ตอนที่ 6
การสัมภาษณ์สุดอลหม่าน 100%
“เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการกันแล้ว เมื่อครู่ปิดเบรกกับเพลงของเตโช เป็นยังไงบ้างคะทุกคน”
“เพราะมากค่า!”
“น้ำตาไหลเลยค่า!”
“สะเทือนอารมณ์สุดๆ เลยค่า!”
“เตโชหล่อมากๆ ค่า!”
เหล่าแฟนคลับตะโกนตอบอย่างกระตือรือร้น ขณะคนถูกชมเพียงทำหน้ามึนอึนไม่หือไม่อือจนอดหมั่นไส้ไม่ได้...ผมเหลือบมองคนหน้าตายพลางพยักพเยิดให้เขาโบกมือตอบแฟนคลับบ้าง แต่เขาดันเลิกคิ้วถามอย่างงุนงงไม่เข้าใจ วะ ไอ้บ้านี่!
“นั่นสินะคะ เพราะตรงนี้ก็เหมือนมีใครคนหนึ่งที่เหมือนจะชอบมากเหมือนกัน ใช่มั้ยคะจิระ”
“เอ๊ะ เอ๊ะ” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ก็โดนถามไม่ทันตั้งตัว เมื่อกี้พิธีกรพูดว่าอะไรนะ ผมไม่ทันฟัง
“อย่าทำไก๋เลยค่ะ เมื่อกี้กล้องของเราจับภาพหน้าจิระตอนฟังเพลงได้ ทั้งอินทั้งเคลิ้ม เอาล่ะ เอาขึ้นจอเลย!”
พลันภาพผมถูกเผยออกมา เรียกเสียงกรี๊ดถล่มทลายส่วนผมอยากจะมุดดินหนีไม่ก็สิ้นชีพตายไปซะตรงนี้ ทำไมถึงได้ทำหน้าซาบซึ้งตรึงใจขนาดนั้นวะ! แถมสายตายังจ้องตรงที่เตโชไม่กะพริบ ราวกำลังเคลิบเคลิ้มหลงใหล ตกอยู่ในเสียงสะกดของเขาอย่างไม่อาจถอนตัว ความจริงแล้วภาพนี้สวยมาก ราวกับภาพโปรโมทละครยังไงยังงั้น เพราะแสงไฟที่หรี่ลงเพื่อสาดสปอรต์ไลท์ไปทางเตโชทำให้ใบหน้าของผมต้องแสงสะท้อนสวยงามราวภาพฝัน ....ราวกับนางเอกที่หลงรักพระเอกหัวปักหัวปำ
“ต๊าย หน้าแดงก่ำเลย”
ผมรีบยกมือปิดหน้าเมื่อพิธีกรสาวชี้นิ้วล้อเลียน ก้มหน้างุดๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก หลักฐานคาขนาดนั้นจะแก้ตัวยังไง โอ๊ย หมดกันจิระ สติหลุดกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว
“ขอ...”
ใช่ๆ ยาดมอยู่ไหน ขอยาดมให้ผมที!
“ขอภาพนี้หน่อย” ผมเงยหน้าพรวดมองเตโชที่สะกิดพิธีกรขอรูปผมเอาหน้าด้านๆ เขาจะเก็บไว้แบล็กเมล์ผมใช่มั้ย อย่าให้เชียวนะ อย่า!
“เตโชขอมาทางเราก็จัดให้ค่ะ เดี๋ยวจะอัดกรอบส่งเป็นของขวัญถึงที่เลย”
ฮือ...โฮ...“เอาล่ะ กลับมาที่คำถามของช่วงที่สองกันดีกว่า” ยังดีที่พิธีกรรีบกลับเข้าตามสคริปท์ เพราะขืนชงนานกว่านี้ ผมต้องหลั่งน้ำตาอย่างรันทดชีวิตตัวเองแน่ๆ “เห็นว่าเตโชกำลังทำซิงเกิ้ลที่สองอยู่ พอจะแง้มๆ ให้พวกเราฟังได้มั้ยคะว่าเป็นเพลงเกี่ยวกับอะไร อกหักรักคุดอีกรึเปล่า”
“เปล่า” เตโชส่ายหน้า “เป็นเพลงเกี่ยวกับอาหาร”
วินาทีนั้นทั้งห้องล้วนเงียบกริบ
ก่อนจะพากันหลุดหัวเราะพรวดอย่างพร้อมเพรียง ไม่เว้นกระทั่งผมด้วย
“เตโชแต่งเพลงเกี่ยวกับอาหารจริงๆ เหรอคะ”
เตโชพยักหน้ารับ แลงุนงงว่าทำไมทุกคนต้องมองมาด้วยสายตาตลกขบขันขนาดนั้น
“ช่วงนี้กินอาหารอร่อยเยอะ เยอะจนแต่งเป็นเพลงได้”
“ฮั่นแน่ แอบซุกสาวที่ไหนรึเปล่า”
“เปล่า แต่เป็น...”
ผมเหยียบเท้าเตโชไม่ออมแรงอีกครั้ง คราวนี้มาแบบไม่ส่งสัญญาณก่อน เล่นเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยง โชคดีที่มีโต๊ะกั้นขวางระหว่างเราแฟนคลับเลยไม่เห็น แม้ว่าพิธีกรสาวจะเห็นจังๆ ก็เถอะ...
“สองคนนี้แอบมีลับลมคมในกันรึเปล่าเนี่ย”
“จะไปมีได้ยังไงล่ะครับ” ผมยิ้มตอบอย่างไร้เดียงสา ใครกันที่ใช้ความรุนแรง ไม่มีสักหน่อย!
“เพลงนี้เตโชเล็งพระเอกเอ็มวีรึยัง พอจะเฉลยให้พวกเราฟังได้มั้ยคะ”
เตโชพยักหน้ารับ ก่อนจะชี้นิ้วมาด้านข้าง ไอ้เราก็มองเลยตัวเองไป มีดาราอีกคนแอบอยู่รึเปล่านะ เอ...ก็ไม่มีนี่หว่า
“จิระไม่ต้องมองหาหรอกคะ เตโชก็ชี้จิระนั่นแหละ!”
“จะขอลายเซ็นอีกแล้วเหรอ!?” ผมลุกพรวด เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติที่ไม่ทันคิด แค่นึกภาพเขาจะตามไล่ขอลายเซ็นระหว่างถ่ายทำมิวสิกวีดีโออีกก็สยองแล้ว ขอเถอะอย่าได้เจอะได้เจอกันในที่ทำงานอีกเลย!
พลันทั้งห้องหัวเราะลั่นยิ่งกว่าตอนเตโชบอกว่าจะแต่งเพลงเกี่ยวกับอาหารซะอีก ผมได้สติ รีบทิ้งตัวนั่งอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวทันที...
ขนาดเตโชยังคล้ายจะอมยิ้มน้อยๆ
อา...ภาพลักษณ์น่ารักน่าทะนุถนอมที่เพียรสร้างให้คนสงสารในตอนแรก...ไม่เหลือกระทั่งเศษหน้าให้เก็บแล้ว
“แบบนี้เราจะได้เห็นจิระในชุดทำครัวรึเปล่าคะเนี่ย แค่นึกก็ใจสั่นแล้ว”
แต่ผมใจเสีย! ให้เป็นพระเอกมิวสิกวีดีโออกหักเกี่ยวกับอาหารงั้นเหรอ ทำไมผมสังหรณ์ใจชอบกลว่าไม่ใช่เรื่องดี...
ผมเหล่มองเตโช หาพิรุธจับผิด แต่เจ้าตัวจ้องกลับหน้ามึน เหมือนคิดไว้อยู่แล้วว่าเพลงนี้ยังไงผมก็ต้องเล่น!
...เพราะไอ้อาหารอร่อยที่ว่าคงไม่พ้นฝีมือของจิระคนนี้นี่เอง
“เรื่องชุดทำครัวผมไม่รู้หรอกครับ เพราะผมก็เพิ่งรู้วันนี้เองว่าโดนจองตัว” ผมตอบพิธีกร แอบหวั่นใจกลัวจะโดนหาว่าผูกสิทธิ์ขาดในการเป็นพระเอกมิกสิกวีดีโอของเขามั้ยเนี่ย
“ถ้าอย่างนั้นฝากผลงานล่วงหน้ากันหน่อยสิคะเตโช จิระ”
“ขอบคุณครับ” เตโชตัดบทเหมือนจะจบรายการแต่เพียงเท่านี้ ผมเหวอมาก รีบเสนอหน้าฝากเนื้อฝากตัวทันทีแม้ในใจลอบคัดค้าน
“ขอฝากผลงานมิวสิกวีดีโอเพลงใหม่ของเตโชด้วยนะครับ แล้วก็ฝากแทนหมอนี่ด้วย” ผมชี้นิ้วใส่เตโชที่พยักหน้าน้อยๆ เหมือนชมเชยว่าผมพูดแทนได้ดีมาก วะ ไอ้บ้านี่!
เรื่องลุ้นๆ ผ่านพ้นไป ความจริงถ้าไม่นับแชมปิญองกับเข็มทอง ก็ไม่มีอะไรมาสั่นคลอนความหวาดผวาของผมได้อีกแล้ว...ฉะนั้นแม้จะโดนถามเรื่องผลตอบรับที่ออกมาดีเกินคาด กับแฟนคลับที่ตามสนับสนุน เบื้องลึกเบื้องหลังการทำงาน ผมก็ตอบคำถามได้โดยไม่หลุดมาดอีก
จนกระทั่ง...
“จิระคิดยังไงกับกระแสคู่จิ้นคะ”
“ก็น่ารักดีนะครับ” ผมตอบเป็นกลาง ส่งยิ้มน้อยๆ ให้แฟนคลับของเตโช...ที่จงเป็นของผมซะดีๆ!
“แล้วเตโชล่ะคะ”
“ก็น่ารักดีนะครับ” เตโชลอกเลียนคำพูดผมหน้าตาเฉย แถมน้ำเสียงยังราบเรียบไร้ส่วนร่วม ทีงี้ล่ะกระตือรือร้นตอบเกินสองคำ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะช่วยพูดบ้างเลย!
“งั้นส่งท้ายรายการแบบเซอร์วิสแฟนคลับหน่อยสิคะ”
“แบบไหนดีล่ะครับ” สมองผมว่างเปล่า นี่มันนอกสคริปท์ชัดๆ ไอ้ที่เซอร์วิสก็ทำไปตั้งเยอะ จับมือเอย เหยียบเท้าเอย...
“แข่งจ้องตากันค่ะ!”
เป็นคำขอร้องที่ง่ายดายมาก ผมหันไปหาเตโช ด้วยความสูงที่ต่างกันทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ส่วนคนหน้ามึนก็ทำตามไม่อิดออด เชื่อเถอะว่าเขาเก่งเกมนี้มาก...มากขนาดที่ว่าผมไม่มั่นใจในตัวเองเลย!
ถ้าจ้องตาเฉยๆ ก็น่าเบื่อเกินไป เพราะคงหวังให้เตโชถอนตัวไปเองไม่ได้แน่ๆ ผมเลิกคิ้ว แลบลิ้น ถลึงตาใส่ แต่ทุกอย่างไหงเหมือนกับตอนเกรี้ยวกราดใส่เขาอยู่เป็นประจำซะงั้น ผมท้อแท้สุดขีด ขณะที่กำลังคิดว่าจะพูดยอมแพ้นั้นเองเตโชก็ค่อยๆ ยกมือขวาตั้งฉากบังหน้าตัวเองจากกล้อง
“...?”
ผมเอียงคอมองเขาอย่างงุนงง
เตโชไม่หือไม่อือ แต่เงยหน้าขึ้นเชื่องช้า เผยยิ้มบาง หรี่ตา แล้วทำหน้าอิ่มเอมเหมือนสล็อตกำลังยิ้ม
“อุบ!” ผมหลุดหัวเราะพรวด น้ำลายกระเด็นใส่คางเตโชที่เปลี่ยนมาทำหน้าตายได้ไวยิ่งกว่ารถเมล์สายแปด พิธีกรเข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเรา ดึงมือเตโชออกพร้อมกระทืบเบาๆ อย่างแสนเสียดาย
“อะไรกันคะ เมื่อกี้เตโชทำอะไร”
“ฮ่าๆๆ!” ผมเอาแต่หัวเราะจนไม่สามารถตอบคำถามได้ ผลสุดท้ายเลยกลายเป็นปริศนาประจำรายการ ให้ผู้ชมคาดเดาว่าทำไมผมถึงขำหนักขนาดนั้น
หลังถ่ายทำเสร็จ ผมซึ่งหัวเราะจนน้ำตาเล็ดก็ระลึกได้ว่าควรจะสะสางเรื่องงานที่ยังไม่ได้รับปาก
เค้นคอกับไอ้สล็อตคงไม่รอด ผมหยิบโทรศัพท์ที่ไม่ได้พกติดตัวเข้าฉากโทรหาคมสันทันที
(( มีอะไรหรือครับคุณจิระ ))
“นายรู้แต่แรกใช่มั้ยว่าเตโชให้ฉันเป็นพระเอกเอ็มวีเพลงต่อไป” ผมถามเสียงเบาเพราะกลัวใครได้ยิน เนื่องจากยังอยู่ในห้องแต่งตัว มีทีมงานเดินเข้าออกตลอดเวลา รวมทั้งตัวเตโชเองที่มาเปลี่ยนเสื้อจากชุดไปรเวทเป็นชุดนอน...
(( ใช่ครับ คุณเตโชติดต่อทางเราตั้งแต่สองวันก่อน ผมเลยตอบตกลงทันที ))
“ถึงนายเป็นผู้จัดการ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะตอบตกลงแทนฉันได้นะคมสัน!” ผมกัดฟันอย่างโมโหโกรธา เตโชไปติดสินบนคมสันเข้ารึไงเขาถึงได้ขยันส่งผมประเคนให้เหลือเกิน
(( แล้วถ้าผมบอกก่อน คุณจิจะรับมั้ยครับ ))
“ไม่!”
(( แล้วถ้าเป็นตอนนี้ล่ะครับ ))
“จะไปไม่...ได้ยังไงกันเล่าปัดโธ่!” ผมกุมขมับ นึกย้อนถึงการสัมภาษณ์เมื่อครู่ที่ฝากฝังผลงานล่วงหน้าซะดิบดี แฟนคลับรอชมกันขนาดนี้ขืนพลิกลิ้นมีหวังถูกรุมประณาม
(( คุณจิไม่ได้ตั้งใจเกาะกระแสของเตโชหรอกเหรอครับ ถ้าใช่ ผมเห็นด้วย และยินดีสนับสนุน แต่ถ้าไม่ใช่...คุณก็ควรพิจารณาดู ตอนนี้ซีรีส์เช็กเมทยังฉายไม่ถึงตอนของซีเคร็ท ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อคุณรับบทเป็นตัวร้ายจะออกมาเป็นยังไง ฉะนั้นการที่คุณสั่งสมความชื่นชอบตรงนี้จากกลุ่มแฟนคลับของเตโชนับว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะพวกเขาหรือเธอพร้อมจะเปิดใจรับคุณไม่ว่าจะในบทบาทไหนก็ตาม ขอเพียงคุณออกงานกับเตโชบ่อยๆ ก็พอ ))
คมสันพูดได้ตรงใจผมมาก
“ฉัน...คิดไว้อยู่แล้วล่ะน่า!”
(( แล้วทำไมคุณถึงไม่เห็นด้วยที่ผมตอบตกลงล่ะครับ )
“ก็...” ผมกลอกตา ก่อนจะเหลือบมองเตโชที่หลังเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วก็นั่งรอผมกลับด้วยกันโดยการดีดกีต้าร์เล่นเพลงเพลงหนึ่ง
ดูสิ ดูดวงจันทร์นั้นสิ ดวงจันทร์ดวงนั้นกินได้มั้ย จะเหมือนข้าวที่เธอทำรึเปล่า
รสชาติจะคล้ายแกงส้มชะอมไข่หรือไม่นะ แล้วมีปลาทูทอดมั้ย น้ำพริกกะปิล่ะมีรึเปล่า
ดูสิ ดูโต๊ะที่ว่างเปล่าสิ มันเคยมีข้าวผัดหมูของเรา ไก่ทอดของเรา ไข่เจียวของเรา
ต้มยำกุ้งที่ฉันเคยชมว่าอร่อยนัก แกงจืดที่ฉันยกซดไม่ยอมแบ่ง กะหล่ำปลีทอดน้ำปลาที่ฉันติดใจ
แต่เธอเล่าหายไปไหน หรือฉันไม่สำคัญ จึงไม่ได้นั่งกินด้วยกันกับเธอยัง...ยังไม่จบอีก
เมื่อเห็นว่าผมคุยธุระไม่เสร็จ เตโชก็ร้องท่อนแยกต่อในจังหวะช้าลงกึ่งโหยหวนปานใจจะขาด
วันที่ฉันล้า ใครจะเติมพลังงานให้มีกำลัง
วันที่ฉันไม่สบาย ใครจะทำข้าวต้มให้หายป่วย
วันที่ฉันเหงา ใครจะเรียกให้กินข้าวด้วยกัน
ขาดเธอคนดีนั้น ตัวฉันจะมีชีวิตอย่างไร โปรดตอบที
เพลงจบ แต่เตโชยังนิ่งงันราวจมอยู่ในเนื้อเพลง เขาเผยดวงตาสั่นไหวปานใจจะขาดจริงๆ
“ได้ยินมั้ยคมสัน” ผมถามเสียงห้วน แม้จะพอเดาได้ว่าเขาคงเอาเรื่องของผมมาแต่งเป็นเพลง แต่คิดไม่ถึงว่าจะยกทำนองและเนื้อร้องที่เคยร้องให้ฟังตอนเกือบชวดน้ำพริกกะปิมาเกือบทั้งดุ้น แถมยังออกมาเพราะติดหูอีกต่างหาก!
เป็นไปได้ยังไง! ทำไมปลาทูทอด น้ำพริกกะปิ ข้าวผัดหมู ไข่เจียว ข้าวต้ม ถึงกลายเป็นเพลงอกหักรักคุดสุดสะเทือนใจชวนท้องร้องได้!
(( ผมว่าเพลงนี้ดังแน่ครับคุณจิระ ดีแล้วที่ตกลงรับเล่น ))
“แต่...เพลงมันไม่เท่เลยนะ!”
(( ผมมีธุระกะทันหัน ขออนุญาตวางสายก่อนนะครับ ))
คมสันหนีไปแล้ว ทิ้งกันได้ลงคอ
ผมเก็บโทรศัพท์แล้วรู้สึกน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะเมื่อหันไปเห็นเตโชที่เริ่มร้องเพลงเดิมซ้ำไปซ้ำมา ย้ำเข้าไปสิ ตอกย้ำเข้าไป แล้วปฏิเสธได้มั้ย ก็ไม่ได้ไงล่ะปัดโธ่!
โอเค...ผมยอมรับเรื่องความคิดสร้างสรรค์ของเขา ชื่นชมในพรสวรรค์และเสียงร้อง แต่ถึงอย่างนั้น...ก็เห็นอนาคตเลยว่าเพลงนี้ต้องถูกนำมาดัดแปลงล้อเลียนอย่างสนุกปากในโซเชียลอย่างแน่นอน แล้วมีหรือพระเอกมิวสิกวีดีโออย่างผมจะไม่โดน อุตส่าห์เปิดตัวด้วยการฝีมือการแสดงและใบหน้าโดดเด่นจับตา สุดท้ายไม่วายถูกนำมาตัดต่อกับอาหารสารพัดชนิด!
และยิ่งวิบัติหากเพลงนี้ถูกปล่อยออกมาพร้อมซีรีส์เช็กเมทฉายตอนของซีเคร็ท...
ความเท่ ความลึกลับ ความลุ้นระทึกทั้งหมดคงถูกสารพัดเมนูบดขยี้ไม่มีชิ้นดี
เพียงนึกน้ำตาก็แทบไหล
อยากกระทืบเตโชเหลือเกิน!! ----------
เย็นวันนั้น ผมชี้นิ้วให้เตโชตั้งเตาไฟฟ้ากลางห้อง ก่อนจะหิ้วหม้อใส่น้ำเปล่าวางด้านบน
คนหน้ามึนขยันขันแข็งพร้อมเป็นลูกมือมาก แต่ก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น เพราะทันทีที่เห็นผมถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาสองซอง เขาก็เผยสีหน้างุนงงและไม่เข้าใจ
“สุกี้?”
“ไม่มีหรอกเฟ้ย!” วันนี้ทำเรื่องไว้เยอะยังจะมีหน้ามาทวงสุกี้อีก ผมเกรี้ยวกราดหนักมาก ฉีกกระชากซองบะหมี่เทใส่น้ำต้มเดือดอย่างโมโหหิว ก่อนจะส่งให้เตโชบีบเครื่องปรุงแทนเพราะกลัวมือเลอะพริก
คนหน้ามึนไม่หือไม่อือ ไม่คัดค้านหรือทักท้วง ทำตามคำสั่งดีเยี่ยมจนน่าแปลก เป็นไปได้ว่าเขากลัวผมองค์ลง ลุกขึ้นตวาดชี้นิ้วไล่เขาออกจากห้อง จึงพลีกายเป็นข้าทาสในเรือนเบี้ยไม่ขัดขืน
ห้านาทีผ่านไป เส้นสุกกำลังดี ผมตักแบ่งกับเขาคนละครึ่ง พอหยิบช้อนส้อมเตรียมจ้วงก็มาสำนึกได้ว่า...เตโชอดสุกี้ ผมก็อดด้วยนี่หว่า!
แล้วยังต้องมากินอาหารสิ้นคิดด้วยกันอีก!
มันใช่เหรอจิระ มันใช่วิธีที่ถูกต้องเหรอ!!!ผมรีบคว้ามือคนหน้ามึนก่อนที่เขาจะจัดการอาหารเย็นจนหมดชาม หยิบส่วนตัวเองและของอีกฝ่ายเทใส่หม้ออีกครั้ง เปิดไฟอ่อนๆ ก่อนจะลุกไปหยิบผัก เต้าหู้ ไข่ไก่ วัตถุดิบที่สุกง่ายกันเส้นอืดมาผสมรวมแล้วคนๆ อา...ค่อยยังชั่ว อย่างน้อยก็ไม่ขาดสารอาหารเกินไป
หลังตักแบ่งใหม่อีกครั้งผมก็ส่งชามให้เตโชด้วยสีหน้าพออกพอใจกับผลงาน
“ยิ้มอะไร อดสุกี้แล้วยังจะมายิ้มอีก!” ผมถามเตโชที่แอบอมยิ้มตอนรับชาม รู้แล้วว่าทำไมตอนแรกเขาถึงว่าง่าย ก็เพราะมัวแต่ขำอยู่ในใจน่ะสิว่าจิระคนนี้ช่างรู้ตัวช้าเหลือเกิน เกรี้ยวกราดใส่คนอื่นทั้งที่ตัวเองก็อดไปด้วย!
ผมสูดเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสียงดังอย่างฉุนเฉียว แอบเหล่เล็กน้อยตอนเตโชแบ่งเต้าหู้กับไข่แดงส่วนของตัวเองให้ มาทำมีน้ำใจอะไรตอนนี้ คิดว่าผมจะยกโทษให้เขาที่พูดคำว่าจิ้งจกรึไง แล้วยังเพลงใหม่บ๊องบวมนั่นอีก ผมไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ หรอก!!
คิดไปก็ซดน้ำซุปไป ก่อนจะได้ยินเสียงร้องเพลงดังแว่ว
“ฉันอยากกินสุกี้ เธออยากกินมาม่า ไม่เป็นไร ฉันจะตามใจเธอ”“ตามใจบ้าบออะไรล่ะ ฉันไม่ได้อยากกินมาม่า!” ผมเหวใส่คนหน้ามึนที่ร้องเพลงเหมือนโบ้ยความผิดให้ผมซะงั้น
“ไม่เป็นไร มาม่าก็อร่อยเหมือนกัน อร่อยเพราะเธอทำ รสชาติเลิศล้ำที่สุดในปฐพี”ผมเบะปาก อดพูดขัดออกไปไม่ได้
“ไม่ต้องมาชมเพราะอยากให้ฉันทำสุกี้ในวันพรุ่งนี้เลยนะ”
“เส้นนุ่มนิ่ม ผักกรุบกรอบ เต้าหู้เด้งดึ๋ง และไข่ไก่ที่ผสมรวมอย่างน่าทึ่ง อู้หู้ อร่อยจริงๆ”ผมพยายามกลั้นยิ้ม
“อร่อยมากๆ อร่อยที่สุด อร่อยเหนือคำเปรียบเปรย”
“แล้วไงต่อ”
เตโชชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อผมถามหาท่อนต่อไป
“อร่อยนะ อร่อยจริงๆ อร่อยมากเลย อร้อยอร่อย”
ผมเห็นคนสมองตันกำลังใช้คำเดิมๆ วนไปเวียนมา ความจริงใจอยู่ไหนโปรดบอกที!!
“เออ พรุ่งนี้สุกี้ก็สุกี้ ไม่ได้ทำให้นายหรอกนะ แต่ฉันอยากกินเองต่างหาก!”
เห็นแก่ความพยายามของเตโชผมเลยยอมยกประโยชน์ให้จำเลย ไม่ใช่อะไร...ผมก็อยากกิน จะคิดมากไปไยในเมื่อสุดท้ายก็ต้องทำอยู่ดี
...ขอแค่อย่ามีเพลงใหม่งอกออกมาอีกแล้วกัน!
------------
เพลงใหม่เตโชน่ารักมั้ยคะ ฟังแล้วหิวเลยใช่มั้ย 555
เรียกว่าของเก่าเล่าใหม่เรียบเรียงให้เป็นเพลงกว่าเดิม เขียนไปท้องร้องไป อยากจะกินฝีมือจิระบ้างจัง ไม่รู้ว่าเทียบกับเสี่ยมโนแล้ว เตโชจะนับว่าเพ้อกว่าเสี่ยรึเปล่า เพราะถึงขนาดออกมาเป็นทำนองเนื้อร้องเลยทีเดียว สงสารแต่จิระที่ต้องรับกรรมกันต่อไป ไม่รู้ทำไมถึงย้อนโดนตัวเองตลอด โธ่ๆๆ
เพจนักเขียนที่สนุกสนานกับการแกล้งจิระมากๆ
#จิระผู้เกรี้ยวกราด