{นิยาย} ...เสร็จกูแน่ ไอ้หน้าหล่อ!!...
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {นิยาย} ...เสร็จกูแน่ ไอ้หน้าหล่อ!!...  (อ่าน 2639888 ครั้ง)

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
:impress2:


โอย..โล่งเลย

ด่านคุณแม่ผ่านแล้ว

ยังเหลือคุณพ่อมาร์ชมะ

killizz

  • บุคคลทั่วไป
คุณแม่น่ารักจัง อิอิ

 :กอด1: กอดพี่พากษ์ล่ะกัน คิก คิก

TAMAKUNG

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: :m15: :m15:


ไม่หนัไปใหนหรอกครับ    กลัวแต่คนแต่งเหอะ




จาหาย 


ก็รัก   ซัน กะมาร์ช  แล้ว




จาให้ไปใหน

minkking

  • บุคคลทั่วไป
อร๊ากกกกกกกกกกกกกกก

เพ่พากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

จ๊วบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



คิดถุงนะพี่



จ๊วบๆๆๆๆๆ


อิน้องเพิ่งกลับไปเยียมบ้านเกิดที่เขมรมา แหม่ สำนักรักบ้านเกิดดีเจรงๆๆๆ




ปล. ว่าจะเอาหนุ่มเขมรทำสามีวซะหน่อยนะพี่ แต่พอดีคุยกันไม่รู้เรื่อง อดเลย! อิน้องเซ็ง!!!!

sNow

  • บุคคลทั่วไป
พี่พากย์แต่งตอนนี้ได้ซึ้งมากเลยค่ะ

เหลือแต่ไปก็ต้องเคลียร์ลาสบอสแล้วสิ

ซันมาร์ชสู้ๆอย่ายอมแพ้คุณพ่อ!!



 :L2:ดีใจจังที่พี่พากย์อาการดีขึ้นแล้ว สงสัยพยาบาลดีแน้ๆเลย อิอิ :L2:

ออฟไลน์ GAZESL

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
เคลียร์ง่ายกว่าที่คิด รึว่าแม่จะรู้เรื่องมาก่อน

ยังไงก็ดีแล้ว :m4: แฮ๊ปปี้ๆ เหลือแต่คุงพ่อของมาร์ช

มีชื่อโผล่มาแล้ว ต้องฝ่าอีกด่านสุดท้าย 

 :a2: สู้ๆๆๆๆ


ให้กะลังใจคนแต่งค่า :L2:


ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
ง่ายซะ...คนอ่านลุ้นกันตัวโกง...แต่คุณแม่กลับชิลๆ ซะงั้น....

สุดท้ายเป็นพ่อมาร์คที่สร้างเรื่องอะไรอีกแล้วใช่มั้ยคะ?

zilveria

  • บุคคลทั่วไป
 :a2:

ดีใจที่ดูเหมือนจะจบด้วยดี

เย่ เย่

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586


เรื่องนี้  ยังคุณภาพคับแก้วเหมือนเดิมจริงๆ


ทิ้งท้ายไว้ให้กระวนกระวานเล่นเสียด้วย

อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์   :serius2: :serius2: :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cartoons

  • "ละอองกอ"
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
 :-[ เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



 :L2: ในที่สุดก็ลงเอยด้วยดี อิอิ



 :z2: คิดถึงนะเฮีย  :z13:







หัดดิน เอ้ยหัดกิน

  • บุคคลทั่วไป
:กอด1: ป๊ะป๋า

มาต่อแล้วหรอๆๆๆๆ

เดี๋ยวไปอ่านก่อนน๊าคะ



ปล..ป๊ะป๋าหายไวไวน๊าคะ  :L2:


เร็วมากกกกกกกกก

พี่เน็ตพังไปหลายวัน

ไม่ทันเลยกรู -*-

crazy Y

  • บุคคลทั่วไป
'งั้นก็แสดงว่า แม่รู้มาตั้งนานแล้วใช่มั้ย  เนี่ยะ  เฮ้อ หลอกให้คนอืนลุ้นอยู่ตั้งนาน

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
แล้วต้องไปเครียร์กะพ่อมาร์ชมะเนี่ยยยยย

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1




รีบมาต่อ ให้ไว เหมือน......


 :call: :call: :call:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2009 18:37:12 โดย arjinn »

Jeremy_F

  • บุคคลทั่วไป

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
พี่พากษ์นี้ยังคงทำให้ไอ้มาร์ชยิ้มได้เสมอเลยน่ะ ขอแบบนี้นาน ๆ หน่อยน่ะพี่ ตอนนี้ไอ้มาร์ชไม่พร้อมนอยด์แดรก  :jul3:

onsk

  • บุคคลทั่วไป
คุณแม่รับได้   ดีใจอ่ะ   นึกว่าจะกรี้ดร้องซะอีก :m31:

แต่ก็สงสารแนทเหมือนกันนะ  รักใครไม่รัก  ดันไปหลงรัก

คนมีภรรยาแล้ว  เฮ่ออออ เศร้าแทนค่ะ :sad11:

Haney

  • บุคคลทั่วไป
ตามหัวข้อ

มันกำลังจะมา

สองตอนรวด!





(กรูจะรีพีทเพื่อออออ)

maabbdo

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






LIZZ

  • บุคคลทั่วไป

iloveyousomuch

  • บุคคลทั่วไป
2 ตอนรวด O{}O!!!!!!

ขอให้จริงเถิ๊ดดดดด....


 :call:

Manji+

  • บุคคลทั่วไป
จริงป่าวค้าบ อย่าหลอกผมให้ดีใจเล่นนะ พี่พากย์ :call:

Haney

  • บุคคลทั่วไป
Part 19


“แม่หมายความว่ายังไง?”  ไอ้ซันบีบไหล่ผมเหมือนจะรู้เท่าทัน  แล้วออกตัวถามแทน

“อ่าว ก็คุณพลเป็นคนบอกแม่เองแหล่ะตอนแรก  แต่แม่ไม่เชื่อ  ใครจะไปคิดล่ะว่าอยู่ๆ ลูกตัวเองจะมีแฟนเป็นผู้ชาย”  แม่ตอบกลับมา เสียงกลั้วหัวเราะในตอนแรกกลายเป็นนิ่งขรึมเมื่อเห็นว่าผมและไอ้ซันไม่ได้หัวเราะด้วย

“พ่อผมบอกแม่ว่ายังไงบ้างครับ?” ผมหลุดจากมือไอ้ซันแล้วรีบมานั่งใกล้แม่

“เอ่อ…” 

“บอกมาเถอะครับ” 


ผมเร่งหญิงสูงอายุให้บอกเมื่อเห็นว่าเธอทำท่าทางอึกอักๆ …คงจะเกรงใจหรือไม่ก็ไม่กล้าอะไรสักอย่าง 

“แล้วลูกมาร์ชรู้อะไรมาบ้างล่ะจ๊ะ”  ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ

“แม่…แม่ไปคุยกับพ่อมาร์ชตอนไหนเรื่องนี้?” ไอ้ซันเองก็งงแหล่ะครับ  เพราะมันไม่เคยรู้เรื่องแม่มันกับพ่อผมมาก่อนเลยสักนิด 

“ก็นานมาแล้วล่ะ…แม่จำไม่ได้หรอกว่าตอนไหน หลังๆ นี่เราก็ไม่ได้คุยอะไรกันเท่าไหร่  เพราะแม่เองก็ไม่ได้ไปใช้บริการเขาเท่าไหร่แล้ว”  เธอตอบอย่างใจเย็น  ตรงข้ามกับผมที่แทบจะนั่งไม่ติดพื้นแล้ว




เมื่อเห็นว่าจี้ให้แม่พูดอะไรออกมาไม่ได้แล้ว  ผมจึงตัดสินใจว่าจะไม่ถามต่อ… ความจริงผมก็ไม่อยากจะติดใจอะไรมากมาย  เพราะยังไงเสียความสัมพันธ์ของผมกับพ่อมันก็เลวร้ายมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว  แต่ถ้าสิ่งที่พ่อทำนี้มันไม่ทำให้เพียงแค่ผมเสียใจ  แต่บุคคลเหล่านี้…บุคคลที่ไม่เคยรู้จักผมมาก่อน  แต่กลับให้ความรักและความเข้าใจมากมายต้องมาเจ็บปวดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่พ่อเป็นคนก่อไว้ 



ผมเอง…ก็คงให้อภัยไม่ได้เหมือนกัน



“แม่ครับ…พอดีผมมีธุระด่วน ขอตัวก่อนนะครับ”  ผมรีบลุกขึ้น แล้วยกมือไหว้ลาคุณแม่โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของใครๆ แม้แต่ไอ้ซันเอง

“อ่าว ไม่อยู่กินข้าวกินปลาด้วยกันก่อนเหรอ?” แม่เอ่ยถาม  พร้อมกับลุกตามผม

“ขอโทษด้วยครับแม่  วันนี้ไม่สะดวกจริงๆ เอาไว้วันหลังผมจะมารบกวนทั้งวันเลยนะครับ”  ผมว่า  ยิ้มและยกมือไหว้คุณแม่อีกที  แล้วจึงค่อยหันไปมองไอ้ซันที่ยืนเงียบ  ไม่มีปากมีเสียงอยู่ข้างๆ



แม่พยักหน้าเข้าใจ  และเดินเข้ามากอดผมอีกที  แม้ว่าผมจะไม่อยากผละจากอ้อมกอดอบอุ่นนี้ไปเลย  แต่เห็นทีงานนี้ต้องมีเคลียร์ และผมก็เป็นประเภทที่ไม่ชอบให้อะไรมันมาคาใจอยู่นานเสียด้วย  ผมเดินเข้าไปบอกลาแนทและเธอก็เข้าใจดี… จนกระทั่งเราเดินออกมานอกตัวบ้าน



“นี่มันอะไรกัน?”  ไอ้ซันรีบเดินมาถามผม ทันทีที่เราเดินมาขึ้นรถ

“ไปส่งที่โรงแรมหน่อย”  ผมว่าแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหลังจากที่ขึ้นรถนั่งรอฝั่งข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว 

“เดี๋ยวๆ คุยกันก่อน” 


แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเสียงไอ้คนข้างๆ เท่าไหร่นัก  เมื่อปลายสายมีคนรับโทรศัพท์แล้วผมก็ถามทันทีว่า พ่ออยู่ไหม? และคำตอบก็เป็นที่พึงพอใจว่า ‘ท่านอยู่ห้องทำงานค่ะ กำลังจะมีประชุมในอีก 1 ชั่วโมง’ 


“มาร์ช อธิบายมาก่อน กูไม่เห็นเข้าใจอะไรซักอย่าง”  ไอ้ซันยังคงไม่ออกรถ  แต่สตาร์ทและเปิดแอร์ทิ้งไว้อย่างนั้น  มันหันมามองผมด้วยสายตาว้าวุ่น

“เฮ้อออ…กูไม่อยากจะบอกเลย  ค่อยเล่าตอนเสร็จหมดทุกอย่างแล้วได้มั้ย”  ผมพิงหลังเข้ากับเบาะแข็งของรถ  แล้วยกมือขึ้นปิดตา

“ไม่ เล่าตอนนี้ เดี๋ยวนี้”  ผมหันหน้ามาดึงแขนผมลง  แลวฉุดตัวผมเข้าไปใกล้

“เหวออ เออๆ ไม่ต้องรุนแรงก็ได้”  ก็จากแรงฉุดเมื่อกี้ทำให้หน้าผมกับมันใกล้กันจนแทบชิด… 



จากสถานการณ์ที่ตรึงเครียดเมื่อกี้กลับตาลปัตรเป็นพวกเราจูบกันตอนไหนก็ไม่รู้ครับ…คือใจนึงมันก็โล่งที่ว่าแม่รับได้  แต่ก็นะ…พายุลูกใหญ่กว่ากำลังโหมกระหน่ำเข้ามา  แต่ไม่ว่าจะตอนไหน เมื่อไหร่ก็ตาม  เพียงแค่เราอยู่ใกล้กัน บางครั้งก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไปเสียง่ายๆ …ผมว่าไอ้ซันเองก็คงเป็นแบบเดียวกัน



“ด..เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนซัน อืมม ฮ่าา”  เมื่อปากเราผละจากกันได้เล็กน้อย  ผมต้องรีบตั้งสติและดันปากอีกฝ่ายที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรงและรวดเร็วออกก่อน

“อีกนิดนะ…” 

“ไม่ได้  อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าเรื่องอะไร”  มันต่อรองและผมก็รีบปิดการเจรจาลงเสีย  ไม่งั้นได้ยืดเยื้อแน่ 

“ก็ได้…”  มันทำหน้าเซ็ง หรือ หงอยกันแน่ ผมไม่ค่อยแน่ใจ  แต่ก็ยอมไปนั่งที่เบาะตัวเองอย่างโดยดี และเริ่มออกรถ

“เรื่องก็คือ…ตอนก่อนที่กูจะไปเมกาฯ  พ่อมาบอกกูว่าแม่มึงไม่อยากให้กูคบกับมึง จบ”  ตั้งต้นมาเหมือนจะยาว แต่เท่าที่ผมทวนความจำตัวเองได้ มันมีแต่เรื่องนี้ ประโยคนี้วนซ้ำเป็นลูปอยู่ในหัว


….เอี๊ยดดดดดดดดดดดด….


“ห๊ะ!?”  ผมแทบจะหน้าทิ่มคอนโซลรถครับ  แมร่ง ก็ไอ้ซันดันเล่นเบรกซะกะทันหันจนผมคิดว่ารู้งี้น่าจะคุยกันก่อนขับรถดีกว่า =__=’’ 

“โอ๊ยย เบรกทำไมเนี่ยยย”  ผมโวยวายเอามือกุมหน้าผากตัวเอง มันเกือบหรือชนไปแล้ววะ!?

“เมื่อกี้พูดว่าไงนะ??” 

“เฮ้อออ จะให้พูดอีกทำไม ก็ฟังถูกแล้ว…พ่อกูบอกว่า แม่มึงไม่อยากให้มึงคบกับกู ได้ยินเต็มสองรูหูรึยัง??” ผมว่า พร้อมกับเอื้อมมือไปปิดปาดไอ้ซันที่อ้าค้างอยู่ด้วย เห็นแล้วตลกดี (ยังจะมีอารมณ์)

“แต่ก็เห็นแล้วว่าแม่กูไม่ได้ว่าอะไรนี่…”

ผมพยักหน้า…

“งั้น…อย่าบอกนะว่าที่มึงไปเมกาฯ ก็เพราะเรื่องนี้”

ผมพยักหน้าอีกที…




“ปัดโธ่เว้ย!”  ไอ้ซันยกมือขึ้นทุบกับพวงมาลัยรถอย่างแรงจนผมสะดุ้ง  มันไม่ฟังเสียงผมอีกเลยได้แต่ออกรถอย่างเร็วและมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่ต้องการในตอนแรก…




…………………………………………..




“ขอโทษค่ะ เข้าไปตอนนี้ไม่ได้นะคะ!”  เสียงหญิงสาวเลขาฯ ที่ผมจำชื่อไม่ได้เพราะเปลี่ยนมาหลายรายทักท้วงไม่ให้ผมเดินเข้าไปในห้องทำงานของคนเป็นพ่อ

“หลีก!”


ในที่สุดผมก็มาถึงหน้าห้องทำงานที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก…สองมือเปิดประตูเข้าไปอย่างอาจหาญ  ห้องกว้างที่มีกระจกบานสูงล้อมรอบ  สามารถมองเห็นไปได้แทบทุกมุม  โต๊ะสีดำมะเมื่อมตัวยาวตั้งอยู่กลางห้อง  เสียงเปิดประตูอย่างแรงส่งผลให้คนที่นั่งคุยโทรศัพท์อยู่บนเก้าอี้เลื่อนหันหน้ามามอง


“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”  ผมเอ่ยเสียงแข็ง จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ

“…เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะครับคุณรวิชต์  บังเอิญมีธุระด่วนเดี๋ยวผมจะติดต่อกลับไปทีหลัง”  ชายวัยกลางคนผู้นั้นบอกลาปลายสายที่น่าจะเป็นลูกค้า  แล้ววางโทรศัพท์ลงตามเดิม  เขาเงยหน้าขึ้นมามองผม  และมองเลยหลังผมไป  นั่นคือไอ้ซัน…

“สวัสดีครับ”  ไอ้ซันยกมือขึ้นไหว้

“เจอกันอีกแล้วนะ  อยู่ห่างกันไม่ได้สักวินาทีเดียวเลยใช่มั้ย…”  เสียงประชัดประชันนั่นยิ่งทำให้ผมอารมณ์พุ่งขึ้นปรี๊ด 

“ใช่! และมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ!”

“หึ…นั่นสินะ  แล้วมีอะไรถึงมาที่นี่ได้”  อีกฝ่ายที่นั่งอยู่ยังคงโต้ตอบกลับมาอย่างใจเย็น  มือข้างหนึ่งยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ  แต่เมื่อพบว่ามันว่างเปล่าก็กดอินเตอร์โฟนเรียกเลขาฯ ให้มาเติมกาแฟอีกแก้ว

“เรื่องคุณนั่นแหล่ะ!”  ผมเดินเข้าไปใกล้อย่างอารมณ์เสีย  แล้วเอามือทุบโต๊ะ

“หืม?”  อากัปชายตามองนั่นยิ่งทำให้ผมอยากจะพุ่งเข้าไปจัดการอะไรสักอย่างกับคนตรงหน้าเสียให้ได้

“อย่ามาทำไขสือ ผมไปหาแม่ซันมาแล้ว และแม่ซันก็รู้เรื่องของเราแล้ว!” 



คำพูดของผมท่าทางจะเล่นงานอีกฝ่ายได้ไม่น้อย… เพราะจากอาการที่ดูใจเย็นเหลือเกินกลับกลายมาเป็นร้อนรน  ตาลุกวาวด้วยความโกรธและร้อนตัว  ไอ้ซันต้องรีบเข้ามายึดแขนผมไว้เพราะดูเหมือนพ่อเองก็กำลังจะลุกขึ้นมาเผชิญหน้าเช่นเดียวกัน  มันคงกลัวว่าจะมีศึกสายเลือดเกิดขึ้นในห้องนี้แน่ๆ


“ทำไมล่ะ ตกใจล่ะสิ! งั้นก็ช่วยอธิบายเรื่องที่คุณพูดกับผมตอนนั้นเสียด้วยนะ!” แรงที่ดึงแขนผมไว้ตอนนี้มันช่วยให้ผมใจเย็นลงได้นิดนึง…ย้ำ ว่าเพียงแค่นิดนึงเท่านั้น

“เรื่องอะไร?”

“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ! คนอย่างคุณนี้มันน่า…!”



ในที่สุดแรงที่เหนี่ยวตัวผมไว้ก็ไม่อาจต้านทานแรงโมโหได้  ทันทีที่หลุดจากมือไอ้ซัน  ผมก็วิ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อสูทราคาเหยียบแสนของคนตรงหน้าเข้ามาไว้ในมือ  ฟันกันกันจนสันกรามนูน…


“เอาสิ แกจะทำอะไร? ต่อยพ่อตัวเองงั้นเรอะ? หึ”  หน้าตายียวนและน้ำเสียงนี้…ถึงจะโมโห แต่พอมองหน้าคนที่เรียกว่า ‘พ่อ’ ตัวเองแล้วผมก็ทำไม่ลงหรอกครับ 

“ฮึ่ยย”  ผมสะบัดมือออกจากปกเสื้ออีกฝ่ายอย่างเกรี้ยวกราด 

“กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวชั้นมีประชุม” 

“ไม่! ไม่กลับจนกว่าคุณจะบอกทุกอย่างมา…คุณโกหกผมทำไม!”



ความเงียบเข้าครอบงำบทสนทนาทั้งหมด… ผมยืนกั้นไม่ให้พ่อเดินออกไปไหน  เขาเองก็ไม่ได้ดื้อด้านแต่อย่างไร  ได้แต่ยืนนิ่งแล้วยกมือขึ้นจัดเสื้อสูทและเนคไทตัวเองให้เข้าที่   ผมกับเขาสบตากัน…แต่ก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าต่างฝ่ายต่างคิดอะไรอยู่ในใจ 


“แกก็น่าจะรู้เหตุผลดีอยู่แล้วนะ”  ในที่สุดพ่อก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบงันนี้ลง

“เหตุผล? …เหตุผลอะไร”  ผมยืนงงกับคำตอบของอีกฝ่าย

“ใช่…ชั้นเองแหล่ะที่เป็นคนไม่อยากให้แกสองคนคบกัน”

“คุณ!...” 

“ก็เลยไปปรักปรำ ป้ายความผิดให้แม่ผมงั้นสิ?” ไอ้ซันเดินเข้ามาใกล้  และเปิดปากพูดเมื่อเห็นโอกาส  เพราะมันเองก็คงทนไม่ไหวเหมือนกันที่เห็นแม่ของมันกลายเป็นหมากรุกชิ้นหนึ่งในเกมส์ของชายคนนี้

“มันจำเป็น…”  เขายังคงปัดเสื้อสูทราคาแพงไปมา…อย่างไม่สนใจเราสองคน

“จำเป็น? มันจำเป็นตรงไหนไม่ทราบ”  ผมหัวเราะให้กับความบ้าบอของชีวิต..มันจะอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย!

“ก็ตรงที่เพื่อให้แกเลิกกับมัน  และมาสืบทอดกิจการชั้นยังไงล่ะ” 



ในที่สุดหลังจากที่โง่มานาน…ผมก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดทั้งปวง  ถ้าเขาเอ่ยปากบอกให้ผมเลิกกับซัน  แน่นอนว่าผมไม่ทำตามหัวเด็ดตีนขาด  แต่แค่เพียงรู้จุดอ่อนผม แล้วนำส่วนนั้นมาหลอกล่อโดยอาศัยช่วงเวลาที่ผมอ่อนแอหลังจากเสียแม่ไป…ก็แค่เท่านี้  เขาเองก็ได้ทุกอย่างมาไว้ในกำมือโดยที่ไม่ต้อลงทุนลงแรงอะไรให้เสียหาย  แต่ในเมื่อทุกอย่างมันเปิดเผยและยากที่จะปิดต่อไปแล้ว  ความจริง…ยังไงเสียก็เป็นความจริงวันยังค่ำ  เช่นเดียวกับหมาจิ้งจอก…ไม่ว่ายังไงก็เก็บหางตัวเองไม่พ้น 


“หึ อย่างนี้นี่เอง…”  ผมหัวเราะให้กับความโง่ของตัวเอง  ที่ผ่านมาคนที่เหมือนจะไม่แยแส  ไม่สนใจเรื่องของผม  ความสัมพันธ์ของผมกับไอ้ซัน…กลับกลายเป็นคนที่ทำให้ผมปวดใจมากที่สุด  คนใกล้ตัว…แต่ไกลหัวใจคนนี้นี่เอง

“ผมเคยบอกคุณมานานแล้วไม่ใช่เหรอเรื่องนี้  หัวเด็ดตีนขาดยังไงเสียผมก็ไม่สืบทอดกิจการเน่าๆ ของคุณหรอก!” ผมยังคงขึ้นเสียงอย่างรุนแรง  ไอ้ซันที่ตอนแรกอึ้งไปก็เข้ามาจับตัวผมไว้เมื่อสติกลับมา

“กิจการเน่าๆ งั้นเรอะ! แกมาบอกว่ากิจการที่ตระกูลเราบริหารมาแต่รากเหง้าหัวหงอกนี่มันเน่างั้นเรอะ  ถ้าไม่ใช่เพราะกิจการนี้แกก็ไม่ได้อยู่สบาย ใช้เงินมือเติบแบบนี้หรอก ไอ้ลูกทรพี!”

“ผมเป็นลูกทรพี  เพราะได้คนอย่างคุณเป็นพ่อนั่นแหล่ะ!”





นี่เป็นการระเบิดอารมณ์ครั้งแรกระหว่างผมกับคนที่เรียกว่า ‘พ่อ’ ซึ่งก็ไม่แปลกเลยที่จะดุเดือดจากเชื้อเพลิงที่สะสมมานาน 20 กว่าปี  ตั้งแต่เด็กแล้วที่คนๆ นี้บังคับให้ผมต้องทำตามความต้องการของเขา  ไม่ว่าเรื่องเรียน  เรื่องเล่น  เรื่องรัก…ทุกอย่างต้องไปเป็นตามทำนองคลองธรรม  หรือ พูดง่ายๆ คือ ‘เป็นไปตามแบบที่เค้าต้องการให้เป็น’ 


การศึกษาที่ไทยไม่ดีพอ  ก็ต้องส่งไปเรียนนอก  ไม่ได้เกียรตินิยมก็ขู่อย่างเดียวว่าจะไล่ออกจากบ้าน  มีครั้งหนึ่งที่ผมอยู่กับกลุ่มเพื่อน  แล้วเห็นว่าทุกคนต่างมีความฝัน…มีความทะเยอทะยานเพื่อบางสิ่งบางอย่าง  และที่สำคัญ…เพื่อตัวเอง  ผมจึงหันกลับมาถามตัวเองบ้างว่า ‘ผมต้องการอะไร’ 



สิ่งที่แย่ที่สุดคือ  …ผมไม่รู้… เส้นทางที่ถูกกำหนดมาอย่างตายตัวตั้งแต่เกิดไม่ได้ช่วยปิดกั้นโอกาสหลายๆ อย่าง เช่น การศึกษา หรือ หน้าที่การงาน  แต่มันปิดกั้นเพียงสิ่งเดียว…. และสิ่งเดียวนั้นมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด… ‘อิสรภาพ’


ผมจึงกลับไปบ้าน  และพูดกับพ่อว่า…  ผมไม่อยากเรียนต่ออีกต่อไปแล้ว… และอยากเริ่มทำงานของตัวเอง เพียงแค่นั้น  ไฟที่โหมกระหน่ำก็แทบจะแผดเผาบ้านหลังใหญ่ให้วอดลงในพริบตา  สิ่งที่ผมจำได้ต่อมา คือ  ผมนอนอยู่ในตักนุ่มของแม่… ใบหน้าครึ่งด้านชาไปทั้งแถบ  กลิ่นคาวคละคลุ้งอยู่ในปาก 


และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการกลายเป็นเด็กใจแตกของผม…ไม่สิ  ผู้ใหญ่แล้วตอนนั้น  แต่ก็ยังคงเที่ยวผับ เข้าบาร์ไม่เว้นวัน  ไม่เพียงแต่เลิกล้มความฝันของตัวเอง  แต่ก็ทำลายความฝันของคนในบ้านด้วยเช่นกัน   เรื่องอะไรจะยอมโดนทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ… 


ผมรู้ตัวว่าเป็นคนเอาแต่ใจ  เพราะโดนสปอยด์เรื่องการกินการใช้มาตั้งแต่เด็ก  และพ่อก็ยังตัดผมไม่ขาด… ทั้งๆ จะตัดสายเลือดกันเลยก็ได้  แต่เค้าก็ยังสนับสนุนเรื่องเงินผมมาเสมอ  เครดิตการ์ดที่ไม่จำกัดวงเงินและสามารถใช้ได้ทั่วโลกทำให้ผมใช้เงินอย่างคนบ้า 


หลายครั้งที่พ่อพยายามจะฝืนบังคับให้ผมกลับไปเรียนหรือเริ่มต้นทำงาน… แต่ปฏิกิริยาที่ได้รับก็ไม่ใช่ไอ้มาร์ชลูกชายที่นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาให้ชักใยอีกต่อไปแล้ว  ผมเริ่มขึ้นเสียง  เริ่มต่อต้าน… และนั่นทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับพ่อแย่ลงเรื่อยๆ   จนสุดท้าย  ผมคิดว่าเค้าคงอ่อนใจและอ่อนแรง  จึงเลิกที่จะทนตื้อให้คนที่เค้าปั้นมากลับเป็นเป็นตุ๊กตาตัวโปรดเช่นเดิม


ผมเห็นพ่อมีลูกน้องหลายคนที่เป็นคนโปรด… ผมจึงคิดว่าเค้าคงเลิกล้มให้ผมสืบทอดกิจการแล้วแน่ๆ  เพราะหลังจากนั้นมาหลายปี  ก่อนที่ผมจะเจอกับไอ้ซัน… เค้าไม่เคยคิดจะคุยเรื่องนี้กับผมอีกเลย 


แต่ใครจะไปรู้… ว่าคนอย่างเค้า  จะคิดกลับมาแก้แค้นผมด้วยเรื่องอะไรแบบนี้…



***TBC

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

^

^

จิ้มก่อน

ตัดหน้าเค้าอ่ะเฮีย

กะลังจะทวงเลย

 :laugh:




k_aluvis

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4:

ง่าช้าไปติ๊ดดดด

จิ้มไม่ทัน

อิอิ

+1ฉลองการกลับมาของเพ่พากย์

งั้นขอจิ้มข้างล่างแทน อิอิ

 :z13:

sodamini

  • บุคคลทั่วไป
^

^

โหพี่แป๋มไวมากอ่ะ

ย่องไปอ่านต่อ....


V

V

V....ข้างบนไม่ทันข้างล่างก็ได้  :กอด1: กาโดดลงไปกอดป๊ะป๋า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2009 22:24:09 โดย ♥โซดาน้อย♥ »

Haney

  • บุคคลทั่วไป
Part 20



“ใช่… พ่อที่แกบอกว่าเลวๆ อย่างชั้นนี่แหล่ะ  ที่คอยเลี้ยงแก  ดูแลแก  จนแกโตพอมาทรยศกันได้ไงล่ะ!”  เขาเดินเข้ามาใกล้และชี้หน้า…มือนั่นสั่นเทาเล็กน้อยด้วยความโกรธ

“คุณก็เลี้ยงผมเพื่อหวังผลทั้งนั้น! มันง่ายไม่ใช่เหรอ…เหมือนเลี้ยงสัตว์ตัวนึง  ดูแลมัน ให้อาหารมัน  จับมันฝึกให้เชื่องแบบที่คุณต้องการ… ผมไม่ได้จะมาเรียกร้องอะไรหรอกนะ  เพราะแค่นั้นก็บุญแล้วสำหรับ ‘สัตว์’ ตัวหนึ่ง…แต่คุณลืมไปแล้วเหรอว่าผมเป็นมนุษย์!”


ชายที่หัวเริ่มหงอกแล้วยืนนิ่งตรงหน้าผม….


“ผมเป็นมนุษย์นะ… ผมไม่ใช่หมา ไม่ใช่แมวของคุณ  ที่พอถึงเวลาก็เรียกมาป้อนน้ำป้อนอาหาร  ให้ทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการของเจ้าของ… ไม่สิ  พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก  ป้อนน้ำป้อนข้าวยังดูดีกว่าสภาพของผมเมื่อก่อนเสียอีก  เพราะอย่างน้อยมันยังได้รับความรักความเอ็นดู…  ของผมนี่คงเป็นโยนชามข้าวให้เมื่อถึงเวลามากกว่า หึ”  



ถึงตอนนี้น้ำตาเจ้ากรรมก็เริ่มหยดลงมาจนร้อนวูบวาบที่ข้างแก้ม…ไม่ใช่เพราะโกรธ  ไม่ใช่เพราะเสียใจ…  แต่เพราะอนาถให้กับชะตากรรมของตัวเองมากกว่า   ผมไม่อยากจะรื้อฟื้น  ไม่อยากจะลุกขึ้นมาสู้กับเรื่องนี้  เพราะต้องการที่จะเก็บความบ้าบอของชีวิต และ อดีตที่เน่าเฟะไว้เบื้องหลัง  เสแสร้งว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น…  


ผมยอมเป็นลูกชาวนา  ทำไร่ไปวันๆ  มีเงินใช้วันละไม่ถึง 100 บาท… กลับมาบ้านก็หุงหาอาหารตามมีตามเกิด  ใช้ชีวิตแบบครอบครัวชาวบ้านธรรมดา  เป็นเด็กธรรมดา  และพ่อแม่ที่ธรรมดา… เวลาทำผิดก็ถูกฟาดด้วยไม้เรียว  แต่พอสักพักก็ถูกเรียกให้มากินข้าว  และได้รับการให้อภัย… เวลาได้คะแนนดีก็วิ่งเอาใบเกรดมาให้พ่อแม่ดู  มือหยาบนั่นลูบหัวไปมาพร้อมกับบอกว่า  ‘เก่งมาก คืนนี้เราจะฉลองกัน’… ผมต้องการเพียงแค่นี้  มันยากนักเหรอ?  หรือสิ่งที่ผมขอมันมากเกินไป…?



พ่อยืนนิ่งมาตั้งแต่แรก… สีหน้านิ่งเฉยนั้นผมไม่สามารถจับเดาอารมณ์ได้ถูกเลย   ส่วนผมได้แต่ยืนสั่นกับอารมณ์ที่ระเบิดออกมา… สองขามันจะหมดเรี่ยวแรงเสียให้ได้  รู้เพียงแต่ว่าไออุ่นจากอ้อมแขนของคนข้างหลังมันทำให้ผมรู้สึกตัว… รู้ว่าผมไม่ได้ตัวคนเดียว



“ชั้น…ชั้นก็แค่อยากให้แกได้ดี  ถ้าแกสืบทอดกิจการชั้นแกก็ไม่ต้องไปทำอะไรมากมาย  ระบบทุกอย่างถูกเซ็ตมาไว้ตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า… ชั้นไม่อยากเห็นโรงแรมนี้ตกเป็นของคนอื่น  คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องในสายเลือดเราเลย แค่นี้แกทำเพื่อคนที่เลี้ยงดูแกมาไม่ได้เลยงั้นเหรอ?”  เสียงของพ่อเบาลงจนเป็นปกติ  สายตาเว้าวอนนั่นส่งมา …แต่ไม่รู้ทำไม  ผมกลับไม่รู้สึกถึงคำว่าสงสารเลย

“มันคงจะง่ายกว่านี้  ถ้าคุณยอมรับฟังผมบ้าง…ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว  มีบ้างมั้ยที่เคยถามความเห็นผม  อยากเรียนนั่นมั้ยลูก  อยากทำนั่นมั้ยนี่…  ถามจริงๆ เถอะ  คุณเคยแคร์ว่าผมจะรู้สึกยังไงบ้างมั้ย”  


ใบหน้าเหี่ยวย่นนั่นกำลังจะพยักหน้า  แต่ผมก็ชิงพูดเสียก่อน…


“อย่ามาโกหกกันเลย  ผมอยู่กับคุณมาขนาดไหน  แค่มองตาก็รู้แล้วว่าคุณคิดอะไร…  ทำไมไม่เอาอย่างนี้ล่ะ  ลองทำแบบเมื่อก่อนดูสิ  ออกนอกบ้านไปหาเมียเล็กเมียน้อย  บอกให้พวกเค้าช่วยปั๊มลูกซัก 5-6 คน…มันคงจะมีสักคนในนั้นที่ยอมหลับหูหลับตาทำตามคำสั่งของคุณบ้างแหล่ะ”  



ผมแค่นหัวเราะ…  ทำไมจะไม่รู้  แม่นั่งร้องไห้  นอนร้องไห้ที่โรงพยาบาลเกือบทุกคืน  ก็มีแต่ผมที่เป็นสักขีพยานกับเหตุการณ์ทั้งหมด  แม้ว่าเหล่าพี่ๆ ในบ้านจะพยายามกันผมไม่ให้รับรู้เรื่องราวต่างๆ  แต่ขอร้องเถอะ…มันชัดเจนออกอย่างนั้น  ใครไม่รู้ก็โง่แล้ว


อาการของแม่แย่ลงเรื่อยๆ เพราะความเสียใจที่ถาโถมมาอย่างหนัก… ผู้หญิงที่คอยพยายามปลอบประโลมผม  ปกป้องผม…  แต่ด้วยอำนาจและบทบาทอันน้อยนิดทำให้เธอไม่สามารถที่จะเผยสิ่งที่คิดออกมาได้มากนัก  ผมพยายามจะช่วยเธอ… เพื่อช่วยจิตวิญญาณของตัวเองด้วยเช่นกัน  เพราะแม่…คือกิ่งไม้แห้งกิ้งสุดท้าย  ที่ผมสามารถยึดเหนี่ยวไว้ได้


แต่ไม่ว่าอย่างไร  กิ่งไม้แห้งนั้น  ก็ไม่สามารถรองรับน้ำหนักของคนอย่างผมไว้ได้นาน…  มันหัก  และร่วงโรยลงสู่ผืนดิน  ไม่ว่าผมจะร้องไห้จนน้ำตาท่วมโลก…  ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของเศษไม้นั่นไว้ได้อีกต่อไป  


ผมล่องลอย…  ทุกอย่างมันดูมืดมิด  เรื่องปลิดชีวิตตัวเอง  คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหนักหนาสำหรับคนอย่างผม…

โชคดีแค่ไหน… ที่ยังมีอีกคนเคียงข้าง  

โชคดีแค่ไหน…  ที่ผู้ชายคนนี้ไม่เคยทิ้งผมไป  






“คนอย่างแกจะไปรู้อะไร…”  เสียงทุ้มนั่นสั่นพร่า…มันเบามากจนแทบกลายเป็นเพียงเสียงกระซิบ

“ทำไม.. มีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกงั้นเหรอ?”  ผมเองก็หายใจแทบไม่ไหวแล้วเช่นกัน  

“แกต้องการอะไร”

“…สิ่งที่ผมต้องการ  มันสายไปซะแล้วที่คุณจะให้…ตอนนี้ผมไม่ต้องการอะไร  ขอแค่คุณเลิกยุ่งกับผมและซัน… และคนที่เกี่ยวข้องกับซัน”  


ผมบอกความต้องการเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ไป…  ไม่มีอะไรมีค่าสำหรับผมอีกแล้ว  นอกจากผู้ชายที่กำลังโอบกอดอยู่ตอนนี้  เค้าคือคนๆ เดียว  ที่ช่วยเหลือผมจากความมืด  และเค้าคือ คนๆ เดียวที่ผมสามารถรักได้เต็มหัวใจ



“….แกเกลียดชั้นมั้ย มาร์ช”  ผมอึ้งไปพักกับคำถามที่มาให้ไม่ทันตั้งตัวของอีกฝ่าย… พ่อสอดสองมือเข้ากระเป๋ากางเกงสแล็คราคาแพง  แล้วเดินไปมองกระจกใสด้านนอก  สายตาคู่นั้นที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ‘เป็นทัศนวิสัยที่กว้างไกล’ ตอนนี้ก็ยังคงมองไปยังสถานที่แสนไกลอยู่เหมือนเดิม…  ไกล…แสนไกล

“ผม…ไม่เคยเกลียดคุณ  แต่ผมเกลียดสิ่งที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้”  


คำตอบของผมไม่รู้ว่าจะสร้างความเดือดดาลหรือพึงพอใจให้อีกฝ่ายหรือไม่…  เพราะร่างนั้นยังคงยืนนิ่ง  สายตาคู่สวยที่ลูกชายลอกแบบมาเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนหรี่ลงเล็กน้อย  แล้วค่อยๆ หลับตาลง…





“แกไปเถอะ”  

“ถ้าผมออกไปตอนนี้…นั่นหมายถึงผมจะไม่กลับมาอีกแล้ว…”

“อืม ไปเถอะ”


ผมยืนอึ้ง…  กลืนน้ำลายลงเพื่อลดความฝืดเหนียวในลำคอ  สิ่งที่ผมต้องการกำลังจะได้มาไว้ในกำมือ  แต่ไม่รู้ทำไม… เมื่อถึงเวลาจริงๆ ผมกลับรู้สึกใจหาย  ถ้าตอนนี้  ขาข้างนี้ก้าวออกไปจากห้องกว้าง  ผมจะมีชีวิตที่เป็นอิสระ  ไม่มีอีกแล้วข้อผูกมัดใดๆ  ไม่มีอีกแล้วสำหรับคำว่า… ‘ครอบครัว’  ต่อจากนี้ผมจะสร้างคำ ๆนี้ด้วยตัวของผมเอง  และจะไม่ยอมให้มันย้อนรอยซ้ำสองแน่


แต่อีกใจหนึ่ง…  ผมก็อดที่จะมองแผ่นหลังมั่นคงนี่ไม่ได้  แผ่นหลังที่ผมเคยพยายามวิ่งตามต้อยๆ  แต่ก็โดนผลักไสมาตลอด  ไม่ว่าจะไขว่คว้าสักเท่าไหร่… แต่สิ่งที่ได้รับ  มีแต่ความขมขื่น…  อย่างไรก็ตาม  ผมก็ยังนับถือและเคารพแผ่นหลังนี้มาเสมอ



เสียงหมุนตัวกลับเล็กน้อย…เป็นสัญญาณให้กับชายวัยกลางคนรู้ว่า  ลูกชายเพียงคนเดียวกำลังจะเดินจากไป  เขาไม่มีอีกแล้ว…  ‘ครอบครัว’ สิ่งที่เขาพยายามสร้างมาตลอด… จบสิ้นกันแล้ว



“จำได้มั้ย…”  เสียงจากลูกชายที่กำลังเดินไปที่ประตูดังขึ้นมา  ทำให้เขาต้องออกจากภวังค์มาชั่วขณะ  แต่ก็ยังคงทิฐิไม่ได้หันกลับไปมองแต่อย่างใด


“ตอนผมอยู่ ป.6  คุณบังคับให้ผมเข้าชมรมเครื่องบินเล็ก… ตอนนั้นที่จริงผมอยากจะบอกว่าดีใจมาก  เพราะผมเองก็ชอบอยู่เหมือนกัน…  จำได้มั้ย  ที่เย็นวันหนึ่ง  คุณกลับบ้านมาพร้อมกับเครื่องบินประกอบ  เรานั่งประกอบกันอยู่จนดึกดื่น  พอเสร็จแล้ว…  ผมก็อ้อนให้คุณพาไปเล่นข้างนอกตอนห้าทุ่ม… หึ ห้าทุ่มแน่ะ  มันมืดมากจนมองไม่เห็นอะไร  ผมลองเล่นผิดๆ ถูกๆ จนเครื่องบินบินได้…  มันสนุกมาก…  แต่สุดท้ายมันก็ไปติดบนยอดมะม่วง”  ผมหัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงภาพเก่าๆ ในความทรงจำส่วนลึก

“จำได้สิ… เครื่องบินนั่นราคาตั้งหลายพัน  นั่งต่อเกือบสามชั่วโมง  แต่แกกลับทำพังภายในสิบนาที หึหึ”  

“ผมดีใจนะ…ที่คุณยังจำได้  เพราะนั่นเป็นเพียงสิ่งเดียว  ที่ต่อไปนี้…ผมจะเหลือไว้ในความทรงจำดีๆ ระหว่างคุณกับผม….”















“ขอบคุณครับพ่อ”





ผมเดินจากมาจากห้องนั้นพร้อมกับชายอีกคนโดยไม่ได้หันไปดูใบหน้าของอีกฝ่ายเลย  สองพ่อลูกหันหลังให้กัน  หนึ่งด้วยทิฐิ  สองด้วยความหลังแสนขมขื่น  และสามให้กับคำสุดท้ายที่เรียกว่า ‘สายสัมพันธ์’


รอยร้าวนี้…มันยากเกินกว่าจะประสานให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว  ต่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดิ้นรนจะยื้อประคับประคองไว้  แต่ เมื่อรากฐานมันไม่มั่นคง  สักวันหนึ่ง …ก็ต้องร่วงหล่นลงมาแตกกระจายเหมือนเดิม  สู้วางทิ้งไว้อย่างนั้นยังดีกว่า…  อย่างน้อยมันก็ปลอดภัย



ลูกชายเดินจากไปแล้ว… เสียงฝีเท้านั่นไกลออกไปเรื่อยจนแน่ใจว่าไม่มีวันหวนคืน



ผู้เป็นพ่อ… หันหลังมาเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน  เขาไม่ได้เลือกเปิดฝั่งขวาที่มันอัดแน่นไปด้วยเอกสารสำคัญต่างๆ นานา  แต่กลับเลือกที่จะยื่นมือไปเปิดลิ้นชักด้านซ้าย… ด้านที่มักจะถูกปิดตายไว้เสมอ


ภายในโล่งว่างเปล่า…  มีเพียงเศษอะลูมิเนียมสีฟ้า และ ขาวที่ถูกกาวต่อเชื่อมกันเอาไว้อย่างดี… ถ้ามองดีๆ จะรู้ว่ามันคือเศษเครื่องบินบังคับที่ตอนนี้ไม่สามารถบินต่อไปได้อีกแล้ว  มันถูกวางผนึกยึดไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานเรือนโต   สองมือที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นบ่งบอกถึงอายุที่ใกล้เข้าฝั่งเต็มทีลูบไล้ไปมาบนตัวเครื่องร้าว…


ที่ไม่ว่าจะจะพยายามประกอบกลับเท่าไหร่  รอยร้าวเพียงเล็กน้อย…ก็ไม่สามารถทำให้เครื่องบินลำนี้บินต่อไปได้อีกแล้ว




***TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2009 22:54:58 โดย Pa[R]K »

minkking

  • บุคคลทั่วไป
จ๊วบบพี่พาก คนดีสุดหล่อ 1 ที


ปล. ในขณะที่พิ่พากเครื่องร้อน อิชะนีเริ่มสันหลังยาวค่ะ 55555555555555555


+++++++++++++++



พี่ค้าบบบ น้ำตาท่วมจอไปไม๊ค้าบบพี่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2009 22:20:02 โดย εїзชะนีน้อยεїз™ »

Haney

  • บุคคลทั่วไป
^
^

ป้องกันประตูหลัง


แว๊กกก ไม่ทันนนน เร็วกันจังวะไอ้พวกลิงข่าง!


ไอ้พวกตัดหน้า ปั๊ด จับโบกๆๆๆ อึ๊ยยยยยยยยยส์!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด