ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]  (อ่าน 64904 ครั้ง)

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
**********************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
                                                     

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*********************************************************************

สวัสดีค่ะ Airin_and เอง ^^
เรียกไอรินก็ได้น้า

สารบัญ
บทนำบทที่ 1บทที่ 2บทที่ 3บทที่ 4บทที่ 5บทที่ 6บทที่ 7บทที่ 8บทที่ 9บทที่ 10บทที่ 11บทที่ 12บทที่ 13บทที่ 14บทที่ 15บทที่ 16บทที่ 17บทส่งท้าย


นิยายเรื่องอื่นๆ ที่ลงในเล้า
My Evil Twin แฝดผม นรกส่งมาเกิด (จบแล้ว)Sweet Sanctuary ที่รักพรางใจ (จบแล้ว)Faded Fog หมอกเลือนรัก (On Air)Kill me gently จุมพิตอันธการ (On Air)

ถ้ามีอะไรผิดพลาด ยังไงก็ฝากให้คำแนะนำด้วยนะคะ

มาพูดคุยและติดตามกันได้ตามนี้เลยค่ะ
FacebookTwitter

ขอให้สนุกกับนิยายค่ะ :)


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2018 18:50:35 โดย Airiณ »

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทนำ




‘พ่อ วันนี้รีบกลับบ้านเร็วหน่อยนะ มีเรื่องจะคุยด้วย’

ข้อความสั้นๆ จากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทำเอาผมแทบจะเด้งออกจากโต๊ะทำงานทันทีที่เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกงานดังขึ้นราวกับมีกองไฟลูกใหญ่ลุกไหม้อยู่บนเบาะเก้าอี้

ผมขับรถบึ่งกลับบ้านด้วยความเร็วที่เกินกว่ากฎหมายหมายกำหนด ยอมควักเงินจ่ายค่าทางด่วนเพื่อที่จะได้ถึงจุดหมายปลายทางอันเป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็กสองชั้นที่ตั้งอยู่ย่านชานเมืองได้เร็วที่สุด

ข้อความที่เพิ่งได้มาจากปัญญา ลิขิตชาญชัย ลูกชายอายุ 17 ปีซึ่งเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของผม ระยะหลังมานี่ดูเหมือนเจ้าตัวจะอยู่ในช่วง ‘วัยต่อต้าน’ อย่างที่ทุกคนเรียกกัน เป็นเหตุให้เราแทบไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกันเลยช่วงนี้ วันๆ หนึ่งก็คุยกันแทบแนบคำได้ แล้วนี่... การที่ไอ้ปัน ลูกชายตัวแสบที่ไม่แม้แต่จะพูดทักทายพ่อมันตอนเจอหน้ากันส่งข้อความมาบอกแบบนี้…

ต้องมีเรื่องไม่ดี! ต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ!

มือข้างหนึ่งของผมบังคับพวงมาลัย อีกข้างยกขึ้นก่ายหน้าผากไปตลอดทาง นึกไปว่ามันไปเกเรอะไรมา แล้วถึงขั้นจริงจังส่งข้อความมาบอกกันขนาดนี้ ต้องหนักหนาสาหัสจริงๆ แน่ ไม่งั้นแค่เลื่อนหาเบอร์โทรผมในโทรศัพท์ มันคงไม่ทำด้วยซ้ำ

หรือจะเป็นเรื่องข้อสอบที่โรงเรียน... ไอ้ปันมันอาจจะได้คะแนนแย่มากขนาดที่ต้องเรียนซ้ำชั้น หรืออาจจะไม่ต่อยตีกับเพื่อนจนเป็นเรื่องเข้า คู่กรณีอาจจะถึงขั้นหัวร้างข้างแตก หรือว่าจะเป็นเรื่องผู้หญิง? ไอ้ตัวแสบของผมดันหน้าตาดีเหมือนพ่อมันซะด้วย (นี่ไม่ได้หลงตัวเองนะครับ พูดความจริง) อาจจะมีผู้หญิงมาพัวพันจนเป็นเรื่อง…

แต่เดี๋ยวก่อน! นี่มันคงไม่ได้ทำผู้หญิงท้องหรอกใช่ไหม? เพราะถ้าใช่ขึ้นมา... ก็พูดได้คำเดียวเลยว่าชิบหาย ลูกชายต้องประสบพบเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับผมแน่นอน ตอนที่ผมทำผู้หญิงท้องจนมีไอ้ปันออกมาก็อายุเท่ากับมันตอนนี้นี่แหละ แล้วผลออกมาเป็นไงล่ะ ก็ต้องนั่งเลี้ยงมันชดใช้กรรมกันไป แล้วนี่ถ้าไอ้ลูกบ้านี่จะมีหลานมาให้นั่งเลี้ยงอีกคน... ตายๆๆๆ วอดวายกันไปข้างแน่คราวนี้

และเพราะสารพัดจะกังวลไปตลอดทาง ทันทีที่รถจอดหน้าบ้าน ผมก็เดินโงนเงนเข้าไปอย่างหวาดเกรงทันที เปิดประตูเข้าไปในตัวบ้าน ปันกลับมาถึงบ้านก่อนแล้ว นั่งกินขนมขบเคี้ยวอยู่บนโซฟา ตามองทีวีที่เล่นแผ่นการ์ตูนสักเรื่องของมัน โตเป็นควายแล้วก็ยังไม่เลิกดูการ์ตูน เหมือนพ่อมันไม่มีผิด

"อ้าว พ่อ กลับมาแล้วเหรอ" ปัญญาเงยหน้าขึ้นมามองผม ปากเคี้ยวขนมตุ้ยๆ "บอกให้กลับมาเร็วๆ ก็จริง แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้แฮะ แล้วทำไมหน้าซีดแบบนั้นล่ะพ่อ"

ผมมองหน้าลูกชายที่ชุบเลี้ยงมากับมือตั้งแต่มันออกจากท้องแม่... นภัสสรหรือมิ้นต์ ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผม แต่หล่อนเสียชีวิตหลังจากคลอดไอ้ปันได้ไม่กี่เดือนเท่านั้นเหตุการณ์ตอนนั้นมันหนักหนาและสะเทือนใจมากสำหรับผม แต่ถ้าเทียบกับความยากลำบากที่ต้องเลี้ยงลูกชายคนเดียวให้โตมาได้ขนาดนี้... บอกเลยว่าเทียบกันไม่ติด

“ว่าไง ไอ้ปัน” ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวข้างมัน มือถอดเสื้อตัวนอกของบริษัทออก พาดไว้กับพนักโซฟา ในขณะที่ไอ้ตัวแสบยังคงกินขนมอย่างไม่รีบร้อน “มีเรื่องอะไรอยากคุย ไหนเล่าให้พ่อฟังซิ”

"นี่อย่าบอกนะว่าพ่อรีบกลับบ้านมาเร็วขนาดนี้เพื่อจะคุยกับผม"

อ้าว ลูกคนนี้นี่ยังไง ตัวเองเป็นคนส่งข้อความมาเองแท้ๆ

"อย่ามาลีลาน่า ปัน มีอะไรก็รีบๆ พูดมา"

"พ่อแน่ใจเหรอว่าอยากฟังเลย ไม่กินข้าว อาบน้ำ ดูทีวี ทำใจให้สบายก่อนแล้วค่อยคุยเหรอ"

คำพูดนั่นยิ่งทำให้ผมใจเต้นรัวขึ้นมาด้วยความหวาดหวั่น ลูกชายของผมกำลังจะเอาเรื่องชวนปวดหัวมาให้แล้ว ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมุ่งหน้าเข้าไปรับมือกับมันตรงๆ

"อย่าโยกโย้ ปัญญา มีปัญหาอะไรก็รีบๆ พูดมา เราจะได้ช่วยกันแก้ไข"

ลูกชายผมขมวดคิ้ว สีหน้าแสดงถึงความไม่พอใจเล็กน้อย "ไม่ไว้ใจกันเลยนะพ่อ หาว่าผมเอาแต่สร้างปัญหาให้งั้นเหรอ"

"แล้วแกสร้างไหมล่ะ ส่งข้อความมาแบบนั้น จะให้ฉันคิดยังไงล่ะ"

ปัญญาเม้มริมฝีปากแน่นขึ้น ก่อนจะถอนหายใจอ่อนออกมาอย่างจำยอม ริมฝีปากเผยอขึ้นเตรียมสารภาพ ผมเกร็งตัวขึ้นเล็กน้อย ยอมรับชะตากรรมของตัวเองที่จะต้องเจอต่อจากนี้ ถ้าเกิดไอ้หมอนี่มันพลาดท่าทำผู้หญิงท้องจริงๆ... ผมจะติดต่อใครได้บ้างหนอ ป้าแหม่มที่เคยเลี้ยงไอ้ปันตอนเด็กๆ จะยังรับเลี้ยงอยู่ไหม แล้วครอบครัวฝ่ายหญิงจะว่ายังไง จะเรียกสินสอดเท่าไร แล้วผมจะมีปัญญาจ่ายให้มันไหม

"พ่อ ผมขอโทษ" โอ๊ย อย่าเพิ่งขอโทษ มีอะไรจะพูดก็รีบๆ พูดมาเท้อ "ผม... ผมว่าผมเป็นเกย์ล่ะ"

แล้วอยู่ๆ บรรยากาศทั้งห้องก็เงียบลง

ผมรู้สึกเหมือนมีก้อนน้ำแข็งยักษ์ฟาดที่หลังคอ ชาวาบไปทุกส่วนของร่างกาย มือชื้นไปด้วยเหงื่อ ปากอ้าค้างมองหน้าปันที่ก้มลงต่ำอย่างรู้สึกผิด

เดี๋ยวนะ นี่คือความจริงอย่างนั้นเหรอ? ไอ้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวของผมบอกว่ามันเป็นเกย์นี่.. เรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?

"ผมรู้ว่าผมทำให้พ่อผิดหวัง" เสียงนั้นเจื้อยแจ้วมาต่อ แต่ผมรู้สึกเหมือนมันลอยห่างออกไปเรื่อยๆ "แต่ผมไม่อยากโกหกอะไรพ่อ เราก็มีกันแค่สองคน ที่สำคัญ เราเคยสัญญากันแล้วใช่ไหมว่าเราจะไม่ปิดบังอะไรกัน"

เดี๋ยว! เดี๋ยวๆๆ ก่อนที่เอ็งจะเริ่มดราม่าอะไร ขอคนเป็นพ่อตั้งสติกับเรื่องที่เพิ่งได้ยินมาก่อนได้ไหม คือ... ไอ้ปัญญาเนี่ยนะเป็นเกย์!? ไอ้ปันลูกชายที่ผมแสนจะภาคภูมิใจผู้เป็นชายหนุ่มเจ้าของส่วนสูงกว่า 180 เซนติเมตร (เสือกสูงกว่าผมอีก ไอ้ลูกทรพี) ควบตำแหน่งนักกีฬาโรงเรียน ดีกรีเด็กเรียนดีเกียรตินิยม ใบหน้าหล่อคมขนาดทำให้ผู้หญิงแทบทั้งโรงเรียนปาหัวใจให้ นี่ยังไม่นับหุ่นล่ำๆ ของมันที่มาพร้อมกับการเล่นกีฬาอย่างหนักหน่วงของเจ้าตัวอีกนะ แล้ว... แล้วนี่อะไร มันบอกว่ามันเป็นเกย์เนี่ยนะ?

นี่ผมเลี้ยงมันมาผิดพลาดตรงไหน!?

"เป็นเกย์ได้ไง" ผมพึมพำราวกับคนสติหลุดออกจากร่าง "ก็... ก็แก..."

"เอ่อ พ่อ ใจเย็นนะ ให้ผมไปเอาน้ำมาให้ไหม หน้าพ่อซีดจนเหมือนจะเป็นลมได้อยู่แล้ว"

เสียงที่ถามอย่างห่วงใยนั่นมาไม่ถึงหูของผม ในหัวมีแต่คำสารภาพของไอ้ปันลอยวนเวียนไปมาในหัว ภาพลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนที่มันยังเป็นทารก จำได้ว่ามิ้นต์ประคบประหงมอย่างดี จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของผม ต้องคอยวิ่งเต้นหาพี่เลี้ยงมาคอยดูแลตอนที่ออกไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงมัน สละเวลาเที่ยวเล่นและเพื่อนฝูงเพื่อกลับมาดูแลเจ้าบ้านี่เป็นบ้าเป็นหลัง วาดฝันไว้ว่าในอนาคตมันคงทำให้ผมภูมิใจด้วยการมีอาชีพมั่นคง แต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสม สร้างครอบครัวอย่างถูกต้องแบบที่ใครๆ ในสังคมวาดฝัน

แล้วนี่อะไร... พัง พังหมด พังยับเยิน

ผมมีลูกชายเพียงคนเดียว และไม่คิดจะมีอีก แต่ไอ้ลูกบ้านี่กลับกำลังบอกผมว่าตัวเองเป็นเกย์เนี่ยนะ!? นี่คนบนฟ้าคิดจะกลั่นแกล้งชีวิตผมไปถึงไหนไม่ทราบ!

"ผมว่าพ่อนั่งพักเงียบๆ หน่อยเหอะ เดี๋ยวผมจัดการข้าวเย็นให้ ข้าวผัดได้ไหมพ่อ แล้วก็น้ำแกงอีกสักถุง ผมจะออกไปซื้อหน้าปากซอยมา"

"แกเป็นเกย์ไม่ได้นะ!"

น้ำเสียงผมงวดขึ้นด้วยอารามสติแตก ผมไม่เคยใช้โทนเสียงนี้กับลูกชายมาก่อน และปันเองก็เหมือนจะเข้าใจดี

ชายหนุ่มผู้มีความสูงมากกว่าผมค่อยๆ หันหน้ากลับมา ทีแรกผมนึกกังวลว่าเขาจะเสียใจหรือผิดหวัง แต่ตรงกันข้าม นัยน์ตาของเจ้าตัวเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ไม่พอใจ เข้าขั้นหน่ายเล็กๆ ขณะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอดทน

"แล้วพ่อจะให้ผมทำยังไง?"

"เอ๊ะ เอ่อ..." กลายเป็นว่าตอนนี้ผมเป็นฝ่ายที่ต้องอึกอักเสียเอง เดี๋ยวนะ ปกติแล้วมันต้องตรงข้ามกันไม่ใช่เหรอ ก็เรื่องที่ไอ้ตัวแสบมันบอกผมมามันเรื่องเล็กน้อยเสียเมื่อไหร่ การที่ผมจะโกรธ ผิดหวัง เสียใจ หรือโวยวายใส่มันก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ แล้วนี่มันมาเป็นฝ่ายโกรธผมแบบนี้ได้ไง!?

"นี่ พ่อครับ ผมจะบอกอะไรให้นะ… เรื่องที่ผมเป็นเกย์เนี่ย ใช่ว่าผมเป็นเพราะอยากเป็นนะพ่อ รู้ไหมว่าผมเองก็กลุ้มใจแทบตายกว่าจะยอมรับได้ว่าตัวเองเป็น แล้วกว่าที่จะตัดสินใจบอกพ่อได้เนี่ย ผมก็ใช้เวลาเตรียมใจตั้งนาน พ่อนึกไม่ออกหรอกว่าผมทรมานขนาดไหน อ้อ ใช่ แล้วก็อีกเรื่อง เป็นเกย์เนี่ย มันไม่เหมือนเป็นไข้หวัดนะพ่อที่กินยาแล้วจะรักษาได้ มันเป็นมันก็เป็นไปตลอดนั่นแหละ จะมาบอกให้ผมเลิกเป็นง่ายๆ แบบนั้นแล้วคิดว่าผมทำได้รึไง"

ฟังปัญญาร่ายยาวมาเป็นชุด ผมก็ได้แต่อึ้งรับประทานอยู่อย่างนั้น และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัว เด็กหนุ่มก้าวถอยไปเล็กน้อย สงบอารมณ์ของตัวเองแล้วตั้งหลักใหม่ หันกลับมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงนิ่งขึ้น

"ผมขอโทษที่เสียงดังครับ แต่ผมอยากให้พ่อเข้าใจจริงๆ ว่าผมทำอะไรไม่ได้ ผมอยากให้พ่อยอมรับในตัวผม ยอมรับในสิ่งที่ผมเป็น”

โอ้โห นี่ไอ้ลูกบ้านี่มันคิดว่าทุกอย่างจะง่ายแบบนี้เลยเหรอฟะ นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายเลยนะโว้ย ไม่ใช่เรื่องดินฟ้าอากาศหรืออาหารไม่ถูกปาก ใครจะไปทำใจกันได้ง่ายๆ

“เอาเป็นว่าผมขอตัวไปซื้อข้าวเย็นเข้ามาก่อนแล้วกัน พ่อดูทีวีไปก่อน ถ้าไม่อยากดูนารูโตะจะเปลี่ยนไปดูดราก้อนบอลแทนก็ได้ ผมเพิ่งใส่ตอนที่เรายังไม่ได้ดูกันมา”

แล้วไอ้ตัวแสบก็เผ่นแน่บออกจากบ้านไป ทิ้งผมไว้กับนารูโตะซีซั่นสองที่ดูไปแล้วไม่ต่ำกว่าสามรอบ

ผมซุกหน้าลงกับฝ่ามืออย่างเหนื่อยอ่อน เสียงจากโทรทัศน์ลอยเอื่อยๆ มาเป็นซาวด์ประกอบด้านหลัง เสียงสดใสพวกนั้นแม่งไม่ได้เข้ากับความทุกข์ทรมานใจของผมตอนนี้เลย

เอาจริงดิ

นี่ผมเลี้ยงลูกผิดพลาดไปอะไรยังไงตอนไหนวะเนี่ย!





----------------------------------
Talk: เอ่อ... ไม่รู้เหมือนค่ะว่าผีบ้าที่ไหนเข้าสิงแล้วออกมาเป็นเรื่องนี้ 555555 ไม่รู้จะได้มาอัพอีกเมื่อไหร่นะคะ เพราะผีบ้ามาก อาจจะมาเร็วๆ นี้หรือไม่ก็เก็บเข้าไหดองไปเลย //ผิด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2017 18:45:07 โดย Airiณ »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พ่อแอบตลกนะ แต่ก็เครียดด้วย เอ๊ะยังไง

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
น่าสนุกอะ มาต่อเถอะ อย่าดองเลย   :m1: :m1: :m1:

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ตามชื่อเรื่องเข้ามา จะรอตอนต่อไปนะคะว่าคุณพ่อจะทำยังไง

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
น่าสนๆ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เอาใจช่วยคุณพ่อนะคะ แต่ทำไมเราฮา

ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
   .........:m20: :m20: :m20: ฮา คุณพ่อมากกกกกเลย

   มีการบอก     
อ้างถึง
แกเป็น เกย์ ไม่ได้ นะ
 

 
 
 คนเขียน แต่งได้น่ารัก ดี

 ท่าทางคุณพ่อ กับลูก จะมีความสนิทสนม กลมเกลียว ตามสไตล์ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ละนะ o13


อ้างถึง
ไอ้ปัญญาเนี่ยนะเป็นเกย์!? ไอ้ปันลูกชายที่ผมแสนจะภาคภูมิใจผู้เป็นชายหนุ่มเจ้าของส่วนสูงกว่า 180 เซนติเมตร (เสือกสูงกว่าผมอีก ไอ้ลูกทรพี) ควบตำแหน่งนักกีฬาโรงเรียน ดีกรีเด็กเรียนดีเกียรตินิยม ใบหน้าหล่อคมขนาดทำให้ผู้หญิงแทบทั้งโรงเรียนปาหัวใจให้ นี่ยังไม่นับหุ่นล่ำๆ ของมันที่มาพร้อมกับการเล่นกีฬาอย่างหนักหน่วงของเจ้าตัวอีกนะ แล้ว... แล้วนี่อะไร มันบอกว่ามันเป็นเกย์เนี่ยนะ?

นี่ผมเลี้ยงมันมาผิดพลาดตรงไหน!?



อยากรุ้จัง ... เรื่องเริ่มแบบนี้ จะมีนายเอกสไตล์ไหน ...เพื่อนนักกีฬา หรือ หนุ่ม ออฟฟิศแมนๆๆ    มาต่อไวไว นะ :katai4:

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 1



"เอ้า เร็ว พวกเรา ใครยังไม่ได้สั่งน้ำอะไรรีบสั่งเลยนะ โต๊ะนั้นจัดการครบรึยัง"

"ทางนี้เรียบร้อยแล้วค่ะพี่ ไม่ต้องห่วง"

เสียงตะโกนข้ามโต๊ะไปมาฟังดูครึกครื้น และผมเองก็คงจะรู้สึกคึกคักกับงานเลี้ยงของแผนกมากกว่านี้ถ้าไม่ใช่เพราะในหัวยังวนเวียนคิดอยู่แต่เรื่องที่ลูกชายเพียงคนเดียวเปลี่ยนเพศไปโดยไม่ถามความสมัครใจของผู้ปกครองเสียแล้ว

"เอ้า พี่ดล ว่าไงคะ นั่งเงียบเชียว จะเอาน้ำอะไร"สา ลูกน้องในที่ทำงานคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงตามปกติ ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงซังกะตาย

"น้ำเปล่า"

"โห แน่ใจเหรอพี่ เบียร์สักแก้วไม่ดีกว่าเหรอ ยังไงวันนี้ก็งบบริษัท ไม่ต้องเหนียมก็ได้ม้าง"

"น้ำเปล่า" ยืนยันคำเดิม ทำเอาสาวเจ้ายอมถอยไปอย่างจำยอม หันไปสั่งเครื่องดื่มของทั้งโต๊ะหลังจากที่นับหัวเสร็จ

จากตำแหน่งที่นั่งอยู่ ผมได้ยินเสียงกระซิบจากลูกน้องอีกคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ รายนี้ชื่อชัย แล้วไม่รู้เป็นยังไงจำชื่อใครไม่เคยได้ ต้องเรียกด้วยฉายาที่เจ้าตัวตั้งเอง และเจ้าหมอนี่ก็กำลังคุยกับสาเรื่องผมด้วยเสียงกระซิบที่คงดังไปถึงหน้าปากซอย

"พี่ๆ นี่ลูกพี่หล่อเขาเป็นอะไรเนี่ย ทำไมดูซึมๆ ชอบกล แถมปกติแกดื่มไม่ใช่เหรอ รอบนี้น้ำเปล่าเสียงแข็งมาเลย เครียดเรื่องงานเหรอ"

"ไม่รู้ว่ะ ชัย แต่งานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ ทำไมแกไม่ลองถามพี่ดลดูเองล่ะ"

"อ้าว ดล เป็นอะไรครับเนี่ย หน้าเครียดเชียว" คนที่เอ่ยปากถามผมไม่ใช่ลูกน้องของตัวเองแต่เป็นคมกฤช เพื่อนร่วมงานต่างแผนกที่ชอบเนียนโผล่ไปงานเลี้ยงต่างๆ ของบริษัท แต่เพราะนิสัยร่าเริง คุยเก่ง และความอัธยาศัยดีของเจ้าตัวทำให้ไม่มีใครว่า ตรงกันข้าม คอยแต่จะถามให้แวะเวียนมางานสังสรรค์บ่อยๆ ด้วยซ้ำ "นี่ได้ยินว่าลูกนายสอบติดโครงการแลกเปลี่ยนไปอเมริกาไม่ใช่เหรอ มีเรื่องน่ายินดีแบบนี้ยังจะทำหน้าเซ็งอยู่อีก"

"อ้าว" ไอ้ชัยที่เมื่อกี้ทำเหนียมไม่เข้ามาคุยเสนอหน้าเข้ามาทันที "นี่ลูกพี่หล่อมีลูกแล้วเหรอครับเนี่ย ตกใจหมดเลย นึกว่าพี่ไม่มีแฟนด้วยซ้ำ"

"เมียพี่เขาเสียไปนานแล้วย่ะ ฉันเคยเล่าให้ฟังตั้งหลายรอบแล้วไม่ใช่หรือไง" สาเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยพร้อมกับบ่นอย่างไม่จริงจัง ไอ้ชัยทำหน้าเจื่อนลงนิดในขณะที่ผมยิ้มแล้วตอบกลับไป

"ไม่เป็นไรหรอก ชัย เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว ผมเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร"

ชายหนุ่มมีสีหน้าดีขึ้น ก่อนจะเอ่ยคำถามต่อไปเพื่อเปลี่ยนเรื่องไปเสีย "ว่าแต่ลูกของลูกพี่หล่อนี่ผู้หญิงหรือผู้ชายครับ"

คำถามง่ายๆ นั่นกลับทำเอาผมชะงักไปราวกับโดนค้อนฟาดเข้าที่กลางลำตัว ท่าทีอึกอักนั่นทำให้คนรอบตัวหันมามองอย่างงุนงง

โอเค ก่อนอื่นเลยนะ ขอผมบอกก่อนเลยว่าผมไม่ใช่พวกเหยียดเพศ ไม่เคยรังเกียจเพศที่สาม ใครอยากจะเป็นก็เป็นไป เหมือนมองดูจากที่ไกลๆ แต่ไอ้การที่ลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองกลายเป็นหนึ่งในนั้นแล้ว... มันเป็นอะไรที่คนละเรื่องกัน โดยเฉพาะกับผมที่มีมันคนเดียว คือเหมือนมันเป็นความหวังสุดท้ายของชีวิตผมแล้ว ผมรู้ว่าไอ้ปันเองก็ไม่ได้อยากทำให้ผมผิดหวัง แต่ไอ้ความรู้สึกเหมือนโดนทรยศนี่มันอะไรกัน

"ผู้... ผู้..." ผมหลุดคำพูดออกมาอย่างกระอึกกระอัก เอาล่ะสิ นี่คือบททดสอบของผมใช่ไหมว่าจะยอมรับตัวตนของลูกได้หรือเปล่า บางทีมันอาจเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ แล้วผมควรจะตอบคำถามนี้ไปยังไงดีล่ะ คือผมแน่ใจแน่ล่ะว่าตัวเองมีลูกชาย แต่การที่ไอ้ปันมาสารภาพว่ามันเป็นเกย์แบบนี้แปลว่าภายในมันตอนนี้ไม่ใช่ผู้ชายอีกต่อไปแล้วใช่ไหม หมายความว่ามันอยากเป็นสาวเหรอ? แบบ... อยากแต่งหญิง ทำตัวสวยๆ แบบที่พวกทิฟฟานี่โชว์ที่พัทยาเขาทำกัน

"เอ่อ พี่ดล" เสียงของสาที่เรียกอย่างกังวลเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของผม ว่าแต่ไอ้คำว่าเป็นเกย์ของไอ้ปันเนี่ยมันครอบคลุมไปถึงขั้นไหนกันแน่ อยากแต่งสวย อยากเป็นผู้หญิง ชอบผู้ชาย อะไรทำนองนั้นใช่ไหมนะ แล้วแมนๆ ล่ำๆ อย่างมันเนี่ยนะแต่งสาว ให้ตายเถอะ แค่นึกภาพก็สยองขวัญแล้ว

"ฮะๆๆ ดล! นายเป็นอะไรของนายเนี่ย! มีลูกชายก็บอกเขาไปสิว่าเป็นผู้ชาย งึมงำให้คนเขางงกันอยู่ได้" คมกฤชหรือก้องหัวเราะลั่นกับท่าทีอึกอักของผม มือรัวเข้ามาฟาดบ่าสองสามที พอจะดึงสติของผมให้กลับมาได้ "หมอนี่มีลูกชายอยู่ม. 5แล้ว เผอิญว่าน้องปัน ลูกหมอนี่เรียนอยู่ที่เดียวกับลูกสาวผมน่ะ แถมเป็นคนดังของโรงเรียน เวลามีอะไรอัพเดททีน้องณริต้องเอามาเล่าให้ฟังตลอด"

"อ้าว ลูกสาวของคุณก้องเรียนอยู่ที่เดียวกับน้องปัญญาเหรอคะ ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ย"

"ลูกสาวชื่อน้องณริเหรอครับ ชื่อน่ารักจัง"

"คนตั้งให้ก็แม่เขาแหละครับ"

หัวข้อสนทนาถูกเบี่ยงไปแล้ว ผมจึงกลับไปคิดเรื่องของปัญญาต่อ พักเรื่องที่มันเป็นเกย์ไว้ก่อน ที่ไอ้ก้องเพิ่งพูดว่ามันสอบผ่านไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกานี่... รู้ผลตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นไอ้ปันมันบอกอะไรผมสักคำ แล้วมันคิดจะไปจริงๆ หรือเปล่าวะ เห็นก่อนหน้านี้สองจิตสองใจ แล้วถ้าจะไป ผมจะมีปัญญาส่งเงินให้มันพอใช้พอที่นู่นไหมน้อ อาจจะต้องลดค่าใช้จ่ายอย่างอื่น…

นี่แหละน้า... เรื่องที่ผมนั่งกังวล นั่งคิดไม่ตกอยู่ทุกวันนี้ก็มีแต่เรื่องลูกนี่แหละ ใครยังไม่มีลูกและคิดจะมีก็ลองพิจารณาดีๆ ดูหน่อยแล้วกัน ยิ่งอย่างผมนี่มีไอ้ปันมาตั้งแต่วัยรุ่น ช่วงเวลาที่ควรจะได้สังสรรค์เที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ นี่เป็นอันหายโม้ด... จนถึงตอนนี้ก็ยังต้องมานั่งกังวลสารพัดเรื่องของมันอีก

“เฮ้อ…”

ทันใดนั้นเองที่มีอะไรบางสั่นอย่างรุนแรงที่ต้นขา ผมสะดุ้งสุดตัวเนื่องจากกำลังใจลอยกับเรื่องอื่น ทำเอาสาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ไหวตัวตามด้วยความตกใจ เสียงริงโทนที่ติดมากับตัวเครื่องดังขึ้น ผมถึงได้รู้ว่าโทรศัพท์ของผมมีสายเข้านั่นเอง

หยิบมันขึ้นมาดูหน้าจอ ปรากฎว่าเป็นไอ้ปันที่โทรเข้ามา นึกถึงผี ผีก็มาเลยจริงๆ

ผมกดรับสายก่อนจะกรอกเสียงลงไปห้วนๆ บอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าภาวะมึนตึงระหว่างเรายังไม่จบ "มีอะไร ปัน"

"พ่อ พ่ออยู่ไหน" น้ำเสียงอีกฝ่ายยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอาการห่างเหินอย่างที่ผมทำอยู่ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าปัญญาเองก็ใช้ความพยายามและความอดทนในการทำตัวเหมือนไม่รับรู้ความโกรธของผมอยู่เหมือนกัน "ผมได้ยินเสียงดังไปหมดเลย งานเลี้ยงเหรอพ่อ"

"ใช่ ออกมากินข้าวกับที่ทำงาน" เสียงผมยังห้วนอยู่ และผมได้ยินเสียงไอ้ปันสูดลมหายใจแรงเพื่อระงับอารมณ์ "มีอะไร"

"ตอนแรกผมจะขอให้พ่อมารับหน่อย แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องก็ได้ครับ"

ผมนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ตามปกติถ้าไอ้ปันโทรมาขอให้ไปรับ ผมแทบไม่เคยปฏิเสธมันนอกจากจะติดธุระสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ และไอ้การกินเลี้ยงกับแผนกนี่ก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรถ้าว่ากันตามตรง แต่อารมณ์ผมนี่สิ... ไม่ค่อยอยากจะไปรับมันเลย มันเซ็งๆ เบื่อๆ ไม่อยากเจอหน้ามันอย่างบอกไม่ถูก แต่อะไรบางอย่างกลับทำให้ผมไม่สามารถปฏิเสธมันได้ ทั้งๆ ที่ลูกผมก็ไม่ใช่เด็กสามขวบแล้ว

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปรับ รอสักครึ่งชั่วโมงนะ"

"ไม่ต้องก็ได้ครับพ่อ กินข้าวกับเพื่อนเถอะ"

"ไม่เป็นไร รออยู่ที่โรงเรียนแหละ เดี๋ยวไปรับ"

"พ่อแน่ใจนะ? "

"เออ" ขึ้นเสียงใส่นิดหนึ่ง จะถามย้ำทำไมหลายๆ รอบเนี่ย ตกลงใครเป็นพ่อ หา

"ตกลงครับ งั้นผมจะรอที่หน้าประตูโรงเรียน อีกครึ่งชั่วโมงนะ"

"โอเค"

กดตัดสายแล้วผมก็หันไปบอกสาว่าต้องกลับก่อนจากนั้นจึงขอตัวเลี่ยงออกมา ขับรถไปตามทางโดยเลี่ยงถนนเส้นหลักที่รถค่อนข้างแน่น ในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูโรงเรียนไอ้ปันในอีกสี่สิบนาทีต่อมา เลี้ยวรถเข้าไปในส่วนสำหรับรับส่งคน ไอ้ตัวแสบกำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานกับเพื่อนมันอีกคน คนนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพื่อนมันคนไหนเพราะไม่คุ้นเคย แต่ดูแล้วอาจจะเป็นรุ่นน้องไอ้ปันเพราะดูหน้าเด็กกว่า ไม่น่าใช่รุ่นเดียวกัน

ผมบีบแตรสั้นๆ ทีหนึ่งเพื่อให้คนที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนอยู่รู้ตัว ปัญญาหันหน้าขวับมาทันทีก่อนจะส่งยิ้มสว่างไสวอย่างคนมีความสุขมาให้ ผมชะงักไปทันที การที่ไอ้ลูกบ้าจะส่งยิ้มสดใสขนาดนั้นมาให้ทั้งที่เรายังมึนตึงกันอยู่แบบนี้แปลว่าตอนนี้เจ้าตัวต้องอารมณ์ดีมาก สงสัยจะคุยกับเพื่อนถูกคอ ถึงได้ดูสดชื่นแจ่มใสได้ขนาดนี้

เจ้าตัวหันหน้ากลับไปหาเด็กหนุ่มอีกคน "พ่อพี่มารับแล้ว ต้องกลับแล้วล่ะ"

"พี่ปันจะกลับแล้วเหรอครับ" อีกฝ่ายถามด้วยท่าทีซึมลงไปนิดหนึ่ง ปัญญาเอื้อมมือไปยีเส้นผมเจ้าตัวแรงๆ พร้อมกับหัวเราะร่วน

"ทำหน้าแบบนั้นทำไมเนี่ย เดี๋ยวก็คุยกันทางข้อความก็ได้ ว่าแต่นี่โดกลับยังไง ใครมารับหรือเปล่า"

"ผมต้องรอม๊ามารับ คงอีกหลายชั่วโมง"

"อ้าว งี้ก็แย่สิ บ้านอยู่ไหนเนี่ย"

เพื่อนรุ่นน้องของปัญญาบอกที่ตั้ง และเมื่อเห็นว่าเป็นทางผ่านทางกลับบ้านเรา เจ้าตัวแสบก็รีบเสนอทันที

"ถ้างั้นให้พ่อพี่ไปส่งแล้วกัน นะ พ่อ ให้น้องติดรถไปด้วยได้ไหม แวะไปส่งหน่อย สงสารน้อง ต้องรอแม่อีกนาน"

"เอาสิ" ผมตอบรับโดยไม่เสียเวลาคิด ทางก็ทางผ่าน แล้วไอ้รับส่งเพื่อนไอ้ปันก็ทำมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง บางครั้งพ่อแม่เพื่อนมันก็ไปส่งที่บ้าน ก็คงต้องผลัดๆ กันไปล่ะนะ เรื่องแบบนี้

"แต่... จะดีเหรอครับ" อีกฝ่ายมีท่าทีเกรงใจ "รบกวนพ่อพี่ปันหรือเปล่า"

"ไม่รบกวนหรอกน่า บอกแล้วไงว่าทางผ่าน" ปัญญาพูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเปิดประตูหลังให้อีกฝ่ายเรียบร้อย "มาเถอะครับ รีบไปกันดีกว่า รถด้านหลังมานั่นแล้ว เดี๋ยวจะติดกันทั้งถนน"

ผมได้ยินเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของลูกชายไปตลอดทาง ทั้งๆ ที่เรื่องที่เจ้าตัวแสบคุยกับรุ่นน้องของตัวเองมีแต่เรื่องสัพเพเหระ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะมีความสุขเสียเหลือเกิน

"เออ นี่ ผมบอกพ่อหรือยังว่าไอ้หมอนี่ชื่อโดนัท คนอะไรก็ไม่รู้ ชื่อโคตรน่ากิน แถมหน้าก็หวาน สงสัยแม่คงตั้งชื่อตามหน้าแหงเลย"

"พี่ปัน พูดอะไรของพี่เนี่ย ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยครับ"

"แล้วนี่โดนัทเรียนอยู่ชั้นไหนครับเนี่ย" ผมถามยิ้มๆ อย่างนึกเอ็นดูเด็กทั้งสอง โดยเฉพาะไอ้ปัน เห็นลูกมีความสุขผมก็มีความสุขเหมือนกันนะครับ และถึงมันจะตัวโตเท่าหมีควายขนาดนี้ ผมก็ยังรู้สึกเหมือนมันอายุห้าขวบเหมือนเดิม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบเด็กๆ แบบนี้

"ม.4 ศิลป์-คำนวณครับ" คนถูกถามตอบอย่างสุภาพ ช่างเป็นเด็กมารยาทดีต่างจากไอ้ตัวแสบลูกผม

"มีอะไรไม่เข้าใจก็มาถามพี่ได้ตลอดนะ แล้วนี่เลี้ยวซอยไหนเนี่ย มัวแต่คุย เดี๋ยวจะเลยบ้านซะก่อน"

"อ๊ะ ครับ เดี๋ยวเลี้ยวแยกถัดไปเลย ส่งผมตรงนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเดินเข้าไปอีกหน่อย"

"โอเค งั้นน้าส่งตรงนี้นะ" ผมว่าพร้อมกับจอดรถ โดนัทคว้ากระเป๋าของตัวเองสะพายหลังแล้วยกมือไหว้ จากนั้นจึงหันไปส่งยิ้มแป้นให้ลูกชายผม ดูเหมือนเด็กสองคนนี้จะชอบกันจริงๆ แฮะ

อื๊อ? เดี๋ยวนะ...

ไอ้ปันมันเพิ่งบอกผมเมื่อวานว่ามันเป็นเกย์... แล้วไอ้รุ่นน้องที่มันคุยด้วยเมื่อกี้…

"ว้า น้องไปซะแล้วแฮะ ขอบคุณนะฮะพ่อที่อุตส่าห์พารุ่นน้องผมมาส่ง"

เดี๋ยว ก่อน นะ

"ไอ้ปัน แกอย่าบอกนะว่า... แกกับโดนัท..."

ปัญญาหันมายิ้มกว้างจนแทบจะฉีกไปถึงหูให้ผม นั่นยิ่งทำเอาผมรู้สึกมวนในท้องขึ้นมาทันทีเมื่อเข้าใจถึงสาเหตุที่ลูกชายผมยินดีปรีดาเสียขนาดนั้น

“ก็… ยังไม่ถึงขั้นคบกันหรอกพ่อ แต่ก็กำลังดูๆ กันอยู่”

แม่เจ้าโว้ย โชคดีนะที่ทางข้างหน้าเป็นทางตรง แล้วถนนก็โล่ง ไม่งั้นผมคงได้ขับไปเฉี่ยวรถใครเขาเข้าแน่ๆ เพราะคำพูดเมื่อกี้

“เหวอ… พ่อ ขับดีๆ หน่อย นี่ดื่มมาหรือเปล่าเนี่ย”

“เปล่า” ปากตอบแบบนั้นแต่มือตัดสินใจหักเลี้ยวเข้าไปจอดที่ปั๊มน้ำมัน ไม่ได้จะเติมเชื้อเพลิง ไม่ได้จะแวะซื้อของกินหรือเข้าห้องน้ำ แต่ผมจำเป็นต้องถามไอ้ปัญญาให้รู้เรื่อง

“แกชอบเด็กคนเมื่อกี้เหรอวะ ไอ้ปัน” น้ำเสียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกได้ว่าหน้าของตัวเองซีดเผือดลง แต่ไอ้ตัวแสบก็ยังยิ้มลอยหน้าลอยตา

“โดนัทน่ะเหรอครับ อืม… ก็ชอบแหละ แต่น้องเขาน่ารักจริงๆ นะ พ่อไม่คิดเหมือนผมเหรอ”

ผมมองมันราวกับมองเอเลี่ยนที่มาจากดาวพุธ “น่ารักเนี่ยนะ? ”

“ใช่ หน้าหวานขนาดนั้น ขาวก็ขาว แถมยังพูดจาดีอัธยาศัยดี น่ารักจะตาย”

“น่ารักตรงไหน” ชมเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันว่าน่ารักได้นี่ ลูกผมคงไม่ปกติแล้ว… อ้อ ใช่สิ มันไม่ปกติไปแล้วนี่หว่าเพราะว่ามันยอมรับแล้วว่าตัวเองเป็นเกย์ไง!

“งั้นก็หน้าตาดีถ้าพ่อไม่อยากใช้คำว่าน่ารัก แต่พ่อปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้หรอก”

ผมพยายามนึกหน้าเด็กชายคนที่เพิ่งลงจากรถไป ไม่ได้ตั้งใจมองหน้าเต็มๆ ซะด้วย แต่ก็พอจะนึกออกว่าอีกฝ่ายหน้าตาดี

“อือ ใช่ ก็หน้าตาใช้ได้”

“ไหมล่ะ”

“แต่เขาเป็นผู้ชายนะ”

ปัญญากลอกตาขึ้นบนหนึ่งที “พ่อ ผมบอกแล้วไงว่าผมเป็นเกย์”

ฉึก!

เหมือนมีลูกธนูที่มองไม่เห็นปักลงกลางอก

“แก… แกคิดดีแล้วจริงๆ เหรอวะว่าจะเป็น”

“ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าผมไม่ได้เป็นเพราะอยากจะเป็น”

“ไม่ได้เป็นเพราะอยากเป็นบ้าอะไร! แกโคตรมีความสุขเลยไม่ใช่เรอะ!? ”

“โว้ย ก็เพราะผมยอมรับว่าตัวเองเป็นได้แล้วน่ะสิ มันถึงได้มีความสุขน่ะ! แต่พ่อไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าก่อนหน้านี้ผมกลุ้มใจมากแค่ไหน! ”

“ไม่เข้าใจโว้ย! ” แล้วตอนนี้เอ็งเข้าใจความรู้สึกหัวอกคนเป็นพ่อบ้างไหมล่ะโว้ย!

เราสองคนหันหน้ากันไปคนละทาง สงบสติอารมณ์ของตัวเอง หางตาผมเหลือบมองปัญญาที่กำหมัดแน่นขึ้นอย่างอัดอั้น เห็นแค่นี้ใจผมก็อ่อนยวบลงมาทันที

บางทีผมอาจจะคิดถึงแต่ตัวเองมากเกินไป ไม่ได้นึกถึงความทรมานของมันอย่างที่มันบอกก็ได้ มันเป็นเกย์… และมันก็กล้าที่จะมาบอกผมตรงๆ เพียงเพราะว่าเราเคยสัญญากันไว้ว่ามีเรื่องอะไรเราจะไม่ปิดบังกัน

ผมไม่รู้ว่าถ้ามันไม่บอกผมเสียตั้งแต่แรก ทุกอย่างจะดีกว่านี้ไหม บางทีผมอาจจะสบายใจกว่า มีความสุขมากกว่า แต่ไอ้ปันก็ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ความเป็นตัวเองกับผม พอคิดว่ามันอาจจะทำแบบนั้นแล้วก็รู้สึกเจ็บในอกขึ้นมานิดหนึ่ง

ผมอาจจะไม่ใช่พ่อที่ดี แต่ผมก็อยากให้ลูกไว้ใจผมทุกเรื่อง และตอนนี้ปันเองก็มอบความไว้ใจนั่นมาให้แล้ว ผมต้องประคองมัน… ไม่ว่าจะรับได้หรือไม่ได้เรื่องที่มันเป็นเกย์ แต่ผมคงไม่สามารถหันหลังหนีให้มันได้เพียงเพราะเรื่องแค่นี้หรอก

“พ่อจะเอายังไง”

“ว่าไงนะ” ผมถามกลับอย่างงุนงง

“ผมรู้ว่าพ่อโกรธ แต่มันเป็นไปแล้ว… พ่อจะให้ผมทำยังไง”

ปัญญาไม่ได้หันกลับมามองหน้าผม และมันกำลังเข้าใจผิด ผมไม่ได้โกรธ ผมแค่… สับสน สับสนแล้วก็งงมากๆ จนทำตัวไม่ถูกก็เท่านั้น

“แล้วแกจะทำอะไรได้ล่ะ”

“ผมจะเข้าจุฬาให้”

คำพูดนั้นแทบทำให้ผมอ้าปากค้าง ผมไม่เคยเคี่ยวเข็ญอะไรมันเลยเรื่องเรียน ขอแค่ให้สอบไม่ตก ไม่ต้องซ้ำชั้นก็พอ แต่ปัญญาก็ทำให้ผมมากกว่านั้นมาตลอดโดยที่ผมไม่เคยร้องขอ

ไอ้ตัวแสบยังไม่หันหน้ากลับมาหาผม ตายังมองออกไปนอกกระจกรถ ปากก็พูดพร่ำต่อ

“ผมจะเรียนหมอให้ด้วยก็ได้ถ้าพ่ออยากให้เป็น”

“เอ่อ ก็เปล่านะ” ไม่เคยคิดอยากให้ลูกเป็นหมอเลยสักครั้งครับ งานก็หนัก เหนื่อยก็เหนื่อย รักษาพลาดก็อาจโดนฟ้อง เงินมากมายได้มาขนาดไหนก็ไม่คุ้ม ที่สำคัญ ต้องไปผจญกับเลือดจากคนไข้นี่ คือผมไม่ถูกกับเลือดไง แค่เห็นก็จะเป็นลม ไอ้ปันอาจจะไม่เป็นไร แต่แค่คิดว่าต้องไปเจอความลำบากขนาดนั้นก็ไม่อยากให้เป็นแล้ว

“ผมจะเอาเกรดสี่ทุกเทอมให้พ่อ”

“แค่ตั้งใจเรียนตามปกติก็พอแล้ว เกรดสี่เอามาก็กินไม่ได้”

“แล้วพ่อจะเอายังไง” คราวนี้ไอ้ตัวแสบหันกลับมามองผมตาเขียวปั้ด แต่ผมสังเกตว่าหางตาของมันแดงขึ้นเหมือนจะร้องไห้ “ต้องให้ผมหาลูกสะใภ้มาให้เท่านั้นรึไงถึงจะพอใจ”

“ก็ไม่ได้พูดแบบนั้น”

“พ่ออยากจะอุ้มหลานเหรอ เดี๋ยวผมหาลูกบุญธรรมมาเลี้ยงเอา”

“เปล่า ก็ไม่ได้คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

แล้วเราสองคนก็มองหน้ากันนิ่งเป็นเวลาสามวิฯ

“แล้วพ่อมีปัญหาตรงไหนที่ผมเป็นเกย์!? ”

“ก็ไม่ได้บอกว่ามีปัญหาอะไรสักหน่อย! ” ผมแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

“โกหก! ไม่มีปัญหาแล้วทำไมต้องโกรธกันด้วย เมื่อคืนก็ทำนิ่งใส่ผม โทรไปเมื่อกี้ก็ทำเสียงเย็นชาใส่”

“ปัดโธ่โว้ย ก็ให้เวลาทำใจกันหน่อยสิวะ อยู่ๆ ลูกชายคนเดียวมาบอกว่าตัวเองเป็นพวกไม้ป่าเดียวกันมา ใครมันจะไปตั้งตัวทันกัน! ใจคอแกจะให้ฉันหน้าชื่นตาบานแล้วบอก ‘อ้อ ไม่เป็นไรหรอก ลูก ตามสบายเลย ขอแค่ลูกเป็นคนดีจะเป็นเพศไหนพ่อก็ไม่สนใจหรอก’ แบบนี้เหรอวะ!? ”

“ใช่! ”

“งั้นก็ขอบอกเลยว่าแกดูละครมากเกินไปแล้ว ฉันทำใจยอมรับง่ายๆ แบบนั้นไม่ได้หรอก”

“ผมก็เลยถามอยู่นี่ไงว่าพ่อจะเอาอะไร อะไรที่จะทดแทนเรื่องนี้ได้บ้าง อยากให้ผมเป็นหมอ เป็นนักบินอวกาศ เป็นทนายความ นักวิจัย นักกีฬา นักธุรกิจ… พ่อบอกเลยว่าอยากได้อะไร ผมจะทำให้ แต่เรื่องที่ผมเป็นเกย์นี่มันช่วยอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ แล้วผมก็ไม่อยากฝืนเป็นในสิ่งที่ผมไม่ได้เป็น”

ผมรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงถูกสูบออกไปจากร่าง ตลอดชีวิตที่ผ่านมาปัญญาไม่เคยบอกเลยว่าตัวเองอยากเป็นอะไร เอาจริงมันเป็นคนที่ดูใช้ชีวิตเลื่อนลอยมาก เลือกเรียนสายวิทย์-คณิตก็เพราะตามเพื่อน ถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรก็คอยเบี่ยงประเด็นตลอด แต่ตอนนี้มันกำลังเอาอนาคตตัวเองมาให้ผมเลือกเพื่อแลกกับการยอมรับเรื่องที่มันเป็นเกย์เนี่ยนะ?

ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไง

เราหันหน้าหนีจากกันอีกรอบเพื่อรวบรวมสติอีกที ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกหนึ่ง

เอาล่ะ เราจะยังไม่พูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า เรื่องนี้มันยังสดใหม่เกินกว่าจะเอามาถกกันเป็นจริงเป็นจังแบบนี้ และสารภาพตามตรงก็คือ… ผมยังไม่พร้อม

“หิวหรือเปล่า ปัน” ผมพูดเปลี่ยนเรื่อง ปัญญาเองก็คงเข้าใจว่านั่นคือสัญญาณบางอย่าง เจ้าตัวพยักหน้ารับอย่างไม่เกี่ยงงอน

“หิวครับ”

“อยากกินอะไร”

“เอ็มเค”

“งั้นแวะห้างกัน”

“ไม่เอา ห้างคนเยอะ”

อ้าว ไอ้ลูกเวรนี่

“เอาเป็นก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยแล้วกัน ผมอยากกินขนมโตเกียวที่ตลาดนัดข้างๆ ด้วย”

อื้อหือ เกรดอาหารนี่ลดลงมาฮวบฮาบน่าใจหาย

“ได้” ผมออกรถอีกรอบเพื่อตรงไปยังบ้านของเรา ไม่มีการพูดคุยเรื่องรสนิยมทางเพศของปัญญาอีกเลยในตลอดทั้งเย็น





----------------------------------------
งอกเหวย... งอกเหวยยยย ไม่น่าเชื่อว่ามันจะงอก 555555 แต่เรื่องนี้ก็เขียนสนุกดีนะ XD
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากนะคะ มีคนอ่านเยอะกว่าที่คิดเลยงอกมาได้ 555555 //โค้ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2017 18:44:47 โดย Airiณ »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
ชอบตอนพ่อลูกคุยกัน น่ารักมากกก
อยากรู้แล้วว่าคุณพ่อจะคู่ใคร
 :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aommyga40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อยากให้พ่อลูกได้กัน ผิดไหม ล้อเล่นน้าาาาา อยากว่าเค้าาาาา :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ Pirepear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณพ่อนี่จะเป็นพระเอกหรือนายเอก แต่เราเดาว่าอย่างหลังไว้ก่อน ชอบตอนคุยกันมากๆ ดีที่พ่อไม่บังคับอะไรมากมาย ปันอาจจะต้องให้เวลาทำใจนิดนึง

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ส่วนตัวไม่อยากให้ incest อ่ะครับ ดูเป็นพ่อลูกที่น่ารักเกินกว่าจะเป็นแบบนั้น อยากให้เรื่องนี้เป็นโอกาสให้พ่อลูกได้กลับมาเข้าใจสนิทสนมกันเหมือนตอนเด็กๆ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
คุณพ่อค่ะ ลูกคุณพ่อคงไม่คิดจะแต่งหญิงแน่นอนค่ะ 5555 แต่ก็เป็นพ่อที่ดีนะ ไม่สติแตกออกอาการบ้าคลั่งลงกับลูก

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สนุกกกกก ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
รอตอนใหม่

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 2



ดูเหมือนว่าเช้าวันถัดมาก็ยังเป็นวันที่น่าอึมครึมสำหรับเขาและพ่ออีกแล้ว

ปัญญามองโต๊ะอาหารที่มีกล่องซีเรียลและกล่องนมที่วางเรียงไว้ให้ ถัดไปจากนั้นมีหมูปิ้งหกไม้กับข้าวเหนียวอีกห่อ เด็กหนุ่มกำลังกวาดสายตามองหากล้วยอีกสักลูกเพื่อที่จะหั่นมันลงในชามซีเรียลใส่นมอันเป็นของโปรดเขา และเจ้าตัวก็ค้นพบว่ามันอยู่ด้านหลังนพดล พ่อของเขาที่กำลังหยิบหมูปิ้งออกจากถุงด้วยสีหน้าราบเรียบติดจะเย็นชา อืม… หรือบางทีเจ้าตัวก็มีสีหน้าแบบนี้เป็นปกติมาตั้งนานแล้ว แต่เขาคิดมากไปเองก็ไม่รู้

“พ่อครับ” ปันว่า “ส่งกล้วยที่อยู่ชั้นข้างหลังให้ผมลูกหนึ่งสิ”

กล้วยลูกหนึ่งถูกส่งมาอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นผู้เป็นพ่อก็กัดหมูปิ้งเข้าปากตามด้วยข้าวเหนียว บรรยากาศในโต๊ะยังคงเงียบเช่นเคย

“เอ่อ พ่อ” ปัญญาตัดสินใจทำลายความเงียบน่าอึดอัดนั่นลง “นี่เราจะเงียบใส่กันแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ครับ”

“หา?” น้ำเสียงคนพูดไม่สบอารมณ์เลย “แกมีอะไรก็พูดมาสิ มีใครงับปากเอาไว้รึไง”

เป็นแบบนั้นไป

“เออ จริงสิ แล้วเรื่องแลกเปลี่ยนอเมริกาของแก จะเอายังไง”

สุดท้ายคนที่เริ่มบทสนทนาก็เป็นพ่อเขาจนได้ เด็กหนุ่มนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะมองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างขอความเห็น

“ผมก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันครับ พ่อคิดว่าไงดี”

“จะไปรู้เหรอ มันเป็นเรื่องที่แกต้องตัดสินใจนี่”

“แล้วถ้าผมไป พ่อจะมีปัญหาเรื่องเงินรึเปล่าครับ”

ชายหนุ่มในชุดพร้อมไปทำงานกัดหมูปิ้งเสียบไม้เข้าปากอีกคำ ข้าวเหนียวอีกก้อนก่อนจะพูดตอบด้วยสีหน้าเหมือนจะเซ็งๆ

“ถ้าแกจะไปฉันก็หามาให้แกได้นั่นแหละ อย่ากังวลไม่เข้าเรื่อง”

“อ้าว” คนที่กังวลเรื่องเงินโวยเบาๆ “ไม่กังวลได้ไงพ่อ เกิดพ่อต้องไปกู้หนี้ยืมสินใครเขามาเพื่อส่งผมไปเมกาแค่ปีเดียว มันจะไม่คุ้มเอานะ”

“เออน่า ฉันมีวิธีของฉันแล้วกัน แกเถอะ ตัดสินใจให้ได้ก่อนว่าจะไปไหม แล้วเรื่องรด. ล่ะ”

“นั่นสิ เรื่องนั้นผมก็คิดอยู่เหมือน--” โทรศัพท์ของปัญญาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้นมานิดหนึ่ง เจ้าตาเบือนสายตาไปมองทันที


DoughNutto: พี่ปัน ตื่นหรือยังครับ พร้อมไปโรงเรียนหรือยัง


จากรุ่นน้องผู้แสนน่ารักของเขานี่เอง แค่ข้อความง่ายๆ แค่นี้เจ้าตัวก็ยิ้มแก้มแทบปริ ทำเอานพดลที่ยังคุยค้างไว้กับลูกชายหรี่ตาลงทันทีอย่างนึกเซ็ง แค่โดนลูกให้ความสำคัญกับมือถือมากกว่าก็น่าช้ำใจอยู่แล้ว แต่นี่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่เผอิญหน้าหวานกว่าผู้ชายทั่วไปเท่านั้น… แถมยังพูดคุยกันในลักษณะเหมือนจีบกัน โอย… แล้วแบบนี้จะไม่เขานึกเซ็งได้ยังไง

“จะยิ้มอะไรขนาดนั้น เมากัญชาเรอะ” อดไม่ได้ต้องพูดกัดสักทีเมื่อเห็นลูกชายสุดที่รักพิมพ์ตอบข้อความนั้นด้วยรอยยิ้มที่แทบจะฉีกไปถึงหู ทีตอนคุยกับพ่อมันไม่เห็นจะดูมีความสุขขนาดนี้เลย

“น้องโดนัทส่งมา”

นั่น ยังจะมีหน้ามาบอกเขาหน้าชื่นตาบานอีก มันน่าถีบสักทีไหม

“ฉันว่าแกน่าจะลองเปิดใจให้กับเพื่อนผู้หญิงบ้างนะ”

คำพูดนั้นทำให้ปัญญาตวัดสายตาขึ้นมามองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจทันที สายตาเย็นชานั่นทำเอาคนเป็นพ่อแอบหวั่นไปนิดหนึ่งเหมือนกัน

“ฉันหมายถึง… แกเองก็ไม่เคยคบกับผู้หญิงด้วยไม่ใช่เหรอ บางทีถ้าแกลองเปิดใจดูสักนิด มันอาจจะ--”

“ผมจะฟังเพลงล่ะ” เด็กหนุ่มตัดบท หยิบหูฟังขึ้นเสียบกับตัวมือถือแล้วยกสายใส่ในหู ทำเอาคนเป็นพ่อรู้สึกจี๊ดขึ้นมาทันที

“นี่แกกล้าตัดบทฉันแบบนี้แล้วเรอะ”

ไม่มีการตอบรับจากลูกชาย ไอ้ตัวแสบก้มลงมองหน้าจอพร้อมกับเอามือไถไปเรื่อยเปื่อยพร้อมกับตักซีเรียลใส่กล้วยเข้าปากแล้ว

เป็นอันว่าผ่านพ้นมือเช้าที่แสนจะอึมครึมไปได้อย่างกระท่อนกระแท่นเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด





“เฮ้ย ไอ้ปัน!”

เสียงเรียกจากเพื่อนสนิทและแรงกระชากสายหูฟังออกจากหูเขาทำให้ร่างสูงหันกลับไปมองตามแทบจะในทันที ไอ้เบนซ์ เพื่อนร่วมก๊วนของเขาน่ะเอง วันนี้ก็ยังคงทำตัวน่าโดนครูด่าเพราะเอาเสื้อออกนอกกางเกงแต่หัววันตามเคย นี่ยังไม่นับกางเกงนักเรียนที่สั่นเต่อขึ้นมาของมันด้วยนะ ครูประจำชั้นเองก็ด่ามันอยู่ทุกวัน ไอ้หมอนี่ก็ไม่เคยคิดจะทำให้มันถูกต้องตามระเบียบสักที ไม่รู้ว่าไม่เบื่อบ้างหรือไง

“ว่าไงเพื่อน ทำการบ้านคณิตมารึยัง ขอลอกหน่อย”

“ไอ้เหี้ย การบ้านของตัวเองก็ทำเองสิวะ เอาแต่ขอลอกแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะฉลาด” พูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง และอีกฝ่ายก็รู้ดีว่าจนแล้วจนรอดเขาก็ต้องให้มันลอกอยู่ดี เพื่อนเหี้ยของเขาถึงได้ยังยิ้มหน้าแป้นอยู่แบบนั้น

“อย่าหักหาญน้ำใจกันขนาดนั้นสิวะ นี่เพื่อนนะเว้ย”

“หักหาญน้ำใจ?” เขาแกล้งทำน้ำเสียงและสีหน้าตื่นตะลึงเสียเต็มประดา “แกรู้จักคำนี้ด้วยเหรอวะ ไม่น่าเชื่อ”

“ไอ้เลว พูดแบบนี้เดี๋ยวไม่เอาเรื่องเกี่ยวกับน้องโดนัทมาเล่าให้ฟังเลย” เบนซ์พูดขณะที่เดินขนาบเขาไปตามทางเพื่อขึ้นไปยังตึกเรียน มีรุ่นน้องผู้หญิงสองคนที่เคยทำกิจกรรมในค่ายร่วมกันยกมือไหว้ทักทาย แต่พวกหล่อนทักทายแค่ปัญญานะ และชายหนุ่มก็ยิ้มรับและยกมือไหว้ตอบไปอย่างสุภาพ เรียกเสียงกรี๊ดเล็กๆ จากเด็กสาวทั้งคู่ได้ทันที

“น่าเสียดาย… ถ้าพวกผู้หญิงรู้ว่าแกเป็นเกย์คงน้ำตาตกในกันเป็นแถบๆ”

“เฮ้ย อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง ไหน แกมีอะไรจะมาเล่าเรื่องโด บอกกูมาซิ” เนื่องจากน้องชายของไอ้เบนซ์เรียนห้องเดียวกับโดนัท เขาจึงสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็กหนุ่มหน้าหวานคนนั้นผ่านทางไอ้เบนซ์ได้อีกที ก็ยังดีที่ได้อะไรจากการที่ให้มันลอกการบ้านบ้าง

“มึงรู้รึเปล่าว่าวันเกิดน้องเขาอาทิตย์หน้า”

ปัญญาชะงักกึกลงทันที “ล้อเล่นน่า”

“กูจะล้อเล่นทำไมวะ ไอ้ปัน เรื่องแบบนี้ล้อเล่นมันน่าสนุกตรงไหน”

“กูให้อะไรเป็นของขวัญน้องเขาดี”

เบนซ์กวาดตาขึ้นบนเป็นเชิงครุ่นคิด อันที่จริงเจ้าตัวก็หน้าตาดีและฮอตในหมู่สาวๆ ไม่แพ้ปัญญาเหมือนกัน แต่ติดนิสัยรักสนุกและไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนทำให้ไม่เป็นที่รู้จักเท่า

“นาฬิกาไหมมึง สื่อความหมายว่ามึงอยากได้เวลาจากเขามากขึ้น”

“เลี่ยนสัส”

“แต่มึงชอบ กูรู้”

ปันนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “น้องเขามีนาฬิกาอยู่แล้ว กูเห็นที่ข้อมือเขาอยู่”

“แล้วไงวะ ก็ให้เขาเลือกใส่สิ จะได้รู้ด้วยไงว่าเขาจะเลือกใส่ของมึงไหม” น้ำเสียงนั้นแฝงรอยเย้าแหย่ เบนซ์เป็นคนที่รู้เห็นเป็นใจมาแต่แรกตอนที่เพื่อนเขาเริ่มสนใจรุ่นน้องหน้าหวานคนนั้น และเป็นคนแรกๆ ที่ได้รู้รสนิยมทางเพศของเพื่อนสนิท

“ไม่เอา”

“ทำไมวะ”

“กูเห็นก็รู้แล้วว่านาฬิกานั่นของแพง แปลว่าพ่อแม่เขาต้องเป็นคนซื้อให้ มึงจะให้เขาเลือกระหว่างพ่อแม่เขากับกูเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก”

“เออ มึงนี่ช่างสังเกต”

ปัญญาแทบจะยืดอกรับคำชมนั้นเลยทีเดียว

“งั้นรองเท้าเป็นไง เขาว่ากันว่าการที่เราจะรู้ไซส์รองเท่าใครแปลว่าเราต้องให้ความสำคัญกับคนคนนั้นมาก ถ้ามึงซื้อรองเท้าให้เขา เขาต้องรู้แน่ว่ามึงแคร์เขาแค่ไหน”

“เออ น่าสนใจ”

“แต่มึงรู้ไซส์รองเท้าน้องเขาเหรอ”

“ไม่รู้”

“จะให้กูบอกไอ้บันให้หามาให้ไหม” บันคือน้องชายของเบนซ์ เพื่อนร่วมห้องของโดนัท

จังหวะนั้นเองที่ปัญญาเหลือบไปเห็นร่างของรุ่นน้องหน้าหวานที่เขากำลังพูดถึง เจ้าตัวกำลังก้าวเท้าไปที่ตึกเรียนด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นบนมุมปากทันที

“ไม่ต้องหรอกว่ะ เรื่องแบบนี้กูต้องจัดการด้วยตัวเองสิถึงจะถูก”

“แต่มึงจะไปถามไซส์รองเท้าเขา--” ดื้อๆ ไม่ได้… แต่เบนซ์พูดไม่จบประโยคเพราะเพื่อนตัวแสบเขาเดินลิ่วๆ ไปหาเป้าหมายแล้ว มองๆ ไปเหมือนเสื้อชีตาห์จะพุ่งงับกวางน้อยที่กรีดกรายเดินมาอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ แล้วเป็นการงับกลางลำตัวด้วยนะ ไม่ได้งับแค่ขา

ปัญญาวิ่งเหยาะๆ มาทางกวางตัวที่ว่าทันทีด้วยสีหน้าฉาบยิ้ม “โด”

โดนัทหันกลับไปมองตามเสียงเรียบ นัยน์ตากลมโตฉายแววแปลกใจครู่หนึ่งก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นยินดี เขาลดจังหวะฝีเท้าลงเพื่อให้อีกคนตามเขาทัน จากนั้นจึงเดินขนาบอีกฝ่ายที่ทำท่าเหมือนชวนให้เดินต่อ

เด็กหนุ่มกระชับสายกระเป๋าแน่นขึ้นอย่างตื่นๆ “พี่มาโรงเรียนเช้าจังครับ”

“ก็ปกตินะ เราล่ะ มาเวลานี้ประจำเหรอ”

“ปกติจะมาช้ากว่านี้หน่อยครับ แต่พอดีวันนี้ป๊ารีบไปทำงาน เลยมาส่งผมเร็วกว่าทุกที”

“เหรอ มิน่าล่ะ ไม่ค่อยเจอหน้าเลย”

“เฮ้ โด” เสียงเรียกของใครอีกคนที่ปันไม่รู้จักดังขึ้น คงเป็นเพื่อนสักคนของโดนัท ปัญญาใช้จังหวะนี้ก้มลงมองรองเท้าอีกฝ่าย เลื่อนขาของตัวเองไปเหยียบทับปลายเชือกที่ลุ่ยออกมาเพื่อให้มันคลายออกจากกัน โดนัทชะงักกึกไปทันทีอย่างตกใจก่อนจะก้มลงมองเท้าตัวเอง ปัญญารีบขอโทษขอโพยทีเดียว

“โทษๆๆ ไม่ได้ตั้งใจน่ะ เผลอเหยียบเชือกรองเท้าโดจนได้”

“ไม่เป็นไรครับ” แล้วตั้งท่าจะก้มลงไปผูกให้เรียบร้อย แต่ปัญญาไวกว่า เจ้าตัวคุกเข่าลงต่อหน้าอีกฝ่ายพร้อมกับตั้งท่าจะผูกเชือกรองเท้าให้ทันที ทำเอาโดนัทหน้าแดงไปจนถึงหูข้างหลังแล้ว

“เดี๋ยวพี่ผูกให้เอง” และแน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะเช็กไซส์รองเท้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วในตอนนี้ ได้ตัวเลขมาเรียบร้อยแล้วก็ผูกเชือกรองเท้าให้เด็กหนุ่มอย่างสวยงาม ผุดลุกขึ้นมาส่งยิ้มสร้างความประทับใจปิดท้ายอีกรอบ

“เรียบร้อยแล้ว ขอโทษอีกทีนะที่ทำเชือกรองเท้าหลุด”

“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ” โดนัทพูดขึ้น ใบหน้าขาวยังติดสีแดงระเรื่อจากความอาย มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่เดินผ่านไปมาหยุดดูเขากับรุ่นพี่ตรงหน้า อันที่จริง รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปตอนที่ปัญญาก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้เขาด้วยซ้ำ ไม่รู้จะถ่ายไปทำไม

"ไม่เป็นไรได้ไง เกิดโดสะดุดหัวทิ่มไปก็แย่สิ พี่ผิดเต็มๆ เลยนะนั่น"

"แต่พี่ปันก็ผูกกลับให้ผมแล้วไม่ใช่เหรอครับ" ตอบกลับยิ้มๆ ปัญญาเป็นรุ่นพี่ที่เขาให้ความเคารพนับถือตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว เนื่องจากเขาเป็นเด็กที่ย้ายเข้ามาใหม่ตอนม. 4 เลยไม่รู้จักใคร ตอนรับน้องเขาเลยเกร็งไปหมด ยิ่งโดนพี่ว้ากตะโกนอยู่ข้างหูยิ่งทำเอาขวัญหนีดีฝ่อ แต่ปัญญาเป็นรุ่นพี่คนเดียวที่ไม่ว้ากอะไรเลย เจ้าตัวแค่ยืนนิ่งๆ คอยดูแลความเรียบร้อยและยังใจดีมาถามเขาว่าไหวไหมตอนที่เขาหน้าซีดๆ เพราะร้อนแดด

และยิ่งช่วงหลังๆ มานี่... เหมือนพวกเขาทั้งคู่จะมีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดนัทก็คิดว่าตัวเองโชคดีเหมือนกันที่ได้มีโอกาสรู้จักรุ่นพี่ที่ตัวเองนับถือ ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นคนดังของโรงเรียนแท้ๆ แต่กลับไม่ถือตัวเลย

เพื่อนของโดนัทที่เรียกเจ้าตัวเมื่อครู่ก้าวเข้ามายกมือไหว้คนเป็นรุ่นพี่ก่อนจะหันไปทักทายเพื่อน มีรอยยิ้มล้อเลียนปรากฏบนหน้า ปัญญาเห็นว่าได้เวลาที่เขาควรถอยแล้วจึงส่งยิ้มให้รุ่นน้องอีกรอบก่อนจะขอตัวเรียบๆ

"งั้นไว้คุยกันใหม่นะโด พี่ก็จะขึ้นห้องเรียนกับไอ้เบนซ์ล่ะ ไว้เจอกัน"

เบนซ์ที่เดินตามหลังเพื่อนมายกแขนโอบบ่าปัญญาอย่างสนิทสนม ขาของทั้งคู่ยังไม่หยุดขณะที่อีกฝ่ายขยับหน้าไปใกล้เพื่อนแล้วพูดเสียงกระซิบ "ว่าไง ไอ้ปัน แผนการเอิกเกริกของแก ฉันว่าแผนนี้แม่งทำให้เรื่องยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าแกจะซื้อรองเท้าให้เขาอีก คนมองกันทั้งโรงเรียน"

"ก็เว่อร์ไปมึง แค่ผูกเชือกรองเท้า"

บางทีเบนซ์ก็ไม่เข้าใจมาตรฐานของเพื่อนเขาคนนี้เหมือนกัน

"แล้ว... ได้มารึเปล่า เบอร์รองเท้าน่ะ"

"ไม่"

เบนซ์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างแปลกใจ ในขณะที่ปัญญาหันกลับมายิ้มกวนๆ ให้เพื่อนแล้วพูดต่อ

"ไม่พลาด"

"ร้ายนะมึง"

จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินขึ้นตึกเรียนไป





หลังจากที่สุ่มชิ้นงานของสินค้าอย่างหนึ่งขึ้นมาตรวจ ผมก็รู้สึกได้ว่าอารมณ์ที่ขุ่นมัวของตัวเองที่สะสมมาแต่เมื่อวานซืนเพิ่มพูนขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้ผมกำลังจ้องตัวชิ้นงานดำสนิทที่มีขนาดเท่าหัวแม่โป้ง มีกล้องจุลทรรศน์คอยส่งเพื่อให้เห็นรายละเอียดด้านในอย่างชัดเจน และผมก็พบว่าตรงที่ยื่นออกมาแถบปลายเบี้ยวไปเล็กน้อย งานเสียชัดๆ

"นี่ใครได้ตรวจงานตัวนี้บ้างไหมเนี่ย" ผมพูดอย่างอารมณ์เสีย หยิบชิ้นงานชิ้นอื่นแต่เป็นประเภทเดียวกันขึ้นมาดูว่าเสียไหม ชิ้นนี้ล็อตหนึ่งจะหล่นมาทั้งหมดหกตัว และผมก็ค้นพบว่าในหกตัวนี้มีสองตัวที่เสีย แล้วนี่วันนี้ทำไอ้เจ้าตัวนี้ไปกี่กล่องแล้วเนี่ย “พวกที่ต้องคอยเดินตรวจไปไหนกันหมด ไม่ทำงานกันรึไง!”

“ขอโทษค่ะพี่ดล” สาวิ่งกระหืดกระหอบมาทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนของผม “วันนี้พี่อรหยุดงาน ตรงนี้เลยไม่มีใครเดินดู”

“ทำไปกี่กล่องแล้ว” ผมถามอย่างอดทน เดินไปที่ตัวเครื่องแล้วปล่อยให้ชิ้นงานไหลลงมาใส่กล่องเล็กๆ ในมือเพื่อเอามาตรวจอีกครั้ง และผลก็เป็นตามเดิม ดีสี่ชิ้นเสียสองชิ้น แล้วกล่องหนึ่งมีกี่ร้อยกี่พันชิ้น…

“หกค่ะ” ลูกน้องผมพูดเสียงอ่อย ผมหันขวับไปมองเจ้าหล่อนพร้อมกับออกคำสั่ง

“ปิดเครื่องเดี๋ยวนี้ แล้วเอาหกกล่องนั่นไปนั่งแยกงาน เบอร์ 2 กับ 4 งาน NG นี่ไม่รู้ตัวกันบ้างเลยเหรอ ทำไปกี่พันชิ้นแล้วนั่น”

NG ในที่นี้หมายถึง No good ครับ ถ้าเอามาใช้ในโรงงานแบบนี้ก็หมายถึงงานเสียนั่นเอง และเราจะส่งงานเสียให้ลูกค้าไม่ได้ ต้องแยกออก ไม่รู้เหมือนกันที่อื่นเขาใช้ตัว ng เหมือนกันไหม แต่เท่าที่ดูพวกโรงงานญี่ปุ่นที่ผมดีลงานอยู่ด้วยก็ใช้กันหมดน่ะนะ

“โหย พี่ ต้องแยกหมดเลยเหรอ หกกล่องเลยนะ” สาเริ่มครางเมื่อเห็นชะตากรรมของตัวเองลางๆ ผมส่งสายตาคมกริบไปให้พร้อมกับพูดกดดันทันที

“แหงสิ จะส่งงานเสียให้ลูกค้าหรือไง หรือว่าจะทิ้ง? ผมไม่ยอมให้ทิ้งหรอก เอาไปแยกเดี๋ยวนี้ ไปเรียกคนที่พอมีเวลามาช่วย”

“ค่ะพี่” พูดเสียงอ่อยแล้วเดินจากไป ผมก้มลงมองงาน NG ในมือแล้วได้แต่ส่ายหน้า จริงอยู่ว่าถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็จะมองไม่ออกเลยว่ามัน NG เพราะมันกลมกลืนไปกับชิ้นอื่นๆ แบบแทบแยกไม่ออก แต่งานเสียก็คืองานเสีย แล้วนี่ทำเสียกันไปขนาดนี้ก็ไม่ได้มีใครเอะใจกันเลย ถ้าผมไม่ลงมาดูคงโดนลูกค้าเคลมล็อตนี้เป็นว่าเล่นแน่ๆ

“ดล”

ผมหันไปมองตามเสียงเรียก ก้องนั่นเองที่เขามาทักในรอบนี้

“ว่าไงครับ”

“โทษทีที่ขัดจังหวะครับ แต่ประธานเรียก”

“เรื่องอะไรเหรอ”

อีกฝ่ายยักไหล่ “ไม่แน่ใจเหมือนกัน เขาแค่ขอให้มาตามดลหน่อย”

อาจจะโดนเฉ่งเรื่อง NG นี้ก็เป็นได้ เพราะถึงยังไงผมก็อยู่แผนกควบคุมคุณภาพ ต่อให้ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง แต่ก็ถือว่าอยู่ในส่วนความรับผิดชอบของผมอยู่ดี

ผมเดินกลับเข้าไปในสำนักงานเพื่อไปพบกับประธานบริษัทชาวญี่ปุ่นที่พูดไทยคำอังกฤษคำในการสื่อสารกับพวกเรา แต่หลังๆ มานี่เจ้าตัวก็เริ่มพูดไทยได้คล่องขึ้นแล้วนะถ้าเทียบกับตอนมาใหม่ๆ ชายหนุ่มวัยห้าสิบกว่าที่ดูอ่อนกว่านั้นส่งยิ้มให้ผม โยชิดะซังเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มง่าย แต่อย่าให้โกรธขึ้นมา โรงงานแทบจะพังเป็นแถบๆ

ผมนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามตามคำเชื้อเชิญของเขา

“มีอะไรเหรอครับ ประธาน”

“อาทิตย์นี้ว่างหรือเปล่า ดล หรือว่าติดนัดอื่นที่ไหน”

ผมชะงักไปเล็กน้อย การที่อีกฝ่ายเกริ่นถามมาแบบนี้ ผมก็พอจะเดาได้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร

เอาวะ… อย่างน้อยก็ไม่ได้โดนเรียกมาด่าเรื่องงาน

“ตอนนี้ก็ไม่ได้มีกำหนดการอะไรเป็นพิเศษนะครับ”

“แล้วลูกชายล่ะ น้องปันน่ะ”

คราวนี้ผมชะงักกึกไปทันที เริ่มรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมานิดหนึ่ง

“ยังไม่แน่ใจเลยครับ ไม่รู้มีเรียนพิเศษหรือว่านัดเพื่อนที่ไหนรึเปล่า”

“เหรอ อยากชวนดลกับน้องปันไปออกรอบน่ะ ร้องปันเล่นเก่ง นี่ผมก็ว่าจะพาลูกสาวไปอีกรอบนี้”

คราวที่แล้วที่ผมไปออกรอบกับเจ้านาย ผมเอาลูกชายตัวเองไปด้วยเพราะไอ้ดลก็เล่นกอล์ฟฝีมือใช้ได้… ซึ่ง เอ่อ จริงๆ มันก็เล่นเก่งกว่าผมนั่นแหละ แต่ช่างเถอะ แล้วประเด็นคือน้องเอริ ลูกสาวของประธานซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นก็ได้มาออกรอบด้วย เอริอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกผม และผมแน่ใจว่าเจ้าหล่อนต้องแอบติดใจอะไรลูกชายผมแล้วเอามาบอกคนพ่อแน่

หึๆๆ… เห็นลางไม่ดีเสียแล้วสิ

“เอาเป็นว่าผมจะถามปันก่อนแล้วมาบอกอีกทีนะครับ”

“รบกวนด้วย นี่ลูกผมเขาบอกอยากเล่นกับน้องปันอีกน่ะ ยังไงก็พามาให้ได้นะ”

นั่นไง๊… พูดไม่ทันขาดคำ

ผมเดินออกมาจากสำนักงานเพื่อมาจัดการงาน NG ที่ยังค้างคาต่อ ถอนหายใจเฮือกออกมาอย่างเสียไม่ได้ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ งาน NG ตัวหนึ่งที่ผมดูค้างไว้อยู่ในนั้น

ผมหยิบมันขึ้นมาชูเพื่อให้แสงส่องกระทบลงบนมุมที่จะทำให้เห็นตัวชิ้นงานชัดๆ นั่นยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้ว่างานเสียแบบนี้จะปล่อยให้ออกไปจากโรงงานไม่ได้

NG โคตรๆ

เหมือนลูกชายผมไม่มีผิด





---------------------------------------------------
เอาบทที่ 2 มาให้แล้วค่ะ! ไม่มาม่านะคะ ไม่มาม่าค่ะะะะ//ส่วนใครคู่ใครนั้น... อือ รอดูกันต่อไปแล้วกันเนอะ อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :o8 :o8: :o8: รอ

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
ปันเสน่ห์แรง

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ลักษณะ DNA จะไม่ตรงกัน, พ่อเตี้ย ลูกสูง... อย่างนี้ไม่ incest >///<

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เหมือน ปัน ถูกลูกสาวนายจองตัวซะแล้ว

ดล ไม่ใช่ถูกเพื่อนต่างแผนก แอบๆมองอยู่นะ  o18
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ greenoak004

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่ incest ได้ไหมครับ

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 3



เสียงหวดไม้กอล์ฟดังตัดอากาศไปอย่างไพเราะ ลูกกลมๆ สีขาวที่ลอยหวือขึ้นกลางอากาศเรียกเสียงอุทานอย่างตื่นตะลึงให้กับพ่อลูกโยชิดะได้เป็นอย่างดี แม้แต่ผมเองที่เห็นเทคนิคในการเล่นกอล์ฟของไอ้ปันมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งยังอดมองตามอย่างชื่นชมไม่ได้

แสงแดดส่องกระทบใบหน้าคมคายที่มีเหงื่อเกาะพราวทั่วใบหน้า ปัญญาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ขณะมองตำแหน่งที่ลูกกอล์ฟของตัวเองลอยหวือไป หากนัยน์ตาสีดำขลับคู่สวยที่เหมือนแม่ของเจ้าตัวไม่มีผิดไม่มีร่องรอยของความรื่นรมย์หรือพึงพอใจกับผลงานของตัวเองเลย และนั่นเป็นข้อยืนยันอย่างดีสำหรับสิ่งที่ผมสงสัยมาตั้งแต่ที่เราเริ่มเล่นไปได้เกือบครึ่งชั่วโมง

ไอ้ปัญญากำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง อาจจะถึงขั้นหงุดหงิดหรือโมโหเลยด้วยซ้ำ และบางทีผมอาจจะพอเดาได้ก็ได้ว่าเพราะอะไร

"สุดยอดเลยค่ะ พี่ปัน" เอริ เด็กสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมาทั้งชีวิตพูดขึ้นอย่างชื่นชม สำเนียงภาษาไทยของหล่อนรื่นหู ในขณะที่เจ้าตัวก็เป็นฝ่ายออกปากเองอีกว่าพูดภาษาญี่ปุ่นแทบจะไม่ได้เลยเพราะไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน "วงโค้งเมื่อกี้สวยมาก พี่ปันทำได้ไงเนี่ย สอนกันบ้างสิ"

"ก็แค่ตีธรรมดาเองครับ" ปันตอบกลับอย่างสุภาพ รอยยิ้มจางฉาบอยู่บนหน้า แต่ผมรู้ดีว่าหมอนี่กำลังใช้ความอดทนอย่างหนักในการไม่แสดงความในใจออกมา

เอริถือเป็นเด็กสาวที่จัดได้ว่าหน้าตาสะสวย ร่าเริงสดใส แถมยังสุภาพและถ่อมตัว เห็นได้ชัดจากการที่เจ้าตัวเรียกปัญญาว่าพี่ทั้งที่เด็กทั้งสองก็อยู่ชั้นม. 5 เหมือนกัน แค่ไอ้ปันเกิดก่อนเจ้าหล่อนไปนิดเดียวเท่านั้นเอง ที่สำคัญ บ้านหล่อนจัดได้ว่าฐานะดี (แหงล่ะ บ้านประธานผมนี่) การเรียนก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าทำไมไอ้ปันไม่นึกสนบ้าง

และในที่สุด หลังจากที่จบเกมช่วงเช้า นั่งรถกอล์ฟกลับมาถึงบริเวณสโมสรที่มีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ ปันก็พูดขอตัวจากเอริและเดินเข้ามาหาผม ก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เลยทีเดียว

"พ่อคิดจะทำอะไร" เด็กหนุ่มพูดเสียงลอดไรฟัน "จับคู่ดูตัวเหรอ? คิดว่าเราอยู่ยุคไหนกันแล้ว ไดโนเสาร์เต่าล้านปีรึยังไง"

"ยุคไดโนเสาร์ไม่มีคนอยู่สักหน่อย" ผมเถียงข้างๆ คูๆ "จะไปจับคู่ดูตัวได้ไง"

"แปลว่าพ่อคิดจะจับผมคู่กับเอริจริงๆ"

"เปล่าสักหน่อย ฉันจะทำแบบนั้นไปทำไม"

ปัญญามองผมตาเขียวปั้ดอย่างคาดคั้น และทั้งๆ ที่ผมเป็นพ่อมัน มันเป็นลูกผม แต่ผมก็ยังอดรู้สึกหวั่นๆ ในอกกับสายตาแบบนั้นไม่ได้ ผมรีบอธิบายทันที

"ฟังนะ นี่ไม่ใช่ความคิดฉัน แค่เจ้านายฉันอยากให้แกมาเล่นกอล์ฟกับเขาแล้วก็ลูกสาวเขาด้วย มันก็เท่านั้น"

“แต่พ่อก็พอรู้ว่าหัวหน้าพ่อตั้งใจทำอะไร”

ผมอ้าปากเตรียมจะค้าน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจยักไหล่พร้อมกับพูดตรงๆ "ก็พอจะรู้"

"พ่อทำแบบนี้ทำไม" น้ำเสียงของปัญญาเต็มไปด้วยความสับสนและไม่พอใจ "พ่อก็รู้แล้วว่าผมเป็นยังไง ทำไมถึงยังทำแบบนี้อีก"

"กับอีแค่เล่นกอล์ฟ แกจะอะไรนักหนา"

"ก็พ่อเพิ่งจะบอกอยู่หยกๆ ว่าจุดประสงค์ไม่ใช่แค่เล่นกอล์ฟ" พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะเต้นด้วยความขัดใจ ผมทั้งขันทั้งหงุดหงิดกับท่าทางนั้นถึงผมจะแอบหวังไว้หน่อยๆ ว่าไอ้ปันอาจจะเปลี่ยนใจมาสนใจลูกสาวเจ้านายบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะบังคับจับคู่มันกับใครจริงๆ เสียหน่อย

"ก็แค่อยากให้ลองรู้จักเพื่อนใหม่เท่านั้นล่ะน่า ไม่ต้องตีโพยตีพายขนาดนั้นก็ได้"

"พ่อทำแบบนี้ ผมโกรธจริงๆ แล้วนะ"

"แล้วไง" ยิ่งพูด อารมณ์หงุดหงิดยิ่งพุ่ง "ต้องให้ฉันขอโทษด้วยไหม" นี่ฉันเป็นพ่อแกนะโว้ย

"พ่อแม่ง" พูดด้วยน้ำเสียงใส่อารมณ์เต็มที่ ก่อนจะสะบัดตูดเดินพรวดๆ ไปที่ห้องน้ำ เห็นลูกแสดงท่าทีแบบนี้ใส่นี่ผมแทบอยากจะคว้าไม้กอล์ฟฟาดหัวมันด้วยความรักสักรอบ ไอ้หมอนี่... ยิ่งโตยิ่งก้าวร้าว ทั้งท่าทางกระฟัดกระเฟียดและคำพูดหยาบคายนั่น…

ไหนใครบอกว่าการเล่นกีฬาจะทำให้สมองปลอดโปร่ง หืม?





ความอึมครึมระหว่างเราสองคนดูจะดำเนินไปยังทิศทางที่แย่ลงเรื่อยๆ ในช่วงสัปดาห์นี้ ก่อนหน้าที่ผมจะรู้ว่าไอ้ปันเป็นเกย์ ความสัมพันธ์พ่อลูกของเรามันก็ไม่ได้ดีอะไรมากมายอยู่แล้ว เหมือนอยู่กันไปเรื่อยๆ โดยไม่มีเรื่องหวือหวาอะไร แต่ตอนนี้ที่เราสองคนมึนตึงกันนี่สิ อย่างกับอยู่ในสงครามเย็นที่มีกับระเบิดวางอยู่ทุกตารางนิ้วของตัวบ้าน

อึดอัดเป็นบ้า!

วันนี้เป็นวันเสาร์อันเป็นวันหยุดที่แสนมีค่าซึ่งผมจะต้องคว้าอาวุธเป็นไม้กวาดและไม้ถูพื้นขึ้นมาทำความสะอาดบ้าน เสียงเครื่องซักผ้าดังครืดคราดปนเปไปกับเสียงทีวีที่ไอ้ปันเปิดทิ้งเอาไว้ แต่สายตาเจ้าตัวน่ะจ้องอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ ขาเหยียดยาวไปวางบนที่รองขาซึ่งมาคู่กันตอนซื้อโซฟา ผมรู้สึกเหมือนคิ้วขวากระตุกเมื่อเห็นลูกชายตัวแสบเอาแต่นอนเอกเขนก แถมยังหลุดหัวเราะออกมานิดหนึ่งอย่างอารมณ์ดีเพราะอะไรบางอย่างบนมือถือ จังหวะเดียวกันนั้นเองที่เครื่องซักผ้าส่งเสียงร้องว่าทำความสะอาดผ้าเสร็จแล้วพอดี

"ไอ้ปัน เอาผ้าไปตาก"

ทันทีที่ผมเปล่งเสียงออกจากลำคอ รอยยิ้มบนใบหน้าลูกชายก็ผลุบหายไปทันที แต่มือก็ยังกดหน้าจอมือถือไม่เลิก

"ครับ พ่อ"

"ตอบรับแล้วก็ลุกไปทำสิ" ยังจะนั่งเล่นอยู่อีก เดี๋ยวปั๊ดยึดมือถือซะเลย

"แป๊บหนึ่งสิ" ตอบกลับมาเสียงห้วน ยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นไปใหญ่

"แล้วแป๊บของแกจะนานเท่าไร ถึงพรุ่งนี้เลยไหม"

เท่านั้นเองปัญญาก็คว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงบนโซฟาอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด เท้าเขี่ยที่วางขาออกจากทางแล้วผุดลุกขึ้น เดินไปบริเวณครัวหลังบ้านที่เครื่องซักผ้าตั้งอยู่อย่างกระฟัดกระเฟียด ท่าทีแบบนี้ ถ้านั่นเป็นผม และผมเป็นพ่อผมล่ะก็... ป่านนี้ผมคงโดนฟาดก้นลายหรือไม่ก็โดนสั่งอดมื้อเย็นไปทั้งอาทิตย์แล้ว

แต่เพราะว่านั่นคือไอ้ปัน และนี่ก็คือผม ผมจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจยาวอย่างอัดอั้นแล้วลงมือทำความสะอาดต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จัดการชั้นล่างเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็ไปกวาดถูชั้นบนต่อ ขณะที่กำลังทำความสะอาดห้องมัน ผมก็สังเกตเห็นเศษกระดาษแผ่นหนึ่งหล่นอยู่บนพื้นที่ข้างโต๊ะ ผมจึงหยิบขึ้นมาดูว่ามันคือกระดาษอะไรและสมควรจะทิ้งหรือไม่ ปรากฎว่ามันคือใบเสร็จจากห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในละแวกที่เราอยู่

ผมกำลังจะโยนมันทิ้งอยู่แล้วถ้าไม่เอะใจถึงจำนวนเงินที่ระบุอยู่ในนั้นซะก่อน

2999 บาท!

นี่ไอ้ปันมันซื้ออะไรของมันแพงขนาดนี้วะเนี่ย แล้วเงินค่าขนมมันก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรขนาดนั้น

"ปัญญา!"

ผมตะโกนเสียงดังแบบที่ให้มั่นใจว่าไปถึงชั้นล่าง ระหว่างที่รอไอ้ตัวแสบเดินขึ้นบันไดมาผมก็พยายามดูว่าในใบเสร็จนี้มันเขียนรายการไว้ว่าอะไร และในที่สุดผมก็นึกออกว่ามันคือยี่ห้อรองเท้าชื่อดังที่ราคาสูงลิบขนาดที่ตัวผมเองยังไม่คิดแตะ เสียงเปิดประตูดังขึ้นตามมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

"ว่าไง พ่อ มีอะไรอีก"

"แกซื้อรองเท้าใหม่มาเหรอ" พูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มอารมณ์เต็มที่พร้อมกับยื่นใบเสร็จไปตรงหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็งุนงงด้วย ก็ผมไม่เห็นไอ้ปันมันจะใส่รองเท้าคู่ใหม่ตอนไหน

ปัญญานิ่งไปนิดหนึ่งอย่างลังเล ก่อนเจ้าตัวจะตอบอ้อมแอ้มด้วยน้ำเสียงกระด้าง "ใช่ครับ"

"แล้วมันอยู่ไหน"

"อะไรอยู่ไหน"

"รองเท้าคู่ละ 3 พันของแกไง"

"2999 เหอะ"

"มันอยู่ที่ไหน" ยังจะกวนตีนอีก ฟาดปากลูกตัวเองนี่โดนตำรวจจับไหมเนี่ย

ไอ้ตัวแสบมีสีหน้าลังเลอึดอัดขึ้นมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่เราทำสงครามเย็นใส่กัน ผมรีบคาดคั้นเจ้าตัวทันที

"บอกพ่อมา ปัน"

"ผม... ผมให้คนอื่นไปแล้ว"

ผมรู้สึกเหมือนลมจะจับ หัวนี้ปวดจี๊ดขึ้นมาราวกับมีอะไรหนักๆ ทุบลงตรงกลาง หลังจากความงุนงงผ่านไป ความโกรธที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ก็เข้ามาแทนที่

"แกซื้อรองเท้าคู่ละ 3พันให้เพื่อนเหรอ?"

"มันเป็นวันเกิดน้องเขา" ไอ้ปันที่ตอนนี้หน้าซีดเป็นไก่ถูกต้มไปแล้วพูดเสียงอ่อย ผมเบิกตากว้างกับประโยคบอกเล่านั้นทันที

"น้องที่ว่านี่... โดนัทใช่ไหม"

ไอ้ตัวแสบพยักหน้าหงึก ผมนี่อยากจะถลาเข้าไปผ่าสมองของมันออกมาดูนักว่าคิดบ้าอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ทำอะไรไร้ความคิดขนาดนี้

"แกใช้เงินเกินครึ่งที่ได้จากฉัน... ไปซื้อรองเท้าให้รุ่นน้อง?" ผมพูดอย่างคนที่น็อตกำลังจะหลุด ความอดทนที่มีอยู่ลดลงไปเรื่อยๆ ราวกับอุณหภูมิที่ขั้วโลก

ผมให้เงินไอ้ปันใช้เดือนละ 5 พันบาททุกเดือนเพื่อให้มันเอาไปซื้อข้าวซื้อขนม จ่ายค่ารถโดยสารหรืออะไรก็ตามที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นพวกอุปกรณ์การเรียนหรือของอื่นๆ ที่เห็นว่าจำเป็นผมก็ออกต่างหากให้ แต่นี่... มันเอาเงินเกินครึ่งของมันไปซื้อรองเท้าให้คนอื่นเนี่ยนะ!?

"ผมพอมีเงินเก็บ" ปัญญาพยายามอธิบายอย่างไม่ยอมแพ้ แม้สีหน้าแววตาจะฉายแววรู้สึกผิดชัดเจนก็ตาม "ผมใช้เงินตัวเอง"

"แกลืมพูดไปนะว่าเป็นเงินที่ได้มาจากฉัน"

"แต่มันก็เป็นเงินของผมแล้วไม่ใช่เหรอ"

ผมจ้องหน้ามันอย่างกดดันในขณะที่ปัญญาเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ตัวเองตีมันแรงที่สุดตั้งแต่เลี้ยงมันมา และเหมือนปันเองก็คิดแบบเดียวกัน สีหน้าของเจ้าตัวถึงได้ซีดเซียวยิ่งกว่าตอนที่ผมโกรธมันเรื่องอื่นๆ เจ้าตัวพูดเสียงอ่อยแต่ก็ยังไม่ยอมรับผิด

“ผมไม่เห็นเข้าใจเลยว่าพ่อจะโกรธอะไร”

“อ้อ ไม่หรอก แกเข้าใจอยู่แล้วว่าฉันโกรธอะไร”

“มันก็แค่นานๆ ที” ในที่สุดปัญญาก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาผม พูดด้วยความดื้อดึงแบบที่ผมนึกอยากจับมันไปตีก้นแบบตอนเด็กๆ “ใช่ว่าผมซื้อของแพงแบบนั้นทุกวันสักหน่อย ทำไมต้องโกรธกันด้วย”

“ถ้าแกซื้อให้ตัวเองฉันคงไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่…”

“แล้วมันจะต่างกันตรงไหน มันเป็นความพอใจของผม”

“แกคิดว่าเงินทองมันหาง่ายนักรึไงวะถึงได้เอาไปบันดาลความสุขให้คนอื่นแบบนั้น”

“โดนัทไม่ใช่คนอื่น!”

คำพูดนั้นเหมือนสาดน้ำมันเข้ากองไฟ ถ้าผมเด็กกว่านี้สักยี่สิบปีคงกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความขัดใจไปแล้ว ไอ้ลูกบ้านี่นอกจากจะเอาเงินที่ผมหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงไปซื้อของให้ชาวบ้าน มันยังตอกย้ำรสนิยมทางเพศของมันให้ผมรับรู้อย่างเจ็บแสบที่สุด

“ฉันไม่สนหรอกว่าเขาจะเป็นใคร! ยังไงแกก็ไม่ควรซื้อของให้เขาแพงขนาดนั้น!”

“ก็ผมพอใจ แล้วนั่นมันก็เงินผม!”

“เงินที่ฉันให้แกต่างหากล่ะโว้ย!”

เหมือนเราทั้งคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุดความอดทนของตัวเอง ปัญญาดันตัวผมที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของมันไปอีกทางในขณะที่ผมได้ยืนมองอย่างงุนงง

“จะทำอะไรน่ะ” ผมเอ่ยถามเมื่อหาเสียงของตัวเองเจอในขณะที่ไอ้ปันคว้าเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเป้แบบลวกๆ

“หนีออกจากบ้าน”

เออเฮ้ย เพิ่งรู้ว่าการหนีออกจากบ้านสมัยนี้มีการบอกกันล่วงหน้าแบบนี้ด้วย แถมทำให้ดูเห็นกันจะจะต่อหน้า

“แกประสาทกลับไปแล้วเหรอ”

ปัญญาหันขวับกลับมาหาผมอย่างไม่ลดละ “พ่อต่างหากที่เพี้ยนไปแล้ว ตั้งแต่พยายามจะจับผมคู่กับลูกสาวนายล่ะ ก็รู้อยู่ว่าผมเป็นเกย์ ก็รู้อยู่ว่าผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วยังจะทำอะไรไม่เข้าท่า ผมรู้ว่าพ่อไม่ยอมรับที่ผมเป็น แต่ไอ้การจับคู่เนี่ย…”

“แกอย่ามาเฉไฉเปลี่ยนเรื่องหน่อยเลยไอ้ปัน ถ้าการเป็นเกย์ของแกจะต้องทำให้เสียเงินมากมาย--” พูดไปผมถึงได้รู้ว่าพลาด ปัญญาหันหน้ากลับมามองผมตาขวาง หากแววตามีร่องรอยของการตัดพ้อน้อยใจอยู่

ไอ้ตัวแสบผลักไหล่ผมให้พ้นไปจากทางจากนั้นก็พุ่งพรวดลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว

“ผมเกลียดพ่อ! ได้ยินไหม ผมเกลียดพ่อที่สุดเลย!”

คำพูดที่ฟังดูเหมือนคำที่เด็กอนุบาลใช้ตอนที่ไม่ได้ดั่งใจนั่นกลับทำให้ผมตัวชาไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนใจหวิวไปครู่หนึ่งก่อนที่ความโมโหจะเข้ามาครอบงำอีกรอบ

“เออ! แกจะไปไหนก็ไปเลย! ไอ้ลูก--”

โครม!

เสียงปิดประตูบ้านดังตามมาราวกับตอบรับคำท้าของผม ผมทรุดตัวนั่งลงบนเตียงไอ้ปัน ยกมือขึ้นปิดหน้าก่อนจะครางออกมาอย่างอ่อนล้า แค่ลูกคนเดียวก็ยังทะเลาะกันจนทำให้มันต้องออกจากบ้านไปต่อหน้าต่อตา

ผมแม่งต้องเป็นพ่อที่โคตรแย่จริงๆ






“ไอ้ห่า ปัน แกทะเลาะกับพ่อเพราะเรื่องที่แกซื้อรองเท้าให้น้องโดนัท 4/7 เนี่ยนะ?” เสียงโวยวายมาจากไอ้เบนซ์ผู้เป็นเจ้าของห้องนอนที่เขามาขอนอนพักด้วยชั่วคราวเพราะระเห็จตัวเองออกจากบ้าน ที่น่าโมโหก็คือตอนที่เขาบอกจะออกมา พ่อไม่ได้พยายามรั้งอะไรเขาไว้เลย

“เออ ยุ่งไม่เข้าเรื่องชิบหาย กูจะซื้อของให้ใครก็เรื่องของกูเปล่าวะ” ปัญญาเถียงกลับอย่างมันในอารมณ์ เขาอยู่บนเตียงของเพื่อนสนิทอย่างคนที่เข้าออกบ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังที่สอง เด็กสาวอีกคนที่อยู่ในห้องเงยหน้าขึ้นมาจากโน้ตบุ๊คที่กำลังทำงาน รายนี้ชื่อจูน เจ้าหล่อนทำงานกลุ่มเดียวกับปัญญาและเบนซ์พอดี พอรู้ว่าปันมาอยู่บ้านเบนซ์แล้วเจ้าตัวเลยถือโอกาสมาแจมด้วยเพื่อทำรายงานด้วยกันเสียเลย

“แต่แกพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียวนะ ไอ้ปัน” จูนให้เหตุผล “ถึงยังไงเงินของแกก็เป็นเงินที่ได้มาจากพ่อแก เขาจะไม่ชอบใจที่แกซื้อของแพงขนาดนั้นให้คนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

“แต่เขาให้กูแล้วปะวะ” ยังเถียงไม่ยอมลดละตามเคย

“เขาให้มึงเอาไปใช้เวลาที่จำเป็นรึเปล่า หรือไว้ใช้ซื้อของที่มึงอยากได้เอง”

“กูอยากได้รองเท้าเอาไปให้น้องโดนัทเอง”

จูนหันมายักไหล่ให้เพื่อนร่วมกลุ่มอีกคน “กูจนปัญญาจะพูดล่ะ”

“แต่นี่มึงทะเลาะกับพ่อบ้านเปิงเพราะเรื่องรองเท้านี่เหรอวะ ไม่เกินเหตุไปหน่อยเหรอ”

“อืม… กูว่ามีอีกเรื่องที่น่าจะแบบ เป็นปัญหามาก่อน แล้วพอมาเจอเรื่องนี้มันเลยระเบิดโผละ! แตก”

“ปัญหาเรื่องที่ว่าคือ?” จูนเลิกคิ้วข้างหนึ่ง

“เขารับไม่ได้ที่กูเป็นเกย์”

“อ้าว” คราวนี้เสียงไอ้เบนซ์ “แล้วเขารู้ได้ไงวะว่ามึงเป็นเกย์ ทำไมจับได้เร็วจัง”

“เปล่า กูบอกเขาเอง”

“เฮ้ย” ชายหนุ่มคนเดิมสะดุ้ง มองเพื่อนรักราวกับสิ่งแปลกปลอมที่หลุดมาจากมิติอื่น “แล้วเอ็งไปบอกเขาทำม้าย… ไอ้ปัน มึงบ้าปะเนี่ย”

“ก็กูไม่ชอบมีความลับกับพ่อนี่” พูดพลางยักไหล่ทีหนึ่ง จูนเห็นท่าทางนั้นแล้วหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้

“รู้เลยไงมึง ผลเป็นไงล่ะ”

“ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร”

“เขาก็ต้องรับไม่ได้อยู่แล้วป่าววะ ยิ่งมึงเป็นลูกชายคนเดียว” เบนซ์ส่ายหน้ารัวๆ เขาไม่นึกว่าเพื่อนรักของเขาจะเพี้ยนขนาดไปบอกบุพการีของตัวเองโทงๆ ว่าเป็นเกย์ ต่อให้มันจะสนิทกับพ่อขนาดไหนก็เถอะ

“เออ แต่เอาน่า ยังไงตอนนี้เขาก็รู้แล้ว เขารู้นานยัง?” หญิงสาวพูดเหมือนปลอบพลางตะล่อมถามต่อ

“เกือบสองอาทิตย์ล่ะ”

“แผลยังใหม่… พอมีเรื่องนี้มาด้วยเขายิ่งฟิวส์ขาดสิ แถมคนที่แกให้ก็ดันเป็นผู้ชาย… เขารู้ใช่ไหมว่าแกซื้อรองเท้าให้ใคร ปัน”

“รู้” ตอบพร้อมกับห่อไหล่ลงอย่างแห้งเหี่ยว จูนกับเบนซ์ส่ายหน้าแทบจะพร้อมๆ กัน

“หน้าตามึงก็ออกจะฉลาดแท้ๆ นะ”

“กูฉลาดจริงๆ โว้ย ไม่ใช่แค่หน้าตา”

“แล้วมึงคิดจะเอายังไง จะนอนบ้านไอ้เบนซ์มันไปตลอดรึไง?”

“ไม่รู้ แต่กูไม่ชอบที่เขาไม่ยอมรับในตัวกู” พูดพลางเล่ายาวไปถึงเรื่องที่นพดลพยายามจะจับคู่เขากับลูกสาวเจ้านาย จูนฟังแล้วได้แต่ส่ายหัวอีกรอบอย่างอ่อนใจ

“สรุป มึงก็เลยโกรธพ่อเรื่องนั้นแล้วพาลไม่คุยกับเขา?”

“กูเปล่าพาลนะ แต่กูโกรธจริง”

จ้ะ ไม่พาลเลยสักนิดจ้ะ

“แต่เขาก็ผิดเปล่าวะที่ไม่ยอมรับในตัวกู” พูดพลางหยิบหมอนขึ้นมากอดในอ้อมแขนเหมือนหาที่ช่วยปลอบประโลมทางใจ เจ้าของหมอนได้แต่มองอย่างอ่อนใจ

“กูว่ามึงอาจจะต้องให้เวลาพ่อมึงมากกว่านี้หน่อยนะ อยู่ๆ มึงเล่นเซ่อเดินไปบอกเขาแบบนั้น จะให้เขายอมรับทีเดียวมันก็เกินไปม้าง”

“กูเห็นด้วยกับไอ้เบนซ์” จูนรีบว่า

อ้าว เฮ้ย กูไม่เหลือคนในทีมตั้งแต่เมื่อไหร่

“ส่วนเรื่องรองเท้า… เอาจริงกูว่ามึงผิดว่ะ ปัน กูรู้ว่ามึงอยากทุ่มเทให้คนที่มึงชอบ แต่มึงก็ยังเป็นแค่นักเรียน น้องเขาก็เหมือนกัน รองเท้าคู่ละสามพันสำหรับเด็กม. 4 กูว่าเกินตัวไปหน่อย”

“เฮ้ย มึงแม่งพูดดีว่ะ” เบนซ์หันไปยกนิ้วชี้ให้เพื่อน จูนส่งยิ้มหวานกลับมาเป็นคำตอบ

“แน่นอน”

“แต่มันก็เงินกูเปล่าวะ…” ยังเถียงไม่เลิก แต่เสียงอ่อยลงมาก หน้าก็ก้มงุดลงกับหมอนเรื่อยๆ

“มึงก็ลองคิดดูแล้วกันว่าคนที่เขาหาเงินงกๆ มาให้มึงใช้เขาจะรู้สึกยังไงกับสิ่งที่มึงทำ มองอีกด้านหน่อยเพื่อน” จูนพูดพร้อมกับลุกออกจากเก้าอี้ หยิบกระเป๋าขึ้นถือ เตรียมตัวกลับบ้าน “เราแบ่งงานเอาให้พวกแกแล้วนะ ไปทำต่อให้เสร็จแล้วส่งมาทางเฟส ไปล่ะ แม่กูบอกจะถึงหน้าบ้านแล้ว เจอกันวันจันทร์”

“เดี๋ยวกูไปส่ง” เบนซ์ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเดินตามจูนออกไป ทิ้งไว้ให้คนที่หนีออกจากบ้านแบบโต้งๆ หน้างอง้ำลง ฟุบหน้าลงบนหมอนที่กอดอยู่แนบอกแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

จริงๆ สิ่งที่จูนพูดเป็นสิ่งที่เขาสำนึกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่พยายามหลอกตัวเองให้ทำเป็นไม่มองในมุมนั้น…

และพอนึกดูแล้ว… แม่งก็จริงของมัน พ่อเขาทำงานก็เหนื่อยไม่ใช่น้อยแท้ๆ ยังต้องมาเจอกับความงี่เง่าของเขาอีก

เขาแม่งเป็นลูกที่โคตรเหี้ยเลยว่ะ




---------------------------------------------------
Talk: โง้ยยย พ่อลูกคะ ดีกันเถอะค่ะะะ ใจคอไม่ดีเลย ถถถถถถ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2017 18:18:19 โดย Airiณ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด