ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]  (อ่าน 65234 ครั้ง)

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
เรื่องเริ่มมันส์ละ

ออฟไลน์ MimoreQ

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อยากให้ปันคู่กับพ่ออ่าา จริงๆ นะ ไม่อยากให้คู่กับโดเลย โอ้ยยยยยยย รอตอนต่อไปค่าา

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
อ้าว พ่อดล หาคนปลอบใจด่วนค่ะ

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 11



“พี่ปัน… มาได้ยังไงครับ” โดนัทหลุดปากถามออกไปหลังจากที่พวกเขาทั้งคู่เดินออกมาจากตัวบ้านไกลพอสมควร “ผมนึกว่าพี่กลับไปแล้ว”

“อ้อ เอ่อ เปลี่ยนใจน่ะ” เขาอึกอักเล็กน้อย รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาบอกรักหรือทำซึ้ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันรวดเร็วดังพายุ และเขาต้องรอให้มันสงบลงก่อน “แล้วนายเป็นยังไง พี่เห็นเลือดออกตรงขมับ”

“อ้อ… นี่มัน…”

คนทั้งคู่หยุดเดินกันกลางทาง เนื่องจากปัญญาเลือกใช้ทางตัดสวนตอนนี้รอบตัวเขาจึงเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่และแสงจากโคมไฟที่ค่อนข้างริบหรี่ เด็กหนุ่มเลื่อนมือไปขยับเส้นผมนุ่มของโดนัทแล้วพิจารณาบาดแผลที่ดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงมากเท่าที่คิด

แต่… ถึงแบบนั้นก็เถอะ

“ต้องถึงขั้นเลือดตกยางออกกันเลยเหรอ”

“เปล่าหรอกครับ อันนี้ผมซุ่มซ่ามไปชนกับขอบที่เก็บจานในครัวเอง ไม่ใช่ความผิดของม๊าหรอก”

“เจ็บมากรึเปล่า”

“เมื่อกี้ก็เจ็บครับ” เจ้าตัวยิ้มหวานที่ดูจะฝืดๆ สักเล็กน้อย “แต่ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว ก็พี่อยู่กับผมนี่นา”

โอ๊ย ทำไมหมอนี่มันขี้อ้อนแบบนี้… แถมยังอ้อนไม่รู้จักเวล่ำเวลา

“โธ่เอ๊ย ไม่ต้องฝืนตัวเองก็ได้แท้ๆ” เขาว่าพร้อมกับกอดรุ่นน้องตรงหน้าอย่างหวงแหน โดนัทนิ่งอึ้งไป รอยยิ้มที่เขาพยายามรักษาไว้ค่อยๆ เลือนหาย แขนทั้งสองข้างค่อยๆ ยกขึ้นแล้วกอดตอบอีกฝ่ายแน่น และเมื่อไปพักหนึ่ง เจ้าตัวถึงได้ถอยออกมา สีหน้าดูหม่นลง

“ให้พี่มาเห็นสภาพทุเรศๆ ของผมจนได้”

“พูดอะไรแบบนั้น” ปัญญาว่าเสียงอ่อน หัวแม่โป้งเลื่อนเกลี่ยที่ข้างขมับนั้นอย่างเบามือ ใจหายเหมือนกันที่เห็นรุ่นน้องที่มักมีรอยยิ้มตลอดดูเจ็บปวดและเหนื่อยอ่อนขนาดนี้ แต่ถ้ารอยยิ้มนั่นต้องมาเพราะการฝืน ปันคิดว่าเขาอยากเห็นหน้าแบบนี้มากกว่า

"ขอโทษนะฮะ พี่ปัน"

"ก็บอกว่าอย่าพูดแบบนั้นไง"

"ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องที่พี่ควรต้องมารับรู้เลย" โดนัทพูดต่อเหมือนเพ้อ ปัญญาเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นก่อนจะฉุดแขนอีกฝ่ายให้ก้าวเดินต่อ โดนัทก้าวเท้าตามไปอย่างงงๆ "พี่จะพาผมไปไหนน่ะ"

"บ้านพี่" เขาตอบโดยไม่หันกลับไปมอง สิ่งที่โดนัทได้เห็นจึงเป็นสีหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายที่ดูมุ่งมั่นและมั่นคงแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แม้ว่าแสงไฟจากข้างทางจะน้อยนิดแต่เขากลับเห็นเสี้ยวหน้าของปันได้อย่างชัดเจน

"ผมไม่มีอะไรติดมาเลยนะ"

"เดี๋ยวให้ยืม"

"จะดีเหรอพี่ปัน" ยังถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ "พาผมไปนอนบ้านพี่แบบนี้ พ่อพี่จะไม่โกรธเหรอ"

"ไม่เป็นไร"

"ไม่เป็นไรได้ไง" น้ำเสียงของเด็กหนุ่มอัดอั้นขึ้นเรื่อยๆ "ผมรู้นะว่าน้าดลก็ไม่ชอบผม ไม่ชอบที่เราเป็นแบบนี้"

คำพูดนั้นทำให้ปันหยุดฝีเท้าลงอีกรอบ เขาหันกลับไปมองอีกฝ่าย บีบบ่าโดนัทแน่นก่อนจะยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงมั่นคง

"ไม่เป็นไรหรอก เชื่อพี่สิ ถึงพ่อพี่อาจจะไม่ชอบใจเรื่องของเราบ้าง แต่เขาจะไม่ตีพี่หรือโดแน่ๆ"

แม้ว่าคำว่า 'เรื่องของเรา' จะทำให้โดนัทชื้นใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี

"พ่อพี่ใจดีนะ เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก" ปัญญายิ้ม แววตาบ่งบอกเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองพูด "เอาเป็นว่าคืนนี้ไปค้างบ้านพี่ก่อนเถอะ แล้วเราค่อยคิดหาทางกันว่าจะเอายังไงต่อ ตกลงนะโด?"

"ครับ พี่ปัน" เจ้าตัวพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มที่ปันอยากเห็น "พี่ปันว่ายังไง ผมก็ว่าตามนั้นแหละครับ"

มาอีกแล้ว... ยิ้มหวานๆ แบบนั้น เห็นแล้วอยากจับจูบชะมัด!






ปัญญาไม่ได้คาดหวังว่าพ่อเขาจะต้องออกมาปูพรมแดงให้ทั้งเขาและโดนัทเข้าบ้านหรืออะไรแบบนั้นก็จริง แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะเจออีกฝ่ายกำลังยกเหล้าเข้าปากหลังจากที่ไม่ได้แตะมานานแบบนี้เหมือนกัน แต่ถึงพ่อของเขาจะเมาจนหน้าดำหน้าแดงเพียงใด พอเห็นสภาพยับเยินของเด็กหนุ่มที่เขาหิ้วกลับบ้านมาด้วย ชายหนุ่มก็รีบเล่นบทบาทคนเป็นผู้ใหญ่ กุลีกุจอสั่งให้ปัญญาดูแผลให้โดนัททันที

"เช็ดแผลให้น้องก่อน ปัน เดี๋ยวพ่อไปหยิบกล่องพยาบาลมาให้"

"พ่อฮะ บ้านเรามียาทาแก้ฟกช้ำรึเปล่า พอดีโดถูกตีมา"

"อะไรนะ"

ปัญญาจัดการถอดเสื้อของอีกฝ่ายเพื่อดูรอยช้ำที่อยู่บนแผ่นหลัง แม้แต่นพดลที่ลงมือตีลูกชายเป็นครั้งคราวยังต้องอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง นี่บ้านของไอ้เด็กหน้าหวานนี่คิดว่าตัวเองอยู่ในสมัยยังไม่เลิกทาสหรือยังไง แล้วนี่มันลูกตัวเองไม่ใช่เรอะ!?

"แม่เลี้ยงหมอนี่ตีมาน่ะครับ" ปันรีบอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าของคนเป็นพ่อ "ผมว่าผมรีบทำแผลให้น้องดีกว่า"

"แม่เลี้ยงเหรอ" เขาทวนคำ เดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์มาถือ "ยังกับนิทานเรื่องสโนไวท์ ที่ อะไรนะ พ่อตายแล้วมีแม่เลี้ยงโหดๆ"

"ซินเดอเรลล่าครับ/ซินเดอเรลล่าพ่อ" ทั้งโดนัทและปัญญาประสานเสียงพร้อมกัน ทำเอานพดลแทบจะสร่างเมาได้

"เออน่า มันก็คือๆ กันแหละ" จะมาสนใจเรื่องนี้ทำไมตอนนี้เนี่ย

"แล้วนี่พ่อจะไปไหนครับนั่น"

"ไปซื้อยาทาให้น้อง ปันหาอะไรอุ่นๆ ให้โดนัทดื่มก่อน เดี๋ยวพ่อรีบกลับ ดูแลน้องดีๆ ล่ะเข้าใจไหม"

นพดลเดินออกมาจากตัวบ้าน เหลือบมองลูกชายที่นั่งขนาบอีกฝ่าย ปล่อยให้โดนัทเลื่อนศีรษะมาซบกับบ่าของตัวเอง เขานึกถึงวันที่มิ้นต์รู้ตัวว่าท้องปัญญา หล่อนเองก็นั่งพิงไหล่เขาแบบนี้เหมือนกัน และเขาก็จับมือหญิงสาวไว้ เหมือนที่ปัญญากำลังจับมือโดนัทอยู่ในตอนนี้ ดูแล้วทั้งสองคนคงมีความรู้สึกดีๆ ให้กันจริงๆ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ชายทั้งคู่…

"สุดท้ายแล้วคนที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับเรา เขาก็ไม่มีทางรักเราแบบคนในครอบครัวได้ใช่ไหมครับ"  เสียงแว่วๆ ที่ลอยมาให้เขาได้ยินมาจากปากของโดนัท นพดลรู้สึกหน้าชาขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เขาไม่อยู่รอฟังคำตอบจากปากของปัน หากเร่งฝีเท้าให้รีบก้าวผ่านความมืดของยามค่ำคืน

นึกถึงช่วงเวลาที่เขาเคยจูบหญิงสาวผู้เป็นที่รัก คนที่หล่อนก็บอกว่ารักเขามากเช่นกัน เขาเคยเชื่อมั่นในคำนั้นอย่างสุดหัวใจ แต่ตอนนี้เขาไม่รู้อีกต่อไปแล้วล่ะว่าควรจะเชื่ออะไรดี





นพดลปล่อยให้ลูกชายช่วยจัดการทายาและดูแลบนร่างกายของโดนัทในขณะที่เขาคอยมองอยู่ห่างๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องเตรียมไปแยกย้ายเข้านอนแล้ว ชายหนุ่มก็เอ่ยปากกับเด็กหนุ่มเสียงเรียบ

"ปันจะมานอนกับพ่อรึเปล่า เตียงปัน นอนสองคนมันจะอึดอัดไปไหม"

ปัญญาอ้าปากขึ้นมาก่อนจะหุบกลับไป ท่าทางลังเล แต่แล้วเจ้าตัวก็กลั้นใจพูดขึ้นมาจนได้

"คือ... คืนนี้ขอผมนอนกับโดได้ไหมพ่อ ผมเป็นห่วงน้อง"

นพดลเข้าใจทันทีว่าลูกชายเขาอึกอักอะไร ไอ้ตัวแสบกลัวเขาจะไม่พอใจที่จะนอนร่วมห้องกับโดนัทนั่นเอง แต่ตอนนี้เขาไม่ใส่ใจเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้วล่ะ

"โอเค ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลน้องดีๆ แล้วกัน พ่อจะไปนอนแล้ว ปันเองก็พักผ่อนเยอะๆ"

"เออ พ่อ" ปัญญาเรียกรั้งอีกฝ่ายที่กำลังจะเดินเข้าห้องเอาไว้ นพดลหันมาเลิกคิ้วให้เขา "พ่อ... มีอะไรรึเปล่า พ่อไม่ได้ดื่มมานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ แล้วดื่มหนักขนาดนั้น..."

นพดลหันกลับมามองหน้าคนถามนิ่ง ไม่พูดตอบอะไร

"คือ... เอ่อ เครียดเรื่องงานเหรอพ่อ ช่วงนี้งานหนักเหรอ"

"...ใช่" เขาตอบกลับไปในที่สุด แม้ว่ามันจะไม่เป็นความจริงก็ตาม

"อ่า งั้นเหรอครับ... งั้น ผมขอให้ผ่านช่วงนี้ไปเร็วๆ นะ ยังไงก็อย่าดื่มเยอะนักนะพ่อ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ"

อาจจะด้วยความสับสนกับความจริงที่เพิ่งได้รู้สดๆ ร้อนๆ หรืออาจจะเพราะฤทธิ์เหล้าที่เขากรอกเข้าร่างกายไปจำนวนมาก หรืออาจจะเพราะทั้งสองอย่างที่ทำให้นพดลตอบกลับไปเสียงห้วน

"เป็นเด็กเป็นเล็กก็อย่ามายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ได้ไหม"

ปัญญาชะงักไปเล็กน้อยอย่าตกใจ สีหน้านั่นทำเอานพดลรู้สึกผิดวูบขึ้นมา

"เอ่อ ขอโทษครับพ่อ ผมก็แค่เป็นห่วง"

ชายหนุ่มไม่พูดอะไรตอบ แค่ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา

"งั้น... เข้านอนเถอะครับพ่อ ผมก็จะไปนอนแล้วเหมือนกัน ฝันดีฮะ"

"ฝันดีปัน" สุ้มเสียงของเขาอ่อนลง มองลูกชายเดินหายกลับไปเข้าในห้องแล้วเจ้าตัวก็เดินลงไปชั้นล่างอีกรอบ ตรงไปที่โต๊ะทานข้าว มองเหล้าที่เขาเพิ่งเปิดหลังจากวางสายจากเกรซไปไม่นาน ยังเหลืออีกครึ่งขวด

เอาล่ะ มาดูกันซิว่าเขาจะไปทำงานพรุ่งนี้ไหวไหม






“โหย! พี่ดล ทำอะไรมาคะเนี่ย? สภาพอย่างกับผีลืมหลุม” สา ลูกน้องสาวของผมพูดขึ้นด้วยสีหน้าตกใจเกินเหตุ หรือไม่บางทีสภาพผมก็อาจจะเลวร้ายกว่าที่ตัวเองจริงๆ ก็ได้ เมื่อคืนเล่นล่อซะหนัก เช้ามานี่ปวดหัวตึ้บๆ เหมือนมีตัวอะไรมาเต้นดิสโก้อยู่ในหัว แต่ผมก็กัดฟันจัดการข้าวเช้าให้เด็กทั้งสองคนที่คงต้องใช้ความพยายามพอๆ กันในการปลุกตัวเองให้ตื่นแล้วตกลงใจไปโรงเรียนด้วยกัน มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับโดนัทไม่น้อยหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์แย่ๆ มาเมื่อคืน

“อืม ดื่มหนักไปหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก แล้วงานที่ค้างเมื่อวานถึงไหนแล้ว” ผมพูดปัด เดินดุ่มๆ เขาไปประจำโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วเปิดคอม เจ้าหล่อนเองก็กำลังหย่อนตัวนั่งโต๊ะของตัวเองเหมือนกัน

“หนูส่งเมล์ให้พี่แล้วค่ะ เหลืออีกไม่กี่ข้อ ต้องรบกวนให้พี่ช่วยดูหน่อย แล้วก็มีของจากทางญี่ปุ่นมาเมื่อคืนนะคะ พี่อาจจะอยากไปดู”

“อืม เดี๋ยวสักสิบโมงค่อยไป” ผมพึมพำตอบขณะรอให้หน้าจอคอมปรากฏขึ้นมา

นั่งทำงานไปได้ครู่ใหญ่ อยู่กับหน้าจอบ้าง เดินออกไปดูงานในโรงงานสลับกัน แต่ในหัวผม ในใจผมนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องงานแวะเวียนเข้ามาเลย

มันมีแค่เรื่องของปัน… แล้วก็ของผู้ชายซึ่งเป็นดาราชื่อดังคนนั้น

คนดังระดับนั้นจะส่งเงินเป็นหมื่นเป็นแสนให้ลูกผมได้ก็ไม่แปลกหรอก คงไม่กระเทือนขนหน้าแข้งเขาด้วยซ้ำ ต่างจากผมที่ทำงานตัวเป็นเกลียวขนาดนี้ก็ยังต้องนั่งลุ้นว่าจะมีเงินพอใช้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่างของบ้านรึเปล่า (ถึงจริงๆ แล้วผมจะมีเงินก้อนที่เก็บเข้ากองทุนไว้ก็เถอะ แต่ไอ้พวกนั้นตั้งใจเก็บไว้ให้ไอ้ปันคนเดียวเลย และไม่อยากเอามาแตะตอนนี้ด้วย)

ผมคิดไม่ตก ภาพของจดหมายฉบับนั้นที่เขียนประโยคสั้นๆ เอาไว้ เรื่องที่เกรซรายงานจากการสืบหามาได้ ทุกอย่างมันลงล็อกไปหมดเสียจนน่ากลัว และความจริงที่กำลังตอกย้ำผมพวกนั้นเป็นสิ่งที่ถ้าผมเลือกได้คงไม่ขอรับรู้น่าจะดีเสียกว่า

และเมื่อถึงเวลาพักกลางวัน ผมก็ทนความกดดันและความอัดอั้นที่อยู่ในอกนี้ต่อไปไม่ไหว ผมขับรถออกมาจากที่ทำงาน ตัดสินใจไปจอดอยู่แถวๆ สวนสาธารณะที่ไร้ซึ่งผู้คนเพราะแดดร้อนเปรี้ยง ผมเดินหลบเข้าไปอาศัยร่มเงาใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งจากนั้นจึงต่อสายโทรศัพท์ถึงองอาจ คนที่คอยดูแลของปัญญามาตลอด

ผมรับเรื่องนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว และผมจะต้องได้คุยกับผู้ชายคนนั้น

“สวัสดีครับ” ปลายเสียงตอบกลับมาอย่างนุ่มนวลและสุภาพอย่างเคย แต่ผมกลับรู้สึกเดือดขึ้นมากับน้ำเสียงเนิบนาบนั่นอย่างบอกไม่ถูก

“สวัสดีครับ คุณอาจ ผมขอสายเจ้านายคุณหน่อยได้ไหมครับ”

ปลายสายนิ่งเงียบไปเล็กน้อย ผมเดาว่าเขากำลังอึ้ง

“เอ่อ คุณดล ว่าไงนะครับ เจ้านายที่ทำงานผมน่ะเหรอ”

“ใช่ครับ” ผมว่าเสียงเย็น “คนที่คอยให้ทุนปันมาตลอดไง”

“เอ่อ คือว่าตอนนี้ท่านกำลัง--”

“หรือจะต้องให้ผมระบุชื่อว่าผมขอสายใคร” ยิ่งพูดยิ่งของขึ้น ไม่ต้องมีมันล่ะ มารยง มายาท “ได้ ผมขอสายคุณบดิศร สว่างวงศ์ คนที่คอยส่งเงินให้ลูกชายผมทุกเดือน…อ้อ ไม่สิ หรือผมควรจะพูดว่าลูกชายเขาดีล่ะ”

“คะ… คุณดล ถือสายรอสักครู่นะครับ” น้ำเสียงของชายสูงวัยแปรเปลี่ยนเป็นอึกอักทันที

ผมปล่อยให้เขาคุยกับใครอีกคนตามที่ได้ยินผ่านโทรศัพท์มาแว่วๆ อย่างใจเย็น แน่นอนว่าผมรอได้ ยังไงทุกอย่างนี่มันยืดเยื้อมากว่า 17 ปีอยู่แล้วนี่ แล้วนี่อีกแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ทำไมผมจะรอไม่ได้

“ฮัลโหล สวัสดีครับ” น้ำเสียงทรงอำนาจที่ติดจะห้วน สุภาพแต่เหินห่างนั่นทำให้ผมเผลอกำโทรศัพท์สมาร์ตโฟนในมือแน่นขึ้น “นี่ผมเอง บูม บดิศร คนที่คุณอยากจะคุยด้วย”

“เป็นเกียรติมากเลยครับที่ได้คุยกับดาราที่มีชื่อเสียงอย่างคุณแบบนี้” ผมกัดฟันกรอด “ถ้าคุณอยู่ตรงหน้า บางทีผมอาจจะขอลายเซ็นด้วย คุณคงไม่รังเกียจใช่ไหม”

“อย่ามาเล่นแง่อยู่แบบนี้เลย คุณนพดล” เสียงของเขาเย็นเยียบอย่างคนใกล้หมดความอดทน “ผมรู้ดีว่าคุณโทรมาหาผมทำไม ทำไมไม่พูดธุระจริงๆ ของคุณมาเสียทีล่ะ”

“เหรอ คุณรู้เหรอว่าผมโทรมาหาคุณทำไม” ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะพูดจาวกวนและกวนประสาทแบบนี้เพื่ออะไร รู้แต่ว่าผมยังไม่อยาก… ยังไม่อยากกระโดดเข้าหาความจริง “งั้นทำไมคุณไม่ลองพูดดูล่ะว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผมโทรหาคุณ”

“คุณรู้แล้วว่าปัญญาเป็นลูกผม ไม่ใช่ลูกคุณ”

คำพูดนั่นทำให้ผมเข่าอ่อน คงทรุดลงไปกองกับพื้นแล้วถ้าไม่ใช่เพราะกำลังยืนพิงต้นไม้อยู่ด้านหลัง รู้สึกเรี่ยวแรงถูกดูดหายไปหมด

“ผม… ผมไม่เข้าใจ” น้ำเสียงของผมสับสนอย่างน่าสมเพช และผมสงสัยว่าปลายสายกำลังดูแคลนอยู่รึเปล่า “คุณรู้จักกับมิ้นต์ได้ยังไง ไปเจอกันที่ไหน โลกของหล่อนกับโลกของคุณมันไม่ควรจะมาบรรจบกันแท้ๆ”

“คนที่คิดอะไรอยู่ในกะลาแบบคุณคงนึกได้แค่นั้น” น้ำเสียงนั่นเย้ยหยันจนผมอยากขว้างโทรศัพท์ในมือทิ้ง เขาคงคิดว่าผมโง่จริงๆ สินะที่ถูกเมียสวมเขาให้โดยที่ไม่เคยรับรู้อะไรเลย “ผมกับมิ้นต์ เราเจอกันที่งานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนผม และผมเดาว่านั่นคงเป็นเพื่อนของเพื่อนมิ้นต์อีกที แต่จุดเริ่มต้นจะเป็นยังไงก็ช่าง ผมตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่แรกเห็น ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้หล่อนมาต่อให้ผมจะรู้อยู่แล้วว่ามิ้นต์มีคุณ… ผมเหนือกว่าคุณทุกอย่าง ทั้งชื่อเสียงแล้วก็ความสามารถ เงินทองก็เหมือนกัน ผมทำให้หล่อนมีความสุขได้ ในขณะที่คุณทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากมองเฉยๆ ให้หล่อนตายไปทั้งๆ อย่างนั้น!”

“คุณแม่งจะมาเข้าใจอะไรวะ!” การตายของมิ้นต์ที่ปลายสายหยิบยกขึ้นมาเสียดแทงใจ ผมรู้ดีว่าการรักษาสมัยนั้นยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนสมัยนี้ และครอบครัวทั้งของผมและของมิ้นต์ก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายที่จะพาหล่อนไปรักษาในที่ที่ดีกว่านั้นได้ แต่ผู้ชายคนนั้นกลับกำลังพูดว่าเขาคงช่วยมิ้นต์ได้ถ้าเกิดเขามีโอกาสนั้นงั้นเหรอ

“มิ้นต์เลือกคุณ นพดล! ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าผู้ชายอย่างคุณมีอะไรดีให้---”

“อย่างน้อยผมก็ดีกว่าคุณที่แอบเป็นชู้กับเมียชาวบ้านล่ะวะ!”

“แฟน พูดให้ถูก ไอ้หนู ตอนนั้นแกกับมิ้นต์ยังเป็นแค่แฟน” เขาทำเสียงจุ๊ๆ ส่งมาตามสายราวกับผมเป็นเด็กอายุสามขวบ “แล้วฉันก็พลาดที่ทำมิ้นต์ท้อง แต่หล่อนเข้าใจว่าตัวเองท้องกับแก เพราะงั้นหล่อนถึงได้บอกแกก่อนตอนที่รู้ว่าตัวเองพลาด”

“ฉันเป็นคนที่คบกับมิ้นต์ในตอนนั้น มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วรึเปล่าวะ”

“แกไม่เข้าใจหรอก นพดล” น้ำเสียงของเขาเจ็บแค้น “ฉันบอกมิ้นต์ว่าฉันยอมทำทุกอย่าง ฉันขอให้---”

“ขอให้มิ้นต์หนีไปด้วยกันกับคุณ” ผมต่อประโยคนั้นให้จบ “ผมเจอกระดาษแผ่นนั้นแล้ว”

“ใช่ แต่มิ้นต์ไม่ยอมมา” ถึงตอนนี้ น้ำเสียงของอีกฝ่ายก็เริ่มอ่อนระโหย “หล่อนบอกว่าไม่อยากทำให้อาชีพของฉันต้องจบลง มิ้นต์… มิ้นต์บอกผมว่าผมยังไปได้อีกไกล และเรื่องลูกจะทำให้ผมเกิดในวงการนี้อีกไม่ได้”

“ขอบใจนะ ผมกำลังอยากได้ยินอยู่เชียวว่าเมียผมรักและเป็นห่วงชู้ของตัวเองขนาดไหน”

“ทำไมแกต้องพูดประชดหล่อนด้วยวะ! มิ้นต์ตายไปแล้วด้วยซ้ำนะ!”

“แล้วผมต้องสรรเสริญผู้หญิงคนที่หักหลังผมไปนอนกับผู้ชายคนอื่นเรอะ!” ยิ่งพูดยิ่งของขึ้น ผมไม่รับรู้อะไรเลยนอกจากความโกรธของตัวเอง “มิ้นต์โกหกผมจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตเลยด้วยซ้ำ! หล่อนไม่เคยพูดเลยว่าปันไม่ใช่ลูกของผม!”

“ก็บอกแล้วไงว่าตอนนั้นมิ้นต์ก็ไม่รู้เรื่องนี้! หรือถ้าแกรังเกียจเด็กคนนั้นนักก็เอาเขามาให้ฉัน!”

คำพูดนั้นเหมือนไม้หน้าสามตีกลางแสกหน้า ผมไม่เคยรู้สึกอยากซัดหน้าใครมาก่อนเท่านี้ หมอนี่แม่งกล้าพูดแบบหน้าด้านๆ อย่างนั้นมาได้ยังไง!?

“ปันเป็นลูกฉัน!”

“แค่จะส่งเขาเรียนในที่ที่เขาอยากจะเรียน แกยังทำไม่ได้เลย!”

“ไอ้---!!” ไอ้สารเลวเอ๊ย!

“คุณบูม พอเถอะครับ ยิ่งพูดไปแบบนั้น---” เสียงขององอาจดังแทรกเข้ามาตะกุกตะกัก จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงยื้อแย่งโทรศัพท์ และในที่สุดองอาจก็กรอกเสียงลงมา “ขอโทษด้วยนะครับ คุณดล แต่ผมว่าตอนนี้ทั้งสองคนอย่าเพิ่งคุยกันน่าจะดีกว่า รอให้อารมณ์เย็นกันก่อนแล้วค่อยนัดคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวดีกว่าไหมครับ”

“ครับ” ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกสติของตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นผมขอวางสายก่อนนะครับ แล้วจะนัดวันยังไงค่อยว่าอีกที”

“ครับ ครับ เดี๋ยวผมจะติดต่อไป” จากนั้นสายก็ถูกตัดขาด

ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าผมจะสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้จริงๆ ผมทรุดตัวนั่งยองๆ ลงกับพื้นหญ้า มือทั้งสองข้างปิดหน้าอย่างอัดอั้น อยากจะกรีดร้องตะโกนแล้วก็โวยวายแบบที่คนเสียสติในโทรทัศน์เขาทำกัน อยากจะระเบิดร้องไห้แบบตอนเด็กๆ ที่พอมีอะไรไม่ได้ดั่งใจก็เอาน้ำตาเข้าว่า แต่ผมในตอนนี้จุกเกินกว่าจะทำอะไรได้

มีแค่ความเป็นจริงเท่านั้นที่กำลังโหมกระหน่ำเข้าใส่หัว

‘คุณรู้แล้วว่าปัญญาเป็นลูกผม ไม่ใช่ลูกคุณ’

‘ถ้าแกรังเกียจเด็กคนนั้นนักก็เอาเขามาให้ฉัน!’

ผมลุกขึ้นยืนเมื่อรู้สึกเหมือนมีเสียงหวีดแหลมดังอยู่ในหัว รู้ตัวอีกทีผมก็เขวี้ยงโทรศัพท์ในมือลงกับพื้นราวกับมันเป็นถ่านร้อนๆ

น้ำตาหยดหนึ่งหล่นลงมาที่ข้างแก้ม

ปัญญาไม่ใช่ลูกของผมกับมิ้นต์

ความเป็นจริงนี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว






“นายแน่ใจนะว่าคืนนี้จะกลับไปนอนบ้าน” ปัญญาเอ่ยถามรุ่นน้องข้างตัวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง โดนัทยกยิ้มหม่นๆ ส่งมาให้ กระชับกระเป๋าในมือแน่นขึ้น

“ครับ วันนี้ป๊าจะมารับที่โรงเรียน ผมรับปากไปแล้วก็ต้องกลับกับป๊า”

“แล้วพ่อนายจะไม่ว่าใช่ไหม เรื่อง…”

เด็กหนุ่มหน้าหวานส่ายหน้า “ผมไม่รู้จริงๆ ครับ พี่ปัน ผมไม่รู้เลยว่าป๊าจะคิดยังไง บางที… ผมอาจจะโดนตีอีกสักรอบ”

“ถ้าโดอยากจะมานอนบ้านพี่…”

“ไม่ครับ” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มมั่นคง “ผมไม่อยากหนีไปตลอด ถ้าป๊ารับไม่ได้ ผมก็จะพยายามพิสูจน์ให้ป๊าเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร”

ปัญญาชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อคนข้างตัวส่งยิ้มหวานให้เขาอย่างจริงใจ “อย่างที่พี่ปันกำลังทำอยู่ไง”

“โด…” เขาอึกอักเล็กน้อย เอื้อมมือไปแตะเส้นผมนุ่มสลวยของคนเป็นรุ่นน้อง รับรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเข้มแข็งแล้วก็กล้าหาญขนาดไหน บางทีอาจจะมากกว่าเขาด้วยซ้ำ “ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้นะ พี่อยู่ข้างโดตลอด”

“ผมรู้ครับพี่” อีกฝ่ายมองตาเขาตอบ มันลึกซึ้งจนชวนให้เด็กหนุ่มใจเต้นแรงตาม “ผมรู้มาตลอดว่าพี่หวังดีแล้วก็อยู่ข้างผม แค่นั้นก็ดีมากพอแล้วล่ะครับ”

ปัญญาไปส่งโดนัทที่รถและกล่าวสวัสดีพ่อของอีกฝ่ายอย่างใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจว่าพ่อของโดนัทไม่ได้มีท่าทีรังเกียจหรือหมางเมินเขาอย่างที่คาดเดาไว้ อาจจะเพราะเจ้าตัวยังไม่รู้… หรือไม่ก็รู้แต่ไม่ได้เดือดร้อนอะไร

“ขอบคุณที่ช่วยดูแลนัทนะ ปัน” แถมยังใจดีพอที่จะหันกลับมาพูดยิ้มๆ แบบนั้นกับเขา

ปัญญาหันกลับไปมองโดนัทอย่างมีความหวัง

บางที… ทุกอย่างอาจจะไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมดก็ได้






-----------------------------------------------------------------

Talk: ตัวละครใหม่ที่ชื่อโผล่มาให้เห็นหลายครั้งล่ะ//แต่ครั้งนี้ก็มาแค่เสียง ถถถถถ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจค่ะ :)

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ barataku

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ชื่นชมคนแต่งครับ
เป็นคนที่แต่งดราม่าได้สนุกมาก สามารถทำให้เข้มข้นได้โดยไม่อึดอัดหรือดูไร้เหตุผล ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
แล้วพ่อดลจะตัดสินใจยังไงต่อไปนะ

ออฟไลน์ MissMay

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอยยยย สงสารดล
เอาจริงๆ ที่มิ้นต์ทำก็ไม่ถูกนะ มันไม่ยุติธรรมกับดลเลย
ตัวเองมีกิ๊กตอนที่คบกับดล แถมไปมีอะไรกันจนตั้งท้องอีกต่างหาก
เรื่องนี้สงสารดลที่สุด ส่วนปันถ้ารู้เรื่องนี้ขึ้นมา บ้านแตกแน่ เฮ้ออ

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
สงสารดลอ่ะ คงรู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอกมาตลอดสินะ

สู้ๆ ทำอะไรคิดถึงปันด้วยนะ อย่าให้ปันเสียใจ ฮือออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใช่ ตอนแรกมินต์เข้าใจว่าท้องกับดล
แต่พอผ่านไปก็น่าจะรู้จากหน้าตาปัน ว่าปันลูกใครกันแน่

ถึงรู้มินต์ก็พูดไม่ออกอยู่ดีแหล่ะนะ
มันพูดกันได้ง่ายๆที่ไหนล่ะ
เรื่องคอขาดบาดตาย
ครอบครัวแตกสลายเลยนะ

บูม พูดแบบนี้ก็เกินไปนะ  :fire: :fire: :fire:
คนที่รู้มาตลอดว่าปันเป็นลูกตัวเอง
กับดล ที่เพิ่งรู้อย่างหัวใจสลาย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
สงสารดลจัง เจอความจริงโหดร้ายแบบนี้ คุณดาราใหญ่นี่ก็ปากคอเราะร้ายมากๆ พูดจาแย่จริงๆ

ออฟไลน์ bmine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
เกลียดผู้หญิงแบบมินต์มากกก ทำแอ๊บบอบบาง อ่อนโยน สุดท้าย.....ไข่ลูกของผู้ชายคนนึงไว้ให้ผู้ชายอีกคนเลี้ยง ถึงจะอ้างว่าไม่รู้ก็เถอะ แต่มันก็คือหลักฐานความใจง่าย เละเทะอ่ะ ดีออกกก โอ๊ยยย อินนนค่าาาา 55555

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ผู้หญิงบางส่วนชอบใช้ความรู้สึก มากกว่าความถูกต้อง เหมือนผู้ชายเจ้าชู้ สงสารปัน กับดล

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
เราหวังว่าพ่อลูกจะไม่มาได้กันเอง  อยากให้ความผู้ผันพ่อลูกยังเป็น พ่อลูกแม้จะไม่ได้มีสายเลือดเกี่ยวกัน อยากให้มิติของสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นแม้เรื่องจริงจะเปิดเผย

ไม่รู้ว่าคนแต่งวางพล๊อตไว้ยังไง  ติดตามต่อไป

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ความรู้สึกคนเรามันเปราะบาง สงสารคุณพ่อ :hao5:
รู้สึกไม่ชอบใจไอ้ดารานั่นมากๆ ขอให้ปันเป็นลูกแท้ๆเถอะ
ถ้าปันรู้เรื่องนี้ จะเป็นไงบ้าง
อะไรที่ผ่านมาปล่อยมันไป อยู่กับปัจจุบันแล้วยอมรับมันดีกว่า
ความรู้สึกของปันสำคัญที่สุดนะ คุณพ่อ

ออฟไลน์ MimoreQ

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านละอินมากกกก สงสารคุณพ่อ ฮือออ แต่สรุปว่าใครคู่ใคร โดนัท&ปัน กับ ดล&บูม เหรอ แงงงง ใจจริงอยากให้พ่อคู่ลูก 5555555 อ้าวไม่ใช่หรอ แต่เรายังมีความหวังกับเรือผีนะ55555

ออฟไลน์ Nekosama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากจะถามบูมจริงๆเลย ทำไมไม่บอกมิ้นต์แต่แรก ไม่ไปบอกพ่อแม่นางว่าทำลุกเขาท้อง ทำไมไม่มาดูแลมิ้นต์เองตั้งแต่แรก มาทวงสิทธิ์คนเป็นพ่อเอาทีหลัง ไม่เห็นใจคนที่ดูแลเขามาค่อนชีวิตแบบดลเลย หึ่ยๆๆ อินจัด TwT

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
สงสารดล...คุณพ่อที่ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว แต่วันนึงทุกสิ่งกลับพังทลายลงตรงหน้า มารู้ว่าเมียที่รักสวมเขา ลูกที่ฝูมฟักไม่ใช่เลือดเนื้อตัว..อยากกอดปลอบและมอบโล่คุณพ่อดีเด่นให้เลย    ผิดกะอิตาบูมพ่อที่แท้จริง ก็รู้มานาแล้วหนิว่าเขาเป็นลูกตัวแล้วตัวทำอะไรนอกจากซ่อนตัวอย่างห่างๆแล้วมาอ้างสิทธิว่าตัวเองมีพร้อมกว่า ถถถ...

ออฟไลน์ ผ้าห่มอุ่นๆ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สงสารดล :hao5:   :m15:ตกลงใครคู่ใคร
แต่ใจเรานั้นพ่อลูก...เรือออกมหาสมุทรไปไกลแล้ว :z6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ปันจะรู้สึกยังไงนะที่ไม่ใช่ลูกพ่อ  :ling3:

ออฟไลน์ ravyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เชียร์คุณพ่อกะนุ้งปันตั้งแต่บทแรก จนตอนนี้ที่ความลับเผยก็ยังเชียร์ต่อ งือออ <3

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 12



โดนัทก้าวเท้าตามป๊าเข้าไปในบ้านอย่างกล้าๆ กลัวๆ พี่สาวของเขานั่งอยู่ในโซฟาห้องรับแขกขณะที่ม๊าจัดแจงข้าวของบนโต๊ะกินข้าว ทั้งคู่หันกลับมามองเขากับป๊าในทันทีที่ก้าวเข้าสู่ตัวบ้าน

“มาแล้วเหรอไอ้นัท! ” ม๊าที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดใดๆ พูดกับเขาอย่างโกรธเกรี้ยว “นึกว่าจะไปนอนกกอยู่กับไอ้เด็กผูู้ชายคนนั้นที่สลอนเข้ามาคืนก่อนแล้ว แกคิดว่าจะปล่อยให้ใครต่อใครเข้าบ้านเราก็ได้อย่างนั้นเหรอฮะ”

โดนัทไม่พูดอะไรตอบ เขามองหญิงสาวที่ตัวเอง ‘พยายาม’ ให้ความเคารพมาตลอดหลายปีนี้ด้วยสีหน้าราบเรียบ เขาเรียนรู้แล้วว่าบางครั้งอะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต่อให้เขาจะพยายามแล้วก็ตาม

“ยังจะมาเงียบใส่ฉันอีกเหรอ! ”

“นัทคงโดนไอ้เด็กคนนั้นล้างสมองไปแล้วมั้งคะ ม๊า” คิตตี้พูดยิ้มๆ ขณะก้มลงไถหน้าจอมือถือของตัวเอง โดนัทมองตามคนที่ปูดเรื่องของเขากับปันด้วยสายตาจงเกลียดจงชัง

“วี ตี้ พอได้แล้ว” ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวพูดเสียงเรียบหากแฝงแววเย็นชา ทำเอาทั้งคู่ถึงกับรีบหุบปากฉับเพราะมีความเกรงใจสามีและป๊าอยู่มาก “เรื่องนี้ป๊าจะเคลียร์กับนัทเอง ไปเถอะลูก ขึ้นไปคุยบนห้องกัน”

โดนัทหน้าซีดลงทันทีขณะถามเสียงเบาหวิว “ป๊ารู้เรื่องนี้แล้วเหรอครับ”

ป๊าของเขาไม่ตอบ แต่ม๊าของเขาก็ช่วยตอบแทนให้

“แน่นอนสิ! คิดว่าฉันกับยัยตี้จะบอกป๊าแกเมื่อคืนยังไงล่ะที่แกไม่อยู่บ้านน่ะ โดนลักพาตัวไปเหรอ? ”

“ก็เข้าข่ายลักพาตัวได้อยู่นะ ม๊า อยู่ๆ ตานั่นก็เข้ามาแล้วก็ฉุดเอานัทไปเลย แถมยังมีท่าทีข่มขู่สุดๆ ”

“พี่ปันไม่ได้--”

“พอแล้ว ทั้งสามคนนั่นแหละ” คนเป็นพ่อสั่งเสียงเฉียบและเด็ดขาดกว่ารอบเมื่อกี้ “นัท ขึ้นมาบนบ้าน เดี๋ยวนี้เลย”

“ครับพ่อ” เขาตอบรับเสียงเบา กับแม่เลี้ยงและพี่เลี้ยงน่ะ เด็กหนุ่มไม่ค่อยแคร์หรอกว่าทั้งคู่จะรับเรื่องของเขาได้ไหม แต่ป๊าของเขาต่างออกไป… เขาอยากให้ป๊าเข้าใจเขาและยอมรับตัวตนของเขาได้จริงๆ

“ตายแน่แก” คิตตี้พูดเสียงเบาขณะที่ป๊าเดินนำขึ้นไปก่อนและโดนัทเดินเลี้ยวตรงมุมบันได หันลงมาเห็นพอดี หญิงสาวทำท่าปาดคอตัวเองประกอบไปด้วย โดนัทสงสัยจริงๆ ว่าเขาจะเกลียดใครมากกว่ายัยพี่เลี้ยงตัวแสบของตัวเองได้อีกไหม ไม่นับแม่เลี้ยงเขานะ รายนั้นเขาถือว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตนในชีวิตเขาด้วยซ้ำ

ทันทีที่ปิดประตูลง ล้มตัวนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวตัวหนึ่งในห้องนอนฝั่งตรงข้ามกับทีป๊านั่ง ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีเหมือนทุกข์ร้อนอะไร

“ไหนครับ นัท เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง เล่าให้ป๊าฟังหน่อยซิ”

โดนัทเล่าเรื่องทั้งหมดแบบรวบรัด แน่นอนว่าเขาเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ม๊าโกรธจัดถึงขนาดนั้นด้วย เพราะถึงยังไงป๊าก็รู้แล้วว่ารสนิยมของเขาไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาปิดบังอะไรกันอีก

ชายหนุ่มพยักหน้าเงียบๆ หลังจากฟังลูกชายเล่าจบ เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่แม้แต่โดนัทยังแปลกใจ

“นัท… นัทชอบพี่ปันงั้นเหรอลูก ชอบแบบผูกพันลึกซึ้งถึงขนาดที่อยากจะเป็นแฟนกับเขาเหรอ? ”

โดนัทอึ้ง ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะตรงไปตรงมาขนาดนั้น เขาพยักหน้ารับอย่างจำยอม มือกำขากางเกงแน่นขึ้นอย่างหวาดกลัว

“ครับ… ป๊า ผมชอบ… ชอบพี่ปัน ชอบแบบ… แบบอยากจะคบกับพี่เขา”

“แล้วพี่เขาล่ะ เขาคิดแบบเดียวกับที่นัทคิดรึเปล่า”

“เขา… เขายังไม่เคยพูดออกมาตรงๆ หรอกครับป๊า แต่ผมก็คิดว่าเขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน”

“เห็นจากที่เขามาช่วยนัทเมื่อคืนใช่ไหม”

“ป๊า… คือเรื่องม๊ากับพี่ตี้… ผมหมายถึง ม๊าคงไม่ได้ตั้งใจ”

“ป๊าเข้าใจ แต่ป๊าว่าม๊าก็ทำลูกแรงไปหน่อย ยังเจ็บแผลอยู่ไหมครับ”

โดนัทส่ายหน้าเบาๆ ความหวาดกลัวเลือนหายไปหมดแล้วตอนนี้ เขารับรู้ได้ว่าป๊าก็ยังเป็นป๊าคนเดิมที่แสนใจดีของเขา “พี่ปันช่วยทำแผลให้แล้วครับ ผมไม่เป็นไร”

“ป๊าถามได้ไหม พี่ปันคนนี้ของลูก ใช่คนเดียวกับพี่ปันคนที่อยากให้ลูกเล่นเทควันโดรึเปล่า”

โดนัทเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ก่อนเจ้าตัวจะก้มหน้างุดๆ ใบหน้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความอาย ลงท้ายด้วยการพยักหน้ารับแผ่วเบา

“งี้นี่เอง ไม่อยากเชื่อเลยนะว่านัทจะได้เจอพี่เขาอีก บังเอิญจริงๆ ”

“ตอนแรกผมก็ไม่รู้ครับว่าเขาคือคนเดียวกัน” โดนัทยอมรับ “แต่พอไปๆ มาๆ ผมก็มั่นใจว่าใช่เขาแน่ ถึงเขาจะจำผมไม่ได้ก็เถอะ เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเคยเรียนเทควันโดมาก่อน”

“งั้นเหรอ น่าเสียดายนะ”

เด็กหนุ่มหน้าหวานส่ายหน้ารัวๆ “ไม่หรอกครับ แค่ได้เจอเขาอีกครั้งแบบนี้ผมก็ดีใจแล้ว แถมเรายังสนิทกันมากขนาดนี้อีกต่างหาก”

โดนัทเงยหน้าขึ้นมองป๊าที่พยักหน้าเรียบๆ ให้เขาก่อนจะถามอย่างหวาดๆ

“ป๊า… ไม่โกรธผมเหรอครับ ที่ผมชอบผู้ชาย”

“อืม นั่นสินะ จะว่ายังไงดี น่าจะเรียกว่าตกใจมากกว่า แต่ป๊าไม่โกรธหรอก สมัยนี้คนเขาก็เป็นกันเยอะแยะ ที่ทำงานป๊าก็เป็นกันตั้งหลายคน”

“เอ่อ” โดนัทไหวตัวนิดหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายเลื่อนมือมาลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู

“ไม่ต้องเสียใจไปหรอกลูก ขอแค่ลูกเป็นคนดีก็พอ ส่วนเรื่องม๊ากับพี่ตี้… พ่อจะพูดให้เอง ตกลงไหมครับคนเก่ง”

“ขอบคุณครับป๊า” โดนัทถลาเข้าไปกอดอีกฝ่ายราวกับเด็กเล็กๆ เหตุผลที่เขายังทนอยู่ในบ้านบ้าๆ หลังนี้ได้ก็เพราะว่ามีป๊านี่แหละ “ขอบคุณจริงๆ ผมรักป๊านะ”

ส่วนเรื่องม๊ากับพี่ตี้… เขาไม่สนหรอกว่าสองคนนั้นจะยอมรับหรือเปล่า ก็เราไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ สักหน่อยนี่







พ่อของเขาทำตัวแปลกๆ ไปช่วงนี้ จากที่ไม่กินเหล้ามาตั้งหลายปี พักหลังนี่เห็นต้องกินตลอดก่อนนอนทุกคืน

“เฮ้ย ไอ้ปัน”

เสียงเรียกจากเพื่อนสนิทข้างตัวปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ของตัวเอง มองหน้าไอ้เบนซ์ที่ตอนนี้มีผ้าคาดหัวสีม่วงอันเป็นสัญลักษณ์สุดแสนยิ่งใหญ่ของตัวแทนแห่งสวนเพชร… เอ่อ สีม่วงของพวกเขานั่นเอง วันนี้เป็นวันที่สองที่ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมกีฬาสีประจำปีมา และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้เป็นตัวแทนของสวนเพชร (ซึ่งก็คือสีม่วงนั่นแหละ เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เรียกสีม่วงให้มันง่ายๆ ต้องมานั่งแยกสวนเพชร = สีม่วง สวนทับทิม = สีแดง สวนบุษราคัม = สีเหลือง บลาๆ ๆ ทำไม เรียกยากตายชัก) ลงแข่งในกีฬาหลากชนิดจนตัวเองยังมึนว่าต้องเตรียมไปแข่งอะไรต่อบ้าง

“มึงมัวเหม่อเชี่ยไรอยู่วะ ต่อไปวอลเล่ย์นะมึง วอร์มร่างกายพร้อมยัง”

“กูวอร์มพร้อมตั้งแต่เล่นบาสแมทช์ที่แล้วแล้ว ยังหอบไม่หายเลยสัส”

“หอบเหี้ยไร เหงื่อสักหยดกูยังไม่เห็น ว่าแต่ช่วงนี้มึงกับน้องโดนัทไปถึงไหนแล้วบ้างวะ มีอะไรคืบหน้ายัง”

“อืม…” ตอนนี้ในหัวเขานึกถึงนักกีฬาวอลเล่ย์คู่แข่งที่ตัวเองต้องเจอพร้อมกับคิดถึงเรื่องของโดนัทตามเพื่อตอบคำถามของคนข้างตัวไปด้วย “ก็เรื่อยๆ นะมึง แต่กูตั้งใจว่าจบกีฬาสีนี้กูจะสารภาพรักกับน้อง”

“เฮ้ย!? ” เพื่อนรักของเขาสะดุ้ง “ยังไม่ได้คบกันอีกเหรอ มึงนี่ช้านะไอ้สัส กูว่ากูหย่อนระเบิดไปตั้งนานแล้วนะ”

“ระเบิดเหี้ยไรของมึง”

“ไอ้ปัน! ไอ้เบนซ์! พ่อมึงเป็นหอยทากเหรอ!? รีบมาได้แล้ว! การแข่งจะเริ่มแล้วโว้ย”

นั่นแหละทั้งสองคนถึงได้วงแตก วิ่งไปสมทบเพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่ต่างห้องแต่สีเดียวกันจนได้







“เหนื่อยหน่อยนะครับ พี่ปัน” โดนัทที่มีผ้าสีแดงผูกอยู่ที่ข้อมือยื่นน้ำเย็นขวดหนึ่งส่งให้ขณะที่ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ รุ่นพี่ “ผมเห็นพี่วิ่งรอกแข่งอันนู้นเสร็จไปต่ออันนั้นมาตั้งแต่เช้าแล้ว พลังพี่จะเหลือล้นไปไหน”

“เหลือล้นอะไรล่ะ แค่นี้ก็จะลงไปหมอบกับพื้นแล้ว” ปัญญาว่าพร้อมกับรับขวดน้ำมาจากอีกฝ่าย เขามีผ้าขนหนูลายการ์ตูนโปเกม่อนที่ซื้อไว้เมื่อหลายปีก่อน จนถึงตอนนี้ก็ยังเอามาใช้อยู่ ไอ้เบนซ์ล้อเขาเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ปันก็ไม่เห็นว่าโปเกม่อนจะหนักหัวพ่อมันตรงไหน “ขอบใจนะโด เดี๋ยวพี่จ่ายค่าน้ำคืนให้ทีหลังนะ”

“ห้าบาทเนี่ยนะ ไม่เอาหรอกครับพี่ ผมตั้งใจซื้อมาให้พี่นั่นแหละ แล้วนี่พี่ไม่เช็ดเหงื่อบ้างรึไงครับ ท่วมหน้าเชียว” พูดพร้อมกับจับผ้าลายโปเกม่อนขึ้นซับเหงื่อบนหน้าของปัญญาอย่างอ่อนโยน หน้าของเด็กหนุ่มร้อนขึ้นในทันทีแต่เขาก็ยอมปล่อยให้โดนัทเช็ดหน้าตัวเองอยู่แบบนั้น

แล้วเขาก็นึกถึงสิ่งที่พ่อเคยเตือนได้… ปัญญายกมือขึ้นจับผ้าขนหนูของตัวเองแล้วพูดอึกอัก

“โทดที โด พี่ว่าพี่เช็ดเองดีกว่า ขอบใจมากนะ แต่… เอ่อ แถวนี้คนเยอะ”

โดนัทกะพริบตาปริบๆ มองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มมีเลศนัยออกมาขณะโน้มหน้าลงไปกระซิบถามข้างหู

“งั้นถ้าเป็นที่เปลี่ยวๆ ที่มีแค่เราสองคน พี่จะโอเคใช่รึเปล่าครับ”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้หน้าแดงเถือกไปถึงไหนต่อไหน เขาหันกลับไปมองรุ่นน้องที่ส่งยิ้มหวานแบบไร้เดียงสามาให้แบบไม่อยากจะเชื่อ นี่นับวันรุ่นน้องเขาชักทำตัวร้ายขึ้นๆ หรือเป็นเขาที่ไม่พัฒนาเกมของตัวเองจนโดนอีกฝ่ายวิ่งไล่มาแบบนี้กันเนี่ย?

“ใครสั่งใครสอนให้พูดจาแบบนี้” ปัญญากระซิบเสียงเบา กัดฟันกรอดอย่างเข่นเขี้ยว โดนัทหัวเราะเสียงใสเป็นคำตอบ ก่อนบรรยากาศหวานๆ รอบตัวพวกเขาจะต้องจบลงเมื่อมีเสียงเรียกของเพื่อนหญิงคนหนึ่งของเขาตะโกนมา

“ปัน! บาสเกตบอลรอบสุดท้ายแล้ว รีบมาเตรียมตัวเร็วแก เดี๋ยวไม่ทันโดนตัดสิทธิ์”

“งั้น… พี่ไปก่อนนะ โด เดี๋ยวแข่งบาสเสร็จแล้วก็หมดวันล่ะ ออกไปหาอะไรหน้าโรงเรียนกินด้วยกันนะ”

“ตกลงครับพี่” โดนัทว่าพลางยื่นกำปั้นของตัวเองชนกับของอีกฝ่าย “สู้ๆ นะครับ ขอให้ทีมพี่ชนะนะ”

“เอ่อ แต่พี่แข่งกับสวนทับทิมนะ”

“อ้อ” โดนัทหัวเราะร่วนอีกรอบ เพราะสวนทับทิมที่ว่ามันคือสีแดงของเขานี่เอง “งั้นไม่เชียร์พี่ล่ะ อย่าลืมแพ้กลับมานะพี่”

“เดี๋ยวเถอะไอ้ตัวแสบ รอพี่แข่งจบกันนะ นายโดนดีแน่”

แต่ดูเหมือนปัญญาจะไม่ได้ทำตามที่พูด เพราะหลังจากเริ่มแข่งไปได้ครึ่งทาง เหมือนความอ่อนล้าที่สะสมมาทั้งวันเพิ่งจะสำแดงฤทธิ์ โดนัทลุกขึ้นพรวดจากริมสนามที่เอาไว้นั่งดูทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายสะดุดขาจากผู้เล่นคนอื่นในสนาม และเพราะจังหวะลงไม่ดีทำเอาปัญญาหน้าคว่ำไปจูบพื้นคอนกรีตด้วยท่าที่สวยไม่มีที่ติถ้านี่เป็นการแข่งจับกบ

“พี่ปัน! ”

“ไอ้ปัน! ตายไหมนั่น หน้าแม่งจ่อมพื้นแล้ว”

“ว้าย พี่ปันคะ เป็นอะไรมากรึเปล่า”

ปัญญาพยายามยันตัวลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับส่ายหน้าเพื่อบอกคนรอบตัวว่าไม่เป็นไร ก็พอดีกับตอนที่เลือดหยดหนึ่งที่ไหลลงมาจากหน้าผากเข้าตาเขาพอดีนั่นแหละ

“กรี๊ด!! พี่ปัน เลือดออก! ”

“เฮ้ย ไปห้องพยาบาลเถอะมึง เดี๋ยวหาคนมาลงแทน”

“เออๆ โทษทีพวก” หันไปบอกคนในทีมขณะที่เดินไปหยิบผ้าขนหนูของตัวเองขึ้นมาซับเลือด รู้สึกเหมือนขาไม่ค่อยเป็นใจ ก้มลงดูถึงได้เห็นแผลที่เขาทั้งสองข้าง เลือดกำลังซิบออกมาเลย โดนัทเข้ามาพร้อมกับรีบว่าด้วยท่าทีร้อนรน

“ผมว่าพี่รีบไปห้องพยาบาลเถอะครับ ผมพาไปนะ พี่ปันเดินไหวรึเปล่า”

“อ๊ะ อื้อ โอเค ขอบใจนะโด” เขาว่า ไม่ทันสังเกตเลยว่าโดนัทเข้ามากัน ‘สาวๆ ’ คนอื่นๆ ที่ตั้งท่าจะมาพาเขาไปห้องพยาบาลเหมือนกัน แล้วใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าทั้งสองคนนี้เป็นข่าวกันอยู่…

สงสัย… ข่าวที่ว่ามันคงไม่ใช่แค่ข่าวลือจริงๆ สินะ





“ให้ตายเถอะ พี่ ผมนี่ใจหายวาบเลยตอนพี่ร่วงไปคว่ำหน้าบนพื้นน่ะ” โดนัทว่าพร้อมกับเปิดกล่องปฐมพยาบาลที่หยิบมาด้วยตัวเอง เนื่องจากครูห้องพยาบาลมีเหตุให้ต้องลงไปดูอาการบาดเจ็บของนักเรียนอีกคนในสนามแข่ง อุบัติเหตุมักมาคู่กับวันกีฬาสีเสมอล่ะ

“โทษทีๆ สงสัยวันนี้จะฝืนไปหน่อย” ปัญญายิ้มแหยๆ เมื่อโดนอีกฝ่ายทำหน้าดุใส่ ปกติเห็นแต่โดนัทเวอร์ชันหวานๆ มาเจอเจ้าตัวดุแบบนี้ก็แปลกตาไปอีกแบบ

“ไม่หน่อยหรอกครับ พี่ปัน มากเลยล่ะ เอ้า พี่ หลับตาก่อน เดี๋ยวผมล้างแผลบนหน้าผากให้ก่อน เลือดเข้าตาหมดแล้วนั่น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่จะไม่ระวังตัวเองได้ขนาดนี้”

“ขอโทษคร้าบ” ทำไมวันนี้มันดุจังง่ะ “วันหลังจะระวังตัวให้มากกว่านี้น้า”

“ไม่ต้องเลย คราวหลังก่อนจะรับปากเพื่อนว่าจะลงแข่งอะไรก็นึกถึงกำลังตัวเองบ้าง ถึงพี่จะโคตรถึกก็เถอะ แต่คนเราก็มีขีดจำกัดกันทั้งนั้น”

“ขอโทษ” เจ้าตัวว่าเสียงอ่อยลงเมื่อรู้สึกถึงน้ำเสียงเครียดๆ ของอีกฝ่าย “นี่โกรธจริงๆ รึเปล่าเนี่ย เริ่มกลัวแล้วนะ”

“พี่ก็รู้ว่าผมเป็นห่วง” น้ำเสียงของโดนัทอ่อนลง หากปัญญาได้ยินเสียงหัวใจในอกเต้นรัวขึ้นเมื่อมืออุ่นของอีกฝ่ายแตะลงที่ผิวแก้มเขาแผ่วเบา “พี่ก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับพี่”

“...” หน้าแดงไปถึงหู

เดี๋ยวๆ ๆ ๆ ทำไมไปๆ มาๆ ถึงโยงไปเรื่องนั้น นี่มันใช่เวลามาพูดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กันเหรอ!? ในห้องพยาบาลที่โคตรไร้ซึ่งความโรแมนติกแบบนี้เนี่ยนะ?

แต่… แต่ทำไมเขาใจเต้นตามวะเนี่ย

“พี่ปัน ผมรู้ว่าพี่กำลังรอ… รออะไรบางอย่าง แต่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าพี่กำลังรออะไร”

“เออ โด… เดี๋ยว” แค่รอให้ถึงวันสุดท้ายของกีฬาสีเท่านั้นเองง่ะ

“แต่ผมไม่อยากรอแล้วครับ” ว่าพร้อมกับบีบมือของคนบนเตียงแน่น นัยน์ตาสีน้ำเข้มสะท้อนความรู้สึกที่มีจนหมดเปลือก “ถ้าพี่ไม่พูด… ผมก็จะพูดเอง”

“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนๆ ๆ มันยังไม่ถึงเว--” หากเขาพูดได้แค่นั้นเพราะโดนัทโน้มหน้าต่ำลงมา เบียดริมฝีปากเข้ามาแนบชิด ปันเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างตกตะลึง เพราะคราวนี้ไม่มีฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มาทำให้สติพร่าเลือนอีกแล้ว ทุกอย่างจึงแจ่มชัดมากๆ

ไอ้… ไอ้หมอนี่เพิ่งจะ… จูบเขา?

“อะ…” ปัญญาหน้าร้อนวูบขึ้นมาขณะที่อีกฝ่ายค่อยๆ ผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง โดนัทมองหน้าปันนิ่งในขณะที่อีกฝ่ายหลบตาหนีด้วยความขวยเขิน

“พี่ปัน ผมชอบพี่ คบกับผมได้ไหมครับ”

“ดะ… เดี๋ยวก่อนเซ่! ” นั่นมันคำพูดของเขาต่างหาก แล้ว… แล้วไอ้หมอนี่มาพูดอะไรในห้องพยาบาลที่ไร้ความเป็นส่วนตัวขนาดนี้ ถึงตอนนี้จะไม่มีใครอยู่ก็เถอะ

“พี่ปัน” เจ้าตัวเรียกเสียงอ่อน มือประคองใบหน้าของอคกฝ่ายให้หันกลับมามอง นัยน์ตากลมโตสั่นระริกอย่างน่าสงสาร “พี่ปันไม่ได้ชอบผมหรอกเหรอ คราวก่อน ผมพูดไปถึงขนาดนั้นแล้ว พี่ก็ยังปล่อยให้ผมรออีก”

“ก็… นั่นมัน…”

“พี่ไม่ได้ชอบผมจริงๆ ใช่ไหม”

ปัญญากระชากคอเสื้อของคนถามลงมาแล้วกดจูบลงไปอีกรอบ โดนัทลืมหายใจไปชั่วจังหวะหนึ่งก่อนจะปิดเปลือกตาแล้วจูบตอบอีกฝ่ายอย่างอ่อนหวาน มันดีขึ้นทุกครั้งที่พวกเขาจูบกัน เหมือนมันลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกได้ถึงแขนแกร่งที่โอบรอบตัวเขา และมันชวนให้ใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง

“ยังจะพูดแบบนั้นอยู่อีกไหม หืม? โดนัท” ปัญญาว่าหลังจากที่ผละจูบออก ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อไม่ต่างจากคนที่โดนขโมยจูบไปอีกรอบ

“ไม่… ไม่พูดแล้วก็ได้ครับ พี่ปัน”

“‘ก็ได้’ เหรอ? ”

“ก็พี่ไม่ทำให้มันชัดเจนสักที”

“ฉันชอบนาย”

ว้าก… อีแบบนี้ก็ชัดไป๊!

“น่ะ พอพูดแล้วก็หน้าแดง เขินจนแดงไปทั้งตัวแล้วนั่น”

“กะ… ก็ต้องเขินไหมพี่ แล้วพี่ไม่เขินหรือไง”

“...” จะเหลือเรอะ

นัยน์ตากลมโตของเจ้าตัวช้อนขึ้นมามองคนตรงหน้า ปัญญาเองก็มองตาอีกฝ่ายตอบตรงๆ เสียงเอะอะโวยวายและเสียงเฮดังมาจากด้านล่างฝั่งสนามบาส ป่านนี้การแข่งระหว่างทั้งสองสีคงรู้ผลแล้ว แต่เสียงพวกนั้นเหมือนมาจากที่ไกลๆ มากกว่า ราวกับว่ารอบตัวพวกเขามีที่ดูดซับเสียงไม่ให้ความวุ่นวายภายนอกรบกวนช่วงเวลาที่ความรู้สึกที่อยู่ในถูกกะเทาะออกมา

ปัญญาเป็นฝ่ายลูบแก้มขาวเนียนที่ติดสีชมพูระเรื่อบนใบหน้าของโดนัทแทนในรอบนี้

“พี่รู้ว่าพี่พูดช้าเอง แต่ขอให้พี่ได้เป็นคนพูดประโยคนั้นเถอะ… คบกับพี่นะ โด พี่สัญญาจะไม่ทำให้โดเสียใจ”

“ครับ” ริมฝีปากคู่สวยยกยิ้ม หัวใจฟูฟ่องเหมือนจะพาตัวเขาลอยได้อยู่แล้ว “ผมชอบพี่นะ พี่ปัน”

“ฮึ่ย แล้วคราวหลังก็ห้ามแย่งพี่พูดในสิ่งที่พี่ควรจะพูดอีกนะ รู้ไหม” พูดด้วยน้ำเสียงเข่นเขี้ยว หากโดนัทหัวเราะร่วนกับคำพูดนั้นเบาๆ

“ก็พี่ชักช้าอ้ะ”

“เขาเรียกว่ารอให้ถึงเวลาที่สมควร”

“อย่างเช่นตอนนี้? ”

“ห่างไกลจากเวลาที่สมควรไปสุดๆ ”

“นั่นสินะครับ ผมว่าผมทำแผลให้พี่ต่อดีกว่า เข่าพี่คงรอนานแล้ว”

“เออสิ ชาไปหมดทั้งแถบ” ที่จริงก็ชาไปหมดทั้งตัวด้วยความตื่นเต้นนี่แหละ โว้…

แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ปัญญาได้เรียนรู้อยู่อย่าง คือไอ้บรรยากาศเป็นใจแบบที่เขาวาดภาพไว้ใหญ่โตนั่นน่ะ บางทีมันอาจไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกของคนสองคนก็ได้







เป็นวันที่ดีสุดๆ

เด็กหนุ่มนึกครึ้มใจกับสิ่งดีๆ ที่เพิ่งพบเจอมาในวันนี้ กิจกรรมกีฬาสี สีม่วงของเขาก็ได้ขึ้นแท่นเป็นที่สอง แถมยังได้เป็นแฟนกับรุ่นน้องที่เขาตามจีบมาตั้งนานสองนาน ถึงจะผิดแผนไปหน่อยแต่ปันก็รู้สึกว่ามันวิเศษมากอยู่ดี แถมการที่โดนัทเป็นฝ่ายรุกเขา สารภาพกับเขาแบบนั้นเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าอีกฝ่ายเองก็จริงจังกับเขาเช่นกัน แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาที่ชอบเด็กหนุ่มคนนั้นมาตั้งนานดีใจได้ไง?

โอ๊ย โคตรแฮปปี้ รู้สึกต้องส่งผ่านความสุขนี้ต่อให้คนในบ้านรู้

“พ่อ ผมกลับมาแล้วฮะ โทษทีที่กลับช้า พอดีผมไปกินข้าวกับโดหลังกีฬาสีเลิกน่ะ แล้วนี่พ่อกินอะไรหรือยัง”

“ปัน…” เสียงตอบรับเนือยๆ ดังมาจากคนที่นั่งหันหลังให้เขา ตรงหน้าชายหนุ่มยังมีขวดเหล้ากับกระป๋องเบียร์ตั้งไว้เรียงราย แต่คนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านไม่ทันสังเกตเพราะเอาแต่จัดการวางกระเป๋านักเรียนบนโซฟา ถอดถุงเท้า แถมยังตกอยู่ในภวังค์โลกสวยของตัวเอง

“เออ พ่อ… ผมรู้ว่าพ่ออาจจะ… แบบ ยังไม่ค่อยยอมรับเรื่องพวกนี้เท่าไร แต่ เอ่อ… ผมคบกับโดแล้วนะ แบบ คบเป็นแฟนกันจริงๆ จังๆ น่ะ”

“...”

ไม่มีการตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก นั่นทำเอาปัญญาใจฝ่อลงมาหน่อยเหมือนกัน บางทีเขาอาจจะไม่ควรยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด

“งั้น… ผมว่าผมขึ้นห้องก่อนดีกว่า จะไปเคลียร์เรื่องเอกสารที่ต้อง-- พ่อ! พ่อกินเหล้าเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? นี่มันมากไปหรือเปล่า? งานมันเครียดขนาดนั้นเลยหรือไง”

“แกจะพูดมากอะไรนักหนาวะ ไอ้ปัน ฉันชักหนวกหูแล้วนะ”

ปัญญาสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายลุกพรวดขึ้นมา เสียงขาเก้าอี้ที่ครูดไปกับพื้นชวนให้เสียวฟันเหมือนที่มันเคยเป็น แต่ตอนนี้เขาชักเสียวสันหลังมากกว่า เขาไม่เคยเห็นพ่อตัวเองเดือดดาลขนาดนี้มาก่อน

พ่อคงโกรธเรื่องที่เขาคบกับโดนัท…

“พ่อ” เรียกอีกฝ่ายทั้งที่ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ จะว่ากลัวก็กลัว แต่เห็นอีกฝ่ายเซไปมาเหมือนจะล้มแหล่มิล้มแหล่แล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ “พ่อเดินไหวรึเปล่า ขึ้นไปนอนพักเถอะ มาครับ ผมช่วยนะ”

เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเพราะตั้งใจจะช่วยพยุง แต่แล้วปัญญาก็ต้องชะงักไปเมื่ออีกฝ่ายกระชากคอเสื้อเขาเสียเต็มแรง และยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปากถามอะไร นพดลก็หลุดคำพูดสั้นๆ ออกมาเหมือนคนขาดสติ

“แม่งเอ๊ย”

ผัวะ!

เด็กหนุ่มเบิกตากว้างขึ้นข้นด้วยความตกใจ ใบหน้าหันไปตามแรงกระแทก จากนั้นก็ตามมาด้วยอาการชาที่บริเวณนั้น

พ่อ… ต่อยเขา?





--------------------------------------------------

Talk: ตอนแรกเราก็ว่ามันไม่ดราม่านะ... สรุปว่ามันดราม่าใช่ไหม

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เอ่อ ตาดล ขาดสติแล้วจร้า

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
คู่โดนัทปันนี่เหมือนจะอินแต่ไม่ยังไงไม่รู้  :m28: :m28:
สาสารดลอะ   :m17: :m17:
เกลียดอิตาบูมมาก เห็นแต่ตัว  :z6: :z6:
เราชักอยากให้ปันกับดลคู่กันเองละ 
ขอพระเอกอย่าเป็นอิตาบูมเลย   :m5: :m5:
 :3123: :3123: :pig4: :pig4: :3123: :3123:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เข้าใจว่าเสียใจนะ แต่จะกินอะไรนักหนาไอ้เหล้าเนี่ย เดี๋ยวหายเมานึกขึ้นได้ก็มาเสียใจอีก ทำตัวไม่น่ารักเลยนะดล อย่างนี้ก็ปล่อยน้องปันไปอยู่กับพ่อแท้ ๆ เขาเถอะ ถ้าเห็นหน้าปันแล้วมันชวนให้คิดถึงเมียที่เคยนอกใจอะ เอาลูกไปคืนเขาเลยไป๊

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อ้าวเฮ้ย คุณพ่อ รู้นะว่าเสียใจ ผิดหวังมากมาย แต่ลูกมันเป็นคนผิดเหรอ มันมารับรู้การกระทำอะไรด้วยไหมเนี่ย

รับไม่ได้ทำใจไม่ได้ ก็กอดขวดเหล้าไป ไล่เด็กมันออกจากบ้านไปเลย ตัดขาดไปเลยเซ่  :angry2: :m16:

ออฟไลน์ โชกุน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ทำไมอ่านแล้วไม่อินปัญกับโดนัทเลยT_T

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
สงสารทั้งดล แล้วก็ปัญญา
รออ่านตอนต่อไปครับ ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด