ท่าเรือที่ 19
ประลองเวทย์ปรุงยา
‘ลงสนามพร้อม !!’
‘พร้อม !!’
‘3…4 !!’
‘ลงสนามด้วยความสง่า เก่งกล้าเหนือใคร เรามาเชียร์มาชิงชัย ไม่มีใครมาหาญสู้ เรามาเชียร์เป็นแรงช่วย ด้วยใจของพวกพ้อง มอยูเราจะครอง ความเป็นหนึ่งเหนือใคร !!’
‘5…6…7…8 !!’
“เป๊ะมากค่า”
“วี๊ดดดดด ท่าสวยมาก”
“ยิ้มไว้ค่า”
เสียงวี้ดว้ายเกรียวกราวของรุ่นพี่ปีสองที่เป็นทีมควบคุมการสอนหลีดให้กับพวกผมดังไปทั่วโถงอาคาร ความเงียบในยามวิกาลไม่ได้ทำให้เกิดความกลัวสิ่งที่มองไม่เห็นอะไรเลย เพราะจำนวนคนที่มานั่งกองนอนกองกันอยู่ใต้อาคารนี่เกือบจะหมดคณะผมแล้วนะ
เพราะเขามาดูพวกผมซ้อม ?
ผิด !
เพราะทุกฝ่ายงานกำลังเผางานที่เหลือจนไฟลุกยังไงล่ะ
จะเป็นงานอะไรไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่การเตรียมงานประลองเวทย์ปรุงยาที่เป็นการแข่งขันกีฬาและผู้นำเชียร์กระชับความสัมพันธ์ระหว่างคณะเภสัชศาสตร์จาก 5 มหาวิทยาลัยชื่อดัง ซึ่งปีนี้มหาวิทยาลัยที่เป็นเจ้าภาพนั้นตั้งอยู่แถว ๆ จังหวัดปริมณฑล
โดยงานนี้จะจัดขึ้นในอีก…
ไม่กี่วัน
โน้ว โน ๆ
จัดวันพรุ่งนี้แล้วจ้า
พระเจ้าช่วยกล้วยทอดตากแห้งก็ไม่ช่วยทำให้ความลนลานของฝ่ายงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์นั้นลดลงไปได้เลย พวกพร้อบ ฉาก อุปกรณ์การแสดงต่าง ๆ ก็ยังต้องมีการเก็บรายละเอียด ทีมสวัสดิการก็ต้องอยู่คอยอำนวยความสะดวก ฝ่ายประสานงานก็จัดการเอกสารวุ่นวายกันไปหมด
และผู้นำเชียร์อย่างพวกผม
ก็ซ้อมกันประหนึ่งไปแข่งผู้นำเชียร์โอลิมปิกฤดูหนาว
ถ้านับจากวันที่ผมไปค้างห้องพี่เกียร์ในวันที่คุณเขาป่วยก็สองอาทิตย์กว่า ๆ แล้วครับ หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ เพราะพี่เกียร์ทำโปรเจคต์หนักมาก เดินเรื่องกับที่ฝึกงานอีก ส่วนผมก็ถูกนัดซ้อมหลีดหนักจนเหมือนจะตาย แต่บ่นไม่ได้เพราะเป็นความหวังของคณะ ฮืออออ
หนักขนาดที่มีสภาพเป็นซากแห้ง ๆ กลับบ้านให้แม่กับน้องพาหัวเราะใส่จนผมเซ็ง ก็น้องพาบอกว่าผมไม่เหมือนไปซ้อมหลีดมา แต่เหมือนรุ่นพี่พาไปลอกท่อระบายน้ำมา
ก็เกินป๊ายยยยย
ธีมงานประลองเวทย์ปรุงยาในปีนี้ รุ่นพี่บอกผมตั้งแต่เริ่มซ้อมแรก ๆ ว่า ธีมมาเวลส์ และมหา’ลัยของพวกเรา สายโหด(?)แบบนี้ เท่แบบนี้จะเป็นหนังมาเวลส์เรื่องอะไรไม่ได้นอกจาก
Black Panther !!
วากานด้าฟอเอฟเฟร่อออออ !!
แล้วระดับเจ้าพระยา ถึงเตี้ยแต่ผมก็ได้เป็นตัวเด่นในการแสดงนะครับ
เป็นเจ้าชายทีชาลา
…ก็บ้าละ…
ผมได้เป็นลูกแมวดำ เอ้ย เสือดำเฉย ไอ้ว่านมันแย่งบทเจ้าชายไปจากผม เนี่ย พี่ ๆ ตาไม่ถึงอะ
วันนี้เป็นวันซ้อมวันสุดท้ายก่อนที่จะต้องลงสนามเฉิดฉายแสดงสิ่งที่ซุ่มซ้อมมาอย่างเต็มที่ในวันพรุ่งนี้ เหล่านักกีฬาก็ไม่ต่างกัน ถึงแม้จะเป็นการแข่งขันกระชับความสัมพันธ์แต่จะเล่นชิล ๆ ให้เสียศักดิ์ศรีไม่ได้ ต้องคว้ารางวัลมาประดับรุ่นให้น่าภูมิใจไปหลายช่วงอายุไปเลย
ถึงแม้พวกพี่ ๆ จะบอกไว้ตอนซ้อมเมื่อวานว่าวันนี้จะซ้อมเบา ๆ แค่เก็บรายละเอียดแต่ละท่าเท่านั้นเอง แต่ในความจริงก็ยังคงฟันการ์ด สะบัดข้อมือกันอย่างหฤโหดอยู่ดี ซึ่งตอนนี้ผมมั่นใจในการจดจำท่วงท่าในทุกเพลงมาก ๆ เต้นเหมือนกดรีเพลย์ในแผ่นดีวีดี ท่าเป๊ะ การ์ดเท่ากันทุกรอบ อิอิ
“เจ้า มึงเอาอะไรมั้ย จะไปเซเว่น” อินเดินเข้ามาถามตรงที่ผมยืนโซนซ้อมอยู่ ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจของใครหลายคนที่วันนี้อินอยู่ดึก เพราะมันเอ่ยขออนุญาตน้าอรมานอนค้างกับผม โดยมีแม่ผมเป็นผู้สนับสนุนหลักโทรไปขอย้ำให้อีกที
“เอา ๆ ขอวิตซี 2 ขวด ขนมเอาไรมาก็ได้”
“อาฮะ”
“แล้วมึงไปกับใครอะ” ผมถามเพื่อนตัวเล็กอีกที เพราะก็ไม่คิดหรอกว่ามันจะไปคนเดียวตอน 5 ทุ่มแบบนี้ ถึงจากคณะไปเซเว่นคณะข้าง ๆ จะไม่ไกลก็เถอะ
“นู่น” อินพยักเพยิดหน้าไปตรงบันไดทางออกจากใต้โถงอาคาร มีใครคนหนึ่งยืนพิงเสาอยู่ ซึ่งพอผมเห็นก็ไม่ต้องเดาเลยว่าใคร
เช้าถึง เย็นถึง ดึกถึงขนาดนี้ ผมนี่หายห่วงเลยครับ
“อ่อ รีบไปรีบกลับนะจ๊ะ ฝากบอกพี่พีด้วยว่ารีบพาเพื่อนกูกลับมาไว ๆ กูคิดถึง” เอ่ยแซวให้เพื่อนหน้าขึ้นสีเล่น ๆ
“ยุ่งว่ะ ไปซ้อมเลยมึง โน่น พี่เขาจะแดกหัวมึงละ”
“เขินแล้วเกรี้ยวกราดนะมึงอะ ฮ่า ๆ”
โดนอินทัชมุ่ยหน้าใส่ก่อนมันจะเดินไปทางที่มีรุ่นพี่ต่างคณะยืนอยู่ ผมมองตามก็อดยิ้มไม่ได้ที่อินเจอที่พักพิงใจ แต่ก็นะ อุปสรรคของมันข้างหน้าก็ไม่น่าเบาเท่าไหร่ หวังว่าพี่พีจะไม่ปล่อยมือเพื่อนผมให้สู้คนเดียว
00 : 00 AM นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ทยอยเสร็จ ตั้งตระหง่านประกอบการซ้อมจริงรอบสุดท้าย ตอนนี้ผู้คนที่อยู่เผางานใต้คณะเริ่มบางตาลง ส่วนใหญ่ก็เหลือแต่ประชากรเพศชาย ส่วนรุ่นพี่ปีสองที่มีจำนวนมากสุดในตอนนี้ก็เริ่มจัดของเตรียมของสำหรับการขนขึ้นรถในตอนเช้ามืด คาดว่าน่าจะไม่มีใครนอนกันในคืนนี้
“ม. ยูขอขอบคุณค่า/คร้าบ~~~”
กรี๊ดดดดดดดด ฮิ้ววววววววว สิ้นเสียงขอบคุณตอนจบโชว์ของการซ้อมจริงรอบสุดท้าย ก็ตามด้วยเสียงโห่เชียร์ของเหล่าผู้นำเชียร์และรุ่นพี่ที่พึงพอใจกับการซ้อม ความผิดพลาดไม่ปรากฎแก่สายตาผู้ควบคุมซ้อมเลยทำให้การซ้อมสิ้นสุดลง
จะ ได้ นอน แล้ววววววววว
ผมและเพื่อน ๆ ในทีมหลีดก็ทยอยเก็บของเตรียมที่จะกลับบ้าน ส่วนอินที่ช่วยรุ่นพี่เก็บรายละเอียดฉากจนเสร็จนานแล้วก็มานั่งรอตรงโต๊ะที่วางกระเป๋าผมไว้ เราสองคนนัดแนะกันไว้แล้วว่าจะกลับรถแท็กซี่
แหนะ
ก็คงมีคนสงสัยว่าทำไมคนตัวสูงจอมขี้ห่วงไม่มารับผม
ก็พี่เกียร์โทรมาตั้งแต่เย็นแล้วว่าวันนี้ถูกพ่อเรียกให้เข้าบริษัทพร้อมกับพี่เฟือง เห็นว่าต้องไปรับงานบางส่วนมาศึกษา ผมเลยต้องกลับบ้านเองอย่างที่เห็นครับ ซึ่งผมก็กลับเองได้น่า นี่ผู้ชายแมน ๆ นะเนี่ย
“เสร็จแล้ว กลับบ้านกัน”
“อืม ปะ” อินตอบพลางผุดลุกจากเก้าอี้ม้าหินอ่อนที่นั่งอยู่แล้วเดินนำผมไป
“พี่ ๆ หวัดดีค้าบ ผมกลับละน้า” ผมกับอินหันไปบอกลาพี่ ๆ ที่กำลังช่วยกันเก็บของอยู่ ซึ่งพี่ ๆ บอกให้ปี 1 กลับไปพักกันก่อน ทำให้ผมกับเพื่อนไม่ได้อยู่ช่วยต่อ
“จ้า กลับกันดี ๆ นะเจ้า เจอกัน 6 โมง เอ้อ แล้วนี่กลับกันยังไง” พี่ในทีมคุมหลีดเอ่ยรับคำบอกลาและถามผมกลับมาในทันที
“กลับแท็กซี่ครับ วันนี้อินค้างบ้านผม”
“อ๋อ ถึงว่าไม่เห็นคนหล่อมานั่งรอรับกลับ อิอิ” นั่นไง ไม่พ้นแซวผมอยู่ดี
“โห่ ผมก็กลับเองบ้างไรบ้างสิพี่”
“จ้า ดีแล้ว มาบ่อยพวกพี่อิจฉา ฮ่า ๆ”
“พี่อะ” ผมมุ่ยหน้าทำปากยื่นใส่รุ่นพี่ที่เอ่ยแซว และรุ่นพี่คนอื่นที่ใช้สายตาแซว ก็เป็นกันแบบเนี่ย จะไม่ให้ผมเขินได้ไงอะ นี่คนนะ มีหัวใจ อายได้เขินเป็นนะครับ
พอบอกลากับรุ่นพี่เสร็จ ผมกับอินก็เดินสะพายกระเป๋ามุ่งหน้าออกจากคณะไปเรียกแท็กซี่หน้ามอ
“อิน มึงจะไปไหน ทางนี้ดิ” พอเดินถึงหน้าคณะอินกลับเดินไปคนละทางกับทางที่จะออกไปหน้ามอ
“ไปทางนี้” อินยังคงยืนยันโดยการใช้นิ้วโป้งชี้ไปทางเดิมด้วยสีหน้านิ่ง ๆ ผมเลยเดินย้อนกลับไปหาอินแล้วมองตามมือของเพื่อนตัวเล็กไป
“หืม นั่น?”
“อืม พี่พีรอไปส่ง”
“ห้ะ!!”
“ไม่ห้ะหรอก พี่เกียร์ฝากพี่พีให้รอรับพวกเรากลับไปส่งที่บ้านมึงไง”
“อะไรอะ ทำไมพี่เกียร์ไม่เห็นส่งข้อความมาบอกกูสักข้อความอะ หายเงียบไปเลยเนี่ย” ผมเหวเสียงดัง ก็คนตัวสูงเงียบไปเลยตั้งแต่เย็น ผมก็คิดว่าคงยุ่งงานที่บริษัทอย่างที่บอกไว้แน่ ๆ เลยไม่ได้ส่งข้อความไปกวนหรือโทรไปหา
“เขาก็คงบอกแค่เพื่อนเขาแหละ ไปกลับเถอะ กูง่วงละ”
“เหอะ แล้วก็ไม่ส่งข้อความมาหากันสักนิด” ผมเบะปากใส่โทรศัพท์ที่เอาขึ้นมาเช็คให้แน่ว่าพี่เกียร์ไม่ได้ส่งข้อความมาบอกอะไรไว้
“เจ้า ‘คิดถึง’ พูดแบบนี้”
“อิน!!”
“ฮ่า ๆ ไป ๆ” พูดจบอินก็เดินไปทางที่พี่พีจอดรถรออยู่
“หึ่ยยย”
พอขึ้นมาบนรถผมที่รู้หน้าที่ด้วยการมานั่งที่เบาะหลัง เมื่อเจอความเย็นของเครื่องปรับอากาศในรถก็ทำให้ตาเริ่มปรือ ความง่วงงุนกำลังจะเข้าครอบงำ และในจังหวะที่สติกำลังจะพร่าเลือน สายตาผมจับภาพดี ๆ ตรงหน้าได้
อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากจาง ๆ ให้กับความน่ารักที่ผมแทบไม่เคยเห็นจากรุ่นพี่ที่เป็นเพื่อนของแฟนผม
โอเค มองผมเป็นอากาศก็ได้ครับ
ถ้าจะมาหอมหน้าผากกันตรงนี้
หึหึ มีเรื่องให้เอาคืนอินละ แซวผมดีนัก
ไม่รู้ว่าพี่พีใช้เวลาขับนานเท่าไหร่ เพราะผมหลับไป รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อินหันมาสะกิดเรียกผมให้ตื่นจากหลับใหล รถจอดเทียบหน้าบ้านผมเรียบร้อยแล้ว
เอาสิ ผมเป็นเจ้าของบ้านที่ปล่อยให้เพื่อนสนิทเป็นคนบอกทางกลับบ้าน ฮ่า ๆ
ไฟในบ้านที่ยังคงเปิดอยู่เป็นสัญญาณว่าแม่ยังคงรอผมกับอิน เราสองคนก็เลยขอบคุณพี่พีที่มาส่ง จังหวะที่ลงจากรถแม่ก็เปิดประตูบ้านบานเล็กออกมาพอดี พี่พีลงมาไหว้ทักทายแม่ของผม เอ่ยขอบคุณและร่ำลากันไม่นานพี่พีก็ขับรถกลับไป ผมกับอินก็เดินตามแม่เข้าบ้าน แล้วผมก็ได้รู้ว่าที่แม่อยู่รอผมกับอินดึกขนาดนี้ไม่ใช่พี่หวานที่รอ ก็เพราะว่าแม่ต้องโทรกับไปบอกน้าอรว่าลูกชายน้าได้กลับถึงบ้านผมอย่างปลอดภัยแล้ว
คนเป็นแม่อะครับ
ห่วงที่สุดก็ลูกแหละ
ผมกับเพื่อนตัวเล็กก็เลยขึ้นห้องมาจัดการตัวเองเพื่อเตรียมตัวนอน ก่อนที่ร่างกายจะชัตดาวน์ไปเองจิตใต้สำนึกของผมเองก็สั่งการให้ผมทำอะไรตามความเคยชินที่ต้องทำก่อนนอนทุกวัน
Chao_ya : ถึงบ้านแล้วนะครับ
Chao_ya : ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะครับพี่เกียร์
และก่อนที่จะหลับไป สติอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ก็ทันได้อ่านข้อความสั้น ๆ ที่ตอบกลับมา และไม่ต้องลำบากสั่งตัวเองให้มุมปากยกขึ้นเลย เพราะข้อความที่ได้อ่านมันส่งผลทำให้ผมยิ้มออกมาได้เอง
P’ GEAR : อืม
P’ GEAR : ฝันดีนะเอ๋อ
P’ GEAR : คิดถึงนะครับ และคืนนี้ผมก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่รอยยิ้มบางก็ไม่จางหายไป
ผมก็คิดถึงพี่ชะมัด
แต่ผมแพ้ความง่วงงันก่อนที่จะได้พิมพ์ตอบกลับไป
“เจ้า…เจ้าพระยา”
“…”
“ตื่นได้แล้วลูก”
“…”
“อินลูก ตื่นครับตื่น”
“อื้ออออ…”
เสียงเรียกที่เบาในความรู้สึกตอนแรก เริ่มดังชัดเมื่อสติผมตื่นเต็มร้อย เป็นแม่ที่เข้ามาปลุกผมกับอิน ทั้งที่ผมรู้สึกว่าผมเพิ่งหลับไปได้ไม่นาน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานลูกตื้อในการปลุกของแม่ผมได้
แม่น่ะ เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่งมากครับ
หาวิธีมาปลุกได้ไม่ซ้ำเลย
“แม่…กี่โมงแล้วครับ” ผมชันตัวลุกขึ้นมานั่ง ผ้าห่มถูกแม่ดึงไปกองที่ปลายเท้า ผมหันไปมองที่ว่างข้างตัว อินคงลุกขึ้นไปอาบน้ำตั้งแต่แม่ผมปลุกครั้งแรกแล้วแน่ ๆ
“ตี 5 แล้ว เจ้าบอกแม่ว่าพี่เขานัด 6 โมงนี่ เดี๋ยวก็ไม่ทัน นี่ภาคมารอเราอยู่ข้างล่าง”
“ห้ะ!! แม่ว่าไงนะ”
“อ้าว ก็ภาคภูมิสุดหล่อเพื่อนเจ้าไง ลืมเพื่อนหรอเราอะ”
“ไม่ใช่ครับ เจ้าจะลืมมันได้ไง แต่ทำไมมันมารออะ”
“หืม ไม่ได้นัดกันไว้หรอ เห็นภาคบอกว่ามารับพวกเราไปมหา’ลัย”
“หื้อ จำได้ว่าไม่ได้นัดนะครับ มันบอกเจ้าแค่ว่าวันนี้จะตามไปเชียร์ ไม่ได้บอกว่าจะมารับที่บ้านสักหน่อย…อะไรของมันวะ” ผมเอ่ยตอบแม่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำด้วยความสงสัย
“เอาเถอะ รีบลุกไปอาบน้ำ เดี๋ยวจะสาย ไปใช้ห้องน้ำที่ห้องแม่แล้วกัน”
“ครับ ๆ ไปแล้วครับ” ผมรีบลุกจากที่นอนคว้าผ้าขนหนูพาดบ่าแล้วไปใช้ห้องน้ำที่ห้องนอนแม่
พอกลับมาแต่งตัวที่ห้องอินก็แต่งตัวเสร็จพอดี ใช้เวลาไม่นานผมก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเหมือนกัน วันนี้ก็เลือกใส่ยีนส์สีซีดตัวเก่งกับเชิ้ตแขนสั้นลายทางสีน้ำเงินขาวตัวโคร่ง ส่วนอินก็กางเกงยีนส์เข้ารูปสีดำกับเสื้อคอปกของคณะที่รุ่นพี่ให้ใส่เหมือนกัน แต่ที่ผมไม่ใส่เพราะไปถึงก็ต้องแต่งหน้าทำผม ใส่เชิ้ตมีกระดุมจะถอดเปลี่ยนชุดง่ายกว่าครับ รุ่นพี่ก็อนุโลมแล้วด้วย
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเช็คของที่ต้องเอาไปด้วยจนครบแล้วก็ลงมาข้างล่าง เจอไอ้คุณเพื่อนตัวสูง ที่เหมือนมันจะสูงขึ้น(?)นั่งรออยู่ตรงโต๊ะกระจกสำหรับลูกค้าหน้าร้าน
“ไอ้ภาค มึงมาทำไมวะ” ด้วยความคาใจผมก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป โดยมีอินที่ยืนทำหน้างงอยู่ข้างกัน
“ก็มารับมึงสองคนนี่ไง”
“กูจำได้ว่า กูไม่ได้นัดมึงไว้นะ”
“ก็ใช่ แต่พอดีกูได้รับคำบัญชามาว่ะ”
“คำบัญชา?”
“ใช่ กูถูกสั่งมาให้มารับมึง แล้วก็ไปบอกรุ่นพี่มึงว่าพวกมึงจะไปเอง โดยมีกูเป็นสารถี” มันตอบยาวเหยียดด้วยรอยยิ้มกว้าง ดูภูมิอกภูมิใจที่ได้รับหน้าที่นี้
“แลกกับ?” อินถามสั้น ๆ แต่สายตาโคตรกดดัน
“รู้ทันกูตลอดเลยนะสาสสสสส”
“ตอบมา” ผมกดดันมันอีกที
“เลี้ยงเหล้าไม่จำกัดงบว่ะ ของตอบแทนแจ่มขนาดนี้ คนหล่อ ๆ แบบกูไม่ควรโง่ปฏิเสธ ฮ่า ๆ”
“ไอ้คนเห็นแก่กิน!!” ผมเหวเสียงดังใส่มัน
“เออ แล้วไง มึงควรดีใจเถอะ ที่ขนาดแฟนมึงไม่ว่าง ยังสั่งการให้กูมาดูแลมึงเนี่ยไอ้เตี้ย”
“ก็แหงสิ กูมีแฟนดี” ล้อดีนัก ตามน้ำแม่ง
“แหมมมมมม ได้ทีละอวดผัวเชียวนะ”
“ผัวพ่องงงง!! หุบปากไปเลยไอ้เหี้ย!!”
“ฮ่า ๆ โอ๋ ๆ ไม่ล้อละ ปะ รีบไป”
“เดี๋ยวมึงเจอกู”
“ขู่เป็นแมวอยู่ได้ ปะ ไปกันอิน ปล่อยแม่งไปเองซะดีมั้ง” ไอ้ภาคหันไปกอดคออินเพื่อรั้งให้เดินออกจากบ้าน
“มึงกล้าหรอ หึหึ”
“กล้าสิวะ”
“แน่ใจนะ…แต่แฟนกูเป็นคนเลี้ยงเหล้ามึงนะ หึ” ผมกอดอกเบะปากใส่ไอ้ภาคเพื่อนสุดเหี้ยม(เอา ม.ม้า ออกเถอะ)
“โอ้โห ไอ้เจ้า มึงแม่งร้ายสัด ขู่เก่งนักนะ ยอมแล้วโว้ย”
“อย่ามาแหยมกับกู”
“คร้าบ ไปครับคุณเจ้าพระยา ให้ไวเลยครับ รุ่นพี่มึงจะแดกหัวนะถ้าไปสาย”
“เออ”
“เจ้า ไปบอกแม่ก่อนมั้ย” อินหันมาถามผม
“แม่น่าจะออกไปตลาดกับพี่หวานอะ เดี๋ยวเขียนโน๊ตติดไว้ก็ได้”
“อืม เอางั้นก็ได้”
พอตกลงกันได้ผมก็จัดการเขียนโน๊ตบอกแม่แปะไว้ตรงเคาเตอร์คิดเงิน พอออกมาก็ปิดงับประตูบ้าน ขึ้นรถของไอ้ภาคพร้อมออกเดินทาง
ไอ้ภาคมันก็ทำตามที่บอกไว้กับพวกผมตั้งแต่อยู่ที่บ้านคือการที่มันขับรถพาพวกผมมามหา’ลัย แต่มาแค่บอกรุ่นพี่ว่าจะขับรถพาพวกผมไปเอง แถมยังอาสาให้ใช้ที่ว่างท้ายรถขนอุปกรณ์แต่งหน้าแต่งผมและของต่างๆ ที่ชิ้นไม่ใหญ่ไปด้วย พวกผมก็คงจะรอดจากการหมายหัวว่ามีสิทธิพิเศษแหละ แถมไอ้ภาคกลายเป็นขวัญใจรุ่นพี่ผู้หญิงมากกว่าเดิมไปอีก
จ้า
พ่อเดือนร้อยเมีย
จากมหา’ลัยผมจนถึงมหา’ลัยเจ้าภาพที่อยู่แถบปริมณฑลก็ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงนิด ๆ อาจจะเป็นเพราะตอนเช้ารถยังไม่มากจนทำให้จราจรติดขัด ซึ่งถ้าเป็นช่วงเวลาปกตินี่ รถติดแถวยาวมาก
ไอ้ภาควนรถไปหาที่จอดตามที่ทีมเจ้าภาพจัดไว้ให้ ผมให้อินกดโทรหารุ่นพี่ที่มารออยู่ก่อนแล้ว เพื่อขนของจากท้ายรถไปไว้ยังจุดที่เจ้าภาพเตรียมไว้ให้มหา’ลัยของเรา ซึ่งเป็นห้องพักนักกีฬาใต้อาคารกีฬาที่ถูกจัดให้เป็นห้องแต่งตัวของผู้นำเชียร์แต่ละมหา’ลัย ดูจากป้ายแล้วเหมือนมหา’ลัยของผมจะถูกแบ่งให้ใช้กับมหา’ลัยคู่ขวัญบนโลกโซเชียล
RrrrrrrRrrrrrr โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นส่งสัญญาณยาว ๆ ว่ามีสายเรียกเข้า
- P’GEAR - เพียงแค่เห็นชื่อมุมปากที่เคยเรียบตรงก็ยกสูงขึ้นจนทำให้ตาหยี
“เหม็นความรักว่ะ” ไอ้ภาควางของชิ้นสุดท้ายในมือมันเสร็จก็หันมาแขวะใส่ผมทันที
“กลั้นหายใจให้ตายไปซะสิ” ผมตอกกลับมันทันที
“ปากคอเราะร้ายยยยย”
ผมเบะปากใส่เพื่อนตัวดีก่อนจะสไลด์หน้าจอตอบรับการโทรเข้าจากคนปลายสาย
“ครับ”
(ถึงรึยัง)
“ถึงแล้ว แต่นี่ เจ้ายังไม่เคลียร์ เรื่องให้ไอ้ภาคมารับ ทำไมไม่เห็นบอกเจ้าบ้างเลยอะ”
(หึหึ ตอนแรกจะไปรับเอง)
“อ้าว แล้ว…”
(แต่พอดีเมื่อคืนแม่พี่บอกว่าให้ไปส่งที่งานแต่งลูกเพื่อนแม่ เป็นงานเช้าเลยไปรับไม่ได้)
“อ่า แล้วทำไมต้องให้ไอ้ภาคมารับด้วยเล่า เจ้ามากับคณะก็ได้เหอะ แล้วนี่ยังอุตส่าห์ไปติดสินบนมันอีกนะ รวยนักหรอ”
(ไม่รู้ว่ารวยมั้ย แต่เลี้ยงเอ๋อได้ทั้งชีวิตอะ)
”ละ…เลี้ยงอะไรเล่า เจ้าก็มีพ่อมีแม่เลี้ยงแล้ว”
(อ่า งั้นเดี๋ยวพี่ไปขอพ่อกับแม่ เอาเจ้ามาเลี้ยงดีมั้ย พรุ่งนี้เลยก็ได้นะ)
“ไม่ว้อย พอเลย หยุดพูดเล่นได้แล้ว ไม่ไปด้วยหรอก”
(เรื่องแบบนี้ใครเขาพูดเล่นกันเจ้า หึ)
“พอ ๆ แล้วนี่ก็แสดงว่าไม่ตามมาแล้วใช่ปะ”
(ไปสิ พี่แค่ไปส่งแม่เฉย ๆ ส่งเสร็จก็ขับไปนู่นเลย)
“แล้วแม่จะไม่ว่าพี่หรอ ไม่รอรับแม่กลับอะ”
(เดี๋ยวไอ้เฟืองมันไปรับตอนกลับ)
“อ่อ งั้นก็โอเค”
(แล้วนี่ทำไร)
“จัดของรอรุ่นพี่อ่า อีกแปบก็ถึงกันละ”
(อืม)
“พี่…”
(หื้ม)
“พี่จะมาทันตอนเจ้าแข่งปะ”
(ทันสิ แข่งตอนเย็นไม่ใช่หรอ)
“อ่า ก็ใช่ แล้ว…”
(ไม่ต้องห่วง พี่ไปทันให้กำลังใจก่อนลงแข่งอยู่แล้ว)
“อื้ม รีบมานะ แล้วก็…”
(…)
“ขับรถดี ๆ เจ้าเป็นห่วง”
(หึหึ น่ารักจังนะเอ๋อ)
“…”
(ครับ พี่จะไม่ทำให้เป็นห่วง)
“อื้อ”
ตู้ด ๆ ปลายสายตัดไปแต่ใจผมยังไม่หายเต้นแรงเลย
ฮือออออ
“แหม คุยกับแฟนทีหน้าบานเป็นจานทรู” ไอ้ภาคมันปากว่างเลยแซวผมเพื่อล่อตีนผมเข้าปากแน่ ๆ
“เสือก”
“ปากมึงร้ายขึ้นอะเจ้า”
“เรื่องของกู”
“จ้า เรื่องมึงจ้า” ไอ้ภาคเบะปากใส่ผมเบอร์แรงมาก คือผมอยากให้สาว ๆ มาเห็นจริตของมันเวลาอยู่กับพวกผมจริง ๆ ทุกคนจะได้ตาสว่าง ความหล่อที่เห็นคือภาพลวงตาล้วน ๆ
“คณะเรามาถึงกันแล้วนะ” อินเดินเข้ามาบอกผมหลังจากออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก
“แล้วเขาเรียกรวมมั้ยอิน”
“ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวทักไปหาพวกไอ้ว่านดูก่อน”
“อ่า เคๆ งั้นเราออกไปช่วยเขายกของกัน…ไอ้ภาคลุก! มาก็ทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง”
“โห่ เอารถช่วยขนของมานี่ก็มีประโยชน์แล้วนะเว้ย”
“ไม่พอ ถ้าบ่นนักก็จะฟ้องพี่เกียร์แล้วบอกให้ไม่ต้องเลี้ยงเหล้ามึง”
“ไอ้เจ้า! อิน ทำไมเพื่อนมึงร้ายขนาดนี้วะ เดี๋ยวนี้กล้าขู่กูหรอไอ้เตี้ย” ไอ้ภาคผุดลุกจากเก้าอี้กลางห้องขึ้นมาปะทะฝีปากกับผม
“หึหึ ก็เพื่อนมึงเหมือนกันแหละภาค” อินตอบโต้พลางส่ายหัวทำหน้าละอาใจ
“สรุปจะไปมั้ย” ผมหันไปทำหน้าจริงจังถามมันอีกที
“เออ! ไปเว้ย กูเป็นสุภาพบุรุษมีน้ำใจชอบช่วยเหลือเถอะ ไม่ได้เห็นแก่เหล้าอะไรทั้งนั้น”
“สาบานให้โสดทั้งชาติ?” อินถามด้วยเสียงเรียบนิ่ง
“สาสสสสสสสสส”
“ฮ่า ๆ”
“ฮ่า ๆ”
ไม่ต้องสืบว่าในกลุ่มผมใครร้ายที่สุด ฮ่า ๆ
09 : 00 AM ช่วงเวลาที่สำคัญได้มาถึงนั่นก็คือพิธีเปิดของงานประลองเวทย์ปรุงยา แข่งกีฬาสัมพันธ์ของคณะเภสัชศาสตร์ 5 มหาวิทยาลัยแล้ว
มีการเดินพาเหรดเชิญธงมหาวิทยาลัยและธงคณะเข้าสู่สนาม โดยมีนักศึกษามหาวิทยาลัยนั้น ๆ เป็นผู้เชิญธง ในขบวนก็มีตัวแทนนักกีฬา ผู้นำเชียร์และตัวแทนนักศึกษา ร่วมเดินเป็นแถวที่สวยงาม บนอัฒจรรย์ก็มีนักศึกษาแต่ละชั้นปีนั่งให้กำลังใจและส่งเสียเชียร์มหา’ลัยตัวเอง เป็นบรรยากาศที่คึกคักมากครับ
เหล่าผู้นำเชียร์ของมหา’ลัยผมที่ร่วมในขบวนตอนนี้อยู่ในชุดนักศึกษาถูกต้องตามระเบียบที่พวกพี่เตรียมไว้ให้ เพราะถ้าหากให้เตรียมมาเองก็กลัวจะไม่เหมือนกัน นี่เหมือนกันยันยี่ห้อรองเท้าครับ ส่วนใบหน้าและทรงผมก็จัดแต่งกันไม่เกินควร อย่างน้อยหน้าพวกผมก็ไม่ดูแพง แพงที่ว่าคือสีเหมือนแบงค์พันอะครับ ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่
เมื่อประธานในพิธีกล่าวเปิดงานเสร็จ ก็ได้มีการเปิดเพลงประจำงานที่สืบทอดกันมานานแล้ว ผู้นำเชียร์ของมหาวิทยาลัยที่ร่วมการแข่งขันในทุกปีก็ได้มีการซ้อมร้องซ้อมเต้นเพลงนี้กันมาตลอด เมื่อเพลงดังขึ้น ผู้นำเชียร์แต่ละมหาวิทยาลัยก็แสดงศักยภาพออกมาผ่านท่วงท่าที่อ่อนโยนแต่แฝงความเข้มแข็ง
วี๊ดดดดดดดดดดด เฮ้~~~~~~~~ เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องให้กำลังใจดังขึ้นหลังจากที่เพลงประจำงานประลองเวทย์ปรุงยาจบลง ซึ่งเป็นอันจบพิธีเปิดในเช้าวันนี้ หลังจากนี้ตัวแทนนักก๊ฬาแต่ละรายการก็จะแยกกันไปแข่งตามตารางที่กำหนดไว้
ส่วนพวกผมก็ไปแต่งหน้าทำผมใหม่เพื่อเข้าแข่งขันผู้นำเชียร์ในตอนบ่ายแก่ ๆ
เตรียมพร้อมแสดงพลังแมวดำ
เอ้ย
เสือดำสิ
วากานด้าฟอเอฟเฟร่อออออ
หลังจากที่ขบวนของทุกมหา’ลัยทยอยออกมาจนพ้นสนามหลักของงานแล้ว พี่ ๆ ที่ดูแลพวกผมก็อนุญาตให้ไปเชียร์กีฬาหรือไปหาอะไรกินก็ได้ แล้วค่อยมารวมตัวกันตามเวลาที่นัดไว้
พอตัดสินใจได้ว่าจะไปเชียร์ไอ้ซันที่นอกจากจะเป็นหลีดแล้วมันยังเป็นตัวแทนทีมบาสด้วย คือเหมือนพระเจ้ารักมันอะครับ ให้พรสวรรค์มันมาซะเยอะ ไปซ้อมแปบ ๆ ก็เล่นเข้าขาเข้าทีม พอมาซ้อมหลีดตอนมืดมันก็ตามเก็บท่าทันทุกเพลง
เก่งอะ แต่ปากหมาไปหน่อย
พวกผมเลยแยกจากพวกสาว ๆ ที่คงไปหาอะไรกิน เพื่อเดินไปทางสนามบาส มือก็ล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเพื่อนสนิทตัวขาว แต่ยังไม่ทันได้กดปุ่มโทรออก ก็พบว่าคนที่จะติดต่อเดินมาตรงหน้าแล้ว แต่…
“อ้าว มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่อะ” ผมถามคนตัวสูงที่เพิ่งเห็นในสายตา ไม่รู้มาถึงนานหรือยัง
“ทันดูขบวน” พี่เกียร์ตอบพลางเดินทางเขี่ย ๆ จับๆ ผมที่เป็นทรงอยู่บนหัว
“อะไรอ่า”
“ใครทำผมทรงนี้ให้วะ”
“พี่ปี 2 อะ เป็นไง หล่ออะดิ” ผมยักคิ้วให้คนที่ยังไม่เลิกวุ่นวายกับทรงผมของผม
“หึ ไม่อะ ไม่หล่อสักนิด”
“โห่ ไรอะ เสียความมั่นใจหมด” ผมยู่ปากใส่คนสูงกว่าที่กล้ามาบั่นทอนกำลังใจ ผมก็ส่องกระจกมาแล้วนะ ก็ดูไม่แย่อะ
“แต่น่ารัก”
“…”
“โคตรน่ารัก” ฮิ้ววววววววววววววว ไอ้เหี้ยยยยยยย มาว่ะ มึงจับกูหน่อย กูจะล้ม เสียงโห่แซวจากบรรดาเพื่อนรอบข้างดังพอที่จะเรียกสติผมให้กลับมาจากอาการช็อค
พี่แม่ง
เกินไปแล้วว้อย
“หึหึ”
“ไม่ต้องมาขำใส่ แม่ง”
“เอ่อ พี่ครับ ๆ พี่เห็นพวกผมมั้ย นี่คนนะครับ ไม่ใช่อากาศ ฮิ้ววววว” ไอ้นายมันกัดไม่ปล่อยครับ เหมือนเป็นตัวตายตัวแทนไอ้ซันงั้นแหละ
“พี่เขาจะเห็นมึงได้ไงวะ ก็ในสายตาเขามีแต่ไอ้เตี้ยหน้าเอ๋ออยู่คนเดียว ฮ่า ๆ” ไอ้ภาคเหมือนเจอพวก รีบรุมแซวผมอย่างสะใจ
“ไอ้ภาค” พี่เกียร์เรียกไอ้ภาคเสียงนิ่ง
“ครับหัวหน้า”
“ที่กูสัญญาจะเลี้ยงเหล้า เป็นโมฆะ”
“เห้ย!! ได้ไงอะพี่”
“ได้ดิ”
“เอาแล้ววววว” ไอ้นายส่งเสียงออกมาบิ้วบรรยากาศ
“ผมแค่แซวเองนะเว้ยพี่ หยอก ๆ ไง”
“กูไม่ได้ยกเลิกเพราะเรื่องแซว”
“อ่าว” ไอ้ภาคทำหน้างง
“หื้ม” ผมเงยหน้าหันไปส่งสายตาที่เคลือบไปด้วยความสงสัย
“กูยกเลิกเพราะมึงเรียกแฟนกูว่าเตี้ยหน้าเอ๋อ”
“…” ผม
“…” ไอ้ภาค
“…” ทุกคน
“แฟนกู กูเรียกได้คนเดียว”
“ฮิ้วววววววว ขอกราบตีนพี่ได้ปะครับ ฮ่าๆ” ไอ้นายรีบส่งเสียงรับ
“หน้าชาไปสิมึง ฮ่า ๆ” ไอ้อินที่ยืนข้างพี่พีเอ่ยปนขำใส่ไอ้ภาค
“ยอมครับยอม ผมยอมพี่แล้วว่ะ” ไอ้ภาคมันยกมือไหว้ท่วมหัว ท่าทางกวนตีนไม่เลิก
ยืนคุยกันอีกนิดหน่อยต่างก็แยกย้ายกันไปทำตามที่คิดกันไว้ ที่ใช้คำว่าแยกย้ายก็เพราะว่าสุดท้ายแล้วผมก็ไม่ได้ไปเชียร์ไอ้ซันมันแข่งบาสครับ แต่กลับต้องมากินข้าวเป็นเพื่อนคนตัวสูง โดยที่มีพี่พีกับอินร่วมวงไปด้วย ส่วนไอ้ภาคมันไม่รู้ไปคุยกันยังไงถึงได้ดูเหมือนสนิทกับเพื่อนของผมขนาดนั้น เลยตามพวกไอ้ว่านไปดูไอ้ซันแข่งบาส
(มีต่อด้านล่าง)