อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 12
นั่งเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอได้ไม่นานหรอกครับ มันหนาว นั่งนานจนฝนหยุดตกแต่ก็ยังทำใจกลับไปเจอหน้าไอ้พี่ปีนั่นไม่ได้อยู่ดี เลยเดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าตัวเองเดินเหม่อมาไกลจากที่พักพอสมควร และกำลังจะหันหลังกลับ
ตุบ!!
“อุย ขอโทษครับ” หันไปชนกับใครก็ไม่รู้ เพราะมันเป็นระยะที่กระชั้นชิด จมูกโด่งชนเข้ากับแผงอกเต็มๆ เจ็บนะแต่ตกใจมากกว่า
“อ่า..ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มดีจัง ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา
“*0*”
“เพียว!! ”
“พี่ทศ” ไม่คิดว่าจะเจอเผ่าพันธุ์เดียวกันที่นี่ พี่ทศลักษณ์ เป็นยักษ์รุ่นพี่ เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทแม่
“เป็นไงมาไงเนี่ยะ ดีใจจังที่เจอ”
“คึคึคึ คิดถึงผมอะดิ”
“อืมคิดถึงสิ” พี่เขายกมือขึ้นยีหัวผมเหมือนที่ชอบทำตอนผมเด็กๆ คือเด็กในอายุของยักษ์นะครับ
“ผมก็คิดถึงพี่เหมือนกัน ไม่เจอนานมากกก”
“พี่ย้ายบ้านบ่อย พ่อแม่พี่เค้าก็ทิ้งพี่ไปอยู่ที่อื่นกันหมดและ” เราเดินคุยกันไปครับ ลืมเรื่องกลับที่พักกันเลยทีเดียว ไม่ได้เจอพี่ทศนานมาก ถามจนรู้ว่าเขากำลังทำร้านเหล้าเป็นรายได้เสริม รายได้หลักคืออาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย ดูไม่เหมาะกับลุคแบดๆของพี่มันเลย
“ผมก็โดนเท เหมือนกันพี่ นี่ก็พึ่งย้ายบ้านมาได้เก้าเดือนละ แล้วพี่อยู่ที่ไหนอะ”
"แถว xxxนะ”
“โหยใกล้ๆ กันเลยผมอยู่ที่xxx ว่างๆ พี่ก็ไปหาผมบ้างสิ”
“ได้พี่ไปแน่ ว่าแต่เรามาคนเดียวเหรอ”
“ฮะ เออ คือ มากับน้องกับเพื่อนอะ พี่ละ”
“มาคนเดียว คนโสดก็งี้แหละ แล้วเรามีแฟนรึยัง”
“โห่ ดูหน้าน้องด้วย หล่อๆ แบบนี้” เก๊กหน้าหล่อให้พี่ทศดูเป็นตัวอย่าง
“มีแฟนแล้ว?”
“มีกับผีอะไรละ ฮ่าๆ พี่ก็รู้ว่าแบบเราไม่คนรักจะดีกว่า” พูดแล้วก็เศร้าครับ
“มีแบบที่เป็นเหมือนเราไงเพียว จะไปยากอะไร” จริงของพี่ทศมีแฟนเป็นยักษ์จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าคนรักตัวเองจะตาย
“เออวะ พี่นี่ฉลาดเหมือนกันเนอะ”
“-*- นี่คือชม”
“ชมสิคร๊าบบ”
เดินคุยกันจนหายคิดถึง พอมารู้ตัวก็เดินมาถึงที่พักแล้ว และพี่ทศกับพักที่เดียวกับผมแต่ของพี่เขาพักบนตึกสูงๆ เราแยกกันตรงหน้าโรงแรม ไม่ลืมที่จะแลกเบอร์กันไว้ด้วย กลับเข้ามาที่ห้องไอ้คนที่ผมไม่อยากเจอเขาก็ไม่อยู่แล้ว เลยรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย เพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไงเวลาเจอเขาเหมือนกัน ผมเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดผมอยู่บนที่นอน
ก็อกๆ
“พี่เพียว ผมเข้าไปนะ” เสียงของไวรัลดังอยู่หน้าประตูผมยกยิ้มนิดๆ เพราะคิดว่าไวมันคงจะหนีไอ้เขื่อนมาหาผมแน่ๆ
“เออ เข้ามา” พอผมอนุญาตมันก็เปิดประตูเข้ามาใบหน้าหวานๆ ของมันบูดบึ้งจนดูตลก
“เป็นไรอีกละ”
“เพื่อนพี่อะโรคจิตวะ”
“หืม....ยังไง” ไอ้เขื่อนผู้เข้มขรึมนะเหรอจะกลายเป็นคนโรคจิต
“พี่มันไล่ปล้ำจูบผม” หัวคิ้วมันผูกเป็นปมเลยครับแถมยังเอามือถูปากตัวเองอีก แบบนี้แสดง ว่า....
“มันคงเห็นว่ามึงน่ารักแหละมั้ง ปรกติมันไม่เคยทำแบบนี้กับใครนะ”
“-///- ระ เหรออ แต่ว่าสีหน้าพี่เขื่อนดูโรคจิตมากอะ ผมกลัวพี่เพียว พี่เพียวสลับห้องกับผมได้ไหมอะ” มันทำหน้าอ้อนๆ คงจะกลัวไอ้เขื่อนจริงๆ ไอ้บ้านั่นก็ไม่รู้คิดอะไรอยู่
“แล้วเราเชื่อใจพี่ปีเขาเหรอ” มันพยักหน้ารับ
“มากๆ”
“เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปเก็บของก่อน” ดีเหมือนเพราะผมเองก็ลำบากใจที่จะอยู่ร่วมห้องกับเขาเหมือนกัน ผมเดินไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ส่วนของใช้ยังไม่ได้เอาออกมา ลากกระเป๋าตัวเองออกมาจากห้อง ก็เจอเขากำลังเดินเข้ามา ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วยุ่ง
“จะไปไหน” สะดุ้งเล็กน้อยกำน้ำเสียงกึ่งตะคอกของเขา นี่ไปกินรังแตนที่ไหนมาอีกละ
“แลกห้องกับไว หลีกผมจะเอาของไปเก็บ” พยายามจะมาสบตากับเขากลัวใจตัวเอง เดินหลบเขามาอีกด้าน แต่ก็โดนคว้าเอาไว้
“ทำไมต้องแลก”
“เอ่อ พี่ปีครับ ไวขอแลกเอง ไวกลัวพี่เขื่อน” เสียงสวรรค์ดังขึ้นช่วยผมไว้ ไวมันยิ้มเจื่อนๆ แล้วช่วยเอากระเป๋าผมไปไว้ที่ห้องของมันซึ่งอยู่บ้านข้างๆ กัน ผมเลยได้โอกาสหนีออกมา ผมได้ยินเสียงหายใจฟึดฟัดเหมือนวัวที่กำลังโมโหจากเขา เดินออกไปที่บ้านพักของไว ไอ้เขื่อนพาภูผาไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เห็นว่าไอ้ผีพรายมัน ป่วย เหอๆ มันคงอ่อนแรงมากกว่า ภูมันเลยต้องไปซื้อของกินมาเซ่นไหว้ ดีไม่ดีมันอาจจะแวะทำบุญให้ไอ้ผีขี้อ่อยด้วย เหอะสำออยละสิไม่ว่า ไม่ได้อคตินะ นี่ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ
จัดแจงย้ายของเข้าที่ แล้วนอนแผ่บนที่นอน ด้านฝั่งซ้าย ฝั่งขวาไอ้เขื่อนมันจองแล้ว นอนพักสายตาได้ไม่นานก็ต้องตื่นเพราะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ไอ้ภูมันสั่งของทะเลจากร้านใกล้ๆ โรงแรมมากินครับ ตั้งเตากันตรงชายหาด ที่โรงแรมมีบริการโต๊ะเก้าอี้ให้พร้อมเตาปิ้งย่าง ความจริงเราต้องสั่งจากทางโรงแรมเท่านั้นแต่มันแพงไง เลยสั่งจากร้านตามชายหาดมา ตอนที่หิ้วมาไว้โดนไอ้พี่ปีมันมองแรงจิกตาใส่ด้วย แต่ไม่กลัวหรอกครับ หึ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปผมจะไม่สนใจเขาแล้ว เลิก!!!
“เพียวมึงกินหอยหวานไหมกูจะได้ย่างให้” ไอ้ภูครับมันกำลังทำหน้าเป็นคนย่างของทะเลให้มีไอ้ธารยืนประกบไม่ห่างทำตัวเหมือนปลิงเข้าไปทุกที
“กิน เอามาเยอะๆ กุ้งด้วย”
“ไอ้ภูย่างหอยให้น้องไวกูด้วย” เสียงทะเล้นดังมาจากด้านหลังของผมไอ้เขื่อนเดินมาพร้อมกับไว พวกมันไปซื้อน้ำพร้อมสุราของโปรดพวกผมจากร้านสะดวกซื้อ
“อ่าวแล้วพี่ปีละครับ” จะไปถามถึงมันทำไมวะ ผมหันไปมองได้เด็กพม่าเสินเจิ้นแล้วกลอกตาใส่
“เห็นบอกว่าจะไปเคลียงานนะ ให้พวกเรากินก่อนเลยไม่ต้องรอ” ไอ้ธารมันตอบแทน ไอ้นี่ดูท่าจะเป็นมิตรกับทุกคนดี ยกเว้นผมที่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไรๆ หึหึหึ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าพวกมันรู้ว่าทริปนี้มีผีมาด้วยมันจะเป็นยังไง ผมนั่งแกะหอยที่ภูมันย่างให้แล้วเคี้ยวเข้าปาก อย่างเอร็ดอร่อย ไม่นานไอ้น้ำที่เรียกว่าสุราก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้า กระดกทีเดียวหมดแก้วถือเป็นการเบิกฤก นั่งกินได้สักพักไอ้พี่ปีมันก็เดินหน้ายุ่งกลับมาสงสัยงานจะมีปัญหามั่ง แต่ก็ช่างแม่งมันไม่ใช่เรื่องผมอยู่แล้ว กินไปชมวิวไป คุยกับเพื่อนๆ ไป จนมาสะดุดเข้ากับร่างสูงๆ หน้าตาหล่อของใครบางคน ที่เดินมาทางผม
“พี่ทศ”
“เสียงยานขนาดนี้เมาแล้วเหรอครับคนเก่ง” พี่ทศครับเดินมาหาผมที่โต๊ะพี่แกสาดยิ้มกว้างไปทั่วๆ เหมือนทักทาย
“ไม่มาววว เพียวไม่เคยมาวว เน่ ทุกคน คนนี้ชื่อพี่ทศ เป็น อึก...”
“คู่หมั้น...หึหึหึ” เสียงพี่ทศตอบก่อนที่ผมจะพูด
“หืมม พี่ นี่ยังไม่เลิกล้อผมเรื่องนั้นอีกเหรอ คึคึคึ เรื่องมานนานนนนนนมากเลยนะ”ลากเสียงยาวๆใส่เขาแล้วยิ้มตาหยี เกาะเกี่ยวเเขนพี่ทศไว้เป็นที่ยึด
“ก็เราเมาทีไรโมเมหาว่าพี่เป็นคู่หมั้นทุกที” พี่ทศเดินมานั่งยองๆ ด้านหน้าผมแล้วเชยปลายคางผมขึ้นมาให้สบตา
“ใช่เหรออ ไม่เห็นจำได้เลย คึคึ” เคยเป็นครับเมื่อสมัยตอนอายุสิบห้า พ่อแม่เรานึกเล่นพิเรนทร์อะไรไม่รู้บอกจะให้หมั้นกัน ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไร เวลาใครถามว่าพี่ทศเป็นใครก็ตอบว่าเป็นคู่หมั้นหมด เพราะว่าเวลาที่ผมพูดแบบนั้นพี่ทศเขาจะเขินจนหน้าแดง แล้วมันตลกดี
“เอ่อ พี่ทศ เป็นคู่หมั้นมันจริงๆ เหรอครับ” ภูคงสงสัยแหละครับถึงได้ถามออกไป
“ไม่รู้สิครับถามเขาเองก็แล้วกัน ...แล้วพักกันกี่วันครับเนี้ยะผมพักอยู่ในตัวตึก”
“สามสี่วันจะถามทำไม” เสียงเข้มๆ ของพี่ปีถามออกมาเหมือนคนไม่มีมารยาทใช้น้ำเสียงได้น่าถีบมากคนเขาถามดีๆ ทำไมต้องกระชากเสียงใส่ด้วย
“ก็กะว่าจะมาจอยกลุ่มด้วย พอดีผมมาคนเดียว” พี่ทศบอกเสียงนุ่มๆ ตามแบบของเขา
“ไม่ว่างกลุ่มเต็ม” อะไรของเขาวะ เต็มตรงไหนคนเยอะๆ ถึงจะสนุก
“ไม่เต็มพี่ทศ มาเลย มานั่งกับเพียว เพียวเหง้า เหงาอยากมีเพื่อนคุย” ผมถึงให้พี่ทศนั่งข้างๆ ผม พร้อมกับตักเอากุ้งกับหอยให้เขา
“พี่ว่าไม่น่าจะไหวแล้วนะ นอนไหม”
“คึคึไม่ ยังไหว พี่กินเลยๆ ของอร่อยทั้งนั้น” หันหาแก้วเหล้าตัวเอง ความจริงมันต้องวางไว้ตรงหน้าผมไม่ใช่เหรอแล้วมันหายไปไหนวะ หันไปมองคนข้างๆ อ่าวไอ้พี่บ้านี่มันมานั่งข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมในมือมันยังถือแก้วเหล้าผมด้วย
“เอาคืนมา” ผมกดเสียงลงต่ำบอกให้เขาคืนแก้วเหล้าของผม
“พอแล้ว เมามากแล้วมึงอะ” ทำเสียงดุใส่พร้อมกับดึงตัวผมให้ไปซบไหล่เขา แต่ผมขืนตัวเอาไว้ ไม่อยากเข้าใกล้ เหม็นขี้หน้ามากตอนนี้บอกเลย นี่ถ้าไม่เกรงใจจะอ้วกใส่หน้าพี่มันแม่ง เห็นหน้าเขาแล้วมันรู้สึกจี๊ดๆในใจวะ
“อย่าดื้อดิวะ”เขาดึงแขนผมไว้ไม่ให้ไปซบพี่ทศ ทำเหมือนหวง เหมือนให้ความหวังกูเลย แต่ผมมันเจ็บแล้วจำเว้ย
“เอาแก้วผมคืนมา แล้วอย่าเข้าใกล้ผมนะ เหม็นขี้หน้าไอ้พวกขี้ตอแหล” ชี้นิ้วใส่เขาแถมด่าเขาอีก
“เพียวทำไมพูดจาไม่เพราะ” พี่ทศดุผมเสียงเข้ม ผมเลยตวัดสายตางอนๆ ไปให้
“พี่ทศ อึก..ไม่เข้าข้างเพียวเหรอ”ทำเสียงกระเง้ากระงอดกอดแขนพี่มันไว้แน่น
//มึงว่าวันนี้ไอ้เพียวมันดูแปลกๆ ป่าววะ//เขื่อน
//เหมือนงอยผัวแล้วแอบไปซบกิ๊กเลยวะ//ภู
//พี่เขาเมาแล้วมุ้งมิ้งแบบนี้เหรอพี่เขื่อน//ไว
//สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา//ไอ้ผีธาร
“หื้ออ นั่งดีๆ สิครับ เอ่อผมว่าพาเขาไปนอนดีกว่า” พี่ทศยกตัวผมขึ้นแต่มีอีกมือดึงตัวผมไว้
“ไม่เป็นไรเขามากับผมพาเขาไปเอง” พี่ปีดึงตัวผมให้ไปหาเขา
“ไม่ไปกับเขานะ ไม่เอาพี่ทศเพียวไปนอนกับพี่นะๆ เพียวอยากนอนกับพี่ทศ” ผมทำตาอ้อนพร้อมกับถลาไปกอดเอวพี่เขาแน่น ไม่ยอมปล่อย ไม่ไปกับไอ้มนุษย์ใจร้ายหรอกเชอะ ผมหันไปแลบลิ้นใส่ อีกคน ไอ้มนุษย์ใจแคบ ไอ้หลอกลวง
“อ่า...เอาอย่างนั้นเหรอ แล้วเราเดินไหวไหม หรือให้พี่อุ้ม” พี่ทศหันไปมองทุกคนที่มองพวกผมแล้วไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีแต่เสียงดังฟึดๆ ฟัดๆ เหมือนวัวบ้าดังอยู่ข้างๆ
“หวายยย เดินหวาย ไปๆ เค้าง้วงง่วง” ความจริงไม่ได้เมาอะไรขนาดนั้นแค่ไม่อยากนั่งอยู่ตรงนั้นตรงที่มีเขามานั่งด้วย มันอึกอัด มันรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ในอก พี่ทศมาเลยได้โอกาสชิ่ง จะได้ไม่เสียบรรยากาศด้วย
