***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61  (อ่าน 13753 ครั้ง)

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เรื่องน่ารักแปลกใหม่ดีอ่ะ o13 ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
จะมีดราม่ามั้ยเนี่ย มีแววๆ

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3



อสุรา ล่ารัก intro .00

ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก (ภูผาxธาร)


ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง (บลูมูน) คืนนั้น จะเป็นคืนแห่งการล่าเพื่อเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณให้ครบ1000ดวง เพื่อกลับไปสู่วังวลแห่งการเวียนไหว้ตายเกิด

ธาร คือ พรายน้ำหนุ่มที่อายุอนามก็เกือบหนึ่งพันปี เป็นผีรุ่นพี่ ที่มีอิทธิฤทธ์มากมาย เป็นเจ้าแห่งผีพรายปกครองผืนน้ำ แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ในทุกๆ วันที่มีคนตายในน่านน้ำของเขา ทุกดวงวิญญาณคือทาสรับใช่เขาจนกว่าจะถึงอายุขัยจริงๆ และเขาก็มีหน้าที่ดูแลควบคุมผีพรายเหล่านั้นไม่ให้กระทำกิจอันเป็นอันตรายต่อชีวิตของสัตว์ในน้ำเว้นเสียแต่ว่า ผีพรายตนนั้นต้องการตั้งตนเป็นปฏิปักต่อเขา



“นายท่าน นี่ก็ใกล้คืนจันทร์ดวงแล้ว วันนั้นคงวุ่นวายน่าดู เหล่าพรายน้ำก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็เกือบเหมือนดวงเข้าไปแล้ว” เสียงของพรายทาสที่ชื่อ กิจบอกกับข้า เอ่ยผม ที่นั่งอ่านเอกสารการตายของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในน่านน้ำ ผมต้องตรวจดูรายชื่อที่มีการตายแบบผิดธรรมชาติ นั่นคือที่ไม่ใช่การจมน้ำแบบธรรมดาทั่วไป แต่เป็นการตายที่เกิดจากการกระทำของผีพรายชั่วร้ายที่ฆ่าเอาวิญญาณมาเป็นบริวารของตนโดยมิชอบ นั่นคือดวงวิญญาณที่ถูกทำพันธสัญญาโดยการบังคับและดวงวิญญาณดวงนั้นจะไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดจนกว่า นายของตนจะสิ้นชีวี นั่นเป็นปาบมหัน

“ข้าต้องออกไปควบคุมพรายพวกนั้นอยู่แล้วเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”

“ข้ากลัวไอ้ สีนิลมันจะเล่นไม่ซื่ออีก ยิ่งพักหลังๆ มานี่มันลอบสังหารมนุษย์เป็นว่าเล่น แถมยังบังคับให้ขายวิญญาณอีก มันชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้วนะนายท่าน” พรายกิจบอกกับผมด้วยความกังวล ผมละสายตาจากเอกสารต่างๆ ตรงหน้าแล้วมองกิจด้วยแววตาเรียบนิ่ง

“ข้าจัดการได้ไม่ต้องห่วง เจ้าแค่ทำตามที่ข้าบอกก็พอ” อีกอย่างผมต้องไปราดตระเวน ตรงตอม่อสะพานพระรามแปดอีก ตรงนั้นเห็นว่ามีพรายเกิดใหม่ออกอาละวาดเที่ยวหลอกหลอนผู้คนอยู่ พอทำงานเอกสารเสร็จก็ส่งให้กิจนำไปส่งให้ท่ายมทูตมาเรียกเก็บวิญญาณที่หมดอายุขัยอีกที นี่ก็ไม่ได้พักผ่อนมาหลายชั่วยาม ข้าวปลาก็ยังไม่มีใครเอาเซ่นไหว้

“ข้าจะออกลาดตะเวนเจ้าก็เร่งเอาเอกสารไปส่งท่านยมซะ”

“ครับนายท่าน” พอกิจออกไปผมก็ต้องออกไปบ้าง งานลาดตระเวนไม่ค่อยมีอะไรมากแค่คอยปราบปรามพวกพรายตัวร้ายๆ แล้วจับส่งคุกบาดาล รอให้ท่านยมมารับไปลงโทษ ลอยน้ำมาไม่ไกลก็ถึงที่หมาย ตอม่อใต้สะพานพระรามแปด ผมขึ้นจากน้ำแล้วแปลงกายเป็นมนุษย์ทันที นั่งสังเกตไปเรื่อยๆ ผู้คนก็เดินกันขวักไขว่ไปมา แต่ไม่มีใครสั่งเกตเห็นผมเพราะพรางกายเอาไว้ นั่งรอจนรู้สึกเบื่อ



“เห้ออออ เหนื่อยจังเลยวันนี้” เสียงของใครบางคนที่เดินมานั่งลงข้างๆ ผม สายลมเย็นปะทะใบหน้าหวานๆ ของเขาผมสลวยปลิวไปด้านหลัง แน่นอนเขาไม่เห็นผมว่านั่งอยู่ตรงนี้ ดูๆ ไปหน้าตามนุษย์ผู้นี้ก็น่ารักดีนะ ดูซื่อๆ ดี

“หิวก็หิว กระเป๋าตังก็หาย แบดโทรศัพท์ก็หมด ซวยอะไรแบบนี้ วะ ฮรือออ T^T”

“....”

“แฟนก็ไม่มี หญิงก็ไม่แล ย๊ากกกกกกกกก” ไอ้เด็กบ้านี่จู่ๆ มันก็แหกปากออกมาเสียงดังลั่นเลยครับ ตกใจจนผงะหงาย หัวใจผมนี่หล่นไปที่ตาตุ่มเลย คนแถวนั้นมองมันเหมือนตัวประหลาด ผมเองก็ด้วยเกิดบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ ผมยกมือจะไปเขกหัวมันโทษฐานที่ทำให้ผมตกใจ

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณตกใจ” มันหันมาทางผมแล้วพูดว่าขอโทษด้วยแววตาเศร้าๆ ตกใจสิครับที่จู่ๆ มนุษย์อย่างมันมองเห็นผมได้

“หะ เห็น ผม ด้วยเหรอ”

“ฮ่าๆ พูดอะไรของคุณ ก็ต้องเห็นสิครับ”

“เป็นไปไม่ได้ หรือว่าฤทธิ์ข้าเสื่อม ไม่ได้การละ” ผมต้องลงน้ำแล้วไม่อย่างนั้นแย่แน่ๆ นี่ผมนั่งอยู่บนฝั่งนานเท่าไหร่แล้วเนี้ยะ

“คุณพูดอะไรตลกชะมัด แล้วจะไปไหน จะกลับแล้ว เหรอ คุณนี่ คุณ!!! อย่าคิดสั้น คุณ”

ตู้มมมมม

“ว๊ากกกกกกก คนตกน้ำ ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย” เรียกร้องไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้ามนุษย์ วันนี้เห็นทีคงชวดกับผีพรายที่เที่ยวหลอกหลอนคนแถวนี้ซะแล้ว ผมแอบมองเด็กคนนั้นที่ยืนโวยวาย ว่าผมฆ่าตัวตาย จนคนแถวนั้นรีบวิ่งมาดูพร้อมกับแจ้งหน่วยกู้ภัยออกมาช่วยผม เห้อออ มนุษย์หนอมนุษย์ ช่างโง่เขลา และหลอกง่ายจริงๆ



(ภูผา)

ไม่จริง ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ผมเห็นเขาโดดลงไปในน้ำ ผมเห็นจริงๆ นะแต่ทำไมไม่มีใครเชื่อผม ฮึก ฮือออออ

“น้องพี่ว่าน้องคงเจอดีเข้าแล้วละ แถวนี้นะเขาโดนกันบ่อย แล้วนี่ลุกไหวไหม” ผมส่ายหน้า

“น้องมีญาติไหมพี่จะโทรตามให้” พยักหน้าตอบพร้อมกับบอกเบอร์ไอ้เขื่อน



“ฮึกกก เขื่อนช่วยกูด้วย กูโดนผีหลอก”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปล.เอาอินโทรคู่รอง มาฝากไว้ค่ะ ฝากพี่ธารกับหนูภูผาด้วยนะคะ








ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โถ คุยกันอยู่ดี ๆ ลุกไปกระโดดน้ำเฉย ใครเห็นก็ตกใจไหม ฮา

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เจอกันครั้งแรกก็ทำเอาตกอกตกใจ มีที่ไหนนั่งคุยกันดีๆ ดันโดดลงน้ำเฉยเลย


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 10



นับวันร้าน ยักษ์เย็นตาโฟก็เริ่มโด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ไม่ได้โม้นะ ดูจากยอดกดไลค์เพจกับลูกค้าที่มีมากเสียจนต้องขยายพื้นที่เข้ามาด้านใน ตอนนี้กำลังต่อเติมหลังคาตรงลานปูนก่อนถึงสวนที่เคยใช้เป็นที่จอดรถ เอารีโนเวทใหม่ กะจะทำเหมือนสวนในเทพนิยายอะไรแบบนั้น ส่วนรถก็คงต้องหาที่จอดใหม่ สายตาเหลือบไปมองพื้นที่กว้างๆ ของบ้านข้างๆ

“หึหึหึ” หัวเราะให้กับความฉลาดของตัวเอง ก่อนจะเดินไปสั่งงานช่างอีกนิดหน่อย ว่าต้องทำตรงไหนยังไงบ้าง ช่างนี้ก็ได้จากคนที่บริษัทของพี่ปีเขาแนะนำมาอีกที ทำงานละเอียดมากๆ เดินกลับเข้ามาที่โซนหน้าร้านลูกค้าแน่นร้านไปหมด ตั้งแต่พี่แก้วมาทำงานที่นี่ ผมก็ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ ตั้งแต่พี่แก้วมาทำงานที่ร้านผมก็ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ มีเวลาไปอ่อยผู้ชายข้างบ้านเยอะเลย ฮ่าๆ



“พี่ปีอยู่ไหม โหลลลล” ตะโกนเรียกเขาจากประตูรั้ว แดดก็แรงจนหน้าไหม นี่ยังไม่ออกมาเปิดประตูให้เลย ยืนรอนาน จนทนไม่ไหว เอาแบบนี้ละกัน ผมมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร

แวป ....เปิดวาบทันทีเลยครับ เดินทะลุประตูรั้วแมร่งเลย ยังไม่พอทะลุประตูบ้านด้วยเป็นไงละ ข้างในบ้านเงียบสนิท เหมือนไม่มีคนอยู่ แต่รองเท้าเขายังอยู่หน้าบ้านอยู่เลยนี่ สงสัยจะแอบงีบอยู่ที่สวนหลังบ้าน เดินจากหน้าบ้านทะลุไปด้านหลัง ก็เจอเขาอยู่ที่นั่นจริงๆ ด้วย พี่ปีนอนหลับอยู่บนเปลในมือมีหนังสือที่เขาอ่านค้างไว้ ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ๆ เขาและนั่งลงกับพื้นไม้ ใช้เวลาเพียงชั่วครู่แอบมองเขาเวลาหลับ คึคึ พี่ปีนอนหลับน้ำลายไหลยืดออกมาด้วย ตลกอะ ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเขาเอาไว้ ทันทีไม่พลาดครับช็อตดีๆ แบบนี้

จึกๆ

“พี่ตื่นเถอะ” เอานิ้วจิ้มใบหน้าหล่อของเขาเบาๆ

“อืมมม”

“พี่..ตื่นนน ไม่ตื่นปล้ำนะ” ได้ผลครับเขาค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาแล้วทำหน้าดุๆ ใส่

“อะไรของมึง”

“กินข้าว”

“กี่โมงแล้ว” เขาไม่ตอบแต่ตั้งคำถามใส่ผมแทน

“จะเที่ยงแล้วพี่” ตอบแล้วดึงให้เขาลุกจากเปลนอน

“แล้วมึงเข้ามาได้ไง กูจำได้ว่ากุล็อกรั้วเอาไว้” พี่เขาส่งสายตาจับผิดมาให้ ผมได้แต่ยิ้มแห้งแล้วตอบเขาไปว่า

“ปีน เอา”

“แล้วทำไมไม่เรียก ถ้าตกไปแข้งขาหักจะทำยังไง โตแล้วทำไมไม่มีหัวคิด” อ่าว...ด่ากูอีกแล้วครับ แหม่อ่อนให้นิดหน่อยข่มกูเลยนะครับ แต่เอ๊ะ พูดแบบนี้แสดงว่าเป็นห่วงเราแน่ๆ เลย คึคึคึ

“เป็นห่วงผมเหรอ”

“-*- กูกลัวมึงมาตายในบ้านกูแล้วจะเฮี้ยน”

“งะ...ถ้าผมตายผมจะบีบจู๋พี่คนแรกเลยคอดู”

“เค้ามีแต่บีบคอ เสื่อมนะมึงนะ จะไปกินข้าวก็ไป กูไปล้างหน้าแป๊บ” เขาผลักผมให้เดินส่วนตัวเองก็เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าตามที่บอก มื้อกลางวันผมทำไว้แล้วครับ ไข่น้ำ กับผัดพริกแกงกุ้ง แบ่งเอาไว้ให้ไวกับพี่แก้ว ไว้ชุดหนึ่ง ผมเดินกลับมา ยกอาหารไปไว้ที่ศาลา มื้อนี้เรากินกันแค่สองคน สักพักพี่ปีก็เดินมาครับ หล่อมาแต่ไกลเล่นเอาลูกค้าในร้านร้องกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ เกิดเป็นคนหล่อนี่ก็ดีเนอะมีแต่สาวตามกรี๊ด

“ทางนี้พี่ปี” กวักมือเรียกเขา พร้อมกับตักข้าวรอ ร่างสูงเดินมาด้วยสีหน้ายุ่งๆ

“เป็นอะไรพี่ทำไมทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออก”

“ลูกค้ามึงไง ร้องสะกูคิดว่าโดนโจรปล้น”

“ปากคอเราะร้าย ก็พี่อยากเกิดมาหล่อทำไมละ”

“เรื่องของกู แล้วไวไม่มากินด้วยกันเหรอ”

“ไม่ เรากินกันแค่สองคน”

“อืม”

นั่งกินอย่างเงียบๆ มีแอบชำเลืองตามองเขาด้วย ใบหน้านิ่งๆ ไม่หลุดมาดคุณชายกำลังกินอาหารที่ผมทำ ไม่มีปริปากบ่นหรือชมใดๆ ทั้งสิ้นแล้วจะรู้ไหมว่าไอ้ที่กินนะอร่อยถูกปากรึเปล่า ผมมองหน้าเขาแบบลุ้นๆ แต่เขาก็ยังนิ่ง

“พี่ อร่อยไหมพี่ แหมกินแบบไม่พูดไม่จาเลยนะ” ได้ผลครับเขาเงยหน้าขึ้นมามองผม ก่อนจะพ่นคำด่าที่ทำเอาผมนี่หน้าชาไปเลย

“ที่บ้านไม่ได้สอนมารยาทบนโต๊ะอาหารเหรอว่า เวลากินข้าวอยู่ในปากเขาห้ามพูด” ผมนี่กลืนข้าวในปากลงคอแทบไม่ทัน คือแบบไม่ได้ตั้งใจจะพูดตอนนั้นนี่หว่า

“ขอโทษครับ” ฝากไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ต้องสงบปากสงบคำไว้ครับ รอเวลาเอาคืน ตอนนี้ต้องอ่อยก่อน แสร้งทำหน้าเศร้าสำนึกผิด จนอีกคนชะงัก แล้วส่ายหัวเป็นเชิงว่าช่างมันเถอะ กินกันจนอิ่มผมก็ยกจานเข้าไปเก็บในครัว เดินกลับมาพี่ปีก็ไม่อยู่แล้ว อะไรวะ กินฟรีแล้วยังไม่รู้จักขอบคุณกันสักคำ เดินหงุดหงิดเข้าไปช่วยไวในร้าน

“อ่าว..นึกว่ากลับไปแล้ว” พอเดินเข้ามาก็เห็นเขาช่วยไอ้ไวเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวอยู่ เสียงแซว เสียงหยดพี่เขาดังระงมไปทั้งร้าน เขาได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร ผมเห็นแล้วก็แอบหวงนิดๆ - -* กล้าดียังไงมาแซะว่าที่สามีผม เหอๆ ว่าที่สามี พูดออกมาได้นะไอ้เพียวไม่อายปากเลยมึง ยืนตบปากตัวเองเบาๆ จนไวมันหันมาเห็น

“แอบด่าพี่ผมอีกละสิ”

“อะไร กูเปล่า ทำงานไป” ผมเอ็ดมันเบาๆ แล้วเดินไปช่วยพี่แก้วด้านใน ลูกค้าเข้ามาไม่ขาด พี่ปีก็ไม่ได้หนีไปไหนยังช่วยผมกับไอ้ไวอยู่ ผมให้พี่แก้วกับไวไปพักทานข้าว เพราะทางนี้มีพี่ปีช่วยอยู่



“แหม พ่อค้าแซบแบบนี้ สงสัยต้องมาอุดหนุนทุกวันแล้วละแก” เสียงน้องผู้หญิงที่มากันสองคนเอ่ยแซวพี่ปีพร้อมกับส่งสายตาเยิ้มๆ ไปให้ หึหึ

“พี่คะ พี่ชื่ออะไรเหรอ มีแฟนรึยังเอ่ย” แหมหยอดเป็นขนมครกเลยนะมึง ผมมองว่าเขาจะตอบลูกค้าว่ายังไง ไอ้พี่ปีหันหน้ามามองผม น้องผู้หญิงสองคนนั้นมองตาม งะ แบบนี้มันหมายความว่ายังไงอะ มองแล้วยิ้มหวานให้กู คือออ จะบอกน้องเข้าว่ากูคือแฟนไรงี้ เอากูเป็นไม้กันหมาเหรอ หึหึหึ พลาดแล้วนะไอ้พี่ปี.. จะว่านี่ผมก็รู้สึกเขินเหมือนกันนะเนี้ยะ

“แฟนพี่เหรอคะ แหะๆ ขอโทษนะคะพอดีหนูไม่รู้ อิ่มพอดีเลยมึง พี่เก็บตังเลยค่ะ” หันมาพูดกับผมแล้วเพื่อนของตัวเอง วางเงินไว้แล้วรีบพากันออกจากร้าน อะไรของเค้าวะ ยังไม่ได้ตอบเลยคิดเองเออเองซะงั้น เห็นแล้วก็ตลก หันไปหาคนเสน่ห์แรง แอบยืนยิ้มมุมปากอยู่

“ยอมรับผมเป็นแฟนแล้วเหรอ ยังไม่ทันได้ขอเป็นแฟนเลยนะขี้ตู่วะ” บ่นไปงั้นแหละ แต่ก็แอบยิ้มอยู่คนเดียว

“หึหึ”

“พูดแล้วนะว่าผมเป็นแฟน”

“คำไหนที่กูบอกว่ามึงเป็นแฟนกู กูยังไม่พูดอะไรสักคำ น้องเขาคิดไปเองทั้งนั้น มึงก็ด้วย มโนชิป”

“อ่าวว” หมดค่ำสิเว้า....ยืนอึ้งอยู่สักพักกว่าจะตั้งสติได้ หน้อยยย ไอ้คุณปี หลอกกูนี่หว่า มองค้อนจิกตาใส่อย่างเคืองๆ

“หึหึหึ”

“กวนตีน” ทำปากขมุบขมิบด่าออกไป



15.30น.

ลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้านแล้ว ผมก็ช่วยพี่แก้วกับไวเก็บร้าน หันไปเห็นคุฯ ชายเขายืนเหงื่อไหล เลยหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมาแล้วเดินไปหาเขา

“พี่” เรียกให้เขาหันมาหา ตัวพี่ปีสูงกว่าผมอยู่หลายสิบเซ็น เลยต้องให้เขาก้มหน้าลงมา โดยการโน้มคอเขาลงมาแล้วเอาผ้าเช็ดเหงื่อออกให้

“....”

“แอร์ก็เปิดทำไมยังร้อนอยู่อีก” ผมพูดกับเขาเสียงเบาๆ ลืมไปว่าหน้าเขาอยู่ห่างจากหน้าผมแค่คืบ หันมาตาก็จ้องกันแล้ว ผมอมยิ้มนิดๆ เพราะตอนนี้เขาหลุดมาดคุณชายเอาเสียดื้อๆ ใบหน้าขาวๆ ตอนนี้กลับขึ้นสีจนเห็นชัด

“เขินผมเหรอ”

“-///- “

“เริ่มชอบผมแล้วใช่ไหมละ”

“- -*”

“รีบรักผมไวๆ นะ คึคึ”

“อะแฮ่มๆ สองคนนั้นนะทำอะไรเกรงใจเด็กอย่างผมบ้างนะครับ” เสียงกระแอมดังขึ้นขัดจังหวะ ไอ้คุณชายบ้านี่ก็ผลักผมเสียกระเด็น

“อะ โอ้ย จะผลักผมทำไมเนี่ย” พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้น แล้วหันไปตวาดใส่พี่ปี เขินทีไรกูเจ็บตัวทุกที

“.....”

“มึงอะไว มาไม่ดูจังหวะเลย กุกำลังจีบพี่มึงอยู่เนี่ยะวู้ว” อารมณ์เสีย!!

“ใครจะไปรู้ละ คึคึคึ ว่าแต่จริงเหรอพี่ พี่จะจีบพี่ปีจริงอะ”

“เออ ทำไม มีไร” ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอีกเพราะล้มก้นกระแทก หันไปจิกตามองคนทำผมนิดๆ นี่ไม่คิดจะขอโทษกันเลยว่างั้น

“ก็ไม่มีไร พี่รู้ป่าว พี่ปีนะมีฉายาว่า เจ้าชายน้ำแข็งนะพี่” ขมวดคิ้วนิดๆ กับคำพูดของไอ้เด็กพม่า แหม่รู้ดีจริงๆ นะมึง

“แล้วมึงรู้ได้ไง” ไอ้ไวมันชะงักแล้วยิ้มเก้อๆ มาให้

“ก็ ..ก็ผมเป็นคนตั้งให้เอง ใช่ ผมเป็นคนตั้งให้ เมื่อกี้นี่เลย สดๆ ร้อนๆ” แถจนสีข้างถลอก ผมไม่เชื่อหรอก หึหึ เอาไว้สืบทีหลัง

“เหรออ แล้วมึงรู้ป่าวว่ากูก้มียาเหมือนกัน”

“ฉายาอะไรพี่”

“เพียวไฟบรรลัยกัลป์”

“555555555555555555555555” ทั้งไอ้ไวทั้งพี่ปีระเบิดหัวเราะออกมาลั่นร้าน ทำไมมันน่าขำตรงไหน ยกเท้าทำท่าจะเตะไอ้ไวแต่มันดันหลบทัน เหลือแต่ไอ้มนุษย์ตัวสูงที่ยังหัวเราะไม่หยุด หลุดมาดคุณชายสายแข็งไปเรียบร้อย

แหม่ขำซะกูอายเลย

“ทำไม ออกจะเท่”

“เอาอะไรคิด” ว่าผมแล้วเดินหนีออกไปด้านหลังร้าน นี่ก็คงจะไปหาไอ้ไวละสิผมเลยเก็บกวาดหน้าร้านที่เหลืออยู่คนเดียว เก็บเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน เดินไปดูช่างที่กำลังต่อเติม อีกเดี๋ยวก็คงต้องปิดร้านสักสามสี่วัน เพราะมันต้องต่อโครงหลังคากับร้านด้านหน้าด้วย พวกเขาทำงานเรียบร้อยดีนะครับ พี่ปีเดินมาดูพร้อมกับสั่งอะไรช่างอีกนิดหน่อย ทำเหมือนว่าเป็นร้านของตัวเองอย่างไงอย่างนั้น รู้สึกดีนะครับที่เขาเอาใจใส่เรื่องของผมแบบนี้ อีกไม่นานเขาคงจะใจอ่อนกับผมบ้างแหละ คิดคิดดูแล้ว เขาก็ดูอ่อนลงเยอะนะ เยอะว่าแปดเดือนก่อนมากๆ เมื่อก่อนนั้นหน้าตาก็ไม่เคยเห็น เห็นแต่ปลายเส้นผม เหอๆ แปดเดือนคิดดูไม่เคยคุยกัน ไม่เคยเห็นหน้ากัน ทั้งๆ ที่รั้วบ้านติดกันแบบนี้ พี่แก้วขอตัวกลับเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เหลือแต่ผม พี่ปีแล้วก็ไวที่นั่งพักเหนื่อยตรงศาลา

“พี่เพียว มื้อเย็นออกไปกินหมูจุ่มกันไหม ตรงใต้สะพานxxx”

“ไปดิอยากกินเหมือนกัน” ไวมันชวนออกไปกินหมูจุ่มเจ้าอร่อยครับ เลยแยกย้ายกันไปอาบน้ำรวมถึงคุณชายเขาด้วย นัดกันอีกครึ่งชั่วโมงมาเจอกันหน้าบ้าน เอารถคุณชายเขาไป เพราะมันกว้างกว่ารถของผมไง แถมไม่เปลืองน้ำมันด้วย ฮ่าๆ ๆ

ผมอาบน้ำแต่งตัวใส่เสื้อผ้าสบายๆ เสื้อกล้ามสีดำเว้าแขนลึกกับกางเกงยีนสีขาวขาดๆ กับรองเท้าผ้าใบคู่โปรดเดินลงมาจากชั้นสอง ไวมันพึ่งอาบน้ำเสร็จ ผมเลยนั่งดูทีวีรอมันจะได้ออกไปพร้อมกัน สักพักมันก็ออกมา ใส่เอี้ยมยีนน่ารักเชียว ผมมองแล้วยิ้มหวานใส่

“บรึ้ยยย พี่เพียวอย่ามองผมแบบนั้นขนลุก” มันทำท่าสยองๆ แล้วรีบเดินหนีผม ช่างกลับกันไปหมดแล้ว เดินตามหลังไอ้ไวมาติดๆ ให้มันปิดรั้ว พี่ปีเอารถออกมารอเราพอดี ผมเปิดประตูนั่งหน้าไวนั่งเบาะหลัง พร้อมก็ออกเดินทางทันที

“พี่เพียวๆ พี่จะหยุดร้านวันไหนนะ”

“อีกสองวัน พี่จะพาไวไปเที่ยวปราณบุรี ไปไหม” หันไปยิ้มตอบน้องมัน

“ไปพี่ไปๆ ผมชอบทะเล” แอบเห็นพี่ปียิ้มุมปากให้กับไวด้วย ก่อนจะยื่นมือไปยีหัวน้องมัน

“ชอบจริงๆ เลยนะไอ้ทะเลเนี้ยะ” -*-พูดเหมือนรู้จักกันมานานอีกละ

“แล้วพี่ปีจะไปไหม ที่ปราณมีดรงแรมของพี่อยู่ไม่ใช่เหรอ” ฮ้า นี่เขาเป็นเจ้าของโรงแรมด้วยเหรอ ผมมองเขาแบบอึ้งๆ มีหันมายักคิ้วแบบเหนือ ประมาณว่าเป็นไงละคิดไม่ถึงละสิว่ากูเป็นถึงเจ้าของโรงแรม แหม่ อยากเอามือข่วนหน้า โด่ แค่เจ้าของโรงแรม ผมนี่เป็นยักษ์ เป็นผู้วิเศษยังไม่เห็นพูดเลย

“ไม่รู้สิต้องรอดูที่บริษัทก่อนว่ามีงานด่วนอะไรไหม”

“เหรอ กะว่าจะได้พักโรงแรมฟรีสักหน่อย” ไวมันทำหน้าเสียดาย

“ถ้าเป็นเราพี่ให้พักฟรีก็ได้”

“อ่าวแล้วผมอะ ไม่ให้บ้างหรอ เห็นอย่างนี้ของฟรีผมก็ชอบนะ” หันไปถ้วงหาของฟรีจากคนข้างๆ

“มึงก้ออกจะรวยไม่ใช่ไม่อย่างนั้นไม่กล้า พะ..”

“เออ ออกเองก็ได้โด่วว มือนี้ผมเลี้ยงด้วยเลยก็ได้ ผมรวย” อวดรวยออกไปด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ จิกตาใส่แล้วหันออกไปมองนอกกระจกรถ

“พี่เพียวงอนเหรอ” ไวมันยื่นหน้ามาถามผมไม่ตอบ

“.....”

“งอนไรอะ พี่ปีพูดไปงั้นแหละเนอะพี่ปีเนอะ พี่ปีใจดีมากเลยนะรู้ไหม”

“หึหึ” หึหึพ่อง..หงุดหงิดมากเวลาเขาหัวเราะใส่แบบนี้ มันรู้สึกเหมือนตัวแพ้ทางเขาตลอด

“ไม่ต้องเข้าข้างมันเลยนะ” พอพูดหยาบปุ๊บไอ้คุณชายเขานี่หันมาทำหน้ายักษ์ใส่ทันที

“ผมป่าวนะพี่”

“ก็เห็นอยู่ว่าพูด”

“คึคึคึ หัวก็ไม่ล้านนะพี่ ทำเป็นน้อยใจ แค่พี่เพียวเอ่ยปากขอพี่ปีเขาก็เต็มใจให้อยู่แล้วเนอะพี่ปี” เหล่ตาดูคนข้างๆ ว่าจะตอบยังไง เขาหันมาทางผมแล้วยิ้มมุมปาก เหอะคิดว่าหล่อมากเลยรึไง -*-ชิ (คือหล่อก็ผิดว่างั้น)

“ขอสิ แล้วกูจะให้ตามที่มึงขอ”

“เชอะ ไม่มีทาง” หรือจะขอสักสองสามหมื่นดีวะ บ้าคิดอะไรบ้าๆ อีกแล้วนะไอ้เพียว ด่าตัวเองครับ



มาถึงร้านตนก็เต็ม พวกเราเลยยืนรอต่อคิว ในขณะที่ยืนรออยู่บริเวณริมน้ำ จู่ๆ บรรยากาศมันก็เปลี่ยนไป ยักษ์มักจะรู้สึกตัวได้เร็วครับผมหันมองไปรอบๆ กลิ่นอายความชั่วร้ายกำลังแผ่ปกคลุมพื้นที่น้ำบริเวณนั้น

แต่ไร้วี่แววตัวการมันคงหลบซ่อนอยู่แถวนี้ อีกไม่นานคงมีเหตุการณ์ร้ายๆ ขึ้นแน่ๆ

“ไวอย่าอยู่ใกล้แม่น้ำนะ”

“ผมว่ายน้ำเป็นพี่เพียวไม่ต้องห่วงหรอก” ไม่ห่วงได้ยังไงผีพรายมันกำลังหาเหยื่ออยู่ผมเหลือบมองไปทางคุณชาย

“พี่ปีอย่าเข้าไปใกล้!!! ” ผมรีบวิ่งไปกระชากตัวเขาออกมาจากริมตลิ่ง ตกใจหมดอีกนิดเดียวเขาก็จะลงไปที่บันไดแล้วให้ตายสิ แวบแรกที่ผมมองไปที่แม่น้ำ ผีพรายกำลังมองมาที่ผม ไม่ใช่พรายธาร ผีตนนี้มีรังสีความเกลียดชังแผ่กระจายเต็มไปหมด มันจ้องมองมาบนฝั่ง



“เพียว!!! ” เสียงหวานคุ้นหูเรียกชื่อผมเสียงดังจนผมจะตกลงไปในน้ำเสียเอง ไอ้ภูมันวิ่งมาหา สีหน้ามันดูตื่นๆ

“อ่าวมาไงวะ” ผมเดินออกมาห่างจากริมตลิ่ง คนที่เป็นห่วงกว่าพี่ปีคือไอ้ภู ดวงมันกำลังตก และไอ้ผีตนนั้นมันก็จ้องมาที่ไอ้ภูแบบตาไม่กะพริบ หรือว่า คนที่มันรอ คือไอ้ภู

“คือไอ้ผีพี่ธาร เอ้ยพี่ธารเค้าบอกว่าให้มารอ”

“รอ? รอทำไม”

“อะ เอ่อคืออ พวกกูนัดกินข้าวกันอะ”

“เหอะ” รู้สึกไม่ชอบไอ้ผีบ้านั่นจริงๆ นี่มันกำลังทำให้เพื่อนผมตกอยู่ในอันตรายใช่ไหม

“มึงแล้ว มึงมากับพี่ปีเหรอวะ แหม ออกตัวแรงนะมึง” มันเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีที่เห็นสีหน้าของผมมันรู้ว่าผมหงุดหงิด

“อืม แล้วเมื่อไหร่มันจะมา”

“ก็อีกสักพักแหละมั้ง มึงไปหาพี่เขาเหอะดูสิชะเง้อมองมึงใหญ่แล้ว” ตอนที่ไอ้ภู มามันถึงคิวผมพอดีผมเลยให้พวกนั้นไปนั่งก่อนส่วนผมก็ลากไอ้ภูออกมาห่างๆ จากน้ำ

“แล้วมึงจะไปรอเขาที่ไหน”

“อ่อ ตรงโน้นอะ” มันชี้ไปที่สุดเขตใต้สะพานครับมุมมืดๆ ลับตาคน

“ไปสิกูไปด้วย”

“ไม่ต้องหรอกมึงไปกินเหอะ กูไปเองได้” มันผลักผมให้กลับเข้าไปที่ร้านจิ้มจุ่ม

“เอ๊ะกูบอกว่า..”

“อ๊ะ พี่ธารมาแล้วมึงไปเหอะ กูไปนะ” ยังไม่ทันได้พูดจบมันกลับผลักผมแล้ววิ่งไปทางนั้น แต่ผมว่าผมยังไม่เห็นไอ้ธารบ้าบออะไรนั่นเลยแสดงว่ามันกำลังโกหกผม แต่ไม่ทันแล้วครับมันวิ่งหนีหายไปแล้ว

“พี่เพียวมาเร็ว หม้อเดือดแล้ว” ไวมันตะโกนเรียกผมพร้อมกับกวักมือ จำใจต้องละสายตาจากไอ้ภูเดินกลับมานั่ง ที่ร้านนี้มันจะเป็นร้านแบบนั่งพื้นมีโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กตั้งตรงกลาง ไวมันให้ผมนั่งข้างๆ พี่ปี ลงมือกินด้วยความกังวลใจครับไอ้ผีร้ายนั่นก็หายไปด้วย จะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมเริ่มกินไม่อร่อย รู้สึกกลัวแปลกๆ ตัดสินใจลุกออกจากที่นั่งและเดินไปยังตลิ่ง ก่อนจะจุ่มมือลงน้ำ

//เจ้าอยู่กับภูผารึเปล่า//ผมส่งกระแสจิตลงไปยังที่อยู่ของพรายธาร

//ท่านหมายความว่ายังไงเวรัม//”

//เพื่อนข้าบอกว่าท่านเรียกหา” //

//ไม่ข้าไม่ได้เรียก วันนี้ข้ามีงานต้องนำดวงวิญญาณไปส่งตรงประตูนรก” น้ำเสียงไอ้ผีบ้านั่นดูจะตกใจไม่น้อยและผมเองต้องรีบแล้ว

//ตามหาเพื่อนข้าให้พบก่อนที่จะสายเกินไป เร็ว!!! ” ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ ไวกับพี่ปีมองผมแปลกๆ ด้วย

“เอ่อ เดี๋ยวมานะ ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ ปวดท้อง” บอกคนที่นั่งรอแล้วก็รีบเดินหนีออกทันที ผมตรงไปยังบริเวณที่ภูมันเดินไป ใจผมเต้นแรงไปหมด ขอละอย่าให้เป็นย่างที่ผมคิด อยากจะหายตัวไปเลยแต่ทำไม่ได้คนพลุกพล่านเกินไปผมกกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังทางเดินมืดๆ นั่น



วูบ...

“เวรัมภ์ เจอไหม” ไอ้ผีพรายมันเดินขึ้นมาจากน้ำ

“ยัง ทำไมเจ้าถึงได้ปล่อยให้เพื่อนข้าตกอยู่ในอันตรายแบบนี้” ผมหันไปตวาดใส่เขาด้วยความโมโห

“ขอโทษนะท่านเวรัม ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนรักของข้า”

“คนรัก!! นี่เจ้าพูดว่าอะไรนะคนรัก เพื่อนข้าไปเป็นคนรักเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไอ้ผีหยาบคาย”

“ข้าเคยบอกกับท่านแล้วไม่ใช่เหรอว่าเพื่อนท่านคือเจ้าสาวของข้า”

“หน้อยยย ไอ้บ้านี่” อยากจะทึ้งหัวมันแรงๆ

“รีบเถอะท่าน เดี๋ยวจะไม่ทันการ” ใช่มัวแต่เถียงกัน เดี๋ยวไม่ทันการไอภูมันได้ตายก่อนวัยอันควรกันพอดี



เดินมาตรงจุดที่ภุมันหายไป กลิ่นเหม็นเน่าสะอิดสะเอียนคละคลุ้งไปทั่วพื้นที่คุ้งน้ำ ผมกับธารชะงักเพราะนอกจากกลิ่นเหม็นแล้วผมยังได้กลิ่นความชั่วร้ายอีกด้วย



“แกเป็นใครบอกนะเว้ย ฮึก ไอ้ผีบ้า ฮรือออ ปล่อยสิวะ ไม่งั้นกูสวดคาถาไล่มึงนะ มึงอยากตายรอบสองใช่ไหม” เสียงร้องโวยวายของไอ้ภูครับมันดังอยู่ใกล้ๆ เราแต่ผมกลับมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง

“ภู ไอ้ภูอยู่ไหนวะ”

“เพียว เสียงไอ้เพียวนี่ มึงโดนแน่เพื่อนกูมาแล้ว”

“ภู..อยู่ไหน”ตะโกนออกไปด้วยความกังวล

“กู เพียว โอ้ยย ทำอะไร อื้ออ เพียว”



วูบ..สายลมเย็นปะทะเข้ากับร่างกายของผม มันเย็นยะเยือกจนขนในกายลุกชัน

“ไอ้สีนิล ไอ้คนทรยศ” พรายธารตวาดเสียงกร้าว คลื่นพลังของเขาทำเอาน้ำในแม่น้ำปั่นป่วนไปหมด

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วธาร เจ้าพรากทุกอย่างของข้าไปข้าก็จะพรากของของ เจ้ามาเช่นกัน

“พลังของเจ้ากำลังอ่อนลง” ผมหันไปมองเจ้าแห่งวารีด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

“มันทำร้ายภู”

“หมายความว่าไง”

“ข้าผูกวิญญาณกับภูผา”

“นี่เจ้า ไอ้บ้าเอ้ย รีบลงน้ำไปเลยนะ”

“แต่ภูอยู่บนบก”

“ข้าจัดการเอง” ผมบอกไอ้ผีบ้าตัวนี้มันจะต้องได้รับการสั่งสอน ผมหลับตาแน่นและตั้งสมาธิแผ่รังสีไปทั้วบริเวณ ลมพายุพัดกระหน่ำในพื้นที่ๆ ผมยืน จนม่านบังตาที่ผีชั่วมันสร้างบังตาพวกผมเอาไว้

!!!!!

“ภู!! ” ร่างของเพื่อนผมถูกห้อยอยู่บนต้นตาลสูงเกือบห้าเมตร ที่หัวมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ กระโดแบบรวดเดียวถึงร่างของภูและเอามันลงมา มันสลบไปแล้วหน้ามันซีดมาก ผมวางร่างขอภูลงกับพื้น พรายธารหายไปจากที่ตรงนั้นแล้ว

ตูมมมมมม เสียงระเบิดดังขึ้นกลางแม่น้ำเจ้าพญา ท่ามกลางความมืดมิดนั่น ผีพรายที่มากด้วยฤทกำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด มองการต่อสุ้นั่นอย่างใจจดใจจ่อ หลังจากรักษาบาดแผลของภุมันแล้วมันทำเพื่อนผมเจ็บ อย่าหวังว่าจะได้ไปผุดไปเกิดง่ายๆ ผมเดินลงไปในน้ำ พุ่งไปหาไอ้ผีบ้าตัวนั้นด้วยแรงโทสะทั้งหมด ก่อนจะจับมันเหวี่ยงออกจากการต่อสู้

“ท่านเวรัม ท่านอย่ามายุ่ง” ธารบอกเสียงแข้งเขาคงอยากจะจัดการเรื่องนี้เอง

“อย่าแส่” ใบหน้าของผมเรื่มมีเขี้ยวงอกออกมาจากมุมปากทั้งสองข้าง ตวาดสารเสียงดัง เกิดลมพายุพัดกระหย่ำ สายฟ้าฟาดเหนือผิวน้ำไม่หยุด

“เจ้าเป็นใคร” ไอ้ผีขั่วมันถามผมเสียงสั่น

“กูเป็นยักษ์” สิ้นเสียงร่างทั้งร่างของมันก็เกิดไฟลุกท่วม ไฟบัลลัยกัลป์จากนรกกำลังเผาวิญญาณชั่วไม่ให้ทำเวณทำกรรมกับใครอีก

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

“นี่คือผลที่เจ้าบังอาจมาทำร้ายเพื่อนคนสำคัญของข้า ไปลงนรกไม่ได้ผุดได้เกิด” ผมพัดมือไปด้านหน้าวิญญาณดวงนั้นก็สลายไปทันทารช้อนตัวภูขั้นมาอุ้มไว้ เขาดูกังวลมากๆ

“สีนิล..” เขาเอ่ยชื่อนั้นออกมาด้วยความคับแค้น

“พาเพื่อนข้ากลับบ้าน และดูแลเขาให้ดี”

“ขอบใจท่านมาก แต่ท่านน่าจะให้ข้าจัดการเรื่องนี่แทน”

“ข้าใจร้อน ไม่ใจเย็นเหมือนท่านที่เล่นกับเหยื่อเหมืนคนโรคจิต” ตั้งแต่เห็นการต่อสู้ของผีพรายผมเห็นแววตาของพรายธารมันกำลังสนุกและบ้าคลั่ง

“มันเร็วเกินไปที่จะส่งผีแบบมันลงอเวจี”

++++++++++++++++++++++++++

อีกด้าน พวกเขาทั้งสองไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนเดินตามพวกเขามาอย่างเงียบๆ และเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!!! ”




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 10 8/10/60
« ตอบ #39 เมื่อ: 08-10-2017 09:05:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบเรื่องนี้อ่ะ น่าติดตามมากเลย มาต่อไวๆน้า :katai2-1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พี่ปีมาเห็นเหรอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอาละสิ
มีคนตามมาเห็นแล้ว  :katai3:
อิทธิฤทธิ์ของเพียวไฟบรรลัยกัลป์
ว่าแต่ใช่คุณปี หรือเปล่านะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ชอบ ไวรัล น่ารักดี แล้วทำไมต้องปลอมเป็นพม่ามาอยูกับเพียวด้วย

อย่าบอกนะว่า ไอ้คุณพี่ปี เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แย่แล้ววววว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2017 12:29:56 โดย dahlia »

ออฟไลน์ ลูฟ่า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอปป้าเป็นยักษ์????  :hao4: :hao4: :hao4:

เนื้อเรื่องน่ารักมากค่ะ พี่ปีมาเห็นใช่ไหม ลุ้นๆๆๆๆ  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3



อสุราล่ารัก ตอนที่ 11



ทำเอาใจหายใจคว่ำไปหมด ไอ้ผีธารเอาภูกลับไปแล้ว ยืนปาดเหงื่อออกจากหน้า ทำสมาธิและสงบสติอารมณ์ของตัวเองใ้หคงที่เพราะตอนนี้เขี้ยวผมยังงอกอยู่เลยไม่เคยฟิวขาดขนาดนี้มาก่อนโมโหสุดๆ เลยละครับ พอเขี้ยวหายก็เดินกลับมาที่ร้านจิ้มจุ่ม สองคนนั้นนั่งหน้ามุ่ยเหมือนกำลังอารมณ์เสียสุดๆ

“พี่เพียว พี่ไปเข้าห้องน้ำที่เชียงดาวรึไงเนี้ยะ” มาถึงก็โดนเลยครับ

“กูท้องเสีย” โกหกหน้าตายก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ พี่ปี เขาขยับออกห่างผมนิดๆ เอ้า นี่ก็เป็นไปอีกคน

“หึ”

“อะไร ขี้ก็ผิด” แกล้งทำเสียงตัดพ้อใส่แล้วคีบเศษผักออกมาจากหม้อ คือมันเหลือแค่เศษๆ จริงๆ กับน้ำซุปข้นๆ ตักกินด้วยความหิวโหย พี่ปีแอบเหล่ตามมองผมด้วยพอหันไปมองเขาก็หันไปมองอย่างอื่นแทน ไอ้ไวก็ไม่คุยด้วย อะไรวะงอนกันหมดเลย

“อึก อึก” ยกถ้วยซดน้ำซุปลงคอแล้วหันไปมองสองคนนั้น ก่อนจะโบกมือเรียกเก็บเงิน ไม่อิ่มหรอกครับแต่บรรยากาศแบบนี้ คงกินต่อไม่ลง เดี๋ยวแวะซื้อบะหมี่หน้าปากซอยเอา เดินกลับมาขึ้นรถพวกเขาก็ยังไม่ยอมคุยกับผมสักคำ

“เห้ย อะไรอะแค่ไปขี้นะเว้ย คนขี้อะ นี่จะงอนคนขี้เลยเหรอ”

“ขี้บ้านพี่เค้าไปเป็นชั่วโมงเหรอ”

“ก็กุท้องเสียอะ”

“ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเป็น”

“เอ้าคนมันปวดขี้มันรู้ร่วงหน้าด้วยรึไงวะ” ผมเถียงด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ เล่นใหญ่รัชดาฯลัยเธียเตอร์เลยครับ

“งะ..ก็ใช่ไงแต่พี่ขี้นานไปป่าววะ นึกว่าตกส้วมตายไปแล้ว ไม่เห็นใจคนรอบ้างเลย”

“แหมทำเป็นพูดว่ารอกลับมาก็กินกันเกลี้ยงหมดละ" ดูสิครับพอพูดความจริงเข้าหน่อยก็ทำปากจู๋ใส่

“โอ้ย พี่เพียวดึงปากผมทำไม เจ็บนะ” -3-

“กูหมั่นไส้”

“เชอะ” ไอ้ไว

“ชิ” ผม

“เหอะ” พี่ปี เอาสิครับ สงครามเย็นเกิดขึ้นในรถอย่างเฉียบพลัน เล่นกันแบบนี้ใช่ไหมได้



กลับมาถึงบ้านต่างคนต่างแยกย้าย ผมเองก็รีบขึ้นไปอาบน้ำเดินขึ้นมาก็เห็นห้องฝั่งตรงข้ามเปิดไฟ เราจ้องกันผ่านหน้าต่างของห้อง เขามองเหมือนมีอะไรจะถามผม สายตาที่เขามองมันแปลกๆ ผมเลิกสนใจเขาแล้วถอดเสื้อเดินเข้าห้องน้ำไป กลับออกมาไฟห้องฝั่งนั้นก็ปิดลงแล้ว รวมถึงผ้าม่านด้วย ผมเปลี่ยนเสื้อมาใส่ชุดนอนตัวบาง กับกางเกงขาสั้นไม่ใส่กางเกงลิง แฮะๆ ผมชอบให้ไข่ผมมันเย็นๆ อะผู้ชายเป็นกันทุกคนเชื่อผมเถ๊อะ



สองวันถัดมา ผมติดป้ายประกาศปิดปรับปรุงร้านเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่จะขายของหลังจากนั้นก็จะปิดยาวเจ็ดวัน พี่แก้วไม่ยอมไปกับเราเธอบอกว่าลูกแกยังเล็กเอาไปด้วยก็จะลำบากกันไปหมด ผมชวนไอ้เขื่อนกับไอ้ภูไปด้วยยกเว้นเขาที่ผมไม่เอ่ยชวน ยังเคืองเรื่องโรงแรมไม่หายแต่เชื่อเถอะครับเขาตามพวกผมไปแน่

7.00น.

