ตอนที่ ๑๗
มุจลินท์ยืนนิ่งอึ้งอยู่บนเวทีโดยมีลูกชายวัยสี่ขวบกำลังถือช่อดอกไม้สีแดงสดให้เขาอยู่ ดวงตากลมสีเทาสวยจ้องไปที่คนรักที่กำลังยกยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาหาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เร็วที่สุดหันไปสบตากับกรวิชญ์ที่กำลังหอบดอกไม้พะรุงพะรัง เจ้าลูกเป็ดรีบปรี่เข้าไปหาเพื่อนส่วนไทเกอร์ที่เขากำลังอุ้มหัวเราะกรี๊ดกร๊าดคิดว่าเขาเล่นด้วย กรวิชญ์เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงสงสัยก่อนจะเอาดอกไม้ฝากให้กับทีมงานของกองประกวด
“เด็กที่ไหนวะ มึงไปเอามาได้ยังไง”
“ลูกกูเอง”
“หา” กรวิชญ์อ้าปากค้างเห็นเพื่อนตัวเองอุ้มเด็กหน้าตาน่ารักมาจากไหนไม่รู้ไม่งอแงแถมยังมองเขาตาเป็นมันอีก เขารีบโบกมือให้สต๊าฟด้านหลังเวทีมาช่วยอุ้มเด็กออกไป “มึงเอาไปฝากพี่ข้างหลังเขาไว้ก่อน”
“เกอร์ครับ โอ๋ๆ ไปรอคุณแม่ที่ข้างหลังก่อนนะครับ”
“ไม่เอา ---เกอร์ไม่ไป” เมื่อเห็นคนแปลกหน้ามารุมมองทำท่าจะอุ้มไปจากแม่ เด็กชายยิ่งเบะปากทำท่าจะร้องขึ้นมาเสียอย่างนั้น เด็กหนุ่มรีบปลอบทั้งโยกทั้งกอดด้วยความคิดถึง
“ไม่งอแงนะลูก เดี๋ยวก็กลับบ้านกันแล้ว” เขาบอกลูกชายที่น้ำตารื้นอยู่ขอบตาทำท่าจะไหลอยู่รอมร่อ เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ ให้ตายเถอะ เขาแพ้น้ำตาลูกชายจริงๆ
“เหี้ย ลูกมึงจริงหรอเนี่ย”
“ก็เออสิวะ!”
“เอายังไงดี มึงจะอุ้มลูกไปตอบคำถามเรอะ”
“ถ้าวาง ลูกกูร้องแน่”
“หาไรอุดปากซะ”
“ไอ้เหี้ยเกี๊ยม ลูกกูนะไม่ใช่ตุ๊กตาไขลาน”
“มึงก็เอาไปฝากแฟนมึงสิ” มุจลินท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้ดีว่าชลธีทำอย่างนี้มีจุดประสงค์อะไร เขามองไปรอบๆเวทีก็ไม่เห็นชลธีแล้ว “เร็วๆเลยยังเหลือเวลาอยู่นิดหน่อย”
“หาไม่เจอแล้ว” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “หายไปไหนก็ไม่รู้”
“แมะ แม่ลินนน” เด็กชายสะอึกสะอื้นสูดน้ำมูกใสที่กำลังไหล “กลับบ้านกัน”
“แปบเดียวนะครับคนเก่ง หนูไปอยู่กับคุณพ่อได้ไหม แม่ขอทำงานก่อน” เขาใช้ทิชชู่บรรจงซับน้ำตาและน้ำมูกให้ลูกชาย ดวงตากลมโตสีดำและจมูกจิ้มลิ้มแดงก่ำเขายิ่งรู้สึกสงสารลูกจับใจ
“งานไย.. ฮึก” ลูกชายเอียงคอถามกระชับช่อดอกไม้แน่น “เกอร์ทำด้วยยยยยยย”
“ฮื่อ ไม่ได้ครับ เห็นไหมครับคนเยอะแยะเลย ให้แม่ทำงานก่อนนะ” เขาไม่อยากทิ้งลูกชายไว้กับใครที่ไม่รู้จักเลยแต่ตอนนี้เขาอยู่บนเวทีไม่มีเครื่องมือติดต่อสื่อสารหาใครทั้งนั้น ริมฝีปากสีชมพูสวยเม้มแน่นอย่างคนใช้ความคิด จะปล่อยลูกชายไว้คนเดียวก็ไม่ได้ด้านหลังเวทีคนผ่านไปผ่านมาเยอะแยะเขาไม่ไว้ใจ แต่ถ้าเขายอมทนให้ลูกร้องจนกว่าเขาจะเสร็จงาน ไทเกอร์ต้องไม่สบายแน่ๆ
“เกอร์อยากอยู่กับแม่นี่ฮะ”
“ไอลินท์ เร็ว!” กรวิชญ์เร่งหนักจนเขาปวดหัวตุบไปหมด
“เออ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
มุจลินท์ถอนหายใจเฮือกอุ้มลูกชายด้วยแขนขวา เด็กชายตัวน้อยถือช่อดอกไม้สีแดงสด ดวงตากลมโตสีดำเป็นประกายเมื่อเห็นแสงสีบนเวที ผมหยักศกถูกดัดอ่อนๆให้เป็นทรง สวมชุดเอี๊ยมยีนกับเสื้อแขนสั้นสีเขียว กลิ่นดอกไม้อ่อนๆติดตามตัวลูกชายจนเขาอยากจะก้มลงไปงับแก้มป่องนั่น ถ้าไม่ติดว่าเขาจะต้องเข้าประกวดงานของมหาวิทยาลัย เขาก็อยากจะรีบกลับไปนอนกอดลูกชายให้หายคิดถึงจริงๆ ถ้าชลธีเล่นไม่เล่นไม้นี้กับเขา เขาคงจะอารมณ์ดีกว่านี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากจะทุบคนรักหลายๆที คิดได้ยังไงปล่อยลูกมาอยู่กับเขา!
เด็กชายซุกหน้าเข้ากับอกเขาเมื่อแสงสีสวยที่เด็กชายอยากจะวิ่งเข้าไปเล่นมันแสบตาจนเขาต้องใช้ช่อดอกไม้บังแสงเอาไว้ พิธีกรเรียกเชิญแต่ละคณะขึ้นบนเวทีโดยแบ่งเป็นชายและหญิง เขายืนข้างกรวิชญ์ที่กำลังแจกยิ้มหวานไปทั่ว แสงแฟลชยิ่งสาดมาที่เขาหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นไทเกอร์เสียงดังเซ็งแซ่ระงมไปทั่วหอประชุม เด็กหนุ่มตื่นเต้นจัดหัวใจเต้นรัวเร็ว ได้มองหน้าลูกชายความตื่นเต้นที่มีถึงจะลดลงไปบ้าง
“พาใครมาด้วยคะเนี่ยน้องลินท์” พิธีกรผู้หญิงที่เขาจำชื่อไม่ได้ยื่นไมค์มาถามลูกชายเขาที่มองตาแป๋ว “หนูชื่ออะไรจ้ะ”
“ทะ.. ไทเกอร์”
“น่ารักจังเลย น้องชายหรือคะ”
“เอ่อ” เขายิ้มเจื่อน “ครับ”
“แม่”
“คะ”
“แม่หนู” ไทเกอร์มองไมโครโฟนตาวาวก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัด “แม่ลินท์”
“อ่า น้องพูดเก่งจังเลยนะคะ มากับคุณแม่หรือจ้ะ”
“ฮะ มากับแม่ ป๊าด้วย” ไทเกอร์ตอบพร้อมแจกยิ้มหวานเรียกเสียงกร๊ดกร๊าดจากพิธีกรและผู้ชมทั้งหอประชุม “เกอร์อยากอยู่กับแม่ ให้แม่กลับบ้านได้ไหมฮะ”
“เกอร์ ไม่งอแงนะครับ” เขาก้มลงเอ็ดลูกชายที่กำลังจะพยศอีกรอบ สายตาก็มองกวาดหาคนรักที่หาเรื่องแกล้งเขาได้ดีจริงๆ
อย่าให้เขาเจอนะ!“เดี๋ยวให้คุณแม่มารับเนอะ ให้พี่ลินท์ตอบคำถามก่อนนะจ้ะ” พิธีกรทำท่าจะให้เขาวางลูกชายลงและเข้าร่วมประกวดตามกำหนดการแต่ไทเกอร์ส่ายหัวดิกแล้วซุกเข้ากับอกเขา
“นิไงแม่เกอร์” เด็กชายร้องประท้วงเสียงดังจนเขาใจสั่นไปหมด เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้ง เขาเม้มปากแน่นไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าทุกคนรู้ว่าเขามีลูกจริงๆจะเป็นยังไง “แม่----” ไทเกอร์ร้องเรียกแล้วซุกเข้ากับไหล่เขา ดูจะงอนที่เขาไม่ยอมบอกว่าเป็นแม่ คิ้วได้รูปสวยขมวดแน่นเมื่อเห็นชลธีกับกัญญาโบกมือให้อยู่ด้านล่าง มุจลินท์มองคนรักด้วยสายตากรุ่นโกรธอยากจะวิ่งลงไปทุบคนหน้าตายที่แกล้งเขานัก
“อ่า” พิธีกรหญิงมองเขาสลับกับไทเกอร์ก่อนจะสลับไปสัมภาษณ์คนอื่นแทน เขาใช้มือที่ว่างกวักมือเรียกชลธีให้มารับลูกกลับไป เห็นคนรักยิ้มหวานใส่เขาก็ยิ่งอารมณ์เสีย แค่นี้รูปเขากับลูกชายก็เด่นหราไปทั่วแฟนเพจแล้ว นายทหารหนุ่มเดินเข้ามาใกล้เวทียังไม่วายยิ้มกริ่ม เขารีบอุ้มลูกไปส่งให้คนรักที่รอรับอยู่
“พี่เล่นบ้าอะไรเนี่ยหะ” เขาก้มหอมแก้มลูกชายก่อนจะส่งลูกชายให้ชลธีอย่างระมัดระวัง ไทเกอร์งอแงอยากอยู่กับเขาต่อแต่ก็ยอมให้คุณพ่ออุ้มแต่โดยดี “เล่นแบบนี้ลินท์ไม่ตลกด้วยนะ”
“ขอโทษครับ” ชลธีพูดเสียงเบาแต่ยิ้มหยีจนดวงตาเป็นเส้นตรง “พี่แค่ฝากลูกไว้แปบเดียวเอง”
“ลินท์โกรธมาก” เขาพูดจริงจัง
“ยกโทษให้สามีคนนี้นะครับ”
“ไม่!”
“โถ่ลินท์” นายทหารหนุ่มหน้าจ๋อยมองหน้าคนรักด้วยสายตาเว้าวอน “จะให้พี่ทำอะไรก็ได้ พี่ยอมหมดเลย ขอแค่อย่างเดียว ไม่โกรธพี่นะครับ”
“หึ..” ได้ฟังแล้วแทนที่จะโกรธเขากลับใจเต้นแรงจนต้องหุบยิ้มจนปวดแก้ม “กลับบ้านไป พี่โดนแน่!”
“แม่ลินนนน” เด็กชายมองแม่ตาละห้อยไม่มีแรงจะร้องได้แต่ยื่นมืออ้วนป้อมออกไปหา “แม่จ๋า..” ได้ยินเสียงลูกเรียกหัวใจก็อ่อนระทวยอยากจะอุ้มแล้วกลับบ้านมันเสียตอนนี้
“ไหนๆแม่ขอหอมแก้มหน่อย”
“จุ๊บ” เด็กชายทำปากจู๋ก่อนจะยื่นไปหาเด็กหนุ่ม เขาประทับริมฝีปากลงแก้มป่องสองฟอด ได้กลิ่นดอกไม้อ่อนๆหอมชื่นใจ กำลังจะลุกขึ้นยืนแต่แรงโฉบที่แก้มขวาของเขาทำเอาคิ้วกระตุก ชลธียิ้มแผล่ก่อนจะถอยออกจากเวที เขากุมแก้มขวาเบาๆ
“ก็เห็นลูกหอม พี่ก็อยากหอมบ้าง..”
มุจลินท์หน้าชาไม่อยากจะลุกขึ้นยืนเลย แสงแฟลชและเสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นโดยรอบ ตอนนี้เขาอยากจะตะกุยพื้นแล้วแทรกตัวลงไปในพื้นแล้วไปโผล่ที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ ให้ตายเถอะ นี่มันที่บ้านที่ไหนกันเล่า!
เขา-อยาก-จะ-บ้า!มือหนาละเลียดไล้ไปตามลาดไหล่หนาของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่น ผิวขาวจัดดูสว่างแม้จะอยู่ในความมืด ปฐวีอดใจไม่ไหวต้องก้มลงไปขบเม้มแล้วใช้ลิ้นแฉะชื้นแตะไล่ไปตามแอ่งชีพจรของคนตัวขาวก่อนจะเลื่อนขึ้นมาชิมใบหูส่วนที่ไวต่อความรู้สึกมากที่สุด ชัยวัตรย่นคอหลบริมฝีปากเขา ตาเรียวรีแทบจะลืมไม่ขึ้นเมื่อเขาบรรจงบดเบียดริมฝีปากสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปก่อนที่ผู้กำกับจะอ้าปากบริภาษเขาได้ทัน เขาดูดริมฝีปากล่างของอีกคนจนรู้สึกได้ว่ามันเริ่มบวมเป่ง มือที่ว่างปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงไปกรอมข้อศอกช่างดูเย้ายวนให้เขาอยากจะกอดชัยวัตรมากขึ้นไปอีก ผู้ชายตัวโตสองคนในห้องน้ำทำให้ห้องดูเล็กลงไปถนัดตาจะขยับหรือพลิกเปลี่ยนท่าทางไม่ได้ดั่งใจเหมือนเตียงนอนสีขาวนุ่มบนคอนโดผู้กำกับเลยสักนิด เสียงครวญครางของคนตัวขาวยามที่เขาใช้มือถูไถไปตามร่างกายที่เริ่มร้อนระอุยิ่งทำให้เด็กหนุ่มได้ใจ ขบเม้มผิวขาวจัดจนเป็นรอยแดงจ้ำ หากใครมาเห็นคงคิดว่าผู้กำกับหนุ่มโดยยุงหามมาแน่ๆ
“ฮื้อ.. อย่าสิวะ โอ๊ยเจ็บ” ชัยวัตรสูดปาดเมื่อความเสียวแล่นปลาบไปทั่วร่างกาย ยิ่งเด็กหนุ่มก้มลงฉกชิมตุ่มไตสีชมพูเข้มเขายิ่งสั่นสะท้าน “มะ ไม่เอาตรงนั้น”
“แล้วพี่วัตรชอบตรงไหนครับ” ปฐวีถาม ดวงตากลมสีดำสนิทส่องประกายวิบวับ เขาชอบความรู้สึกที่ได้เป็นเจ้าของคนตรงหน้ามากที่สุด ยิ่งได้ครอบครองเขายิ่งต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ
แค่นี้ยังไม่พอ..เขาใช้มือปลดกางเกงสแล็คคนตัวขาวอย่างรวดเร็วก่อนจะสอดนิ้วยาวเข้าไปสัมผัสแกนกายที่กำลังชูชัน ชัยวัตรสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาใช้นิ้ววนไล้ส่วนหัวที่กำลังฉ่ำเยิ้ม เห็นชายหนุ่มกัดริมฝีปากเพื่อสะกดเสียงครางเขาจึงยื่นนิ้วเข้าไปในโพรงปากอุ่น ชัยวัตรดูดนิ้วเขาตอบเบาๆ ท่าทางตรงหน้ายิ่งทำให้เขาอยากขยี้ให้จมเตียง แต่ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เขาคุ้นเคย ศูนย์กีฬาภายในมหาลัยมีคนพลุกพล่านมากเกินไป
“อ้าขาสิครับ” เขาสอดมือหนาเข้าไปที่สะโพกสอบ
“อื้อ พอแล้ว” ชายหนุ่มส่ายหน้าพยายามถอยหนีแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเขากำลังกอบกุมส่วนอ่อนไหวอยู่
“ยังไม่พอ”
“ที่นี่มันไม่ได้!” ชัยวัตรขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจะต่อยหน้าไอ้เด็กบ้ากามสักหมัดสองหมัด แต่จิตใต้สำนึกกลับดันยินยอมปล่อยให้ร่างกายเขาได้รับการเสพสมจากเด็กหนุ่มตรงหน้า ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกอิ่มเอิบจากเพื่อนนอนคนนี้มากนัก
ไม่เข้าใจเลย..“เจ็บมั้ย” เขาสอดนิ้วเข้าไปที่ช่องทางคับแคบที่ไม่มีสารหล่อลื่นเป็นตัวช่วยใดๆทั้งสิ้น เด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงแรงโอบรัดจนเขาต้องเพิ่มจำนวนนิ้วเพื่อช่วยให้คนตัวขาวไม่เจ็บมากนัก “มองหน้าผมสิ”
“ใครมันจะไปมองกัน” ชัยวัตรก้มหน้าหงุดรู้สึกเกลียดตัวเองที่ดันเคลิ้มไปกับประโยคที่ดูเป็นห่วงเป็นใยนั่น เขาค่อยๆแบะขาขาวของตัวเองออกเพื่อให้เด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น ปฐวีเห็นท่าทางว่าง่ายของผู้กำกับแล้วรู้สึกเอ็นดูจึงก้มลงหอมข้างขมับที่เริ่มมีเหงื่อเปียกชื้น
“ร้อนแย่เลย” เขาซับเหงื่อให้ชัยวัตร
“ก็รีบทำให้มันเสร็จๆสักที กูหิวแล้ว” พูดไม่ทันขาดคำร่างกายผู้กำกับหนุ่มเริ่มกระตุกเมื่อเด็กหนุ่มแตะเข้าไปลึกถึงจุดอ่อนไหว ร่างกายสั่นสะท้านจนเผลอส่งเสียงแปลกๆออกมา “ฮื้อ..”
“จุ๊ๆ เบาสิครับ”
“มันลึกไปแล้ว...”
“ไม่ชอบหรือ” ปฐวีกดจูบแก้มขาวที่เขาชอบแอบมองบ่อยๆ มันไม่นุ่มเหมือนแก้มน้องสาวที่เขาชอบหยิกแต่เนียนลื่นมือกว่าที่คิดเมื่อเทียบกับผิวเขาที่อยู่แต่ในร่มยังหยาบกระด้างกว่าเยอะ “ได้เสียงพี่วัตรคราง ก็นึกว่าพี่ชอบ..”
“ฮื้อ..” เขาซบลงไหล่ของเด็กหนุ่มเมื่อแก่นกายอุ่นร้อนแทรกลึกล้ำเข้ามาในตัว ปฐวีประคองขาขาวให้เกี่ยวรอบเอวเขาไว้ก่อนจะเสือกไสเข้าออกเชื่องช้า “อ๊ะ...”
“พี่วัตร..”
ได้เสียงแหบพร่าเรียกเขาว่าพี่วัตรอย่างนั้นพี่วัตรอย่างนี้เหมือนเขาหลอกเด็กมาทำมิดีมิร้ายอย่างไรไม่รู้ทั้งๆที่คนโดนล่อลวงจริงๆน่ะมันเขาต่างหาก!
เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วห้องน้ำสลับกับเสียงครวญครางดังผะแผ่ว ยิ่งได้ยินเสียงคนเดินเข้าห้องน้ำหรือพูดคุยกันเด็กหนุ่มก็ยิ่งกระแทกกระทั้นเข้าออก จนเขาเกือบจะกลั้นเสียงเอาไว้ไม่อยู่ มือขาวพยายามเอื้อมไปรูดรั้งแก่นกายตัวเองให้ถึงจุดหมายเสียที แต่โดนเด็กตัวโตรวบข้อมือเอาไว้แน่น เขาขบเม้มริมฝีปากดวงตารีเรียวคู่สวยจ้องไปที่ส่วนเชื่อมต่อที่กำลังผลุบเข้าผลุบออก
“มองอะไรครับพี่วัตร” เด็กหนุ่มยิ้มกริ่มใช้ลิ้นเลียมุมริมฝีปากยามดันแก่นกายเข้าไปจนสุดแล้วถอนออกก่อนจะสอดเข้าไปลึกอีกครั้ง “ทะลึ่งจังเลยนะครับ”
“อื๊อออออออ” ชัยวัตรตัวสั่นตัวคลอนตามแรงโยกก่อนจะปลดปล่อยทั้งๆที่ไม่ได้แตะต้องเบื้องล่างเลยสักนิด สมองส่วนคิดวิเคราะห์เขามึนเบลอคิดไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆ เขารู้เพียงแค่.. เขากลับไปมีเซ็กซ์กับผู้หญิงเหมือนปกติไม่ได้อีกแล้ว
แย่.. นี่มันเข้าขั้นวิกฤติชัดๆโซนร้านอาหารหลังมหา’ลัยในช่วงเย็นเต็มไปด้วยนักศึกษาที่ออกมารับประทานอาหารและจับจ่ายซื้อของใช้ บนถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ในช่วงเวลาเร่งรีบ ชัยวัตรเดินหลบรถมอเตอร์ไซค์ที่ขึ้นมาขับบนทางเท้าจนตัวเองเซไปชนกับเด็กหนุ่มตัวโตที่เดินขนาบมาไม่ห่าง
“ไหวไหมครับคุณวัตร” ปฐวีแตะช่วงเอวชายหนุ่ม “ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวผมเอามอ’ไซค์ขับออกไปส่--”
“ไม่ต้อง!” คนตัวขาวหันพูดเสียงเข้มพลางทำหน้าดุใส่ จนปฐวีต้องหยุดพูดและได้แต่มองคนข้างหน้าที่เดินกะเผกจนเขาอดสงสารไม่ได้
“อย่าดื้อสิครับ.. ผมเป็นห่วงนะ” แผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินนำเขาชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันมามองเขาตาขวาง ถ้าทำได้ผู้กำกับหนุ่มคงจะบีบคอเขาไปแล้ว
“แล้วใครมันดันทุรังทำในห้องน้ำล่ะ” ชัยวัตรบ่นอุบอิบในขณะที่กำลังเดินกระย่องกระแย่งหมดมาดนายตำรวจหนุ่มหล่อ “โอ้ย เอวกูแม่งปวดไปหมดแล้ว”
“โถ่คุณวัตร”
“อะไร”
“ไปพักที่ห้องผมก่อนแล้วกันครับ” เด็กหนุ่มเชื้อเชิญ “นอนพักสักตื่นแล้วค่อยกลับนะครับ
“ห้องมึง?” คนตัวขาวทวนซ้ำก่อนจะยิ่งขมวดคิ้วแน่น “กู-ไม่-ไป!”
“งั้นก็ไปหาอะไรทานก่อน แล้วค่อยกลับนะครับ” เขาจับจูงมือชัยวัตรไปหาร้านอาหาร ปกติเขาจะได้ศอก เข่า มาเป็นรางวัลตลอดหากรุ่มร่ามกับชัยวัตรในที่สาธารณะแต่คราวนี้ผู้กำกับหนุ่มคงจะไม่ไหวจริงๆถึงไม่มีแรงแม้แต่จะเอาคืนเขา
โคตรรู้สึกผิด..“พี่เจ็บมากไหม”
“มึงให้กูทำบ้างไหมละ มีแรงเท่าไหร่เล่นใส่ไม่ยั้งเลย” ชัยวัตรบ่นไม่เลิกพร้อมส่งสายตาเขียวปั้ดให้ แต่ก็ยอมเดินตามเด็กหนุ่มแต่โดยดี “หิวข้าวแล้ว เร็วๆเลย”
“ครับๆ ทานอะไรดี”
“อะไรก็ได้ที่ไม่เผ็ด” เห็นท่าทางอิดโรยของชัยวัตร เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ เด็กหนุ่มกุลีกุจอหาร้านอาหารจนได้ที่ต้องการ
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนตัวขาวเป็นที่ถูกจับจ้องเมื่อเขาพาเดินเข้าไปในร้านอาหาร แต่ผู้กำกับที่กำลังหงุดหงิดไม่ทันได้สังเกต ชายหนุ่มมองหาโต๊ะที่ว่างก่อนจะรีบเดินไปนั่งด้วยสภาพที่เรียกได้ว่าใครมาเห็นคงจะออกปากแซว
เอน็จอนาถ.....“พี่วัตรอยากทานอะไรดีครับ” ปฐวีที่เดินตามหลังมานั่งลงตามคนตัวขาวที่กำลังนั่งมองเมนู
“สั่งให้หน่อย เอาเมนูที่ขึ้นชื่อที่สุด”
“ได้ครับ งั้นผมขอเป็นผัดพริกไก่“
“เฮ้ย กูบอกไม่เอาเผ็ดไง”
“ลองดูครับร้านนี้อร่อย.. เสร็จแล้วเดี๋ยวแวะไปอาบน้ำที่ห้องผมก่อนกลับแล้วกัน”
“เออๆ กินข้าวก่อนโคตรหิว”
“มื้อนี้ผมเลี้ยงนะ” เขาพูดเสียงเบา “โทษฐานทำคุณเหนื่อย”
“ไม่ต้อง!” ชัยวัตรหันขวับแถมจะแยกเขี้ยวใส่เขา “กูบอกว่าจะเลี้ยงก็คือเลี้ยง ห้ามขัด”
“ก็ได้ครับ”
“ไม่ต้องทำหน้าหงอยเหงาเศร้าซึม กู-ไม่-สง-สาร”
“อ้าวไอ้วี!” เขาหันไปตามเสียงเรียกก็เจอฝูงเพื่อนที่คณะนับสิบคนกำลังเข้ามานั่ง “มึงแข่งบาสเป็นยังไงบ้าง.. โทษทีว่ะไม่ได้ไปเชียร์เลย”
“ก็เหรียญทองว่ะ”
“ไอ้เหี้ยย โคตรเจ๋ง เลี้ยงอะไรพวกกูเนี่ย” พวกมันเข้ามากอดคอตบหัวเขาคนละทีสองที ร้องเย้วๆเสียงดังจนทุกคนในร้านมองกันเป็นตาเดียวไม่เว้นแม้แต่นายตำรวจหนุ่มที่มองเพื่อนเขาไม่วางตา
“เลี้ยงห่าอะไรล่ะ” เขาอยากจะไล่พวกมันออกไปไกลๆจริงๆ “ไว้ค่อยนัดเจอกันที่ร้านเดิม”
“เออๆ รีบไล่พวกกูจัง หนีบใครมากินข้าวหรือ”
“เอ่อ.. นี่คุณวัตร” เขาแนะนำอย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อเห็นหน้าตาของชายหนุ่มชัดๆพวกมันถึงกับตาลุกวาว
“เอ๊ะ พี่คนนี้หน้าคุ้นๆ” ไอ้แอลเป็นคนแรกที่ยื่นหน้าเข้าไปหานายตำรวจที่กำลังงุนงง “นี่มันพี่วัตร ผู้กำกับในเพจนายร้อยใช่ไหมครับเนี่ย ผมขอลายเซ็นไปฝากน้องสาวผมหน่อยได้ไหมครับ” มันรีบล้วงหาเศษกระดาษในกระเป๋าเป้ก่อนจะวางลงบนโต๊ะอาหาร ชัยวัตรหยิบปากกามาเซ็นชื่อให้ลวกๆ ก่อนจะยื่นคืนให้เด็กหนุ่ม เขาไม่ได้รู้สึกดีใจที่ผู้ชายมาขอลายเซ็นสักนิด แต่ดูเหมือนไอ้แอลจะยังไม่หยุด มันควักโทรศัพท์ไอโฟนขึ้นมาขอเซล์ฟฟี่ยื่นหน้าแนบชิดกับนายตำรวจจนปฐวีเริ่มตากระตุก
ไอ้ห่าแอล มันจะเกินไปไหมวะ “ขอบคุณครับพี่ โอ้โหไอ้เหี้ยคนอะไรโคตรหล่อ” ไอ้แอลกระโดดโลดเต้นดีใจเหมือนถูกหวย “ตัวจริงโคตรขาว แถมตัวหอมสัดๆ”
“ไอ้แอลไปไกลๆเลยมึง”
“มึงไปรู้จักพี่เขาได้ยังไง ไม่บอกกู!”
เรื่องอะไรกูจะบอกมึง!เขาแค่นยิ้มใส่เพื่อนที่โวยวายใส่เขาเหมือนเด็ก ในใจลิงโลดไปไหนต่อไหนเหมือนได้เปิดตัวแฟนกับเพื่อน
“งั้นกูขอนั่งด้วย” มันหันไปยิ้มหวานเยิ้มให้ชัยวัตรที่กำลังสไลด์มือถือ “ขอนั่งด้วยนะครับพี่วัตร”
“เชิญเลยครับ” เขาตอบก่อนจะไปสนใจข้อความในโทรศัพท์
อาหารบนโต๊ะถูกทยอยนำมาวางส่งกลิ่นหอมจนนายตำรวจหนุ่มต้องหยุดจากการเล่นโทรศัพท์แล้วเริ่มรับประทานอาหารไม่ได้สนใจเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังแอบมองอากัปกิริยาที่เป็นธรรมชาติของนายตำรวจหนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการเคี้ยวข้างซ้ายจนแก้มขาวตุ่ยข้างนึงเหมือนหนูแฮมสเตอร์ แถมยังกินท่าทางน่าเอร็ดอร่อยอีก คนเลือกร้านอาหารอย่างเขาก็พลอยยิ้มหน้าบานไปด้วยเมื่อเห็นคนตัวขาวเจริญอาหารขนาดนี้
“พี่วัตรรู้จักกับไอ้วีได้ยังไงหรือครับ”
“เอ่อ ก็รู้จักโดยบังเอิญ”เขาตอบอ้อมแอ้ม ไม่ลงรายละเอียดลึก
“ดีจัง ผมประทับใจพี่วัตรมาก โชคดีจังเลยนะครับที่วันนี้เราได้เจอกัน ผมชื่อแอลนะครับ เป็นเพื่อนกับไอ้วี”
“อ้อ เรียนคณะเดียวกันหรือ” เขาถาม รู้สึกว่าไอ้เด็กคนนี้มันพลังงานสูงเสียเหลือเกิน
“ใช่ครับ สอบติดรับตรงพร้อมกัน แถมยังอยู่หอใกล้กันอีก”
“นี่มึงจะมานั่งซักพี่เขาให้ขาวเลยไหมวะ รีบแดกแล้วรีบไปไหนก็ไปเลย” ปฐวีพูดขึ้นมากลางวงในใจรู้สึกคันยุบยิบเมื่อเห็นชายหนุ่มมัวแต่คุยกับเพื่อนไม่สนใจเขาเลย
“กูไม่รีบ” ไอ้แอลลอยหน้าลอยตาตอบ จนเขาเริ่มหงุดหงิดมันที่เป็นก้างขวางคอ ทั้งๆที่วันนี้ชัยวัตรตั้งใจมาดูเขาแข่งบาสแท้ๆ
“พี่อิ่มแล้วล่ะ” ชัยวัตรตอบ ลุกขึ้นยืนควักกระเป๋าเงินมาจ่ายค่าอาหาร “ไปได้ละ”
“ครับ” ปฐวีลุกขึ้นเดินตามผู้กำกับโดยมีเพื่อนที่มองตาม
“ไว้เจอกันคราวหน้านะครับพี่” มันส่งเสียงเรียก เขาได้แต่หันกลับไปชูนิ้วกลางใส่ เริ่มจะรำคาญไอ้เพื่อนตัวแสบที่ชอบมายุ่งย่ามกับชัยวัตรเต็มทน บ่อยครั้งที่เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหึงหวงกับการที่ผู้กำกับหนุ่มเป็นที่รู้จักของใครต่อใครมากมาย มีคนจับจ้องตลอดเวลา เขาอยากจะเก็บ เก็บคนตรงหน้าเอาไว้ให้เป็นของเขาคนเดียว เขารู้ว่าความรู้สึกของเขามันผิด แต่ก็ไม่อาจจะหยุดยั้งความรู้สึกที่พลุกพล่านในใจได้เลย
“อะไรของมึงวะ กลับแล้วทำไมไม่บอกกู!” เขารีบเดินไปหานายตำรวจหนุ่มที่กำลังโวยวาย “ไอ้คนเห็นเมียสำคัญกว่าเพื่อน!”
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
“ไอ้หลามแม่งพาลูกเมียกลับไปแล้ว ลืมกูไปได้ยังไง” ชัยวัตรหัวเสีย หากไม่ติดเรื่องรถสปอร์ตสุดหรูของเขาที่เพิ่งเข้าอู่คงไม่ต้องรบกวนติดรถมากับเพื่อนที่ติดเมียยิ่งกว่าอะไรดีมาด้วย จริงๆเขาไม่ควรพึ่งมันตั้งแต่แรก!
“แล้วพี่จะกลับยังไงละครับ”
“เดี๋ยวกูเรียกแท็กซี่เอา พรุ่งนี้มีงานสำคัญ”
“ผมทำให้พี่ลำบากหรือเปล่าที่ต้องมาดูผมแข่ง” ปฐวีหน้าเสีย
“กูไม่ได้ลำบากอะไรทั้งนั้น กูอยากมาก็คือมา” ชัยวัตรตอบก่อนจะมองเด็กหนุ่มที่กำลังคลี่ยิ้มกว้าง “มีคนอยากให้กูมาดูมาก กลัวถ้ากูไม่มาแล้วจะแพ้”
“ขอบคุณนะครับ” เขากระพุ่มมือไหว้คนแก่กว่า ริมฝีปากสวยของชายหนุ่มยกยิ้มจนเขาเผลอมองนาน “ขอบคุณที่ใส่ใจความรู้สึกผม”
คนที่ไม่มีสถานะใดๆควรค่าให้ใส่ใจ
“งั้นกูกลับก่อนนะ”
“เดี๋ยวสิครับพี่วัตร” ปฐวีเรียก รู้สึกเก้ๆกังๆอย่างไรชอบกล “ค้างที่ห้องผมก่อนไหม”
“ห้องมึง?”
“แล้วพรุ่งนี้เช้าผมจะไปส่ง”
เขากดยิ้มที่มุมปากจดจ้องดวงตาเรียวรีของนายตำรวจหนุ่มตรงหน้า เด็กหนุ่มขบกรามแน่น หัวใจเต้นระรัวอยากรู้คำตอบจากคนตัวขาวเต็มทน ปฐวีรู้ตัวดี เขาไม่มีอำนาจมากพอที่จะสั่งห้ามไม่ให้คนตรงหน้าเขาไปทำภารกิจเสี่ยงอันตราย และไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะช่วยอะไรได้ เขาเป็นนักศึกษาธรรมดาคนหนึ่งที่อยากจะดูแลและปกป้องผู้ชายตรงหน้านี้..
ได้โปรด ขอโอกาสให้ผมด้วยTBCเหมือนพายจะลืมลงตอนพิเศษให้ แหะๆ เด่วจะแวะมาลงให้อ่านนะคะ