ตอนที่ 8
ผู้ประสบภัยความเหงา
หลังเดินออกจากคาเฟ่ด้วยความมึนงง ผมก็ไม่ได้แวะไปไหนกับไอ้ริวต่อนอกจากขอตัวกลับ ความจริงก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน เพราะหลังจากเจอไอ้ยุคแล้วความรู้สึกบางอย่างเล่นจู่โจมเข้ามาอย่างจัง มันเป็นความรู้สึกอึดอัดผสมความรู้สึกผิดไปด้วย เมื่อได้เห็นหน้าหงอยๆ ของมันที่ถามทำนองว่า ‘ไม่ยักรู้ว่าสนิทกับไอ้ริว’
จริงๆ มันก็สิทธิ์ของกูมั้ยว่าจะสนิทกับใคร แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่สบายใจด้วย
แม่ง...แทนที่จะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ กลายเป็นตอนนี้ต้องกลับมาเหงาที่ห้องคนเดียวอีกแล้ว งานเอ๋ย โปรดติดต่อมาเถอะ เงินก้อนนี้หมดก็ไม่เหลืออะไรให้กินแล้วนะ
เหงาก็เหงา เพื่อนก็มีโลกส่วนตัวของตัวเอง ส่วนผมเหรอ มีเหงาเป็นเพื่อนไง นับจากพามันไปคอนเสิร์ตครั้งก่อนเหงาก็เรียกร้องกับผมมากขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกรำคาญ มันทักมาแทบตลอดเวลา ดีหน่อยที่ช่วงหลังมีไอ้ยุคเข้ามาในชีวิต ผมกับเหงาเลยเว้นระยะห่างให้กันอยู่บ้าง
ไอ้ยุค...
สุดท้ายผมก็นึกถึงมันอีกจนได้
“ไม่คิด ไม่คิด! เราต้องไม่คิดถึงมัน”
เวลาที่คนเราอยู่คนเดียวแม่งชอบคิดฟุ้งซ่านแบบนี้แหละ ผมเลยต้องสลัดเรื่องที่อยู่ในหัวทิ้งโดยการเดินไปหยิบแล็ปท็อปที่วางอยู่ตรงปลายเตียงขึ้นมา กดดูโน่นนี่นั่นไปเรื่อย เว็บที่เข้าอยู่เป็นประจำก็มีไม่กี่อย่าง
เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบ เน็ตฟลิกซ์ เว็บหนังโป๊ขาประจำ
ผมใช้เวลาที่แสนเหลือเฟือของตัวเองไปค่อนข้างฟุ่มเฟือย ในหัวเองก็ตันจนคิดงานใหม่ไม่ออกเพราะไม่มีความหวังว่ามันจะขายได้อีก
หลังหายใจทิ้งไปกับโลกโซเชียลอยู่หลายชั่วโมง เทรนด์ทวิตเตอร์ชื่อหนึ่งที่คุ้นเคยก็ขึ้นมาติดเทรนด์อย่างไม่ทราบสาเหตุ ใจของผมเต้นตึกตัก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เดาได้คร่าวๆ ว่าอาจจะเป็นลางร้าย
เหยดเขร้! #YukYinCouple กลับมาหลอกหลอนกูอีกแล้ววววววววว
ด้วยไม่อยากจินตนาการไปคนเดียวจนเป็นบ้า ผมกดเข้าไปในแท็กดังกล่าวด้วยความเร็วเหนือแสง
ผ่าง! โอ้โหแม่เจ้าโว้ยยยยยยยยยยย มีหน้ากูกับไอ้ยุคถูกแปะเต็มไปหมดเลย น้ำตาผมไหลอีกครั้งเมื่อเห็นยอดรีทวิตมหาศาลที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ข้อความแต่ละอันก็โคตรจิรานันท์ มโนแจ่มซะเหลือเกิน
‘วันนี้คุณนักเขียนเป็นเด็กเสิร์ฟนะคะ แต่ดูท่าว่าจะงอนกับคุณนักแต่งเพลงอยู่ เขาเล่นมากับคุณหมอซะขนาดนั้น’แต่ดูท่าแล้วจะแม่งจะงอนผมจริงว่ะ เพราะขนาดคนอื่นยังรับรู้ได้เลย
‘คิดว่าหลังไมค์คงเคลียร์กันแล้วค่ะ’
‘ถ้าเคลียร์กันบนเตียงก็คงจะดีไปอีกแบบนะ’ “เตียงอารายยยยยยยยยยยย”
ผมสบถออกมาเสียงดัง ก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังนอนเล่นแล็ปท็อปอยู่บนเตียงจริงๆ เพียงแต่ว่าตรงนี้มีแค่ผมคนเดียวที่อยู่ในห้อง
นอกจากนั้นในแท็กยังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคาเฟ่เป็นฉากๆ อย่างละเอียดยิบ บางฉากผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า แต่เหมือนทุกคนจะปักใจเชื่อ ที่สำคัญ พวกเขาดูจะชอบมากซะด้วย
ผมไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเสียใจอะไรหรอก แค่ตกใจในช่วงแรก และเมื่อลองอ่านไปสักพักผมก็ค้นพบว่ารูปที่ถูกถ่ายตอนเผลอนั้นก็ดูดีไปอีกแบบ เออว่ะ รู้สึกตัวเองแม่งก็หล่อไม่เบา แต่ถ้ารูปไหนมีไอ้ยุคอยู่ในเฟรมด้วยกูจะดูเหียกไปในทันที
‘Hey! My boss ตอนแรกอัพแล้วนะคะ ขอฝากเรื่องนี้ไว้กับสาวก #YukYinCouple ด้วยค่ะ’ เลื่อนๆ ไปสายตาก็ดันเจอเข้ากับนิยายเรื่องใหม่ที่แปะอยู่ในแท็ก ไม่อยากจะพูดเลยว่าเรื่องเก่าก็ทำเอาเข็ดขยาดไปพักใหญ่ นี่มีเรื่องใหม่มาอีกแล้วเหรอ
แต่เนื่องจากความเสือกที่ไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์นั้น ผลักดันให้ผมต้องกดเข้าไปในลิงก์ที่แปะเอาไว้ และหน้าจอใหม่ก็แทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“อะไรวะ” ผมพูดกับตัวเองเมื่อหน้าเว็บดังกล่าวปรากฏขึ้น
ไวอากร้าของแท้ ยาเร่งเสียว จิ๋มกระป๋องนำเข้า เดี๋ยวนะ! เดี๋ยวววววววววว
ตอนแรกนึกว่าเจอแจ็กพอตโดยสปายแวร์เข้า แต่พอเลื่อนไปๆ มาๆ ถึงรู้ว่ามันคือเว็บลงนิยาย โถ...ภาพลักษณ์ของไอ้ชยินที่ทุกคนพูดถึง
ตัดประเด็นนี้ไปก่อน มันไม่สำคัญเท่าไหร่แล้วเพราะสิ่งที่ควรจดจ่อจริงๆ มันคือนิยายเรื่องนี้ต่างหาก คนเขียนเพิ่งอัพตอนแรก ผมแค่อยากรู้ว่าตัวเองทำอาชีพอะไร เพราะเรื่องก่อนที่ท้องไปกูก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
ผมกวาดตามองตัวหนังสือมากมายตรงหน้า ก่อนเริ่มต้นอ่านอย่างจดจ่อ
เหมือนเรื่องนี้จะเริ่มโดยที่คุณศตวรรษเป็นประธานบริษัทเพลงแห่งหนึ่ง หึ! ให้เดาผมคงเป็นนักแต่งเพลงเหมือนชีวิตจริงนั่นแหละ
“ฟู่~”
ผมถอนหายใจออกมาทันทีเมื่อเห็นชื่อของตัวเองในบรรทัดต่อมา และผม...เป็นนักแต่งเพลงอย่างที่คาดเอาไว้ ลาก่อนลูกในท้อง ลาก่อนการตั้งครรภ์อ่อนๆ ถุย!
‘โอ๊ย ผมเจ็บนะ คุณ...คุณผลักผมทำไม’
เนื้อเรื่องดูเข้มข้นราวกับละครหลังข่าว ผมถูกผลักลงกับพื้น จากนั้นไอ้ยุคก็ย่างสามขุมมาหาด้วยใบหน้าเหี้ยมโหด ก่อนใช้มือเชยคางของผมขึ้นมาอย่างแรง
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ จี้สัด!
ชีวิตจริงมีใครทำแบบนี้บ้างวะ แต่ไม่เป็นไร นิยายย่อมมีความไม่สมจริงอยู่ในนั้นเสมอ ผมตั้งหน้าตั้งตาอ่านต่ออย่างนึกสนุก
‘เพราะนายมันร่านไง!’
หืม เป็นนักแต่งเพลงที่ร่านด้วย ไม่เบาๆ
‘ผม...รักคุณ’
‘แต่ฉันไม่เคยรักนาย ออกไปซะ แล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก’
น้ำตากามเทพเหี้ยๆ ผมอ่านฉากเปิดตัวที่ออกจะดราม่าอย่างนึกขำ ในฉากเล่าอย่างละเอียดว่าตัวเองต้องคลานไปกับพื้น ยึดขาของประธานหนุ่มเอาไว้และอ้อนวอนเสียงสั่นเครือ
‘ได้โปรดให้ผมอยู่ต่อเถอะ’
‘…’
‘ถึงจะลำบากแค่ไหนผมก็จะไม่ปริปาก ขอแค่...คุณยังให้ผมเป็นทาสเซ็กซ์ของคุณต่อไป’
ว่าไงนะ...
เรื่องก่อนท้อง เรื่องนี้กูเป็นทาสเซ็กซ์
ว็อทเดอะฟ้าคคคคค ทำไมชีวิตไอ้ชยินถึงได้ต่ำตมถึงขนาดนี้ คิดแล้วเศร้า ขอพี่ปิดก่อนนะครับ ทำใจอ่านต่อไม่ได้จริงๆ เพราะแค่ตอนแรกก็อ้อนวอนขนาดนี้แล้ว ตอนหลังผมไม่ต้องโดนโซ่ แซ่ กุญแจมือเลยเหรอ
อิจฉาไอ้ยุค เรื่องก่อนเป็นนักเขียน เรื่องนี้เป็นท่านประธาน ที่สำคัญได้กดผมด้วย โฮร่ลลลลลล ผมอยากกดชาวบ้านเขาบ้างทำไมถึงทำไม่ได้ ใจร้าย คนพวกนี้ใจร้ายกับหัวใจผมมากเกินไป
ผมจะฟ้องแม่จ๋า แต่เพราะรู้ว่าแม่ต้องด่าสวนกลับมาว่าปัญญาอ่อนเลยระหกระเหินพาตัวเองไปนั่งเก้าอี้หน้าคอม ล็อกอินเข้าไปยัง MSN เพื่อจะเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้หมีใหญ่ฟัง
ผมคิดว่าไอ้ริวอาจให้คำปรึกษาที่ดีได้ แม้เรื่องราวในแท็ก #YukYinCouple ชื่อของมันจะกลายเป็นมือที่สามระหว่างผมกับไอ้ยุคก็ตาม
ก๊อกๆๆ
อาจเพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาเที่ยงคืนที่หมีใหญ่จะออน ผมจึงทำได้แค่ทิ้งข้อความมหาศาลเอาไว้ ซึ่งเป็นเวลาประจวบเหมาะกับที่เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ผมลากเท้าออกไปที่ประตู ตัดสินใจหมุนลูกบิดประตูเพื่อเผชิญหน้ากับคนด้านนอก
แทนที่จะเห็นใครบางคนยืนอยู่ พื้นที่ตรงหน้ากลับว่างเปล่า มีเพียงถุงซูปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่เท่านั้นที่ถูกแขวนไว้ด้านนอก
ยุค...
มีไม่กี่คนหรอกที่จะทำอะไรแบบนี้ ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อหาคนตัวสูงแต่ก็ไร้วี่แวว เลยตัดสินใจปิดประตู เดินตรงไปยังครัวเล็กๆ เพื่อดูของที่บรรจุอยู่ในถุง
สิ่งแรกที่สะดุดตาเลยก็คือหนังสือของมูราคามิที่ห่างหายจากการได้รับมาค่อนข้างนาน ผมหยิบมันออกมา เปิดดูเนื้อความข้างในโดยคร่าว เผื่อว่าจะเจอข้อความที่แฝงเอาไว้ แต่ก็ไม่เจออย่างที่คิด
นี่กูหวังอะไรอยู่วะ
นอกจากนี้ในถุงยังมีนม น้ำผลไม้ ขนมปัง และของสดอีกสองสามอย่างที่พอประทังชีวิตเหี่ยวแห้งได้อีกหลายวัน ผมอยากถามเหตุผลจากไอ้ยุคว่าทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ ทั้งที่ผมไม่ใช่คนดีอะไร ที่สำคัญก็ยังไม่รับรักเจ้าตัวเลยด้วยซ้ำ จะบอกว่าทำดีเพื่อหวังว่าผมจะชอบมันก็เป็นไปไม่ได้อีก
ผมไม่ได้รักทุกคนที่ทำดีด้วย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มานั่งเหงาเหมือนทุกวันนี้หรอก ความจริงจะเอ่ยตัดสัมพันธ์ไปเลยก็ได้ แต่มันยังมีบางอย่างที่ผมไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจ รู้แค่ว่า...ลึกๆ ก็ไม่ได้อยากตัดขาดอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก
งงตัวเองฉิบหาย ขณะเดียวกันมันก็ไม่ใช่เวลามาหาความกระจ่างเท่าไหร่ ผมสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว แล้วหันไปจัดของสดในถุงใส่ตู้เย็น ยอมรับเลยว่าตั้งแต่มีไอ้ยุค ผมก็ไม่เคยรู้จักคำว่าอดอยากอีกเลย
ติ๊ง!
มือถือดังขึ้น ผมหันไปสนใจมันประมาณ 0.3 วินาทีก่อนจะกลับมาจัดเรียงของต่อ แต่...
คือมึ๊งงงงงงงง เห็นแว๊บๆ ทางหางตาว่าจะมีข่าวดี กูรีบเตะปิดประตูตู้เย็นเสียงดังปังก่อนจะเอื้อมมือมาคว้ามือถือที่วางอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวอย่างเร็วรี่
ก่อนเปิด ขอพี่สวดบริกรรมคาถาเพื่อชีวิตที่ร่ำรวยสักสามนาทีก่อนเถอะ หากสายตาไม่พร่ามัวหรือกำลังฝันอยู่ ข้อความที่เด้งเข้ามาใหม่ต้องมาจากอีเมลแน่นอน และส่วนใหญ่ร้อยละ 99.99% มักเกี่ยวข้องกับเรื่องงาน
ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก กดมือแสนสั่นเทาลงไปที่หน้าจอมือถือแตกร้าว แล้วกวาดตาอ่านข้อความที่เพิ่งส่งถึงไม่นานด้วยใจเต้นรัวราวกับเต้นซุมบ้า
เกร้ดดดดดดดดดด แม่เจ้าโว้ยงานเข้า ไอ้ชยินมีงานแล้วววววววว
แทบจะวิ่งไปบอกคนทั้งคอนโด ดีใจจนต้องยืนเต้นโชว์หน้าเตาเพื่อบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่า นี่นะ...นักแต่งเพลงที่เฟื่องฟูแห่งยุคกำลังจะกลับมาแล้ว แถมคราวนี้งานงอกถึงสองงาน ด้วยเหตุผลที่พี่เขาได้อธิบายเพิ่มเติมเอาไว้ว่า
ชยินในทวิตเตอร์กำลังเป็นกระแส และผู้ใหญ่อยากให้ผมออกมาแต่งเพลงเพื่อดึงคนฟังกลุ่มหนึ่ง ถึงจะรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เขาไม่มองที่ความสามารถ แต่ผมก็บ่หยั้น กับเงินเราจะไม่พูดเยอะจ้ะ
พี่โปรดิวเซอร์สุดที่รักของผมได้ส่งรายละเอียดของงานมาให้ งานแรกคือโปรเจ็กต์ของนักร้องในสังกัดคนหนึ่งที่มีแพลนจะทำอัลบั้ม โดยส่วนนี้จะมีทีมทำดนตรีอยู่แล้ว หน้าที่ของผมก็แค่แต่งเนื้อร้องใส่เข้าไป ซึ่งงานมันก็ไม่ได้ด่วนมาก สามารถทำไปอย่างชิลๆ ช่วยอาการแก้เหงาของมนุษย์ฟรีแลนซ์อย่างผมได้ดีทีเดียว
งานที่สองเป็นงานที่รอให้ผมเป็นฝ่ายเริ่มต้น เป็นซิงเกิ้ลสำหรับนักร้องสายประกวดคนหนึ่งที่กำลังมีเพลงเป็นของตัวเอง แล้วเขารีเควสมาว่าอยากได้ผมเป็นคนแต่งเพลงให้ แต่ผมมีเวลาแค่ไม่กี่วันในการทำส่วนของดนตรี และต้องส่งเข้าให้ที่ประชุมเคาะอนุมัติ หากผ่านก็จะได้แต่งเนื้อร้องต่อไป
พี่โปรดิวเซอร์ถามว่าเวลากระชั้นแบบนี้จะรับมั้ย ตอบเลยว่ารับจ้า!
นี่วิ่งไปหยิบกีตาร์มาแล้วนะคะที่รัก
เข้าสู่ช่วงไม่เลือกงานไม่ยากจน
ยิ่งโจทย์ของเพลงที่ต้องเกี่ยวกับการตกหลุมรักใครสักคนด้วยแล้วนี่ยิ่งเป็นของถนัด พี่แถแด๊ดๆ มานักต่อนักแล้ว สุดท้ายขายดีเป็นเททิ้งเทขว้าง ขึ้นไปติดชาร์ตสูงๆ ตั้งหลายสัปดาห์
เพลงอกหักก็ยิ่งแต่งได้ดี แต่พอดีเขาไม่ได้ขอมาเลยอยากโม้ให้ฟังนิดหน่อย
“พี่กลับมาแล้วแฟนเพลงทั้งหลาย” สร้างกำลังใจให้ตัวเองเสร็จก็เดินกลับไปหยิบกาแฟกระป๋องออกมา จัดเตรียมของกินรองท้องเสร็จสรรพก่อนจะตั้งท่าเปิดสมุด และหยิบกีตาร์ขึ้นมาอย่างทะมักทะแมง
นักแต่งเพลงบางคนอาจจะถนัดใช้เปียโนในการทำเดโม่ แต่กับบางคนก็ถนัดใช้กีตาร์มากกว่า อันนี้ก็แล้วแต่ความถนัดของใครของมัน
เคยมีคนบอกว่าผมเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ของนักแต่งเพลง บางครั้งไม่ต้องเค้นอะไรทุกอย่างก็พรั่งพรูเข้ามาในหัวเต็มไปหมด เมื่อก่อนผมแต่งเพลงได้เร็วมาก งานเผาคืนเดียวที่เคยทำก็ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดยี่สิบกว่าปีหยิบมาเขียนอะไรได้เยอะแยะมากมาย
ดังนั้นมันจึงไม่ยากเลยที่จะแต่งเพลงสักเพลงหนึ่งขึ้นมา โดยมีเงินเป็นของหวานสำหรับความพยายาม
“เพลงเป็นเชิงโพสสิทีฟ” ผมก้มลงอ่านโน้ตที่เขียนแปะเอาไว้ ก่อนเริ่มเกากีตาร์ไปพลางๆ อยู่เกือบชั่วโมง ลองผิดลองถูกไปอย่างนั้น
เที่ยงคืนก็เปลี่ยนอิริยาบถไปนั่งอยู่ตรงโต๊ะคอม ล็อกอินเข้าไปคุยกับหมีใหม่และอวดโม้ถึงงานที่เพิ่งได้มาจนดึกดื่น เช้าวันต่อมาผมเริ่มลูปเดิมอีกครั้ง
ดีจริงที่เมโลดี้มันหลั่งไหลออกมาจากหัวราวกับน้ำไหล แค่หนึ่งคืนกับอีกครึ่งวันมันก็เสร็จจนสามารถส่งให้ที่ประชุมได้แล้ว ช่วงเย็นของวันเดียวกันผมได้รับข่าวดีทางอีเมล งานของผมผ่านครึ่งทางไปอย่างฉลุย เลยกะเขียนเนื้อเพลงต่อทันที
แต่...
บุญมีแต่กรรมบังจริงๆ เลยกู เพราะต่อให้เขียนยังไงก็ไม่ถูกใจสักที คำโดนๆ ที่อยากเอามาใส่ในท่อนฮุกก็ว่างเปล่าเหมือนกระเป๋าสตางค์แบนๆ ที่ถูกโยนอยู่มุมห้อง ทั้งที่เพลงของคนมีความรักมันโคตรเป็นอะไรที่เบสิค แต่ผมกลับคิดไม่ออกสักที
ตอนกลางคืนผมตัดสินใจปรึกษาปัญหานี้กับหมีใหญ่ ซึ่งมันก็พอแนะนำให้ว่าต้องใช้เวลาในการเข้าถึงอารมณ์อยู่บ้าง แต่คืองานมันกระชั้นเข้ามาแล้วไง เอาเวลาที่ไหนให้กูดื่มด่ำก่อนเสพงานเหรอ
สุดท้ายตัดประเด็นไป ผมยังคงดั้นเขียนเพลงต่อเหมือนคนหลงทาง ได้เนื้อเพลงมาในระดับที่พอถูไถเลยลองส่งให้ทางทีมดู ผลสรุปอีกวันเคาะเพลงไม่ผ่าน คือถ้าผ่านนี่ปาฏิหาริย์ในรอบพันปีเลยเถอะ
ผมได้งานกลับมาแก้ใหม่ แต่รอบนี้ไม่มีใครคอนเฟิร์มว่าถ้าหากไม่ผ่านรอบสองอีก งานอาจจะหลุดมือไปในที่สุด คิดแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา เจ็บกว่าอ่านนิยายที่ตัวเองท้องหรือเป็นทาสเซ็กซ์หลายเท่าก็คราวนี้แหละ
ไอ้ยุคหายไปสารบบของผมหลายวันโดยไม่โผล่หน้ามา ไอ้ริวโทรมาหาเป็นครั้งคราวพยายามชักชวนให้ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกเผื่อจะคิดอะไรออก แน่นอนว่าผมทำตามข้อเสนอนั้น โดยไม่คิดปริปากพูดความจริงที่ได้ล่วงรู้ว่ามันคือหมีใหญ่ และยังคงทำเนียนเป็นคนโง่ๆ ต่อไป
เราแยกย้ายกันเมื่อไอ้ริวต้องลงไปอยู่เวรที่ ER ส่วนผมก็ขอตัวกลับมานั่งแต่งเพลงต่อ นิดหน่อยก็พอถูไถไปได้ แต่ก็ยังคิดว่ามันไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก ความจริง...ผมอาจจะไม่อินกับความรักก็ได้ มันนานจนจำไม่ได้แล้วว่าความรู้สึกของการเริ่มต้นความสัมพันธ์เป็นยังไง
นี่อาจเป็นเรื่องยากที่สุดในการแต่งเพลงนี้ออกมา
“เบื่อๆๆ” บ่นกับตัวเองจบก็ทำได้แค่เดินวนไปเวียนมาจนปวดหัว ผมไม่สามารถล้มตัวลงนอนและข่มตาหลับได้ เนื่องจากภาระที่หนักอึ้งนี้กำลังทับตัวจนหายใจไม่ออก
เที่ยงคืนผมแชทคุยกับไอ้ริวผ่านทาง MSN อีกรอบ มันเป็นผู้ฟังที่ดี เวลาผมบ่นอะไรมันก็จะนิ่ง ไม่พิมพ์ตอบกลับมา แค่รับรู้ว่าเจ้าตัวยังคงอ่านทุกข้อความที่พิมพ์ถึงอยู่ ผมก็รู้สึกอุ่นใจแปลกๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นผมลืมตาขึ้นมาด้วยสภาพร่างกายเมื่อยขบ ลำคอแห้งผาก ตาสองข้างลืมแทบไม่ขึ้นแต่ก็ยังฝืน จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเผลอหลับไปตอนไหน รู้แค่ว่าตอนนี้ผมไม่ได้นอนอยู่บนเตียง แต่ฟุบหลับไปกับเศษกระดาษมหาศาลบนพื้นจนถึงเช้า
“โอ๊ยยยยยย ไอ้เหี้ยโอ๊ยยยยยยยย” ผมโวยวายทันที
ตะคริวแดกตูด เชี่ย โอยยยยยยยยยย
ต้องโก่งตูดเพื่อคลายเส้นอยู่นานกว่าจะหาย สัด! งานเร่งมันทรมานอย่างนี้นี่เอง
ผมไม่กินข้าวเช้า ดื่มแค่น้ำแล้วเดินไปล้างหน้าให้หายง่วง จากนั้นก็กลับมานั่งหาไอเดียในการแต่งเพลงต่อ จากนาทีเป็นชั่วโมง จากชั่วโมงเคลื่อนผ่านเป็นวัน ผมจมจ่อมกับความว่างเปล่าของกระดาษโดยไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย
ในหัวเริ่มหนักอึ้ง ผมอยากหลับ แต่ก็พยายามส่ายหัวไปมาเพื่อให้ร่างกายยังคงตื่น นาฬิกาฝาผนังบ่งบอกว่ามันกำลังเวียนมาถึงเที่ยงคืนอีกครั้ง ผมเดินไปที่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ กดเปิดมันด้วยความรู้สึกตึงเครียดเพื่อหวังจะให้ตัวเองได้ระบายมันออกมา
เอ็มเอสเอ็นยังเป็นสิ่งเดียวที่ผมมีอยู่ หลังกดล็อกอินเข้าไปผมก็เห็นว่าไอ้หมีใหญ่ออนไลน์อยู่ก่อนแล้ว แปลกมาก แม่งโคตรผิดวิสัยของคนที่มักมาตอนเที่ยงคืนเป๊ะๆ แต่คืนนี้กลับมาก่อนถึงสิบนาที
ผมไม่รอช้า พิมพ์ข้อความทักทายมัน
Chayin says… ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแน่ๆ อะไรดลใจให้มึงออนก่อนเวลาวะ
0 8 3 2 / 6 7 6 say… จะมาอยู่ปลอบใจมึง ได้ข่าวว่าเครียด ใกล้ตายยัง
Chayin says… มึงสิตาย!
ผมว่าผมเจอเรื่องเครียดกว่าการแต่งเพลงละ กวนตีนกูไม่ดูหน้าเลย
0 8 3 2 / 6 7 6 say… อ่ะ กูเอากำลังใจมาให้ ช่วยเปิดวิทยุไปที่คลื่น 102.789 หน่อย
Chayin says… มีอะไร ตื่นเต้นๆ >//<
0 8 3 2 / 6 7 6 say… กูโทรไปขอเพลงมึงกับทางสำรวยเรดิโอ มึงจะได้มีแรงแต่งเพลงต่อ
Chayin says… ตื้นตันใจฝุดๆ
ถุย สำรวยเรดิโอนี่ใช่วิทยุชุมชนมั้ยวะ ทำไมเกิดมากูไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วคือมีจัดอันดับเพลงฮิตติดชาร์ตมั้ย กลัวต้องไปแย่งตำแหน่งพี่ๆ นักร้องค่ายอื่นมาก
แต่สิ่งที่กลัวที่สุดของวิทยุชุมชนสำหรับผมเลยก็คือการขอเพลง แม่งไม่อยากเปิดมาเจอน้องกิ๊ฟหนองจอก ขอเพลงให้พี่ก้องบ้านใต้อะไรแบบนี้ คนจีบกันผ่านวิทยุไม่ผิด แต่ผิดที่กูไม่อินไง
สรุปผมก็ไม่ได้เปิดไปฟังเพลงตามที่ไอ้หมีใหญ่บอก แต่เลือกใช้เวลาทั้งหมดกับการพิมพ์เถียงมันแทน
Chayin says… กวนตีนกูเสร็จแล้วก็รีบออฟไลน์ไปเลย ตอนนี้งานล้นมือมาก แต่ที่คุยกับมึงได้
Chayin says… เพราะเจียดเวลามาคุยนะเนี่ย
0 8 3 2 / 6 7 6 say… ชยิน มึงแม่งเพ้อเจ้อว่ะ
Chayin says… -_-
0 8 3 2 / 6 7 6 say… ยังคิด lyrics ไม่ได้สินะ
Chayin says… รู้ดีอย่างกับเป็นเจ้ากรรมนายเวรกูเลย
0 8 3 2 / 6 7 6 say… ขอบคุณที่ชม
ไอ้เหี้ย กูด่ามึงอยู่สัด
Chayin says… ที่กูมาคุยกับมึงก็เพราะหวังว่ามึงจะช่วยอะไรได้บ้าง
Chayin says… แต่แม่งสุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถามจริง มึงเกลียดอะไรกูวะ
ไม่มีข้อความอะไรตอบกลับมา ความรู้สึกผิดเริ่มจู่โจมฉับพลันหลังเกิดอารมณ์ชั่ววูบจนเผลอพิมพ์ข้อความก่อนหน้านั้นออกไป ยอมรับเลยว่าเครียดมาก แต่จะให้ทำไงวะ
คำว่า ‘ขอโทษ’ ถูกพิมพ์ค้างไว้ แต่ก็ยังไม่ได้กดส่ง
พลันข้อความจากอีกฝ่ายเด้งขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน ผมกวาดตามองตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้น ก่อนมือที่จับคีย์บอร์ดจะสั่นขึ้นมาดื้อๆ
0 8 3 2 / 6 7 6 say… กูไม่ได้เกลียดมึง ชยิน จริงๆ แล้ว...
0 8 3 2 / 6 7 6 say… กูชอบมึงนะ
กูชอบมึงนะ
กูชอบมึงนะ กูชอบมึงนะ! อ่านต่อด้านล่างค่ะ