ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]  (อ่าน 65235 ครั้ง)

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
5555 คนอ่านอินเว่อร์ เราก็อิน ถึงขั้นพาลเหม็นขี้หน้าไปโดนัทเลยอันเนื่องมาจากปัญที่ไม่คิดถึงจิตใจพ่อที่เลี้ยงดูมาเท่าไร (หรือตอนต่อๆไปอาจจะมีจุดเปลี่ยนต้องรอดู)

ไม่เกลียดบูมกะปัญเท่านางมิ้นท์

อย่าเอาความใจดีอ่อนหวานดูแลคนอื่นดีมากลบเลย ตราบใดที่ไม่โดนข่มขืน การยอมนอนกับชายอื่นทั้งที่มีสามีแล้วก็ร่านเงียบทั้งนั้น ยิ่งแอ๊บเเสนดียิ่งหมั่นไส้ กร๊ากกก อ้าขามีเพศสัมพันธ์นะ ไม่ใช่เผลอเหยียบเท้ากัน มันจะได้เผลอกันได้ง่ายๆ แก้ตัวให้นางยังไงก็ฟังไม่ขึ้นลยอ่ะ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
สงสารดลมาก ทุกสิ่งพังทลาย เหมือนเหลืออยู่ตัวคนเดียว
ปัญน่าจะรู้ใจพอดลบ้างนะอยู่กัน 2 คน มาตั้งนานน่าจะรู้ว่าพ่อรักและทำเพื่อตัวเองขนาดไหน
ก็ยังจะมาทำประชัดประชัญใส่พ่ออีก ยิ่งทำให้พ่อเจ็บเข้าไปอีก ถ้ารักพ่อดลจริง ต้องทำอะไรเพื่อพ่อดลบ้าง
ไม่ใช่มานั่งคิดแต่ว่าพ่อไม่รัก ถ้าไม่รักจะเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโตได้ไง

ออฟไลน์ myapril

  • Tomorrow
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1436
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-3
ชื่อเรื่องเหมือนน่ารักๆตลกใสๆ
คุณหลอกดาว!!  แต่มันสนุกมากเลยค่ะ
สงสารดลที่สุดล่ะอ่ะ

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ในเรื่องนี่ชอบแค่ดลคนเดียว นอกนั้นจับมัดรวมกันเป็นขยะแห้งแล้วเผาทิ้งได้เลย  :m16:

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
เรื่องนี้ดลน่าสงสารที่สุด

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อยากถามปันว่าอยากอยู่ตรงนั้นจริงๆเหรอ ถึงเขาจะเป็นพ่อจริงๆแต่เหมือนเลี้ยงด้วยเงินมากกว่า กับพ่ออีกคนที่ถึงไม่ใช่พ่อจริงๆแต่ก็เลี้ยงปันด้วยตัวเองมาตลอด ให้ทั้งความรักความอบอุ่น คิดดีๆนะปัน  :hao5:

ออฟไลน์ ▲TEACHCHY▼

  • ★ U can call me TEACH ★
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 166
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เห็นใจดลจังค่ะ
น้องปันก็รักพ่อนะ แต่น้องยังเด็กอะ

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เกลี้ยดดด เกลียดไอ้คนเห็นแก่ตัว สุดท้ายก็ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น
แล้วจะประกาศตัวว่าเป็นพ่อเพื่อ?  ดวก

ออฟไลน์ Soda.wine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :z13: มาต่อไวๆนะ กำลังมัน มีสิทธิ์ลุ้นคู่พ่อมั้ยเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 16




“อืม… พูดยากจังแฮะ” ชายหนุ่มทำท่าคิดหนักหลังจากเจอคำถามน็อกเอ๊าท์เข้าไป “ถ้าถามพ่อ พ่อก็คิดว่ามิ้นต์รักพ่อนะ เพียงแต่เขาแคร์เรื่องอาชีพการงานของพ่อมากไปนิดนึง… อ้าว ทำไมมองพ่อแบบนั้นล่ะ ก็ลูกถามพ่อ พ่อก็ต้องตอบตามที่คิดสิ”

ปันลอบถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะว่าด้วยสีหน้าหม่นลง

“ผมน่ะนะ… เชื่อมาตลอดว่าพ่อกับแม่รักกันมาก เพราะขนาดแม่เสียไปแล้ว พ่อของผมก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนอื่นเลย แถมเวลาที่พ่อมองรูปแม่ สายตาของพ่อน่ะ อ่อนโยนมาก ตอนนั้นผมก็เลยคิดว่า… ดีจังเลยนะ ความรักที่มั่นคงแล้วก็ลึกซึ้งขนาดนั้น ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากให้พ่อมีใครใหม่เลย เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าพ่อมีแม่ในใจแค่คนเดียวจริงๆ มันทำให้ผมรู้สึกดีนะ เพราะถึงผมจะไม่มีแม่แล้ว แต่ผมก็มีพ่อที่รักผมแล้วก็รักแม่ที่จากไปแล้วขนาดนั้น… เหมือนมันเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบในรูปแบบหนึ่งเลยล่ะ”

“ปัน…” บูมถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก

“แต่… พอมารู้เรื่องทุกอย่างแบบนี้ ผมเลยนึกสงสัยขึ้นมาว่าตกลงแล้วแม่รักใครกันแน่ ถ้าเขารักพ่อดล แล้วทำไมแม่ต้องไปมีความสัมพันธ์กับพ่อบูมด้วย แต่ถ้าแม่รักพ่อบูม ทำไมถึงยอมแต่งงานกับพ่อดล”

“ปัน” ชายหนุ่มส่ายหน้า “ชีวิตจริงน่ะ มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกนะลูก”

“เหรอครับ แล้วมันต้องยากขนาดไหน ยากขนาดที่เราไม่สามารถเลือกคนที่เรารักได้จริงๆ เพียงคนเดียวเหรอ ยากขนาดที่เราต้องทรยศคนรักของตัวเองเพื่อความสุขของตัวเองหรือใครอีกคนงั้นเหรอ”

“...” บูมพูดไม่ออกเลย และวินาทีนั้นเขาก็ตระหนักว่าความจริงเหล่านี้กำลังสร้างบาดแผลและทำลายความศรัทธาบางอย่างในตัวเด็กหนุ่มไป

“ผมคิดถึงแม่นะ ถึงผมจะไม่เคยเจอท่านเลยก็ตาม แล้วผมก็รักแม่ด้วย แต่ผมไม่เข้าใจว่า… ท่านทำให้พ่อเจ็บปวดขนาดนั้น…” น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาจากแก้มเขา ทำเอาบูมเลิ่กลั่กขึ้นมาด้วยความตกใจ เขาไม่ได้เช็ดน้ำตาให้ใครมานานมากแล้ว นับตั้งแต่คบกับแฟนคนล่าสุดและให้เข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน จากนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่ปล่อยให้ใครเข้ามาในบ้านของตัวเองอีก นอกจากคนในครอบครัวและเพื่อนที่สนิทเท่านั้น

ชายหนุ่มตัดสินใจดึงกระดาษทิชชู่จากกล่องที่วางอยู่ชั้นวางข้างยื่นให้ปันแทน ปัญญารับมันมาถือแต่ไม่ได้เช็ดน้ำตาออก

“แม่… แม่ทำให้พ่อเจ็บปวดขนาดนั้น แล้ว… แล้วก็คงทำให้พ่อบูมเจ็บปวดด้วย มันไม่ยุติธรรมเลย ทั้งๆ ที่พ่อดลก็… รัก… รักแม่คนเดียว แล้ว… พ่อบูมก็บอกว่ารักแม่เหมือนกัน”

“ปัน อย่าร้องไห้เลยลูก” เขาโอบบ่าของเด็กหนุ่มที่ถึงแม้สูงแล้วก็ตัวโย่งขนาดไหนแต่ก็ไม่ได้มากไปกว่าขนาดตัวเขาลงมาปลอบ ลึกๆ ก็ดีใจที่ปันยอมแชร์ความรู้สึกลึกซึ้งแบบนี้กับเขา แต่อีกใจหนึ่งก็คือเขาไม่อยากเห็นลูกชายต้องเจ็บปวดกับอดีตที่ผ่านไปนานมากแล้วของพวกเขา

“ผม… ฮึก ผมจะทำยังไงดี พ่อ… พ่อดล พ่อต้องเกลียดผมแน่ๆ เพราะผมแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องลำบากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ ฮึก… ทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่ลูกเขาแท้ๆ แต่ผมก็ยังเป็นภาระเขา พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าเขาโดนที่บ้านด่าหนักมากตอนที่รู้ว่าพ่อทำแม่ท้อง แล้วพอผมคลอด เขาก็ต้องมาคอยดูแลผมอีก ผมมัน… ผมมัน…”

“ปัน ชู่ ไม่เอา ไม่คิดแบบนั้น หยุดร้องไห้เถอะนะ”

แต่เด็กหนุ่มส่ายหน้าระรัว ความรู้สึก พอมันทะลักออกมาแล้วก็ไม่มีอะไรหยุดได้ เขายกหลังมือปาดน้ำตาป้อยๆ ลืมทิชชู่ในมือไปสนิท

“ผมรู้แล้วว่าทำไมพ่อถึงต่อยผมคืนนั้น เพราะว่าผมไม่ใช่ลูกของเขา เขาคงโกรธผม… โกรธที่ผมทำลายอนาคตที่ควรจะไปได้ไกลกว่านี้ของเขา พ่อต้องเกลียดผมแน่ๆ ที่ผมทำทุกอย่างในชีวิตเขาพัง แล้วผมก็ไม่ใช่ลูกชายของเขาจริงๆ ”

ปัญญาระเบิดโฮออกมาลั่นอย่างไม่อาย บูมลูบเส้นผมสีดำสนิทของอีกฝ่ายเงียบๆ อย่างนึกสะท้อนในอก แค่เสียงสะอื้นเบาๆ ของลูกชายก็ทำเอาเขาปวดหนึบในใจไปหมดแล้ว

จากที่คอยติดตามดูปันมาตลอด บูมรู้ดีว่าอีกฝ่ายเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อให้ผู้ชายคนนั้นภูมิใจในตัวเอง แน่นอนว่าเขาก็ภูมิใจในตัวปันมากจากความพยายามทั้งหมดนั่นของเจ้าตัว และมันเป็นความรู้สึกที่เอิบอิ่มมาก เขาเชื่อว่านพดลเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเขาหรอก แล้วก็ไม่มีทางที่หมอนั่นจะเกลียดเด็กชายที่อยู่ในอ้อมแขนเขาคนนี้ด้วย

“ใจเย็นๆ ก่อน ลูก ลองคิดดูดีๆ สิ ปันน่ะ เป็นของขวัญที่แสนวิเศษของพ่อกับแม่ แน่นอนว่าเราสองคนผูกพันกันทางสายเลือด แต่ความสัมพันธ์ของปันกับนพดลน่ะ มันเป็นความผูกพันที่พิเศษกว่านั้น”

“พิเศษกว่ายังไงครับ” เจ้าตัวหายใจฟืดฟาด ยังไม่คล้อยตามสิ่งที่คนข้างตัวพูดเท่าไรนัก

“มันพิเศษตรงช่วงเวลาที่เขากับลูกได้ใช้ร่วมกันมาด้วยกันยังไงล่ะ ยอมรับเถอะปัน พ่อรู้ดีว่าลูกผ่านอะไรด้วยกันกับเขามาเยอะ ช่วงเวลาสิบเจ็ดปีที่ลูกอยู่ด้วยกันมากับเขา มันไม่ใช่เรื่องโกหกนะลูก มันเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และคนที่อยู่กับลูกมานานขนาดนั้นในฐานะพ่อ… มันไม่มีอะไรมาแทนที่ได้ ไม่มีใครมาแทนที่ได้ เชื่อพ่อเถอะปันว่าดลเขารักปันไม่ต่างจากที่พ่อรักลูก แถมยังผูกพันมากกว่าด้วยซ้ำเพราะเขาคอยดูแลปันมาตลอด”

“พ่อคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอครับ” เจ้าตัวถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น เลิกร้องไห้ไปแล้ว ตายังแดง ปลายจมูกยังแดงๆ อยู่บ้าง “พ่อบูมคิดว่า… พ่อจะไม่เกลียดผมจริงๆ เหรอ”

“ไม่มีทางหรอก” ก็ลองมันบอกว่าเกลียดดูสิ เขาจะไปซัดมันต่ออีกสักยกสองยก

“ผม… ผมควรจะเริ่มพูดกับพ่อว่ายังไงดี” เด็กหนุ่มอึกอัก “ผมทะเลาะกับพ่อก่อนมานี่ พ่อต้องโกรธผมแน่”

“เลิกคิดว่าเขาจะโกรธปันได้แล้วน่า เชื่อสิ ต่อให้โกรธยังไงเขาก็โกรธไม่จริงหรอก ไว้กลับไปอาทิตย์หน้าลองค่อยๆ ปรับความเข้าใจกับเขาดู โอเคนะลูก? ไม่ร้องไห้แล้วนะ”

ปันพยักหน้าเบาๆ ขณะยกทิชชู่ซับมือที่ชื้นไปด้วยน้ำตาแทน “ขอบคุณนะครับพ่อ แล้วก็ขอโทษที่รบกวนตอนดูหนัง”

“รบกวนอะไรกัน ไป นี่ก็ดึกมากแล้ว ขึ้นนอนกันดีกว่า พ่อก็ว่าจะไปนอนแล้วเหมือนกัน”

“พ่อบูม เอ่อ… ตอนนี้พ่อไม่ได้กำลังคบใครอยู่ใช่ไหมครับ” ปันถามขณะที่พวกเขากำลังเดินขึ้นบันไดบ้าน อีกฝ่ายพยักหน้าทีหนึ่ง

“อืม ใช่ครับ ตอนนี้พ่อโสด อยากใช้เวลากับตัวเองมากกว่าน่ะ แล้วปันล่ะลูก มีแฟนรึยัง หรือว่าคนที่แอบชอบ? ”

ถึงตรงนี้ ปัญญาก็อดนึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน คนคนนี้ตามสืบเรื่องเขามากพอสมควรแท้ๆ แต่กลับไม่เคยเห็นเรื่องแฮชแท็กในเฟซบุ๊คเรื่องเขากับโดนัทบ้างเลยหรือ? หรือว่าเห็นแล้วแต่ไม่ได้คิดอะไร?

แต่ช่างเถอะ เขามีบทเรียนจากคราวก่อนมาแล้ว เพราะงั้นเขาคงไม่บอกเรื่องรสนิยมทางเพศให้ชายคนนี้รู้… อย่างน้อยก็ไม่ใช่เร็วๆ นี้

“ก็… เรื่อยๆ ครับ แต่ผมจะไปแลกเปลี่ยนอีกไม่กี่เดือนอยู่แล้ว แถม… เท่าที่คุยกับพ่อมาก็ตั้งใจจะไปหามหาลัยเรียนต่อที่นู่นเลยด้วย เพราะงั้นคงยังไม่มีเร็วๆ นี้หรอกมั้งครับ”

ฉิบหาย! พูดโกหกออกไปแล้วก็นึกขึ้นมาได้… เขายังไม่ได้คุยกับโดนัทเรื่องที่ตั้งใจว่าจะไปต่อป. ตรีที่เมกาเลยนี่หว่า!

“นั่นสินะ ไว้ไปอยู่นู่นแล้วค่อยหาก็ยังไม่สาย งั้นก็หลับฝันดีนะลูก พ่อไปนอนล่ะ ราตรีสวัสดิ์ครับ”

“ระ… ราตรีสวัสดิ์ครับผม”

ตายๆ ๆ งานเข้าแล้วไหมล่ะไอ้ปัน แล้วนี่เขาจะบอกโดนัทเรื่องนี้ยังไงดีล่ะเนี่ย!?







ปัญญาชวนโดนัทให้มากินข้าวกับเขาที่ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในละแวกที่พวกเขาอยู่ โดนัทเป็นคนที่ชอบกินของหวานมาก เพราะงั้นหลังจากเสร็จของคาวแล้ว เจ้าตัวจะต้องอ้อนให้เขาพาไปกินน้ำแข็งไสสัญชาติเกาหลีตบท้ายทุกที แต่เขาก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะเจ้าตัวก็เปลี่ยนวนไปหลายๆ รส ก็อร่อยดี แต่วันนี้เขารู้สึกรสชาติมันฝืดคอกว่าทุกครั้งชอบกล

"เออ นี่ โด" เขาพูดเกริ่นขณะที่รุ่นน้องของเขาละเลียดเกล็ดน้ำแข็งด้วยสีหน้าชื่นมื่นวันนี้เป็นวันเสาร์เวลาบ่ายกว่าๆ ทำให้ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมาก โดนัทใส่ชุดไปรเวทที่ทำให้เจ้าตัวดูเด็กขึ้นกว่าเดิมทั้งที่แค่หน้าอย่างเดียวก็ดูเด็กมากอยู่แล้ว และปันไม่สงสัยเลยถ้าคนอื่นๆ จะมองมาที่โต๊ะเขาเพราะคนตรงหน้านี้ นี่ยังไม่รวมตัวเขาเองที่ใส่เสื้อผ้าที่บูมเป็นคนเลือกซื้อมาให้กับมือ แล้วรสนิยมอย่างดาราใหญ่คนนั้นธรรมดาเสียที่ไหน เอาเป็นว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีแต่ของแบรนด์เนมที่รวมๆ กันแล้วคงพอค่าขนมเขาไปได้สามเดือน

"หืม? มีอะไรเหรอครับ พี่ปัน" นัยน์ตากลมโตเหลือบขึ้นมามองเขาพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ วันนี้โดนัทสวมรองเท้าที่ปันซื้อให้เมื่อวันเกิดที่ผ่านมา แน่นอนว่าเพื่อให้ปันดูแน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะมาเที่ยวกับอีกฝ่ายล่ะก็ เขาจะไม่ใส่มันพร่ำเพรื่อเด็ดขาด ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเยินหมด ของรักเขาเขาต้องถนอมดีๆ "ว่าแต่วันนี้พี่ปันแต่งตัวดีจังเลยนะฮะ นี่น้าบูมซื้อให้เหรอ"

ตั้งแต่วันที่เขารู้ความจริงเรื่องพ่อ เขาก็เล่าให้แค่คนตรงหน้ากับเบนซ์ฟังแค่สองคนเท่านั้น แถมยังกำชับไม่ให้บอกใครอีกด้วย เพราะถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปคงเสียหายกันหลายฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นปันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะปิดเรื่องนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน แต่ถ้าเป็นไปได้เขาก็ขอให้มันเป็นความลับแบบนี้ไปก่อน

"คือ... รู้ใช่ไหมว่าอีกแป๊บเดียวพี่ก็จะไปแลกเปลี่ยนแล้ว"

"รู้สิฮะ" พูดถึงตรงนี้เจ้าตัวก็เริ่มทำหน้าหงอยลงนิดหนึ่ง มือก็ยังตักของหวานตรงหน้าเข้าปากต่อ ปันชอบมองเวลาอีกฝ่ายเคี้ยวหงุบหงับในปากแบบนั้นมาก เห็นแล้วนึกถึงกระต่ายที่เคี้ยวอะไรในปากอย่างบอกไม่ถูก "ใจจริงน่ะผมไม่อยากให้พี่ไปเลย ตั้งปีหนึ่ง แต่ผมว่ามันก็เป็นโอกาสดีของพี่เหมือนกัน แต่พี่ต้องไม่ลืมสัญญานะว่าจะคอลคุยกับผมทุกวัน"

"เรื่องนั้นน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ เอ่อ" เด็กหนุ่มกลั้นหายใจเฮือกหนึ่ง "คือ พี่กำลังคิดว่าจะไปเรียนมหาลัยที่นั่นด้วย"

โดนัทเงยหน้าขึ้นมาจากถ้วยบิงซูพรวดทันที ดวงตาที่ว่าโตอยู่แล้วของเด็กหนุ่มแทบจะถลนออกมานอกเบ้าจนปันนึกเสียวแทน แต่แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าแทนที่จะห่วงเรื่องนั้น เขาควรจะห่วงตัวเองต่อจากนี้ต่างหาก

"พี่ปัน... พี่คิดอะไรของพี่อยู่ แล้วนี่ทำไมถึงเพิ่งมาบอก"

แว้ก อยู่ๆ ก็รู้สึกบรรยากาศรอบตัวหนาวยะเยือกขึ้นมาชอบกลประมาณว่าบิงซูที่ละลายอยู่ก้นถ้วยแทบจะแข็งตัวขึ้นมาใหม่ได้

"เอ่อ คือ... พ่อๆ พี่เขาคุยกัน" เออ พอมีพ่อสองคนละต้องใช้พหูพจน์มาเรียกแบบนี้แล้วก็ตลกดี "เขาเห็นว่ามันเป็นโอกาสที่ดี พี่เองก็อยากไปเรียนพวกกราฟิกอยู่แล้วด้วย ที่นั่นน่าจะมีโอกาสแล้วก็ตัวเลือกมากกว่า"

"พี่ปันอยากไปเอง..." คำพูดนั้นทำเอาอารมณ์ขุ่นมัวของโดนัทเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองทันที "แล้วทำไมพี่ไม่บอกผมก่อนหน้านี้ล่ะครับ ตอนนั้นยังบอกว่าจะเข้าจุฬาอยู่เลย"

"คือ มันก็มีอะไรหลายอย่าง" ปัญญาพูดเสียงอ่อย และโดนัทก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องการเงิน ในเมื่อตอนนี้เจ้าตัวมีคนคอยสนับสนุนเรื่องนั้นเต็มที่แล้วก็ไม่มีอะไรต้องห่วง นอกจากเรื่องของเขาเท่านั้นเอง…

"แต่พี่ก็น่าจะแย้บๆ บอกผมก่อนบ้าง" พูดพลางเริ่มสับน้ำแข็งที่ป่นอยู่แล้วให้เละไปกว่าเดิม เห็นแบบนี้แล้วไม่ต้องบอก ปันก็รู้ว่าแฟนหนุ่มของเขากำลังอารมณ์ไม่ดี "ต่อให้ไม่มีเรื่องของน้าบูมมา... ยังไงถ้าพี่อยากเรียนที่นู่นพี่ก็หาทุนเรียนได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่นี่กลับอุบกันเงียบ"

"เอ่อ เปล่านะ โด พี่พูดจริงๆ คือตอนแรกพี่ก็ไม่ได้คิดว่าจะไปเรียนมหาลัยที่เมืองนอกหรอกเพราะมันแพง นี่มันแบบ ไปๆ มาๆ มันก็กลายเป็นแบบนั้น"

โดนัทไม่พูดอะไรตอบ เจ้าตัวตักบิงซูเข้าปากเงียบๆ หานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหม่นลงอย่างเห็ได้ชัด และแม้ทั้งคู่จะก้าวเท้าออกจากร้านแล้ว บรรยากาศมาคุที่ว่าก็ยังดำเนินต่อไป ปันเหลือบมองคนข้างตัวที่มีท่าทีหงอยลงแล้วรู้สึกผิดวูบขึ้นมา เขานี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ นั่นแหละที่คิดจะทำอะไรตามใจตัวเอง

"โด"

"...อะไรครับ"

อื้อหือ เสียงเย็นมาเชียว เสียวสันหลังวูบๆ เลย

"เราออกไปเดินข้างนอกตรงที่เป็นสวนกันไหม" ห้างนี้ตกแต่งสวนเอาด้านนอก ซึ่งเวลาแบบนี้คงไม่ค่อยมีคนเพราะแดดร้อนเปรี้ยง "อยู่แต่ในห้างชักเริ่มเบื่อล่ะ ออกไปสูดอากาศกัน"

ถามแล้วไม่รอคำตอบ ปัญญาเลื่อนมือไปกุมมือของรุ่นน้องพร้อมกับก้าวเท้านำไปอย่างรวดเร็ว โดนัทที่ถึงจะยังงอนอยู่ถึงกับหน้าแดงระเรื่อขึ้นมานิดหนึ่ง ก็แฟนของเขาคนนี้ ปกติแล้วไม่จับมือเขาในที่สาธารณะนี่นา

เมื่อทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่บริเวณที่ไม่มีคน และยังพอมีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่บ้าง ปันก็หันกลับไปมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจังที่เต็มไปด้วยความจริงใจที่ชวนให้คนมองใจเต้นรัวขึ้น

"พี่รู้ว่าคงขอมากไปถ้าจะพูดว่าอยากให้โดยอมรับการตัดสินใจของพี่"

"พี่ปัน..."

"แต่ถึงอย่างนั้นพี่ก็อยากขอ... พี่คิดเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนที่เราจะคบกันแล้ว อันที่จริงที่พี่ขอคบโดช้าก็เพราะพี่ลังเลเรื่องนี้แหละ เพราะเดี๋ยวพี่ก็จไปแลกเปลี่ยน และต่อให้พี่กลับมาพี่ก็ต้องไปมหาลัย ซึ่งก็จะทำให้เราห่างๆ กันไปอยู่ดี"

"แต่อย่างน้อยถ้าพี่เรียนมหาลัยที่ไทยเราก็มาเจอกันได้ไม่ยากนี่ครับ ผมไปหาพี่ที่มหาลัยยังได้ แต่ถ้าพี่ไปเมกา..."

"พี่รู้ๆ มันคงไม่ง่ายแน่ที่เราจะได้เจอกันเมื่อถึงตอนนั้น แต่เรายังติดต่อกันด้วยวิธีอื่นได้ไหม หรือตอนปิดเทอมพี่จะบินกลับมาหา หรือโดจะมาเที่ยวก็ได้ หรือถ้าแย่ที่สุดก็คือโดรอพี่ 5 ปี"

"5 ปี!? " เจ้าตัวรีบคำนวนในใจอย่างรวดเร็ว งั้นแปลว่ากว่าเขาจะได้เจอปันอีกก็... ก็ต้องเป็นตอนที่เขาอยู่ปี 3 แล้ว โอ๊ย... ไม่นะ

"พี่รู้ๆ แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่นานขนาดนั้นหรอก บอกแล้วไงว่าปิดเทอมก็จะกลับมา สัญญาลูกผู้ชายเลยเอ้า"

"แล้ว... แล้วถ้าสมมติโอลิมปิกหน้าผมได้ไปแข่ง..." โดนัทอึกอัก ปัญญารู้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะสื่ออะไร

"พี่จะบินไปเชียร์ จะเกาะติดขอบสนามเลยเอ้า"

"พี่ปันพูดจริงเหรอครับ" เจ้าตัวถามเหมือนยังไม่แน่ใจ ปัญญาบีบบ่าของอีกฝ่ายราวกับจะย้ำคำพูดตัวเอง

"แน่ใจสิ แล้วโดจะหาว่าพี่ขอมากไปไหมถ้าพี่ขอให้โดรอ"

"พี่อยากให้ผมรอเหรอ"

"ใช่สิ โดคิดว่ารอพี่ไหวไหม"

"ก็ถ้าประมาณ 5 ปี..." เด็กหนุ่มเริ่มตีหน้ามุ่ย ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ "เดี๋ยวก่อน! แล้วถ้าพี่ไปอยู่นั่นตั้ง 5 ปี เกิดพี่ติดใจอยากอยู่ที่นั่น หางานทำที่นั่นขึ้นมา แบบนี้ผมไม่ต้องรอพี่ไปตลอดชีวิตเหรอ? "

"เอ้า" คิดไปไกลกว่าเขาอีก "เอางี้ ถ้าพี่ต้องทำงานที่นู่นจริงๆ พี่จะมารับโดไปอยู่ด้วย โอเคไหม"

"พี่พูดจริงนะ"

"จริงสิ แต่ว่าก็ว่าเถอะ พี่ว่าพี่คงไม่หางานทำที่นู่นหรอก คงกลับมาอยู่ไทยนี่แหละ" เพราะถึงยังไงเขาก็ยังมีพ่ออีกสองคนรองาบหัวอยู่ถ้าเขาไม่กลับมา รวมพ่อทูนหัวตรงหน้าเข้าไปด้วยก็เป็นพ่อสามคนพอดี

โดนัทยังคงเงียบ แต่สีหน้าท่าทางอ่อนลงจากเมื่อครู่มาก ปัญญาโน้มหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายมากขึ้น มือไล้ปอยผมนุ่มของเด็กหนุ่มเล่นขณะถาม

"ว่าไงครับ คนเก่ง หายงอนพี่รึยัง เชื่อใจพี่รึเปล่า"

"ไม่หายครับ ไม่เชื่อด้วย" อ้าว เห้ย คนอุตส่าห์พูดหว่านล้อมตั้งนาน "แต่... ผมรู้ว่าพี่อยากไป ถ้ามันเป็นความตั้งใจของพี่ ผมก็จะไม่อยากจะห้ามหรอกครับ แล้ว... แล้วผมก็อยากเชียร์พี่ทำในสิ่งที่ตัวเองฝันด้วย"

นัยน์ตากลมโตช้อนขึ้นมามองหน้าเขาอย่างตรงไปตรงมาในรอบนี้ บ่งบอกให้รู้ว่าเด็กหนุ่มหมายความตามที่พูด

"เพราะงั้น... ถ้าพี่ปันอยากให้ผมรอ ผมก็จะรอครับ แต่พี่ต้องคอลหาผมทุกวันนะ ไม่งั้นผมจะบินไปกินหัวพี่"

"โห น่ากลัวจัง" พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง ทำเอาโดนัทที่พูดขู่อย่างตั้งใจหน้ายู่ลงทันที

"ผมพูดจริงนะ พี่ปัน ห้ามผิดสัญญากับผม ไม่งั้นผมโกรธแน่ แล้วพี่ไม่อยากให้ผมโกรธหรอก เพราะถ้าผมโกรธผมจะ--"

ปัญญากลบเสียงนั้นด้วยการเบียดริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของอีกฝ่าย โดนัทสะดุ้งโหยงพร้อมกับหลับตาแน่นด้วยความตกใจ ใบหน้าร้อนวูบขึ้นอย่างรวดเร็ว มือหนาผลักเขาไปชิดกับต้นไม้ด้านหลังพร้อมกับกดจูบลงมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อริมฝีปากร้อนผละออก โดนัทก็ได้เห็นใบหน้าของคนที่เขาชอบสุดใจส่งยิ้มยียวนมาให้

"จะทำอะไรพี่ครับ ทุ่มพี่ลงกับพื้นงี้เหรอ"

"..." อ๊าก พี่บ้า! เดี๋ยวปั๊ดทุ่มลงเสียเลยตอนนี้…

"ว่าไงครับ พ่อคนเก่ง อ้าว หน้าแดงเถือกเลย แถมมือไม้ดูอ่อนแรงขนาดนี้ จะทุ่มพี่ไหวเหรอ ตัวพี่ไม่เบาหรอกนะ" ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังแขนที่ตอนนี้ปวกเปียกสนิทไปเขย่าไปมาเพื่อชี้ให้เห็นตามที่พูด

"...พี่ปันบ้า"

"อ้าว อย่าพูดแบบนั้นสิครับ โดคงไม่อยากคบกับคนบ้าหรอก ถูกไหม"

"อยู่ๆ มาจูบกันแบบนี้ได้ไง! " ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบ... แต่นี่มันที่สาธารณะนะ!

“อ้าว โกรธพี่ซะแล้วเหรอ” ปัญญาแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน “งั้นแบบนี้โดจะจับพี่ทุ่มกับพื้นเปล่าเนี่ย”

“ผมไม่โหดขนาดนั้นหรอกครับ”

คนเป็นรุ่นพี่ยิ้มแก้มแทบปริ มือเอื้อมไปหยิกแก้มโดนัทอย่างเอ็นดู

“จริงเหรอ? ”

“ผมมีวิธีดีกว่านั้น” เจ้าตัวยิ้มร่า เลื่อนแขนไปโอบรอบคอคนตัวสูงกว่า ดึงหน้าปันลงมาพร้อมกับประทับจูบแผ่วเบาที่กลีบปากอีกฝ่าย คนหน้าหวานยิ้มอย่างมีชัยเมื่อเห็นว่าปัญญาหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา เจ้าตัวมีสีหน้าอึ้งๆ ครู่หนึ่งจากนั้นจึงส่งยิ้มกว้างมาให้

“ว่าแต่คนอื่นนะ”

“แหงสิครับ” โดนัทว่าขณะลดแขนลง ถอยห่างจากอีกฝ่ายมาหนึ่งก้าว หันหน้าหนีไปทางอื่นแก้เขิน “ผมจะว่าตัวเองทำไมล่ะ ก็ต้องว่าคนอื่นสิ”

ปัญญาหัวเราะร่วนออกมาพร้อมกับยีหัวอีกฝ่ายแรงๆ

“ไอ้ตัวแสบเอ๊ย”







บูมขอให้พงศ์ หนึ่งในลูกน้องของเขาขับรถมาส่งปันที่บ้านเดิมของเจ้าตัวเมื่อถึงวันที่เขาตกลงกับนพดลเอาไว้ว่าจะให้ปันมาค้างด้วยเนื่องจากตัวเองติดถ่ายละครเรื่องหนึ่งซึ่งกำลังออนแอร์ผ่านหน้าจอโทรทัศน์

ปัญญาหันไปยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่ายหลังจากลงจากรถ เขามีแค่กระเป๋าเป้ใบเดียวที่ไม่ได้ใส่อะไรมากมาย พงศ์จึงไม่จำเป็นต้องเดินมาส่งเขาถึงในบ้าน

หลังจากที่ก้าวเท้าผ่านรั้วบ้านเข้ามา เขาเห็นร่างที่คุ้นเคยของพ่อกำลังนั่งดูทีวีอยู่ด้านใน อันเป็นภาพเดิมๆ ที่เขาเห็นเวลาประมาณนี้อยู่แล้วทุกเสาร์อาทิตย์

แต่ไม่รู้ทำไม… ครั้งนี้มันทำให้เขาใจสั่นแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก เหมือนทั้งดีใจและปั่นป่วนไปพร้อมๆ กัน ก่อนที่เขาจะออกไปนอนค้างกับบูม เขากับพ่อทะเลาะกันมาครั้งหนึ่ง และถึงพ่อเขาจะไปเยี่ยมถึงบ้านใหญ่หลังนั้น เขาก็ยังรู้สึกถึงความกระอักกระอ่วนระหว่างพวกเขาทั้งคู่อยู่ดี

ความอึดอัดในอกนี่ไม่ค่อยดีเท่าไร มันชอบทำให้เขาหายใจขัดๆ ตลอด และเขาหวังว่ามันจะหายไปก่อนที่เขาจะต้องไปอเมริกา

“เอ่อ พ่อครับ” เด็กหนุ่มว่าหลังจากที่ก้าวผ่านประตูเข้ามาในตัวบ้าน “สวัสดีครับ” ยกมือไหว้อย่างสวยงาม แน่นอน เขาเคยมีบทเรียนเรื่องไม่ยกมือไหว้ผู้ใหญ่มาแล้ว โดนพ่อฟาดไปจนน้ำตาเล็ดเลยตอนเด็กๆ มันเลยติดเป็นนิสัย

“อือ” ชายหนุ่มรับไหว้พร้อมกับลุกขึ้นยืน “กลับมาแล้วเหรอ ปัน ไปนอนบ้านนั้นเป็นยังไงบ้าง”

“ดีครับ” ปันพูดยิ้มๆ ขณะปลดเป้ลงจากหลัง “ทุกคนก็ใจดี ถึงจะงงๆ หน่อยตอนที่พ่อบูมเล่าให้ฟังว่าผมเป็นญาติเขาก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้ดูติดใจอะไร”

“ดีแล้ว” เรื่องนี้นพดลรู้อยู่แล้วเพราะบูมเคยบอกว่ายังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องปันแม้แต่กับคนรับใช้ที่บ้าน เพราะมีโอกาสมากว่าข่าวจะหลุดรั่วไปตั้งแต่ตรงนั้น “แล้วตัวบูมเองล่ะ เขาดีกับลูกรึเปล่า”

“ดีครับ ดีขนาดให้ดีกว่านี้คงต้องปูพรมแดงให้ผมทุกที่ที่ผมจะไปแล้ว”

นพดลหัวเราะรับนิดหนึ่ง แต่ปันก็พอจะจับได้ว่ามันดูฝืดๆ

“ถ้าลูกไปอยู่นั่นแล้วสบายก็ดี”

ชายหนุ่มเลื่อนมือไปลูบหัวลูกชายสองสามทีด้วยความคิดถึง จากนั้นก็ไล้ฝ่ามือลงไปบนแก้มข้างที่เขาเคยต่อยตอนที่ขาดสติเพราะเมาเหล้าอย่างหนัก นับตั้งแต่วันนั้นมาเขาก็ไม่แตะของมึนเมาอีกเลย ราคาที่ต้องจ่ายให้มันแพงเกินไป ถ้าต้องทำร้ายลูกชายแบบนั้น เขายอมทำร้ายตัวเองเสียยังจะดีกว่า

“ผมไม่เจ็บแล้วครับพ่อ” ปันรีบพูดราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร

“งั้นเหรอ” งั้นก็ดีแล้วล่ะ

บรรยากาศของพวกเขาสองคนไม่ได้ดีขึ้นพรวดพราด หากดำเนินไปอย่างเรื่อยๆ อ้อยอิ่ง เริ่มตั้งแต่ตอนที่นพดลสั่งให้ปันเอาข้าวของไปเตรียมใส่ตะกร้าซัก ถามว่าเย็นนี้อยากจะกินอะไร จากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติสุขเหมือนที่ผ่านๆ มา

พวกเขาสองคนก็ยังพูดคุยกันเป็นปกติ แต่ปันเองก็รับรู้ว่าอะไรบางอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว มีความกระอักกระอ่วนเล็กๆ เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา

ปันคิดว่ามันอาจจะค่อยๆ จางหายเมื่อเขาตามปกติไปเรื่อยๆ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นแม้ว่าจะผ่านมาเป็นสัปดาห์ๆ แล้วก็ตาม

ปัญญาได้เข้าร่วมวงสนทนากับนพดลและบดิศรในเวลาต่อมาเรื่องวันที่ปันจะไปนอนค้างที่บ้านนั้นได้ เรื่องรถรับส่งบูมจะเป็นคนจัดการให้เอง ปันรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคุณชายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และเขาก็ไม่ขัดอะไรที่ต้องไปนอนคฤหาสน์หลังโตนั่นสัปดาห์ละสามวัน เพราะการได้ใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หรูๆ และมีคนคอยเอาใจก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่แย่อะไร ถูกไหม

เด็กหนุ่มใช้ชีวิตอย่างปกติมาเรื่อยๆ อ่านหนังสือหนักขึ้นเมื่อใกล้ถึงช่วงสอบ ออกไปเฮฮากับเพื่อนหลังสอบเสร็จ ไปเดทกับโดนัททุกเสาร์อาทิตย์หรือวันที่พอจะหาเวลาได้ รู้ตัวอีกที อาทิตย์หน้าเขาก็ต้องเตรียมขึ้นเครื่องไปอเมริกาแล้ว

“ปัน” บูมพูดขึ้นหลังจากที่มาส่งลูกชายที่อีกบ้าน “เสาร์อาทิตย์นี้ เราไปเที่ยวกันเถอะ อีกไม่นานลูกก็ไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้ว น่าจะไปเที่ยวตุนไว้หน่อย”

“เที่ยวเหรอครับ” ปัญญากะพริบตาปริบๆ วินาทีแรก เขานึกถึงโดนัทก่อนตามประสาวัยรุ่นที่ต้องนึกถึงแฟนเวลาจะไปเที่ยวที่ไกลๆ แต่วินาทีถัดมาเขาก็รู้ว่าคไม่เหมาะแน่ถ้าจะชวนโดนัทไปด้วย… หมอนั่นมีซ้อมเทควันโดเยอะมากช่วงนี้ แถม… ขืนเขาเอาโดนัทไป เรื่องที่เขาคบกันอยู่อาจแตกได้ เขายังไม่อยากให้พ่อแท้ๆ ของเขารู้เรื่องนี้เท่าไรนัก

“ใช่สิ เที่ยวค้างคืนกัน แค่เราสองคน”

“อ้าว แล้วพ่อดลล่ะครับ” นึกถึงแฟนไม่ได้ก็นึกถึงพ่ออีกคน นพดลที่นั่งอยู่ในที่นั้นขมวดคิ้วฉับด้วยไม่พอใจทันที ก็เขาตั้งใจไว้แล้วว่าเสาร์อาทิตย์สุดท้ายนี้จะใช้เวลาอยู่กับลูก

“เสียใจครับ ปันคงไปไม่ได้ ผมมีแผนจะใช้เวลาอยู่กับลูกอยู่แล้ว”

“อ้าวๆ พูดแบบนี้ได้ไงดล” คนที่มักได้รับการเอาใจมาตลอด (เพราะเป็นดารา) เริ่มโวย “ปันก็ลูกฉันเหมือนกันนะ อีกอย่าง นายถามแกยังเถอะว่าแกอยากอยู่กับนายเปล่า”

“ปัน” ดลพูดเสียงเย็นมาทีเดียว งานเข้าลูกชายอย่างเขาอีกแล้วไหมล่ะ

“เอ่อ ก็” ปันกะพริบตาปริบๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากทั้งสองฝ่าย “ไหนๆ พ่อบูมก็ชวนเที่ยวแล้ว ทำไมเราไม่ไปด้วยกันหมดสามคนเลยล่ะครับ”

อื้อหือ… มันช่างกล้าเสนอไอเดีย

“ไม่เอา” นพดลขมวดคิ้วฉับ หันหน้าหนีไปอีกทางทันที “ถ้าปันอยากไปขนาดนั้นก็ไปกับบูมแค่สองคนนั่นแหละ พ่อไม่อยากไปนอนที่อื่น”

อ้าว แล้วกัน

“แต่ผมอยากให้พ่อไปด้วยนะ”

อุก… ได้ยินคำนี้จากปากลูกนี่… เหมือนใจจะละลาย

“นะ พ่อ มาเหอะ เดี๋ยวผมก็จะไม่อยู่แล้ว ไปเที่ยวด้วยกันหน่อยจะเป็นไรไป ได้ใช่ไหมครับ พ่อบูม”

“อ่า อืม มาสิ มาเยอะๆ ก็น่าจะสนุกกว่าอยู่แล้วถูกไหม”

...ไอ้สองพ่อลูกคู่นี้นี่มัน…

จนแล้วจนรอดเขาก็ขัดใจไอ้ปันไม่ได้อยู่ดี





------------------------------------
Talk: เรื่องน่าเศร้าของนิยายเรื่องนี้ก็คือ ต่อให้คนอ่านจะไม่ฟินกับโดปัน แต่ยังไงเขาก็รักกันอยู่ดี...  :katai1:

ออฟไลน์ bmine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
หงุดหงิดแทนดล และยังไม่หายโกรธปัน(จนลามไปโด) บูม และ(นัง)มิ้นต์(ตัวต้นเหตุ) เลยค่ะ หงุดหงิดอยากอาละวาดแทนดลจนกำลังคิดว่าดลให้อภัยง่ายไป หรือตัวเองเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่มีเหตุผลก็ไม่รู้ 555555555 ไม่รู้ว่าควรให้อภัยมั้ย แต่จะแค้นทำไมอ่ะ นี่นิยายย  :z3: อินจนสับสนเบอร์นี้เลยค่าาา 5555555555 อยากให้กรรมซักอย่างสนองบูมกับมิ้น แต่ก็ไม่ทันแล้ว นางชิงตายไปก่อนแล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดลเป็นพ่อที่น่ารักนะ (อารมณ์แบบคุณพ่อขี้เห่อที่แพ้ทางลูกงี้อะ)
ชอบเวลาดลกับปันอยู่ด้วยกัน เป็นพ่อลูกที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นรู้ใจมาก

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
หงุดหงิดแทนดลอยู่  เหมือนจะดีแต่ไม่ดี...เห้ออออ

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ใช่หงุดหงิดอย่างแรง เมื่อไหร่บูมมันจะรู้สึกผิดจริงๆจังๆสักที ลูกด่าก็แล้วยังไม่ยอมรับ พ่นคำพูดที่สวยหรูอยู่ได้ เป็นชู้ก็คือชู้ นอกใจก็คือนอกใจดิ ถ้าเราเป็นดลนี่เราโกรธกว่าดลอีก รักแล้วยังไง รักแล้วจะทำกับเราแบบนี้อะนะ เลี้ยงลูกชู้มันไม่ได้สวยหรูเหมือนที่บูมมันบอกลูกหรอก หมั่นส้ายยยยย ปล. ลามไปปันด้วย หงิดหงิ๊ดดดด 5555#อินแรงมาก

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
หงุดหงิดหัวใจจังๆๆๆๆ มีบทพูดความรู้สึกพ่อดลลูกปันบ้างมั๊ย แบบเปิดอกคุยกันไรงี้  อยากบอกว่ารักพ่อดล สู้ๆ

ออฟไลน์ ravyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เกลียดบูม...
คือนี่คุณจะไม่คิดว่าตัวเองกะมิ้นผิดเลยหรอ? แค่รักก็ถือว่าถูกต้องละหรอ?
ละสรุปคือมิ้นท้องก่อนดลเลยได้แต่งงานกะมิ้นหรอที่บอกว่าครอบครัวว่าดลเรื่องทำมิ้นท้อง?
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ชั่วมากจ้า ขอด่าและขอเกลียดทั้งมิ้นและบูม
ที่อ่านๆมาไม่เคยเห็นบูมสำนึกถึฃการกระทำของตัวเองเลย เหมือนคิดว่าตัวเองทำถูกแล้วที่เป็นชู้งี้หรอ รักกันแต่จะทำให้ใครเสียใจงี้ก็ได้หรอวะ ทุเรศ เห็นแก่ตัวมากๆ อยากให้เรื่องมันแดง จะเป็นคนนึงที่สมน้ำหน้าบูมอย่างมาก คนแบบนี้ไม่ควรได้มีความสุขอะจนกว่าจะสำนึกได้จริงๆ แต่ดูแล้วก็เป็นคนที่ดูมีจิตสำนึกต่ำนะ ตั้งแต่เป็นชู้และยังให้ลูกน้องมาช่วยตอนต่อยดล กากและทุเรศมาก //ทำไมอินเบอแรง //กลัวตัวเอง55

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เราเฉยๆกับโดนัทแหละ ก็เข้าใจความเป็นวันรุ่นของปันนะ ปันก็แหละพ่อแหละ อยู่ด้วยกันผูกพันกันมาขนาดนี้
แต่ด้วยความเป็นวันรุ่นไง ติดเพื่อน ติดแฟนงี้
หมั่นไส้พ่อบูมมมมม มากกว่าเยอะเลย แหมมมมม่ (ส่วนคนที่ไม่อยู่แล้ว ก็พยายามไม่นึกถึงให้มาก...เฮ้ออออ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JAJii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ถ้าบูมเป็นพระเอกนะ ขอให้มันเกือบตายคาตรีนดลก่อนได้ป้ะ คือเป็นคนน่ารังเกียจมากอะ ยิ่งตอนซ้อมดลนี่โคตรหน้าตัวเมีย เป็นเราเราจะไม่ทน ไม่เอาปัณแล้วด้วย อยู่ด้วยกันแล้วไม่รู้สึกว่าลูกเป็นหนามยอกอกรึไง เราว่าดลต้องคิดบ้างแหละไม่งั้นคงไม่พลั้งต่อยหน้าปัณหรอก เราไม่อินครอบครัวสุขสันต์ ไม่อินไม่อิน ว้อยยยยยยยยยยย!!!!!!! :m31: :z6:

ออฟไลน์ paintshinki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เรื่องนี้คงเป็นนิยายที่อ่านแล้วหัวร้อนแห่งปีนี้เลยทีเดียว อ่านแล้วอินมากอินเบอร์แรง อินจนทนไม่ไหวจนต้องล็อกอินเข้ามาเม้นทั้งๆที่ไม่ได้เม้นมานาน555555 เข้าใจนักเขียนว่าคงจะทำให้นิสัยของปันเป็นธรรมชาติของเด็กม.ปลายปกติทั่วไปให้มากที่สุดแบบ เราก็คิดนะว่าถ้าเป็นเราสมัยอายุเท่าปันคงคิดประมาณนี้เหมือนกัน อยู่ๆก็มีพ่อรวยแล้วมีโอกาสได้ไปเรียนต่างประเทศที่ไม่ใช่แค่แลกเปลี่ยนแต่ได้ไปเรียนป.ตรีเลยนะเฮ้ย เป็นอะไรที่ใฝ่ฝันสมัยวัยเรียนม.ปลายมากจริงๆจนทำให้ลืมคิดไตร่ตรองความรู้สึกของคนที่เป็นพ่ออย่างดล อ่านยังไงๆก็รู้สึกว่าดลเป็นบุคคลที่น่าสงสารมากที่สุด แล้วจะรอต่อไปนะคะว่าเมื่อไรคนเ-ี้ยอย่างบูมเนี่ยจะสำนึกมากกว่านี้ซะที และปันคิดถึงความรู้สึกพ่อดลมากกว่านี้ สุดท้ายนี้เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ ยังติดตามผลงานเรื่อยๆ ปล.ขออภัยที่พิมพ์ซะยาว อยากระบายอารมณ์มากจริมๆ555555555555 ปล.2 ยิ่งอ่านยิ่งหัวร้อนแต่ก็ยังชอบอ่านงงใจตัวเอง55555

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
คือแบบบ บูมโคตรไร้จิตสำนึก เกลียดมากกก
จริงๆ ถ้าดลจะโกรธ หรือพาลไม่รักปันแล้วก็ไม่ผิดนะ
ที่ปันพูดมันก็ถูก อนาคตดลควรไปได้ไกลกว่านี้ป่ะ
มีแต่ยัยมิ้น กะอีพ่อบูมเนี่ย
ที่โคตรเห็นแก่ตัว แล้วบูมมีสิทธิไรจะไปทำร้ายดล
ถ้าดลจะไม่รักปันจริงๆ คือทำเลวแล้วไม่มีสำนึก
ดลนี่ก็น่าสงสาร เลี้ยงลูกคนอื่นจนรัก จนตามใจขนาดนี้
หวังว่าคนดีๆ จะได้อะไรดีๆตอบแทนบ้าง
มีความอินมากกกกก  :m31:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ทำลายชีวิตคนคนนึงเลยนะคะ ทำลายอนาคตของเด็กผู้ชายคนนึง แล้วก็เชิดหน้าบนเกียรติภูมิกับเงินที่หามาได้จากการที่ไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง.. แถมเอาเรื่องนี้มาดูถูกเขาอีก

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ติดตามจ้า  :L2:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ปล่อยไม้แก่อย่างตาลุงบูมไป ไม่ให้ราคาแล้ว
มาเชียร์โดปันแทนก็ได้ โดน่าสงสารนะ ครอบครัวก็ไม่สมบูรณ์ หลักในชีวิตอย่างปันกำลังจะจากไป แต่ก็ไม่ทำตัวงี่เง่า ต่อจากนี้ไปคงมีบทพิสูจน์ความรักของโดปันอีกไม่น้อย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ rikulism♡

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หงิดมาก เกลียดบูมที่ไม่สำนึกไรเลย
คิดถึงอนาคตตัวเอง แล้วคนที่ต้องทิ้งอนาคตมาเลี้ยงลูกชู้ล่ะ
เอาแต่ได้ พูดจา ทำตัว โมโหแล้วนะ!!
นังมิ้นตัวดี ด่าไม่ได้เลยยยยย เป็นตัวเองรับได้งั้นสิ
มีคนอื่น ไม่ไปด้วยเพราะห่วงคนอื่นมากกว่าแฟน คนดีๆเค้าคงทำกัน
มองไงก็ไม่ได้รักดล แล้วยังถ่วงอนาคตเค้า เสียเวลาชีวิตคนอื่น
แค่ด่ายังน้อยไปสิ อินๆๆๆๆๆ แต่ขอโทษคนเขียนนีสส แบบว่าไม่ค่อยอินปันโดง่า
ถ้านี่แค่ปูชีวิตดลเพื่อไปพบอะไรที่ดีกว่านี้ เราว่าก็ok

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 17



ว่ากันตามตรง การไปเที่ยวทริปสุดท้ายไม่ได้มีเรื่องน่าตื่นเต้นหวือหวาเท่าไรถ้าถามเขา ตอนแรกปันเองก็นึกหวั่นใจว่าพ่อทั้งสองคนของเขาจะเปิดศึกอะไรกันระหว่างทางรึเปล่า แต่อันที่จริงทุกอย่างก็ผ่านไปได้เรื่อยๆ แม้ปันจะสังเกตเห็นว่านพดลยังไม่ค่อยสนิทใจกับพ่อแท้ๆ ของเขาเท่าไรนัก

...ซึ่งเขาก็ไม่โทษพ่อดลของเขาหรอก ก็อีกฝ่ายถึงกับแอบไปนอนกับแฟนของตัวเองจนมีเขาออกมาเป็นตัวเป็นตนขนาดนี้ยังไงล่ะ จะให้สนิทใจ ญาติดีกันจี๊จ๊าก็คงเป็นไปได้ยาก แต่ถึงแบบนั้นเขาก็รู้สึกว่าพ่อบูมของเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเปิดใจพ่อไม่แท้ของเขาเหมือนกัน

บางที… มันอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักนิด แม้แต่กับเขาเองก็เหมือนกัน

“ปัน เตรียมของครบรึยัง แล้วลิสต์รายการที่พ่อเคยให้แกจดไว้ไปอยู่ไหนแล้ว”

“หาแป๊บหนึ่งครับพ่อ” พูดพลางรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้าน มีเสียงถอนหายใจเฮือกดังไล่หลังมา

“จนนี่จะบินในอีกไม่กี่ชั่วโมงอยู่แล้ว ยังจะมานั่งเปิดๆ ปิดๆ กระเป๋าอยู่อีก มันใช่เรื่องไหมเนี่ย หืม”

บ่นๆ ๆ สมกับเป็นพ่อเขาจริงๆ

หลังจากที่จัดการเช็กของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปัญญาก็เริ่มเหลือบมองนาฬิกา ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าเครื่องบินจะขึ้น พ่อเขาบอกว่าพวกเขาควรจะออกจากบ้านตอนประมาณสี่ทุ่ม และเท่าที่ดู ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมงในการนั่งแช่อยู่หน้าจอทีวีหรือโทรศัพท์มือถือ แน่นอนว่าเด็กยุคใหม่อย่างเขาย่อมทำทั้งสองอย่างพร้อมๆ กัน

ตอบแชทจากโดนัทไปด้วย เหลือบตาขึ้นมองดราก้อนบอลไปด้วย ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งความเอนเตอร์เทน

“ปัน กินข้าวอิ่มหรือเปล่าลูก จะเอาอะไรไปติดกระเป๋าหน่อยไหม”

“ไม่ต้องหรอกครับพ่อ ผมกินอิ่มจะแย่อยู่แล้ว” เจ้าตัวว่าขณะพิมพ์แชทตอบโดนัทที่เริ่มคร่ำครวญว่าไม่อยากให้เขาไป เจ้าตัวบอกว่าจะไปส่งเขาที่สนามบินเหมือนกัน เพราะงั้นถึงเวลาก็คงไปเจอกันที่นั่น ปันแทบไม่อยากเชื่อง่าป๊าของโดนัทจะยอมขับรถพาลูกชายไปที่สนามบินเพื่อไปส่ง… เอ่อ แฟนหนุ่มของลูกชาย? ดูเหมือนว่าฝั่งนั้นจะไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ เรื่องนี้

“แล้วนี่บูมได้บอกลูกรึเปล่าว่าเขาจะไปสนามบินกี่โมง”

“ก็ราวๆ ห้าทุ่ม ห้าทุ่มครึ่งนี่แหละครับ จริงๆ เราน่าจะไปด้วยกันสามคนแท้ๆ ขากลับพ่อก็ให้พ่อบูมมาส่ง จะได้ไม่ต้องไปรถหลายๆ คัน”

“ไม่เอาหรอก พ่ออยากขับไปเองมากกว่า” เมื่อเจ้าตัวว่าแบบนั้น ปันก็ไม่อยากขัดอะไร

เด็กหนุ่มยึดโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงหลังจากที่โดนัทบอกว่าจะไปอาบน้ำ ตาเขายังคงมองทีวีก็จริง แต่ใจน่ะ ลอยไปถึงคนอีกคนที่นั่งดื่มชาร้อนพร้อมกับอ่านหนังสือเกี่ยวกับเครื่องจักรอะไรสักอย่างไปด้วย

ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี่… นับตั้งแต่วันที่เขารู้ความจริงเรื่องพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ปันก็ยังรู้สึกเหมือนมีกำแพงกั้นบางๆ ระหว่างเขากับดล

เขาสงสัยว่ามันเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันรึเปล่า หรือเพราะเรื่องที่เขาเป็นเกย์ที่ทำให้อีกฝ่ายห่างๆ จากเขาไป ตั้งแต่ตอนนั้นมา เขาก็ไม่เคยเปิดใจถามนพดลตรงๆ อีกเลยถึงเรื่องนี้ มันเหมือนมีเรื่องหนักหนาเกิดขึ้นพร้อมกันเยอะเกินไป ทำให้เขาไม่กล้าที่จะพูดถึงเรื่องใดๆ

อันที่จริงมันก็ไม่ต่างอะไรจากการหนีปัญหาและปล่อยให้มันผ่านไปเรื่อยๆ ราวกับไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นเท่านั้นเอง

เขาใช้รีโมตกดปิดทีวี ความเงียบโรยตัวเข้ามาปกคลุมพวกเขาทั้งคู่ ปัญญาบอกกับตัวเองว่าเขามีโอกาสแค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว ก่อนที่เขาจะต้องห่างจากอีกฝ่ายไปอยู่ที่อีกซีกโลก เขาต้องเปิดใจคุยกับพ่อให้รู้เรื่องวันนี้ หรือไม่ก็ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกตลอดไป

“ปัน” ปัญญาแทบจะหงายหลังเมื่อความตั้งใจของเขาถูกอีกฝ่ายชิงตัดหน้าเสียก่อน “พ่อขอโทษนะที่ทำได้แค่นี้”

ปันลุกขึ้นพรวดจากโซฟาทันที เรียกว่าเด้งดึ๊งเลยก็ได้ เขาเบิกตากว้าง มองชายหนุ่มที่เลี้ยงดูเขามากว่า 17 ปีด้วยสายตาพิศวง อีกฝ่ายยังคงยกชาร้อนขึ้นจิบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“พ่อ… พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง”

ปัญญาสาวเท้าเข้าไปที่โต๊ะซึ่งพ่อเขานั่งอยู่ “พ่อขอโทษทำไม แล้วอะไรที่ทำได้แค่นี้”

นพดลเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา และมันทำให้ปันลืมหายใจไปชั่วขณะเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าขอบตาอีกฝ่ายติดจะแดงๆ ขึ้นมา

เด็กหนุ่มยืนอึ้ง เขามองร่างของอีกฝ่ายที่ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้อย่างเชื่องช้า ไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนเพื่อไม่ให้เสียงที่เปล่งออกมาสั่น

“พ่อรู้… ว่าพ่อไม่ได้ทำหน้าที่ได้ดีนัก ยิ่งตอนที่พ่อต่อย--”

“พ่อจะพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีกทำไม” ปัญญาเข้าไปประชิดร่างอีกฝ่ายที่เตี้ยกว่าเขาไปเล็กน้อยอย่างร้อนรนทันที นพดลเบือนหน้าหนี ไม่สบตาเขา “มันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว… ผมแทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ… เดี๋ยวนะ พ่ออย่าบอกนะว่าตลอดเวลามานี่พ่อยังคิดมากเรื่องนี้อยู่”

“แล้วแกจะไม่ให้ฉันคิดได้ยังไง” ถึงตรงนี้อีกฝ่ายก็หันหลังให้เขาแล้ว น้ำเสียงของเขาแผ่วลง “แกรู้ไหมปัน… ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยเสียใจเรื่องไหนเท่ากับเรื่องนั้นเลย เรื่องที่ฉันทำร้ายแก…”

“พ่อ” ปันเอื้อมมือไปบีบแขนอีกฝ่ายแน่น “พ่อ… ผมไม่เคยโกรธพ่อเลยเรื่องนั้น มันก็สมควรแล้วที่พ่อทำแบบนั้นกับผม ในเมื่อผม… ก็พ่อบูมกับแม่น่ะ…”

“แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่ความผิดของแก”

อยู่ๆ น้ำตาก็ทะลักลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างของปันอย่างรวดเร็วราวกับเขื่อนแตก เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อเขายังโทษตัวเองเรื่องนี้ เขารู้ดีว่าแค่เรื่องที่แม่แอบไปมีอะไรกับคนอื่นเมื่อหลายสิบปีก่อนก็ย่ำแย่พอแล้ว ไหนจะเรื่องที่เด็กที่ตัวเองเลี้ยงมาตลอดไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตัวเองอีก…

ไม่ไหว… ไม่ไหวแล้ว แค่คิดแบบนั้นหัวใจเขาก็บีบรัดไปหมด เขาสงสัยจริงๆ ว่าพ่อผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาได้ยังไง ก้าวผ่านความทรมานพวกนั้นไปได้ยังไง

“ผม… ผมต่างหากที่ต้องขอโทษพ่อ ทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อแต่พ่อก็ยัง--”

“ปัน! ” อีกฝ่ายเอ็ดขึ้นอย่างตกใจ หันหน้ากลับมาทางเขาทันที หางตาของดลยังคงแดงเรื่อๆ แต่เข้าตัวไม่ได้ร้องไห้เหมือนที่ปัญญากำลังทำ “อย่าพูดแบบนั้น สำหรับพ่อแล้วปันเป็น--”

“ฮึก ไม่ พ่อ ผมรู้ดีว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับพ่อเลย” พอปล่อยให้ตัวเองสะอื้นออกมาครั้งหนึ่งแล้วก็หยุดไม่อยู่ เด็กหนุ่มร้องไห้โฮพร้อมกับโผเข้าไปกอดอีกฝ่ายที่ยังยืนอึ้งอย่างงงๆ อยู่ เขารู้สึกเหมือนใจจะขาดแค่คิดว่าคนในอ้อมแขนเขาต้องเจอกับอะไรมาบ้าง และมันเลวร้ายขนาดไหนที่เขาเป็นตัวการที่ว่า “พ่อต้องเลี้ยงผม… ฮึก ต้องเลี้ยงผมมาเพราะพ่อคิดว่าผมเป็นลูกพ่อใช่ไหม พ่อต้อง… พ่อต้องแลกกับอะไรมาเยอะขนาดนั้นเพื่อมารู้ว่าผมไม่ใช่---”

“ปัน ลูกเข้าใจผิดแล้ว” คราวนี้นพดลเป็นฝ่ายกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมายังร่างกายของเขาทำให้เสียงสะอื้นของปันซาลง “ไม่ว่ายังไงปันก็คือลูกพ่อ ต่อให้ปันจะไม่ได้มีสายเลือดของพ่ออยู่ก็เถอะ แต่ปันสำคัญสำหรับพ่อมาก สำคัญมากจริงๆ และถ้าเป็นไปได้ พ่อก็อยากให้ปันยอมรับว่าพ่อคือพ่อของปัน”

“พ่อคือพ่อของปัน” เด็กหนุ่มรับพร้อมกับสะอื้นสั้นๆ กอดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้นราวกับจะหาที่ยึดเหนี่ยว “พ่อให้ปันลูกพ่อได้ใช่ไหม เป็นได้ใช่ไหม…”

“แน่นอน ปันก็ต้องเป็นลูกพ่อสิ” ถึงตรงนี้ นพดลเกือบจะร้องไห้ตามลูกชายไปอีกคนแล้ว “ก็พ่อมีลูกคนเดียวนี่นา ถ้าปันไม่ยอมเป็นลูกพ่อ แล้วพ่อจะเหลือใครล่ะ”

“พ่อ ผมขอโทษ… ผมขอโทษที่ทำให้พ่อเสียใจ” แล้วเจ้าตัวก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบอย่างอัดอั้น “ขอโทษนะที่ผมเป็นเกย์ ขอโทษที่ผมไม่ใช่ลูกพ่อ ขอโทษ… ขอโทษครับ”

“ชู่ว์ ไม่เอา ไม่พูดแบบนั้น ปัน” นพดลเลื่อนมือมาวางที่แก้มทั้งสองข้างของอีกฝ่าย เกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าเจ้าตัวเบาๆ “ฟังนะปัน เราอาจจะไม่เคยพูดเรื่องนี้กันจริงจังช่วงหลังๆ มานี้ แต่พ่ออยากให้ปันรู้ว่าพ่อภูมิใจในตัวปันมาก ต่อให้ปันจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิง มันไม่สำคัญอะไรเลย ปัน พ่อรักปันในแบบที่ลูกเป็น เข้าใจไหม เพราะงั้นเลิกขอโทษหรือคิดมากเรื่องนี้ได้แล้ว ส่วนเรื่องที่ปันไม่ใช่ลูกพ่อ… พ่อบอกแล้วไงว่านั่นไม่จริง ปันเป็นลูกของพ่อนะ เป็นคนที่พ่อรักที่สุด เพราะงั้นอย่าเสียใจเลยปัน พ่อดีใจจริงๆ ที่ได้มีหนูอยู่ข้างๆ มาตลอดแบบนี้”

ปัญญาสะอื้นฮักๆ ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายก่อนจะพูดกระท่อนกระแท่น “พ่อ… ปันรักพ่อนะ รักพ่อมาก พ่ออย่าเกลียดปันเลยนะ ปันรักพ่อจริงๆ ”

นพดลจรดริมฝีปากที่ข้างแก้มลูกชายแผ่วเบาราวกับจะย้ำให้มั่นใจ

“พ่อเองก็รักปันมากเหมือนกัน”

แล้วไอ้เรื่องที่จะเกลียดเด็กผู้ชายในอ้อมแขนคนนี้น่ะ… เขาว่าคงต้องรอชาติหน้าเสียล่ะมั้ง







“พี่ปันไปถึงที่นู่นแล้วต้องส่งไลน์มาหาผมนะครับ สัญญาแล้วนะ” โดนัทพูดย้ำแบบนี้เป็นครั้งที่สามแล้วหลังจากที่เจอหน้าแฟนหนุ่มของตัวเองพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบยักษ์กับกระเป๋าสะพายอีกใบบนแผ่นหลัง พ่อของโดนัทที่ขับรถรถพาเจ้าตัวมาโยกหัวลูกชายน้อยๆ อย่างเอ็นดูก่อนจะเอ็ดอย่างไม่จริงจังนัก

“หนูอย่าไปพูดย้ำพี่เขาบ่อยๆ สิลูก เดี๋ยวพี่ปันเขารำคาญขึ้นมาจะทำยังไง”

“พี่ปันไม่รำคาญผมหรอก ใช่ไหมฮะพี่ปัน”

“อืม ไม่รำคาญหรอก” ก็ลองตอบรำคาญดูสิ อาจจะก้านคอหักก่อนได้ขึ้นเครื่อง

“ว่าแต่นี่หนูปันไปรัฐไหนนะครับ”

“โอไฮโอครับ” เจ้าตัวตอบยิ้มๆ เขาได้โฮสท์แฟมิลี่ที่นั่น และก่อนหน้านี้ก็เขียนจดหมายหากันสองสามครั้ง ดูแล้วน่าจะเป็นครอบครัวที่น่ารักอยู่

“ไปอยู่นู่นก็ตั้งใจเรียน รู้ไหม ไม่ใช่เอาแต่เที่ยวเล่น” นพดลพูดสำทับอีกรอบขณะจัดคอปกเสื้อของลูกชายให้เข้าที่ ตอนนี้ปันเหลือแค่กระเป๋าเป้ใบเดียวเพราะใบใหญ่โหลดเช็คอินใต้ท้องเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว

ส่วนบูมที่ยืนอยู่ข้างๆ ดลเบ้ปาก แกล้งทำท่ากระซิบแต่ได้ยินกันครบทุกคน “อย่าไปฟังพ่อ ปัน เชื่อน้า ไปแบบนี้น่ะต้องเที่ยวให้เยอะๆ หาประสบการณ์ เต็มที่กับชีวิตวัยรุ่น แกแก่แล้วแก่เลยนะเว้ย ย้อนเวลากลับมาไม่ได้”

“คุณบูม” นพดลพูดเสียงเย็น แต่คนที่คิดจะยุลูกชายเที่ยวก็ไม่สะท้านแต่อย่างใด โธ่เอ๊ย ยังไงปันก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ให้เอนจอยชีวิตวัยรุ่นบ้างจะเป็นไรไป

ไม่มีใครมาส่งปันมากกว่านี้เพราะเจ้าตัวออกปากกับเพื่อนเองว่าไม่อยากให้มากันวุ่นวาย แม้แต่กับเพื่อนสนิทอย่างเบนซ์เขาก็บอกว่าไม่ต้องมา เพราะเขาคิดว่าแค่พ่อเขาสองคนก็น่าจะมากมายเกินพอแล้ว ส่วนโดนัท... ไม่ได้หรอก ต่อให้เจ้าตัวไม่อยากมาเขาก็ต้องขอร้องให้มาแน่ ถึงยังไงนี่ก็แฟนเขานะ จะไม่อยากให้มาส่งได้ไง

ทั้งสามคนเดินมาส่งเด็กหนุ่มจนถึงหน้าเขตที่ห้ามคนนอกเข้าไปด้านใน ปันไล่กอดทีละคน แต่คนที่เขาสวมกอดด้วยนานที่สุดคือพ่อที่เลี้ยงเขามาตลอดชีวิตของเขา เริ่มรู้สึกใจหายวูบวาบเมื่อคิดว่าต้องห่างชายหนุ่มคนนี้ไปจริงๆ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็แค่ส่งยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายและอีกสองคน ก็มันไม่ใช่การจากกันแบบตลอดกาลเสียหน่อย ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องเศร้า

"งั้น... ผมไปก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวถึงแล้วจะติดต่อไป"

"โชคดีลู-- ปัน" ดาราใหญ่ที่พยายามพรางตัวพลิกลิ้นแทบไม่ทัน นพดลเหล่มองมาทางเจ้าตัวอย่างไม่พอใจ เขารู้สึกได้เลยว่าความเป็นส่วนตัวถูกคุกคามเมื่อมีสายตาของใครหลายคนจดๆ จ้องๆ มาทางพวกเขาตั้งแต่มารวมตัวกับบูม บางคนตั้งท่าจะบุกเข้ามาถามกับเจ้าตัวหลายรอบแล้วด้วยซ้ำว่าใช่บูม บดิศรไหม แต่เหมือนอีกฝ่ายก็หาทางเอาตัวรอดแบบเนียนๆ มาได้

"อย่าลืมที่สัญญากับผมนะพี่ เดินทางปลอดภัยครับ" โดนัทว่า ตัวเขากับปันเองก็สวีทกันออกหน้าออกตาไม่ได้เพราะปันบอกว่าไม่อยากให้พ่อแท้ๆ ของตัวเองรู้ แต่เด็กหนุ่มก็คิดว่าแบบนี้ก็เหมาะสมดีแล้ว และเขาเองก็พอใจที่ได้มาส่งอีกฝ่ายถึงนี่ แม้จะรู้สึกโหวงๆ อยู่บ้างก็เถอะ

"รักษาสุขภาพด้วย" ดลพูดตบท้ายเพียงเท่านั้น และได้รับรอยยิ้มกว้างจากไอ้ตัวแสบเป็นคำตอบ





หลังจากส่งปันขึ้นเครื่องเสร็จเรียบร้อย โดนัทที่มากับพ่อก็เริ่มหันไปยกมือไหว้บอกลาผู้ใหญ่อีกสองคน

ต่อหน้าบดิศร ป๊าของโดนัทไม่ถามอะไรสักคำ แต่เมื่อลูกชายขึ้นรถมานั่ง คาดเข็มขัดเสร็จสรรพ ชายหนุ่มก็เอ่ยปากถามทันที

“สรุป… เมื่อกี้นี้ ใช่บูม บดิศรตัวจริงใช่ไหม”

“ใช่สิครับ” คนหน้าหวานว่า “ตัวจริงเสัยงจริงเลยล่ะ”

“เขาเป็นคนรู้จักของปันเหรอลูก”

โดนัทนิ่งเงียบไป เขาอยากจะบอกป๊าของตัวเองเรื่องที่จริงๆ แล้วปัญญาเป็นลูกของดาราชื่อดังคนนั้น แต่เพราะคำสัญญาที่ได้ให้ไว้… สัญญาที่บอกว่าจะไม่บอกใคร ต่อให้นี่เป็นป๊าของเขาเองก็เถอะ แต่โดนัทก็คิดว่าเขาควรจะทำตามสัญญาอยู่ดี

“เขาเป็นญาติของพี่ปันน่ะครับ” เจ้าตัวตอบยิ้มๆ

“งี้นี่เอง”

“แต่ป๊าอย่าบอกใครนะ พี่ปันไม่ค่อยอยากให้ใครรู้เท่าไร เดี๋ยวจะวุ่นวายเปล่าๆ ”

“ป๊าจะบอกใครได้ล่ะ มีใครให้บอก หือ” จากนั้นชายหนุ่มก็หัวเราะร่วนแล้วสตาร์ทรถ







ตัดมาที่อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มอีกสองคนกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน แม้ว่านี่จะเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้วก็ตาม

"แล้ว... ทำไมผมจะต้องมานั่งกินข้าวกับคุณแบบนี้ด้วย"

บูมที่กำลังตักสปาเกตตีราดซอสเห็ดเข้าปากเงยหน้าขึ้นมามองคนถามนิดหนึ่ง ใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยนั่นเปล่งประกายแบบที่เรียกได้ว่ารัศมีดาราจับจริงๆ ดลคิดว่าความหล่อนั่นมันแยงตาจนเขาต้องหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างอดไม่อยู่

ลูกค้าคนอื่นๆ ที่อยู่ในร้านหันมามองที่พวกเขาสองคนเป็นระยะๆ ดลสังเกตเห็นว่าบางคนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปด้วยซ้ำ แต่คนที่โดนแอบถ่ายอยู่ก็ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร ประมาณว่าชินกับเรื่องแบบนี้เสียเหลือเกิน เห็นแล้วนึกหมั่นไส้ยังไงขึ้นมาพิกล

"ก็เพราะว่าฉันยังไม่ได้กินข้าวเย็นน่ะสิ แล้วการนั่งกินข้าวคนเดียวน่ะสนุกซะที่ไหน อีกอย่าง มีนายมาเป็นตัวคอยกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาขอถ่ายรูป ขอลายเซ็นแบบนี้ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว ว่าแต่นายแน่ใจนะว่าจะกินแค่กาแฟแค่นั้น ไม่เอาแซนด์วิชหรือขนมปังสักหน่อยเหรอ"

"ผมกินอิ่มมาจากบ้านแล้ว ขอบคุณ" ดลพูดเลี่ยงพร้อมกับดูดกาแฟเย็นต่อเพื่อตัดบทสนทนาไปเสีย ใจจริงน่ะอยากจะบอกลาคนตรงหน้าแล้วลุกหนีกลับบ้านไปเลย แต่ไม่รู้ทำไมพออีกฝ่ายบอกว่าถ่ายงานมาตลอดทั้งวันจนไม่ได้กินอะไร แถมยังเร่งรีบมาที่สุวรรณภูมิเพื่อส่งปันด้วยแล้ว เขาก็นึกใจอ่อนขึ้นมา แล้วก็คิดง่ายๆ ไปว่าแค่มานั่งรอหมอนี่กินข้าวเฉยๆ คงไม่เสียเวลาเท่าไร

"นายอยากกินบราวนี่ไหม" แต่เหมือนชายหนุ่มตรงหน้าจะไม่เลิกราวีง่ายๆ ดลเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม

"ตอนจะเที่ยงคืนแบบนี้น่ะเหรอ? "

“ปันชอบกินบราวนี่”

คราวนี้คิ้วของเขาเลิกสูงขึ้นไปอีก

“ฉันก็เลยคิดว่า” กลืนเส้นแป๊บ “นายก็น่าจะชอบ”

“ผมก็ชอบหรอกครับ” นพดลว่า มองหน้าอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง ไม่รู้ไอ้หมอนี่จะมาไม้ไหน “แต่นี่มันดึกมากแล้ว แถมบราวนี่ทั้งชิ้น… น้ำตาลขึ้นกันพอดี”

“พูดจาเป็นคนแก่ไปได้”

“ก็อายุไม่น้อยเท่าปันแล้วกัน” แบบนั้นน่ะจะกินอะไรก็กินไปเถอะ เขานี่อยู่ในวัยที่ต้องห่วงสุขภาพล่ะ

“งั้นสั่งมาแบ่งกันละครึ่งไหม”

“หา? ”

“ฉันอยากกิน”

“แต่ผมไม่”

“น้องครับ” เจ้าตัวไม่ฟังคำค้าน แถมยังยกมือเรียกพนักงานมาหน้าตาเฉย ไม่ได้สนใจเลยว่าคนอื่นจะมองแล้วมองอีกแค่ไหน ดลแอบสังเกตเห็นว่าพนักงานสองคนทำท่าจะปรี่เข้ามาพร้อมๆ กันด้วยซ้ำตอนที่บูมขยับตัว “ขอบราวนี่ให้ทีหนึ่งนะ”

“ผมไม่กินนะ” พูดดักคอไว้ก่อน แต่คนสั่งหัวเราะหึๆ

“เดี๋ยวก็รู้”

“...” เบื่อคนประเภทมัดมือชกแบบนี้จริงๆ

“เออ ดล ฉันว่าจะถามนายมานานล่ะ”

“อะไร” ดูดกาแฟต่อล่ะ

“นายว่าปันแม่งเป็นเกย์ปะวะ”

“...แค่ก! ” กาแฟยังไม่ทันได้ลงกระเพาะก็มีอันต้องพุ่งออกจากซะแล้ว

“เฮ้ยๆ ๆ ทำอะไรสกปรก เอ้านี่ ทิชชู่ๆ ”

“ทะ… ทำไม” นพดลอึกอัก ยกกระดาษขึ้นเช็ดที่ปาก

“อืม… คือคนในวงการส่วนใหญ่จะมีสิ่งที่เรียกว่าเกย์ด้าน่ะ เคยได้ยินไหม”

ไม่เคยว้อย

“เอาเป็นว่า… แค่รู้สึกแบบนั้นก็แล้วกัน แล้วยิ่งมาเห็นวันนี้ที่น้องผู้ชายหน้าหวานๆ อีกคนก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่ สองคนนั้นเขาชอบกันรึเปล่า”

“...” นี่อย่าบอกนะว่าพวกดารามีเซ้นส์อะไรพวกนี้ บางทีเซ้นส์ก็แรงไปนะ “ก็… ทำไมคุณไม่ลองไปถามปันเองล่ะ”

“เฮ้ย บ้าเหรอ ของแบบนี้ ถ้าลูกอยากจะบอกเขาก็บอกเองแหละ จะไปถามทำไม”

ท่าทีสบายๆ นั่นทำให้ดลรู้สึกแปลกใจ “คุณไม่ว่าอะไรเหรอครับถ้าปันเป็นเกย์จริงๆ ”

“จะไปว่าอะไรล่ะ” เขาว่าก่อนจะเงียบลงเมื่อพนักงานสาวยกของหวานมาเสิร์ฟ “อ้อ น้องครับ เดี๋ยวขอช้อนอีกคันด้วยนะ”

“ได้ค่ะ” หน้าเจ้าหล่อนแดงเถือกเป็นมะเขือเทศแล้วตอนนี้

“แปลว่าคุณรับเรื่องพวกนี้ได้? ”

“โธ่เอ๊ย พ่อเต่าล้านปี เรื่องนี้เขายอมรับกันมาตั้งนานแล้วนะ”

เออ ดูท่าไอ้หมอนี่จะพูดจริง… อะไรวะ ทีเขานะ ใช้เวลาทำใจตั้งนานกว่าจะรู้สึกแบบนี้ได้ ประสบการณ์ต่างชั้นกันจริงๆ

“เอ้า ช้อนมาแล้ว ดล กินสิ ช่วยกินหน่อย คนละครึ่งนะ”

“จริงๆ เลย” ถอนหายใจเฮือกหนึ่งเหมือนอ่อนใจแต่ก็ยอมตักบราวนี่เข้าปากอยู่ดี “ทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้กับคุณด้วย จบนี่แล้วผมจะกลับบ้านจริงๆ แล้วนะ”

“นายยังโกรธฉันเรื่องมิ้นต์อยู่อีกเหรอ” คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมาสบตาบูมตรงๆ สีหน้าแววตาและน้ำเสียงของเจ้าตัวเหมือนขอความเห็นใจ “นั่นมันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะ แถมเรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว”

“ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าจะไม่มีวันยกโทษให้คุณเรื่องนั้นน่ะ”

“ต่อให้ฉันบอกว่าทำเพื่อปันงั้นเหรอ? ”

“อืม ต่อให้คุณบอกว่าทำเพื่อปันก็เถอะ ผมทำให้ไม่ได้… ยกโทษให้ไม่ได้หรอก”

“แล้วถ้าปันขอร้องล่ะ? ”

ไอ้นี่… มันเอาลูกมาอ้าง

“ถึงตอนนั้นก็ต้องขอคิดดูก่อน”

“ใจแข็งจัง”

“ผมแค่ไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่ต้องยกโทษให้คุณเรื่องนั้น และเราก็ไม่จำเป็นต้องสนิทชิดเชื้ออะไรกันมากมายด้วย ที่ผมยอมลงให้คุณขนาดนี้ก็เพราะว่าปันหรอก และผมว่าผมทำได้ดีมากแล้ว”

“ฉันเห็นด้วยนะ นายสุดยอดจริงๆ ”

นพดลเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อดูว่าอีกฝ่ายพูดประชดรึเปล่า แต่ไม่เลย ชายหนุ่มหมายความตามที่พูดจริงๆ แถมสายที่เหมือนจะชื่นชมนั่นเริ่มทำให้เขารู้สึกขัดเขินแปลกๆ

“ฉันรู้ว่าฉันทำเรื่องแย่ๆ ใส่นายมามาก ทั้งเรื่องมิ้นต์ เรื่องปัน เรื่องที่ต่อยนาย… บางทีเราคงจองเวรกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน”

“เรื่องนั้นผมไม่ขัดเลย”

“งั้นคราวหน้าเราไปทำบุญด้วยกันไหม” ข้อเสนอของเขาทำเอานพดลต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอีกแล้ว “กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กันไง เผื่อนายจะยอมยกโทษให้ฉัน”

“คุณนี่ประสาทกลับ” นพดลลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตัวเองทั้งที่เพิ่งกินบราวนี่ตรงหน้าไปได้ไม่กี่คำ “ผมว่าผมกลับดีกว่า มื้อนี้คุณจ่ายใช่ไหม ผมไม่ออกเงินนะ”

“แน่นอนครับ นพดล” บดิศรยิ้มจนตาหยี ดลชะงักไปนิดหนึ่งเพราะรอยยิ้มนั่นเหมือนกับปันราวกับคัดลอกกันมา ...แล้วเขาก็แพ้ทางรอยยิ้มของลูกชายมาแต่ไหนแต่ไร

ทำไมไอ้หมอนี่ที่อายุเยอะกว่าเขาถึงได้ยังดูเด็กขนาดนี้ได้อยู่ฟะ

“งั้นไว้เจอกันนะ” เขาทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้นขณะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง “แล้วฉันจะไปดักรอที่บ้าน”

“งานการไม่มีให้ทำหรือไง”

“ก็ไปหาตอนว่างๆ สิ”

“อย่าเอาใครมาซ้อมผมก็พอ”

“งั้นแปลว่านายโอเคแล้ว”

อย่างกับเขาจะห้ามอีกฝ่ายได้จริงๆ งั้นแหละ

“ขอบคุณนะ ดล” ไอ้ตัวแสบ (เหมือนลูกมัน) พูดทิ้งท้าย “นายเป็นคนเข้มแข็งจริงๆ ”

เรื่องนั้นเขารู้ตัวเองดีอยู่แล้ว





----------------------------------------------
Talk: เอามาลงไว้ก่อนค่ะ พรุ่งนี้อาจจะไม่ว่าง แถมพรุ่งนี้หลายๆ คนคงไปงานตลาดฟิคกันล่ะสิ! ฝากเที่ยวเผื่อเราด้วยนะ XD

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เกลียดบูมว่ะ โครตเกลียดเลยต้องบอกว่า "รังเกียจ" เลยล่ะ คนอะไรว่ะไม่สำนึกผิดเลยใช่ไหม
ถึงมาขอให้ยกโทษกันง่ายๆ แบบนี้ เป็นตัวเองจะทำได้ไหมถึงได้พูดออกมาง่ายๆ ว่าให้ยกโทษให้
ทำไมบูมไม่คิดว่าถ้าเป็นตัวเองโดนแฟนไปมีชู้แล้วท้องกับคนอื่นแบบดลบ้าง
มันจะยอมยกโทษให้ง่ายๆ ได้เหรอไงว่ะ เราว่านะเป็นตัวบูมเองทำไม่ได้ชัวร์
แล้วยังมีหน้ามาขอให้คนอื่นยกโทษให้แบบนี้ หน้าด้านว่ะบอกเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด