***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61  (อ่าน 13787 ครั้ง)

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เพียวโดนกินแน่ๆๆ :hao6: :hao6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
 จบไม่เศร้าใช่ไหมครับ

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :z1: จะโดนกินไมน่อ จะโดนกินหรือเปล่า ดูท่าจะรอดไปนะพี่เพียว รอบนี้ รอบหน้าไม่แน่  :katai3:
 :L2:  :pig4:  :L2:

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
อสุราล่ารัก ตอนที่ 19



ไม่น่าเชื่อว่ายักษ์น้อยจะแคล้วคลาดจากการถูกจับกินโดยมนุษย์หน้านิ่งอย่างปีมงคล เขาต้องใช้พลังลมปราฯ มากมายในการอดกลั้นและอดทนมากมาขนาดไหนกับการที่ต้องอยู่ใกล้ๆ กับยักษ์ขี้ยั่วแบบนี้ เพียวตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ในอ้อมกอดของปีมงคล วันนแรกที่บรรยากาศมันเปลี่ยนไป ไม่ใช่ตื่นมาแล้วเจอแค่ความว่างเปล่าอีกต่อไปแล้ว วันนี้มีคนที่เป็นเจ้าของหัวใจนอนอยู่ข้างๆ กัน ปากบางขยับยิ้มอย่างน่ารักเพราะตื่นมาเจอกับคนที่นอนหลับสนิทแบบนี้ เพียวเอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์บนหัวนอนมาดู จะหกโมงเช้าแล้วเขาควรรีบกลับบ้าน ไปทำมื้อเช้าให้ปีมงคลกับเด็กน้อยที่บ้าน

ร่างบางเดินลงจากที่นอนอย่างแผ่วเบาราวกับแมวย่อง เดินไปที่ประตูแล้วค่อยเปิดมันอย่างเบามือ แค่เดินผ่านเขาก็มาอยู่ที่ห้องนอนของตัวเองเรียบร้อย เช้าวันใหม่เริ่มด้วยการล้างหน้าแปรงฟัน และลงมาทำกับข้าวที่ห้องครัว ไม่รู้ว่าปีมงคลจะออกไปทำงานไหมวันนี้ เขาเลยทำเผื่อใส่กล่องเก็บความร้อนไว้เผื่อให้ร่างสูงเอาไปกินที่บริษัท ข้าวผัดเบค่อนง่ายๆ แต่อร่อยอย่าบอกใคร พรุ่งนี้เขาจะเปิดร้านแล้วยังไงสะวันนี้เขาก็ต้องได้จัดร้าน จะไม่ออกไปไหนเด็ดขาด

แพคของใส่ถุงกระดาษเตรียมไว้ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อเอาน้ำส้มแต่กลับไม่เจอเลยสักกล่อง ร่างบางยืนถอนหายใจนิดๆ เขาคงต้องออกไปซื้อ เดินกลับไปที่ห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อ หยิบกระเป๋าตัวมาถือไว้แล้วเปิดประตุห้อง เขาก็มาโผล่ มินิชอป 24ชม.แล้ว เดินไปหยิบน้ำส้มคั้นสดมาสองกล่องนมอีกแกลลอนใหญ่ เดินไปจ่ายเงิน ขากลับไม่ใช่เรื่องยาก ยักษืหายตัวได้แต่ต้องไม่มีใครเห็น เขาต้องปิดบังตัวตนเอาไว้ เพียวเลือกที่จะเดินไปตรงตรอกเล็กๆ ไร้ผู้คนก่อนจะเดินหายไปในอากาศ แวบเดียวก็ถึงห้องครัวแล้ว

“เห้ยย พี่โผล่มาทำไมเงียบๆ ตกใจหมด!!! ”

“ไวรัล!! ” เกือยไปแล้วดีนะที่ไวรัลยืนหันหลังให้ เขารีบวางของในมือลงบนดต๊ะกินข้าวก่อนจะแยกของเหล่านั้นเข้าตู้ทำเป็นไม่สนใจสายตาที่มองมาของไวรัล อย่างจับผิด

“พี่ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาเหรอ”

“เออ มีไร”

“ปล่าว ไม่มีอะไร”

“กวนตีนกูเหรอไว”

“ใครจะกล้าไปกวนตีนพี่กันละผมยังมาอยากกินตีนแทนข้าวหรอกนะ แล้วนี่พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” มันเปลี่ยนเรื่องเหมือนกิ่งกาเปลี่ยนสี เพียวกันไปมองจิกตาใส่นิดๆ ก่อนจะรินนมใส่แก้วแล้วยื่นให้อีกคนดื่ม

“พี่เพียว คือ พี่กับพี่ปีคบกันแล้วเหรอ?” คือความจริงก็รู้อยู่เต็มอกแต่ก็อยากจะถามเพื่อความแน่ใจ

“ก็ อืม คบกันแล้ว” ยักษ์น้อยยกน้ำส้มที่พึ่งเทให้ตัวเองขึ้นดื่ม

“งั้นเมื่อคืนก็ได้กันแล้วอะดิ”

“แค๊กๆ ๆ บ้า!!! พูดอะไรออกมาน่าเกลียด” เขาสำลักน้ำส้มทันทีที่ได้ยินไวรัลพูดถาม จะได้กันได้ยังไงละ แค่นอนกอดกันกูยังเขิลแทบบ้าเลย

“อ่าว คึคึคึ ยังไม่ได้กันก็ไม่เป็นไร ว่าแต่พี่ผมนี่อ่อนชะมัดยาดเลย” ว่าจบมันก็สะบัดตูดเดินออกไปทิ้งให้น้องยักษ์ใจเต้นแรงอยู่คนเดียวในครัว

บ้า...ชิบ



7.30น.



“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” มันเป็นคำทักทายยามเช้าที่ค่อนข้างฮาดคอร์ไปนิด เพราะน้ำเสียงตะคอกๆ ของคนที่พึ่งตื่นมาแล้วไม่เจอคนข้างกาย

“เมื่อเช้า ทำไม? คิดถึงผมแล้วเหรอ” ก็อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองบ้างก็คงไม่แปลก ร่างบางยกยิ้มนิดๆ พร้อมกับจัดโต๊ะไปด้วย

“= =” เรื่องเข้าข้างตัวเองนี่ที่หนึ่งเลยนะ เพียว” ปีมงคลชะงักก่อนจะประชดออกไป ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองค้อนใส่

“ไม่ได้เลยรึไง” ทำปากงุบงิบบ่นออกไป ในใจก็นึกว่าทำไมพี่ปีของเขาชอบขัดเหลือเกิน

“หึหึ ก็ได้นะ แต่อย่าบ่อย” ถ้าคนตัวเล็กไม่โง่ก็จะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ใช่ แค่ตื่นมาไม่เห็นคนรักเขาก็ใจหวิวคิดถึงแล้ว แต่ไม่อยากจะพูดกลัวเสียฟอม

“งะ นอกจะปากไม่ดีแล้วยังชอบพูดอะไรที่มันเข้าใจยากอีก นี่ไม่ได้โง่นะ แค่ไม่เข้าใจเฉยๆ” เหมือนจะหลอกด่าอีกคนกลายๆ แต่ก็ไม่คิดอะไร ผิดกับปีมงคล รายนั้นควันออกหูตั้งแต่คำแรกแล้ว

“ไอ้เพียวว!! ”

“คร๊าบบบ คุณชาย เรียกสะเสียงเข้ม กลัวจนขี้หดหมดแล้ว ไปตามไวรัลกับไอ้เขื่อนมาให้ทีสิ ไม่รู้ไปอาบน้ำหรือไปผลิตประปา นานเกิ้นน” ได้โอกาสก็ใช้สะหน่อยเดี๋ยวจะเป็นง่อยกันไปหมด ร่างสูงยอมเดินไปตามสองคนนั้นอย่างว่าง่ายแต่ไม่ทิ้งลาย คุณชายปีมงคล

“เตรียมกาแฟให้กูด้วย เอาเข้มๆ นมไม่ต้อง น้ำตาลไม่เอา”

“สั่งกาแฟดำก็จบละ จะมากความเพื่อ!! ”

“กูได้ยินไอ้สัสเพียว!! ” = =แหม่แค่บ่นเบาๆ ดันได้ยินอีกหูดีจริงๆ



+++++

เมื่อทุกคนพร้อมก็ลงมือกินมื้อเช้า ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน เพียวไม่ลืมเอาห่ออาหารที่เตรียมไว้ให้ชายหนุ่มคนรักให้เอาไปด้วย เขายืนส่งปีมงคลที่หน้ารั้วบ้าน แปดโมงพอดิบพอดี ยืนส่งยิ้มให้เขาผ่านกระจกรถ

“แล้วจะรีบกลับ อย่าไปแรดที่ไหนละ”

“รู้แล้วน่า พี่นั่นแหละอย่าไปปากหมาใส่ใครละ ระวังจะโดนตีนไม่รู้ตัว” พูดจบก็โดนชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ มีรึน้องยักษ์เขาจะกลัว ทำเล่นหูเล่นตาใส่ ส่งท้ายด้วยการส่งจูบรัวๆ จนคนบนรถออกอาการเขินหน้าแดง ทนไม่ไหวรับขับรถหนีไปเลย

“คึคึคึ น่ารักเหมือนกันนะพี่ปีเนี้ยะ” เขารู้สึกมีความสุข เป็นเช้าที่มีสีสันมากกว่าปรกติยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข และกำลังจะหันหลังเข้าบ้านไปทำงานที่ค้างเอาไว้

“อ้าววว น้องเพียว ออกมาส่งคุณปีเหรอคะ แหม่เหมือนคู่แต่งงานใหม่กันเลยนะคะ” มนุษย์ป้าข้างบ้านเดินใส่ชุดเต้นแอรโรบิกออกมาจากพุ่มไม้ข้างรั่ว

“ครับป้าอร ตื่นเช้าเหมือนกันนะครับ” ร่างบางส่งยิ้มบางไปให้ และจะก้าวเดินเพื่อเลี่ยงการสนทนา

“เอหรือว่า สองคนคบกันแล้วเอ่ย” อรนพาทำเสียงหยอกล้อแต่ในใจกลับคิดอีกอย่าง

“^-^” มันเป็นยิ้มที่บอกได้ว่าอย่าเสือกเรื่องของกูเลยครับป้า แต่อีกฝ่ายกลับคิดเตลิดไปไกล

“คิกๆ แบบนี้แสดงว่าคบกันแน่เลย แหม่น้องเพียวนี่ ไวไฟดีเหมือนกันนะคะ พี่อ่อย เอ๊ย พี่รู้จักน้องปีมานานไม่ยักจะรู้ว่าน้องเขาจะชอบแบบนี้” ก็เพราะมีมนุษย์แบบป้ายังไงละเค้าถึงได้หันมาชอบของแบบนี้ เพียวแสยะยิ้มนิดๆ ไม่ตอบอะไร

“ขอตัวนะครับพอดีว่าต้องรีบไปทำงาน ไม่มีเวลาว่างมาเผือกเรื่องชาวบ้านเขา” พูดจบก็ตรงดิ่งเข้าไปด้านในทันทีทิ้งให้คนแก่ขี้เสือกยืนอ้าปากหวอกับคำด่าแบบไม่ตั้งใจด่าต่อไป



+++++

“พี่เพียวต้นไม่ต้นนี้เอาไว้ตรงไหนดี” ไวรัลเดินถือกระถางดอกแพททูเนียเข้ามา

“เอาไปวางไว้ข้างประตูทางเข้าก็ได้ไวแล้วเอาพวกกระถางเล็กๆ มาให้พี่ พี่จะจัดบนตู้ไม้นี่หน่อย” เขากำลังเล็งว่าจะจัดแนวไหนดีเพราะเหนือตู้ไม่ไปคือรูปภาพที่เขาซื้อมาเมื่อวาน ตอนนี้มันถูกแขวนไว้บนผนังสีขาว วันทั้งวันเขาวุ่นกับการจัดร้าน มีช่วงบ่ายที่แก้วของเขาว่างจากการดูแลลูกน้อยปลีกเวลามาช่วยจัดร้านอีกแรง กว่าจะเสร็จก็เกือบเย็น เพียวเลยจะทำหมูกะทะเลี้ยง

“พี่จะออกไปตลาดไปด้วยกันไหมไว” เพียวเอ่ยชวนเด็กหนุ่มที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ตรงศาลา ไวรัลโบกมือไปมาว่าไม่ไป

“เดี๋ยวพี่เขื่อนกับพี่ภูจะมา” มันบอกเสียงเหนื่อย พร้อมกับชูโทรศัพท์ให้ดูไลน์ที่ไอ้เขื่อนเพื่อนรักมันไลน์มาหาเด็กน้อยของมัน

“อ่อ จะอยู่รอว่างั้น”

“ครัชชช”

“พี่ไปเป็นเพื่อนเองน้องเพียว ประเดี๋ยวตลาดจะวายเสียก่อน” พี่แก้วพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับเตรียมตัว เพียวเลยหันไปสั่งคนที่อาสารออยู่ที่บ้านไว้

“ถ้าอย่างนั้นมึงเตรียมอุปกรณ์เลย ปูเสื่อตรงสวนใต้ต้นนั่นก็ได้ จานชาม น้ำเนิ้มเตรียมให้พร้อมนะมึง”

“คร๊าบบบ ลูกพี่คราบบ” มันทำเสียงกกวนตีนใส่ก่อนจะเดินไปทำตามคำสั่ง เพียวเลยได้เวลาเอารถมอเอตร์ไซคันเก่งออกมาใช้งาน ร่างบางขึ้นคร่อมมอเตอไซแล้วกดสตาทรอจนแก้วขึ้นซ้อนท้าย แล้วขับออกไป พอถึงตลาดก็แยกย้ายกันซื้อของจะได้เร็วขึ้นเพราะมีเวลาไม่มาก พอได้ของครบก็พากันกลับบ้าน มาถึงก็เจอผีพรายยืนรออยู่หน้าบ้านช่วยขนของที่ซื้อมา เพียวรีบลงมือหมักหมู ส่วนแก้วก็หั่นผักล้างใส่ตะกร้าไว้ เขื่อนกับภู ออกไปซื้อเครื่องดื่มที่ร้านสะดวกซื้อหน้าหมู่บ้านกลับมาพร้อมกับปีมงคลที่เลี้ยวรถเข้ามาจอดพอดี เพียวเดินออกไปหา เห็นชายคนรักมีสีหน้าที่เคร่งเครียด

“พี่ ที่บริษัทมีปัญหาเหรอ”

“อืมนิดหน่อย แล้วนี่ทำไมวันนี้คนเยอะจัง” มือหนาแตะเอวบางให้เดินเข้าบ้านพร้อมกับมองไปยังสวนที่พวกเขากำลังจะปาตี้หมูกระทะกัน

“ก็กำลังจะบอกอยู่พอดี ผมมาชวนพี่ไปกินหมูกระทะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินด้วยกันนะ” เพียวส่งยิ้มหวานให้กำลังใจ ร่างสูงพยักหน้าเบาๆ รับคำก่อนจะเดินกลับไปที่บ้านของตัวเอง เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อลงมาหาคนรัก

“อ้าวมาแล้ว” ไวรัลโบกมือเรียกปีมงคลทันทีที่เห็น พวกเขาเว้นที่ไว้ให้เขานั่งข้างๆ เพียว สายตาคมกวาดมองไปทั่วบริเวณ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ยักษ์ตัวแสบ

“อะ นี่ผมย่างไว้เผื่อแล้ว” เพียวคีบชิ้นเนื้อวางไว้บนถ้วยเล็กๆ ของปีมงคลส่วนผีพรายหน้าหล่อ รายนั้นต้องแอบเอาธูปปักลงบนชามข้าวเขาถึงจะกินได้ แม้เจ้าตัวจะรู้สึกอนาถใจก็ตามที

“อืม ขอบใจ แล้วนี่จัดร้านเสร็จแล้วเหรอ” ร่างบางพยักหน้าตอบ

“ก็ช่วยๆ กันเลยเสร็จไว แล้วพี่อะวันนี้เป็นอะไรเห็นหน้าเครียดๆ” ถามพร้อมกับคีบปลาหมึกใส่ถ้วยให้ชายคนรัก

“ก็เรื่องเดิมๆ” ชายหนุ่มยักไหล่อย่างไม่หยีระ ถึงแม้วันนี้พ่อของมีนาจะมาอาราะวาดใส่เขาพร้อมกับขู่ว่าจะถอนหุ้นที่มีอยู่น้อยนิดออกเขาก็ไม่ได้กังวลเท่ากับ คนของที่บ้านที่รับรู้เรื่องราวร้าวฉานของเขากับมีนา จนต้องรีบแจ้นมาหา คนพวกนี้ แม้จะเป็นพี่ป้าน้าอา กับหลานอย่างเขาก็ไม่คิดว่าเป็นญาติด้วยซ้ำมีแต่จะปอกลอก มีแต่จะหาผลประโยชน์เข้าตัว

ความจริงพ่อของปีมงคงก็แบ่งสันปันส่วนให้ลูกหลานเข้ามามีส่วนร่วมในการทำธุรกิจ เพื่อที่องค์กรจะได้ไปไกล ไม่หมดแค่ยุคของเขา แต่หารู้ไม่ว่า การเอาลูกเสือลูกตะเข้เข้ามานั้นมันส่งผลร้ายต่อทายาทที่แท้จริงอย่างไรบ้าง ปีมงคลต้องทนแบกรับภาระและหน้าที่การงานมากมาย แต่กับญาติคนอื่นๆ มาทำงานก็เหมือนมานั่งเล่นรอรับเงินเดือนกันทั้งนั้น เห็นจะมีแต่ พริก ญาติห่างๆ ทางพ่อ ดูจะเป็นคนดีระดับหนึ่ง และยังเป็นมือซ้ายของเขาที่คอยสอดส่องความเป็นไปในบริษัท นับให้ตั้งแต่ปีมงคลได้รับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด ก่อนที่จะเรียนจบด้วยซ้ำ พริกอายุน้อยกว่าปีมงคลแค่หนึ่งปีเลยคุยกันง่าย เพราะวัยใกล้เคียงกัน

แถมวันนี้ยังเกิดเรื่องซุบซิบนินทาว่า พวกผู้ถือหุ้นรายย่อยกำลังจะเทขายหุ้นในมือให้กับ ลุงเขตแดน ที่มีตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ อีกต่างหาก แค่คิดเขาก็รู้สึกหงุดหงิดกับพวกริ้นไลนี่เต็มทน

“มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะพี่” น้ำเสียงที่ดูห่วงใยถูกถ่ายทอดผ่านทางสายตา เพียวบีบมือลงกับต้นขาของปีมงคลเบาๆ เป็นการปลอบ

“ช่วยอยู่ข้างๆ กูก็พอ” เขากระซิบลงที่ข้างหู เพื่อที่จะได้ยินกันแค่สองคน ร่างสูงขยันหาคำมาหยอดให้ยักษ์ของเราเขินอยู่เรื่อย แต่กระนั้น เขาก็ยังไม่ทิ้งรอยกังวลไว้บนสีหน้า เพียวเองก็จับความรุ้สึกได้ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น แต่ไม่อยากทำให้บรรกาศมันกร่อยเขาเลยเลือกที่จะเงียบปากไว้ บรรยากาศโดยรอบเป็นไปอย่างสนุกสนาน มีทั้งเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ ไวรัลอาจจะเป็นเด็กที่ดื้อไปสักหน่อยแต่ลึกๆ แล้วเป็นเด็กที่จิตใจดีคนหนึ่ง คอยเอาใจใส่คนอื่นอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะกับเขื่อน แม่จะทะเลาะกันบ่อยแต่ทั้งคุ่ก็มีมุมที่หวานกันอยู่ประจำ ส่วนคู่รักพิศดาลรายนั้นไม่ต้องพูดถึง มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก แอบไปตอดกันเล็กๆ น้อยในที่ลับตาคนถึงแม่ว่าลำธารอยากจะทำแบบเปิดเผยก็เถอะ ภูผาหน้าบางเกินกว่าที่ยอมทำแบบนั้นในที่สาธารณะได้ ยักษ์ตัวแสบแอบอมยิ้มเขาซึมซับบรรยากาศดีๆ แบบนี้เก็บไว้ในความทรงจำ

“พี่ปี ป๊าผมยังมาหาอยู่รึเปล่า” ไวรัลเอ่ยถามเสียงอ้อมแอ้ม ตอนที่พวกเขากำลังอิ่ม เขื่อนนั่งเอนหลังโดยใช้แขนค้ำไว้หันไปมองหน้าเด็กน้อยของตัวเองนิดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวด้วยความเอ็นดู

“ห่วงก็บอกว่าห่วงสิหนู” เขื่อนพูดออกมา

“ใครห่วง ผมไม่ได้ห่วงสักหน่อยแค่ไม่อยากให้เขามาวุ่นวายกับพี่ปีมากเท่านั้นแหละ! ” ไวรัลเชิดหน้าขึ้นนิดๆ

“เบื่อพูดกับคนปากไม่ตรงกับใจ” เพียวพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา

“พี่เพียว อะ”

“พูดจริงนะไว พ่อแม่นะถึงเต้าจะดุจะว่า ที่เค้าทำนะเพราะรักเพราะห่วงเราทั้งนั้น” ปีมงคลพูดสอนร่างเล็กที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่

“น้องไวไม่ลองกลับไปหาพ่อดุบ้างละค่ะ ป่านนี้ท่านน่าจะใจเย็นลงบ้างแล้ว พ่อลูกกันยังไงซะเค้าก็ต้องฟังเราบ้างแหละพี่ว่านะ” แก้วนั่งฟังอยู่นานลองพูดกับไวดูบ้างเผื่อน้องจะยอมอ่อนลง

“แต่ผมไม่ชอบการบังคับนี่นา เป็นพี่ พี่ยอมไหมละให้แต่งงานกับคนที่ตัวไม่ได้รัก อึดอัดตาย แถมนะครอบครัวฝั่งผุ้หญิงก็ใช่จะจริงใจ ที่พยายามจะเอาผมเป็นผัวนี่ก็หวังแต่ประโยชน์ทั้งนั้นแหละ” ไวใส่อารมณ์เดือดลงในน้ำเสียง พร้อมกับกำมือแน่น เขากำลังเครียด คนรอบข้างรู้ดี

“แต่เราจะหนีแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะหนู ปัญหามันมีไว้แก้ไม่ได้มีไว้หนี” เขื่อนพูดสอนเพราะตัวเองเป็นผู้ใหญ่กว่า

“ผมไม่ได้หนี แค่ถอยมาตั้งหลักเท่านั้นแหละ รอผมหาแฟนให้ได้ก่อน ผมจะเอาไปเย้ยยัยดาด้าให้อกแหกไปเลย”

“พี่ไง ว่างอยู่ พร้อมด้วย หนูเลือกพี่สักทีสิ” เขื่อนทำหน้าอ้อนๆ จนทุกคนขำพรืดออกมา

“อะไรวะ ขำอะไรกัน นี่กูกำลังจะขอเขาเป็นแฟนนะเว้ย” คนแก่อยากเต๊าะเด็กดวยออกมา

“มึงอยากเป็นอมตะเหรอไอ้เขื่อน”

“สัส!! เพียว เดี๋ยวจะโดน” เขื่อนขยับขาตัวเองหมายจะเตะปากเพื่อนรักให้หายหมั่นไส้ แต่ร่างเล็กมันโยกตัวหลบได้เสียก่อน

“ว่าแต่คุณปีครับ พอจะมีเวลาให้ผมสักครู่ไหมครับ” ภูเอ่ยกระซิบกับปีมงคลเบาๆ โดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น

“มีอะไรเหรอภูผา?” ปีมงคลเริกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“ผมมีเรื่องสำคัญจะบอก”

“เรื่อง?”

“ผมว่าเราไปคุยในบ้านดีกว่าครับ เรื่องนี้เราต้องรู้กันแค่สองคน” ภูเอ่ยแล้วลุกเดินออกจากวงสนทนา ปีมงคลบอกกับทุกคนว่าจะไปเข้าห้องน้ำ

+++++

“มีอะไรเหรอภูผา?” เมื่อเข้ามาในบ้านปีมงคลก็รีบถามทันที

“คือคุณ อมร กับคุณแฟร้งค์ เป็นญาติของคุณปีใช่ไหมครับ” ภูผาเกริ่นออกมา สองคนนี้มีตำแหน่งสูงในบริษัท เพราะเป็นลูกหลานของผู้ถือหุ้นด้วย

“ครับ”

“วันนี้ผมลองตรวจสอบไฟล์งาน เพื่อทดลองโปรแกรมการโจรกรรมทางคอมพิวเตอร์ มันคล้ายๆ กับการตรวจสอบระบบความปลอดภัยของระบบการทำงานทุกอย่างของบริษัทเราครับ แต่ว่า ผมเจอไอพีผู้ใช้งานของคุณแฟร้ง เจาะระบบเข้ามาปลอมแปลงเอกสารบางอย่างพร้อมกับตัวเลขบัญชีรายการสั่งซื้อที่ผมดูผิดปรกติครับ” ภูผาบอกด้วยสีหน้าที่ติดกังวล เขาหยิบแฟลตไดฟ์จากกระเป๋าเสื้อส่งให้ปีมงคล

“ในนี้มีข้อมูลและหลักฐานที่ผมพอจะกู้ระบบได้เพราะทุกครั้งที่คุณแฟร้งเจาะเข้ามาเขาจะลบทุกอย่างทิ้งไม่เหลือเลย” ปีมงคลรับของสิ่งนั้นมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดมันเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ ที่ยังไม่โวยวาย ไม่กระโตกกระตากเป็นเพราะเขายังไม่มีหลักฐานแน่ชัด จึงไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ครั้งนี้ เขามีมันอยู่ในมือแล้ว

“ขอบใจมากภูผา เอาไว้ผมจัดการหนอนเน่าพวกนี้ได้เมื่อไหร่ผมจะตกรางวัลให้คุณอย่างงาม”

“ครับ มีอีกอย่างช่วงนี้คุณระวังตัวหน่อยก็ดีนะครับ” ภูเอ่ยเตือนอีกเรื่อง

“ทำไม?”

“พวกนั้นคงไม่ปล่อยให้คุณทำอะไรพวกเขาง่ายๆ บางทีพวกเขาอาจจะชิงลงมือก่อน”

“คุณหมายความว่ายังไง!! คุณภูผา”

“ผมแค่บังเอิญไปได้ยินอะไรบางอย่างมา แต่ผมได้ยินไม่ค่อยชัด ได้ยินแต่ว่า กำจัดมันซะ แล้วก็ชื่อของคุณ” ปีมงคลมีสีหน้าที่เครียดลงไปอีก จนกระทั่ง เพียวเดินมาตาม

“แอบมาคุยอะกันสองคนวะ” ร่างบางเดินออกมาจากมุมบ้าน พร้อมกับมองคนทั้งคู่ด้วยความสงสัย

“เรื่องงานนะ ไม่มีอะไรหรอกมึง” ภูผาบอกปัดพร้อมกับมองหน้าเพื่อนตัวเองไปด้วยแล้วลากเพียวออกมา

“จะลากกูไปไหนกูปวดฉี่มึงนี่ ว่าแต่แบบนี้มีพิรุทนะมึงแอบบมากิ๊กกับแฟนกูหรอ” เพียวแกล้งทำหน้าจริงจัง

“เห้ย !!! เปล่า คิดบ้าอะไรของมึงเนี๊ยะ” ภูผาหน้าเหวอทันทีเพราะกลัวเพื่อนรักจะเข้าใจผิด

“คึคึคึ หน้ามึงตอนตกใจนี่ตลกเป็นบ้า เลยวะ ไปได้ละกูจะไปฉี่ พี่ปีด้วย ออกไปช่วยพวกนั้นเก็บของด้วย” เพียวเดินเข้ามาตามเพราะพวกเขาอิ่มกันแล้ว ปีมงคลเดินออกไปด้วยท่าทีปรกติ ช่วยกันเก็บของที่กินและเก็บล้าง ไวรัลขี่มอเตอร์ไซต์ไปส่งแก้วที่บ้าน ก่อนกลับเขาแวะซื้อไอศกรีมกลับมาด้วย ซื้อมาครบสำหรับทุกคน

“เอ่อ พี่ธารจะกลับแล้วเหรอครับ” พอขี่รถมาจอดที่รั้วหน้าบ้านก็เห็นลารเดินออกมาพร้อมกับภูผา

“อืม ข้า เอ้ย พี่จะกลับแล้ว เรานะออกไปเถลไถล ที่ไหนมา”

“พอดีผมแวะซื้อไอศกรีมที่เซเว่นมา มีของพี่สองคนด้วย” พูดไปมือก็ควานหาไอศกรีมในถุงไปด้วย “อะอันนี้ของท่ารแล้วอันนี้ของพี่ภู” ทั้งคู่ยื่นมือไปรับ

“ขอบใจเอ็งมาก เอ๊ย ขอบใจมากไวรัล” ธารอยากจะตบปากตัวเองสักที่สองที เขาหันไปมองภูที่กลอกตาอย่างเอือมระอา บอกกี่ครั้งไม่เคยจำ ผีพรายได้รับสายตาคาดโทษจากภูผา

“คึคึ พี่ธารนี่เหมือนหลุดดออกมาจากวรรณคดีไทยเลยเนอะ ข้าๆ เอ็งๆ ลูกทุ่งดีจัง” ไวรัลพูดอย่างขำๆ เขายกมือไหว้ลาคนทั้งก่อนจะเดินเข้าบ้าน

“หนูจ๋า พี่ขอกินหน่อยได้ไหม” เมื่อเห้นว่าไวรัลกลับมามาแล้วเขื่อนก็พุ่งเข้าหาทันที

“พี่เพียวอะ” ดวงตากลมกวาดมองไม่เห็นเจ้าของบ้านก็เลยเอ่ยถึง

“ไปบ้านคุณปีแล้ว เห็วว่าจะค้างที่นั่น”

“อ่าว เทกันอีกละ ถ้างั้นพี่เอานี่ไปแล้วก็กลับบ้านไปได้ละ ผมจะปิดบ้านนอนแล้ว” ไวรัลยัดไปศกรีมที่ไกล้ละลายใส่มือเขื่อนแล้วเอ่ยปากไล่ทันที

“เห้ย ไม่ได้ ไอ้เพียวมันสั่งให้พี่นอนเป็นหนู”

“-*- ตอแหล!! กลับไปได้แล้ว” ไวรัลไม่หลงเชื่อคนแก่นี่ง่ายเขาผลักแผ่นหลังกว้างๆ นั่นออกจากบ้าน แต่เขื่อนขืนไว้ก่อนจะพลิกตัวหันไปอุ้มร่างเล็กพาดบ่าแล้สพาเข้าบ้าน

“อ๊ากกก ไอ้พี่เขื่อนปล่อยนะเว้ยย” มือเล็กระรัวทุบไปทั่วแผ่นหลังหนานั่นอย่างเหลืออด

“ไม่เว้ย ช่วงนี้พี่ใจกล้าหน้าด้านเป็นพิเศษ” ไม่พูดป่าวยกมกขึ้นตีก้นเด็กดื้อของเขาดังป๊าบใหญ่

ป๊าป ๆ

“โอ้ยไอ้พี่เขื่อน จะปล่อยไม่ปล่อย ไม่ปล่อยจะโกรธแล้วนะ แล้วก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลยเอาไง” ไวรัลพูดขู่เสียงแข็ง

“ขู่เป็นแมวแบบนี้พี่ไม่กลัวหรอกกก็บอกแล้วไงว่าพี่หน้าด้าน” เขื่อนอุ้มไวรัลเข้าไปในห้องนอนแล้วโยนลงบนที่นอนก่อนจะกดล็อกประตูห้อง

“ไอ้พี่เขื่อนจะทำอะไรวะ!! ”

“หึหึหึ จะปราบเด็กดื้อ” เขื่อนยิ้มหื่นออก ไวรัลตกใจรีบหาทางหนีทันที

“ออกไปเลยนะ”

“หนีไม่พ้นหรอก จะยอมดีๆ หรือจะให้พี่ขืนใจ”

“ไม่เอาอะไรทั้งนั้นโว่ยยยยยยยยยยย” พูดจบก็กระโจนลงจากเตียง แต่ก็ช้ากว่าคนที่ตั้งท่ารออยู่แล้ว ร่างเล็กดินพล่านในอ้อมดกอดที่แข็งแรง พร้อมกับหดคอหนีการจุ่โจมของอีกฝ่ายพัลวัล

“พี่เขื่อน หยุดทำอะไรบ้าๆ แบบนี้สักทีสิ”

“หนูก็หยุดทำให้พี่บ้าสิ พี่ยอมหนูทุกอย่างแล้วนะ” เขื่อนหยุดการกระทำนั้นไว้แล้วมองตาของไวรัลด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไวรัลเองก้รู้สึกใจเต้นแรงไม่ต่างกับคนตรงหน้าเท่าไหร่

“บางทีพี่ก็คิดว่าถ้าหนูแค่ให้ความหวังลมๆ แล้งกับพี่ ได้คิดจริงจังกับพี่ ก็ควรบอกมาตรงๆ พี่จะได้เลิกทำตัวน่าลำคานแบบนี้” เขื่อนพูดออกมาอย่างตัดพ้อเขาปล่อยตัวไวรัลให้เป็นอิสระก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัว ไวรัลพอได้ยินที่เขื่อนพูดเขาก็นิ่งงันทันที

“นอนเถอะพี่จะกลับแล้ว” เขาบอกพร้อมกับเปิดประตูก้าวออกจากห้อง

“พี่เขื่อน!!! ”



+++++++++++++++++++++

เงียบเหงามาก ชอบไม่ชอบ ช่วยเม้นบอกเค้าหน่อยนะตัวเอง






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
น้องยักษ์คงอาละวาดแน่ถ้าพี่ปีโดนญาติๆ สั่งเก็บจริง
น้องไวได้ง้อพี่เขื่อนแน่ๆเลยงานนี้ ดูท่าทางจะงอนจริงๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
น่ารักมากๆเลยแต่สงสารน้องยักษ์นะกลัวจบเศร้อ่ะ

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3














อสุรา ล่ารัก 20 มันก็จะเสียวๆหน่อย น้องยักษ์ได้กล่าวเอาไว้

                ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่มีลุคเหมือนหนุ่มเจ้าสำราญเดินผิวปากออกมาจากบ่อนการพนันแห่งหนึ่ง ใบหน้าเขาตอนนี้ดูยิ้มแย้ม กับก้อนเงินที่ได้มาเต็มกระเป๋า


“วันนี้โชคดีจริงเว้ย” พูดจบก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจ มือเขากำลังขึ้น แต่แฟร้งเป็นคนฉลาดและไม่ได้โลภมากเหมือนนักพนันคนอื่นๆ ในเมื่อเขาได้เขาก็รีบตักตวงจนรู้ว่าอีกฝ่ายจะเอาคืนเขาตอนไหน เขาก็ชิ่งเลิกเสียตอนนั้น ร่างสูงเดินอารมณ์ดีมาที่รถคันหรูก่อนจะขับออกไป สองนิ้วเคาะพวงมาลัยตามจังหวะดนตรีไปเรื่อยๆ พร้อมกับมองไปรอบๆ แต่เขาไม่ได้มองกลับมาที่ด้านหลัง ว่ามีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามเขาอยู่ห่างๆ อย่างระวังตัว

          จนกระทั่งล้อมาหยุดหมุนที่พื้นที่จอดรถของบริษัทผลิตเฟอร์นิเจอส่งออกขนาดใหญ่ ยังไม่รวมถึงธุรกิจโรงแรมห้าดาวที่กำลังเติบโตอีก หนุ่มใหญ่วัยสามสิบต้นๆ เดินฮัมเพลงเข้าไปด้านใน


“สวัสดีค่ะคุณแฟร้ง นี่ค่ะใบรายการสั่งซื้อที่คุณตามหา” แสงดาวเลขาสาวผู้ใสซื่อยื่นแฟ้มเอกสารให้กับเจ้านายของตน


“ขอบใจมากครับ น้องดาว” ใช่เลขาสาวไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหล่ เธอมีหน้าตาที่น่ารักและดูใสซื่อหลอกง่าย เขาจึงใช้ข้อดีนี้หลอกใช้เธอ และอีกไม่นานคงจะหลอกฟันเธอได้สมดั่งใจ แสงดาวหน้าแดงนิดๆ เมื่อเจ้านายหนุ่มให้ความใกล้ชิดเธอแบบรวดเร็วนั่นคือการถึงเนื้อถึงตัว สองมือหยาบลูบลงบนมือนุ่มๆ ของเธอ แสงดาวรีบชักมือกลับก่อนจะรีบเดินออกมาจากห้องนั้นทันที


“หึหึ ยัยลูกไก่สักวันพ่อจะเชือดกินให้ดู” แฟร้งพูดอย่างเข่นเขี้ยว พร้อมกับทำหุตาแพรวพราว เขาอ่านเอกสารในมือก่อนจะยกยิ้มเมื่อเห็นลายเซ็นของปีมงคลประทับอยู่ตรงรายการที่อนุมัติ รายได้เล็กๆ น้อยของเขากำลังจะถูกโอนเข้าบัญชี รับเหนาะๆแค่ สองสามล้าน เขาปิดแฟ้มนั้นแล้วเอนหลังลงกับพนักพิงของเก้าอี้อย่างสบายใจ ก่อนที่ความสุขนั้นจะถูกทำลายด้วยเสียงแหลมๆ ของมีนาที่จู่ๆ ก็พรวดพราดเข้ามาในห้องทำงานของเขา


“พี่แฟร้ง!!! ” ร่างระหงเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามา หน้าตาเธอไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แฟร้งผวาลุกขึ้นนั่งทันทีพร้อมกับส่งสายตาเอือมระอาไปให้หญิงสาว


“อะไรของเธออีกห๊ะ ทีหลังถ้าจะเข้ามาหาพี่ก็หัดมีมารยาทบ้าง” ชายหนุ่มดุหญิงสาวที่มาทำลายความสุขขอบเขา


“บ่นอีกแล้วน่าเบื่อ!! ” ความเอาแต่ใจของมีนามาเป็นที่หนึ่งเสมอ เจ้าหล่อนกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟา พร้อมกับกอดอกมองพี่น้องที่ท้องชนกันบ่อยๆ

“มีอะไร”


“ก็ไอ้คุณชายปีนะสิ ทำตัวน่าเบื่อ มีนาจะชวนไปไหนไม่เคยไปเลย วันก่อนก็ท้าให้พ่อมีนาถอนหุ้นอีก เอาใจยากชะมัด” เธอบ่นออกมาด้วยความคับแค้นใจ เพราะคู่หมั้นของเธอเห็นเธอเป็นเพียงธาตุอากาศไม่มีตัวตน


“.....”


“รู้ไหมวันนี้นะมันเอาไอ้เด็กที่ไหนรู้มากกที่ห้อง ไม่เห็นหัวมีนาเลยสักนิด” เธอนึกถึงใบหน้าเด็กหนุ่มที่ปีมงคลให้ความสนใจและให้ความสำคัญมากกว่าเธอที่เป็นคู่หมั้น ยิ่งนึกยิ่งเคียดแค้น


“....”


“มีนาเบื่อ มีนาเซ็ง พี่แฟร้ง พี่ต้องช่วยมีนานะ” หญิงสาวเดินไปหาแฟร้งพร้อมกับเกาะแขนออดอ้อน


“เห้ออ จะช่วยอะไรได้ เธอก็รุ้ว่าไอ้ปีมันเอาใครที่ไหน หรือบางทีมารยาของเธออาจจะยังมีไม่พอ” แฟร้งแอบแขวะเธอนิดๆ


“พี่แฟร้ง!! น่านะช่วยมีนาหน่อยนะ”


“ช่วยแล้วได้อะไร” แฟร้งเริกคิ้วถามอย่างคนเจ้าเล่ห์ คนอย่างเขาไม่มีทางทำอะไรให้ใครฟรีๆ หรอก


“พี่แฟร้งออยากได้อะไร...มีนาก็จะทำให้หมดทุกอย่าง” ร่างระหงหย่อนตัวนั่งลงบนตักแกร่งพร้อมกับยกมือขึ้นคล้องคอหนาเอาไว้ พร้อมกับมองเขาด้วยสายตายั่วยวน


“หึหึ คืนนี้ไปหาที่ห้องนะจ้ะน้องสาวคนสวย” เป็นอันตกลงกับข้อเสนอ มีนายิ้มย่องคืนนี้มีอะไรให้ทำสนุกอีกแล้วสิ

++++++++++

22.30น

ก็อกๆ


“มีนา” เสียงทุ้มแหบพร่าเรียกชื่อหญิงสาวเสียงดัง ก่อนที่ประตูบานนั้นจะเปิดออก


“มาแล้วเหรอคะ คึคึ พาเพื่อนมาซะด้วย” มีนาอยู่ในชุดนอนซีทรูสีขาวบางเฉียบ เห็นทรวดทรงองค์เอว รวมถึงเนื้อนมไข่เต่งตึงใต้ร่มผ้านั่น ด้านหลังของแฟร้งมีฝรั่งหน้าตาดีอีกสองคนยืนมองเรื่อร่างของหญิงสาวไม่วางตา เจ้าหล่อนเชื้อเชิญคนทั้งสามเข้ามาในห้อง


“แตงโม พี่แฟร้งมาแล้ว” มีนาหันไปเรียกเพื่อนสาวอีกคนที่แต่ตัวไม่ต่างอะไรจากเธอ เว้นเสียแต่หุ่นที่อวบอัดมากว่าเธอ เจ้าหล่อนยิ้มหวาน เพราะฤทธิ์แอลกอฮอ


“พี่แฟร้งขา..อื้ออ แตงโม..คิดถึ้งง คิดถึงพี่แฟร้ง” ร่างสุงยิ้มกริ่ม เขาไม่เคยผิดหวังถ้าได้เข้ามาในห้องของมีนา แฟร้งหยิบซองซิปที่มีผงสีขาวอยู่ด้านในแล้วโยนลงบนโต๊ะรับแขก ทุกคนยิ้มกริ่ม ออกมา แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในโลกแห่งสวรรค์ นัวเนียไร้สติทุกอย่างหมุนคว้างและล่องลอย ทุกคนตกอยู่ในอารมณ์ตัณหาและเซ็กส์ มันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งถ้ามีนาต้องการอะไรและขอให้แฟร้งค์ช่วย ที่สำคัญคนที่เข้ามาในห้องนี้ไม่เคยซ้ำหน้ากันสักครั้ง

++++++

           เปิดร้านวันแรกของยักษ์เย็นตาโฟร์ผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากปิดปรับปรุงหนึ่งอาทิตย์ลูกค้าถูกใจกับการตกแต่งร้านมากเพราะมันดูร่มรื่นไม่ร้อนแถมมีที่จอดรถคือลานดินฝั่งตรงข้ามอีก แก้วกำลังง่วนอยู่หน้าเตา ส่วนยักษ์น้อยกับเด็กหนุ่มนามไวรัลก็เดินเสิร์ฟกันขาแทบขวิด


“พี่เพียวอีกสองวันไวเปิดเทอมแล้วใครจะช่วยพี่ละ” เรื่องหนึ่งไวรัลแกคิดขึ้นมาได้


“นั่นสิสงสัยต้องหาคนมาช่วยงานเพิ่ม” ยักษ์น้อยยกมือขึ้นปาดเหงื่อแล้วเอาชามที่เก็บมาใส่ลงในอ่างสำหรับล้าง


“งั้นผมเอาป้ายมาติดไว้เลยนะ”

“อืม เอาไปติดไว้หน้าร้านที่เดิมนั่นแหละ แต่เขียนเพิ่มอีกสองคนนะ พี่แก้วจะได้ไม่เหนื่อย” ไวพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปเอาไปไปติดไว้หน้าร้าน


เพียวพาท

            หลายวันมานี้ผมยุ่งอยู่กับร้านครับ ไวรัลเปิดเทอมไปเรียนแล้ว ส่วนผมต้องช่วยพี่แก้ว มีเด็กใหม่มาสมัคงานอยู่คนหนึ่งเริ่มงานวันนี้วันแรก ชื่อ ตาว เด็กแว่นหน้าตาน่ารักครับมันขยันดีเห็นบอกว่าการเงินที่บ้านไม่ค่อยดีมันเลยอยากหาเงินเรียนเอง สงสารเลยรับไว้ ตาวมันเป็นเด็กขยันครับ ขยันหาเรื่อง เรื่องจานแตกแก้วแตก เรื่องโดนแซวโดนแซะจากลูกค้า บางทีเห็นแล้วก็สงสารไปช่วยมากก็ไม่ได้งานผมก็ยุ่งมากพอดูอยู่แล้ว เวลามันทำของแตกเสียหายชอบทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทุกครั้ง มันคงกลัวผมหักเงินมันมั้ง


“ตาว มานี่หน่อย” ผมกวักมือเรียกมันให้เอาน้ำไปเสิร์ฟให้ลูกค้ามันรับน้ำแล้วเอาไปเสิร์ฟเรางานยุ่งจนไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครเดินเข้ามาในร้าน


“เพียวโต๊ะแปด” พี่แก้วเรียกผมให้ยกก๋วยเตี๋ยวไปเสิร์ฟแต่ผมติดลูกค้าอยู่ ตาวมันก็ไปเก็บโต๊ะ


“โต๊ะแปดนะ” เสียงคุ้นๆ ดังขึ้นทำให้ผมรีบหันไปมอง


“พี่ทศ!!! ” ผมเรียกชื่อเขาด้วยความดีใจ นานมากแล้วตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีก ร่างสูงเดินเอาก๋วยเตี๋ยวไปเสิร์ฟให้ลูกค้า ที่แอบกรี๊ดเบาๆ ให้กับความหล่อของพี่แก พอพี่ทศเดินกลับมาเขาก็ส่งยิ้มหวานๆ มาให้ผมพาพี่ทศเข้าไปในบ้านแล้วฝากร้านไว้กับสองคนนั้นสักพัก หยิบเอาน้ำมะตูมที่ทำแช่เย็นไว้มาให้พี่ทศ


“พี่หายไปไหนมา”


“ทำงานสิครับ แล้วนี่ไอ้หมาบ้ามันไม่อยู่เหรอ” = =


“อ่อ พี่ปีเหรอ พี่ปีเข้าบริษัท”


“งั้นวันนี้ก็มีแค่เราสองคนใช่ไหม ^^” พี่ทศยิ้มออกมาดูเป็นคนอารมณ์ดีแปลกๆ ผมยิ้มแห้งๆ ให้พี่มัน เหอๆ ชะตาน้องเพียวจะขาดไหม ถ้าพี่ปีกลับมาแล้วเจอไอ้พี่ทศมันนั่งอยู่ในบ้าน


“แล้ววันนี้แค่มาหาหรือมีธุระละพี่”


“ก็ทั้งสองอย่าง แวะมาหาน้องชายสุดที่รักแล้วกะว่าตอนเย็นจะพาไปดูอะไรนิดหน่อย”


“อะไรเหรอพี่”


“ช่วงนี้เราไม่ได้ ออกล่าเลยใช่ไหมล่ะ พี่ว่า พี่จะไปสะสมแต้มบุญสักหน่อยเผื่ออะไรๆ ที่พี่หวังมันจะสัมฤทธิผลขึ้นมาบ้าง” รอยยิ้มที่พี่ทศส่งมานั่นมันดุแปลก สายตาเขาก็ด้วย เหมือนจะสื่ออะไรสักอย่างที่ผมไม่เข้าใจ


“อะ อื้ออ ไม่ได้ออกล่ามาสักพักแล้วละ” ท่านยมไม่มาหาจะออกล่ายังละ ออกล่าต้องมีหมายจับจากท่านยมซะก่อน อดีตแล้วยักอย่างเราๆ เป็นยักษ์ที่เฝ้าประตูนรกคอยปราบปรามพวกวิญญาณชั่วร้ายที่ท่านยมจัดการไม่ได้ แล้วพักนี้ท่านยมก็หายหน้าหายตาไปพักหนึ่งแล้ว สงสัยพวกมารจะลดลง


“เมื่อสองวันก่อนท่านยมเอาสิ่งนี้มาให้พี่” ใบล่ามารที่ระบุตัวตนและที่อยู่แน่ชัดมาให้


“อ่า พวกมาร” มารที่ว่านี่คือวิญญาณชั่วร้ายที่มีฤทธิ์มากและหนีออกมากการจับกุมของท่านยม พวกเราคือไม้ต่อที่จะจัดการพวกมันลงนรกอเวจีแบบไม่ต้องได้ผุดได้เกิด ดังนั้นพวกมารจึงหวาดกลัวพวกผมและหลบซ่อนตัว ที่ที่ ปลอดภัยมากที่สุดของมันคือ ร่างกายของมนุษย์ มันใช้ความโลภ ความหิวกระหายและความเคียดแค้นครอบงำพวกมนุษย์ให้มอบร่างกายให้แก่มัน และสิ่งที่ผมเห็นจากใบล่ามารคือรูปภาพของใครคนหนึ่ง เหมือนผมเคยเห็นในรูปของผุ้ก่อตั้งบริษัทของพี่ปี


“เอาด้วยไหม”




“อื้อเอาสิ” ผมไม่ปฏิเสธหรอกถ้ามันเกี่ยวกับพี่ปีของผมยิ่งมารอยู่ในร่างมนุษย์ยิ่งอันตราย เรานั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูบ้านเข้ามา


“เพียว!! กูว่าแล้วแมร่งรถมันคุ้นๆ” พี่ปีเดินทะมึนเข้าบ้านมาพร้อมกับตะโกนลั่นบ้าน พี่ทศแสยะยิ้มนิดๆ


“อ่าวพี่กลับมาแล้วเหรอ” ผมรีบลุกขึ้นไปหาพี่ปีทันทียิ้มประจบเอาใจมือก็ลูบแขนล่ำเขาไว้ด้วย กลัวเหลือเกินกับท่าทีที่จะพุ่งเข้าใส่พี่ปี


“เออ แล้วไอ้นี่มันมาทำไม” หันไปตะคอกใส่อีกคน พี่ทศหยักไหล่แล้วเดินไปทางประตูบ้าน


“เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ อ่อ เพียวพี่กลับก่อนละกัน ส่วนเรื่องนั้นไว้พี่หาวันว่างได้พี่จะมารับ” พี่ทศหันมายิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกจากบ้านไปผมจะออกไปส่งพี่ทศก็บอกว่าไม่เป็นไร


“มีเรื่องอะไรกัน” พี่ปีบีบข้อมมือผมแรงมาก นี่ผีบ้าที่ไหนมาสิงอีกเนี้ยะ

“เรื่องงานนิดหน่อยไม่มีอะไรหรอกพี่ ทำงานมาเหนื่อยๆ นั่งพักก่อนนะ” รีบพูดประจบก่อนจะวิ่งไปเอาน้ำมะตูมเย็นๆ มาให้พี่ปีกิน กลัวเหลือเกินว่าของพี่แกจะขึ้น พี่ปีเหล่มองผมนิดๆ เหมือนกลัวว่าผมจะแอบมีชู้ เหอๆ


“แล้วมันมานานรึยัง”

“พึ่งมาก่อนหน้าพี่แป๊บเดียว แล้วนี่จะกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนไหม หิวรึเปล่า? ผมจะได้อุ่นกับข้าวไว้ให้”


“อืม อุ่นไว้เลยเดี๋ยวไปอาบน้ำก่อน จุ๊บ” เขาเดินมาจูบที่หน้าผากผมเบาๆ แล้วเดินออกไปทางหลังบ้าน ก่อนจะออกไปยังรั่วแล้วเดินเข้าบ้านตัวเอง ผมนี่ยืนค้างยิ้มหวานอยู่คนเดียว ชอบอะ!! >///< ผมเดินกลับเข้าไปในครัว เอากับข้าวที่ทำไว้เมื่อกลางวันออกมาอุ่น มีผัดเปรี้ยวหวาน กับต้มผักกาดดองหมูสามชั้น ทอดไข่เจียวกุ้งเพิ่มให้อีกอย่างรอพี่ปีกลับมากิน แอบคิดถึงภารกิจที่พี่ทศเอามาเสนอ ผมไม่ได้ออกล่านานแล้วกลัวว่าพลังมันจะเสื่อม ไม่นานพี่ปีก็กลับมาในชุดสบายๆ กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดธรรมดา แต่ ออร่านี่สิ ระยิบระยับแสบตาไปหมด เดินผ่านลูกค้าเข้ามาในตัวบ้านเสียงกรี๊ดก็ดังตามหลัง นี่ผมชักจะไม่ชอบความหล่อของพี่แกละ


“นั่งเลยพี่เดี๋ยวผมตักข้าวให้” ผมเดินไปตักข้าวสวยร้อนๆ พร้อมกับน้ำมาวางไว้ให้แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับพี่ปี


“แล้วไม่กินด้วยกันเหรอ?”

“ไม่ละ พี่ผมกินแล้ว นี่ก็จะออกไปช่วยงานไอ้ตาวมันแล้วปล่อยมันทำคนเดียวสงสาร” ผมจบก็เดินออกไปหน้าร้าน ลูกค้าพอมีผมเลยไปช่วยตาวมันเก็บโต๊ะ ระหว่างนั้นก็มีลูกค้าอีกสองสามรายเข้ามา ผมให้ตาวไปรับแขก เดี๋ยวผมจะเก็ยโต๊ะให้ ตาวเป็นเด็กเหนือครับ ไม่ใช่ภาคเหนือนะครับ แต่เหนือความคาดหมาย มันเหมือนเด็กซื่อบื้อๆ แต่ป่าวเลยมันนะฉลาดเป็นกรด แต่ความลาดของมันไม่ได้ช่วยให้นิสัยซุ่มซ่ามของมันลดลง ตาวมันโคตรจะเถรตรงจนบางครั้งคำพูดของมันก็เชือดเฉือนใจคนได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งผม มันส่งยิ้มให้ลูกค้าสาวๆ ถ้าโดนแอ้ว หรือโดนแซวมันก็จะตอบโต้พอเป็นกระสาย


“เห็นผมติ๊มๆ แบบนั้น เบอร์สาวผมเพียบนะครับ” มันเดินมาทางผมแล้วขยิบตาให้ แหม่หมั่นไส้จริ้งงงง ผมเบะปากใส่มันแล้วเดินไปหาพี่แก้ว ให้พี่แก้วพักบ้าง

“อ่าวพี่ปี” ร่างสูงๆ เดินหล่อเข้ามาในร้าน แล้วเดินมาผมที่เคาน์เตอร์

“โต๊ะไหน เดี๋ยวเอาไปเสิร์ฟให้”

“เห้ยพี่ไม่ต้อง” รีบห้ามเขาไว้ไม่อยากทำสักเท่าไหร่ แค่นี้ก็โดนแทะทางสายจนแทบจะเหลือแต่กระดูกอยู่แล้ว

“ทำไม กุอยากช่วย” ช่วยไปนั่งในบ้านดีๆ เถอะครับพี่

“หน้าที่ไอ้ตาวมัน ใช่ไหม?” หันไปใช้สายตาบังคับให้ไอ้ตาวมันตอบ

“ครับพี่ปี หน้าที่ผม พี่ไปนั่งในบ้านเหอะ อยู่แบบนี้พี่เพียวเขาหวง” นั่นไงครับผมบอกแล้วว่ามันเป็นตรงๆ คิดอะไรก็พูดออกมาแบบนั้น ไอ้สัส!! พี่ปีแม่งยกยิ้มมุมปากเหมือนจะพอใจกับคำตอบ

“มึงหวงกูเหรอ^^” แหนะยังจะมายิ้มกวนตีนให้อีก

“บ้า!! หวงเหิง อะไร แค่ไม่อยากให้เหนื่อยเฉยๆ” แล้วกุจะเสียงสูงทำม๊ายยย พี่ปีมันหัวเราะหึหึแล้วเดินไปนั่งที่มุมหนึ่งของร้าน แหนะขนาดไอ้ตาวบอกให้เข้าไปนั่งในบ้าน ยังจะมานั่งให้คนเข้ามองอีก ผมกลอกตาไปมาแล้วให้ตาวมันไปเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวแทน มีแอบจิกตาใส่ลูกค้าที่มองแฟนผมตาเป็นมัน เด๊ะๆ เอาตะกร้อลวกจิ้มตาแตก พี่ปีสบตากับผมแล้วยิ้มกริ่ม สงสัยจะเห็นตอนผมแอบยกตะกร้อใส่ลูกค้าแน่ๆ

“อะไร!! ”

“หึหึหึ”

“เข้าบ้านไปเลยไป” ไล่ไม่เคยได้ เพราะอย่างนั้นผมเลยทำเป็นไม่สนใจเสียงหวีดแหลมของสาวๆ ในร้าน เห้ออกลุ้ม มีแฟนหล่อแล้วกลุ้มโว้ยยยย สามโมงเราก็เริ่มเก็บร้าน ไวรัลกลับมาพอดี เลยได้ช่วยกันอีกแรง เก็บร้านไวเราก็ได้พักไวขึ้นพี่แก้วกลับบ้านทันทีที่งานทุกอย่างจบ ผมเดินไปจดของที่ต้องซื้อพรุ่งนี้เอาไว้ตอนเช้าจะได้ไม่ยุ่งมาก หลังจากนั้นก็ไปอาบเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่ปีกลับบ้านตัวเองไปแล้ว ไวรัลก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง ไอ้ตาวกลับบ้านไปได้สักพัก ผมเลยถือโอกาสนี้นอนพัก

“อะ..อื้อ..อืมม” หลับได้ไม่นานก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักมาทับอยู่บนตัว แถมยังรู้สึกเย็นๆ ที่คอและหน้า มันสร้างความรำคาญให้ผมแต่มันไม่อาจจะชนะความง่วงของผมไปได้ หนังตามันหนักจนลืมไม่ขึ้น อยากจะสลัดความอึดอัดนี้ออกไปจริงๆ ผมพยายามจะพลิกตัวหนีสัมผัสที่น่ารำคาญแบบนี้ แต่ทว่าตัวกลับถูกตรึงเอาไว้กับที่ขือมือผมทั้งสองข้างถูกกดเอาไว้เหนือหัว แบบนี้คงต้องลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วละ ว่าใครมันบังอาจมารบกวนยักษ์เวลานอน

“ว่าไง^^”

“พี่ปี= =”

“ตื่นยากเหมือนกันนะมึง” เชาบอกยิ้มๆ ก่อนจะก้มลงมาจูบผม นี่มันอะไรกัน มาอารมณ์ไหน ถึงจะงง แต่ผมไม่อาจจะปฏิเสธสัมผัสวูบวาบที่เกิดขึ้นได้ เราต่างไล่ต้อนกันไปมาจนกระทั่งความรู้สึกบางอย่างมันปะทุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ส่วนแข็งขืนของเราทั้งสองกำลังเสียดสีกันไปมา มันรู้สึกดีมากๆ มากกว่าสัมผัสของผู้หญิงที่ผมเคยได้เจอ มันออกจะตื่นเต้นนิดๆ เพราะครั้งนี้มันอาจจะเป็นครั้งของผม ที่..ทำกับผู้ชาย ร้อยกว่าปีผมผ่านผู้หญิงมาแค่คนเดียว แค่คนเดียวก็เข็ดแล้วมันเจ็บนะเวลาต้องมองเขาจากไป มือพี่ปีสอดเข้ามาใต้เสื้อตัวบางลูบไล้มันไปทั่วตัวของผม มันเสียวซ่านและรู้สึกดี

“อืมม พี่ ..อื้ออพี่”

“เพียว วันนี้ขอได้ไหม หืมม” จะมาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานอะไรตอนนี้ ฮรือออ ยังไม่อยากพร้อมเลย มือปลาหมึกของพี่ปีเลื่อนลงไปที่ขอบกางเกงยางยืดของผม ก่อนถอดมันออก ความเย็นแล่นเข้ามาปะทะเพียวน้อยของผมทันที พูดได้คำเดียวว่าโล่งงง

“คืออผม ไม่เคยกับผู้ชาย ผมกลัว”

“กูก็ไม่เคย แต่ไม่ต้องกลัวนะ กูศึกษามาแล้ว”

“ศึกษามาแล้ว?” = =ดูลงทุนเนอะ

“อืม นะ ความจริงวันนี้กุก็ไม่ได้กะจะทำแบบนี้หรอกแต่เห็บเหาข้างตัวมึงเยอะ ยิ่งไอ้หน้างูนั่นอีก”

“? ..พี่ทศเหรอ”

“เออ!! ”

“อะ อื้ออ พี่ อย่าทำแบบนั้น มัน อ๊า...” มือของพี่ปีเลื่อนลงไปจับแก่นกลางกายของผมและชักมันขึ้นลงเบาๆ

“ผ่อนคลายนะ ไม่ต้องกลัว”

“เปลี่ยนกันไหมพี่ นะ เดี๋ยวผมเสียบ”

“= = หยุดความคิดแบบนั้นของมึงซะเพียว” พี่ปีแทรกตัวเข้ามาตรงกลางระหว่างขาของผมเค้นมือไปทั่วหน้าอกแบนๆ ก่อนจะขยี้นิ้วลงกับตุ่มเล็กๆ บนหน้าอกของผม

“อ๊ะ..พี่ปี”

           การถูกเขาปรนเปรอทั้งบนทั้งล่างทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่โอนอ่อนไปตามทางของเขานอนให้เขาทำตามอำเภอใจ ตาปรือลอบเหมือนคนไร้สติ พี่ปีขบเม้มไปทั่วหน้าอกผม หยอกล้อกับตุ่มแข็งๆ ด้วยลิ้นของเขา มันเสียวสะท้านไปทั้งตัว ทำได้แต่เพียงส่งเสียงครางเบาๆ พร้อมกับเรียกชื่อของเขา ตอนนี้อะไรจะเกิดก็ต้องให้มันเกิดแล้วละ

“อย่าเกร็งนะมึง” ไอ้คำว่าอย่าเกร็งของพี่แม่งไม่ได้ให้ผมเตรียม ใจสักนิด ไม่รู้ว่าพี่ปีเอาขวดเจลมาจากไหนเขาบีบใส่มือแล้วป้ายลงบนช่องทางด้านหลังของผม มันเย็นวูบๆ ขาผมกระตุกนิดๆ เพราะตกใจ และหลังจากนั้น คงไม่ต้องบรรยายอะไรให้มากความ

จุกฉิบหาย!!!!!!! ขยับหนีนิ้วที่บรรจงสอดเข้ามาในตัวผมแต่ก็โดนพี่มันล็อกเอวไว้พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ใส่ผม

“นิ่งๆ แล้วผ่อนลมหายใจสิเพียว ไม่อย่างนั้นมึงจะเจ็บนะ” มันไม่ใช่คำขู่แต่เป็นคำแนะนำที่แมร่งโคตรจะน่าหวาดเสียว เมื่อพี่แกเล่นยัดเพิ่มมาอีกสองนิ้ว นี่ขนาดจ้อนของพี่มันใหญ่ขนาดไหนกันวะ ผมอึดอัดรู้สึกเหมือนหายใจไม่คล่องแต่บางครั้งมันก็รู้สึกเสียวจี๊ดๆ ที่ปลายหัวรวมถึงท้องน้อย ผมกัดฟันแน่นพยายามจะไม่สนใจว่าอะไรมันยัดอยู่ในก้นผม ใจสั่นสุดๆ พี่ปีทำอยู่อย่างนั้นสักพัก จนกระทั่งมันไปโดนจุดอะไรสักอย่างในตัวผม

“อ๊า...อื้อออออ” ผมครางลั่นด้วยความเสียสุดๆ เหมือนพี่ปีมันจะรู้แล้วว่าจุดไหนคือจุดเสียวพี่แก่เล่นกระแทกย้ำๆ จนผมปลดปล่อยออกมาเลอะหน้าท้องตัวเองไปหมด นอนเป็นหมาหอบแดดให้เขาเล่น

“เสียวละสิ”

“อื้ออ ลองบ้างไหมล่ะ”

“หึหึ ยังมีที่เสียวมากกว่านี้อีกนะ”

“อื้อออออ ไอ้พี่ปี” ใช่ครับไอ้ที่บอกว่าเสียวมากกว่านี้คือการยัดไอ้ดุ้นใหญ่ของพี่มันเขามาแบบไม่บอกผม พรวดเดียวแมร่งโคตรจะเจ็บ อารมณ์อย่างว่าแทบกระเจิง ยังดีที่พี่มันแช่เอาไว้รอให้ผมพอปรับตัว ด้านในผมตอดของเขาตุบๆ พี่มันทำหน้าเบี้ยวๆ แล้วร้องซีดออกมา

“เพียวอย่าตอดแรงกูเจ็บ..อื้อออใจเย็น เดี๋ยวได้เสียวแล้ว” พึ่งรู้นะครับว่าคนหล่อมาดนิ่งเวลาแมร่งหื่นคำพูดคำจามันจะด้านได้ขนาดนี้

“อื้ออ พี่ขยับเถอะผมอึดอัด อ๊ะ”

ตับ..ตับ.ตับๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

โอ๊ยมีใครเคยบอกพี่มันไหมว่าขยับไม่ได้ให้ใส่มาแรงมาเต็มขนาดนี้ พี่แกเล่นใส่เกียซอยผมถี่ๆ จนตัวโยกเตียงสะเทือน

“อื้อ พี่เบาก่อน อ๊าพี่ปีเบาพี่เบา นี่เมียไม่ใช่ตุ๊กตายาง พี่” กรีดร้องออกมาเสียงโหยหวน ไอ้เสียวมันก็เสียวอยู่หรอกแต่ แบบนี้ ผมหายใจไม่ทัน

“หึหึหึ” โอ้ยจะมาขำขันอะไรตอนนี้เมียจะตายแล้วT^T

ปึกๆ ๆ ๆ

“ซีดด เพียวว กูไม่คิดว่าทำกับผู้ชายมันจะดีแบบนี้” พี่มันก้มลงมาบดจูบผมอีกครั้ง กวาดลิ้นไปทั่วโพลงปากของกันและกัน ไม่นานพี่มันก็จับผมพลิกคว่ำลงกับที่นอนยกก้นผมขึ้นสูงแล้วสอดตัวตนของเขาเข้ามาอีกรอบ ครั้งนี้ไม่จุกแล้วครับมันจะเสียวๆ หน่อย ผมครางอื้ออกมาสองมือจิกลงบนที่นอนระบายความเสียว พี่ปีแรงดีไม่มีตก เขาครางเสียงต่ำเชิดหน้าขึ้นมองเพดานแล้วเรียกชื่อของผม

“เพียว...ฮึ่มมม..เพียว ครางให้กูฟังหน่อย”

“อื้อ พี่ อ๊ะพี่ เร็วอีกได้ไหมมันมาแล้ว” ครางตามที่เขาสั่งพร้อมกับมองเขาตาเยิ้ม ผมจะไม่ไหวแล้ว เอื้อมมือไปจับของตัวเองแล้วขยับตามจังหวะของพี่ปี

“พร้อมกันได้ไหมรอกูอีกนิด” คำขอของเขามันยากมากที่จะทำแต่ผมจะลอง

“อ๊า อื้ออ พี่ อื้ออออออ เร็วผมจะไม่ไหวแล้ว”

ตับๆ ๆ ๆ ๆ

“ซี๊ดดด อ่าห์ เพียว แมร่งโคตรเสียวเลย อีกนิด นะ อีกนิด อื้อออออ”

“อ๊า...อื้อออออ พี่” ในที่สุดเราเสร็จ ปลดปล่อยลูกนับล้านๆ ตัวออกมา ผมรู้สึกได้ถึงแรงฉีดอุ่นๆ ด้านในมันพุ่งแรงมาก *0*

“เชี้ย...พี่ปีมึงปล่อยในเหรอวะ!!! ”

“อ่าว! เออโทษทีกูลืม ^^” โอ้ยยยดีนะผมเป็นผู้ชายท้องไม่ได้ไม่อย่างนั้นนะเป็นเรื่องพ่อผมโหดมากขอบอกไว้เลย

“ = = “

“กูหวังว่ากลิ่นกับรอยของกูในตัวมึงจะไล่พวกแมลงน่าลำคานอย่างไอ้หน้างูนั่นได้นะ หึๆ” พี่มันยิ้มแบบคนโรคจิตใส่ เห็นแล้วทำไมรู้สึกขนลุกก็ไม่รู้

+++++++++++++++++++++++++++++

เค้าได้กันแล้วนะคะ ฮ่าๆๆๆๆ ได้เพราะความหึงของไอ้พี่ปีล้วนๆ

ตอนนี้ไม่ขอไรมากขอเม้นอย่างเดียว คึคึคึ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ในที่สุด ย ยักษ์ก็เสร็จพี่ปีจนได้ :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3














อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 21

ผมตื่นมาในตอนเช้าของอีกวันโดยที่มีคนนอนอยู่ข้างๆ คนตัวสูงหน้านิ่งๆ นอนหลับตาพริ้มอยู่บนที่นอน ผมค่อยๆ ย่องลงจากที่เตียงแสนนุ่มและอบอุ่นความจริงไม่ได้อยากจะออกจากอ้อมแขนของพี่ปีสักเท่าไหร่ แต่หน้าที่มันค้ำคออยู่ ผมเดิน เข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อออกไปตลาดตอนเช้าเหมือนเช่นทุกๆ วัน จัดการตัวเองในห้องน้ำเสร็จก็เดินออกมาแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าให้เบาที่สุดกลัวพี่ปีตื่นขึ้นมาเสียก่อน ผมเดินออกจากประตูมาโผล่ที่ตลาดอย่างที่เคยทำอยู่ทุกวันอย่างรวดเร็วทันใจ เดินซื้อตามรายการที่ลิสไว้ทั้งหมดและกลับบ้านก่อนเจ็ดโมง แวะซื้อโจ๊กให้สองหน่อที่นอนรออยู่ที่บ้านพร้อมกับปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้

แกรกกก เปิดประตูเข้ามาก็พบกับความเงียบงัน ไฟบ้านยังไม่ได้เปิดสักดวง

“สงสัยยังไม่ตื่น” กลับมาแล้วบ้านมันเงียบเชียบ ผมเอาของสดที่ซื้อมาแยกไว้ให้พี่แก้วที่ร้าน ส่วนโจ๊กเอากลับเข้ามาในห้องครัวในบ้าน กำลังจะจัดจานก็ต้องสะดุ้ง สุดแรง

“กลับมาแล้วเหรอเพียว” พี่ปีครับเดินหัวยุ่งลงมาจากชั้นบน พอมาถึงก็คว้าผมเข้าไปจูบหนักๆ ตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ฝืนอะไร ปล่อยให้เขาจูบจนพอใจ เมื่อพอใจก็ผละออก

“หิวรึยัง?” ผมถามพร้อมกับยิ้มหวานๆ ให้เขา

“ยัง แต่กูขอกาแฟสักถ้วยสิเพียว เดี๋ยวจะไปอาบน้ำแล้วจะได้กลับมากินข้าวพร้อมกัน” พี่ปีบอกแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะรอผมชงกาแฟมาให้ กาแฟดำน้ำตาลหนึ่งช้อนส่งกลิ่นหอม ชงเสร็จก็ เอาไปวางไว้ให้ตรงหน้า เขาจ้องหน้าผม เหมือนมีเรื่องจะถาม ดูจากสีหน้าเขาดูจะกังวลนิดๆ

“มีอะไรหรือเปล่าพี่”

“เอ่อ คือเมื่อคืน..มึง ตรงนั้น เป็นยังไงบ้าง” เขาชี้ไปที่ก้นของผม อ่า คือมันก็ปรกติดี เป็นพรสวรรค์ของยักษ์ละมั้งถ้ามีส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายได้รับบาดเจ็บ มันจะรักษาตัวเองในทันที ดังนั้นผมเลยไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือติดขัดอะไรกับตรงนั้น แต่ถ้าเป็นมนุษย์มันก็คงจะต้องเจ็บบ้างใช่ไหมล่ะ เพราะขนาดของพี่ปีมันไม่ใช่เล็กๆ เลย ผมมองหน้าเขา แล้วยิ้มออกมา

“ก็เจ็บนิดหน่อย พอทนได้ แล้วพี่ถามทำไมเหรอ?” ผมก็พาลซื่อถามเรื่องเรื่องน่าอายแบบนั้นออกไป

“ก็เป็นห่วง เห็นว่าต้องไปตลาดแต่เช้า” เขายกกาแฟขึ้นจิบผมแอบเห็นมือพี่มันสั่นนิดๆ ด้วยคงจะกลัวผมเจ็บ

“อ่อ แฮะๆ” ยิ้มเขินๆ พอได้ยินเขาบอกว่าเป็นห่วง

“เออว่าแต่เมื่อเช้าไปตลาดยังไงกู ตื่นมาตอนหกโมงยังเห็นรถจอดอยู่เลย” ชิบหายละ ผมลืมคิดไปเลย

“อะ เอ่อ ผมไปแท็กซี่นะ ขี่เกียจขับรถ” แถจนสีข้างถลอก ยังไงซะความลับยังต้องเป็นความลับต่อไปจะให้ใครรรู้ไม่ได้

“อืม เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนละกัน มึงเองก็ไปนอนพักก่อนก็ได้ร้านเปิดสิบโมงไม่ใช่เหรอ” ครับร้านเปิดสิบโมงแต่เริ่มตั้งหม้อตอนแปดโมง ผมให้กุนแจร้านไว้กับพี่แก้วดอกหนึ่งเผื่อผมไม่ได้ออกมาเปิดร้านให้ เทโจ๊กใส่ถ้วยให้ พี่ปีกับไวรัล ที่อีกสักประเดี๋ยวก็คงจะตื่นแล้วเทของตัวเองใส่ชาม ตอกไข่ดิบลงไปอีกสองฟอง ก่อนจะเอาเข้าไปอุ่นในไมโคเวฟ เตรียมทั้งน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ให้กับคุณสามี รู้สึกเหมือนตัวเองทำหน้าที่เมียที่ดียังไงก็ไม่รู้ อร๊ายย พูดแล้วก็เขิน กินเสร็จก็โดนไล่ให้ไปนอน นี่พี่ปีคงเห็นหนังตาผมที่มันคอยจะปิดทุกสองนาทีแล้วคงทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากไล่ให้ไปนอน ดูสิได้กันไม่ทันข้ามวัน ก็เบ่งอำนาจใส่เมียซะแล้ว

ผมเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำอีกรอบเพราะเดินตลาดสดมันมีแต่กลิ่นอาหารและฝุ่นควัน ก่อนจะล้มตัวนอน แต่ไม่คิดว่าจะหลับลึกรู้ตัวอีกทีก็เกือบสิบเอ็ดโมง พี่ปีโทรเข้ามาสามสาย ผมรีบกดรับ

“ (ทำอะไรอยู่วะ!! ไม่รับสาย) ” น้ำเสียงเขาดูหงุดหงิด

“ผมหลับพี่ พึ่งจะตื่นนี่แหละ” หรอกเสียงตอบเขาไป แต่รู้สึกว่ามันจะแหบนิดๆ

“ (ไม่สบายรึเปล่า?) ” น้ำเสียงดูอ่อนลงพอได้ยินผมบอกว่าหลับ นี่คงกังวลเรื่องเมื่อคืนอยู่สิท่า

“เปล่าพี่ ผมแค่ง่วงเฉยๆ แล้วพี่อยู่ไหน”

“ (บริษัท วันนี้คงกลับบ้านช้าหน่อยมีนัดกับลูกค้า ไม่ต้องรอกินข้าวนะ) ” พอรู้ว่าเขาจะกลับบ้านช้าผมก็ใจแป้วๆ

“อ่อ อื้อ”

“ (กูจะรีบกลับ หึหึ) ” พูดจบเขาก็วางสายไปเลย ผมนอนยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่บนที่นอน แค่พี่ปีบอกว่าจะรีบกลับทำไมผมต้องยิ้มเหมือนดีใจขนาดนั้นด้วย เหอๆ มองเห็นความแรดของตัวเองลางๆละ ลุกจากที่นอนไปล้างหน้าไล่ความง่วงแล้วรีบลงไปที่ร้าน ลูกค้าเต็มร้านแล้ว ไวรัลกับตาวเดินเสริๆ มือเป็นระวิง พี่แก้วยิ่งแล้วใหญ่ ผมรีบเดินเข้าไปช่วยเก็บโต๊ะเพราะมีลูกค้ามายืนรอนั่งอยู่

“เชิญนั่งครับคุณลูกค้า” ผมรีบเก็บโต๊ะแล้วเชิญลูกค้านั่ง เดินเอาชามไปเก็บแล้วกลับมารับออเดอร์กับลูกค้า

“รับอะไรดีครับ^^”

“เอาเส้นใหญ่โฟต้มยำ”

“ไซ้ยักษ์ไซ้คนครับ”

“ไซ้ยักษ์ค่ะ”

“ยักย์นะครับ รอสักครู่นะครับคุณลูกค้า” ผมรับคำแล้วเอาบิลไปให้พี่แก้วทำยิ่งใกล้เที่ยงลูกค้ายิ่งเยอะ เอาน้ำใบเตยเย็นๆ ไปเสริฟให้ก่อนจะเดินไปรับออเดอร์โต๊ะอื่น

“พี่เพียว เดี๋ยวผมจะไปเรียนแล้วนะ” เสียงของไวรัลดังขึ้นผมหันไปมองก็พยักหน้า

“ไปอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนเถอะ ที่เหลือพี่กับไอ้ตาวทำเอง”

“ครับๆ” มันวางชามก๋วยเตี๋ยวให้ลูกค้าแล้วยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินออกไปทางด้านหลัง

“เออ ตาวมึงโทรไปสั่งน้ำแข็งกับน้ำอัดลมร้านลุงวิทให้หน่อยสิ มันจะหมดแล้ว” ผมหันไปสั่งไอ้ตาวมันพยักหน้าแล้วเดินไปหลังร้าน

วันนี้ขายดีจนของที่ซื้อมาหมดก่อนเวลา พวกเราเลยได้เก็บร้านไว ผมเอาบิลทั้งหมดไปทำบัญชีในบ้านไอ้ตาวมันก็กลับไปแล้วเหลือพี่แก้วที่กำลังเก็บของ ผมเลยเรียกพี่แกไว้ก่อน

“พี่แก้วนมไอ้ตัวเล็กหมดรึยังครับ?”

“ก็กินได้อีกสามสี่วันจ้ะ ทำไมเหรอจ๊ะ”

“นี่ครับผมฝากพี่ซื้อผมไปฝากไอ้ตัวเล็กให้ผมด้วยนะ^^” ผมรู้ว่าพี่แก้วต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูก และที่สำคัญพี่แก้วเป็นคนขี้เกรงใจ พี่เขาจะไม่รับเงินง่ายๆ แน่

“เอ่อ น้องเพียว พี่ว่า”

“พี่แก้วเพียวฝากเงินนี่ซื้อนมให้น้องไม่ได้ให้พี่แก้ว รับไปเถอะครับตัวเล็กจะได้มีนมกิน” พี่แก้วยิ้มน้อยๆ ก่อนจะรับเงินนั่นไป

“ขอบใจนะน้องเพียว”

“ไม่เป็นไรครับ พี่แก้วรีบกลับเถอะลูกรอนานแล้ว” จากนั้นพี่แก้วก็กลับไปผมเลยนั่งทำบัญชียาวๆ คิดอยู่ว่าจะซื้อเพิ่มมากกว่าเดิมดีไหม แต่ไม่ดีกว่า ผมกลัวของเหลือแล้วมันจะไม่สดและไม่อร่อย พอทำบัญชีร้านเรียบร้อยก็เดินออกมาเช็กของที่ต้องซื้ออีกรอบ พอเสร็จก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวเอาเงินไปฝาก

Rrrrrrr (พี่ทศ) พอเห็นเบอร์ว่าใครโทรมาผมรีบกดรับ

“ (ว่าไงเรา ว่างไหม)

“ว่างแล้วพี่”

“ (พรุ่งนี้ เราจะออกล่า) ” ง่ายๆ สั้นๆ

“ครับ?”

“ (เตรียมตัวด้วย ดึกๆ พี่จะไปรับ) ” ติ๊ด...

“เห้ยพี่ อะไรวะไม่ให้เตรียมตัวเลย แล้วกูจะบอกไปอ้พี่ปีมันว่าอะไรวะวู้” หัวเสียกับความมาไวไปไวของพี่ทศ ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้ คือผมจะหาข้ออ้างอะไรกับพี่ปีกับการออกไปข้างนอกดึกๆ ดื่นๆ วะเนี้ยะ โอ้ยยยย น้ออ

ห้าโมงไวรัลก็กลับมาจากมหาวิทยาลัย วันนี้มันมีสารถีมาส่ง ไอ้เขื่อนครับพักนี้รู้สึกว่ามันจะมาบ้านผมบ่อยเกินไปแล้วต่างกับเพื่อผมอีกคน ไอ้นั่นโดนลากลงน้ำตลอด จนไม่มีเวลามาหาผม ชะตาชีวิตมันเป็นแบบนั้นผมไม่อาจจะฝืนมันได้ ไอ้เขื่อนเดินถือกระเป๋าของไวรัลเข้ามามันยักคิ้วใส่ผม

“มาทำอะไรบ่อยๆ วะ” ผมแกล้งหยอกมันเล่น

“มาหาข้าวฟรีกิน” ดู๊ ดูมันตอบ แมร่งทำยังกับบ้านผมเป็นโรงทานใครจะมาแดกข้าวฟรียังไงก็ได้ไรงี้หรอ

“ไม่ย้ายมาอยู่กับกูซะที่นี่เลยละแหม่” ผมประชด มันกลับยิ้มทะเล้นใส่เดินมาจับมือผม ทำตาเป็นประกาบวิบวับ ผมรีบสะบัดมือออก

“ได้เหรอ ถ้าได้กูจะได้ขนเสื้อผ้ามาเลย”

“พูดจริง?” ผมย้อนถามมัน

“ถ้ามึงจริงกูก็จริงอะ” สัส!!

“กูประชดเว้ย!”

“โด่วววว ไม่แน่จริงนี่หว่า ไหนว่ารักเพื่อน”

“แต่กุรักผัวมากกว่าเว้ย” เดินเข้าไปกระซิบเสียงเย็นๆ ข้างๆ หูมันแล้วหัวเราะออกมาอย่างผู้ชนะ ไอ้เขื่อนมันทำหน้าตกใจก่อนจะด่าผมเสียงดังว่าแรด เออ กูยอมรับว่ากูแรด แต่กูพึ่งจะมาแรดตอนมีผัวอะนะ คึคึคึ

ยืนคุยกับมันจนลืมไปว่าเด็กน้อยของมันเดินหายไปไหนก็ไม่รู้ ไอ้เขื่อนมันเดินกลับไปนั่งที่ห้องนั่นเล่นส่วนผมเดินเข้าครัวหาทำกับข้าวให้พวกมันรวมถึงพี่ปีคนหล่อของผมด้วย กับข้าวง่ายๆ สองสามอย่าง ก็มีไก่ผัดขิง ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดเผ็ดหมูสามชั้น ไวรัลมันขอไข่เจียวหมูสับด้วยอีกอย่างผมก็ทำให้ไม่ขัด เด็กกำลังกินกำลังนอน นี่ว่าจะซื้อซุปไก่ไว้บำรุงสมองมันด้วย ผมตักแบ่งกับข้าวเอาไว้ให้พี่ปีใส่ตู้กับข้าวเอาไว้แล้วเดินไปเรียกสองคนนั้นมา ไวรัลหน้าบึ้งๆ สงสัยไอ้เขื่อนคงไปแกล้งอะไรมันอีกแน่ๆ เลย

“มึงแกล้งมันเหรอเขื่อน” ผมถามพร้อมกับตักข้าวไปด้วย

“ป่าวนิ” มันตอบยิ้มๆ

“ตอแหล!!”

“-*- ไวรัล พูดให้มันดีๆ หน่อยไอ้เขื่อนมันโตกว่ามึงนะ”

“ขอโทษครับ” ไวมันยกมือไหว้ขอโทษไอ้เขื่อนกับผม หลังจากนั้นพวกเราก็จัดการกับอาหาตรงหน้าจนราบคาบนี่ถ้าไอ้ภูมาด้วยก็ไม่รู้ว่าจะพอกระเพาะมันหรือเปล่า กินเสร็จไอ้เขื่อนก็อาสาล้างจานให้ผมกับไวรัลเลยเดินมานั่งดูหนังที่ห้องนั่งเล่น

“พี่ดูยังเรื่องนี้อะ?” มันชูแผ่นหนังเรื่องไพเรทออฟอคาริเบี้ยนภาคล่าสุดมาให้ดู

“ยังเลย เปิดๆ เลยมึง” หันไปมองไอ้เขื่อนที่กำลังยืนหันหลังล้างจานอยู่ในครัวแล้วหันกลับมามองไอ้เด็กที่กำลังเปิดแผ่นหนังอยู่

“ไว กูถามอะไรหน่อยสิ”

“ว่า?”

“มึงชอบไอ้เขื่อนมันบ้างป่าววะ”

“....”

“ถ้ามึงไม่คิดจริงจังกับมันก็อย่าไปให้ความหวังมันนะเว้ย เห็นมากวนตีนแบบนี้ ไอ้เขื่อนมันเป็นคนที่จริงจังในเรื่องครอบครัวเรื่องความรักมากนะเว้ย” ผมพูดเตือน

“....”

“....”

“ผมแค่ยังไม่มั่นใจ...ว่าผมชอบผู้ชายรึเปล่า...กับพี่เขื่อนผมรู้สึกดีกับเขามากๆ รู้สึกดีจนไม่รู้ว่ามันแค่ความรู้สึกหรือความรักกันแน่พี่เพียว” น้ำเสียงที่ฟังดูท่าทางลำบากใจกับแววตาสับสนของมันทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ บางที่ ไวรัลมันคงต้องใช้เวลา มันยังเด็ก ผมหันไปมองเพื่อนตัวเองที่ยืนล้างจานเงียบๆ แล้วก็อดเป็นกังวลไม่ได้ ไอ้เขื่อนถ้ามันมั่นใจ หรือต้องการอะไรแล้วมันจะทำให้ถึงที่สุด มันเป็นคนรักเดียวใจเดียวและมั่นคงมาก อย่างแฟนของมันคนล่าสุดเห็นว่าคบกันมาตั้งเจ็ดปี สุดท้ายก็เลิกกันเพราะว่าอดทนเรื่องความจนของไอ้เขื่อนมันไม่ไหวเลยตีตัวออกห่าง

“แต่ไอ้เขื่อนมันคงไม่ได้สับสนแบบมึง กูว่ามึงรีบทำให้ตัวเองรู้ใจตัวเองไวๆ เถอะ ก่อนที่เพื่อนกูมันจะหมดใจเสียก่อน ถึงเวลานั้นมึงนั่นแหละที่จะเสียใจ”

“ครับ..” ยิ่งพูดสีหน้ามันยิ่งสลดลงไปอีก สักพักไอ้เขื่อนก็เดินเข้ามานั่งลงข้างๆ เด็กของมัน

“เป็นอะไร ทำหน้าเศร้าแบบนั้นทำไมครับหืมม” ไอ้เขื่อนมันใช้เสียงสองที่ผมฟังแล้วรู้สึกขนลุก

“พี่เขื่อนน ..นั่งนิ่งๆ สิ”

“ก็นิ่งแล้วนี่ไง หนูนั่นแหละอย่ายุกยิกสิ” -*-มันกระซิบกระซาบอะไรกันไม่รู้ผมขี้เกียจฟังเลยหันมาสนใจหนังต่อ ดูได้แปปเดียวพี่ปีก็กลับมา เขาตรงมายังบ้านของผมทันที เดินหน้ายุ่งเข้ามาเชียว ผมรีบเดินไปหา พี่ปีคว้าตัวผมแล้วลากไปในครัว

“อื้อออ พี่” เขาบดจูบลงมาด้วยความเร่าร้อนและหิวกระหาย ลิ้นของเราเกี่ยวกระกวัดกันไปมา พี่ปีเอาแต่ใจกับผมมากๆ กว่าจะผละออกได้เล่นเอาขาผมอ่อนไปหมด

“พี่ปี เป็นอะไรเนี้ยะ” ผมเอ็ดเขาเบาๆ พร้อมกับจับใบหน้าหล่อๆ นั่นเอาไว้ก่อนที่มันจะเกินเลยไปมากกว่านี้

“ปล่าวนี่ ^^” ยิ้มตอแหลแบบนี้มีอะไรชัวเลย

“งานที่บริษัทมีปัญหาเหรอ?”

“ก็ มีบ้างนิดหน่อย ว่าแต่เพื่อนมึงมานานรึยัง” เขาพยายามเลี่ยงคำถามของผม ผมเลยใช้สายตาบังคับให้เขาพูดแต่เหมือนจะไม่ได้ผล เขาเดินไปตักข้าวใส่จานผมเลยต้องเดินไปอุ่นอาหารให้เขา พี่ปีกินข้าวไปเงียบๆ จนหมดจาน แล้วดื่มน้ำตาม

“คืนนี้พี่จะนอนไหน บ้านผม หรือบ้านพี่”

“บ้านกู มึงไปเตรียมเสื้อผ้ามาไป จะได้กลับเลย”

“แต่เพื่อนผมยังอยู่”

“ช่างมันสิ มึงเป็นเมียมันรึไง? ไปเตรียมตัวเดี๋ยวสองคนนี้กูจัดการเอง” เขาไล่ให้ผมไปเก็บเสื้อผ้า จำใจต้องเดินขึ้นไปด้านบนไปเอาเสื้อผ้า

+++++++++++++++++++++++

(ปีมงคล)

ผมไล่ไอ้เตี้ยมันขึ้นไปจัดเสื้อผ้าเพื่อไปค้างบ้านผม ความจริงจะให้มันอาบน้ำจากที่นี่ไปเลยก็ได้แต่ วันนี้ผมอยากอาบน้ำพร้อมมัน วันนี้ที่บริษัทมีเรื่องนิดหน่อย หลักฐานบางอย่างที่สำคัญของผมหายไปข้อมูลในแฟรชไดร์ที่ภูผาให้ผมมันหายไป เหมือนโดนลบไฟล์ทั้งหมดในนั้น ผมเอาแฟรชไดร์ใส่ไว้ในลิ้นชักซ่อนไว้อย่างดี ในช่องลับ หลักฐานชิ้นเดียวที่ผมมีมันหายไปแล้ว คนชั่วมันเลยยังลอยนวลอยู่ ผมเดินไปหาสองคนนั้น

“ไวรัล เขื่อน” ผมเรียก

“อ่า..คุณปี กลับมาแล้วเหรอครับ^^”

“อืม...พวกคุณอยู่บ้านกันสองคนได้ใช่ไหม”

“ครับ แหม่ห่างกันไม่ได้เลยนะครับเดี๋ยวนี้ เมื่อก่อนละเห็นกัดกันจะตาย” ไวรัลมันแซวผมเลยส่งสายตาดุๆ ไปให้ มันหาได้กลัวผมสักนิดกลับกันมันกลับหัวเราะผมเสียงดังลั่น จนเขื่อนต้องปรามเอาไว้ ผมรอได้สักพักเพียวมันก็หอบเสื้อลงมาพร้อมกับเครื่องประทินผิวของมันอีกสองสามขวด ผมยื่นมือไปรับของในมือ มันส่งยิ้มหวานๆ มาให้เห็นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ ผมไม่อยากให้มันเครียดเรื่องของผมไปด้วย

“ปะพี่ อ่อ ไอ้เขื่อนมึงจะค้างที่นี่เลยรึเปล่า”

“อืม ทำไม?”

“เปล่า ถ้างั้นมึงปิดบ้านให้กูด้วยเดี๋ยวเช้ากูจะมาปลุก” เพียวมันหันไปสั่งเพื่อนของตัวเองแล้วเดินจูงผมออกจากบ้าน

“อ้าวน้องปี!!” เสียงแหลมๆ แสบแก้วหูดังมาจากรั้วข้างบ้าน ผมกับเพียงมันชะงักไปนิด

“-*-ยัยมนุษย์ป้านี่อีกแล้ว” ผมบ่นออกมาเบาๆ อย่างรู้สึกหงุดหงิดหัวใจ

“ป้าอร สวัดดีครับ เพียวไปก่อนนะครับพอดีมีธุระ” เพียวมันยิ้มแล้วยกมือไหว้ มันมีมารยาทครับ ผมก็มีแต่ไม่ใช่กับยัยมนุษย์ป้ามหาภัยจอมขี้เสือกแบบนี้ เพียวกับผมไม่ได้หยุดเดินรอให้มนุษย์ป้าได้เอ่ยทักอะไรอีก แต่ดูเหมือนป้าแกจะไม่เข้าใจ ปกรีบกระโจนออกมาจากรั้วบ้านของแกแล้วเดินมาขวางทางผมเอาไว้

“ธุระอะไรดึกๆ ดื่นค่ะคุณน้องให้ป้าไปเป็นเพื่อนไหม^-^” - -*

“= = ไม่เป็นไรดีกว่าครับ พอดีมันเป็นธุระของผมสองคน” ไอ้เพียวมันลากผมให้เดินไวขึ้น

“ธุระที่ไหนละคะ” ขนาดเดินเลี่ยงยังจะอุตส่าห์มาดักทางอีกผมชักจะหมดความอดทนกับความสอดรู้สอดเห็นของยัยป้านี่เต็มทน เพียวมันเห็นหน้าผมแล้วรีบลากผมเข้าบ้าน ผมสะบัดแขนออกแล้วหันกลับไปประจันหน้ากับยัยป้าผีบ้านี่

“ธุระบนเตียงครับป้าอร ผมจะเอากับเมียป้าจะตามไปดูด้วยไหมครับ ผมจะได้เปิดประตูบ้านรอ”

“*0* นะ นี่ น้องปี เอ่อมะ..เมีย” ถึงกลับไปไม่เป็น ป้าอรแกชี้นิ้วไปที่ไอ้เพียวแล้วชี้มาที่ผม หึหึหึ ผมยกยิ้มนิดๆ แล้วก้มลงจูบไอ้เพียวต่อหน้าป้าอรซะเลย ขี้เสือกดีนัก

“พี่..*0*..ทำอะไร อายป้าเค้า” ไอ้เพียวมันตีแขนผมแรงๆ แก้มมันขึ้นริ้วแดงๆ ด้วยความเขิน เห็นแล้วอยากจะขย่ำมันซะตรงนี้ คนอะไรเขินแล้วน่ารักเหี้ยๆ ผมพยายามเก็บสีหน้าและอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่อยากให้ใครเห็น

“เข้าใจนะครับ ว่าไม่เสือก!” มันอานจะฟังแล้วดูแรงไป แต่กับผ็หญิงคนนี้ผมขอเป็นข้อยกเว้นครับ

“พี่ปี!!! ป้าอรครับพวกเราขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบมันก็ลากผมเข้าบ้านทันที ผมแอบหันหลังไปแสยะยิ้มร้ายๆ ใส่ พอเข้ามาในบ้านมันก็ดุผมหาว่าผมเลี้ยงหมาไว้ในปาก ไม่มีสัมมาคารวะ โถไอ้เตี้ย ทำมาเป็นพูดดีวันก่อนผมยังแอบได้ยินมันด่าป้าอรลับหลังอยู่เลย ไม่อยากเถียงมันแล้วครับไล่ให้ขึ้นห้องผมจะล็อกบ้าน แล้ว อยากมีความเป็นส่วนตัว!!!

กลับขึ้นห้องก็เห็นว่าไอ้เตี้ยมันกำลังจะถอดเสื้อผ้าอาบน้ำอยู่พอดี ผมเลยอาสาช่วยมันถอด แต่ไม่รู้ถอดกันอีท่าไหน มันดันไปจบลงบนเตียง หึหึหึ ยอมรับเลยครับว่ากับผู้ชายครั้งแรกมันจะรู้สึกดีได้ขนาดนี้พอครั้งที่สองมันยิ่งดีมากขึ้นไปอีก อยากจะทำมันกับมันนานๆ แต่มันดันหลับคาอกผมไปเสียก่อน น้ำเลยไม่ได้อาบกันทั้งคู่ จัดท่าให้มันนอนดีๆ ผมชอบมองมันตอนมันหลับ วงหน้าหวานๆ กับขนตางอนสวย ปากบางอมชมพูน่าจูบคิ้วมันก็สวย จมูกมันก็สวย ยิ่งตาของมันยิ่งสวยใหญ่ มองมันจนอิ่ม แล้วเดินเก็บเศษซากอารยธรรมที่ บนพื้นขึ้นมาใส่ แล้วเดินไปเอางานที่ค้างอยู่ขึ้นมาทำ

ตีสาม

“อะ อื้อออ ห้าวววว” เสียงหวานๆ ของมันดังขึ้นมาตอนตีสาม ผมยังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะหันมาเห็นมันนั่งบิดขี้เกียจเสื้อผ้าไม่ได้ใส่ มันหันมามองผมแล้วส่งยิ้มหวานๆ มาให้ ชอบนะครับเวลามันยิ้มแบบนี้

“เป็นไงบ้าง” ผมหมายถึงตรงนั้น แต่มันกลับคิดไปอีกแบบ หึหึน่ารักจริงๆ

“-///- ก็ดี ..”

“แค่นั้น? เห็นร้องซะดัง นึกว่าจะชอบ” แอบแซะให้มันเขินเล่นๆ ยิ่งเวลาหน้ามันเหวอๆ อายแล้วโคตรตลก

“อะ อื้ออ กะ ก็ชอบ>///<” เห็นไหมครับว่ามันน่ารักขนาดไหน ไอ้เตี้ยมันค่อยๆ คลานลงจากที่นอน ท่าทางมันไม่ได้ง่อยเหมือนใครๆ ที่พูดไว้สักนิดเวลาโอนเอาหนักๆ ร่างกายมันอ่อนแรง เดินไมไหว หรือว่ามันเป็นประเภทผู้ชายอีดถึกทน มันม้วนตัวกำบผ้าห่มจนเป็นหนอนแล้วค่อยๆ เดินเข้าห้องไป คงจะไปจัดการตัวเองนั่นแหละมั้ง สักพักมันก็ออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ มันเดินอายๆ มาทางผมก่อนจะก้มลงหอมแก้ม หน้าหวานๆ ของมันขึ้นริ้วแดงทั้งสองข้าง

“หึหึ ที่หอมนี่หมายความว่ายังไง?”

“ก็แค่อยากหอม” มันยิ้มจนตาเป็นสระอิ ยิ้มมันดูแปลกๆ นะครับ ผมว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ

“เหรอ?” ผมถามเสียงนิ่งๆ แล้งจ้องไปที่ตาของมัน หึ นั่นไงครับ สายตาหลุกหลิกแบบนี้ มีพิรุทชัดๆ

“กะ...ก็ มีเรื่องจะขอ” ว่าแล้ว!!

“พูดมาสิ”

“พรุ่งนี้ขอไปเที่ยวกับเพื่อนได้ปะ สัญญาว่าจะกลับไม่ดึก”มันส่ง ยิ้มอ้อนๆ มาให้ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันมีเพื่อนที่ไหนนอกจากไอ้สองคนนั้น

“เพื่อนคนไหน เขื่อน? ภูผา?”

“ปะ ..ป่าวเพื่อนที่สนิทกันเมื่อสมัยมอปลาย” ผมหรี่ตามองมันอย่างจับผิด ผมไม่เชื่อหรอกถ้ามันแสดงอาการเหงื่อตกมือสั่นแบบนี้ แมร่งไปกับไอ้หน้างูเห่านั่นชัว!!

“แน่ใจ?”

“อะ..อื้อออ”

“งั้นกูไปด้วย ^ ^”

“เห้ย พี่ไม่ต้อง!! ..คือผมไปแบบเพื่อนสมัยเรียน นัดกันไปเป็นกลุ่มเลย พี่ไปด้วยพวกมันจะอึดอัดเอา” รีบพูดซะจนลิ้นจะพันกันแบบนี้ ต้องใช่แน่ๆ

“ไม่ใช่ว่าเพื่อนสมัยมอปลายมึงนี่ชื่อ ทศลักษณ์ เหรอ”

“T^T (เสือกรู้อีก) ไม่ใช่”

“ก็ดีงั้นกูยิ่งสมควรไปด้วย หึหึหึ”

“ม่ายเอา....พี่ปีอ๊า...” มันลากเสียงยาวจนน่าถีบให้ตกเก้าอี้

“ก็บอกมาสิว่าไปกับใคร!!”

“จะเสียงดังทำไมเล่า!!”

“ก็บอกมาสิวะ โกหกกันอยู่ได้ มึงนะอ้าปากมากูก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่”

“รู้ได้ไง ไหนๆ ลองบอกมาดีว่าตอนนี้ผมคิดอะไรอยู่” มันทำหน้าท้าทาย -*-

“อย่ามากวนตีนเพียว จะบอกไม่บอกว่าจะไปกับใคร?”

“= =คนบ้าอะไรรู้ไปหมดทุกอย่าง เออ!! บอกก็ได้ ไปช่วยงานพี่ทศที่ร้านวันหนึ่งคนเค้าขาดแล้วเค้าก็ไม่มีใครที่ไว้ใจได้เลย เค้าเลยขอให้ผมช่วย แค่นี้ จะถามอะไรอีกไหม หึ-3-” มันทำหน้างอใส่ผมแล้วสารภาพออกมาจนหมด ให้ตายสิ นี่มันไปแอบติดต่อกันตอนไหนวะ ผมอยากจะถึ้งหัวตัวเองหนักๆ สรุปมันไปกับไอ้ทศหน้างูนั่นจริงๆ ด้วย ผมรู้สึกเหมือนลมมันตีขึ้นหน้า หัวร้อนไปหมด

“มันมารับกี่โมง”

“ห๊ะ?”

“กูถามว่ามันมารับกี่โมง!!!” เผลอตะคอกมันไปอีกรอบ ไอ้เตี้ยมันสะดุ้งจนเกือบหงายหลังตกเก้าอี้

“สีทุ่ม โอ้ยตกใจจะตะโกนทำไมเล่า”

“ร้านมันอยู่ที่ไหน”

“สีลม”

“ชื่อร้านละ?”

“อสุรา”

“ไปนอนไป กูจะทำงานต่อ”

“แล้วตกลงให้ไปไหม?”

“แล้วแต่มึงเถอะ เหอะ น่าจะเอาให้เดี้ยงจะได้ไม่ต้องออกไปแรดที่ไหนได้ แมร่ง” .





.....มีใครยังไม่รู้มั่งว่านอกจากผมจะปากหมาแล้ว ผมยังขี้หึงขี้หวงอีกด้วยนะ อยากบอกให้รู้ไว้....




 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: แล้วเจอกันตอนหน้านะค่ะ
 o13 o13 o13 o13



ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
กลัวปีแอบตามไปเห็นอ่ะ ความลับแตกแแน่เลย

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอ๊ะโอ........ปีปากหมา  ทั้งหึงทั้งหวงสุดๆ  o18
ปี เพียว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ร่างกายเพียวสุดยอดดดดด รักษาตัวเองเลาบาดเจ็บได้ด้วย
ยิ่งดีใหญ่เลยเวลา.....อย่างนั้นกับปี   :o8: :-[ :impress2:

แฟร้ง เป็นมารร้ายใช่ไหม   :hao7:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พี่ปีปากคอเราะร้ายมากอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3








ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 4​



มีหมาเป็นเพื่อดีกว่ามีผีเป็นเพื่อนนะคุณว่าไหม? ถ้าอยากรู้ว่าการมีผีคอยตามติดชีวิตชนิดที่เรียกได้ว่าอีกนิดก็จะสิงกันแล้วมันเป็นแบบไหน กรุณาตามติดชีวิตผมได้เลย ....

“เลิกตามผมสักวันได้ไหมคุณ!! ” ตะคอกไอ้ผีบ้านี่รอบที่หกของวันจนคนเค้ามองว่าผมเป็นบ้ากันไปหมด

“ไม่^^” ยังจะมายิ้มอีก ลำคานโว้ย!!

“ไม่มีงานมีการทำรึไง?”

“งานข้ามีเฉพาะตอนกลางคืน^^”

“งั้นก็ลงน้ำไปนอนได้แล้วไป ผมจะทำงาน” -*-

“ข้าอยากอยู่ใกล้ๆ เจ้ามากว่า”

“อ๊ากกกก” ผมกัดฟันแน่น ผมจะต้องอดทนกับความบ้าบอของไอ้ผีไร้สกุลนี่ไปถึงไหน กัน พยายามนั่งสงบสติอารมณ์ให้คงที่ ก่อนจะลงมือทำงานของตัวเองไป ไอ้เขื่อนมันคอยแต่จะมองผมด้วยแววตาสงสัยทุกครั้งที่ผมพูดหรือตtหวาดใส่ นี่ยังไม่รวมเพื่อนร่วมทีมที่วันนี้พากันตีตัวออกห่างผมเหมือนผมเป็นตัวเชื้อโรค แอบจิตตกนิดหน่อยแต่ไม่เท่ากับมีไอ้ผีบ้าที่นั่งไม่ห่างแบบนี้ พวกมันรู้ครับว่ามีผีตามผม เพราะความปากเปราะของไอ้เขื่อน แต่เพราะพวกมันไม่เห็นไงมีแต่ผมที่เห็น เห็นไอ้หน้าผีๆ อย่างไอ้ผีธารนี่ไง มันนั่งอยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ นั่งเฉยๆ จะไม่ว่าเลย แต่แมร่งเอาแต่จ้องหน้าผมพร้อมกับส่งยิ้มแปลกๆ มาให้ แล้วอย่างนี้ผมจะเอาสมาธิที่ไหนทำงาน!!! อยากจะเอาเล็บข่วนหน้าให้หายหล่อจริงๆ

ผมต้องทนนั่งทำงานโดยที่มีผีมารบกวนจิตใจตลอดทั้งวันจนกระทั่งเลิกงาน ไอ้ผีหน้าหล่อตนนี้ก็ยังไม่ยอมไปไหน แถมเมื่อกลางวันยังลากผมออกไปข้างนอก บังคับให้ผมซื้อไอศกรีมแท่งให้กินแถมยังกินน้ำผมสะเกลี้ยงตู้ ถ้ากินแบบมนุษย์ปรกติผมจะไม่บ่นเลยสักนิดแต่นี่ อะไร ของที่เขากินผมจะต้องจุดธูปเซ่นไหว้!!! เหอๆ เอาไอติมปักธูป1ดอกมันน่าดูไหมล่ะ มีแต่คนมอง แถมขำให้อีก ไม่อยากจะยุ่งด้วยแล้ว - - ผมรีบเก็บของใส่กระเป๋าสะพายแล้วเดินไปหาที่พึ่งอย่างไอ้เขื่อน ขออาศัยบารมีหน้าโหดๆ ของมันกันผีให้หน่อยเหอะ

“เขื่อนมึงพากูกลับด้วยคนสิ” ผมรีบเดินไปอ้อนมันทันที ก่อนที่มันจะเดินออกจากห้องด้วยท่าทีรีบๆ

“อะไรวันนี้กูจะไปบ้านไอ้เพียว” มันตอบแบบขอไปทีและพยายามจะสะบัดมือผมออกจากแขนมันด้วย

“ไปทำไมวะ?”

“ก็หาว่าที่เมียกูนะสิ มึงอะกลับวัดไปเลยนะอย่าไปเถรไถลที่ไหนจนกูต้องไปรับอีก” เขื่อนมันสั่งเหมือนมันเป็นพ่อคนที่สอง ผมไอ้ยินเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ จากไอ้ผีพรายจอมหน้าด้านด้วย หน๊อย ไอ้นี่-*-

“อะไรละ กูไม่ใช่เด็กๆ กลับด้วยกันเหอะมึง นะ กูจ้างมึงไปส่งก็ได้อะ 50 บาท” ผมรีบหาทางรอดของตัวเองทันที

“50!! ค่าแท็กซี่ไปบ้านไอเพียวยังไม่พอเลย อีกอย่างวันนี้เวรมึงรับใช้หลวงตามึงนะกลับไปเลย กูไปก่อนนะ หุหุหุ*0*” ดูมันทำหน้าเย้ยใส่ผมสิครับ อ๊ากก

(หึหึหึ กลับวังของเรากันเถอะที่รัก) เสียงกระซิบแหบต่ำดังอยู่ข้างๆ หูนั่นยิ่งทำให้ผมอยากจะร้องไห้ออกมา ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้ด้วย!!!

“เขื่อนมึงไปส่งกูที่วัดก่อนไม่ได้เหรอวะ” ผมร้องขอมันอย่างมีความหวังหลังจากที่วิ่งตามมันออกมา

“ไม่เอาเสียเวลา มึงจะกลัวอะไรพระก็ห้อยวู้ว” มันพูดเหมือนจะลำคานผม ให้ตายเหอะนี่มึงเป็นเพื่อนกูจริงรึเเปล่าวะ ถ้ามันกล้วพระกูจะมาเซ้าซี้มึงแบบนี้เหรอ ไอ้เขื่อนนนนนนนนนนนนนนนนนน อยากจะบอกมันไปแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้พูด เดินคอตกมาที่ป้ายรถเมล์ โดยที่มีไอ้ผีพี่ธารเดินตามติดตูด

“นี่อยากกินไก่ย่างห้าดาว*0*” จู่ๆ เขาก็ร้องขอขึ้นมาผมหันไปมองเขาแล้วกระซิบเสียงเครียด

“เงินหมดแล้วพอแค่ค่ารถเมล์” ผมพกเงินมาวันละร้อยห้าสิบ พอแค่ค่าข้าวกับค่ารถที่เหลืออยู่ในบัตรหมดไม่จำเป็นจะไม่กดมาใช้ และตอนนี้มันเหลือแค่ สิบเจ็ดบาทค่ารถสิบสองบางเหลือห้าบาทมันจะไปพอค่าไก่ย่างได้ยังไง - -

“นี่เอ็งจะขี้งกเกินไปแล้วนะ ! เขายืนประกบผมจากทางด้านหลัง เหมือนจะกันผมออกจากผู้โดยสารคนอื่นๆ ด้วย

“เค้าเรียกว่าประหยัด! ” อดไม่ได้ที่จะตะโกนใส่ จนลืมไปว่าผมนั่งอยู่บนรถเมล์แล้ว ทุกคนหันมาทางผมเป็นตาเดียว -///- ไอ้ผีนี่มันทำผมหน้าแหกอีกแล้ว

“ขะ ขอโทษครับ ผมคุยโทรศัพท์กับเพื่อน” ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำเนียนคุยมั่วๆ

“เอ็งคุยกลับด้านแล้วภูผา” โป๊ะ ไปอีก ไอ้ท่าน ผมเลยต้องทนอายจนกว่าจะถึงป้ายที่จะลง ไอ้ผีนะไอ้ผี ฮึ่มๆ ๆ ๆ ๆ ผมได้แต่เค้นเขี้ยวใส่ไอ้ผีตัวนี้อย่างทำอะไรไม่ได้ มันหงุดหงิดมันแค้น มัน มัน มัน โอ้ยยยย!! กูจะบ้า!

อดทนหน้าด้านจนถึงป้ายที่จะลง และกว่าจะฝ่าวงล้อมของรักแร้ของผู้คนลงมาอีกเห้อให้ตายเถอะ ชีวิตผม พอเดินลงมาได้ไอ้ผีหน้าหล่อนนี้ก็ยืนนยิ้มรออยู่แล้ว ผมพยายามจะเดินเลี่ยง ไม่สนใจเสียงที่เขาพูดกรอกหูอยู่ว่าให้ลงไปใต้บาลกับเขา วันนี้ผมจะไม่ลงไปที่นั่นเด็ดขาด !!

“ภูผา...ลงไปกับข้าเถอะ วันนี้ข้าสั่งนังพรายมันทำอาหารที่เจ้าชอบด้วยนะ”

“-*- ผีทำกับข้าวได้ด้วยเหรอ? ขนาดตัวท่านเองยังต้องมาขอส่วนบุญเลย กินของเซ่นไหว้เลย อย่ามาโกหก = =”

ผมเถียงออกไป ไอ้ผีบ้านั่นมันทำหน้าเหวอๆ ไปนิด แล้วก็ยิ้มออกมาเจื่อนๆ เหอะ ตอแหลได้หน้าด้านมากกกก ผมแสยะยิ้มใส่แล้วตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อ อีกไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงวัดแล้ว ผมกำพระในคอที่หลวงตาให้มาไว้แน่น ถ้าผมมีสติ ผมก็จะไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของพรายน้ำ

“ถ้าเอ็งลงไปกับข้า ข้าจะให้สามตัวตรงกับเอ็ง” ขาที่ก้าวจ้ำๆ พลันหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำว่าสามตัวตรง

“หึหึ สามตัวตรงๆ เลยนะภูผา^ ^” อย่ามาทำเสียงยั่วยวนแบบนั้นสิวะ! ผมพยายามจะทำใจแข็งไม่สนใจ แต่ สามตัวตรงเลยนะเว้ย คือแบบตู้เดียวรวยเละ ไม่สิภูผา หลวงตาสอนไว้ ว่าการพนันมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี อย่าหลงเชื่อนะภูผา สติ!!

“บนโลกมนุษย์ ของแบบนี้ เงินนน ลอยมาเห็นๆ” ยังจะมาพูดกรอกหูอีก อ๊ากกกกก

“...”

“รถ บ้าน...ร้านเกมที่เจ้าอยากได้” ไม่ ไม่ ไม่

“.....”

“เงินรักษาหลวงตา เอ็งกำลังหาอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

“หลวงตา? อึก”

“ว่าไง แค่เอ็งลงไปนอนเล่นกับข้าที่เมืองบาดาล เอ็งก็จะได้ทุกอย่างตามที่ปรารถนา” อีกนิดเดียวขาผมก็จะก้าวข้ามธรณีประตูวัดเข้าไปแล้ว แต่ทำไมมันกลับหันหลังกลับไปหาไอ้ผีหน้าหื่นตนนั้นด้วย...

“สามตัวตรงแน่ นะ?”

“แน่สิ หึหึหึ มากับข้า” เหมือนถูกมนต์สะกดที่ทำให้ผมเดินตามเขาไปโดยง่าย ตามเหมือนมาถูกจูง มารู้สึกตัวอีกทีก็ลงมาอยู่ใต้บาดาลเรียบร้อย

“เอ็งไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวข้าจะไปทำงานอยู่ในห้องเสร็จแล้วก็ตามมาละ” สั่ง สั่ง! อยู่นั่นแหละเป็นพ่อกูรึไงครับแหม่ ใจมันคิดนะครับแต่ร่างกายมันไม่ได้คิดตามด้วย มันทำตามคำสั่งของไอ้ผีบ้านี่ทุกอย่าง ทั้งอาบน้ำแล้วเดินกลับไปหาเขาที่รอยู่ที่ห้องทำงาน เดินเหมือนหุ่นยนต์ที่ตั้งโปรแกรมเอาไว้ ในหัวคิดถึงแต่เลขท้ายสามตัว สามตัวตรง สองตัว นี่ผมไม่ได้บ้าหวยนะ แต่นะ คนเรามันก็ต้องหวังรวยกันด้านทั้งนั้น ยิ่งผมที่เป็นพวกอับโชคด้านนี้แล้วยิ่งอยากได้เข้าไปใหญ่ ถ้าเกิดมันถูกขึ้นมาผมอาจจะกลายเป็นมหาเศรษฐีเลยก็ได้

“มานั่งนี่สิ” เขาตบมือลงตรงตักหนาๆ มาดเหมือนเสี่ยที่กำลังเลี้ยงต้อย

“ไม่”

“สามตัวตรงเลยะ^^” อ๊ากกทำชอบพูดแบบนี้นักนะ ผมค่อยๆ เดินไปนั่งบนตักหนาๆ แผ่นหลังผมติดกับหน้าอกของเขา กล้ามเน้นๆ แน่นๆ กำลังถูไปมาอยู่ที่หลัง เพราะเขาขยับตัวมือหนาคล้องเอวผมไว้ -*- บอกตามตรงนะ ไอ้ผีพี่ธารนี่ มือเหนียวเป็นปลาหมึกเลย แถมชอบตอดเล็กตอดน้อย ห้าบาทสิบบาทเอาหมด - -*

“นี่ มือนะจับอะไรอยู่! เอาออกไปเลย!! ” ผมแว๊ดใส่เมื่อเขาเลื่อนมือมาจับที่ก้นของผม

“น่า ไหนๆ ก็จะมาเป็นเจ้าสาวอยู่แล้ว”

“เจ้าสาวบ้าอะไรละ หลักฐานอะไรสักอย่างก็ไม่มี ทึกทักเอาเองรึเปล่าก็ไม่รู้” หันจ้องตากับไอ้ผีขี้หื่นอย่างจับผิด

“นี่ ถ้าข้าไม่แน่ใจข้าจะเอาเอ็งลงมาเมืองบาดาลทำไม?”

“ไหนละหลักฐาน”

“ตรงนี้ไง” เขาชี้มาที่ปานรูปพระจันทร์เสี้ยวที่เนินอกด้านซ้ายของผม มันติดตัวผมมาตั้งแต่เกิดและขยายตาตัวด้วยจนคนเค้าคิดว่าผมไปสักมา

“ตลกนี่มันปาน”

“ก็นี่ไงหลักฐานข้าเป็นคนทำเองกับมือ”

“นอกจากจะเป็นผีขี้หื่นแล้วยังขี้โกหกอีกนะ -*- “

+++++++

++พรายธาร++

ข้าพูดจริงนะ รอยนั่นข้าเป็นคนประทับเองกับมือแล้วทำไมไอ้เด็กหน้าซื่อๆ นี่ถึงไม่เชื่อ ข้ากลอกตาใส่มันอย่างเอือมระอา ที่โกหกเรื่องหวยนี่เชื้อเชื่อ

“เห้ออ เอ็งจะไปรู้ได้ยังไงตอนข้าประทับรอบเอ็งยังเป็นวุ้นอยู่เลยมั้ง ความจริงข้าควรจะมีเจ้าสาวเป็นผู้หญิงเพื่อกำเนิดบุตร แต่เจ้าดันเป็นผู้ชาย ข้าเองรีบเองข้าน่าจะรอดูเพศของเจ้าก่อนจะประทับรอย พอดีวันนั้นมันฉุกละหุก มีผีพรายบุกวังของข้า แล้วแม่เอ็งดันมีลักษณ์ตรงตามตำรา ทั้งบุญพาวาสนาส่งให้แม่เอ็งเห็นข้าเข้า ข้าเลยเลือกแม่เอ็งไง” ไอ้หนูภูมันนั่งมองตาปริบๆ เหมือนจะงงๆ อยู่ แต่เชื่อเถอะข้ารู้ว่าสักมันคงจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูด

“แล้วทำไมถึงเลือกผมละ”

“ไม่รู้สิ ตอนนั้นข้าเองก็ไม่ทันได้พิจรณาอะไรมาก ขาเก้าอี้ข้ามันกำลังสั่น ข้าต้องรีบหาเจ้าสาวเพื่อสืบทายาทชักช้าก็ไม่ทันการ”

“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าคุณไม่ได้รักผม”

“อ่า เรื่องนี้นะเหรอ ความรักเราสร้างเองเอาที่หลังได้”

“แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้น คนเราจะแต่งงานกัน จะใช้ชีวิตร่วมกัน มันต้องเริ่มจาดความรักไม่ใช่หน้าที่หรือความใคร่ ผมขอปฏิเสธคำขอของคุณ! ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ! แล้วต่อจากนี้ไปอย่ามายุ่งกับผมอีก ไปหาเอาที่อื่นเจ้าสาวในแบบที่คุณต้องการ! ” ไอ้หนูภูมันพูดออกมารัวจนข้าฟังแทบไม่ทัน อารมณ์มันกำลังคุกรุ่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ตากลมๆ ของมันแดงและมีน้ำใสๆ

“นี่เอ็งพูดอะไรของเอ็ง ข้าเลือกเอ็งแล้ว ยังมันก็ต้องเป็นเอ็งอยู่ดี”

“แต่ผมไม่ได้เลือกคุณ!!! ” มันไม่ยอมลงง่ายๆ แถมยังตวาดใส่ข้าอีก นี่มันชักจะมากเกินไปแล้วนะเอ็ง!!!!

“ถ้าเอ็งเลือกคนอื่น คนที่เอ็งจะรัก มันจะเป็นเช่นไรรู้ไหม คนรักของเอ็งจะต้องมีอันเป็นไป เอ็งจะไม่สมหวังกับใครสักคน นอกจากข้า!!! ” ขึ้นเสียงใส่จนอีกคนเงียบสนิด

“ฮึก..ทำไมต้องเป็นผมด้วยละ..ฮึกแม่ผมคนไหนผมยังไม่รู้เลย ชีวิตผมไม่เคยได้เลือกเลยสักครั้ง เลือกเกิดไม่ได้ยังจะมาเลือกคนรักเองไม่ได้อีก ฮึก มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ไอ้เด็กนี่พูดด้วยเสียงสะอื้น ก้มหน้ามองมือตัวเองที่น้ำตาหยดลงแหมะๆ อ่อนแอจริง ข้าก็ปลอบคนไม่ค่อยจะเก่งซะด้วยสิ เลยได้แต่นั่งกอดเอวมันไว้แล้วลูบหัวมันเบาๆ จนมันเริ่มจะสงบลงและคลายสะอื้นลงบ้าง อยากให้มันยอมรับเรื่องราวเหล่านี้ไวๆ เพราะข้าเห็นเค้าความอยู่ยากมาลางๆ แล้ว

“โชคชะตามันไม่ได้เลวร้ายเสมอไปหรอกนะเด็กน้อย แค่เปิดใจ อะไรๆ มันก็จะดีขึ้นเอง”

“ผมไม่ใช่เด็กน้อย อายุยี่สิบกว่าแล้ว!! ฮึก” มันหันมาแว๊ดใส่ทั้งที่น้ำตายังเต็มหน้า

“เออ เอ็งก็ยังเด็กกว่าข้าอยู่ดี เชื่อสิข้าผ่านน้ำร้อนมาก่อน เอ็งแต่งกับข้ารับรองว่าดี ดีมากๆ เลยด้วย มีข้าเป็นผัว โชคดีไปสามชาติเลยนะ” ข้าก็ไม่ได้อยากจะอวยตัวเองหรอก แต่อะไรที่พูดไปแล้วไอ้เด็กใสซื่อตรงหน้ามันเชื่อข้าก็จะพูด!

“T^T…ผมยังทำใจไม่ได้”

“หื้ออ ไม่ต้องทำใจอะไรทั้งนั้น ข้าน่ะใจดีนะ สายเปย์ด้วย”

“ฮึก แต่ผมเป็นผู้ชาย ผู้ชายท้องไม่ได้นะ แล้วจะมีทายาทยังไง”

“โอ้ยไม่ยากกกก เรื่องแค่นี้เบๆ” สำหรับข้านะไม่ยากแต่เอ็งนั้นมันไม่แน่

“มันจะเจ็บไหม แล้วๆ ผมจะต้องลงมาอยู่กับคุณที่นี่เลยเหรอ?” ภูผาเริ่มจะคล้อยตามข้าแล้วเห็นไหม หื้อ เด็กอะไรว่านอนสอนง่าย แบบนี้แหละข้าชอบนัก ว่าง่ายโตไวๆ

“อ่า เออ แต่ข้าไม่ได้รีบขนาดนั้น แค่เอ็งรับปากว่าจะแต่งงานกับข้า สวมแหวนหมั้นนี่เอาไว้ พอถึงเวลาข้าจะพาเอ็งลงมาสมรสที่เมืองบาดาลแห่งนี้ แต่ว่าช่วงนี้เจ้าก็ไปๆ มาไปก่อนละกันจะชิน”

“มีทางอื่นให้ผมเลือกไหมY0Y”

“ไม่มีจ้ะ^0^”

“บัดซบจริงๆ เลย” มันก่นด่ากับตัวเองเบาๆ เหมือนคนปลงตก แล้วช้อนสายตาเศร้าๆ ขึ้นมอง

“ไม่ต้องมาทำตาแบบนั้นใส่ข้า ถึงยังไงข้าก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก!! ”

ทำมาเป็นตีหน้าเศร้าข้าไม่หลงกลเอ็งหรอกนะ แหม่ๆ

“ชิ!!!! -3-” พอรู้ทันมันก็สะบัดก้นเดินหนี้ข้าไปซะอย่างนั้น

“เอ็งนี่มันเด็กน้อยจริงๆ พอไม่ได้ดั่งใจก็ทำหน้าเป็นตูดเชียว”

“หิว!! ” เออ ใช่ตั้งแต่พามันลงมายังไม่ได้หาข้าวหาปลาให้กินเลย

“อยากกินอะไรละ ข้าจะได้บอกให้นังพรายมันไปซื้อจากข้างบนมาให้”

“เนื้อย่าง ต้มเล้ง ปลาเผา *0*” พอพูดถึงเรื่องกินดูเหมือนเด็กนี่มันจะลืมเรื่องที่เคืองข้าอยู่ไปเลย ดูทำตาเข้า จะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น

“สั่งมานี่กินหมดเหรอเอ็ง” ก็ไม่อยากจะค้านหรอกนะ

“คุณก็กินด้วยไม่ใช่เหรอ”

“เอาอย่างนั้นเหรอ เอ็งก็เซ่นไหว้ข้าด้วยละกัน”

“อื้อ” พอตกลงได้ผมก็สั่งนังพรายให้ไปหาซื้อของตามที่สั่ง เอาไก่ย่างห้าดาวเพิ่มด้วย แต่ดันลืมเสียสนิท กูไม่มีสตางค์นี่หว่า!! หันไปหาคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแก่งความคิด ปากมันยิ้มตามันก็ยิ้ม นี่คงนึกไปถึงอาหารที่กำลังจะได้กินแล้วละมั้ง

“เอ่อนี่ ภูผา ข้า ยืมสตางค์เอ็งก่อนได้ไหม คือข้าไม่ค่อยมีเงินของพวกมนุษย์สักเท่าไหร่”

“- * - “

“เอาน่าเดี๋ยวข้าก็หาคืนให้เอ็งเองแหละ เอามาสิเงินนะ” แบมือไปตรงหน้าเพื่อขอเอาเงืนกับเขา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ แรงตบตรงฝ่ามือเสียงดังลั่น

เพี๊ยะ!!!

“โอ๊ย เอ็งตีข้าทำไมเนี้ยะ” เจ็บฉิบหายมือไอ้เด็กนี่หนักเหมือนตีนเลยให้ตายสิ ข้าต้องรีบชักมือกลับ พร้อมกับทำหน้าดุใส่

“ไม่มีเงินแล้วยังบอกว่าจะเลี้ยงอีก! ” โดนมันตะคอกใส่อีกรอบ รู้ว่ามันกำลังโมโหหิวแต่ขืนโดนมันข่มตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นผัวมันแบบนี้ มีหวังข้าได้อยู่สมาคมพ่อบ้านกลัวเมียแน่นอน ไม่ได้ๆ เสียชื่อพญาพรายแบบข้าหมด

“เอ๊ะ ไอ้เด็กนี่เอ็งจะตะคอกข้าไปถึงไหนกันห๊ะ!!! ”

“ก็จนกว่าคุณจะฉลาดขึ้น คนเค้าเซ่นข้าวแทนหญ้าเหรอ ถึงได้โง่แบบนี้”

“ป๊าดด ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่เอ็งกล้าว่าข้าแบบนี้เชียวรึ ถ้าวันนี้ข้าไม่ได้ตบปากเอ็งอย่ามาเรียกข้าว่าท่านพรายผู้ยิ่งใหญ่แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพญาเลย” แบบนี้ข้าทนไม่ได้ ข้าต้องสั่งสอนไอ้เด็กบ้านี่ โมโหหิวแล้วมาลงที่ข้าอย่างนั้นเรอะ ข้าไม่ยอมโว้ย!!!

“อ๊ากกก ไอ้ผีบ้า จะทำอะไร ปล่อยปากผมนะ อื้อออ oxo”

“ข้าจะดูดหมากออกจากปากเอ็งไง”

“อย่านะโว้ยย ม่ายยยยยย”

10 นาทีผ่านไป

“แฮกๆ เป็นไงละ ปากปีจอกับข้าดีนัก”

-////-

“ไอ้ผีขี้หื่น -3- “

“ปากบวมขนาดนั้นเอ็งยังจะด่าข้าได้อีกเรอะ?”

“ไอ้ผีลามก”

“เอ๊ะ! ”

“ไอ้หื่นกามมมม กูหิวข้าวโว้ยยยยยยยยยยยยย” มันตะโกนออกมาพร้อมกับทำหน้ายักษ์ใส่ เออใช่ข้าลืมไปเลยว่ามันหิวอยู่

“อ่าว เออโทษที ประเดี๋ยวพาขึ้นบก ไปกินผัดไทย” บอกกับไอ้เด็กดื้อแล้วลุกไปจับมือมันให้ลุก

“ก็บอกว่าจะกินเนื้อย่างยังไงเล่า ไอ้ผีงี่เง่า!!! ” แล้ว เอ็งจะมามองค้อนข้าเพื่อ?

“เออ เนื้อย่างก็เนื้อย่าง จะกินก็ลุกสิ”

“แค่เงินไม่มีเลย-*- แล้วจะพาไปกินได้ยังไง? เล่า “

“เอ็งก็ออกไปก่อนไง พอข้ามีเงินข้าก็เอามาใช้คืนให้ ไม่เห็นยาก”

“แล้วเมื่อไหร่จะมี สามตัวตรงก็ไม่ได้ แถมยังจะต้องมาเสียทั้งเงิน แถมเปลืองตัวอีก ไอ้ผีเฮงซวย! ” โอ๊ยหูจะแตก อามรมณ์มาเต็มแบบนี้ข้ารีบพามันไปกินอาหารก่อนดีกว่า...

ให้ตายสิ ให้ตายสิ ผมเอาแต่พูดแบบนี้กับตัวเองเป็นสิบๆ รอบ การเป็นผีที่ไม่อัปเดตชีวิตของพวกมนุษย์เป็นตัวภามากเลยครับ ไม่พารวยหรืออะไรนะครับ ภาระชัดๆ คำเดียว ที่ผมคิดได้ตอนนี้ ก่อนออกมาจากวังบาลผมบังคับให้เขาปรากฏกายให้คนอื่นได้เห็นด้วย อีกอย่างคือคำพูดของเขามันขัดกับยุคสมัยมากๆ

“ถ้าคุณแทนตัวเองว่าพี่ ผมจะก็จะแทนตัวเองว่าภู ห้ามใช้คำว่าข้ากับเอ็ง เข้าใจไหม”

“อืมเข้าใจแล้วน่า ข้า เอ้ยพี่จะพาภูไปกินของอร่อยๆ นะครับ”

“อืมแบบนี้แหละ ปะ ไปกัน” พาเขาไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ไอ้ผีบ้านี่ก็ตื่นเต้นเหมือนไม่เคยเห็น แถมมีการสำรวจดูตู้ด้วยนะ พอถามก็ทำเป็นเหมือนรู้จัก

กดเงินออกมาห้าร้อยเผื่อใช้พรุ่งนี้ด้วย พวกเราเดินไปที่ย่านการค้าที่มีแต่ของอร่อยๆ ดูท่าไอ้ผีตัวนี้จะไม่ค่อยมาท่องเที่ยวบนโลกมนุษย์สักเท่าไหร่ เขาดูสนใจทุกอย่างที่เดินผ่าน ถามนั่นถามนี่ไม่หยุดพอผมจี้จุดว่าไม่เคยเห็นไม่เคยมาเหรอเขาก็

“พี่ไม่รู้จักขนมไข่นกกระทาเหรอ”

“รู้สิ..ข้า เอ้ยพี่รู้แค่ไม่แน่ใจ”

“เหรอ?”

เดินไปได้สักพัก

“นี่อะไร ภูผา” ผ่านร้านไอติมผัดครับเขากำลังทำอยู่พอดี มีคนมุงดูเยอะอยู่พอสมควรเพราะเป็นร้านดังย่านนั้น

“ไอติมผัด”

“พี่อยากกิน^^” ผมกำลังจะอ้าปากด่าแต่ก็ดันมีใครบางคนโผล่พรวดเข้ามาเสียก่อน

“นายท่าน ขึ้นบกมาทำไมไม่บอก ปล่อยให้ผมหาเสียตั้งนาน” ชายหนุ่มร่างผอมสูงหน้าตาเหมือนตี๋น้อยอปป้า ทำหน้าดุใส่ผีตรงหน้าผม

“แล้วมีอะไร ข้าจะออกมาเดินเล่นบ้างไม่ได้?”

“มีนมันมีแน่ ก็ท่านเล่นหายไปตั้งแต่เช้า เวลางานท่านก็หายหัว ท่านยมตามหาท่านอยู่ แล้วนี่ใครกัน หน้าตาดูคุ้นๆ” อย่าบอกนะว่านี่ก็ผีอีกตัว ผมกระตุกชายเสื้อผีไอ้พี่ธารทันที และดูเหมือนจะเรียกให้สายตาของเขาหันมามองผมด้วย

“อ๋อออ ผมรู้แล้ว คุณคู่หมั้นนั่นเอง สวัดดีครับผมเป็นพรายรับใช้ชื่อ กร หรือเรียกให้ถูกก็เลขาของท่านธาร พญาพรายแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพญาครับ” เรียกพี่มันซะเต็มยศ ไอ้ผีบ้านี่ก็ยืดอกซะเหมือนพวกบ้ายอ ผมส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ก่อนจะยิ้มตอบผีกรมันไป แม้จะแอบสยองบ้างเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าดีกว่าผีตัวอื่นๆที่เคยเจอ

“เรียกผมว่าภูก็ได้นะ”

“ครับคุณภู ว่าแต่ขึ้นมาทำอะไรกันครับ?”

“พาว่าที่เมียมากินข้าว”

“อ่อ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าอยู่บนบกนานนะท่าน มันไม่ดี ทางที่ดีผมว่าเอาไปกินในเมืองเราดีกว่า” งงกับคำพูดของกรนิดๆ แต่พอหันไปมองไอ้ผีตัวสูงที่ยืนอยู่ก็พอจะเดาได้ หน้าแห้งแตกเป็นขุย ปากก็แตกจนลอก เห็นแล้วโคตรตลก

“จิบน้ำหน่อยก็ดีนะท่านเดี๋ยวผมไปซื้อมาให้” พูดจบเขาก็วิ่งไปซื้อน้ำกลับมาก็ยื่นให้นายตัวเองจิบหน้าตาเฉย ไม่ต้องจุดธูปด้วยซ้ำ

“อ่าวกินได้เลยเหรอ ไม่ต้องจุดธูปเซ่น?”

“แบบนั้นมันโบราณแล้วครับ แค่บอกว่าให้กินหรือเรียกกินท่านธารก็ทานได้แล้ว”

“^^แหะๆ” ไอ้ผีบ้านั่นมันหันมายิ้มแล้วหัวเราะแหะๆ แหะๆ พ่องมึงสิ!!

“นี่หลอกผมให้ทำบ้าอะไรเนี่ยะห๊ะ ไอ้ผีบ้า!!!! ”

“ก็อยากให้เมียเอาใจ สนใจกันบ้าง”

อ๊ากกกกกกกกกกกก ไม่ ไหว แล้ว โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย



+++++++++++++++++++++

วันนี้หนูภูคงไม่ได้กินข้าว คงจะกัดกับอิผีตัวนี้ทั้งคืนแน่ๆ






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ มีความสุขมากๆ
       
ท่าทางภู จะจนแน่ๆ ผีพรายธารเอาแต่ยืมเงินภูตลอด
ธาร โกหกภูเรื่องสามตัวตรงซะด้วย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3



อสุราล่ารัก ตอนที่ 22

เริ่มต้นวันใหม่กับสีหน้าอันบูดบึ้งของชายหนุ่มร่างสูง เขาแทบจะไม่มีกะจิตทำงานหรืออ่านเอกสารในมือสักนิด ในเมื่อในหัวเขามีแต่เรื่องของเมียตัวน้อยที่กำลังจะไปกับผู้ชายคนอื่น แม้จะรู้ว่ามันไม่มีอะไรก็อดที่จะห่วงไม่ได้ ยิ่งคนที่เพียวไปด้วยคือคนที่เขารู้มาตลอดว่าแอบชอบเพียวอยู่

“บอสคะ เอกสารการสั่งซื้อของไตรมาสที่แล้วค่ะ” แกงส้มพนักงานบัญชีส่งเอกสารปึกใหญ่ส่งให้ผู้เป็นเจ้านายที่กำลังนั่งทำหน้าเครียดอยู่

“อืมขอบใจ ออกไปได้แล้ว” ร่างสูงเอ่ยโดยที่ไม่มองหน้าคู่สนทนา เขากำลังใช้สมองไตร่ตรองถึงเรื่องในบริษัทและกำลังใช้หัวใจตัดสินว่าจะเอายังไงกับเรื่องของเพียวดี ชายหนุ่มที่ไม่เคยท้อต่อปัญหาที่ประดังเข้ามาไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่เมื่อมาถึงมือเขาแล้วทุกอย่างจะคลี่คลาย แต่กับปัญหาเรื่องหัวใจเขากลับกลายเป็นคนโง่ที่ไม่รู้ว่าจะต้องจัดการยังไงใบหน้ายุ่งๆ ของเขานั้นทำเอาพนักงานสาวที่คอยช่วยงานเขาบ่อยๆ อดที่จะถามออกไปไม่ได้

“ค่ะ ว่าแต่บอสมีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ?” หล่อนคงสังเกตเห็นสีหน้าเครียดๆ ของเขา ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมานิดๆ ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างได้

“มีสิ เอ่ออ นี่ แกงส้ม....”

++++++++++++++++++++

ตัดมาที่บ้านของยักษ์ตัวน้อย เจ้าตัวกำลังง่วนอยู่กับการต้อนรับลูกค้า อย่างขะมักเขม้น โดยมีตาว หรือไอ้ตาวที่เพียวมักจะเรียกอยู่บ่อยๆ คอยช่วยอยู่อีกแรง กิจการกำลังไปได้ดี มีทั้งลูกค้าประจำและขาจรที่แวะมา แม้ร้านจะไม่ได้อยู่ริมถนนหรือมีอะไรที่เป็นจุดน่าสังเกต ร้านอยู่ในตัวหมู่บ้านด้วยซ้ำแต่ลูกค้ากลับมากันอย่างเหนืองแน่น มันเป็นเพราะปากต่อปาก และการโปรโมทร้านผ่านสื่อโชเชี่ยวนั่นเอง แถมเจ้าของร้านยังใจดี หน้าตาดี อีกต่างหากยังไม่นับพนักงานในร้านที่ถือว่าหน้าตาดีกันหมดไม่เว้นแม้แต่สาวที่ยืนลวกเส้นอยู่ด้านหลัง เมื่อกิจการร้านไปได้ด้วยดียักษ์น้อยก็ได้ผลตอบแทนมากขึ้น ไปด้วย

“พี่เพียววันนี้จะออกไปข้างนอกเหรอ ผมไปด้วยสิ” ไวรัลเด็กหนุ่มที่พึ่งกลับมาจากมหาลัยเอ่ยถามขึ้นทันที

“หืมมึงรู้ได้ไง วะ? อ่อรู้ละพี่ปีบอกละสิ” ร่างบางยืนกอดอกมองคนที่มาใหม่แล้วส่ายหัวเบาๆ

“นั่นแหละ ผมไปด้วยนะอยากไปเปิดหูเปิดตาบ้าง คึคึคึ” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ้อนโดยมียักษ์ทำหน้าลำบากใจ เขามักจะแพ้ลูกอ้อนของไวรัลตลอด

“แต่กูไปทำธุระไม่ได้ไปเที่ยว” เขาพยายามทำเสียงแข็งและมามองหน้าเด็กหนุ่ม

“ธุระอะไรในร้านเหล้าพี่เพียวอย่ามาโกหกจะแอบหนีเที่ยวคนเดียวก็บอกมาเหอะ!! ” ไวรัลบอกอย่างไม่ยอมแพ้ ยักษ์ตัวน้อยหลี่ตามองอย่างจับผิด ถ้าเด็กคนนี้ตื๊อจะไปกับเขาให้ได้แสดงว่าต้องมีคนสั่งมาแน่นนอน

“พี่ปีสั่งให้มึงไปคุมกูใช่ไหม?” ทันที่ถามถูกจุดใบหน้าหวานก็อึกอักขึ้นมาทันที แบบนี้ต้องใช่แน่ๆ !

“ก็..ก็..”

“ก็อะไร ไม่ต้องไปเลยอยู่บ้านนี่แหละเดี๋ยวกุตามไอ้เขื่อนมาอยู่เป็นเพื่อน” เพียวใช้สายตาบังคับทันที่ไวรัลพยายามจะพูด

“พี่เพียวอะ” วรัลทำหน้าง้ำงอเป็นปลาทู อย่างขัดใจ เขาเองก็อยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างตั้งแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่เขาก็แทบจะไม่ได้เจอแสงสีเลย

“อยู่บ้าน อย่าให้กูต้องใช้บทโหดกับมึงนะไว” เพียวชี้นิ้วใส่พร้อมกับปลดผ้ากันเปื้อนแขวนไว้ที่ตะปู หลังจากเสร็จงานและนั่งพักพอหายเหนื่อย ตาวกับแก้วกำลังเก็บของกลับบ้าน

“ไอ้ไวมึงไปกวนอะไรลูกพี่กูอีกวะห๊ะ” ตาวที่ได้ยินทั้งคู่คุยกันเลยพูดสวนขึ้นมาอย่างหยอกๆ

“จะอะไรอีกละก็ลูกพี่มึงอะจะหนีผัวเที่ยวกลางคืน -3-”

“กะแล้วว่ามึงต้องเสือกเรื่องของพี่เขาแน่ๆ คึคึ” ตาวหัวเราะลั่นแล้วเดินออกไป

“หน้อย ไอ้พี่ตาว!!! ปากไม่ดี” เสียงหวานตะโกนด่าไล่หลังไป เหลือแต่แก้วที่หันมายิ้มก่อนจะเดินออกจากร้านไปเช่นกัน

“เดี๋ยวกูทำมื้อเย็นไว้ให้ละกัน อยู่กับไอ้เขื่อนก็อย่าดื้อกับมันมากละ แล้วจะหาว่ากูไม่เตือน” เพียวบอกด้วยเสียงน้ำเสียงนิ่งๆ แอบหลอกเด็กให้กลัว ก่อนจะเดินไปปิดประตูร้านแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมกับไวรัล ระหว่างนั้นเขาก็โทรหาเพื่อนของตัวเองให้มาอยู่เป็นเพื่อนไวรัล มื้อเย็นเขากะทำอะไรง่ายๆ ทิ้งไว้ ทำเผื่อปีมงคลไปด้วยในตัว ตกเย็นเขาได้ยินเสียงรถของปีมงคล ร่างบางจึงเดินไปดู เห็นว่าปีมงคลจอดรถภายในบ้านของตัวเอง และเดินลงจากรถโดยที่ไม่สนใจเขาเลยสักนิด ทำให้ร่างบางอดที่จะแปลกใจไม่ได้ กับท่าทีที่เย็นชาของปีมงคล

“เป็นอะไรของเขาอีกเนี้ยะ” บ่นกับตัวเองแล้วเดินไปอุ่นอาหารให้อีกคนโดยหวังว่าวันนี้ปีมงคลจะมาทานข้าวด้วยกันแบบปรกติ แต่ป่าวเลยชายหนุ่มไม่มาและปล่อยเพียวรอเก้อ เพื่อนคนสนิทอย่างเขื่อนก็ยังมาไม่ถึง เขาเลยต้องพับรายการมื้อเย็นลงกระเป๋า และอกที่จะน้อยใจไม่ได้ที่ปีมงคลทำกับตนแบบนี้

++++++

22.00น.

ปิ้นๆ เสียงแตรรถดังขึ้นจากหน้าบ้าน ร่างบางที่นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นอยู่แล้วรีบเดินไปดูที่ประตูทันที พอเห็นว่าเป็นรถของพี่ชายคนสนิทอย่างทศลักษณ์ ก็หันไปหาเขื่อนที่นั่งกินข้าวอยู่กับไวรัลในครัว

“เขื่อนกุไปก่อนนะ ฝากบ้านฝากน้องด้วย แล้วจะรีบกลับ” เขาไม่ได้อยู่รอคำตอบร่างบางรีบวิ่งไปขึ้นรถทันที

“หวัดดีครับพี่ทศ”

“อืม เราพร้อมนะ”

“ครับ แล้วทำไมพี่ต้องทำหน้าเครียดด้วยละ” คนตัวเล็กสังเกตใบหน้าของพี่ชายตัวเองแล้วก็ทักขึ้นด้วยความสงสัย

“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยที่ร้าน พนักงานพี่ลาออกไปสองคนเลยยุ่งๆ”

“อ่อ “

หลังจากบทสนทนาง่ายนั่นแล้วทั้งรถก็ตกอยู่ในความเงียบ ร่างสูงขับรถด้วยท่าทีนิ่งๆ จนกระทั่งถึงที่ร้าน ทั้งคู่เดินเข้าไปปะปนกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ

“ร้านพี่เจ๋งดีอะ” ร่างบางพูดตามความรู้สึก เพราะมันดูเรียบง่ายแต่หรูหราเน้นบรรยากาศและแบ่งโซนไว่อย่างชัดเจน

“มีเจ๋งกว่านี้อีกนะ” ทศลักษณ์พาร่างบางเดินไปยังโซนวีไอพี บรรยากาศมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของพลังงานบางอย่าง พลังงานแบบเขา

“แหล่งรวมของยักษ์” ใช่เขาฟังไม่ผิดสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์ของเขาที่กำลังหาความสุขให้กับตัวเอง เพราะอยู่มานานอะไรที่ผ่านมามันก็น่าเบื่อสำหรับพวกเขาไปหมด แต่ไม่ใช่ที่นี่ มันเหมือนคลับของยักษ์แท้ๆ ทั้งสุรานารี หรือชายชาตรี มีอะไรแปลกใหม่ให้ลิ้มลองและหฤหรรษ์ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เพียวอ้าปากค้างเพราะเขาแวบๆ ว่ามีเพื่อนสมัยเด็กของเขากำลังเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกบนตัวของผู้ชายคนหนึ่งด้วยท่าทีที่เย้ายวน มันจะไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะถ้าเพื่อนเก่าของเขาไม่ดันเป็นผู้ชายที่หมกมุ่นกับการเรียนและธรรมะจนเพื่อนๆ เรียกว่าท่านมหาแทนชื่อ

“เชี้ยะ ไอ้มหา”

“หึหึ ชอบไหมแบบนี้” ร่างสูงถามเสียงหยอกเย้า

“ชอบดิพี่ ...ท่าทาจะสนุก”

“มีอะไรให้เล่นเยอะแยะ ว่างๆ ก็มาเที่ยวบ้างสิพี่จะบริการเป็นพิเศษ”

“โหยย ถ้ามีเวลา ผมมาแน่นอน ว่าแต่ เป้าหมายของเราอยู่ไหนละพี่ทศ” ร่างบางเริ่มมองหาเป้าหมายทันที

“รอก่อนวันนี้พี่แค่จะพามาดู พี่รู้ว่าเราหมายตามันไว้ตั้งแต่ได้ยินชื่อแล้ว มันเกี่ยวกับปีมงคลใช่ไหมละ” ร่างสูงบอกอย่างรู้ทัน ความจริงเขาออกจะไม่พอใจนิดๆ ที่ร่างบางตรงหน้าโดนแย่งไป

“แหะๆ รู้ด้วย”

“ลืมแล้วเหรอว่าพี่อ่านใจได้ เรานะไม่ต้องอ่านลึกถึงข้างในหรอกแค่เห็นสีหน้าที่เราแสดงออกมาพี่ก็รู้แล้ว”

“ง่า พี่ทศอะ เพียวไม่ได้ลืมแต่รู้ว่าพี่ไม่กล้าอ่านใจเพียวหรอกจริงไหม” ร่างบางยกยิ้มมุมปากนิดๆ พร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตาสีนิล

“หึหึ เอาเถอะพี่รู้ว่าเราไม่ชอบ เราเดินเข้าไปด้านในดีกว่า ดซนนั้นสำหรับพวกมนุษย์กระเป๋าหนัก พอเดินเข้าไปยังอีกชั้น เขาก็ต้องพบว่าที่นี่ไม่ใช่ร้านเห้ลาธรรมดาๆ ซะแล้ว เพราะห้องที่ทศลักษณ์พาเขาเข้ามานั้น บรรยากาศมันแปลกไปมาก กลิ่นอายแห่งความละโมบและโลถมากมันฟุ้งกระจายไปทั่ว

“นี่พี่เปิดบ่อนด้วยเหรอพี่!!! ” ใช่เขาตกใจ เพราะการทำแบบนี้เท่ากับสร้างปาบนะพี่”

“หึหึหึ คิดมากไปได้เรานะ บาปไม่เท่ากับการฆ่าคนหรอก ดูนะ” ทศลักษณ์ชี้ไปยังชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งทำหน้าเครียดอยู่บนโต๊ะลูเลท

“ทำไมพี่”

“ที่นี่นะไม่ใช่แค่บ่อนหรอกนะเพียว แต่มันเป็นที่กักวิญญาณชั่วร้ายด้วย ร้านพี่ร่วมมือกับท่ายมทูตเราหลอกล่อพวกสัมพเวสีชั่วร้าย พวกปีศาจ ต่างเข้ามาในนี้และกำจัดทิ้งยังไงละ เห็นคนที่ยืนยิ้มอยู่ตรงนั้นไหมเขาชี้ไปที่พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่ง

“นั่นนะยมทูตระดับห้า กำลังรอจัดการผีตายโหงที่สิงอยู่ในร่างของมนุษย์อยู่”

“ร้ายขนาดถึงต้องให้ระดับห้ามาจัดการเลยเหรอพี่” เขาอดที่จะทึ่งไม่ได้

“มันเป็นหมอผีเก่าและมีพลังสูงยากที่หมอผีธรรมดาจะจัดการ” เขาอธิบาย

“โหยย นี่เขาทำกันเป็นขบวนการเลยเหรอพี่”

“หึหึ เรื่องแบบนี้เขาเรียกว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ช่วยกันหลายๆ มือมันจะได้เสร็จไวๆ นี่แสดงว่าไม่ได้ล่านานมากเลยละสิ” ร่างบางพยักหน้าหงีกหงัก เขารู้สึกว่าตัวเองล้าหลังไปมาจริงๆ

“จะว่าไปร้านพี่ก็เหมือนโรงพักสัมพเวสีเลยเนอะมีไว้จับผีส่งลงนรก”

“ก็คิดได้นะเรา ไปๆ นั่งตรงบาร์น้ำตรงนั้น เดี๋ยวเหยื่อเราก็มา” ร่างสูงบอกพร้อมกับแตะแผ่นหลังบางให้เดินไปยังบาร์น้ำ พอได้ที่นั่งเขาก็สั่งเครื่องดื่มเบาๆ ให้กับร่างบางอย่างค็อกเทลสีสวยส่วนตัวเองนั้นชอบอะไรที่มันหนักคอเลยได้มาตินีมาดื่ม ซึ่งบาร์เทนเดอร์ของที่นี่ก็โดดเด่นทั้งหน้าตาและความพลิ้วไหวทั้งคำพูดและการผสมเครื่องดื่ม

“ที่เค้าคัดคนเข้าด้วยหน้าตาเหรอพี่ ดูดิมีแต่พวกเทพบุตรจุติกันทั้งนั้น”

“หึหึ ไม่หรอกที่นี่เค้าคัดคนด้วยความสามารถ” ทศลักษณ์บอกด้วยเสียงนิ่งๆ พร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ

“เออพี่แล้วพนักงานที่นี่เขาเป็นมนุษย์ปรกติหรือเปล่า?”

“มีเป็นบางคนส่วนใหญ่เป็นพวกเราทั้งนั้น ไม่ต้องห่วงหรอก ร้านพี่คัดเกรดลูกค้าชั้นนี้รับแต่เม็มเบอร์ไม่รับคนนอก” พอร่างบางได้ฟังก็รู้สึกสบายใจ เพราะถ้ามีแต่พวกยักษ์เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรมากแค่รักษาความลับไว้ก็พอ

รอไม่นานพนักงานที่เดินมารายงานว่ามีใครบางคนกำลังจะขึ้นมา ทศลักษณ์ยกยิ้มนิดแล้วสะกิดให้เพียวหันไปมอง เป็นไปอย่างที่เขาคิดจริงๆ ชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าๆ กำลังเดินวางมาดมายังบริเวณตะที่กำลังเล่นโป๊กเกอร์ เขาเดินมานั่งข้างๆ หญิงสาวที่แต่งตัวดูดีเหมือนคุณนายทั่วๆ ไป ทั้งคู่ยิ้มให้กันนิดๆ ก่อนจะหันไปสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแทน

“เรามีเวลาไม่มาก เพียวจะทำอะไรก็ทำ”

“เราจะมาลงมือวันนี้ใช่ไหม? พี่ทศ”

“ยัง แต่เราต้องรีบ”

++++++++++++++++++++++++++++++

ทันทีที่ผมได้เห็นหน้าลูกพี่ลูกน้องของพี่ปีใจผมมันก็เต้นอย่างรุนแรงผู้ชายคนนี้มีไอชั่วร้ายอยู่รอบตัว เงาดำทะมึนแผ่กระจายอยู่ด้านหลัง แสดงว่าของมันแรงพอตัว ผมกับพี่ทศนั่งเฝ้าดูมันได้สักระยะก็เริ่มเห็นความผิดปรกติ คือ ไอ้เด็กนั่นมันเริ่มหัวร้อนและเริ่มเอะอะโวยวาย ว่าโดนโกง !!!

“กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เรานั่งอยู่นี่พี่จะเข้าไปคุยก่อน” พี่ทศจับไหล่ผมที่กำลังจะลุกเอาไว้ก่อนจะพูดออกมาทำให้ผมต้องนั่งลงที่เดิมพร้อมกับคิดว่าผมจะล้วงเอาความลับจากคนคนนี้ยังไง

“หรือว่าจะเอาแบบนี้ดีวะ?” จู่ๆ ความคิดหนึ่งมันอาจจะบ้าไปหน่อย แต่มันน่าจะได้ผล ผมหายไปจากที่ตรงนั้นทันที ก่อนอื่นผมต้องพึ่งใครบางคนที่ผมพึ่งจะเจอเมื่อครู่ เดินลงออกไปด้านนอกเพื่อตามหาใครบางคน สุดท้ายผมก็เจอมันกำลังจะออกไปกับหนุ่มตาน้ำข้าว ผมรีบเรียกมันไว้

“ไอ้มหา!!! ” ร่างสุงโปร่งนั่นหยุดชะงัก ฝรั่งคนนั้นด้วย ไอ้มหาค่อยๆ หันมาหาผมอย่างช้าๆ ตัวมันสั่นเทิ้มเหมือนกำลังโกรธอะไรสักอย่าง

“มึงเป็นใครมิทราบ!! ” ครับมันหันมาตะคอกใส่ผม

“กูเอง มึงจำกูได้ไหม กูเพียวไง” คิ้วของมันขมวดเข้าหากันนิดๆ และจ้องมาที่หน้าผม นี่มันคงลืมว่ามันหิ้วฝรั่งมาด้วย ไอ้ฝรั่งนั้นมันหันมามองผมด้วยเหมือนกันแถมยังส่งยิ้มหวานเยิ้มมาให้อีก เห็นแล้วแอบขนลุก นี่ถ้ามันไม่หรอระดับนายแบบนานาชาติผมคงวิ่งป่าราบไปแล้ว

“เพียว...เพียวไหนวะ หรือว่า ไอ้..เหี้ย เพียว” ครับใส่ยศมาให้ด้วยมันคงจะนึกออกแล้วละครับ ว่าผมเป็นใครเพราะว่ามันมักจะโดนผมแกล้งอยู่บ่อยๆ หวังว่ามันคงไม่แค้นฝังหุ่นแล้วฆ่าผมตายตอนนี้หรอกนะ

“เออ กูเอง^^”

“มึงมีอะไร? ตอนนี้กูไม่ว่าง” ปากยังไม่ทันจะอ้ามันก็ปฏิเสธผมแล้ว หน้าผมนี่เจื่อนไปเลย จะขอให้มันช่วยก็กระดากหัวใจ แกล้งเขาไว้เยอะ

“เออ มึง คือ กู เอ่อ ขอเวลากูแป๊บดิ กูมีเรื่องให้มึงช่วย” ผมบอกออกไปมันเริกคิ้วใส่พร้อมกับแสยะยิ้ม

“มึงกล้ามาขอความช่วยเหลือจากคนอย่างกูด้วย? ^^”

“เออ มีแค่มึงที่จะช่วยกูได้ นะมึง” ผมแทบจะอ้อนมันด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่าศักดิ์มันค้ำคอผมอยู่ป่านนี้ผมลงไปนั่งกอดขามันแล้ว ไอ้มหามันยืนกอดอกทำท่าคิด แล้วในก็หัวเราะแบบชั่วร้ายใส่ผม ก่อนที่มันจะหันไปบอกให้ฝรั่งที่มันหิ้วมาให้ไปรอที่ห้องเลย พอผมได้ยินก็ยิ้มออกมาซะกว้างมันให้ผู้ของมันไปรอแสดงว่ามันจะช่วยผม พอฝรั่งนั่นหันหลังจากไป

มันก็หันมาทางผมพร้อมกับเดินสำรวจตัวผม มันมองตั้งแต่หัวจรดเท้า อยากจะถามมันว่ามึงมองเหี้ยอะไรวะ แต่พูดไม่ได้ไงเดี๋ยวมันไม่ช่วย ผมนี่แย่แน่ๆ

“เตี้ยยังไงก็เตี้ยอย่างนั้น ร้อยกว่าปีมานี่มึงสูงขึ้นถึงสามเซ็นไหมไอ้เพียว” ดู๊ ดู มัน ถากถางเรื่องปมด้วยของผมอยากจะกระโดดเตะปากมันจริงๆ แต่ทำไม่ได้ ผมต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้ พยายามจะหายใจลึกๆ

ฟู้ ฟู้ เย็นไว้ไอ้เพียว เพื่อผัว เพื่อผัว มึงท่องไว้ ว่า เพื่อผัว

“ก็กูโตได้เท่านี้ ตกลงว่ามึงจะช่วยกูไหม” ผมรีบถามเพราะถ้าช้ากว่านี้ ไอ้เฟียสมันจะหนีไปซะก่อน

“ได้!! กูช่วยมึงก็ได้ ถ้ามึงยอมกราบขอโทษกู^^” เชียะ กะแล้วว่ามันต้องทำแบบนี้แต่ว่ากราบขอโทษมันจมากไปรึเปล่าวะ ผมแทบจะต่อยมันด้วยซ้ำตอนที่มันทำหน้าเยาะๆ ใส่ผม

“.....”

“ว่าไง มึงรีบไม่ใช่เหรอ กราบขอโทษกูสิ^^”

“....”

“ถ้าไม่ทำ งั้นกูกลับ ไปแดกฝรั่งก่อนละกัน” ด้วยความกดดันจากคำพูดของมันทำให้ผมหมดทางเลือก

“เดี๋ยว เอ่ออ ก็ได้ กูขอโทษ!! ”

“ยกมือไหว้กูด้วยสิ” ผมจำใจต้องยกมือขึ้นไหว้มัน แค้นแมร่งฉิบหาย อย่าให้ได้เจอกันอีกนะมึง

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” มันระเบิดเสียงหัวอย่างสะใจ

“จะช่วยกูได้รึยัง” ผมถามเสียงขุ่นๆ

“ได้สิ จะให้ช่วยอะไรละ” มันตอบพร้อมกับกอดอกมองผมด้วยท่าทีเย้ยๆ

“แปลงร่างให้กูที กูรู้มึงทำได้” มันชะงักแล้วมองผมแปลกๆ

“แปลงยังไงวะ?”

“แปลงให้กูเป็นผู้หญิงเอาสวยๆ” ผมรีบบอกดวงตาผมเริ่มมีประกายขึ้นมา

“เพื่อ?”

“ช่วยผัว เอ้ยย ช่วยเพื่อนข้างบ้านเขากำลังจะมีเรื่องเดือดร้อน” ผมจะให้มันรู้ตอนนี้ไม่ได้ว่าผมคบกับผู้ชาย เดี๋ยวมันจะล้อผมอีก

“หืม ช่วยเพื่อน? มึงนี่ก็ลงทุนดีเนอะ ตอนนั้นมึงไม่เห็นจะช่วยเพื่อนอย่างกูเลย” น้ำคำมันเฉือดเฉือนผมได้ตลอดจริงๆ ผมกลอกตาบนอย่างเหนื่อยใจ

“เออ เรื่องมันแล้วไปแล้วมึงจะจำฝังใจอะไรนักหนาวะ” ผมพูดออกไปเพราะเริ่มรู้สึกหงุดหงิดนิดๆ

“อ่อ ถ้ากูเอากระเป๋ามึงไปใส่กบแล้วมันเลอะทั้งตัวมั่งมึงคงจะดีใจงั้นสิ?” ใช่ผมเคยเอากระเป๋านักเรียนมันไปแล้วช้อนเอากบในบ่อน้ำหลังโรงเรียนใส่กระเป๋ามันจนเต็มแล้วพอถึงคาบเรียนช่วยบ่ายมันเปิดกระเป๋าที่เต็มไปด้วยกบกลางห้องเรียน กบที่อัดอยู่เต็มกระเป๋าพากันกระโดดออกมาจนมันช็อกแล้วสลบไปเลย ผมยิ้มแหย่ๆ ร็สึกผิดขึ้นมาทันที

“เห้ย ไอ้กู๊ดมันยุกู กูไม่ได้ตั้งใจ” ผมรีบบอกปัดโยนความผิดไปหึคนอื่นทันที

“แต่มึงเป็นหัวโจกไอ้เพียว”

“เออ กูขอโทษแล้วไง ลืมๆ ไปเหอะนะๆ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ ต่อจากนี้ไปกูจะเรียกมึงลูกพี่เลยก็ได้นะๆ ” มันแอบยิ้มมุมปากแล้วเชิดหน้าขึ้นนิดๆ

“เรียกสิ”

“ลูกพี่คร๊าบบบ พ่อมหาจำเริญ ช่วยน้องเพียวด้วยนะคร๊าบบ” โอ้ยย นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อผัวนะ ไอ้เพียวไม่ยอมขนาดนี้หรอก

“หึหึหึ ดีมาก อ่อ อีกอย่างกูไม่ได้ชื่อมหา กูชื่อมินิ ได้โปรดจำเอาไว้ด้วย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 22 14/1/61
« ตอบ #109 เมื่อ: 14-01-2018 09:08:17 »





ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
หลังจากที่ยำยีศักศรีกูเรียบร้อย ไอ้มหา ไม่สิไอ้มินินมันก็พาผมไปที่ๆ หนึ่ง มันเป็นร้านเสริมสวยขนาดกลางๆ ที่ดูหรูมากๆ

“มือโปรอย่างกูจะเนรมิตมึงให้เป็นนางงามให้ดู” ผมพูดอย่างมั่นใจ เออ กูก็มั่นใจ ว่ามึงทำได้

“มึงเปลี่ยนไปเยอะเนอะ” มันชะงักแล้วทำหน้าโนสนดนแคร์ใส่

“เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน อยู่นิ่งๆ ดิวะ เดี๋ยวคิ้วเบี้ยว” มันจับคางผมไว้ไม่ให้ขยับ” การแต่งหน้าครั้งแรกในชีวิตของผม มันออกจะตื่นเต้นหน่อยๆ แถมมันยังรู้สึกอายๆ ด้วยไม่รู้จะมายังไงด้วยซ้ำ ผมโดนไอ้มินิจับหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่นานจนมันเอาวิกมาใส่ให้ แล้วเอากระจกให้ผมดู

“เชี้ยะ สวยสาสส” ไม่อยากจะชมตัวเองหรอกนะแต่กระจกมันไม่โกหกหรอก

“ฝี มือกู แล้วมึงจะทำอะไรถึงได้ให้กูแปลงโฉมให้ขนาดนี้” ไอ้มินิมันกอดอกถามพร้อมกับมองผลงานบนใบหน้าผมไปด้วย

“หลอกล่อผุ้ชายที่คิดร้ายกับ ผัว เอ๊ยย เพื่อนกูไง ไอ้นี่มันร้ายเป็นทั้งผีพนันแล้วก็เสือผู้หญิง แถมมันยังโดนปืศาจชั่วสิงอยู่อีก” ผมบอกพร้อมกับจับใบหน้าตัวเองอย่างอึ้งๆ

“มึงจะทำได้ จริตอ่อยผู้มึงมีเหรอ”

“มีดิ กูอ่อยประจำ”

“อ่อยผัว?” ผมแทบหงายหลังเมื่อมันสวนขึ้นมาแบบนั้น

“บ้า!! ผัวเผอ อะไร ไม่มี” ผมรีบบอก

“ตอแหล กูรู้คนอย่างมึงอ่านไม่ยากหรอก มีก็บอกว่ามีจะอายอะไร”

“กูไม่ได้อาย แต่กูกลัวมึงล้อไง”

“หึหึหึ เดี๋ยวหัดกลัว เหอะ ! เอาเถอะกูไม่ล้อมึงหรอก จะทำอะไรก็รีบทำ ผู้กูรอนานแล้ว” มันไล่กลายๆ พร้อมกับยื่นเสื้อผ้าผู้หญิงให้ผมชุดหนึ่ง

“ไปเปลี่ยนซะกูจะได้ไปสักที” ผมรีบทำตามที่มันบอก ชุดแซกน่ารักๆ เข้ากับวิกผม มันยิ่งทำให้ผมดูสวยสะพรั่งเข้าไปอีกโอ้ยจีบตัวเองจะผิดไหมเนี้ยะน่ารักเกิ้นน...

เดินออกจากร้านเสริมสวยแล้วกลับไปที่ร้านของพี่ทศ เดินผ่านการ์ดคุมร้านพร้อมกับยื่นบัตรvipmที่พี่ทศให้ไว้แค่นี้ก็ผ่านฉลุย อยากจะลองเช็กเรตติ้งดูว่าผมจะมีเสน่ห์ขนาดไหน จากที่เขินๆ กระดากใจตอนนี้กลับรู้สึกสนุกขึ้นมาแล้ว ผมพยายามใช้สายตาแบบมีจริตจะกร้านใส่ทุกคนที่ผมเดินผ่าน ทุกคนมองตามผมคอแทบจะเคล็ด ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ กูสวยละสิ ก๊ากกก หัวเราะอยู่คนเดียวในใจ ก่อนจะเดินไปหาพี่ทศที่ยังโซนวีไอพี

“ใจเย็นสิคุณเฟียส เรื่องแค่นี้เอง” ผมเห็นพี่ทศกำลังคุยกับไอ้เด็กเฟียสที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ในมือมีเหล้ารสแรง เขายกมันขึ้นจิบ

“ผมเป็นลูกค้าคุณไม่น่าทำกับผมแบบนี้ ผมไม่พอใจมาก”

“มันเป็นธุรกิจที่อาศัยดวงนะครับคุณก็น่าจะเข้าใจนะครับ ว่าทุกอย่างมันไมได้เป็นไปตามที่คุณหวังไว้เสมอ เงินมันไม่เข้าใครออกใคร ดวงดีได้ตาร้ายเสีย” พี่ทศพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่กลับอีกคนนั้นตาแดงก่ำด้วยความโกรธอย่างสุดขีด

“แต่นี่มันโกง มึงโกงกู!!! เอาเงินกุคืนมา!!! ”

“มีอะไรกันเหรอคะ? เสียงดังเชียว” ผมเดินกรีดกรายเขาไปทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โปรยยิ้มหวานๆ ให้กับสองคนนั้น

“คุณเป็นใครกันครับ?” ไอ้คุณเฟียสมันหันมาทำตาหวานๆ ใส่เห็นแล้วรู้สึกขนลุก แต่กับพี่ทศนี่สิเขาทำหน้าอึ้งๆ

“หนูชื่อพริ้มค่ะ เป็นพนักงานของที่นี่ แล้วคุณ?”

“เฟียสครับผมชื่อเฟียส^^”

“แล้วนี่มีเรื่องอะไรกับเจ้านายของพริ้มหรือเปล่าคะเสียงดังกันเชียว”

“อ่า เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ว่าแต่ คืนนี้คุณพอจะมีเวลาไปนั่งคุยเป็นเพื่อนผมไหมครับ ผมมาคนเดียวเลยรู้สึกเหงาๆ” มันเอามือมาวางไว้ที่เอวของผมอย่างเนียนๆ พี่ทศเงียบไปไม่พูดอะไรอีก

“ว่างสิคะ สำหรับคนหล่อๆ อย่างคุณเฟียสพริ้มว่างเสมอค่ะ” ความสามารถของผมอีกอย่างคือการใส่เสียงสองและเสียงสาม ฮ่าๆ นี่ยังไม่นับสกิลตอแหลอีกนะ หึหึหึ รู้สึกภูมิใจนิดๆ

“ถ้าอย่างผมถือว่าคุณให้น้องพริ้มมาบริการผมเป็นค่าเสียหายที่คุณทำไว้กับผมละกันนะคุณทศ” ไอ้นี่มันยิ้มเยาะใส่พี่ทศพร้อมกับโอบไหล่ผมให้เดินออกไปที่เลาจ์ด้านนอก

“งั้นผมขอคุณกับพริ้มสักครู่นะครับ พริ้มตามพี่มาเดี๋ยวนี้!! ” พี่ทศเรียกเสียงเข้ม ผมหันไปยิ้มให้กับไอ้เฟียสหน้าม่อเพื่อขอตัว

“เดี่ยวพริ้มมานะคะคุณเฟียส” พูดจบผมก็โดนทีทศลากออกไปคุยที่ด้านหลังทันที

“นี่มันอะไรเพียว!! ” พี่ทศตะคอกผมเต็มแรงพร้อมกับบีบไหล่ผมแน่น

“พี่ทศใจเย็นดิ นี่มันวิธีของผมพี่ไม่ต้องห่วงหรอก” ผมเจ็บแต่ก็พยายามจะพูดดีๆ กับพี่ทศ

“จะให้เย็นได้ยังไง รู้ไหมที่ทำอยู่มันเสี่ยงขนาดไหน? ไอ้นั่นมันมีปีศาจสิงอยู่เราก็รู้”

“ผมรู้น่า แค่จะล้วงความลับจากมันเท่านั้นนะพี่ ไม่ยากหรอก” ผมสะบัดตัวออกจากมือแกร่งที่จับผมเอาไว้แน่นและเดินออกไปหาไอ้หน้าหื่นทันที

“เพียว! บ้าเอ๊ยย” เสียงพี่ทศตะโกนไล้หลังมาอย่างหัวเสีย ผมรู้ว่าพี่ทศคงไม่ปล่อยให้ผมตกอยู่ในภาวะเสี่ยงทำภารกิจล่มได้ง่ายๆ กะอีแค่ปีศาจเรื่องเยอะมันจะอะไรนักหนากัน

เดินออกมาก็เจอไอ้เฟียสมันยืนยิ้มหวานรอผมอยู่ที่เดิม ผมเดินไปหาพร้อมกับคล้องแขนมันอย่างอ้อนๆ

“ไปกันเถอะคะ”

“เจ้านายเรียกพริ้มเข้าไปคุยอะไรเหรอครับนานเชียว” สอดรู้จริงๆ -*-

“เจ้านายบอกให้ดูแลคุณเฟียสดีๆ คะ^^”

“งั้นเหรอครับ ผมจะดูว่าพริ้มจะดูแลผมได้ดีขนาดไหน หึหึ”

“ดีถึงใจแน่นอนค่ะ” กูจะล้วงตับมึงมาสับให้ดูครับ มือมันอย่างกับปลาหมึก จับแทบไม่ทันให้ตายเหอะ

ผมพามันออกไปนั่งด้านนอกหามุมสงบๆ แล้วเริ่มสั่งเครื่องดื่ม ผมกินเยอะไม่ได้เลยหลอกล่อมอมเหล้ามันให้ได้มากที่สุด กลิ่นอายความชั่วร้ายมันเหม็นอย่าบอกใคร กลิ่นแบบนี้มีแต่พวกผมและยมทูตเท่านั้นที่จะได้กลิ่นและเห็นถึงพลังไอวิญญาณ

“พี่เฟียส พี่เฟียสเมาแล้ว พริ้มว่าเรากลับกันดีไหมคะ?”

“อ่า ใครบอกพี่มาวว พี่ไม่มาววสักหน่อย”

“ถ้าพี่เฟียสไม่เมางั้นเราไปต่อกันที่อื่นดีไหมคะ ไปห้องพี่เฟียสก็ได้” ผมรีบพูดพร้อมทำเสียงอ่อยๆ

“อยากไปห้องพี่ หึหึ ได้สิครับคนสวย เราจะไปสวรรค์ด้วยกันเนอะ^^ ฟอดดด” ไอ้เชี้ยยยยยย แม่งหอมแก้มผม แหวะจะอ้วก

“พี่เฟียสอะ อย่าใจร้อนสิคะ” ผมบิดตัวหลบการจู่โจมของผุ้ชายคนนี้พลันวัน พร้อมกับลากมันออกมาจากร้านอย่างทุลักทุเล

ปึก!! อ๊ะ

“ขอโทษครับ...= =’ ” เชี้ยะ คือเชี้ยะเลย คนที่รีบร้อนเดินจนเดินมาชนผมกับไอ้หน้าปลาจรวดนี่แทบหน้าคะมำนี่ดันเป็นผัวผมครับ มันจ้องหน้าผมเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดผมรีบหลบสายตากลัวเขาจะจำได้

“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ พริ้มขอตัวก่อนนะคะ พอดีแฟนพริ้มเมามากจะพาเขากลับบ้าน” เสียงกูจะสั่นไปไหน รีบเดินเลี่ยงออกมาทันที นาทีนี้ไม่สนแล้วครับว่าพี่มันจะตามมาไหมขอให้พ้นจากตรงนี้ก่อนที่หายนะของแท้มันจะมาหาผม ใช้แรงทั้งหมดที่มีลากไอ้ขี้เมาไปที่ลานจอดรถ แล้วถามมันว่ารถจอดที่ไหน พอเจอรถคันหรูที่มันใช้ผมก็อยากจะกระโดดเตะก้านคอมันทันที แพงกว่ารถผัวผมอีก!! เงินผัวกูทั้งนั้น สัส!!

“พริ้มขับให้ดีกว่าเนอะ พริ้มไม่อยากนอนคุก” ผมรีบคว้ากุญแจในมือมันมาถือไว้ ปลดล็กแล้วจับมันยัดใส่เบาะคาดเข็มขัดให้ด้วย กลัวมันจะดิ้นเมาตกรถตาย ซวยผมอีก

ถามมันว่าคอนโดมันอยู่ที่ไหน มันก็ตอบกลับมาเสียอ้อแอ้ว่าแถวๆ อโศก โครงการที่ใหญ่ที่สุดในย่านนั้น พอมาถึงผมก็พามันไปยังห้องชั้นที่ สามสิบชั้นเกือบบนสุด สัส แค่นี้ก็โคตรจะแพงแล้ว เห็นแล้วแค้นนนนนนนนนน -*- ปลดล็อกด้วยการสแกนลายนิ้วมือเรียบร้อยก็ลากมันเข้ามาด้านใน ก่อนจะเทมันไว้ที่โซฟารับแขก เมาหนักขนาดนี้คงไม่มีแรงลุกมาทำอะไรผมได้หรอก ถึงจะทำมันก็ไม่มีทางที่จะสู้ผมได้ นอกเสียจากว่า มันจะเอาเลือดม้ามาสาดใส่ผม เชี้ยะแล้วจะบอกให้พวกคุณรู้ทำไมมันเป็นความลับ....

“เฟียส ไอ้เฟียสส”

“......” ไร้สัญญาณตอบรับ หึหึดี ผมรีบทำตามแผนที่วางไว้ทันที คือมุ่งตรงไปที่ห้องนอนของมันก่อนอันดับแรก ผมค้นหาเอกสารหรืออะไรก็ได้ที่จะเป็นหลักฐานเอาผิดมันกับบริษัทของที่ปี ทั้งตู้เสื้อผ้า ลิ้นชัก หามันจนทั่วแต่ก็ไม่เจอผมเดินไปที่ผนังห้องมันน่าจะมีเชฟลับอยู่ที่ไหนสักที่ผมเพ่งจิตหาจนเจอว่ามันซ่อนอยู่ด้านหลังตู้หนังสือ และมันก็อยู่ในนั้นจริงทั้งเอกสารและแฟรชไดฟ์อะไรสักอย่างผมรวบรวมมันใส่ไว้ในกระเป๋าอย่างเร่งรีบ กะว่าจะชิ่งโดยการใช้ประตู

“ลาก่อนนะไอ้ หน้าปลาบึกหึหึหึ กูจะเอาของทุกอย่างที่มึงขโมยผัวกูไปคืนให้หมด” ผมพูดอย่างยิ้มเยาะ แล้วนึกถึงสถานที่ที่ผมจะไปแล้วเปิดประตู

“หึหึหึจะไปไหนจ๊ะ น้องพริ้มมม^^” แทนที่จะเป็นห้องนอนของผม แต่มันกลับเป็นไอ้เฟียสยืนจังก้าขวางประตูห้องเอาไว้

“ไอ้เฟียส!!! ”

“เออ กูเอง คิดว่าลูกไม้ตื้นๆ ของพวกยักษ์โง่ๆ อย่างมึงจะหลอกปีศาจอย่างกูได้เหรอ!!! ”

“ซวยละ” ครับซวยของแท้ ซวยยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

“เลือดม้า สยบยักษ์ มึงเคยได้ยินเรื่องนี้ไหม?”

“พริ้มว่าเราต้องมีเรื่องเข้าใจอะไรกันผิดแน่เลย พริ้มแค่จะมาจัดที่นอนให้พี่เฟียสเองนะคะ^^”

“ตอแหล” มันไม่เชื่อ ในเวลาแบบนี้ที่เวทมนตร์ผมใช้ไม่ได้กับมัน คงจะมีแต่พลังกายเท่านั้น เอาวะ สู้ดีกว่าให้มันทำร้ายเราฝ่ายเดียว

ผมผลักร่างของมันให้กระเด็นไปอีกทางทันทีก่อนจะวิ่งไปที่ประตูทางออก แต่ทว่าทุกประตูมันทาเลือดม้าเอาไว้หมด แค่เลือดของมันก็ทำเอาผมแทบจะขยับไปไหนไม่ได้ เหลือที่เดียวคือห้องน้ำ ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้งและผมต้องขังตัวเองอยู่ด้านในนั้น และขอความช่วยเหลือ ผมวิ่งผ่าน ไอ้เฟียสมันจ้องผมอย่างเคียดแค้น ก่อนจะลุกแล้วคว้าข้อเท้าผมเอาไว้ ผมรีบสะบัดออกแล้วออกวิ่ง มันวิ่งตามมาติด ความรู้สึกเหมือนวิ่งหนีซอมบี้ในหนังเด๊ะๆ มีนทั้งน่ากลัวแล้วก็ตื่นเต้น

“นึกว่าจะหนีกูได้เหรออีพริ้ม!! ” ปึงๆ ๆ ๆ

“เชี้ยะ” มันพยายามจะพังประตูเข้ามา ผมรีบกดโทรศัพท์หาพี่ทศทันที

“รับสิวะ”

ปึง ปึง

“เชี่ยะ โหลพี่ทศแย่แล้ว” ผมรีบกลอกเสียงลงไปทันทีที่พี่ทศรับสาย

“ทางพี่แย่กว่า ปีมงคลอารวาดอยู่ที่นี่”

“ห๊ะ!!! โอ้ยย พี่ทศรีบมาช่วยเพียวก่อนไอ้เฟียสมันรู้แล้วว่าเราเป็นใคร เลือดมาเต็มห้องมันเลยพี่รีบมาช่วยผมด้วยนะพี่”

“อะไรนะ!!! เพียว! พี่บอกแล้วใช่ไหมว่ามันไม่ธรรมดา รออยู่นั่น แล้วพยายามหาทางช่วยตัวเองให้รอดพี่จะรีบไป” ครับแค่นี้ผมก็อุ่นใจขึ้นมานิดอย่างน้อยๆ พี่ทศก็จะมาช่วยผม

ปึง ปึง

“ออกมา!!! กูบอกให้มึงออกมา!! ”

“ออกไปให้โง่เหรอวะ” ผมตะโกนตอบกลับมันไป ปากดีใส่มันทั้งๆ ที่ตัวเองวิ่งเป็นหนูติดจั่นอยู่แบบนี้

อย่าให้ออกไปได้นะมึง!!!

++++++++++++++++++++++

ยักษ์ของเรากำลังตกที่นั่งลำบาก พี่ทศจะมาช่วยเพียวน้อยของเราได้ทันไหมโปรดติดตามนะครับ



 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ลุ้นนนนนนนนนนน ใครก็ได้มาช่วยเพียวที

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3








อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 23

ตกเย็นเลิกงานผมไม่ได้กลับบ้านไปหาไอ้เพียวมันหรอกครับ ผมมาดักมันที่ร้าน อสุรา แต่กว่าจะหาร้านนั้นเจอเล่นเสียเวลาไปเกือบชั่วโมง แถมพอเจอยังหาที่จอดไม่ได้อีกลำบากต้องวนรถหาที่จอดอีกโคตรจะหงุดหงิด เดินเข้าไปนั่งรอพวกมันในร้าน โดยเลือกมุมที่จะมองเห็นไอ้เพียวได้ทันทีที่มันก้าวเข้ามาในร้าน พอได้ที่นั่งเหมาะก็สั่งเครื่องดื่มมาแก้วหนึ่ง จะได้ไม่น่าเกลียด นั่งรอจนรากจะงอกจนคิดว่ามันคงไม่ได้มาที่นี่กันแล้วผมเลยสั่งเช็กบิล หมดไปร้อยกว่า กับเหล้าแก้วเดียว เดินออกไปที่รถที่จอดเลยหน้าร้านไปไม่ไกล ผมเดินมองไปรอบๆ เผื่อจะเจอมัน แต่ก็ ไม่

ปึก !! ตา มันก็แต่มองหาเมียจอมดื้อของตัวเองจนเดินไปชนใครคนหนึ่งเข้า แค่แวบแรกก็ทำเอาหัวใจผมกระตุกอย่างรุนแรง สายตาผมปะทะเข้ากับ หญิงสาวที่กำลังแบกลูกพี่ลูกน้องผมออกมาจากทางหลังร้าน เราเดินชนกันโดยบังเอิญ ใบหน้าของเธอทำให้ผมลืมเรื่องของเฟียสไปเสียสนิทลืมแม้กระทั่งเรื่องเมียตัวเอง ใบหน้าของเธอเหมือนกับรักแรกของผม รักที่ผมตามหามาค่อนชีวิต เธอส่งยิ้มมาให้ผม รอยยิ้มแบบนั้นผมจำได้ แววตาคู่นั้นผมไม่เคยลืม เพราะมันเหมือนกับของไอ้เพียวไม่มีผิด!! เหมือนจนรู้สึกตงิดใจขึ้นมานิดๆ เพราะมัวแต่อึ้งจนคิดอะไรไม่ทัน ผู้หญิงคนนั้นก็เดินแบกไอ้เฟียสออกไปแล้ว ผมยังคงรู้สึกตกใจกับภาพที่เห็น แต่ทว่าอะไรบางอย่างมันทำให้ผมฉุกคิด

“หืม!!! ” เพราะสายตาผมเห็นว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่น่าจะแบกผู้ชายตัวโตๆ อย่างไอ้เฟียสไหว ไหนจะท่าเดินที่ดูแปลกๆ มันก็ทำให้ผมคิดขึ้นมาได้

“ผู้บ้าอะไรจะแรงเยอะแบบนั้น หรือว่า” ในขณะที่ผมกำลังจะวิ่งตามผู้หญิงคนนั้น ออกไป จู่ๆ ไอ้หน้านิ่งมารหัวใจผมก็โผล่มา

“อ่าวคุณปีวันนี้มาใช้บริการที่ร้านผมด้วยเหรอครับ ถือว่าเป็นเกียตรอย่างยิ่ง” มันจับไหล่ผมไว้แน่น

“ปล่อยกูนะ เมื่อกี้ไอ้เพียวใช่ไหม ใช่ไหม!! ” ผมตะคอกใส่มันเต็มแรง นี่มันกับไอ้เพียวรวมหัวทำอะไรกัน แล้วทำไมต้องไปยุ่งกับไอ้เฟียสด้วย ผมร้อนรนเพราะว่าคนอย่างไอ้เฟียสมันตัวอันตราย ด้วยทั้งนิสัยแล้วก็ความคิดของมัน แล้วทำไมมันถึงได้ใช้ให้เมียผมไปทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นด้วย เลือดขึ้นหน้าเลยทีนี้

“^^”

“ตอบกูมาเด๊ ว่าเมียกูอยู่ที่ไหน มึงพามันไปทำอะไร!! ” ผมตวาดเสียงลั่น จนคนที่เดินไปมาต่างพากันหันมามอง

“ใจเย็นสิครับ ผมไปส่งไอ้เพียวที่บ้านแล้วคุณสบายใจได้ ไหนๆ ก็มาแล้วผมว่าเราเข้าไปข้างในดีกว่า” มันไม่พูดเปล่า มันลากผมเข้าไปด้านในด้วย ผมทั้งดิ้นทั้งถีบแต่ทำไมผมถึงสู้แรงมันไม่ได้เลยวะ ตัวก็เท่าๆ กัน!!

“ปล่อยสิวะ จะลากกูไปไหนกูไม่ไป ไม่ดงแดกอะไรทั้งนั้น กูจะกลับบ้าน กลับไปหาเมีย! ” จะพูดจะด่าจะอะไรใส่มัน มันก็ยิ้มกวนตีนตอบกลับมาทุกครั้ง จนผมเหมือนคนบ้าที่โวยวายลั่นร้าน

“^^” ไอ้สัส กวนตีน!!! มันลากผมเข้าไปนั่งในห้องทำงานของมันครับนั่งจ้องหน้ามันอย่างโกรธๆ โมโหด้วย ผมรู้ว่ามันโกหกและพยายามจะถ่วงเวลาผม

“กูจะกลับ!! ”

“พล่ากุ้งร้านเราก็อร่อยนะครับ เดี๋ยวผมให้เด็กจัดมาให้ข้างในนี้ละกัน ไม่ทราบว่าเครื่องดื่มจะรับเป็นอะไรดีครับ น้ำส้มไหม^^” หน้อยย ไอ้เหียกนี่ มันจงใจกวนสนตรีนผมเกินไปแล้วนะ พูดอะไรแมร่งไม่ฟังสักอย่าง - -* ได้ๆ อยากเจอฤทธิ์ไอ้ปีใช่ไหม ด้ายยยยยยย ผมยิ้มเหี้ยมใส่มันก่อนจะกดเสียงลงต่ำ

“จะปล่อยกูไปดีๆ หรือจะให้กูสั่งปิดร้านของมึง เลือกเอา”

“^^ “

“อะไรของมึงวะ ยิ้มอยู่ได้ มึงจะเอาใช่ไหม เอาใช่ไหม” ผมตั้งท่าจะกระโจนใส่มันเต็มที่

Rrrrrr Rrrrrrr

“ (เชี่ยะ โหลพี่ทศแย่แล้ว) ” เสียงๆ หนึ่งมันดังลอดมาจากโทรศัพท์ของไอ้ทศ เสียงไอ้เพียว!!

“ทางพี่แย่กว่า ปีมงคลอารวาดอยู่ที่นี่” กูไม่ได้มาอาราวาดมึงนั่นแหละที่ทำให้กูอาราะวาด!

“ห๊ะ!!! โอ้ยย พี่ทศรีบมาช่วยเพียวก่อนไอ้เฟียสมันรู้แล้วว่าเราเป็นใคร เลือดม้าเต็มห้องมันเลยพี่รีบมาช่วยผมด้วยนะพี่” เสียงของมันดูร้อนรนมาก นี่ไอ้เพียวเป็นอะไร มันเป็นอะไร ดูจากสีหน้าของไอ้ทศที่ดูจะตกใจและกังวลยิ่งทำให้ผมกลัวมากไปกว่าเดิม

“อะไรนะ!!! เพียว! พี่บอกแล้วใช่ไหมว่ามันไม่ธรรมดา รออยู่นั่น แล้วพยายามหาทางช่วยตัวเองให้รอดพี่จะรีบไป” หาทางช่วยตัวเองไปก่อนเหรอ เมียกูตัวเล็กเท่ามดจะไปรอดอะไรวะ!

“กูไปด้วย! ” มันหันมาทำหน้าตกใจแล้วรีบเดินออกไปทันที เหมือนจะไม่ยอมให้ผมไปด้วย

“นี่กูบอกว่ากุจะไปด้วย” เรื่องอะไรผมจะยอมรีบวิ่งตามมันออกไป ด้วยความไวแสง มันเองก็รีบเหมือนกัน ไม่หันมาค้านหรืออะไรผมสักอย่างตามมันจนไปถึงรถ ผมกระโดดขึ้นรถมันทันที หน้าไม่ด้านทำไม่ได้นะแบบนี้พูดเลย มันหันมาปรายตามองผมนิดแล้วหันไปขับรถต่อ ใช้สายตาด่าผมประมาณว่าจะเสือกอะไรด้วย สถานที่ที่มันขับรถมา ทำเอาผมตกใจสุดๆ นี่มันคอนโดไอ้เฟียส!!!

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ไอ้เพียวมันมาที่นี่ได้ยังไง”

“คุณรู้เหรอว่าไอ้เฟียสมันอยู่ที่นี่ ห้องไหนรีบพูดมา! ”

“รู้! ”

“งั้นรีบเลยเพียวกำลังตกอยู่ในอันตราย!! ”

“ห๊ะ! แล้วทำไมพึ่งจะมาบอก ไอ้เหี้ย!! ” พอได้ยินผมก็วิ่งหน้าตั้งไปที่ลิฟต์แล้วกดชั้นที่อยู่ของไอ้เหี้ยเฟียสทันที

ปัง!!!!! ผมออกแรงทุบประตูห้องจนมันสั่นไปหมด ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดดออกมา

“ไอ้เฟียสเปิดประตู!! ”

“....”

“ไอ้เฟียส เปิดประตูสิวะ!! ”

ปัง ปัง ปัง!! ทุบจนประตูสะเทือนไปหมด ในเมื่อมันไปเปิดผมก็จะพังเข้าไป

“พังมัน พังประตูเลย!! ” ผมหันไปบอกไอ้ทศที่ยืนทำสีหน้าเป็นกังวลอยู่ไม่ห่างมันไม่อยู่ใกล้ประตูด้วยซ้ำ พอผมบอกมันก็พยักหน้า พวกเราถอยออกห่างประตูบานนนั้นแล้วพุ่งเข้าหาเต็มแรงจนมันเปิดอ้า พอประตูเปิดผมก็ได้กลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนปะทะเข้ามาในจมูก พอกวาดสายตาไปทั่วๆ ผมก็เห็นแต่เลือดเต็มพื้นไปหมด

“เพียว!!! ” ผมรีบตะโกนเรียกคนรักทันที วิ่งหาตามห้องต่างๆ จนมาถึงห้องนอนของไอ้เฟียส ผมวิ่งเข้าไป ก็ต้องตกใจสุดๆ เพราะคนที่มักกำลังบีบคออยู่นั่นคือผู้หญิงคนที่ผมเจออยู่หน้าร้านของไอ้ทศ ไม่สิ นั่นมันไอ้เพียวต่างหาก ใจผมกระตุกแรง พอตั้งสติได้ สิ่งที่ผมเห็นคือ ไอ้เฟียสกำลังบีบคอไอ้เพียวด้วยมือข้างเดียวและยกจนตัวมันลอยเหนือพื้น หน้าไอ้เพียวซีดไปหมดและกำลังจะขาดใจตายมือของไอ้เพียวกำลังกำข้อมมือของไอ้เฟียสไว้แน่น สายตาของมันมองมาที่ผม น้ำตามันไหล และพยายามจะเปล่งเสียงเรียกผม และนั่น ขาของผมมันก็ขยับ กระโดดถีบร่างไอ้เฟียสเต็มแรงจนมันกระเด็นไปอีกทาง และทำให้ไอ้เพียวหล่นลงบนพื้นมันรีบโกยลมหายใจเข้าปอดและไอโขลกออกมาอย่างหนักผมรีบประคองมันขึ้นมา ใบหน้าสวยเหมือนผู้หญิงของมันเต็มไปด้วยรอยช้ำ และเครื่องสำอางที่กำลังหลุดลอกขอบตาเลอะไปด้วยอายไลเนอร์ไม่เหลือเค้าความสวยเลบสักนิด

“พาผมออกไปจากที่นี่เร็วเข้า เร็ว!! ” มันแทบจะไม่มีเสียงใดๆ ลอดออกมาจากปากเล็กนั่น ดวงตาของมันเหมือนกำลังตื่นกลัวอะไรสักอย่าง “แค่ออกจากที่นี่ ผมจะดีขึ้น พี่ปีเร็วเข้า” ไอ้เพียวพูดแล้วหันไปดูร่างที่ค่อยลุกขึ้นจากพื้น ผมถีบมันแรงมาก แรงเท่าความแค้นที่ผมมีให้กับมันจนมันกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง ไม่คิดว่ามันจะลุกขึ้นมาไหว แต่ทันทีที่ผมสบตากับมัน ผมก็รู้ได้ว่านั่นไม่ใช่ไอ้เฟียสที่ผมรู้จัก ไม่ใช่ไอ้เด็กที่วันๆ เอาแต่เที่ยวและทำตัวเสเพลและแบมือขอเงินจากผมไปวันๆ ทั้งๆ ที่มันก็มีตำแหน่งหน้าที่ในบริษัท ดวงตาของมันแข็งกร้าวและดูไม่เหมือนมนุษย์

“พี่เร็ว!! ” ผมรีบพาไอ้เพียวออกมาจากที่ตรงนั้นทันที ผมลืมไปเลยว่าไอ้ทศมันก็มาด้วย แต่ทำไมมันไม่เข้ามาข้างใน พอออกมานออกห้องได้ไอ้เพียวมันก็เหมือนจะดีขึ้น

“พี่ทศ? เราต้องรีบไปจากที่นี่ ไอ้เฟียสมันไม่ใช่อะไรๆ ที่เราจะจัดการได้ในตอนนี้” นี่พวกมันพูดเรื่องอะไรกัน ไอ้ทศมันรีบมาช่วยผมพยุงไอ้เพียวอีกข้างก่อนที่เราจะพากันออกจากคอนโดของไอ้เฟียส ยอมรับเลยว่าออกมาพ้นสถานการณ์แบบนั้นแล้ว ผมก็รู้สึกโกรธไอ้คนที่นั่งหน้าซีดๆ อยู่ข้างๆ ไม่ได้ ทำไมมันชอบทำอะไรโดยที่ไม่ปรึกษาผม และที่มันเข้าหาไอ้เฟียส มันก็คงไม่พ้นเรื่องของผมอีก ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมาผมคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองได้แน่ๆ ผมจับไอ้เพียว มันอนหนุนตัก วิกผมยาวของมันกองลู่ไปกับเบาะ มันเงยหน้าขึ้นมามองผมนิดๆ เหมือนเหมือนคนมีความผิดติดหลัง

“พี่ โกรธผมไหม”

“ไว้ค่อยคุยกันที่บ้าน” ผมตอบมันด้วยเสียงนิ่งๆ ตาโตๆ ของมันเบิกกว้างขึ้นอีกนิดจนดูตลกมันคงจะกลัวว่าผมจะด่ามันแน่ๆ

“พี่ทศเดี๋ยวอยู่กินข้าวเย็นที่บ้านด้วยนะพี่” มันรีบหันไปหาพี่ชายมันทันทีผมละอยากจะตบหัวมันให้สมองกลับจริงๆ

“ตีสองนี่อะนะเพียว?”

“อะ เออ ก็นั่นแหละ พี่คงไม่ได้กินอะไรมาด้วยใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวน้องทำให้กินเอง” เสียงหวานเชียวนะแหม่ ผมทำตาดุใส่มันก็ยิ้มแหย่ๆ มาให้ หาทางรอดตลอดเลย

“มันไม่หิวหรอก มึงก็เจ็บหนักขนาดนี้ไม่มีแรงลุกมาทำกับข้าวแน่ๆ ส่งพวกกูที่บ้านแล้วก็กลับไป ส่วนเรื่องของวันนี้เอาไว้กูจะคิดบัญชีกับมึงทีหลัง”

“เหอะ” ไอ้ทศมันแค่นเสียงใส่พร้อมกับมองผมผ่านกระจกมองหลัง มันแสยะยิ้มออกมานิดๆ แล้วหันหน้าไปขับรถต่อ ไอ้เพียวหลับไปแล้ว ผมนั่งลูบหัวมันไปตลอดทางกลับบ้านของเรา ไม่นานก็มาถึงทุกคนหลับหมดแล้ว รวมถึงไอ้ตัวแสบบนตักผมด้วย ผมค่อยๆ อุ้มมันลงจากรถ และพาไปที่บ้านของผม โดยที่ไม่หันกลับมาสนไอ้หน้างูที่นั่งมองพวกเราอยู่เลยสักนิด ผมอุ้มไอ้เพียวไปที่ห้องนอนของผมและวางมันลงบนที่นอน พิจรณาดุทุกอย่าง ยอมรับว่ามันเหมือนพี่สาวคนนั้นมากๆ เหมือนคิดว่าเป็นคนคนเดียวกัน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นพี่สาวคนนั้น อายุพี่เขาก็น่าจะเยอะแล้ว สักสี่สิบห้าได้แล้วมั้ง คงไม่ใช่เด็กอายุยี่สิบต้นๆ แบบไอ้เพียว แน่ นั่งดูมันได้สักพักก็ลุกไปเอาน้ำใส่กะละมังใบเล็กกับผ้ามาเช็ดคราบสกปรกและก็คราบเลือด ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าไอ้เลือดที่มันสาดอยู่เต็มห้องห้องนั้นมันเป็นเลือดของใคร เท่าที่ดูก็ไม่เห็นจะมีแผลเลยสักที่

“อือออ อย่า” มันทำปากงึมงำออกมาและพยายามจะปัดผ้าในมือผมทิ้ง

“อย่าดินนิ่งๆ จะเช็ดตัวให้”

“อืออ อย่าซี่..เดี๋ยวพี่ปีดุ” นี่มันเพ้อบ้าอะไรของมันแถมยังมีแอบอมยิ้มอีก….-*- จะทำตัวน่ารักไปถึงไหน!!

“เพียว...ถ้าตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมานั่งดีๆ” ผมแกล้งว่าเขาเสียงเข้ม แต่ไอ้แสบยังทำเป็นหลับ ทั้งๆ ที่ผมเห้นมันแอบเหล่ตามองผมด้วย

“งือออ หนาวๆ น้องเพียวหนาวครับ” มีการพลิกตัวหนีผ้าในมือผมด้วย มันคลานไปนอนอีกฝั่งของที่นอนอย่างเนียนๆ

“ตื่น แล้วก็ลุก อย่ามาทำเนียนนะไอ้ตัวแสบ ไปก่อเรื่องมาแล้วคิดจะหนีเหรอ”

“งืออออ”

“ไม่ลุกก็ตื๊บซ้ำนะ”

พรึบ! มันลุกขึ้นนั่งแล้วทำตาแป๋วๆ ใส่

“ *0* ตะเองทำเค้าลงเหรอ”

“= = “ทำเสียงได้ตอแหลเข้าไปอีก

“ อย่าตื๊บเมียเลยนะ”

“ไหนบอกเหตุผลมาซืครับว่าไปทำอะไรที่คอนโดไอ้เฟียสครับ? ^^ “

++++++++++++++++

เห็นรอยยิ้มเหี้ยมของพี่ปีแล้ว ขนผมนี่ลุกไปทั้งตัวเลยครัช รอยยิ้มที่มองดูแล้วเหมือนเทวดาแต่ให้ความรู้สึกเหมือนซาตานกำลังจะภิพากษาเลย อ๊ากก ตายแน่ไอ้เพียว

“อะ คืออ เอ่อออ คือว่า..”

“พูดสิ^^” ไม่ได้ใช้น้ำเสียงตะคอก หรือ เสียงดังใส่ แต่กลับเป็นเสียงโทนต่ำๆ นิ่งๆ ที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มหวานๆ พี่ปีนี่น่ากลัวกว่าพวกท่านยมทูตอีกให้ตายเถอะ นั่งตัวสั่นอยู่บนที่นอน พยายามจะส่งสายตาอ้อนๆ ไปให้แต่ดูเหมือนอีกคนจะอยากรู้เรื่องของวันนี้มากกว่า

“คือ ว่า ผม อยากช่วยพี่ >< เลยให้พี่ทศช่วยตามสืบให้ วันนี้ก้กะว่าจะแอบไปขโมยหลักฐานในห้องของไอ้เฟียส แต่ว่ามันดันผิดแผนนิดหน่อย” ผมแต่เรื่องนิดหน่อยเพื่อให้มันไม่น่าสงสัย เรื่องของพี่ปีมันเป็นผลพลอยได้ ผมยิ้มแห้งๆ แล้วก้มหน้ารอรับคำด่าจากพี่ปี

“มึงคิดอะไรอยู่วะ เพียว แล้วเรื่องแบบนี้มึงคิดว่ามึงจะทำได้โดยตัวคนเดียวอย่างนั้นนะเหรอ ไอ้เฟียสมันเป็นน้องกู กูรู้ว่าอะไรมันเป็นอะไร แล้วเรื่องหลักฐานมึงรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นคนเอาไปทั้งๆ ที่กูก็ไม่เคยบอกมึงสักอย่าง”

“ก็เพราะพี่ไม่เคยบอกผมไง ผมถึงได้สืบเอาเอง ผมเห็นพี่หน้าเครียดกลับบ้านทุกวัน ผมก็เป็นห่วงนี่นา” หน้าหดเหลือสองเซ็นทันทีที่โดนดุใส่ คนเค้าอุตส่าห์จะช่วยทำไมต้องมาด่าดุด้วย ชักจะน้อยใจแล้วนะเว้ย

“แล้วมึงคิดว่าเพราะอะไรกูถึงไม่อยากให้มึงยุ่งให้มึงรับรู้เรื่องในบริษัทของกูละ”

“......”

“ไหนลองบอกมาสิว่าเพราะอะไร?”

“เพราะพี่ไม่ได้เห็นว่าผมเป็นคนสำคัญของพี่ใช่ไหมล่ะ T^T” พูดออกไปด้วยอารมณ์น้อยใจล้วนๆ

“โง่!!! ”

“เออ ผมมันโง่!! พอใจยัง” ตะคอกมาตะคอกกลับ ไม่โกง น้ำตาผมนี่ปริ่มขอบตาทั้งสองแล้ว อะไรวะไอ้เราก็อุตส่าห์ไปเสี่ยงตายให้จนได้หลักฐานคืนมา ดูเขาทำดิ เรียกมานั่งด่า แทนที่จะปลอบหรือชมกันบ้าง ผมลุกขึ้นผลักอกกว้างๆ ของพี่มันเต็มแรงจนหงายหลังลงบนที่นอนก่อนจะเดินไปทีทประตู จะกลับบ้าน

“โถ่เว้ย!! ถ้ามึงกล้าก้าวออกจากห้องกูแม้แต่ก้าวเดียว มึงโดนดีแน่” ขาผมชะงัก แต่ก็นะ ผมไม่กลัวหรอกกะ อีแค่ผัวบ้ากำลัง ขี้โมโห สูดลมหายใจลึกๆ แล้วคว้าลูกบิด

หมับ!!!

“???”

“กุยังคุยกับมึงไม่จบใครให้ออกไปไหน” พี่ปีคว้าเอวผมเอาไว้แล้วกระชากที่เดียวเหวี่ยงผมลงบนที่นอน ก่อนจะกระโดดขึ้นคร่อมตัวเอาไว้

“อย่ามาทำกับผมแบบนี้นะ” ผมดีดดิ้นไม่ยอม เขากดข้อมือผมเอาไว้กับที่นอน แปลกทำไมตอนนี้เรี่ยวแรงผมถึงได้หายไปหมด เมื่อโดนเขาจ้องหน้าแบบนี้

“ทำไมจะทำไมได้ ทำมากว่านี้ก็เคยทำมาแล้ว”

“อึก..ฮึก..โกรธผมมากไม่ใช่เหรอ โกรธผมเรื่องที่ผมไปยุ่งเรื่องของพี่ใช่ไหม ฮึก”

“เออ กูโกรธ โกรธมาก!! ”

“งั้นก็ปล่อยผมไปสิ ฮึก จากนี้ไปผมจะไม่ยุ่งเรื่องของพี่อีก พี่จะได้ไม่ต้องมาโกรธมาโมโหผมแบบนี้”

“เหอะ ที่พูดมาเอาสมองส่วนไหนคิด เอาหัวแม่โป้งเท้าคิดเหรอ โตขนาดนี้แล้วความคิดมึงยังติดลบขนาดนี้ ต่อไปจะขนาดไหน” ฮรือออด่ากุเข้า ด่าให้สมใจมึงเลย แม่งง น้ำตาผมไหลพราก ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเขา จิตใจเขาทำด้วยอะไร ผมร้องไห้ขนาดนี้ยังไม่ปลอบอีก

“..ฮรือออ”

“ที่กูไม่บอกให้มึงรู้เพราะกูไม่อยากให้มึงลำบาก ให้มึงมาเดือดร้อนด้วยแบบนี้ไง แล้วมึงคิดว่ากูจะอยากให้คนที่กูรักต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างนั้นเหรอ กูอยากให้มึงไปตายแทนกูอย่างนั้นนะเหรอ กับอิแค่หลักฐานชิ้นเดียวแบบนั้น ถ้ามึงเป็นอะไรขึ้นมามึงคิดว่ากูจะรู้สึกยังไงเพียว ตอนนี้ทั้งชีวิตกูเหลือแค่มึงคนเดียวแล้ว มึงคิดว่ากูจะ เสียใจขนาดไหนกันวะห๊ะ!! ”

“ฮึกก”

“เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย อย่างวันนี้ถ้ากูไม่ตามมึงไปอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ไอ้เหี้ยทศช่วยอะไรมึงได้ไหม กูเห็นมันยืนเอ๋ออยู่หน้าประตูตั้งแต่ต้นจนจบ”

“ฮึก...ก็ผมไม่อยากให้พี่เหนื่อยนี่ ฮึก ผมอยากช่วยแบ่งเบาภาระพี่บ้าง พี่ทำแต่งานทั้งวันฮึก”

“แล้วกูเคยบอกเหรอว่ากูเหนื่อย กูไม่ไหว” ผมส่ายหน้ายกมือขึ้นปาดน้ำตา พี่ปีดึงผมเข้าไปกอดหน้าผมซุกอยู่ที่อกของพี่เขา รู้สึกเสียใจที่ตีโพยตีพายแล้วก็งี่เง่าใส่พี่เขาขนาดนั้น

“ฮึก...”

จุ๊บ

“หยุดร้องได้แล้ว” พี่ปีช้อนหน้าผมขึ้นมาแล้วกดจูบลงที่ปากของผมลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามากวาดเอาลมหายใจของผมไปจนหมด อาจจะเพราะผมร้องไห้ด้วยมันเลยทำให้ผมหายใจลำบาก

“อืม..อะ...พี่ พอก่แน” พยายามจะผละออกจากอ้อมกอดของพี่มันแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน แรงโคตรเยอะ

“อย่าดื้อสิ” เขาว่าเสียงดุและพยายามจะลุกล้ำเข้ามาอีก แต่ผมไม่ไหวจริงๆ ทั้งเหนื่อยทั้งเจ็บตัวโดนไปเยอะครับกว่าเขาจะมาช่วยผม กับสภาพไร้พลังแบบนั้น ถือว่าสาหัสพอควร ตอนนี้ร่างกายผมกำลังรักษาตัวเองอย่างช้าๆ เพราะสูญพลังไปจากคำสาปเลือดม้า มันเป็นอย่างเดียวพี่พวกยักษ์อย่างเราพ่ายแพ้ มันเหมือนของแสลงสำหรับยักษ์ เหมือนคนแพ้กุ้งก็กินกุ้งไม่ได้แบบนั้น แต่ผมจะรุนแรงกว่าถึงขั้นไปเกิดใหม่ได้เลย

“พี่ผม อะ โอ้ยย” ร่างสูงใหญ่ของพี่ปีกดทับลงมา ผมเลยถือโอกาสนั้นร้องออกมาและทำสีหน้าเจ็บปวด มันก็เจ้บจริงๆ นั่นแหละแต่เพิ่มแอคติ้งเวอร็เข้าไปจะได้ดูน่าสงสาร

“เพียว!! เจ็บเหรอ” พี่ปีรีบลุกออกจากตัวผมแล้วดุว่าผมเจ็บตรงไหนทันที

“ครับ T^T”

“เห้ออ กะว่าจะลงโทษสักหน่อย” พี่ปีทำหน้าแบบหงุดหงิดสุดๆ ใส่ผม นี่เขาจะลงโทษผมแบบไหนกัน ถึงได้ทำสีหน้าแบบนั้น !!!!

“พี่ปี = =”

“ไปอาบน้ำนอนได้แล้วอย่างนั้น พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องสะเออะลงไปขายของละ” เขาสั่งเสียงเฉียบจนผมเถียงไม่ออก แค่นอนพักผมก็หายดีแล้ว แต่จะพูดอะไรได้โดนแบบนั้นใครๆ ก็ต้องคิดว่าผมต้องนอนเดี้ยงไปสามสี่วันแน่ๆ เพราะถ้ามาทันตอนที่ผมโดนเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาเหมือนลูกข่างแล้วละก็พี่ปีคงจองวัดให้ผมแล้ว เพราะตอนนั้นเลือดผมออกเยอะมาก หัวก็แตกขาก็หักเป็นอะไรที่ทรมานร่างกายมาก ถึงผมจะเป็นยักษ์แต่โดนบั่นทอนพลังไปขนาดนั้น มันก็ต้องพลาดกันบ้าง เจ็บใจฉิบหายที่ต้องมาแพ้ลูกไม้ตื้นๆ ของไอ้เฟียส พาร่างกายที่ใกล้จะหายดีเข้าห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าที่ใส่ออก มองมันแล้วนึกทุเรศตัวเองสุดๆ อย่าหวังว่าผมจะกลับไปใส่มันอีกแน่ สำรวจร่างกายตัวเองด้วยสายตารอยช้ำเริ่มจะจางลงบ้างแล้ว ป่านนี้กระดูกคงสมานตัวดีเรียบร้อย อาจจะยังมีเคล็ดๆ แต่ไม่นานมันก็จะหายดี อาบน้ำล้างคราบเลือดเสร็จก็ออกจากห้องน้ำ เจอพี่ปียืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ริมระเบียง สีหน้าดูเครียดมากๆ ผมรีบเดินไปแต่งตัว และกลับมาที่เตียงนอน นั่งมองเขาอยู่ตรงนี้ แผ่หลังกว้างๆ ของพี่ปีดูอบอุ่นและให้ความรู้สึกถึงความปลอดภัย พอพี่ปีวางสาย และกลับเข้ามาในห้อง ภายใต้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ซ่อนความกังวลเอาไว้

“กินยาแก้อักเสบก่อนนะเพียว” พี่ปีเดินไปหยิบยาพร้อมกับน้ำส่งให้ผม กินเสร็จก็รับแก้วไปวางไว้ที่โต๊ะ แล้วเดินกลับมานอนข้างๆ ผม เรานอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน นอนมองหน้ากัน มือหนายกขึ้นลูบแก้มของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น

“อย่าเจ็บตัวเพราะกูอีกเลยนะ” น้ำเสียงของเขาสามารถบอกให้ผมรู้ว่าเขาห่วงผมมากมายแค่ไหน ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนมันทำให้คนเรารักกันมากมายขนาดนี้เลยเหรอ หัวใจมนุษย์รักได้ง่ายพอๆ กับการลืมหรือเปล่า? ผมยิ้มให้กับความอ่อนโยนแล้วหลับตาลงอย่างช้าๆ ปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หลับพร้อมๆ กับอีกคน

..................................................................

“หึหึหึหึ ไอ้ปีมงคล ถึงเวลาที่ทุกๆอย่างของมึงจะต้องตกเป็นของกูแล้ว”







++++++++++++++++++++



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2018 08:44:17 โดย สามภพ »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ประโยคสุดท้ายนั่นมันอะไรน่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ประโยคสุดท้ายนั่นเฟียสพูดเหรอ

อาละวาด เขียนแบบนี้จ้าาาาา

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4:

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3

ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 05













        ร้ายกว่าโดนคนหลอกก็คือโดนผีว่าที่ผัวหลอกนี่แหละ เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเจอผีอะไรร้ายแถมเจ้าเล่ห์ได้ขนาดนี้ ร่างบางที่ตอนนี้อารมณ์ดันแปรปรวนราวกับผู้หญิงเป็น ประจำเดือน ดวงตาหวานหยดค้อนควักใส่อีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบังปากบางเล็กๆ นั่นเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ด้วยความเหลืออด

“อีผีบ้า แม่ม อยากตายรอบสองไหมห๊ะ !!! ” น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วช่างเกรี้ยวกราดเล่นเอาผีแก่ๆ ถึงกับสะดุ้งคิดในใจว่าไอ้เด็กนี่มันร้ายใช่เล่นถึงขั้นจะฆ่าเขาให้ตายรอบสอง

“เอ่อ เรื่อนี้ กรจะไม่ยุ่ง” ร่างโปร่งบางของเลขาคนสำคัญค่อยขยับออกห่างจากวงสนทนาอย่างแนบเนียน ความผิดทั้งหมดยกนี้ ธารโทษเขาคนเดียวแน่ๆ ข้อหาปากพล่อยไม่เป็นเวลา ร่างสูงของพญาพรายยังยิ้มสู้ แม้ครั้งนี้เขาจะผิดเต็มประตู แต่ความกะล่อนไหลลื่นที่ชำชองของผีอายุหลายร้อยปีย่อมรับมือกับเรื่องเล็กๆ นี่ได้สบายอยู่แล้ว

“อย่าโกรธพี่เลยนะ ที่ทำไปก็แค่อยากจะเรียกร้องความสนใจจากภูเท่านั้นเอง”

“แต่แบบนี้มันเกินไปนะพี่ธาร พี่หลอกผมทำไมวะ ! ชอบเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นเหรอ! เป็นผีโรคจิตเหรอ! ” ปากบางขยับขึ้นลงไม่เว้นจังหวะให้อีกคนได้พูดแทรกใบหน้าหวานนั้นขึ้นสีแดงจัดด้วยความโกรธ เขาอยากจะเอาน้ำมนต์มาสาดใส่ผีตัวนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป บอกเลยภูจะไม่ทน!!

“อย่าโกรธกันเลยนะครับ เดี๋ยวกลับไปที่วังพี่จะให้สามตัวตรง เลยก็ได้”

“ครั้งที่แล้วก็ไม่ยอมบอกโกหก!!! ” ดูเหมือนเด็กน้อยของเขาจะไม่หลงเชื่อง่ายๆ อีก จะเอายังละทีนี้ ใบหน้าหล่อยิ้มเจื่อนไปนิด

“แหม่เรานะใจร้อนจริง ศาสตร์แห่งตัวเลขมันต้องใช้เวลา^^” เขาแถจนสีข้างถลอก เรื่องตัวเลขอะไรนั้นเขาไม่มีหรอกแค่อยากจะทำให้ตัวเล็กตรงหน้าหายหัวร้อนก็เท่านั้น ภูผาแกล้งทำหน้าเชิดๆ แต่มุมปากกลับยกยิ้มขึ้นนิดๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัว ลำธารเห็นแล้วก็อดที่จะขำออกมาไม่ได้ มนุษย์กับเรื่องของโชคลาภมันแยกกันไม่ได้จริงๆ

“เหอะ หิวแล้วจะไปกันได้รึยังละ” ปากบางจิ้มลิ้มเอ่ยออกมาเสียงแข็งๆ

“กร ไปจัดการที เอาไก่ย่างส้มตำนะ ข้าอยากกิน” ร่างสูงหันไปสั่งเลขาของตัวเองด้วยท่าทีชิลๆ

“เอายำปูม้าด้วย!! ” ภูผาเอ่ยออกมาลอยๆ ไม่ยอมสบตากับร่างสูง

“ครับๆ ยำปูม้าด้วย เอาลาภเลยด้วยไหม?”

“ได้ก็ดี” ภูภาอมยิ้มนิดๆ กับเมนูอาหารสุดรังสรรค์ของคนตัวสูงได้ยินแค่นี้ความโกรธก็เริ่มจะเบาบางลง เดินนำเทพแห่งสายน้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอที่ลับตาคน ส่วนเลขาผีหนุ่มแยกตัวออกไปซื้อของที่ว่า ร่างสูงของลำธารเดินมาขนาบข้างพร้อมกับใช้แขนคล้องเอวบางๆ เอาไว้ ก่อนจะเหนี่ยวให้แนบชิดกับตัวเองเล่นเอาอีกคน สะดุ้งเล็กน้อย

“อะไรอีกละ” ภูว่าทำตาดุๆ ใส่พร้อมกับพยายามแกะมือที่เหนียวเหมือนกาวออกจากเอวของตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้สักทีก็เลยปล่อยเลยตามเลย

“หายโกรธข้ารึยัง”

“หายโกรธพี่รึยัง พูดใหม่!! ” ร่างบางสั่งให้ผีพรายพูดแทนตัวเองใหม่

“เห้อ หายโกรธพี่รึยังครับ” ร่างสูงถอนหายใจอย่างหน่ายๆ เขาไม่ชินกับภาษาของโลกปัจจุบันสักเท่าไหร่นัก

“อืม” แต่คำตอบที่ได้กลับได้มาแค่สั้นๆ ร่างสูงกลอกตานิดๆ แต่การที่ภูผาไม่ต่อต้านเขาเวลาทำตัวรุ่มร่ามนี่ก็ถือว่าดีแล้ว ทั้งคู่เดินมาถึงที่ลับตาคน พรายน้ำก็สำแดงฤทธิ์ของตัวเองทันที อุโมงค์ข้ามมิติถูกสร้างขึ้นเป็นวงกลมคล้ายกระจกน้ำ ภูผาก้าวข้ามเข้าไปก่อนแล้วตามด้วยร่างสูง ร่างบางเดินนำเหมือนวังนี้เป็นบ้านของตัวเอง นั่งรอไม่นานกรก็กลับมาพร้อมเมนูอาหารที่เคยสั่งไว้

“กินด้วยกันสิครับพี่กร พี่กินได้ใช่ไหม” เสียงหวานเอ่ยชวนอย่างเป็นมิตร

“จะดีหรือครับ” สายตาเหลือบไปมองผู้เป็นนายนิดๆ สายตาที่กำลังจ้องเขาเขม็ง พร้อมกับทำปากขมุบขมิบให้เขาปฏิเสธ

“ดีสิ กินกันหลายๆ คนมันจะอร่อยขึ้นครับ”

"เอ่ออ คืออ ผมมีงานด่วนที่ต้องรีบไปจัดการ เชิญคุณภูผากับนายท่านตามสบายเถอะครับ” คำปฏิเสธที่เขาคิดว่าน่าจะได้ผลที่สุดนั้นถูกเอ่อออกไป

“เหรอครับ เสียดายจัง กินด้วยน่าจะอร่อยกว่าต้องกินคนเดียวนี่ครับ”

“หืม กินคนเดียว?” ขมวดคิ้วนิดๆ คิดว่าภูผาน่าจะพูดอะไรผิดไป

“ครับกินคนเดียว” ภูผายืนยันคำพูดเดิมด้วยรอยยิ้มหวานๆ

“แล้วข้า ละ เอ้ย พี่ละครับภู”

“คนผิดก็ต้องได้รับการลงโทษสิครับ ในเมื่อกรเขายังมีงานทำ แล้ว ท่านพญาผีพรายแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะมามีเวลาว่างมากินมื้อเย็นกับกระผมได้อย่างไร หึหึหึ ไปทำงานครับ!!! ” ภูผาบอกด้วยน้ำเสียงกึ่งประชดกึ่งสะใจ ก่อนจะลงมือแกะถุงอาหารทั้งหมดใส่จานที่กรเตรียมไว้

“เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงไอ้เพียวมันชะมัด ไม่รู้ป่านนี้เป็นยังไงมั่ง” ร่างบางบ่นถึงเพื่อนรักด้วยความคิดถึง พญาพรายที่ได้ฟังคำสั่งจากว่าที่ภรรยาถึงกับอึ้ง นี่เขาต้องมาแพ้ทางให้กับมนุษย์ตัวจ้อยแบบนี้นะเหรอ เห้อออ ไว้รอถึงวันแต่งงานก่อนเถอะ พี่จะลงโทษเจ้าเช้าเย็นเลยคอยดู!!

           เช้าวันใหม่ที่ไม่ค่อยจะสดใสเท่าไหร่ เมื่อคนเขานอนพร้อมกับร่างสูง แต่กว่าจะได้นอนก็โดนคุกคามไปเสียหลายที เล่นปากของเขาบวมแดงเจ่อมาถึงตอนเช้า ดีที่วันนี้ไม่ใช่เวรเขาที่ต้องตามหลวงตาไปบิณฑบาต ไม่อย่างนั้นละก็คงได้โดนซักกันยาว เสื้อผ้าของใช้จำเป็นภูผาแอบเองลงมาใช้ที่วังบาดาลบ้างแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับไปกลับมา เขาตื่นขึ้นมาก็เตรียมตัวอาบน้ำไปทำงาน สายตาก็อดที่จะมองร่างสูงที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ กายไม่ได้ ต้องยอมรับว่าผีพรายตนนี้ดูดีแม้กระทั่งตอน นอน ชักจะรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาบ้าง ภูผาเลยแอบแลบลิ้นปริ้นตาใส่ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป วันนี้กะว่าจะไปบ้านเพื่อนรักสักหน่อย ไม่ได้เจอนานแล้ว พออาบน้ำเสร็จ ออกมาก็ไม่เจอผีที่เคยนอนหลับอยู่ ภูผาไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เขาเดินไปแต่งตัวและเดินหาร่างสูงหลังจากนั้น เพื่อที่เขาจะได้ใช้ประตูมิติกลับไปยังบนโลกมนุษย์ แต่ทว่า

“ไอ้พี่ธาร อยู่ไหนวะ พี่โว้ยยย จะไปทำงานแล้วโว้ยยย” เสียงตะโกนเอะอะดังลั่นไปหมด เพราะว่าภูผาหาคนตัวสูงเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ยิ่งเดินยิ่งหงุดหงิด

“หายหัวไปไหนของเขานะ-*- “ขณะที่เดินไปตามทางเดินเพื่อไปอีกฝั่งของวัง จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านหน้าเขาไป พร้อมกับร่างทั้งร่างของเขาที่เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกระชากตัวไปด้วย ร่างบางรอยละริ่วไปกระแทกกับผนังหินอย่างแรงจนหมดสติ ก่อนที่แววตาจะดับมืด ภูผาเห็นผีพรายตนนั้น พรายสาวที่ทำร้ายเข้าในวันแรกที่ลงมาที่นี่ ใบหน้าสวยสยองแสยะยิ้มให้เขาอย่างร้ายกาจ ก่อนที่ทุกอย่างจะพากันดับมืด

“มนุษย์อย่างแกไม่มีวันได้ครองคู่กับนายท่านหรอก จำเอาไว้” น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกของชบา หล่อนกำลังลากร่างไร้สติของภูออกไปเพียงแค่โยนออกไปนอกวัง ภูผาก็จะจมน้ำตาย ดวงตาสีแดงจ้องมองไปยังร่างของภูผา หล่อนลากเขาไปตามทางเดินแคบๆ และลับตาเหล่าพรายยาม ที่กำลังตรวจตราพื้นที่รอบๆ วัง อีกเพียงไม่กี่เมตร ร่างของภูผาก็จะพ้นประตูแล้ว

“ภู?” มือหนาที่กำลังหิ้วถุงโจ๊กกับปาท่องโก๋เข้ามาในห้องครัว ลางสังหรณ์ที่บอกได้ว่า ภูผากำลังตกอยู่ในอันตราย ใจเขาหล่นวูบ

“ภูผา!! ” ร่างสูงหายวูบไปมาตามส่วนต่างๆ ของวัง อย่างลนลาน จนกระทั่ง เขาเห็นประตูบานหนึ่งเปิดอยู่ ประตูที่ไม่ค่อมมีใครได้ใช้ มันเปิดอ้าออก และภาพที่เขาเห็นคือร่างไร้สติของภูผากำลังลอยเคว้งอยู่ท่ามกลางสายน้ำอันเชี่ยวกรากใจของเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจเขาให้แหลก ภาพตรงหน้าทำให้เขาแทบจะคลั่ง ก่อนจะทะยานร่างของตัวเองออกไปหาภูผา สายน้ำทั้งแรงและขุ่นมัว พรายหนุ่มพยายามจะไขว่คว้าร่างของภูผาเอาไว้ จนกะทังฝ่ามือเขาสัมผัสกันและกัน ร่างสูงออกแรงดึงจนได้ภูผามาอยู่ในอ้อมกอดก่อนจะรีบพากลับเข้าวัง

“ภูผา!! ภูผา!! ” พญาพรายพยายามปั๊มหัวใจและเป่าปากร่างบางไม่ตอบสนองเขาเลยสักอย่าง หัวใจของพญาพรายร้าวรานไปหมด นึกโทษตัวเองที่ไม่สามารถดูแลภูผาให้ดี เขาน่าจะเฉลียวใจสักนิดว่าทุกคนจ้องจะเล่นงานเขาและนั่นหมายถึงคู่ชีวิตของเขาด้วย

“ภูฟื้นสิ ภู” เสียงเขาสั่น มือก็สั่น แทบจะไม่มีแรงปั๊มหัวใจ

“อย่าทิ้งพี่ไปภู ฟื้นสิ อย่าพึ่งไป” พญาพรายหนุ่มออกแรงสุดกำลัง ถ้าวิญญาณภูผาออกไปตอนนี้เขาจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน เพราะเขาตายโดยที่ยังไม่ถึงอายุขัย ดวงชะตาของภูผาก็จะเปลี่ยนไป

ได้โปรด....ภูผา

“แค๊กๆ เฮือกกกก” ภูผาสำลักน้ำออกมาเป็นจำนวนมากก่อนจะหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ดวงตากลมสดใสบัดนี้มันมีแต่ความหวาดกลัว

“ภู ภู ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ปลอดภัยแล้ว” พญาพรายกอดร่างเปียกโชกของภูผาไว้แน่น ร่างบางตัวสั่นกอดตอบร่างสูงไว้แน่นเช่นกัน ความหวาดกลัวกำลังซึมแทรกทุกอณูผิวของเขา

“เขา เขาผู้หญิงคนนั้น เขาจะฆ่าผม ผู้หญิงคนนั้น ฮึก” ภูผาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ภาพของผีสาวที่อาฆาตเขา

“ใคร ภู มันเป็นใครบอกข้ามา มันเป็นใคร”

“ฮึก..ผู้หญิงคนนั้น ชบา ผีชบา เขาจะฆ่าผม พี่ธาร ฮึก..” แววตาของพญาพรายเปลี่ยนไปในทันที ดวงตาดุคมวาวโรจน์ ก่อนที่ลำตัวของเขาจะแผ่ไอสีดำทะมึนออกมา วังทั้งวังสั่นสะเทือนเลือนลั่นให้กับโทสะของพญาแห่งพรายน้ำ เขาช้อนตัวของภูผาขึ้นแนบอกแล้วพากลับไปยังห้องนอน เขาจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าของภูผาและเอายาให้ทาน

“เอ็งนอน ภูนอนอยู่ที่นี่นะวันนี้ไม่ต้องไปทำงานหรอก เดี๋ยวพี่มา และอย่าออกไปไหนคนเดียวเด็ดขาด” น้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงมันทำให้จิตใจของภูผาอุ่นวาบขึ้นมา ความกลัวที่เคยมีกลับมลายหายไปสิ้น

“พี่จะไปไหน” ภูผาเอ่ยถามทันทีที่เห็นว่าที่สามีกำลังจะก้าวออกจากห้อง เขาอยากให้ธารอยู่ใกล้ๆ ในเวลานี้

“ไปจัดการเรื่องนี้ให้จบ” ใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึงขึ้นมาทันที ไปในอกตอนนี้มันสุมจนลุกโหมกระพรือ เหตุการณ์ร้ายๆ มันมักจะเกิดขึ้นกับภูผาตลอดระยะเวลาที่ได้พบกัน เริ่มแรกก็อุบัติเหตุ เล็กๆ น้อยจนไม่คิดว่ามันจะมีเบื้องหลังอะไร เขาเฝ้าสังเกตว่าที่ภรรยาของตนเองตลอดแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่รู้อะไรเลยก็ตาม เพราะข่าวของว่าที่ภรรยาของเขาแพร่ออกไป ผีพรายตัวร้ายก็เพ่งเล็งไปที่ภูผาทันที ทั้งๆ ที่เขาพยายามตามติดภูผาแทบจะทุกฝีก้าว แต่ก็ไม่สามารถปกป้องภูผาเอาไว้ได้ ภูผายังคงมีอันตราย ลำธารเจ็บใจที่สุดก็ทาสที่เคยซื่อสัตย์กับเขาอย่างชบา กลับมาทรยศ ทำร้ายภูผาจนเกือบตายแบบนี้ เขาไม่มีวันให้อภัยแน่ๆ

“นังชบา!!! ” เมื่อมาถึงห้องของพรายสาว ทุกอย่างมันดูว่างเปล่า ชบาหนีไปแล้ว ธารกัดฟันกรอด ด้วยความคับแค้นใจสุดๆ

      ร่างสูงสง่าของพรายหนุ่มเดินกลับเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่เครียดจนมนุษย์ที่นั่งอยู่เพียงเดียวในดินแดนแห่งพรายนั้นพลอยเครียดไปด้วย ภูผาหายจากอาการตื่นกลัวแล้วแต่สิ่งหนึ่งที่ยังฝังใจเขาอยู่คือใบหน้าของผีสาวและความคับแค้นใจของเธอ

“พี่ธาร มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ภูผาเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ติดกังวล

“ชบามันหนีไปได้”

“เหรอครับ แล้วทำไมพี่ต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยละครับ” ธารหันมามองหน้าสวยๆ ของภู

“ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องห่วง” เขารั้งร่างบางมากอดเอาไว้แม้ว่าภายในใจเขาจะกังวลมากมายก็ตามที การกระทำเล็กๆ น้อยนี้มันสร้างความผิดปรกติในหัวใจของภูผา หัวใจเขาเต้นแรง และหายใจติดๆ ขัดๆ ใบหน้าขาวสวยเริ่มออกสีแดงระเรื่อ

“อะ เออ ปล่อยได้แล้ว อึดอัด” มือบางออกแรงผลักให้อีกคนถอยห่างอย่างเก้อเขิน

“หายกลัวแล้วใช่ไหม” ธารถามเสียงนุ่ม

“อื้อ..”

          ถ้าหากคิดจะเริ่มรักในตอนนี้ก็คงไม่แปลกอะไรหรอกมั้ง ถ้าผมคิดแบบนี้มันก็คงไม่ผิดอะไร ในเมื่อดชคชะตามันทำให้ผมต้องมาเจอเขาและต้องตายเพราะเขา ผมควรจะปลงได้แล้วสินะ ผมไม่มีอะไรที่จะต้องห่วงนอกจากหลวงตากับไอ้เขื่อนเท่านั้น อยากจะทำอะไรๆ ให้มันมากกว่านี้ อยากจะตอบแทนบุญคุณหลวงตา อยากจะไปเที่ยวรอบโลก อยากเปิดร้านอะไรสักอย่างที่สามรถทำให้เรามั่นคงได้ อยากทำอะไรอีกเยอะครับ แต่ในเมื่อเรารู้แล้วว่าเวลาเราบนโลกใบนี้มันเหลือน้อยเต็มทน ผมควรจะใช้ให้มันคุ้มค่า ผมควรจะลองรักไอ้ผีชีกอนี่ดูไหม เพราะชีวิตหลังความตายของผมก็จะต้องมาอยู่เป็นคู่ชีวิตเขา ผมต้องเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตผีๆ เอาไว้ตายไปจะได้ไม่ลำบาก = =

วันนี้ทั้งวันผมได้เฝ้ามองชีวิตประจำวันของพี่ธารและเดินสำรวจวังบาดาลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็พบว่าแท้จริงแล้ววังแห่งนี้เป็นเหมือนสำนักงานราชการ ที่มีการแบ่งเป็นสัดส่วนในการทำงาน ทั้งฝ่ายทะเบียน ฝ่ายการจัดการพรายเร่ร่อน ฝ่ายประสานงานกับยมทูตหรือที่พี่ธารบอกว่า เป็นฝ่ายกองปราบที่คอยตามจับและดูแลควบคุมผีพรายที่กระทำผิดส่งลงนรก อันนี้ต้องทำงานควบคู่กับท่านยมทูตด้วย ห้องทำงานของพวกเขาทั้งหมดอยู่ทางฝั่งซ้ายส่วนบ้าน หรือวังของพี่ธารนั้นอยู่ฝั่งขวาทั้งหมดมีห้องอยู่หลายห้องที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างที่บนโลกมนุษย์มี ผมสงสัยมากว่าทำไมพวกเขาถึงมีอย่างที่บนโลกมี พวกเขาเอาทีวีตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้าลงมาในน้ำได้ยังไง -*-

“ใครบอกว่าพวกพี่เอามาลงมา พวกมนุษย์ข้างบนต่างหากที่เผาลงมาให้” นี่คือคำตอบของพี่เขา เผาเหรอ? หรือว่าพวกจะเป็นพวกกงเต๊ก

“แล้วทำไมพวกนั้นถึงได้เผามันลงมาให้ละ”

“หึหึ ตราบใดที่มนุษย์ยังเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจ และ ชอบติดสินบนผีอยู่ละก็ของพวกนี้ก็จะมาเรื่อยๆ” พี่ธารบอกอย่างไม่หยี่ระ เหมือนมันเป็นเรื่องปรกติธรรมดาของชีวิต

“แบบนี้ก็ได้เหรอ”

จากวันนี้ที่เดินตามหลังกว้างๆ ของเขาก็ทำให้รู้ว่า นอกจากจะเป็นพญาแห่งพรายน้ำแล้วเขายังเป็นมือปราบอีกด้วย เรื่องนี้ก็ทำให้ผมช็อกเหมือนกัน มือปราบ หน้ากะล่อนๆ อย่างเขานี่อะนะจะเป็นมือปราบได้ และวันนี้ทั้งวันผมรู้อะไรเยอะมากเกี่ยวกับชีวิตผีๆ

        หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นพญาพรายมาส่งผมบนฝั่งและกำชับว่าอย่าอยู่ใกล้น้ำเป็นอันขาด ก็ไม่รู้เหตุผลของพี่เขาสักเท่าไหร่ แต่ดูจากสีหน้าเครียดๆ ผมว่ามันต้องมีเรื่องไม่ดีแน่ๆ พี่เขารั้งผมมาจูบที่หน้าผาก งงนะเนี้ยะจะมาไม้ไหนอีก

“คือ...ฟังนะภู ช่วงนี้พี่อาจจะไม่ได้มาหาภู หรือมาดูภู” นั่นไงแค่ประโยคแรกแม่งก็พาใจแป้วแล้ว แต่ดูจากสีหน้าของพี่มัน ผมก็ไม่อยากจะพูดหรือเรียกร้องอะไรมาก

“อะ อื้ออ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ ดีซะอีกจะได้ไม่มีคนมากวนใจ”

“เชื่อพี่ อย่าอยู่ใกล้ฝั่ง ดูแลตัวเองให้ดี เมื่อทุกอย่างจบสิ้นพี่จะมาหาภูเอง” พญาพรายเอ่ยเสียงนุ่มให้คำมั่นสัญญา ยิ่งเห็นใบหน้าเศร้าๆ ของคนตัวเล็ก เขายิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก ที่ชีวิตของภูผาเป็นแบบนี้สาเหตุก็มาจากเขาเกือบทั้งหมด เพราะเขาเลือกแม่ของภูผา แม่ของเขาถึงได้เลือกที่จะทิ้งภูผาไป ที่ภูผามีอายุขัยที่สั้นก็เพราะเขา ไหนจะเรื่องร้ายๆ เมื่อวานอีก

“ไม่ต้องกลับมาก็ได้นะ ผมไม่ว่าหรอก” ปากก็ประชดใส่แต่ใจกลับโหยหา ภูผาแสร้งทำหน้าดีอกดีใจที่จะหลุดพ้นจากธารได้ แต่ใจมันกลับรู้สึกเจ็บปวดทุกๆ ความรู้สึกมันแสดงออกมาทางแววตาทั้งหมดของเขาเอง พญาพรายรู้เรื่องนี้ดี

“พี่จะกลับมารับเรานะ รอหน่อย”

“ก็บอกว่าไม่ต้องมาไงเล่า ไม่ได้จะไปอยู่ด้วยสักหน่อย”

“แล้วพี่จะติดต่อไป”

“ก็บอกว่าไม่!! ...อะอ้าว หายไปไหนแล้ว”

จากวันเป็นสัปดาห์ที่ไอ้ผีบ้าตัวนั้นมันไม่ติดต่อมาตามที่มันเคยบอกไว้ ทั้งที่ผมก็ทำตามสิ่งที่เค้าบอกทุกอย่าง คือไม่เข้าใกล้แหล่ง น้ำไม่ว่าจะเป็นห้วยหนอง คลองบึง ผมเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้ๆ แต่นี่อะไร ไหนบอกว่าจะมาหา ไหนบอกว่าจะมารับ ไม่เห็นแม้แต่เงาหัว ให้ตายสิ-*- ผมบ่นขณะที่ตัวเองกำลังเดินเอ้อระเหยอยู่แถบชายแม่น้ำที่มีคนพลุกพล่านความจริงก็ไม่ได้กะจะมาหรอก แต่มันเดินเล่นคิดอะไรเพลินๆ เลยมาอยู่ที่ตรงนี้ ที่ที่เขาห้ามไม่ให้ผมเข้าใกล้ ผมถอนหายใจออกมานิด คิดว่าผมคงต้องกลับแล้ว

        ในระหว่างนั้นผมก็คิดถึงเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันสักพักหนึ่งแล้วตั้งแต่โดนลากลงน้ำอยู่บ่อยๆ วันนี้เลยกะว่าจะไปนอนค้างบ้านมันเสียหน่อยผมกดโทรศัพท์หาไอ้เขื่อนก่อนจะได้บอกมันไว้เผื่อว่ามันจะไปด้วย และคำตอบที่ได้คือมันกำลังนั่งแท็กซี่ไปหาไอ้เพียว

ฟุบ!!

“วอท เดอะ ฟัค!! อะรไรวะ?” จู่ๆ ก็มีใครบางคนโผลล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เล่นเอาผมอุทานออกมาเสียงดังลั่น

“พูดจาไม่เพราะเลย” พี่ธารโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง หัวใจจะวายให้ตายสิ นึกว่าผีบาตามมาฆ่าถึงบนบก

“มาทำไม!! ว่างแล้วรึไง?” พอตั้งสติได้ก็นึกได้ว่าตัวเองกำลังงอนอิผีหน้าหล่อนี่อยู่เลยแกล้งเดินหนี

“ว่างแล้วครับ ถึงได้รีบมาหานี่ไง” พี่ธารบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ พร้อมกับคว้าข้อมือผมไว้ ก็ไม่ได้อยากจะยิ้มหรอกก็เลยได้แต่กลั้นมันเอาจนแก้มจะแตก ผมไม่ยอมหันไปหาพี่มันเด็ดขาด

“งอลหรอ?”

“.........”

“เดี๋ยวพาไปกินหนม” -*-เห็นผมเป็นเด็กสามขวบรึไงถึงได้เอาขนมมาล่อแบบนี้

“มีตังรึไง? จะเลี้ยงขนมผมนะ”

“วันนี้พี่เตรียมตัวมาดี ไอ้กรมันหามาให้พี่แล้ว^^”

“ชิ ผมไม่ง่ายอย่างที่พี่คิดหรอกนะ”

“ครับๆ ปะ อยากกินอะไรบอกเลยพี่ยอมให้ทุกอย่าง”

“ไม่กินหรอกวันนี้จะไปบ้านเพื่อน!! พี่นะกลับไปเหอะ” ผมรีบไล่เพราะไม่อยากให้พี่มันไปเจอไอ้เพียวกับไอ้เขื่อนสักเท่าไหร่ ก็ผมไม่รู้จะอธิบายให้พวกมันฟังว่ายังไงดี จะบอกว่ามันเป็นผีคู่หมั้น พวกมันได้ลากไอ้พี่ธารลงหม้อแน่ๆ ยิ่งไอ้เพียวนะรายนั้นถ้ามันไม่ไว้ใจหรือไม่ถูกชะตาด้วยละก็ มันกัดไม่ปล่อยแน่ๆ

“พี่ไปด้วย พี่อยากเจอเพื่อนๆ ของภู”

“แต่ผมไม่อยากให้พี่ไปเข้าใจปะ = =”

“พี่จะไป ห้ามพี่ไม่ได้หรอก^^”

“พี่ธาร แล้วผมจะบอกเพื่อนๆ ว่ายังไงละถ้ามันถามว่าพี่เป็นใครห๊ะ!!! ” ผมแทบจะยกขาฟาดหน้าระรื่นๆ ของพี่มัน ให้ตายสิโผล่มาได้จังหวะไปหมด

“ก็บอกไปว่าเราเป็นคู่หมั้นพี่”

“บ้า ...ไม่เอา”

“ถ้าไม่ให้พี่ไปภูก็ต้องลงไปข้างกับพี่^^ ว่าไง?” ไอ้.. ไอ้..ผี บ้านี่!!!

“ฮึ้ย!!! ” ผมจะทำอะไรได้นอกจากยืนคุมสติตัวไม่ให้มันแตก

“หึหึหึ” หัวเราะเข้าไปเถอะ !!

“คอยดูสักวันผมจะจับพี่ถ่วงน้ำ”

“เราก็จะเป็นหม้ายนะ ยอมเหรอ”

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก” แหกปากอย่างไม่อายใครพร้อมกับตวัดสายตาแค้นๆ ไปให้ ก่อนจะค่อยๆ นับเลขหนึ่งถึงร้อย สติภูสติ !!!







ปล.มาแล้ววววววววว!!! ขอโทษนะที่ช้า

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61
«ตอบ #119 เมื่อ04-05-2018 08:04:24 »

อสุรา ล่ารัก 24

เมื่อร่างกายรักษาตนเองให้หายดีแล้ว ใครว่า ยักษ์ตัวน้อยของเราจะหยุดซ่ากัน .....

เพียวตื่นแต่เช้าเพื่อไปตลาดเหมือนเช่นทุกวันกลับมาก็เจอคนรักยืนทำหน้ายักษ์อยู่ที่หน้าบ้าน เจ้าตัวได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ก่อนรีบชิ่งเข้าไปในบ้านของตนด้วยความไวแสง จะไม่ให้ปีมงคลยืนตีหน้ายักษ์ได้ยังไงในเมื่อเขาสั่งไว้แล้วว่าไม่ต้องลงไปขายของ ยักษ์ตัวน้อยถึงกับสะดุ้งนิดๆ เมื่อเห็นสีหน้ากับรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวปีมงคล

“ว้าย ตาย แล้ววว” เพียวอุทานพร้อมกับเอามือทาบอก หวังว่าชายคนรักจะลดบรรยากาศมาคุลงบ้างแต่เปล่าเลย ยิ่งทำร่างสูงยิ่งแผ่ความทะมึนทึงอออกมา เจ้าตัวเลยต้องรีบแจ้นเข้าบ้าน ก่อนจะโยนทุกอย่างทิ้งไว้ แล้วรีบวิ่งไปหาร่างสูงที่ยืนรออยู่

“กูบอกว่าอะไร เพียว?” น้ำเสียงนิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก บอกเลยนะจุดจุดนี้ ยักษ์ไม่สู้นะครับ

“ก็ผมไม่ได้เป็นอะไรมากนี่พี่ ดูสิไม่เจ็บแล้วนะ” ร่างบางพยายามแสดงให้ดูเต็มที่ว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว รอยเขียวช้ำมันหายไปหมดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิ้วเรียวขมวดขึ้นนิดๆ ปีมงคลกำลังสงสัย ว่าร่องรอยบอบช้ำที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันหายไปได้ยังไง

“ไหนหันหลังให้ดูหน่อยสิ” เพียวรีบหันหลังให้ ปีมงคลถลกเสื้อของเพียวดู

“!!! ” รอยช้ำขนาดใหญ่ตรงหลังมันหายไปร่างสูงตกใจนิดๆ แต่ยังไม่พูดอะไร

“มีอะไรเหรอ?”

“ไม่มีอะไร เข้าบ้านไปได้แล้ว โดนหนักขนาดนั้นยังจะมายืนยิ้มหน้าระรื่นอยู่ได้” ร่างสูงกระชากคนตัวเล็กกว่าให้เข้าบ้าน พร้อมกับบอกให้นั่งรอ เขาจะไปหาอะไรมาให้กิน แล้วจะได้กินยา เพียว ปฏิบัติตามอย่างไม่มีเงื่อนไข นั่งในท่าเรียบร้อย และสงบเสงี่ยม ผ่านไปสักพักข้าวต้มหมูร้อนๆ ก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้า กลิ่นหอมของมันทำเอาร่างบางต้องเผยยิ้มกว้าง

“น่ากินจังเลย^^” คำหวานมักมาพร้อมกับสายตาอ้อนๆ

“ไม่ต้องมาทำเป็นยิ้มเลยนะ มีความผิดอยู่” แต่ก็ไม่วายโดนดุอีกร่างบางเลยจำต้องตักข้าวกินด้วยใบหน้ามุ่ยๆ

“ดุจัง นี่พ่อหรือผัว” แม้จะพึมพำแบบได้ยินคนเดียวแล้วคนหูดีกลับได้ยินมันชัดเจน

“จะให้เป็นพ่อหรือผัวละ ห๊ะ ดื้อปานนี้” เสียงของปีมงคลแข็งขึ้นนิดๆ พร้อมกับมองหน้าคนรักไปด้วย

หลังจากที่โดนด่าเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ต้องนอนเป็นผักอยู่บนเตียง คอยให้พี่ปีเค้าดูแลไปตามระเบียบ ขานั้นก็เหลือเกิน บดจะใจดีก็ใจดีเกิ้น เล่นไม่ให้ผมขยับไปไหน แถมยังอยากจะให้ผมไปหาหมอตรวจดูภายในอีก มีความห่วงเมียขั้นสุด แต่หารู้ไหมเมียเนี้ยะอึด ถึก ทนนะจะบอกให้ สายตามองตามพี่มันไปทุกที่ แอบสงสารอยู่ในใจที่ต้องมาคอยกังวลเรื่องของผม ได้แต่ใช้สายตาขอโทษเขาไปพลางๆ ก่อน ตลอดทั้งวันพี่ปีดูแลผมดีมากๆ คือผมแทบไม่ต้องลุกไปไหน นอกจากจะไปเข้าห้องน้ำ เรียกได้ว่าวันนี้ผมสบายสุดๆ

“ดีขึ้นไหม ปวดตรงไหนอีกรึเปล่า”

“ไม่แล้วพี่ ดีขึ้นมากๆ เลย แล้วที่ร้านเป็นยังไงมั่ง”

“ปรกติ วันนี้เขื่อนกับภูผามาช่วยด้วยเมื่อตอนสายๆ เอาไว้ตอนเย็นๆ ค่อยลงไปหาพวกนั้นละกัน” ใจชื้นขึ้นมานิดๆ ที่รู้ว่าพวกนั้นมาช่วยขายของให้ เอาไว้ตอนเย็นๆ จะทำหมูจุ่มเลี้ยงแล้วกัน ผมลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียงเอาไว้ มือก็กดเปลี่ยนช่องรายการทีวีไปเรื่อยๆ แต่ผมไม่ได้โฟกัสไปที่ ทีวีหรอก ตาผมมองไปยังคนตัวสูงๆ ที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ พร้อมกับใบหน้ายุ่งๆ เขากำลังดูภาพอะไรบางอย่างจากกล้องวงจรปิด ด้วยสีหน้าเครียดๆ คงจะไม่พ้นเรื่องไอ้เฟียสแน่ๆ

“เออ ใช่ !! ลืมไปได้ยังไงเนี้ยะ” นี่ผมลืมเรื่องของที่ไปขโมยมาได้ยังไงกัน ตะโกนออกมาเสียงดังจนพี่ปีหันมาทำหน้ายักษ์ใส่

“อะไรของมึง”

“แฟลชไดฟ์ไงพี่!! ”

“????”

“ผมหยิบมันติดมือมาด้วย” ผมรีบลุกจากที่นอนแล้วไปค้นกระเป๋าเสื้อตัวเมื่อวาน อย่าถามเชียวว่าผมรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นอันเดียวกัน? เพราะผมเป็นยักษ์ไง เดินกลับมาพร้อมกับของในมือ

“นี่มัน!! ” พี่ปีรีบคว้าของในมือผมไปทันที

“เปิดดูเลยสิพี่” เขาพยักหน้ารับก่อนจะเสียบแฟรชไดฟ์นั่นเข้ากับโน้ตบุค แต่ทว่า

“มันไม่มีข้อมูล มันหายไป!! ”

“ไอ้เฟียส! ” พี่ปีกำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ มันลบข้อมูลทุกอย่างออกหมดไม่เหลือ หลักฐานเดียวที่เราพอจะมีและเอาผิดกับคนโกงได้ พี่ปีมีสีหน้าที่เครียดลงอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ในบริษัทตอนนี้ คงจะน่าเป็นห่วงอยู่มากแน่ๆ

“หลักฐานอื่นก็น่าจะมีอยู่บ้างนะพี่ อย่างพวกเอกสารย้อนหลังไง”

“ถูกมันเก็บเรียบหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นกูคงไม่มานั่งเครียดอยู่แบบนี้หรอก”

“ผมว่า ยังพอมีทางอยู่นะ ถ้าเราช่วยกัน เราต้องบุกรังมันอีกรอบ”

“มันจำหน้ามึงได้แล้วเพียว”

“อันนั้น มันเวอร์ชันผู้หญิง มันไม่เคยเห็นผมเวอร์ชันผู้ชายนี่”

“ยังไม่เข็ดอีกเหรอ? ไอ้ที่โดนมามันน้อยไปใช่ไหม? เรื่องของกูกูจัดการเองได้ กูไม่อยากเอามึงไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้นอีก”

“แต่ผม...”

“เพียว”

“ครับก็ได้ แต่ผมขอตามพี่ไปบริษัทด้วยได้ไหม เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง”

“อืม” พี่ปีเหล่ตามองผมอย่างจับผิด ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าไม่อยากให้เป็นอันตราย แต่ก็นะผมไม่อยากให้เขาเครียดอยู่คนเดียวนี่นา เป็นยังไงละ เมียแห่งชาติไหมล่ะ

15.30น.

พี่ปีพาผมมาตลาด ซื้อของไปทำหมูจุ่ม เลี้ยงพวกที่กำลังเก็บร้านอยู่ที่บ้าน วันนี้ต้องจัดหนักสักหน่อย เพราะว่าวันนี้รวมตัวกันครบทุกคน เดินเลือกซื้อของจนเกือบครบ ขาดอยู่อย่างเดียว ที่พวกผมเรียกว่า “สุรา”

“ไอ้สองขวดนี้มันไม่ได้อยู่ในลิสรายการนี่?” ซื้อของกลับมาเสร็จ ก็มาช่วยกันขนลง แต่ไอ้พี่ปีมันกลับได้ถือถุงที่ใส่น้ำเมาดีกรีแรง -*- แหม่อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนั้น หันไปยิ้มหวานๆ เอาใจเผื่อว่าจะได้ไม่โดนโบกหัวทิ่มแบบครั้งที่แล้วอีก

“ก็ เผื่อไว้ไง เอาๆ มาเดี๋ยวผมถือเอง”

“ไม่ต้องมึงนะขนของที่เหลือเข้ามาเลย เผลอเป็นไม่ได้จริงๆ” ถึงพี่ปีจะดุแต่เขาก็ยอมให้ผมกินละนะถ้าไม่ได้โดนมือโดนไม้แบบนี้ ลาภปากผมชัดๆ

เดินหิ้วของเข้าบ้านไอ้เขื่อนเดินมาช่วยอีกแรฃจะมีก็แต่ไอ้ภู = = นั่งกินแรงเพื่อนอยู่บนโซฟาไอ้นี่มันนั่งดูเอลซ่าตาไม่กะพริบ นี่ยังไม่รวมไอ้หนูไวรัลที่นั่งต่อหุ่นกันดั้มอยู่ที่พื้นมันสองคนหันมามองหน้าผมนิดๆ แล้วหันกลับไปสนใจทีวีกับหุ่นของมันต่อไม่คิดจะช่วยผมกับไอ้เขื่อนสักนิด ส่ายหัวให้กับพวกมันเบาๆ ก่อนจะไปเตรียมของทำหมูจุ่ม ไอ้เขื่อนกับพี่ปีไปเตรียมสถานที่ ส่วนไอ้ผีพรายนั่น เอาแต่บ่นว่าผมเอาปลามาทรมานในที่แคบๆ ทำไม นั่นมันบ่อปลาคาฟกู มึงจะทำมายยยยย ส่งสายตาจิกกัดไปให้อย่างไม่มีปิดบัง จนพี่ปีมองผมด้วยสายตาดุๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา

เชอะ!!

+++++++++++++++++

ท่ามกลางฝูงชนที่แน่นขนัดในสถานที่แคบๆ เสียงเพลงแนว Electro house ดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ เหล่าผีเสื้อกลางคืนต่างยักย้ายส่ายสะโพกขยับร่างกายตามจะหวะเพลงอย่างเมามัน แต่มีใครบางคนกำลังนั่งมองผุ้คนเหล่านั้นด้วยความเบื่อหน่าย ดวงตาเรียวรีดูมีเสน่ห์ ที่ดึงดูดได้ทุกเพศทุกวัยให้เข้าหา โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เขากำลังเบื่อสุดๆ กับชีวิตในแต่ละวัน อยู่มาห้าร้อยปีนี่นับว่านานโข แต่ชีวิตกลับไม่มีใครเป็นคู่ครอง

ทศลักษณ์ ยักษ์หนุ่มกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ วันนี้คงต้องหาเก็บตกเอาแถวนี้ เอาไว้แก้เบื่อ จนกระทั่งมีใครบางคนเดินมาหาเขาด้วยความประหม่า

“พะ..พี่ครับ..คะ คืออ พี่ พอจะมีเงินให้ผมยืมสักสองพันไหมครับ?”

“หืมม สองพัน เอาไปทำอะไร?” ทศลักษณ์ขมวดคิ้วนิดๆ กับเด็กหนุ่มที่อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบสอง แต่งก็ปอนๆ เสื้อยืดกางเกงยีนขาสามส่วน แถม...ใส่รองเท้าหูคีบตรา ช้างดาว!!!!! ไอ้เด็กนี่มันหลุดเข้ามาในนี้ได้ยังไง?

“คะ..คือ ผมทำไวน์ตกแตก แล้วผมไม่ได้เอาเงินมา” ไม่ได้เอามาหรือไม่มีเงินกันแน่ ดูจากสภาพแล้ว น่าจะอย่างหลังมากกว่า ทศลักษณ์มองเด็กคนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาไม่ไว้ใจ

“พี่เอา บัตรประชาชนผมไว้ก็ได้ถ้าพี่กลัวผมเป็นพวกมิจฉาชีพ” มือเรียวหยิบเอาบัติประชาชนจากกระเป๋าออกมายื่นให้ เขารับเอามาถือไว้

“นาย บริลักษ์ เอี่ยมมงคล” ร่างสูงอ่านทวนชื่อในบัตร

“เรียกผมว่า น้ำอิง ก็ได้ครับ ส่วนนี่เบอร์ติดต่อผม” น้ำอิงจดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองใส่กระดาษทิชชู่แล้วยัดใส่มืออีกฝ่าย

“แล้วกูจะไว้ใจมึงได้ยังไง? ว่ามึงจะไม่เบี้ยว”

“ถ้าอย่างนั้นพี่เอาบัตรนักศึกษาผมไปด้วยก็ได้ นี่ครับ” ร่างสูงรับบัตรนักศึกษามหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งให้

“แค่นี้?” ความจริงเขายกเงินนั่นให้เด็กคนนี้ไปเลยก็ได้ เพียงตอนนี้เขาอยากทำอะไรแก้เบื่อ ทศลักษณ์จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมสีดำสนิท

“ตอนนี้ผมมีแค่นี้” น้ำอิงเอ่ยด้วยเสียงสลด ทศลักษณ์หัวเราะในลำคอเบาๆ มองๆ ดูแล้วน้ำอิงเหมือนลูกแกะที่กำลังถวายตัวให้กับหมาป่าเพื่อจับกิน ดวงกลมโตสะท้อนแววแห่งความคาดหวัง

“ได้ 2000 ใช่ไหม” ทศหยิบธนาบัติสีเทาออกจากกระเป๋ามาสามใบแล้วยื่นให้น้ำอิง

“ผมยืมแค่สองพันนะครับ พี่ให้ผมมาเกิน” มือเล็กยื่นคืนมาหนึ่งใบ

“เอาไปเถอะกูให้ ส่วนสองพันนั้นต้องคืนกูต้นพร้อมดอก” ทศพูดเสียงเรียบนิ่ง

“ถ้าอย่างนั้น ผมเอาเงินไปให้เจ้าของร้านก่อนนะครับ ขอบคุณมากนะครับ” พอได้เงินนำอิงก็รีบวิ่งหายไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นกายให้กับร่างสูงที่นั่งอยู่

“หึหึ น่าสนใจดีนี่ แล้วเจอกันนะลูกแกะ” ทศมองของที่น้ำอิงทิ้งไว้เป็นหลักฐานในมือแล้วยกยิ้มออกมาก่อนจะเดินหายออกไปจากร้านอย่างเงียบๆ

+++

“อ่าวไปไหนแล้วละ ยังไม่รู้จักชื่อเลย แล้วจะคืนเงินยังไงละที่นี่ บัตรนักศึกษาก็ให้เขาไปอีก โอ้ยยน้ำอิง แกทำอะไรของแกวะ” ร่างเล็กยืนงงอยู่ตรงที่เขาเจอกับทศเมื่อครู่

+++++++++++++++++++++++

วันนี้ผมติดรถพี่ปีไปทำงานด้วยส่วนร้านก็ให้พี่แก้วกับเด็กๆ ดูแลไปก่อน ระหว่างทางเราแวะซื้อกาแฟกับขนมไว้กินกันที่บริษัท พอมาถึงทุกคนต่างมองมาที่ผมเป็นตาเดียว รู้สึกประหม่าไม่น้อยแต่ก้นะคนมันหล่อช่วยไม่ได้ เดินตีคู่กับเจ้าของบริษัทแอบยืดนิดๆ พี่ปีพาผมเดินไปที่ห้องทำงานของเขา

“นั่งเล่นตรงโซฟาก่อนก็ได้นะ พี่ต้องเข้าประชุมตอนสิบโมง”

“อื้อ เดี๋ยวเพียวนั่งเล่นแถวๆ นี้แหละ”

“อย่าออกไปไหน โดยที่ไม่มีพี่นะเพียว”

“-3- อะไรอะ ผมโตแล้วเหอะ!! ”

“พี่ไม่ได้ว่าเป็นเด็ก แต่พี่กลัวเพียวจะไปทำอะไรที่มันเสี่ยงๆ อีก”

“รู้แล้วละน่า -3- “พี่ปีเดินมานั่งข้างแล้วอุ้มผมให้นั่งตัก

“ที่ห้ามเพราะห่วง อยากเป็นเหมือนคราวที่แล้วอีกรึไง?”

“เห้อออ ก็ได้ครับ เห็นแก่ความห่วงใยเพียวจะไม่ไปเถลถไหลที่ไหน” ซะที่ไหนกันละ เรื่องเสือกไว้ใจเพียว พอพ้นสายตาพี่ปีผมก็แอบย่องออกมาจากห้องทำงาน ใช้อำนาจวิเศษส่วนตัวเปิดประตูไปที่ห้องเก็บเอกสาร พร้อมกับกดโทรศัพท์หาไอ้เขื่อน

“เขื่อนมึงอยู่ไหนวะ? ตอนนี้กุที่อยู่บริษัทพี่ปี”

“ (อ่าว มาทำงานกับพี่ปีหรอ มึงแหม่ๆ ช่วงนี้รู้สึกติดผัว)

“ผัว พ่อง!! ไอ้สัสกูจริงจัง ตอนนี้มึงอยู่ไหน” ผมคุยโทรศัพท์ไปด้วคนหาเอกสารไปด้วยโชคดีที่ตอนนี้พนักงานส่วนใหญ่เข้าประชุมกันหมด ผมเลยทางสะดวก

“อยู่ห้องควบคุม มึงอะทำไรทำไมเสียงมันอู้ๆ วะ”

“กูอยู่ห้องเก็บเอกสาร เอ่อมึงพอจะรู้ไหมวะที่บริษัทเค้าเก็บข้อมูลต่างๆ ลงเครือข่ายไหม”

“เดี๊ยวกูเช็คให้ ว่าแต่มึงจะทำอะไรวะ?”

“คือกูกำลังแสดงบทโคนันอยู่ ตามจับโจรให้ผัว เอ้ย พี่ปีอยู่”

“เรื่องใหญ่เหรอวะ”

“เออ ใหญ่ มีผลต่อความมั่นคงตำแหน่งคุณนายของกูด้วย แค่นี้กูหาเอกสารก่อนเดี๊ยวพี่ปีรู้ว่ากูแอบหนีทชมาทำเรื่องแบบนี้”

“เออๆ เดี๊ยวกูช่วยดูให้อีกแรง แล้วมึงอยากได้ข้อมุลอะไรอะ”

“ทุกอย่างเกี่ยวกับ ไอ้เฟริส ทั้งข้อมูลการซื้อขาย ทุกๆ อย่าง”

“เออ แค่นี้”

ผมเก็บโทรศัพท์แล้วค้นหาต่อ ทั้งๆ ที่พี่ปีบอกว่ามันทำลายไปหมดแล้วแต่ผมว่ามันน่าจะเหลืออะไรอยู่บ้าง อะไรสักอย่างที่มันคิดไม่ถึง อย่างเช่น..

“เจอแล้ว!!! ” ผมกำเอกสารแผ่นบางไว้ในมือ เอกสารย้อนหลังห้าปี มันพลาดที่ทำลายแค่สามปีย้อนหลัง ผมรีบเปิดประตูกลับไปที่ห้องทำงานของพี่ปีทันที ชนิดที่ว่าเส้นยาแดงผ่าแปด พี่ปีกลับมาพอดี

“หืม..ทำอะไรอยู่เพียว”

“อะ เอ่ออ ไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ก็นั่งอยู่เฉยๆ”

“แต่เมื่อกี้กูเห็นมึงเดินผ่านประตูเข้ามา หรือว่าตาฝาด?”

“บ้าผมจะ เดินผ่านประตูมาพร้อมพี่ได้ยังกันละ คนนะไม่ใช่ผีที่จะแวบไปแวบมาได้”

“ก็จริง แล้วถืออะไรอยู่ในมือ”

“อะ เอ่อ ก็ว่างเลยหากระดาษ มาเขียนอะไรเล่นๆ” ผมรีบยัดกระดาษในมือใส่กระเป๋ากางเกง พี่ปีมองผมอย่างจับผิด

“-*- “

“ประชุมเป็นยังบ้างครับ”

“ผลกำไรไตรมาสนี้ลดลงแถมต้นทุนสูงขึ้นเท่าตัว” เสียงพี่ปีดูเครียดๆ จนผมอดหวั่นใจไม่ได้

“......”

“มีลายเซ้นพี่เซ็นอนุมัติงบประมาณสั่งสินค้าราคาห้าสิบล้านอยู่ในนั้นด้วย”

“ห๊ะ คนงกอย่างพี่นี่อะนะจะเซ้นอนุมัติ เงินตั้งมากมายขนาดนั้น” ผมอุทานออกมาเสียงดัง เป็นไปไม่ได้แน่นที่พี่ปีจะสะเพร่าเซ็นอะไรง่ายๆ แบบนั้น

“ก็เอออะดิ เอกสารแผ่นนั้นกูไม่ได้เซ็น ขนาดเห็นยังไม่เคยเห็นสักนิด”

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า...พี่ถูกปลอมลายเซ็น”

“เออ แต่ใครปลอมนี่สิ จะเซ้นอนุมัติงบขนาดนั้นต้องมีลายเซ็นต์คณะบริหารสามคนถึงจะผ่านหนึ่งลุงวิชาญ คุณป้าญานี แล้วก็กู”

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า หนึ่งในนั้นปลอมลายเซ็นพี่”

“ใช่” นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะไม่ว่าคนคนนั้นปลอมลายเซ็นพี่ปีไปแล้วกี่ฉบับ

“และคนที่จะทำเรื่องชั่วๆ แบบนี้ได้มีแต่มันเท่านั้น” ผมมองเห็นแววตาเคียดแค้นชิงชังจากดวงตาคู่คมของพี่ปี นี่เขาต้องทนกับอะไรมาบ้างพี่ปีต้องต่อสู้กับคนพวกนั้นเพียงลำพังมานานเท่าไหร่แล้ว ไม่ได้ผมจะปล่อยให้ ผัว เอ้ย! พี่ปีต่อสู้คนเดียวไม่ได้ เมื่อเห็นสีหน้าเครียดของเขาผมเองก็รู้สึกไม่ดีไปด้วย ผมเดินไปหาพี่ปีแล้วส่งยิ้มเป็นกำลังใจ รอยยิ้มหวานๆ ที่ผมไม่ค่อยได้ใช้ตอนนี้ผมเอามาใช้กับเขา สองมือผมจับแก้มเขาเอาไว้แล้วหันใบหน้าเขาให้มามองผม ดวงตาเราประสานกัน

“ผมจะอยู่กับพี่ อยู่ตรงนี้แม้ว่าพี่จะไม่มีใคร^^”

จุ๊บ ผมจูบที่ริมฝีปากหนานั่นอย่างแผ่วเบาเพื่อเติมพลังใจให้เขา แต่ทว่ากลับเป็นผมเองที่โดนอีกคนดึงลงสู่ห้วงแห่งความร้อนแรง จูบหนักๆ ที่พี่ปีกำลังทำมันเหมือนพายุคลั่งภายใต้ความสงบมันเร่าร้อนแต่ไม่ได้รุนแรง ลิ้นของเราเกี่ยวพันกันราวกับเสือที่กำลังหิว เสียงหอบของเรากระชั้นถี่ขึ้น ลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดกัน ดวงตาเราประสานกันเนิ่นนานกว่าจะค่อยๆ ผละออก

“อืออ พี่ใจเย็นสิ นี่มันที่ทำงานนะ” หน้าผมขึ้นริ้วสีแดงไปทั้งหน้าเมื่อเห็นสีหน้าหื่นๆ ของพี่ปี

“แล้วใครใช้ให้มึง...ทำแบบนี้กันละ” มือหนายกขึ้นลูบหน้าตัวเองเบาๆ

“ก็แค่ให้กำลังใจพี่นั่นแหละ พาเตลิด!! ”

“กูผิด?”

“เออ ผิด ไปทำงานได้แล้ว เป็นเจ้าของแท้ๆ จะมาอู้อีก”

“-*- “

หลังจากนั้นพี่ปีก็เข้าสู่โหมดหุ่นยนต์ที่ทำงานไม่หยุดพัก ส่วนผมก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนโซฟา นานๆ ทีจะมีเลขาเอาเอกสารมาให้อ่านให้เซ็นต์ นอนอืดเป็นหมูอยู่ได้สักพัก ก็มีคนเปิดประพรวดเข้ามาโดยที่ไม่มีการเคาะห้อง

“พี่ปีค่ะ^^..เอ๊ะแกเป็นใครมาอยู่ในห้องของพี่ปีได้ยังกัน” เสียงแหลมสูงตวาดแว๊ดใส่ผมกิริยาของคุณเธอช่างตรงกันข้ามกับหน้าตา ผมเบะปากใส่อย่างไม่แคร์ก่อนจะเดินไปยืนข้างๆ พี่ปีที่เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวนิ่งๆ

“พีช เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อน” พี่ปีถามเสียงเข้ม

“ทำไมต้องเคาะด้วยละคะ นี่พีชนะ”

“นั่นพีชไม่ใช่พี่ ห้องทำงานพี่พีชต้องเคารพสิทธิของพี่ อย่ามาทำตัวไม่มีมารยาทกับพี่อีก”

“พี่ปี!! หึ้ย!! ขอโทษค่ะ” พีชเอ่ยปากขอโทษเมื่อโดนสายตากดดันจากพี่ปี ผมรู้สึกขนลุกเมื่อเห็นรังสีอำมหิตของเขา ให้ตายเถอะกับผู้หญิงพี่แกยังไม่เว้น

“มีอะไรก็พูดมาพี่จะทำงาน”

“พีชมาชวนพี่ปีไปทานข้าวค่ะ” พีชเอ่ยเสียงอ้อน

“พี่มีนัดแล้ว” ใช่นัดกับกูนี่แหละผมยกยิ้มมุมปากนิดๆ

“กับอีเด็กขายนี่เหรอคะ พี่ปีค่ะพีชเคยบอกพี่แล้วใช่ไหมว่าถ้าอยากให้มาหาพีช ไม่ใช้ไปลงกับอีตัวพวกนี้มันสกปรก!!! ” โหยยย อินังชะนีปากเสีย คิ้วผมนี่กระตุกยิกๆ เลยให้ตายสิ

“หึหึ พี่เต็มใจเอาอีตัวที่พี่ทุ่มทุนซื้อดีกว่าเอากับพีช พีชประเมินค่าตัวเองสูงเกินไปนะพี่ว่า อีกอย่างพี่จะบอกอะไรให้ เด็กคนนี้นะ ไม่ใช่เด็กขาย แต่เป็นเมียพี่!! ” อยากจะเดินไปดันคางที่ค้างของน้องพีชให้หุบจริงๆ เลยครับ อึ้งละสิหุหุหุหุ

“พี่ปี!! กรี๊ดดดด” เสียงน้องพีชกกรีดร้องโหยหวนเหมือนสัมภเวสีขอส่วนบุญทำเอาพี่ปีต้องลากเธอออกไปนอกห้องทำงานแล้วสั่งเลขาหน้าห้องว่าห้ามใครรบกวนอีก

“ฟู่วว พี่นี่ปากร้ายเนอะ กับผู้หญิงก็ไม่เว้น น่ากลัวอะ” ผมทำท่าขนลุกใส่พี่ปี

“หึหึ พึ่งรู้เหรอว่าปากกูร้าย”

“โอ้ยย เรื่องนั้นผมรู้นานแล้วเหอะ ว่าแต่น้องคนนั้นเค้าเป็นใครอะพี่”

“ลูกป้าญานี เพื่อนร่วมหุ้นอีกคนของพ่อ”

“โหนี่จะมีใครที่เป็นญาติพี่จริงๆ มั่งเนี้ยะ” ผมอวดครวญ

“ก็มีนะ แต่อยู่ตำแหน่งที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก โดนผุ้ถือหุ้นคนอื่นกวาดต้อนจนไม่ได้ผุดได้เกิด เหลือรอดแค่กูที่กินบุญเก่าพ่ออยู่ อีกอย่างกูฉลาด” เบ้ปากใส่ด้วยความหมันไส้ ไม่เคยเลยที่จะไม่ยกยอตัวเองต่อหน้าเมีย เดี๊ยวเถอะเดี๊ยวจะเอาเงินในบัญชีมาฟาดหน้าให้ นี่ผมรวยระดับเศรษฐีพันล้านเลยนะไม่อยากจะคุย

พักเที่ยงเราสั่งอาหารขึ้นมากินแพราะงานพี่ปีเยอะกว่าจะออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกและพี่ปีเค้าก็กลัวว่าผมจะเบื่อก็เลยอนุญาตให้ผมไปหาเพื่อนที่แผนกไอทีได้แต่ต้องอยู่กินข้าวกับเขาก่อนเมนูมื้อกลางวันก็ข้าวกล่องเบนโต๊ะหน้าปลาไหลย่างร้านดัง นั่งกินไปได้ไม่กี่คำดูเหมือนมารจะมาผจญไม่เลิก ยัยมีนา

“พี่ปีค่ะ”

“-*-...มาทำไมอีก” พี่ปีถามแต่ไม่ได้หันไปมองคู่สนทนา เขาใช้ตะเกียบคีบข้าวใส่ปากอย่างไม่ใส่ใจ มีนายืนกำมือแน่น ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ

“มีนามาเจรจาค่ะ เรื่องของเรา” เธอเน้นย้ำคำว่าของเราใส่ผม

“ไม่มีเรื่องของเราแล้วมีนามันจบไปแล้ว ถ้ายังยุ่งวุ่นวายรู้นะว่าผมทำอะไรได้บ้าง” เขาเงยหน้าขึ้นมาจากกล่องข้างแล้วสบตามีนานิ่งๆ หล่อนเม้มปากตัวเองอย่างทำตัวไม่ถูก

“มีนาไม่มีที่ไป พี่ปีค่ะเมตตาพวกเราสองคนพ่อลูกได้ไหมคะ”

“นี่ผมยังเมตตาไม่พออีกเหรอ กับสิ่งที่ครอบครัวคุณทำกับผม” มีนาเดินมานั่งลงข้างๆ พี่ปีจับแขนล่ำๆ ของผัวผมไว้แล้วบีบน้ำตา แค่น้ำตาใจผมมันก็อ่อนยวบแต่พี่ปีนี่สิจิตใจแข็งแกร่งดังผนังเสริมใยเหล็ก เขาหันไปมองมือที่จับแขนตัวเองแล้วมองหน้าผมที่ตอนนี้ได้แต่ยิ้มแหยๆ ไม่อยากยุ่งไม่อยากออกความเห็นกลัวโดนด่า

“นะคะ มีนาขอร้อง ขอแค่ตำแหน่งเล็กในบริษัทก็ได้ ให้มีนาได้มีงานทำ มีเงินมาจุนเจือครอบครัว ฮึก พี่ปี” โหหหหพูดขนาดนี้แล้วพี่ปียังทำหน้านิ่ง ยังใช้หางตามอง ใจโคตรแข็ง

“ผมไม่รับ คุณไปหางานทำที่บริษัทอื่นเถอะ ออกไปได้แล้วผมจะกินข้าวกับเมีย!! ” คำว่าเมียทำเอามีนาหน้าบึ้งใส่ผมทันที -*-

“ผู้ชายคนนี้เหรอคะพี่ปีที่พี่ยอมลงมาเกลือกกลั้วด้วย ไม่คิดว่าพี่จะตาต่ำ!แบบนี้ แล้วคนอื่นรู้ไหมคะว่าพี่ปีคบผู้ชาย!!!!"

"แล้วมันหนักส่วนไหนของตัวเธอกัน!!"

++++++++++++++++++++++++++++++++++

ร้ายกว่าชะนีก็พี่ปีนี่แหละค่ะ...



ขอกำลังใจให้พี่ปีกะน้องยักษ์ด้วยน้าาาาาาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2018 08:09:19 โดย สามภพ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด