ....อืออออ” มันยังคงครางในลำคอไม่หยุด จนผมรู้สึกอ่อนใจ....เลยถอนปลายลิ้นออกมา โลมเลียบริเวณริมฝีปากบางนั่นแทน....
ไอ้มาร์ชหอบหายใจหนัก ตาลืมปรือๆ ปากเผยอสั่นเล็กน้อย...มือสองข้างเกร็งจิกเกาะเข้าที่ไหล่ผมเพื่อพยุงตัวเอง....มือผมที่จับหมับตรงต้นคอมันก็ค่อยๆ คลายลง กลายเป็นคลึงนวดเบาๆ ปากก็นัวเนียจูบแล้วจูบอีกที่ริมฝีปากแดงสดสลับกับพวงแก้มชิ้นเหงื่อ...
“ใจเย็นๆ นะ....หายใจเข้าลึกๆ....” ผมกระซิบที่ข้างใบหูอีกฝ่ายพร้อมกับจุ๊บลงเบาๆ ครั้งนึง
“....ซัน” มันทำตามที่ผมบอก....ผ่อนลมหายใจเข้าออกลึกแล้วคลายมือที่จิกเกร็ง มองหน้าผม
“ครับ…หึหึ กว่าจะนิ่งได้นะคนเรา” อดแซวมันพร้อมรอยยิ้มไม่ได้...ก็ตอนนี้หน้าตาไอ้มาร์ชช่างอ่อนระทวยยั่วยวนจากเสือป่ากลายเป็นลูกหมาน้อย ร้องหงิงๆ ในกำมือซะแล้ว
“ทีนี้บอกได้รึยังว่าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”
“......” มันหลบตาผม...แล้วพยายามผลักตัวออก
“ทำไม...บอกไม่ได้รึไง”
“ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรได้ไง ห้องเละซะขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าไม่ได้ทำ... แล้วตอนโทรศัพท์นั่นอีก เป็นอะไร?” ผมดึงข้อมือมันกลับเพื่อเค้นหาคำตอบให้ได้ แบบนี้มันไม่ใช่อาการธรรมดาแล้ว
“ปล่อย....”
“ไม่ จนกว่าจะบอกความจริงมา...แล้วทำไมถึงกินเหล้ามากมายขนาดนี้ ถ้ากูไม่มาป่านนี้มึงคงตายเป็นผีเฝ้าห้องไปแล้ว....เป็นบ้าอะไรห๊ะ??” ผมเผลอขึ้นเสียงดังและดุ ออกแรงบีบข้อมืออีกฝ่ายแน่น
“....แล้วจะทำไม” มันพูดเสียงเบามากเหมือนละเมอกับตัวเอง..
“หะ??”
“ก็แล้วจะทำไมเล่า!! กูจะเป็นจะตายมันก็เรื่องของกู! ไม่เกี่ยวกับมึง! …หยุดเสือกเรื่องของกูได้แล้ว ปล่อย ปล่อย!” คราวนี้มันสะบัดหน้าขึ้นมาตะโกนเสียงดังใส่ผม สะบัดข้อมืออย่างแรงจนหลุด หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความโกรธ...
“…อ๋อ...เหรอ...ไม่เกี่ยวงั้นเหรอ...งั้นมึงอยากให้เกี่ยวมั้ยล่ะ”
ไม่รอฟังคำตอบ ผมพุ่งเข้าไปล็อกตัวร่างข้างหน้า ล็อกคอประกบปากอย่างรุนแรงอีกครั้ง ไอ้มาร์ชไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงกับพื้นโดยที่มีร่างผมทับลงไปด้วย....มันทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ แต่ไม่สนแล้วครับ เลือดขึ้นหน้าโมโหอย่างมากมายกับท่าทีและคำพูดมัน...ไอ้เราก็อุตส่าห์หวังดีเป็นห่วงขนาดนี้ ทำไม??.....จะทำตัวดีๆ พูดกันดีๆ หน่อยไม่ได้เลยรึไง??...
หลังจากถลกเสื้อบางๆ ที่ผมเลือกมาใส่ให้มันเองออกจากหัวอีกฝ่าย...แรงจนแทบขาด ก็ก้มหน้าลงแนบริมฝีปากดันลิ้นเข้าไปสำรวจภายใน...ควานลึกพันกันอยู่เนิ่นนาน...แล้วละมาไซร้ไปตามใบหน้า...แก้มขาว...ซอกคอเนียน...มือสองข้างตรึงข้อมืออีกฝ่ายไว้ด้านข้าง...
แต่ก็ต้องแปลกใจ...เมื่อไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านจากเบื้องล่าง....นิ่ง....จนผมต้องเงยหน้าขึ้นมามอง...
“มาร์ช....” น้ำตาไหลนองหน้า...นอนแน่นิ่ง ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นลอดออกมา
“มาร์ช....มาร์ช...ขอโท..” ผมกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ...เอาแล้วไงกู...
“มึงไม่ต้องมาพูด! ออกไปเลย ไปให้พ้น!.....มึงมันก็เหมือนคนอื่นแหล่ะ....เอาแต่บังคับให้ได้แต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ...มึงเคยสนใจความรู้สึกกูบ้างมั้ย!? พวกมึงมันก็แค่ไอ้คนเห็นแก่ตัว!.... ฮึกก....ไอ้เลว...”
“.....ขอโทษ กูขอโทษ...”
ถึงผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องว่าต้นเหตุของการอาละวาดครั้งนี้คืออะไร...และนี่เป็นครั้งแรกหรือไม่ แต่ก็พอจะเดาได้ลางๆ ว่าน่าจะเกี่ยวกับอะไร...และผมเองก็มีส่วนผิดเต็มๆ ที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ เวลาโมโหทีไรเป็นแบบนี้ทุกที...ให้ตายเหอะวะ ไม่น่าเผลอหน้ามืดไปเลยไอ้ซันเอ้ย...
“มึงหุบปากไปเลย....” มันยกหลังมือทั้งสองข้างที่ผมปล่อยให้เป็นอิสระแล้วขึ้นมาทาบหน้า ขบปากตัวเองจนเป็นรอยแดงปื้น
“มาร์ช...ขอโทษครับ...มาร์ช....จะไม่ทำอีกแล้วนะ”
ผมยกตัวออกมาจากอีกฝ่าย แล้วนอนลงข้างๆ ในท่าตะแคง มือนึงยกมือขึ้นลูบใบหน้ามันเบาๆ เป็นเชิงขอร้องให้อภัยและปลอบโยน....มันไม่ตอบ...ไม่แม้แต่มองหน้า ปัดมือผมทิ้ง ตะแคงตัวหนี...โก่งหลังเก็บแขนเก็บขา หดตัว ซุกหน้าเข้ากับแขนตัวเอง....แล้วเงียบ
ผมกระเถิบตัวเข้าไปกอดมันจากข้างหลัง มันปัดป้องเล็กน้อย แต่พอเห็นว่าผมไม่มีทางปล่อยมือแน่ๆ เลยปล่อยให้ผมกอดแบบนั้นต่อไป...พวกเรานอนกันอยู่แบบนั้นสักพัก น่าจะเกือบ 30 นาทีได้โดยที่มันไม่กระดุกกระดิก แต่ผมขยับไปมาบ้างเพราะเมื่อย มือไม่อยู่นิ่ง คอยจับนู่นจับนี่ แต่ไม่ได้จับเพราะลามกอะไรนะ เพียงแต่จะช่วยนวดตามเนื้อตามตัวให้มันผ่อนคลายเท่านั้นครับ...แต่ก็ไม่วายก้มลงจูบตามซอกคอ ผมนิ่มๆ และแผ่นหลังของมันบ้างเล็กน้อย
เสียงหายใจนิ่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายคงจมอยู่ในภวังค์ความฝันเรียบร้อยแล้ว จึงค่อยๆ ผละตัวออกมา สอดแขนเข้าใต้ร่างเล็กนั้นแล้วอุ้มขึ้นเบาๆ มาร์ชส่งเสียงอือเล็กน้อยพอรู้ตัวแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมา...ผมจึงรีบพาไปที่ห้องนอน ค่อยๆ วางลงบนที่นอนนุ่ม แล้วห่มผ้าให้...
“เฮ้อออ...มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย” ผมรำพึงเบาๆ กับตัวเองแล้วลูบผมที่ตกลงมาปรกหน้ามันเล่น...
กลัวว่ามันจะตื่นเลยเดินออกมาข้างนอก เห็นข้าวของวางเกะกะเลอะเทอะจึงค่อยๆ เก็บทำความสะอาดให้ ผมเดินไปที่ตู้กระจกก่อนเพราะเศษกระจกที่แตกเต็มพื้นท่าทางน่ากลัว ควรจะรีบเก็บเป็นอันดับแรก...แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่คิด สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นถ้วยรางวัลต่างๆ ที่ตั้งอยู่บนชั้นเรียงกันเป็นตับ
“โห...สุดยอด” ผมหยิบถ้วยหนึ่งที่ล้มอยู่มาดู...รางวัลชนะเลิศขี่ม้าระดับชาติ....หรูชะมัด
นอกจากถ้วยนี้ก็ยังมีรางวัลอีกมากมาย..แต่ที่น่าสังเกตคือจะเป็นเฉพาะรางวัลชนะเลิศเท่านั้นที่ถูกนำออกมาประดับโชว์ นี่มันจะเก่งขนาดแข่งทีไรก็ชนะทุกครั้งเลยเรอะ ไม่ใช่คนแล้วมั้งแบบนี้....ผมวางถ้วยสีทองนั่นกลับเข้าที่เดิม แล้วหันไปเก็บเศษกระจก กวาดให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็หันไปเก็บกองหนังสือเล่มหนาที่กระจัดกระจายทั่วห้องใส่คืนในชั้น(แบบมั่วๆ) จัดโต๊ะเก้าอี้ให้เข้าที่พอดูได้ เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าที่เดิมมันอยู่ตรงไหน
ทุกอย่างดูลงตัวกว่าเดิมเยอะ....ผมจึงเดินเข้าไปส่องในห้องว่าไอ้จอมวุ่นมันจะตื่นหรือยัง....ปรากฏว่ายังหลับอยู่ครับ ผมเลยเดินเข้าไปแล้วค่อยๆ ล้มตัวลงนอนข้างๆ ...
“เป็นอะไรไปน้า...ไอ้แสบเอ้ย...” ผมเอามือลูบที่แก้มมันอีกครั้ง ช่วยเช็ดคราบน้ำตาที่ยังเหลืออยู่ให้
“ช่วยกลับมาแสบเหมือนเดิมได้มั้ยเนี่ย เห็นเป็นแบบนี้แล้วใจไม่ดีเลย เฮ้อออ”
ผมลูบหัวลูบหาง(??)มันไปสักพักก็เริ่มง่วงเหมือนกัน เลยคิดว่าจะแอบงีบสักหน่อยดีกว่า....
“โอ๊ยยยย” ผมสะดุ้งตื่นเพราะเจ็บที่แขน เหมือนโดนอะไรบางอย่างับเข้าเต็มแรง
ผมหันขวับไปมองข้างๆ...อื้ออออหืมมม จับได้คาหนังคาเขาเต็มลูกกะตาเลยครับพี่น้อง ไอ้มาร์ชมันกำลังกัดท่อนแขนผมที่ตอนนี้พาดคอมันอยู่ ฟันนี่หงับๆ ถี่ๆ อยู่เลย...เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย!? ขอเวลากูเรียบเรียง 3 วิ...
“ทำไรอ่ะ? กัดไม..โอ๊ยยย” นั่น....มันยังไม่หยุด งับแรงกว่าเดิม แขนกูจะขาดมั้ยยยยยยย
“หิว”
ห๊ะ????? ผมอ้าปากค้าง แมลงวันสามารถบินเข้าปากได้ 10 ตัวพร้อมกัน....อะไรวะ ทำไมมึงเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้ กูตามไม่ทัน...ก่อนที่ผมจะทันได้คิดประมวลผลอะไรต่ออะไร อีกฝ่ายก็ยกแขนผมออกแล้วเด้งขึ้นจากที่นอน หน้าตาเริงร่า ไปหยิบผ้าเช็ดตัวหายวับเข้าไปในห้องอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว...
เอ่อ...รึเหตุการณ์ที่ผ่านมานั่นกูฝันไปเองวะ...ไอ้คนที่โวยวายวิ่งวุ่นละเมอเพ้อพกแทบจะเป็นบ้า ตอนนี้กลับยิ้มหน้าบานร่าเริงลั๊ลลาราวกับเป็นคนละคน....เฮ้ยยยย เป็นไปไม่ได้ ก็กูยังเจ็บคางเจ็บปากแปร๊บๆ อยู่เลย...ผมนอนงงอยู่บนเตียงนานมาก จนไอ้มาร์ชเดินออกมาจากห้องน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัวพันแค่ท่อนล่าง ทำเอาผมใจตุ้มๆ ต่อมๆ กับไอ้ผิวขาวเนียนพรำไปด้วยหยดน้ำ ต้องหันหน้าหนีมันไม่งั้นเดี๋ยวของขึ้นไม่รู้ตัว
ผมหันไปอีกทีมันก็แต่งตัวเรียบร้อยเสร็จสรรพแล้ว เสื้อยืดสีเหลืองลายกราฟฟิคกับกางเกงขาสั้นสามส่วนทะมัดทะแมง...น่ารักชะมัด โอ๊ยยยย ไอ้ซัน ไอ้วิปริต! ฮึ่ยยยย กูอยากตายยย
“จะอาบน้ำเปล่า?” มันเดินเข้ามาถามผมซะใกล้ หน้าแทบจะชนกัน
“ห...หะ?”
“ถามว่าจะอาบน้ำเปล่า? ทำไรมา ตัวเหม็นชะมัด” มันเข้ามาดมฟุดฟิดๆ แถวลำคอกับหน้าอกผม...โอยย ขนลุก...อย่าได้มั้ยยยยยย แล้วอยากจะบอกว่าที่เหม็นเนี่ยก็เพราะยังไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อคืนน่ะสิวะ เป็นห่วงใครบางคนเลยรีบซิ่งมาจากบ้าน แถมยังเจออ้วกใครรดใส่อีกก็ไม่รู้ เฮ้ออออ...
“อ..อาบก็ได้ มีชุดให้ยืมมั้ยล่ะ” ผมยังงงๆ เอ๋อแดรกกับท่าทางของมันส่งผลให้พูดตะกุกตะกักไปด้วย
“มีสิ ไปอาบก่อนป่ะ เดี๋ยวหาให้”
แล้วผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำโดนที่ไอ้มาร์ชมันโยนผ้าเช็ดตัวมาให้...ออกมาก็เห็นเสื้อผ้าวางพับไว้บนที่นอน แต่ไม่เห็นเจ้าตัวแล้ว ผมจึงจัดการแต่งตัว....อืมมม พอดีเลยแหะ ทั้งๆ ที่ตัวคนละไซส์แต่ไหงมันถึงมีเสื้อผ้าขนาดพอดีกับผมได้วะ
“เสร็จยัง....หิว” มันยื่นหน้าเข้ามาจากประตูทำเอาผมสะดุ้งหันขวับ
“อ..อืม ไปสิ” ว่าแล้วก็เดินไปหามันตรงไปข้างนอก
“ขี้ตกใจจริงนะมึงเนี่ย ” มันมองผมแล้วหัวเราะ เราสองคนตรงดิ่งไปยังลิฟท์
“เพราะใครกันล่ะ...” ผมพึมพำเบาๆ เอาสองมือล้วงกระเป๋ากางเกง
“หืม? ว่าไรนะ”
“เปล่าๆ ไม่มีไร” ผมส่ายหน้า
“เหรอ....อืมม หอมแล้ว”
ไอ้ตัวแสบมันเอาหน้ามาซุกกับอกผม แล้วทำเสียงซืดดดดดดดดดเหมือนสูดกลิ่นเข้าปอดเต็มกำลัง แล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ซะเต็มพิกัด....โอยยยย กูจะตายมั้ยเนี่ยยยย
***TBC