ตอนที่ ๒๓
“เมื่อกี๊.. พี่ว่าอะไรนะครับ”
“คบกับกูสิ ถ้ามึงไม่อยากมีปัญหามากไปกว่านี้ เขาจะได้เลิกมายุ่งวุ่นวายกับมึงกับยายมึงอีก” ชวิศสบตาเด็กหนุ่มที่มองตอบกลับมาด้วยความจริงจัง “พี่ช่วยลินท์ได้นะครับ”
“ผมคงทำไม่ได้!” เขาตอบเสียงหนักแน่น “ผมมีคนรักอยู่แล้วนะพี่ชุ ทำแบบนี้เรื่องมันจะไปกันใหญ่” คิดดูแล้วมันคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และเขาไม่อยากให้ชลธีคิดว่าเขาเป็นฝ่ายนอกใจเสียหน่อย หากมีเรื่องอะไรเขาก็มักจะปรึกษาคนรักอยู่เสมอ ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่อยู่เขาก็ขอไม่ตัดสินใจทำอะไรบ้าๆคนเดียวแน่
“มึงแน่ใจแล้วหรือ ถ้าหากมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกล่ะ เขาจะมาดูแลมึงได้?”
“ที่ผ่านมาเพราะลินท์เอาแต่คอยพึ่งพาทุกคน” เขาพูดเสียงแผ่ว แม้จะยังรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เพิ่งพบเจอแต่เขาก็จะต้องผ่านมันไปให้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างคือประสบการณ์ที่เขาจะต้องเรียนรู้ และที่ผ่านมาใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าชวิศรู้สึกอย่างไรแต่เขาก็พยายามวางตัวเว้นระยะห่างเป็นรุ่นน้องมาตลอด เขาไม่อยากให้เอาความรู้สึกมาเป็นตัวตัดสินความสัมพันธ์ เรายังเป็นพี่น้องกันได้ เขาเชื่ออย่างนั้น
“ลินท์ยังมีพี่นะ”
“ลินท์ต้องโตด้วยตัวเองได้แล้ว” เขายิ้มให้ชายหนุ่ม “ที่ผ่านมาขอบคุณพี่ชุมากนะครับ แต่ว่าลินท์คงต้องกลับบ้านแล้ว”
“ลินท์ ฟังพี่ก่อน”
“ครับ?”
“พี่รักลินท์นะ” เขาชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินประโยคจากอีกฝ่าย มันไม่ได้รู้สึกใจเต้นแรงหรือวายหวิวเหมือนได้ฟังจากชลธี เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับอีกฝ่ายจริงๆ
“ขอบคุณนะครับ แต่ลินท์ต้องขอโทษด้วยจริงๆ” เขาตัดสินใจบอกแม้มันดูจะเป็นการทำร้ายคนฟังไปบ้าง แต่เขาก็ต้องทำอะไรให้มันชัดเจน
“ลินท์รักพี่ฉลามครับ” ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอีกครั้ง หวังว่าคราวนี้ชวิศจะเข้าใจและเคารพในการตัดสินใจของเขา ทุกอย่างที่ผ่านมาเขาจะจดจำและเรียนรู้เอาไว้ ต่อไปนี้เขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียที
ชวิศทิ้งมือลงข้างตัวอย่างเหนื่อยล้า หน่วงหนึบที่อกข้างซ้ายอย่างไม่มีสาเหตุ สายตาจับจ้องไปที่ร่างของเด็กหนุ่มที่ยับเยินตรงหน้าแล้วต้องนับถือหัวใจ คงไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนใจเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาได้แล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าเขาจะฝืนยัดเยียดตัวเองให้ไปทำไมทั้งที่เขาไม่เคยต้องการ เขาควรถอดใจเลิกหวังกับคนที่มีเจ้าของหัวใจแล้วสักที
“สภาพอย่างนี้จะกลับยังไงไหว เดี๋ยวกูไปส่งเอง” เขามองเด็กหนุ่มแล้วก็ต้องส่ายหัว มีแรงลุกขึ้นยืนก็ดีแค่ไหนแล้ว นี่ได้นอนไปรอบนึงสีหน้าค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย “เสื้อผ้าพวกนั้นก็ทิ้งไว้เถอะ”
“ขอบคุณนะพี่” เขานั่งลงที่เดิมอย่างเชื่องช้าไม่อยากขยับตัวมากเพราะยังรู้สึกเจ็บตามบาดแผล มองนาฬิกาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ดึกขนาดนี้ยังไงเขาก็คงจะกลับเองไม่ได้ โทรศัพท์ที่มีก็หล่นหายไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ จะให้ขอยืมชวิศมาโทรเขาก็ขอไม่รบกวนจะดีกว่า “ช่วยไปส่งลินท์ที่… ทีนะครับ”
ชวิศลงจากรถแล้วอ้อมไปเปิดประตูรถให้เด็กหนุ่มที่ค่อยๆก้าวลงอย่างไม่มั่นคงนัก เขาพาเด็กหนุ่มมาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากคอนโดเขามากนัก รถเข็นของโรงพยาบาลถูกเตรียมมารอรับผู้ป่วย เมื่อเห็นคนเจ็บจึงรีบส่งตัวเข้ารักษาทันที เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นบุรุษพยาบาลจึงเรียกถามเสียงแผ่ว
“ขอเจอหมอคเชนทร์ครับ” ก่อนจะหันไปทางชวิศที่กำลังมองมา “ส่งแค่นี้แหละครับ ขอบคุณมากนะพี่” ยกมือไหว้อีกครั้งก่อนจะยิ้มหวานให้
“ไม่ให้กูอยู่เป็นเพื่อนก่อนหรือ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าวืด
“ไม่เป็นไรครับพี่ เจอกันที่มหา’ลัยนะครับ” ชวิศยอมเลิกราเพราะอีกฝ่ายดึงดันยืนยันอย่างหนักแน่นไม่ให้รอ เขาจึงยอมล่าถอยมองรถเข็นที่ถูกพาออกไปจนลับตา
“ลินท์ ทำไมเป็นขนาดนี้” รออยู่ได้ไม่นานคเชนทร์ที่เข้าเวรอยู่พอดีก็วิ่งผลุนเข้ามาหาเขา จับซ้ายจับขวาจนเขาร้องโอดเพราะโดนแผล “ใครทำวะเนี่ย!”
“พี่ช้าง อย่าเพิ่งโวยวายลินท์ยังไม่ตาย”
“รู้ว่าไม่ตาย ไม่งั้นคงไม่มานั่งเถียงแบบนี้” เขาแทบกุมขมับเมื่อเห็นสภาพมุจลินท์ ตอนนี้คุณหมอร้อนรนด้วยความตกใจคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาส่งไลน์หาคนรักพร้อมทั้งบอกคนที่บ้านให้รู้ข่าว “พี่บอกมะนาวแล้วเดี๋ยวคงมา”
“ลินท์เจ็บมากเลย” เขาชูแขนซ้ายที่บวมปริ “พี่ช้างไม่ถอดแหวนออกได้ไหม”
“แทนที่จะห่วงตัวเอง” ขยี้หัวเด็กหนุ่มเบาๆ เห็นหน้าตาเด็กมันจะร้องไห้แล้วก็อดสงสารไม่ได้ “ไอ้พี่บ้ามันคงไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าต้องเข้าเฝือกจริงๆก็คงต้องตัดว่ะ” ดูแล้วถอดไม่ได้ก็คงต้องตัดอย่างเดียว
“ฮือ”
“อ้อ พี่บอกทุกคนที่บ้านแล้วนะ” เมื่อตอนเย็นเขาทราบจากปานชีวันว่าเด็กหนุ่มหายตัวไปทุกคนใจร้อนพยายามจะตามหาแต่สุดท้ายเขากลับมาเจอในสภาพอย่างนี้ “แต่ยังไม่ให้มาเยี่ยมตอนนี้”
“ทำไมละครับ”
“อยู่ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลให้ละเอียดเถอะ” ไม่อยากจะบอกน้องมันว่าสภาพขนาดนี้ให้ที่บ้านมาเห็นได้มีระเบิดลงแน่ อย่างกับไปวิ่งชนรถสิบล้อ “พี่ฉลามจะได้ไม่เป็นห่วง”
“อย่าเพิ่งบอกพี่ฉลามไม่ได้หรือครับ” เจ้าลูกเป็ดก้มหน้างุด ไม่รู้ว่าถ้าได้คุยกับชลธีแล้วจะโดนดุหรือเปล่า “ลินท์อยากบอกเอง”
“ช้าไปละ” เขาบอก “พี่ถ่ายรูปลินท์เมื่อกี๊ส่งไลน์ไปละ” พี่มันควรมาเห็นสภาพแฟนตัวเอง เขาละกลุ้ม!
“พี่ช้างงงงงงงงง” เขาอ้าปากมากก็ไม่ได้ด้วยเจ็บแผล ได้แต่ส่งสายตาโกรธเคืองไปที่นายแพทย์หนุ่ม
“อะ มีคนจะคุยด้วย” คเชนทร์ส่งโทรศัพท์มาให้เขา พอได้เห็นรูปประจำตัวไลน์อีกฝ่ายเขาก็อยากจะส่งโทรศัพท์คืนทันที แต่ก็ทำไม่ได้
“…”
“ลินท์..” พอได้ยินเสียงชลธีน้ำตาก็ตีตื้นขึ้นมาคลออีกแล้ว นี่เขาอ่อนไหวเกินไปใช่ไหม
“พี่ฉลาม”
“เป็นเด็กดีไหมครับ” เสียงคุ้นเคยที่เขาไม่ได้ยินมาเกือบสามอาทิตย์
คิดถึงจับใจ.. “อื้อ ฮึก เป็นเด็กดีครับ”
“ลินท์”
“ครับ”
“เจ็บไหม”
“ไม่เจ็บ ไม่เจ็บเลย ฮึก”
“แล้วร้องไห้ทำไมครับ” เสียงทุ้มอ่อนโยนแอบดุเขาเบาๆ “เด็กดีต้องไม่โกหกพี่นะ”
“อื้อ เจ็บ เจ็บไปทั้งตัวเลย”
“พี่ขอโทษ” ชลธีสงสารคนรักจับใจ “ไม่ได้อยู่ใกล้ๆคอยดูแล ลินท์โกรธพี่ไหม”
“ไม่โกรธ ฮึก ฮือ” เขาสูดน้ำมูกเสียงดัง “เมื่อไหร่พี่จะกลับมาหาหนู หนูคิดถึง” ร้องไห้เสียงดังแถมยังสะอึกอีก ไม่รู้อีกฝั่งจะได้ยินเสียงเขารู้เรื่องไหม
“พี่อยากกลับไปหาหนูจะแย่แล้ว” ชลธีตอบพลางจุดยิ้มเมื่อได้ยินเสียงคนรักออดอ้อน “แต่งานพี่ยังไม่เสร็จเลย หนูลินท์รอพี่นะ”
“อื้อ นานแค่ไหนก็จะรอ”
“อยู่รักษาตัวให้หายไวๆ” เขาอยากจะไปกอดเด็กหนุ่มเดี๋ยวนี้ มันเจ็บปวดแค่ไหนที่ปกป้องคนที่รักไว้ไม่ได้ เขาโกรธมากและกำลังข่มอารมณ์ “ลินท์จะบอกพี่ได้ไหมว่าใครทำ”
“ฮึก ฮือ” เด็กหนุ่มได้แต่ส่งเสียงแผ่วเบามาตามสาย “ลินท์ขอโทษ.. ขอโทษที่อ่อนแอ ต่อไปลินท์จะเข้มแข็งกว่านี้”
“ไม่ร้องน่าคนดี พี่ไม่ชอบเลย ว่าไงครับบอกพี่ได้ไหม..”
“คุณเกศ.. บอกว่าถ้าลินท์ไม่เลิกกับพี่ เขาจะทำร้ายลินท์ จะทำร้ายคุณยาย ลินท์กลัว”
“พี่ไม่ยอมแน่” ได้ยินอย่างนั้นเขาก็เผลอกำหมัดแน่น เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด “พี่จะไม่ยอมให้เขามาทำร้ายลินท์อีกแล้ว”
“ลินท์ไม่มีสิทธิ์จะรักพี่เลยหรือ ฮึก”
“ทำไมจะไม่มีล่ะ พี่เป็นของลินท์คนเดียวนะรู้ไหม” สิ้นประโยคโทรศัพท์ก็ส่งเสียงเตือนเปลี่ยนเป็นภาพวีดีโอ ชายหนุ่มในชุดลำลองสวมหมวกปีกกว้างหนวดรกครึ้มดูแปลกตา ชลธีหน้าตาดูซีดเซียวกว่าทุกครั้ง จนเขาอดจะเป็นห่วงไม่ได้
“พี่ฉลามได้นอนมั่งหรือเปล่า”
“นอนสิ พี่นอนทุกวันแหละ” เขายิ้มขำเมื่อเห็นลูกเป็ดทำหน้าจ๋อย “ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ดูแลตัวเองก่อน แก้มบวมซะขนาดนั้น” เด็หนุ่มรีบตะปบแก้มก่อนจะร้องโอ๊ยออกมา
“บวมมากเลยหรือครับ”
“ยังไงก็น่ารักสำหรับพี่อยู่ดี”
“ฮือ”
“ถ้าอยู่ใกล้นะจะจับจูบให้เข็ด ลูกเป็ดขี้แยเอ๊ย”
“อยากให้อยู่ใกล้จะแย่แล้ว หนูเหงา พี่ไม่เหงาหรอ”
ดูความอ้อนของเมีย สะบักสะบอมก็ยังแผ่รังสีความน่ากินได้อีก
“พูดอีกทีพี่จะจดใส่บัญชีหนังหมาเอาไปทบต้นทบดอกแน่นอน”
“ฮื่อออออออ ทะลึ่ง!”
“ลินท์.. พี่รักลินท์นะ”
“ลินท์ก็.. รักพี่ฉลามเหมือนกันครับ”
“ไหนชูมือสิ” เขาเห็นรูปที่คเชนทร์ส่งมาให้แล้วใจหล่นวูบ นึกสงสัยทำไมมือข้างนั้นถึงได้บวมช้ำขนาดนั้น
“มะ ไม่เอา”
“ลินท์” เขาทำเสียงเข้ม
“ก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มยกมือข้างซ้ายที่พังยับเยินโชว์ให้ผู้พันดูตามที่ร้องขอ อีกฝ่ายทำหน้าตกใจไปแวบหนึ่งก่อนจะทำหน้าเคร่งเครียด เขาถามเสียงอ่อน “พี่ไม่โกรธใช่ไหมถ้าพี่ช้างจะตัดแหวนออก”
“พี่จะซื้อให้ใหม่”
“แต่ว่าวงนี้..”
“ลินท์สำคัญสำหรับพี่มากกว่าอะไรทั้งหมด” เขาพูดพลางใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาให้อีกฝ่ายผ่านจอโทรศัพท์ ได้ยินเสียงได้เห็นหน้ายังพอช่วยบรรเทาความคิดถึงที่สุมอกได้บ้าง “อดทนไม่นานพี่จะกลับไปลินท์กับลูกนะครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าทั้งน้ำตา คุยกันได้อีกสักครู่ชลธีจำใจต้องวางเพราะถูกเรียกตัว เขาบอกลาคนรักและสัญญาว่าจะหาทางติดต่อมาอีกครั้ง
“เอาล่ะเตรียมไปพักผ่อนนะครับคนป่วย ร้องไห้จนตาปูดหมดแล้ว”
“คิดถึงพี่ฉลาม”
“ตอนพี่อยู่ห่างกับมะนาวก็คิดถึงแบบนี้เหมือนกัน”
“ทำไมมันทรมานจังอะพี่ช้าง”
“ความรักมันก็อย่างนี้แหละลินท์” นายแพทย์หนุ่มเข็นรถเข็นคนป่วยขึ้นตึก เมื่อครู่เขาประสานกับทางวอร์ดเพื่อขอห้องพิเศษเรียบร้อยแล้ว “มีทั้งทุกข์และสุข.. ทั้งทรมาน แต่ลินท์เชื่อไหมว่าเราก็ยังโหยหามันเสมอ”
“ลินท์ปวดใจ กระวนกระวาย รู้สึกไม่มีความสุขเลยพี่” เขากังวลจนแทบทุรนทุรายแค่คิดว่าชลธีจะต้องไปเผชิญอันตรายขนาดไหน เหมือนใจจะขาด..
“เพราะลินท์ยกใจให้พี่ฉลามเขาไปหมดแล้ว” เขาพูดไปเรื่อยๆกระทั่งกดลิฟต์ “ลินท์ลองคิดว่าตัวเองเป็นพี่ฉลามดูสิ เห็นคนรักสภาพเป็นแบบนี้จะทำยังไง”
“คงโกรธ โมโหมาก อยากจะฆ่าให้ตายไปเลย”
“งั้นลินท์เตรียมสวดมนต์แผ่เมตตาได้เลย”
“ทะ ทำไมหรอพี่ช้าง”
“พี่ว่าไม่เกินหกโมงเช้าคงไม่มีซากให้เห็นแล้วล่ะ”
“พี่พูดอะไร ลินท์ไม่เห็นเข้าใจเลย” นายแพทย์หนุ่มหัวเราะไปตลอดทางจนกระทั่งส่งผู้ป่วยขึ้นเตียงเพื่อเตรียมพักผ่อน เด็กหนุ่มให้ความร่วมมือดีก่อนจะหลับปุ๋ยหลังจากทานยาแก้ไข้ คเชนทร์ขอเป็นผู้ดูแลคนป่วยและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตอนนี้มุจลินท์ก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวเขาแล้ว ลองเห็นน้องโดนทำแบบนี้ตัวเขาเองยังอดโมโหแทนไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับชลธีที่มีอำนาจล้นมือขนาดนั้น
เล่นกับใครไม่เล่น เสือกมาเล่นกับสัตว์ดุร้าย.. อย่างฉลาม- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“ให้กูกระทืบมึงให้ตายก็ยังน้อยไป พวกมึงว่าไหม” ชายหนุ่มพูดเสียงเข้ม ใช้เท้ายันหัวไหล่คนที่ร่วงไปนอนกับพื้น ปานชีวันและชัยวัตรได้เบาะแสจากชลธีจึงตัดสินใจบุกเข้าไปที่พักของลูกน้องเก่า ซึ่งผู้พันหนุ่มเคยมอบหมายให้ดูแลเกศราเมื่อครั้นยังคงคบหา มันเป็นลูกน้องที่รู้จักพวกเขาดี กลับไม่รู้ว่าของของนายเป็นสิ่งที่ไม่ควรยุ่งวุ่นวาย
“หมวด ผมไม่รู้จริงๆ” มันยกมือไหว้ปลกๆ เสื้อผ้าสะบักสะบอมเพราะโดนพวกเขารุมยำคาตีน “คุณนายเขาใช้ผม เขาให้เงินผม.. ผมก็ทำทั้งนั้น”
“มึงทำงานให้เขามานานหรือยัง”
“ก็ตั้งแต่ผู้พันยังรักกับคุณนายนั่นแหละครับ”
“แล้วมึงไม่รู้หรือเขาเลิกกันไปตั้งนานแล้ว!”
“รู้ครับรู้” มันกัดปากเพราะเขากดแรงไปที่หัวไหล่ “แต่ไม่รู้ว่าผู้พันเขามี.. อึก คนใหม่ไปแล้ว”
“มึงเลิกทำงานให้เขาซะ”
“ผมทำไม่ได้จริงๆครับ”
“ทำไม มึงมีอะไรที่บอกกูไม่ได้”
“คือ คือ” มันอ้ำอึ้งอยู่นานก่อนจะยอมบอก “คุณเกศ เธอรบเร้าคุณพ่อ เลยมีคำสั่งเบื้องบนให้พวกผมต้องมาช่วยดูแล” มันพูดแล้วหลบตาเขาทันที ปานชีวันขมวดคิ้วแน่นนึกถึงบิดาของเกศราซึ่งนายพลที่เพิ่งเกษียณไป แต่เขาก็ลืมคิดไปว่ายังมีอำนาจบารมีล้นเหลือพอที่จะสั่งการอะไรได้บ้าง
“ตกลงมึงจะเอายังไง”
“ไม่เอายังไงครับหมวด”
“ให้มันอยู่เหมือนเดิมนี่แหละ” ชัยวัตรใช้มือปิดจมูกแน่น กลิ่นควันแถวนี้เหมือนเผาป่าอะไรสักอย่าง ควันโขมงขึ้นฟ้าตลอดเวลากลับไม่มีใครสนใจ “ให้มันเป็นสายให้เรา”
“ว่าไง”
“ครับๆหมวด”
“ไปบอกคนของมึงด้วย แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ผมจะทำตามที่หมวดต้องการทุกอย่าง”
“ดี” นายทหารหนุ่มขบกรามแน่นเก็บปืนเข้ากระเป๋ากางเกง “ถือว่ามึงตัดสินใจได้ถูกต้อง” เขาหันไปพยักเพยิดให้กับลูกน้องนับสิบที่จัดการสั่งสอนพวกมันเสียหมอบ พื้นที่แถวนี้อยู่บริเวณชานเมืองไม่ไกลจากกรุงเทพนักเป็นพื้นที่ของครอยครัวเกศราที่ปล่อยโล่งร้างเขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเกิดเพิงพักให้คนเข้ามาอยู่ได้ แถมแต่ละคนที่เข้ามาอยู่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเป็นทหารเก่าที่เคยเป็นลูกน้องเขาทั้งนั้น แม้พวกนี้ผ่านการฝึกมาไม่มากนัก แต่ก็ใช้เป็นลูกมือได้ ต่างกับลูกน้องที่เขาคัดเลือกมาโดยเฉพาะ พวกนี้ผ่านการฝึกมาอย่างหนักหน่วง ฝีมือมันคนละระดับชั้นกัน
“พอได้ละ เดี๋ยวพวกมันเงียบหายไปแล้วจะเป็นพิรุธ” ผู้กำกับพยักหน้าก่อนจะเดินหันหลังกลับไปที่รถสปอร์ตสีดำสนิท ด้านในมีเด็กหนุ่มที่กำลังชะเง้อคอมองหา “กูไปก่อนละ มึงจะทำอะไรต่อก็ตามสบาย”
“ผมขออีกสักพักแล้วจะกลับเอง” ปานชีวันยังมีอารมณ์กรุ่นโกรธ เขาโทษตัวเองที่ดูแลน้องไม่ดี ก็สมควรแล้วที่ชลธีจะด่าว่าเขาขนาดนั้น “สะสางบัญชีอีกนิดหน่อย” ขอเขาระบายความแค้นที่โดนลูกพี่ด่ามาเสียยืดยาวอีกสักพัก ไม่งั้นเขาคงนอนตายตาไม่หลับ
“อย่าหนักมากนะว้อย เดี๋ยวมันจะตายซะก่อน”
“เอาน่า เฮียไปรอที่ร้านเถอะ เดี๋ยวผมตามไป” ผู้หมวดหนุ่มขยับคิ้วขึ้นลงท่าทางทะเล้น “เดี๋ยวแฟนเฮียที่รอที่รถจะคอยนานนะครับ”
“พ่อง!” ชัยวัตรชูนิ้วกลางใส่ก่อนจะรีบซอยเท้ากลับไปที่รถทันที
แม่ง กวนตีนเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
เขาทิ้งตัวลงเบาะหนุ่มถอดเสื้อแจ็คเกตออกแล้วโยนไปที่หลังรถ ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากอะไรผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยก็ปะเข้าที่หน้าผากขาว เขาหันไปมองเด็กตัวโตที่ยิ้มแฉ่งให้
“ยิ้มอะไร”
“เหนื่อยไหมครับ?”
“ไม่ได้ออกแรงอะไรน่า ปานมันขนลูกน้องมาเยอะขนาดนั้น” เขาบ่นเมื่อเห็นรุ่นน้องที่ยังไม่เลิกนิสัยมุทะลุกล้าได้กล้าเสียจริงๆ เล่นยกคนมาขนาดนั้นไม่ผิดสังเกตก็บ้าแล้ว ดีที่เขามาช่วยเปิดทางให้ ไม่งั้นละมึงเอ๊ย นึกว่าจะไปรบที่ไหน
“เราจะรอพี่ปานไหมครับ”
“ไม่ต้องอะ ไปที่ร้านเลย”
“ฝับที่เดิมหรือครับพี่วัตร”
“อือ ไม่ชอบก็ไปที่อื่นก็ได้นะ”
“ที่ไหนก็แหละครับที่มีคุณ”
“พอ กูจะอ้วก” เสหน้าไปทางอื่นแต่ที่จริงกำลังกลั้นยิ้มสุดชีวิต เด็กหนุ่มมัวแต่ขับรถไม่ทันมองกระจกรถว่ามีใครแอบมองอยู่ ชัยวัตรเกาหัวตัวเองอย่างไม่เข้าใจนี่เขาคงจะอาการหนักแล้วจริงๆ ตั้งแต่ที่รู้จักกับปฐวีดูเหมือนอะไรๆก็จะดลใจให้เข้าทางเด็กหนุ่มนี่ตลอด กลายเป็นว่าคนที่เข้านอกออกในคอนโดเขาคือเจ้าเด็กตัวโตนี่ซะอย่างนั้น
“อย่าเพิ่งอ้วกสิครับ ยังไม่ทันได้ทานอะไรเลย”
“แล้วมึงไม่หิวหรือ?” เลิกเรียนเสร็จก็วิ่งแจ้นมาหาเขา ไม่เห็นไปเที่ยวที่ไหนกับเพื่อนเลยสักครั้ง ตัวเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย
“ทานรองท้องมาเมื่อเย็นแล้วครับ”
“นี่แต่มันจะสี่ทุ่มแล้ว”
“ก็นั่นแหละครับ” ปฐวีเงียบไปสักพักมองท้องถนนข้างหน้าแล้วหันมาตอบ “ผมรอกินพร้อมพี่วัตรดีกว่า” ไม่พูดเปล่าแต่ยังหันมายิ้มแฉ่ง รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้มึงจะยิ้มบ่อยไปแล้วนะ เป็นบ้าหรอ
เออ เออ ดี ดี ดีมาก แล้วกูจะยิ้มทำไมเนี่ย!
“ทีหลังไม่ต้องรอ มึงจะมารอกูทำไม.. กูทำงานไม่ตรงเวลานะวี”
“ให้ผมรอพี่เถอะ”
“เออ ตามใจ” เขาเลิกบ่นเลิกห้ามมันยังดีเสียกว่า เพราะห้ามอะไรไม่เคยได้ นี่เขาเป็นถึงผู้กำกับ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เลยนะ แต่ไอ้เด็กนี่กลับทำเขาเหมือนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกชินกับการมีอยู่ของปฐวี อาจจะเป็นเพราะทุกเช้าตื่นมาเจอหน้า ได้ทำอะไรร่วมกันในชีวิตประจำวันละมั้ง เด็กหนุ่มแทบจะจำตารางเวลางานของเขาได้เสมอ จนเขาแทบไม่ต้องบอก ส่วนเขารู้อะไรเกี่ยวเจ้าเด็กนี่บ้างไหม
ไม่เลย..
เพราะความสัมพันธ์ที่มันไม่มีชื่อเรียกแบบนี้เขาก็ไม่รู้จะไปก้าวก่าวชีวิตส่วนตัวของเด็กหนุ่มทำไม แค่ที่เป็นอยู่เขาก็รู้สึกโอเคมากแล้ว จากที่เขาเคยไล่เคยด่ามันไปพักหนึ่งจนอ่อนอกอ่อนใจ เขาก็ปล่อยตามสบาย เมื่อถึงจุดนึงที่มันอิ่มตัวก็คงต้องโบกมือบ๊ายบายเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
แม่ง ทำไมรู้สึกแปลกๆวะ
“พี่วัตรเป็นอะไรหรือครับ หน้าซีดๆ”
“กูคงหิวข้าวมั้ง”
“งั้นผมจะรีบไปสั่งให้นะครับ” เด็กหนุ่มจอดรถเข้าซองเรียบร้อยก่อนจะเดินมาเปิดประตูให้เขา แล้วสาวเท้านำหน้าเขาไปจัดการเรื่องโต๊ะอาหารจนเรียบร้อย ไม่รู้ทำไมที่เขารู้สึกตะหงิดๆใจบอกไม่ถูก
“ที่หลังมึงไม่ต้องทำเหมือนเป็นเบ๊กูขนาดนี้ก็ได้”
“ผมอยากดูแลพี่นี่นา”
“กูบอกกี่ครั้งแล้วว่ากูดูแลตัวเองได้” ถ้าจะเป็นเซ็กซ์เฟรนด์ก็อยากให้ปฏิบัติเท่าเทียมกัน ไม่จำเป็นต้องมาดูแลเขาเลยสักนิด แบบนี้เขายิ่งรู้สึกผิดที่เหมือนเอาเด็กมาใช้งาน
กูบาปเลยนะเนี่ย
“ทานเยอะๆนะครับพี่วี” เด็กหนุ่มตักอาหารให้เขาเสียพูนจาน “นี่น้ำเปล่าครับ”
“ขอบใจๆ” เขาลงมือทานอยู่สักพักโดยมีมือดีคอยตักอาหารให้อยู่เสมอจนเขาก็อยากจะถามเหมือนกันว่าได้กินไปบ้างหรือเปล่า แต่ตอนนี้สติดันมาหยุดอยู่ที่ข้อความในไลน์ที่ปานชีวันมันส่งมา เป็นรูปถ่ายที่มันกำลังคลอเคลียกับสาวๆในไนท์คลับอย่างสบายใจ ไอ้น้องเวรบอกกูจะมากินข้าวแต่เสือกทิ้งกูไปหาหญิง น่าให้ไอ้หลามด่ามันอีกสักที
“เดี๋ยวเสร็จแล้วพากูไปที่คลับSหน่อยนะ”
“ดื่มอีกแล้วหรือครับ” เด็กหนุ่มทำหน้าจ๋อยเมื่อรู้ว่าเขาจะไปสังสรรค์กับเพื่อนหรือรุ่นน้อง เป็นเขาเองที่ห้ามไม่ให้เด็กหนุ่มตามไปทุกครั้งเพราะไม่อยากตอบคำถามใคร “ผมก็ต้องนอนคนเดียวอีกแล้ว” ทำหน้าแบบนั้นเขายิ่งใจอ่อน นับวันมันชักจะเอาใหญ่ คอยดูรอบหน้าเขาจะไม่ตามใจเด็ดขาด
“งั้นก็ไปด้วยกันนี่แหละ”
“ขอบคุณนะครับ”
เสียงเพลงดังเป็นจังหวะสนุกสนานทำให้การขยับเคลื่อนไหวร่างกายดูมีชีวิตชีวา ยิ่งเขาได้นั่งจิบเบียร์มองสาวๆในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามทำนอง มันก็ยิ่งรู้สึกคึกคักตาสว่างได้ทั้งคืน เขาเสมองไปทางเด็กหนุ่มที่นั่งจิบโค้ก ถัดไปเป็นปานชีวันที่กำลังโอบสาวๆทั้งสองข้าง มีเด็กสาวคอยรินเบียร์ให้ไม่ขาด คุยกันหัวร่อต่อกระซิกไม่สนใจเขาเลยสักนิด ชัยวัตรลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หนุ่มหล่อขาวตี๋เป็นที่สนใจของบรรดาสาวๆทันทีที่เข้ามายืนกลางฟลอร์
“ไม่หึงหรือวะ” ปานชีวันสะกิดเด็กหนุ่มที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เด็กหนุ่มกำลังเก็บอารมณ์ขุ่นมัว เขารู้ดีว่าชัยวัตรเป็นที่นิยมของทุกเพศขนาดไหน แถมวันนี้ก็ยังนั่งจิบเบียร์ทำตาปรือโปรยเสน่ห์ใส่คนอื่นไปทั่ว พอมากับปานชีวันเขาเลยไม่อยากออกอาการอะไรมาก แต่ไม่คิดว่าผู้หมวดจะดูเขาออกง่ายขนาดนี้
“ผมก็ตามใจพี่วัตรเขาตลอดนั่นแหละ”
“พี่วัตรแกฮอตมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนา” ไอ้คนชงอย่างเขามันก็ต้องชงไปเรื่อยๆ ยิ่งเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าขมวดคิ้วเป็นปมแน่นเขาก็ยิ่งอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป “มีหนุ่มๆสาวๆมาติดเยอะอย่างนี้” ทำท่าชูมือขึ้นกลางอากาศให้มันดูเว่อวังเด็กมันจะได้เชื่อ
“อันนั้นผมก็พอรู้มาบ้าง แต่ว่าตอนนี้พี่วัตรมีผมคนเดียว” เขามั่นใจเพราะอยู่กับชายหนุ่มตลอด แต่ก็ไม่รู้ว่าลึกๆผู้กำกับหนุ่มต้องการให้เขาอยู่ข้างๆต่อไปอีกไหม
“มึงแน่ใจหรอว่าเขามีมึงคนเดียว” พูดแล้วก็ผินหน้าไปทางเวที หนุ่มตี๋กำลังออกเสต็บมันส์หยดจนสาวๆล้อมหน้าล้อมหลังไม่ขาด “ไอ้วี กูว่ามึงเล่นของยากแล้วว่ะ”
เขาได้แต่มองตามร่างสูงโปร่งจนกระทั่งเห็นชายหนุ่มถูกรวบเข้าไปกอด เขากระเด้งตัวจากที่นั่งทันที แล้วเดินเข้าไปในวงล้อมมันเดี๋ยวนั้น คนที่ล้อมหน้าล้อมหลังผู้กำกับหนุ่มไม่ได้มีแต่ผู้หญิงอย่างเดียว บรรดาชายหนุ่มที่เพ่งเล็งคนตัวขาวเอาไว้เริ่มเข้าประชิดจนเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป
“พี่วัตร กลับห้องกันเถอะครับ”
“เต้นกันก่อนดิ กำลังสนุกเลย”
“พี่เมาหรือเปล่าเนี่ย”
“กินไปนิดเดียวเอง ไม่มาววววววว” น้ำเสียงอ้อแอ้จนเขาต้องเข้าไปใกล้ ตวัดเอวให้เข้ามาหา ถ้าอยากเต้นก็เต้นมันเข้าไป ส่วนเขาจะยืนเป็นไม้กันหมาอย่างนี้นี่แหละ!
“อึดอัดน่าวี เข้ามาเบียดทำไม”
“ไม่ให้ผมเบียดแล้วให้คนอื่นมาเบียดพี่แทนหรือไง”
“เขาก็เต้นกันสนุกๆน่า”
“ผมไม่สนุกกับพี่ด้วยนะ”
“อื้อออออ” เด็กหนุ่มคว้าต้นคอคนตัวขาวเข้ามาใกล้แล้วกดจูบ บดเบียดริมฝีปาดร้อนชื้นเข้าหาความหวานจากคนตรงหน้า เสียงประท้วงร้องอื้ออึงแต่เขาก็ไม่สนใจ หากเขาไม่แสดงความเป็นเจ้าของก็คงอยากจะมีคนลองของอีกเรื่อยๆ “มาจูบอะไรตรงนี้!”
“ถ้าพี่ไม่ยอมกลับห้องกับผมดีๆ” เขากระซิบใกล้ใบหูที่แดงระเรื่อ ตอนนี้ชายหนุ่มตัวแดงไปทั้งตัวแล้ว “ผมจะทำมากกว่านี้อีก คอยดู”
“อย่านะว้อย!” ผู้กำกับหนุ่มสะดุ้งเฮือก แต่ก็ไม่ทันได้ขัดขืนก็โดนเด็กหนุ่มจับจูงออกมาจากฝูงคนจนได้ ปานชีวันที่นั่งดูอยู่ถึงกับอ้าปากค้าง อดนับถือเด็กหนุ่มในใจไม่ได้ เด็กคนนี้มันแน่จริงว่ะ
“ผมกลับก่อนนะพี่” เขายกมือไหว้ปานชีวันส่วนมืออีกข้างก็ประคองชายหนุ่มที่เริ่มจะงัวเงียเอาไว้ไม่ห่าง เพราะอย่างนี้เขาถึงไม่อยากให้คลาดสายตา
“เออๆ ฝากเฮียกูด้วย” เขาตะโกนบอกพลางมองเด็กหนุ่มโอบกอดรุ่นพี่ออกไป ส่วนเขาเองก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกอึกใหญ่ นึกแล้วถอนหายใจเชื่องช้า “ดีแล้วที่กูไม่มีเมีย!”
TBCพี่ปานไม่ควรมีเมียค่ะ ควรจะมี…..มากกว่า55555
ตอนหน้าเรามาดูพี่หลามบู๊ๆ กันนะคะ
ขอกำลังใจเป็นคอมเม้นท์เช่นเคย ขอบคุณค่า <3