Round 19.3 ... ยังคง...เหอๆ
ผมรีบวางของทั้งสองลงบนโต๊ะหน้าประตู แล้วเข้าไปกอดร่างตรงหน้าจากข้างหลังทันที
“ทำไมมาช้าจัง” กระซิบลงที่ข้างใบหู…ปากผมคลอเคลียลวนลามมันไปเรื่อย กลิ่นตัวหอมจางๆ จากร่างนี้ทำให้ผมเคลิ้ม…
“มีเรื่องนิดหน่อย” ไอ้มาร์ชลอบถอนหายใจเล็กๆ ผมจึงกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น แล้วกดจมูกลงบนแก้มขาวของมันเบาๆ…
“เรื่องอะไร…พี่แดนนั่นรึเปล่า”
“…อืม…ส่วนนึง”
“ส่วนนึง…แสดงว่ามีเรื่องอื่นอีก?” แต่นะ…แค่ส่วนนึงไอ้ซันยังรู้สึกหงุดหงิดได้อีก
“อืม”
มันพยักหน้าน้อยๆ แล้วเอาหัวพิงบนไหล่ผม…ยิ่งเห็นมันท่าทางไม่สบายใจแบบนี้แล้ว ผมยิ่งรู้สึกไม่ดี…แล้วไอ้คนนี้ก็ปากหนักซะอย่างกับอะไร กว่าจะพูดแต่ละเรื่องออกมาได้ต้องให้ต้อนจนมุมซะ…
ผมกระชับวงแขนแน่น ส่วนมาร์ชเองก็ปล่อยตัวพิงกับผมเต็มที่…มันหลับตาแล้ว…ยิ้ม
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ไม่มีนมตู้มๆ มาเกะกะ” มันพูดแล้วหัวเราะเล็กๆ ดันตัวพิงมาที่หน้าอกผม…
“….แต่ตรงนี้ไม่มีหน้าอกตู้มๆ ให้จับเลยวุ้ย” ว่าแล้วก็ละมือออกมาบีบนมไอ้มาร์ช ช่างแบนและแข็งได้ใจ มันรีบปัดมือออกทันที ทำหน้ามุ่ย
“เออ” มันกระแทกเสียง แต่ไม่ได้สะดีดสะดิ้งแบบผู้หญิง…ทำแล้วคงไม่เข้า…ฮ่าๆ เอาเป็นว่าหน้างอพองาม เห็นแล้วมันน่าจับปล้ำให้รู้แล้วรู้รอด…
“แต่ชอบนะ…แบบนี้” ผมกระซิบเบาๆ อีกรอบ แล้วเป่าลมร้อนใส่หูมัน…ไอ้มาร์ชย่นคอหนี ทำหน้ามุ่ยกว่าเดิม
“…เออ” น่านนน พูดจามะนาวไม่มีน้ำเลยเมียกรู สงสัยยังงอนอยู่ หึหึ
“พูดว่า ครับ สิ” ผมอยากให้มันพูดแบบนี้ ก็ฟังดูเพราะลื่นหูกว่ากันเยอะนี่นา
“ไม่”
“พูดสิ ห้ามพูดกูมึงกับกูด้วย” เหอๆ แต่ลืมตัวดันพูดแทนตัวเองว่ากูไปซะงั้น
“เรื่อง” ไอ้มาร์ชหันมาทำตาเขียวใส่ผม
“น่านะ”
“ไม่เอา” นั่น ทำหน้ารำคาญมือผมที่เกะกะระรานไปทั่วตัวมันอีก เดี๊ยะๆ..
“หึหึหึ งั้นหอมหน่อยดิ” ผมอ้อน ยื่นแก้มซ้ายให้โดยที่แขนยังรั้งตัวมันแนบกันอยู่
….งับ….
“โอ๊ยยย ทำไรอ่ะ” มันกัดเข้าที่คางมีไรหนวดพรอมแพรมของผมอย่างจัง กัดจริงๆ เนื้อกูแทบหลุด…ผมยกมือขึ้นลูบดู ปรากฏว่ามันบุ๋มตามรอยฟันเลย
“กัดครับ” มันทำหน้าหล่อๆ กวนส้นตีน ยักคิ้วให้…อารมณ์ประมาณ กูแน่ ฮ่าๆ…เวร ที่แบบนี้ล่ะเสือกพูดเพราะ
“เดี๋ยวเหอะๆ”
ไอ้มาร์ชเอาหัวทุยๆ ของมันโขกเข้ามาเต็มหน้าผม…หงายสิครับงานนี้ ผมเซไปด้านหลังร้องโอ๊ยออกมาดัง แล้วยกมือขึ้นกุมหน้าผากตัวเอง…แม่ม…รักกันแบบเจ็บๆ นะมึงงงงง …
“อูยย ไปไหนนนนนนน” ไอ้ตัวแสบมันวิ่งหนีผมหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ครับ เมื่อกี้เห็นหลังอยู่แว่บๆ ชอบเล่นไล่จับซะเหลือเกินนะ
ผมเดินหามัน แล้วก็ได้ยินเสียงกุกกักๆ ในห้องนอน เลยเดินเข้าไป ปรากฏว่าไอ้มาร์ชกำลังหยิบโปสการ์ดที่ผมแขวนกับติดบนฝาผนังเอาไว้มาดู
“นี่ที่ไหนอ่ะ” มันชี้ลงบนรูปพาโนราม่าของเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสีขาวสร้างด้วยปูนและอิฐแดง
“เมือง
Graz ประเทศ
Austria” ผมตอบโดนที่ยังยืนกอดอกพิงประตูมองดูมันเดินเอามือลูบไปตามรูปโปสการ์ดสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกบนผนังของผม
“ไม่เห็นเคยได้ยินเลย” มันหันมามองผม ทำหน้างง…
“เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสอง รองจาก Vienna เค้าเรียกว่าเป็นเมืองการศึกษา หรือ Old Town…แล้วก็เป็นศูนย์รวมของพวกพิพิธภัณฑ์ต่างๆ…สวยมั้ย” ผมยืนยิ้มอธิบายให้อีกฝ่าย ที่ดูเหมือนตื่นตาตื่นใจกับข้อมูลแปลกใหม่นี่เหลือเกิน
“สวย…ท่าทางอากาศจะดี” คราวนี้มันชี้ไปอีกรูปเป็นท้องฟ้าสดใสกับโบสถ์สีสด
“อื้ม …ก็มันอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Alps ไง ช่วยบังลมจากแอตแลนติก อากาศเลยออกแนวเมดิเตอร์เรเนียน แดดแรง แล้วก็อุ่นกว่า Vienna” ผมเดินเข้าไปหามันที่ดูเหมือนจะไม่สนใจเราเลยสักนิด หูฟังผมแต่ตายังจ้องอยู่ที่โปสการ์ดใบต่อๆ ไปไม่หยุด
“แล้วนี่ล่ะ?”
“
Rathaus”
“หะ?” มันขมวดคิ้ว ทำหน้างงกับสำเนียงไฮโซของผม กร๊ากก
“อืมมม ว่ายังไงดีล่ะ คล้ายๆ ที่ว่าการอำเภอของเค้าน่ะ” ผมพยายามนึกคำอธิบาย เอาคางตัวเองไปเกยไหล่มันด้วย ส่วนมือแน่นอน…โอบเอวอีกฝ่ายไว้หลวมๆ
“สวยอ่ะ เหมือน Buckingham เลย” มันหันมายิ้มให้ผม …เฮ้ออ สนใจกูซักที
“ใหญ่กว่าเยอะ”
“
ทัชมาฮาลนี่…” เอาอีกแล้วครับ มันหันมาทำหน้าตื่นเต้นให้ผมดู น่ารักโว้ยยย
“ใช่…ไปมาเมื่อปีที่แล้ว”
“นี่ถ่ายเองหมดเลยป่ะ?”
“อาฮะ..”
“เก่งโคตร…สวยโคตรๆ อ่ะ” ชมแบบนี้ก็ดีใจสิครับ ไอ้ผมน่ะก็แค่มือสมัครเล่นที่ชอบถ่ายรูปเท่านั้นเอง แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ชอบถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าเราเคยมาที่นี่นะ เรื่องสวยนั่นก็เป็นเพราะศึกษาและอาศัยความชอบส่วนตัว ห้องผมเลยออกแนวติสท์ๆ มีรูปแบบโปสการ์ดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ติดเต็มไปหมด…ไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้นหรอกครับ เห็นอะไรน่าถ่ายก็ถ่ายหมด ขอทานบนสะพานลอยยังเคยไปเดินขอน้องเค้าถ่ายรูป แล้วซื้อข้าวมันไก่ให้กล่องนึงด้วย
“แล้วนี่ทะเลที่ไหน น้ำใสโคตรๆ”
“ฮะๆๆ
ภูเก็ตไง” เปลี่ยนอารมณ์ที่จากไฮโซๆ มาเป็นปักษ์ใต้บ้านเรา ทำเอาไอ้มาร์ชตั้งตัวไม่ติด ทำหน้าเหวอไปครู่นึง แล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมา
“โอยยย จริงดิ สวยมากมาย” มันยังหัวเราะไม่หยุด
“สวยสิ ไม่มีที่ไหนสวยเหมือนบ้านเราแล้วล่ะ”
“อยากไปจัง…” มันทำตาเป็นประกาย
“ไม่เคยไปเหรอ??” งงสิครับ ไม่เคยไปภูเก็ต?? เหอๆ
“หึ” มันส่ายหน้าแทนคำตอบ
“แล้วนี่ใครอ่ะ” ไอ้มาร์ชชี้ไปที่รูปหญิงวัยกลางคนผมสั้นประบ่า ยืนใส่หมวกสาน หันหน้ายิ้มอย่างอ่อนโยนมาทางกล้องท่ามกลางไอหมอกแล้วป่าสีเขียวชะอุ่ม
“แม่…ตอนไปเที่ยว
เขาค้อ” ผมบอก…
“เขาค้อ?”
“
เพชรบูรณ์น่ะ สวยนะ ส่วนนี่คือ
ตาดหมอก…ทะเลหมอก เคยได้ยินมั้ย หน้าหนาวตอนนั้นหนาวมากๆ ถ้าเราขึ้นไปที่ตาดหมอก มันเป็นภูเขาสูง มองลงมาข้างล่างจะเห็นทุกอย่างเป็นหมอกปกคลุมไปหมดเลย เค้าเลยเรียกว่าทะเลหมอก คล้ายๆ กับภูชี้ฟ้าที่เชียงรายแหล่ะ”
“สุดยอด ไม่น่าเชื่อเมืองไทยมีอะไรแบบนี้ด้วย”
ไอ้มาร์ชทำหน้าเป็นประกาย…จนผมอดหมั่นเขี้ยว หอมแก้มมันอีกรอบไม่ได้…
น่ารักไปป่ะคนนี้อ่ะ แล้วมันก็ยิงคำถามมาเรื่อย แต่ผมตอบบ้างไม่ตอบบ้าง เพราะจุดสนใจตอนนี้อยู่ที่ร่างขาวๆ ของคนตรงหน้าไปซะแล้ว ผมคลอเคลียเล้าโลมอยู่กับคอและหลังใบหูมัน ไล่สูดกลิ่นหอมๆ ไปเรื่อย ส่วนมือก็เริ่มแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำของมันเม็ดแล้วเม็ดเล่าอย่างช้าๆ ไม่ให้เจ้าตัวทันสังเกต…และก็จริงครับ มันไม่ได้สนใจผมเลยแม้แต่น้อย ตายังจ้องอยู่กับรูปภาพต่างๆ อย่างชื่นชม จนกระทั่งผมงับลงบนต้นคอมันเท่านั้นแหล่ะ
“อ๊ะ…ทำอะไร” มันหันหน้ามาเอามือจับคอตัวเองที่มีน้ำลายผมเปรอะอยู่
“อยากดูมากกว่านี้มั้ย” ผมทำเสียงกระเส่าข้างหูไอ้มาร์ช เพราะตอนนี้ไอ้ลูกชายผมก็กรึ่มๆ ซะแล้วสิ…แค่ได้กลิ่นจากตัวมัน ผสมกับจินตนาการตอนมันเปลือยเปล่า เท่านั้นแหล่ะ…
“ด..ดูรูปนะ”
“อืมมมมม”
ผมจับคางมันให้หันหน้ามาประกบปากกับผม…ไอ้มาร์ชทำท่าจะหันหนี ตาดุใส่…แต่พอผมแหย่ลิ้นเข้าไปพัวพันพร้อมกับดูดริมฝีปากแรงๆ …มันก็อ่อนลง หันมาดูดตอบทันที…
***TBC
เอาเข้าไป ฮ่าๆ มาต่อพรุ่งนี้คร้าบบบบ ส่วนวันนี้แฮปปี้ฮัลโลวีน (ช้าไปป่าวหว่า)
มัวแต่ไปแปลงร่างเป็นผีผ้าห่มอยู่ กร๊ากกก
น่ารักไปป่ะคนนี้อ่ะ<<คำพูดติดปาก 