ตอนที่ 8
จับกุมซีเคร็ท
แล้วสิ่งที่ผมภาวนาก็ไม่เป็นจริง
เพราะวันที่มิวสิกวีดีโอเพลงหิวรักถูกปล่อย คือวันเดียวกับตอนที่สิบของเช็กเมทออกฉาย!
การประกาศตัวครั้งแรกของซีเคร็ท...แว่นตาที่ถูกทำลายเปิดเผยใบหน้าสมบูรณ์แบบน่าหลงใหล กำลังจะถูกลบเลือนไปด้วยภาพชายเสียสติที่หิวโหยครวญครางอยู่ตรงระเบียงโดยมีดวงจันทร์เป็นพยาน ไม่นะ! ไม่!!
“จิระ ผมเห็นเอ็มวีใหม่แล้ว ที่จิระใส่ผ้ากัน...จิระ?”
“อย่าพูด! อย่าพูด!!” ผมวิ่งหนีเมื่อเจอกับจิตรินโดยบังเอิญระหว่างเดินไปสตูดิโอชั้นสี่ หลังเรียนคอร์สเร่งรัดตลอดอาทิตย์กับเขาจบพวกเราก็ไม่ได้เจอกันอีก ใครเลยจะเชื่อว่าชะตาฟ้าลิขิตโคจรให้มาเจอะมาเจอในวันนี้ได้ จริงอยู่ว่าเขาชมอย่างจริงใจ แต่ตัวผมนั้นละอายแก่ใจเหลือเกิน
“คุณจิทั้งสองทำอะไรกันครับ”
โชคดีที่คมสันมาเป็นกรรมการทันท่วงที หรือไม่ก็เพราะบอดี้การ์ดประจำตัวจิตรินอย่างเบิ้มนั้นเป็นคนรายงาน คุณเลขาถึงได้ลงลิฟต์มาห้ามปรามการวิ่งไล่จับของพวกผมก่อนจะมีใครสะดุดล้มหัวทิ่มเข้า
“ผมเปล่าทำอะไรนะ ผมแค่อยากคุยกับจิระเท่านั้นเอง ก็เอ็มวีตัวใหม่น่ะน่ารักมากๆ เลย ผมชอบฉากที่จิระเดินสะโหลสะเหลไปเห็นแฟนเก่านั่งอยู่กับผู้ชายคนใหม่ แล้ววิ่งกระเซอะกระเซิงกลับห้องมากๆ ขนาดเสี่ยยังหลุดขำไม่ยอมหยุด วนดูฉากนั้นต้องหลายรอบ ดูไปตบโต๊ะไป เป็นภาพหายากมากเลยนะครับคุณสัน!”
“นั่นสินะครับ” คมสันตอบเสียงเรียบแต่สายตาที่เหลือบมองผมนั้นเต็มไปด้วยความล้อเลียน
“ผมเอาไปเปิดให้ไอ้เจ น้องชายของผมกับที่บ้านดูด้วยล่ะ ทุกคนชอบมากช่วยกันนั่งปั่นวิวให้จิระจนตอนนี้ยอดทะลุสองล้านในเวลาแค่สองวันเท่านั้น! ขนาดผมเอาไปให้ไอ้ส้มดู มันกับลูกๆ ยังนั่งล้อมวงเหมือนรู้เรื่องด้วย จริงสิจิระ ผมลืมบอกไปเลยว่าไอ้ส้มคลอดลูกแล้ว มีเจ็ดตัวพอดีเลย ผมเลยไม่ต้องลำบากคิดชื่อเพิ่มล่ะ ดีจังเลยเนอะ!”
“คุณจิตรินครับ คุณมีนัดกับเสี่ยไม่ใช่เหรอ”
“จริงด้วยแฮะ” จิตรินเกาแก้มทำหน้าซื่อ “งั้นไว้เจอกันนะจิระ ไม่ต้องห่วง ผมจะช่วยปั่นวิวให้เอง! ผมและครอบครัวจะสนับสนุนผลงาน จะช่วยกันเผยแพร่เอ็มวีนี้ให้ขจรไกล!”
จิตริน...ความหวังดีของนายกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า!ลับหลังจิตรินเดินขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดซึ่งเป็นออฟฟิศของเสี่ย ตัวผมพลันทรุดฮวบขณะหันหน้าเข้าหากำแพง พร้อมยกมือปิดหน้าขดตัวไม่อยากขยับไปไหนทั้งสิ้น
“คุณจิระครับ”
“ฉันไม่ได้ชื่อจิระ ฉันคือก้อนหิน”
คมสันหลุดหัวเราะพรืด หน็อยแน่ ขนาดคนเข้มงวดอย่างหมอนี่ก็ยังหัวเราะเยาะผม ผมไม่มีหน้าจะเข้ากองเช็กเมทแล้ว!
“คุณอายทำไมครับ ผลตอบรับออกมาดีมากเลยนะ”
“ฉันคือก้อนหิน”
“แสดงว่าคุณไม่ได้ตามข่าวเลยสินะ” คมสันพูดเองเออเอง เขาเป็นจิตรินสองรึไงถึงได้ต่อประโยคเสร็จสรรพโดยไม่ต้องมีคู่สนทนา “ก่อนหน้านี้แฟนคลับกับแอนตี้แฟนของคุณแทบจะก่อสงครามในโซเชียลอยู่แล้ว”
“หืม” ก้อนหินเริ่มขยับ ผมไม่เห็นรู้เรื่องสงครามอะไรนั่นเลย
“ตอนนี้กลุ่มในโซเชียลแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มครับ กลุ่มแรกคือแฟนคลับเช็กเมทที่ต่อต้านคุณ กลุ่มที่สองคือแอนตี้แฟนที่สักแต่ด่าคุณ กลุ่มที่สามคือคนที่ยอมรับฝีมือการแสดงของคุณ และกลุ่มสุดท้ายคือแฟนคลับของเตโชที่อวยคุณ” คมสันนั่งยองๆ ข้างตัวผมเพราะไม่กล้าพูดเสียงดังเกินไป “ตั้งแต่ซีเคร็ทเริ่มมีบทบาท กลุ่มแรกกับกลุ่มสองก็จับมือกันโจมตีเรื่องคุณใช้เส้นสาย ลามปามไปถึงข่าวที่คุณได้บทมิสเตอร์เอสตัดหน้าพายในซีซันแรก ก่อกระแสจนวุ่นวายยกใหญ่ แต่กลุ่มที่สามกับสี่ก็โต้กลับ บอกว่าตัวคุณในบทมิสเตอร์เอสนั้นทำได้ดีกว่าพาย ไม่ใช่เพราะเส้นสายแต่มาเพราะฝีมือ ขนาดเตโชยังยอมรับและดึงมาเป็นพระเอกเอ็มวี ขนาดเล่นคนเดียวยังดึงคนดูอยู่หมัด”
ก้อนหินนิ่ง แต่หูผึ่งหนักมาก
“จากนั้นกลุ่มแอนตี้แฟนก็เริ่มตั้งข้อสงสัยว่าคุณเป็นพวกวิปริตผิดเพศ สร้างความไม่พอใจให้แฟนคลับของเตโชจนสองกลุ่มนี้แทบจะถล่มกันในโซเชียลอยู่แล้ว โชคดี...ที่เอ็มวีหิวรักถูกปล่อยพร้อมกับตอนที่สิบของเช็กเมท ทำให้กลุ่มแรกหันมาสนับสนุนคุณเพราะยอมรับว่าการที่คุณมารับบทซีเคร็ทนั้นทำให้ซีรีส์สนุกและน่าติดตามมากขึ้นจนติดหนึบ ส่วนกลุ่มสามที่ชื่นชอบในฝีมือการแสดงของคุณอยู่แล้วไม่ต้องพูดถึง พอเห็นคุณเล่นบทอื่นได้โดยไม่ห่วงภาพลักษณ์ ก็รู้สึกเอ็นดูอยากเอาใจช่วย กลายเป็นตอนนี้สามกลุ่มกำลังรุมแอนตี้แฟนจนทำให้เรื่องสงครามนั้นเงียบไป แม้โซเชียลตอนนี้จะพากันล้อเลียนคุณ พูดถึงคุณในแง่ตลกขบขัน แต่ก็ทำให้ข่าวฉาวถูกกลบฝังดิน”
ก้อนหิน...ไม่สิ ผมค่อยๆ เงยมองคมสันด้วยสายตามีความหวัง
“ทำให้คนหัวเราะดีกว่ามีคนเกลียดนะครับ” คมสันกล่าวก่อนจะยันตัวลุกขึ้น คล้ายจะได้ยินเสียงกระดูกลั่นเบาๆ...เกือบลืมว่าคุณเลขาคนนี้อายุอานามก็ใกล้เลขสี่เต็มที “เข้ากองเถอะครับ ผมไปส่ง”
“ไม่ต้อง” ผมผุดลุกก่อนจะปัดขากางเกงแก้เก้อ รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องให้คมสันช่วยปลอบ “ฉันไปเองได้”
คมสันพยักหน้ารับอย่างพอใจ ก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนตามรอยจิตริน
ส่วนผมหลังปรับอารมณ์เสียใหม่ก็เดินเข้าห้องสตูดิโอด้วยใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
และทันทีที่เปิดประตูเข้าไป...
“ทุกคน ดูนั่นสิ น้ำพริกกะปิมาแล้ว!”
อ๊ากกก!!ผมปิดประตูแล้ววิ่งหนีออกนอกห้องทันที ฮือ ไม่เอาแล้ว ผมอยากกลับบ้าน
“จิระ ฉันล้อเล่น กลับมาก่อน!” ธนัทวิ่งตามผมพร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น ทำไมเดจาวูชอบกล เพิ่งโดนจิตรินไล่ตามแล้วยังต้องมาหนีธนัทอีกเหรอ นึกแล้วผมก็รู้สึกไม่เข้าท่า เลยยอมหยุดก่อนที่คมสันจะถูกลงมาห้ามทัพอีกครั้ง “จิระ นายนี่วิ่งเร็วจังนะ”
“...”
ผมหอบใส่เป็นคำตอบ
โอเค ผมยอมรับก็ได้ว่าที่หยุดไม่ใช่ว่ากลัวคมสัน แต่เพราะผมเหนื่อยจะแย่แล้ว! เป็นดาราใช่ว่าต้องร่างกายแข็งแรงนี่ ถ้าไม่เข้ากองผมก็นอนกินขนมอยู่กับห้องกลิ้งไปกลิ้งมา ไม่แปลกหรอกที่วิ่งแล้วจะยืนหอบเหงื่อออกขนาดนี้
“ถ้าเป็นกับข้าวฝีมือนาย ต่อให้ทำครัวพังฉันก็อยากกินนะ” ธนัทขยิบตาใส่ เล่นเอาผมขนลุกตั้งแต่ตาตุ่มยันหนังหัว
“กะ...กลับสตูดิโอกันเถอะ”
เจอมุกเสี่ยวเข้าไปผมถึงกับปลงตก ยอมเข้าสตูดิโอแต่โดยดี แม้จะคันยิบๆ ไปกับสายตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของแต่ละคนก็ตาม
“จิ พี่ดูเอ็มวีเพลงหิวรักแล้วนะ จิแสดงได้...”
“ถ้าพี่อัคไม่อยากให้ผมวิ่งหนีก็ห้ามพูด” ผมถลึงตาใส่พระเอกคนดังที่ยกมือยอมแพ้อย่างว่าง่าย กับอัครเดชค่อนข้างสนิทใจดีเลยพูดออกมาตรงๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเสียมารยาท
“จิจะอายทำไม ทุกคนชอบออก” แต่ธนัทไม่สนใจ เขาสนุกสนานกับการแกล้งผมมาก
“อายก็คืออาย ห้ามอายได้ด้วยเหรอ” ผมหันไปทำหน้าโกรธใส่เขา หวังให้เลิกล้อเลียนกันสักที โชคดีที่พี่ช่างแต่งหน้าตามให้ผมไปเปลี่ยนเสื้อเตรียมถ่ายทำ เลยรอดพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้...แต่พายที่นั่งอยู่ไกลๆ นั่นน่ะ ผมเห็นนะว่าเขามองมาที่ผมแล้วแอบอมยิ้มด้วย!
วันนี้เป็นการถ่ายทำในตอนที่สิบห้า ผมต้องเข้าฉากพร้อมกับสามนักแสดงหลักเพราะเนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกที หลังจากพวกพระเอกรู้ว่ามิสเตอร์เอสความจำเสื่อม ก็พยายามจะตามจับตัวซีเคร็ทมาปรับความเข้าใจไม่ให้โดนล้างสมองมากไปกว่านี้ แม้พายจะไม่สามารถเอาชนะซีเคร็ทได้ แต่การส่งข้อมูลปลอมโดยอาศัยจากตอนก่อนๆ ที่แอบล้วงความลับนั้นก็ทำได้ไม่ยาก ซีเคร็ทจึงหลงนึกว่าเป็นข้อความจากองค์กรและมาตามนัดหมายจนถูกล้อมจับกุม
“มิสเตอร์เอส”
“ฉันไม่ใช่...มิสเตอร์เอส!” ซีเคร็ทแค่นเสียงต่ำอย่างกรุ่นโกรธเมื่อรู้ว่าถูกหลอกเข้าเต็มเปา แถมยังเป็นฝีมือของพาย แฮกเกอร์ที่เคยเอาชนะมาตลอดอีกด้วย ถูกจับมัดคาเก้าอี้ไปไหนไม่ได้แล้วยังโดนยัดเยียดชื่อที่ไม่ใช่ตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าขนาดนี้ ต่อให้เป็นคนนิ่งเฉยก็รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาเหมือนกัน
“แล้วนายรู้เหรอว่ามิสเตอร์เอสคือใคร” ธนัทฉีกยิ้มยียวน คล้ายไม่สนใจบรรยากาศเครียดขึงในห้องยามพระเอกกับซีเคร็ทจ้องตากันไม่กะพริบ “องค์กรคงบอกแค่ว่าเขาคือแฮกเกอร์มือฉกาจ แต่ไม่มีรูปภาพหรือข้อมูลอื่นเลยสินะ เพราะมิสเตอร์เอสของเราน่ะ...เก็บตัวและปิดบังข้อมูลได้ดีสุดๆ!”
ซีเคร็ทไม่ตอบ ทว่าเป็นฝ่ายหลบสายตาจากอัครเดช
พายกดคีย์บอร์ดพร้อมภาพของมิสเตอร์เอสที่ถูกฉายบนโปรเจ็กต์เตอร์ ภาพนั้น...ต่อไม่อยากมองแค่ไหนก็ไม่ต่างกับการถูกบังคับให้ต้องจับจ้อง ซีเคร็ทเบิกตาค้าง ต่อให้ไม่รู้จักมิสเตอร์เอส แต่เขาย่อมรู้ใบหน้าตัวเองดี...
“นั่น...ไม่ใช่”
แม้บอกปฏิเสธ แต่ริมฝีปากกลับสั่นน้อยๆ ราวจิตใต้สำนึกกำลังตอบรับ แววตาของซีเคร็ทเผยความสับสนและไม่เข้าใจ ก่อนจะกรีดร้องออกมาเมื่อศีรษะปวดจนแทบระเบิด
“มิสเตอร์เอส!”
“คัต!”
สามหนุ่มสามมุมที่พุ่งเข้าหาซีเคร็ทช่วยกันประคองผมขึ้นจากพื้นเพราะเมื่อครู่ผมดิ้นแรงจนเก้าอี้คว่ำเลยทีเดียว
“ไม่เป็นอะไรนะจิ” อัครเดชค่อยๆ แก้มัดให้ผม ธนัทมองหาบาดแผล ขณะที่พายช่วยจับเก้าอี้ตั้งเสียใหม่
“ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มตอบ พอเนื้อเรื่องใกล้ถึงจุดไคลแมกซ์ คนแสดงอย่างผมก็พลอยลุ้นไปด้วยว่าซีเคร็ทจะเป็นยังไงต่อไป เพราะคนเขียนบทจะส่งบทให้อ่านล่วงหน้าแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น เท่ากับว่าในที่นี้นอกจากผู้กำกับแล้วไม่มีใครรู้ตอนจบของซีซันสองเลย
ไม่สิ...ยังมีอีกคนหนึ่ง
ผมเดินไปหาเตโชที่นั่งเป็นตุ๊กตาประดับอยู่ริมสตูดิโอ ในมือถือสมุดจดคู่ใจ ส่วนข้างๆ เท้าคือกระดาษที่ถูกขยำทิ้งเต็มไปหมด...
เตโชมองหน้าผมแล้วก้มหน้าจดยิกๆ ไม่หยุด เกือบลืมบอกไปสินะว่าเมื่อเช้าผมมาพร้อมเตโช แต่แยกไปคนละทางเพราะเขาต้องไปประชุมพร้อมกับนักแต่งเพลงท่านอื่นๆ ที่คมสันชวนมาร่วมโปรเจ็กต์ จะว่าไปนอกจากคนหน้ามึนแล้วก็มีคนแปลกตาหลายคนที่เข้ามาก้มๆ เงยๆ ดูการถ่ายทำในวันนี้ ผมชักจะตื่นเต้นแล้วสิว่าเพลงประจำตัวจะออกมาแบบไหน
“แง้มตอนจบให้ฟังหน่อยสิ” ผมตีสนิทเตโช นั่งเบียดอยู่ข้างๆ เขาเพราะอัครเดช ธนัท กับพายมีคิวถ่ายทำต่อเพราะหลังจากซีเคร็ทล้มลง ทั้งสามคนก็ถกกันว่าควรจะให้มิสเตอร์เอสคืนความจำยังไง พอดีกับองค์กรใต้ดินบุกรุกเข้ามาตามสัญญาณติดตามตัวที่แอบฝังไว้ในตัวของซีเคร็ท ทำให้ต้องต่อสู้กันอย่างทุลักทุเลเนื่องจากเสียเปรียบเรื่องจำนวน และเมื่อการปะทะจบลง...ห้องที่ปิดล็อกอย่างดีก็เหลือเพียงความว่างเปล่า
ซีเคร็ทถูกองค์กรใต้ดินนำตัวกลับไปแล้ว!
ตอนที่สิบห้าจบลงด้วยความค้างคานี้ ถ้าเป็นคุณจะไม่ลงแดงเลยเหรอ!?
“คมสันไม่ให้บอก” เตโชตอบเสียงเรียบ การประชุมเมื่อเช้าคือการเปิดเผยเนื้อเรื่องทั้งหมดให้กับนักแต่งเพลง ทุกคนต้องเซ็นสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับไม่อย่างนั้นต้องจ่ายค่าปรับถึงหกหลัก แต่ถ้าไม่พูดซะอย่าง...ก็ไม่มีใครรู้หรอก
น่าเจ็บใจที่เตโชปากแข็งมาก แม้จะพยายามง้างให้สปอยตอนจบก็เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง
ผมยอมแพ้
“คืนนี้กินอะไรดี” ผมถามพลางพิงตัวกับไหล่ของเขา หึหึหึ ดูถูกจิระเกินไปแล้ว ผมทำทีเป็นเปลี่ยนเรื่อง แต่ความจริงกำลังแอบเหล่ดูเนื้อเพลงที่เตโชกำลังเขียนอยู่ต่างหาก!
พลันโลกพลิกตลกกะทันหัน ผมกะพริบตาปริบๆ รู้ตัวอีกก็ตัวไหลตกเก้าอี้ซะงั้น
“ข้าวผัดแกงเขียวหวาน” เตโชตอบเสียงเรียบขณะช่วยจับตัวผมให้นั่งดีๆ ก็เพราะใครกันล่ะที่ลุกพรวดพราดไม่ให้สัญญาณกันเลย
“ฉันไม่ชอบกินมะเขือ”
“ข้าวผัดแกงเขียวหวานไม่ใส่มะเขือ”
“ดีล” ผมต่อยหมัดเบาๆ กับไหล่ของเตโชก่อนจะเดินเข้าห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อ หลังจากสนิทสนมกันครบหนึ่งเดือน ก็เริ่มเข้าใจตัวคนคนนี้หลายอย่าง และเริ่มเคยชินกับการนั่งกินข้าวด้วยกันไปแล้ว แม้จะไม่ทุกวันเพราะเตโชมีงานต้องเล่นดนตรีตามอีเว้นท์หรือร้านอาหารตอนกลางคืน แต่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงทำเงินดีที่สุด เขาจะหยุดงานมานั่งดูเช็กเมทกับผม
เพื่อนสนิทคงจะเป็นแบบนี้สินะน่าเศร้าที่ชีวิตของจิระไม่เคยมีเพื่อนที่คบหากันอย่างสนิทใจมาก่อน ความจริงแล้วจิตรินนับเป็นเพื่อนแท้ได้อยู่ เสียแต่ผมยังมีชนักติดหลัง เลยไม่ค่อยกล้าเข้าหาเขาสักเท่าไหร่
หลายวันจากนั้นผมได้โทรศัพท์สายด่วนจากคมสัน
“ในที่สุดก็มีงานอื่นติดต่อเข้ามาแล้วครับ”
ปากคมสันนี่คมสมชื่อจริงๆ ผมรึแตกตื่นแทบตาย พอมาถึงกลับยื่นรายละเอียดงานให้พร้อมประโยคชวนระคายหู ราวกับว่าถ้าไม่มีเขาช่วยผลักดัน และไม่มีเตโชลากผมไปเป็นพระเอกมิวสิกวีดีโอถึงสองเพลงจะไม่มีใครคิดจ้างงานผมอย่างนั้นล่ะ
หึ ดูถูกกันเกินไปแล้ว ฝีมืออย่างจิระยังไงก็ต้องมีคนเห็นค่า! ฮ่าฮ่าฮ่า!
ผมน้ำตาตกใน รู้แก่ใจว่าที่ประชดไปทั้งหมดนั้นคือเรื่องจริง
“เป็นโฆษณาโทรศัพท์ที่คุณจิตรินในร่างของคุณเคยถ่ายคู่กับพาย เจ้าของคือหนึ่งในสปอนเซอร์ที่ลงทุนกับซีรีส์เช็กเมท” คมสันพูดพลางเปิดคลิปโฆษณาให้ผมดู ตัวผมที่ตอนนั้นเป็นจิตรินสวมเสื้อสีขาว ภาพลักษณ์ปานเทวดา ขณะที่พายซึ่งรับบทเป็นมิสเตอร์เอสตัวปลอมสวมชุดสีดำ แบ่งตามสีของโทรศัพท์
“ครั้งนี้จะให้พวกคุณสลับสีเสื้อกันครับ”
หมายความว่าให้ผม ซึ่งเป็นซีเคร็ทสวมเสื้อสีดำ และพาย...ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในตัวละครหลักสวมเสื้อสีขาวสินะ
อืม...น่าสนใจไม่เลว
“ฉันรับ”
------
แล้วมาต่อกันตอนหน้าค่ะ อนึ่ง จากนี้จะเปลี่ยนการอัพใหม่นะคะ จะแบ่งเป็นตอนๆ ไปเลยไม่ 50% / 100% แล้ว ฉะนั้นหนึ่งตอนจะสั้น/ยาวแล้วแต่การตัดฉากของเรื่องค่า เพราะบางที เราแต่งแล้วมันจบฉากก็อัพเลย

ว่าแล้วก็มาพูดถึงเนื้อเรื่องกันดีกว่า เวลาแต่งนิยายชุดนี้เราจะสนุกกับการคิดฉากถ่ายซีรีส์ ถ่ายเอ็มวี ถ่ายโฆษณามากๆ เลยค่ะ เหมือนได้ดึงความติ่งตัวเองออกมา #เดี๋ยว ฉะนั้นส่วนใหญ่ จะอ้างอิงจากสิ่งที่เราอยากดูอยากเห็น และวาดหวังว่าทุกคนจะสนุกไปด้วยกันนะคะ
เพจนักเขียนที่อยากเอาก้อนหินจิระกลับบ้านปล.แอบกระซิบว่าโฆษณาครั้งหน้า...โหด!!!