“เอ่อ งั้นผมพาเพียวไปนอนก่อนนะครับ ไว้ตอนเช้าจะเอาเขามาส่ง” พี่ทศบอกแบบนั้นแล้วพยุงผมให้เดินออกมา
“เดี๋ยว คุณพักอยู่ห้องไหน” พี่ปีจับแขนของพี่ทศไว้แล้วถาม ผมรู้สึกถึงรังสีดำๆออกมาจากตัวพี่ปี เขาจ้องตากันแบบอ่านความคิดกันด้วยแต่ผมไม่สนใจหรอก ว่าเขาจะคิดอะไร สนแค่ตัวเองพอ อกหักอยู่เนี่ยะ สนใจตัวเองดีกว่า พูดแล้วก็จะร้องไอ้ห่าเอ้ย แมร่ง ถีบพี่มันสักทีมันจะให้ผมจ่ายค่าที่พักเองไหมวะ ไม่ได้งกนะ แต่กลัวพกตังมาไม่พอ
“7802”พี่ทศตอบเสียงนุ่มๆฟังแล้วเคลิ้ม แต่ทำไมไอ้พี่ปีมันต้องจ้องพี่ผมตาแทบถลนออกมาแบบนั้นละ นี่พาลพี่ผมใช่ไหม เหอะ ไอ้มนุษย์ใจแคบ
“เช้าผมจะไปรับเขาเอง” พูดจบเขาก็ปล่อยให้เรา แต่สายตาที่จ้องผมแบบนั้น จะด่าอะไรผมอีกละ ผมสะบัดหน้าหนี ลากพี่ทศเดินออกมาจากที่ตรงนั้น
“นี่เรากำลังมีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า” พี่ทศถามผม ตอนนี้เรามาอยู่กันที่ห้องพักของพี่ทศแล้วและกำลังนั่งเล่นอยู่บนโซฟารับแขก พี่ทศเดินหยิบน้ำเย็นมาให้ผมดื่ม
“อะไรทำให้พี่คิดแบบนั้น” รับน้ำมาดื่มแล้วถามเขาเสียงกลั้วหัวเราะ
“คิ้วเรานะ มันฟ้อง ดูสิ ชนกันยุ่งเชียยวมีอะไรปรึกษาพี่ได้นะ” น้ำเสียงของที่ทศที่ฟังดูแล้วเป็นห่วงผมจริงๆ พี่เขาเป็นแบบนี้ตลอด เป็นพี่ที่ดี คอยช่วยเหลือผมอยู่ตลอด ผมดีใจนะที่ครอบครัวเราสนิทกัน
“แฮะๆ มันชัดขนาดนั้นเลย” ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้พี่ทศแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ มันรู้สึกเหนื่อยๆ ยังไงไม่รู้ ไม่ใช่ร่างกายนะที่เหนื่อย ใจต่างหาก มันรู้สึกเสียเชล มันรู้สึกแบบว่า มันอธิบายไม่ถูกอะ เอาเป็นว่าผมรู้สึกไม่ดีเอามากๆ ไม่อยากเจอหน้าเขาเลย แต่ผมไม่อยากทำให้ทริบนี้มันกร่อยเพราะผม
“พี่ว่าเรายิ้มเราน่ารักมากกว่าทำบึ้งๆ นะ ไหนยิ้มซิ” พี่ทศจับแก้มแล้วบีบมันออก
“เอ็บ อะ อ่อยเอย”
“ไหนยิ้มมมม” เจ็บจนน้ำตาเล็ดแต่ก็พยายามฉีกยิ้มให้พี่เขาสบายใจ
“แหวะยิ้มน่าเกลียดวะ พี่ไปอาบน้ำดีกว่าลงไปนั่งข้างล่างรู้สึกเหนียวตัวยังไงไม่รู้” พี่มันผลักหัวผมแล้วเดินหัวเราะเข้าห้องน้ำไป ผมเลยเดินไปเปิดทีวีดูจนพี่แกออกมา นี่ไม่ได้ยั่วผมใช่ไหม นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาแบบนี้ หุ่นพี่ทศนี่แซบตั้งแต่หนุ่มจนถึงตอนนี้ก็ยังดูดีไม่เปลี่ยน ผมมองแล้วอมยิ้มนิดๆ
“กะจะยั่วผมเหรอพี่” เดินไปปั้นหน้าทะเล้นใส่
“แล้วเคยสำเร็จไหมล่ะ”
“หึ ไม่เคย ผมไปอาบน้ำดีกว่า อ่อยืมชุดพี่ด้วยสิ”
“อืมเอาสิ เราจะใส่ได้เหรอ ตัวต่างกันขนาดนี้” ใช่ตัวเราต่างกันมากพี่ทศตัวใหญ่ส่วนผมเขาเรียกหมากระเป๋า
“เดียวเอาหนังยางรัดกางเกงเอาก็ได้ ไม่เห็นยาก”
“หึหึ แก้ผ้าเอาหน้ารอดตลอด” พี่ทศเดินมายีหัวผมแล้วเดินเข้าไปในห้อง ผมเองก็เดินเข้าไปอาบน้ำตามที่บอกไว้
ปังๆ เสียงทุบประตูห้องดังหลังจากเพียวเข้าไปอาบน้ำได้ไม่นาน ร่างสูงใหญ่ในชุดที่ไม่เรียบร้อยออกจะฉงนใจนิดๆ ที่ดึกป่านนี้มีใครมาเคาะห้อง แถมไม่เคาะแบบธรรมดา เรียกได้ว่าทุบเสียมากกว่า เขาเดินออกไปเปิดประตู คิ้วเข้มขมวดยุ่งยิ่งกว่าเก่า เพราะบุคคลที่มาเคาะนั้นคือคนที่มองเขาแบบไม่ชอบขี้หน้า
“เพียวอยู่ไหน” น้ำเสียงห้วนกระชากไม่พอยังเสียมารยาทเดินเข้ามาในห้องโดยที่เขาไม่ทันได้เอ่ยเชิญ ทศลักษณ์ติเจ้ามนุษย์ในใจ
“น้องเพียวอาบน้ำอยู่” ตอบแบบขอไปที ก่อนที่ปีมงคลจะทันได้สังเกตว่าบุคลที่บังเอาตัวคนของเขามานั้นอยู่ในชุดที่ดูแล้ว....
“ใครมาเหรอครับพี่ทศ” น้ำเสียงใสแจ๋วไม่มีเค้าของคนเมาเมื่อตอนหัวค่ำ แถมยังนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา เหมือนๆ กับอีกคนด้วย
“แรดเนอะ” ปากปีจอเริ่มสำแดงฤทธิ์อีกครั้ง
“ห๊ะ...”
“ถ้าจะมาเอากันก็บอกดีๆ ก็ได้ไม่ต้องมาหาข้ออ้างอะไรให้มันยุ่งยาก” สีหน้าของชายหนุ่มที่ชื่อปีมงคลดูโกรธและโมโห
“นี่พี่พูดอะไรของพี่วะ ถ้าจะมาหาเรื่องกันละก็ออกไปเลยไป” ร่างบางที่กำลังสั่นสะท้านด้วยความโกรธ จู่ๆ ฟ้าก็ผ่ากลางทะเลเสียงดังลั่นฟ้า ทศลักษณ์เห็นท่าไม่ดีเลยเดินไปโอบกอดไหล่บางๆ นั่นไว้
“ใจเย็นสิเพียว”
“เย็นอะไรละพี่ ดูเขาพูดสิเขาดูถูกผมดูถูกพี่ แล้วอีกอย่างผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยเขาไม่มีสิทธิ์มาด่าผมแบบนี้” ดวงตาแข็งกร้าวจ้องไปยังมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวในห้อง
“หรือมันไม่จริง” ปีมงคลมองเพียวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจ นี่เขาเป็นอะไร เขาหวังอะไรอยู่
“เหอะ มันก็จริงอย่างที่คุณคิดนั่นแหละผมสองคนเป็นคู่หมั้นกัน จะทำอะไรๆ มันก็ได้ทั้งนั้น คุณนั่นแหละกลับไปได้แล้ว รบกวนเวลาของพวกเราสองคน” ร่างบางกระแทกเสียงใส่พร้อมกับกอดเอวสอบของทศลักษณ์เอาไว้ แล้วโน้มคอคนตัวสูงลงมาจูบ ทศลักษณ์ยืนอึ้งแต่ก็จูบตอบเพียวกลับ
“มึงนี่มัน ร่านจริงๆ”
“อึก...”
แล้วเขาก็โยนเสื้อผ้าชุดหนึ่งลงกับพื้น ก่อนจะหุนหันออกจากห้องไป....ด้วยหัวใจที่มันชาๆ
“ฮึก....”
“ไปแต่งตัวเถอะ พรุ่งนี้เราคงเจอเรื่องแย่ๆ อีกแน่”
“....”
“แล้วสาเหตุที่เพียวทำคิ้วยุ่งๆ ก็คงเกิดจากเขาด้วยใช่ไหม”
“....”
“นอนเถอะ พี่ง่วงแล้ว”
“ครับ”
(ปีมงคล พาร์ท)
ตั้งแต่ไอ้เพียวเดินหน้าระรื่นมากับใครอีกคน ผมก็รู้สึกโมโหอย่าหาสาเหตุไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับมัน ผมไม่ได้โกหกว่าผมมีคนรักอยู่แล้ว มันอาจจะฟังดูโง่ๆ นะ แต่ผมมีรักแรกตอนอายุสิบขวบ สัญญาใจกันไว้แล้วด้วย ผมตามหาเขาตลอดยี่สิบห้าปีแต่ก็คว้าน้ำเหลวตลอด ถามใครๆ ถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นก็ไม่มีใครรู้หรือจำได้สักคน ผมจำแววตาของเขาได้ แววตาที่มีแต่ความอ่อนโยนและจริงใจแต่สำหรับไอ้เด็กบ้านั่นมันตรงข้ามทุกอย่าง แต่มันกลับมีอิทธิพลต่อใจผมมาก ผมไม่เคยรู้สึกโกรธเวลามันยิ้มให้กับใคร แต่วันนี้ผมโกรธจนควันออกหูตอนเห็นมันเดินหัวเราะมากับไอ้หน้างูเห่านั่น
ผมรู้สึกหงุดหงิดที่มันเอาแต่ออเซาะคนอื่นต่อหน้าผม ผมปฏิเสธมันแล้วก็จริงแต่แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ อกหักจากอีกคนก็ไปมีคนใหม่ มองตามหลังไอ้หน้างูเห่าที่มันพยุงไอ้เด็กนั่นออกไปใจผมนี่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เวลามันเมามันยั่วอย่าบอกใคร แล้ว ถ้าไปกับไอ้หน้างูเห่า เกิดมันหน้ามืดปล้ำไอ้เพียวขึ้นมาละ ผมพยายามหาเหตุผลมาลบล้างความคิดของตัวที่จะไม่ยุ่งเรื่องของมัน พยายามจะไม่สนใจ แต่ตาก็คอยมองแต่ชั้นของโรงแรม พวกเขื่อนก็ชวนคุย พวกนั้นเริ่มจะเมากันบ้างแล้ว แต่ผมนี่สิเริ่มจะทนไม่ไหว ต้องเดินเข้าไปด้านในไปค้นเอาเสื้อผ้าของไอ้เพียวมันออกมา ใช้เป็นข้ออ้างในการที่จะไปหามัน ค้นเจอก็เดินดุ่มๆ ขึ้นตึกของโรงแรม มันเป็นโรงแรมของผม ผมมีสิทธิ์ทุกอย่างเพราะฉะนั้นมันจะมาทำอะไรๆ ในโรงแรมผมไม่ได้ ใช้เวลาสักพักกว่าจะเคาะห้อง แต่เชื่อไหม คนที่มาเปิดประตูห้องเป็นไอ้หน้างูเห่าดูท่าทางมันแล้วเหมือนพึ่งจะทำอะไรกันเสร็จ
“เพียวอยู่ไหน” ถามแบบไม่รอคำตอบเดินผ่านมันเข้าไปแบบไร้มารยาทกันเลยทีเดียว ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะขอแค่เห็นไอ้เพียวมันเมาหลับกองอยู่บนโซฟาผมก็พอใจ
“น้องเพียวอาบน้ำอยู่”
“ใครมาเหรอครับพี่ทศ” น้ำเสียงใสแจ๋วไม่มีเค้าของคนเมา แต่ที่ไหนได้มันออกมาจากห้องน้ำสภาพไม่ต่างอะไรกับไอ้ที่ยืนมองผมแบบงงนี่เลย ผมรู้สึกเหมือนไฟมันกำลังรุกที่หัว โกรธ โมโหอย่างไม่มีเหตุผล ไอ้เพียวมันเห็นผมแล้วดูสีหน้ามันตกใจมาก นี่คงผ่านอะไรกันมาแล้วละสิถึงได้มีสภาพแบบนี้
“แรดเนอะ”
“ห๊ะ..
“ถ้าจะมาเอากันก็บอกดีๆ ก็ได้ไม่ต้องมาหาข้ออ้างอะไรให้มันยุ่งยาก” ผมพูดออกไปตามอารมณ์ของตัวเองไม่ได้นึกใจของอีกคนเลย
“นี่พี่พูดอะไรของพี่วะ ถ้าจะมาหาเรื่องกันละก็ออกไปเลยไป” มันโมโหจนเอ่ยปากไล่ผม ดวงตาของมันเริ่มออกแดงๆ แล้ว เห็นแล้วใจกระตุกแต่ผมโกรธมากกว่าที่จะสงสารมัน
“ใจเย็นสิเพียว” มีโอบกอดกันแบบนี้จะให้ผมคิดว่าอะไรละ
“เย็นอะไรละพี่ ดูเขาพูดสิเขาดูถูกผมดูถูกพี่ อีกอย่างผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย เขาไม่มีสิทธิ์มาด่าผมแบบนี้” คำว่าไม่ได้เป็นอะไรกันมันเจ็บจี๊ดเลยครับ แต่ก็จริงของมันผมไม่ได้เป็นอะไรกับมันแล้วผมจะมาห่วงมันทำบ้าอะไร
“หรือมันไม่จริง” ผมมองมันด้วยสายตาที่หยามเหยียด
“เหอะ มันก็จริงอย่างที่คุณคิดนั่นแหละผมสองคนเป็นคู่หมั้นกัน จะทำอะไรๆ มันก็ได้ทั้งนั้น คุณนั่นแหละกลับไปได้แล้ว รบกวนเวลาของพวกเราสองคน” ไม่คิดว่ามันจะกล้าพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นออกมา แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดไม่น้อยตอนสบตากับมัน น้ำใสๆ ไหลออกจากดวงตาคู่สวยคู่นั้นและมันก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คิดว่ามันจะทำต่อหน้าผม มันจูบไอ้หน้างูเห่านั่นต่อหน้าผม ตามันมองผมแบบเคียดแค้นไปด้วย สมควรจะแค้นหรอก..ผมยืนกำหมัดแน่นจุกไปหมด อึ้งด้วย ทั้งโมโห และเกลียดตัวเอง ปาเสื้อผ้าของมันในมือลงพื้นแล้วเดินออกจากห้องห้องนั้นทันที ยืนมึนอยู่แล้วทบทวน นี่ผมทำบ้าอะไรอยู่วะ ทำไมต้องรู้สึกไม่ดีตอนเห็นมันจูบกับคนอื่นด้วย ทำต้องรู้สึกจะไปตะบันหน้าไอ้บ้านั่นด้วย
เดินออกมาด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่เจออะไรขว้างหูขวางตาก็เตะมันทิ้งไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ทรายที่ผมเดินเหยียบอยู่ อะไรที่ทำให้ผมเป็นได้ถึงขนาดนี้ อะไรที่ทำให้ผมหลุดมาดคุณชาย หลุดโหมดเจ้าชายน้ำแข็งได้มากมายขนาดนี้
“เพราะมึงคนเดียว ไอ้เด็กเหี้ย....กูจะไม่ยอมให้มึงได้ไปจากกูแน่นอน มึงต้องมารับผิดชอบกับสิ่งที่มึงทำไว้ไอ้เด็กบ้า”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++