———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐  (อ่าน 89227 ครั้ง)

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๓) ๑๓.๐๙.๖๐
«ตอบ #30 เมื่อ16-09-2017 05:51:30 »

คิดถึงมะลิแล่วค่ะ

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๓) ๑๓.๐๙.๖๐
«ตอบ #31 เมื่อ17-09-2017 17:33:53 »

๐๔




ทุกวันนี้เลขาสาวมีหน้าที่รายงานตารางงานของท่านประธานให้เจ้านายตัวเองฟัง เธอก็ไม่เข้าใจว่าเจ้านายจะอยากรู้ไปทำไม แต่เมื่อไหร่ที่บอกว่าท่านประธานมีประชุม คนได้ยินจะแอบยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วรีบหยิบเสื้อสูทออกไป เพราะหรัญญ์รู้ดีว่าการประชุมแต่ละครั้งมันกินเวลานานแค่ไหนและดูดพลังชีวิตไปตั้งเท่าไหร่ แล้วคนอย่างกวินทร์ก็ต้องเลือกพักผ่อนที่คอนโดในเมืองแทนการขับรถกลับบ้านกลางป่าให้เสี่ยงอุบัติเหตุ 

ข้อดีของการเป็นเพื่อนมานานคือรู้เท่าทัน

ข้อเสียคือทำให้ประมาทเลินเล่อและคิดว่าเพื่อนจะเหมือนเดิมเสมอไป

สิ่งเดียวที่ไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงก็คือความตายและมันมาตรงเวลาเสมอ

วันนี้เจอกันยังนับเป็นสหาย แต่ถ้าความลับรั่วไหลถึงหูก็จะกลายเป็นศัตรูในบัดดล

อนาคตขึ้นอยู่กับการกระทำในปัจจุบัน หากวันหนึ่งนายพรานรู้เรื่องเข้าว่าเจ้ากระต่ายน้อยที่เฝ้าฟูมฟักถูกเสือคราบไปรับประทาน ขวานที่เก็บไว้ในลิ้นชักคงได้นำออกมาใช้โดยไม่มีความลังเลใด ๆ และถ้าจะให้เล่าความเป็นมาแบบพอสังเขปล่ะก็…

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นายพรานช่วยสัตว์ตัวน้อยไว้จากสัตว์ประเสริฐที่หมายจะเอาชีวิต ด้วยความที่ถูกชะตาจึงอาสาเป็นผู้ดูแลและทำหน้าที่นั้นได้อย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง เพื่อป้องกันภัยคุกคามการล่ามไม่ให้เพ่นพ่านไปไหนก็เป็นอีกหนทางหนึ่งและถึงเจ้ากระต่ายที่ไม่เคยได้ลิ้มรสชาติน้ำนมจะไม่ชอบ แต่ก็ต้องยอมรับว่าทำให้ปลอดภัยจวบจนวันนี้ 

ก็แค่นายพรานใจเสาะที่กลัวว่าของรักของหวงจะถูกทำร้ายจึงจัดฉากการตายอย่างแยบยลและรอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาได้ ก่อนเรื่องราวจะกลับตาลปัตรเมื่อไปหาหมอด้วยอาการน้องชายไม่แข็งแรงแทงอะไรก็ไม่เข้าและได้รับข่าวร้ายว่าเป็นกามตายด้าน 

นายพรานผู้หมดหวังหันไปทางไหนก็มืดมน จนกระทั่งหันมาด้านข้างเห็นเจ้ากระต่ายน้อยกำลังวิ่งไล่จับผีเสื้อ เมื่อนั้นช่วงกลางวันจึงแสนสั้น แต่ช่วงกลางคืนยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์

นิทานเรื่องนี้จะน่าเบื่อเกินไปหากมีแค่ตัวละครหน้าเก่า ๆ คนบนฟ้าจึงบันดาลให้เจ้าป่าผู้น่าเกรงขามยอมสิริโรราบให้กับเจ้ากระต่ายน้อยเพียงแค่แรกเห็น ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ตระกูลนักล่าแต่เวลาถอดเขี้ยวเล็บแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับจากแมวตัวใหญ่
บังเกิดรักต่างสายพันธุ์และยามใช้เวลาร่วมกันก็มักจะลืมเรื่องนายพรานไปซะสนิท

ลักลอบไปมาหาสู่ร่วมอาทิตย์ ลักกินขโมยกินและถวิลหาแค่กันและกัน

ตัดขาดจากโลกภายนอก เสมือนถูกม่านหมอกบดบัง

ตอนอวสานของนิทานสอนใจยังไม่สมบูรณ์ ก็สุดแล้วแต่สวรรค์จะเมตตา

เท่านี้ก็นับว่าปรานีปราศรัยที่ยังให้ดื่มด่ำกับความสุขจนแทบกระอัก มัวเมาในรัก

ขึ้นหลังเสือว่าลงยาก ขึ้นนั่งตักเสือลงยากยิ่งกว่า

ในหนึ่งวันมีช่วยกันวาดรูประบายสี กินขนมที่ซื้อมาจนอิ่มหนำแล้วตามด้วยอาหารคาว

ที่จริงแล้วเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ไม่ใช่หนึ่งในเป้าหมายการมาของหรัญญ์วันนี้ ลึก ๆ ก็ยังหดหู่กับรูปภาพบนผนังไม่เสื่อมคลาย กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นคนที่ตอกย้ำซ้ำเติมบาดแผลในใจของเด็กน้อยเข้าไปอีก แต่ยิ่งระวังร่างเล็กเหมือนยิ่งแกล้ง มะลิร่ายล้อมรอบตัวอยู่ตลอด เดี๋ยวกอดเดี๋ยวซบ เล่นผมเล่นหน้าผู้ใหญ่ วอนหาเรื่องให้ตัวเองลำบากอย่างไม่รู้จักเข็ดหลาบ

ยังไม่นับตอนพยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการเปลื้องผ้า

นี่ถ้าเป็นพ่อแม่ หรัญญ์คงจับมาตีก้นโทษฐานไม่รักนวลสงวนตัว

แต่ความจริงเป็นผัวสันดานหื่นกาม ดาบจึงกลับเข้าฝักอย่างรวดเร็ว

สะโพกสอบเคลื่อนอย่างหนักหน่วงน่าห่วงว่าจะเอวจะเคล็ดในสักวัน คนปฏิญาณว่าจะไม่ทำการล่วงเกินใด ๆ ตระบัดสัตย์ท่ามกลางบรรยากาศที่ชวนระลึกถึงครั้งแรก แสงส่องลงมา ณ ลานกว้างขณะทำกิจกรรมเข้าจังหวะ นอนกลางดินกินกันกลางทรายและมีต้นไม้ห้อมล้อม   

หรัญญ์ล้มตัวลงนอนหงายช้า ๆ แล้วสอดแขนไว้ใต้ศีรษะ  “อยากลองดูไหม…”
ให้อิสรเสรีแทนการจ้ำจี้จ้ำชัย เพราะไม่มีใครอยากทำในสิ่งที่โดนบังคับทั้งนั้น มะลิก็เหมือนกัน แต่พออีกคนมอบโอกาสให้ปฏิบัติตามใจชอบก็เลิ่กลั่ก   

ร่างเล็กนั่งหนีบขาระหว่างครอบครองน้องชายไว้มิดด้าม ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องควรใจเย็นแต่ตรงกันข้าม คนนอนมองทำแค่กระตุ้นด้วยการกระทุ้งจนคนบนร่างสะดุ้งน้อย ๆ แล้วร่างเล็กจึงค่อย ๆ เริ่มคลำหาทางไป ลองขยับบั้นท้ายทีละนิดและเอี้ยวหน้ามองแก่นกายถูกกลืนกินอย่างช้า ๆ 

“ฉันน้อยใจนะ จะมองแค่มันไม่สนใจหน้าฉันเลยหรือไง”

มะลิรีบหันใบหน้ากลับมาและเร่งจังหวะด้วยความตกใจ พานให้หรัญญ์หลุดครางอย่างทรมาน จากเด็กท้ายห้องขึ้นมาเป็นที่หนึ่งของระดับชั้น เรียนรู้การผ่อนหนังผ่อนเบาได้ไวขนาดที่อาจารย์ผู้สอนยังต้องยกนิ้วให้ ภูมิใจในตัวลูกศิษย์ที่กำลังขึ้นครูจนชมไม่ขาดปาก

เบื้องหน้าคือนักรบอายุน้อยที่สุดในรอบทศวรรษ หลังจากผ่านการฝึกฝนจนเจนสนามก็ยากจะห้ามปรามตัวเอง ฝ่ามือเล็กนาบกับกล้ามหน้าท้องตอนที่บดกล่องดวงใจของอีกฝ่ายให้แหลกละเอียด ผิวกายเสียดสีจนเกิดความร้อน ร่อนสะโพกกระดกก้นลอยวนกลางอากาศ ควงสว่านด้วยความเมามัน หลงระเริงและเหลิงกับอำนาจของการเป็นผู้บังคับบัญชา 

ร่างเล็กกระถดก้นโดนจุดยุทธศาสตร์อย่างแรงจนสองขาที่แยกออกสั่น ก่อนความเสียวซ่านจะฆ่าทั้งคู่ให้ตายอย่างช้า ๆ หากปล่อยไว้นานกว่านี้คงได้มีการสิ้นใจคาอก คงตลกไม่น้อยถ้ามีข่าวหนุ่มใหญ่หัวใจวายตายขณะทำการบ้านกับเมียเด็กเล็ดรอดออกไป

หรัญญ์ไม่อยากตายอย่างอเนจอนาถ จึงต้องทำรัฐประหารรวบอำนาจเบ็ดเสร็จตอนอีกฝ่ายเผลอ เจอกระแทกสวนอย่างจังร่างเล็กถึงกับโอนเอน รีบจับท่อนแขนยาวทั้งสองข้างไว้ในขณะที่มือกร้านเองก็จับเอวคอด ก้นงอนกระเด็นกระดอนไปมาเพราะแรงกระทุ้งที่แม่นยำ พลาดหนึ่งเข้าเป้าไปสามและหลังจากนั้นก็ไม่มีคำว่าแฉลบออกอีกเลย

บัดนี้ทั้งคู่เอื้อนเอ่ยภาษาเดียวกัน ผูกสัมพันธ์ต่อหน้าเทพารักษ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ หาได้ต้องการหยามเกียรติ อยากเรียนเชิญมาเป็นสักขีพยานว่าเราจะเป็นของกันและกันตราบนิรันดร ตลอดเวลาจวบจบสิ้นอายุขัย

หรัญญ์พลิกตัวรับร่างเล็กที่พลัดตกจากร่างไว้ได้ทันก่อนหัวจะกระแทกดิน ใช้มือรองใต้หัวทุยและสบสายตาลึกซึ้ง หวานเชื่อมยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าเล่นทำเอาหน้าแก้มใสแดง 

มะลิขวยเขิน เดินออกมาไกลจนยากจะย้อนกลับไปหาวัยไร้เดียงสา หนทางเดียวคือเดินหน้าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แม้จะกลัวกับอนาคตแต่เพราะมีอีกคนอยู่ด้วยใกล้ ๆ จึงอุ่นใจ รักของคนอื่นเป็นยังไงไม่รู้หรอก แต่ของร่างเล็กมันช่างร้อนแรง ยอมให้แสงแดดแผดเผาดีกว่าหนาวตายอย่างเดียวดายในความมืดมิด

สองร่างกกกอดกันไม่ห่างอย่างผัวเมียช่วงข้าวใหม่ปลามัน

ตวัดลิ้นหยอกล้อพอเป็นกระษัยแล้วจัดการเรื่องที่คั่งค้างให้เสร็จสมอารมณ์หมาย

ปฏิบัติกิจกามอย่างโจ่งครึ่ม เย้ยฟ้าท้าดินได้ยินถึงสวรรค์

หรัญญ์ใช้แรงเฮือกสุดท้ายปราบแก่นกายของตัวเองจนหมดฤทธิ์ ก่อนจะชักออกมาหลั่งรดลงดินแล้วล้มตัวลงนอนหงายหายใจทางปาก กะบังลมหดคลายทำงานกันให้วุ่น 

ส่วนคนข้าง ๆ กำลังหลับตา หอบหายใจจนหน้าอกกระเพื่อมระหว่างพยายามกลืนน้ำลายหลังจากที่ใช้เสียงไปมากจนคอแหบแห้ง ปวดแข้งปวดขาไปหมดและไม่พ้นถูกอุ้มกลับอีกตามเคย ร่างเล็กหนุนหัวเกยกับท่อนแขนหนา กว่าจะลืมตาก็ตอนได้ยินอีกคนพึมพำ 

“สวยจัง”  นัยน์ตาดำด้านสะท้อนรูปท้องฟ้าที่มีสีฟ้าจริง ๆ สมดั่งชื่อ  “แต่น้อยกว่าเธอนะ”  ไม่วายหยอดคำหวาน หันมาจูบกระหม่อมบางอย่างแรงแล้วค่อยหันตะแคงข้างเข้าหาเด็กน้อยที่กำลังนอนนับก้อนเมฆอยู่ในใจ  “เธออยากไปจากที่นี่หรือเปล่า”
นับเลขไม่ถึงสิบก็มีอันต้องชะงัก มะลิมีอาการคิดหนักอย่างสังเกตได้   

“บอกฉัน” 

ร่างเล็กนิ่งเงียบไปเกือบนาที พอคิดดีแล้วเลยถามคืน  “เอาต้นไม้ไปด้วยได้ไหม”

อยากจะเตือนว่าอย่าทำตัวน่าเอ็นดูให้มันมากเพราะนอกจากจะทำให้ยิ่งตกหลุมรักแล้วยังชวนให้มันเขี้ยวด้วย  “ดูเหมือนเธอจะชอบต้นไม้มากกว่าฉันอีกนะ”  พูดติดตลกแต่ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาคงไม่ขำ ความหึงหวงมันไม่เข้าใครออกใคร แล้วถ้าลองได้หึงก็อาจจะถึงขั้นจ้างคนมาตัดต้นไม้ให้เตียน ซึ่งร่างเล็กก็เหมือนจะสัมผัสความอิจฉาริษยานั้นได้เลยเงยคางเพื่อหอมหน้าผากผู้ใหญ่ ให้อีกฝ่ายเป็นที่หนึ่ง ส่วนต้นไม้เป็นที่สอง นอนจ้องจนฝ่ายถูกจ้องหลุดยิ้ม   
 
“เราเอาต้นไม้พวกนี้ไปด้วยไม่ได้หรอกนะ แต่ฉันสัญญาว่าจะปลุกให้ใหม่เท่าที่เธอต้องการ”  มะลิฟังข้อเสนอแล้วลองคิดตาม แค่สามวินาทีก็พยักหน้าตกลง ก่อนหรัญญ์จะทำให้เด็กอ่อนต่อโลกรู้ว่าไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ ขอจูบปากมัดจำ ทำสัญญาด้วยการแลกน้ำลายแทนการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร  “นับจากวันนี้ฉันคงต้องเริ่มกวานซื้อที่ดินแล้วล่ะ”   

ปกติเดินออกจากป่าใช้เวลาสิบ สิบห้านาทีก็ถึงบ้านแล้ว

แต่ทั้งคู่ใช้เวลานานกว่านั้น ห้านาทีแรกหมดไปกับการนอนช่วยกันนับก้อนเมฆ ห้านาทีหลังร่างเล็กลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างอิดออดและอ้อนจะไปเล่นน้ำที่ลำธาร ติดที่เวลามันล่วงเลยเข้าบ่ายสามกว่า เส้นตายของทั้งคู่คือห้าโมงเย็นต้องกลับบ้านก่อนที่จะมีใครมาเห็นเข้า

ดังนั้นจึงเหลือเวลาราว ๆ สองชั่วโมงและถึงจะไม่ยอมให้ลงน้ำ แต่ก็ยอมเป็นคู่เต้นรำด้วยความเต็มใจ จำลองลานกว้างเป็นฟลอร์ในงานเลี้ยงเลือกคู่ครอง หรัญญ์โค้งศีรษะแล้วยกแขนให้คล้อง มะลิหลุบตามองอย่างอาย ๆ แล้วยกกระโปรงถอนสายบัว

ใครจะไปนึกล่ะว่าคนหัวสมัยใหม่จะยอมทำอะไรพิลึกพิลั่น เนื่องจากเพิ่งสำเหนียกได้ว่าบางทีที่ภรรยาปันใจส่วนหนึ่งเพราะตัวเองให้งานเป็นนายเหนือหัว เป็นผัวที่แย่และไม่รู้จักโอนอ่อนผ่อนตาม ถามใครเอาก็ได้ว่าก่อนหน้านี้เคร่งเครียดกับชีวิตแค่ไหน หลังจากได้รับบทเรียนแล้วก็จะไม่กลับไปทำซ้ำสองอีกเป็นอันขาด 

ทั้งคู่ก้าวออกมาด้านหน้าก่อนจะเริ่มเต้นรำอย่างงก ๆ เงิ่น ๆ เดินหน้าถอยหลังไม่มีจังหวะตายตัวแล้วหัวเราะให้กันและกัน ร่างเล็กสดใสกลายเป็นคนละคน ต่างจากวันก่อนลิบลับ ยิ้มร่าเมื่อหรัญญ์จับหมุน ยกตัวขึ้นแล้วเหวี่ยงไปรอบ ๆ ชอบจนไม่รู้จะชอบยังไง ขอให้อีกคนทำใหม่หลายต่อหลายครั้งจนแขนล้ากันไปข้าง

ร่างเล็กอยากปีนต้นไม้โดยไม่ดูสังขาร แต่หนุ่มใหญ่ไม่อนุญาตให้ทำการใด ๆ ที่เสี่ยงแข้งขาหัก มะลิชักสีหน้าอย่างแง่งอน พี่เลี้ยงเด็กจึงต้องอธิบายว่าตอนตกลงมามันไม่คุ้มกันอย่างไร โชคดีได้ลูกนกช่วยไว้ มันตกลงมาจากต้นไม้พร้อมรัง ตอนแรกเด็กน้อยก็รบเร้าว่าจะเอากลับไปเลี้ยงที่บ้าน แต่เสียงทุ้มต่ำไม่ทันได้คัดค้าน ก็คืนรังนกให้หรัญญ์อย่างเศร้าสร้อย

เจ้านกน้อยควรจะได้อยู่กับแม่ของมัน ไม่ควรมีชะตากรรมที่น่าสงสารเหมือนตัวเอง

คนตัวสูงใหญ่ให้ร่างเล็กยืนรอระหว่างปีนต้นไม้เอารังนกวางไว้บนที่ที่แม่นกจะมองเห็น เสร็จแล้วก็กระโดดลงพื้น ขณะยกมือขึ้นปัดก็ลอบสังเกตอาการเซื่องซึมไปพลาง ๆ ท้ายที่สุดก็ลดตัวลงนั่งยอง ๆ ทุบช่วงไหล่บอกเป็นนัยว่าให้ขึ้นขี่หลัง 

ระหว่างทางที่แบกกลับก็ชวนคุยตลอด เล่าถึงความศิวิไลซ์ที่ในไม่ช้าเด็กน้อยจะได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง ร่างเล็กได้ฟังถึงกับตั้งตารอคอยด้วยใจหวัง อยากจะนั่งรถเล่นเดี๋ยวนี้เลยแต่ก็รู้ว่ามันไม่ง่าย จะทำอะไร ๆ ก็ต้องขออนุญาตอากวินทร์ก่อน มะลิเข้าใจกฎระเบียบดี

ขณะฟังและเกลือกแก้มกับไหล่กว้างอย่างงัวเงียไปด้วย ก็เผอิญเหลือบเห็นผลไม้สีสันสะดุดตา กำปั้นน้อยทุบบ่าอีกคนเป็นสัญญาณบอกว่าจะลง ไม่ทันเหยียบดินเต็มฝ่าเท้าก็รีบเดินเข้าหาพุ่มไม้ ส่วนหรัญญ์ที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงร่างเล็กก็ต้องเด็ดมาป้อน อาศัยตอนหันหน้ากลับมาแล้วขโมยเอาจากปากด้วยปากอย่างหน้าด้าน ๆ  “แบบนี้หวานกว่าตั้งเยอะ” 

ร่างเล็กหน้าแดงแข่งกับลูกมะเขือเทศสุก  “อายเหรอ”  พอถูกแซ็วเลยเดินหนี

“รอฉันด้วยสิ”  ทำเป็นเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ ทำให้คนฟังยิ่งไม่อยู่คอยและรีบโกยกระโปรงแล้วออกวิ่งผ่านกิ่งไม้น้อยใหญ่  “ไหนว่าปวดขาไง อย่าหนีสิ!”  ขายาวสับตามอย่างรวดเร็ว ตะโกนเย้ว ๆ อย่างอาจหาญแล้วสวมจิตวิญญาณนักล่าวิ่งคูณสี่ร้อยเมตร

ร่างเล็กที่หันกลับมาเห็นอีกคนห่างไปไม่กี่ช่วงศอกจึงออกกำลังขาเพิ่มขึ้น จนภาพพื้นหลังตัดสลับไปมาพานให้ตาลาย จับกระโปรงระหว่างลัดเลาะไปตามทางที่คดเคี้ยว เลี้ยวพ้นโค้งข้างหน้าก็จะเจอทางราดปูน แต่เพราะชุดที่กรุยกรายสุดท้ายเลยโดนตะครุบ

“จับได้แล้ว!”  เด็กน้อยโดนอุ้มจนตัวลอย ระหว่างเตะขาไปมาเพื่อให้ปล่อยก็ยิ้มกว้างแทบสำลักน้ำลายตัวเองเพราะหัวเราะมากไป มัวแต่หยอกล้อคลอเคลียกันอย่างสนุกสนานจนไม่ทันเห็นบุคคลที่สาม ในขณะที่จับกันเองได้ ทั้งคู่ก็ถูกจับได้เหมือนกัน

ป้าแม่บ้านทำตะกร้าผ้าล่นเมื่อเห็นว่าคุณหนูกำลังอยู่กับคนอื่น

หรัญญ์เองก็ค่อย ๆ ปล่อยร่างเล็กลงพื้น แล้วโอบไหล่มะลิที่ยืนกอดเอวไว้ 

ฝันดีแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องตื่นจากฝัน

บรรยากาศในห้องรับแขกแสนจะอึมครึ้ม ทั้งที่มีปากเป็นอาวุธสำคัญแต่ที่ปรึกษาหนุ่มดันลืมมันไว้ที่ไหนสักแห่ง กดดันกว่าตอนไปสู่ขอเมียคนแรกหลายเท่าและรู้ดีว่าการทำเช่นนี้อาจทำให้เข้าใจเจตนาผิดคิดว่ากำลังดูแคลน แต่ลึก ๆ ก็หวังว่าแผนติดสินบนจะได้ผล

มือใหญ่หยิบเงินสดออกจากกระเป๋าสตางค์และเลื่อนธนบัตรหลายใบไปข้างหน้าจนอยู่ในรัศมีการมองเห็นของคนนั่งฝั่งตรงข้าม 
หญิงร่างท้วมหลุบตามองต่ำและทำแค่ดันแบงค์พันคืน  “เก็บเงินของคุณไปเถอะค่ะ”  เสียงนั้นสงบจนคาดเดาอารมณ์ไม่ถูก ก่อนเธอจะหันไปมองคุณหนูที่ยืนเกาะขอบประตูเพื่อแอบดูผู้ใหญ่คุยกัน ร่างเล็กไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่พอป้าแม่บ้านยิ้มให้ก็ยิ้มตอบ
 
“ฉันจะไม่บอกคุณชายตราบใดที่คุณยังทำให้คุณหนูยิ้มอย่างมีความสุข”   

เธอยื่นข้อเสนอเด็ดขาด เพื่อแลกกับการเห็นคุณหนูกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งเธอยอมเอาหน้าที่การงานเป็นเดิมพัน หญิงร่างท้วมตัดสินใจจะเป็นคนตาบอดนับตั้งแต่ตอนได้ยินเสียงหัวเราะลั่นป่า เธออยู่มานานเกินไปและเห็นอะไรมามากทั้งที่อยากแล้วก็ไม่อยาก

สิ่งสุดท้ายที่หวังก่อนตายก็คือคุณหนูได้รับอิสรภาพ ก่อนหน้านี้แม้จะไม่เต็มใจแต่เธอก็ยอมทำหลายอย่างเพื่อเงิน ยอมปิดหูปิดตารับค่าปิดปากที่มีมากเข้าก็ไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ไหน ก่อนจะเริ่มเลิกเลื่อมใสในอาชีพแม่บ้านและหมดศรัทธาในตัวเองมาหลายปีที่ปล่อยให้เด็กคนหนึ่งต้องเผชิญกับความโหดร้ายตามลำพัง

หากรู้ล่วงหน้าสักนิดว่ามีอัศวินเตรียมพิชิตหอคอยเพื่อช่วยองค์หญิงน้อย เธอก็คงจะไม่ปากพร่อยบอกเรื่องรถที่เห็นในวันก่อนให้กับคุณชายฟัง   






มีต่อด้านล่าง


ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
«ตอบ #32 เมื่อ17-09-2017 17:41:53 »


อีกหน่อยมะลิก็จะได้ออกจากป่าดงพงไพร เพื่อให้คุ้นเคยกับสถานที่ใหม่ ๆ หรัญญ์ที่บึ่งรถมาหาแต่เช้าจึงขันอาสาเป็นคนพาเปิดโลกทัศน์ ทำการขออนุญาตหญิงร่างท้วมและให้คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะกลับมาก่อนพลบค่ำ พอรับปากเสร็จสรรพก็เดินนำมาที่รถ   

ร่างเล็กดีใจมากที่ได้ขึ้นมานั่งบนเบาะหนังและแสดงความตื่นเต้นผ่านทางสีหน้า ป้าแม่บ้านช่วยปิดประตูให้ในขณะที่เจ้าของยานพาหนะเดินอ้อมมาอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูแล้วขึ้นนั่งตำแหน่งพลขับ มือใหญ่หยิบจับทำอะไรด้วยความคล่องแคล่ว สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วก็ดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดตัวและไม่ลืมคาดเข็มขัดให้เด็กน้อยที่มัวแต่โบกมือให้หญิงร่างท้วมด้วย

“ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขึ้นรถ เข้าใจไหมครับ”

เริ่มทยอยสอนสั่งดีกว่าประดังทีเดียว การเดินทางครั้งนี้จะไม่ใช่แค่การพาเที่ยวชม แต่จะเริ่มสอนให้รู้จักการเข้าสังคม พบปะผู้คนตลอดจนหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพ 

มะลิจับสายเข็มขัดนิรภัยไว้แน่นตอนที่รถค่อย ๆ แล่นออกจากตำแหน่งเดิมอย่างนิ่มนวล ต่อมาอาการตื่นตาตื่นใจก็แทนด้วยอาการมวนท้องอยากจะขย้อนของที่กินเข้าไป ผิวหน้าที่ขาวซีดลงอีกเฉดอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อแอบซึมระหว่างนั่งตัวเกร็งจัด ก่อนหรัญญ์ที่สังเกตเห็นจะลดระดับความเร็วลง รวมถึงลดกระจกฝั่งร่างเล็กด้วย  “รู้สึกดีขึ้นไหม” 

สายลมที่แวะเวียนมาอ้อล้อกับดวงหน้าพอจะทำให้คนเมารถรู้สึกปลอดโปล่งและผ่อนคลาย เห็นเหล่าต้นไม้ที่เปรียบเสมือนเพื่อนตายเรียงรายอยู่สองข้างแล้วก็ยิ้มออก ร่างเล็กเท้าคางกับขอบหน้าต่างแล้วเงยมองก้อนเมฆบนท้องฟ้าที่เคลื่อนตามไปด้วยทุกหนทุกแห่ง

มะลิลองยื่นมือออกไปนอกหน้าต่างเพราะอยากรู้ซึ้งถึงอิสระ อิจฉาวายุที่ไปไหนได้ดั่งใจ โดยมีหรัญญ์คอยมองและบังคับพวงมาลัยไปตามทางที่ลดเลี้ยวเคี้ยวคด

เริ่มต้นผจญภัยในป่าคอนกรีตด้วยการที่ผู้ใหญ่พาเด็กน้อยมาซื้อชุดใหม่ ไม่อยากสะดุดตาก็ต้องหัดทำตัวให้กลมกลืน ทั้งคู่ยืนอยู่ในห้องลองชุดกลางห้างดัง โดยร่างเล็กเอาแต่หมุนตัวไปมาหลังจากแปลงโฉมเสร็จเรียบร้อย สีชมพูพาสเทลก็เหมาะกับร่างเล็กไม่น้อยกว่าสีขาว

เพราะพื้นไม่ได้สร้างจากดินแล้วจึงต้องสวมรองเท้า พนักงานฝ่ายขายเอามาให้เลือกหลากหลายแบบและแทบจะเป็นหรัญญ์ที่จัดการให้ทุกอย่าง ร่างเล็กมีหน้าที่แค่นั่งและยื่นเท้าออกมาให้คนตรงหน้าสวมรองเท้าให้ หากพอใจให้พยักเพยิดหน้า ถึงราคาแพงหูฉี่แต่ถ้าเดินเหินสะดวกก็ไม่ขัด เด็กน้อยหยัดกายยืนขึ้นอีกครั้งด้วยรูปลักษณ์ใหม่ แต่เครื่องนุ่งห่มพวกนั้นก็ไม่สามารถบดบังจิตใจที่บริสุทธิ์ มือเล็กรีบลูบชุดให้เรียบ ไม่ปรารถนาให้มันยับ   

ว่ากันว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง พอออกมาจากร้านเครื่องแต่งกายก็ว่าจะหาอะไรง่าย ๆ กิน ชั้นบนสุดอบอวลไปด้วยกลิ่นอาหารทั้งแบบตะวันตกและตะวันออกเรียกน้ำย่อยในท้องให้ร้องโครกครากแต่เมื่อถามว่าอยากกินอะไรร่างเล็กก็ได้แต่เมี่ยงมอง บอกไม่ถูกเพราะไม่รู้จักสักชนิด

ระหว่างที่หรัญญ์รับหน้าที่ตัดสินใจ ร่างเล็กใช้เวลานั้นยืนมองเงาสะท้อนของตัวเองผ่านกระจกร้านอาหาร ยกมือสัมผัสหน้าตัวเองที่เป็นดั่งของต้องสาป ความสวยที่นำภัยมาสู่ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะมีอีกเงาเดินมาซ้อนหลังแล้วยิ้มบาง ๆ ให้ผ่านกระจก ถึงจะไม่มีดาบเอาไว้คอยปกป้อง มีแค่สองมือเปล่าแต่ก็จะทำหน้าที่อารักขาอย่างสุดความสามารถ
 
“มาเถอะ”  หรัญญ์คว้ามือเล็กไปจับ สองมือนั้นต่างกระชับกันเองไปโดยปริยาย   

สุดท้ายก็เลือกร้านที่คนไม่แน่นและรอคิวไม่นาน จัดแจงสั่งอาหารแบบไม่เผ็ดให้มะลิ เป็นของอ่อน ๆ และย่อยง่าย แต่พออาหารมาเสิร์ฟแล้วร่างเล็กดูจะไม่พอใจสักเท่าไหร่ จิ้มว่าอยากได้สเต็กเหมือนที่ผู้ใหญ่กิน

ตอนแรกก็ยอมให้ตัดชิ้นเนื้อให้อยู่ดี ๆ หรอก สักพักออกปากว่าอยากทำเองบ้าง พยายามดูที่คนนั่งข้าง ๆ ทำแล้วพยายามหั่นตามอย่างขะมักเขม้นจนชิ้นเนื้อกระเด็นออกจากจาน  หรัญญ์นั่งมองแววตามุมานะและท่าทางมุ่งมั่นด้วยสายตาเอ็นดู รู้ว่ามีความตั้งใจแต่ถ้าปล่อยให้หั่นเองจนหมดสงสัยคงไม่ได้ไปไหนต่อพอดี 

“มันยากใช่ไหมล่ะ มา เดี๋ยวฉันช่วย”

ร่างเล็กแทบจะยกจานหนี โชคดีที่ไม่เผลอเทอาหารลงพื้นและยังยืนกรานหนักแน่นว่าจะทำเองตามประสาเด็กที่แอบหัวรั้นและดื้อเงียบ  “งั้นก็ค่อย ๆ ทำตามฉัน แบบนี้นะ”  นัยน์ตากลมมองตามแล้วลองทำอีกครั้งอย่างช้า ๆ จนมีดเชือดชิ้นเนื้อขาดเป็นสองท่อน

ซึ่งชิ้นแรกป้อนให้หรัญญ์ ส่วนชิ้นที่สองเข้าปากตัวเอง  “เก่งมากครับ”  คนเก่งมัวแต่เขินกับคำชม รู้ตัวอีกทีก็ทำซอสเลอะขากางเกงสามส่วนแล้ว ร่างเล็กเบะปากตั้งท่าจะร้องไห้ขณะผู้ใหญ่รีบปลอบว่ามันซักออก มะลิน้ำตานองเพราะของขวัญชิ้นแรกเปื้อน

กว่าห้านาทีที่ใช้ปลอบคนร้องไห้เป็นเผาเต่า ก่อนความเศร้าสร้อยจะอันตรธานหายไป นัยน์ตาลุกวาวเมื่อเดินเข้าร้านของเล่น รางวัลสำหรับการเป็นเด็กดีทำให้ร่างเล็กมีโอกาสเลือกของที่ต้องการ ระหว่างปล่อยให้เดินดูเอง หรัญญ์ได้พบกับเพื่อนเก่าที่เดินเข้ามาทักทายและถามว่ามากับใคร หนุ่มใหญ่ปากไวว่ามากับหลานและหลานที่ว่าก็เดินเข้ามาใกล้จนทันได้ยิน

ร่างเล็กเดินกลับมาพร้อมของที่อยากได้และส่งตุ๊กตาหมีให้ผู้ใหญ่นำไปจ่ายเงิน มะลิเงียบตลอดทางที่เดินตามการจูงมือ แม้แต่ตอนตรวจสุขภาพ ใครสั่งให้ทำอะไรก็ทำ

“สุขภาพน้องแข็งแรงดีนะคะ แต่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ไปสักหน่อย”

ร่างเล็กนั่งห้อยขาอยู่บนเตียงระหว่างผู้ใหญ่พูดคุยกัน แล้วถึงค่อยมีนางพยาบาลพาเดินออกมาขณะหรัญญ์แยกไปรับยาบำรุงร่างกาย ระหว่างพาเดินกลับมาที่รถก็ไม่ได้แสดงท่าทางอารยะขัดขืนแต่อย่างใด เมื่อกี้หนุ่มใหญ่ยุ่งวุ่นวายกับอะไรต่อมิอะไรจนไม่มีเวลาสังเกตความผิดปกติ มาเห็นก็ตอนมะลิขึ้นนั่งบนรถแล้วกอดหมีเอาไว้นิ่ง ๆ

“ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า”  พอเข้ามาในรถก็รีบถามไถ่ขณะพลิกแขนเล็กข้างที่มีพลาสเตอร์ปิดไว้เพื่อดูเบา ๆ  “ไหนเล่าให้ฉันฟังสิว่ามันเป็นยังไง”  คิดว่าร่างเล็กอาจจะไม่พิสมัยโรงพยาบาลอย่างที่ใครหลาย ๆ คนก็ไม่ชอบ บางทีอาจจะกลัวเข็มแต่พยายามเก็บอาการ

“เจ็บ”  แล้ววลีสั้น ๆ ก็ทำเอาผู้ชายอกสามศอกออกอาการร้อนรน 

“ตรงนี้เหรอ”  ก็ยังเชื่อว่าเป็นเพราะเข็มที่ทำให้ร่างเล็กเจ็บปวด จนเห็นส่ายหน้าก็เริ่มลังเลว่าเพราะอะไรกันแน่  “งั้นเจ็บตรงไหนรีบบอกฉัน”  โชคดีว่ายังอยู่ในเขตโรงพยาบาล เป็นอะไรร้ายแรงก็ทันการรักษา  “เดี๋ยวฉันพากลับเข้าไปหาหมอ”  ตั้งท่าจะเปิดประตู พอดีกับที่หูได้ยินเสียงบางอย่างทุบกับบางอย่าง

“เจ็บ ๆ ”  ร่างเล็กพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ระหว่างกำมือทุบกับอกด้านข้างซ้ายของตัวเอง

“พอแล้วมะลิ อย่าทำแบบนี้”  หรัญญ์ดึงตัวเองกลับเข้ามาในรถเพื่อห้ามปราบ ยึดกำปั้นเล็กไว้สุดกำลังขณะมะลิเริ่มหลั่งน้ำตาและพร่ำแต่คำว่าเจ็บ  “เพราะฉันเหรอ เพราะฉันใช่ไหม”  เห็นร่างเล็กทำร้ายร่างกายตัวเองแล้วใจมันจะขาด จู่ ๆ คำว่าหลานมันก็ผุดขึ้นมาในหัวจนค่อย ๆ รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป  “เพราะฉันสินะ”  รีบรั้งร่างที่สั่นเทิ้มมากอดอย่างแนบแน่น กระชับวงแขนตอนคนร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดตอบยอมโดยไม่มีเงื่อนไข

ความรักไม่เคยเลือกนายเหมือนมะเร็งที่ไม่เคยเลือกคน

ต่อให้พิกลพิการก็เสี่ยงจะเป็นโรครักด้วยกันทั้งนั้น แถมผ่านมาศตวรรษก็ยังไม่มีใครสกัดยาต้านเชื้อได้สำเร็จ โรคเกี่ยวกับหัวใจแน่นอนว่าเป็นแล้วไม่มีหาย แถมปล่อยไว้ก็มีแต่จะลุกลาม เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนเกินเยียวยา

ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กน้อยถลำลึกถึงขั้นไหน แต่ก็ร้ายแรงพอให้เกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจและอ่อนไหวง่ายกว่าเดิม หลานคืออะไรไม่รู้จัก แต่ท่าทางของผู้ใหญ่ที่พูดเหมือนไม่สลักสำคัญนั่นแหละที่ทำให้ร่างเล็กเสียใจและนำมาสู่การร้องห่มร้องไห้อย่างน่าเวทนา

เด็กน้อยเกิดมาพร้อมความคิดที่ว่าตัวเองด้อยค่ากว่าคนทั่วไปและย่อมอยากได้ความเอาใจใส่มากกว่าคนปกติ แล้วก็ยังมีอะไรอีกมายที่หรัญญ์ต้องเรียนรู้ รักที่จะอยู่กับเด็กที่ขึ้นชื่อว่าพิเศษแล้วจะให้ดูแลแบบธรรมดาได้อย่างไร

หรัญญ์จัดการลงโทษตัวเองด้วยการตีตามร่างกาย ทำร้ายตัวเองบ้างท่ามกลางการห้ามทั้งน้ำตา เด็กน้อยพยายามหยุดผู้ใหญ่และรวบมือกร้านทั้งสองข้างไว้จนได้ มะลิกลายเป็นฝ่ายปลอบใจเสียเอง ลักจำเห็นอีกคนเคยทำ ลองประทับริมฝีปากบนหลังมือใหญ่   

“เธอเจ็บหน้าอกไหมเวลาเห็นฉันตีร่างกายตัวเอง”

ร่างเล็กเช็ดแก้มลวก ๆ แล้วพยักหน้าเป็นคำตอบว่าไม่ชอบเลย  “ฉันเองก็เจ็บหน้าอกตรงนี้เหมือนกันตอนที่เห็นเธอตีตัวเอง”  อธิบายให้ฟังโดยอ้างอิงจากเหตุการณ์เมื่อกี้ ในเมื่อต่างคนต่างเจ็บปวดก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำซ้ำ  “งั้นต่อไปนี้เราจะไม่ตีตัวเองกันเนอะ”

“ไม่ทำแล้ว”  มะลิรับปากเสียงอ่อยแล้วค่อยโผเข้ากอดหรัญญ์อีกที

แล้วหลังปรับความเข้าใจกันก็เป็นหรัญญ์ที่ยังรู้สึกแย่และไม่อยากให้ร่างเล็กห่างกายสักวินาที อยากให้นั่งตักแต่ติดที่ว่าขับรถไม่ถนัด แถมผิดกฎบัญญัติการจราจรอีกด้วย แต่ก็ได้กระจกหน้าช่วยทำให้เห็นอีกคนอยู่ในสายตาตลอด มะลิย้ายไปนั่งที่เบาะหลังเพื่อรื้อขนมต่าง ๆ ออกมากิน แต่ได้ยินเสียงเปิดถุงไม่ทันไร ละสายตาแป๊บเดียวความเงียบก็เข้ามาครอบงำ

ร่างเล็กหลับคาขนม บรรทมไปพร้อมกับกอดตุ๊กตาหมี

สารถีมองผ่านกระจกหน้าแล้วอมยิ้มริมฝีปากเป็นโค้ง ก่อนจะตกใจกับไฟหน้าที่แยงตาดีว่าหักหลบรถเข้าเลนตัวเองได้ทันระหว่างรถอีกคนขับสวนเลนไปอย่างรวดเร็ว วอกแวกจนเกือบเกิดอุบัติเหตุ ใจเต้นแรงเมื่อสัมผัสได้ถึงสัญญาณเตือน หรัญญ์มีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ

ไม่มีไฟตลอดสองข้างทางที่ขับผ่าน จนถึงตัวบ้านก็อยู่ในความมืดสนิทอย่างผิดวิสัยและเมื่อจอดรถดับเครื่องยนต์ก็มีไฟสูงจากรถอีกคันสาดใส่อย่างจังพลางยกแขนขึ้นบังตาอัตโนมัติ

หรัญญ์พยายามเพ่งมองฝ่าลำแสงที่ทำเอาแสบตาขณะมะลิงัวเงียลุกขึ้นมานั่ง ก่อนเสียงทุ้มต่ำจะพยายามบอกให้ร่างเล็กนอนลงไปเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เดินอาด ๆ เข้ามา รีบติดเครื่องยนต์ครั้งใหม่แต่ทว่าก็ไม่ทันกวินทร์ที่เดินมาเปิดประตูด้านหลังแล้วกระชากแขนเด็กน้อยลงจากรถท่ามกลางการขัดขืน 

หรัญญ์รีบลงจากรถมายืนจังก้า เอาตัวเข้าขวางการฉุดกระชากลากถู เผชิญหน้ากับเหตุการณ์เดจาวูที่เลวร้ายกว่าตอนถูกป้าแม่บ้านจับได้นัก  “เรื่องนี้ฉันอธิบายได้!”  หวังจะดึงร่างเล็กที่พยายามยื่นมือให้จับกลับมาก่อนจะชะงักไปเพราะปลายกระบอกปืนที่ดันชิดหน้าผาก โดนจ่อปืนครั้งแรกแทบลืมหายใจ เหตุการณ์ชุลมุนกลับเข้าสู่ความสงบได้ด้วยอาวุธสีดำ

“กลับไปซะ”  กวินทร์ลั่นวาจาเย็นเยียบ มันราบเรียบชวนให้สงสัยว่าคิดจะทำอะไรต่อไป

“แต่…!”

“กลับ-ไป-ซะ”  ปลายกระบอกปืนเปลี่ยนทิศทางจากหน้าผากเป็นขมับเด็กน้อย   

หรัญญ์ยอมล้าถอยในทันทีที่เห็นสหายใช้ร่างเล็กเป็นตัวประกันขณะพาเดินเข้าบ้านอย่างช้า ๆ ก่อนจะปิดประตูตอกหน้าคนที่ไล่แล้วไม่ยอมไป มือใหญ่รีบหมุนลูกบิดที่มันล็อกจากด้านใน ระดมทุบบานประตูไม้พลางร้องเรียกชื่อมะลิที่ไม่ทราบชะตากรรม

ถ้าไม่มีคำว่ารักค้ำคอบางทีกวินทร์อาจจะทำมากกว่าแค่จ่อปืนขู่ มะลิคว้าหัวบันไดไว้ไม่ยอมขึ้นข้างบน จนคนเริ่มมีน้ำโหจับอุ้มพาดบ่าพาเดินขึ้นชั้นสามอย่างทุลักทุเล ร่างเล็กดีดแข็งดีดขาใช้กำปั้นระดมทุบแผ่นหลังที่หนาจนไม่สะทกสะท้านอย่างต่อเนื่อง
 
เด็กน้อยกรีดร้องสุดเสียงแล้วเรียกชื่อที่กวินทร์ไม่อยากได้ยินตลอดเวลา จนกระทั่งถูกโยนลงเตียงจนรู้สึกจุก นอนหายใจรวยรินอยู่นานกว่าจะลุกขึ้นมานั่งร้องไห้เป็นรอบที่สามของวัน

หลานนั่งมองคุณอาที่ยืนนัยน์ตาแดงก่ำพยายามสงบสติอารมณ์ กวินทร์สบตาร่างเล็กตอบด้วยแววตาผิดหวังและเตรียมจะหันหลังเดินออกไปจากห้องอย่างผู้แพ้ แต่สุดท้ายก็ย้อนกลับเข้ามาเพราะขัดหูขัดตากับเสื้อผ้าที่ตนไม่ได้เป็นคนซื้อให้ใส่   

มือหนาตรงเข้ามาฉีกผ้าบนตัวให้ขาดระหว่างร่างเล็กแสดงอาการต่อต้าน เอามือยันอกอีกฝ่ายที่ดันทุรังและไม่ยอมลามือง่าย ๆ เช่นกัน ใช้กำลังเพื่อจบปัญหา เผลอตบหน้าเด็กน้อยด้วยความโกรธาและทำเสื้อผ้าราคาแพงขาดวิ่นหลุดติดมือไปเป็นชิ้น ๆ

กวินทร์ทำตัวเป็นผู้ร้ายและขายความเป็นคนให้กับบทบาทนั้นจนถอนตัวไม่ขึ้น คุณอาที่เคยใจดีโยนเศษผ้าลงพื้นก่อนจะถอดรองเท้าคู่เล็กออกแล้วปาไปโดนฝาผนังห้องอย่างแรง

“อย่าบังคับให้อาต้องทำร้ายเธอนะ”  มะลิหลุบตาลงต่ำยามโดนคาดโทษและรอให้ปีศาจไปพ้น ๆ จากห้อง เมื่อได้ยินเสียงล็อกกลอนจากด้านนอกค่อยก้าวลงจากเตียงแล้วคุกเข่ากับพื้นเพื่อโกยเศษผ้า รวมถึงคลานเข้าหารองเท้าแล้วเอามากอดด้วยความรัก 

เด็กน้อยนั่งร้องไห้และใจสลายกับเสื้อผ้าที่กลายเป็นซาก

ทั้งที่อีกคนอุตส่าห์ซื้อให้แต่กลับปกป้องพวกมันไม่ได้เลยสักนิด แค่จินตนาการถึงความฝันที่อาจไม่มีวันได้เกิดขึ้นจริงก็ยิ่งเศร้าสลด ตัวหดเหลือนิดเดียวยามล้มลงนอนบนพื้นไม้แนบร่างกายกับความสากระหว่างปล่อยให้น้ำตาไหล

ห่างไกลสิ่งที่พยายามไขว่คว้าเข้าไปทุกขณะ

คำว่าอีกหน่อยคงไม่เหมาะกับสถานการณ์ คงอีกนานกว่าจะหลุดพ้น 













---------------------------------------
✘ ✘ ✘  มาอัพตอน4แล้วค่ะ ส่วนบนกับส่วนล่างต่างกันลิบลับเลย ;-; อยากให้เอาใจช่วยหนูมะลิกับพี่หรัญญ์กันเยอะๆนะคะ
ตุ๊กติ๊กตามอ่านเม้นและในทวิตเตอร์ตลอดนะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับความเอ็นดูที่มีให้กัน 
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ ---> 9crimes - นายคราม FANPAGE
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2018 21:18:20 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
«ตอบ #33 เมื่อ17-09-2017 18:30:10 »

สงสารน้องจัง  :katai1:
ช่วยน้องออกมาให้ได้นะคะ

ออฟไลน์ valenpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
«ตอบ #34 เมื่อ17-09-2017 19:05:11 »

จะร้องไห้ :mew4: ทำไมคุณอาทำแบบนี้!

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
«ตอบ #35 เมื่อ17-09-2017 21:54:25 »

โอ๊ยใจจจจ มะลิลูกกกก  :sad4:

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
«ตอบ #36 เมื่อ17-09-2017 23:21:29 »

กรี๊ดดดดดดดด
อาโรคจิต อาใจร้าย
มาทำกับมะลิแบบนี้ได้งัย
หัวร้อนมากกกกกกกกก
สงสารน้องงงง

พี่หรัญญ์ต้องรีบแล้วนะ
อย่าช้า ห้ามช้าไปกว่านี้แล้ว

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
«ตอบ #37 เมื่อ18-09-2017 12:46:41 »

สงสารมะลิ ไอ้คุณอาโรคจิตน่ากลัวน่าขยะแขยงมาก  :m31:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
«ตอบ #38 เมื่อ18-09-2017 13:14:54 »

จะร้องไห้ สงสารมะลิ  :katai1:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
«ตอบ #39 เมื่อ18-09-2017 21:56:37 »

ตามมมม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
« ตอบ #39 เมื่อ: 18-09-2017 21:56:37 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nokkkey

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
«ตอบ #40 เมื่อ20-09-2017 04:03:55 »

ชอบความเอาใจใส่ที่หรัญญ์ทำกับน้องมาก
ไอ่คุณอานิเวรแท้ ลุ้นให้ทั้งสองปลอดภัยค่ะ  :mew6:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
«ตอบ #41 เมื่อ21-09-2017 13:56:08 »

สะเทือนใจแรงมาก!!!!

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
«ตอบ #42 เมื่อ22-09-2017 01:22:54 »

โหยยยยยยยยยย พล็อตเรื่องแบบนี้ ไม่เคยอ่านมาก่อนเลย น่าติดตามมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
«ตอบ #43 เมื่อ23-09-2017 23:09:38 »

๐๕



หรัญญ์ใจร้อนขนาดที่ว่านรกยังเย็นกว่าเสียอีก

ยอมอดตาหลับขับตานอนเพื่อที่จะรีบมาบริษัทในตอนเช้า เตรียมตัวมาเข้าพบท่านประธานแต่ก็ต้องมีอันฝันสลายเมื่อได้รับข่าวร้ายว่ากวินทร์ลางานโดยไม่มีกำหนดและการยกเลิกนัดลูกค้าปุบปับก็ทำคนทั้งแผนกวุ่นวายตั้งแต่ช่วงสาย 

แล้วการทิ้งงานกลางครันก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ที่ปรึกษาบุกมาถึงบ้าน หรัญญ์ไม่ได้มาเกลี่ยกล่อมในฐานะตัวแทนบริษัทแต่มาไกล่เกลี่ยในนามของคนที่เป็นห่วงว่ามะลิจะเป็นอันตราย กังวลใจจนเก็บอาการไม่อยู่ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างจนนั่งแทบไม่ติด 

“จะมาตามฉันกลับไปทำงานเหรอ”  กวินทร์ยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างใจเย็น เป็นคนละคนกับเมื่อวานที่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ผิดกับวันนี้ที่อนุญาตให้สหายเข้าบ้านและพามานั่งคุยที่บริเวณชานระเบียงชั้นสอง  “มองหาอะไรอยู่”  เจ้าของบ้านแสร้งถามด้วยความสงสัยแต่คนเป็นแขกไม่มีเวลามานั่งเล่นสงครามประสาทด้วยจึงถามกลับตรง ๆ  “มะลิอยู่ไหน”

“ในหลุมไงถามได้”  สวนกลับทันควันและทำเอาหรัญญ์หน้าเสียชั่ววินาที ตีความไปไกลจนเพื่อนต้องรีบดึงให้กลับมาสู่ปัจจุบัน  “แกลืมไปแล้วเหรอว่าหลานฉันตายไปแล้ว”

กวินทร์เอ่ยคำลวงที่ต่างรู้กันดีว่าไม่เป็นความจริงอีกครั้งและหวังอย่างยิ่งว่าคนฉลาดจะอ่านเกมออก หรัญญ์มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าอีกคนต้องการอะไร แต่จะให้ทำเหมือนอุปาทานไปเองนั่นก็ไม่ใช่ความต้องการของตนเหมือนกัน  “ฉันแค่อยากรู้ว่าเขาสบายดี”

“เขาสบายดีจนกระทั่งมีแกเข้ามาในชีวิตนั่นแหละ…”  เหน็บแหนมอย่างตรงไปตรงมา ทำเอาสหายที่คิดจะมาคุยด้วยอย่างเป็นมิตรลืมเรื่องอาวุธที่อีกคนมีไว้ในครอบครองและนำมาสู่การประลองฝีปาก  “จริงเหรอ มะลิพูดแบบนั้นเองใช่ไหมหรือเป็นแกที่พยายามคิดแทน” 

“ฉันไม่อยากให้เราแตกคอกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องนะเพื่อน”

“เรื่องไม่เป็นเรื่อง…?  ชีวิตคน ๆ หนึ่งคือเรื่องไม่เป็นเรื่องสำหรับแกเหรอวะ”  ป่วยการจะคุยกัน เมื่อเล็งเห็นว่าเรื่องราวจะบานปลายหรัญญ์จึงตัดเข้าประเด็น  “ฉันขอเจอมะลิหน่อย”  ลุกขึ้นยืนอย่างไวแต่ไม่ทันเดิน สหายก็เอาตัวเข้าขวาง ซ้ำยังกระชากคอเสื้อไว้   

“เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา ฉันจะไม่เอาความกับแกในทุก ๆ เรื่องก่อนนี้ ฉันจะคิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”  กระซิบกระซาบพอให้ได้ยินกันแค่สองคนและการพูดออกมาอย่างง่ายดายก็ทำให้คนฟังอดสมเพชไม่ได้  “แกคงอยู่กับการหลอกตัวเองจนชินสินะ”

“แต่ฉันไม่ชินกับการถูกหักหลังเลยว่ะ”  กวินทร์สบตาคนทรยศที่มีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย

หรัญญ์ยอมรับทุกข้อกล่าวหา จะดุด่าว่ากล่าวอะไรก็เฉย แต่ขอคัดค้านเพียงอย่างเดียวคือการให้เดินออกไปจากเรื่องนี้เฉย ๆ  “ฉันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้”

“ต้องได้สิพวก แกจะมาสนใจอะไรกับเด็กบ้านป่าคนเดียว”   

“ฉันรักมะลิ”   

กวินทร์ส่ายหน้าไม่เชื่อ เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้แล้วก็ยิ่งส่ายหัว  “ยังเร็วไปที่จะสรุปว่าเป็นความรัก อย่างมากก็แค่หลง”

“ฉันโตพอจะแยกออกว่าอะไรคือความรักอะไรคือความหลง…”

“จะบอกว่าจริงจังงั้นสิ”  ย้อนด้วยน้ำเสียงดูแคลนทั้งที่ ๆ กำลังหวั่นใจกับสายตามุ่งมั่นและท่าทางยืนกรานหนักแน่นของคนตรงหน้า นอกจากรักคงมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง พอจะนึกเหตุผลที่ทำให้อีกคนเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องนี้ออก แต่ก็อาจจะจริงอย่างที่เพื่อนบอก ตนชอบหลอกตัวเองจนเป็นนิสัย มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นตราบใดที่ใจคิดว่าไม่มีอะไร

“ฉันจะพูดกับแกตรง ๆ เลยก็แล้วกัน”  หรัญญ์คิดว่าความชัดเจนอาจเป็นทางออกของปัญหา ในขณะที่กวินทร์เห็นท่าไม่ดีเลยเตรียมจะเดินหนีไป  “ฉันไม่อยากฟัง” 

เพราะบางครั้งสิ่งที่เรียกว่าความจริงก็เจ็บปวดกว่าคำโกหก ผู้คนที่กลัวจะตกเป็นเหยื่อของความเจ็บปวดจึงต่างหันหลังให้กับมัน

“เราสองคนมีอะไรกันแล้ว”  ประโยคบอกเล่าเข้าใจง่ายดังขึ้นในความเงียบงัน แปลกที่อีกคนแค่ลั่นวาจาแต่อีกคนกลับเหมือนถูกตบหน้าหันและซ้ำด้วยการกระทืบแทบจมดิน กวินทร์เหมือนถูกสต๊าฟสาปให้เป็นหิน ได้ยินชัดเต็มสองรูหูและรู้สึกเหมือนโดนหยามจนเผลอกำหมัด

คิดถึงภาพหลานนอนใต้ร่างคนอื่นแล้วก็ยืนโกรธจนตัวสั่น  “แล้วไง…”

“แล้วไงน่ะเหรอ ฉันก็ต้องรับผิดชอบ”

“มะลิไม่ต้องการความรับผิดชอบจากแก!”  เกลียดนักพวกอ้างความรับผิดชอบ ยังปักใจเชื่อว่าการมีอะไรกันไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการสมยอมพร้อมใจ แต่เป็นการกดขี่ข่มเหง แรงเด็กน้อยหรือจะสู้ผู้ใหญ่กลัดมัน  “ฉันจะไม่ปล่อยให้หลานได้เจอกับคนที่ข่มขืนเขาอีก!”

“ผิดแล้วเพื่อน เราตกเป็นของกันและกันด้วยความเต็มใจ”  หรัญญ์จะทำถ้าการซัดให้หมอบด้วยคำพูดจะช่วยกระตุ้นให้อีกฝ่ายยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้และจะทำยิ่งกว่านี้อีกถ้าอีกคนไม่ยอมหลีกทางให้เจอกับร่างเล็กดี ๆ

“แกจะมาเอาอะไรกับเด็กปัญญาอ่อนคนนึง”  เพราะรู้เช่นเห็นชาติเข้าใจสันดานอย่างถ่องแท้จึงข้องใจกับความรู้สึกที่เพื่อนมีให้กับหลาน  “มะลิไม่มีทางทันเกมคนหัวหมออย่างแก อ่อ คงเห็นว่าหลานฉันหัวช้าสินะ” 

เสียมารยาทด้วยการชี้หน้าไม่พอ ยังต่อว่าต่อขานกลั่นคำพูดมาจากใจหาใช่แค่พลั้งปากเพราะอารมณ์ชั่ววูบ  “ทำไม เงินแกมีไม่มากพอจะซื้อผู้หญิงกินแล้วหรือไง ถึงต้องถ่อมาที่นี่เพื่อกินฟรี ..ฉันมีเงินให้แกนะ แล้วแกจะเอาไปซื้อใครมาเอาด้วยก็เชิญ” 

ธาตุแท้ของสหายทำเอาหรัญญ์หน่าย เหมือนทะเลาะกับเด็กผู้ชายที่พอไม่ได้ดั่งใจก็เอะอะโวยวายและใช้เงินพ่อแม่แก้ปัญหา มันคือข้อเสียของการเกิดมาบนกองเงินกองทองสินะ เอาแต่ใจและเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งก็จะไม่เห็นหัวใครหน้าไหนทั้งนั้น ต่อต้านแม้กระทั่งความจริง 

“แกจะคิดยังไงก็ช่างแต่ฉันพูดความจริงไปหมดแล้ว”

“ฉันจะไม่ยอมให้หลานกลายเป็นตัวตลกของใครหรือของเล่นของใคร”  ประกาศจุดยืนชัดเจนและถ้าใครคิดล้ำเส้นจะไม่เอามันไว้  “ฉันจะไม่ยอมให้ไอ้อีหน้าไหนมาหัวเราะเยาะหลานฉัน ดูถูกหรือมาเอาเปรียบหลานฉัน โดยเฉพาะคนเห็นแก่ตัวอย่างแก”

หรัญญ์ยอมให้ชี้หน้ามานานถึงคราวปัดออกบอกว่าชักไม่ชอบใจ

กวินทร์มองคนที่ต้องการงัดข้อด้วยตั้งแต่หัวจรดเท้าและไม่ว่าจะพูดเอาสนุกหรือเพราะอะไรแต่ผลลัพธ์คือทำคงฟังชักหงุดหงิดและโมโหได้เหมือนกัน  “เมียคนเดียวยังรักษาไว้ไม่ได้ เหอะ แล้วยังจะสะเออะมารับผิดชอบชีวิตคนอื่น”

“คนเดียวที่กำลังดูถูกมะลิก็คือแก แกคิดเองเออเองทุกอย่าง ทำไมแกไม่ลองถามมะลิดูเลยล่ะ ถามว่าเวลาเขาอยู่กับฉัน เขามีความสุขมากแค่ไหน ให้เด็กได้เลือกกว่าอยากอยู่กับใคร ไม่ใช่บงการชีวิตเขาเพราะความกลัวของแก”

“ถ้างั้นแกจะบอกกับลูกสาวแกว่ายังไง”  เลิกคิ้วด้วยความยียวนกวนประสาท  “มานี่สิลูก มาทำความรู้จักแม่เลี้ยงของลูกเอาไว้ เขาอายุน้อยกว่าลูกอีกนะ แถมเป็นผู้ชายเสียด้วย แบบนี้น่ะเหรอ…? ไหนจะหน้าตาทางสังคมของแก ภาพพจน์ของแกที่ต้องรักษา”

“ฉันไม่สน”

“สนหน่อยก็ดีนะเพื่อน เพราะแกไม่ได้อยู่บนโลกนี้ตามลำพัง”

ใจจริงอยากจะต่อยปากสักที แต่คำว่าเจรจาอย่างสันติมันค้ำคอ  “ฉันขอล่ะ”

“ขออะไร มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”  บอกเสร็จก็หมุนตัวกลับหลังหัน

“ฉันเห็นรูปที่ผนังห้องของมะลิ…”  คำพูดของหรัญญ์ตรึงขากวินทร์ให้หยุดอยู่กับที่ โชคดีหันหลังให้ อีกฝ่ายจึงไม่เห็นนัยน์ตาที่กำลังสั่นระริก  “รูปภาพพวกนั้นคงพอจะบอกอะไรกับนักสังคมสงเคราะห์ได้บ้าง”  เมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผล คนไม่มีทางเลือกก็ต้องเปลี่ยนมาใช้ไม้แข็ง ฟาดแรง ๆ ลงไปจนฝ่ายที่ดูเหมือนจะเหนือกว่ามาตลอดแทบเข่าอ่อน  “นายคงไม่อยากให้คนนอกเข้ามายุ่มย่ามด้วยสักเท่าไหร่ใช่ไหม แหงสิ อุตส่าห์ซ่อนไว้ถึงในป่า มะลิคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ก่อนหน้านี้แกไม่ยอมรับตำแหน่งสินะ เป็นฉันก็คงจะไม่อยากไปไหนเหมือนกัน” 

“อย่ามาขู่ฉันนะ”  กวินทร์หันกลับมาและเดินเข้าประชิดตัว 

หรัญญ์สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวในน้ำเสียงเกรี้ยวกราดและถือโอกาสกดดันอย่างผู้ชนะ  “เลือกเอาว่าจะให้ฉันเจอมะลิหรือให้ฉันโทรเรียกนักสังคมสงเคราะห์มาที่นี่”

“แกจะไม่ทำ” 

“อย่าประมาทคนที่กำลังจนตรอกเชียวล่ะ”

“งั้นแกก็อย่าประมาทคนที่มีปืนเหมือนกันล่ะ” 

ดวงตาสองคู่สบกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แววตาเจือไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายหมายจะเอาชีวิตของกันและกัน กวินทร์กัดฟันกรอดตอนที่หรัญญ์เดินกระแทกไหล่ผ่านไป เจ็บใจที่ปราชัยในศึกน้ำลายแล้วยังต้องมายืนไขแม่กุญแจให้กับศัตรูหัวใจอย่างจำยอมอีก   

“มะลิ!”  เรียกร่างเล็กเสียงดังตั้งแต่ผลักประตูให้เปิดกว้าง

ถลามาทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเด็กน้อยที่กำลังร้องห่มร้องไห้และนั่งกระตุกโซ่ที่ข้อเท้าไปด้วยอย่างอับจนหนทาง ตอนแรกมะลิได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทดังลอดขึ้นมาทางหน้าต่าง อยากลงไปหาติดที่ว่าถูกพันธนาการไว้ มีเรื่องอยากฟ้องมากมายแต่พอได้เจอหน้ากลับพูดไม่ออก มองด้วยสายตาเหมือนฝัน หรัญญ์จึงทำให้ทุกอย่างสมจริงขึ้นมาด้วยการกอด

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”  มุมปากที่ปรากฏรอยช้ำเล่าเรื่องราวของมันได้ดี ไม่จำเป็นต้องอธิบายก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร หรัญญ์หันมองกวินทร์ที่ยืนกอดอกอยู่หน้าห้องอย่างโกรธเคือง

นัยน์ตาแดงก่ำเรืองรองไปด้วยความเคียดแค้น ไฟร้อนสุมอกแช่งชักหักกระดูกให้ตกนรกหมกไหม้ ขอให้เวรกรรมไล่ตามทันและโดนมัจจุราชสำเร็จโทษอย่างแสนสาหัส 

หรัญญ์ลดใบหน้าเสมอใบหูเล็ก กระซิบให้ได้ยินกันเอง  “อดทนอีกนิดนะ แล้วเราจะหนีไปด้วยกันในที่ที่ไกลแสนไกล”  ร่างเล็กถอยตัวออกห่างเล็กน้อย แล้วค่อยพยักหน้าเบาๆ

ก่อนจะต่างฝ่ายต่างโผเข้ากอดกันอีกหน ริมฝีปากหนาจรดลงบนหน้าผากมนหลายต่อหลายครั้ง ร่างเล็กอิงแอบแนบชิดชายอื่นต่อหน้าธาตุอากาศอย่างกวินทร์ที่แทบล้มทั้งยืน คุณอาเจ็บปวดที่หลานรักดูมีใจให้กับคนนอกครอบครัวและยอมให้ถูกเนื้อต้องตัวโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก กำลังอิจฉาตาร้อนคิดถึงตอนกอดร่างเล็กแต่เด็กน้อยไม่เคยมีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ   

“เอากุญแจมา”  ถือเป็นคำสั่งมากกว่าร้องขอ หรัญญ์เอ่ยขึ้นมาก็เพราะยิ่งกอดยิ่งสัมผัสได้ถึงความร้อนฉ่าบนผิวกาย ดูท่าไข้จะถามหาร่างเล็ก  “ฉันบอกให้เอากุญแจมา!”

“เหมือนแกจะลืมอะไรไปอย่างนะไอ้หรัญญ์ ฉันเป็นเจ้านายของบ้านหลังนี้ รวมถึงที่ที่แกทำงานอยู่ด้วย ให้เจอก็ถือว่าบุญแค่ไหนแล้ว” 

“ฉันจะพามะลิไปหาหมอ”

“จะไม่มีใครได้ออกจากบ้านตราบใดที่ฉันยังไม่อนุญาต”

“แกบ้าไปแล้วเหรอ!”  หรัญญ์ฉีกมาดนิ่ง ๆ ไม่เหลือชิ้นดี ลุกขึ้นยืนแล้วปรี่เข้ากระชากคอเสื้อกวินทร์ที่ระบายยิ้มร้าย  “บางทีฉันอาจจะบ้าไปแล้วจริง ๆ ก็ได้”  ค่อย ๆ แกะมือที่รั้งคอเสื้อออกระหว่างบอกกติกาการเข้าเยี่ยมของวันนี้  “ฉันให้เวลาแกถึงบ่าย ล่ำลากันซะก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีกตลอดชีวิต”  ให้โอกาสพลอดรักกันจนหนำใจ เผื่อสหายจะสำนึกบุญคุณแล้วยอมยุติความสัมพันธ์ที่หัวเด็ดตีนขาดตนก็ไม่มีวันยอมรับ

กวินทร์รีบเดินลงไปด้านล่างสวนทางกับป้าแม่บ้านที่เตรียมทั้งยาและผ้ากับอ่างใส่น้ำขึ้นมาบนชั้นสาม เธออาสาเช็ดตัวให้คุณหนูที่หลับไปเพราะฤทธิ์ยาขณะนอนหนุนตักแกร่ง วงแขนยังโอบล้อมรอบเอวสอบ ไม่ยอมแยกจากหนุ่มใหญ่ที่นั่งสางผมลื่นเล่นระหว่างรอให้ตื่น 

“เดิมทีคุณผู้ชายไม่ใช่คนแบบนี้หรอกค่ะ”  หญิงร่างท้วมพูดทำลายบรรยากาศเงียบ ๆ 

หรัญญ์เหลือบมองเล็กน้อยแล้วยิ้มสมเพชกับตัวเอง  “ที่ผ่านมาผมแทบจะไม่รู้จักตัวตนจริง ๆ ของกวินทร์ด้วยซ้ำ”  นึกถึงคำพูดของอีกคนก่อนหน้านี้แล้วก็สะท้อนใจและไม่อยากจะเชื่อหู เหมือนเพิ่งได้รู้จักเพื่อนใหม่ทั้งที่ก็เป็นเพื่อนกันมาหลายปี

“คุณจะไม่แจ้งให้ใครมาที่นี่ใช่ไหมคะ… ขอโทษค่ะ พอดีป้าแอบได้ยิน”

“ถ้าทำแบบนั้นผมคงกลายเป็นคนที่ดูโง่มาก ว่าไหมครับ”  หากทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่าตัดช่องทางของตัวเองไปด้วย แทนที่จะช่วยกลับทำให้เรื่องราวยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม  “ผมไม่มีทางปล่อยให้ใครพามะลิไปแน่”  มองเด็กน้อยหลับปุยด้วยสายตาเอ็นดูก่อนจะถามถึงความเป็นอยู่กับป้าแม่บ้าน  “วันนี้เขาได้กินอะไรบ้างหรือเปล่าครับ” 

“ไม่ค่ะ ไม่ยอมทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า”

“เด็กโง่”  บีบแก้มยุ้ยแก้ขัด ถ้าตื่นเมื่อไหร่คงต้องมีการลงโทษที่อดอาหารกันบ้าง     

“ถ้าคุณหนูตื่นแล้วคุณช่วยกล่อมให้แกทานอะไรสักหน่อยจะได้ไหมคะ ตอนนี้คุณคงเป็นคนเดียวที่คุณหนูเชื่อฟัง” 

หรัญญ์พยักหน้าแล้วตอบครับในลำคอ 

“ป้าพอจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผมฟังได้ไหม”  ไหน ๆ ก็สบโอกาสแล้วเลยอยากจะฟัง   

หญิงร่างท้วมที่เช็ดตัวเสร็จคุณหนูพอดีไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบตกลง ทำทีจะยกอ่างน้ำออกไปจากห้องแต่ก็ต้องวางมือจากงานและรีบวิ่งไปตามคุณผู้ชายให้มาช่วยปลดล็อกโซ่ตรวนโดยด่วนเมื่อเห็นคุณหนูลุกขึ้นมานั่งอาเจียนอย่างรุนแรง

มะลิมีอาการไข้ขึ้นจนต้องนำส่งโรงพยาบาล รถสองคันขับออกจากบ้านป่าหลังจากยื้อแย่งกันไปมาว่าจะให้ร่างเล็กขึ้นรถคันไหน หรัญญ์เป็นฝ่ายกุมชัยชนะอีกครั้งในศึกชิงนาง รีบช้อนร่างที่หนุนตักป้าแม่บ้านออกจากรถและเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยไม่ไปไหน

แม้แต่ตอนโยกย้ายห้องออกจากห้องตรวจมาห้องพักก็ไม่เคยจะห่าง ถึงคำวินิจฉัยของหมอพอจะทำให้วางใจได้ในระดับนึงแต่ก็ยังอยากมองให้แน่ใจว่าเด็กน้อยจะไม่มีอาการอะไรตามมาหลังจากที่กินยาตามสั่ง

“กลับไปได้แล้ว”  กวินทร์ที่ห่วงร่างเล็กไม่แพ้กันออกปากไล่ในที่สุด อุตส่าห์ทนนั่งมองท่าทางห่วงใยออกนอกหน้าอยู่ตั้งนาน แอบหัวเสียเพราะทั้งที่ที่ตรงนั้นควรจะเป็นของตนแท้ ๆ   
 
“คืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้ามะลิ” 

คนพูดพยายามมองข้ามความขัดแย้งไปก่อน เอาไว้ค่อยทะเลาะกันตอนอื่น

“งั้นก็กลับไปเปลี่ยนชุดก่อนไป สภาพดูไม่จืด”  กวินทร์ลุกขึ้นยืนจากโซฟาและเดินอ้อมมาอีกฝั่งของของเตียงเหล็ก บรรจงห่มผ้าให้เด็กน้อยอย่างแผ่วเบาท่ามกลางการเฝ้ามองไม่คลาดสายตา หรัญญ์แสดงสีหน้าไม่ไว้ใจอย่างชัดเจน  “ที่นี่โรงพยาบาลเชียวนะ ป้าแม่บ้านก็อยู่ ฉันทำอะไรไม่ได้หรอก”  บอกเสียงเรียบนิ่งระหว่างไล้ปลายนิ้วเกลี่ยกับซีกแก้มด้านซ้ายของมะลิที่ยังไม่ได้สติ กวินทร์ไม่ได้รบเร้าแต่ปล่อยให้อีกคนคิดเอาเองว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

หรัญญ์เพิ่งมีเวลาสำรวจตัวเองถึงได้เห็นว่ากางเกงเลอะคราบอ้วกที่ใกล้แห้งกังและจะให้ร่างเล็กตื่นขึ้นมาเจอทั้ง ๆ สภาพนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ กลิ่นไม่พึ่งประสงค์ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจควักนามบัตรออกจากกระเป๋าสตางค์และเดินเข้าหาหญิงร่างท้วม
 
“ป้า…”

“นิ่มค่ะ”

“ป้านิ่มครับ ผมฝากมะลิด้วยนะ ถ้ามีอะไรด่วนรีบโทรหาผม” 

หญิงวัยไม้ใกล้ฝั่งรับช่องทางการติดต่อจากมือหรัญญ์ แต่ก่อนอีกคนจะผละออกไปเธอพยายามส่งสัญญาณบอกเป็นนัย ๆ ว่าไม่อยากให้เชื่อคำพูดคุณผู้ชาย รู้สึกใจคอไม่ดี

“แล้วผมจะรีบกลับมาครับ”  วางมือทับหลังมือที่เหี่ยวย่นแล้วลูบให้คลายกังวล   

หรัญญ์หันกลับมาหอมแก้มคนที่ยังสลบไสลไม่รู้สึกตัวก่อนจะช้อนนัยน์ตามองกวินทร์เล็กน้อยแล้วค่อยเดินห่างออกจากเตียง ไกลพอจะไม่ได้ยินเสียงด่าไล่หลังว่าโง่   






มีต่อด้านล่าง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 13:43:02 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
«ตอบ #44 เมื่อ23-09-2017 23:17:58 »

หลังจากที่หรัญญ์กลับไปตามคำแนะนำ

กวินทร์ก็ทำตัวลึกลับ หายหน้าหายตาไปจากห้องพักฟื้นเช่นกัน ปล่อยให้หลานอยู่กับแม่บ้านสองคนจนผ่านไปสักสิบนาทีกว่าถึงได้กลับเข้ามาในห้องพร้อมกระป๋องเบียร์ในมือ

ร่างหนาถือของมึนเมามานั่งที่โซฟาและไม่พูดไม่จากับใครเอาแต่ดื่มย้อมใจเงียบ ๆ จนแทบเกลี้ยงกระป๋องระหว่างจ้องดวงหน้าของร่างเล็กที่นอนบนเตียงไปด้วย ว่ากันว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะช่วยให้ใจกล้าขึ้น บ้างก็ว่าเหมือนปลุกสัญชาตญาณดิบให้ตื่นเต็มตา แต่ลำพังกระป๋องเดียวหรือจะลบล้างสติปัญญาของคน ๆ นึงไปได้ ก็แค่ดื่มแก้กระหาย พอหมดประโยชน์ก็กลายเป็นแค่ขยะ กระป๋องอลูมิเนียมถูกเหยียบจนแบนแทนที่จะถูกโยนลงถัง   


“ป้ากลับไปก่อน”  กวินทร์ออกคำสั่งเหมือนทุกครั้ง แตกต่างก็ตรงที่คนฟังไม่ทำตามตั้งแต่ออกปากครั้งแรก หญิงร่างท้วมพยายามแย้งอย่างหวั่น ๆ  “แต่คุณหนู…”


“ดูเหมือนผมจะกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วสินะ ใคร ๆ ก็เห่อแต่ไอ้หรัญญ์มัน”  ตัดพ้อด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ยิ้มให้ตัวเองอย่างเย้ยหยัน  “น่าจะเป็นไอ้หรัญญ์มากกว่าที่ได้รับตำแหน่งท่านประธาน”  ทั้งฉลาด ใจเย็น มีไหวพริบปฏิภาณ ทำงานเก่งอีกต่างหาก แถมปากก็หวาน ถ้าเปลี่ยนประธานบริษัทคนใหม่พนักงานในแผนกคงจะดีใจจนเนื้อเต้น 

“ให้ป้าอยู่ช่วยอีกแรงดีกว่านะคะ เผื่อคุณหนูตื่นขึ้นมาแล้วหิวอะไรป้าจะได้ช่วยหา”

“กลับไปเถอะครับ ผมดูแลมะลิเอง”  คำไหนคำนั้น ตวัดมองตาขวาง กดดันจนป้าแม่บ้านต้องวางมีดปอกผลไม้ เธอกำลังเตรียมปอกแอปเปิลไว้ให้คุณหนูกินรองท้องหลังฟื้น

“ให้ป้าอยู่…”

กวินทร์ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและเดินตรงไปเปิดประตูห้อง บอกเป็นนัยว่ามาทางไหนให้กลับออกไปทางนั้น  “เงินที่ผมเคยให้ป้าคงพอค่าแท็กซี่นะครับ”

ได้หนึ่งแถมหนึ่ง แสดงถึงความห่วงใยแต่ก็ได้ทวงบุญคุณไปในตัว 

ต่อว่ามาตรง ๆ ยังดีเสียกว่า หญิงร่างท้วมจำต้องก้มหน้าเดินออกจากห้อง พอจะหันมองคุณหนูก็ถูกประตูปิดใส่หน้า เธอจึงรีบควานหานามบัตรในกระเป๋าเสื้อและเมื่อเจอตู้โทรศัพท์สาธารณะเมื่อไหร่สัญญาว่าจะโทรหาความช่วยเหลือโดยด่วน   
   
กวินทร์มองแม่บ้านเดินจากไปด้วยท่าทางร้อนรนผ่านช่องประตูที่เปิดแง้ม ๆ ก่อนจะปิดมันให้สนิทอีกครั้งและเดินออกห่างจากตรงนั้น กลับเข้ามาด้านในที่เงียบสงัดขนาดได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ คุณอายืนอยู่ข้างเตียงที่หลานจับจ้องไว้เพื่อเฝ้ามองการเคลื่อนไหวใกล้ตื่นเต็มที ท่าทางบิดขี้เกียจเล็กน้อยทำให้คิดถึงวันเก่า ๆ

เห็นร่างเล็กมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย จำวันที่คอยยืนดูพันธนาการจากตู้อบได้แม่นยำ เด็กน้อยร้องอ้อแอ้หานมและนอนอมยิ้มให้กับน้องชายแม่ที่ขอเข้ามาดูแลชิดขอบกระบะเด็ก เรียนรู้การอาบน้ำเด็กเล็กจากพยาบาล ทำแทนพ่อแท้ ๆ ผู้ขลาดเขลาจนหลานเข้าใจว่านี่แหละพ่อ

เพราะรู้สึกถูกชะตาเป็นพิเศษ วันนึงจึงถามว่า  ‘อยากไปอยู่กับอาไหมครับ’

เด็กเดือนเดียวทำได้แค่กะพริบตา เลยทึกทักเอาว่าตกลงจากการที่มือเล็กกำรอบนิ้วชี้ไว้

กลายเป็นข้อผูกมัด 

“บอกฉันว่าเธอจะเลือกฉัน…” 

ต้องการคำยืนยันในปัจจุบันอีกรอบ กวินทร์ยกมือเล็กขึ้นมาหอมด้วยความรักหลายครั้ง สักพักก็เริ่มลามปาม คำพูดของหรัญญ์ที่ว่าเรามีอะไรกันแล้วถือเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี ทั้งที่ตีตราจองเค้กก้อนนี้ไว้ก่อนใคร ตั้งใจจะเก็บไว้กินคนเดียวเก็บเกี่ยวรสชาติด้วยการตักชิมทีละนิดแต่กับถูกคนใกล้ชิดตัดหน้า ละเลงครีมขาวให้ย่อยยับยากจะกลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิม

มะลิเริ่มขยับตัวมากขึ้นเกือบตื่นแล้วเมื่อถูกรบกวนอย่างหนัก ร่างเล็กรู้สึกระคายเคืองบริเวณหน้าเหมือนกับว่ามีอะไรบาดผิวอยู่ตลอด จนอดรนทนนอนต่อไปไม่ไหว ค่อย ๆ ลืมตามองหลอดไฟบนเพดาน อยู่ในอาการสะลึมสะลือเพราะหลับไปหลายชั่วโมงติดก่อนจะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่มาพร้อมความหยาบโลน     

เพราะสัจจะไม่เคยมีในหมู่โจร พูดอะไรกับอีกคนไว้ก็ลืมหมด ต้นตอความน่ารำคาญมาจากไรหนวดของกวินทร์ที่ปีนขึ้นมาบนเตียงไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ด้วยอารามตกใจร่างเล็กจึงผลักไสทุบไหล่หนาและเบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากที่ป้วนเปี้ยนแถวคางเพราะอยากปล้นจูบ

“อาไง อากวินทร์ของเธอเอง…”  เห็นร่างเล็กต่อต้านไม่หยุดคุณอาเลยตัดสินใจเอาน้ำเย็นเข้าลูบยกเลิกแผนการจูบไปก่อน มะลิเพิ่งตื่นคงจะตกใจ ไหนจะสถานที่แปลกตาจึงให้เวลาสำรวจตรวจความเรียบร้อยรอบห้อง ปล่อยให้มองซ้ายมองขวาด้วยแววตาสับสน

“ฉันพาเธอมาโรงพยาบาล”  จงใจตัดชื่อหรัญญ์ออก ไม่บอกความจริงทั้งหมดเพราะจะเก็บความดีความชอบไว้คนเดียว กวินทร์รั้งดวงหน้าที่เหลียวซ้ายแลขวาเหมือนจะหาบุคคลที่สามให้กลับมามองตรงและส่งสัญญาณทางสายตาว่าถึงเวลาตอบแทนค่าน้ำเกลือแล้ว         

แก้วตากลมสั่นระริกท่ามกลางบรรยากาศอึดอัด ร่างเล็กกลั้นหายใจเมื่อคนนั่งคร่อมขาไล่กระตุกเชือกบนเสื้อผู้ป่วยที่เน้นถอดง่ายใส่สบาย ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ไม่นับว่าเป็นข้อดีเลยสักนิด เด็กน้อยมีท่าทีอิดออดอย่างเห็นได้ชัดถึงขั้นดันมือที่กำลังแหวกสาบเสื้อออกเบา ๆ พลางหลบสายตา ทว่ากวินทร์ก็ไม่ยอมลดละเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่มะลิพยายามปฏิเสธ จะเรียกว่าเล่นตัวก็แรงไป แต่ทุกครั้งคุณอาก็จัดการหลานจอมงอแงได้ตลอด 

หวังจะได้รับความร่วมมือเช่นแต่ก่อน คิดว่าร่างเล็กจะใจอ่อนกับความนุ่มนวล แต่แทนที่จะรู้สึกผ่อนคลายตอนถูกนวดหน้าอกกลับนั่งน้ำตาตกทีละหยดสองหยด ไม่ได้เจ็บที่โดนบีบเค้นตามร่างกาย แต่เสียใจที่ไม่กล้าพอจะปัดป้อง ได้แต่มองตัวเองถูกลวนลามอย่างทุกครั้ง

อยากลองสู้เพื่อตัวเอง จู่ ๆ เด็กน้อยก็มีความคิดที่จะปราบเหล่าร้ายด้วยมือเปล่า เข้าปะทะด้วยการผลักอย่างแรง ดีดแข้งดีดขาไปมาจนสร้างความรำคาญให้กับกวินทร์ หงุดหงิดอยู่เป็นทุนอุตส่าห์หาอะไรดื่มให้ใจเย็น แต่พอร่างเล็กมาเป็นแบบนี้ความรู้สึกที่พยายามกด ๆ ไว้มันก็ประทุ ไม่ต้องการมันแล้วความสมัครจงสมัครใจ ไม่ต้องการความเมตตายอมอยู่เฉยให้เพราะว่าสงสาร ต่อต้านก็ดีเหมือนกัน เผื่อความตื่นเต้นเร้าใจจะทำให้นกเขาขันสักที

“อยากให้อารุนแรงด้วยแบบนี้ตั้งแต่แรกทำไมไม่บอก”

ยิ่งผลักออกก็ยิ่งเข้าหาจนเจอข่วนเข้าที่หน้าไปหลายหน

ร่างเล็กพยายามยื้อแยงกางเกงกับคนที่มีพละกำลังเหนือกว่าสรีระก็ต่างกัน ฝ่าเท้าเล็กยันเข้าที่กลางอกแกร่งแลกมากับการพลาดท่าเสียทีครั้งใหญ่ เปิดทางให้มือกร้านดึงอาภรณ์ออกจากขารวดเดียวก่อนจะเขวี้ยงมันไปไกล ๆ จนมือเล็กไขว่คว้าได้แค่อากาศ 

กวินทร์รูดซิปกางเกงตัวเองลงและเตรียมจะงัดเจ้าโลกออกมาเผชิญกับอากาศเย็น ลึก ๆ แล้วมะลิก็หวังว่าจะมีใครเข้ามาช่วยระงับเหตุการณ์บานปลาย แต่ถ้าให้รออีกนิดคงไม่ทันการ ร่างเล็กจึงหันไปทางโต๊ะข้างหัวเตียงเพื่อคว้ามีดปอกผลไม้และใช้มันชี้หน้าคนบ้าดีเดือด 

“เธอเคยว่านอนสอนง่ายกว่านี้นะมะลิ”  แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาแม้ว่าร่างเล็กจะยังกำด้ามมีดอยู่ก็ตาม  “หรัญญ์มันสอนให้เธอดื้อกับฉันใช่ไหม”  เดิมทีเด็กในความดูแลก็ไม่ได้มีนิสัยก้าวร้าว เห็นได้ชัดว่าต้องถูกเป่าหูมา  “มันบอกอะไรกับเธออีก มันสัญญาว่าจะซื้ออะไรให้สินะ บอกฉันสิ แล้วฉันจะหามาให้เธอมากกว่ามันเป็นสองเท่า”  กวินทร์ยื่นข้อเสนอ 

เจอไม้นี้เข้าไปยังไงเด็กน้อยก็ต้องหวั่นไหว  “…เรารักกันไม่ใช่เหรอ”

มะลิน้ำตาคลอเบ้าและหลบตาราวกับไม่อยากจะมองหน้าคนใจร้าย ค่อย ๆ ส่ายหัวจนผมสะบัดปฏิเสธว่ามันไม่ใช่ความรักหากแต่เป็นความเวทนาที่เราต่างมีให้กัน   

“เธอรักฉันเหมือนที่ฉันรักเธอมาตลอด”  คุณอาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานจนหลานตามอารมณ์ไม่ทัน  “ฉันไม่โกรธที่เธอไม่รู้ แต่นี่ไม่ใช่วิธีตอบแทนต่อผู้มีพระคุณ ฉันเลี้ยงเธอมาไม่ใช่เพื่อให้เอามีดมาชี้หน้าฉัน”  พูดช้า ๆ ชัด ๆ แล้วคว้าหมับกำรอบมือที่ถือด้ามมีดไว้อย่างแรง

มะลิตกใจนึกว่าจะแย่งอาวุธไปจากมือแต่ก็เปล่า  “เอาสิ แทงฉันเลย”  อยากรู้เหมือนกันว่าจะไปได้สักกี่น้ำ คิดจะปีกกล้าขาแข็งก็ต้องมีความกล้า  “ฉันบอกให้แทง!”  ตะคอกเสียงดังจนร่างเล็กยิ่งน้ำหูน้ำตาไหลใบหน้าแดงก่ำ ทั้งกลัวทั้งสับสนจะหาคนช่วยก็ไม่เจอแม้แต่เงา เพียงกอดของมีคมไว้กับอกเพราะอย่างน้อยก็ยังรู้สึกได้ว่าถูกมันปกป้อง 

“เด็กดี”  ถึงร่างเล็กจะทำตัวไม่น่ารักไปบ้างแต่กวินทร์ก็ยังเอ็นดูและพร้อมจะให้อภัย

ให้โอกาสกลับตัว ยกมือลูบหัวเมื่อเด็กน้อยมีท่าทีสงบลง กวินทร์เขยิบเข้าใกล้อย่างไม่เกรงกลัวมีดปอกผลไม้ แล้วซุกไซ้ปลายจมูกกับข้างแก้มเนียนเบียดริมฝีปากกับผิวร้อนดั่งไฟ จะถอนไข้ก็ต้องทำให้เหงื่อออก แล้วคุณอาก็มองไม่เห็นว่าจะมีกิจกรรมไหนเหมาะกว่านี้อีกแล้ว

มะลิหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม สัมผัสได้ถึงความหยุ่นที่ดูดดุนตามกรอบหน้าและในไม่ช้าก็จะจบที่ริมฝีปาก ลมหายใจที่ใกล้เข้ามาทำเอาร่างเล็กหดคอห่อไหล่ คงเป็นอีกครั้งที่รู้สึกทรมานจนไม่อาจกลั้นน้ำตาขณะปลอบใจตัวเองว่าแล้วมันจะผ่านไป
แค่คิดน่ะมันง่ายแต่ไม่ใช่กับตอนปฏิบัติ ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ว่าชายที่กำลังจูบตนเป็นคนเดียวกับที่อยากให้อยู่ตรงนี้ที่สุด มือที่กำด้ามอาวุธไว้แน่นเริ่มมีความเคลื่อนไหว ความกดดันสั่นประสาทบีบคั้นร่างเล็กให้ตัดสินใจเด็ดขาดปาดปลายมีดเข้าที่แขนหนา

คุณอาผงะตัวออกในทันทีที่ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นพล่านทั่วร่าง พอยกแขนดูเห็นรอยเลือดยาวเป็นทางก็เตรียมง้างมือขึ้น หวังจะตบให้ฟื้นจากไข้ แต่โชคร้ายมีนางพยาบาลที่เดินผ่านมาแล้วได้ยินเสียงดังเปิดประตูเข้ามาเสียก่อน มะลิจึงรอดตายอย่างหวุดหวิด ส่วนกวินทร์รีบร้อนลงจากเตียงและกุมแขนที่เลือดอาบเดินสวนกับหญิงสาวออกไปโดยไม่มีคำอธิบาย   

นางฟ้าในคราบพี่สาวชุดขาวหันมองตามด้วยความงุนงงก่อนจะวิ่งเข้าหาเด็กน้อยที่ปล่อยมีดตกจากมือสั่น ๆ เห็นหยดเลือดเป็นดวงบนเตียงแล้วยิ่งขวัญเสียและโผเข้ากอดนางพยาบาลที่อ้าแขนรับด้วยความเต็มใจพร้อม ๆ กับกดกริ๊งเรียกให้คนในด้านนอกเข้ามาช่วย

มีการเปลี่ยนผ้าปูเตียงครั้งใหญ่ รวมถึงฉีดยาคลายเครียดให้กับร่างเล็ก โทรตามผู้ปกครองของเด็กและให้นางพยาบาลที่เข้าเวรสลับสับเปลี่ยนกันมาเฝ้า เพราะถึงจะสงบได้ด้วยฤทธิ์ยาแต่ก็ยังนอนผวาเป็นช่วง ๆ บวกกับห่วงว่าผู้ชายคนเมื่อกี้จะกลับมาทำร้ายอะไรอีก

กำลังรอให้คนทิ้งนามบัตรไว้บอกว่าถ้ามีอะไรให้โทรหาได้ตลอดมาจะได้ปรึกษาเรื่องแจ้งตำรวจ พี่สาวชุดขาวอยู่ซับน้ำตาให้กับเด็กน้อยผู้น่าสงสาร จัดผ้าห่มปัดผมที่ปรกหน้า 

จนกระทั่งมีเพื่อนพยาบาลมาตามให้ออกไปทำอะไรสักอย่าง ตอนแรกก็ลังเลไม่อยากทิ้งร่างเล็กไว้คนเดียวแต่เมื่อคนมาตามตอกย้ำว่าแค่เดี๋ยวเดียวเองก็เลยยอมออกไปพร้อมกัน

มะลินอนฝันร้ายภายใต้ความเงียบเหงาไม่นานก็มีคนดันบานประตูห้องพักเข้ามาด้านในและสาวเท้าเข้าใกล้เตียงเหล็ก ทันทีที่ถึงก็ดึงสายน้ำเกลือจากหลังมือเล็กออก มองไปทางประตูแล้วก็รีบช้อนร่างเล็ก ๆ ขึ้นพาดบ่าพาเดินออกจากห้อง ...ย่องเบาเยี่ยงแมวขโมย













---------------------------------------
✘ ✘ ✘  มาอัพตอน5แล้วค่ะ ช้าไปหน่อยต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่ก็มาแบบยาวๆเลย อ่านกันให้เหนื่อยไปข้าง อี้_อี้ ชอบไม่ชอบเม้นบอกได้กันน้า ทางทวิตก็ตามอ่านอยู่ *3* ขอบคุณสำหรับความเอ็นดูอีกครั้งค่ะ
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ ---> 9crimes - นายคราม FANPAGE
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2018 21:19:38 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
«ตอบ #45 เมื่อ24-09-2017 00:37:12 »

สงสารมะลิ  :sad4: :o12:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
«ตอบ #46 เมื่อ24-09-2017 10:38:54 »

คงไม่ได้ลงเอยกันง่าย ๆ แน่

ปล. มี ชานยอล โผล่มาหลายที่เลยค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
«ตอบ #47 เมื่อ24-09-2017 11:30:36 »

 :ling3:

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
«ตอบ #48 เมื่อ24-09-2017 23:51:56 »

กรี๊ดดด อย่าขโมยมะลิ!!  :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
«ตอบ #49 เมื่อ25-09-2017 00:43:53 »

TT
หรัญญ์แน่เลย กวินทร์ไม่น่าจะมีแรงยกได้ น่าจะล้างแผลอยู่ไรงี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
« ตอบ #49 เมื่อ: 25-09-2017 00:43:53 »





ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
«ตอบ #50 เมื่อ25-09-2017 01:04:19 »

ใครขโมยมะลิปายยยนย
ขอให้เปนพี่หรัญญ์ด้วยเถอะ
อยากให้เปนอาใจร้ายเลย
สาธุๆๆๆ

บรรยากาศเวลาอ่านเรื่องนี้
มันสีเทาๆหม่นๆยังงัยไม่รู้ค่ะ
รอวันที่อ่านแล้วรู้สึกท้องฟ้าแจ่มใสอยู่นะคะ

ออฟไลน์ nokkkey

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
«ตอบ #51 เมื่อ28-09-2017 02:01:41 »

โอ้ยตาย วังวนน้อง อย่าให้น้องเป็นอะไรเลยยยยยย คุณหรัญญ์รีบมาช่วยมะลิทีเถอะะะ :sad4:

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
«ตอบ #52 เมื่อ29-09-2017 15:28:37 »

๐๖



ท่านประธานเรียกประชุมแต่เช้า

คำสั่งเร่งด่วนทำหัวหน้าแผนกหลายคนร้อน ๆ หนาว ๆ คิดไว้ว่าต้องมีงานเข้าเจ้านายคงไม่พอใจอะไรสักอย่างเลยเรียกมาด่ารายบุคคลและลงโทษถึงขั้นไล่ออก ลูกจ้างนั่งตัวเกร็งในห้องแอบเหลือบตามองกันเลิ่กลั่กอยากจะสะกิดถามว่ามีเรื่องอะไรใจแทบขาด ครั่นจะให้ถามท่านประธานเองก็กลัวหัวจะกุด สุดท้ายจึงปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา คิดว่าถ้านายเหนือหัวพร้อมเมื่อไหร่คงพูดเอง อีกอย่างก็เพราะเกรงกลัวบารมีจากท่าทางเงียบเป็นเป่าสาก

กวินทร์นั่งหมุนปากกาในมือไปมาและมองตามด้วยสายตาเหม่อลอย

ปล่อยให้ผู้น้อยจมอยู่กับความวิตกกังวล แอบเหงื่อตกทั้งที่อากาศเย็นเหมือนอยู่ขั้วโลกเหนือและสะดุ้งกันเป็นแถบ ๆ เมื่อปากกาสั่งทำตกกระทบกับโต๊ะ ไม่มีใครกล้าโงหัวขึ้นมามองความผิดพลาดนั้น แทบจะท่องคาถาดำดินหรือกัดลิ้นให้สิ้นใจตายในหน้าที่ให้มันรู้แล้วรู้รอด

ยกเว้นก็แต่หรัญญ์ที่ฝึกปรือจนมีภูมิคุ้มกันกับบรรยากาศชวนกระอักกระอ่วนและกล้านั่งจ้องท่านประธานที่นัดประชุมด่วนเพื่อมาโชว์ทักษะการควงปากกา สงครามจิตวิทยาหาได้ทำให้กลัวหัวหด อำนาจที่สามารถชี้เป็นขี้ตายใครก็ได้ด้วยการจรดปลายปากกาก็ยังไม่ถือว่าเป็นเรื่องล้าสมัย แต่ทำแล้วจะเป็นผลดีหรือผลร้ายต่อตัวเองไหมนั่นก็ไม่มีอะไรมาการันตี

หากมีความสามารถแล้วอยากอวดก็ชวนพวกที่ว่างมานั่งดูเถอะ ถ้าอยากได้คำชมแน่นอนว่าคนทั้งห้องต้องปรบมือให้ ไม่ว่าจะทำอะไรหลายคนก็พร้อมสรรเสริญเยิ่นยอ แต่มันถึงขนาดต้องถ่อมาบริษัทแต่เช้าเพื่อเข้าประชุมกับความเงียบเหรอ ตอนแรกก็นึกว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเช่นเรื่องของหายอยากได้คืน แต่เป็นแบบนี้แล้วพลอยทำให้คนอื่นเสียเวลาชัด ๆ

หรัญญ์ตัดสินใจลุกจากที่นั่งแต่ยังไม่ทันก้าวขาซ้ายเจ้านายก็ยอมปริปาก 
   
“นั่งลง”  กวินทร์เอ่ยเสียงดังกังวานขณะมองแค่เงาสะท้อนของตัวเองในปากกาเท่านั้น 

“ไม่มีความจำเป็นที่ฉันจะต้องอยู่ที่นี่” 

“ฉันสั่งให้นั่งลง” 

นอกจากจะละโมบในกามาแล้วยังหลงใหลในอำนาจ ใช้มันข่มคนใต้บังคับบัญชาต่อหน้าธารกำนันที่นั่งกันหน้าสลอนและแน่นอนว่าถ้าหรัญญ์ไม่กลับมานั่งก็จะสั่งสอนให้หลาบจำด้วยวิธีต่าง ๆ นานา ดัดกระดูกสันหลังให้รู้จักงอพอที่จะแสดงท่าทำเคารพได้อย่างถูกต้อง 

“งั้นฉันลาออก”  ไม่ใช่กวินทร์คนเดียวที่มองเห็นช่องทางทรมานทาส หรัญญ์ที่เห็นอย่างเดียวกันจึงตัดปัญหาชิงลาออกเสียเนิ่น ๆ ดีกว่าอยู่ให้คนเกินเยียวยาโขกสับ รองเท้าหนังเดินถอยหลังสองสามก้าวแล้วโค้งทำความเคารพราชันย์และนี่คือการให้เกียรติเป็นครั้งสุดท้าย

อดีตที่ปรึกษาเดินออกมาด้วยอาการโล่งใจ กะว่าจะกลับไปที่ห้องทำงานเพื่อเก็บข้าวของน้อยชิ้น เขียดเขียนจดหมายลาออกให้เป็นลายลักษณ์อักษรก่อนจะลาขาดกับที่นี่ถาวร ความหมายเดียวกับคำว่าตลอดไป 

คอนโดคือจุดหมายปลายทางเดียวในตอนนี้และยังไม่มีสถานที่อื่นในใจ คงต้องใช้เวลาไตร่ตรองอีกนิดเรื่องความปลอดภัยและมิดชิด เพราะขนาดตนยังชิงมาได้กวินทร์ก็มีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะทวงคืนกลับไปเช่นกันและโทษของการลักพาตัวเด็กคนหนึ่งก็น่าจะหนักเอาการอยู่ อาจต้องลองซื้อหนังสือคู่มือกฎหมายมาอ่านเพื่อตั้งรับกับปัญหาที่จะตามมาอีกบานตะไท

แต่ระหว่างเดินคิดว่าจะซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับไปที่พักดี สงสัยเมื่อกี้ก้าวเท้าแรกออกมาด้วยเท้าขวา โบราณว่าไว้ว่าขวาร้ายซ้ายดี ผลของการทำให้เจ้านายขายขี้หน้าก็คือถูกชกเข้าที่หน้าอย่างจังจนเสียหลักถอยหลังไปหลายก้าว   
 
กวินทร์เดินอาด ๆ ตามออกมาก่อนจะคว้าไหล่และต่อยเข้าที่ใบหน้า อาศัยตอนอีกคนไม่ทันตั้งตัวกะจะรัวหมัดใส่ให้ยักษ์ล้มตึง แต่ก็โดนสวนกลับหนึ่งหมัดเพราะหรัญญ์ชอบความยุติธรรม ก่อนจะมีพนักงานชายแห่เข้ามาช่วยกันจับท่านประธานที่กำลังคุ้มคลั่งเยี่ยงหมาบ้า

“แกเป็นคนเอามะลิไปใช่ไหม! ไอ้คนทรยศ! ไอ้เพื่อนสารเลว!”
ระเบิดเวลาพอเวลาหมดไม่จำเป็นต้องให้คนกดปุ่มมันก็ระเบิดเองโดยอัตโนมัติ

ตอนแรกก็กลัวว่าจะเป็นการประจานถ้าถามเรื่องหลานกลางห้องประชุมเลยซุ่มกักเก็บความคลางแคลงใจไว้ แต่เพราะอีกฝ่ายไม่ให้ความยำเกรง ซ้ำยังขอลาออกเองอีกต่างหากนั่นทำให้ข้อสันนิษฐานยิ่งหนักแน่นขึ้น เมื่อคืนหวนกลับไปหาหลานและถูกตัดหน้าอีกหน แล้วคน ๆ นั้นก็จะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่ไอ้แมวขโมยที่มีสันดานชอบลักกินขโมยกินมาตั้งแต่ต้น   
 
หรัญญ์โดนปรักปรำโดยไม่มีหลักฐานและจะฟ้องกวินทร์ข้อหาหมิ่นประมาทก็ย่อมได้ แต่ที่อดีตสหายทำคือแค่ยืดอกรับข้อกล่าวหา กวนบาทาด้วยการไม่ปฏิเสธ ยอมเป็นไอ้สารเลวที่รู้ตัวดีว่าทำอะไรลงไปดีกว่าพวกคิดไม่ได้ว่าตัวเองเคยทำเลวอะไรไว้บ้าง
 
“ถ้าจับไว้ไม่อยู่ก็ใช้วิธีล่ามโซ่เอานะ ท่านประธานเขาชอบ”

หันไปบอกเคล็ดลับกับพวกที่พยายามช่วยกันห้ามก่อนจะกลับหลังหันเดินออกมาจากตรงนั้นพร้อมรอยยิ้มมุมปาก สลัดเรื่องราวหนักใจทิ้งไประหว่างทางทุกย่างก้าวและกลับมานั่งส่องกระจกมองโหนกแก้มตัวเองในเงาสะท้อน ไม่เคยถูกต่อยมาก่อนเลยไม่รู้ว่าจะเจ็บขนาดนี้

สักพักก็มีสายเข้าคนอีกฟากฝั่งรีบถามข่าวคร่าวก็รายงานไปตามจริง หญิงร่างท้วมห่วงคุณหนูไม่แพ้ใคร เผลอ ๆ อาจจะมากมายเทียบเท่ากับความเป็นห่วงใยของคนเป็นแม่ด้วยซ้ำ ถึงขั้นซื้อโทรศัพท์เอาไว้ติดต่อยามฉุกเฉิน  ‘คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างคะ’ 

“ตื่นมากินยาแล้วก็เพิ่งหลับไปอีกรอบครับ คงอีกพักใหญ่ ๆ กว่าจะตื่น” 

นัยน์ตาดำด้านมองเข้าไปในห้องนอนที่ตอนนี้มีคนกำลังใช้บริการ มีเด็กน้อยกำลังยึดหมอนข้างเป็นตัวประกัน ฝันหวานว่าได้กอดจอมโจรปล้นใจที่ลักพาตัวมาไว้ในรังรัก   

‘คุณพอมีเวลาไหมคะ…’

หรัญญ์กลับให้ความสนใจกับคนในสายอีกครั้ง ระหว่างเอาโทรศัพท์แนบหูก็เดินมาจัดของเข้าตู้เย็น  “ผมลาออกแล้ว หลังจากนี้คงมีเวลาว่างเยอะเลย ป้ามีอะไรหรือเปล่าครับ”

‘ยังอยากฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ไหมคะ…’

มือที่หยิบของสดออกจากถุงพลาสติกหยุดนิ่งชั่วครู่  “เล่ามาเถอะครับ เพราะผมจำเป็นต้องรู้เรื่องของกวินทร์ให้ได้มากที่สุด”  หากคิดจะยุติความบาดหมางด้วยกฎหมาย   
 
‘เรื่องมันนานมาแล้วค่ะ …แต่ดิฉันก็ยังจำรายละเอียดได้แม่นยำอย่างกับเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อวาน แปลกดีนะคะที่พ่อของคุณชายมีทายาทถึงห้าคน แต่ผลผลิตเหล่านั้นก็ต้องมีอันเป็นไปแทบทุกราย ล้มหายตายจากไปทีละคนสองคน’ 

“ผมได้ยินมาว่าตระกูลของกวินทร์เป็นตระกูลต้องสาป”

‘ดิฉันมาทีหลังและรับใช้คุณพ่อคุณแม่ของคุณชายตั้งแต่ยังสาว ๆ ก็เคยได้ยินเรื่องเล่าปากต่อปากของรุ่นคุณทวดรุ่นคุณปู่มาบ้างจากคนอื่น ดิฉันไม่รู้ตื้นลึกหนาบางนักหรอกค่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องของครอบครัวคุณชายแล้วล่ะก็ ...มันคือบาปกรรมที่พวกเขาต้องร่วมกันรับผิดชอบค่ะ’






มีต่อด้านล่าง


ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
«ตอบ #53 เมื่อ29-09-2017 15:46:31 »

“ผมไม่เข้าใจ…”

‘คนร้ายกว่าผีคุณเคยได้ยินคำนี้ไหมคะ’

“ครับ”

‘เมื่อก่อนดิฉันก็นึกว่ามันเป็นประโยคที่ไม่มีความหมายอะไร จนได้สัมผัสด้วยตัวเองว่าคนเป็นน่ากลัวกว่าคนตายหลายร้อยเท่า คุณหนูมะลิมีศักดิ์เป็นหลานแท้ ๆ ของคุณชายจริงค่ะ …แล้วก็เป็นทายาทระหว่างสายเลือดของคนในตระกูล’

มือใหญ่หยุดจัดขวดนมในชั้นวางแทบทันทีที่ตีความประโยคหลังออก 

‘คุณหนูมะลิเป็นลูกของพี่สาวกับพี่ชายของคุณชายค่ะ’  เสียงปลายสายสั่นแต่ไม่ใช่เพราะการพูดถึงคนตาย แต่เพราะสะเทือนใจที่คนเป็นต้องมาชดใช้ในบาปที่ไม่ได้ก่อ  ‘น่าขันที่บางทีฟ้าก็ชอบกลั่นแกล้งให้เรารักคนที่ไม่ควรรัก’

“ผมก็ว่าอย่างนั้น”  หรัญญ์เอ่ยแผ่วเบาเข้าใจเป็นอย่างดี

‘ใคร ๆ ก็รู้ว่าความรักฉันชู้สาวระหว่างคนในครอบครัวถือเป็นบาปมหันต์ แต่บาปมันก็หอมหวานเกินกว่าจะห้ามใจ คนเรายอมทำผิดใหญ่หลวงเพื่อแลกกับความสุขแค่ประเดี๋ยวประด๋าว ความรักของวัยหนุ่มสาวก็เป็นดั่งสงคราม ง่ายที่จะเริ่มแต่ยากที่จะหยุด ลุกลามเหมือนไฟลามทุ่ง ต่อให้เอาน้ำมาราดเขม่าควันก็ยังลอยคลุ้งจนคนสังเกตเห็นอยู่ดีจริงไหมคะ’

ดั่งเช่นตนที่พยายามปกปิดแต่มันก็ยากจะกลบกลิ่นคาว 

‘ทั้งคู่อยากเก็บความสัมพันธ์ต้องห้ามไว้เป็นความลับ ลักลอบเจอกันในช่วงกลางค่ำกลางคืนและแยกจากกันก่อนที่คนในบ้านจะตื่นมาเห็นเข้า แต่จู่ ๆ เช้าวันหนึ่งคุณแม่ของคุณหนูก็มีอาการเหม็นอาหารและโอ้กอ้าก อาเจียนท่ามกลางญาติพี่น้อง ดิฉันยังจำความชุลมุนในห้องทานอาหารได้ คนใช้หญิงอีกคนต้องรีบโทรตามหมอประจำตระกูลมาโดยเร็วก่อนหมอจะตรวจพบอาการตั้งครรภ์ได้สองอาทิตย์กว่าในตัวหญิงสาวที่ไม่ทันจะออกเรือน …เธอท้องกับใครเป็นปริศนาที่ท้ายยังไงก็คงไม่ถูก ลูกสาวคนที่สองต้องอยู่กับสถานะท้องไม่มีพ่อเพราะไม่ยอมปริปากเล่าความจริง แล้วสิ่งเลวร้ายที่ตามมาก็คือการถูกกร่นด่าสาดเสียเทเสีย ชิงสุกก่อนหาม คงไม่พ้นเสียตัวให้กับคนไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า เป็นลูกสาวคนมีตระกูลเสียเปล่าแต่กลับใฝ่ต่ำ จะจับใส่ตะกร้าล้างน้ำก็คงยาก ผู้ชายที่ไหนบ้างอยากได้เมียที่มีลูกติด …คนเราใจดำอำมหิตได้มากกว่าที่คิดอีกนะคะ ดิฉันจำได้ว่าตอนที่แม่ของคุณหนูตั้งครรภ์นายหญิงถึงขั้นผสมยาขับเลือดลงในอาหารหวังจะกำจัดก้อนเนื้อแห่งความอัปยศ อับอายเกินกว่าจะเห็นลูกสาวเดินท้องป่องไปมาและนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คนเป็นพ่อเด็กทนไม่ไหว ลูกชายคนโตประกาศกร้าวอย่างห้าวหาญว่าเด็กคนนั้นคือลูกของผมและตามด้วยการถูกตบฉานใหญ่ นอกจากนายใหญ่จะไม่เชื่อแล้วยังคิดว่าพี่น้องพยายามช่วยกับปกปิดอีกต่างหาก มันคงยากที่จะเชื่อจริง ๆ นายใหญ่กับคุณผู้หญิงกินไม่ได้นอนไม่หลับจมอยู่กับความคิดจะทำเยี่ยงไรไม่ให้ตระกูลหม่นหมองไปมากกว่านี้ ก่อนจะมีคำสั่งให้พี่ชายคนโตตีตัวออกห่างจากบรรดาน้อง ๆ ถ้าอยากครองตำแหน่งอันดับหนึ่งก็พึ่งระวังกิริยาท่าทาง ไม่อยากถูกตัดจากกองมรดกก็ต้องไม่เซ็นตกลงรับเป็นพ่อเด็ก …แล้วคนเราก็เลือกที่จะเห็นแก่ตัว คงกลัวจะไม่มีเงินทองใช้ในบั้นปลายชีวิตเลยยอมหมั่นหมายกับหญิงอีกตระกูลและเลิกพูดเรื่องความรับผิดชอบในตัวแม่และเด็ก’

“แล้วพี่น้องที่เหลือ ๆ ล่ะครับ ไม่มีใครคิดจะทำอะไรเลยเหรอ”

‘ลำพังเป็นแค่ลูก อย่างมากก็ช่วยพูดแก้ต่างให้ได้แค่ครั้งสองครั้งค่ะ เพราะทุกคนต่างก็กลัวกับอนาคตถ้าหมดบารมีพ่อแม่แล้วจะไปพึ่งพิงใครจริงไหมล่ะคะ ตอนนั้นดิฉันยังกลัวเลยว่าถ้าเหล่าคุณหนูลูกขึ้นต่อต้านบ้านจะยังเป็นสถานที่สำหรับครอบครัวอยู่ไหม’

“แล้วแม่ของมะลิล่ะครับ ใครดูแลเธอ”

‘ก็คนเดียวกับที่นำคุณหนูมาเลี้ยงนั่นแหละค่ะ เมื่อก่อนคุณชายกวินทร์เป็นคนน่ารักนะคะ มีจิตใจที่โอบอ้อมอารี แกชอบแอบซื้ออาหารบำรุงมาให้พี่สาวบ่อย ๆ แล้วก็คอยเป็นกำลังใจให้อยู่ห่าง ๆ ยังรักพี่สาวที่ทรมานกับการแพ้ท้องแล้วยังเสียใจที่ต้องเสียคนรักไปอีก คุณชายไม่ได้นับถือเงินว่าเป็นพระเจ้าเลยยอมขัดคำสั่งของพ่อแม่เป็นครั้งคราว แถมเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับพี่สาวที่เตรียมคลอดแบบลับ ๆ อยู่เป็นเพื่อนจนกระทั่งความอัปยศที่พวกเขาเรียกออกมาลืมตาดูโลก แต่ก็ยังไม่วายมีเรื่องตลกร้ายยิ่งกว่า…’

“อะไรเหรอครับ”  หรัญญ์ถามด้วยความอยากรู้ เลิกให้เวลากับตู้เย็นแล้วเบนเข็มเข้ามาในห้องนอน หย่อนตัวนั่งริมเตียง ลูบผมคนหลับอุตุเล่นระหว่างฟังเสียงสั่นเครือเอ่ยอีกครั้ง   

‘คุณแม่ของคุณหนูสิ้นใจหลังคลอดค่ะ แม่ตายเพื่อให้เจ้าได้เกิดมา เด็กคนหนึ่งกลายเป็นฆาตกรโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ มันไม่ยุติธรรมกับชีวิต ๆ นึงเลยสักนิด คุณหนูมีความผิดติดตัว เกิดเพราะสายเลือดเดียวกันของคนในครอบครัวก็ยังว่าแย่นี่ยังถูกกล่าวหาว่าฆ่าแม่โดยเจตนา ไหนจะคำครหาอีกนับไม่ถ้วน คุณหนูควรจะมีชีวิตที่สุขสบายไม่ใช่ถูกส่งกลับมาตกระกำลำบากอยู่กับคนที่แม้แต่หางตาก็ยังไม่อยากจะเหลือบมอง คุณหนูบกพร่องทางสมองแต่จิตใจก็ยังปกติดีไม่เหมือนพวกผู้ใหญ่ที่ใจพิการและพาลโทษว่าเป็นเพราะเด็กคน ๆ เดียวที่ทำลายชื่อเสียงของวงษ์ตระกูล คุณพ่อของคุณชายต้องซ่อนคุณหนูไว้ในส่วนที่มืดที่สุดของบ้านเพื่อป้องกันความลับรั่วไหล เมื่อหมดใบบุญแม่ก็ไม่มีใครออกโรงปกป้องคุณหนูอีก’

“แล้วกวินทร์ล่ะครับ เขาตามดูแลพี่สาวแล้วก็น่าจะตามดูแลหลานด้วย” 

‘นายใหญ่คงรู้มั้งคะว่าคุณชายเป็นคนหัวดื้อแล้วก็พร้อมจะขัดคำสั่งเพื่อให้ได้เข้าใกล้หลาน ท่านเลยจัดการให้คุณชายเรียนต่อที่เมืองนอกตั้งแต่นั้น ไม่ต้องกลับมาพร้อมหลาน’

“แล้วพ่อมะลิไม่ทำอะไรเลยเหรอครับ เขาน่าจะทำอะไรบ้างสิในฐานะพ่อ”

‘พ่อของคุณหนูตรอมใจเรื่องที่แม่ของคุณหนูตายแล้วก็ละอายเกินกว่าจะเข้าใกล้ลูกด้วยซ้ำค่ะ โทษตัวเองต่าง ๆ นานา จนกระทั่งหาทางดับทุกข์ด้วยน้ำเมาและเช้าวันหนึ่งก็มีตำรวจโทรมาที่คฤหาสน์แจ้งว่าพ่อของคุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตคาที่ บางทีนี่อาจจะเป็นจุดจบของคนขี้ขลาดก็ได้ค่ะ แล้วเวรกรรมก็ตามจองล้างจองผลาญชีวิตแต่ละคนจนครบในฐานะผู้สมรู่ร่วมคิด ทั้งเห็นทั้งได้ยินแต่ทำเหมือนไม่มีอะไร  …ว่ากันว่าที่คุณหนูเกิดมาผิดปกติก็เพราะฟ้าดินลงโทษ เป็นผลพวงมาจากการที่พี่น้องร่วมหลับนอนกันเอง เด็กที่ควรจะสมบูรณ์เลยไม่สบประกอบ ซ้ำร้ายยังไม่ได้รับการยอมรับ ถูกเลี้ยงแบบตามมีตามเกิด อดบ้างอิ่มบ้างแต่ก็ยังดวงแข็งน่าดู อยู่เป็นหนามยอกอกลงโทษพวกผู้ใหญ่ใจทรามด้วยความน่ารัก เป็นความบริสุทธิ์เดียวในบ้านหลังใหญ่’

“มะลิคงร้องไห้ทุกวันเลยสินะครับ” 

‘ตรงกันข้ามเลยค่ะ ดิฉันไม่เคยเห็นคุณหนูร้องไห้งอแงเลยสักครั้ง บอกให้นั่งก็นั่ง สั่งให้นอนก็นอน แล้วก็เป็นเด็กที่อ่อนโยนมากด้วย’ 

“แล้วนานไหมครับกว่ากวินทร์จะกลับมา”

‘เจ็ดปีกว่าค่ะ พอดีว่าปีนั้นนายหญิงสิ้นใจ ก่อนหน้านั้นลูกสาวลูกชายก็ทยอยกันล่วงลับ นายใหญ่ที่ใจไม่ค่อยดีเลยเรียกคุณชายกลับมาอยู่ด้วยกันค่ะ’

“แล้วเขากลับมาจัดการเรื่องมะลิยังไงเหรอครับ”

‘ตอนนั้นอำนาจเด็ดขาดก็ยังอยู่ที่คุณพ่อคุณชายค่ะ แต่บรรยากาศในบ้านก็ต่างจากเดิมลิบลับ ดิฉันเห็นภาพสองอาหลานเล่นกันบ่อยจนชินตา ดูแลแทนในฐานะพ่อ ป้อนข้าวป้อนน้ำ พาเข้านอนบางคืนกอดกันจนหลับไปเลยก็มี คุณหนูมีชีวิตชีวาขึ้นส่วนหนึ่งก็เพราะคุณชายค่ะ’

“ผมไม่แปลกใจเลยที่เขาหวงมะลิขนาดนี้”

‘แต่เขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าใครสักเท่าไหร่หรอกค่ะ…’

“มันเกี่ยวกับรูปภาพบนผนังในห้องมะลิด้วยใช่ไหมครับ”

‘ดิฉันรับใช้ตระกูลนี้มานาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็มากแต่ก็ยังไม่เคยพบเจอเรื่องอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คุณชายมองคุณหนูไม่เหมือนเดิม ยิ่งคุณหนูเติบโตก็ยิ่งสวยสระ เหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่ดูคงทนแต่ความจริงเปราะบางและแตกหักง่าย วันหนึ่งคุณหนูเดินมาหาดิฉันอย่างอาย ๆ แก้มแดงก่ำเป็นสีเดียวกับลูกมะเขือเทศ ดิฉันจึงถามว่าเป็นอะไรมาคะ คุณหนูมีอาการเขินอายกว่าเก่าก่อนจะทำมือให้ดิฉันก้มหน้าจนพอที่ขาเล็กจะเขย่งถึง คุณหนูหอมแก้มดิฉันหลังจากที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องคุณชาย แล้วจะให้คิดว่าอย่างไรล่ะคะ แถมหลัง ๆ มาคุณชายก็ทำตัวตามติดคุณหนูยิ่งกว่าอะไรดี แอบพาไปในที่ลับตาคน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตานายใหญ่ไปได้ เพราะลูกยังไงก็คือลูกพอทำอะไรไม่ถูกก็ต้องตักเตือน แต่ดูเหมือนจะเป็นดุด่าเสียมากกว่า อย่าทำให้ตระกูลฉันมีราคี อย่าให้เกิดเรื่องบัดสีในบ้านเป็นหนที่สอง พ่อลูกจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมลดละแล้วก็มีปัญหาระหองระแหงกันตั้งแต่นั้นมา นับ ๆ แล้วก็ร่วมสี่ปีที่พ่อลูกขุ่นข้องหมองใจกันก่อนจะเกิดการจัดฉากการตาย’

“จัดฉากการตาย…?”

‘ใช่ค่ะ คุณชายขอให้ดิฉันช่วยอีกแรงมีหน้าดูแลคุณหนูมะลิตอนพาไปซ่อน แล้วดิฉันก็เพิ่งมารู้แผนการตอนหลังจากการเล่า ก็แค่เอาเถ้ากระดูกของใครไม่รู้มาสมอ้างเป็นหลักฐานการตายบวกกับแต่งเติมเรื่องราวเข้าไปว่าเด็กไม่สมประกอบเผลอเล่นไฟจนไหม้ร่างตัวเอง คุณชายเอาเถ้ากระดูกที่พอรวบรวมได้มาให้นายใหญ่ดูชัด ๆ ประกอบกับการแสดงเสียใจมีน้ำตาไหลให้พอดูสมจริง ตอนนั้นดิฉันเห็นด้วยเพราะคิดว่ายิ่งห่างจากคนใจร้ายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งปลอดภัยเท่านั้น หลานตายไปทั้งคนอนาคตตระกูลก็ยิ่งสั้นแต่แทนที่จะเศร้าดันหัวเราะราวกับมีเรื่องน่ายินดี ไม่มีการตรวจดีเอ็นเอให้เสียเวลา บอกแค่ว่าตาย ๆ ไปซะก็ดีแล้วก็ไม่มาแม้แต่ตอนทำพิธีศพแบบปลอม ๆ ในสุสาน’

ได้ยินมาถึงตรงนี้แล้วหรัญญ์ถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก สับสนว่าจะต้องรู้สึกอย่างไรเพราะในฐานะคนฟังมันช่างชวนบีบหัวใจ ตลกร้ายอย่างที่ว่า เปรียบดั่งละครโศกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวโศกนาฏกรรมและไม่ได้มอบความจรรโลงให้เลยแม้แต่สักนิดเดียว

‘คุณอาจสงสัยว่าในขณะที่พี่น้องตายไป ทำไมคุณชายยังอยู่มาจวบจนปัจจุบัน คุณชายของดิฉันตายไปนานแล้วค่ะ เหลือไว้ก็แต่ร่างไร้วิญญาณมีซาตานร้ายควบคุมอีกที ดิฉันไม่เคยเฉลียวใจและเชื่อหมดใจว่าคุณชายเป็นคนเดียวที่รักคุณหนูจริง ๆ บนโลกใบนี้ แล้วกาลเวลาก็พิสูจน์ว่าเราทุกคนไม่ได้ดีเด่ไปกว่าใคร ตอนแรกดิฉันแค่คิดว่าคุณชายป่วยพบหมอเดี๋ยวก็หาย แต่โรคร้ายนั้นมันก็คร่าความเป็นคนจนหมดสิ้น ดิฉันเองก็มีส่วนผิดที่ไม่รู้จักห้ามปราม รับแต่เงินเป็นค่าปิดปาก กว่าจะสังเกตได้ว่าคุณหนูไม่ร่าเริงเหมือนเก่ามันก็สายไปแล้ว ดิฉันไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องใต้หลังคาอย่างไรเพราะส่วนใหญ่จะถูกสั่งให้ทำงานบ้านอยู่แต่ชั้นล่าง ดิฉันมักจะอาศัยช่วงระหว่างทำความสะอาดห้องของคุณหนูตรวจดูความเรียบร้อย บ้างก็พบคราบแห้งกรังบนผ้าปูที่นอน บ้างก็เลอะตามชุดตอนก่อนนำพาไปซัก อยากจะคิดว่าไม่ใช่แต่อะไรจะชัดเจนกว่าหลักฐานที่มีอยู่ในมือ เคยรวบรวมความกล้าเพื่อที่จะถามแต่ท้ายที่สุดก็ทำได้แค่ก้มหน้า ปิดหูปิดตาตัวเองซะถ้าไม่อยากเดือดร้อน ดิฉันทอดทิ้งคุณหนู’ 

“เรื่องมันผ่านมาแล้วครับ โทษตัวเองไปก็คงไม่มีประโยชน์ ผมขอโทษนะครับที่ต้องพูดแบบนี้แต่เราไม่มีเวลามาคร่ำครวญกับอดีตอีกแล้ว”  ยอมรับว่าโกธรคนทั้งคู่ หญิงร่างท้วมผิดจริงฐานรู้เห็นเป็นใจในขณะที่มีกวินทร์คอยบงการ แต่ก็อย่างที่พูดนั่นแหละ เรื่องมันผ่านมาแล้ว รื้อฟื้นไปก็ไม่ได้ทำให้ความเศร้าเปลี่ยนเป็นความสุข อดีตเลวร้ายถูกลบล้างด้วย ยางลบไม่ได้แต่จะคงอยู่เป็นอนุสรณ์ในใจ ไม่ใช่เพื่อให้รำลึกด้วยความคิดถึงแต่วันใดวันหนึ่งมันจะมีประโยชน์ เป็นบทเรียนที่ใช้ประกอบการตัดสินใจ  “ป้ายังมีโอกาสแก้ตัวนะครับ ช่วยผมทำให้ปัจจุบันและอนาคตของมะลิมีแต่ความสุข ป้าพอจะช่วยผมได้ไหมครับ” 

หรัญญ์ยิ้มบาง ๆ ให้กับร่างเล็กที่ปรือตาขึ้นตื่นจากนิทราหันหน้าตะแคงข้างมายิ้มให้อย่างน่ารัก ต่างจากเมื่อหลายชั่วก่อนที่ตื่นมาบนเตียงนอนแปลกตาและร้องไห้หาคนช่วยเพราะด้วยความที่นึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย จนเมื่อได้เห็นว่าใครวิ่งเข้ามาในห้องนั่นแหละถึงได้เลิกงอแงแล้วเปลี่ยนเป็นดีใจแทบลืมไข้ ติดที่ตัวยังร้อนไม่อย่างนั้นก็คงนึกว่าหายแล้ว

“ไง”  ทักทายเด็กน้อยด้วยเสียงทุ้มต่ำหลังวางสายโทรศัพท์เรียบร้อย มองมะลิที่ค่อย ๆ เขยิบตัวมาใกล้เอาใบหน้าซุกท่อนแขนตัวเองด้วยสายตาเอ็นดู  “หิวไหมครับ”

เสียงท้องร้องน่าจะเป็นคำตอบได้ ร่างเล็กยิ้มเขิน ๆ ในขณะนอนเอามือลูบหน้าท้อง

“มาเถอะ”  เจ้าของห้องพาแขกกิตติมศักดิ์ออกมาข้างนอกและแนะนำให้รู้จักกับข้าวของเครื่องใช้ สามารถหยิบจับอะไรก็ได้ให้ถือซะว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองก็แล้วกัน

หรัญญ์ยืนทำอาหารง่าย ๆ ให้ทาน ระหว่างพัดอะไรสักอย่างในกระทะก็สัมผัสได้ถึงแรงประทะจากด้านหลัง ร่างเล็กวิ่งมาสวมกอดเพื่อเป็นการให้กำลังใจหลังแอบไปยืนเอาหน้าแนบกระจกมองโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายอยู่นาน

“อ้อนจะเอาอะไรน่ะเรา”

ร่างเล็กส่ายหน้าว่าเปล่าไม่มีเป้าหมายในการเข้าหาสักหน่อย เด็กน้อยมองค้อนก่อนจะผละตัวออก เปลี่ยนเป็นเดินสำรวจห้องที่กว้างขวางและแอบจับของบางอย่างด้วยความซน แล้วมือนั้นก็ปัดโดนกรอบรูปจนตกพื้น มะลิยืนมองรอยร้าวบนกระจกด้วยความตกใจ

ส่วนพ่อครัวชั่วคราวก็รีบพักเตาและเดินเข้ามาดูเหตุการณ์ หรัญญ์กันร่างเล็กออกจากบริเวณเพราะไม่รู้ว่าเศษกระจกเล็ก ๆ กระเด็นไปทางไหนบ้าง ไม่จำเป็นต้องบอกซ้ำสองพอเห็นของมีคมแล้วก็ถอยห่างไปเป็นวา ความทรงจำเมื่อคืนย้อนกลับมาเป็นฉาก ๆ บวกกับเห็นรูปที่มือใหญ่ดึงออกมาจากใต้ซากกระจกแล้วยิ่งตัวสั่น  “กลัว…”

“ก็แค่รูปตกแตกเองน่า ไม่มีอะไรน่ากลั… มะลิ…?”

หรัญญ์วางมือจากงานเก็บกวาดเมื่อหันมาเห็นอาการไม่สู้ดีของร่างเล็กเท่าไหร่

แล้วลดสายตามองตามถึงได้เห็นว่าดวงตาตื่นกลัวกำลังมองคนในรูปถ่าย รูปวัยมหาลัยที่ถ่ายคู่กับเพื่อนรักกอดคอกันยิ้มกว้างให้กับกล้อง เพื่อความสบายใจของผู้อยู่การเก็บลงกล่องก็ดูจะเป็นทางออกที่ดี มือใหญ่ไล่เก็บทุกรูปที่มีกวินทร์ระหว่างที่ร่างเล็กนั่งกินข้าวผัดอย่างมูมมาม ปล่อยให้เลอะเทอะเพราะเดี๋ยวก็จะพาอาบน้ำทีเดียว แต่ไม่ลืมตะโกนบอกว่าให้เคี้ยวละเอียด ๆ แล้วถ้าเนียนไม่กินผักระวังจะถูกตีก้น

ที่นี่ไม่มีลำธารแต่อ่างอาบน้ำก็น่าจะพอทดแทนกันได้อยู่ ร่างเล็กชอบฟองสบู่เป็นอย่างมากหันหน้าหันหลังไม่รู้จะกวาดฟองเข้าหาตัวจากทางไหนก่อนดีขณะเครื่องตีฟองส่วนตัวสลัดคราบพ่อครัวมาเป็นคนใช้ ถลกแขนเสื้อถึงข้อศอกพลางออกปากว่าอีกห้านาทีให้หลังต้องขึ้นจากน้ำเพราะเดี๋ยวไข้กลับ แต่ท้ายที่สุดก็ตามใจให้เวลาเกือบสิบนาทีช่วยขัดสีฉวีวรรณจนร่างกายสะอาดสะอ้านและเพราะหาซื้อใหม่ให้ไม่ทันเลยแบ่งปันเสื้อผ้าตัวเองให้ร่างเล็ก

เด็กน้อยเหมือนเอาชุดคุณพ่อมาใส่ ความยาวกางเกงนอนไม่พอดีเสื้อก็กินพื้นที่เศษสามส่วนสี่ของร่างกาย มีอะไรให้ใส่ก็ยังดีกว่าหนาวตายด้วยสภาพล่อนจ้อน ห้องนอนที่เคยเงียบเหงาเคล้าไปด้วยเสียงหัวเราะเพราะร่างเล็กตลกนิทานที่หรัญญ์พยายามด้นสดจนเกือบจบ

มะลิสลบเหมือดคาอกหนาเพราะฤทธิ์ยาแก้ไข้มื้อสุดท้ายที่กินเข้าไป นอนหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ เจอร่างเล็กหลับใส่คนนอนร่วมเตียงก็ได้แต่ยิ้มกว้าง จริง ๆ แล้วตัวเองก็อยากจะพักผ่อนเหมือนกัน นัยน์ตาดำด้านจ้องเพดานห้องนอนมองขณะสมองยังทำงาน
 
‘ดิฉันไม่เคยเฉลียวใจและเชื่อหมดใจว่าคุณชายเป็นคนเดียวที่รักคุณหนูจริง ๆ บนโลกใบนี้’

“อยากรู้จังว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้นายทรยศความรักของตัวเอง ไอ้กวินทร์”
ทำอะไรสิ้นคิดกับหลานตัวเองเพราะสาเหตุอันใด
ระหว่างนอนคิดว่าทำไม

คนอีกฟากก็เพิ่งวางสายโทรศัพท์ …คำพูดสุดท้ายกับปลายสายมีใจความว่าเด็กให้จับเป็น ส่วนผู้ใหญ่ให้จับตายแล้วเอาศพมันมาให้ฉัน













---------------------------------------
✘ ✘ ✘  มาอัพตอน6แล้วค่ะ ช้าอีกแล้วต้องขออภัยด้วยนะคะ พาร์ทย้อนความหลังจะยังมีอีกนะคะ รับรองงานนี้ซึม :hao5:
สำหรับคนที่อาจจะสงสัยว่าเอ๊ะ จะจบดีไหมหรือแบดเอน สบายใจได้ค่ะ จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งแน่นอนค่ะ (จบดีในแบบของตุ๊กติ๊กนะคะ)5555555555555555 เนื้อหาเดินทางมาเกินครึ่งแล้วค่ะ อีกไม่นานเรื่องราวน่าสงสารของหนูมะลิก็จบลงแล้ว เป็นกำลังใจให้น้องด้วยนะคะ บอกเล่าความรู้สึกผ่านทางคอมเม้นหรือทางทวิตเตอร์ก็ดี ตุ๊กติ๊กตามอ่านอยู่นะคะ ขอบคุณสำหรับความเอ็นดูอีกครั้งค่ะ
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ ---> 9crimes - นายคราม FANPAGE
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2018 21:19:40 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
«ตอบ #54 เมื่อ29-09-2017 16:15:58 »

ถึงขนาดต้องสั่งฆ่ากันเลยเหรอ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
«ตอบ #55 เมื่อ29-09-2017 17:58:58 »

 :hao5:

ออฟไลน์ __puppy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
«ตอบ #56 เมื่อ29-09-2017 21:50:22 »

 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
«ตอบ #57 เมื่อ29-09-2017 23:24:14 »

จากเพื่อนรักกลายเปนเพื่อนแค้นซะแล้ว
กวินน่าจะสำนึกได้ละนะ ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด
เด็กคนนึงต้องมามีตราบาป จิตใจบอบช้ำ
แถมคนที่กนะทำยังเปนคนในครอบครัวอีก

นี่มาครึ่งทางแล้วเหรอคะ
ยังไม่อยากให้จบเลยค่า

ออฟไลน์ valenpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
«ตอบ #58 เมื่อ30-09-2017 01:55:26 »

ชีวิตน้องมะลิแบบ... โอ้ยยยลูก อยากดึงน้องมากอด :o12:

ออฟไลน์ wargroup

  • Twitter/IG : @inaSSusani
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
«ตอบ #59 เมื่อ02-10-2017 06:43:30 »

สนุกมาก ชอบมาก พล็อตแปลกใหม่ ดาร์คเข้มข้น แหวกแนว สวนกระแสมาเลย
แถมมีภาษาเฉพาะตัวที่โลดโผน สวิงสวาย ชวนอ่าน ชวนติดตามมากค่ะ กดเป็ดกดบวกให้หมดแม็กฯ

และป้า "เยมี" ก็โผล่มาด้วย >>> “ป้าเยมียังมีโอกาสแก้ตัวนะครับ ช่วยผมทำให้ปัจจุบันและอนาคตของมะลิมีแต่ความสุข ป้าพอจะช่วยผมได้ไหมครับ”


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด