Round 19.1 ... รู้ไหม
ผมละจากปากนิ่มของไอ้ตัวแสบได้ในที่สุด เราสองคนยืนสบตากันนานจนแทบลืมไปแล้วว่านี่คือหลังพุ่มไม้หน้าบ้าน…ผมยกมือขึ้นลูบข้างแก้มนิ่มของร่างตรงหน้า อยากจะถามใจจะขาดว่าอีกฝ่ายคิดแบบเดียวกันมั้ย…แม้ร่างกายจะไม่ปฏิเสธ แต่ใจก็กลัว…
“…กูต้องไปแล้ว” ผมใจหล่นวูบ..หน้าเสียทันที
“มาร์ช…” มันไม่พูด ได้แต่แกะมือผมออกจากตัว
“บอกหน่อยว่ามึงก็รักกู…ใช่มั้ยมาร์ช” ผมได้แต่บีบแขนมันเบาๆ อยู่แบบนั้น…ไม่ว่าคำตอบจะใช่หรือไม่ ยังไงก็ขอให้ได้รู้กันไปเลย จะได้ไม่ต้องมานั่งเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว
“…ไม่รู้” มันตอบเสียงเบา หลบตา…ผมจึงยกสองขึ้นนาบแก้มมัน ให้เราสองคนสบตากัน
“มึงมองกู มาร์ช…แล้วบอกกูมา” ผมจับมันหันหน้ามา ตอนนี้จมูกเราสองคนห่างกันไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ
“อย่าบังคับกูได้มั้ย ไอ้เลว” มันทำปากยื่นด่าผม โอยย…น่ารักว่ะ
“ถ้ากูไม่บังคับ มึงจะตอบกูมั้ยล่ะ…”
“มาร์ช….” ผมก้มหน้าลงไปใกล้อีกฝ่ายเรื่อยๆ…แล้วกระซิบเสียงเบา
“กูชอบมึงนะ…กู…รักมึง”
ไอ้มาร์ชเงียบไปพักใหญ่ มันลืมตามองผม ฉายแววสับสนงุนงงอย่างเห็นได้ชัด มันยกมือสองข้างขึ้นทำท่าเหมือนจะแกะมือผมออกจากแก้มมัน
“มาร์ช! กูจะปล่อยมือจากมึงทันที เพียงแค่มึงบอกกูมาว่า มึงไม่เคยคิดอะไรกับกูเลย..สักนิดเดียว….” ผมยังคงบีบมือแน่นลงข้างแก้มมันจนอีกฝ่ายคิ้วขมวด
มือมันสองข้างที่เกาะมือผม…จากที่พยายามแกะมือผมออก….กลับสั่นระริก…เปลี่ยนเป็นแนบทับลงบนมือผมอีกที แล้วกอบกุมไว้…หลับตาแน่น
“มาร์ช…”
“กูขอโทษ” มันพูดเสียงเครือ
ผมดึงมันเข้ามาไว้ในอ้อมกอดทันที…กอดมันจนทุกส่วนในร่างเราแนบชิดกัน…ไอ้มาร์ชเองก็กำมือลงบนหลังผมแน่น ซบหน้าลงบนไหล่ สูดหายใจเข้าลึกเหมือนพยายามควบคุมสติอารมณ์ตัวเอง
“ไม่เป็นไรซักหน่อย ขอโทษทำไม ไอ้โง่เอ้ย…”
“มึงอ่ะ…ชอบบังคับ…บังคับให้กูชอบมึงอีกต่างหาก” ผมหัวเราะ…คิดไปได้เนอะคนเรา บังคับให้ชอบทำได้ซะที่ไหนเล่า…ไอ้ผู้ร้ายปากแข็ง
“เปล่าบังคับซักหน่อย” ผมตอบไปแบบกลั้วหัวเราะ
“บังคับ” มันยังทำเสียงแข็งครับ ประมาณว่าจะให้กูยอมรับให้ได้…เอาสิ
“…ก็ได้ ใช่สิ กูมันพวกชอบใช้กำลัง ขี้บังคับ ขอโทษด้วยละกัน” จะเล่นงี้ใช่มั้ย…ได้…ผมละแขนออกจากตัวมัน ยกขึ้นสองข้างแบบยอมแพ้ กูยอมแล้ว ทำหน้าเซ็งๆ แล้วทำท่าเหมือนจะถอยหลังออกมา
“โอ้ยยยยยย!!” เอ่อ..เสียงผมเองครับ แม่ม เตะเจาะยางเข้าแข้งกูเต็มๆ ซี้ดดดดด
“อย่ามาตอฯ อยากโดนอีกข้างมั้ย” มันทำเสียงดุ ตั้งท่ายกตรีนจะเตะอีกข้าง
“โห..รู้ทัน เซ็งว่ะ….แล้วใครกันแน่ชอบใช้กำลังขี้บังคับ” ผมบ่นงุบงิบๆ เบาๆ กับตัวเอง ก้มลงถูหน้าแข้ง…เจ็บชิบ
“อะไร”
“เปล๊า…” มันทำหน้ามุ่ย เหมือนไม่เชื่อ
"อย่าเพิ่งกลับเลยนะ” ผมกอดมันเหมือนเดิม ก้มลงจูบที่ขมับมันเบาๆ…แล้วรัดตัวมันแน่นยิ่งขึ้น เพราะกลัว…กลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไป
“อืม…จะพยายาม” มันบอก…เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นเยอะ
“กลับไปที่โรงแรมได้มั้ย ทำไมต้องมาอยู่บ้านนี้ด้วย” ผมถาม เพราะถ้าอยู่ที่โรงแรม โอกาสที่ผมจะได้อยู่กับมันก็มีมากกว่า อยู่ที่นี่มันน่าอึดอัด…ขนาดผมยังรู้สึกกดดันแทนมันกับการที่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของอาทิพย์ แล้วไอ้พี่แดนนั่นอีก มันดูคิดไม่ซื่อชอบกล
“ยังกลับไปตอนนี้ไม่ได้…มีเรื่องต้องทำ”
“เรื่องอะไร?” ผมถาม
“หลายอย่าง…”
“จะเสร็จวันไหน”
“…ไม่รู้”
“พรุ่งนี้”
“หะ?” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม
“ทำให้เสร็จ แล้วพรุ่งนี้เดี๋ยวมารับ” ไอ้มาร์ชมองหน้าผมประมาณว่า สาดดดด บังคับกูอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร
“ไม่ต้องมารับ เดี๋ยวเป็นเรื่องอีก” มันถอนหายใจยาว
“แล้วทำไงล่ะ”
“เดี๋ยวออกไปหาเอง”
“จริงน…”
“แต่ไม่รับประกันว่าตอนไหน” มันรีบพูดขัดไม่ให้ผมดีใจจนออกนอกหน้า ฮ่าๆๆ นี่สงสัยจะแสดงออกว่าลัลล้าขนาดไหน
“ครับผม” ผมยิ้ม…แต่แค่คิดว่ามันจะกลับแล้ว ใจก็เหมือนโดนบีบ…จะห้ามไม่ให้มันไปก็ใช่เรื่อง ไม่มีเหตุผลที่จะรั้งมันให้อยู่ได้เลย…
“โทรหาได้มั้ย”
“อืม…” ไอ้มาร์ชพยักหน้า
“อย่าปืดมือถือนะ” ผมย้ำอีกครั้งเพราะกลัวโทรมาหาแล้วไม่ติด…มันพยักหน้าอีกทีดูว่าง่ายซะผมอยากจะเข้าไปกระชากตัวพากลับห้องซะเดี๋ยวนั้น แต่ก็ต้องกำมือแน่น อดทน..อดทนไว้ไอ้ซัน
ผมก้มหน้าลงไปจะจูบมันอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายหันหน้าหนีนิดๆ เลยได้แค่หอมแก้มเท่านั้น…แล้วมันก็หันหลังกลับ ผมได้แต่มองตาละห้อย…ใจแข็งชะมัด คนอะไรวะ
“สองทุ่ม…”
“หะ??” ผมเงยหน้าขึ้นมองมันแบบงงๆ อะไรวะสองทุ่ม…ข่าวในพระราชสำนักเรอะ (กร๊ากก ยังจะมีอารมณ์ -*-)
“โทรมาตอนสองทุ่ม” แล้วไอ้มาร์ชก็เดินดุ่มๆ หนีเข้าไปในบ้านเฉยเลยครับ ปล่อยให้ผมยืนเคว้ง แล้วหลุดยิ้มออกมาเหมือนคนบ้า เดินถอยหลังจนชนกับประตูรั้ว เป็นเอามากว่ะตู…ขอปาดเหงื่อก่อน…เฮ้อออ
ผมนั่งกดเม้าส์จนรู้สึกเมื่อยนิ้วไปหมด กูจะเป็นมะเร็งนิ้วมั้ยวะ…เอ้ออออ เพ้อละไอ้ซัน….ผมนั่งไล่ดูข้อมูลครอบครัวไอ้มาร์ชรอบที่ 8 ได้แล้วมั้ง พยายามดูว่าแต่ละคนเป็นยังไง มายังไง แต่ก็ได้เหมือนเดิม คือไม่สามารถบอกอะไรได้ เท่าที่คำนวณดูตอนนี้ถ้าแม่ของไอ้มาร์ชเสียชีวิต สมบัติก็จะตกเป็นของทอดตามลำดับความเป็นญาติ แน่นอนว่าพ่อของมันต้องมาก่อน ทำให้ผมสงสัยว่าเรื่องนี้จะมีเอี่ยวเกี่ยวอะไรกับที่ไอ้มาร์ชบอกว่าพ่อมันเป็นฆาตกรหรือไม่ ไม่อยากจะคิดในทางเลวร้ายว่าพ่อมันจะดูเลวร้ายจริงๆ ก็เถอะ เหอๆ…แต่ถึงกับขนาดต้องการ “ฆ่า” เมียตัวเอง เพื่อเอาเงินเนี่ย มันไม่มากไปหน่อยเรอะ??
แล้วไหนจะยังครอบครัวของอาทิพย์ ซึ่งเป็นน้องสาวคนเดียวของพ่อไอ้มาร์ชอีก…จะมีเอี่ยวอะไรไหม แต่ผมว่าก็ไม่น่าเพราะยังไงตามลำดับมรดก ไอ้มาร์ชก็ต้องมาก่อนอยู่แล้ว…แต่สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมมาร์ชถึงดูเกร็งๆ เวลาอยู่กับครอบครัวนี้เหลือเกิน…ผมนั่งเคาะปากกากับโต๊ะ แล้วก็หันไปดูนาฬิกา..
ตายห่า! สองทุ่มสิบนาทีแล้ว!
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์คุ้นเคยโทรออกทันที…
…กริก…
“ช้า” นี่คือคำแรกที่มันทักผม
“หึหึ”
“หัวเราะหาพ่อมึงเหรอ กูวางละ” ผมขำจนมันกระชากเสียงตอบกลับมา
“โอ๋ๆๆ อย่าเพิ่งงอนสิ…รออยู่ใช่มั้ย”
“ใครรอ ใครงอนฟะ เชี้ยนี่” ผมต้องกลั่นหัวเราะไม่ให้หลุดออกไป เพราะเดี๋ยวไอ้คนปากแข็งจะยิ่งโมโหหนัก
“กินไรยัง” ผมเดินไปทิ้งตัวลงบนที่นอน แล้วถามออกไป
“กินแล้ว สองทุ่มแล้วนะ ใครจะยังบ้าไม่กินข้าวเย็น” มันตอบเสียงเหวี่ยงๆ
“อ่าว กลายเป็นคนบ้าไปละกู ฮะๆ” ผมหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงท้องตัวเองร้องจ้อกๆ มัวแต่ทำนู่นทำนี้จนลืมกินข้าวซะเฉย นี่วันนี้กูยังไม่ได้แตะอะไรตั้งแต่เชาเลยนี่หว่า…
“…ทำไมยังไม่กิน” มันถามเสียงเย็นลง
“ก็มัวแต่ตามหาใครจนวุ่นไปหมด…”
“สมน้ำหน้า” น่านนน ไม่เอาใจเลยว่ะเมียกู หึหึ
“ใจร้าย…หิวอ่ะ อยากกินข้าวต้มจัง อยากกินผัดเผ็ดปลาหมึก ยำไข่เค็มด้วย…” ผมนอนยิ้มอยู่คนเดียวเมื่อนึกย้อนกลับไปวันก่อนๆ วันที่ผมเอากระเฉดจับยัดปากมัน ตอนไปนั่งกินข้าวต้มกัน
“…หิวก็ไปกิน”
“จำทางไปไม่ได้แล้ว ต้องให้คนพาไป…” ผมพูดยั่ว..อยากให้มันมาหาจริงๆ เล้ยย
“ก่อนกลับจะเขียนแผนที่ไว้ จะได้ไม่ลืม ไอ้ความจำปลาทองเอ้ย” เอาอีกแล้ว..พูดถึงเรื่องกลับอีกแล้ว อดใจหายไม่ได้ทุกที
“จะกลับจริงๆ?”
“จริงสิวะ ถามแปลกๆ”
เฮ้อออออ…ใจห่อเหี่ยวว่ะ ชีวิตแม่มอาภัพว่ะไอ้ซัน นอกจากจะไปชอบผู้ชายไม่พอ ยังต้องเจอรักแท้แพ้ระยะทางอีกเปล่าฟะ…เซ็งจิต ผมเลยถามมันว่าเมื่อเย็นเป็นยังไงบ้างตอนแยกกันเข้าไปในบ้าน มันก็บอกประมาณว่าไอ้พี่แดนก็โมโหๆ วีนใส่ เหมือนโกรธใครมา บอกว่าเห็นนะ แอบไปคุยกัน จะสั่งเสียอะไรนักหนา แล้วก็หงุดหงิดๆ แบบนั้น ตอนนี้ก็ยังไม่หาย ส่วนอาทิพย์ซักพักก็ออกไปข้างนอก อาแกเป็นคนไม่ค่อยอยู่แล้ว เป็นสาวสังคม
อีกเรื่องที่ได้รู้จากการคุยกับมันคือ…อาทิพย์เป็นคนเลี้ยงดูไอ้มาร์ชมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อโหมงานหนักตอนสร้างธุรกิจใหม่ๆ แม่เองก็ไม่ค่อยสบาย เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ส่วนพี่แดนก็สนิทกับมันมาตั้งแต่นั้น…ตอนไปเรียนอเมริกาก็ได้พี่แดนช่วยหาที่ทาง ดูแลเรื่องต่างๆ ให้ตลอด
ให้ตายสิ…เป็นคนดีนะเนี่ยไอ้พี่แดน แต่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องหวงไอ้มาร์ชขนาดนั้นด้วย เด็กก็ไม่ใช่…อายุอานามก็ขนาดนี้ แล้วทีมันไปเที่ยวผู้หญิงไม่เห็นจะดุจะด่าว่ากล่าว แต่กับกูนี่จะเป็นจะตาย…พิลึกเว้ยครอบครัวนี้
สักพักผมก็ต้องวางโทรศัพท์กับมัน เพราะมันบอกว่าไอ้พี่แดนเริ่มโวยวายอีกแล้ว ถามว่าคุยกับใคร พอบอกว่าเพื่อน ก็เค้นถามอยู่นั่นแหล่ะว่าเพื่อนไหน พอรู้ว่าเป็นผมไอ้พี่แดนก็ถึงกับด่า…ไอ้มาร์ชเองก็ท่าจะอารมณ์ขึ้นไม่ใช่น้อย เพราะมันบอกว่า ขอไปเคลียร์ก่อน ทำนองนี้…
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผมพยายามโทรหามันก็โทรไม่ติดอีกแล้ว กูอยากจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง เวรกรรม -*-
ผมนั่งๆ นอนๆ เปิดทีวีดูด้วยความกระวนกระวายใจ…รอไอ้ตัวแสบมาหาที่คอนโด…
“มันจำทางไม่ได้รึเปล่าวะ” ผมมองนาฬิกา…จะบ่ายสามแล้วยังไม่มาอีก อยากออกไปรับใจจะขาด แต่ก็ไม่อยากผิดคำพูดว่าจะรออยู่ที่นี่ ไม่อยากเจอหน้าไอ้พี่แดนด้วยแหล่ะ ไม่รู้เมื่อคืนโอเครึเปล่า ท่าทางจะทะเลาะกัน…
โทรหา…แล้วก็ไม่ติดอีก ไอ้นี่นี่ บอกว่าไม่ให้ปิดมือถือ…-*- เคยเชื่อฟังกันบ้างมั้ย…
เจอกันนะ…น่าดู
จะสั่งสอนให้รู้จักจำเลย…
โทษฐานทำให้คนอื่นรัก….และเป็นห่วงขนาดนี้
ก็ในเมื่อความรู้สึกมันเปลี่ยนไป ทำยังไงก็ไม่เหมือนเดิม
รู้ไหม ในวันนี้ ไม่เหมือนเก่า
รู้ไหม ใครแอบเหงา คิดถึงเธอ
รู้ไหม ว่าใจมันทนไม่ไหว…
เพราะรักเธอ***TBC 19.2 เร็วๆ นี้ (จริงๆนะ ...ฟิต ย๊ากก)
เขียนตอนผิด จากรู้ไหม เป็น "รูไหม" กร๊ากกกกกก
ขอบคณน้อง ปป ที่บอกต่อน้อง ร มาให้พี่รู้
โอยขำไม่หาย...เกือบ NC ซะละ
ว่าจะเอาไว้ตอนหน้าซักหน่อย

น้องดาววววว กลับดาวโลกด่วนนนน ติ๊ด แต๊ะ ติ๊ ติ๊ ปิ๊ด ปี้ ปิ๊ด (เสียงสัญญาณจากนอกโลก)
V
V