วันเดินทาง เราเช่ารถตู้ไปกันครับเพราะไปกันหลายคน หลายคนนี่รวมถึงผีด้วยนะครับไอ้ผีธารมันติดสอยห้อยตามไอ้ภูมาด้วย ผมมองจิกมันนิดๆ ยังโกรธเรื่องที่ทำให้ภูตกอยู่ในอันตราย เรื่องนี้ไอ้เขื่อนยังไม่รู้



“พี่เขื่อนจะมานั่งเบียดผมทำไมเนี้ยะ อึดอัด” รถยังไม่ทันไปขยับเสียงหวานก็ตวาดแว๊ดออกมา

">///<พี่หนาว พี่อยากได้ความอบอุ่น” มันทำหน้าอ้อนๆ ใส่ไอ้ไว รายนั้นพอเห็นสีหน้าน่าหมั่นใส้ก็เบะปากใส่ทันที

“โอ้ยย ร้อนจะตายหนาวอะไร เขยิบไปนั่งหน้ากับพี่เพียวนู่นเลย”

“ไม่ พี่จะนั่งกับน้องไว”

“จิ๊ -3- “ไวรัลจิ๊ปากอย่างอารมณ์เสีย

“พี่ธารไหวไหม”เสียงของไอ้ภูพูดขึ้นมาบ้าง นี่ห่วงผัวออกนอกหน้าไปไหม   เกิดอาการคิ้วกระตุกอีกรอบ ก่อนจะเดินขึ้นรถและกำลังจะสตราท์รถ

ก็อกๆ

ใบหน้าหล่อเจ้าของดวงตาสีชากำลังจ้องมองผมผ่านกระจกรถ เขายกกระเป๋าเดินทางให้ผมดู บอกเป็นในว่าเขาจะไปด้วย

“ไง” เสียงหล่อทักทายออกมา ผมกลอกตาบน

“มาทำไม” ผมถามเสียงห้วน

“ไวชวนพี่ปีเองแหละพี่เพียว”

“ไว มึงนี่จะเสือกไปทุกเรื่องเลยใช่ไหม” ผมมองมันอย่างคาดโทษ

“เพื่อของฟรี สบายกระเป๋าเรานะพี่" มันบอกผมนี่ชะงักเลยหรือจะเอามันไปด้วยดี

“หึหึ”

“กูมีตังจ่ายเว้ย”ไม่ยอมอ่อนข้อให้หรอก

“งั้นมึงจ่ายส่วนของมึงไปละกันกูจ่ายของคนที่เหลือเอง” เสียงเข้มๆของเขา พูดแล้วยกยิ้มอย่างเหนือๆ เรื่องอะไรผมจะยอมจ่ายคนเดียวละ

“เรื่องอะไร อาศัยรถคนอื่นเขาแล้วยังจะมาเอาเปรียบอีก”

“เอ้าไหนบอกพี่รวยไง” -*-ไอ้ไว มึงนี่ผมหันไปจิกตาใส่ไอ้พม่าเสินเจิ้นที่หันมาเถียงผมฉอดๆแทนพี่ชายสุดที่รักของเขา แล้วหันมาหาคนหน้ามึน

“ว่าไง จ่ายให้ผมด้วยไหม”

“หึหึ อืม ถ้ามึงทำตัวน่ารักๆ” -*-เอากระเป๋าไปวางไว้ท้ายรถแล้วเอาตัวเองมานั่งข้างๆ ผม เขาหันไปยิ้มให้กับคนด้านหลัง ยิ้มให้ทุกคนยกเว้นผม เหอะ ไอ้ลำเอียง ขี้เหนียวแม้กระทั่งรอยยิ้ม เชอะยู่ปากใส่คนข้างๆ แล้วออกเดินทางทันที กระชากเกียร์ใส่แมร่งเอาให้ทิ่มกับคอนโซลรถเลย ชิ

"-*-"

“ถ้าเหนื่อยก็บอกนะจะขับให้” เสียงนุ่มเอ่ยขณะที่ผมขับออกมาได้สักพัก หันไปมองแบบเหล่ๆ ไม่อยากจะมองแบบเต็มตา

“ชิ ไม่ต้อง”

“ดื้อ! ”

“-3- “

“ไม่น่ารัก”

“-3- “

“หึหึหึ”

นั่นเป็นบทสนทนาสั้นๆ ที่ผมกับเขาได้คุยกัน ตลอดทางได้แต่ส่งสายตาทำสงครามกันเงียบๆ ผิดกับพวกข้างหลัง ที่กำลังเถียงกันอย่างเมามัน มีบ้างที่ไอ้ไวมันพาดพิงถึงผม

“พี่เพียวดูเพื่อนพี่ดิ รุ่มร่ามกับผมอะ เอ๊ะจับอะไรนะพี่เขื่อนทะลึ่ง” นี่ไอ้เขื่อนมันคงจะจับมือหรือจับตูดไอ้ไวมันถึงได้โวยวายออกมาแบบนี้ ส่วนอีกคู่นอนหลับซบไหล่กันอย่างเงียบๆ แอบเห็นไอ้ผีธารมันจูบขมับเพื่อนผมด้วย ผมไม่ชอบหน้ามันครับ มันทำให้เพื่อนผมอายุสั้น จิกตาใส่ผ่านกระจกมองหลัง จิกจนกระจกแทบแตกมันก็ยังไม่สนใจ เลยหันมาสนใจถนนต่อขับไปเรื่อยไม่เร่งรีบ พอเข้าเขตชะอำ ผมแวะไหว้พระที่วัดข่อย ขอพรกับองพระมหาธาตุ มันออกจะร้อนหน่อยๆ แต่ไม่มากเหมือนโดนแสงอาทิตย์ตอนสายๆ ครับ ผมยักษ์สายขาวยักษ์ปฏิบัติดี ยักษ์ผู้น่ารัก จะมีปัญหาก็แค่ไอ้ผีธารนี่แหละพอลงรถปุ๊ปก็วิ่งหาน้ำเลยครับ หลวงพ่อท่านเหมือนจะรู้ว่าผมจะแวะมาท่านออกมาต้อนรับกันถึงหน้าวัดกันเลยทีเดียว

“โยมพาเขามาไม่สงสารเขาเหรอ” ดวงตาอ่อนโยนของหลวงตาจ้องไปยังพรายหนุ่ม

“ก็เขาอยากมาเองนี่ครับ”

“แล้วพ่อหนุ่มคนนั้นละ” ชี้ไปทางไอ้ภู

“ครับ”

“เขารู้ตัวไหมว่ากำลังอยู่กับใคร”

“รู้ครับหลวงตา” ผมตอบกลับเสียงนิ่ง

“โชคชะตากำหนดมาแล้วเราฝืนมันได้ไม่นานหรอกนะโยม”

“ครับผมรู้ แต่ผมก็ยังอยากจะยื้อมันไว้”

“ห่างกันแค่สายน้ำกั้น”

“ครับ”

“แล้วโยมละเวรัมภ์ พ่อหนุ่มคนนั้น ดวงเขาก็ตกอยู่ในอันตราย” หลวงพ่อชี้ไปที่พี่ปี

“คะ..คือ”

“ยุ่งไม่ได้นะ ต้องปล่อยให้มันเป็นไป ดวงพ่อหนุ่มนั่นแข็งอยู่ไม่ต้องกังวล” ผมมองไปยังพี่ปี ในใจรู้สึกโหว่งๆ ผมรับรู้ตั้งแต่วันก่อนที่จ้องเขา อนาคตของพี่ปี ผมเห็น มันเป็นความสามารถพิเศษของผม ผมมองเห็นอนาคตของมนุษย์ได้ แต่ผมไม่สามารถเข้าไปยุ่งในโชคชะตาเขาไม่ได้ นอกเสียจาก ผมจะฝ่าฝืนกฎและนั่นจะตามมาด้วยความวุ่นวายมากมาย

“แค่ระวัง หรือป้องกันก็ได้ใช่ไหมครับ”

“แล้วแต่กรณี และความเมตตาของยมทูต” ยมทูตเหรอให้ตายสิ นั่งคุยกับหลวงตาที่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด มองไปยังร่างสูงที่กำลังถ่ายรุปความสวยงามของวัดเอาไว้ เขาหันมามองที่ผมนิดๆ ก่อนจะหันไปสนใจถ่ายรูปต่อ

“พี่เพียวววว” ลากเสียงยาวโหยหวนจนอยากจะเตะมันครับ เสียงไอ้ไวมันลากยาวจนเหมือนหมาหอนมันวิ่งทักๆ มาหา เอามือมาลูบที่หน้าผากผมเบา

“ทองเปลวพี่แปะไว้เป็นสิริมงคล แล้วพี่นั่งคุยกับใครอะเมื่อกี้อะ”

“อ๋อ ไม่ได้คุยกับใครนิ นี่ไหว้พระกันเสร็จแล้วเหรอ” เบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น ไวมันทำหน้างงๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมา

“พี่ปีให้มาตามไปไหว้พระธาตุด้วยกัน”

//โชคชะตาจะนำพาสิ่งที่ไม่คาดฝันมาให้เสมอ” //น้ำเสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนลอยมาตามลม

เดินกลับไปหาร่างสูงที่ดูหล่อแม้กระทั่งยกกล้องถ่ายรูป พี่ปียืนมองผมแล้วยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปผมเอาไว้ แน่นอนว่าผมต้องเก็กหน้าหล่อๆ ไว้ตอนเขาถ่ายรูป เดินมาถึงไวมันก็โดนไอ้เขื่อนลากไปอีก ส่วนผม ที่ปีเดินมาจับมือเอาไว้

“คึคึ กลัวผมหลงเหรอ”

“หึหึ” ไม่ตอบแต่หัวเราะกวนตีนกลับมาอีกเหมือนเคย เดินตามแรงลากเขาไปเรื่อยๆ จนลืมผีอีกตัวไปเสียสนิท หันไปหาก็เจอมันเดินตามหลังแบบหน้าซีดๆ ฮ่าๆ ตลกวะ สมน้ำหน้าแม่ง

“สั่นทำไมจะพาเข้าโบถ” จู่ๆเขาก็ทักผม ใครสั่นผมป่าวนะ

“คะ..ใครสั้น ไม่มี้” อยากจะตบปากตัวเองให้แตกเสียงจะสูงทำไม วะ อย่างว่าแหละนะ ยักษ์ ผี นางไม้ สัมภเวสี ยกเว้นเทวากลัวพระกันหมดแหละครับ อยู่ที่แต้มบุญใครจะหนาเท่านั้นเอง

“ก็สั่นอยู่เห็นๆ กลัวเหรอ”

“ใครจะไปกลัวพระละ ผมไม่ใช่ผีสักหน่อย เหอๆ” ทำหน้าตาเลิกลักแล้วก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปในใจก็แอบลุ้นว่าผมจะโดนไฟเผาไหม ไอ้คนที่ตามมาจะไหม้เป็นจุณหรือเปล่า หลับตาเดินเข้ามา ก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“เห้อออ นึกว่าจะไหม้เป็นเถ้าถ่านไปและ” บ่นพึมพำกับตัวเอง ยังตกใจไม่หายตอนเจอหลวงตา เกร็งจนขาแทบจะเป็นตะคริว

“หึหึ”

“พี่ธารเป็นไงมั่งเสียงหวานๆ ของไอ้ภูถามผีพรายด้วยสีหน้าเครียดๆ มันก้าวเข้ามาอยุ่ในตัวโบถแล้ว หึหึ มันไม่เป็นอะไรแสดงว่าแต้มบุญมันก็หน้าเหมือนกัน อยากจะหัวเราะเยาะเขา แต่ผมเองก้ดันขาสั่นไม่แพ้มันเหมือนกัน สมเพชตัวเองสุดๆ ตอนนี้

นั่งพับเพียบเรียบร้อยกันทุกคน แล้วพนมมือก้มกราบพระธาตุทั้งสี่เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต ต่าวคนต่างอธิษฐานขอพรของตัวเองผมเองไม่ได้ขออะไรให้ตัวเองหรอกขอให้คนข้างๆ กับเพื่อนให้มีความสุขพอแล้ว เดินออกมาจากโบถด้วยความสบายใจ แบบนี้สินะมนุษย์ถึงได้พึ่งพระ มันสงบสุขร่มเย็น เดินกลับมาที่รถแล้วออกเดินทางกันต่อ

ระหว่างทางเราแวะพักกันที่ swiss sheep ฟาร์มแกะชื่อดัง จอดรถยังไม่สนิทดี ไอ้ไวมันก็พุ่งลงจากรถแล้วก็ไปกรี๊ดๆ กับแกะ วิ่งไล่จับแกะ จนคนเค้าแตกตื่นกันหมด จนไอ้เขื่อนต้องเดินไปอุ้มกลับมา ไม่วายฟาดงวงฟาดงาใส่เพื่อนผมอีก ให้ตายเถอะนี่มันเป็นลูกน้องหรือเจ้านายพวกผมกันแน่ ไอ้พม่าเสินเจิ้นนี่

“-3- ชิ” มันทำปากจู่ๆ ใส่ไอ้เขื่อนแล้วหันไปซบไหล่พี่ปีแทนอย่างอ้อนๆ คิ้วผมนี่กระตุกเลยครับ หวงนะเนี้ยะแต่ไม่อยากจะแสดงอาการออกไป

ถ่ายรูปกันจนเพลิน ผมเดินไปจับแกะ แต่มันหนีผมหมดเลย พวกมันคงกลัวว่าผมจะจับมันกินละมั้ง ส่วนไวก็โดนไอ้เขื่อนลากไปลากมา ไอ้ภูกับผีพรายนั่นเดินไปซื้อกาแฟและคงสิงอยู่ในนั้นเพราะอากาศค่อนข้างร้อนและผีพรายก็ขาดน้ำไม่ได้ พวกนั้นเลยเลือกที่จะอยู่ในที่ร่มๆ ผมเดินดุนั่นดูนี่ โดยมีพี่ปีคอยเดินตาม ถ่ายรูปไปด้วย พอหายเหนื่อยก็ออกเดินทางกันต่อ กะว่าจะแวะหาอะไรกินที่เพลินวาน ก่อน อาจจะเป็นร้านข้าวแถวๆ นั้น



@ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดัง

ทุกคนเอลงมาด้วยความหิวโหย ที่นี่มีทั้งก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด ข้าวคลุกกะปิ แล้วก้ขนมจีนให้เลือกทานด้วย ผมสั่งข้าวคลุกกะปิมากิน ส่วนคนอื่นก็สั่งตามที่ตัวเองอยากจะกิน พวกเรากินเหมือนห่าลงครับมาไวไปไว กินอิ่มจ่ายตังแล้วก็ออกจากร้าน มุ่งตรงไปยังที่พัก ที่ไวมันบอกจองไว้ อยากจะถามมันตั้งแต่ตอนนั้นก็ลืม ว่ามึงรู้เหรอว่าจองกันยังไง เพื่อความสบายใจ ที่มันคันยิบๆ ผมเลยถือโอกาสนี้ถามมัน

“ไวมึงจองโรแรมเป็นด้วยเหรอ”

“แฮะๆ โรงแรมพี่ปีเค้าอะ ผมไม่ได้จองเองหรอกพี่ปีจองให้” มันอ้อมแอ้มตอบที่ไอ้คุณปีมันถ่อสังขารมาด้วยก็เพราะเราพักที่ดรงแรมมันงั้นดิ โห่ อะไรวะ สุดท้ายเงินผมก็เข้ากระเป๋ามันอยู่ดี หันไปมองไอ้เจ้าของโรงแรมที่ทำท่ายืดๆ ใส่ผม แหม่นี่ถ้าไม่ติดว่าใช้ขาเหยียบเบรกนะ ผมยกขึ้นถีบมันตกรถไปและ คนอะไรขี้อวดชะมัด

ถึงปราณบุรีในตอนบ่ายแก่ๆ เข้าพักโรงแรมทันทีเพื่อเอาแรง โรงแรมของพี่ปีติดกับทะเลปราณพอดี เป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ มีบ้านพักสวยๆ แล้วก็ที่เป็นตึก พวกเราไดพักที่บ้านพัก แค่ลงบันไดก็ถึงทะเลเลย เป็นส่วนตัวมากๆ เรียกได้ว่าเราจองเกือบหมดโซนของที่ติดริมหาด แบ่งกันบ้านละสองคน

“เห้ยทำไมผมไม่ได้พักกับพี่เพียวอะ” เสียงแรกที่ดังขัดขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าตัวเองจะต้องพักกับใคร

“เป็นคู่ๆ ไงคู่ๆ อะน้องไว”

“คุ่บ้าคู่บออะไรละพี่เขื่อนผมไม่นอนร่วมห้องกับพี่หรอก”

“แล้วไวจะทิ้งให้พี่นอนคนเดียวเหรอ พี่กลัวผีนะ”

“-*- ผีมีที่ไหน ประสาท พี่เพียวไวนอนด้วย” ผมหันไปมองคนที่ถือกุญแจห้องอยู่นี่เขาคิดยังไงถึงได้จัดห้องแบบนี้

“ไวนอนกับเขื่อนนั่นแหละดีแล้ว บ้านนั้นมีแยกเป็นสองห้อง” พี่ปีบอกพร้อมกับเดินเข้าบ้านหลังแรก

“เอ้าพี่ปี ไหงเป็ยแบบนี้ละ พี่เพียว”

ไอ้พม่ามึงอย่าเรื่องมาก ช่วงนี้กูขอ กูต้องทำแต้มเพื่อความอยู่รอดของกู กลับไปห้องของมึงซะ ไอ้เขื่อนเอาลูกมึงไปเก็บ” กระซิบกับมันแล้วหันไปสั่งไอ้เขื่อนเสียงเฉียบมันยกมือตะเบ้ะแล้วอุ้มไอ้ไวออกไปทันที ได้ยินแต่เสียงโหยหวนของมันแว่วมาเท่านั้น

เดินเข้ามาในห้องต้องยอมรับว่าที่นี่สวยมากๆ ทุกอย่างถูกจัเอย่างเป็นสัดส่วนมีสระน้ำเล็กๆ อยู่ด้านหลังด้วย บ้านออกแนวโทนโมเดิร์นผสมระหว่างปูนกับเนื้อไม้ สีครีม มีภาพผ้าบาติกสวยๆ ประดับ ตามฝาผนัง มีโคมไฟไม้สานห้อยตามจุดต่างๆ ดูคูลๆ ดี เดินเอากระเป๋าเข้ามาเก็บในห้อง ก้ต้องยืนอึ่งอีก

“ทำไมมันเป็นเตียงเดี่ยวอะพี่”

“แล้วนอนได้ไหมล่ะ”

“ได้ แล้วพี่นอนไหนอะ”

“ก็นอนเตียงเดียวกับมึงไง” -*- เขาพูดอะไรของเขา ถึงผมอยากจะได้หัวใจเขาแต่ผมก็ไม่ได้อยากใกล้ชิดเขาอะไรขนาดนั้น

“บ้า นอนด้วยกันได้ยังไง ไม่มีเตียงเสริมเหรอ”

“ไม่มี นอนด้วยกันจะเป็นอะไรไป เคยนอนร่วมเตียงกันตั้งสองครั้งมึงจะอายอะไรอีก”

“ผมไม่ได้อาย แต่ ว่า คือ”

“หรือมมึงคิดว่ากุจะทำอะไรมึง”

“....”

“เหอะ ต่อให้ทั้งโลกเหลือแค่มึงกับกู กูก็ไม่คิดที่จะเอามึงหรอกเพียว หึหึ มึงไม่ได้น่าพิศวาสขนาดนั้น”

“ทำไม พี่คิดว่าผมไม่น่าพิศสวาทละ” โมโหนะครับที่โดนดูถูกแบบนั้น ผมว่าผมก็ดูเซ็กซี่นะ ไม่ยอมให้เขาว่าเอาฝ่ายเดียวหรอก เดินไปหาเขา พร้อมกับถอดเสื้อออก ยืนเปลือยท่อนบนให้เขาดู

“หึหึ ทำอะไร”

“ดูสิ ดูให้เต็มตา”

“เหมือนไม้กระดาน จะมองทำไม อีกอย่างนะมึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำให้มึงรักกูเหอะ กูมีคนที่กูอยากจะแต่งงานด้วยอยู่แล้ว เรื่องพนันนั่นกูไม่ได้สนใจอะไรด้วย ถอนตัวตอนนี้ยังทันนะ”

“มะ หมายความว่ายังไง”

“กูชอบผู้หญิง แล้วกูก็มีคนรักแล้วด้วย” สะอึกกับคำพูดของเขา รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ มาทุบที่หัว

“อ่าวเหรอ แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก แฮะๆ” หัวเราะแห้งๆ ออกไปทำตัวไม่ถูกเลย เหมือนผมจะมีความรู้สึกดีๆ กับเขาไปแล้ว แต่เหมือนมันโดนเหยียบยังไงไม่รู้ ผมเดินเอาเสื้อผ้าจัดเข้าตู้ อย่างรวกๆ แล้วเดินหนีออกมาด้านนอก ไม่อยากอยู่ข้างในกับเขา

เดินออกที่ชายหาด รู้สึกเหมือนมีน้ำอุ่นๆ ไหลออกมาจากตา จากตอนแรกที่อากาศยังสดใสตอนนี้มันมืดครึ้ม และมีฝนตกลงมา อากาศจะเปลี่ยนแปลงไปตาอารมณ์ของผม ถ้าผมเศร้าฝนก็จะตก นี่ผมรู้สึกเศร้าขนาดที่ทำให้ฝนตกลงมาเลยเหรอ หัวเราะให้กับความรู้สึกบ้าๆ ของตัวเองก่อนจะนั่งลงกอดเข่าตัวเองไว้หลวมๆ เหมือนโดนหลอกเลย

“มานั่งตากฝนทำไม” เสียงทุ้มๆ ที่ผมจำได้ดีว่าเป็นเสียงของเขา

“คือผมชอบฝน ชอบมาก พี่ละออกมาทำไมเดี๋ยวก็เปียก” เงยหน้าไปมองเขา เห็นในมือใหญ่ๆ กางร่มไว้

“แล้วทำไมตาต้องแดง ร้องไห้เหรอ”

“เห้ย ไม่ได้ร้อง บ้าแล้ว”

“เก็บเอาคำพูดกูไปคิดเหรอ กูเคยเตือนมึงแล้วมึงไม่ฟังเอง”

“อืม..ฮึก..พี่เข้าบ้านไปเหอะเดี๋ยวผมออกไปซื้อของหน่อย” สะอื้นออกมาเบาแล้วก้มหน้าซ่อนทุกอย่างเอาไว้

“อืม” เขาหันหลังเดินเข้าบ้านไปแล้ว ส่วนผมยังนั่งทำเป็นพระเอกมิวสิกวีดีโดออยู่เลย ขอทำใจแปป มันตั้งหลักไม่ทัน
+++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆนะคะ เป็นกำลังใจชั้นดีในการปั่นนิยายเลย
รักนักอ่านทุกคนนะคะ
จุฟ


ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 "ต่อให้ทั้งโลกเหลือแค่มึงกับกู กูก็ไม่คิดที่จะเอามึงหรอกเพียว มึงไม่ได้น่าพิศวาสขนาดนั้น"
จำคำพูดนี้ไว้ให้ดีนะ  :m16: :m31: :fire: :angry2: :serius2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โอย สงสารเพียว เจ็บเลย ปีก็นะ มีคนรักอยู่แล้วทำไมไม่บอก ยังมายอมเล่นเกมกับความรู้สึกเพียวอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3




อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 12


นั่งเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอได้ไม่นานหรอกครับ มันหนาว นั่งนานจนฝนหยุดตกแต่ก็ยังทำใจกลับไปเจอหน้าไอ้พี่ปีนั่นไม่ได้อยู่ดี เลยเดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าตัวเองเดินเหม่อมาไกลจากที่พักพอสมควร และกำลังจะหันหลังกลับ

ตุบ!!

“อุย ขอโทษครับ” หันไปชนกับใครก็ไม่รู้ เพราะมันเป็นระยะที่กระชั้นชิด จมูกโด่งชนเข้ากับแผงอกเต็มๆ เจ็บนะแต่ตกใจมากกว่า

“อ่า..ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มดีจัง ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา

“*0*”

“เพียว!! ”

“พี่ทศ” ไม่คิดว่าจะเจอเผ่าพันธุ์เดียวกันที่นี่ พี่ทศลักษณ์ เป็นยักษ์รุ่นพี่ เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทแม่

“เป็นไงมาไงเนี่ยะ ดีใจจังที่เจอ”

“คึคึคึ คิดถึงผมอะดิ”

“อืมคิดถึงสิ” พี่เขายกมือขึ้นยีหัวผมเหมือนที่ชอบทำตอนผมเด็กๆ คือเด็กในอายุของยักษ์นะครับ

“ผมก็คิดถึงพี่เหมือนกัน ไม่เจอนานมากกก”

“พี่ย้ายบ้านบ่อย พ่อแม่พี่เค้าก็ทิ้งพี่ไปอยู่ที่อื่นกันหมดและ” เราเดินคุยกันไปครับ ลืมเรื่องกลับที่พักกันเลยทีเดียว ไม่ได้เจอพี่ทศนานมาก ถามจนรู้ว่าเขากำลังทำร้านเหล้าเป็นรายได้เสริม รายได้หลักคืออาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย ดูไม่เหมาะกับลุคแบดๆของพี่มันเลย

“ผมก็โดนเท เหมือนกันพี่ นี่ก็พึ่งย้ายบ้านมาได้เก้าเดือนละ แล้วพี่อยู่ที่ไหนอะ”

"แถว xxxนะ”

“โหยใกล้ๆ กันเลยผมอยู่ที่xxx ว่างๆ พี่ก็ไปหาผมบ้างสิ”

“ได้พี่ไปแน่ ว่าแต่เรามาคนเดียวเหรอ”

“ฮะ เออ คือ มากับน้องกับเพื่อนอะ พี่ละ”

“มาคนเดียว คนโสดก็งี้แหละ แล้วเรามีแฟนรึยัง”

“โห่ ดูหน้าน้องด้วย หล่อๆ แบบนี้” เก๊กหน้าหล่อให้พี่ทศดูเป็นตัวอย่าง

“มีแฟนแล้ว?”

“มีกับผีอะไรละ ฮ่าๆ พี่ก็รู้ว่าแบบเราไม่คนรักจะดีกว่า” พูดแล้วก็เศร้าครับ

“มีแบบที่เป็นเหมือนเราไงเพียว จะไปยากอะไร” จริงของพี่ทศมีแฟนเป็นยักษ์จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าคนรักตัวเองจะตาย

“เออวะ พี่นี่ฉลาดเหมือนกันเนอะ”

“-*- นี่คือชม”

“ชมสิคร๊าบบ”

เดินคุยกันจนหายคิดถึง พอมารู้ตัวก็เดินมาถึงที่พักแล้ว และพี่ทศกับพักที่เดียวกับผมแต่ของพี่เขาพักบนตึกสูงๆ เราแยกกันตรงหน้าโรงแรม ไม่ลืมที่จะแลกเบอร์กันไว้ด้วย กลับเข้ามาที่ห้องไอ้คนที่ผมไม่อยากเจอเขาก็ไม่อยู่แล้ว เลยรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย เพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไงเวลาเจอเขาเหมือนกัน  ผมเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดผมอยู่บนที่นอน 

ก็อกๆ

“พี่เพียว ผมเข้าไปนะ” เสียงของไวรัลดังอยู่หน้าประตูผมยกยิ้มนิดๆ เพราะคิดว่าไวมันคงจะหนีไอ้เขื่อนมาหาผมแน่ๆ

“เออ เข้ามา” พอผมอนุญาตมันก็เปิดประตูเข้ามาใบหน้าหวานๆ ของมันบูดบึ้งจนดูตลก

“เป็นไรอีกละ”

“เพื่อนพี่อะโรคจิตวะ”

“หืม....ยังไง” ไอ้เขื่อนผู้เข้มขรึมนะเหรอจะกลายเป็นคนโรคจิต

“พี่มันไล่ปล้ำจูบผม” หัวคิ้วมันผูกเป็นปมเลยครับแถมยังเอามือถูปากตัวเองอีก แบบนี้แสดง ว่า....

“มันคงเห็นว่ามึงน่ารักแหละมั้ง ปรกติมันไม่เคยทำแบบนี้กับใครนะ”

“-///- ระ เหรออ แต่ว่าสีหน้าพี่เขื่อนดูโรคจิตมากอะ ผมกลัวพี่เพียว พี่เพียวสลับห้องกับผมได้ไหมอะ” มันทำหน้าอ้อนๆ คงจะกลัวไอ้เขื่อนจริงๆ ไอ้บ้านั่นก็ไม่รู้คิดอะไรอยู่

“แล้วเราเชื่อใจพี่ปีเขาเหรอ” มันพยักหน้ารับ

“มากๆ”

“เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปเก็บของก่อน” ดีเหมือนเพราะผมเองก็ลำบากใจที่จะอยู่ร่วมห้องกับเขาเหมือนกัน ผมเดินไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ส่วนของใช้ยังไม่ได้เอาออกมา ลากกระเป๋าตัวเองออกมาจากห้อง ก็เจอเขากำลังเดินเข้ามา ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วยุ่ง

“จะไปไหน” สะดุ้งเล็กน้อยกำน้ำเสียงกึ่งตะคอกของเขา นี่ไปกินรังแตนที่ไหนมาอีกละ

“แลกห้องกับไว หลีกผมจะเอาของไปเก็บ” พยายามจะมาสบตากับเขากลัวใจตัวเอง เดินหลบเขามาอีกด้าน แต่ก็โดนคว้าเอาไว้

“ทำไมต้องแลก”

“เอ่อ พี่ปีครับ ไวขอแลกเอง ไวกลัวพี่เขื่อน” เสียงสวรรค์ดังขึ้นช่วยผมไว้ ไวมันยิ้มเจื่อนๆ แล้วช่วยเอากระเป๋าผมไปไว้ที่ห้องของมันซึ่งอยู่บ้านข้างๆ กัน ผมเลยได้โอกาสหนีออกมา ผมได้ยินเสียงหายใจฟึดฟัดเหมือนวัวที่กำลังโมโหจากเขา เดินออกไปที่บ้านพักของไว ไอ้เขื่อนพาภูผาไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เห็นว่าไอ้ผีพรายมัน ป่วย เหอๆ มันคงอ่อนแรงมากกว่า ภูมันเลยต้องไปซื้อของกินมาเซ่นไหว้ ดีไม่ดีมันอาจจะแวะทำบุญให้ไอ้ผีขี้อ่อยด้วย เหอะสำออยละสิไม่ว่า ไม่ได้อคตินะ นี่ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ

จัดแจงย้ายของเข้าที่ แล้วนอนแผ่บนที่นอน ด้านฝั่งซ้าย ฝั่งขวาไอ้เขื่อนมันจองแล้ว นอนพักสายตาได้ไม่นานก็ต้องตื่นเพราะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ไอ้ภูมันสั่งของทะเลจากร้านใกล้ๆ โรงแรมมากินครับ ตั้งเตากันตรงชายหาด ที่โรงแรมมีบริการโต๊ะเก้าอี้ให้พร้อมเตาปิ้งย่าง ความจริงเราต้องสั่งจากทางโรงแรมเท่านั้นแต่มันแพงไง เลยสั่งจากร้านตามชายหาดมา ตอนที่หิ้วมาไว้โดนไอ้พี่ปีมันมองแรงจิกตาใส่ด้วย แต่ไม่กลัวหรอกครับ หึ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปผมจะไม่สนใจเขาแล้ว เลิก!!!

“เพียวมึงกินหอยหวานไหมกูจะได้ย่างให้” ไอ้ภูครับมันกำลังทำหน้าเป็นคนย่างของทะเลให้มีไอ้ธารยืนประกบไม่ห่างทำตัวเหมือนปลิงเข้าไปทุกที

“กิน เอามาเยอะๆ กุ้งด้วย”

“ไอ้ภูย่างหอยให้น้องไวกูด้วย” เสียงทะเล้นดังมาจากด้านหลังของผมไอ้เขื่อนเดินมาพร้อมกับไว พวกมันไปซื้อน้ำพร้อมสุราของโปรดพวกผมจากร้านสะดวกซื้อ

“อ่าวแล้วพี่ปีละครับ” จะไปถามถึงมันทำไมวะ ผมหันไปมองได้เด็กพม่าเสินเจิ้นแล้วกลอกตาใส่

“เห็นบอกว่าจะไปเคลียงานนะ ให้พวกเรากินก่อนเลยไม่ต้องรอ” ไอ้ธารมันตอบแทน ไอ้นี่ดูท่าจะเป็นมิตรกับทุกคนดี ยกเว้นผมที่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไรๆ หึหึหึ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าพวกมันรู้ว่าทริปนี้มีผีมาด้วยมันจะเป็นยังไง ผมนั่งแกะหอยที่ภูมันย่างให้แล้วเคี้ยวเข้าปาก อย่างเอร็ดอร่อย ไม่นานไอ้น้ำที่เรียกว่าสุราก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้า กระดกทีเดียวหมดแก้วถือเป็นการเบิกฤก นั่งกินได้สักพักไอ้พี่ปีมันก็เดินหน้ายุ่งกลับมาสงสัยงานจะมีปัญหามั่ง แต่ก็ช่างแม่งมันไม่ใช่เรื่องผมอยู่แล้ว กินไปชมวิวไป คุยกับเพื่อนๆ ไป จนมาสะดุดเข้ากับร่างสูงๆ หน้าตาหล่อของใครบางคน ที่เดินมาทางผม

“พี่ทศ”

“เสียงยานขนาดนี้เมาแล้วเหรอครับคนเก่ง” พี่ทศครับเดินมาหาผมที่โต๊ะพี่แกสาดยิ้มกว้างไปทั่วๆ เหมือนทักทาย

“ไม่มาววว เพียวไม่เคยมาวว เน่ ทุกคน คนนี้ชื่อพี่ทศ เป็น อึก...”

“คู่หมั้น...หึหึหึ” เสียงพี่ทศตอบก่อนที่ผมจะพูด

“หืมม พี่ นี่ยังไม่เลิกล้อผมเรื่องนั้นอีกเหรอ คึคึคึ เรื่องมานนานนนนนนมากเลยนะ”ลากเสียงยาวๆใส่เขาแล้วยิ้มตาหยี เกาะเกี่ยวเเขนพี่ทศไว้เป็นที่ยึด

“ก็เราเมาทีไรโมเมหาว่าพี่เป็นคู่หมั้นทุกที” พี่ทศเดินมานั่งยองๆ ด้านหน้าผมแล้วเชยปลายคางผมขึ้นมาให้สบตา

“ใช่เหรออ ไม่เห็นจำได้เลย คึคึ” เคยเป็นครับเมื่อสมัยตอนอายุสิบห้า พ่อแม่เรานึกเล่นพิเรนทร์อะไรไม่รู้บอกจะให้หมั้นกัน ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไร เวลาใครถามว่าพี่ทศเป็นใครก็ตอบว่าเป็นคู่หมั้นหมด เพราะว่าเวลาที่ผมพูดแบบนั้นพี่ทศเขาจะเขินจนหน้าแดง แล้วมันตลกดี

“เอ่อ พี่ทศ เป็นคู่หมั้นมันจริงๆ เหรอครับ” ภูคงสงสัยแหละครับถึงได้ถามออกไป

“ไม่รู้สิครับถามเขาเองก็แล้วกัน ...แล้วพักกันกี่วันครับเนี้ยะผมพักอยู่ในตัวตึก”

“สามสี่วันจะถามทำไม” เสียงเข้มๆ ของพี่ปีถามออกมาเหมือนคนไม่มีมารยาทใช้น้ำเสียงได้น่าถีบมากคนเขาถามดีๆ ทำไมต้องกระชากเสียงใส่ด้วย

“ก็กะว่าจะมาจอยกลุ่มด้วย พอดีผมมาคนเดียว” พี่ทศบอกเสียงนุ่มๆ ตามแบบของเขา

“ไม่ว่างกลุ่มเต็ม” อะไรของเขาวะ เต็มตรงไหนคนเยอะๆ ถึงจะสนุก

“ไม่เต็มพี่ทศ มาเลย มานั่งกับเพียว เพียวเหง้า เหงาอยากมีเพื่อนคุย” ผมถึงให้พี่ทศนั่งข้างๆ ผม พร้อมกับตักเอากุ้งกับหอยให้เขา

“พี่ว่าไม่น่าจะไหวแล้วนะ นอนไหม”

“คึคึไม่ ยังไหว พี่กินเลยๆ ของอร่อยทั้งนั้น” หันหาแก้วเหล้าตัวเอง ความจริงมันต้องวางไว้ตรงหน้าผมไม่ใช่เหรอแล้วมันหายไปไหนวะ หันไปมองคนข้างๆ อ่าวไอ้พี่บ้านี่มันมานั่งข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมในมือมันยังถือแก้วเหล้าผมด้วย

“เอาคืนมา” ผมกดเสียงลงต่ำบอกให้เขาคืนแก้วเหล้าของผม

“พอแล้ว เมามากแล้วมึงอะ” ทำเสียงดุใส่พร้อมกับดึงตัวผมให้ไปซบไหล่เขา แต่ผมขืนตัวเอาไว้ ไม่อยากเข้าใกล้ เหม็นขี้หน้ามากตอนนี้บอกเลย นี่ถ้าไม่เกรงใจจะอ้วกใส่หน้าพี่มันแม่ง เห็นหน้าเขาแล้วมันรู้สึกจี๊ดๆในใจวะ

“อย่าดื้อดิวะ”เขาดึงแขนผมไว้ไม่ให้ไปซบพี่ทศ ทำเหมือนหวง เหมือนให้ความหวังกูเลย แต่ผมมันเจ็บแล้วจำเว้ย

“เอาแก้วผมคืนมา แล้วอย่าเข้าใกล้ผมนะ เหม็นขี้หน้าไอ้พวกขี้ตอแหล” ชี้นิ้วใส่เขาแถมด่าเขาอีก

“เพียวทำไมพูดจาไม่เพราะ” พี่ทศดุผมเสียงเข้ม ผมเลยตวัดสายตางอนๆ ไปให้

“พี่ทศ อึก..ไม่เข้าข้างเพียวเหรอ”ทำเสียงกระเง้ากระงอดกอดแขนพี่มันไว้แน่น

//มึงว่าวันนี้ไอ้เพียวมันดูแปลกๆ ป่าววะ//เขื่อน

//เหมือนงอยผัวแล้วแอบไปซบกิ๊กเลยวะ//ภู

//พี่เขาเมาแล้วมุ้งมิ้งแบบนี้เหรอพี่เขื่อน//ไว

//สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา//ไอ้ผีธาร

“หื้ออ นั่งดีๆ สิครับ เอ่อผมว่าพาเขาไปนอนดีกว่า” พี่ทศยกตัวผมขึ้นแต่มีอีกมือดึงตัวผมไว้

“ไม่เป็นไรเขามากับผมพาเขาไปเอง” พี่ปีดึงตัวผมให้ไปหาเขา

“ไม่ไปกับเขานะ ไม่เอาพี่ทศเพียวไปนอนกับพี่นะๆ เพียวอยากนอนกับพี่ทศ” ผมทำตาอ้อนพร้อมกับถลาไปกอดเอวพี่เขาแน่น ไม่ยอมปล่อย ไม่ไปกับไอ้มนุษย์ใจร้ายหรอกเชอะ ผมหันไปแลบลิ้นใส่ อีกคน ไอ้มนุษย์ใจแคบ ไอ้หลอกลวง

“อ่า...เอาอย่างนั้นเหรอ แล้วเราเดินไหวไหม หรือให้พี่อุ้ม” พี่ทศหันไปมองทุกคนที่มองพวกผมแล้วไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีแต่เสียงดังฟึดๆ ฟัดๆ เหมือนวัวบ้าดังอยู่ข้างๆ

“หวายยย เดินหวาย ไปๆ เค้าง้วงง่วง” ความจริงไม่ได้เมาอะไรขนาดนั้นแค่ไม่อยากนั่งอยู่ตรงนั้นตรงที่มีเขามานั่งด้วย มันอึกอัด มันรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ในอก พี่ทศมาเลยได้โอกาสชิ่ง จะได้ไม่เสียบรรยากาศด้วย

“เอ่อ งั้นผมพาเพียวไปนอนก่อนนะครับ ไว้ตอนเช้าจะเอาเขามาส่ง” พี่ทศบอกแบบนั้นแล้วพยุงผมให้เดินออกมา

“เดี๋ยว คุณพักอยู่ห้องไหน” พี่ปีจับแขนของพี่ทศไว้แล้วถาม ผมรู้สึกถึงรังสีดำๆออกมาจากตัวพี่ปี เขาจ้องตากันแบบอ่านความคิดกันด้วยแต่ผมไม่สนใจหรอก ว่าเขาจะคิดอะไร สนแค่ตัวเองพอ อกหักอยู่เนี่ยะ สนใจตัวเองดีกว่า พูดแล้วก็จะร้องไอ้ห่าเอ้ย แมร่ง ถีบพี่มันสักทีมันจะให้ผมจ่ายค่าที่พักเองไหมวะ ไม่ได้งกนะ แต่กลัวพกตังมาไม่พอ

“7802”พี่ทศตอบเสียงนุ่มๆฟังแล้วเคลิ้ม แต่ทำไมไอ้พี่ปีมันต้องจ้องพี่ผมตาแทบถลนออกมาแบบนั้นละ นี่พาลพี่ผมใช่ไหม เหอะ ไอ้มนุษย์ใจแคบ

“เช้าผมจะไปรับเขาเอง” พูดจบเขาก็ปล่อยให้เรา แต่สายตาที่จ้องผมแบบนั้น จะด่าอะไรผมอีกละ ผมสะบัดหน้าหนี ลากพี่ทศเดินออกมาจากที่ตรงนั้น

“นี่เรากำลังมีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า” พี่ทศถามผม ตอนนี้เรามาอยู่กันที่ห้องพักของพี่ทศแล้วและกำลังนั่งเล่นอยู่บนโซฟารับแขก พี่ทศเดินหยิบน้ำเย็นมาให้ผมดื่ม



“อะไรทำให้พี่คิดแบบนั้น” รับน้ำมาดื่มแล้วถามเขาเสียงกลั้วหัวเราะ

“คิ้วเรานะ มันฟ้อง ดูสิ ชนกันยุ่งเชียยวมีอะไรปรึกษาพี่ได้นะ” น้ำเสียงของที่ทศที่ฟังดูแล้วเป็นห่วงผมจริงๆ พี่เขาเป็นแบบนี้ตลอด เป็นพี่ที่ดี คอยช่วยเหลือผมอยู่ตลอด ผมดีใจนะที่ครอบครัวเราสนิทกัน

“แฮะๆ มันชัดขนาดนั้นเลย” ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้พี่ทศแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ มันรู้สึกเหนื่อยๆ ยังไงไม่รู้ ไม่ใช่ร่างกายนะที่เหนื่อย ใจต่างหาก มันรู้สึกเสียเชล มันรู้สึกแบบว่า มันอธิบายไม่ถูกอะ เอาเป็นว่าผมรู้สึกไม่ดีเอามากๆ ไม่อยากเจอหน้าเขาเลย แต่ผมไม่อยากทำให้ทริบนี้มันกร่อยเพราะผม

“พี่ว่าเรายิ้มเราน่ารักมากกว่าทำบึ้งๆ นะ ไหนยิ้มซิ” พี่ทศจับแก้มแล้วบีบมันออก

“เอ็บ อะ อ่อยเอย”

“ไหนยิ้มมมม” เจ็บจนน้ำตาเล็ดแต่ก็พยายามฉีกยิ้มให้พี่เขาสบายใจ

“แหวะยิ้มน่าเกลียดวะ พี่ไปอาบน้ำดีกว่าลงไปนั่งข้างล่างรู้สึกเหนียวตัวยังไงไม่รู้” พี่มันผลักหัวผมแล้วเดินหัวเราะเข้าห้องน้ำไป ผมเลยเดินไปเปิดทีวีดูจนพี่แกออกมา นี่ไม่ได้ยั่วผมใช่ไหม นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาแบบนี้ หุ่นพี่ทศนี่แซบตั้งแต่หนุ่มจนถึงตอนนี้ก็ยังดูดีไม่เปลี่ยน ผมมองแล้วอมยิ้มนิดๆ

“กะจะยั่วผมเหรอพี่” เดินไปปั้นหน้าทะเล้นใส่

“แล้วเคยสำเร็จไหมล่ะ”

“หึ ไม่เคย ผมไปอาบน้ำดีกว่า อ่อยืมชุดพี่ด้วยสิ”

“อืมเอาสิ เราจะใส่ได้เหรอ ตัวต่างกันขนาดนี้” ใช่ตัวเราต่างกันมากพี่ทศตัวใหญ่ส่วนผมเขาเรียกหมากระเป๋า

“เดียวเอาหนังยางรัดกางเกงเอาก็ได้ ไม่เห็นยาก”

“หึหึ แก้ผ้าเอาหน้ารอดตลอด” พี่ทศเดินมายีหัวผมแล้วเดินเข้าไปในห้อง ผมเองก็เดินเข้าไปอาบน้ำตามที่บอกไว้



        ปังๆ เสียงทุบประตูห้องดังหลังจากเพียวเข้าไปอาบน้ำได้ไม่นาน ร่างสูงใหญ่ในชุดที่ไม่เรียบร้อยออกจะฉงนใจนิดๆ ที่ดึกป่านนี้มีใครมาเคาะห้อง แถมไม่เคาะแบบธรรมดา เรียกได้ว่าทุบเสียมากกว่า เขาเดินออกไปเปิดประตู คิ้วเข้มขมวดยุ่งยิ่งกว่าเก่า เพราะบุคคลที่มาเคาะนั้นคือคนที่มองเขาแบบไม่ชอบขี้หน้า

“เพียวอยู่ไหน” น้ำเสียงห้วนกระชากไม่พอยังเสียมารยาทเดินเข้ามาในห้องโดยที่เขาไม่ทันได้เอ่ยเชิญ ทศลักษณ์ติเจ้ามนุษย์ในใจ

“น้องเพียวอาบน้ำอยู่” ตอบแบบขอไปที ก่อนที่ปีมงคลจะทันได้สังเกตว่าบุคลที่บังเอาตัวคนของเขามานั้นอยู่ในชุดที่ดูแล้ว....

“ใครมาเหรอครับพี่ทศ” น้ำเสียงใสแจ๋วไม่มีเค้าของคนเมาเมื่อตอนหัวค่ำ แถมยังนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา เหมือนๆ กับอีกคนด้วย

“แรดเนอะ” ปากปีจอเริ่มสำแดงฤทธิ์อีกครั้ง

“ห๊ะ...”

“ถ้าจะมาเอากันก็บอกดีๆ ก็ได้ไม่ต้องมาหาข้ออ้างอะไรให้มันยุ่งยาก” สีหน้าของชายหนุ่มที่ชื่อปีมงคลดูโกรธและโมโห

“นี่พี่พูดอะไรของพี่วะ ถ้าจะมาหาเรื่องกันละก็ออกไปเลยไป” ร่างบางที่กำลังสั่นสะท้านด้วยความโกรธ จู่ๆ ฟ้าก็ผ่ากลางทะเลเสียงดังลั่นฟ้า ทศลักษณ์เห็นท่าไม่ดีเลยเดินไปโอบกอดไหล่บางๆ นั่นไว้

“ใจเย็นสิเพียว”

“เย็นอะไรละพี่ ดูเขาพูดสิเขาดูถูกผมดูถูกพี่ แล้วอีกอย่างผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยเขาไม่มีสิทธิ์มาด่าผมแบบนี้” ดวงตาแข็งกร้าวจ้องไปยังมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวในห้อง

“หรือมันไม่จริง” ปีมงคลมองเพียวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจ นี่เขาเป็นอะไร เขาหวังอะไรอยู่

“เหอะ มันก็จริงอย่างที่คุณคิดนั่นแหละผมสองคนเป็นคู่หมั้นกัน จะทำอะไรๆ มันก็ได้ทั้งนั้น คุณนั่นแหละกลับไปได้แล้ว รบกวนเวลาของพวกเราสองคน” ร่างบางกระแทกเสียงใส่พร้อมกับกอดเอวสอบของทศลักษณ์เอาไว้ แล้วโน้มคอคนตัวสูงลงมาจูบ ทศลักษณ์ยืนอึ้งแต่ก็จูบตอบเพียวกลับ

“มึงนี่มัน ร่านจริงๆ”

“อึก...”

แล้วเขาก็โยนเสื้อผ้าชุดหนึ่งลงกับพื้น ก่อนจะหุนหันออกจากห้องไป....ด้วยหัวใจที่มันชาๆ

“ฮึก....”

“ไปแต่งตัวเถอะ พรุ่งนี้เราคงเจอเรื่องแย่ๆ อีกแน่”

“....”

“แล้วสาเหตุที่เพียวทำคิ้วยุ่งๆ ก็คงเกิดจากเขาด้วยใช่ไหม”

“....”

“นอนเถอะ พี่ง่วงแล้ว”

“ครับ”





(ปีมงคล พาร์ท)

              ตั้งแต่ไอ้เพียวเดินหน้าระรื่นมากับใครอีกคน ผมก็รู้สึกโมโหอย่าหาสาเหตุไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับมัน ผมไม่ได้โกหกว่าผมมีคนรักอยู่แล้ว มันอาจจะฟังดูโง่ๆ นะ แต่ผมมีรักแรกตอนอายุสิบขวบ สัญญาใจกันไว้แล้วด้วย ผมตามหาเขาตลอดยี่สิบห้าปีแต่ก็คว้าน้ำเหลวตลอด ถามใครๆ ถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นก็ไม่มีใครรู้หรือจำได้สักคน ผมจำแววตาของเขาได้ แววตาที่มีแต่ความอ่อนโยนและจริงใจแต่สำหรับไอ้เด็กบ้านั่นมันตรงข้ามทุกอย่าง แต่มันกลับมีอิทธิพลต่อใจผมมาก ผมไม่เคยรู้สึกโกรธเวลามันยิ้มให้กับใคร แต่วันนี้ผมโกรธจนควันออกหูตอนเห็นมันเดินหัวเราะมากับไอ้หน้างูเห่านั่น

               ผมรู้สึกหงุดหงิดที่มันเอาแต่ออเซาะคนอื่นต่อหน้าผม ผมปฏิเสธมันแล้วก็จริงแต่แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ อกหักจากอีกคนก็ไปมีคนใหม่ มองตามหลังไอ้หน้างูเห่าที่มันพยุงไอ้เด็กนั่นออกไปใจผมนี่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เวลามันเมามันยั่วอย่าบอกใคร แล้ว ถ้าไปกับไอ้หน้างูเห่า เกิดมันหน้ามืดปล้ำไอ้เพียวขึ้นมาละ ผมพยายามหาเหตุผลมาลบล้างความคิดของตัวที่จะไม่ยุ่งเรื่องของมัน พยายามจะไม่สนใจ แต่ตาก็คอยมองแต่ชั้นของโรงแรม พวกเขื่อนก็ชวนคุย พวกนั้นเริ่มจะเมากันบ้างแล้ว แต่ผมนี่สิเริ่มจะทนไม่ไหว ต้องเดินเข้าไปด้านในไปค้นเอาเสื้อผ้าของไอ้เพียวมันออกมา ใช้เป็นข้ออ้างในการที่จะไปหามัน ค้นเจอก็เดินดุ่มๆ ขึ้นตึกของโรงแรม มันเป็นโรงแรมของผม ผมมีสิทธิ์ทุกอย่างเพราะฉะนั้นมันจะมาทำอะไรๆ ในโรงแรมผมไม่ได้ ใช้เวลาสักพักกว่าจะเคาะห้อง แต่เชื่อไหม คนที่มาเปิดประตูห้องเป็นไอ้หน้างูเห่าดูท่าทางมันแล้วเหมือนพึ่งจะทำอะไรกันเสร็จ

“เพียวอยู่ไหน” ถามแบบไม่รอคำตอบเดินผ่านมันเข้าไปแบบไร้มารยาทกันเลยทีเดียว ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะขอแค่เห็นไอ้เพียวมันเมาหลับกองอยู่บนโซฟาผมก็พอใจ

“น้องเพียวอาบน้ำอยู่”

“ใครมาเหรอครับพี่ทศ” น้ำเสียงใสแจ๋วไม่มีเค้าของคนเมา แต่ที่ไหนได้มันออกมาจากห้องน้ำสภาพไม่ต่างอะไรกับไอ้ที่ยืนมองผมแบบงงนี่เลย ผมรู้สึกเหมือนไฟมันกำลังรุกที่หัว โกรธ โมโหอย่างไม่มีเหตุผล ไอ้เพียวมันเห็นผมแล้วดูสีหน้ามันตกใจมาก นี่คงผ่านอะไรกันมาแล้วละสิถึงได้มีสภาพแบบนี้





“แรดเนอะ”

“ห๊ะ..

“ถ้าจะมาเอากันก็บอกดีๆ ก็ได้ไม่ต้องมาหาข้ออ้างอะไรให้มันยุ่งยาก” ผมพูดออกไปตามอารมณ์ของตัวเองไม่ได้นึกใจของอีกคนเลย

“นี่พี่พูดอะไรของพี่วะ ถ้าจะมาหาเรื่องกันละก็ออกไปเลยไป” มันโมโหจนเอ่ยปากไล่ผม ดวงตาของมันเริ่มออกแดงๆ แล้ว เห็นแล้วใจกระตุกแต่ผมโกรธมากกว่าที่จะสงสารมัน

“ใจเย็นสิเพียว” มีโอบกอดกันแบบนี้จะให้ผมคิดว่าอะไรละ

“เย็นอะไรละพี่ ดูเขาพูดสิเขาดูถูกผมดูถูกพี่ อีกอย่างผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย เขาไม่มีสิทธิ์มาด่าผมแบบนี้” คำว่าไม่ได้เป็นอะไรกันมันเจ็บจี๊ดเลยครับ แต่ก็จริงของมันผมไม่ได้เป็นอะไรกับมันแล้วผมจะมาห่วงมันทำบ้าอะไร

“หรือมันไม่จริง” ผมมองมันด้วยสายตาที่หยามเหยียด

“เหอะ มันก็จริงอย่างที่คุณคิดนั่นแหละผมสองคนเป็นคู่หมั้นกัน จะทำอะไรๆ มันก็ได้ทั้งนั้น คุณนั่นแหละกลับไปได้แล้ว รบกวนเวลาของพวกเราสองคน” ไม่คิดว่ามันจะกล้าพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นออกมา แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดไม่น้อยตอนสบตากับมัน น้ำใสๆ ไหลออกจากดวงตาคู่สวยคู่นั้นและมันก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คิดว่ามันจะทำต่อหน้าผม มันจูบไอ้หน้างูเห่านั่นต่อหน้าผม ตามันมองผมแบบเคียดแค้นไปด้วย สมควรจะแค้นหรอก..ผมยืนกำหมัดแน่นจุกไปหมด อึ้งด้วย ทั้งโมโห และเกลียดตัวเอง ปาเสื้อผ้าของมันในมือลงพื้นแล้วเดินออกจากห้องห้องนั้นทันที ยืนมึนอยู่แล้วทบทวน นี่ผมทำบ้าอะไรอยู่วะ ทำไมต้องรู้สึกไม่ดีตอนเห็นมันจูบกับคนอื่นด้วย ทำต้องรู้สึกจะไปตะบันหน้าไอ้บ้านั่นด้วย

เดินออกมาด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่เจออะไรขว้างหูขวางตาก็เตะมันทิ้งไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ทรายที่ผมเดินเหยียบอยู่ อะไรที่ทำให้ผมเป็นได้ถึงขนาดนี้ อะไรที่ทำให้ผมหลุดมาดคุณชาย หลุดโหมดเจ้าชายน้ำแข็งได้มากมายขนาดนี้

“เพราะมึงคนเดียว ไอ้เด็กเหี้ย....กูจะไม่ยอมให้มึงได้ไปจากกูแน่นอน มึงต้องมารับผิดชอบกับสิ่งที่มึงทำไว้ไอ้เด็กบ้า”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2017 23:03:01 โดย สามภพ »

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
น่าติดตาม

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คนที่ปีรัก  คือเพียวที่เคยช่วยปีตอนเด็กจากผีน้ำสินะ
แต่พอโตก็จำเพียวไม่ได้ เพียว ก็จำปีไม่ได้

ปี ปฏิเสธเพียวแล้วหึงหวง โกรธเพียว แปลกไปไหม

พรุ่งนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:     

ออฟไลน์ ลูฟ่า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำไมเราสะใจพี่ปีแปลกๆ
 o18 o18 o18

ต่อไปจะเป็นไงน้าาา :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3







อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 13




             จากที่นอยอยู่แล้ว นอยหนักกว่าเดิมอีกครับ ทำไมเขาต้องมาพูดจาร้ายๆ แบบนั้นใส่ผมด้วยผมทำอะไรผิดเหรอ ผมไม่ใช่ยักษ์ใจดีนะครับที่จะไม่ตอบโต้ไม่โกรธ ผมโกรธเป็นโมโหเป็น ดีที่พี่ทศไม่เซ้าซี้ให้ผมเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และผมก็ไม่อยากเล่าด้วย เรื่องที่ผมชอบเขา ใช่ผมชอบพี่ปี ไม่รู้ว่าชอบไปตอนไหน แต่ที่รู้คือผมรู้สึกเจ็บตอนที่เขาบอกว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว โดยที่ผมไม่รู้มาก่อนเลย มันหน่วงหัวใจไปหมด บอกลาพี่ทศแล้วเดินกลับมาที่บ้านพักของตัวเองด้วยหัวใจที่มันกำลังซึมเศร้า ผมก้มหน้ามองพื้นตลอดเวลา เพื่อหลบไม่ให้ใครเห็นว่าตาของผมว่ามันบวมแค่ไหน ผมร้องไห้ทั้งคืน เสียใจสุดๆ

แกรก

เปิดประตูห้องไอ้เขื่อนเข้าไปก็เจอมันนอนกอดไอ้ไว ไว้แน่น เห็นแล้วก็ไม่อยากจะกวนมันเลยออกมารอด้านนอก ง่วงมากแต่ไม่รู้จะไปนอนไหน เห็นมีเปลไม้หน้าบ้านก็เลยนอนตรงนั้นเช้าแบบนี้คงไม่มีใครตื่นมาหรอก ล้มตัวนอนแล้วก็หลับลึกทันที

                ตื่นมาอีกครั้ง เพราะเสียงโวยของไอ้ไว เสียงมันร้องดังมากจนผมสะดุ้งตื่น แต่ที่น่าตกใจกว่าเสียงไอ้ไวคือคนที่นอนอยู่ข้างๆ ผม และผมก็ไม่ได้นอนอยู่ตรงเปลไม้ แต่ผมอยู่ในห้องของพี่ปี ข้างๆ ผมคือพี่ปีที่นอนหลับอยู่ นั่งตกใจได้ไม่ถึงสิบวิ พี่มันก็ลืมตาตื่น

“ตื่นแล้วไง” ขนาดถามยังใช้น้ำเสียงกวนตีนผมได้เลยคิดดู

“.....”

“กี่โมงแล้ว”

“.....”

“ปากมึงอมขี้อยู่เหรอ ถึงไม่พูด” แล้วจะมาหงุดหงิดใส่กูเพื่อ

“จะอมมาบ้วนใส่หน้ามึงนั่นแหละ” ตื่นมาปากก็หาเรื่อง ตะคอกเสร็จผมก็ลุกจะเดินออกจากห้อง ป่านนี้พวกนั้นคงตื่นกันหมดแล้วละ

“จะไปไหน “เขาถามผมเสียงดัง

“เรื่องของกู” ตอบกลับแทบจะทันที

“กู กับ ใคร” เขากดเสียงลงต่ำ คิดว่าจะกลัวเหรอ ไม่มีทาง

“หมามั้ง”

“เพียว!! ” ตะคอกใส่จนผมสะดุ้ง ตกใจ เขาลุกมารวบตัวผมไว้ในอ้อมแขนใหญ่ๆ นั่น

“อะไร!! ” แรงมาแรงกลับไม่โกงบอกไว้เลย ผมหันไปตะคอกกลับ คนบ้าอะไรเมื่อคืนด่าคนอื่นเสียๆ หาย เช้ามาก็ยังมาเอาแต่ใจอีก ผมโมโหแรงสะบัดตัวออกจากเขาแล้ว ลุกจากที่นอนทันที ก่อนจะก้าวขาเดินไปที่ประตูโดยไม่หันไปมองว่าเขาจะโกรธผมขนาดไหน

หมับ!! ยังไม่ทันแตะลูกบิดก็โดนพี่ปีจับไว้อีกรอบครั้งนี้เขากอดผมจากด้านหลัง กอดไว้แน่นมากจนรู้สึกเจ้บและอึดอัด

“ปล่อยผม” บิดตัวแรงๆ แต่ก็ยังสู้แรงไม่ได้ เหนื่อยนะโว้ย

“คุยกันก่อน” พี่ปีรวบตัวไว้จากทางด้านหลังวงแขนเขากอดรัดผมแน่นไม่ยอมปล่อย

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณทั้งนั้น”

“เพียว”

“ฮึก...” จู่ๆ บ่อน้ำตามันก็แตก นึกถึงคำพูดของเขาเมื่อคืน แรด ร่าน หาว่าผมไปมีอะไรกับพี่ทศอีก บอกเลยว่ารู้สึกน้อยใจมากผมหยุดดิ้น แล้งก้มหน้าลงมองที่พื้นจุดโฟกัสคือนิ้วหัวแม่โป้งของผม

“ร้องไห้เหรอ” เขาพลิกตัวผมให้หันไปหา

“ใครร้อง ไม่ได้ร้อง ทำไมต้องเสียน้ำตาให้กับคนอย่างคุณด้วย ฮึก...” ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกต่อหน้าเขา ร่างสูงยกยิ้มมุมปาก เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้ เขาเหมือนตัวร้ายในละคร

“มึงตอแหลไม่เนียนเลยเพียว”

“ฮึก..ก็บอกว่าไม่ได้ร้องไง พูดไม่รู้เรื่องรึไง” ยิ่งพูดก็ยิ่งร้องออกมาน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย เชี้ยะจะไหลทำไมนักหนาวะ

“หยุดร้อง แล้วมานั่งคุยกันดีๆ ก่อน กูมีเรื่องจะถามจะคุยให้รู้เรื่อง” เขาพูดเหมือนกับเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น เขาไม่หัวใจบ้างเลยรึไงนะ

“ไม่คุย ไม่อะไรทั้งนั้น..ฮึก ปล่อยสิวะ..ไอ้ อุ๊บ-x- “คำพูดของผมเสียงร้องของผม ถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากของเขาที่ประกบลงมาเขาจูบผม ผมดิ้นทันทีไม่ยอมหรอก ไม่ยอมให้ปากร้ายๆ นั่นมาล่วงเกินผมอีกทั้งคำพูดและการกระทำ ออกแรงผลักจาอีกคนกระเด็นไปไกลถึงที่นอน

“แฮกๆ อย่าได้มาแตะต้องตัวผมอีก” ตะโกนใส่เขาแล้ววิ่งออกมาทันที

“เพียว โอ้ยย บ้าเอ้ย ทำไมแรงเยอะแบบนี้วะ” ร่างสูงขอปีมงคล พยุงตัวลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมกับสบถออกมา

“ไอ้มนุษย์ตัวร้าย หน็อยบังอาจมาจูบเรา คอยดูนะ ไอ้เพียวจะเอาคืนให้สาสมเลย” โมโหเลือดขึ้นหน้าเลยครับ อยู่ดีๆ มาจูบคิดว่าชอบเหรอ เหอะ ด่ากันดูถูกกันสารพัดคิดจะปลอบด้วยจูบง่อยๆ แบบนั้นนะเหรอฝันไปเถอะ ไอ้เพียวผู้นี้เอาศักดิ์ศรียักษ์เป็นประกันเลย ว่าถ้าไม่ได้เห็นน้ำตาของไอ้ปีมงคล อย่ามาเรียกกูว่าไอ้เพียว

“พี่เพียว พี่หายไปไหนมา” ทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องนั้นไวมันก็พุ่งพรวดมาหาผม ปากมันบวมเจ่อ

“ห๊ะ เอ่อ ไปค้างห้องเพื่อนมา แล้วปากมึงไปโดนอะไรมา บวมเชียว” ไวมันรีบจับปากตัวเองแล้วบ่นงึมงำของมันไปเรื่อยได้ยินอะไรเขื่อนๆ นี่แหละ ก่อนมันจะเปลี่ยนเรื่องมาคุยเรื่องผมต่อ

“พี่ไปไหนมาเมื่อคืนรู้เปล่าตอนพี่ปีกลับมาเขาเหมือนคนบ้าเลย”

“เหรอ ช่างเขาสิไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่สักหน่อย” ผมบอกมันไปแบบนั้น ไวมันก็ทำหน้างงๆ

“ทะเลาะกันเหรอ”

“ป่าว คนอื่นไปไหนกันหมด” ตอนนี้มันก็เกือบๆ จะแปดโมงเช้าแล้ว หันมองไปรอบๆ ไม่เจอใคร

“พี่ธารพาพี่ภูไปหาข้าวกิน ส่วนเอ่อ ไอ้พี่เขื่อน นอนตายอยู่ในห้องนู้น” มันทำหน้าแปลกๆ ตอนพูดถึงไอ้เขื่อน

“เมื่อกี้ยังเสียงดังโวยวายอยู่เลย” -*-

“คือพี่มาดูเองดีกว่า” มันลากผมเข้าไปในห้องของมัน พอมาถึงถึงได้เข้าใจคำว่านอนตายอยู่ คือนอนนิ่งอยู่บนพื้นข้างๆ ตัวมีตุ๊กตาช้างที่ทำจากไม้วางอยู่

“เชี้ยะ ไอ้เขื่อน” ตกใจจนอุทานออกมาเสียงดัง

“ก็ไวจะออกมาตามพี่พอดี..คือว่า ผมไม่ได้ตั้งใจนะพี่ พี่เขื่อนเขาจะปล้ำไว ก็เลย”

“เอาช้างฟาดหัวกู” ไอ้เขื่อนมันลืมตาขึ้นมาแล้วชี้หน้าคาดโทษเด็กน้อยของมัน

“ก็พี่เขื่อนทำอะไรผมละ”

“มอนิ่งคิสไง” ผมหันไปมองหน้ามันทันที

“ห่า สมน้ำหน้า หาเรื่อง”

ป๊าบบ ตบซ้ำรอยเดิมแม่งนี่แหละ ห่า ลามกฉิบหาย

“โอ้ย เชียะเพียวตบกูทำไม”

“บังอาจมาจูบน้องกู ห่า ลามกวะมึงอะ” ด่ามันเสร็จก็ลากไวมันออกมาด้วย แต่มันกลับโดนไอ้เขื่อนหื่นกามกระชากกลับ พร้อมกับมองมันตาดุ

“จะหนีไปไหนมารับผิดชอบหัวกูเลย ห่าเอ้ย แตกไหมเนี้ยะ” มันลุกขึ้นแล้วลากไวมันไปที่ห้องนั่งเล่น

              เดินออกมาข้างนอกอีกครั้งเพราะความหิว ไอ้คุณปีมันยังไม่ออกมาจากห้อง ผมเลยไม่รู้จะไปไหน อาหารเช้าจากทางโรงแรมเขาเอามาให้แล้ว ผมเลยนั่งกิน ที่นี่เสิร์ฟเป็นอเมริกันเบรกฟัส พร้อมกับกาแฟและนมดูหรูหรา นั่งกินตรงโต๊ะกลมหน้าห้อง กินจนหมดแล้วเดินย่อย รอเวลาลงเล่นน้ำ ไม่นานภูมันก็กลับมาพร้อมน้ำเต้าหู้ร้อนๆ หลายถุง มีขนมครกติดมือมาด้วยอีกสองถุง กลิ่นหอมใบตองลอยมาแต่ไกล สองคนนั้นเดินจูงมือกันเข้ามา แบบนี้คือตกลงปลงใจกันแล้ว หรืออะไร ผมมองเพื่อนตัวเองด้วยสายตาที่ยากจะอธิบายมันเกิดความรู้สึกหลายอย่าง มันคงไม่รู้ว่าผมรุ้อะไรมาบ้างมันคงคิดว่าผมคงหวงมันเป็นธรรมดาเพราะมันกับไอ้ผีบ้าพึ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานแค่เดือนกว่าๆ เองมั้ง ธารสบตากับผมแวบหนึ่งมันไม่ปล่อยมือเพื่อนผมเลย

“เพียวตื่นนานยัง นี่กูซื้อขนมมาฝาก คุณปีตื่นยัง” มันถามพร้อมกับเดินมานั่งข้างๆ ธารเดินไปหยิบอาหารหน้าห้องมานั่งกิน ด้วยความหิว พอพูดถึงก็โผล่หัวออกมาตายยากฉิบหาย สะบัดหน้าใส่เขาแล้วลุกหนี ไม่อยากเห็นหน้าเล่นเอาสองคนนั้นมองหน้ากันงงๆ

“ทะเลาะกันเหรอ” ทำไมต้องถามเหมือนผมกับเขาเป็นแฟนที่กำลังทะเลาะกัน ผมไม่ตอบแต่เดินเลี่ยงออกมา

“เดี๋ยวสิ” เขาจับมือผมแล้วดึงให้นั่งลงที่เดิม

“มีอะไร” ผมตะคอกถามบิดข้อมือออกจากการจับกุมของเขา

“นั้งกินด้วยกันก่อน”

“ไม่ อิ่มแล้ว กินไปคนเดียวสิ” พวกเราคงจะเหมือนพ่อแง่แม่งอนมาก สองคนนั้นถึงได้อมยิ้มใส่ผม

“สองคนนี้ทะเลาะกันเหมือนเป็นผัวเมียกันเลยเนอะ” คำพูดลอยจากไอ้ผีพรายมันทำให้ผมชะงัก

“เหอะใครจะไปอยากเป็นผัวเป็นเมียกับคนบ้า ปล่อยผม!! หันไปพูดตอบไอ้ผีหน้าด้านนั่นแล้วหันไปตะคอกใส่อีกคน เจ็บแล้วนะเว้ย บิดจนข้อมือแดงไปหมด แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย

“มึงก็นั่งกินเป็นเพื่อนกุก่อนสิ” ใช้ทั้งสายตาและน้ำเสียขู่บังคับผม

“ไม่ นัดพี่ทศไว้ ปล่อยสิ” ออกแรงสะบัดทีเดียวหลุด แล้วลุกจากเก้าอี้

“มันอีกแล้วเหรอ ขาดกันสักวินาทีมันจะตายเลยไหม กุบอกให้นั่งลง” จู่ๆ เขาก็ตวาดกลับมาเสียงดังจนผมกับสองคู่รักประหลาดสะดุ้งแรง

“จะมาบังคับกันได้ยังไงวะ ไอ้โรคจิต” ผมเองก็แรงไม่แพ้เขา “ทำไมชอบทำอะไรที่คนอื่นเขาไม่เข้าใจด้วย เดี๋ยวบังคับ เดี๋ยวไล่ เดี๋ยวด่า เดี๋ยวก็ทำดีด้วย เป็นไพโบล่ารึไงวะ” ตะคอกใส่เขาไม่หยุด โมโหจนท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ แถมยังมีสายฟ้าแลบออกมาด้วย

“ใจเย็นสิครับคุณเวรัมภ์” เสียงธารเอ่ยเตือนผม เขาจับไหล่ผมเบาๆ เหมือนจะทำให้ผมใจเย็นลง

“เพียวมึงใจเย็นดิวะ...คุณปีเขาเป็นพี่พวกเรานะ”

“พี่เหรอ กูไม่เคยมีพี่ปากหมาแบบนี้” เหมือนทุกอย่างมันจะเลวร้ายลงกว่าเดิม จู่ๆ พี่ทศก็โผล่มา เขาเดินมาหาผมแล้วโอบไหล่ผมเอาไว้แล้วบีบเบาๆ

“ผมมารับเพียวไปทานข้าวเช้านะครับ” พี่ทศเอ่ยเสียงนุ่ม แต่นั่นกลับทำให้อีกคนหน้าบึ้งยิ่งกว่าเก่า

“ทำไมเด็กนี่ต้องไปกับคุณด้วยไม่ทราบ”

“ก็..”

“คุณจะพาเด็กนี่ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เขาต้องอยู่กับผมทั้งวัน”

“ไม่มีเหตุผลอะที่ผมจะต้องอยู่กับคุณทั้งวัน”

“แต่มึงพาพวกเขามาเที่ยวนะ จะทิ้งกันไปง่ายๆ แบบนี้นะเหรอ”

“ถูกของคุณปีเขานะเพียว พี่ว่าเรากินอาหารเช้าที่นี่ก็ได้ เราจะได้อยู่กับเพื่อนๆ ด้วยไง ไหนว่าอยากเล่นน้ำไงครับ หืมม” พี่ทศพยายามไกล่เกลี่ยไม่ให้ผมทะเลาะกับพี่ปีไปมากกว่านี้ เขาลูบหัวผมเบาๆ

“แต่เพียวไม่อยาก...”

“เพียว อย่าดื้อนะครับ โตแล้ว เราต้องมีเหตุผล” พี่ทศพูดบอกเสียงนุ่ม นี่ผมต้องทนนั่งร่วมตะกับคนนิสัยไม่ดีเหรอ

“ก็ได้ครับ ชิ” ตอบที่ทศแล้วสะบักบ๊อบใส่อีกคนที่กำลังแยกเขี้ยวใส่ผม นั่งลงที่เก้าอีกตัวเดิมข้างๆ พี่อย่างจำใจ พี่ทศนั่งลงข้างๆ ผม พร้อมกับโทรสั่งอาหารจากทางโรงแรมมาอีกสองที่ จะบอกว่ากินแล้วก็กลัวเสียฟรอม เลยตามเลย หยิบเอาขนมครกที่ภูมันซื้อขึ้นมากิน อร่อยดีหวานๆ เค็มๆ นั่งรอไม่นานอาหารแบบเดียวกับที่ผมกินก่อนหน้านี้ก็มาอยู่ตรงหน้า นั่งมองมันนิดๆ ขืนยัดลงไปอีกมีอ้วกรับยามเช้าแน่ แต่ก็ต้องละเมียดกินไปเรื่อยๆ พี่ปีนั่งจ้องผมไม่วางตา มีแอบไปมองค้อนใส่พี่ทศด้วย

“เดี๋ยวสักสิบโมงไปเล่นน้ำกัน” ภูเอ่ยชวน

“เอาดิ ความจริงลงน้ำตอนนี้เลยก็ได้นะเว้ย อากาศกำลังดีเลย”

“ดีดิเมฆครึ้มไม่มีแดดแบบนี้” พี่ทศประชด แถมกระซิบว่า” ใครแถวนี้ทำก็ไม่รู้” เออ กูเอง กูทำเอง แหม่เดี๋ยวตีปากแตก

แล้วบทสนทนาก็จบลง เกิดความเงียบอีกครั้ง เรารอพี่ทศทานอาหารเสร็จ ก็แยกย้าย พี่ทศบอกว่ามีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อย

“เพียว..” เมื่อทุกคนแยกย้ายจึงเหลือแค่ผมกับเขาที่นั่งอยู่ตรงนั้นแต่ทำเป็นไม่สนใจกันและกัน ต่างคนต่างไม่พูด จนเขาเรียกชื่อผม

“....”

“คุยกันหน่อย”

“....”

“ไม่อยากทะเลาะด้วย”

“....”

“ขอโทษนะ” รู้สึกเฉยๆ จนกระทั่งเขาเอ่ยคำขอโทษออกมา บอกตามตรงใจสั่นมากแต่ยังไม่อยากยอมรับ เขาทำร้ายจิตใจผมก่อน เพราะฉะนั้นมันเร็วเกินไปที่จะให้อภัยเขาง่ายๆ

“......”

“เพียว กูขอโทษ กูรู้ว่ากูพูดแรงไป ก็ตอนนั้น ภาพมันชวนให้คิด”

“แล้วทำไมไม่ถาม สมองคิดได้แต่เรื่องแบบนั้นเหรอ หรือไม่เคยนึกถึงจิตใจคนอื่น” ผมว่า

“ก็ตอนนั้นมัน รู้สึกโมโหที่มึงมากับไอ้..เอ่อ นายทศนั่น มันไม่น่าไว้ใจ มันอาจจะคิดไม่ดีกับมึงก็ได้ใครจะไปรู้”

“แล้วมันเป็นอะไรที่จะต้องไปโกรธพี่ทศ ผมรู้จักพี่ทศมาก่อนคุณอีกนะ คุณต่างหากที่ไม่น่าไว้ใจ พี่ทศไม่เคยล่วงเกินผมสักครั้ง มีแต่คุณที่ทำอะไรไม่เกรงใจผม”

“ไม่เคย ล่วงเกิน เลยเหรอ” น้ำเสียงของเขาเหมือนจะตกใจนิดๆ กับคำพูดของผม แล้วเขาก็ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ แอบเห็นมุมปากเขากระตุกยิ้มด้วย

“เออ มีแต่พี่ ที่ทำแต่เรื่องบัดสี” นั่งกอดอกตัวเอง แล้วแกล้งมองออกไปด้านนอกชายหาด น้ำทะเลสีฟ้าคราม สวยมาก

“กูก็ทำแค่กับมึงป่าววะ”

“แล้วเรื่องอะไรพี่ต้องมาทำแบบนั้นกับผมละ แฟนก็ไม่ใช่ “

“เออ น่า ว่าแต่ว่าดีกันนะ” เขายื่นนิ้วก้อยออกมา ผมมองแต่ไม่ยอมเกี่ยวก้อยด้วย

“ไม่เอาหรอก”

“ถ้างั้นต้องทำยังไงมึงถึงจะหายโกรธ” นี่เขากำลังง้อผมอย่างนั้นเหรอ แอบเห็นริ้ว แดงๆ ขึ้นที่แก้มขาวๆ ของเขาด้วย

“เลิกปากหมากับผม เลิกตอแยผม เลิกยุ่งกับผม แค่นี้แหละ” พี่ปีคิ้วขมวดเข้าหากันแทบจะทันทีที่ได้ฟังข้อเสนอของผม

“กูทำไมได้”

“ก็แค่ทำเหมือนเมื่อก่อนตอนที่เรายังไม่รู้จักกัน”

“แต่ตอนนี้เรารู้จักกันแล้ว กูคงทำแบบนั้นไม่ได้มึงเองก็ด้วย”

“ผมทำได้” ยืนยันหนักแน่น เขาแค่นยิ้มให้แล้วลุกหนีผมไปเลย ผมเองก็ลุกเดินออกไปเช่นกัน

+++++

10.30น

ไวเป็นคนแรกที่ได้สัมผัสน้ำทะเล พอบอกว่าเล่นน้ำกันมันก็พุ่งตัวออกจากที่พัก มาสนไม่รอใครทั้งนั้น วิ่งออกไปพร้อมกับห่วงยาง ปลาโลมาของมันที่มันดื้อจะซื้อมาให้ได้ คนจ่ายตังก็คงไม่พ้นไอ้เขื่อน เอ่ยปากจะจีบเค้าก็คงต้องเปย์กันอีกเยอะ ผมเดินช้าๆ ออกไปที่ชายหาดโดยมีพี่ปีเดินตามหลัง แล้วก็คู่รักพิศดาล ปิดท้ายด้วยไอ้เขื่อน ท้องฟ้ายังไม่สดใสเท่าไหร่ มันอาจจะเป็นเพราะอารมณ์ของผมด้วยที่ยังคงแปรปรวนอยู่ ทุกคนดูจะไม่ค่อยเอ็นจอยเท่าไหร่เพราะผมกำลังอยู่ในโหมดอึมครึม เว้นแต่หนูน้อยไวไว ที่ยังมั่นคงในอุดมการณ์ โลกสวยด้วยยิ้มอยู่ มันยิ้มได้ทุกสถานการณ์ เปลี่ยนเรื่องเศร้าให้เป็นเรื่องตลกได้ในไม่กี่นาที ต้องขอบคุณมันที่ยังพอทำให้ผมยิ้มออกมาได้บ้าง พี่ปีคอยตามติดผมอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเล่นอะไรไปที่ไหน ผมเดินหนีไปยังเขตน้ำลึก พี่ปีชะงักไปนิดดูเหมือนเขาจะไม่ชอบน้ำที่ลึกเกินไป ผมเห็นแบบนั้นเลยว่ายออกไปอีก ส่วนพวกที่เหลือไม่ด้สนใจผมนักเพราะกำลังสนุกกับการเล่นน้ำอยู่ อยากอยู่แบบสงบๆ

“พะ เพียว ลึกไปแล้วกลับมานี่” ผมทำเป็นไม่สนใจเสียงของเขา ยังว่ายออกเรื่อยๆ จนคิดว่าน่าจะพอแล้ว นอนลอยคอ แหงนหน้ามองท้องฟ้า

หมับ !!

“มันลึก กลับเข้าฝั่งเถอะ”

“พี่ก็กลับไปสิจะมายุ่งอะไรกับผมละ”

“กลับไปด้วยกัน” เขาบอกเสียงเข้มดึงตัวผมเข้าไปกอด เนื้อตัวเราสัมผัสกันใต้น้ำ มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ และหัวใจผมก็เต้นแรงมากด้วย

“ไม่”

“เพียว” ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวจะลอยออกไปเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งกอดผมแน่นขึ้น ตอนนี้หน้าเราชิดกันปลายจมูกติดกัน ตัวเขาสั่นด้วย

“พี่กลัวเหรอ” อยากจะหัวเราะนะแต่คิดว่าผมยังโกรธเขาอยุ่เลยกลั้นขำเอาไว้ เพราะเขาพยักหน้าตอบผม

“แต่ผมไม่กลัว” ออกแรงผลักเขาออกไปไกลจากตัว ใบหน้าหล่อๆ ของเขาซีดดูเหมือนจะช็อกเพราะผมผลักเขาไกลออกไปจากฝังมากกว่าเดิม ตอนแรกก้สะใจอยู่หรอก แต่ ว่า ตอนนี้ชักจะสงสาร ตัวเขาสั่นมากๆ แต่ว่า จู่ๆ เขาก็นิ่งแล้วจมลงก้นทะเลต่อหน้าต่อตาผม

“เห้ยย พี่ปี” ผมร้องด้วยความตกใจ ไม่มีใครอยู่ใกล้ผมเลย พวกนั้นก็เล่นกันจนไม่เห็นผมแล้ว ผมดำลงไปใต้น้ำทันที สิ่งที่เห็นคือเขาพยายามตะเกียกตะกายอยู่ใต้น้ำ เหมือนคนขาตาย ขาของเขาไม่ตีน้ำ ผมรีบพุ่งไปหา ยังไม่ทันจะถึงตัวเขาก็แน่นิ่ง พอถึงตัวผมก็เขย่าเขา ไม่มีทางอื่นแล้ว ผมเอาอากาศที่ตัวเองมีอยู่ ส่งต่อให้เขา ปากผมประกบกับปากของเขาแล้วปล่อยอากาศไปให้เขา กอดเขาไว้แน่นแล้วดันตัวให้โผล่พ้นน้ำขึ้นมา เขายังไม่ได้สติผมรีบพาเขาขึ้นมาบนฝั่ง ทุกคนที่เห็นต่างตกใจและรีบมาดู ผมก้มลงผายปอดให้เข้า ทันที

“พี่ปี พี่ อย่ามาตายง่ายๆ แบบนี้นะเว้ย” ผมปั๊มหัวใจพร้อมกับพูดไปด้วย ตอนนี้ผมกลัวจริงๆ กลัวว่าจะเสียเขาไป

“....”

“ไอ้เพียวมันเกิดอะไรขึ้น” ผมไม่มีเวลามาตอบคำถามไปเขื่อน ไวมันโทรเรียกรถพยาบาลด้วยอาการร้อนรน

“พี่ปี..พี่” ผมไม่สามารถชุบชีวิตใครได้ หรือห้ามไม่ให้ใครตายได้ ปั๊มหัวใจกันอยู่ไม่นานพี่ปีก็มีอาการตอบสนอง

“แคกๆ ๆ” เขาสำลักน้ำออกมา ผมร้องไห้ออกมาทันที ถ้าเขาเป็นอะไรไป ผมคงเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ

“พี่ปี พี่ได้ยินผมไหม ไอ้ไวรถพยาบาลมารึยัง” หันไปถามไวมันเสียงดัง

“กำลังมาแล้วพี่”

“พี่ปี อย่าหลับนะ อยู่กับผมก่อน” ตบหน้าเขาเบาๆ เพื่อให้เขาได้สติ

“พะ..พี่สาว..พี่..แคกๆ ...” เขาจับมือผมไว้แน่น นี่เขาเพ้ออะไร ใครพี่สาวกัน

“พี่ปี” เรียกชื่อเขาอีกครั้ง

“หะ..หาเจอจนได้” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาพูดออกมา ก่อนที่จะหมดสติไป พร้อมๆ กับหน่วยกู้ชีพมาถึง พี่ปีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ผมรีบกระโดดขึ้นรถพยาบาลไปด้วย ส่วนพวกที่เหลือให้ตามไปทีหลัง ผมจับมือเขาไว้ตลอดทาง น้ำตามันไหลออกมาไม่หยุด ผมเกือบทำให้เขาตายแล้ว ให้ตายสิ รู้สึกผิดจนลืมว่าโกรธอีกคนมาแค่ไหน..

“ฮึก....ขอโทษนะครับพี่ปี” ก้มหน้าลงซบกับฝ่ามือเย็นๆ ของเขาจนมาถึงโรงพยาบาล ก่อนที่บุรุษพยาบาลจะพาเขาเข้าห้องฉุกเฉิน

+++++++++++++++++++++++++++++

มีหลายคนเดาถูกเรื่องพี่ปีด้วยนะ ฮ่าๆๆ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นนะคะ

จะพยายามอัพบ่อยๆนะ





[/pre]




ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จำได้แล้วก็รีบทำดีกับยักษ์น้อยเสียนะ ชักช้าระวังไม่ทันการณ์

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด