-จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑  (อ่าน 168832 ครั้ง)

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
อยู่ดีๆก็ได้ผัวเฉยยยยย

ออฟไลน์ moosawvans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอ้ยยยยฉาก ที่ครัววว  :impress2:

ออฟไลน์ Maneemantra7

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เดี๋ยวนะปฐวี นายแกล้งใสใช่มะ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :z1: เสร็จแน่ๆ  :z1:  :z1:  :z1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ดำเนินเรื่องปานเรือเหาะลำใหม่ ในกองทัพของผู้พันฉลาม ช้อบชอบ น้ำตาซึมตอนแรก

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ขนาดนี้แล้วพี่ฉลามยังมาสงสัยอะไรอีกคะ  :hao3:

ออฟไลน์ R.michi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
รอฉลามกินลูกเป็ด :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ซิสหายไปไหนกลับมาต่อนิยายเดี๊ยวนี้ มาไวไวนะ

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5

ตอนที่ ๗

อากาศเย็นชื้นจากเครื่องปรับอากาศแตะผิวของนายตำรวจหนุ่มที่โผล่พ้นผ้าห่ม คิ้วบางขมวดมุ่นเมื่อแสงแดดยามเช้าส่องแยงตา เขากุมหัวพร้อมอาการปวดหัวจี๊ด รู้สึกหนักที่กลางลำตัวเหมือนถูกรัด ลมอุ่นเป่ารดหน้าทำให้ชัยวัตรค่อยๆเปิดเปลือกตา

หนัก..

ภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มผิวเข้มคนหนึ่งกำลังนอนหลับตาพริ้มและกำลัง.. กำลัง..

กอด? กอดเขา?

“เหี้ยย! อะไรวะเนี่ย” เขาสลัดตัวออกจากอ้อมกอดจนเกือบผลัดตกเตียงคิงไซส์ ชายหนุ่มส่ายหัวช้าๆพยายามไล่เรียงเหตุการณ์เมื่อคืน เขาจำได้ว่าตัวเองนั่งดื่มกับเพื่อนที่บาร์ แล้วไหงตื่นขึ้นมากลับมีผู้ชายมานอนกอดเขาบนเตียงในห้องของตัวเองได้ ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วช่วงล่าง ชัยวัตรตื่นเต็มตาทันที

“คุณวัตร..” เด็กหนุ่มสะลึมสะลือ มือหนารั้งเอวนายตำรวจให้เข้ามาใกล้ “นอนต่อเถอะครับ ยังเช้าอยู่เลย”

“ไอ้!” พูดได้แค่คำเดียว ใบหน้าชายหนุ่มก็บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด “มึงทำอะไรกู”

“ทำ?” ปฐวีลุกขึ้นนั่ง มือซ้ายขยี้ตา เมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนก็ปาไปตีสี่ ตอนนี้ลืมตาแทบจะไม่ขึ้น เรี่ยวแรงของเขาถูกผู้กำกับหนุ่มสูบไปทั้งคืน  “สามรอบครับ”

“อะไรนะ”

“เราทำกันไปสามรอบ” ปฐวีเกาหัวแกรก “ถ้าผมไม่กอดคุณไว้จนหลับ มีหวังได้ต่อรอบที่..”

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้!” ชัยวัตรเบิกตาโพลง อาการปวดร้าวเหมือนร่างกายจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ คือคำตอบทั้งหมดของเหตุการณ์เมื่อคืน “ไสหัวออกไปจากห้องกู” เขาพยายามขยับตัวไม่ให้สะเทือนไปยังเบื้องล่าง สองแขนที่ยังว่างหยิบเอาเศษซากเสื้อผ้าที่ไม่ใช่ของเขาโยนออกไปทางประตู

“อย่าโยนครับคุณวัตร” ปฐวีคว้ากางเกงเอาไว้ได้ทันแต่กระเป๋าเงินและบัตรสำคัญร่วงกราวเต็มที่นอน “มีอะไรค่อยพูดค่อยจาสิครับ”

“กูจะแจ้งความ กูจะแจ้งตำรวจ”

“ใจเย็นครับคุณตำรวจ” ปฐวีหลุดขำ เหมือนเจ้าตัวจะโมโหจนหน้าแดงก่ำจนลืมไปว่าตัวเองนั่นแหละเป็นตำรวจ “ผมยินดีอธิบายเรื่องราวทั้งหมด”

“กูไม่ฟัง”

“คุณวัตร”

“เสียแรงที่กูสงสาร ไอ้เด็กเวร!”

“ผมยินดีรับผิดชอบ” เด็กหนุ่มกุมมือของชัยวัตรที่กำแน่น เขากำลังโมโห เขากำลังโกรธ ปฐวีไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี เป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ยับยั้งชั่งใจให้ดีถึงได้ทำให้ชัยวัตรไม่พอใจ “ผมขอโทษ”  ชัยวัตรไม่ตอบ หยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยช้าๆ เด็กหนุ่มตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

“โคตรเจ็บเลย” ชัยวัตรปาดน้ำตา “ใครจะไปรู้ว่าแม่งจะเจ็บแบบนี้”

“ผมขอโทษ.. คุณวัตร”

“ไปไกลๆตีนกูเลย”

“ให้ผมช่วยนะครับ” ปฐวีจะเข้าไปประคองแต่ก็โดนผลักออกมา “ผมจะพาคุณไปเอาออก”

“นี่มึงไม่ใส่ถุง?” นายตำรวจหนุ่มอ้าปากค้าง รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแต่ก็ไม่สามารถจะขยับเขยื้อนตัวได้มาก

“ขอโทษครับ” ปฐวีไม่กล้าสบตาชายหนุ่มที่กำลังโมโห มือหนาเอื้อมไปแตะผิวขาวเนียนที่เขากกกอดอยู่ทั้งคืน กลับพบว่ามันร้อนผ่าวเหมือนไฟสุม “คุณวัตร..”

“ไม่ต้องมายุ่ง!”

“เดี๋ยวผมจะเช็ดตัวให้” เด็กหนุ่มผละจากชัยวัตรที่นั่งอยู่บนเตียง หายไปในห้องน้ำสักครู่ก็ออกมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็ก ซับผ้าบิดหมาดๆแตะแผ่วเบาไปทั่ววงหน้าขาว เขาบังคับให้ชัยวัตรสวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้น เจ้าตัวไม่มีแรงแม้แต่จะโวยวายเพราะอาการไข้ เด็กหนุ่มจึงเข้าครัวลงมือทำข้าวต้มหมูร้อนๆให้คนป่วยทาน

“ที่คอนโดคุณวัตรไม่มียาเลยหรือครับ” เขาหาตู้ยาเผื่อว่าชัยวัตรจะเก็บพวกยาแก้ปวดลดไข้เอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน แต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอ

“ไม่จำเป็นต้องใช้”

“แต่ตอนนี้จำเป็นครับ” เขาคว้ากุญแจห้อง เมื่อคืนตอนมาส่งชัยวัตรเขาสังเกตว่าเดินไปอีกซอยจะมีร้านสะดวกติดกับร้ายขายยาอยู่ “นอนพักนะครับ ผมจะรีบมา”

“จะไปไหนก็ไป”

“ผมปล่อยให้คนป่วยอย่างคุณอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกครับ”

“ตื่นมาก็หาย มึงซื้อมาก็เท่านั้น” ชัยวัตรปรือตามอง อาการปวดหัวเริ่มรุนแรงมากขึ้นจนเขานิ่วหน้า “กูไม่กิน ไม่ต้องมายุ่งกับกู”

“หรือว่าคุณไม่ชอบกินยา” ปฐวีครุ่นคิด “อย่างนี้นี่เอง”

“ออกไปได้แล้ว!”

“ไม่เป็นไรครับ” เด็กหนุ่มยิ้มหวานมองคนบนเตียงด้วยแววตาละมุน “ตอนเด็กๆน้องสาวผมไม่ชอบกินยา ผมก็เอายาเม็ดมาบดละลายน้ำให้ประจำ”

“กู-ไม่-แดก!!!”

ปฐวีรีบหมุนตัวออกมานอกห้องได้ทันก่อนหนังสือประมวลกฎหมายอาญาเล่มหนาของคุณตำรวจจะลอยมาปะทะกับประตูโครมใหญ่ ในฐานะนักศึกษาคณะนิติศาสตร์เขารู้สึกเสียดายหนังสืออยู่เหมือนกัน ขนาดป่วยจนแทบจะเดินเหินไม่ได้ยังฤทธิ์เดชขนาดนี้ ฉับพลันก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ รีบลงลิฟต์ไปทันที

กว่านายตำรวจหนุ่มจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็น ระหว่างที่รอชายหนุ่มตื่นปฐวีเลยถือโอกาสทำความสะอาดคอนโดให้ รวมไปถึงซักผ้า รีดชุดเครื่องแบบ ที่ค้างเติ่งอยู่ในตะกร้า

“ทำไมยังไม่กลับไปอีก”

“วันนี้ผมลางานครับ”

“แล้วไม่มีเรียน?”
“ช่วงนี้มหา’ลัยปิดเรียนเพราะมีงานกีฬามหา’ลัยครับ” เด็กหนุ่มจัดแจงแกะซองยาและเทน้ำเปล่าใส่แก้ว “อยากรู้เรื่องของผมมากขนาดนั้นเลยหรือครับ”

“เออ จะได้ลากเข้าซังเตถูก” เด็กหนุ่มได้ยินก็หัวเราะร่วน ชัยวัตรเห็นก็เริ่มจะอารมณ์เสีย “ช่วยกลัวกูหน่อยได้ไหม”

“กลัวแล้วครับกลัวแล้ว”

“กวนตีน” 

”ถ้าไม่เป็นห่วงผมคงไม่มานั่งเฝ้าคุณวัตรแบบนี้หรอก”

“กูขอมึงหรือไง”

“ผมเต็มใจ”

“งั้นช่วยออกไปจากห้องกู”

“ไม่ไปครับ” ปฐวียื่นยาให้นายตำรวจหนุ่ม “จนกว่าคุณวัตรจะยอมทานยา”

“เออ ได้!” ชัยวัตรรับยาพาราเม็ดสีขาวมาไว้ในมือ มองอย่างชั่งใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากกินแต่เขาเกลียดการกินยามากที่สุด! สมัยที่เขายังอยู่ชั้นประถมฯ เขาชอบเล่นซนและจะไม่สบายบ่อยมาก ทำให้เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาหัดลองทานยาเม็ดแล้วเม็ดยาติดคอ เล่นเอาเขาเกือบตาย หลังจากนั้นเด็กชายชัยวัตรก็ไม่เคยเล่นซนจนไม่สบายอีกเลย คนเรามันก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบกันทุกคนนั่นแหละ

   “เร็วสิครับ”ปฐวีนั่งมองอย่างตั้งอกตั้งใจ ก็นายตำรวจหนุ่มนั่งจ้องเม็ดยามาร่วมห้านาทีแล้ว “หรือจะให้ผมละลายน้ำให้”
“ไม่!” ชัยวัตรกลั้นใจหย่อนเม็ดยาใส่ปาก ทันทีที่แตะกับลิ้นรสชาติขมปร่ากระจายทั่วปากจนเขารู้สึกอยากอาเจียน แก้วน้ำเปล่าถูกส่งมาจากเด็กหนุ่มตัวโต เขารับมาดื่มอยู่นานกว่าจะทำให้เม็ดยาลงคอไปได้

“เก่งมากครับ”

“รีบๆกลับบ้านไปได้ละ”

“ขอผมเช็ดตัวให้คุณอีกรอบแล้วผมจะกลับ”

“ได้คืบจะเอาศอก ไอ้เด็กนี่!”

“ให้ผมได้ดูแลคุณเถอะนะครับ”

เพราะเป็นสิ่งเดียวทีผมจะทำให้คุณได้..
.
.
.
รถทัวร์ติดเครื่องปรับอากาศสองชั้น แล่นเข้าจอดหน้ารีสอร์ทแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบฯ บรรยากาศโดยรอบไม่ร้อนอบอ้วนจนเกินไป ตัวรีสอร์ทติดชายทะเลเหมาะแก่การมาพักผ่อนทำกิจกรรม เหล่าเฟรชชี่กึ่งลากกึ่งจูงกระเป๋าลงมาจากรถ มุจลินท์หอบหิ้วสัมภาระตนเองเอาไว้พลางสอดส่องซึมซับบรรยากาศโดยรอบ เป็นเวลาสองวันสามคืนที่พวกเขาเหล่าตัวแทนคณะต่างๆต้องเข้าร่วมกิจกรรมและซักซ้อมการแสดงเพื่อเข้าร่วมการประกวดของมหาวิทยาลัยในสิ้นเดือนนี้ 
     
 “มานี่มา.. พี่ช่วย” ชวิศที่ขับรถตามมาถึงทีหลังเพราะเขาไม่ยอมนั่งรถมาด้วย อันที่จริงเขาแค่ไม่อยากถูกมองด้วยสายตาแปลกๆจากพวกผู้หญิงที่มาเข้าร่วมกิจกรรมก็เท่านั้น “หนักไหมเนี่ย”

“ไม่เป็นไรครับพี่” มุจลินท์ดึงกระเป๋าเป้ออกมาจากมือรุ่นพี่ก่อนจะสะพายขึ้นหลังอย่างสบายๆ เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่อ่อนปวกเปียกทำอะไรเองไม่ได้เสียหน่อย “เดี๋ยวผมไปเข้ากลุ่มก่อนนะครับ” ชวิศพยักหน้าก่อนมองตามหลังเด็กหนุ่มตาละห้อย เขาอุตส่าห์หาเวลาเพื่อที่มาใกล้ชิดรุ่นน้องที่เขาหมายตาเอาไว้ แต่ดูเหมือนแผนที่วางไว้จะพังไม่เป็นท่า แต่ไม่เป็นไรยังมีเวลาอีกเกือบสามวันที่เขาจะได้ใกล้ชิดกับมุจลินท์ให้มากกว่านี้

รุ่นพี่ที่เป็นสต๊าฟจัดเตรียมป้ายชื่อสวมคอให้กับน้องเฟรชชี่ ในป้ายระบุชื่อเล่น ชั้นปีและคณะสังกัด ป้ายแต่ละคนจะมีสีแบ่งกลุ่มคละเคล้ากันไป เขาแทบกั้นหัวเราะไม่อยู่เมื่อเห็นป้ายชื่อลายดอกไม้สีชมพูเด่นหราบนคอของชวิศ ส่วนคนที่โดดเด่นอีกคนหนึ่ง.. เมฆา เดือนคณะนิติศาสตร์ ได้สีฟ้าเป็นรูปปลาโลมา ส่วนของเขาเป็นสีเขียวรูปกบน้อยเคโระ

           น้องปี1ถูกแบ่งแถวเป็นชายและหญิงโดยมีรุ่นพี่แจกหลอดให้คนละอัน ซึ่งแต่ละคนจะได้หลอดขนาดไม่เท่ากัน หลังจากที่พากันร้องเพลงเต้นสันทนาการกันพอหอมปากหอมคอ และแนะนำตัวให้เพื่อนๆต่างคณะได้รู้จักกัน

“เดี๋ยวจ้า เกมส์ยังไม่หมดนะคะ” พี่ชมพูรุ่นพี่คณะศิลปศาสตร์คว้าไมค์จากพี่เหน่งพร้อมทั้งชูหลอดอันเล็กๆที่แจกให้ทุกคนในตอนแรก “เรายังเหลืออีกเกมค่ะ เดี๋ยวให้น้องๆจัดแถวนะคะ” แถวถูกแบ่งเป็นชายหญิงตั้งแต่แรกอยู่แล้วจึงไม่เสียเวลามากนัก “พี่จะให้หนังยางแถวละ1เส้นนะคะ โดยให้น้องๆส่งหนังยาง1วงนี้ผ่านหลอด” พี่ชมพูคาบหลอดไว้ที่ปากก่อนจะวางหนังยางเอาไว้แล้วยื่นหน้าไปหาพี่เหน่งที่คาบหลอดไว้เหมือนกัน

ทุกคนส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นว่าเกมส์เล่นอย่างไร มุจลินท์มองซ้ายมองขวา แถวเขาเป็นผู้ชายทั้งหมด ตัวเขาเองจึงไม่รู้สึกประหม่าสักเท่าไหร่ ชวิศที่ยืนอยู่นอกแถวเดินเข้ามาซ้อนหลัง

“พี่เล่นด้วย” ชวิศยิ้มกริ่มในมือมีหลอดดูดน้ำที่ตัดไว้เรียบร้อยแล้ว “เอาหลอดใส่ไว้ในปากสิวะ” เขาเสียบหลอดเข้าไปในปากลูกเป็ดที่กำลังมึนงง ก่อนจะค่อยๆประคองหลอดที่มีหนังยางเข้ามาเกี่ยวกับหลอดในปากของเด็กหนุ่ม ลมหายใจอุ่นร้อนผะแผ่วแนบชิด ชวิศเอียงคอขยับให้ถนัดก่อนจะสอดมือหนาเข้าที่ท้ายทอย มุจลินท์มึนงงไปกับสัมผัสรวมไปถึงกลิ่นน้ำหอมที่กำจายออกมาจากร่างสูง เด็กหนุ่มไม่ทันพูดอะไรก็มีคนหมุนไหล่ให้เขาหันไป ชายหนุ่มร่างสูงอีกที่อยู่ด้านหน้าต้องย่อเข่าก้มลงมารับหนังยางจากเขา จมูกโด่งเป็นสันเขี่ยกับแก้มเขาแผ่วเบาเพราะหลอดของคนตรงหน้าสั้นมากจนต้องยื่นเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม

“อื้อ” เขาเกร็งปากแน่นอีกนิดเดียวจะส่งได้อยู่แล้วแต่หนังยางดันหล่นลงพื้นเสียก่อน “เฮ้ย”

“ทีมเดือน แพ้แล้วนะคะ” พี่ชมพูประกาศก่อนเสียงวี้ดว้ายจะดังขึ้นอีกระลอก เด็กหนุ่มหน้าเสียที่ทำให้ทีมตัวเองแพ้ “ทีมที่แพ้จะโดนเต้นเพลงฮิปโปค่า”

“มึงจะถอยหนีทำไม” เขาเงยหน้ามองชายหนุ่มเสื้อยืดสีเทาที่มีข้อความสกรีนบนเสื้อว่า HELP ME ตรงหน้าเขาคือชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่สูงกว่าเขาเกือบสิบเซ็นติเมตร คิ้วเข้มหนาที่พาดอย่างพอเหมาะพอเจาะ รับกันดีกับดวงตาคมดุสีดำสนิท โครงหน้าสันกรามชัดเจน หน้าตาเหมือนพระเอกละครไทยที่ยายชอบดูจนเขาเผลอมองอย่างลืมตัว “ทีมแพ้เลยเห็นไหม”

“ขอโทษๆ” เขาพูดเสียงอ่อย “ตื่นเต้นไปหน่อยว่ะ”

“เออ” กรวิชญ์หันหลังกลับไปเข้าแถวเหมือนเดิมเพื่อเตรียมตัวโดนบทลงโทษจากรุ่นพี่ “กูชื่อเกี๊ยม รัฐศาสตร์ ปกครอง ปี1” ชายหนุ่มหันมาแนะนำตัวเองก่อนจะขยี้หัวเขาหนึ่งทีแล้วรีบหันกลับไปเหมือนเดิม

“กูชื่อลินท์ สังเคราะห์ ปี1 ”เขาลูบผมที่ยุ่งให้เข้าที่แอบจิ๊ปากใส่คนข้างหน้าที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ชวิศแอบส่งสายตาให้เขาสนใจพี่ชมพูที่กำลังพาเต้นสันทนาการ เขาเต้นจนเหงื่อซ่ก เสื้อยืดแนบลู่ไปกับผิวรู้สึกเหนียวตัวไปหมด 

“วันนี้เราจะแบ่งกิจกรรมเป็นสองส่วนนะคะ” รุ่นพี่ชายหนุ่มมาดแมนแต่เสียงประหนึ่งสาวน้อยบอบบาง โบกมือให้น้องๆที่กำลังยืนงุนงงหลังจากเต้นเสร็จเข้ามารวมแถว “น้องผู้ชายฝั่งนี้นะคะ ชะนีไปทางนู้นค่ะ” ทุกคนขำพรืด รีบเข้าแถวกันเป็นระเบียบเรียบร้อย

“พี่ชื่อซันนี่นะคะ ปี4 คณะสถาปัตยฯค่า และชะนีอวบอ้วนข้างๆพี่คือพี่มินนี่ ปี4 จากคณะทันตแพทย์ฯค่า เอ้าปรบมือออออออ”

“พี่มินนี่นะคะน้องๆ กิจกรรมแรกหลังจากที่เราทำความรู้จักกันไปแล้ว เราจะมาแบ่งกลุ่มถ่ายรูปเพื่อเป็นรูปโปรไฟล์ในการโปรโมทงานประกวดและสำหรับโหวตตำแหน่ง popular vote นะคะ”

“ธีมในการถ่ายรูปครั้งนี้คืออะไรคะพี่มินนี่” พี่ซันนี่จ่อไมค์ไปให้อีกฝั่ง พี่มินนี่ชูกล่องสีส้มอ่อนขึ้นสูง

“เดี๋ยวจะให้น้องๆมาจับฉลากเลือกธีมจากในกล่องที่มือพี่นะคะ ปีนี้เรามีหลายธีมด้วยกัน ส่วนจะมีธีมอะไรบ้างนั้น.. เอ้าน้องคนแรก” พี่มินนี่ยื่นกล่องให้ผู้หญิงเลือกก่อนและคอยประกาศ หลังจากนั้นให้พี่เลี้ยงต้อนน้องๆเข้าที่พักเพื่อเตรียมตัวถ่ายในอีกสามชั่วโมงข้างหน้า

“น้องเมฆ ธีมเจ้าชายค่า กรี้ด พี่ขอเป็นเจ้าหญิงนะคะ” พี่ซันนี่ไม่พูดเปล่าเอาตัวเข้าไปถูไถเมฆาที่กำลังทำหน้าเอือม “ต่อมาน้องเกี๊ยม ธีมนักกีฬาค่า โอ้ย อยากออกกำลังกายจุงเบยย”

“น้องทัวร์ ธีมเจ้าชายเช่นกันค่า” เสียงเฮของรุ่นพี่ทำเอารุ่นน้องที่นั่งอยู่หายใจหายคอไม่ค่อยคล่อง มุจลินท์ลุกขึ้นไปล้วงใน
กล่องเจ้าปัญหานั่น ล้วงไปล้วงมากลั้นใจหยิบมาหนึ่งอัน “เอ๋ ธีมนี้ใครเป็นคนคิดคะ” พี่ซันนี่สะกิดพี่มินนี่ให้เข้ามาดูแผ่นกระดาษ
 
 “น้องลินท์ ได้ธีม Sexy boy ค่ะ!” เขาอึ้ง รู้สึกมือไม้เย็นเยียบขึ้นมากะทันหัน

“จริงๆถ่ายกับผมก็ได้นะ” เสียงทุ้มมาพร้อมกับร่างสูงที่เดินฉีกยิ้มเข้ามาใกล้ เขารู้สึกเหมือนเห็นเทวดาลงมาโปรด

เกี๊ยม..

“ธีมนักกีฬาก็ดีครับ” มุจลินท์ตอบ เขาไม่อยากเปลืองเนื้อเปลืองตัวให้ใครมาจ้องเขามากนัก “ผมจะได้มีเพื่อนถ่ายด้วย”

“แล้วกีฬาอะไรคิดไว้หรือยัง” พี่มินนี่ถาม ทำหน้าเสียดายเมื่อเห็นว่าธีม sexy boy ที่เธอแอบเขียนใส่ไว้ในกล่องไม่มีใครได้ไป
กรวิชญ์จุดยิ้มพลางใช้ท่อนแขนหนาพาดเข้าที่ไหล่ลาดบางของลูกเป็ด “กีฬาว่ายน้ำครับพี่”

มุจลินท์นึกถึงผู้ชายรูปร่างดีมัดกล้ามเป็นสัดส่วนพร่างพราวไปด้วยหยดน้ำ อวดสรีระสมชาย กางเกงว่ายน้ำตัวจ้อยที่รัดรึงจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน เขาก็อ้าปากค้าง

“....”

“เป็นอันตกลงตามนี้!” พี่ซันนี่ยิ้มแฉ่งจดชื่อเขาลงในกระดาษเรียบร้อย

“เดี๋ยวพี่!”

ขอถอนคำพูด มึงมันซาตานชัดๆ ไอ้เกี๊ยม!

หลังจากพักรับประทานอาหารในตอนเที่ยงและแยกย้ายกันไปเก็บสัมภาระในแต่ละห้องแล้ว พี่ซันนี่และพี่มินนี่ได้แบ่งกลุ่มเพื่อที่จะนำน้องไปถ่ายรูปโปรไฟล์ กลุ่มชายหญิงถูกแยกออกจากกันและจะมาถ่ายรวมกันในช่วงบ่ายสองโมง หลังจากแบ่งกลุ่มเสร็จเรียบร้อย คอสตูมก็เริ่มเข้ามาจับจอง ทาบชุดกับเรือนร่างนางแบบนายแบบจำเป็น โดยแต่ละชุดได้มาจากการออกแบบของนักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาควิชาแฟชั่นดีไซน์ ยิ่งได้ดาวและเดือนในแต่ละคณะมาเป็นแบบ ยิ่งทำให้ว่าที่ดีไซเนอร์เกิดประกายความคิด ชุดและเสื้อผ้านับร้อยถูกขนมาเรียงให้พี่เลี้ยงช่วยเลือก ไวเท่าความคิดพี่เลี้ยงแต่ละคณะก็กรูกันเข้ามาช่วยเลือกด้วยความรวดเร็วเพื่อให้คณะตัวเองออกมาดูดีที่สุด

ไอ้ชุดว่ายน้ำของเขานี่จะทำอย่างไรดี..

“อันนี้ใช้ได้หรือเปล่า” พี่เต็มรุ่นพี่คณะที่เป็นพี่เลี้ยงของเขาส่งชุดว่ายน้ำ body suit แบบเต็มตัวสีดำสนิท ผ้าเนื้อลื่นแขนยาวขายาวมีซิบรูดตรงด้านหน้า เขารับมาพิจารณา หมุนซ้ายหมุนขวาเมื่อเห็นว่าชุดแทบจะปิดไม่ให้กายเนื้อได้เล็ดรอดออกมาพบแสงแดดซึ่งมันเหมาะกับเขาเป็นอย่างมาก

“ใช้ได้เลยพี่เต็ม” รุ่นพี่ส่งถุงให้เขาข้างในมีอุปกรณ์ดำน้ำ สน็อกเคิลสีเหลืองสดใส แว่นตาว่ายน้ำ ตีนกบสีดำ เขางุนงงยืนบื้อใบ้ไปชั่วขณะ หอบหิ้วถุงเดินเข้าไปในห้องน้ำ

หลังจากลองชุดเสร็จเรียบร้อย เขาก็รีบไปห้องเก็บตัวที่พี่เต็มได้จองไว้ ภายในห้องมีโซฟายาวสีดำ ฉากกั้นสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าและสต๊าฟที่เป็นช่างแต่งหน้ากำลังง่วนหยิบอุปกรณ์เนื้อครีมต่างๆปาดป้ายเกลี่ยละเลงไปบนหน้าผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ

“พี่ชมพู ผมขอบางๆนะ” เจ้าตัวหลับตาปี๋ในขณะที่หญิงสาวร่างเล็กกำลังบรรจงตวัดดินสอเขียนคิ้วอย่างเชี่ยวชาญ ส่วนพี่เต็มนั่งมองเขาคอยถ่ายรูปเขาสลับกับกดโทรศัพท์ ส่วนอีกฟากของห้องยังมีอีกเพื่อนอีกสองสามคนที่กำลังแต่งหน้ารอเข้าฉากถ่ายรูป

“บางแน่ค่ะ พี่ขอเติมลิปกลอสนิดนึง” หล่อนคุ้ยกระเป๋าเครื่องสำอาง “น้องลินท์ปากสวยมาก ทาลิปแล้วน่าจูบมากค่ะ” มุจลินท์รีบหยิบกระจกมาดู เห็นริมฝีปากเขามันเลื่อมแวววาว ได้แต่นึกสงสัยว่ามันดูดีตรงไหน 

เหมือนไปกินไก่ย่างมากกว่านะครับพี่


(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
(ต่อจากด้านบน)

สระว่ายน้ำกลางแจ้งภายในบริเวณรีสอร์ทถูกเซ็ทให้เป็นฉากเพื่อเตรียมการถ่ายรูป โซนนี้ถูกกันเอาไว้อย่างแน่นหนาไม่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาได้ กรวิชญ์ใช้เวลาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในธีมของตัวเองไม่นาน ชิ้นผ้าบนร่างเขามีแต่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นเนื้อผ้าลื่นแนบสนิทไปกับสรีระ มัดกล้ามเต่งตึงเปิดเผยร่างกายให้สต๊าฟอยู่ในบริเวณนั้นได้ลอบมอง หญิงสาวใบหน้าร้อนผ่าว ส่วนผู้ชายด้วยกันเองยังแอบมองด้วยความอิจฉา

“น้องเกี๊ยมคะ” หญิงสาวรูปร่างบอบบางเดินตรงปรี่เข้ามาพลางยื่นขวดน้ำให้ชายหนุ่ม หล่อนทำใจกล้าเพื่อหาโอกาสในการใกล้ชิดกับกรวิชญ์ “ตอนนี้ร้อนมากเลยเอาไว้ดื่มก่อนนะ”

กรวิชญ์พยักหน้าขอบคุณไม่ได้สนใจผู้หญิงตรงหน้าที่ชวนคุยมากนัก เขากำลังมองหาคนที่จะมาถ่ายรูปพร้อมกันกับเขามากกว่า
 
 “กูมองไม่ออกเลยว่าเป็นมึง” พี่เต็มเดินรอบตัวเขา “เวลาถ่ายนี่มึงถอดสน็อกเคิลด้วยนะ” มันหมายถึงเครื่องช่วยหายใจที่มีช่องให้ใช้ปากงับมีท่อยื่นออกมาเหนือน้ำ เป็นอุปกรณ์สำหรับไว้ดำน้ำบนผิวน้ำเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเวลาสวมมันก็ปิดบังไปครึ่งหน้าแทบมองไม่ออกว่าเป็นใคร

“แต่ผมชอบแบบนี้นะ” มุจลินท์หัวเราะร่วน วิ่งเหยาะกับพื้นโชว์รองเท้าตีนกบ

“ไอ้สัด ชุดมึงนี่มันแหกคอกจริงๆ นี่มึงมาประกวดเอาชนะหรือเอาฮาวะ” พี่เต็มส่งน้ำเปล่าให้เขาดื่มก่อนจะเตรียมเข้าไปบรีฟงานกับช่างภาพ ทันทีที่เขาเดินเข้าไปถึงทุกสายตาก็จับจ้องมายังเขาสลับกับกรวิชญ์

ช่างภาพที่เตรียมมาเป็นเด็กคณะวารสารศาสตร์ ตัวสูงกว่าเขาหลายคืบ สวมหมวกปีกว้างบดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง แถมยังสวมแมสปิดปากอีก เหมือนเขาคุยกับสายลับอย่างไรอย่างนั้น

“เดี๋ยวให้เกี๊ยมถ่ายก่อนนะ” ช่างภาพหันไปพยักเพยิดกับกรวิชญ์และสต๊าฟอีกคน เขานั่งมองกรวิชญ์ที่กำลังจัดท่าทางอย่างสบายๆ ไม่ว่าจะถ่ายท่าไหนก็ดูเป็นธรรมชาติ หยดน้ำเกาะตามเนื้อกายไล้ไปตามผิวคร้ามแดด ดวงตารีสีดำสื่ออารมณ์เจ้าเล่ห์ ทำเอาสาวน้อยที่อยู่บริเวณนั้นหน้าแดงกันไปตามๆกัน

แชะ
แชะ


กรวิชญ์ใช้เวลาถ่ายไม่นาน มุจลินท์ก็โดนเรียกเข้าฉาก เขาต้องลงไปในสระว่ายน้ำครึ่งตัว ถัดจากกรวิชญ์แล้วมาถ่ายเขาต่อเรียกได้ว่าเปลี่ยนอารมณ์อย่างสิ้นเชิง ชุดที่คลุมไปทั่วร่างแทบจะมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร เขาลองว่ายน้ำดำผุดดำว่ายอยู่นานสองนาน ก็ไม่เห็นช่างภาพจะพูดอะไรเอาแต่ถ่ายเขาไปเรื่อยๆ

แชะ
แชะ


“ผมขอถอดออกนะ” เขาถอดสน็อกเคิลออกสะบัดหัวไล่หยดน้ำที่เกาะหัวสองสามที “มันมองไม่เห็นอะไรเลยน่ะครับ” เขาบ่นอุบ แสงแดดปะทะกับหยดน้ำเป็นเม็ดพราวระยิบแสบตาบวกกับวงหน้าหวานทำให้คนที่มองแทบจะลืมหายใจ

แชะ
แชะ


 “เดี๋ยวผมช่วยจัดท่าให้ลินท์เอง” เป็นกรวิชญ์ที่ยืนมองอยู่นานแล้ว เขาคิดว่าคงเป็นเพราะคนหน้าหวานจัดท่าทางไม่เก่งจึงไม่ได้รูปเสียที เขาเลยอาสามาช่วย เขาลงไปสระทั้งชุดเดิม ลูกเป็ดยืนงงมองคนที่ว่ายน้ำเข้ามาหา “เข้ามาใกล้ๆสิ”

“ได้ๆ” กรวิชญ์เข้ามาใกล้ใช้มือหนาเชยคางเขาขึ้น นิ้วโป้งลูบไปยังริมฝีปากบางแวววางน่าจุมพิตนั่น มุจลินท์รู้สึกหมดความมั่นใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องปากเขา

“กูไม่ได้จะว่าอะไรแค่จะบอกว่า..” กรวิชญ์ก้มลงไปกระซิบข้างหู “มึงน่าจูบมาก”

เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สมองตื้อชั่วครู่อยู่ดีๆก็มีคนมาบอกเขาว่าปากน่าจูบ ใบหน้าขาวที่แดงก่ำเพราะแสงแดดกลับแดงระเรื่อขึ้นอีกหลายส่วน มือไม้เก้งก้างไม่รู้จะไปวางตรงไหน กรวิชญ์กลั้นขำเมื่อเห็นท่าทางเขินอายของคนตรงหน้า เขาเอื้อมมือไปรูดซิบตรงชุด body suit ลง ทันทีที่รูดจนสุดผิวเนื้อขาวนวลเนียนก็ปรากฏแก่สายตาทุกคน

“มีของดี มึงก็ต้องโชว์บ้าง”
.
.
.
ครืด ครืด

มุจลินท์หยิบมือถือสีดำยี่ห้อแอปเปิ้ลรุ่นใหม่ล่าสุดออกมาจากกระเป๋ากางเกง ชลธีให้เขาไว้ใช้ติดตัวเพื่อจะติดต่อได้สะดวก เดิมทีเขาใช้แค่ซัมซุงฮีโร่เครื่องละแปดร้อยกว่าบาทก็หรูแล้ว แต่ชลธีบอกกับเขาว่าจะซื้อเครื่องใหม่เลยจะยกเครื่องนี้ให้เขาแทน ให้เขารับเฉยๆก็ดูแปลกเกินไป จึงขอให้หักไปในเงินเดือนของเขาเลย

“อาลีนนนนน”ทันทีที่กดรับสาย เสียงหวานเจื้อยแจ้วก็ดังมาก่อนใคร “อ๊ะ ป๊า ทำไมเกอร์ไม่เห็นหน้าอาลีนอะ” เขาหลุดขำก่อนจะกดปุ่มวิดีโอคอลเพื่อให้เห็นหน้าอีกฝั่งได้

“สวัสดีครับคนเก่ง” เด็กชายไทเกอร์ใบหน้าเต็มจอกำลังใช้แก้มย้วยถูไถกับโทรศัพท์ “เลิกเรียนแล้วหรือครับ”

“เลิกแล้วครับอาลีน” เด็กอ้วนใช้สองมือประคองโทรศัพท์ของคุณพ่อ ”วันนี้ป๊าพาไปเที่ยวด้วยครับ”

“ไปเที่ยวไหนกันหรือครับ”

“ต้ะเลลลลลลล” เด็กอ้วนอ้าปากกว้างโบกไม้โบมือพยายามอธิบายว่าทะเลมันกว้างขนาดไหน “อยากให้อาลีนมาด้วยจัง”

“เที่ยวเผื่ออาลินท์ด้วยนะครับลูก”

“ไม่เอา เกอร์จะให้อาลีนมาด้วย” ไทเกอร์หันไปขอความช่วยเหลือจากป๊ะป๋าที่กำลังขับรถอยู่ “ป๊า เราไปรับอาลีนมาเที่ยวด้วยกันได้ไหมฮะ”

“นั่งเฉยๆสิเกอร์” ชลธีโผล่หน้าเข้ามาในจอ ส่งยิ้มหวานฉ่ำพาลให้คนมองอีกฟากของมือถือยกยิ้มขึ้นไม่รู้ตัว “ป๊ากำลังจะไปรับอาลีนให้ไงครับ”

“หือ” มุจลินท์ชะงัก “พี่จะมารับลินท์หรือ”

“ใช่” เขาจุดยิ้มเรียกคะแนนเต็มที่ เรื่องอะไรจะปล่อยปลาย่างไว้กับแมวเจ้าเล่ห์อย่างชวิศ เขาจึงตัดสินใจพาลูกชายและคุณยายไปพักผ่อนโดยเลือกจังหวัดที่มุจลินท์ไป “พี่พาคุณยายมาเที่ยวกับเราด้วย ลินท์ต้องไม่อยากพลาดแน่ๆ”

เมื่อพูดถึงคุณยาย เด็กชายจ่อมือถือไปทางด้านหลัง เห็นคุณยายสมใจครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวนั่งพิงเบาะอยู่ มีหมอนรองคอ และผ้าห่มผืนบางให้คุณยายแก้หนาว มุจลินท์รู้สึกตื้นตันในอก จะมีเจ้านายที่ไหนจะดูแลขนาดนี้

“พี่ฉลามระวังคุณยายเมารถนะครับ” เขารู้ว่ายายไม่ค่อยได้เดินทางไปไหน แค่ขึ้นรถเมล์ยังไปไม่ค่อยถูกเลย เขาจึงค่อนข้างเป็นห่วงสุขภาพคุณยายเป็นพิเศษ

“พี่ให้คุณยายทานยาแก้เมารถแล้ว” เขาชะโงกหน้ามาทางโทรศัพท์ที่ลูกชายตัวแสบถือ หน้าเขาเลยสั่นไปตามแรงเคลื่อนของรถและเจ้าตัวแสบที่ขยับไปมา “ยาดม ยาหม่อง พร้อม”

“ขอบคุณนะครับพี่”

“คุยกับใครน่ะลินท์” ชวิศออกมาจากห้องน้ำ ผ้าขนหนูสีขาวสะอาดปกปิดท่อนล่างหมิ่นแหม่ หยดน้ำใสเกาะไปตามผิวเนียน รูปร่างสมส่วนกำยำสมกับตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัย เขายืนเช็ดผมที่เปียกชื้นอยู่หน้าห้องน้ำ   

“ลินท์คุยกับ..”

“ป๊า! มีผู้ชายแก้ผ้าอยู่กับอาลีนนนนน”

“เกอร์!” เขาหันไปร้องเรียกเด็กแสบที่กำลังฟ้องคุณพ่อ ชลธีหันมามองขวับก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น “เดี๋ยวนะครับเกอร์ เอ่อ พี่ฉลาม ห้องน้ำพี่เขาน้ำไม่ไหลเลยมาอาบห้องผมน่ะ” อันที่จริงชวิศพยายามจะขอมานอนกับเขาโดยอ้างว่าห้องตัวเองน้ำไม่ไหล จนเพื่อนที่ได้นอนห้องเดียวกับเขาขอย้ายไปนอนห้องอื่นแทน

 “งั้นหรือ”

“จริงๆนะครับ” แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกร้อนๆหนาวๆกับสายตาที่ส่งมาด้วยเล่า “งั้นเดี๋ยวลินท์จะออกไปรอข้างนอก”

“ลินท์ จะไปไหน?” ชวิศร้องเรียก เมื่อครู่เหมือนเขาจะได้ยินว่ามุจลินท์คุยกับใครอยู่ “รอพี่แต่งตัวแปบ ไปกินข้าวกัน”

“เอ่อ คือพี่ชุ” เขาอ้ำอึ้งทว่าปลายสายที่เงียบไปยิ่งทำให้เขากระวนกระวายใจ “ผมจะขอออกไปทำธุระ กลับค่ำหน่อยนะพี่”

“อ้าวเห้ย!” จบประโยคมุจลินท์ก็หมุนตัวออกจากห้องไป ทิ้งให้ชวิศขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจไม่น้อยที่ปล่อยให้เหยื่อหลุดรอดไป

ไม่เป็นไร.. คืนนี้ยังอีกยาวไกล

ชายหนุ่มกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ จัดการสวมใส่เสื้อผ้าฉีดน้ำหอมจนหอมกรุ่นก่อนจะออกจากห้องไป

ท้องฟ้าสีเหลืองอมส้มยามเย็นที่โผล่พ้นขอบฟ้า ดูสวยงามเหลือเกินเมื่อประกอบกับผืนน้ำกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่เขาได้มีโอกาสเห็นทะเลของจริงเป็นครั้งแรก มันช่างเงียบสงบเหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ เขากางแขนสองข้างรับลมเย็นที่ปะทะเข้ามา สูดหายใจเข้าเต็มปอดรู้สึกปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย จนลืมเรื่องที่คิดในใจไปเสียสนิท แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าเอาความทุกข์มาทิ้งทะเล…

รถยนต์สีดำมันปลาบแล่นเข้าจอดหน้ารีสอร์ท ชายหนุ่มประคองคุณยายลงจากรถหยิบขวดน้ำที่บรรจุน้ำอุ่นรินใส่แก้วพลาสติก “ค่อยๆทานนะครับคุณยาย” ระยะทางจากกรุงเทพ-ประจวบฯใช้เวลาไม่นานนักสำหรับเขา แต่สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่เคยนั่งรถไกลๆอาจจะลำบากเสียหน่อย

“ยายไม่เป็นไรลูก” ยายสมใจจิบน้ำอุ่นจนโล่งคอ “นั่งพักก็หาย” หล่อนรู้สึกเวียนหัวจากการนั่งรถเป็นเวลานาน ได้ยาดม ยาหม่องมาตลอดทาง ได้งีบหลับไปชั่วครู่ ก่อนมาถึงจึงไม่ได้แย่อย่างที่กังวลไว้

 “ป๊า! เกอร์อยากเล่นทะเล!!” เด็กอ้วนร้องตะโกนพลางกระโดดโหยงเหยงชี้มือชี้ไม้ไปทางชายหาดที่ห่างออกไปเกือบ500เมตร ก่อนจะวิ่งไปหลังรถ เขย่งตัวเพื่อที่จะเปิดประตูข้างหลัง “ป๊า เกอร์เอาห่วงยางมา เกอร์อยากเล่น!”

“เย็นแล้วครับลูก” เขาอุ้มเจ้าตัวอ้วนแนบอก ก่อนยกขึ้นขี่คอ ลูกชายตัวแสบหัวเราะชอบใจใหญ่ “ไว้พรุ่งนี้เช้าป๊าจะพามาเล่นนะครับ” ไทเกอร์พยักหน้ามัวแต่ดีใจที่ได้ขี่คอคุณพ่อ ชลธีพาคุณยายและลูกชายเข้าพักโรงแรมที่ได้จองไว้ ใช้สิทธิ์สวัสดิการข้าราชการแล้วลดค่าห้องได้ครึ่งหนึ่ง เขาจึงเลือกห้องสูทที่มีสองห้องนอนแทนห้องเดี่ยวสองห้อง เพื่อจะได้ดูแลคุณยายได้สะดวก

“เกอร์นอนกับยายนะครับ” ตัวแสบวิ่งผลุนเข้าห้องวางกระเป๋าลายดิอะเวนเจอร์บนเตียงสร้างอาณาเขต ก่อนจะเปิดกระเป๋ารื้อชุดนอนลายมิกกี้เม้าส์ออกมากาง

“เกอร์จะนอนแล้วหรือลูก” ยายเดินเข้ามานั่งข้าง มือหยาบกร้านเหี่ยวแห้งลูบกระหม่อมบางของเด็กชาย “กินข้าวกันก่อนค่อยอาบน้ำนะลูกนะ”

“เกอร์รีบนอนพรุ่งนี้ป๊าจะได้พาเกอร์ไปเล่นน้ำเร็วๆครับ” เด็กอ้วนฉีกยิ้มโชว์กำแพงฟันที่หายไปสามซี่ “พรุ่งนี้เช้าคุณยายปลุกเกอร์ด้วยน้า” ยายสมใจหัวเราะ เอ็นดูเด็กชายเหมือนลูกหลานในไส้ ไพล่ไปคิดถึงหลานชายคนเดียวด้วยความรู้สึกรักใคร่เต็มตื้นในอก เวลาไม่กี่เดือนความผูกพันก่อตัวถักทอความสัมพันธ์เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน

ชลธีพาคุณยายและลูกชายไปทานข้าว โดยโทรนัดมุจลินท์ไปเจอกันที่นั่น เด็กหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงผ้า สวมรองเท้าแตะหนีบช้างดาวคู่ประจำ รวงผมสีน้ำตาลอ่อนถูกเซ็ทไว้อย่างดี ใบหน้าหวานแต่งแต้มเครื่องสำอางค์อ่อนๆขับให้ใบหน้าหวานดูโดดเด่น

“แต่งหน้าหรือ?” ชลธีเอ่ยทัก “จะไปเที่ยวไหนต่อล่ะ” เขาหน้าม้านลืมนึกไปเลยว่าเครื่องสำอางเมื่อตอนกลางวันยังติดทนอยู่ แล้วชลธีมองไม่เห็นหรือว่าเขาแต่งตัวแบบนี้จะไปเที่ยวที่ไหนได้

“เมื่อกลางวันผมมีถ่ายรูปเตรียมงานประกวดดาว-เดือนของที่มหา’ลัยไงครับ”

“อ่อหรอ” ชลธียังนึกฉุนไม่หายเมื่อเห็นรูปถ่ายที่ลูกเป็ดส่งมาให้เขาดูเมื่อตอนเย็น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องโชว์ขนาดนั้น มุจลินท์ทำเป็นไม่สนใจคนอารมณ์ไม่ดีพลางดันเก้าอี้ออกก่อนจะนั่งลง ลอบมองหน้าผู้พันที่เคร่งขรึมผิดปกติก็ได้แต่นึกว่าตัวเองทำอะไรให้ไม่พอใจอีก

เอาแต่ใจชะมัด!


อาหารถูกเสิร์ฟวางเรียงรายเต็มโต๊ะ เด็กชายเคี้ยวเนื้อหมูไม่ละเอียดเพราะฟันหน้าหายไปสามซี่ เดือดร้อนคุณพ่อเลยต้องช่วยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำก่อนจะป้อนเข้าปากลูกชาย

“อ้ามมมม” เสียงเจื้อยแจ้วเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากทุกคน “ป๊า ป้อนอาลีนด้วยฮะ อาลีนก็อยากกิน”

“เอ่อ” เขาสะดุ้ง แค่เผลอมองเพลินไปหน่อยเท่านั้นเอง ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อก้มหน้างุดจ้องแต่จานข้าวตัวเอง 

“ไม่เป็นไรลูก อาลินท์เขามีคนอยากจะป้อนเยอะแยะ” มุจลินท์หันขวับไปมองคนพูดที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ ส่วนชลธีทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ในใจคุกรุ่น อยากจะอุ้มเจ้าลูกเป็ดไปทำโทษเสียเดี๋ยวนี้

“ป๊าไม่ป้อน เกอร์ป้อนเอง” ไทเกอร์ที่นั่งข้างชลธีผุดลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ก่อนจะยื่นส้อมที่เสียบเนื้อหมูชิ้นเล็กๆเอาไว้ “กินเยอะๆนะครับอาลินท์”


“...” เขางับเนื้อหมูชิ้นเล็กจากส้อมของไทเกอร์ “ขอบคุณนะครับ”

“เกอร์จะตักให้คุณยายด้วย” เด็กชายส่งเนื้อหมูพอดีคำวางบนจานคุณยาย ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นผลงานของตัวเองอยู่บนจานของทุกคน คุณพ่อตัวโตกระแอมไอก่อนจะจับลูกชายให้นั่งทานข้าวดีๆ

“กินเสร็จแล้วเช็ดปากให้เรียบร้อยครับ” ชลธีส่งทิชชู่ให้ลูกชาย “กลับห้องอาบน้ำรีบนอนแต่หัวค่ำนะลูก พรุ่งนี้ป๊าจะพาไปว่ายน้ำครับ”

“เย่” เด็กอ้วนชูกำปั้นขึ้นสูงแล้วร้องเฮ “เกอร์จะได้เล่นน้ำแล้ว!”

ไทเกอร์ร้องเล่นอยู่สักพักแล้วทิ้งตัวนอนลงบนตักคุณยาย หลับปุ๋ยสิ้นฤทธิ์เหมือนตุ๊กตาถ่านหมด มุจลินท์จุดยิ้มก่อนจะก้มลงหอมหน้าผากเด็กชายเบาๆ       

              “รีบกลับเถอะลินท์ เดี๋ยวพี่เขาจะว่าเอานะลูก” ยายลูบหัวหลานชายที่โตเป็นหนุ่มแล้วแต่ยังขี้อ้อนเหมือนเด็ก มุจลินท์ไม่อยากกลับไปนอนโรงแรมเลย เขาไม่อยากอยู่กับชวิศสองต่อสอง หรือว่าคืนนี้เขาควรจะหาข้ออ้างไปนอนกับเพื่อนที่ห้องอื่นดี เขาเริ่มรู้สึกว่าชวิศเข้ามาวุ่นวายกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ

“ลินท์อยากนอนกับยาย”

“อดทนเอาหน่อย เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้วลูกเอ๊ย” เขาเดินไปส่งคุณยายและไทเกอร์ที่หลับปุ๋ยคาไหล่ชลธีบนห้องพักที่โรงแรม ก่อนจะขอตัวกลับห้องพักตัวเอง เด็กหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือสีดำที่บอกเวลาสามทุ่มกว่าแล้วป่านนี้ที่ค่ายคงกำลังทำกิจกรรมกันอยู่ ถ้าเขากลับไปทันคงได้เข้าร่วมทันโดยไม่ผิดสังเกตเท่าไหร่นัก

“พี่ไปส่ง”

“ไม่เป็นไรพี่ ผมกลับเองได้” โรงแรมที่เขาพักอยู่ห่างไม่มาก เมื่อตอนเย็นเขาลองเดินมาดูแล้ว “พี่พักผ่อนเถอะครับ” ยังไม่ทันได้เดินไปไหนไกล ชลธีก็ลากเขาไปยังรถยนต์สีดำที่จอดไว้ข้างหน้ารีสอร์ทก่อนจะเปิดประตูยัดเขาเข้าไป

“ไม่ให้พี่ไปส่งเพราะไม่อยากให้ใครเห็นพี่หรือ”

“ใครที่พี่ว่าคือพี่ชุงั้นสิ”

“ใช่”

“ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ชุ!” เขาหันไปบอกนายทหารหนุ่ม ดวงตากลมโตสีสวยสบสายตาคมที่จ้องเข้ามาอย่างลึกซึ้ง “ผมกับพี่ชุ เราเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง..” ริมฝีปากสีสวยที่พูดจาใส่เขาอยู่ตรงหน้าดึงดูดให้เขาก้มลงไปงับก่อนจะละเลียดไล้ไปตามกลีบปากฉ่ำวาว ลิ้นชื้นแฉะเกี่ยวกระหวัดพันพัวจนเด็กหนุ่มรู้สึกวาบไหวแทบจะทรุด มือหนาประคองต้นคอให้เอียงรับจูบได้อย่างถนัดถนี่ ลูกเป็ดพยายามขืนตัวดันแผงอกหนาให้ออกไปจากตัว ผู้พันก็ยิ่งตะโบมจูบก่อนจะฝังหน้าลงซอกคอขาว ลูกเป็ดหดคอหนีใช้กำปั้นทุบไหล่ชลธีไม่หยุด

จะมาทำรุ่มร่ามกับเขาแบบนี้ไม่ได้นะ!

“พี่ฉลาม!” เขาถลึงตาใส่ก่อนจะดันร่างหนาออกไป “พี่ทำบ้าอะไร ถ้าใครมาเห็นเล่า”

“ก็ให้เขาเห็นไปเลย” น้ำเสียงตัดพ้อทำเอาใจเด็กหนุ่มกระตุกวูบ “เขาจะได้รู้ว่าลินท์เป็นของพี่”

“ทำไมพี่ต้องอยากป่าวประกาศด้วย”

“พี่หวง” ชลธีกลั้นใจตอบคำถาม ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากตอบ เขารู้ตัวเองดีว่ารู้สึกอย่างไรแต่เขายังไม่อยากระบุความสัมพันธ์ทั้งๆที่ตัวเองยังโลเลอยู่อย่างนี้ “พี่หวงลินท์”

“หวง?” เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งเหมือนโดนสตั้นเอาไว้ วงหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตเบิกโพลงเหมือนลูกเป็ดเวลาตื่นตกใจจะรีบกางปีกวิ่งหนี แต่คนอย่างชลธีไม่ยอมปล่อยลูกเป็ดตัวแสบไปง่ายๆหรอก คิดว่าเขาจะรู้สึกยังไงเมื่อเห็นคนของตัวเองโชว์เรือนร่างให้ใครต่อใครเห็น

มือหนาเอื้อมยันอีกฝั่งเอาไว้ ส่วนสูง174เซนติเมตรของเขาดูเล็กลงไปถนัดตาเมื่ออยู่ภายในอ้อมกอดของผู้พันหนุ่ม ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อใบหน้าคมเข้มเข้ามาประชิด

“อยากรู้ไหมว่าพี่หวงตรงไหนบ้าง” เขาใช้นิ้วเกลี่ยแก้มที่ถูกแต่งแต้ม “พี่หวงตรงนี้” ชลธีก้มลงหอมแก้มฟอดใหญ่ก่อนจะไล้ไปตามซอกคอขาว “ตรงนี้ด้วย”

“ฮื่อ” มุจลินท์เผลอส่งเสียงน่าอายออกมา “ไม่เห็นจะน่าหวงตรงไหนเลย”

“ลินท์ไม่รู้หรอกว่ามีคนอยากเข้าหามากขนาดไหน”

“แล้วทำไมพี่รู้”

“เซ้นส์มั้ง” ชลธีจุดยิ้ม “ลินท์รู้ไหม..  ฉลามเวลามันล่าเหยื่อมันกัดไม่ปล่อยหรอกนะ”

“มะ.. หมายความว่าไง..” มุจลินท์ย่นคอหนีริมฝีปากของนายทหารหนุ่มที่พรมจูบไปทั่ว รอยแดงเป็นจ้ำตามตัวเขายังไม่ทันจางเลย ชลธีไม่ตอบแต่ใช้มือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด ไล่ไปตามแผ่นหลังขาวเนียนก่อนจะเลื่อนลงสู่กางเกงผ้า “ฮื่อ..”

“ให้พี่ช่วยลินท์นะ” ไม่ทันได้ตอบอะไรมือหนาก็คว้าเข้าที่แก่นกายของลูกเป็ด ริมฝีปากที่จูบเขาเมื่อครู่ลงไปครอบครองส่วนอ่อนไหวก่อนจะดูดดึงจนลูกเป็ดดิ้นพล่าน มือบางขยุ้มกลุ่มผมผู้พันที่ขยับขึ้นลงถี่รัว มือหนาล็อคเอวบางตรึงไว้กับเบาะรถ

“พี่ฉลาม ฮื่อ” เสียงแหบพร่าขาดห้วงปลุกอารมณ์คนที่กำลังปรนเปรอได้อย่างดี “ลินท์จะไม่ไหวแล้ว..” เด็กหนุ่มพูดได้แค่นั้นก็กระตุกเฮือก ตัวสั่นระริกหอบหายใจถี่ ชลธีรั้งร่างบางเข้าอ้อมกอด ดอมดมกลิ่นกายเด็กหนุ่มที่ผสมกับกลิ่นเหงื่อ ทอดสายตาอ่อนโยน ก่อนจะก้มลงจุมพิตหน้าผากชื้นเหงื่อเบาๆ

“พี่ชอบตอนลินท์แทนตัวเองแบบนี้” ชลธีก้มกระซิบข้างหูมุจลินท์ “น่ารัก”

“บ้า!” ได้ยินอย่างนั้น เขาก็รู้แล้วว่าหากกลับกับชลธี คืนนี้เขาคงไม่ถึงห้องแน่ “ผมจะไปนอนกับยายแล้ว!” 

“เดี๋ยวลินท์ จะปล่อยให้พี่ค้างแบบนี้หรือ”

“เชิญช่วยตัวเองไปคนเดียวเถอะ ตาแก่ลามก!”  ชลธีกำลังจะปลดตะขอกางเกงยังไม่ทันได้จัดการเจ้าลูกเป็ดโทษฐานที่ทำให้เขาทั้งหึงทั้งหวง อารมณ์เสียไปทั้งวัน ชลธีชะโงกหน้าออกไปมองเห็นมุจลินท์วิ่งหันหลังกลับขึ้นโรงแรมไปแล้ว

คืนนี้เจ้าฉลามน้อยถูกทิ้งให้ค้างเติ่งสินะ..
เรื่องมันเศร้า..



TBC



ช่วงนี้นักเขียนติดสอบไฟนอลค่ะ อาจจะช้าไปนิดนึง :sad4: :o12:
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ รักนักอ่านที่น่ารักทุกคนค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาต่อแล้ว ดีจายยยยย :hao5:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
หมั่นไส้ชลธี ล่วงเกินน้องไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ยังไม่ยอมเคลียร์ความรู้สึกตัวเอง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ลินท์ เสน่ห์ล้นจริงๆ หนุ่มๆมาแนะนำตัวหลายเลย

แค่ชวิศ คนเดียว พี่ฉลามก็หวงหึงแย่และ

พี่ฉลาม รีบๆขอลินท์คบเร็วๆเลย
พี่ฉลาม ลินท์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ Maneemantra7

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ moosawvans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
วีายยยย คนแก่ถูกทิ้งไว้กลางทางง 555 :hao6:

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สมน้ำหน้าคนแก่ โดนทิ้งให้ค้างเลย555555 ชอบเอาแต่ใจดีนัก

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เอาชัยวัตรกับปฐพีออกหน้าฉากเยอะนะชอบดูเป็นคู่ฮาร์ดคอดี ตบจูบแน่ๆ

แต่ในใจลึกๆแอบเกลียดพี่ชุ ทำไมต้องมาวอแวหนูลินทร์ด้วย


ออฟไลน์ lovebear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ชอบๆอ่ะเข้ามาอ่านเรื่อนี้เพราะมีพี่คนนึงแนะนำมา

ตอนแรกอ่านแค่บทนำก็ติดเลย ปกติเป็นคนไ่ม่ค่อยสิงในห้องนี้ ปกติอยู่ห้องนิยายจบแล้ว

อ่านถึงตอนเจ็ดอยากให้มาต่อวันละตอนเลยด้วยซ้ำ ชอบลุคของพี่หลามอ่ะ

แต่มุจลินทร์ก็น่ารักนะ ชอบๆ เชียร์ให้มาต่อเรื่อยๆนะ หวังว่าเมียเก่าพี่หลามจะไม่

กลับมาทำให้มุจลินทร์เสียใจนะ

ออฟไลน์ krayfanxing

  • เออนั่นล่ะ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ฉากตอนถ่ายรูปอ่ะ คุ้นๆเหมือนอ่านอีกหนึ่งมาก่อนรู้สึกว่าตัวเอกจะเป็นอีพี่ที่มาถ่ายรูปกับเดือนรัฐศาสตร์ใช่มั้ยอ่ะ จำได้รางๆว่าเคยอ่าน แง้ๆๆจำไม่ได้ ถึงน้องลินทร์ของเรา ไม่อยากจะให้พ่อฉลามหรอกนะ ฮื่อ...มันดีกับใจจริงๆ

ออฟไลน์ Maneemantra7

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รอค่าาา  :z3:

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
บทที่ ๘

‘เธอกับฉันเราเป็นอะไรช่วยบอกฉันที อยากรู้สายตาที่เธอมีให้กัน มันหมายความว่าอะไร เป็นแค่เพียงอารมณ์อ่อนไหว ที่คงหายไป หรือซ่อนความรักที่มีเอาไว้ เธอคิดยังไงกับฉัน ช่วยบอกฉันที..’

เสียงเพลงจากเครื่องเสียงประจำรถทัวร์ปรับอากาศสองชั้นดังคลอเคลียแผ่วเบาชวนให้เคลิ้มหลับ บ่ายสี่โมงเย็นรุ่นพี่ปีสี่เริ่มแจกขนมของว่างให้กับน้องเฟรชชี่ที่เล่นกิจกรรมถึงดึกดื่น จนพากันนอนหลับสลบไม่รู้เรื่องรู้ราว เมื่อวันก่อนเป็นวันปิดกิจกรรมค่ายและคัดเลือกดาวเดือนค่าย มุจลินท์ได้อยู่กลุ่มทำกิจกรรมกลุ่มเดียวกับกรวิชญ์ เขาเลยได้รู้จักเพื่อนต่างคณะเพิ่มขึ้นอีกหลายคนเพราะเดือนคณะรัฐศาสตร์คนนี้คอยช่วยเหลือเขาตลอดการทำกิจกรรม ตกคืนนั้นเขาขอย้ายห้องไปนอนกับกรวิชญ์ โดยให้เหตุผลกับชวิศว่าถูกจับกลุ่มอยู่ด้วยกันเลยต้องเกาะกลุ่มด้วยกัน ทำให้เขาไม่ได้เจอชวิศไปอยู่พักหนึ่ง แม้ชวิศจะพยายามเข้าหาเขาสักกี่ครั้งเขาก็พยายามเว้นระยะห่าง ให้ชวิศได้เข้าใจความรู้สึกของเขา มุจลินท์นั่งแถวหลังสุดริมหน้าต่าง ดวงตากลมโตเหม่อมองทิวทัศน์ที่ค่อยๆเลื่อนไปตามความเร็วของรถ เขากระชับผ้าห่มสีเทาผืนบางที่ชวิศยัดเยียดให้ก่อนจะซุกตัวหาไออุ่น

‘กลับไปเจอกันที่บ้านนะลินท์’ ฝ่ามือหนาแตะที่กลุ่มผมนุ่มแผ่วเบา ‘ขอบคุณที่มาอยู่เป็นเพื่อนพี่นะ’

‘ครับ’ ดวงตาคู่สวยช้อนมอง ใบหน้าเขาและชลธีอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ มือขาวจัดเครื่องหมายปีกสีส้มทองบนอกให้ตรงกับแพรแถบ ป้ายชื่อสีดำเหนือกระเป๋าเสื้อเขาก็บรรจงติด เครื่องหมายสีทองบนบ่ายิ่งดูน่าเกรงขามเมื่อติดลงบนเสื้อของร่างสูง ชลธีต้องเข้าประชุมงานด่วนเกี่ยวกับการฝึกทหารใหม่ ทำให้ต้องพาลูกชายและคุณยายตามไปที่ค่ายด้วย ส่วนเขาก็ต้องกลับไปเข้าร่วมกิจกรรมเหมือนเดิม

‘ติดเก่งขึ้นเยอะเลย’ ชลธีส่องกระจกหน้าตู้เสื้อผ้า ดูความเรียบร้อยของชุดเครื่องแบบอ่อนแขนยาวสีเขียวที่เพิ่งติดเครื่องแบบเสร็จ ริมฝีปากหยักยิ้มเมื่อเห็นลูกเป็ดยืนมองฝีมือตัวเอง ‘ขอบคุณนะครับ’ ชลธีเชยคางเด็กหนุ่มให้รับจูบอ่อนหวาน นายทหารค่อยๆแทะเล็มริมฝีบางที่เผยอรับ กลิ่นกายเฉพาะตัวอ่อนๆที่มุจลินท์คุ้นเคยยามได้ใกล้ชิดติดจมูกจนจำได้ขึ้นใจ ช่วงไหล่หนากว้างที่เขาเคยโอบกอดยามร่างสูงโถมตัวลงมาบดเบียดยิ่งทำให้เขาคิดถึง

จนไม่อยากห่างไปไหน..

เขารู้ว่าตลอดทั้งชีวิตเติบโตขึ้นมาอย่างขาดๆเกินๆต้องการความอบอุ่น ความปลอดภัย และความรักมากมายยิ่งกว่าสิ่งไหน สิ่งที่หล่อเลี้ยงให้เขามีชีวิตอยู่ คือการที่เขามีคุณค่าเพื่อใครสักคน คนแรกคือคุณยายที่ชุบเลี้ยงดูเขายิ่งกว่าบุพการี ป้อนข้าวป้อนน้ำสอนให้เขาเข้าใจชีวิต ชีวิตที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ ชีวิตที่ต้องขวนขวายทุกสิ่งทุกอย่าง ชีวิตที่ต้องรักตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นใด

คนที่สองคือใครบางคนที่เข้ามาหยิบยื่นโอกาสให้ ยามเขาเดือดร้อน ยามที่เขาต้องการใครสักคนจับมือในวันที่พายุมรสุมชีวิตพัดพาเข้ามาจนเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด เป็นผู้มีพระคุณ เป็นเจ้าชีวิตที่เขาเทิดทูน รวมไปถึง เป็นเจ้าของหัวใจ.. เสียงเพลงยังคงดังแผ่วเบาแม้เขาจะข่มตาให้ตัวเองหลับ

‘หากเธอต้องการ ให้ฉันเป็นมากกว่านี้ บอกมาเลยให้ฉันรู้ตัวว่ารักที่มี มันตรงกับเธอเหมือนกัน อย่าให้ฉันเก็บ มาคิดเอาเองอย่างนี้ เธอรู้ไหมท่าที ของเธอทำฉันไหวหวั่น และสับสนเหลือเกิน ฉันไม่รู้และยังคงไม่แน่ใจ รักไม่รักใจจริงเธอต้องการ แบบไหน มันยังคงไม่ชัดเจน’

   “ลินท์” กล่องน้ำผลไม้แช่เย็นแตะเข้าที่ข้างแก้มจนเขาสะดุ้ง “กินซะ กูเห็นมึงไม่ยอมกินข้าว เป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะยุ่ง” ชวิศนั่งลงข้างเขา สีหน้าเป็นห่วงเป็นใย

“ขอบคุณนะพี่” เขายกมือไหว้ปลกๆ แล้วก็หันไปเหม่อมองวิวทิวทัศน์เช่นเดิมปล่อยให้น้ำผลไม้ที่วางไว้บนตักมันละลายจนเปื้อนกางเกงไปหมด

ปล่อยให้มันละลายหายไปยิ่งดี..

รวมไปถึงเขาด้วย..


มุจลินท์สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่รถทัวร์จอดเทียบหน้าคณะ เขาคว้ากระเป๋าเป้จากช่องเก็บของด้านบนก่อนจะลงจากรถด้วยความเร่งรีบ เวลาปาเข้าไปสองทุ่มตรงไม่รู้จะยังมีรถตู้เข้ากรุงเทพหรือไม่ ใจหนึ่งก็อยากจะรีบกลับไปเจอใครบางคนที่รออยู่ที่บ้าน อีกใจก็อยากปล่อยเวลาให้มันไหลผ่านเขาไปเช่นนี้ ไม่ต้องรับรู้อะไร.. ชวิศรีบเข้ามาเสนอตัวขับรถไปส่งแต่เขาปฎิเสธไป โชคดีที่กรวิชญ์เข้ามาทักทายจนทำให้ชวิศถอยทัพออกไปเอง

“กลับบ้านยังไงวะ” กรวิชญ์เอ่ยถาม เขาขี่มอเตอร์ไซค์ฟีโน่สีแดงจอดหน้าเด็กหนุ่ม “เดี๋ยวกูไปส่งท่ารถเอาไหม”

“เออ ขอบใจ” เด็กหนุ่มส่ายหัว ยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี “แต่กูยังไม่อยากกลับบ้าน”

“มึงหัดเป็นเด็กมีปัญหาหรือ” เขาเห็นมันเป็นคนเงียบๆติ๋มๆแถมหน้าตาชวนเอ็นดูพ่อแม่คงจะขี้หวงน่าดู “รถตู้หมดตั้งแต่ทุ่มครึ่งแล้ว มึงต้องขึ้นรถเมลล์กลับแล้วล่ะ”

“มึงกลับห้องเถอะ” เขามองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาสองทุ่มครึ่งกว่า “กูอยากกลับเดี๋ยวก็กลับเอง”

“หน้าตาอย่างมึงมายืนตรงนี้คงได้กลับบ้านหรอก” เขาแค่นยิ้ม ส่วนมุจลินท์เดินหนีไปอีกทาง กรวิชญ์ใช้สองเท้ายันกับพื้นเข็นรถมอเตอร์ไซค์ตาม “ถ้ามึงมีเรื่องไม่สบายใจขนาดนั้น ไปนอนห้องกูสักคืนมั้ยล่ะ”

“…”

“พรุ่งนี้เช้าตื่นไปเรียนแล้วมึงค่อยคิดว่าจะเอายังไง” 

รู้ตัวอีกทีเขาก็เงยหน้ารับลมเย็นขณะที่กำลังซ้อนหลังบนมอไซค์ของเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักได้สามสี่วันซะแล้ว กรวิชญ์เป็นคนเข้ากับคนง่าย เขาเห็นมันไปคุยกับวงไหนก็ได้เพื่อนใหม่ทุกครั้งไป ต่างกับเขาที่เข้าสังคมไม่เก่ง พูดไม่เก่ง และไม่ชอบเข้าหาใคร รถมอเตอร์ไซค์สีแดงจอดหน้าอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งข้างรั้วมหาลัย ที่นี่เป็นหอพักชายที่ติดสถานบันเทิงที่สุดก็ว่าได้ เดินลงมาจากหอก็เข้าไปดริ้งในผับได้สบาย

“ห้องกูเล็กหน่อยนะ” กรวิชญ์เปิดไฟในห้อง เห็นเตียงขนาดห้าฟุตคลุมด้วยผ้าปูสีน้ำตาลอ่อน โต๊ะสำหรับทำงานมีไอแมคจอใหญ่ตั้งอยู่ ตู้เสื้อผ้าขนาดพอเหมาะตั้งอยู่ข้างเตียง “ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น ใช้ได้ตามสบาย”

“ขอบใจ”

เขาเข้าไปอาบน้ำได้สักพัก สระผมแล้วใช้ไดร์เป่าผมจนแห้ง เลือกเสื้อยืดที่เขาใช้ใส่นอนเมื่อตอนไปค่าย ลองดมแล้วไม่มีกลิ่นผิดแปลกอะไรจึงหยิบมาใส่อีกรอบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเตียง ส่วนเจ้าของห้องยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงห้อง ข้างๆมีกีตาร์สีดำสนิทพิงเอาไว้

“กูนอนแล้วนะ” เขาพูดแค่นั้นแล้วรั้งเอาผ้าห่มที่กองอยู่ปลายเท้าขึ้นมาคลุมหัว “มึงอาบน้ำเสร็จแล้วปิดไฟให้กูด้วย”

“ตกลงห้องกูหรือห้องมึงกันแน่” กรวิชญ์หัวเราะ “เมื่อกี๊กูเห็นโทรศัพท์มึงสั่น กูเลยกดรับไปนะ บอกมึงอาบน้ำอยู่”

“ใครโทรมา?”

“ไม่รู้” กรวิชญ์พ่นควันออกจากปาก “มึงเมมว่า SHARK ฉลาม? พี่มึงหรือ?”

”มึงรับหรอ” เขาเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง “มึงคุยอะไรกับเขาไปบ้าง!”

“กูบอกแค่คืนนี้มึงนอนห้องกู แล้วก็อาบน้ำอยู่ ให้เขาโทรมาใหม่”

“ตายห่า!”

“มึงไม่ตายกูนี่แหละจะตาย” กรวิชญ์เดินเข้ามาในห้องนั่งตุบอยู่ปลายเตียง กลิ่นบุหรี่อบอวลรอบตัวจนเขาต้องกลั้นหายใจ  “ทำแฟนเขาเข้าใจผิด กูจะโดนยิงกบาลไหมเนี่ย” กรวิชญ์โอดครวญทำเป็นชักดิ้นชักงอ เห็นท่าทางแล้วเขาหมั่นไส้จนอยากจะถีบสักที

“ไม่ใช่แฟน” เขาบอกเสียงแผ่ว “เขาเป็นเจ้านายกู”

“เจ้านายที่ไหนจะเป็นเดือดเป็นร้อนกับมึงขนาดนี้” กรวิชญ์มองนาฬิกาบนฝาผนังห้อง “สามทุ่มครึ่งยังโทรจิกมึงยิ่งกว่าไก่”

“พรุ่งนี้คงไม่มีคนไปส่งไทเกอร์” เขามัวแต่คิดถึงแต่ตัวเองจนลืมเด็กชายตัวน้อย “กูทำงานเป็นพี่เลี้ยง.. ช่วยเขาเลี้ยงลูกชาย”

“กูให้มึงตอบอีกทีนะลินท์” เขาเงยหน้ามองคนถามแสงไฟสีส้มในห้องทำให้ดูเลือนลาง “มึงรักเขาหรือ”

“กู..” เขานิ่งอึ้ง หัวใจเต้นกระหน่ำเหมือนถูกจับได้ ”มึงถามอะไรของมึงเนี่ย”

“กูเห็นนะว่าวันนั้นมีคนมาส่งมึง” ชายหนุ่มหันกลับมาจ้องตากลมโตสีสวยที่กำลังเบิกโพลง มุจลินท์ไม่คิดว่าจะมีคนเห็นว่าชลธีแอบมาส่งเขาที่หน้าโรงแรมตอนเช้ามืด “มึงหายไปตั้งแต่ทุ่มนึง กิจกรรมตอนกลางคืนมึงก็ไม่เข้า จะบอกไม่บอก”

“เออ กูยอมแล้ว” มุจลินท์รีบเบรกก่อนผู้ที่สถาปนาตัวเองเป็นนักสืบจะซักไซ้ไปมากกว่านี้ เขาพลาดเองจริงๆที่ยอมให้ชลธีไปส่ง ดวงตากลมโตหลุบต่ำ ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อแม้ในความมืดสลัว “กูชอบเขา มึงพอใจหรือยัง”

“กูอกหักดังเป๊าะเลย” กรวิชญ์ลงไปนอนที่เตียง ใบหน้าระนาบเดียวกับเด็กหนุ่ม เสียงหัวเราะแผ่วเบาข้างหูทำให้เขาดูไม่ออกว่ากรวิชญ์พูดเล่นหรือพูดจริงกันแน่ “ มึงรักเขาที่ตรงไหน”

“มะไม่รู้” เขาอึกอัก รู้สึกเหมือนกำลังโดนต้อนให้จนมุม ”อีกอย่างกูไม่ดีพอขนาดจะไปรักเขาได้หรอก”

“มึงเอาอะไรมาตัดสินว่ามึงไม่ดีพอ ความรักไม่มีถูกไม่มีผิด มันเป็นสากลโลก ความรักของกู ยังนิยามไม่เหมือนมึงเลย ลินท์ มึงคิดมากเกินไปหรือเปล่า ”

“กูแม่งไม่มีอะไรดีสักอย่าง กูรู้สึกแย่ทุกครั้งที่รู้สึกแบบนี้” เขาก้มหน้างุด มือบางกุมผ้าห่มแน่น รู้สึกอ่อนไหวทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต “กูเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่เคยเจอหน้าพ่อ ไม่ได้อยู่กับแม่..”

“กูไม่เห็นว่ามึงจะมีอะไรแตกต่างกับกู มึงเป็นคนเก่งมีความสามารถ มีน้ำใจกับเพื่อนๆ” ถึงแม้เขาจะเพิ่งรู้จักมุจลินท์แต่ระยะเวลาที่ได้ใกล้ชิดทำให้เขารู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขามีจิตใจดียิ่งกว่าใคร “มึงอย่าดูถูกตัวเองเลย มึงมีคุณค่าในตัวเองเสมอ ที่มึงรู้สึกแย่มาตลอดเพราะมึงไม่รู้สึกคู่ควรกับเขาหรือ”

“อืม”

“เวลาจะเป็นตัวพิสูจน์หัวใจของมึงเอง”

ตึง ตึง ตึง!

“มึงรีบไปเก็บเสื้อผ้าเถอะ เขามาตามมึงแล้ว ” กรวิชญ์กระชับผ้าขนหนูที่คลุมปิดสะโพกเอาไว้ให้แน่นก่อนจะลุกไปส่องตาแมวหน้าประตูห้อง “มาแล้วครับ มาแล้วครับ” เขาเปิดประตูให้คนหน้าห้องเข้ามา ชลธีหน้าทะมึนตึงกวาดสายตาเข้ามาในห้อง เห็นมุจลินท์กำลังยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าก็รีบตรงปรี่เข้าไปคว้าข้อมือ

“กลับบ้าน!”

“ขอเก็บของก่อนครับ” เด็กหนุ่มยื้อเอาไว้ก่อนจะก้มลงไปปิดกระเป๋าเป้ ชลธีเห็นเจ้าลุกเป็ดหัวยุ่งเสื้อผ้าก็ชุดเดิมที่เคยใส่ไปเจอเขา กลิ่นครีมอาบน้ำที่ไม่คุ้นยิ่งทำให้นายทหารหนุ่มอารมณ์เสีย โดยเฉพาะผู้ชายที่รับโทรศัพท์เขาอยู่ในชุดล่อแหลม พาลให้เขาคิดเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน “กูกลับก่อนนะเกี๊ยม ขอบใจมึงมาก” เด็กหนุ่มหันไปยิ้มเพื่อนที่ยังคงยืนมอง ชลธียิ่งกำข้อมือแน่นขึ้นจนมุจลินท์ขมวดคิ้ว

“ที่ผมยอมบอกที่อยู่ให้คุณมารับลินท์ เพราะผมอยากให้ลินท์เคลียร์กับคุณ” กรวิชญ์เดินเข้ามาประชิด สายตาสบกับชลธีจนเขาเหมือนจะเห็นกระแสไฟวิ่งผ่าน “ไม่ใช่ให้คุณมาทำให้ลินท์เจ็บอีกแบบนี้” จบประโยคชลธีผ่อนคลายแรงที่ข้อมือลง มองลูกเป็ดที่น้ำตารื้นแล้วใจเขาก็อ่อนยวบ

“เรากลับกันเถอะครับ” เขาเงยหน้ามองชายหนุ่มกระตุกแขนเสื้อให้ชลธีรู้สึกตัว จากกำข้อมือในตอนแรก ฝ่ามือหนาเปลี่ยนมาสอดประสานแนบแน่น มุจลินท์แอบพงกหัวเป็นเชิงขอบคุณให้กรวิชญ์ก่อนจะออกจากห้องไป เขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบ นานแล้วที่ไม่ได้คลายเครียดด้วยการใช้บุหรี่ ไฟแช็คจุดพรึ่บทำให้แสงไฟสว่างแวบขึ้นมาก่อนบุหรี่จะติด เขาสูดมันเข้าไปเต็มปอดก่อนจะปล่อยควันออกทางจมูก ระเบียงชั้นห้าของเขามองเห็นลานจอดรถชัดเจน รถยนต์สีดำแล่นออกจากไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังคงเหม่อมองแสงไฟประดับประดาในยามราตรีทีไม่เคยหลับใหล แสงไฟส่องประกายระยิบระยับกลบแสงดาวในคืนที่ไม่มีเมฆเช่นนี้ เขานั่งลงบนเก้าอี้เมื่อครู่คว้ากีตาร์ขึ้นมาดีดแก้เครียดอย่างที่สมัยมัธยมชอบทำ

“ฉันรู้ฉันเป็นแค่คนไกล.. ไม่ใกล้ใจเธอเลย ฉันรู้ตัวดีถึงฉันบอกรัก..เธอก็อาจเมินเฉย บอกเธอว่ารักก็ต้องเจ็บ เก็บไว้ยังไงก็ยิ่งเจ็บ มองแล้วไม่เห็นจะมีทางไหน..”
.
.
บรรยากาศภายในรถอึมครึม มุจลินท์แทบไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว ได้แต่มองตรงไปข้างหน้า บางครั้งแอบเหล่หางตามองก็เห็นชลธีหน้าตึงไม่พูดไม่จา ทำเอาเขาไม่รู้จะพูดอะไรดี นั่งถ่างตาบนรถอยู่เป็นชั่วโมงหาวหวอดไปหลายสิบรอบ ชลธีเปิดไฟเลี้ยวก่อนที่รถจะเข้าไปสถานที่สักที่หนึ่ง ซึ่งเขาก็ดูไม่ออกเพราะรอบด้านมืดไปหมด

“เราจะไปไหนกันหรือครับ” ลูกเป็ดกอดกระเป๋าเป้แน่น แอร์หน้าคอนโซลเป่าหน้าจนดวงตาปรือปรอย เที่ยงคืนกว่าแล้วเขาเริ่มชักจะง่วง อยากจะแอบงีบหลับแต่ก็กลัวชายหนุ่มจะโกรธ

“กลับค่าย” ชลธีตอบเสียงเบาไม่แม้แต่จะมองหน้า “ลินท์ไปนอนทีบ้านพักพี่ในค่ายแล้วกัน”

“แล้วน้องเกอร์ล่ะครับ” เด็กหนุ่มถามทันที เขาเป็นห่วงเด็กอ้วนขึ้นมาจับใจ การไปรับ-ส่งที่โรงเรียนเป็นกิจวัตรประจำวันที่เขาติดไปซะแล้ว

“อยู่กับคุณยาย”

“อ่อ  แต่ว่า” เขางงไปหมดอยู่ๆจะให้เขาไปพักในค่ายกับชลธีทำไม “แล้วทำไมผมต้องไปกับพี่ด้วย”

“พี่อยากให้เราอยู่ใกล้ๆ” ชลธีหันมาสบตาใสแจ๋วที่มองตอบเขา “ไม่ได้หรือ”

“....”

“ทำไมไม่ยอมกลับบ้าน พี่โทรหาก็ไม่รับ” เขาเลื่อนมือที่จับพวงมาลัยมากุมไว้ “ลินท์โกรธอะไรพี่”

“ผมเปล่า” เขาส่ายหัวดิก “ผมไม่ได้โกรธ”

“ก็เห็นอยู่ว่าลินท์หลบหน้าพี่” เขากระชับฝ่ามือให้แน่นขึ้นส่งผ่านความอบอุ่นและความรู้สึกที่เขามี “ไม่อยากเจอพี่แล้วหรือ”

“ไม่ ไม่ พี่เข้าใจผิดแล้ว” ลูกเป็ดยกมือขึ้นโบกไปมา “ลินท์ขอโทษที่ทำให้พี่เป็นห่วง”

รถเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านพักปูนสองชั้น รอบล้อมไปด้วยไม้ยืนต้นเด่นตระหง่าน สองข้างทางมืดสนิทจนเขาแทบจะมองไม่เห็น บรรยากาศวังเวงทำให้เขารีบลงจากรถ หยิบเป้ขึ้นสะพายก่อนจะสำรวจที่ทางแห่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ชลธีไขกุญแจบ้านถอยรถเข้าที่เรียบร้อยจึงพาลูกเป็ดที่กำลังง่วงเข้าบ้าน ข้างในเป็นบ้านพักคล้ายทาวเฮาส์แต่มีอาณาเขตพอสมควร เขาวางกระเป๋าเป้บนโซฟา มองหาห้องครัวรู้สึกอยากจะดื่มน้ำเสียหน่อย

“ห้องนอนอยู่ข้างบน ง่วงก็ไปนอนนะ” ชลธีขยี้ผมเขาอยู่สองสามที ก่อนจะผละไปเข้าห้องน้ำ เขาคว้ากระเป๋าเป้เดินเลียบบันไดขึ้นไปชั้นสอง เห็นกรอบรูปเรียงรายเต็มไปหมด มีตั้งแต่สมัยชลธียังเรียนอยู่เตรียมทหารกับเพื่อนร่วมรุ่น หรือแม้แต่สมัยที่นายทหารหนุ่มยังเป็นนักเรียนในโรงเรียนเหล่า มีภาพงานราตรีที่เหล่านักเรียนนายร้อยจะต้องควงหญิงสาวมาออกงาน เป็นภาพที่ชลธียิ้มอย่างมีความสุขข้างกายมีสาวน้อยหน้าตาน่ารักในชุดราตรียาวสีชมพูกำลังคล้องแขนเขาไว้ ถัดไปเป็นภาพหญิงสาวอีกคนในชุดงานแต่งงานสีขาว เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากในความคิดของเขา คงจะเป็นแม่ของไทเกอร์อย่างแน่นอน เมื่อเห็นภาพที่สองคนกุมมือกันแนบแน่นและยิ้มให้กับกล้องทำเอาเขาใจกระตุกวูบ รีบผลักประตูห้องเข้าไปก่อนจะทิ้งตัวนอนลงเตียง ในห้องไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมีเพียงข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น เขาสะดุดตากับกรอบรูปตั้งโต๊ะสีส้มอ่อนเป็นรูปภาพเด็กชายวัยประมาณ10-15ปียืนเรียงกันสามคน ห้อยด้วยเด็กชายตัวน้อยหน้าตาน่ารักที่กำลังยืนอมนิ้ว หลบกล้องอยู่หลังชลธี มองปราดเดียวเขาก็จำได้ทันที ว่าเด็กหนุ่มคิ้วเข้มหนาที่วางพาดดวงตาคมสวยคู่นั้นคือชลธีไม่ผิดแน่

หน้าตาดีมาตั้งแต่เด็กจริงๆ 

“ยังไม่นอนหรือ” เขาสะดุ้งก่อนจะรีบวางกรอบรูปลงบนหัวเตียง ชลธีถือแก้วน้ำเปล่าเข้ามาแก้วหนึ่งยื่นให้เขา

“กำลังจะนอนครับ” เขารับน้ำมาดื่มก่อนจะรีบเอาผ้าห่มมาคลุมตัวม้วนเป็นดักแด้ก่อนจะรีบหลับตาแน่น ชลธีสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มด้วยก่อนจะรั้งเอวให้เข้ามาใกล้ ท่อนแขนหนาสอดเข้าท้ายทอยรั้งให้เด็กหนุ่มแนบกับแผงอก  “ฮื่อ”

“จะตอบพี่ได้หรือยังว่าเราเป็นอะไร” จมูกโด่งจรดหน้าผากเขา “ถ้าไม่ตอบพี่ก็ไม่ปล่อย นอนอึดอัดไปอย่างนี้แหละ”

“ผมเปล่า” เขาบ่นงึมงำ ใบหน้าซุกอยู่ตรงซอกอก ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆประจำตัวที่คุ้นชินก็เริ่มจะเคลิ้มหลับ “ผมคิดมากไปเอง”

“แล้วคิดเรื่องอะไรหรือ” ชลธีเชยคางเด็กหนุ่ม “น้อยใจอะไรพี่?”

“ผม” เขานิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะกลั้นใจตอบ “ผมไม่คู่ควรกับพี่”

“ลินท์ พี่อยากให้ลินท์รู้เอาไว้นะ พี่ไม่เคยคิดว่าลินท์หรือดูถูกลินท์เลยสักครั้ง” นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำสีใสที่ปริ่มอยู่หางตา “พี่จะอยู่กับใครพี่จะเป็นคนเลือกเอง ในเมื่อพี่เลือกแล้วพี่ก็ไม่คิดจะปล่อยไปง่ายๆด้วย” ริมฝีปากสวยพรมจูบซับไปทั่วใบหน้าขาว จมูกโด่งรั้นเป็นสีแดงระเรื่อจนชลธีอดไม่ไหวต้องงับไปหนึ่งที เจ้าลูกเป็ดสะดุ้งส่งสายตาเขียวปั้ดใส่

“ขอบคุณครับ”

ขอบคุณที่มอบคุณค่าและความหมายของการมีชีวิตให้เขาอีกครั้ง

เสียงสะอื้นยังดังแผ่วจนชายหนุ่มอดสงสารไม่ได้ ยิ่งรั้งเด็กเข้ามาให้แนบชิดมากขึ้น “ไหน มีใครงอแง?”

“ไม่มีสักหน่อย” ลูกเป็ดกระเถิบหันหลังหนี ใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำตาที่ยังเลอะเทอะ “ผมนอนแล้วนะ”

“อยากนอนก็นอนสิ เด็กดื้อ” กระซิบข้างหูก่อนจะแตะลิ้นเปียกชื้นเข้าที่กกหู เด็กหนุ่มย่นคออย่างหนีเอาเป็นเอาตาย แต่ก็ไม่สามารถดิ้นจนหลุดจากการเกาะกุมได้ 

“ฮื่อ” เขาหันไปดุผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมหลับยอมนอน “ผมง่วงแล้ว”

“พี่ก็ง่วงนะ แต่” เขาดึงข้อมือบางให้ไปสัมผัสอะไรบางอย่างที่กำลังดุนดันหน้าขาเขา “แต่ฉลามน้อยมันตื่นน่ะสิ”

“อื้อ” ไม่ทันได้อ้าปาก พ่อฉลามเพชฌฆาตก็ฉกจูบเขาทันที ลิ้นเกี่ยวกระหวัดดูดดึงลิ้มรสความหอมหวาน ขบเม้มจนเขารู้สึกหน่วงเบื้องล่าง สองมือคว้าจิกเอาบ่าของนายทหารหนุ่มไว้แน่น ความเสียวซ่านเริ่มกระจายไปทั้งร่างกายเมื่อมือหนาไต่เข้าไปในกางเกงผ้าแพร เริ่มขยับรูดส่วนอ่อนไหวขึ้นลงจนเขาต้องเพิ่มแรงจิกตามอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน

“เต็มที่ ไม่ต้องกลัวพี่เจ็บหรอก” ชลธีจูบซับข้างใบหู รู้สึกเอื้อเอ็นดูเมื่อเห็นดวงตาฉ่ำปรือปรอยมองเขาหวานเยิ้ม น้ำหล่อลื่นสีใสฉ่ำไปทั่วแก่นกาย เขาปลดกางเกงผ้าแพรลง แบะเรียวขาขาวก่อนจะแทรกนิ้วลงไปที่ช่องทาง มุจลินท์ใช้มือดันเขาไว้ไม่ให้เข้ามาแต่ท่าทางและร่างกายที่ได้รับการปรนเปรอไปนั้นกำลังพรั่งพร้อมที่จะยอมรับตัวตนของเขาเข้าไป

“พี่.. ฉลาม” ชายหนุ่มกด แก่นกายเข้าไปช้าๆแช่อยู่สักพักจนเด็กหนุ่มที่นอนตาปรอยด้านล่างเริ่มประท้วงด้วยการใช้ขาเกี่ยวเอวเขาให้เข้าไปใกล้ “ฮื่อ.. เอาอีก”

“อย่ามายั่วพี่น่า” ชลธีฮึ่มในลำคอก่อนจะค่อยๆขยับร่างกายเชื่องช้า เขาพยายามอ่อนโยนให้เด็กหนุ่มให้ได้มากที่สุด เพื่อที่มุจลินท์จะได้ชินและไม่เจ็บปวดกับรสสัมผัสที่เขามอบให้ ยิ่งได้เชยชมมากเท่าไหร่เขาก็รู้สึกเหมือนเสพติดเด็กหนุ่มมากเท่านั้น เนื้อตัวร่างกายขาวผ่องเรียกอารมณ์เขาให้พลุ่งพล่าน “ชักจะเอาใหญ่แล้วนะลูกเป็ด”

“ฮื่อ อ๊ะ” เสียงกระเส่าแสนหวานดังสลับเสียงร่างกายกระทบ เด็กหนุ่มรั้งต้นคอผู้พันมาประทับริมฝีปาก ผ้าปูที่นอนเริ่มหลุดลุ่ยออกจากเตียง หมอนกระเด็นกระดอนไปคนละทิศทาง สะโพกแกร่งสาวเข้าออกอย่างมัวเมาจนมุจลินท์ตัวสั่นตัวคลอนไปตามแรงกระแทก ฟันคมขบเม้มไปตามยอดอกสีชมพูเข้ม “ฮื่อ ตรงนั้น..” ผมยาวสีน้ำตาลระต้นคอเปียกชื้นเรียบลู่ไปตามผิวขาว ชลธีรวบผมลูกเป็ดขึ้นก่อนจะประทับจูบบริเวณต้นคอขาวจนขึ้นสี

“สงสัยต้องซื้อเสื้อคอเต่าให้ใส่อีกสักตัว” นายทหารหนุ่มหัวเราะในลำคอ พลางดันร่างบางให้อยู่เหนือตัวเขา ส่วนเขานอนเอามือไขว้มองร่างขาวที่กำลังขยับร่าง มุจลินท์หอบหายใจแฮ่กแผ่นอกขยับขึ้นลง ไม่ว่าเขาจะมองยังไงก็โคตรเซ็กซี่  “ไหวไหมครับ?”

“ไม่..” เด็กหนุ่มส่งเสียงอ่อนแรง ตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ โดนเอาเปรียบอยู่นานสองนานแต่นายทหารหนุ่มก็ยังไม่มีทีท่าจะเสร็จสมเสียที

เขาเหนื่อยแล้วนะ!

ชลธีอมยิ้มเห็นเด็กดื้อทำหน้ามุ่ยเขาเลยต้องขยับเปลี่ยนที่ทางให้คนไม่มีแรงได้นอนสบายๆ แต่นายทหารหนุ่มไม่ยอมให้ลูกเป็ดได้พักนาน เขายกช่วงขาขาวพาดขึ้นบนลาดไหล่กว้าง ก่อนจะขยับเชื่องช้า เขาไม่ได้ทำรุนแรงอะไรมาก แต่ไม่มีการผ่อนความเร็วแม้แต่น้อย จะให้ทำอย่างไรในเมื่อเขาต้องออกกำลังกาย ใช้แรงอยู่ทุกวัน มิหนำซ้ำยังต้องฝีกทหารใหม่นับร้อยจะให้เขาปล่อยเนื้อปล่อยตัวก็ดูไม่ดีเท่าไหร่ มุจลินท์ทุบไหล่เขาดังปั้ก ส่ายหัวว่าไม่ไหวแล้ว เขาก้มลงไปจูบอีกสักพักก่อนจะ คลอเคลียซอกคอขาวที่เขาชอบนักหนา

“เป็นเมียทหารต้องอดทนนะครับ”

ราตรีนี้ยังคงอีกยาวไกล..






   TBC

ตอนนี้เขาก็ยังพ่อแม่แม่งอนกันอยู่เช่นเคย เคี้ยกๆๆ :hao6:
ฝากเพลงไว้ฟังประกอบค่ะ เอ็มวีน่าร้ากก https://www.youtube.com/watch?v=PKVWK6Kp5yk
ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม ที่สนใจนิยายของพายนะคะ มีพี่ๆสนพ.ให้ความสนใจด้วย ขอบคุณจริงๆ :hao5:
รักนักอ่านทุกคนจ้ะ *กอด * :mew1:
พายเอาปกร่างนิยายเรื่องมุจลินท์มาฝากด้วยค่ะ ฝีมือของคุณซินเวีย พี่หลามแซ่บเว่อ ชุดแน่นไปไหมคะ อิอิ  :katai2-1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2017 20:37:42 โดย Palupu »

ออฟไลน์ Apinnoolek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่ฉลามมมมมมมมม :-[

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
เป็นเมียทหารต้องอดทนนะคับ ตายแทนหนูลิน

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จ้ะต้องอดทน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด