Round 21... ปล่อย?
“มาร์ช…” ผมหอบแฮ่ก กว่าจะมาถึงตัวคนที่ตามหา…คว้าข้อมือมันเอาไว้
“มาร์ช!” นั่น…เสียงไอ้พี่แดนตามมาติดๆ ครับ มึงจะเอาอะไรนักหนาวะ!? ปล่อยให้คนเค้าเศร้า คนเค้าปลอบกันไม่ได้รึไง!?
ผมไม่แตะตัวอะไรไอ้มาร์ช เพราะคิดว่าอย่างน้อยก็รู้สึกเกรงใจ…กลัวไปดึงนู่นดึงนี่มันจะยิ่งโกรธเข้าไปอีก สังเกตจากหน้าตาที่ยุ่งเหยิงแล้วยิ่งกลัว แต่ไอ้พี่แดนนี่สิ มันพุ่งเข้ามาก็กระชากแขนไอ้ตัวแสบของผมจนเซไปทางมัน กูล่ะอึ้ง!
“พี่แดน! ปล่อยผม!” ไอ้มาร์ชหันไปทำหน้าดุ เสียงดุใส่ลูกพี่ลูกน้องตัวเอง…ส่วนผมก็เดินเข้าไปหามันเล็กน้อยเช่นกัน ดูท่าทีว่ามันจะทำอะไร …
“ไม่! พอกันทีมาร์ช! กลับกับพี่เดี๋ยวนี้!” มันออกแรงกระชากจนผมโมโห ยกมือขึ้นหมายจะง้างร่างเล็กนั่นกลับเข้าอกตน..แต่ก็
“ฮึก…พี่แดน…หยุด” เสียงสะอื้นทำเอาทั้งไอ้พี่แดนและผมถึงกับหยุดกึก…
“มาร์ช…มาร์ช พี่ขอโทษ ขอโทษครับ…พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ขอโทษนะ อย่าร้องไห้นะ”
“…ผมไม่เป็นไร พี่ปล่อยผมเถอะ” ไอ้มาร์ชดันตัวเอง แล้วถอยหลังออกมาจากไอ้พี่แดน…แต่ก็โดนรั้งไว้อีก
“มาร์ช กลับกับพี่เถอะนะ พี่ขอโทษที่ตะคอกใส่เมื่อกี้ กลับบ้านเรากันนะ เดี๋ยวพี่ทำอะไรอร่อยๆ ให้กิน อย่าร้องไห้นะครับ”
ไอ้พี่แดนพูดประโยคยาวเฟื้อย แต่ละคำแลดูน่าหมั่นไส้ในสายตาผมมาก…ครับอย่างงู้นครับอย่างงี้ ทำอะไรอร่อยๆ ให้กิน กูก็ทำได้วะ สาดดดด เดี๋ยวโชว์ฝีมือมาม่าหมูสับขั้นเทพให้ดูเลย แม่ง…
“ปล่อยผมก่อนพี่แดน” ไอ้มาร์ชเอามือปาดน้ำตาตัวเอง แล้วเริ่มทำหน้าดุ เสียงแข็งแบบปกติที่ชอบทำเมื่อสติกลับคืนมา
“มาร์ช…”
“แล้วผมก็ยังไม่กลับ…ยังไม่อยากกลับ” มันบอกเสียงเย็น ไม่หันหน้ามาทางผม แต่เดินจ้ำๆ ไปข้างหน้าแทน
“มาร์ชจะกลับไปกับไอ้นั่นใช่มั้ย!?” ไอ้พี่แดนเดินตาม แล้วคว้าแขนให้มาร์ชหยุด
“…อย่ารุนแรงสิครับ” ผมเดินเข้าไปบีบแขนไอ้พี่แดนแรงๆ เพื่อให้ปล่อยจากไอ้ตัวแสบของผม…ท่าทางมันจะเจ็บไม่ใช่น้อย เพราะทำหน้าเหยเก หันมามองผมแบบโมโหๆ
“ไม่ใช่เรื่องของมึง อย่าเสือก!” โหหหหห…วิธีการพูดบ่งบอกถึงความแบ่งแยกของชนชั้น สาดดดดด
“กูพูดกับมึงดีๆ นะ!” โมโหเว้ย โมโห
“มึงหลีกไป! แล้วอย่ามายุ่งกับมาร์ชอีก เข้าใจมั้ย!”
ไอ้พี่แดนตะโกนเสียงดัง โชคดีที่ตอนนี้พวกเรายืนกันอยู่บนลานจอดรถ จึงไม่มีคนมามองหรือยืนซุบซิบให้น่าอาย…มันผลักอกผมอย่างแรง จนเซไปข้างหลัง มาร์ชหันมามอง แล้วทำท่าเหวี่ยงสุดชีวิต…คิ้วมันขมวดเป็นเส้นตรงทันที
“พี่แดน!”
“ทำไม?? มาร์ชรู้ตัวมั้ยว่ามาร์ชเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอไอ้นั่น! เมื่อก่อนมาร์ชไม่เคยเถียงพี่ ไม่เคยทำตัวก้าวร้าวแบบนี้ ดูตอนนี้ซิ…เป็นเดือดเป็นร้อนแทนมันยังกับเป็นผัวเมียกัน!” คำพูดของไอ้พี่แดนยิ่งไปคนความเดือดในตัวไอ้มาร์ชจนพลุ่งพล่าน หน้าไอ้ตัวแสบแดงขึ้น ฟันกัดกันกรอดๆ อย่างเห็นได้ชัด
“พูดเกินไปแล้วนะ…นี่มันวันอะไร คุณสมควรมาทำกิริยาอย่างนี้หรือไง ทำอะไรให้มันพอดีพอควรบ้างเถอะ” ผมพูดแทรกขึ้นมา พยายามระงับความโกรธ…เดินเข้าไปโอบตัวไอ้มาร์ชที่ยืนกำหมัดตัวเกร็งแน่น แต่มันก็สะบัดออก
“มึงต่างหากล่ะ…นี่มันงานของคนในครอบครัว มึงแหล่ะเป็นใคร กูอยากจะลากมึงออกมาตั้งแต่ในห้องแล้วรู้มั้ย!”
“โธ่เว้ย! ทำไมเข้าใจอะไรยากงี้วะ…ถ้าคุณไม่เห็นแก่แม่มาร์ช ก็เห็นแก่มาร์ชมันบ้าง…ปล่อยมือเถอะ…ครับ”
ผมจำใจพูดเพราะๆ กับไอ้พี่แดน หลังจากขึ้นเสียงด่ากันก็แล้ว อะไรๆ ก็แล้วมันยังคงไม่เลิก มือใหญ่ๆ นั่นยังอยู่ที่แขนไอ้มาร์ชแน่นจนผมเห็นมันแอบทำหน้านิ่ว…ผมยกมือขึ้นไปบีบที่แขนไอ้พี่แดนอีกทีเพื่อให้ปล่อยมือ
“มาร์ช…พี่จะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ไปกับพี่ เดี๋ยวนี้!” มันทำเสียงเข้มบ่งบอกถึงความจริงจัง มือนั่นยังคงบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนเนื้อแขนไอ้มาร์ชเป็นรอยแดงรอบๆ
ผมหันไปมองหน้าไอ้พี่แดนแบบตาต่อตา…ส่งกระแสจิตให้เปรี๊ยะๆ ประมาณว่า …กูไม่ยอมมึงหรอก สัตตตตตว์… แต่ก็ต้องก้มหน้าลงมามองร่างในอ้อมแขนที่ยืนตัวสั่นนิดๆ ไม่รู้สั่นเพราะโกรธหรืออะไรกันแน่…
“ซัน...ปล่อยกูเถอะ” มันเงยหน้าขึ้นมามองผมตาแดง…อีกทั้งคำพูดของมันยังทำให้ผมอึ้ง…ปล่อย? ทำไม?
“ไม่…”
“นะ…ไม่เป็นไรหรอก” ปากน้อยๆ นันสั่นระริกเหมือนพยายามกลั้นน้ำตาไว้เหลือทน พร้อมกับสูดหายใจเข้าแรงๆ
“มาร์ช…” ไร้ซึ่งคำพูด พวกเราสองคนได้แต่มองตากัน อีกคนสายตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ส่วนผมเอ่อล้นไปด้วยความสับสน…
“หึ..บอกลากันพอรึยัง ไปมาร์ช” เสียงไอ้พี่แดนดังแทรกขึ้นท่ามกลางภวังค์ของเราสอง
เสี้ยววินาทีหนึ่งที่ผมมองเข้าไปในตามัน…สายตาที่บ่งบอกความท้อแท้และเหนื่อยล้านั่นทำให้ผมไม่อยากจะรั้งมันเอาไว้…
คำพูดที่เอ่ยอย่างทรมานว่า .. ‘ปล่อยเถอะ’ ยิ่งย้ำให้แขนเกี่ยวตวัดรอบตัวมันหนักอึ้ง…
เสี้ยววินาทีหนึ่ง…ผมเกือบจะปล่อยมือจากมันไป…
แต่แล้ว ขอบคุณนะ ไอ้พี่แดน…เสียงจากนรกของมึงทำให้กูรู้ตัว…และทำให้รู้ใจตัวเองว่า
“กูจะไม่มีวันปล่อยมึงอีกเป็นครั้งที่สองแน่” ผมพูดเสียงหนักแน่นข้างหูเรียว พร้อมสายตามั่นคง แขนโอบกระหวัดเอวไอ้ตัวแสบเข้ามาแนบชิดตัวเอง…
ทั้งสองแลดูตกใจไปเล็กน้อย…แต่คนละปฏิกิริยา
ไอ้พี่แดนอ้าปากเหวอ…ช่วงจังหวะที่เผลอทำให้มันปล่อยมือจากแขนไอ้มาร์ช มาสู้อ้อมอกผม…
ส่วนมาร์ช…อึ้ง แต่ใบหน้านั่นกลับแดงซ่าน…กัดริมฝีปากตัวเองแน่น และผ่อนแรงยอมถลามาเกาะผมแต่โดยดี
“เฮ้ย!!” ไอ้พี่แดนขึ้นเสียงเมื่อสติกลับคืนมา และเห็นผมกำลังพามาร์ชเดินไปยังที่จอดรถ
“มึงอยากมีเรื่องกับกูใช่มั้ย ไอ้เหี้ย!”
“ครับ ขอโทษนะ…”
ในจังหวะที่มันเข้ามาประชิดตัว…ผมปล่อยมาร์ช และหันหน้าไปชิงปล่อยหมัดเข้าที่ปลายคางไอ้พี่แดนเต็มๆ จนมันหงายหลังล้มลงพื้นอย่างแรง ผมสะบัดมือเล็กน้อย…เจ็บสิ ใครว่าไม่เจ็บ ไม่ใช่นักเลงแต่กำเนิด…แต่เหตุการณ์มันพาไป… มันเองก็ท่าจะเจ็บไม่ใช่น้อยครับ เพราะล้มลงไปนอน มือกุมจมูกตัวเอง เลือดไหลเปรอะเต็มไปหมด คาดว่าคงโดนสองเด้ง ปลายคางและเฉียดไปโดนจมูก จนเลือดกำเดาไหล
ไอ้มาร์ชกำลังอึ้งยืนงงกับเหตุการณ์…มันยืนมองไอ้พี่แดนตาไม่กระพริบอยู่อย่างนั้น ขนาดผมเดินนำหน้ามันไปแล้ว เรียกก็แล้วยังไม่หันมา จนต้องรีบเข้าไปดึงแขน กึ่งลากกึ่งจูง วิ่งไปที่ๆ จอดรถไว้ โชคดีที่ผมจอดไว้ไม่ไกลจากตรงนั้นมาก เราเดินออกมาแป๊ปเดียวก็ถึง…
ผมรีบกดปลดล็อกแล้วผลักมาร์ชเข้าไปตรงเบาะข้างคนขับ ส่วนตัวเองก็หย่อนตัวลงหน้าพวงมาลัย สตาร์ทรถและขับกระชากออกจากลานทันที…
ผมขับออกมาจากโรงพยาบาลไกลพอสมควร…เงียบ…คือบรรยากาศภายในรถ…ผมไม่หันไปมองคนข้างๆ สักนิด ได้แต่ขับไปเรื่อยๆ ส่วนคนข้างๆ จะหันมามองหรือไม่ก็ไม่อาจจะทราบได้ (ก็บอกว่ากรูไม่ได้หันไปมอง แม่งเอ้ย…โมโหอยู่)
จนกระทั่งผมได้ยินเสียงสะอื้น…จึงหันไปดู…มาร์ชหันหน้าออกนอกกระจก มือข้างนึงยกขึ้นพิงประตู ท้าวแก้มตัวเองเอาไว้…เหมือนกับกำลังปิดปาก พยายามกลั้นเสียงจากจมูกอย่างเต็มที่
ผมรีบเปิดไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง…จอดรถนิ่งทันที เมื่อรถจอดสนิท ไม่ได้พูดจาอะไรกัน เพียงแต่สอดแขนเข้าไปใต้หลังคอมาร์ชเบาๆ…เหนี่ยวให้เข้ามาหาตัวเอง ไอ้มาร์ชหันหน้ามามองผมด้วยตาที่รื้นน้ำอยู่ปริ่มๆ…
เห็นอย่างนั้นยิ่งทำให้ผมดึงมันเข้ามาไวในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว…มาร์ชปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย ผมก็ได้แต่ปล่อย…ปล่อยให้มันร้องออกมาให้หมด มืออีกข้างลูบไหล่เบาๆ ส่วนอีกข้างก็นวดที่ต้นคอ คลึงไปมา ให้ผ่อนคลาย ปากได้แต่พูด ‘ร้องออกมาเถอะ’ กับ ‘ไม่เป็นไรนะ’ วนไปมา
พวกเรานั่งอยู่แบบนั้นจนเกือบ 10 นาทีได้ จนกระทั่งมาร์ชหายสะอื้น…กลายเป็นเรานั่งกอดกันนิ่งๆ แทน เมื่อนะครับ ไม่ใช่ไม่เมื่อย ก็ผมน่ะเอี้ยวตัวให้มันกอดอยู่ แต่มันยกแข้งยกขาขึ้นมาบนเบาะ หันหน้ามากอดผมเต็มๆ แล้ว…
“ปวดหัว…” มันพูดเป็นคำแรก หลังจากการร้องไห้อย่างหนัก เสียงเลยยังพร่าๆ
“ก็เล่นร้องไห้ซะขนาดนั้น ไม่ปวดก็แปลกแล้ว” ผมบอก หัวเราะในลำคอ
“เฮ้อออออ…” มันเงยหน้าขึ้น มองออกไปนอกรถ กอดเข่าตัวเองบนเบาะนั่นแหล่ะครับ
ผมเอื้อมมือไปเปิดเก๊ะในรถ…เป็นสถานที่รวบรวมของจำเป็นในยามฉุกเฉินทั้งหลายนั่นเองครับ…ทั้งหยูกยา ไฟฉาย อุปกรณ์กันภัย …มีแม้กระทั่งกุงเกงลิงในยามจำเป็น ฮ่าๆ
ว่าแล้วก็หยิบพาราออกมา 2 เม็ด ยื่นให้มันพร้อมน้ำ…ไอ้มาร์ชรับไปแบบงงๆ ประมาณว่ามึงมียาติดรถด้วยวุ้ย แต่ก็ยอมกินแต่โดยดี คงเพราะปวดหัวอย่างมากอ่ะครับ…
“ง่วง…”
“มานี่ม่ะ..”
ผมตบเบาๆ ที่ตักตัวเอง มันส่ายหัว ก้มหน้าลงซบกับเข่าตัวเองอย่างเดิม ทำท่าเหมือนจะหลับแบบนั้น…ผมจึงต้องยกมือขึ้นไปจับที่ท้ายทอยมัน แล้วออกแรงเหนี่ยวให้ล้มลงนอน มันต้านเล็กน้อย แต่พอผมทำเสียงดุ บอกว่า ‘เร็ว’ มันจึงยอมนอกลงอย่างทุลักทุเล…ก็ตัวมันยาวซะขนาดนั้น เวลานอนที่ตักผมก็ต้องหันข้างอ่ะครับ หดแขนหดขา ดูลำบากพิลึก…
แต่ทันทีที่หัวถึงตักผมเท่านั้น มันก็หลับตา แล้วทำท่าจะหลับเสียทันที…ผมยิ้มกับความใจแข็ง ปากแข็งของคนตรงหน้า…ไอ้ดื้อเอ้ย…แล้วจึงยกมือขึ้นลูบผมนิ่มๆ ของมันเบาๆ …ไล่ไปถึงพวงแก้มขาวซีดเนียนมือ
“มาร์ช…” ผมกระซิบเสียงเบา ท่ามกลางเสียงแอร์และความเงียบงัน
“…หืม” มันไม่ลืมตา แต่ออกเสียง ในลำคอเป็นเชิงตอบรับ
“ต่อไปห้ามบอกให้ปล่อยอีกนะ…เพราะกูจะไม่มีวันปล่อยมือจากมึงเด็ดขาด”
ไม่มีคำพูดหวานๆ…ไม่มีเพลงบรรเลงเพราะพริ้งประกอบ คำพูดของผมออกเชิงข่มขู่ด้วยซ้ำ…แต่นั่นก็ทำให้คนที่กำลังนอนหลับตานั่นนิ่งไปพัก แล้วจึงคลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“…อืม” มาร์ชรับคำ…แล้วจึงยกมือขึ้นมาบีบมือผมที่แนบแก้มมันเบาๆ
***TBC
