Round 20... นาทีสุดท้าย
ผมนั่งกุมมือสั่นๆ ของมันไปตลอดทาง มืออีกข้างก็บังคับพวงมาลัยรถไปด้วย ถึงจะทุลักทุเลเล็กน้อยแต่พอหันไปมองไอ้คนข้างๆ ที่ตอนนี้เอาแต่มองออกไปดูวิวข้างทางตลอดเวลาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก็ทนปล่อยมือไม่ได้…
ผมบีบมือมัน จนอีกฝ่ายหันหน้ามา ยิ้มให้เศร้าๆ…ผมถามว่าโอเคมั้ย มันไม่ตอบ แต่พยักหน้าน้อยๆ เรานั่งเงียบแบบนั้น จนในที่สุดก็มาถึงที่ๆ นัดไว้…โรงพยาบาล
ผมกับมาร์ชลงจากรถ…ทั้งๆ ที่ตอนแรกมันดูเข้มแข็งมาก แต่เพียงแค่ขาก้าวลงมาถึงสถานที่ ที่คุ้นเคย ร่างกายกลับอ่อนแรงไปถนัดตา จนผมต้องเข้าไปพยุง
สักพักเราก็เดินเข้ามาในตัวตึก ยิ่งบรรยากาศรอบข้าง คนป่วย…กลิ่นยา กลิ่นความตาย ยิ่งทำให้ใจหดหู่ เท้าของมาร์ชยิ่งดูหนักอึ้ง กว่าจะก้าวได้แต่ละทีผมแทบจะเรียกได้ว่าลากมันให้เดินเลยทีเดียว
“ด..เดี๋ยว” มันพูดเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ
มาร์ชทำท่าจะทรุดลงกับพื้นจนผมต้องพยุงออกไปนอกระเบียง…ลมเย็นโชยผ่านมาทำให้รู้สึกดีขึ้นนิดนึง แต่ไอ้คนข้างๆ ผมก็ยังมีท่าทีแย่เหมือนเดิม เรานั่งลงบนมานั่งตัวยาว มาร์ชเองพอนั่งลงปุ๊บก็เอนหัวพิงไหล่ผมทันที โดยที่มือของเราสองคนยังกำกันแน่น…
“ไม่ไหวว่ะ…อึก ไม่ไหวจริงๆ” หลังนั่นสะท้านเล็กน้อย คำพูดตะกุกตะกักบ่งบอกว่าคนๆ นี้กำลังสะอื้น
“…ถ้าอย่างงั้นก็นั่งตรงนี้ก่อนก็ได้ จนกว่าจะไหว” ผมบอกมันไป ไม่รู้จะทำยังไงให้รู้สึกดีขึ้น
“..อืม..”
พวกเรานั่งเงียบกันไม่รู้นานเท่าไหร่ ผมรู้แต่เพียงว่ามันนานมากมาย เหมือนเวลารอบข้างถูกหยุดเอาไว้อย่างนั้น ผมลูบมืออีกฝ่ายเล่นเบาๆ ไอ้มาร์ชเองก็ลูบนิ้วมือผมตอบเป็นสัญญาณว่ายังไม่เป็นไร มันเอนหัวพิงไหล่ผมอยู่อย่างนั้น…นิ่งมาก จนต้องไปมองว่าเป็นยังไง…ผมก้มลงแตะจมูกลงบนผมนิ่มๆ นั่น…
ในใจได้แต่คิด อยากทะนุถนอมคนตรงหน้าคนนี้อย่างมากมาย…ไม่อยากให้เศร้า ไม่อยากให้เสียใจ…แต่ก็รู้ว่ายังไงเสียก็คงทำได้ไม่ดีไปกว่านี้ น้ำตา ความทรมาน…มันเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อาจหนีพ้น ผมเองก็เข้าใจ แต่แค่อยากหาหนทางให้มันได้ระบาย และรู้สึกดีขึ้นเท่านั้นเอง
“ไปกันเถอะ”
ผมตัดสินใจพามันลุกขึ้น…อาจเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัว แต่ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ไม่อยากให้ต้องยืดเยื้ออีกต่อไป รังแต่จะให้ทรมาน…ถ้านี่คือความเห็นแก่ตัว แต่ก็เห็นแก่ตัว เพราะรักมัน…
พวกเราเดินกันมาจนถึงหน้าห้อง ICU พิเศษ…ทุกคนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างจ้องกันเป็นตาเดียว …มากันครบองค์ประชุม…ผมไล่มองทีละคน แบบเดียวกับที่คนเหล่านั้นมองมาที่ไอ้มาร์ช แล้วจึงมองมาที่ผมอย่างงงๆ
ทำไมล่ะ?...รู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าสายตาทุกคนทำไมถึงช่างเย็นชาและเงียบงัน…วันนี้คนๆ นึงจะต้องจากโลกนี้ไปนะ จากไปอย่างไม่มีวันกลับ หรือผมคิดในแง่ร้ายไปเอง พวกเขาอาจจะทำใจกับการสูญเสียครั้งนี้แล้วก็เป็นได้ มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับนี่นะ
มองทำหอกอะไร ไอ้เหี้ยแดน (นั่น ยังโวยไม่เลิกไอ้ซัน) …ไม่มีอะไรครับ แค่รู้สึกหมั่นไส้มัน มองกูตาเป็นมันอย่างกับโกรธกันมาแต่ชาติปางไหน ส่วนอาทิพย์ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม คือยืนนิ่งเย่อหยิ่ง ไม่มองใครทั้งสิ้น เธอหันไปคุยกับชายร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำเล็กน้อย ชายคนนั้นหันมาทางพวกผม หน้าตาดุดัน
“กว่าจะมาได้นะ เสียเวลาคนอื่นเค้ามั้ย” น้ำเสียงนิ่ง ออกเชิงตำหนิ ยิ่งเพิ่มความรู้สึกด้านลบของผมกับชายคนนี้
“…ใครจะมาเร็วแบบคุณล่ะ รอวันนี้มานานแล้วสินะ หึ” น้ำเสียงยียวนเบาๆ ยังคงดังมาจากร่างข้างๆ ผม…ไม่ยอมลดละทั้งพ่อทั้งลูก ให้ตายสิ
ผมบีบที่แขนมันเล็กน้อยเป็นเชิงเตือนว่าเวลานี้ไม่สมควรจะมาระเบิดอารมณ์ หรือปะทะคารมซึ่งกันและกัน มันหันหน้ามามองผม ขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมเงียบลง ไม่ต่อปากต่อคำต่อ…
“เอาล่ะ มากันครบแล้วก็เข้าไปข้างในเถอะค่ะ”
อาทิพย์พูดแทรกขึ้น และผลักหลังพ่อมาร์ชเล็กน้อยให้เดินนำหน้าเข้าไปในห้อง ตามด้วยไอ้แดน ที่ทำปากขมุบขมิบ ยอมเข้าไปอย่างโดยดีเพราะโดนอาทิพย์ดึงแขนให้เดินตาม ผมหันหน้าไปหาไอ้มาร์ช ถามมันว่าจะเข้าไปเลยมั้ย มันพยักหน้า
“เข้าไปด้วยกันนะ” มันพูดอ้อนๆ ผมยิ้มให้ กดจมูกลงบนหน้าผากมันอีกที
“ครับ..เข้มแข็งไว้นะ ไม่ไหวก็บอก” มันผงกหัว น้ำตาซึมที่หางตา ผมลูบออกให้…
“อืม..”
แล้วเราก็เดินตามเข้าไป หลังจากนั้นยังมีคนเดินตามเราเข้าไปอีก แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร อาจจะเป็นบรรดาญาติโกโหติกาทั้งหลายของมันก็ได้ ไม่ก็เป็นผู้ที่เกี่ยวข้อง ผมไม่เวลาจะมาสนใจใครอีกนอกจากคนในอ้อมแขนที่ตอนนี้เข้าเห็นร่างแน่นิ่งบนเตียง พร้อมสายระโยงรยางค์ไปทั่ว ก็ถึงกับแทบทรุดลงไปอีก มันหันหน้าเข้าที่ไหล่ผม หลังจากที่หันไปมองร่างไร้สติของ “แม่” แว่บนึงด้วยความทรมาน
สักพักหมอและพยาบาลอีก 2 คนก็เข้ามา และอธิบายขั้นตอนต่างๆ ให้ฟัง ผมฟังแทนไอ้ตัวแสบ เพราะท่าทางมันไม่กระจิตกระใจจะฟังหรือทำอะไรแล้ว …เมื่อหมอและพยาบาลออกไป ปล่อยให้ญาติได้สั่งเสียหรือบอกลากับคนไข้เป็นครั้งสุดท้าย ไอ้มาร์ชฝืนใจเดินเข้าไปหาร่างของแม่ ผมลากเก้าอี้มาให้มันนั่งข้างๆ …มันนั่งลงแล้วซบหน้าลงกับแขนของแม่ที่แน่นิ่ง…มีไออุ่นได้เพียงเพราะเครื่องมือทางการแพทย์เท่านั้น
หลังเล็กนั่นเริ่มกระเพื่อมเพราะแรงสะอื้น ทุกคนที่เห็น ไม่เว้นแต่ผมยังรู้สึกเศร้า…เศร้าจนแทบจะร้องไห้ตาม…ผมมองสีหน้าทุกคน ไม่เว้นแม่แต่ไอ้แดน …ทุกคนน้ำตาไหลให้กับภาพตรงหน้า
“แม่…มาร์ชขอโทษ…” เสียงพูดขาดตอนบ้างเพราะน้ำตาที่ไหลอาบหน้าและเสียงสะอึก…ไอ้มาร์ชกุมมือแม่ที่ถูกเจาะด้วยสายน้ำเกลือไว้แน่น
“มาร์ชขอโทษ…ฮึก…”
มันประทับจูบลงบนมือเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงนั่นเบาๆ แล้วยกขึ้นมาทาบใบหน้าเปื้อนน้ำตาของตนเอง ผมได้แต่ยืนเอามือปาดน้ำตาของตัวเอง…แม้ผมจะไม่เคยผูกพันกับครอบครัว หรือแม่ของมันมาก่อน แต่ไอความรักของคนทั้งคู่กลับแผ่ซ่านออกมาอย่างชัดเจน..จนผมอดที่จะตาแดงตามไม่ได้
มาร์ชนั่งกอดแม่มันอยู่แบบนั้นสักพัก หมอก็เดินเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ ครบมือ พยาบาลเองก็ตามเข้ามา ทุกคนต่างมีสีหน้ากระอักกระอ่วนกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น มาร์ชเองเมื่อเห็นหมอก็เข้าใจได้ทันทีว่าต้องทำอย่างไร มันอ้อยอิ่งกับร่างตนงหน้าสักพัก แล้วจึงลุกขึ้น…
“ผมขอโทษ…ผม….รักแม่…ฮึก…รักแม่นะ…” มาร์ชก้มหน้าลงประทับรอยจูบบนหน้าผากของร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่นั่นพร้อมน้ำตาที่หยดลงใบหน้า
“…คนสวยของผม…หลับให้สบายนะครับ”
ถึงจะบอกลา...แต่มันทำท่าจะไม่ยอมปล่อยจากร่างตรงหน้าเลยสักนิด เพราะมือทั้งคู่ยังกำอยู่ที่บ่าของมารดา…พ่อพยายามจะเข้าไปดึงร่างไอ้มาร์ชออกเพื่อให้หมอได้ปฏิบัติงานอย่างสะดวก แต่ก็โดนสะบัดแขนออกมา คนอื่นก็อึกอักๆ จนสุดท้ายพ่อมันหันมาทางผม ส่ายหน้าบอกเหมือนให้มาช่วยจัดการกับไอ้มาร์ชที ผมเลยเดินเข้าไป…กระซิบบอกมันเบาๆ
“มาร์ช…ปล่อยแม่เถอะ ถึงเวลาแล้ว”
มันสะอื้นต่ออีกพัก จึงค่อยๆ คลายมือออกจากร่างแม่…น้ำตานองหน้า หมอเดินมาทำอะไรสักอย่างกับเครื่องช่วยหายใจ ไอ้ตัวแสบของผมทนดูไม่ได้ ถึงกับต้องหันหน้าหนี แล้วซบลงที่บ่าผม ร้องไห้อย่างหนัก…
มันจึงไม่เห็นภาพตรงหน้า…ภาพที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็น…พ่อของมาร์ชเดินเข้าไปหาร่างนั้น แล้วก้มหน้าลงประทับจูบที่หน้าผากภรรยาตัวเอง ทับซ้ำกับรอยของลูกชาย หยาดน้ำตาใสๆ ไหลหล่นลงข้างแก้ม เจ้าตัวรีบปาดออกอย่างรวดเร็วเพื่อปกปิด…ทำไม?
ทำไมต้องพยายามปิดกั้นความรู้สึกตัวเองด้วย ผมไม่แปลกใจที่จะเห็นเขาร้องไห้ เพราะอย่างไรมนุษย์ก็คือมนุษย์…ต่อให้เลือดเย็นเพียงใด แต่การเห็นคนที่ตัวเอง “เคย” รัก หรือยังรักอยู่ผมก็ไม่ทราบ ตายไปต่อหน้าต่อตา จะให้รื่นเริงหรือเงียบขรึมอยู่ต่อก็คงเป็นไปไม่ได้ …สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือ ทำไมเขาต้องพยายามเข้มแข็งด้วย พยายามทำเหมือนตัวเองเป็นคนโหดร้ายขนาดนั้น ถ้าเขาเปิดเผยความรู้สึกภายในตัวเองออกมามากกว่านี้ ความสัมพันธ์ของพ่อและลูกชายคงจะออกมาในรูปแบบที่ดีกว่านี้แน่นอน…
และที่ผมโกรธกว่าคือ…การพยายามทำตัวเข้มแข็งของเขา ทำให้ไอ้มาร์ชกลายเป็นคนที่พยายามเข้มแข็งด้วยเช่นกัน…
คนที่ภายนอกพยายามทำตัวเป็นคนเลว…ทั้งการกระทำและวาจา….แต่ข้างในกลับอ่อนไหวและเจ็บช้ำ
เพื่ออะไร? การทำให้ตัวเองเจ็บปวด…เจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ทำเพื่อลืมความเจ็บที่ฝังรากลึกอยู่ภายในงั้นเหรอ?
หรือทำร้ายผู้อื่น…เพื่อลืมความเจ็บของตัวเอง?
สุดท้ายแล้วได้อะไร
มันก็เจ็บทุกฝ่ายอยู่ดี
ขณะที่หมอกำลังถอดสายออกซิเจนและหยุดเครื่องมือทางการแพทย์ทั้งหมด…ไอ้มาร์ชบอกให้ผมพาออกไปข้างนอก เพราะทนไม่ได้…มันทนเห็นแม่ตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้จริงๆ
ผมพามันออกมานั่งที่ม้ายาวหน้าห้อง ICU …มันร้องไห้จนตอนนี้เหลือเพียงคราบน้ำตาบนแก้มแดง…ท่าทางเรี่ยวแรงเหมือนคนโดนสูบพลังงานหายไปหมด สายตาเหม่อลอยจนผมอดกลัวไม่ได้ ส่วนภายในเป็นอย่างไรผมก็ไม่รู้แน่ชัด เพราะมันเงียบเหลือเกิน…สักพักก็มีเสียงเปิดประตู …หมอเดินออกมาคนแรกพร้อมกับพยาบาลทั้งสองคน เขาหันหน้ามายิ้มเรียบๆ ให้ผม ผมจึงยิ้มเป็นเชิงขอบคุณกลับ..ก่อนจะเดินจากไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
สักพัก…ไอ้แดนก็เดินออกมา มันดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผมกับมาร์ชนั่งเอนพิงกันอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้อง…มันเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างไอ้มาร์ช ตอนนี้เลยกลายเป็นพวกเราสามคนนั่งเรียงกัน …ผม มาร์ช ไอ้พี่แดน
“มาร์ช…” ไอ้พี่แดนเรียกที่รักของผม แล้วพยายามจะดึงตัวมันไปปลอบ แต่ดึงเท่าไหร่ก็ไม่ไป เพราะผมกอดเอวมันไว้
“มาร์ชครับ…ไม่เป็นไรนะ คุณน้าไปสบายแล้ว” มันยังคงกล่อมไอ้ตัวแสบของผมอยู่
“อืม…” มาร์ชตอบเบาๆ แต่หัวยังพิงกับบ่าผม
ไอ้พี่แดนยังคงดึงตัวไอ้มาร์ชให้เข้าไปซบมัน แต่ก็นะ…ผมยอมซะที่ไหน แถมไอ้มาร์ชยังทำท่าว่าอยากซบผมมากกว่าเลยยิ่งทำให้มันไม่พอใจ ทำท่าเหวี่ยงๆ หงุดหงิดใส่ …ส่วนผมน่ะเหรอ แอบสะใจเล็กน้อย เลวว่ะกู…
“มึงเป็นอะไรกับมาร์ชกันแน่” สะอึกดิครับ เล่นถามซะตรงขนาดนี้ไอ้พี่แดน…ผมเริ่มอึกอักๆ จะให้ตอบยังไงล่ะวะ…พอมันพูดแบบนี้ปุ๊บ ผมเลยคิดขึ้นมาได้…พวกเราเปนอะไรกัน?
“…เพื่อน” ผมตอบไปเบาๆ…ไม่สบตากับไอ้พี่แดน
“เพื่อนห่าอะไร อย่ามาโกหกกู” โหหหหหห …นี่ไงครับ ธาตุแท้ของมัน เริ่มละๆ กูเนี่ยแหล่ะ เริ่มโมโหละ
“บอกว่าเพื่อนก็เพื่อน อย่าเซ้าซี้ ไม่ใช่กงการอะไรของมึง” เอาแล้วครับ..ผมก็ยอมซะที่ไหน ตอนแรกก็คิดเกรงใจเพราะเป็นญาติของไอ้มาร์ชมัน แต่ช่วยไม่ได้มึงเหี้ยมา กูก็เหี้ยกลับ
“ถ้าเพื่อนก็ปล่อยมาร์ชมา”
“เรื่องนั้นผมคงยอมไม่ได้”
“งั้นกูก็คงต้องบอกเหมือนกัน…ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่กงการของมึง!”
โอยยยย ไอ้ซัน…โดนหยามแบบนี้มึงทนอยู่ได้ไง…คำตอบคือผมสงสารไอ้คนที่อยู่ในอ้อมกอดนี่น่ะสิครับ…ไอ้พี่แดนพยายามดึงร่างไอ้มาร์ชไปไว้กับตัวเองอีกครั้ง แต่ผมก็ยึดมือเหนียวติดกาวตราช้างก็ไม่ปาน เลยกลายเป็นว่าเรายื้อกันอยู่อย่างนั้น…คาดว่าไอ้มาร์ชมันคงรำคาญเต็มทัน เลยลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเดินหนีพวกผมไปทันที
เอาแล้วไง…ผมกับไอ้พี่แดนมองหน้ากันอย่างงงๆ แป๊ปนึง แล้วก็กลายเป็นโกรธ…ต่างฝ่ายต่างโทษกันว่าทำให้ไอ้มาร์ชมันโมโห…ผมยกนิ้วขึ้นชี้หน้าไอ้พี่แดนอย่างคาดโทษ ประมาณว่า เพราะมึงๆ เห็นมั้ย…ส่วนไอ้พี่แดนก็ยกกำปั้นทำท่าเหมือนจะต่อยผม แต่หลบได้ก่อน เราทั้งคู่วิ่งไปตามทางเดินระเบียงเพื่อหาเป้าหมายเดียวกัน…
***TBC
ยังมีอีกๆ แต่เอามาลงให้ก่อน
