-จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑  (อ่าน 168817 ครั้ง)

ออฟไลน์ pepo17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
พี่จะบู๊แล้ว

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
พี่ฉลามให้น้องทำอะไรให้ดูเนี่ยยยย
ทะลึ่ง!!!

เอาแล้วววว จะบู๊แล้วมั้งเนี้ยยยย
สู้นะพี่ ลูกเมียรออยู่ (ตบไหล่)

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
ตอนที่ ๒๕

   “มึง!!”

   “พวกมึงทำอะไรกันวะ นี่พี่กูเอง” นฤนารถได้ยินเสียงโวยวายเลยเอะใจผละออกจากงานที่ทำอยู่แล้วเดินขึ้นมาชั้นสองพอดี กลุ่มลูกน้องที่กำลังเดินตรวจตรากำลังปรี่เข้าไปหารุ่นพี่เขา

   “มึงไม่ได้บอกพี่มึงหรือว่าตรงนี้นายไม่ให้เข้ามายุ่ง” มันมองหน้าเขาแล้วชี้ไปที่ห้องด้านในสุด ห้องที่เขายังไม่เคยแม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้ “ทำตัวน่าสงสัย ระวังตัวไว้เหอะมึง” หัวโจกชี้หน้าใส่ชลธีก่อนจะเดินหันกลับไปประจำเวรยามตามที่เดิม เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเดินเข้าไปตบไหล่รุ่นพี่

   “พี่อย่าเพิ่งไปยุ่งกับพวกมันจะดีกว่า” นายตำรวจหนุ่มมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นไม่มีใครจึงพูดด้วยเสียงแผ่ว “เท่าที่ผมรู้มา อาทิตย์หน้าพวกมันจะนัดส่งของครั้งใหญ่ เราจะตามพวกมันไป” อุตส่าห์สวมรอยเข้ามาเป็นลูกน้องจนพวกมันตายใจได้ขนาดนี้ เพราะฉะนั้นเขาจะต้องถล่มรังของพวกมันให้ได้

   “แจ้งทีมของเราให้พร้อม เราจะรวบพวกมันให้หมด” ชลธีพูดเสียงเครียด คิ้วหนาขมวดแน่นเมื่อเห็นสภาพที่แท้จริงของบ่อนกาสิโน ทั้งยาเสพติดและขบวนการค้ามนุษย์

   “ส่งข่าวไปทางหน่วยด้วยแล้วกัน ผมไม่ไว้ใจพวกมันเลย” หากมีคนในเป็นสายจริงๆ พวกเขาต้องแย่แน่ เขาจะต้องกำจัดเชื้อร้ายออกไปให้เร็วที่สุด

   “ได้” เขารับคำ “มึงก็ระวังตัวด้วย ไม่มีใครไว้ใจได้ทั้งนั้น”

   “พี่ก็อย่าไปเผลอตัวเผลอใจให้คุณมาเรียก็แล้วกัน” นฤนารถยิ้มขำก่อนจะพูดทีเล่นทีจริง เห็นปานชีวันบอกว่าแฟนของชลธีน่ารักมาก เขาก็ชักอยากจะเห็นบ้างเหมือนกันว่าจะสักแค่ไหนกันเชียว ถึงทำให้นายทหารหนุ่มหัวหน้าทีมของเขายึดมั่นถือมั่นได้ขนาดนี้

   “ไม่มีทางว้อย!”

   เขาคุยกับนฤนารถได้สักครู่จนอีกฝ่ายขอตัวไปทำงานต่อ งานที่คอยบริการลูกค้า VIP ในการเข้ามาเล่นการพนันทำให้นายตำรวจหนุ่มดูจะช่ำชองเป็นพิเศษ ทำเอาลูกค้าติดใจกันเป็นทิวแถวไม่เว้นแม้แต่สาวๆชั้นสองที่มองตามกันตาละห้อย ชั้นสองดูเหมือนจะเงียบสงบมากขึ้นเมื่อบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ต่างพากันเข้าห้องไปแต่งตัวเพื่อเตรียมรับแขกในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาคว้าเครื่องอัดเสียงที่เตะกระเด็นไปอีกทางขึ้นมาเก็บ เมื่อเช็คว่าเครื่องไม่มีปัญหาอะไรจึงเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม ก่อนจะกลับเข้าห้องพักเพื่อเตรียมทำงานต่อไป เสียงตึงตังในห้องที่เขากำลังเดินผ่าน ทำให้เขาชะงักก่อนมองลอดเข้าไปในห้องที่กำลังเปิดประตูอ้ากว้าง ห้องที่ติดกันเรียงรายเหมือนเป็นที่อยู่ขนาดย่อมของบรรดาหญิงสาวที่ใช้เรือนร่างทำมาหากิน แม้จะมีเสียงอะไรลอดออกมาแต่ก็ไม่มีใครสนใจราวกับไม่ใช่เรื่องของตนเอง

   “ไม่ ปล่อยหนู!”

   “อีแพร ออกมานี่เดี๋ยวนี้”

   “ไม่!”

   “พี่ช่วยหนูด้วย!!” ชลธีเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กผมยาวประบ่าผิวขาวเหลืองกำลังสะบัดข้อมือให้หลุดออกจากการเกาะกุม หลังจากเห็นเขาอยู่หน้าประตูเธอก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสงสาร เสียงกรีดร้องโหยหวนคร่ำครวญราวกับจะขาดใจ ภาพตรงหน้าทำเอาเขารู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย

   “คนใหม่ใช่ไหมน่ะเรา” หญิงสาวร่างบอบบางในชุดแนบเนื้อหันมามองเขา ก่อนจะกวักมือให้เขาเข้าไปใกล้ๆ “มาจัดการมันหน่อยซิ” หญิงสาวเดินเข้ามาหาเขา ไม่สนใจเด็กผู้หญิงที่ลงไปนั่งร้องไห้กับพื้นเลยสักนิด “อ้อ!อย่าทำมันแรงนะ คืนนี้แขกเขาจองมันไว้แล้ว”

   “คืนนี้?”

   “ใช่ เดี๋ยวเราก็พามันไปส่งด้วยเลยแล้วกัน” หญิงสาวส่งกุญแจห้องให้เขาแล้วกำชับเสียงหนักแน่น “แขกคนนี้ VIP ต้องไปตรงเวลาห้ามให้เสียเด็ดขาด เดี๋ยวชั้นฉจะให้คนมาช่วยแต่งตัวให้มัน”

   ปัง!!

   เสียงปิดประตูดังลั่นทำเอาเด็กหญิงสะดุ้งเฮือก ดวงตากลมโตบอบช้ำแดงก่ำผมเผ้ายุ่งเหยิงเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นเสมอเข่าขมุกขมอมเป็นรอยเปื้อนไปทั่ว เขาเดินเข้าไปใกล้ส่งมือเข้าไปสัมผัสร่างเล็กสั่นระริกก่อนเสียงร้องไห้ฮือจะดังขึ้นมาอีกระลอก

   “ไม่ต้องร้อง พี่ไม่ทำอะไรหนู”

   “ฮึก ฮือ อย่าทำหนูเลย” สองมือเล็กกระพุ่มมือไหว้เขาทั้งน้ำตา ภาพซ้อนคนรักทาบทับเข้ามาจนเขาเผลอขบกรามแน่น แค่คิดว่าหากคนที่เขารักต้องมาเผชิญสภาพแบบนี้ใจเขาคงไม่อาจทานทน “ปล่อยหนูไปเถอะนะ”

   “ไม่ต้องร้องแล้ว” เขาบอกเสียงแผ่วมือหนาลูบไปที่ศีรษะเล็กก่อนที่เจ้าตัวจะเงยหน้ามองด้วยสายตาตกตะลึงเสียงสะอื้นยังคงดังออกมาไม่หยุด

   “ฮึก.. ฮือ”

   “พี่ไม่ทำอะไรหนูแน่นอน” เขาก็ไม่รู้จะปลอบอย่างไร หากเป็นลูกชายเขาคงคว้ามากอดไปแล้ว

   “จริงหรือจ้ะ พี่ไม่โกหกหนูใช่ไหม”

   “ไม่โกหกแน่นอน” เขาลูบหัวเด็กหญิง “แต่เราบอกพี่ได้ไหมว่าเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

   “หนูไม่รู้ อยู่ดีๆก็มีคนเอาตัวหนูมา” เด็กหญิงส่ายหัว สองมือปาดน้ำมูกน้ำตามารวมกันจนเขาต้องใช้กระดาษทิชชู่ซับรอยเปื้อนทั่วใบหน้าออกให้หมด

   “พ่อกับแม่หนูรู้ไหม?”

   “หนูไม่มีพ่อกับแม่ หนูอยู่กับป้า” ตอบเขาเสร็จเด็กหญิงก็ทำท่าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ จนเขาต้องลูบหัวลูบหลังอยู่หลายครั้ง

   “ไม่ร้องนะครับคนดี”

   “หนู.. จะ ฮึก ไม่ร้อง” สองมือบอบบางนั่งกอดเข่าใบหน้าซุกลงไปส่งเสียงอู้อี้ “หนูกลัว”

   “หนูชื่ออะไรครับ?” เขานั่งลงข้างๆ “ไหนบอกพี่ได้ไหม?”

   “ชื่อแพรค่ะ”

   “อายุเท่าไหร่แล้วครับ”

   “สิบสามค่ะ.. ฮึก” เด็กหญิงปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มอีกรอบ ดวงตากลมจ้องเขาไม่วางตา “พี่จะช่วยหนูออกไปใช่ไหม”

   ชลธีเจอคำถามนี้เข้าไปเขาไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีแต่ที่แน่ๆเขาจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้แน่ ชายหนุ่มเอื้อมไปลูบหัวเด็กหญิงไปมาเพื่อให้หยุดร้อง เขาก็เป็นพ่อคนมีลูกชายหนึ่งคน หัวอกคนเป็นพ่อแม่ที่มีลูกไม่อาจจะยอมรับสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นตรงหน้าได้ ในหัวเขาคิดแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด คว้าโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงติดต่อหารุ่นน้องที่เพิ่งแยกจากกันได้ไม่นานนัก

   “ไอ้นารถ”

   “มีอะไรพี่”

   “กูมีเรื่องให้ช่วย” เขาเล่าสิ่งที่เขาเจอให้กับนายตำรวจหนุ่มฟัง ไม่ว่าเด็กคนนี้จะมาด้วยวิธีอะไรก็ตาม เขาจะไม่ยอมให้พวกมันทำร้ายเด็กบริสุทธิ์คนนี้แน่ นฤนารถส่งเสียงอืออาตอบรับเขาเหมือนไม่ตั้งใจฟัง คงจะอยู่ในที่ที่พูดมากไม่ได้นัก

   “พี่แน่ใจนะ”

   “กูจำเป็นต้องทำ”

   “พี่รู้ไหมว่าข้างในนั้นไม่ได้มีแค่เด็กผู้หญิงคนนั้นคนเดียว” นายตำรวจหนุ่มเตือนรุ่นพี่ด้วยความหวังดี “ถ้าพี่ช่วยเด็กคนนี้ พี่ก็ต้องช่วยทั้งหมด” เขาเองใช่ว่าจะไม่เข้าใจ.. ไม่สมควรมีผู้บริสุทธิ์คนไหนโดนทำร้ายทั้งนั้น

   “ทั้งหมดคงไม่ทัน.. แต่เด็กคนนั้นกูจะต้องไปส่งให้แขกวันนี้.. กูยอมไม่ได้นารถ” นายตำรวจหนุ่มถอนหายใจพรูบีบขมับเพื่อคิดหาทางออก ข้างในมีการคุ้มกันแน่นหนากว่าที่คิดนัก ไอ้พวกที่จ้องจะเล่นงานพวกเขามันไม่ยอมปล่อยให้เขาไปยุ่งเกินหน้าที่แน่ๆ

   “พี่ใจเย็นๆก่อน” เขาไม่เคยเห็นรุ่นพี่คนนี้หลุดอาการโมโหมาก่อน แม้จะเจอกับสถานการณ์ไหนก็ตาม นฤนารถไม่แน่ใจว่ามีอะไรไปสะกิดความรู้สึกในใจของผู้พันหรือเปล่า

   “กูกำลังคิดอยู่”

   “พี่บุกไปคนเดียวไม่ได้แน่”

   “กูรู้” นายทหารหนุ่มรู้ทั้งรู้ว่ามันเสี่ยงขนาดไหนแต่เขาก็ไม่อยากปล่อยเด็กคนนี้เข้าไป “มึงติดต่อไอ้นัชให้กูที ให้มันเข้ามาที่นี่” นฤนารถแทบกุมขมับ ชลธีคงจะให้ธนัชมารับเอาเด็กผู้หญิงคนนั้นกลับไปส่งบ้าน ให้ตายเถอะ ชลธีไม่ยอมแพ้เลยจริงๆ 

   “ฟังผมก่อน.. ถ้าเด็กคนนั้นหายไป พี่ตายแน่” เขาย้ำอีกครั้ง “เจ๊มาเรียแล้วก็ไอ้บอสใหญ่มันไม่เอาพี่ไว้แน่”

   “ไม่ลองก็ไม่รู้”

   “งั้นพี่ก็โทรไปบอกลาเมียพี่ได้เลย!” นฤนารถขมวดคิ้วแน่นกดวางสายแล้วติดต่อนายทหารหนุ่มลูกน้องคนสนิทของชลธีทันที หวังว่าธนัชจะช่วยให้รุ่นพี่เขาใจเย็นลงได้บ้าง เขาคนเดียวตอนนี้ห้ามไม่อยู่แล้ว!

   เวลาล่วงเลยไปเกือบสองทุ่มครึ่งเขาพยายามสำรวจตามจุดต่างๆรอบทั้งตัวตึก แต่มีคนคุ้มกันหนาแน่นและตรวจตราตลอดเวลาจนเขาแทบจะไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหน ได้แต่คอยปลอบเด็กหญิงที่กำลังผวาอยู่ไม่หาย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ตั้งใจจะพาเด็กคนนี้หลบหนีออกไปจากขุมนรกนี้ให้ได้

   “อีแพร” ทันทีที่ประตูห้องเปิดร่างสมส่วนของหญิงสองคนก็เข้ามาในห้องเด็กหญิงโผเข้ากอดเขาทันทีเขาต้องทำเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่อยๆแกะมือเด็กออกช้าๆ “เงียบแล้วก็ดี ร้องแหกปากอยู่ได้นะมึง น่ารำคาญจะตายห่า” เธอนั่งหย่อนก้นลงข้างเขา ส่วนอีกคนที่ตามมาก็มานั่งขนาบข้างเขาอีกฝั่ง

   “อุ๊ย.. พี่ชื่ออะไรอะจ้ะ ไม่เคยหน้ามาก่อนเลย” หันไปมองหน้าคนที่มาช่วยแล้วก็ทำเสียงแง่งอน “พี่โบว์ไม่เห็นบอกชั้นเลยว่ามีพี่สุดหล่อคนนี้ด้วย”

   “อีนี่ ทำไมกูต้องบอกมึงด้วย” หล่อนหันไปด่ากันก่อนจะเบนสายตามามองเขาหยาดเยิ้ม

   “หนูชื่อกลอยนะจ้ะ พี่ล่ะ?”

   “ชื่อเต็ม”

   “พี่ชายพี่กิตแน่ๆเลย ชั้นเห็นเขาเม้ากันอยู่”

   “อีนี่ให้มันน้อยๆหน่อย แต่งหน้าให้อิเด็กบ้านี่ได้แล้ว” หล่อนคว้าเข้าที่ไหล่เล็กของเด็กหญิง ดวงตากลมเบิกโพลงพยายามกระเถิบถอยหนีจนชิดเข้าไปมุมห้อง ก่อนจะมองหน้าเขาอย่างขอความช่วยเหลือ

   “มะ.. ไม่เอา”

   “น้องแพร อยู่เฉยๆก่อน” เขาเรียกให้เด็กหญิงอยู่เฉยๆให้ความร่วมมือไปก่อน แต่ดูเหมือนว่าความกลัวในใจของเด็กหญิงจะฝังแน่นลึกจนลืมอะไรที่เตรียมกันเอาไว้

   “ทีพวกกูพูดจนปากจะฉีกมึงไม่เคยจะฟัง พอผู้ชายพูดนิดพูดหน่อยฟังเขาเชียวนะ” หญิงสาวคนเดิมหันมาด่าใช้นิ้วจิ้มที่หัวเด็กหญิงจนเซไปอีกทาง “ฤทธิ์เยอะนักนะมึง”

   ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวเด็กหญิงอยู่ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ต่อไปเป็นหน้าที่ที่เขาจะต้องพาเด็กไปส่งให้กับแขกตามเวลาที่กำหนดเอาไว้คืออีกครึ่งชั่วโมง หญิงสาวส่งกุญแจห้องให้เขาและบอกทางลัดที่จะเดินออกจากชั้นนี้โดยที่ไม่มีคนเห็น

   “ได้” เขามองกุญแจบนฝ่ามือ ท่องจำเลขห้องได้ขึ้นใจ “ต้องให้ไปรับกลับมาไหม”

   “ไม่ต้องไปรับมันหรอก คงจะสว่างโน่นแหละ”

   “เสร็จงานแล้วพี่ไปไหนหรือเปล่า ชั้นอยากจะชวนพี่ไปทานข้าวด้วยกันสักหน่อย” หญิงสาวที่ชื่อกลอยหันมายิ้มหวานให้ เขาได้แต่ส่ายหน้า

   “พี่ไม่ว่างหรอก ต้องไปช่วยงานไอ้กิตต่อน่ะ”

   “หูย เสียดายอะ นานๆทีจะมีผู้ชายหน้าตาหล่อๆโทนอบอุ่นมาบ้าง ที่นี่มีแต่หน้าโจรทั้งนั้น เสียลูกตาชะมัด” หล่อนบ่นเสียงอุบก่อนจะส่งสายหวานเชื่อมให้เขาอีกครั้ง

   “พอเลย อิกลอยไปทำงานต่อได้แล้ว” 

   “โถ่ เจ๊ ขออ่อยผู้ชายหน่อยก็ไม่ได้อะ” หล่อนทำท่าสะบัดสะบิ้งก่อนจะเดินเชิดไปอีกทาง 

   “อย่างมึงต้องไอ้พวกข้างล่างโน่น.. ไป๊” โบว์หันมามองหน้าเขาก่อนจะเดินออกจากห้องตามกลอยไป หลังจากที่ออกไปกันจนหมดแล้ว เขาก็หันมาหาเด็กหญิงที่ขอบตาแดงก่ำทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ สองมือขยุ้มเสื้อเขาไว้แน่น

   “ฮือ.. หนูกลัว”

   “ไม่ต้องกลัวพี่อยู่ตรงนี้แล้ว”

   “พี่จะไม่พาหนูไปใช่ไหม”

   “ฟังพี่นะแพร พี่จะพาหนูไป” ทันที่เขาพูดจบเด็กหญิงก็ถอยห่างจากเขา

        "ไม่เอา.. หนูไม่ไป" เด็กสาวร้องตะโกนพยายามจะวิ่งหนีจากเขา แม้ว่าเขาจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมฟัง ได้แต่หันมาทุบมาตีเขาปากก็พร่ำพูดไม่หยุด "พี่ใจร้าย"

     "ไม่เชื่อใจพี่หรือ"

     "หนูกลัว.. พี่สาวคนก่อนก็พูดแบบนี้ แล้วเขาก็ไม่กลับมาหาหนูอีกเลย"

     "แต่พี่ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน เชื่อใจพี่นะครับ"

     "จริงนะๆ" เด็กสาวยกมือเกี่ยวก้อยสัญญาเขาจึงจูงมือพาเด็กหญิงหาทางออกจากตัวตึกไป ระหว่างทางที่เขาไปนั้นไม่มีใครผ่านมาสักคนราวกับถูกตระเตรียมไว้โดยเฉพาะ ลัดเลาะไปตามทางได้สักพัก ชายหนุ่มสังเกตสองฟากฝั่งของทางเดินเป็นทางยาวเชื่อมไปยังห้องพักบรรยากาศคล้ายโรงแรม ชลธีมองดูลาดเลาก่อนจะส่งสัญญาณให้กับลูกน้องที่ซุ่มรออยู่.. สุดท้ายนฤนารถก็ต้องตามใจหัวหน้าทีมอย่างเขาด้วยการติดต่อธนัชให้ ชลธีหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กที่เขาซ่อนเอาไว้ขึ้นมาติดต่อ

    "กูจะไปรอที่ห้อง A45"

    "รับทราบ"

“งานนี้อย่าชักช้านะมึง”

“ทราบ!” ตกลงกับทีมที่เตรียมพร้อมรออยู่เรียบร้อยแล้ว เขาก็จัดการทิ้งโทรศัพท์แล้วพาเด็กหญิงไปตามหมายเลขห้องที่ได้รับกุญแจมา ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสี่ห้องอยู่ด้านในสุด เขาเคาะประตูอยู่สองสามทีก่อนจะถือวิสาสะไขกุญแจเข้าไป ความเย็นจากแอร์สะท้อนออกมาทันทีที่เปิดประตูออก ไฟในห้องมืดสลัวมีเพียงทีวีเปิดไว้เท่านั้น เขาหรี่ตามองเมื่อสังเกตว่าในห้องไม่ได้มีคนอยู่เพียงแค่คนเดียว กลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั่วห้องดูจากสภาพแล้วคงจะมีปาร์ตี้กันมาแน่ เด็กหญิงหลบอยู่ด้านหลังเขาเกาะกุมเสื้อเขาแน่น

“มาแล้วหรือ” เมื่อเจ้าของห้องเห็นผู้มาใหม่จึงเปิดไฟให้สว่างทั่วห้อง เขาเห็นชายหนุ่มสูงวัยสวมชุดคลุมอาบน้ำ ใบหน้าที่คุ้นเคยเหมือนเคยเจอกันเมื่อนานมาแล้ว

“ครับ.. ท่าน” ชลธีเบิกตาโพลงเมื่อชายหนุ่มสูงวัยที่เดินเข้ามาหาเขาคือ.. นายทหารชั้นสูงที่เขาเคารพยิ่งและเคยมีศักดิ์เป็นถึงพ่อตาของเขา

พ่อของเกศรา..

(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
(ต่อจากด้านบน)



ชลธีชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะปรับสีหน้าให้เหมือนเดิมหมวกปีกกว้างที่บดบังใบหน้าไปกว่าครึ่งทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ทันได้สังเกตมากนัก ไหนจะหนวดรกครึ้มและผมเผ้าที่ยาวทำให้กัมพลจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร แต่เสียงและท่าทางของกัมพลที่เขาเห็นเมื่อครู่คงจะดื่มเหล้าไปมากไม่มีสติสัมปชัญญะเท่ากับตอนปกติ



“มาส่งแล้วมึงก็กลับไปได้ละ” เขาหันไปมองชายสูงวัยอีกคนที่นั่งจิบเหล้าอยู่บนโซฟา ในมือถือแก้วไวน์ทรงสูงยกจิบ เรือนร่างสมส่วนบึกบึนแม้ใบหน้าจะมีร่องรอยแห่งอายุ แต่สายตายังเฉียบคมราวกับเหยี่ยวจ้องมองเขาราวกับประเมินอยู่ ถ้าเขาจำไม่ผิดชายตรงหน้าคือคนที่เขาเคยเจอในห้องนั้นไม่ผิดแน่



“ฮึก.. ฮือ”



“ชู่ว” เขาหันไปหาเด็กหญิงที่เริ่มตื่นตกใจ



“หนูกลัว”



“ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องกลัว” เขาหันไปบอก ทำทีว่ากำลังดุเด็กหญิงให้เงียบซะ “คุณมาเรียฝากเรื่องมาบอกนายน่ะครับ เลยอยากจะแจ้งให้นายทราบ”



“เด็กใหม่หรือวะไม่เคยเห็นหน้า”



“ครับ งั้นผมขอคุยกับท่านสักครู่นะครับ” เขาเข้าไปใกล้ค่อยๆ รินไวน์ใส่แก้วทรงสูง พยายามจะถ่วงเวลาจนกว่าทีมที่เขาได้เตรียมเอาไว้จะพร้อมบุก เขาต้องแสดงละครให้แนบเนียนที่สุดเพื่อให้เหยื่อตายใจ แต่ถ้าหากเขาเข้ามารวบพวกมันตอนนี้นอกจากพวกมันจะรู้ว่าพวกเขาแฝงตัวเข้ามา เขายังไม่ได้หลักฐานที่แน่ชัดที่จะเอาผิดพวกมันได้เลย เพราะฉะนั้นเขาจะต้องใช้แผนครั้งนี้เป็นการเดิมพัน เขาส่งสายตาให้เด็กหญิงเข้าไปหลบในห้องนอนก่อน แล้วจึงเปิดปากถาม



“คุณมาเรียเธออยากเจอท่านเป็นการส่วนตัวเลยให้ผมมาแจ้งท่านน่ะครับ” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ไอ้เรื่องที่บอกไปน่ะโกหกทั้งเพ ไม่หาเรื่องอยู่คงได้โดนไล่ออกจากห้อง พอได้ยินชื่อหญิงสาวคนสวยเจ้าของใบหน้าเคร่งขรึมก็กระตุกยิ้มขึ้นมาทันทีก่อนจะรับแก้วไวน์จากเขาไปดื่ม



“เมื่อไหร่ก็คุยได้ทั้งนั้น ไม่เห็นต้องให้คนมาบอกเลย”



“ไปทำอะไรให้งอนอีกหรือเปล่าล่ะ” กัมพลถามก่อนจะหัวเราะขำ กระดกแก้วเหล้าที่เขาชงให้เมื่อครู่ขึ้นดื่ม



“คงเป็นเรื่องที่กูไม่ได้ไปนอนด้วยหลายอาทิตย์แล้วล่ะ”



“มึงนี่น้ำยาดีจริงๆ ไอ้ตรี”



“กูกับมึงก็พอกันนั่นแหละ” เขานั่งฟังไปเรื่อยสองมือก็รินเหล้าให้ไม่หยุด ดูท่าจะคอแข็งไม่เบา กัมพลที่เขารู้จักเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มีแต่คนนับหน้าถือตา และเคยเป็นผู้บังคับบัญชาสมัยที่เขายังประจำอยู่ที่หน่วยเก่าและนั่นทำให้เขามีโอกาสได้ใกล้ชิดเกศราถึงขั้นคบหาและได้แต่งงานด้วยกันในที่สุด เขาไม่คิดเลยว่าอดีตพ่อตาที่เขาเคยเคารพนับถือจะมีพฤติกรรมน่ารังเกียจขนาดนี้



เขานั่งฟังโดยทำเป็นไม่รู้เรื่องสิ่งที่ทั้งสองคนพูดเลยสักนิด จับใจความได้ว่าหุ้นส่วนที่กำลังลงทุนในเรื่องของการผลิตยาเสพติด กัมพลเป็นคนช่วยออกค่าใช้จ่ายให้กับผู้มีอิทธิพลที่นี่นั่นก็คือคนที่อยู่ข้างเขาในตอนนี้ เขากำหมัดแน่นรู้สึกเห็นจุดไต้ตำตอ การทำภารกิจที่แล้วมาพลาดท่าและสูญเสียกำลังพลไปไม่น้อยไม่ใช่เพราะเราไม่มีความสามารถแต่เป็นเพราะมีคนทรยศที่รู้ทางหนีทีไล่และแผนต่างๆ ของเขาเป็นอย่างดี เขาผิดหวังเหลือเกิน สิ่งยั่วยุเช่นเงินตรามันทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรือ เห็นทีที่เขาบอกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นมันคงจะเป็นจริง



เขายังไม่ทันได้ชำระความกับภรรยาเก่าเรื่องที่ทำร้ายคนรักเขาเสียด้วยซ้ำ ยิ่งคิดอารมณ์ไม่พอใจก็ตีตื้นขึ้นมาทันที เขาไม่อยากทำร้ายผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของลูก เพราะเขายังให้เกียรติเกศราเช่นเดิม แต่สิ่งที่เกศราทำเหมือนตบหน้าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเขาจะต้องทำอะไรสักอย่างให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปจากชีวิตเขาสักที!



กัมพลพูดถึงเรื่องหุ้นส่วนอีกครั้งและนัดหมายตกลงกันว่าจะส่งของที่ไหนอย่างไร รวมไปถึงแผนตบตาหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เขาเป็นหัวหน้าทีมว่าจะทำอย่างไร



“เรื่องจัดการน่ะไม่ยากหรอก พวกมันไม่มีทางรู้แน่ว่าใครเป็นสายให้พวกเรา”



“ถ้าจับได้ก็คงจับไปนานแล้ว คราวนี้ต้องใช้เงินเท่าไหร่ล่ะ ไอ้พล”



“ขอไม่มากว่ะ เพื่อนกัน รับรองกูจะปิดปากเงียบสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”



เขาเอื้อมไปจับเครื่องบันทึกเสียงที่พกเอาไว้มันยังคงทำงานอยู่ เสียงฝีเท้าเดินบริเวณหน้าห้อง เขาจึงขอตัวทำทีไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดประตูห้อง เปิดแง้มเล็กน้อยจึงเห็นธนัชในชุดบริกรเต็มยศกำลังยิ้มแผล่ให้เขา



“จัดเลยไหมครับ”



“ทำไมมึงมาคนเดียววะ”



“พี่นารถรออยู่ข้างล่าง ให้ผมมาคนเดียว” นายทหารหนุ่มยักไหล่ “แค่นี้ก็เอาอยู่” ว่าแล้วมันก็ทำหน้ายิ้มแป้นเข็นรถใส่เครื่องดื่มเข้ามาเพิ่มเติมก่อนจะออกไปก็จะสายตาให้เขาปริบๆ แล้วยื่นปืนพกสีดำมะเมื่อมไว้ให้เขาใช้พกติดตัว เขาส่ายหน้าเพราะไม่ต้องการพกอาวุธอะไรให้มีพิรุธอะไร เขายังต้องแสดงละครเป็นเด็กใหม่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น



เขาจัดแจงบริการเหมือนอย่างเคยจนกระทั่งเหล้าดีกรีแรงที่ธนัชเป็นเอาเข้ามาให้ทำให้คนคอแข็งเริ่มจะไม่ไหวค่อยๆ ล้มลงนอนคอพับคออ่อนไปกับโซฟา เขาถอดหมวดโยนลงกับพื้นเมื่อเห็นว่าพวกมันไม่มีทางจะโงหัวตื่นขึ้นมาได้ในตอนนี้ จัดการถ่ายรูปและปั๊มรอยนิ้วมือไว้เป็นหลักฐาน ธนัชเข้ามาค้นข้อมูลก่อนจะจัดแจงส่งให้หน่วยแต่ก็โดนชลธีห้ามเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าใครบ้างที่เป็นสายให้กับขบวนการนี้ และความจริงที่น่าตกใจก็ปรากฎเมื่อมันคือ ชาตรี ก้องกัลป์ ผู้ร่วมหุ้นรายใหญ่ของบริษัทบิ้กเบิ้มในไทย เดาได้ไม่ยากว่าพวกมันเอาเงินสกปรกมาฟอกผ่านธุรกิจที่ถูกกฎหมายไปมากมาย ส่วนกัมพลอดีตพ่อตาเขาจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป คนที่กระทำความผิดจะต้องได้รับโทษ



“แล้วจะเอายังไงต่อดี”



“อย่าเพิ่งบอกใครทั้งนั้น”



“ไม่บอก แล้วเราจะบุกไปกันเองหรือ” ธนัชได้ยินมาว่าพวกมันมีอาวุธสงครามในครอบครองเพราะมีนายหทารคอยหนุนหลัง ยิ่งไม่มีใครเอาผิดได้ก็ยิ่งเหิมเกริมมากขึ้นไปใหญ่ เขาไม่อยากจะนึกสภาพเลยว่าหากไปกันทั้งทีมเกือบสิบคนอาวุธที่เขามีอยู่จะจัดการได้หรือเปล่า ครั้นจะแจ้งทางหน่วยก็ยิ่งอันตราย เพราะฉะนั้นเขาจะต้องมั่นใจว่ามีคนที่ไว้ใจได้เสียก่อน



“มันต้องมีทางออกสิ”



“ผมไม่ให้พี่ไปคนเดียวแน่”



“กูก็ไม่ไปคนเดียวหรอก กูต้องกลับไปหาลูกหาเมีย”



“นึกว่าจะโชว์เท่ ลุยเดี่ยวซะแล้ว” เขาหรี่ตามองหัวหน้า “เห็นพี่นารถบ่นใหญ่ ว่าพี่ชอบนอกแผนจนทุกคนหัวปั่นไปหมด แค่เด็กคนเดียวจะทำให้แผนเสียไปหมด”



“กูรู้น่าว่าทำอะไรอยู่”



“ทุกคนเขาก็เปนห่วงพี่กันทั้งนั้น” ธนัชเองก็เป็นห่วงรุ่นพี่อยู่ไม่น้อย “คิดถึงคนข้างหลังบ้างนะพี่..”

“กูรู้” เขาเผลอคิดถึงคนรักที่กำลังรออยู่และเขายังมีลูกชายวัยสี่ขวบที่กำลังน่ารักน่าชัง ใครมันจะไม่อยากใช้ชีวิตกับครอบครัวล่ะ แต่หน้าที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมาก่อน..



“เสร็จธุระแล้วก็ไปพักผ่อนเถอะ” ธนัชบอกชายหนุ่ม “พี่ซูบมากกว่าเดิมอีกนะ” อย่าว่าแต่ลูกน้องทักเลย เขาวิดีโอคอลกับลูกเป็ดก็ยังเป็นห่วงเขาเสียยกใหญ่ พูดแล้วก็คิดถึงอยากกลับไปกอดให้ชื่นใจเหลือเกิน



“มึงเคลียร์ตรงนี้ให้กูด้วยแล้วกัน”



“ได้พี่ พวกผมอยู่ข้างนอกกันไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงตัวเองเถอะ”



“เป็นน้องกูหรือเป็นแม่กูเนี่ยหา ไอ้นัช”



“ฮ่าๆ” เขาคงไม่ขอบอกว่าโดนปานชีวันจ้ำจี้จ้ำไชเรื่องดูแลชลธี ตั้งแต่ที่รุ่นน้องไปช่วยดูแลภรรยาผู้พัน ดูท่าว่าจะติดฝ่ายนั้นแจเปลี่ยนข้างไปอย่างสิ้นเชิง เขาชักจะหมั่นไส้มันจริงๆ



“กูฝากด้วยนะ” เขาบอกรุ่นน้อง คว้าโทรศัพท์มือถือส่วนตัวขึ้นมาส่งข้อความหาเด็กหนุ่มที่ป่านนี้คงจะนอนหลับปุ๋ยกับลูกชายไปแล้ว



คิดถึงนะครับ..



ข้อความที่ส่งหากันในวันที่ห่างไกลแม้มันจะไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกอ้างว้างลดลงแต่ก็ช่วยบรรเทาความคิดถึงในใจที่มีให้กันได้ เขาหวังว่าจะได้เจอกับคนรักในเร็ววัน การอยู่ห่างไกลมันช่างทรมานเหลือเกิน



ชลธีให้ธนัชพาเด็กหญิงข้ามฝั่งไปที่ไทยเพื่อดำเนินการช่วยเหลือติดตามครอบครัว ส่วนนฤนารถก็ตระเตรียมหญิงสาวหน้าตาสะสวย ยังดูอ่อนเยาว์ให้สลับเข้ามาแทนโดยมีเขาเป็นคนจัดท่าทางให้เรียบร้อย ในเมื่อเขายังไม่ได้หลักฐานสำคัญที่จะมัดตัวนักธุรกิจรายใหญ่คนนี้ก็อย่าหวังว่าเขาจะยอมปล่อยไปโดยง่าย กุญแจต่างๆ ที่เขาค้นได้ก็ให้นฤนารถนำไปจัดการปั๊มให้เรียบร้อย ฤทธิ์ยาที่ผสมไว้ในเหล้าทำให้พวกมันจะฟื้นอีกทีคงจะปาไปเที่ยงของอีกวัน และจะจำเหตุการณ์ในช่วงเวลาก่อนที่จะหลับไม่ได้



ทุกอย่างผ่านไปเรียบร้อยเขายังได้กลับไปทำงานปกติได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้จะเกิดคำถามว่าเด็กหญิงคนนั้นหายไปไหนแต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้และไม่กล้าทวงถามนายใหญ่ได้



ชลธีได้ทำงานคลุกคลีอยู่ในบ่อนอยู่หลายอาทิตย์ แม้จะไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการแต่เขาก็จับสังเกตได้ว่าลูกน้องของนายใหญ่กำลังยุ่งวุ่นวายกันขนาดไหน บรรดานักท่องเที่ยวที่เข้ามาเสี่ยงโชคและต้องกลับไปมือเปล่ามีเข้ามาได้ทุกวัน บางคนขอกู้ยืมเงินของบ่อนมาเล่นต่อก็จะถูกทำสัญญาและยึดทรัพย์สินจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว เขาเริ่มได้ข้อมูลมากขึ้นและรอคอยวันเวลาที่พวกมันจะเริ่มขนย้ายสินค้าเข้าประเทศไทย



“วันพรุ่งนี้ที่บ่อนปิดนะจ๊ะ พี่จะไปเที่ยวไหนหรือเปล่า” กลอยเด็กสาวหน้าตาสะสวยที่ชอบเข้ามาพูดคุยกับเขาเสมอ เธอเล่าให้ฟังเพียงว่าลุงของเธอขายเธอให้กับมาเรียได้สามปีแล้ว “เนี่ย เขาจะข้ามฝั่งไปที่ไทยกัน พี่เต็มไปกับพวกชั้นหรือเปล่าจ๊ะ”



“ทำไมถึงปิดล่ะ”



“ก็มีงานข้างนอกน่ะจ้ะ เห็นเขามาว่าอย่างนั้น”



“แล้วหยุดบ่อยไหม พี่มาทำงานตั้งนานไม่เคยจะมีวันหยุด”



“เดือนละครั้งนะจ๊ะพี่”



“เขาไปทำอะไรกันหรือ พวกนั้น” พยักพเยิดไปอีกทางที่มีกลุ่มชายนั่งสุมหัวคุยอะไรกันสักอย่าง



“ไปช่วยทำงานน่ะจ้ะพี่ พี่ก็อยากไปทำหรือจ๊ะ เห็นว่าเงินดีนะ”



“พี่สนใจอยู่เหมือนกัน”



“ชั้นไปคุยให้ไหมจ๊ะพี่ พวกนั้นชั้นก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง”



“ขอบคุณมากนะกลอย”



“จ้ะ”



เขาส่งยิ้มให้หญิงสาว แม้ใครจะดูออกว่าเธอชอบเขามากขนาดไหนเขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีมากไปกว่าคนรู้จักเลยสักครั้ง ในที่สุดเขาก็ได้เข้าร่วมกับพวกมันในการขนส่งของ ส่วนนฤนารถคอยส่งข่าวให้ธนัชและทีมทุกวัน แม้ข่าวจะยังไม่ถูกส่งไปถึงหน่วยแต่เขาก็ได้เตรียมลูกน้องฝีมือดีที่ผ่านการฝึกมาอย่างหนัก และพร้อมที่จะเข้ามาช่วยเหลือ



“ข่าวมาว่าอีกสองวันมันจะขนของไปส่งที่ชายแดน”



“เราจะต้องบอกทางหน่วยเพื่อขอกำลังเสริมนะครับ”



“กูมีคนที่พอจะไว้ใจได้ มึงไปแจ้งข่าวแล้วไปเจอกันที่นี่เวลานี้” ข่าวนี้จะต้องไปถึงอย่างรอบคอบที่สุด “แบ่งทีมของเราไว้เสริมด้วย เพราะว่าวันนั้นมันจะไม่ได้มีเพียงยาเสพติดอย่างเดียว”



เพราะมันยังมีอาวุธสงคราม..



“ครับ ผมจะจัดการตามแผนของเรา” ธนัชรับคำ “ยังไงพี่ก็ระวังตัวด้วยนะครับ”



“ไอ้นารถไปด้วย กูจะระวังตัว”



“พวกเราจะรอไปที่จุดนัดพบนะครับ”



“ตกลงตามนี้”



นายทหารหนุ่มติดตามกลุ่มที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการขนส่งสินค้า เขาเข้าไปช่วยขนลำเลียงของขึ้นรถ ทั้งหมดเป็นลังไม้ขนาดใหญ่ถูกวางเรียงซ้อนกัน ราวกับลังใส่ผลไม้ ไม่มีกลิ่นไม่มีความผิดปกติใดๆ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาหากเราจะเห็นรถขนสินค้าวิ่งเข้าออก อาจจะถูกตรวจจากเจ้าหน้าที่บ้างเพราะปัญหาแรงงานข้ามชาติที่เข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายจะต้องถูกส่งกลับประเทศ แต่หากหลบซ่อนดีๆ ก็ไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะตรวจตามเจอ เขาช่วยพวกมันขนโดยไม่มีปริปากบ่น แม้เหงื่อจะเริ่มไหลตามขมับจนเสื้อเปียกชุ่ม



“หน่วยก้านดีนะมึง”



“ขอบคุณครับ”



“เสร็จทางนี้ก็ไปทางนู้นต่อ งานของมึง.. คุณมาเรียเขาฝากมา” เขาทำหน้าเหลอหลาอยู่สักพักก็เข้าใจ เมื่อเห็นกลุ่มหญิงสาวที่กำลังยืนออกันอยู่ สายตาหนุ่มๆ วัยฉกรรจ์จ้องมองด้วยตาหื่นกระหาย เขาผุดลุกขึ้นใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่คล้องคอซับเหงือที่เปียกโชกจนแห้ง แล้วเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่ยืนมองเขาอยู่.. มาเรีย



ข่าวที่เขาได้ข้อมูล เธอเป็นคนไทยและเป็นภรรยาลับของนายใหญ่ที่ขอเข้ามาช่วยงานเนื่องจากภรรยาหลวงอยู่ที่กรุงเทพในเมื่อเธอไม่สามารถจะอยู่อย่างเชิดหน้าชูตาได้ เธอก็เลยขอมาช่วยงานที่นี่ และคัดเลือกหญิงสาวเข้าไปทำงานในประเทศไทย ผู้ชายทุกคนที่เธอเลือกเข้ามาเป็นลูกน้องล้วนแต่ต้องผ่านมือเธอมาแล้วทั้งนั้น ยกเส้นเสียแต่เขาคนหนึ่งที่หาทางหลบหนีได้อยู่เรื่อยไป



“เหนื่อยหน่อยนะเต็ม”



“ไม่เป็นไรครับคุณมาเรีย มันเป็นงานที่ผมต้องทำอยู่แล้ว”



“กลัวเหนื่อยแล้วจะไม่ยอมทำงานกับชั้นต่อน่ะสิ”



“ผมอยู่กับคุณอยู่แล้วล่ะครับ”



“ปากหวานจริงๆ ผู้ชายคนนี้” หล่อนกรีดนิ้วที่ทาเล็บสีแดงสดไล้ตรงช่วงอกเขาผ่านหน้าท้องแข็งแล้ววนไปมาเหมือนอยากจะสำรวจเสียเต็มประดา กลิ่นน้ำหอมราคาแพงลอยวนเวียนอยู่บริเวณเขาเมื่อเจ้าหล่อนเข้ามาแนบชิดใกล้โดยไม่กังวลสายตาของใครที่มองมาเลยสักนิด “พรุ่งนี้ฝากช่วยดูแลเด็กๆ ไปส่งถึงที่หน่อยนะ เสร็จแล้วกลับมาเอารางวัลจากชั้นแล้วกัน”



“ครับ” เขาพยักหน้ารับ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลของหญิงสาวฉายแววพอใจอย่างปิดไม่มิด บรรดาลูกน้องที่ช่วยกันขนของเมื่อครู่เดินเข้ามากอดคอเขากันใหญ่



“ลาภปากของเอ็งจริงๆ ไอ้เต็ม!” เขาจุดยิ้มที่มุมปากไม่ได้เอ่ยอะไรมากนัก เห็นทุกคนเริ่มไว้ใจเขามากขึ้น นายทหารหนุ่มจึงขออยู่กินข้าวและก๊งเหล้าสักพัก จึงขอตัวกลับห้องไปพักผ่อน



ชลธีถึงห้องก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดคอลหาคนรัก เวลาปาไปช่วงสามทุ่มครึ่งแล้วตอนนี้น่าจะดูทีวีอยู่กับลูกชายหรือไม่ก็กำลังทำการบ้าน เขารอสายอยู่ไม่นาน เจ้าลูกเป็ดก็กดรับพร้อมเสียงร้องเพลงของลูกชายที่ดังแว่วเข้ามา



“พี่ฉลาม.. ว่างแล้วหรือครับ”



“อื้อ คิดถึงชะมัดเลย”



“เปิดกล้องได้ไหม ลูกอยากคุยด้วยน่ะครับ” คิดถึงสภาพเขาตอนนี้ไทเกอร์เห็นคงจะตกใจมากกว่า แม้จะเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้าเมียกับลูกชายก็เถอะ



“เดี๋ยวไทเกอร์จะตกใจ”



“งั้นเดี๋ยวลินท์ถ่ายรูปส่งไปให้นะ”



“ถ่ายมาเยอะๆ เลย พี่ชอบดู”



“พี่ก็เอามาแลกกันสิ”



“ถ่ายได้แต่อย่างอื่นนะ ลินท์จะดูไหม”



“อะไรอะครับ ถ้าพี่ทะลึ่งลินท์วางสายจริงๆ ด้วย” เขาหลุดหัวเราะขำเมื่อได้ยินเสียงลูกเป็ดขู่ฟ่อ นึกสภาพตอนนี้คงจะพองแก้มใหญ่แล้ว น่าแกล้งจริงๆ



“โธ่ พี่ไม่แกล้งแล้วครับ”



“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่”



“ใกล้แล้วล่ะลินท์ พี่ก็อยากกลับไปหาลินท์จะแย่แล้วเหมือนกัน” เขาหยอกล้อคนรัก ทำเสียงอ่อนเสียงหวานจนอีกฝั่งเงียบไป “อ้าว หายไปไหนแล้ว”



“งื้อออออ ดีใจ” เด็กหนุ่มส่งเสียงร้องแทบจะวิ่งไขโยไปรอบห้องเมื่อได้ยินว่าใกล้จะได้เจอกัน เกือบห้าเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เจอชลธีเลยสำหรับคนอื่นมันอาจเป็นเวลาที่ไม่นาน แต่สำหรับเขามันช่างยาวนานยิ่งกว่าการรอคอยอะไรทั้งหมด



“พี่รักลินท์นะ” เขากระซิบเสียงแผ่ว “ได้เวลาพาภรรยาไปถอยแหวนวงใหม่แล้ว”



“ฮื่อ ลินท์ก็รักพี่เหมือนกันครับ.. ลินท์กับลูกรอพี่อยู่นะ” แค่ได้ยิน.. ความเหนื่อยล้าความเครียดและความกดดันต่างๆ ของการทำงานแทบจะมลายหายไปอย่างสิ้นเชิง



“ขอบคุณนะครับ”



สำหรับความรักที่ทรงพลังมากที่สุดในโลก



- - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - -



ช่วงเวลาเกือบเที่ยงคืนของอีกวัน หลังจากที่ขนย้ายของกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาที่จะต้องขนย้ายสินค้าไปจุดหมาย นายทหารหนุ่มนั่งอยู่บนรถบรรทุกคันใหญ่ที่กำลังแล่นผ่านถนน เส้นทางที่รถจำนวนหลายสิบคันกำลังตรงไปคือเส้นทางที่เป็นทางผ่านในการข้ามพรมแดนประเทศ เขาให้นฤนารถติดต่อกับทีมเพื่อนัดรอกันที่จุดนัดพบ แม้จะทำเหมือนทุกอย่างปกติแต่เขาก็อดรู้สึกตึงเครียดไม่ได้ เกือบสองชั่วโมงที่เดินทางจนสองข้างทางที่มืดสนิทไม่สามารถมองเห็นตึกรามบ้านช่อง แสงไฟเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ จนต้องหยิบไฟฉายเพื่อใช้ในการมองเห็น



“เสียงดังจริงๆ กูบอกให้เงียบ!”



“ฮึก.. ฮือ”



“อยากตายตรงนี้ก็ร้อง กูจะยิงแม่งให้หมด!”



เขาหันไปมองรถอีกคันที่กำลังตามมาติดๆ เป็นรถที่ขนหญิงสาวมาเต็มคันรถเพื่อจะส่งไปขายต่อในภูมิภาคต่างๆ เขาจ้องเขม็งพยายามจดจำหน้าตาของพวกมันเอาไว้ หากเขาได้เวลารวบตัวเมื่อไหร่พวกมันไม่มีทางรอดแน่ อีกครึ่งชั่วโมงจะเริ่มขนย้ายสินค้าและกระจายออกไปตามเส้นทางต่างๆ ใกล้จะถึงจุดนัดพบของเขาเป็นจังหวะที่พวกมันจะจอดรถพักพอดี เขาลงจากรถทำทีไปพูดคุยกับพวกมัน นายตำรวจหนุ่มก็ติดตามมาส่งสัญญาณให้เขาปลีกตัวออกมายังจุดนัดพบ รอบด้านมีแต่ต้นไม้ขึ้นสูง เดาได้ว่าเริ่มจะเข้าสู่เส้นทางธรรมชาติแล้ว



“เรียบร้อยไหมวะ”



“เรียบร้อยแล้วพี่ ผมแจ้งกับคนที่หน่วยที่พอจะไว้ใจได้แล้ว กำลังเสริมกำลังจะตามมา”



“กูจะเข้าไปเอาพวกผู้หญิงออกมา เตรียมคนมาแล้วใช่ไหม” ธนัชอยู่ในชุดลายพรางเต็มยศและรองเท้าคอมแบท หมวกถูกสวมเข้าอย่างแน่นหนา เขาพยักหน้าให้รุ่นพี่ก่อนจะหันไปเรียกทีมที่เหลือให้เตรียมตัว



“ดี!” ชลธีกลับเข้าไปในกลุ่มอีกครั้ง ตรงไปยังรถที่มีแต่ผู้หญิง คนเฝ้ามันร้องทักเขาก่อนจะเชิญชวนให้ดื่มเหล้า เขายิ้มรับแต่ไม่รับแก้วมาถือไว้ ท่อนแขนหนาตวัดเข้าที่ลำคอมันก่อนจะใช้ศอกอีกข้างกระทุ้งจนมันล้มลง ล้วงกุญแจออกมาได้ก็ไขประตูเปิดออกทันที เสียงสะอึกสะอื้นยังคงดังระงมไม่หยุด ทันทีที่เห็นเขาเสียงร้องก็ดูเหมือนจะดังขึ้น



“ชู่ว” เขาให้ทุกคนเงียบเสียง “ผมเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไทย ถ้าหากอยากให้ผมช่วยพวกคุณต้องเงียบก่อน” บางคนที่เป็นคนไทยที่หลงเข้ามาทำงานก็จะฟังเขาเข้าใจ แต่ถ้าหากเป็นหญิงสาวต่างชาติแม้จะฟังเขาไม่ค่อยออกแต่ก็ยินยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี



“ขอบคุณค่ะ”



“ค่อยๆ ลงมานะ” เขาประคองหญิงสาวลงมาทีละคนโดยมีนฤนารถคอยช่วยดูลาดเลาให้ ช่วงพักทุกครั้งจะมีการตั้งวงกันกว่าจะได้กลับมาเขาก็คงจะพาหญิงสาวไปได้ไกลมากแล้ว



“เรียบร้อยหมดแล้วพี่” เขาไขกุญแจเข้าไปที่เดิมก่อนจะทำเนียนเข้าไปในวง หัวหน้าที่เป็นคนคุมรถทั้งหมด เคยมีเรื่องกับเขามาแล้วสมัยทำงานใหม่ๆ อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นเด็กใหม่ที่ได้รับความเอ็นดูจากคุณมาเรียทำให้หลายคนไม่ชอบขี้หน้าเขาอยู่เหมือนกัน



“เมื่อไหร่รถจะออกอีกหรือพี่” เขานั่งลงข้างๆ ยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบแล้วแอบถาม



“อีกสักพักใหญ่โน่นแหละ”



“แล้วจะไปส่งของทันหรือครับ”



“โอ๊ย ทางสะดวก ไม่มีทหาร ตำรวจมาเฝ้าเส้นทางแถวนี้หรอก ไอ้เต็ม!”



“จริงหรือครับ”



“เออสิวะ มาดื่มเลยๆ” เขาถูกลากเข้าไปในวงเหล้าอีกครั้ง พวกมันเกือบยี่สิบคนไม่ทันได้สังเกตเสียงที่เงียบหายไปของผู้หญิงพวกเขาเลยมีเวลาเตรียมตัวที่จะรวบหัวพวกมัน เขาปลึกตัวออกมาอีกครั้งเพื่อรอทีมที่กำลังจะมาเสริม



“ทำไมทีมเสริมยังไม่มาอีก”



“อะเอ่อ” ธนัชอึกอัก เขาแจ้งเวลากับหน่วยไว้เสียดิบดีแต่ป่านนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แวว



“นานกว่านี้พวกมันขนข้ามกันไปเสร็จแน่”



“ผมติดต่อให้แล้ว น่าจะอีกสักพัก”



“กูฝากด้วยนะนัช” นายทหารหนุ่มสวมถุงมือสีดำและหยิบปืนพกเสียบเข้ากางเกงอีกกระบอก เสียงเอะอะโวยวายทำให้เขารีบเร่งกลับไปยังจุดรถจอด เห็นพวกมันกำลังวิ่งวุ่นตามหาอะไรสักอย่างกันให้ควั่ก อีกไม่นานเขาจะได้จัดการพวกมันให้ราบคาบ เขารู้สึกสะอิดสะเอียดเหลือเกิน



“ไอ้เต็ม! มึงหายไปไหนมา”



“ผมก็ไปยิงกระต่ายมาน่ะสิ”



“ผู้หญิงแม่งหายไปไหนหมดเลย ใครมาช่วยพวกมันไป”



“ในนี้ทั้งลึกทั้งมืดขนาดนี้ ใครจะเข้ามาช่วยล่ะ” เขาพูดยียวนกวนประสาทแถมยังยักคิ้วข้างเดียว



“มึงเด็กใหม่ น่าสงสัยที่สุด” มันเข้ามากระชากคอเสื้อเขา “ต้องแดกลูกปืนสักเม็ดไหมมึงถึงจะยอมพูด!”



“ใครกันแน่ที่ต้องแดกลูกปืน!” เขาจ่อปืนพกเข้าที่ท้อง โลหะเย็นเฉียบสีดำรูปทรงคุ้นเคยจนมันต้องปล่อยมือออกจากคอเสื้อเขา “กูทนเห็นความเหี้ยของพวกมึงมานานแล้ว”



ปัง!!



ทุกอย่างเริ่มชุลมุนวุ่นวายเมื่อเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เขายิงพวกมันร่วงไปอีกสองคนเมื่อมันพยายามจะเข้ามาใกล้ ตอนนี้ทีมเขาคงจะพร้อมเข้าบุกแล้ว เขาจึงตะโกนเรียกนายตำรวจที่กำลังควงปืนยิงสู้ไม่แพ้เขา



“พี่ ผมติดต่อไอ้นัชไม่ได้แล้ว!”



“อะไรของมันวะ!”



“ผมก็ไม่รู้!”



“เหี้ยเอ๊ย” เขาโยนปืนพกทิ้งเมื่อเห็นว่าลูกกระสุนหมด เขาชะล่าใจไม่ได้เตรียมกับรุ่นน้องให้รอบคอบกว่านี้ ในขณะที่เขาเริ่มจะบุกแล้วแต่ไม่รู้มันหายหัวไปไหน ทีมคนอื่นๆ ก็คงกำลังง่วนกับการพาหญิงสาวกลับไปที่ปลอดภัย เขาหันซ้ายหันขวาหาทางออกเมื่อไม่มีทางหนีที่ดีไปกว่าการเข้าไปในป่าที่มืดสนิทเขาก็ต้องยอม เพื่อถ่วงเวลาอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อทีมจะได้มาถึง นฤนารถวิ่งตามเขามาติดๆ แถมยังยิงปืนรัวไม่หยุด



ปัง!



ไหล่เขาสะบัดไปอีกข้างเมื่อแรงกระสุนทะลุเข้าที่ไหล่ขวา นายตำรวจหนุ่มตะโกนร้องลั่นก่อนจะวิ่งเข้ามาหา เขาส่ายหัวชี้นิ้วให้รุ่นน้องวิ่งไปข้างหน้า



“พี่เป็นยังไงบ้าง”



“ไม่ต้องห่วงกู มึงวิ่ง กูบอกให้วิ่งไป!” เขาฉีกแขนเสื้อออกแล้วพันเข้าที่แผล เสียงปืนดังลั่นอีกระลอกทำให้เขาหันไปมองบริเวณโดยรอบ เส้นทางธรรมชาติที่คดเคี้ยวและไม่มีการถางทางยิ่งทำให้การเดินทางยากลำบากช่างทรมานสำหรับเขาที่ไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น



ปัง!



นายตำรวจหนุ่มทรุดลงกับพื้นเมื่อกระสุนเฉี่ยวเข้าที่เข่าและอีกนัดที่ไหล่ซ้าย เขาหันกลับไปยิงอีกจนลูกกระสุนหมด ชลธีล้วงปืนพกในกระเป๋าอีกกระบอกแล้วกำไว้แน่นพยายามกัดฟันลากตัวเองให้ไปให้ไกลที่สุด มือกุมไหล่ที่รู้สึกได้เลือดซึมจนปวดหนึบ นฤนารถช่วยพยุงเขาแม้ตัวเองจะโดนจนเสียเลือดไปไม่ได้ต่างจากเขา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว จนเขาต้องพันผ้าให้แน่นหนามากขึ้น กลิ่นเลือดจะเรียกสัตว์ให้เข้ามาและนั่นคงจะเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากขึ้น



เดินทะลุเข้าป่าไกลอยู่เกือบชั่วโมงจนเขาต้องนั่งพิงต้นไม้ใหญ่เพื่อพักเอาแรง เสียงปืนยังมาอีกระลอกไม่หยุด พวกมันกัดเขาไม่ยอมปล่อยจริงๆ นายทหารหนุ่มเปิดแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีสัญญาณหวังจะช่วยให้ทีมกำลังเสริมที่กำลังตามเขามารู้จุดที่เขาอยู่ แต่ในป่าที่ความมืดปกคลุมเช่นนี้เป็นเรื่องยากเหลือเกิน เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นดวงดาว มองหากลุ่มดาวเหนือเพื่อที่จะหาทางออกจากป่า เสียงน้ำดังอยู่ไม่ไกล.. เมื่อมีแหล่งน้ำ ตามหลักแล้วน้ำไหลลงจากที่สูงเขาก็สามารถรู้ทิศและหาทางออกได้อย่างง่ายดาย และนั่นหากไม่ใช่ตอนกลางคืนที่เขาไม่มีแม้แต่อุปกรณ์ช่วยเหลือใดๆ



ปัง!



ปัง!



เขาหลักผลักนฤนารถให้ออกไปอีกทางเมื่อเห็นพวกมันใกล้เข้ามา แหล่งน้ำที่นายทหารหนุ่มได้ยินคือเสียงน้ำตกที่อยู่ใกล้เนินภูเขาสูง หากเดินลัดเลาะไปตามทางย่อมเจอทางออกจากป่าแต่ร่างกายที่เสียเลือดเป็นชั่วโมงไม่สามารถที่จะทนไหว เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่ร่างของชลธีจะร่วงหล่นลงไปต่อหน้าต่อหน้านายตำรวจหนุ่ม



“พี่!” นฤนารถร้องลั่นก่อนจะหันกลับไปยิงปืนใส่กลุ่มคนที่กำลังยิงรัวประชิดในระยะใกล้ เหนือหัวด้านบนเขาเห็นเฮลิคอปเตอร์กำลังบินอยู่เหนือท้องฟ้า เขาจำมันได้เพราะสลักเลขประจำหน่วยเอาไว้ ทีมเขามาแล้ว.. แต่ไม่สามารถลงจอดได้.. เพราะเป็นป่ารกชัฏ



“หลอกพวกกู ตายซะเหอะมึง!”



“แม่งเอ๊ย” นฤนารถสบถมองด้วยสายตาแข็งกร้าว แขนขวาเขาปวดจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ มันชาจนแม้แต่จะเหนี่ยวไกก็ยังทำไม่ได้



“ตามเพื่อนมึงไปลงนรกเถอะ”



ปัง!



ปัง!



เสียงปืนที่ดังขึ้นทำให้เขาต้องหลับตาแน่น ร่างสูงสั่นสะท้านก่อนจะร่วงหล่นลงไปยังน้ำตกเบื้องล่าง..





TBC



เตรียมผ้าเช็ดหน้ากันนะคะแม่ๆ <3

ขอคอมเม้นท์เดี๋ยวพายมาต่อให้อีกจ้า รักกกกก


ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โอ้ยยยยยย ขอให้ปลอดภัยนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มีดราม่า ชัวร์ เตรียมทิชชูซับน้ำตาแปป

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
พี่ฉลามเป็นคนดี ความดีจะคุ้มครองตัวพี่นะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อย่าเอาแบบความจำเสื่อมนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
โอ้... ไม่นะ... ไม่เอา... นะ... พี่ฉลาม... ไปทำใจแปป

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
ฉลามต้องรอดกลับไปหาลูกเมียนะ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
คุณพระคุ้มครองพี่ฉลามด้วยนะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
อย่าตายนะ!!

ออฟไลน์ มนุษย์สาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กลัวววววววว  ㅠ ㅠ

ออฟไลน์ Darklife

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
ตอนที่ ๒๖

เพล้ง!

มุจลินท์หันขวับไปตามเสียงเห็นมือเล็กจ้อยกำลังก้มลงไปหยิบเศษแก้วที่กระจัดกระจายเต็มพื้น เขาวิ่งปรี่เข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเล่นของอันตรายอย่างฉิวเฉียด ดูเหมือนชั้นวางของที่มีรูปครอบครัวจะมีรูปร่วงหล่นลงมาจนกระจกแตก

“ไม่เล่นนะครับลูก มันจะบาดนิ้วเลือดออกนะครับ” เขาคุยกับลูกชายที่กำลังคิดว่ากระจกเป็นของเล่น เด็กชายชี้ไปที่พื้น

“รูปป๊า..”

“เดี๋ยวแม่ลินท์จัดการเองนะครับ หนูไปนั่งรอตรงนู้นนะลูก” เขาพาลูกชายไปนั่งบนโซฟาก่อนจะกุลีกุจอไปหยิบไม้กวาดมาจัดการเก็บเศษแก้วให้เรียบร้อย ก่อนจะก้มลงหยิบรูปคนรักในชุดนายทหารสีขาวกำลังยิ้มกว้างยามเข้ารับพิธีติดดาวสมัยเรียนจบใหม่

“หน้าตาไม่เปลี่ยนเลยแฮะ” เขาหยิบรูปขึ้นมาใส่กรอบรูปอันใหม่ ลูกชายที่เห็นเขากำลังสนใจกับรูปก็วิ่งเข้ามาเล่นด้วย เขาเลยหันไปโชว์รูปชลธี “นี่ใครเอ่ย”

“คุณป๊า”

“เดี๋ยวคุณป๊าจะกลับมาแล้วนะลูก”

“เกอร์คิดถึงป๊าฮะแม่”

“เรามารอคุณป๊าด้วยกันนะครับ” เด็กหนุ่มฟัดแก้มขาวป่องของลูกชาย กลิ่นแป้งเด็กโคโดโมะลอยฟุ้งจนอดไม่ได้ที่จะหอมลงไปอีกหลายฟอด

“ฮื่อ คุนแม่ ~” เจ้าตัวเล็กหัวเราะคิกดิ้นอยู่ในอ้อมกอดเขา เปิดเทอมครั้งหน้าไทเกอร์ก็ขึ้นชั้นอนุบาลแล้ว เขาที่เป็นผู้ปกครองก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ช่วงที่ว่างเขาก็จะคอยดูแลฝึกให้ลูกชายหัดวาดรูป เขียน บนกระดาษต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนไปโรงเรียนใหม่

“ลินท์” เขาหันไปตามเสียง เห็นปานชีวันเดินเข้ามาหน้าตาตื่น มองเขาที่กำลังอุ้มเด็กชาย “ทำอะไรกันอยู่น่ะ พี่ได้ยินเสียงเหมือนอะไรแตก”

“เมื่อกี๊กรอบรูปหล่นลงน่ะครับ คงจะยึดไม่ติด” กรอบรูปมันก็เก่ามากแล้วด้วย เขาเลยจัดการเปลี่ยนให้ใหม่ซะเลย

“รูปพี่ฉลามน่ะหรือ” ปานชีวันหันไปมองบนชั้นวางรูป

“ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่าพี่” เขานึกขึ้นได้เลยชวนผู้หมวดนั่งพักก่อน “มาถึงเหนื่อยๆ เดี๋ยวลินท์ไปหาอะไรให้ทานนะครับ”

“ลินท์ ช่วงนี้พี่อาจจะไม่ค่อยได้เข้ามาหานะ”

“อื้อ ทำไมล่ะครับ งานที่หน่วยเยอะหรือ?”

“ก็.. ช่วงนี้เริ่มฝึกพลทหารน่ะ” ชายหนุ่มพูดไปอย่างนั้น “แต่ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดลเยนะ” ตอนนี้ที่หน่วยมีเรื่องให้ทำจนเขาหัวปั่นไปหมด โดยเฉพาะเรื่องของชลธี..

“ลินท์ปิดเทอม ไม่ได้ไปไหนหรอกครับ” เด็กหนุ่มจุดยิ้มให้ปานชีวัน พี่ชายที่เขาเคารพไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆ ก่อนจะเดินหันหลังไปหาอะไรมาให้ผู้หมวดหนุ่มทานในครัว ส่วนเด็กชายเห็นคุณอามาก็วิ่งเข้ามาหาชูมือให้อุ้ม

“อา อาปานนนน”

“ว่าไงครับ หลานอา”

“คุณอาเห็นป๊าเกอร์ไหม”

“…” เขามองเด็กชายหน้าตาจิ้มลิ้มวงหน้าถอดแบบจากบิดาไม่มีผิดเพี้ยน ดวงตากลมโตสีดำสุกใสมองเขาด้วยความไร้เดียงสา “เกอร์ครับ..”

ปานชีวันถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อคืนเขาได้ข่าวจากหน่วยว่าทีมเสริมได้ไปช่วยทีมปฏิบัติภารกิจและสามารถรวบของกลางเป็นยาเสพติด และช่วยเหลือหญิงสาวที่ถูกจับไปค้ามนุษย์ได้สำเร็จ แต่สิ่งที่ธนัชรายงานมันน่าตกใจมากกว่านั้นคือตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังกลับกลายเป็นว่ามีนายทหารผู้ใหญ่ที่คอยสนับสนุนและหาช่องทางหลีกเลี่ยงให้กลุ่มนายทุน ทำให้หน่วยยังไม่กล้าที่จะแถลงข่าวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงแค่เกิดความผิดพลาดที่เล็กน้อยทำให้กำลังเสริมไปช้า และไม่สามารถช่วยเหลือหัวหน้าทีมได้

พวกเขาหาชลธีและนฤนารถไม่เจอ..

เกือบสองวันเต็มๆ ที่ชลธีหายไป ทีมลาดตระเวนพยายามกระจายกำลังเพื่อค้นหา หลังจากรวบตัวการได้ทั้งอาวุธและหลักฐานคาหนังคาเขา ไฟล์บันทึกเสียงของนายทหารหนุ่มที่ให้ธนัชเก็บไว้ยิ่งเป็นหลักฐานมัดตัวให้ดิ้นไม่หลุด ทันทีที่ทราบว่าชลธีและนฤนารถเป็นอย่างไร ทางหน่วยคงจะได้แถลงข่าว เมื่อข่าวออกสื่อเมื่อไหร่ เขาก็ไม่รู้จะบอกมุจลินท์อย่างไรดี เขาไม่อยากจะคิดในแง่ร้ายกับรุ่นพี่ขนาดนั้น แต่สภาพแวดล้อมของสถานที่เกิดเหตุทำให้การค้นหามีความยากลำบากมันทำให้เขาท้อเหลือเกินกับการตามหา

“อาปาน.. ป๊าล่ะฮะ”

“เดี๋ยวป๊าก็กลับมาแล้วครับ”

“เกอร์คิดถึงป๊า” เขากอดหลานชายแน่น ความรู้สึกไม่คาดคิด ตกใจ เสียใจ มันประดังประเดจนเขาแทบจะทำอะไรไม่ถูก แค่ได้กลับมาเจอเด็กหนุ่มและลูกชายที่กำลังรอคอยชลธีอย่างมีความหวัง

เขาพูดไม่ออก..

“วันนี้มีบัวลอยนะครับพี่ปาน” เด็กหนุ่มยกถาดเข้ามา เห็นปานชีวันกำลังหยอกล้อกับลูกชายก็หลุดยิ้มขำ สองคนนี้ตัวติดกันแจ ต่อให้เขาไม่อยู่ถ้าหากมีปานชีวันไทเกอร์ก็ไม่งอแงเลยสักนิด

“หอมจัง ฝีมือคุณยายแน่ๆ”


“สมกับเป็นขาประจำเลยนะครับ”

“โถ่ พี่มาฝากท้องทุกวัน ทำไมจะจำรสมือคุณยายไม่ได้กัน” ผู้หมวดนั่งลงบนโซฟา วางหลานลงบนตัก สองมือเล็กจะเอื้อมไปหยิบถ้วยบัวลอยแต่คุณอาหยิบไว้ได้ทัน “เดี๋ยวอาป้อนนะครับ”

“อ่ามมม” เด็กชายเคี้ยวขนมเต็มปาก มือก็ชี้ไปที่ไข่แดงสีเหลืองในถ้วย “เอาไข่..”

“กินเก่งจริงๆ หลานใครเนี่ย”

“หลานคูนอาฮะ”

“เคี้ยวให้หมดก่อนค่อยพูดครับเกอร์” เด็กอ้วนพยักหน้าหงึกหงักให้คุณแม่แล้วก็ทำตาปริบๆ อ้อนคุณอาให้ป้อนอีกคำ เด็กหนุ่มส่ายหัวยกมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปคู่อาหลานแล้วอัพลงอินสตราแกรมเหมือนอย่างเคย เขาลงรูปเป็นประจำทุกวันเหมือนจดไดอารี่ เผื่อว่าชลธีกลับมาจะได้รู้ว่าเขาคิดถึงมากขนาดไหน

ห้ามมองท้องฟ้า ห้ามคิดถึงคุณ ห้ามไม่ได้หรอก.. ไม่มีทาง #148days

เวลาท้อใจก็อย่าลืมคิดถึงหนูนะ.. ให้รู้เอาไว้เลยว่าหนูเอาใจช่วยอยู่ จะร้องเพลงให้พี่ฟัง จะเต้นให้พี่ดู จะยิ้มให้พี่อยู่ตรงนี้จนกว่าพี่จะมีแรง #149days

พอคิดว่าหลายๆ คนกำลังมองท้องฟ้าและคิดถึงใครบางคน รอที่จะขอพรให้ใครบางคนได้กลับมาไวๆ หนูคิดถึงพี่จัง #150days

“เป็นรูปพี่กับไทเกอร์ แต่แคปชั่นนี่ไม่ใช่เลยนะ” ปานชีวันเห็นแท็กในอินสตราแกรมเลยกดเขาไปดู เลยขอแซวเจ้าลูกเป็ดสักหน่อย

“ฮื่อ พี่ปานอย่าแซวสิ”

“ฮ่าๆ”

“อ้ามมมมมม” เด็กชายอ้าปากจะงับช้อนที่คุณอาถือคาเอาไว้

“เกอร์อย่ากระชากช้อนอาครับ”

“เกอร์อยากกินนนน”

“ใจเย็นๆ ครับเกอร์ เดี๋ยวคุณอาเขาป้อน” เด็กหนุ่มเห็นลูกชายอยากกินเลยจะไปตักมาให้แทนจะได้ไม่ต้องไปแย่งกับคุณอา “อยากกินเองหรือครับ แม่จะตักใส่ถ้วยให้รอก่อนนะลูก” ปานชีวันอุ้มลูกหมูให้เข้าที่ ล็อกเอาไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแกร่งจนเด็กชายหันมาค้อนตาเขียวใส่เขา

เป็นเด็กเป็นเล็กดูทำเข้า มันน่าแกล้งไหมล่ะแบบนี้ เด็กอ้วนเอ๊ย!

มุจลินท์ถือถ้วยเข้ามาพอดีเด็กอ้วนเลยถือโอกาสกระโดดออกจากตักคุณอา แต่ปานชีวันไม่ยอมแถมยังอุ้มไปรอบ ไทเกอร์หัวเราะคิกคัก เขาต้องเข้าไปห้ามปรามเพราะกลัวจะอ้วกบัวลอยออกมาจนหมดเสียก่อน วันนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่สักคนเพราะคุณแม่พาคุณยายไปไหว้พระที่ต่างจังหวัดโดยมีคุณพ่อเป็นพลขับส่วนตัว ส่วนเขาที่เพิ่งสอบเสร็จจึงขอพักผ่อนกับลูกชายอยู่ที่บ้านกันสองคน

“ลินท์พี่เดี๋ยวไปรับโทรศัพท์ก่อน ฝากอุ้มหลานที”

“วางลงก็ได้ครับ ไทเกอร์อยากจะลงเต็มแก่แล้ว” ลูกชายทำปากยู่เมื่อคุณอาแกล้งไม่ให้ทานบัวลอยเสียที เรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มและแรงฟัดแก้มอีกรอบ

“อาปานอย่าแกล้งงง”

“จะฟัดให้แก้มช้ำเลย!”

“ฮื่อ แม่ลินท์ ช่วยด้วยยยยย” เด็กอ้วนวิ่งเข้ามากอดเขา ส่วนคุณอารีบหยิบโทรศัพท์ออกไปคุยข้างนอก เขาพาลูกชายไปนั่งทานขนมดีๆ ก่อนจะเปิดโทรทัศน์ให้ดูการ์ตูน

‘รายงานข่าวจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติบริเวณชายแดนตอนเหนือของประเทศ เบื้องต้นจับกุมพร้อมของกลางไว้ได้ครบถ้วนพร้อมหญิงสาวอีกสามสิบชีวิตที่ถูกนำไปค้ามนุษย์ ขณะนี้ทีมลาดตระเวนกำลังตามหาร่างของหัวหน้าชุดทีมปฏิบัติการพิเศษ พันตรีชลธี พันศิยะวัตร และผู้ช่วยหัวหน้าทีมร้อยตำรวจเอกนฤนารถ ที่หายสาบสูญไปจากที่เกิดเหตุเมื่อวันที่.. ผ่านมา

รูปผู้ชายในเครื่องแบบที่เขาคุ้นเคยถูกฉายขึ้นบนหน้าจอโทรทัศน์ รีโมตในมือถือเขาร่วงหล่นจากมือ ค่อยๆ ขยี้ตามองทีวีเมื่อครู่อีกครั้งด้วยหัวใจที่สั่นระทึก เด็กชายเงยหน้ามองตามเขา ริมฝีปากส่งเสียงเจื้อยแจ้วพร้อมทั้งชี้ไปที่หน้าจอ

“ป๊า.. ป๊า”

ไม่จริง…..

ไม่…

มันต้องไม่ใช่…

“ฮึก..” เขาอุ้มลูกชายขึ้นแนบอกก่อนจะเดินสาวเท้าออกไปหาคนที่กำลังยืนหน้าดำคร่ำเครียด ปานชีวันผละออกจากการคุยมือถือ มองหน้าเขาด้วยสายตาตกตะลึงไปเล็กน้อย “พี่ปาน..”

“ลินท์”

“ไม่จริงใช่ไหมครับ!” เขาเผลอถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าปกติ “พี่ฉลามไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมพี่ พี่ปานบอกลินท์ที..”

“ลินท์.. ใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้ทุกคนกำลังพยายามเต็มที่” เขาตอบพลางมองใบหน้าขาวที่ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ หยด
น้ำตาร่วงพราวเต็มแก้ม มือที่ว่างกระชากเสื้อเขาไปมา

“แล้วทำไมพี่ไม่บอกลินท์ ทำไม!”

“ลินท์ใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวไทเกอร์ตกใจ” เขาจะรับไทเกอร์มาอุ้มแต่เด็กหนุ่มไม่ยอม

“พี่รู้มาตั้งนานแล้ว ทำไมถึงเก็บเอาไว้”

“พี่ยังเชื่อว่าพี่ฉลามจะต้องไม่เป็นอะไร เขาจะต้องกลับมา” ผู้หมวดหนุ่มหน้าเสียไปทันที “พี่ไม่อยากให้ลินท์ไม่สบายใจ” ปานชีวันประคองเด็กหนุ่มที่กำลังจะเซล้ม ใบหน้าขาวซีดเผือด น้ำตาร่วงพรูจนดวงตาสีสวยแดงก่ำ เสียงร้องไห้โฮดังออกมาอย่างน่าสงสาร เขาลูบกลุ่มผมเด็กหนุ่มเบาๆ

“ฮึก ฮือ..” เสียงสะอึกสะอื้นยังคงดังไม่หยุด “ไหนพี่บอกจะกลับมาหาหนูไง ฮือ..”

“แม่จ๋า” เด็กชายตกใจรับกอดแม่เอาไว้แน่น “ฮือ แม่อย่าร้อง”

“ทำไมพี่.. ฮึก ผิดสัญญากับหนู” เสียงร้องปนเสียงตัดพ้อทำเอาคนมองหัวใจกระตุก สงสารเหลือเกิน “แล้วหนูจะอยู่ยังไง.. ฮึก”
“ลินท์ใจเย็นๆ” เขาทนไม่ไหวต้องเข้าไปกอดปลอบ เด็กหนุ่มมองเขาทั้งน้ำตา กำมือแน่นแล้วทุบอก

“ลินท์ไม่ไหวแล้ว.. หัวใจมันจะขาดแล้วพี่” มันปวดลึกจนแทบจะหายใจไม่ออก “หนูบอกพี่แล้วใช่ไหมว่าหนูขอตายก่อน ถ้าพี่เป็นอะไรขึ้นมาหนูอยู่ไม่ได้จริงๆ”

“แม่จ๋า.. อย่าร้อง” เด็กชายดึงปลายเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้แม่ น้ำตาน้ำมูกผสมปนเปไปหมด สองมือเล็กจับแก้มขาวของเด็กหนุ่มก่อนจะก้มลงจุ๊บแผ่วเบา “แม่เจ็บตรงไหนบอกเกอร์ที เกอร์จะเป่าให้” เขารวบลูกชายเข้ามากอดแน่น ก้มลงหอมแก้มซ้ายหอมขวาด้วยความรักใคร่อย่างสุดซึ้ง หัวใจที่กำลังเต้นรัวในอกกำลังบอบช้ำอย่างแสนสาหัส มันทรมานราวกับมีใครมาเฉือนหัวใจเขาทิ้งไป..


โลกที่ไม่มีเธอ
เป็นโลกที่ฉันไม่เหลือใคร
มีเพียงร่างกายที่หายใจ
แต่ทั้งหัวใจสลาย..

//
แค่เพียงภาวนาไปอย่างสิ้นหวัง
ให้ฉันได้พบเธออีกครั้งหนึ่ง
แค่มองตากัน
และกอดฉันอีกครั้งหนึ่ง
อย่าปล่อยให้ทรมานอย่างนี้เลย
#Lastday


(ต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
(ต่อจากด้านบนค่ะ)

“ลินท์ กินข้าวหน่อยสิวะ”

“แก้ว กูไม่หิวว่ะ”

“เมื่อวานมึงไม่กิน วันนี้มึงก็จะไม่กินไม่ได้!” กัญญาลุกขึ้นมาส่งเสียงดัง การกินข้าวมันเป็นเรื่องที่ต้องบีบบังคับกันขนาดนี้เลยหรือ เธออยากจะจับเพื่อนนอนกับตักแล้วป้อนให้กินทีละคำจริงๆ

“กูเหนื่อย กูอยากนอน ปล่อยกูอยู่คนเดียวเถอะนะ” เด็กหนุ่มพูดเสร็จก็ตวัดผ้านวมคลุมโปงหนีไปนอนอีกครั้ง

“ให้มึงอยู่คนเดียวแล้วมึงก็ร้องไห้.. ร้องไห้ทั้งวัน ข้าวปลาไม่ยอมแดก อยากตายนักหรือไง!” รู้ตัวอีกทีก็เผลอหลุดตัวขึ้นเสียงดังใส่ไปซะแล้ว ก้อนผ้านวมสั่นไหวน้อยๆ ก่อนจะเสียงร้องจะดังสะอื้นออกมา

“ฮึก.. ฮือ”

“ลินท์ กูขอโทษ” เธอเข้าไปกอดก้อนกลมไว้แน่น “กูจะไม่ตวาดมึงแล้ว ไม่ร้องนะ”

“กูไม่ไหวแล้ว มึง กูไม่ไหวจริงๆ” เขาโผล่หัวออกมาจากผ้านวมพลางใช้มือปาดน้ำตาที่กำลังไหลไม่หยุด

“ลินท์ มึงตั้งสติหน่อย เขาแค่หาพี่ฉลามไม่เจอ มึงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ฮะ!”

“กูกลัว กูกลัวอะมึง” เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่ง ดวงตาแดงก่ำราวกับคนที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักหน่วง ใบหน้าที่เคยสดใสกลับเศร้าหมองจนเธอที่เป็นเพื่อนสนิทยังอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้

“ไม่เป็นไรนะมึง ไม่เป็นไร”

“เกี๊ยม เราฝากลินท์หน่อยนะ” กัญญาจะลงไปหาอะไรให้เพื่อนทานสักหน่อย จึงหันไปบอกอีกคนที่นั่งเงียบอยู่ในห้องมาสักพักแล้ว “อย่าให้มันอยู่คนเดียวเลยช่วงนี้”

“ได้ ก็ตั้งใจจะมาอยู่เป็นเพื่อนมันอยู่แล้ว” กรวิชญ์หันมาตอบแล้วเดินขึ้นมานั่งบนเตียงของเด็กหนุ่ม

“เออ ขอบใจ” วางหนังสือการ์ตูนลงบนชั้นแล้วหันมาพูดกับชายหนุ่ม “เดี๋ยวไอ้นนท์ตามมา ชวนมันหาอะไรทำละกัน เดี๋ยวเรามา”

“อื้อ” เขาลงมานั่งยองๆ ข้างเตียง มองคนตัวเล็กกว่าที่นอนกอดหมอน ใบหน้าสวยเปื้อนคราบน้ำตาเป็นทางยาว เขาใช้นิ้วเกลี่ยออกเบาๆ ดึงผ้านวมคลุมให้จนมิดไหล่ เขาเองก็ไม่รู้จะปลอบคนตัวเล็กอย่างไรเหมือนกัน..

กัญญามาอยู่ที่บ้านของลูกเป็ดครบอาทิตย์หนึ่งแล้ว ตั้งแต่ที่ได้ข่าวจากปานชีวันว่าเกิดอะไรขึ้นกับชลธี เพื่อนในกลุ่มก็ไม่มีใครอยู่เฉยได้สักคน ต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาอยู่เป็นเพื่อนเด็กหนุ่มตลอด เธอรู้จักนิสัยเพื่อนดีว่าเป็นคนคิดมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่รู้ข้างใจจิตใจสภาพจะย่ำแย่ขนาดไหน เอาแต่ร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร จนเธอต้องพาไปเที่ยวข้างนอกบ้าง พาไปดูหนังบ้างแต่ดูเหมือนจะยังไม่เป็นผล

“ลินท์ทานอะไรหรือยังลูก” คุณยายยกชามข้าวต้มออกมาจากในครัว “แล้วหนูหิวหรือยัง ยายทำข้าวต้มกุ้งเอาไว้” ถ้วยข้าวต้มหอมกรุ่นวางอยู่ตรงหน้า กลิ่นหอมเตะจมูกจนเธออยากจะแย่งเด็กหนุ่มทานเหลือเกิน

“ลินท์เป็นยังไงบ้างจ้ะหนูแก้ว” คุณแม่ของชลธีถามถึงเจ้าลูกเป็ดที่อาการยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอได้แต่ยิ้มแหยกลับไป

“ไม่ยอมทานข้าวเลยค่ะ”

“เป็นห่วงจังเลย เดี๋ยวแม่ขอไปดูหน่อยดีกว่า” คุณแม่อาสายกถ้วยข้าวต้มไปแทน เธอจึงนั่งลงและหาอะไรทานเสียก่อน

“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวหนูตามไปนะคะ” กัญญาหันมาสนใจกับอาหารตรงหน้าแทน อาหารฝีมือคุณยายอร่อยจนเธออยากจะมาฝากท้องที่นี่ทุกวันจริงๆ

“ยายฝากลินท์หน่อยนะลูก ตั้งแต่เด็กๆ นอกจากยายแล้วลินท์ก็ไม่มีใคร”

“คุณยายเก่งจังเลยนะคะ เลี้ยงเจ้าลินท์มาคนเดียว” เธอบอกด้วยความชื่นชม “ตอนเด็กคงซนน่าดูเลย”

“เจ้าลินท์มันดื้อเงียบ ไม่เถียงแต่ไม่ทำตาม เลี้ยงกันมาตั้งแต่เล็กๆ เหนื่อยแค่ไหนขอแค่เห็นหลานกินอิ่มนอนหลับ ยายก็พอใจแล้ว” คุณยายพูดไปยิ้มไป “แต่มันอดทน ทั้งอึดทั้งถึก ใครจะด่าจะว่าอะไรก็ไม่เคยตอบโต้เขา”

“หนูก็หวังว่าลินท์จะเข้มแข็งและผ่านมันไปได้นะคะ”

“คนเราจะมีชีวิตอยู่ด้วยกันได้นานสักแค่ไหนกันลูก ..อย่างน้อยที่สุดเขาจะอยู่ในความทรงจำเราตลอดไป”

กัญญาพยักหน้ารับ คงเป็นอย่างที่คุณยายว่า ชีวิตคนเราช่างสั้นนัก เวลาเป็นยิ่งกว่าสายลมพัดผ่านตัวเราไปมารู้ตัวอีกทีก็ใช้ชีวิตไม่ทันเสียแล้ว เธอรู้สึกเหมือนคุณยายหลังค่อมขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่บ่งบอกร่องรอยความสูงวัยแม้จะไม่แสดงอาการอะไรออกมาเธอก็รู้สึกได้ว่า เป็นห่วงหลานชายตัวเองขนาดไหน เธอเดินเข้าไปกอดอยากจะแบ่งปันกำลังใจที่เธอมีให้คุณยาย

“ลินท์จะต้องดีขึ้นนะคะ” กัญญากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “หนูจะอยู่ข้างๆ ลินท์กับคุณยายเอง” คุณยายกอดหญิงสาวตอบ เธอยิ้มรับอ้อมกอดอบอุ่น อย่างน้อยหลานชายก็มีเพื่อนที่ดีไว้ในชีวิตอยู่หลายคน

“นนท์!” เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากประตูบ้านจนเธอต้องผละออกจากคุณยายแล้วไปดู เป็นปานชีวันที่กำลังทุ่มเถียงอะไรสักอย่างกับนนท์

“ชู่ว!”

“พี่ไม่ใช่หมาใช่แมว เรียกแค่นี้ทำไมต้องทำท่ารังเกียจด้วยวะ”

“จะเสียงดังทำไมอยู่ใกล้กันแค่นี้.. ผมให้พี่ติดรถมาด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว” เด็กหนุ่มกำลังหัวเสียอย่างที่สุด คนบ้าอะไรจะกระโจนเข้ามาตัดหน้ารถ ถ้าเขาเผลอเหยียบไปไม่ติดคุกหัวโตเลยหรือยังไง! “เช็คสมองบ้างนะ” เขาพูดทิ้งไว้ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน

“เป็นห่วงพี่ด้วยว่ะ ขอบใจนะ”

“มันด่าหรือเปล่าพี่ปาน”

“ด่าตรงไหนแก้ว นนท์มันห่วงพี่ชัดๆ” ผู้หมวดหนุ่มยิ้มหวานแล้วหันไปอ้อนผู้อาวุโสของบ้าน “ใช่ไหมครับคุณยาย” เธอมองแล้วก็ต้องถอนหายใจ.. ยังจะมีหน้าไปหาแนวร่วมอีก กัญญาส่ายหัวไปมายกชามข้าวต้มกุ้งจะขึ้นไปให้กรวิชญ์ที่มาช่วยอยู่เป็นเพื่อน ส่วนไทเกอร์ออกไปห้างกับคเชนทร์และมนต์มนัสคาดว่ากว่าจะกลับถึงบ้านคงค่ำๆ คุณแม่กับคุณพ่อของพี่ฉลามใจดีแล้วก็น่ารักมากๆ แม้ว่าพวกเธอจะมาขอนอนค้างเพื่ออยู่เป็นเพื่อนลูกเป็ดตั้งหลายวันก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนปานชีวันก็ไปๆ มาๆ ระหว่างบ้านและค่ายที่จังหวัดลพบุรี จะว่าไป.. เธอรู้จักกับปานชีวันเพราะเพื่อนสนิทแนะนำให้ นายทหารหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เธอก็แอบปันใจให้อยู่ไม่น้อย ถ้าไม่ติดว่าปานชีวันดันชอบไปเซ้าซี้แกล้งไอ้นนท์เพื่อนเธอเสียอย่างนั้น

นี่เธออดกินอีกแล้วใช่ไหม…

- - - - - - - - -
เด็กหนุ่มดวงตาบวมช้ำจนแดงก่ำ รู้เขาสึกปวดเบ้าตาจนแทบลืมตาไม่ขึ้นแค่จะเปิดเปลือกตายังรู้สึกหนักอึ้ง เขาก็เลยนั่งหลับตาอยู่อย่างนั้น แต่พอหลับตาภาพคนรักก็วนเวียนในหัวไม่หยุด เขาไม่สามารถลบออกไปจากความคิดได้เลย มือบางลูบหมอนที่วางเคียงข้างไปมา..

“มึงจะทำร้ายตัวเองอีกนานไหม”

“กูเปล่า” หันไปตอบกรวิชญ์ที่กำลังยืนเท้าสะเอวเป็นกุมารทอง

“ก็เห็นๆ อยู่” ชายหนุ่มถอนหายใจ “ลินท์ที่กูรู้จักเข้มแข็งกว่านี้เยอะ ไม่ว่าเรื่องอะไรมันก็จะกัดฟันสู้”

“แต่เรื่องนี้กูสู้ไม่ไหวจริงๆ ว่ะ” แค่คิดเขาก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบแล้ว ไม่รู้จะห้ามไม่ให้ตัวเองคิดได้ยังไง

“ไอ้ลูกเป็ดเอ๊ย” เขาเอื้อมมือไปขยี้หัวจนยุ่ง เจ้าตัวไม่หือไม่อืออะไรปล่อยให้เขาทำอยู่อย่างนั้น “พี่เขาคงไม่อยากเห็นมึงนั่งซังกะตายแบบนี้หรอก เชื่อกูเหอะ..”

“ขอบใจมึงนะที่อุตส่าห์มาหา”

“ไอ้เตี้ยเอ๊ยยย เรื่องแค่นี้เองว่ะ”

“อืออออ หยุดเรียกกูว่าเตี้ยนะ มึงแค่สูงเกินไปต่างหาก” เด็กหนุ่มหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนที่ทำตัวกวนประสาทจนเขาเผลอหลุดหัวเราะออกมา อย่างน้อยเวลาเขามีเรื่องไม่สบายใจ กรวิชญ์ก็ยังเป็นอีกคนที่คอยรับฟังเขาเสมอ

“เห็นไหมมึงหัวเราะแล้ว” มันจะเข้ามาบีบจมูกแต่เขาโยกตัวหลบได้ทัน

“กูหัวเราะก็จริง แต่ข้างในมันไม่ใช่เลย..”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“แม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก.. น้องลินท์ทานข้าวหรือยัง?” คุณแม่เข้ามาในห้องแล้วก็ส่งยิ้มหวานให้เขา เด็กหนุ่มลุกขึ้นไปช่วยคุณแม่ถือถ้วย เป็นข้าวต้มกุ้งของโปรดของเขาเอง

“ยะยังเลยครับแม่ ลินท์ไม่ค่อยหิว”

“ไม่หิวก็ทานรองท้องไว้นะลูก ผอมไปกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ”

“ครับแม่ ลินท์จะทาน.. บ้าง” เขาวางถ้วยข้าวต้มเอาไว้บนโต๊ะ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เกิดความอยากอาหาร ด้วยไม่อยากให้คุณแม่ต้องเสียใจเขาก็เลยตักมาชิมสักคำ

“ไหน ทำไมตายังบวมอยู่อีก แอบร้องไห้หรือ”

“กะก็มีบ้างครับ” เขาตอบตามความจริงเพราะหลักฐานมันอยู่บนหน้าเขาทั้งหมดแล้ว

“ร้องไห้ได้ แม่ไม่ได้ว่าอะไร แต่แม่ไม่อยากเห็นหนูเศร้าเลย มันยิ่งบั่นทอนหัวใจนะลูก” คุณแม่ลูบหัวเขาไปมา คำพูดอ่อนโยนที่แสดงความเป็นห่วงทำให้เขานึกถึงคนรักขึ้นมาทุกที

“ลินท์พยายามบังคับตัวเองแล้ว แต่.. แต่ลินท์ทำไม่ได้ครับ”

“โธ่..” เธอเข้าไปกอดเด็กหนุ่ม “หนูเป็นห่วงพี่เขาเท่าไหร่ แม่ก็ห่วงมากเท่านั้น”

“ฮึก ฮือ” ไม่ไหวแล้ว.. น้ำตามันไหลไม่หยุดจริงๆ

“พี่ฉลามต้องบ่นแม่แน่ๆ ที่ทำให้หนูร้องไห้” เธอช่วยเด็กหนุ่มซับน้ำตา แม้เธอจะเป็นห่วงลูกชายเหมือนกัน แต่ก็เชื่อว่าชลธีจะต้องไม่เป็นอะไร

“ลินท์ไม่ไหว ไม่ไหวจริงๆ”

“อดทนนะลูกนะ เดี๋ยวก็จะดีขึ้น”

“ฮึก ฮือ..”

เด็กหนุ่มที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปชะงักก่อนจะเดินวนไปมารออยู่นอกห้อง เห็นแม่แฟนกับลูกสะใภ้กอดกันตัวกลมเขาก็ไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ รออีกสักแปบแล้วค่อยเข้าไปก็ยังได้ เพราะยังไงคืนนี้เขาก็ตั้งใจจะมานอนเป็นเพื่อนมุจลินท์อยู่แล้ว

“นนท์.. ลินท์หลับอยู่หรือ?”

“ผมบอกพี่แล้วใช่ไหมว่าอยู่ใกล้กันแค่นี้ไม่ต้องเสียงดังก็ได้”

“เสียงดังตรงไหนวะ” อยู่กับลูกน้องก็พูดอย่างนี้ตลอด จะไปรู้ไหมแบบไหนดังไม่ดัง เขาบ่นอุบเมื่อเห็นเด็กมันทำหน้าหงิก “แล้วทำไมไม่เข้าไปอะ”

“อีกแปบก็ได้พี่” เขาบอกแล้วทำสีหน้าเหม็นเบื่อ “ทำไมมีเรื่องอะไรจะบอกมันหรือเปล่า?”

“ก็…” เขากลอกตาไปมาใช้ความคิด พยายามเรียบเรียงคำพูดในหัวว่าจะบอกเด็กหนุ่มที่อยู่ในห้องอย่างไรดี สองอาทิตย์แล้วที่ไม่มีใครได้ข่าวของชลธีและนฤนารถ แต่เขา.. ได้

มันอาจจะไม่ใช่ข่าวดีที่สุดที่ทุกคนคาดหวังและรอคอย แต่เขาก็หวังว่ามันจะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจให้ชื่นฉ่ำ เจ้าลูกเป็ดมันจะได้เลิกร้องไห้เวลาเจอหน้าเขาสักที เขารู้สึกไม่ค่อยดีเลยสักครั้งที่เห็นน้ำตาของเด็กหนุ่ม เขาได้รับแจ้งจากทางหน่วยเมื่อหลายวันก่อนว่าหน่วยลาดตระเวนเจอร่างของชลธีเพียงคนเดียวตั้งแต่วันแรกแล้วแต่ไม่ให้ออกข่าวเพราะจะเสียรูปคดี ธนัชเป็นคนที่คอยจัดการทุกอย่างและยังเป็นคนบอกกับเขาเองว่า.. ชลธียังมีชีวิตอยู่ ผู้พันหนุ่มรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองและไม่ต้องการให้บอกครอบครัวจนกว่าจะรักษาตัวให้หายดี

เขาก็พอจะเข้าใจว่าชลธีไม่อยากให้ใครเป็นห่วง ไม่อยากให้ใครมาพูดว่าร้ายวิชาชีพที่ตัวเองรัก เขาก็เคยเป็นเหมือนกันเพราะที่บ้านไม่เข้าใจและไม่อยากให้เขาเป็นทหารเพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายร้ายแรงขึ้น อีกอย่างชลธีก็คงกลัวว่าคนรักจะทนไม่ไหวที่เห็นสภาพเป็นแบบนั้น แต่เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ชลธีใจร้ายและคิดสั้นเกินไป เขาอยากจะรู้นักว่าถ้ามาเห็นสภาพเจ้าลูกเป็ดในตอนนี้ ยังคิดจะทำแบบนี้อีกไหม!

“ลินท์”

“สวัสดีครับพี่ปาน”

“ไง กินข้าวได้แล้วหรือเรา” เขาเข้าไปนั่งข้างลูกเป็ดที่สีหน้าดีขึ้นกว่เมื่อวานนิดหน่อย แต่ตายังบวมอยู่เหมือนเดิม

“ครับ”

“วันนี้ว่างหรือเปล่าน่ะ” ผู้หมวดหนุ่มถาม “พี่จะพาไปที่ไหนสักหน่อย”

“ว่างครับ”

“งั้นลินท์มากับพี่นะ” เขาพูดแค่นั้นก็เดินออกมาจากห้อง สบตากับไอ้เพื่อนตัวสูงหน้าหล่อที่มันเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง นนท์เดินเข้ามาหาเขาเลียบๆ เคียงๆ อยู่นานจึงเอ่ยปากถาม

“พี่จะพาลินท์ไปไหนน่ะ”

“ไม่ใช่เรื่องของเด็กน่า”

“กวนประสาทผมอีกแล้วนะ นี่ผมถามพี่ดีๆ นะ”

“พูดจ้ะๆ จ๋าๆ ก่อนสิแล้วพี่จะบอก” ขยิบตาให้เด็กตัวแสบหนึ่งที เจ้าตัวมองเขาตาขวางแล้วก็เดินหนีไปอีกทาง อะไรกันวันนี้แกล้งไม่สนุกเลยแฮะ

รออีกไม่นาน.. เด็กหนุ่มก็พร้อมเดินทาง วันนี้เจ้าลูกเป็ดอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงผ้าขายาว ทำหน้าซึมกะทือ ผมเผ้าเหมือนคนไม่ได้หวีมาสักสิบชาติ แถมขอบตาดำคล้ำนั่นมันอะไรน่ะ เขาเห็นแล้วก็ขัดหูขัดตาอยากจะบ้องกะโหลกสักที ทำไมถึงได้ทำร้ายตัวเองอย่างนี้นะ

“หวีผมก่อนไป” เขาบอกก่อนจะส่งหวีให้ “แต่งตัวหล่อๆ ด้วย”

“คร้าบบบ”

เขาขับรถที่จอดทิ้งไว้ที่บ้านของชลธีกลับค่ายที่จังหวัดลพบุรีโดยมีตุ๊กตาหน้ารถเป็นเด็กหน้าบูดที่เขาต้องชวนคุยด้วยตลอดเวลา กล่องทิชชู่วางอยู่บนหน้าตักเด็กหนุ่ม ทุกอย่างในรถเงียบสนิทถ้าหากเขาไม่ชวนคุยก็ดูเหมือนเจ้าลูกเป็ดจะหลุดเข้าภวังค์ของตัวเองทันที

“ง่วงก็นอนหลับไปได้เลยนะ”

“ลินท์ไม่ง่วงหรอก นอนมาเยอะแล้ว” ดวงตากลมโตที่เคยสดใสตอนนี้มันมืดมนจนน่าใจหาย

“งั้นก็ดี” เขาชวนลูกเป็ดคุยจะได้ไม่ไปคิดมากอะไรอีก “พี่จะได้มีคนช่วยงาน”

“งานอะไรหรือครับ?”

“ก็ไม่ยากหรอก” ผู้หมวดหนุ่มยิ้มกว้าง “งานสบายลินท์ทำได้อยู่แล้ว”

“ให้ไปวิ่งกับพลทหารอีก ไม่เอาแล้วนะครับ” เด็กหนุ่มตอบพลางขมวดคิ้ว จำได้แม่นว่าตัวเองเคยโดนปานชีวันแกล้งอะไรไปบ้าง

“ใครมันช่างแกล้งน้องพี่ได้วะ”

“พี่นั่นแหละ!”

ปานชีวันจอดรถหน้าใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขามองซ้ายมองขวาสังเกตสถานที่ก็เริ่มจะคุ้นตา บรรยากาศร่มรื่นที่เต็มไปด้วยต้นไม้รวมไปถึงบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งที่ตั้งตระหง่าน รั้วบ้านสีเขียวอ่อนและกระถางต้นไม้ดอกกุหลาบที่เริ่มเหี่ยวเฉาทำให้เขาจำได้ทันทีว่าที่นี่คือที่ไหน.. บ้านพักของชลธี

“พี่พาลินท์มาที่ทำไม” เขาไม่อยากจะเข้าไปเห็นอะไรก็ตามที่ทำให้คิดถึงคนรักขึ้นมาอีก ต่อให้ทุกคนจะตัดใจกับการตามหาแล้ว เขาก็ยังเชื่อว่าปาฏิหาริย์จะมีจริง เขาสวดมนต์อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกสิ่งอย่างขอให้ชลธีปลอดภัย แต่ก็ไม่มีข่าวคราวเลยสักครั้ง

“อย่าเสียงดังล่ะ”

“เดี๋ยวพี่!” ปานชีวันไขกุญแจคล่องแคล่วก่อนจะเข้าไปข้างในบ้าน สภาพทุกอย่างยังคงเหมือนที่เขาเคยมาเมื่อนานมาแล้ว บรรยากาศยังคงอบอุ่นและชวนให้คิดถึงคนรักเหลือเกิน

“เดินเบาๆ หน่อย”

“รู้แล้ว”

เขาค่อยๆ เดินตามปานชีวันขึ้นไปชั้นสองเมื่อเห็นผู้หมวดหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของชลธี หัวใจก็เริ่มสั่นอย่างบ้าคลั่ง มันรู้สึกตื่นเต้นราวกับเขากำลังคาดหวัง มือบางสั่นระริกยามผลักประตูเข้าไป ดวงตากลมโตหรี่ตาเล็กน้อยเมื่อแสงสะท้อนเข้าตาเพราะหน้าต่างด้านในห้องถูกเปิดออกทุกบานเพื่อรับลม ส่วนบนเตียงมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังนอนหลับสนิทที่หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ นั่นคือใครบางคนที่เขารอคอยมาตลอดหลายเดือน

“พี่ฉ.. ฉลาม” เขาอยากจะวิ่งไปกอดคนที่นอนอยู่บนเตียงเสียเดี๋ยวนั้น “ฮึก.. ฮือ ลินท์ฝันไปใช่ไหม” ยกมือมาตบแก้มตัวเองได้หรือเปล่า เขาเลยหยิกตัวเองมันก็รู้สึกเจ็บ ของจริงนี่หว่า..

“เบาๆ หน่อย ชู่ว”

“หนูมาหาพี่แล้ว ฮึก พี่ได้ยินหนูไหม” มือบางสั่นระริกยาวจะลูบไล้ไปตามโหนกแก้มที่ซูบผอมของคนรัก “พี่ฉลามเป็นอะไร ทำไมถึง..” เขาเห็นผ้าพันแผลติดอยู่รอบดวงตาจึงหันไปถามปานชีวันที่ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ผู้พัน.. ตกลงจากเนินเขาหลังจากที่ยิงต่อสู้กับคนร้าย แรงกระแทกทำให้” เขาเงียบไปชั่วครู่มองเด็กหนุ่มที่กำลังนิ่งอึ้ง “ดวงตา.. สูญเสียความสามารถในการมองเห็น แพทย์ประจำหน่วยบอกแค่มีเพียงการผ่าตัดเท่านั้นที่จะทำให้ช่วยการมองเห็นดีขึ้น แต่มันอาจจะไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์..”

“ฮึก.. ฮือ”

“พี่ฉลามเขาไม่อยากให้ลินท์เป็นห่วง ก็เลยสั่งไม่ให้บอกใคร”

“ฮึก.. ฮือ” เขากลั้นเสียงร้อง ไม่อยากให้คนที่กำลังพักผ่อนสะดุ้งตื่น “พี่เขากลัวหนูจะทิ้งหรือ.. มันจะดูถูกกันเกินไปแล้วนะ”

“ไม่ต้องร้องแล้ว”

“ต่อให้จะเป็นยังไง.. หนูก็รัก จะเป็นอะไรก็ช่าง หนูรับได้ทั้งนั้น..” เขาก้มลงจุมพิตที่หน้าผากกว้าง กอบกุมมือที่ร้อนผ่าวของคนรักเอาไว้ หัวใจที่เหมือนตายไปแล้วตอนนี้เหมือนได้รับน้ำอมฤตให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง “ขอแค่พี่กลับมา.. ฮึก”

กลับบ้านของเรา…



TBC

รีบเขียนรีบลงเนอะ ประโยคไหนผิดพลาดหรือมีคำผิดจะมาแก้ให้ภายหลังนะจ๊ะ
ตอนนี้ง่วงมากจริงๆ ๆ ๆ
ขอหายไปสักสองวันเคลียร์งานเสร็จแล้วจะมาต่อให้นะจ๊ะ
แม่ๆ ช่วยคอมเม้นท์ให้กำลังใจ พายจะได้มาไวๆ อิอิ


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อ่านไปร้องไห้ไป ทำไมกรรมไม่สนองคนชั่วๆนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: ง่าา ตาบอดเหรอออ  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
โชคดีมี่พี่ฉลามรอดกลับมาแต่ตาบอดอ่ะลินท์ได้เจอพี่ฉลามแล้วนะ

ออฟไลน์ มนุษย์สาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
แสดงว่าอีกคนตายแล้วหรือเปล่า

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อยากให้รอดทั้งสองคนเลย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
น้องลินท์ได้เจอพี่ฉลามแล้ว
เจ้าของหัวใจมาอยู่ใกล้แบบนี้ น่าจะแข็งแรงเร็วอยู่นา

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
น้ำตาคลอเลย...

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :hao5: สงสารน้องอ่ะ น้ำตาไหลตามเลย  :mew4:
 :L2:  :pig4:  :L2:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
พี่ฉลามสู้ๆ  :hao4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด