ตอนที่ ๑๒
เด็กหนุ่มหมุนตัวซ้ายขวาหน้ากระจกบานใหญ่ได้เกือบสิบนาทีแล้ว เสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีน้ำตาลตัวเก่งสวมทับเสื้อยืดสีเหลืองอ่อน กางเกงยีนส์สีซีดขายาวแนบไปกับขาเรียวยาว เขาหมุนแล้วหมุนอีกก็ยังไม่พอใจ กลัดกระดุมเสื้อจนถึงต้นคอก็ยังเห็น ไอ้รอยยุงกัดแดงๆระเรื่อเต็มลำคอ เปิดตู้เสื้อผ้าก็เจอแต่เสื้อคอเต่าสีขาวแขนยาวที่ชลธีซื้อไว้ให้แขวนอยู่ในตู้ ซึ่งเขาไม่เคยหยิบมาใส่เลยสักครั้งเพราะมันบางแนบเนื้อเสียขนาดนั้น เสียงเคาะประตูหน้าดังสองสามทีพร้อมกับเจ้ายุ่งตัวเบ้อเร่อที่ทำเอาเขาปวดหัวกับการใส่เสื้อผ้า ยืนพิงประตูห้อง ดวงตาคมมองเขาตั้งหัวไล่ลงมายันปลายเท้า
“มองอะไรครับ?” เขาหันไปถามเสียงขุ่น รอยคิสมาร์คเต็มตัวจนเขาไม่กล้าออกไปไหนมาหลายวันแล้ว มันน่าโมโหจริงๆ
“ทำไมดุจังล่ะ” ชลธีรีบสาวเท้าเข้ามาสวมกอดทางด้านหลัง กดจูบลงต้นคอหอมกรุ่นกลิ่นแป้งเด็กเบาๆ “ตั้งแต่เป็นแฟนกันก็ดุจังเลยนะ”
วงหน้าขาวแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างเอ็นดู ตั้งแต่เปิดเผยความรู้สึกต่อกัน ชลธีก็มักจะแสดงความรักอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมาจนบางครั้งเขาก็รู้สึกเขินจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
“ปล่อยก่อน ลินท์จะแต่งตัว” เขาสะบัดคนตัวโตให้หลุดออก “พี่ออกไปรอข้างนอกนะครับ”
“ไม่เอา ไหนยังไม่เสร็จเดี๋ยวพี่ช่วย” ฉกจูบแก้มขาวนวลไปอีกหนึ่งที “ทีลินท์ยังช่วยพี่แต่งตัวเลย”
“ให้พี่ช่วยแต่งตัวงั้นวันนี้ก็ไม่ต้องไปไหนแล้ว” เล่นเดี๋ยวจูบเดี๋ยวกอดเดี๋ยวลูบ ไม่พ้นได้ไปเล่นกันบนเตียงอีกแน่ เขาขอยอมแพ้ รับศึกหนักผู้พันทุกวันจนเขาแทบไม่มีแรงตื่นไปเรียน จนเขาต้องออกกฎห้าม แต่ชลธีก็ยังไม่ยอม
“โถ่ เบื่อคนรู้ทัน” ทำปากจู๋คิดว่าน่ารักหรืออย่างไร ขยิบตาแบบนั้นคิดว่าจะยอมหรือ
อือ ยอมก็ได้....“พี่ช่วยลินท์ที” เด็กหนุ่มหันไปเผชิญหน้า ชลธีหยิบผ้าพันคอมาม้วนรอบคอเขาแล้วจุ๊บแก้มเบาๆหนึ่งที
“แฟนพี่ดูดีอยู่แล้ว ไม่ต้องแต่งอะไรมาก” มือหนาเขี่ยแก้มขาวเบาๆ “แค่ปิดรอยตรงคอก็พอ เดี๋ยวคุณแม่จะตกใจ” เขาเบิกตาโพลงเกือบจะยกกำปั้นขึ้นหมายจะทุบนายทหารหนุ่มสักที แต่ก็ทุบไม่ลง ใช้หัวดันเข้ากับไหล่หนาออดอ้อนขอกำลังใจ ชลธีอยากพาเขาและคุณยายไปพบคุณพ่อและคุณแม่ ครอบครัวของชลธีมีบ้านอยู่ในแถบชานเมืองจังหวัดปทุมธานีไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเขานัก ชลธีมีพี่ชายหนึ่งเป็นวิศกรอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ส่วนน้องชายอีกสองคนเป็นหมอและทนายความ ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลพันศิยะวัตรก็เป็นเจ้าของภัตราคารหรูชื่อดังที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ แล้วครอบครัวชลธีจะยอมรับคนรักของลูกชายที่เป็นนักศึกษาจนๆมีแต่ตัวได้อย่างไร แค่คิดก็รู้สึกกังวลจนปวดหัวตุบ หัวใจบีบแรงจนอึดอัด
“ลินท์กลัว” วงหน้าขาวซุกเข้าที่อกอุ่นของชายหนุ่ม “กลัวไปหมดทุกอย่างเลย”
“ลินท์มีพี่อยู่ทั้งคน จะกลัวอะไรอีก”
“กลัวสิ กลัวแม่พี่ไม่ชอบลินท์ กลัวที่บ้านพี่จะไม่ยอมรับ.. พวกเรา”
“พาลูกสะใภ้ไปให้ทั้งที จะไม่ยอมรับได้ยังไง” เห็นเจ้าลูกเป็ดทำหน้ายู่ก็อดเอ็นดูไม่ได้
“พี่ฉลาม ลินท์ไม่ตลกนะ” เขาไม่ใช่ผู้หญิง แถมยังเป็นผู้ชายทั้งแท่ง แล้วพ่อแม่ของชลธีจะไม่ตกใจหรือ อีกอย่างชลธีเป็นนายทหารมีหน้ามีตาจะให้เขาออกตัวเป็นคนรัก แล้วคนอื่นจะคิดยังไง
“ลินท์อย่าเพิ่งไปคิดอะไรที่มันยังไม่เป็นจริงสิ” ลูบกลุ่มผมนุ่มสองสามที “ทำหน้าบึ้งแบบนี้เดี๋ยวหน้าเหี่ยวนะ”
“ชอบแซวอยู่เรื่อย”เขาเบะปาก“ลินท์กลัวจริงๆ”
“ลินท์เชื่อใจพี่ไหม”
“เชื่อสิ”
“ก็ไม่ต้องไปคิดอะไร.. นะครับ” สัมผัสอุ่นแตะหน้าผากขาวเนียน เพียงอึดใจเดียวแต่รู้สึกเนิ่นนานในความรู้สึก ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ มองสบตาของชลธีแล้วเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้น ความไม่มั่นใจที่มีอยู่ค่อยๆจางหายไป มือหนาที่เกาะกุมไม่ยอมปล่อยทำให้เขารู้สึกปลอดภัยเหมือนอยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา คำว่ารักแม้ไม่เอ่ยออกมาแต่สายตาที่มองทอดมาพร้อมรอยยิ้มนั้น
เต็มไปด้วยความรักอัดแน่นเต็มอก…“ดูไอ้ช้างสิ คบกับมะนาวมาตั้งหลายปี” ชลธีโยกคนตัวเล็กกว่าไปมา “ที่บ้านพี่เปิดกว้างมากกว่าที่ลินท์คิดนะ”
“ฮื่อ ลินท์จะไม่คิดมากแล้ว” ถึงชลธีจะบอกอย่างนั้นแต่มันก็อดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี ในหัวคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่งตัวแบบนี้จะเรียบร้อยหรือยัง แล้วควรจะมีของฝากติดไม้ติดมือไหมนะ เขาไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดีเลยกังวลไปหมด
“ลินท์เป็นคนน่ารัก คุณพ่อคุณแม่พี่ต้องเอ็นดูแน่ๆ” เจ้าลูกเป็ดครางในลำคอแถมยังซุกเขาแน่นเข้าไปอีก บดเบียดเนื้อตัวหอมหวานเข้ามาใกล้เขาแบบนี้ ไม่สงสารเขาบ้างเลย “เด็กขี้ยั่วเอ๊ย”
“ลินท์ยั่วพี่ตรงไหนฮะ?” มุจลินท์เงยหน้าขึ้นมาถาม ไม่พูดเปล่าหยิกเข้าที่แขนเขาตั้งหลายที ชลธีหลบเป็นพัลวัน เห็นตัวบางๆแต่มือหนักเป็นบ้า
“โอ๊ย พี่ยอมแล้ว พี่ยอมแล้ว”สองมือยกขึ้นไร้ทางต่อต้าน“ดุแบบนี้เห็นทีพี่จะมีกิ๊กยากแล้ว”
“พี่ฉลาม!”
“พี่ล้อเล่นจ้ะ” แค่พูดเล่นหน่อยเดียวทำเป็นหน้างอเดินหนีเขาไปนอกห้องอีกแล้ว มุจลินท์อุ้มลูกชายและจูงมือคุณยายเดินลิ่วไม่ยอมมองหน้าเขาสักนิด ไทเกอร์หันมาหัวเราะคิกคักใส่เขา ได้แต่รีบกุลีกุจอขนของใส่ท้ายรถ เป็นแกงบวดฟักทองที่คนรักตั้งใจทำเต็มที่อยากให้ที่บ้านเขาได้ชิม มุจลินท์หันมามองค้อนเขาอีกรอบก่อนจะขึ้นรถไป
เขาว่าเมียดุ.. แปลว่าเมียรักใช่ไหม..รถยนต์นิสสันสีขาวจอดนิ่งสนิทหน้าบ้านเดี่ยวสองชั้น ข้างตัวบ้านมีต้นไม้ใหญ่ขนาบทั้งสองด้านบรรยากาศดูร่มรื่น สบายตา เขาค่อยๆประคองคุณยายลงจากรถ หมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวโตขนสีน้ำตาลเป็นเงาวิ่งมาคลอเคลียข้างๆ เด็กหนุ่มแอบสะดุ้งนิดหน่อยที่เจ้าหมาตัวโตเข้ามาใกล้
“กาทิ้!” เด็กชายวิ่งเข้าไปหา “เกอร์มาหากาทิ้แย้ว”
“โฮ่ง!”
“คิดถึงกาทิ้!”
“โฮ่ง!”
“ลินท์เดี๋ยวพี่ช่วยพาคุณยายเข้าบ้านนะ” ชลธีเข้ามาประคองอีกทางแต่เขาส่ายหัวไม่เป็นไร ดวงตากลมโตมองไปโดยรอบแอบใจเต้นเมื่อจะได้เจอครอบครัวของ ‘คนรัก’ ครั้งแรก ตอนที่เขานั่งอยู่บนรถก็ยังกังวลจนหน้าซีด โดนชลธีแซวไปเสียหลายรอบ
“อ๊ะ น้องลินท์?” ทันทีที่ก้าวเข้าไปในตัวบ้าน ก็เห็นคนนั่งอยู่เต็มโซฟา เขาก้มหน้างุดเดินก้มหน้าไม่กล้ามองใครจนได้ยินเสียงร้องทักจึงเงยหน้าขึ้น ชายหนุ่มหน้าหวานที่กำลังนั่งอยู่ที่โซฟาสวมเสื้อยืดสีส้มคนนั้นหน้าคุ้นจริงๆ “พี่นัสเอง!”
“พี่นัสจริงด้วย” มนต์มนัสคือรุ่นพี่สายรหัสของเขาที่เพิ่งเจอกันไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เจ้าตัวเป็นนักสังคมสงเคราะห์ประจำอยู่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ จึงมีโอกาสได้รวมตัวนัดเลี้ยงข้าวกับน้องๆในสายรหัสกันไปเมื่อไม่นานมานี้ แล้วพี่นสมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร.. ยังไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ชลธีก็พาเขาไปนั่งที่โซฟาสีครีมอ่อน เขายิ้มตอบให้คเชนทร์ที่นั่งอยู่ข้างพี่นัส ส่วนชายหนุ่มอีกคนกำลังนั่งไขว่ห้างเปิดหนังสืออยู่ยังเงยหน้าขึ้นมามองเขาเล็กน้อย ไม่นานนักมีหญิงสาวเดินออกมาจากหลังบ้านใบหน้ามีริ้วรอยเริ่มบ่งบอกอายุที่มากขึ้น รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้เขานั้นทำให้เขารู้ทันทีว่าต้องเป็นคุณแม่ของชลธีแน่นอน เขากระพุ่มมือไหว้ผู้ใหญ่นอบน้อม
“ตามสบายเลยนะลูก เดี๋ยวพ่อเขามา มัวแต่ไปปีนต้นมะม่วงอยู่” ทั้งห้องหัวเราะครืน พี่นัสเดินไปรับจานผลไม้จากมือคุณแม่ เป็นมะม่วงสุกสีเหลืองกับข้าวเหนียวราดกะทิ คเชนทร์รีบจ้วงช้อนตักจากจานคนแรกจนโดนพี่นัสตีมือ
“ตะกละ พี่ช้างรีบหรือ”
“ตีพี่อีกแล้วนะ!”
“ไม่ให้ตีแล้วจะให้ทำอะไร” คเชนทร์ไม่ตอบแต่ทำแก้มป่องใส่ ทุกคนช่วยกันรุมแกล้งคเชนทร์จนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง บรรยากาศอบอุ่นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เขากวาดสายตามองกรอบรูปเรียงรายอยู่ตามผนังบ้านจึงได้มองเห็นสมาชิกคนอื่นๆเต็มตา
“ยินต้อนรับนะคะ” ปัทมายิ้มส่งแก้วน้ำให้คุณยาย “ทานน้ำนะคะคุณแม่”
“ขอบใจจ้ะ”
“คูนย่า” ไทเกอร์โผเข้าหา “คูนย่า”
“หลานย่า.. ไม่เจอกันหลายเดือนเลย คิดถึงย่าไหมจ้ะ” ปัทมาหอมแก้มซ้ายหอมแก้มขวาของหลานชาย แก้มยุ้ยนุ่มนิ่มยิ่งทำให้คุณย่าหมั่นเขี้ยวอยากฟัดพุงกลมๆ
“คิดถึงงงงงง” เจ้าตัวพูดเสร็จก็วิ่งไปนั่งบนตักมุจลินท์ “แม่ลินท์ของเกอร์ฮะย่า” ปัทมามองหน้าชลธีแล้วยิ้มกริ่ม ตั้งแต่ที่ชลธีเล่าเรื่องของเด็กหนุ่มให้เธอฟัง เธอก็อยากเจอมุจลินท์มาตลอด และไม่เคยคิดจะรังเกียจแม้แต่น้อย เธอกลับนับถือหัวใจที่เข้มแข็งมากกว่า
“มีอะไรจะบอกแม่ไหม”
“แฟนผมชื่อลินท์ครับแม่” เด็กหนุ่มกระพุ่มมือไหว้อีกรอบ มือสองบีบกันไปมาจนแน่น ชลธีเห็นอย่างนั้นจึงเอื้อมไปกุมมือขาวเอาไว้ “ไม่มีอะไรหรอก”
“ต้องขอโทษคุณแม่ด้วยที่ลูกชายปัททำตัวไม่น่ารักเลย ไม่ทำอะไรให้ถูกต้องเสียก่อน” หล่อนบ่นลูกชายจนหูแฉะไปหลายรอบแล้ว อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแต่ทำตัวเหมือนเด็กๆ ยังไม่นับสามีของเธอที่คาดโทษเจ้าลูกชายคนรองไว้แล้ว
“ฉลามเขามาคุยกับยายแล้ว.. ถ้าเขารักกันยายก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกลูก” มุจลินท์ไม่รู้จะเอาหน้าตัวเองไปไว้ตรงไหนแล้ว คุณยายเล่นพูดต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ เขาเขินมากจริงๆ
“ไม่ได้นะคะคุณแม่”ปัทมาหันไปทำหน้าดุใส่ลูกชาย“ฉลาม.. รู้ใช่ไหมว่าจะต้องทำอย่างไร”
“ผมจะจัดการให้เรียบร้อยก่อนผมไปเชียงราย” เขาวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว อย่างไรก็ไม่ยอมให้คนรักอยู่ตามลำพังแน่นอน
“ไม่! ต้องภายในเดือนนี้.. แม่จะจัดห้องไว้ให้ ลูกต้องพาหนูลินท์กับคุณยายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้าน”
“อะเอ่อ” เด็กหนุ่มมึนงงเริ่มจะไม่เข้าใจว่าคุณแม่พูดถึงเรื่องอะไรกัน ถ้าฟังไม่ผิดจะให้เขาย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านนี่หรือ “อะไรนะครับ”
“มาอยู่ที่บ้านกับแม่นะลินท์”ปัทมาเอื้อมมือลูบหัวลูบไหล่เจ้าลูกเป็ด“ให้เราได้ดูแลหนูนะจ้ะ อย่างไรเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” เท่าที่เห็นมุจลินท์เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุยังไม่ถึงยี่สิบเลยด้วยซ้ำ แถมยังมีหน้าที่ที่ต้องดูแลคุณยายอีก ถ้าลูกชายของเธอดูแลได้ไม่ดี เธอไม่ยอมเป็นอันขาด
“แต่ว่า..”
“นะลูกนะ”ปัทมาเชียร์สุดฤทธิ์ ก่อนจะไปเจอสามีกำลังเข้ามาพอดี “อ้าวคุณ.. มาดูลูกชายคนใหม่ของฉันสิ”
“สวัสดีครับคุณแม่”พิพัฒน์ยกมือไหว้คุณยาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เด็กหนุ่ม “ไหว้พระเถอะลูก”
“ฉันจะให้หนูลินท์เข้ามาอยู่ภายในเดือนนี้.. คุณว่ายังไง?” ปัทมาหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างมากที่จะให้มุจลินท์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวให้เร็วที่สุด ไม่อยากให้ไปไกลหูไกลตาเหมือนเมื่อครั้งชลธียังคบหากับเกศรา
“ไหนๆก็มาแล้วก็มาอยู่เลยลูก”พิพัฒน์เอ่ยติดตลก ดวงตาคมฉายแววเอ็นดูอย่างปิดไม่มิด มุจลินท์รู้เลยทันทีว่าชลธีถอดแบบมาจากใคร “ช้างมันไม่ยอมกลับบ้านดีนัก ก็เอาห้องมันให้น้องอยู่แทน”
“พ่อ!”คเชนทร์โอดครวญ“ผมก็จะพานาวมาอยู่เหมือนกัน” จบประโยคมนต์มนัสก็ทุบไหล่แฟนตัวเองทันที
“พี่ช้าง! ใครเขาจะมาอยู่ด้วยกัน”
“งั้นพี่ไปอยู่กับนาวก็ได้จ้ะ” คเชนทร์ตอบเสียงอ่อน ทุกคนหัวเราะครืนส่วนพี่นัสหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว งั้นที่บอกว่าแฟนพี่ช้างที่เป็นน้องชายข้างบ้านก็คือพี่มะนาวหรอกหรือ..
“ยินดีต้อนรับนะลูกนะ.. มาอยู่ด้วยกันนะคะคุณแม่ อย่าได้เกรงใจเลย” ปัทมาเชื้อเชิญด้วยความจริงใจ มุจลินท์รีบกระพุ่มมือไหว้ผู้ใหญ่อีกรอบ
“เอ่อ ขอบคุณครับ.. แม่” ปัทมาสวมกอดเด็กหนุ่มแนบแน่น ลูบหน้าลูบหัวยกใหญ่ เขาน้ำตารื้นอยู่ที่ขอบตา ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเหลือเกิน
“งั้นผมก็เป็นโสดอยู่คนเดียวสิเนี่ย” ชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆมองลอดแว่นขึ้นมา สมุทธ ลูกชายคนที่สามของบ้าน รูปร่างสูงใหญ่ไม่ต่างจากพี่น้องคนอื่น สันกรามชัด คิ้วเข้มดกดำ ดวงตาคมเฉี่ยว แต่ผิวขาวเนียนได้คุณแม่มาเต็มๆ ดูเป็นชลธีเวอชั่นคุณชายชัดๆ
“จะมีไม่มีก็ไม่แตกต่างกันหรอกครับคุณทนาย” คเชนทร์เอ่ยแซวพี่ชายของตัวเอง “พี่ปลาเล่นอ่านแต่หนังสือตลอดเวลา ผู้หญิงคนไหนเขาจะรับรักครับ”
“เออ ทำไงได้วะ” ทนายหนุ่มทำหน้าเหม็นเบื่อ ส่งหนังสือเล่มบางให้เด็กหนุ่มที่กำลังกกกอดกับมารดาตนอยู่เป็นของขวัญ มุจลินท์ไหว้ก่อนจะรับของจากผู้ใหญ่
“ยินดีต้อนรับนะครับน้องลินท์ พี่ชื่อปลาวาฬเป็นน้องชายพี่ฉลาม” เขามองวงหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่ม มองไปมองมาดูอย่างไรมุจลินท์ก็เหมือนเด็กมัธยมมากกว่า “จะว่าไปน้องลินท์อายุถึง18หรือยัง?”
“19แล้วครับ”เขาเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมาตอบ “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกลินท์ พี่ปลาแค่โล่งใจที่พี่ฉลามไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์มากกว่า ฮ่า” คเชนทร์ตอบแทน ส่วนมุจลินท์หน้าแดงระเรื่อ ไม่กล้าสบตาสายตาแพรวพราวของนายทหารหนุ่มที่ส่งมาเลย
“ได้ทีขยี้จังเลยนะมึง”
“ผมล้อเล่นครับพี่.. ใครจะไปกล้าว่าพี่ชายสุดที่รักได้ลงคอ” ทุกคนหัวเราะกระจาย คุณหมอช้างขี้เล่นแตกต่างจากชลธีจนเขาหัวเราะไปกับมุกตลอด ส่วนพี่นัสที่นั่งข้างพี่ช้างคอยห้ามปรามไม่ให้คนรักป่วนไปมากกว่านี้ ชลธีเอื้อมมือมากุมมือเขาไว้
“ขอบคุณที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพี่นะครับ..” แหวนทองคำขาวค่อยๆเลื่อนเข้านิ้วนางข้างซ้ายเขาเชื่องช้า เด็กหนุ่มทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองคนรักนิ่ง “ถือว่าพี่ตีตราจองลินท์ไว้แล้วนะ.. พี่สัญญาจะดูแลลินท์และลูกให้ดีที่สุด”
“ขอบคุณนะครับ” กระพุ่มมือไหว้คนรักแนบอก ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง.. อิงแอบซุกอกอุ่นซึมซับความรักเข้าสู่หัวใจ แม้จะได้ยินเสียงใครร้องโห่แซวเขาก็ไม่สนแล้วตอนนี้
ความสุขที่มีคนรักมันอบอุ่นเช่นนี้นี่เอง.. “แม่ลีนนนน.. เกอร์อยากกิน” เจ้าตัวเล็กชี้ไปที่ข้าวเหนียวมะม่วงสุกในจาน เขาหยิบช้อนคันเล็กแล้วตักมะม่วงสุกใส่ถ้วยใบเล็กให้ลูกชายถือไว้ ฝึกให้หยิบจับช้อนส้อมด้วยตัวเอง สองมือเล็กป้อมค่อยๆถือช้อนตักเข้าปาก ตักแล้วหล่นอยู่หลายรอบจนไม่นานก็ทานจนหมดถ้วย มุมปากเล็กเต็มไปด้วยคราบเปื้อนจากมะม่วง เขาคอยซับทิชชู่ให้ลูกชาย
“อร่อยมั้ยลูก”
“อาหย่อย”
“อิ่มหรือยังครับ”
“เกอร์อิ่มแย้ว” ลูบท้องป่องของตัวเองก่อนจะหัวเราะคิก ไทเกอร์นอนเล่นบนโซฟาหลังจากไปเปิดศึกชิงรีโมททีวีจากอาช้าง เขาให้เด็กชายหนุนตักนอนดูโปเกม่อนจนหนำใจ
“ทานนมสักหน่อยไหมครับ แม่จะชงใส่แก้วให้ ทานเสร็จแล้วเราไปนอนกัน” ช่วงบ่ายเจ้าตัวเล็กเริ่มตาปรือปรอยได้เวลานอนกลางวัน ผุดลุกมาอ้อนให้เขาอุ้ม
“อาวคับ”เด็กชายขยี้ตา“เกอร์ง่วง” เขายกลูกชายขึ้นอุ้ม ชลธีนำเขาไปห้องนอนด้านบนซึ่งเป็นห้องของชายหนุ่มเอง ด้านในมีเตียงหกฟุตปูด้วยผ้าสีขาวสะอาด ผ้าม่านสีครีม และเฟอร์นิเจอร์ ไม่มากนัก ดูเรียบง่ายแต่อบอุ่น หัวยังไม่แตะหมอนไทเกอร์ก็ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดเขาเสียแล้ว ห่มผ้าให้ลูกชายจนเรียบร้อย เตรียมจะลงไปช่วยคุณแม่กับคุณยายทำขนมหวาน อยู่ๆชลธีก็รวบเขาเข้าไปกอด กดจมูกลงข้างแก้มเขาฟอดใหญ่
“เดี๋ยวพี่ฉลาม” เขาโดนหอมแก้มจนช้ำไปหมดแล้ว “ทำอะไรครับลูกนอนอยู่นะ”
“นอนแล้วก็ยิ่งดีใหญ่เลย”ชายหนุ่มกระซิบ“พี่จะได้ทำน้องให้เกอร์ได้”
“ตลกแล้ว มันใช่เวลามาพูดเล่นหรอครับ”เขาพยายามดันตัวเองให้หลุดออกจากอ้อมกอด แต่เหมือนจะยิ่งตรงกันข้าม ชลธีกอดเขาแน่นมากกว่าเดิมอีก “รีบลงไปดีกว่าพ่อกับแม่รออยู่นะครับ”
“ขึ้นมาแล้วมีหรือพี่จะปล่อยไปง่ายๆ.. เข้าปากฉลามแล้วก็อย่าหวังว่าจะรอด” ชายหนุ่มกดจูบลงริมฝีปากสีสวยเคล้นคลึงยั่วเย้าก่อนจะสอดลิ้นอุ่นชื้นจนลูกเป็ดร้องฮือกำเสื้อของเขาไว้แน่น รสสัมผัสจูบรุนแรงโหยกระหายทำเอาเด็กหนุ่มแทบจะล้มทั้งยืน มือหนาคว้าเอวบางไว้ ค่อยๆผ่อนแรงลงเป็นจูบเนิบช้าอ่อนหวาน
“ฮื่อ”ลูกเป็ดครางเสียงอ่อน หัวสมองขาวโพลนไปหมด “อึก.. อื้อ”
“หวาน”ชลธีถอนจูบเชื่องช้าก่อนจะจ้องมองคนรักที่ดวงตาฉ่ำหวานริมฝีปากบวมเจ่อ“แฟนพี่.. หวานที่สุดเลย”
“คนบ้า!” บริภาษได้แค่นั้น ชายหนุ่มก็โจนจ้วงดูดดึงริมฝีปากบางอีกยก ใช้ลิ้นอุ่นชื้นละเลียดชิมความหวานของอีกฝ่าย ละมุนละไม หวาบไหวในอก จนอดไม่ได้ต้องส่งเสียงครางออกมาด้วยความพึงใจ “อื้อ..”
“ร้องมาอีกเยอะๆเลยสิ.. พี่ชอบฟัง” ผ้าพันคอของลูกเป็ดหลุดหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีเขากำลังกดจูบบนซอกคอขาวเนียน ยิ่งเขาเห็นร่องรอยจูบสีชมพูที่ตัวเองทำเอาไว้ก็ยิ่งโหมอารมณ์ให้อยากประทับตีตราจองคนตรงหน้ามากขึ้นเท่านั้น
“พอ..แล้ว” เด็กหนุ่มบอกเสียงพร่า มือบางดันแผงอกหนั่นแน่นของผู้พันไว้ เจ้าลูกเป็ดจูบตอบได้แค่ชั่วครู่ก็ดึงดันถอนจูบออก แต่ชลธีช้อนต้นคอกดเอาไว้ไม่ให้เด็กหนุ่มหนี มุจลินท์แทบจะละลายอยู่ในอ้อมกอด มือหนาฟอนเฟ้นเข้าไปในเสื้อยืดเขาอย่างรวดเร็ว สะกิดตุ่มไตสีอ่อนจนชูชัน “ฮื่อ..” ลูกเป็ดรู้สึกหน่วงบริเวณท้องน้อยยิ่งชลธีบดเบียดลงมายิ่งทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มมากขึ้นไปอีก
“ลินท์.. ลินท์”
“ฮื่อ.. อึก” มือหนาเคลื่อนเข้าไปในกางเกงผ้ายืดค่อยๆปลดกระดุมก่อนจะดึงรั้งออกจากสะโพกอวบ กอบกุมแก่นกายของเจ้าลูกเป็ดที่กำลังตื่นตัว แค่เขาสะกิดส่วนปลายคนตัวเล็กก็ครางเครือสั่นไปทั้งตัว..
“ป๊าทำแม่ร้องไห้ทำไม!” เด็กหนุ่มชะงักกึกหันไปมองลูกชายที่นอนหลับปุ๋ยเมื่อครู่กลับลืมตาแป๋วคลานเข้ามาดันหน้าของคุณพ่อให้ออกไปจากเขา “แม่ลินท์หายใจมะออกแย้ว”
“ไทเกอร์!” เขาดันนายทหารหนุ่มออกจากตัว ผุดลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะอุ้มลูกลงจากเตียง ไม่รู้เมื่อกี้ลูกตื่นมาเห็นอะไรหรือเปล่า เขาอยากจะทุบชลธีจริงๆ “ทำไมนอนแป๊บเดียวเองครับ”
“เกอร์อยากเล่นกับกาทิ้” เจ้าตัวเล็กพูดถึงหมาโกลเด้นฯตัวโต “เกอร์อยากเลี้ยงหมา”
“ยังเลี้ยงไม่ได้ครับ”ชลธีมองผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของคนรักกับลูกชายก่อนจะลูบหัวทั้งคู่ “เกอร์เล่นกับกะทิไปก่อนแล้วกันนะลูก”
“ฮื้อ กาทิ้มันอยู่ตัวเดียวมันเหงานะป๊า”ไทเกอร์โผตัวจะพุ่งไปหาคุณพ่อจนเขาประคองไว้แทบไม่ไหว “เกอร์อยากหาเพื่อนให้กาทิ้!”
ชลธีรับไทเกอร์ไปอุ้มแทนเขา พ่อลูกเถียงกันเรื่องเรื่องเลี้ยงสุนัขตัวใหม่โดยมีเขาเดินตามลงไปด้านล่าง ช่วงบ่ายสี่โมงเย็นคุณแม่ชวนเขาเข้าครัวทำกับข้าวง่ายๆทานกันที่บ้าน รวมไปถึงสอนเทคนิคการทำอาหารให้เขาติดตัวเอาไว้ ท่านบ่นว่าไม่มีลูกสาวมาคอยช่วยงานครัวสักที ถ้าเขาได้มาอยู่คงจะเป็นเพื่อนเล่นกับคุณแม่ให้หายเหงาได้บ้าง เขาได้แต่ยิ้มเขินรู้สึกดีเหลือเกินที่คุณแม่ของชลธีเอ็นดูเขาขนาดนี้ ระหว่างที่กำลังง่วนทำแกงเขียวหวานไก่ในครัว ชลธีรับหน้าที่ดูแลลูกชายจอมแสบที่ดูจะอยากรื้อข้าวของออกมาเล่นไปเสียหมดทุกอย่าง จนสุดท้ายอาปลาต้องอุ้มไปเล่นกับกะทิที่สนามหญ้าบริเวณหน้าบ้านแทน
กลิ่นกะทิกับเครื่องแกงผสมกันจนหอมอบอวลไปทั่วห้องครัว เขาจัดเตรียมถ้วยชามสำหรับใส่อาหารคาวและของหวานเป็นแกงบวดฟักทองที่เขาลงมือทำเองกับมือ คุณแม่ชมเปาะว่าทำอร่อยจนต้องให้เขาช่วยสอนทำบ้าง ชลธีเดินเข้ามาดูคุณแม่และคนรักที่กำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องครัว แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋าทำให้เขาต้องผละออกมารับ
“สวัสดีครับ”
“พี่.. พี่ฉลาม” เสียงผู้หญิงสั่นเครือจากปลายสายทำเขาขมวดคิ้ว “ช่วยเกศด้วย.. มาหาเกศที เกศไม่ไหวแล้ว”
“เดี๋ยวเกศ.. ใจเย็นๆก่อน” เขาเดินออกมาคุยนอกตัวบ้าน น้ำเสียงสะอึกสะอื้นจากภรรยาเก่าทำเอาเขาอดจะสงสัยไม่ได้ หลังจากที่เลิกรากันไปเขาและเกศราก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย ข่าวในสังคมแวดวงไฮโซลงข่าวครึกโครมว่าเธอคบหากับผู้ชายไปรโฟล์ดีไม่เคยขาด และเขาไม่เคยคิดสนใจเลยสักครั้ง
“ตอนนี้เกศไม่มีใครเลย.. เกศอยากเจอลูก” น้ำเสียงแหบพร่าเหมือนผ่านการร้องไห้อยากหนักทำให้ชลธีรู้สึกเห็นใจอยู่เหมือนกัน “พี่ฉลามออกมาเจอเกศได้ไหมคะ”
“พี่ไม่ว่างหรอก”
“พี่อยู่กับใครหรือคะ”
“อยู่บ้านคุณแม่”ชลธีตอบเสียงห้วน เหลือบมองคนรักที่กำลังยกขนมหวานมาให้ชิม “ถ้าไม่มีธุระอะไรด่วน ไว้เกศค่อยนัดพี่วันหลังนะ”
“เดี๋ยวสิคะ” หญิงสาวรีบเรียกชายหนุ่ม หลังจากคบหากับชลธีมานานหลายปี เกศรารู้นิสัยผู้ชายคนนี้ดี หากได้ลองตัดใจตัดใครออกไปจากชีวิตครึ่งหนึ่ง.. อย่าได้หวังจะได้กลับมาญาติดีกันอีก แต่มีหรือที่หล่อนจะยอมรามือง่ายๆ ถ้าไม่ใช่เพราะรูปภาพที่สมุทธอัพลงในอินสตราแกรมเมื่อครู่แล้วล่ะก็ หล่อนคงไม่ใจร้อนรีบโทรหาชลธีอย่างนี้ “งั้นเป็นวันพรุ่งนี้นะคะ.. เกศคิดถึงลูก” หากหล่อนยกเอาเรื่องลูกขึ้นมาอ้างมีหรือชลธีจะไม่ใจอ่อน
“พี่มีให้เวลาเกศได้ไม่นานนะ”
“แค่พี่ยอมเจอ.. เกศก็ดีใจแล้วค่ะ แล้วเจอกันนะคะ” หล่อนกดวางก่อนจะเก็บโทรศัพท์ไอโฟนใส่ในกระเป๋าหนังใบใหม่ล่าสุดที่เพิ่งถอยออกมาจากช็อป ริมฝีปากสีแดงสดเหยียดยิ้ม เครื่องหน้าสะสวยที่ประทินโฉมด้วยเครื่องสำอางทำให้หล่อนดูเซ็กซี่โดดเด่นเหมือนนางแบบหลุดออกมาจากแม็กกาซีน
“สรุปพี่เขายอมเจอแกไหมเกศ” แพรว เพื่อนสนิทสมัยมัธยมของหล่อนเอ่ยถาม ชีวิตคู่ของเธอและชลธี สังคมทั่วไปรับรู้มาโดยตลอด และยังเป็นคู่รักที่มีแต่คนอิจฉาและให้ความสนใจ แต่เมื่อเรื่องที่หล่อนหย่ากับชลธีถูกเปิดเผยออกมา แม้จะรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย แต่เธอก็ไม่ยอมให้ใครมานินทาได้ เธอยอมคบหากับผู้ชายมากตาหลายตาเพื่อที่จะไม่ให้ใครดูถูกว่าเธอถูกทิ้ง
“พี่ฉลามน่ะหรือจะไม่ใจอ่อน”หญิงสาวเชิ่ดหน้าขึ้นสูง ชุดเดรสพอดีตัวรัดแน่นจนเห็นทรวดทรง “ฉันต้องรู้ให้ได้.. ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่”
“พี่ฉลามคงไม่หน้ามืดคว้าผู้ชายมาคบหรอกมั้งแก เขาเป็นถึงนายทหารยศใหญ่ขนาดนั้น”
“ก็ให้มันรู้ไป.. ว่าจะกล้าจะหักหน้าฉันได้” เธอก็อยากจะรู้ว่าชลธีจะกล้าเอาผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาออกหน้าออกตาแทนหล่อนได้อย่างไร หล่อนไม่ยอมแน่ นึกถึงรูปภาพครอบครัวที่หล่อนเคยเป็นส่วนหนึ่งก็อดใจหายไมได้ แม้จะรู้ว่าแม่สามีไม่ค่อยชอบพอที่เธอเป็นคนหยิบหย่งทำอะไรไม่เป็นสักอย่างแต่ครอบครัวของชลธีก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี วันนี้กลับมีใครมาแทนที่เธอเสียได้ แหวนทองคำขาวบนนิ้วนางของผู้ชายคนนั้นเหมือนแหวนที่ชลธีเคยให้เธอไว้สมัยยังคบกันก่อนแต่งงาน และหล่อนก็เป็นคนอ้อนขอแหวนเพชรเป็นแหวนแต่งงานแทน ชลธีบอกว่าแหวนนี้เป็นแหวนที่มีคุณค่าทางจิตใจสำหรับเขาเป็นอย่างมากเพราะเป็นแหวนที่พ่อกับแม่ใช้หมั้นหมายมาก่อน แม้หล่อนจะไม่ยอมใส่เลยสักครั้ง แต่ชลธีก็ไม่เคยว่าอะไร.. ในเมื่อวันนี้มันกลับกลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว เธอในฐานะภรรยาเก่ากลับอยากได้ของที่เคยเป็นเจ้าของกลับคืน
ในเมื่อหล่อนไม่ได้.. ก็ต้องไม่มีใครได้..
TBC