{นิยาย} ...เสร็จกูแน่ ไอ้หน้าหล่อ!!...
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {นิยาย} ...เสร็จกูแน่ ไอ้หน้าหล่อ!!...  (อ่าน 2642585 ครั้ง)

ออฟไลน์ kboom

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 498
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
อ่านแล้วแบบสนุกมากอ่ะเฮีย
 o13
ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลย

นั่งอ่านวันเดียวจบเลยอ่ะ

น่ารักดี

คนแต่งก็น่ารัก

อำนาจมืดยิ่งน่ารัก :กอด1: :impress2:

คนอะไรน่ารักทีสุด :impress2:

ปล.เกลียมัวจริงปะเฮียพาก o22 :serius2:

5555 :m20: :m20:

ออฟไลน์ PaTtO

  • อาซามิซามะ.. ทาคาบะ4ever
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1638
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
กระซวก ลวก จิ้มไว้ก่อน

อ่านม่ายไหวแว้ววว


แสบตาเหลือหลาย
 :o12:

เด๋วมาอ่านต่อ

 :-[

Phelyra

  • บุคคลทั่วไป
Happy Ending ทั้งสองคู่เลย ซัน+มาร์ช & แดน+มิ๊กกี้ Yeah! Yeah!

ขอบคุณมากเลยนะค่ะ  o1 :L2:

BODYS

  • บุคคลทั่วไป

namebank

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.งห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


*******

"เสร็จกูแน่...ไอ้หน้าหล่อ"

น่ารักว่ะ…ผมยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ  แต่สายตาก็ยังไม่ละจากร่างตรงหน้า  ถึงเขาจะนั่งห่างจากโต๊ะผมไปเพียงไม่กี่เมตร  แต่ผิวหน้าขาวใสเนียน  จมูกโด่งรั้น  ริมฝีปากบางเชิดนั้นก็เด่นชัดเสียจนผมห้ามสายตาตัวเองให้หยุดมองไม่ได้  ผมสีดำสั้นยาวระต้นคอและถูกเซ็ทมาอย่างดี  รูปร่างผอมโปร่งแต่ก็ไม่ผอมจนเกินไป  เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็ดูเนี้ยบไร้ที่ติราวกับเทพบุตรหลุดออกจากนิทานปกรนัมของกรีก…

ผู้หญิงหลายคนถึงกับต้องมองเหลียวหลังแล้วหันไปยิ้มหน้าแดงกับเพื่อนสาวตัวเองเพียงเพราะเขาคนนั้นยิ้มตอบให้  อา…ยิ้มแล้วดูดีชะมัด  นี่สิที่เค้าเรียกว่า ‘หล่อ’ แต่ความหล่อมันก้ำกึ่งกับความสวยชอบกล  ถ้าจับแต่งหน้า แต่งตัวสวยๆ คงไม่แพ้ผู้หญิงระดับนางงามเลยทีเดียว

ผมจำต้องยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเพื่อปกปิดรอยยิ้มมุมปากของตัวเอง  และก้มลงอ่านหนังสือพิมพ์ในมือต่อ  สงสัยฟุ้งซ่านมากเกินไป  ช่วงนี้ผู้หญิงขาดมือเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงาน ถึงขนาดตาลายไปชื่นชมผู้ชายด้วยกัน  เป็นเอามากว่ะกู…



ว่าแล้วก็ก้มลงมองนาฬิกา…

“ห่าเอ้ย  จะบ่ายโมงแล้วเหรอฟะ”  หลังจากสบถกับตัวเองเสร็จ  ผมก็รีบลุกขึ้น พับหนังสือพิมพ์เก็บแล้วเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์  ผมยื่นแบงค์ห้าร้อยให้  พนักงานสาวรับไปแล้วกดอะไรสักอย่างกับเครื่องเก็บเงิน  เสียงดังกุกกักๆ ผมชะเง้อคอมองว่ามีปัญหาอะไรเพราะท่าทางเธอดูวุ่นวายกับเจ้าเครื่องนี้เหลือเกิน  แถมยังทำหน้าเสียกำแบงค์สีม่วงในมือแน่น

“ขอโทษนะคะ  เครื่องมีปัญหานิดหน่อย  รอสักครูนะคะคุณลูกค้า”  เธอหันมาบอกผมก้มหัวขอโทษขอโพย  แล้วรับวิ่งไปหลังร้านเรียกเพื่อนอีกคนหนึ่งมาช่วย

ผมลอบถอนหายใจ  มองฬิกาข้อมือ…ไปสายแน่ๆ เลยกู  ไม่อยากไปก็ไม่อยาก  แล้วถ้ายังไปสายต้องโดนแว้ดแน่ๆ  ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดจนคิ้วเริ่มขมวด  



ผมยืนเอามือล้วงกางเกงสแล็คสีดำอยู่สักพัก  ก็ต้องหันไปดูเมื่อมีคนมาต่อแถวข้างหลัง

“ครับ  อยู่ร้านกาแฟที่เดิมแหล่ะ”  เขาคนนั้นกำลังคุยโทรศัพท์ยืนอยู่ข้างหลัง ห่างไปไม่กี่เซนเท่านั้นครับ  ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือกระเป๋าตังค์ไว้  ผมหันไปมองจังหวะเดียวกับที่เขาหันมามองตอบพอดี…ผมยิ้มให้ตามมารยาท  แต่กลับได้การพยักหน้าประมาณว่า ‘มึงยิ้มทำไม’ กลับมา  ทำเอาผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน

ผมหันกลับมาดูน้องพนักงานสองสามคนที่ช่วยกันรุมเครื่องเก็บเงินอยู่  ในใจก็คิด…อยากให้เสียอีกซักพักจริงๆ เลยวุ้ย  เพราะเสียงทุ้มนุ่มของคนข้างหลังนี่มันเพราะเสียจริง  อยากจะแอบยืนฟังอีกสักหน่อย  เฮ้ย! คิดไรอยู่วะกู….พอๆ เลิกๆ นู่นนน ผู้หญิงเค้ารอแกอยู่  รีบๆ จ่ายเงินแล้วรีบไปได้แล้ว

แต่เอาวะ  ขอมองอีกซักนิด…ผมชำเลืองหันไปมองอีกฝ่ายด้วยหางตา  หล่อจริงเว้ยเฮ้ย  พ่อแม่มันช่างสรรสร้าง  ทำท่าไหนวะลูกถึงออกมาหน้าตาเยี่ยงเทพบุตรแบบนี้  …หุ่นสมส่วน  แต่ตัวเล็กกว่าผมหน่อยนึง  อืม อาจจะไม่หน่อยนึง  ก็เกือบๆ สิบเซ็นได้…  แต่ก็ถือว่าสูงสำหรับชายไทยทั่วไป  ปากสีอมชมพูนั่นกำลังขยับไปมาเนื่องจากการคุยโต้ตอบทางโทรศัพท์ยิ่งดูน่าเอ็นดู  หางตาตกนิดๆ ด้วย  ท่าทางเจ้าชู้ไม่เบา…สรุปแล้วจะหล่อรึน่ารัก ช่วยเลือกเอาซักอย่างได้มั้ยครับคุณ  (ถ้าไม่รวมกิริยาไม่น่ารักเมื่อกี้จะเยี่ยมมาก)



“ขอโทษนะ  น้องครับ!อีกนานมั้ย  พี่ไม่ได้มีเวลามายืนรอทั้งวันนะ!” เสียงไอ้หน้าหล่อนี่เองแหล่ะครับ  มันแทรกคิวผมขึ้นมาแล้วขึ้นเสียงใส่พนักงานจนอึ้งกันไปทั้งร้าน  … อารมณ์ร้อนด้วยเว้ย  

“ขอโทษค่ะๆ  เครื่องเสียนิดหน่อยแต่จะเสร็จแล้วค่ะ”  น้องคนนั้นหันมาก้มหัวผงกๆ แล้วหันกลับไปซ่อมเครื่องต่อ  ผมแอบได้ยินเธอซุบซิบกับเพื่อนว่า น่าเสียดาย หล่อก็หล่อ แต่นิสัยนี่ไม่ไหว..แอบเห็นด้วย

“เงินทอน 380 บาทค่ะ  ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ ขอบคุณมากค่ะ” ผมรับเงินทอนมาแล้วหันไปยิ้มให้กำลังใจเธอ  คาดว่าเธอคงจะตะลึงกับรอยยิ้มผสมลักยิ้มบุ๋มๆ ข้างเดียวของผมจนหน้าแดงราวกับลูกตำลึง  ไม่แปลกใจครับ  ใครๆ ก็บอกว่าเวลาผมยิ้ม  เหมือนโลกทั้งใบถูกดูดลงไปในแบล็คโฮลล์เพราะคนๆ นั้นจะรู้สึกราวกับกำลังแหวกว่ายอยู่กลางอากาศ  ขาไม่ติดพื้นและเคลิบเคลิ้มไปโดยไม่รู้ตัว  

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”  ผมยังคงยิ้มต่อจนพนักงานสาวทำตัวไม่ถูก  ยกมือข้างนึงจับผมตัวเองลูบไปมา  เม้มปากเบาๆ ยิ้มตอบ



ปัง!


เสียงมือข้างหนึ่งที่ฟาดลงบนโต๊ะเคาท์เตอร์พร้อมกับใบบิลสีขาวข้างใต้ดังลั่นไปทั่งร้าน  ผมตกใจจนต้องหันกลับไปมองตามที่มาของมือข้างนั้น

ไอ้หล่อนั่นทำหน้าบึ้งตึง  คงไม่พอใจที่ผมกับพนักงานสาวมัวแต่ส่งรอยยิ้มปิ๊งๆ ให้กันจนน่ารำคาญ แค่นั้นไม่พอ  มันยังหยิบแบงค์พันออกมาวางฟาดตาม  

“เร็วๆ”  

หน้าบูดเป็นตูดลิงพอๆ กัน ทั้งไอ้หน้าหล่อและพนักงานสาว  ท่าทางความหล่อของมันคงถูกประเมินลดลงไปกว่าครึ่งด้วยอากัปกิริยาไร้มารยาทและความเกรงใจ  ผมไม่อยากจะยุ่งมากเลยรีบเก็บเงินลงกระเป๋าตังค์  แล้วผละออกมาจากร้าน  ผมออกมายืนตรงชานนอกร้านแล้วก็หยุดอยู่แค่นั้น…เพราะสายฝนช่างกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไร้วี่แววเมฆครึ้มเลยสักนิด



“สัตว์เอ้ย…ตกห่าอะไรตอนนี้วะ”  เปล่าครับ ไม่ใช่เสียงผม  แต่เป็นไอ้หล่อต่างหากที่ตอนนี้มันมายืนข้างๆ  มือนึงเท้าสะเอว ส่วนอีกข้างนึงก็พาดตรงหลังต้นคอตัวเอง เกาแกรกๆ  แถมคิ้วโค้งได้รูปนั้นก็ขมวดผูกโบว์เข้าหากันบ่งบอกอารมณ์ไม่ได้ดั่งใจ

“นั่นสิ”  ผมตอบกลับลอยๆ แบบไม่ได้ต้องการคำตอบ  จนอีกฝ่ายชำเลืองมามอง  

“เซ็งว่ะ  ทำไงดีวะ แม่งเอ้ย”  เขาก็เหมือนจะตอบกลับมาแบบลอยๆ เช่นกัน ปากทำเสียงจิ๊จ๊ะจนผมแอบยิ้มในความน่ารักในใจ  ถ้ามองข้ามความถ่อยเถื่อนและอารมณ์ร้อนๆ นั่นไปได้  คนนี้จะเพอร์เฟคเทพมากๆ

“คงต้องรอให้ฝนซาซักนิดแล้วค่อยออกไป”  ผมพูดตามความจริงเพราะที่จอดรถอยู่ไกลกับตัวร้านมาก  ขืนวิ่งฝ่าฝนออกไปมีหวังเปียกโชก

“ใครถามมึง”  มันตอบ  ทำปากเผยอหาเรื่อง…ซ่าจริงนะมึงตัวก็เล็กกว่าเห็นๆ

“ก็ไม่ได้ตอบใคร”  ผมยักคิ้วขึ้นข้างนึงพร้อมรอยยิ้มที่เค้าบอกกันว่าเป็นรอยยิ้มพระเจ้า  เอาสิวะ…มึงเทพมากูก็พระเจ้ากลับ  ดูซิว่าฝ่ายไหนจะชนะ

“กวนนะมึง เดี๋ยวเจอตีน”  ถึงเนื้อความจะดูรุนแรงแต่น้ำเสียงของเขากลับอ่อนลง  นี่แหล่ะครับ พระเจ้าย่อมเหนือกว่าเทพเห็นๆ

ผมไม่ตอบ  แต่หันกลับไปมองสายฝนต่อ…ฟ้าเริ่มใส  เมฆดำเคลื่อนตัวออกช้าๆ ฝนจากที่กระหน่ำอย่างบ้าคลั่งก็คล่อยๆ คลี่คลายเหลือเพียงสายปรอยๆ ผมยิ้มให้ตัวเองแล้วยกหนังสือพิมพ์ขึ้นบังหัว

“ไปก่อนนะ ไอ้เตี้ย”  ผมบอกอีกฝ่ายแล้วรีบวิ่งฝ่าเม็ดฝนเล็กๆ ออกมาทันที  ไอ้ยินเสียงแว่วตามมาว่า มึงเรียกใครว่าไอ้เตี้ย  เชี่ยเอ้ย…. :angry2:




Continued Part 1

จ๊วบทุกๆ คน  ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะครับ รับรองว่ามีทุกรส(โดยเฉพาะรสหื่น)เพราะคนเขียนเก็บกด
เอาให้มันสะใจ ใครมาว่าเกลียมัว เดี๊ยะเจอๆ :t2:

butajang

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณนะคะ เข้ามาอ่านครั้งเเรก ขอเรียกไรเตอร์ ว่า พี่พากย์ตามคนอื่นละกันนะคะ ชอบมาเลยกับรือ่งนี้อะ ตอนจบ ร้องไห้เลย อิจฉา เเละดีใจ กับความรักของ มาร์ช เเละ ซัน น่ารักมาก ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

ออฟไลน์ mayuree

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 443
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-4
จบได้ลึกซึ้ง ประทับใจมากค่ะ
ทำให้รู้ค่าของความรักมากขึ้นอีกเยอะ o13

patiharn

  • บุคคลทั่วไป
1วัน1คืนกับการกลับมาอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ....ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึง ..ซัน-มาร์ช

อยากให้มีรวมเล่มจังเลยค่ะ   จะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำดีดี (แถมอ่านได้แบบไม่บั่นทอนสายตา แหะๆ)

.....ขอบคุณอีกทีค่ะพี่พากย์  สำหรับเรื่องราวน่าประทับใจแถมหลากหลายอารมณ์อีกต่างหาก...

 :L2:ขอบคุณจริงๆ :L2:

iRo

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ

ที่ทำให้เสียน้ำตา

ที่ทำให้อมยิ้ม

ที่ทำให้หัวเราะ

ที่ทำให้... อีกมากมาย

ขอบคุณจากใจจริงครับ พี่พากย์

ออฟไลน์ karashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
    • นิยาย นิยายแจ่มใส นิยายมือสอง
ขอบคุณมากครับนิยายสนุดมากเลย

 :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






papirunya

  • บุคคลทั่วไป
คุณ พากย์ อีกแล้ว

ผมติดนิยายของคุณทุกเรื่องเลย

ดีนะปิดเทอม

จะติดตามผลงานต่อไปครับ :-[ :impress2:

fayala

  • บุคคลทั่วไป
Come back again to read for the second time ka..

Sanook makkkkkkkkkkkkkkkkkkkkk

This is the best story describing the meaning of TRUE LOVE

Thank you again na ka khun Pa[R]K

ออฟไลน์ eddiam

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ไม่มีโปรเจกท์รวมเล่มมั่งหรอค๊ะ  อยากซื้อเกบง่ะ :impress2:

ออฟไลน์ hawon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมาก ๆ เลยฮับ
อ่านรวดเดียวจบ
เป็นนิยายที่ทำให้ทั้งเสียน้ำตา ทั้งยิ้มได้ ในเรื่องเดียวกันเลย
สนุกมาก ๆ เลย

ออฟไลน์ n2

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +113/-4

pomme

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีค่ะ พี่พากษ์
อ่านเรื่องของพี่แ้ล้วชอบมากเลย
ตอนฮ่า ก็ฮ่าได้ใจ ตอนซึ้งก้อแบบว่า ฮือๆ... น้ำตาร่วงเลย
ตอนจบของเรื่องก้อแบบว่าสมบรูณ์สุดๆ

เป็นรักที่นิรันด์จริงๆ
อยากได้ึความรักแบบนี้บ้าง :laugh:

จะติดตามอ่านผลงานของพี่พากษ์ต่อไปนะค่ะ
ขอบคุณนะค่ะสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้
ขอบคุณมากค่ะ

akiso

  • บุคคลทั่วไป

พี่พากษ์นิยายเรื่องนี้บอกตรงๆ ชอบมากๆค่ะ อยากให้เขียนเพิ่มอีกเรื่อยๆๆ  :monkeysad:

  อ่านนิยายมาก็เยอะ  เรื่องพี่นี่สุดยอดอะ และชอบตัวละคร 2 คนนี้มากๆ  ทำให้คิดถึงคำๆหนึ่ง

    คำว่า  " รักแท้ "  ไม่มีคำใดจะเปรียบได้  และขอบคุณที่มอบเรื่องราวดีๆประทับใจให้ได้

อ่านนะค่ะ  อยากบอกว่าตอบจบเศร้ามากๆๆๆ เลย  :m15:  :m15:  :m15:  นั่งร้องไห้ไป

อ่านไป  อิ อิ ตลกดี อินมากๆๆ  ตั้งแต่ขอแต่งงาน กับวันสุดท้ายของชันคะ  :m15:

 
    อยากบอกว่า อากิ รักทั้ง  ชันและมาร์ช  มากๆคะ  กับความรักของทั้งคู่  ทุกหลากหลาย

อารมณ์  ทำให้คิดว่า  นิยายก็เหมือนกับชีวิตจริง  เพียงแต่ว่าใครจะได้รับบทอะไร ก็เท่านั้นเอง

ทำให้นึกถึงโฆษณาหนึ่ง  ที่คุณปุ่ ได้สัญญากับ คุณย่าว่าจะมานั่งสีชอให้คนรักฟังทุกวัน ก็คง

เหมือนกับ ชัน ที่เข้ารักษาสัญญาไว้กับคนรักของเขา  นั่งเอง........   :monkeysad:



     ไม่มีไรบอกมากมาย  จะติดตามผลงานพี่ตลอดคะ     :กอด1:   พี่พากษ์   :กอด1:

ออฟไลน์ NASS.NET

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ เรื่องนี้ค่ะ
ที่ทำให้มีทั้งเสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา
และทำให้รู้ว่ายังมีความรักที่เป็นรักแท้จริง :กอด1:
แม้ว่าวันนึงจะมีใครคนนึงจากกันไปก่อน
ซึ้งมากๆค่ะ ขอบคุณนะคะ :bye2:

ออฟไลน์ GAYLOVELOVE

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกมากเลยค่ะ
ขอบคุณนะคะ
ที่นำนิยายดีๆมาให้อ่าน
 :pig4:

ออฟไลน์ QHUNA

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ประทับใจมากค่ะ :man1:
อ่านหลายรอบแล้ว  อ่านกี่รอบก็ไม่เบื่อ
ชอบการเขียนของพี่พากย์อ่ะ
ชอบคาแรคเตอร์ของพระเอกแล้วก็นายเอกอย่างเนี้ย
อ่านแล้วหลง  ฮ่าๆๆ
เมะ กวนๆ  เคะ ขี้โมโห  เป็นต่อเมะทุกเรื่อง
ยกเว้นเรื่องเดียว เรื่อง... :jul1:

เวลาอ่านจะจิ้นเป็น หน้ายามะโมโตะ กะ ฮิบาริ  อ่ะ  ใช่เลย
 :L1:ซันมาร์ช
 :L1:พี่พากย์

 :pig4:ที่แต่งเรื่องราวสนุกๆมาให้อ่านค่ะ

บอกตรงๆว่าไม่อยากให้จบ  โผล่มาใน เซ็งจิต..ติสแตกเยอะๆนะ :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
หวัดดี เฮียพากย์ พึ่งหาเจอว่าเขียนเรื่องนี้ badbad_maru บอกตะกี้
ได้ยินชื่อเฮีย จากเรื่องเฮียโจ๊กอ่ะ หาอยู่ตั้งหลายวัน ที่แท้จบแล้ว
มะเป็นไร เด๋วเราจาไล่อ่านตามก่อน มีเรื่องอื่นด้วยป่าว ถ้ามีบอกด้วยนะ...
กะลังหาเรื่องสนุก ๆๆ อ่านอยู่ บะบายก่อนนะ... จบแล้วจามาใหม่..... :3123:

fayala

  • บุคคลทั่วไป
ไม่มีอะไีรค่ะ เข้ามาบอกว่าคิดถึงซันมาร์ช คิดถึงคนแต่ง

อยากขอตอนพิเศษก็ไม่ได้ เพราะจบแบบบริบูรณ์สุดๆๆ

งั้นเอาเป็นว่า อยากอ่านเรื่องใหม่ของคุณภาคค่า ช่วยสงเคราะห์แฟนนิยายตาดำๆ ทีนะคะ :monkeysad:

ปล. ถ้ามีทำรวมเล่มขายด้วยจะดีมากๆ เลยค่ะ รออุดหนุนเต็มที่ๆๆ

ออฟไลน์ manU007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

amkang12

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดี คนแต่งน่ะครับ

แอบอ่านมานานแล้ว มาอ่านรอบนี้เป็นรอบที่สอง

ก็ยังชอบนิยายเรือ่งนี้อยู่ดีน่ะครับ คิดถึง ซัน กับ มาร์ช (แล้วยังแอบมี พี่แดน กับ มิกกี้ด้วย)

ตอนจบซึ้งมากๆเลยน่ะครับ

ยังไงก็เป็นกำลังใจ แต่งเรือ่งดีๆ ออกมาให้อ่านอีกน่ะครับ

ขอบคุณมากๆๆครับ  :L2:           :3123:            :L1:     

ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog
*บ่น* เมื่อกี้พิมพ์ยาวมาก..เม้นท์ไม่ติด :z3: ว้อย..ไม่เป็นไร บิวท์ใหม่... :sad4:
(คราวนี้ต้องอย่าลืมเซฟๆ.. *ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด*)


อ่ะ อ่านจบแล้วค่ะ
สารภาพว่าอ่าน "กูละเซ็งจิต ไอ้ติสต์แตก" ก่อนอ่านเรื่องนี้
แล้วอยากรู้ว่ามาร์ชกับซันมาได้ไง :o8: (ชอบคาแรคเตอร์สองคนนี้ น่ารัก~)
แต่แม่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามาจากเรื่องนี้ :a5: จนกระทั่งมีคนแนะนำมา
พอมาอ่าน อ่าวเฮ้ยเวร น่ีมันเรื่องซันมาร์ชนี่หว่า!!! ทำไมกรูเพิ่งเห็นนนน :o211:

ขนาดเราเป็นคนอ่านหนังสือเร็วยังใช้เวลาทั้งวันแน่ะ -_-
ไม่ใช่เพราะเรื่องยาวเกินห้าม..แต่เพราะจำนวนหน้ามันเยอะมากๆๆๆๆๆต่างหาก :serius2: เน็ตชั้นก็ดีมากเลย...เหม่..

คอมเม้นท์แบบไม่ได้เรียงลำดับ..
- ชอบคาแรคเตอร์พระนาย
- จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา..สานต่อมาเป็นความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่ไม่เคยสัมผัส
- สิ่งที่ประคับประคองทั้งสองไปได้ตลอดเรื่องคือความรู้สึกที่เรียกว่า 'ความรัก'
- เรื่องของพ่อกับลูก ที่ปากแข็งใจแข็งด้วยกันทั้งคู่
- ชอบเพลงunlovableที่ซันดีดกีต้าให้มาร์ชก่อนไปอเมริกา
- ความทรงจำ2ความทรงจำ..รูปถ่ายสองใบ..ซึ้งมาก
- อุปสรรคแบบผู้ใหญ่ๆ
- การตัดสินใจอย่างแน่วแน่ของซันเรื่องคุณแม่กับแนท
- แอบเคืองมาร์ชตอนที่เค้าตัดสินใจไปอเมริกา
- แต่ถ้าเราเป็นมาร์ช..เราก็คงทำแบบเดียวกัน  เพราะงั้นสิ่งที่เรื่องนี้มีคือความสมเหตุสมผล
- .........รถผีสิง!!!! /เลือดพุ่ง/
- มีจุดเริ่มต้นและจุดจบที่แน่วแน่ ไคลแมกซ์เดียว จบ!
- คงความซาดิสต์(!)ไปได้ตลอดทั้งเรื่อง...

ตอนแรกที่เลือกอ่านนิยายที่จบแล้วเพราะไม่อยากรออ่านอะไรที่ค้างคา กลัวทำใจไม่ได้
แต่ปรากฏว่ามันกลับกันค่ะ..กลายเป็นอ่านจบแล้วหนักในอก อร๊ากกก จบแล้วหรอ
มันยังเหวี่ยงๆอยู่ในหัวอยู่เลย :o12:
ปกติเค้าจะนอนไม่หลับเพราะยังไม่ได้อ่านนิยาย
อินี่จะนอนไม่หลับเพราะอ่านแล้ว..แต่เสือกอินจัด ชอบมากค่ะ
(คือถ้าเราชอบเรื่องไหนมากๆแล้วจะเพ้อไปเลย หลับไม่ลง..แต่ก็แค่นานๆที..และเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เราชอบมากค่ะ)

อ่านเรื่องนี้แล้วอินสุดๆเลยค่ะ
ตอนที่ฮาก็ฮาขี้แตกขี้แตน :m20: ตอนที่ซึ้งก็น้ำตาท่วมซะเอาไปชั่งกิโลขายได้ :m15:
เขียนดีค่ะ ทำให้นักอ่าน(ท่าจะทุกคน)อินไปกับเนื้อเรื่อง พลอตเรื่องที่บีบหัวใจ
(นี่ช้านชอบแบบดราม่าหรอเนี่ย!?!?!  :sad5:)



เขียนดีสุดๆไปเลยค่ะ!!

บอกได้เลยว่ามัน 'สุดยอดด' มาก!!!!



สิ่งที่ได้จากเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ 'น้ำตาเป็นกะละมัง' ไม่ใช่แค่ 'อาการปวดท้องเพราะขำอย่างรุนแรง'

แต่เป็น 'ความกินใจ' ที่หาไม่ได้ง่ายๆในหลายๆเรื่องค่ะ




ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีโคตรพ่อโคตรแม่แบบนี้ค่ะ!!!
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


เป็นกำลังใจให้คนเขียนต่อไปค่ะ :L2:



-N-

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาแอบกระซิบอีกทอดว่าจะมีตอนพิเศษ......................  :o8:

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
 :z13:คุณN

ตอนพิเศษของซันกับมาร์ชเนี่ยนะ จริงๆเหรอคะเีนี่ย

 :m11: ตั้งหน้าตั้งตารอคอย..

Haney

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ  เป็นยังไงกันบ้าง  ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ทั้งหน้าเก่าและใหม่  ลืมสองคนนี้กันรึยัง?
ยังไงก็เอาตอนพิเศษไปอ่านเล่นๆ เนอะ  ขอบคุณอีกครั้งที่ยังคิดถึงกันครับ...










“พี่แดน  ไอ้ซันป่วยอ่ะ” 

ผมจำใจต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่ชายที่ตอนนี้อยู่ไกลถึงฮ่องกงเพราะโดนมิกกี้คาดคั้นให้ไปจนได้ในที่สุด  ขอขัดจังหวะสวีทหน่อยละกัน  เพราะไม่รู้จะโทรถามใครดี  จะถามพวกเพื่อนๆ แมร่งกลัวโดนซักมาก  น่ารำคาญจะหาคำตอบอีก -*-
“หะ  อะไรนะ”  อีกฝ่ายทางปลายสายตอบกลับมาแบบมึนๆ  เสียงเพลงดังรอบตัวท่าทางจะอยู่ในดิสนีย์แลนด์แหะ  เพราะได้ยินเสียงมิกกี้ถามมาแต่ไกลว่าจะเอาอันไหน  สงสัยกำลังซื้อของฝากแหงๆ  พูดแล้วก็ขำ  นึกหน้าโหดๆ ของพี่แดนกะตัวควายๆ ท่ามกลางดอกไม้หลากสีกับตัวการ์ตูนดิสนียส์ไม่ออกเลยวุ้ย…
“ซันไม่สบาย…ผมต้องทำไงมั่งอ่ะ”  ผมย้ำอีกครั้ง
“อาการยังไงล่ะ ไม่สบายน่ะ  ใกล้ตายก็เรียกปอเต๊กตึ๊ง  เรื่องศพเดี๋ยวพี่กลับไปจัดการเอง หึหึ” 
“พี่แดนนนนน  ไม่ขำนะเว้ย! มันตัวร้อน…ร้อนแบบร้อนมากๆ เลยอ่ะ  ไอเยอะด้วย  นอนซมอยู่เนี่ย”  ผมหน้าเครียด  แมร่ง  แช่งกันเฉย  คนยิ่งกังวลอยู่
“ปัดโธ่กะแค่ตัวร้อน  ก็พาไปหาหมอสิ”  เจ้าตัวดูไม่ค่อยจะใส่ใจเท่าไหร่เลยครับ  ตอบแบบส่งๆ ไป  ได้ยินเสียงดุมิกกี้ไปด้วย  เฮ้อออ แล้วกูจะพึ่งใครได้มั่งเนี่ย
“พี่แดน…ซันมันไม่ยอมไป”
“ก็ปล่อยมันนอนตายในห้องนั่นแหล่ะ”
“….พี่แดน”
“…เฮ้อออออออ  ครับๆ ไม่ต้องห่วงน่ะ  เอายาให้กินรึยัง  ยาลดไข้น่ะ  แล้วก็ให้ดื่มน้ำเยอะๆ เช็ดตัวรึยัง หืม?”  หลังจากที่ผมทำเสียงนิ่งเรียบแสดงว่าไม่ได้ล้อเล่น  พี่แดนก็ยอมอ่อนให้จนได้ครับ  แบบนี้แหล่ะ  เมื่อก่อนถ้าอ้อนจะเอาอะไรก็แค่ทำเสียงแบบไม่พอใจ  พี่แกก็แทบประเคนให้ทุกอย่าง
“กินแล้ว  เช็ดตัวแล้ว  แต่ยังไม่หายเลยอ่ะ…”  ผมบอกเสียงอ่อย  ไม่งั้นก็ไม่มานั่งกังวลแบบนี้หรอก
“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงเป็นหนักขนาดนี้เนี่ย?”



ผมเลยต้องย้อนความให้ฟังกันแบบอ้อมๆ แอ้มๆ เรื่องมันมีอยู่ว่า…หลายวันก่อนเราก็ต่างคนต่างทำงานเป็นเรื่องปกติแหล่ะครับ  อย่างที่รู้กันว่าผมมักทำงานในบริษัท  ส่วนงานข้างนอกอย่างออกไปดูไซต์หรืองานที่ใช้แรงงานก็ปล่อยให้ไอ้ซันมันทำไป  กูนั่งหล่อๆ ในห้องแอร์เป็นพอ

เรื่องมันเลยเกิด  เนื่องจากช่วงนี้อากาศที่ไทยมันเป็นบ้า  เดี๋ยวร้อน  เดี๋ยวหนาว  เดี๋ยวฝนตก… ไอ้ซันที่ออกไปดูไซต์ไกลถึงแถวอยุธยา  ตอนเช้ามันไปแดดร้อนเปลี้ยงๆ  ยืนกันกลางแจ้งราวคนงานแบกปูนเลยทีเดียว  ตอนเที่ยงเข้าห้องแอร์มาคุยงาน  ตอนบ่ายออกไปดูงานฝนตก  รถติดหล่ม…ช่วยกันกับคนงานเข็นออกมาจากโคลน  ตัวเปียกมอมแมม  แล้วมันดันรีบขับรถกลับมากรุงเทพทั้งๆ ที่ตัวยังไม่แห้งดี  นั่งตากแอร์เย็นเฉียบในรถมาด้วยเหตุผลที่ว่า “…คิดถึง”

ไม่รู้จะพูดอะไรกับมันดี… สภาพตอนกลับมาถึงคอนโด  จอดรถเรียบร้อย  ผมก็ได้ยินเสียงไขกุญแจห้องก๊อกๆ แก๊กๆ แต่ก็ไม่เปิดซักที  กำลังสงสัยเลยว่า โจรป่ะวะ!? พอเปิดประตูเตรียมง้างตรีนเท่านั้นแหล่ะ  อ้าว…

มันเดินโซซัดโซเซเข้ามาในห้อง  ทำท่าเหมือนจะล้มจนผมต้องรีบเข้าไปประคอง  พอจับตัวเท่านั้นแหล่ะ…ผมถึงกับสะดุ้งผละมือออกมาเล็กน้อย  เพราะตัวมันร้อนมาก!
“ซัน!...เฮ้ย  ไอ้ซัน!”  ผมรีบพาตัวใหญ่ๆ ของมันมานอนลงบนโซฟาที่ใกล้ที่สุด  แล้วก็ต้องสบถออกมาเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นไข้สูงถึงขนาดกึ่งไร้สติด้วยซ้ำ
“ห่าเอ้ย  ไม่สบายขนาดนี้ขับรถกลับมายังไงวะเนี่ย!” 

ไม่มีเสียงตอบ… ร่างที่นอนคอพับอยู่บนโซฟาแค่พยายามลืมตาขึ้นแล้วยิ้มเหนื่อยๆ มาให้  มันยื่นมือจะมาดึงตัวผมเข้าไปกอดแต่ก็ต้องหยุดไว้เมื่อโดนผมปัดไป
“ไม่ต้องเลย  แมร่งเอ้ย! ดีนะที่รถไม่ชน  อยู่นิ่งๆ ไปเลยมึง!”  ที่ต้องบอกอย่างนั้นเพราะไอ้ซันมันเริ่มยุกยิกยึกยักอีกแล้วครับ  มือไม้ไม่อยู่สุขมาเกาะเอวบ้างจับแขนบ้างโดยที่ไม่ได้โต้ตอบอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงของผมเลยสักนิดเดียว 
“….มาร์ช” 
“เออออออออออ”  ผมตอบรับไปแบบส่งๆ
“………มาร์ช”
“เรียกกูทำเหี้ยไรเนี่ย  คนกำลังใช้สมองอยู่!” 

ผมนั่งยองๆ ลงข้างไอ้ซัน  มือข้างนึงลูบคางไปมา… ป่วย  คนป่วย  ป่วยแล้วต้องทำไงวะ  นึกสิ นึกสิ  ตอนเด็กๆ ไม่สบายทำไรวะ  อืมๆ นอน…นอนแล้วก็ต้องกินยา  ว่าแต่ยามันอยู่ไหนล่ะเนี่ย  หรือต้องเช็ดตัวสินะ  แล้วมันต้องใช้น้ำเย็นหรือน้ำร้อนล่ะ

“เฮ้ย ซัน  ไปโรงบาล’เหอะ”  ในที่สุดผมก็ได้คำตอบให้ตัวเอง  วิธีนี่แหล่ะง่ายสุถดแล้ว
“…ไปทำไม?”
“ไปหาหมามั้ง  ถามได้” 
“หมอต่างหาก หึหึ”  ดูมัน  ยังมีหน้ามาย้อนมุข  หน้านี่ไม่รู้จะแดงหรือจะซีดดี -*-
“เอ้า  เร็ว  ลุกขึ้น”  ผมพยายามดึงตัวหนักๆ ของมันให้ลุกเพื่อเตรียมตัวพาไปโรงพยาบาล  ในใจก็คิดไปว่าต้องเอาเอกสารอะไรไปบ้าง  หรือเอาไปส่งห้องฉุกเฉินดีวะ
“ไม่เอา  ไม่ไป”  ไอ้คนป่วยทำหน้าเข้มขึ้นมาทันที  เมื่อกี้ล่ะเสียงอ้อนเสียงออด  ตอแหลจริงๆ แฟนใครวะ
“มึงไม่ไปไม่ได้นะเว้ย  กูพยาบาลคนป่วยไม่เป็น” 
“…ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวบอกว่าต้องทำยังไงบ้าง”  ดูมันครับ  สรุปกูดูแลคนป่วยหรือคนป่วยต้องมาดูแลกูเนี่ย 
“เรื่องเด่ะ  ไปให้พยาบาลสาวๆ สวยๆ ช่วยดูเหอะ  พรุ่งนี้กูมีประชุม”  พูดไปมือก็ดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ  มันขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้นนั่งตาม  แต่ก็ต้องเกาะโซฟาแน่นหน้าดูมึนๆ สะบัดหัวสองสามทีก่อนจะถอนหายใจ
“ไม่เอา  ไม่ไป” 

เราสองคนเถียงกันอยู่แบบนั้นเกือบ 15 นาที  นี่เป็นครั้งแรกที่ไอ้ซันไม่สบายตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา… ปกติมีแต่มันที่คอยมาดูแล ใส่ใจผม  แต่คราวนี้ผมจะต้องเป็นฝ่ายดูแลมันบ้างเล่นเอาทำตัวไม่ถูก  ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะพยาบาลนะ  แต่เพราะทำไม่เป็นต่างหาก  กลัวแต่จะรั้งให้แย่ยิ่งขึ้น  ถ้าแค่นิดๆ หน่อยๆ ก็จะโอเคอยู่  แต่นี่มัน….สำหรับผมถือว่าหนักใช่ย่อย

“นะ… นอนพรุ่งนี้ก็หายแล้ว  ขอนอนหน่อยเถอะ  ง่วงจะตายแล้วเนี่ย  นะครับ…นะ”  ไอ้ซันนั่งอยู่บนโซฟา  ดึงเอวผมที่ยืนอยู่เข้าไปกอดแน่น  แล้วซุกหน้าลงกะหน้าท้องเล่นเอาร้อนวาบเพราะอุณหภูมิจากร่างกายอีกฝ่าย  จนผมอดยื่นมือออกลูบหัวมันไม่ได้ 
“อืม… ก็ได้  งั้นค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วไปนอนในห้องดีๆ” 

ผมพาไอ้คนป่วยไปนอนอย่างทุลักทุเล  มันก็ท่าจะรู้เลยพยายามและเดินตรงๆ เพราะผมถอนหายใจไปตลอดทาง 
“ซัน…เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน  จะให้เช็ดตัวให้มั้ย?”  ผมพูดไป  มือก็แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเทาให้มันไปด้วย    เหี้ยเอ้ย…เหงื่อซกเลย
“…อืม  ไม่ต้องหรอก  นอนเถอะ”  มันตอบโดยที่มือยังก่ายอยู่กับหน้าผาก  เปลือกตาที่ปิดลงแล้วหยุกหยิกไปมา  แถมคิ้วยังขมวดมากกว่าเดิมอีก ท่าทางจะปวดหัวน่าดู

สักพักผมก็ถอดเสื้อผ้ามันออกได้หมด  ปล่อยให้นอนแก้ผ้า…คือแก้ผ้าจริงๆ ครับ  ไม่มีอะไรเลยจริงๆ  เห็นแล้วอยากเข้าไปขย้ำชะมัด  เฮ้ย…นี่กูกลายเป็นเกย์เต็มตัวแล้วสินะ -*-  ว่าแล้วก็รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวให้มัน  ไม่ใช่เพราะอายนะครับ  เพราไอ้คนที่กำลังคิดถึงอยู่เนี่ยมันดิ้นไปดิ้นมา  ท่าจะหนาวแหะ
ผมไม่สนแล้วว่าจะต้องน้ำร้อนหรือน้ำเย็น  ยังไงก็ต้องเช็ดตัวให้มันเพราะเหงื่อแตกซะขนาดนั้น… เลยเอารวมกันเป็นน้ำอุ่นซะเลย  อืม…ฉลาดจริงกู

“อือ…”  ไอ้ซันค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อผมเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่หมาดน้ำค่อยๆ เช็ดลงบนข้างพวงแก้ม 
“เช็ดตัวนะ  จะได้นอนสบาย” 

อีกฝ่ายไม่ตอบ  ได้แต่ยิ้มอย่างเหนื่อยๆ มาให้  ยื่นมือออกมาทับกับมือผมที่แนบอยู่กับหน้ามัน
“….นอนเถอะ  ไม่ต้องเช็ดหรอก”  ซันตอบเสียงแหบ
“มึงแหล่ะนอนไป  หลับไปเลยไม่ต้องพูดมาก” 

ผมเอาผ้าขนหนูแกล้งวนมาทำท่าเหมือนจะอุดปากมัน… ไอ้ซันหัวเราะในลำคอทั้งๆ ที่ตายังลืมไม่ขึ้น  ผมเห็นแบบนั้นเลยอดที่จะค่อยๆ ก้มหน้าลงไปประกบปากอีกฝ่ายไม่ได้  ปากเย็นเฉียบเพราะห้องแอร์ของผมกับริมฝีปากที่ร้อนฉ่าเพราะพิษไข้จากอีกฝ่ายแตะกันช้าๆ …ผมแค่ภาวนาให้ความร้อนของอีกฝ่ายถ่ายทอดมาให้ตัวเองบ้างสักนิดก็ยังดี
“คุ้มจริงๆ ที่กลับมา…” 
ทั้งผมและไอ้ซันต่างยิ้มน้อยๆ ให้กัน  ก่อนที่ผมจะไล่จูบใบหน้าอีกฝ่ายไปเรื่อยตั้งตาหน้าผาก  เปลือกตา  สันจมูก  พวงแก้มที่เป็นรอยลักยิ้มเล็กๆ   และริมฝีปากรูปหยักอีกครั้ง…
“หายไวๆ ล่ะ”  ผมพูดทั้งๆ ที่ปากเรายังห่างกันเพียงชั่วลมหายใจ
“…งั้นก็จูบอีกทีสิ” 

มีเหรอจะไม่ทำตาม… ผมลงมือจูบมันอีกรอบ  เราคลอเคลียกันอยู่อย่างนั้นสักพักเพราะห่างกันมาหลายวันเหลือเกินจากงานที่ถาโถม  เล่นเอานานอยู่เหมือนกันกว่าผมจะกลับไปเช็ดตัวให้มันต่อได้ 









“แล้วไง?”  พี่แดนถามกลับมาแบบไม่ได้สนใจฟังเรื่องราวที่ผมเล่ามากนัก  ผมได้ยินเสียงมิกกี้ลอดผ่านมาถามว่าคุยกับใครอ่ะ…พี่แดนไม่ได้ตอบไป  แต่อยู่ๆ เจ้าหนูก็ตอบกลับมาเสียงดังว่า ‘พี่มาร์ชเหรอ!...ดีค้าบบบ จุ๊บๆ’  เล่นเอาเผลอหัวเราะพรืดออกมาหลังจากที่นั่งเครียดได้สักพัก
“นี่ก็ผ่านมาแล้วสามวัน  แต่อาการมันยังไม่ดีขึ้นเลย  เอาไงดีอ่ะ”  ผมตอบเสียงเซ็ง  พูดแล้วก็นึกถึงไอ้คนที่ยังนอนซมอยู่บ้านเพราะพิษไข้รุมเร้า
“มาร์ช….พี่ไม่รู้ว่าอาการมันเป็นยังไงกันแน่  แต่ที่รู้คือเป็นไข้สามสี่วันแล้วไม่มีท่าทีจะดีขึ้นเนี่ยคือหนักแล้วนะ  ยังไงรีบพาไปหาหมอดีกว่า  กลัวว่าจะมีอาการแทรกซ้อนมากกว่าไข้น่ะสิ” 
“แทรกซ้อน?....แทรกซ้อนยังไง?”  ผมเริ่มใจไม่ค่อยดีแล้ว  ที่เค้าว่าคนแข็งแรงเวลาป่วยทีจะป่วยหนัก…ขออย่าให้มันเป็นจริงเลย
“ก็อย่างอาจเป็นไข้หวัดใหญ่  ไม่ก็มีอะไรเกี่ยวกับปอด  หรืออวัยวะภายใน  มันไอหนักมั้ยล่ะ?”  เสียงที่สอดเข้ามาระหว่างคุยโทรศัพท์เงียบลงแล้ว  สงสัยพี่แดนจะเดินหลบออกมาในที่เงียบๆ
“ไอ…ก็ไออ่ะ  ไอตลอดเลย”  ผมตอบเสียงเบา  พยายามข่มไม่ให้มันสั่นอย่างใจตัวเองในตอนนี้
“งั้นรีบพาไปหาหมออย่างที่พี่บอกเถอะ”
“…ครับ  พี่แดนไปเที่ยวต่อเถอะ  ขอบคุณมากนะครับ”

ผมกดวางสาย  แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก… งานตรงหน้าไม่ได้เข้าหัวเลยสักนิด  อยากกลับ…อยากกลับบ้าน  ไม่ทันได้คิดอะไรต่อมากมายมือก็หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนขึ้นมากดสายโทรออกทันที  ปากก็บอกเลขาว่าบ่ายนี้แคลเซิลทุกอย่าง  แม้จะโดนถามมาอีกครั้งว่าเย็นนี้มีประชุมสำคัญ  แต่ผมก็ไม่แม้แต่จะฟังให้เธอพูดจนจบ  บอกแค่ว่าแคนเซิลให้หมด! และกดวาง  ลุกขึ้นหยิบเสื้อข้าวของส่วนตัวแล้วเดินออกมาผ่านหน้าเลขาที่ทำท่าจะลุกขึ้นตามแต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดไปเพราะผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปลงลิฟท์อย่างไม่รอช้า

“รับสิ  รับสิ  รับสิวะ”  หลังจากกระโดดขึ้นรถ  ก็กดหาไอ้คนที่คิดถึงทันที  ทำไมไม่รับโทรศัพท์ซักทีวะ  แมร่งเอ้ยยย
“….”  เสียงกดรับโทรศัพท์ดังขึ้น  แต่กลับไร้เสียงตอบรับ
“ซัน!” 

ผมส่งเสียงเรียก  แต่คำตอบที่ได้รับกลับมีแค่เสียงไอโคล่กๆ กลับมาเสียงดัง  สักพักก็ค่อยๆ หายไปคาดว่าปลายสายคงไม่อยากให้ผมได้ยินเท่าไหร่นักเลยเลื่อนโทรศัพท์หนี  อยากจะด่าแบบพี่แดนบ้าง  แต่ก็ทำไม่ลง  ปัดโธ่เว้ย  รับโทรศัพท์สิวะ!




……………………………………………………………….........................

Haney

  • บุคคลทั่วไป



“ฮ…ฮัลโหล”  ผมรีบกลืนน้ำลาย  แล้วหยิบโทรศัพท์มาใกล้ตัว  กรอกเสียงที่ไม่ค่อยจะชัดเท่าไหร่ลงไป  แต่ก็ต้องหน้าแตกเมื่ออีกฝ่ายวางสายไปแล้ว  ไรวะ  จะรีบไปไหนเนี่ย

ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกที  เมื่อกี้แอบออกไปไซต์งานใกล้ๆ มา… ก็ตัวแสบของผมสิครับ  ไม่ยอมให้ไปไหนเลย  แต่อยู่ๆ จะให้ทิ้งไปได้ไงล่ะ  เลยต้องโทรนัดกับน้องบัวเลขาของมาร์ชมัน  เห็นว่าเย็นนี้มีประชุมเลยดอดออกไป  แต่อาการแย่หนักกว่าเดิมเลยต้องขอตัวกลับมา  แย่กว่านี้เดี๋ยวโดนด่าล่ะแย่เลย

เจ็บคอชะมัด  วันนี้สังเกตว่าไอบ่อยกว่าปกติ  แถมเมื่อเช้ายังมีเสมหะสีแดงๆ ออกมาด้วย  ต้องรีบหายซะแล้ว  ไม่งั้นโดนดี… ไม่ใช่อะไรหรอกครับ  ไม่อยากให้มาร์ชมันเหนื่อย  ทั้งทำงาน  ทั้งดูแลผม  ถึงจะดูไม่ค่อยจะเป็นเท่าไหร่ก็เถอะ  แต่เห็นหน้ากังวลๆ ของมันแล้วก็รู้สึกไม่ดี  นี่ที่แอบออกไปทำงานก็สำนึกผิดแล้วนะคร้าบ

รีบถอดเสื้อทำลายหลักฐานก่อนดีกว่า  ซักปุ๊บเข้าเครื่องปั่นแห้ง…ไม่กี่ชั่วโมงก็แห้งทันยัดใส่ตู้เหมือนเดิม  นี่ไงล่ะ  ฉลาดจริงๆ  ว่าแต่ของีบซักพักก่อนละกันนะ  ไม่ไหวแล้ว  ไม่น่าออกไปเจอแดดอีกรอบเลยกู….




“…อือ”  อยู่ๆ ก็รู้สึกเย็นหน้าขึ้นมาซะงั้น  อา…สบายจัง
ผมค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมอง  เผื่อผีมาหลอกจะได้เซย์ไฮถ่ายรูปเป็นหลักฐานซะหน่อย  ว่าแต่ทำไมผีมันหล่อจังวะ…หน้าคุ้นๆ นะเนี่ย  เหมือนเคยเจอที่ไหน  ว่าแต่ผีหน้าตายังงี้มันต้องจับจูบซะหน่อยแล้ว
“ปล่อยเลย  ออกไปไหนมา!”  อ้าว  เสียงก็คุ้นแหะ 
“…ไม่..ได้…อ…ออก”  ผมเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก  เมื่อกี้ยังโอเคอยู่เลย  ทำไมตอนนี้มันพูดไม่ค่อยได้วะ  เสียงหายไปไหนหมดเนี่ย  แถมคอยังแห้งแสบเหมือนโดนมีดบาดอีก
“ไม่ต้องมาเถียง  จะบอกว่าชุดนี้ใส่อยู่บ้านรึไงหะ!”  เอาแล้วไงกู  ไม่น่างีบเลย  รู้งี้รีบเปลี่ยนรีบซักดีกว่า  หลักฐานคาตัวเห็นทีต้องรีบหาข้ออ้าง
“เมื่อ…กี้….ป…ไปซื้อ..ข้าว”  ใช้เวลาในการพูดมากกว่าปกติ 3 เท่า  อยากจะอธิบายมากกว่านี้แต่สังขารไม่อำนวย -*-
“กินข้าวที่ไหน! แต่งตัวซะหล่อเชียวนะ  ไปกินข้าวเนี่ย หึหึ” อย่าทำหน้าโหดสิครับสุดหล่อของผม 
“กิน….จริงๆ” 
“เอาเถอะ  ไม่ต้องพูดแล้ว  อนาถแทน…มาถอดเสื้อเดี๋ยวนี้  แล้วทำไมตัวแดงกว่าเดิมอีกเนี่ย  เมื่อกี้โทรมาหาทำไมไม่ตอบ  เสียงแย่กว่าเดิมอีกรู้ตัวมั้ย”

ผมได้แต่นอนตาปริบๆ ฟังไอ้แสบถามยาวเป็นหางว่าว  แถมยังไอประกอบฉากอีกต่างหากเดี๋ยวเค้าหาว่าแกล้งไม่สบาย  ตาก็มองมือขาวๆ แขนนวลๆ ปลดกระดุมเสื้อและกางเกงตัวเองออกทีละชิ้น  ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คงหื่นน่าดู  แต่ตอนนี้ไม่ไหวว่ะ…แค่จะขยับแขนขยับขาก็ลำบากแทบแย่แล้ว

“ซัน  ไปหาหมอเถอะนะ”  ผมลืมตามองเมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้นมา  และรู้ตัวอีกทีใบหน้านั้นก็เลื่อนเข้ามาใกล้มากซะจนจมูกแทบจะชนกัน
“…ไม่…ได้เป็น…”
“จะไม่ได้เป็นอะไรได้ไง  นี่มันสี่วันแล้วนะ  อาการมึงไม่ได้ดีขึ้นเลย  มีแต่แย่ลงๆ…”  คราวนี้ไอ้ตัวแสบของผมเอาหน้าผากมาชนกันแทน  แต่ผมไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่หรอกเพราะมีผ้าขนหนูชื้นผืนเล็กกั้นเอาไว้
“….มาร์ช  กู…โอเค…” 
“มึงโอเค  แต่กูไม่โอเค  ขอร้องล่ะซัน  มึงรู้มั้ยว่ากูนอนไม่สนิทซักคืนตั้งแต่มึงไม่สบาย  กูยอมรับ…ว่ากูกลัว  กูกลัวจริงๆ  ไปโรงบาล’ เถอะ  กูไม่ไหวแล้ว  ทนเห็นมึงแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้วว่ะ” 

ผมยกมือขึ้นลูบแก้มอีกฝ่ายและก็รู้ทันทีว่าอุณหภูมิในร่างกายตัวเองร้อนขนาดไหนเพราะปกติแล้วไอ้มาร์ชมันไม่ได้ตัวเย็นเฉียบขนาดนี้  กำลังจะตอบตกลงเมื่อเห็นว่าไอ้ตัวแสบของผมพยายามข่มหลับตาลงเพราะในดวงตาใสนั้นเริ่มมีน้ำเอ่อล้น  ทำไมกูต้องมาทรามานตัวเองแบบนี้เพื่อให้มันทรมานตามไปด้วยด้วยวะ…  ไม่ใช่เรื่องเลย

กำลังจะอ้าปากบอก  แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีก่อนอะไรบางอย่างดันออกมาจากหน้าอก  ผมหายใจผิดจังหวะและสำลักออกมาทันที  ไอ้มาร์ชเองก็ตกใจรีบยันตัวลุกขึ้นมองผมหันหน้าออกด้านข้างและไอออกมาอย่างรุนแรง  ท่าทางลุกลี้ลุกลนลูบหลังลูบตัวผมไม่ได้ช่วยให้อาการดีขึ้นเลยสักนิด   มีแต่สำลักมากกว่าเดิมหลายเท่า…ผมรีบยกมือขึ้นปิดปากเมื่อรู้สึกเหมือนมีเสลดออกมาด้วย 

เพิ่งเคยรู้สึกเหมือนจะตายก็วันนี้นี่แหล่ะ…

ผมยังคงไอไม่หยุดจนเกือบ 5 นาทีได้  และค่อยๆ ผ่อนลงแม้จะยังมีอาการเป็นระลอกลูกเล็กๆ บ้าง  แต่ก็ดีขึ้น… ท่าทางไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ บนเตียงนี่แย่กว่าผมซะอีก  มันหน้าซีดแล้วรีบลุกไปหยิบทิชชู่ให้  จังหวะที่มันลุกไปผมผละมือที่ปิดปากตัวเองออกมาดูแล้วก็ต้องตกใจ…

“ซัน…ซัน”  ผมรู้แล้วล่ะครับว่าทำไมไอ้มาร์ชถึงได้หน้าซีดขนาดนั้น  มันไม่ใช่แค่เพราะไอ  แต่เพราะไอ้น้ำสีแดงที่กระจายออกมาด้วยตอนที่ผมสำลักไม่ลืมหูลืมตานี่ต่างหากล่ะ

พยายามจะเปล่งเสียงออกมาบอกว่า  ‘ไม่เป็นไร…’  แต่ก็ทำไม่ได้  ยิ่งพยายามพูดเท่าไหร่ก็ยิ่งไอออกมามากเท่านั้น  และเมื่อไอ…น้ำสีแดงก็ยิ่งข้นขึ้นเรื่อยๆ  จนตอนนี้นอกจากจะเปรอะฝ่ามือแล้วยังเลอะลงมาบนที่นอนสีขาวด้วย

ไอ้อาการที่มึนอยู่แล้วยิ่งมึนหนักเข้าไปใหญ่… กลายเป็นว่าตอนนี้สติผมเริ่มกึ่งหลับกึ่งตื่น  ถึงกับต้องสะบัดหน้าหลายๆ ทีเพื่อไล่ไอ้อาการง่วงและมึน  แต่ก็ไม่ค่อยจะดีขึ้นเท่าไหร่  สายตาลางๆ มองเห็นไอ้มาร์ชวิ่งหน้าตาตื่นไปหยิบโทรศัพท์  กดเบอร์โทรออกหาใครไม่รู้  แล้วก็วิ่งมาดูผม  เสียงที่มันเรียกชื่อยังคงดังก้องไปมาในหัว  แต่คงเพราะไอ้เสียงไอโคล่กๆ นี่แหล่ะที่ดังกลบไปหมดทุกอย่าง 

ตอนนั้นสติผมยังเกือบจะครบดีทุกอย่าง  เพียงแค่ลืมตาไม่ขึ้นและปวดหัวมากจนแทบระเบิดก็เท่านั้น  ไม่นานนักก็รู้สึกว่ามีเสียงคนหลายคนเข้ามาในห้อง  ตัวผมถูกยกลอยขึ้นจากเตียงลงไปอีกเตียงหนึ่ง…  ใบหน้าถูกเช็ดทำความสะอาดและมีอะไรซักอย่างคลอบลงมาบริเวณรอบๆ ปาก  ข้อพับแขนเจ็บจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะชาไปทีละนิด… เสียงผู้คนวุ่นวายไปหมดรอบตัว  แต่หูกลับได้ยินเสียงเพียงคนเดียว… เสียงที่ตะโกนออกมาว่าขอไปด้วย  และมือที่เย็นวาบก็อุ่นขึ้นมาอีกครั้ง…












ปวดตัวชะมัด… นี่กูไม่สบายรึโดนรถชนว่ะเนี่ย  พยายามนึกว่าเกิดอะไรขึ้นก็เลยรู้ว่าล่าสุดไอออกมาเป็นเลือด  แล้วมาร์ชก็โทรเรียกรถพยาบาล  อืม…น่าจะรถพยาบาล  เอ๊ะ…หรือว่าปอเต๊กตึ๊งวะ!?  ไม่หรอกมั้ง  อาการก็ไม่ได้หนักอะไรขนาดนั้น  งั้นตอนนี้กูต้องอยู่โรงพยาบาลแน่นอน  และพอลืมตาขึ้นมาก็ต้องเจอเพดานสีขาว  และต้องรำพึงรำพันกับตัวเองว่า  ‘นี่กูอยู่ไหน?’  อืม  หนึ่ง  สอง  สาม  แอ็คชั่น!

อ้าว  เชี่ยละ…ลืมตาไม่ขึ้น  หรือเชื้อโรคมันลามมาเข้าสมอง  กระทบกับดวงตา  ทำให้ตากูบอด!  เออ คิดไปได้เนอะ  เอ๊ะ  หรือจะจริงวะ  เพ้ออยู่พักใหญ่ผมเลยลองเปิดเปลือกตาดูอีกครั้ง 

อา…ในที่สุดก็ลืมตาได้แล้ว  นั่นไงล่ะ  เพดานสีขาวจริงๆ ด้วย… กลิ่นยาแบบนี้โรงพยาบาลไม่ต้องบอกชัวร์  และหันไปด้านข้างจะต้องได้เห็นใบหน้าของสุดที่รัก… สุดที่รัก… สุดที่รัก…

ผมสะดุ้ง  ทำเอาอีกฝ่ายที่กำลังจ้องกลับมาสะดุ้งไปด้วย  เฮ้ย! มาได้ไงวะ!
“เฮียยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”  ผมสะดุ้งอีกรอบเมื่อไอ้คนที่มันมานั่งค้ำ  จ้องหน้าผมเมื่อครู่ตะโกนเสียงดัง  แล้วก้มลงมามองผมทำตาวิบวับต่อ  มันยิ้มตลกๆ ตามประสา  ก่อนจะทำตาเขแล้วแลบลิ้นให้ดูจนผมต้องเผลอยิ้มและหัวเราะออกมา
“นึกว่าหลับไม่ตื่น  ฟื้นไม่มี  หนีไม่พ้นซะแล้ว”  นั่นไงล่ะครับ  คำอวยพรให้คนป่วยของมัน
“…หุบปาก…ไป…เลย..ไอ้ลิง” 
“ฮ่าๆ กินน้ำมะ” 

ผมพยักหน้าเพราะคอแห้งเหลือเกิน  แล้วไอ้มิกกี้ก็ลุกขึ้นนิดหน่อยไปเอื้อมหยิบแก้วน้ำพลาสติก  และเอาหลอดมาจิ้ม  ยื่นมาที่ปากผม  แต่แทนที่มันจะยื่นดีๆ กลับทำตัวงึกๆ งักๆ  พอผมอ้าปากจะดูดมันก็ดึงหลอดกลับ  หนอย…ได้ทีใหญ่เลยนะไอ้ลูกลิง!
“เดี๋ยว…โดน…ตีน” 
“โห  ซ่าด้วยเว้ย  อ่ะๆ อ้าปากกก ดูดดด เอ้า งึกๆงักๆ  มันเป็นงึกๆงักๆ  จึ๊กๆจักๆ  มันเป็นจึ๊กๆจั๊กๆ” 

ใครก็ได้เอาไอ้บ้านี่ไปเก็บหน่อย… ดูสิครับ  ไม่น่าไปแกล้งมันไว้มากเลย  ตอนนี้โดนแก้แค้นคืนซะงั้น  แขนก็ยกไม่ไหว  อยากตบกะโหลกมันซักป๊าบ  แล้วก็สำเร็จ…

…ป๊าบ…

“เล่นอะไร”  เสียงเหี้ยมมาเชียว  แต่สายตาประมาณว่า  เอาอีก..เอาให้หนัก  สรุปมันมาช่วยกันปะวะเนี่ย
“โอยยยย… เฮียยยยยยยยยยยยยย เจ็บนะ”  มิกกี้เอามือลูบหัวตัวเองป้อยๆ สุดท้ายเลยต้องยื่นหลอดให้ผมดูดน้ำตามปกติ  ปากบ่นงุบงิบๆ เข้าใจเลยว่าทำไมมันน่าแกล้งนัก
“….มาร์ช”  หลังจากที่ได้ดื่มน้ำ  เสียงก็ค่อยๆ ดีขึ้น  ผมเอ่ยปากถามถึงคนที่ควานสายตามองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
“กลับไปอาบน้ำที่บ้านสักพักละ  เดี๋ยวก็มา”  เสียงไอ้พี่แดนที่ดูไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ดังขึ้น  แล้วเจ้าตัวก็ลงไปนั่งที่โซฟาข้างๆ ไม่ห่าง  หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านอย่างไม่ยี่หระ

ผมถอนหายใจ.. อยากเจอชะมัด  แต่ใจนึงก็ไม่ค่อยอยากเผชิญหน้า  เพราะไม่รู้จะโดนด่าอะไรบ้าง  ทำตัวเหมือนแอบไปหนีเที่ยวแล้วโดนพ่อดุยังไงยังงั้นเลยวุ้ย  แค่นึกใบหน้าขาวๆ ที่กลายเป็นซีดตอนผมไอออกมาพร้อมเสลดเลือด  และท่าทางลุกลี้ลุกลนยามโทรเรียกรถพยาบาลแล้วก็ใจหาย… ถ้าเราเป็นมันจะรู้สึกแย่ขนาดไหนเชียวนะ

ว่าแล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น… แต่ไม่ใช่มาร์ชหรอกครับ  เป็นคุณหมอนั่นเอง  สงสัยไอ้พี่แดนจะไปเรียกมาเพราะเห็นลุกขึ้นไปข้างนอกมาพักนึง  หมอก็ถามไถ่อาการว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง  ผมเองก็บอกไปตามสภาพแหล่ะครับ
“ยังเจ็บคอและปวดเมื่อยตามตัวมั้ยครับ?” หมอถามนำเพราะรู้ว่าผมยังพูดมากไม่ได้…
“…ครับ แค่กๆ”  ผมตอบ  ไอประกอบฉากอีกแล้ว 
“คุณสหรัฐเป็นไข้หวัดใหญ่นะครับ  และที่มีเลือดออกมาตอนไอก็เพราะว่าไอหนักจนลำคอเป็นแผลอักเสบ  ยังดีที่มาโรงพยาบาลก่อน  ไม่อย่างนั้นเชื้อโรคอาจลงไปอวัยวะสำคัญได้  หมอก็ไม่รู้ว่าทนไปได้ยังไงตั้งสามสี่วัน  คราวหลังถ้าไม่สบายต้องมาโรงพยาบาลนะครับ  อย่าคิดว่ายังแข็งแรงอยู่จึงละเลย  แบบนี้ทำเอาบางคนป่วยหนักต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนก็มีมาแล้ว” 
“…ครับ”  จะให้ตอบว่าไงล่ะครับ  นี่ขนาดหมอนะไม่ใช่ที่รัก  ยังโดนเทศน์หนักซะขนาดนี้  ไม่อยากจะนึกตอนเจอหน้าไอ้มาร์ช… ตายแน่กู  ตายหยั่งเขียด
“แล้วก็… อย่าทำให้เพื่อนเป็นห่วงมากนะครับ  ผมเห็นแล้วสงสารเค้าจริงๆ  นี่เพิ่งปลดสายน้ำเกลือไปให้  หายไปไหนแล้วล่ะเนี่ย”  เล่นเอาผมงง  หมอพูดถึงใคร  แล้วสายน้ำเกลืออะไร…ก็ยังอยู่ที่แขนกูนี่หว่า
“เค้ากลับไปอาบน้ำที่บ้านน่ะครับหมอ”  ไอ้พี่แดนตอบแทน…เล่นเอาผมอึ้งไปเลยทีเดียว  ปลดน้ำเกลือ? งั้นก็หมายความว่า…
“อ๋อ  เพื่อนคุณเค้าเป็นลมน่ะ  เลยต้องเข็นเข้าไปพยาบาลอีกห้องเลยทีเดียว  ยังไงหมอขอตัวก่อนละกันนะครับ  มื้อกลางวันเดี๋ยวสักพักพยาบาลเอาเข้ามาให้  อย่าลืมทานยาตามที่พยาบาลเค้าแนะนำด้วย” 

แล้วสักพักคุณหมอก็เดินออกไป  แต่สิ่งที่ยังอยู่ในความคิดของผมก็คือ… มารช์เป็นลม?  ผมหันไปหาไอ้มิกกี้และไอ้พี่แดน   แต่สิ่งที่ได้ตอบกลับมาคือเสียงถอนหายใจและสายตาเศร้าๆ ของไอ้หนู  นี่…นี่ผมทำมาให้มันเป็นได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย

และทุกอย่างก็หยุดไหวติงอีกครั้งเมื่อเสียงเปิดประตูรอบสองดังขึ้น… ในที่สุดคนที่ผมรอก็มาแล้วครับ  มาร์ชชะงักเล็กน้อยเมื่อเดินดุ่มๆ และมองมาที่เตียงเจอกับผมที่กึ่งนอนกึ่งนั่งหลังพิงหัวเตียงด้วยความช่วยเหลือของไอ้หนูมิกกี้  มันเอาของวางกับเก้าอี้  และเดินมาทางผมด้วยใบหน้าเรียบเฉยจนน่าใจหาย
“ฟื้นแล้วเหรอ…เป็นยังไงบ้าง”  เสียงมันเบาจนผมแทบไม่ได้ยิน  มือเย็นเฉียบถูกยกขึ้นมาลูบที่หน้าผาก  แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบก็โดนไอ้พี่แดนแทรกเข้ามา
“เมื่อกี้พี่เรียกหมอมาหาแล้ว  หมอบอกไม่เป็นไร  แค่ทานยาตามที่พยาบาลให้ก็แค่นั้น” 

มาร์ชหันหน้ากลับมาหาผมอีกครั้ง  จนกระทั่งผมพยักหน้าตอบเป็นเชิงว่าถูกแล้วก็ถอนหายใจออกมา  ก่อนที่มันทำท่าจะเดินหนีไปอีกทางผมก็รีบจับเข้าที่ข้อมือรั้งเพื่อไม่ให้มันหนีแม้จะปวดหนึบๆ ที่ข้อพับก็ตาม
“…มาร์ช… ขอโทษ…”  สิ่งที่ได้ตอบกลับมาคืออาการถอนหายใจอีกรอบ  ก่อนที่มันจะหันกลับมานั่งข้างเตียงผมไม่ได้ตอบอะไร  แต่อาจจะเพราะไอ้การถอนหายใจรอบสองนี้ทำเอาตาใสนั่นกระพริบปริบราวกับกำลังพยายามรองรับบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเอ่อล้นออกมาไม่ไหว
“มาร์ช  เดี๋ยวพี่ออกไปทานข้าวกับมิกกี้นะ  เอาอะไรมั้ย?” 

ไอ้พี่แดนเหมือนจะรู้ว่าเราสองคนอยากอยู่กันตามลำพัง  เลยกึ่งเดินกึ่งลากไอ้มิกกี้ออกไปนอกห้อง  ก่อนที่มาร์ชจะหันไปบอกว่า  “ไม่เป็นไรครับ”…

เสียงเปิดและปิดประตูรอบที่สามดังขึ้น… แต่ผมกลับยังคงตึงเครียดเพราะใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกในตอนแรกของคนข้างหน้ากลับกลายมาเป็นดวงตาเศร้าสร้อยที่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา
“…มาร์ช”  ผมกระตุกมือที่กุมมืออีกฝ่ายอยู่เพื่อให้หันหน้ามาคุยกัน  มันเองก็หันมามองตาม  สุดท้าย…เราก็สบตากันจนได้

มันไม่ตอบ  แต่ค่อยๆ ก้มหน้าลงมาพิงกับไหล่ผม  เสียงสูดหายใจเต็มแรงนั่นทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหอมที่ซอกคอผมพร้อมกับสัมผัสเปียกชื้นจากริมฝีปากทำเอาขนลุกตั้งชันไม่น้อย  จังหวะนั้นทำให้ผมมีโอกาสเผลอมองที่แขนมัน  ข้อพับที่มีลำสีกับสก็อตเทปแปะเอาไว้บ่งบอกว่าเมื่อก่อนมันเคยมีสายน้ำเกลือเสียบอยู่  ผมเผลอยกมือขึ้นไปลูบอย่างช่วยไม่ได้
“เจ็บ…มั้ย…” 

ไอ้มาร์ชส่ายหน้ากับซอกคอผม  ก่อนจะดึงมือออกมาให้กอดเอวมันแทน  ผมเองก็ไม่ต่อต้าน  ทันทีที่เรากอดกันนั้นก็เหมือนมีไฟฟ้าประจุ…จากที่เบาๆ กลับกลายเป็นหนักหน่วงราวกับห่างหายกันมานานแสนนาน  ผมสูดหายใจเอาสัมผัสและกลิ่นหอมจากเส้นผมนุ่มของอีกฝ่ายเข้าปอดอย่างเต็มรัก  มาร์ชเองก็ไม่ต่างกัน  มันซุกไซ้ที่ต้นคอผมและสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะไล่จูบตั้งแต่กรามแน่น  แก้ม  และริมฝีปาก…

“อย่าทำแบบนี้อีกรู้มั้ย… อย่าทำแบบนี้อีก” 
“อืม…ขอโทษ… ขอโทษ…นะ”  ผมกอดมันรัดซะแน่นกว่าเดิม  แล้วก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่จะถาม  “เป็น..ลม…เหรอ?”  ผมคั้นเสียงออกจากคำคอแห้งผากของตัวเอง
“อือ  เฮ้อออ อายว่ะแมร่ง… แต่ไม่รู้ทำไม  ตอนที่มึงสลบไปกูแทบหัวใจวาย  แล้วยิ่งเลือดเปรอะแก้มเปรอะเสื้อซะขนาดนั้น  ….ซัน  กูไม่อยากเสียใครไปแล้วนะ  ถึงได้บอกว่าอย่าทำแบบนี้อีก  ต่อไปไม่สบายแค่นิดเดียวก็ก็จะลากมึงไปโรงพยาบาลให้ได้  เข้าใจมั้ย….กูไม่อยากเสียมึง..ไม่อยาก” 

ผมได้แต่พยักหน้าแล้วหอมหัวนิ่มๆ นั่นอีกครั้ง  จากที่นั่งกอดกันไปมาก็กลายเป็นไอ้มาร์ชมันเลื้อยขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  ตอนนี้สภาพเลยกลายเป็นว่าไอ้คนที่ป่วยทางกายเนี่ยต้องมาดูแลและปลอบไอ้คนที่ป่วยทางใจแทนซะงั้น   ไอ้แสบซุกหน้าลงกับซอกคอผมแล้วเอื้อมมือมากอดเอวไว้หลวมๆ  ผมได้สังเกตใบหน้ามันชัดก็ตอนนั้นนั่น้อง…. ขอบตาคล้ำเจือแดงดูโทรมไปถนัดตา  ไหนจะไรหนวดเขียวที่กำลังครึ้มซึ่งปกติเจ้าตัวไม่มีทางให้มันได้โอกาสขึ้นบนใบหน้าแม้แต่สักนิด  เห็นแบบนั้นแล้วก็อดลูบแก้มอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดูแกมเป็นห่วงไม่ได้ 

อ้าว…หลับซะงั้น….  ผมล่ะงงเลยทีเดียว  เฮ้อออ ที่แบบนี้ล่ะหลับง่าย  แต่ผมก็ปล่อยมันไป  เพราะท่าทางจะไม่ได้หลับเต็มอิ่มมาหลายวันอย่างที่บอกจริงๆ  จากการที่ผมไม่อยากให้มันเป็นห่วง  กลับกลายเป็นว่ามันต้องมาเป็นห่วงผมมากกว่าเดิม  บ้าชะมัด  แทนที่จะมานั่งคุยกันดีๆ  ทุกอย่างที่คาดการณ์ไว้ดันกลับตาลปัตรไม่เป็นท่า  แถมไม่คิดว่าจะต้องมานอนเป็นง่อยให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลอีกต่างหาก  แย่ชะมัด

เสียงเปิดประตูเข้ามา  พร้อมกับพยาบาลในชุดสีขาวถือถาดอาหารมือกลางวัน… เธอดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นไอ้มาร์ชมานอนตัวยาวอยู่คู่กับคนไข้บนเตียง  แถมยังในท่าโอบกันซะด้วย  แต่คงเพราะเธอมีอายุแล้วเลยไม่ได้แสดงท่าตกใจกระโตกกระตากอะไรมากมาย  เพียงแค่ผมยกนิ้วขึ้นมาจ่อปากเป็นเชิงว่าไม่ให้เอ่ยทักอะไรทั้งสิ้น  เธอก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วค่อยๆ วางถาดอาหารไว้บนโต๊ะรับแขกใกล้ๆ  พร้อมกับชี้กระบอกยาให้ผมดู  อ้าปากเป็นคำพูดให้ผมเข้าใจว่านี่คือ ‘หลังอาหาร’

ผมพยักหน้าและยิ้มเป็นการขอบคุณก่อนที่เธอจะขอตัวย่องออกไป….


หลายชั่วโมงจนเย็นนู่นแหล่ะครับ  ทั้งผมและมาร์ชถึงค่อยตื่น…  เลยโดนมันเอ็ดไปนิดหน่อยว่าทำไมไม่ปลุก  ทำเอาผมพลาดไม่ได้ทานยาหลังอาหารตอนเที่ยงเลย  อ้าว…กูผิดอีก  แต่ก็เถียงอะไรไม่ได้มากครับ  เพราะสังขารยังไม่เที่ยง  กว่าจะเค้นออกมาได้คำนึงไอ้มาร์ชก็บ่นไปแล้วสิบคำ  เลยปล่อยไปดีกว่า -*-

มาร์ชมาเฝ้าผมที่โรงพยาบาลอยู่สองวันจนกระทั่งหมออนุมัติให้ผมกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้นั่นแหล่ะ  เจ้าตัวถึงยอมไปบริษัท  ไม่งั้นไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่ยอมท่าเดียวครับ 
“ไม่เป็นไร…แล้ว  จริงๆ”  ผมเริ่มพูดคล่องแล้วครับ  อาการเจ็บคอก็หายไปเยอะ  แม้จะยังสากๆ อยู่บ้างก็ตาม
“ไม่เป็นไรของมึงคราวที่แล้วกระอักเป็นเลือด  คราวนี้ไม่ออกทวารทั้งเจ็ดเลยรึไง”  มันว่าพร้อมกับหยิบถุงยาออกมาจัดให้ผมเตรียมดื่ม
“จริงๆ น่า….”  แต่ไอ้คอเจ้ากรรมมันไม่ทำงามเป็นทีม  ไอขึ้นมาซะงั้น  -*-
“เห็นมะ…อย่าซ่าให้มันมากนะมึง  เอ้า  รีบๆ กินจะได้รีบหาย  แล้วนอนด้วย  อย่าให้รู้ว่าออกไปไหนมานะ  น่าดู”  โห ดุได้ดุดีเว้ย  เมียรึหมาเนี่ย
“ไหวจริงๆ…”  ผมยังยืนยัน  หยิบยามาเข้าปากแล้วดื่มน้ำตาม
“ให้มันจริงเถอะ… แล้วจะคอยดู”

ไม่ใช่แค่คำพูดมันนะครับที่ลูบเหลี่ยมผม  แต่มืออุ่นๆ นั่นด้วยน่ะสิ… ไหงอยู่ๆ มาลูบที่เป้ากางเกงมีผ้าบางๆ กันแบบนั้นวะ  เอาไว้ไม่ได้แล้ว  หนอยยยย 

“เฮ้ยยยยยยยยยยยยย!”  ผมใช้โอกาสที่ไอ้มาร์ชยิ้มและกำลังจะหลุดหัวเราะออกมากับท่าทีเหวอๆ ของผม  ลุกขึ้นและผลักอีกฝ่ายลงนอนกับเตียงทันที  มันดิ้นเล็กน้อยก่อนจะสบตาผม  และยิ้มมุมปากอีกครั้ง
“ไหวเร้อออออ…”  แหน่ะ  ท้าอีกแล้วนะ  ท้าอีกแล้ว
“…เดี๋ยวก็รู้” 

คราวนี้เป็นตาผมยิ้มบ้าง  ก่อนจะลงมือฟัดร่างขาวๆ ที่คิดถึงมาหลายต่อหลายวัน  จะเอาให้หนำใจเลยคอยดู!



...........................................................................


 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-04-2010 06:32:29 โดย Pa[R]K »

ออฟไลน์ leeO5

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตื่นเช้ามาเจอตอนพิเศษของ ซัน มาช ดีใจมากกกกกกกกก

ยังอ่านไม่จบ ขอเม้นท์ก่อน

รวมเล่มเถอะ ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆ

อยากได้เก็บเอาไว้จัง

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษน้า ขอตัวไปอ่านก่อน o13 o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด