ตอนที่ 23
เตโชผู้หิวโหย
ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นแฟน ถึงจะจูบกันแล้วสองครั้ง แต่สุดท้ายผมกับเตโชก็ทำตัวเหมือนเดิมกับสมัยเป็นเพื่อนกัน นั่งคือการนั่งดูซีรีส์เช็กเมททุกเสาร์-อาทิตย์ด้วยความลุ้นระทึก ที่ต่างจากเดิม คือพวกเรานั่งดูกันบนเตียงเพราะโทรทัศน์ของโรงแรมหันหน้าเข้าหาเตียงไม่ใช่โซฟา
เช็กเมทตอนที่สิบห้า กับการจับตัวซีเคร็ทเพื่อคืนความทรงจำ
ตอนแสดงว่าสนุกมากๆ แล้ว พอมาดูฉบับตัดต่อฉายจริงผมกับเตโชนั้นแทบไม่กะพริบตา จับจ้องเรื่องราวตรงหน้าราวกับว่าเป็นผู้ชมมากกว่าเป็นนักแสดง
“จบค้างชะมัด” ผมพูดเมื่อเพลงจบขึ้นหลังพวกพระเอกพบว่าซีเคร็ทถูกองค์กรพาตัวกลับไป “แต่พรุ่งนี้สนุกแน่”
เพราะตอนที่สิบหก จะเป็นตอนแห่งความทุ่มเท การระเบิดพลังการแสดงของนายจิระคนนี้ซึ่งต้องปวดหัวกับการแบกบททั้งตอนด้วยความคลุมเครือและคลุมเครือ
“พรุ่งนี้ดูจบแล้วแวะไปงานดนตรีกันมั้ย” ผมก้มถามเตโชที่นอนอยู่ข้างกัน เนื่องจากเขายังไม่หายไข้ดีเลยโดนบังคับให้นอนติดเตียง “ฉันบังคับให้นายต้องหาย มาพัทยาแต่ได้เล่นทะเลแค่วันเดียว แถมมีงานคอนเสิร์ตตั้งสามวันจะไม่ไปเลยสักวันได้ยังไง ฉะนั้นนายต้องหาย จะได้ไปฟังเพลงกับฉันเข้าใจมั้ยเตโช”
“เดตเหรอ” คนหน้ามึนถามมึนๆ อย่างไม่คิดอะไรแต่เล่นเอาผมแทบกระอักเลือด
“แค่ชวนไปเที่ยวเล่นเฉยๆ แต่จะว่าเป็นเดต...ก็คงเดตมั้ง”
“เดต เย้”
“เย้บ้าเย้บออะไร เอาให้หายดีก่อนเถอะค่อยมาเย้” ผมดีดหน้าผากเขา ก่อนจะเปิดโทรศัพท์เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวทางโซเชียล มาพักร้อนแบบนี้ผมไม่อยากจะจมไปกับความวุ่นวายของวงการบันเทิงหรอกนะ ไม่อยากอารมณ์เสียเพราะโดนด่า แต่ในเมื่อเช็กเมทกำลังสนุกก็อดดูผลตอบรับไม่ได้
และแน่นอนว่าเสียงส่วนใหญ่ค่อนไปทางด่าทอผม ไม่ยอมรับกับการเอานักแสดงใช้เส้นมาเล่นในซีรีส์ ยิ่งผมมีบทเด่นแค่ไหน ก็ยิ่งจุดชนวนความอคติว่าผมได้มันมาด้วยเส้นสายไม่ใช่ความสามารถ
กลัวก็แต่พอถึงฉากสุดท้าย คนจะสาปแช่งยินดีที่มิสเตอร์เอสตายมากกว่าชื่นชมปรบมือเนี่ยสิ
ผมปิดโทรศัพท์ด้วยความหน่ายเซ็งทันควัน คมสันยัดผมมาในกองจริง...แต่หลังจากนั้นคนเขียนบทเป็นคนเพิ่มมาเองหลังเห็นผมสร้างคาแรคเตอร์แบบใหม่อย่างซีเคร็ทขึ้นมาหรอก กองถ่ายเช็กเมทน่ะยังยึดติดกับภาพลักษณ์ของมิสเตอร์เอสที่จิตรินแสดงในซีซันหนึ่ง ฉะนั้นการที่ทิศทางเรื่องมาไกลขนาดนี้ควรจะให้เครดิตผมบ้างสิ
ความพยายามไม่ถูกเห็นค่า ความทุ่มเทโดนโยนทิ้งขยะ ผมตัวไหลลงไปนอนซบกับอกเตโช ไม่กล้าคิดว่าถ้าพรุ่งนี้ฉายตอนที่สิบหกผลตอบรับจะออกมารุนแรงขนาดไหน
“จิระจะรุกเหรอ”
“รุกอะไรล่ะ ฉันแค่ขอพักใจ ขอพักใจ!” ผมเงยหน้าตวาดใส่เขา ก่อนจะลงไปนอนซบตามเดิมเพราะหมดเรี่ยวหมดแรง โดยมีนิ้วด้านๆ จากการดีดกีต้าร์ช่วยลูบหน้าลูบตาเป็นระยะ “ลูบตรงไหนของนาย...”
ผมคิ้วกระตุก เพราะมือสากของเตโชลูบหัวผม ลูบหน้าผม ก่อนจะไล่มาแถวลำคอและไหปลาร้า
“จิระผอมจัง” น้ำเสียงของคนมึนคล้ายกำลังรำพัน เหมือนเพิ่งมองผมในอีกแง่หนึ่งเป็นครั้งแรก สายตาก็วับๆ วาวๆ ชอบกล
“ก็เพราะมัวแต่ดูแลใครก็ไม่รู้สองวันเต็มๆ ไงล่ะ” ผมโบ้ยความผิดให้เขา ตัดสินใจกระเถิบห่างเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย
“แฟนไปไหน”
“ไปให้ไกลจากนายไง ทำไมจู่ๆ ทำตัวน่าขนลุกแบบนี้เนี่ย!” ผมยืนกอดตัวเองอยู่ข้างเตียงด้วยความรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก สายตานั่น แล้วยังมาเรียกแฟนอีก สยองไปหมดแล้ว
“อ้อนแฟน”
ขนลุกขึ้นอีกสิบระดับ สงสัยเขาจะไข้ขึ้นหนักอีกแล้ว
“จิระ” เตโชเรียกผมพร้อมแบมือออกมาวางแหมะข้างตัว กำแล้วแบสลับไปมาเหมือนเรียกหาบางสิ่งบางอย่าง
ผมมองเขาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะยอมปีนขึ้นเตียงไปนั่งจับมือแต่โดยดี
มีแฟนโรคจิตก็เป็นแบบนี้ ในเมื่อเตโชชอบเห็นผมอาละวาดมากกว่าการนั่งหงอยเหงาเศร้าซึมเลยมักมีวิธีพิสดารในการปลอบโยน
“สองวันนี้ฉันนอนเป็นเพื่อนนายจนตาบวมหมดแล้ว” ผมลูบใต้ตาที่อุดมสมบูรณ์จากการนอนนานเกินไป เพราะใครบางคนป่วยแล้วเรียกร้องหาการจับมือตลอดเวลา “นอนเยอะที่สุดในที่ชีวิตเลย ไม่ใช่สิ ตอนฉันเป็นเจ้าชายนิทราก็หลับยาวตั้งสี่เดือน”
“สี่เดือน?” เตโชขมวดคิ้ว เพราะช่วงเวลาที่ผมพูดนั้นคือการนอนหลับในร่างของจิตริน ไม่ใช่จิระ
...เล่าดีมั้ยหว่าผมมองเขาอย่างลังเล เรื่องราวสุดแฟนตาซีนี้ออกจะเหลือเชื่อเกินไปสักหน่อย แต่ถ้าไม่เล่า ก็รู้สึกเหมือนปกปิดเรื่องสำคัญยังไงชอบกล ในเมื่อมิสเตอร์เอสที่เตโชปลื้มแรกเริ่มสุดเลยนั้น...คือจิตรินในร่างของผม
จู่ๆ ก็ชักฉุนขึ้นมา
ผมพลิกมือเตโชขึ้นมากัดอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะเริ่มเล่าออกไปตามตรง
“ฉันรู้ว่านายอาจจะไม่เชื่อ แต่เมื่อครึ่งปีก่อน...ตอนที่จิระเริ่มเข้าวงการครั้งแรก คนคนนั้นไม่ใช่ฉัน” ผมลูบรอยฟันบนมือเขาแก้เก้อ “ฉันสลับร่างกับจิตริน ทองคำดี จิระคนที่แสดงเป็นมิสเตอร์เอสคือจิตริน ส่วนฉันในตอนนั้นก็นอนเป็นเจ้าชายในร่างของเขาสี่เดือนเต็ม”
เตโชมองผมเหมือนแฟนเสียสติไปแล้ว
“ฉันพูดจริง” ผมถลึงตาใส่คนป่วย “ข่าวฉาวตอนเปิดกองในซีซันแรกก็เป็นฉันที่ขุดอดีตมาแฉ ประจานตัวเองเพราะกลัวจิตรินจะประสบความสำเร็จ ใช้ร่างกายฉันในอาชีพที่ฉันไม่อยากทำ โอเค ฉันยอมรับว่าฉันอิจฉาเขาด้วย ก็ตอนนั้นจิตรินคบกับเสี่ยเลยฟุ้งซ่านนิดหน่อย...”
“เสี่ย?”
“กิ๊กเก่า” ผมยักไหล่ กับเสี่ยจะเรียกว่าแฟนยังไม่ได้เลย ในเมื่อพวกเราตกลงคบกันในฐานะเด็กเลี้ยงไม่ใช่คนรัก “สรุปแล้วฉันอยากจะบอกนายว่า...มิสเตอร์เอสที่นายเคยปลื้มนักปลื้มหนาน่ะคือจิตรินในร่างของฉัน ไม่ใช่ฉันโว้ย ไอ้บ้าเตโช”
ผมยิ่งโมโหหนัก เพราะหลงนึกไปว่าถ้าเตโชเจอจิตรินในร่างของผม เขาจะชอบ จะแต่งเพลงเคียงใจ จะเรียกแฟนเต็มปากเต็มคำเหมือนที่ทำกับผมมั้ย คนน่ารักอย่างจิตริน ใครอยู่ใกล้ก็หลงรักทั้งนั้น ขนาดผมยังเผลอหวั่นไหวเลย
“โอ๊ย!” ผมร้องลั่นเพราะคราวนี้เตโชพลิกมือผมไปกัดจมเขี้ยว “นายเป็นหมาเหรอ! ขนาดฉันยังแค่งับ แต่นายกัดเต็มๆ เลยนะ!!”
“หึง”
“ฉันไม่ได้หึง!” ผมร้องลั่นเสียงหลง เรื่องอะไรจะหึงเตโชกับจิตริน สองคนนี้ยังไม่เคยเจอหน้ากันด้วยซ้ำ!
พลันเตโชมองผมด้วยสายตาล้อเลียนสุดขีดเท่าที่คนหน้ามึนจะทำได้
ผมตระหนักได้ตอนนั้นเองว่าเขากำลังจะบอกว่าหึงผมกับเสี่ย ไม่ใช่กล่าวหาว่าผมหึงเขากับจิตริน
ปล่อยไก่ตัวเบอเริ้มเลยจิระเอ๊ยผมลูบหน้าลูบตา ลูบรอยฟันบนมือเขาและมือตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวนอนแสร้งหลับตัดปัญหา
“จิระ”
“ฉันนอนแล้ว”
“ชอบจิระ”
“รู้น่า”
“ชอบจิระ...ที่เป็นจิระ”
“นั่นฉันก็รู้แล้ว นอนเถอะ...นอนสิโว้ย! ไม่ต้องกระเถิบตัวมาทางนี้เลย นอนริมเตียงไป นอนขดไปเลย!!”
วันต่อมาอาการไข้ของเตโชแทบหายเป็นปลิดทิ้ง
แต่ผมยังขังเขาอยู่แต่ในห้อง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่ต้องเสียสละเวลาพักผ่อนคอยเฝ้าไข้เขาไม่ห่างเพื่อการพักฟื้นอย่างเต็มที่ เย็นวันนั้น เรานั่งดูเช็กเมทตอนสิบหกด้วยกัน การแสดงสุดแสนคลุมเครือนั้นช่างประทับใจจนผมเกือบหลั่งน้ำตาเมื่อระลึกถึงช่วงเวลาแสนกดดันตอนเข้ากอง คราวนี้ไม่คิดหาเรื่องใส่ตัว หาเหาใส่หัวเปิดโทรศัพท์อีก หลังเช็กเมทจบผมก็ลากเตโชออกจากห้อง มุ่งสู่เทศกาลดนตรีวันสุดท้าย
“คนเยอะฉิบ” ผมบ่นเมื่อปลายแถวห่างจากเวทีหลายกิโลเมตรจนเห็นแค่แท่งไม้ขีดกระโดดโหยงเหยงอยู่ไกลๆ งานเริ่มตั้งแต่หกโมง แต่พวกเราดันออกจากโรงแรมตอนสามทุ่ม ก็ไม่แปลกที่จะอยู่ซะท้ายแถวห่างไกลราวคนละขอบฟ้า
ผมกับเตโชจับมือกันแน่นเพราะกลัวหลง คนเยอะมาก เบียดซ้ายเบียดขวาจนเดินเป๋ไหลตามกระแสมวลชน วันนี้พวกเราใส่หมวกคนละใบเป็นการปลอมตัว หลังโดนดันโดนแซงจนทนไม่ไหว ผมที่เหงื่อแตกพลั่กด้วยความร้อนและแออัดก็กระตุกมือเตโชให้เขาหาทางออก
มาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เดินออก
ช่างมีความอดทนดีจริงๆ เลยนายจิระ
สุดท้ายพวกเราก็ตัดสินใจนั่งในร้านอาหารห่างจากชายหาดพัทยาเพราะที่ใกล้ๆ ถูกจองเต็มหมดแล้ว ถึงจะไกลหน่อยแต่เสียงดนตรียังดังมาถึง แม้จะปนกันสามเวทีจนฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ก็เถอะ เอาวะ อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่ามาร่วมงาน โยกหัวยิ้มร่ากับความครื้นเครงของเทศกาลดนตรี
“เอ้า ดื่ม!!”
งานปาร์ตี้จะขาดของมึนเมาได้ยังไง ผมยกแก้วชนกับเตโชแบบถึงไหนถึงกัน นึกแล้วก็น่าขัน เมื่อก่อนผมทำตัวเหลวแหลกออกไปเที่ยวแทบทุกคืนเพราะเสี่ยไม่ยอมมาหา เลยได้ชื่อว่าจิระคอทองแดง ดื่มเท่าไหร่ก็บ่หยั่น แต่ตอนนี้...
ทำไมดื่มแค่ขวดเดียวก็เริ่มมึนแล้ววะ
“จิระ?” เตโชที่ดื่มเป็นเพื่อนผมแค่แก้วเดียวหรี่ตามองอย่างฉงนสงสัย
“ไม่ ฉันยังไม่เมา เอามาอีก! เอาเหล้ามาอีก!” ผมไม่เชื่อว่าตัวเองจะอ่อนด้อยขนาดขวดเดียวจอด บางทีอาจจะยังไม่ชิน ถ้าดื่มไปเรื่อยๆ ร่างกายก็ปรับตัวได้เอง
ขวดที่สองผ่านไป สติผมรางเลือนเต็มทน
รู้ตัวอีกทีก็ขี่หลังเตโชกลับโรงแรมแล้ว
...เป็นไปได้ยังไง! จิระคอทองแดงหายไปไหน!!
อ้อ โดนจิตรินคนดีชุบร่างกายจนเป็นเด็กอนามัยแล้วสินะ เพราะตอนสลับร่างกัน จิตรินดูแลสุขภาพผมดีมาก ทั้งวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ทั้งกินอาหารครบห้าหมู่ ทั้งนอนเร็วตื่นเช้า ไม่แตะแอลกอฮอล์ทุกชนิด
ผมซุกหน้ากับไหล่เตโช ครางอืออาประท้วงตัวเอง
“ฉัน...ดื่มไหว เอา...เหล้ามา...เอามา...”
เตโชได้แต่บอกให้ผมจับเขาดีๆ เพราะกลัวตก กว่าจะถึงห้องไหล่ของเขาก็เปียกชุ่มเพราะโดนผมจับอมด้วยความกระหายหิว
ผมว่าผมไม่เมา เพราะสติยังอยู่ครบ แค่ร่างกายมันอ่อนระโหยไปสักหน่อยก็เท่านั้น เลยรู้สึกตัวทุกอย่างตอนเตโชหอบร่างผมไปนั่งบนชักโครก แล้วจับแก้ผ้าเช็ดตัวให้เพื่อเปลี่ยนเป็นชุดนอนจะได้หลับสบายๆ
“ไม่เช็ดตัว จะอาบน้ำ” ผมบอกเขาเสียงยานคาน คนขี้หงุดหงิดอย่างผมถ้านอนโดยไม่อาบน้ำต้องครั่นเนื้อครั่นตัวตลอดคืนแน่ๆ
เตโชพยักหน้าหงึกหงักอย่างว่าง่าย หันไปเปิดน้ำอุ่นใส่อ่าง ก่อนจะลากผมไปแปรงฟันตรงอ่างล้างหน้าโดยยืนประกบหลังช่วยประคองเอวไม่ให้ตัวไหลไปกองกับพื้น
ผมยืนโงนเงน ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เริ่มสดชื่นขึ้น เลยถอดกางเกงในที่เหลือบนตัวเพียงชิ้นเดียวโยนส่งๆ กับพื้น ก่อนจะปีนลงไปแช่อ่างแล้วหลับตาพริ้มอย่างแสนสบาย
“สระผมมั้ย” เตโชนั่งริมขอบอ่าง ชูแชมพูของโรงแรมขึ้นเป็นเชิงถาม
“สระสิ” ผมตอบทันที
ทำไมเหมือนมาอาบ อบ นวดชอบกล อีหนูของผมบริการดีมาก ค่อยๆ วักน้ำอุ่นราดตามแนวเส้นผมจนเปียกชุ่ม ก่อนจะเทแชมพู นวดศีรษะ คลึงแถวขมับอย่างเอาใจใส่
“อือ...” ผมครางแผ่วเมื่อสระผมเสร็จเตโชก็ก้มลงจุ๊บเหม่ง ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูกางแผ่ตรงหน้า ผมปีนลงจากอ่าง เดินสะโหลสะเหลเข้าไปในอ้อมกอดของเขาที่คลุมผ้าให้รอบตัว
“เตโช...” ผมซุกหน้าถูไถกับลาดไหล่อีกฝ่าย แต่เตโชคงเข้าใจผิด คิดว่าผมงัวเงียใกล้เฝ้าพระอินทร์เต็มทน เลยรีบเช็ดตัวแล้วกึ่งอุ้มกึ่งลากผมไปนั่งจ๋องบนเตียง
ผมมองเขาที่หันไปเปิดกระเป๋าหาชุดนอนด้วยอารมณ์คุกรุ่น
นี่เขามึนหรือบื้อกันแน่ถึงไม่รู้ว่าผมกำลังให้ท่า!
ทั้งกินเหล้า แช่น้ำอุ่น แล้วยังโดนสัมผัสแนบชิดละมุนอ่อนหวานขนาดนั้น
ไม่มีอารมณ์ก็บ้าแล้ว!
จิระน้อยเริ่มแข็ง แต่เตโชดันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหลือบมองสักแวบรึไม่มี...ช่างหยามน้ำหน้าชายชาตรีอกสามศอกกันเหลือเกิน!
นั่น เขาหาชุดนอนผมเจอแล้ว รีบกระดิกหางหาผมอย่างดีใจกับเรื่องเล็กน้อยจนชวนทดท้อระทมทรวง
“เตโช” ผมกำผ้าเช็ดตัวแน่น ไม่ยอมให้เขาใส่ชุดนอนง่ายๆ “จูบหน่อย”
เตโชก้มหน้าแนบริมฝีปากกับผมทันที คล้ายเห็นเขาหูหางกระดิกไปหมด ชอบที่เห็นผมออดอ้อนสินะ แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่ากำลังอ่อยอยู่วะ จิระไม่เข้าใจ
“นี่ไม่ใช่จูบ” พอเตโชถอนริมฝีปากออก ผมก็กระชากคอเสื้อเขาให้เข้าใกล้อีกครั้ง “นี่ต่างหากที่เรียกว่าจูบ” ก่อนจะประกบปากตัวเองลงไปพร้อมแทรกเรียวลิ้นเข้ารุกราน
เตโชตัวแข็งทื่อ ผิดกับผมที่กระเหี้ยนกระหือรือมาก จูบเอาจูบเอาประหนึ่งคนเก็บกด ก็จิระน้อยจะทนไม่ไหวแล้ว ขืนทำตัวใสซื่อหน้ามึนอย่างเขามีหวังไม่ได้กินสักที
ผมกระชากเตโชขึ้นเตียงโดยที่ริมฝีปากยังพัวพันกับการจูบอย่างดูดดื่ม ทั้งดูดทั้งเลีย รุกล้ำรุกคืบอย่างได้ใจเมื่ออีกฝ่ายไม่ขัดขืน ก่อนจะคร่อมตัวขึ้นนั่ง กระชากผ้าเช็ดตัวโยนทิ้งข้างเตียง
กดสะโพกเปลือยเปล่าลงเล็กน้อย บดเบียดส่วนอ่อนไหวกับของแข็งที่เริ่มนูนในกางเกง นิ้วเรียวค่อยๆ ไต่จากแผ่นอกมายังกลางลำตัว ผมรูดซิปกางเกงเขา ปากยังคงกดจูบไม่ยอมหยุดขณะปลดปล่อยสัตว์ร้ายจากคุกจองจำ
ที่เรียกว่าสัตว์ร้ายเพราะส่วนนั้นของเตโชทั้งแข็งทั้งฉ่ำน้ำ ดูจะอดกลั้นยิ่งกว่าจิระน้อยของผมซะอีก ผมเงยมองเขา ละจูบชั่วคราว ก่อนจะแทบร้องลั่นเมื่อจู่ๆ สถานการณ์ก็พลิกกลับตาลปัตร ถูกเตโชจับคร่อมพร้อมแนบจูบเร่าร้อนจนแทบละลาย
เตโชจูบผมไป ถอดเสื้อไป ถอดกางเกงไป ไม่นานก็ตัวเปลือยเปล่าแทรกขาใต้ร่างผม ทำให้สะโพกยกขึ้นอัตโนมัติ ส่วนนั้นของเราทั้งคู่แนบชิดสนิทสนมกันอย่างกลมเกลียว แรงเสียดสีชวนเสียวกระสันนั้นทำให้ผมครางอยู่ในลำคอ ก่อนจะสะท้านเฮือกเมื่อแตะขอบฟ้าก่อนเตโช
“ฉัน...” ผมหน้าแดงก่ำ พยายามแก้ตัวที่เสร็จไวชนิดนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ “เพราะฤทธิ์เหล้า! เพราะฤทธิ์เหล้าแ...อื้อ!”
เตโชไม่ฟังสักนิด แม้จะชะงักไปครู่หนึ่งเพราะผมเสร็จก่อน แต่พอได้ยินเสียงร้องประท้วงก็ก้มจูบอย่างดุดันคล้ายสำเร็จโทษ ผมนอนตัวเหลว อารมณ์ถูกปลุกไวยิ่งกว่าสี่จี ได้แต่เหลือบตามองอย่างลุ้นระทึกเมื่อคนหน้ามึนใช้นิ้วป้ายของเหลวที่เปรอะเปื้อนหน้าท้องผมมาถูๆ ไถๆ แถวช่องทางด้านหลังที่ร้างรากิจกรรมบนเตียงมาเนิ่นนาน
ผมสูดหายใจเข้าลึก จิกเล็บกับบ่าเตโชเมื่อรู้สึกถึงปลายนิ้วชำแรกเข้ามาในร่าง นิ้วสากด้านจากการดีดกีต้าร์นั้นขยับไหวราวมีชีวิต ทั้งซุกซนและอยู่ไม่สุข สำรวจถ้ำแปลกใหม่ได้ไม่นานก็เรียกพวกเข้ามาเป็นนิ้วที่สอง...นิ้วที่สาม
ผมอึดอัดจนนิ่วหน้า หอบครางอยู่กับหมอนขณะปรือตามองเตโช
“ช้า...ช้าหน่อย”
จิระน้อยแข็งโป๊กเมื่อถูกสัมผัสจุดกระสันเป็นระยะ ผมกลัวชะมัดว่าจะแตะขอบฟ้าเป็นครั้งที่สองโดยที่อีกฝ่ายยังไม่เสร็จสักรอบเลยพยายามบอกให้เตโชช้าลง
“อยากกิน” แต่คนหน้ามึนดันพูดไปคนละเรื่อง เขาเลียปากบวมแดงของผม ขบเม้มเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนมากระซิบข้างหู พูดไปก็เลียไป ดูเอร็ดอร่อยเหมือนกำลังรับประทานอาหาร “ขอกินนะ”
เสียงนั้นหวานมาก เหมือนเสียงเขาตอนร้องเพลง ผมถูกกล่อมเคลิ้มจนเผลอตอบออกไปโดยไม่ทันคิด
“เออ กินเลย”
เสร็จโจรสิครับจะเหลือเหรอ
พอได้รับอนุญาต สามนิ้วสำรวจถ้ำก็ถูกเรียกตัวกลับ ก่อนจะแทรกด้วยบอสใหญ่ที่เก่งฉกาจกว่ามาก ทั้งย้ำทั้งกระแทก ตัวผมแอ่นสะท้านเป็นระยะ ตกใจกับความหิวโหยของเตโชจนสมองวิ้ง ร้องครางลั่นไม่หยุด
เตียงโยกไหว ศีรษะสั่นคลอน สะโพกถูกสวนเข้าออกพร้อมเสียงน่าอายที่ดังขึ้นตามการกระทั้นถี่ ผมหอบหายใจหนัก วินาทีนั้นนึกถึงยาดมลูกรักจับขั้วหัวใจ
แล้วจิระก็แตะขอบฟ้าไปอย่างมึนๆ งงๆ
“ยะ...ยาดม” รอจนเตโชเสร็จกิจ ผมก็เรียกหาของรักเป็นอย่างแรกเพราะรู้สึกคลับคล้ายจะเป็นลม ก่อนจะเขินหน้าแดงก่ำเมื่อส่วนนั้นของเขาค่อยๆ ถอนออกจากถ้ำสวาท ทิ้งน้ำคาวอุ่นร้อนคั่งค้างอยู่ภายใน
ระลึกได้ตอนนั้นเองว่าผมกับเขามีเซ็กซ์กันแล้ว
หลังตกลงคบกันเป็นแฟนแค่วันเดียวด้วย
ไวไฟฉิบหายเลยผมรับยาดมจากเตโช รู้สึกจะหน้ามืดอีกรอบเพราะคิดได้ว่าคนเริ่มก่อนก็ตัวเองนี่หว่า เพราะฤทธิ์เหล้าหรอก! เพราะฤทธิ์เหล้า!!
เจอเซ็กซ์อันเหลือเชื่อ อาการเมาก็เริ่มสร่าง ร่างกายเบาสบายอิ่มเอมกับความสุข ผมเตรียมนอนหลับด้วยความเพลียเกินจะต้านทาน แต่เตโชดันสะกิดยิกๆ
“อะไรอีก”
“ขอกินนะ”
“ไม่ให้กินแล้ว ฉันจะนอน!” ผมยกขาถีบเตโช แต่ดันโดนคว้าจับจนตัวไถลลงจากหมอน มานอนตาปริบๆ แนบชิดกันในระยะน่าหวาดเสียว “ฉันบอกว่า...อื้อ!”
“ของดีต้องกินให้ครบสามมื้อ”
อย่ามาพูดหน้าตายๆ ทั้งที่ยัดส่วนนั้นเข้ามาแล้วได้มั้ย!
“นี่นายจะบอกว่าขอทำสามครั้งงั้นเหรอ ใครจะยอมวะ อา...ก็บอกว่าไม่เอา อะ...อ๊า!”
คืนนี้ไม่รอดแน่แล้ว สงสัยจะถูกรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัว
ถ้าอย่างนั้น...
แพนกล้องไปที่หัวเตียงเดี๋ยวนี้ ผมบอกให้แพนกล้องไปที่หัวเตียงเดี๋ยวนี้!
--------------
จิระจะเขินทำไมล่ะลูก โธ่ อดเห็นโดนกินครั้งที่สองที่สามเลย
ฉากสวาทมาแล้วนะคะ ใครรออยู่เอ่ย รู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งบอกอยู่แหม่บๆ ว่าเรื่องนี้ใสๆ ใสไม่ทันไรพอคบกันปุ๊บก็มุดโปงแล้ว อา...เราก็เก็บกดเหมือนกันค่ะ ถึงขีดสุดแล้ว ขอหื่นสักนิดเถอะนะ สำหรับคู่นี้หลายคนเดาถูกว่าจิระต้องเริ่มรุกก่อนไม่งั้นเตโชคงไม่กินสักที แต่ถ้าได้กินก็ตะกละตามประสา #เตโชผู้หิวโหย
ก็จิระอ่อยหนักขนาดนั้นนี้เนอะ ไม่กินได้ยังไง 5555 #จิระผู้เกรี้ยวกราด
เพจนักเขียนที่หัวเราะอย่างสะใจกับการได้แต่งฉากหื่นสักที วะฮ่าๆ!ปล.เมื่อวานเราลงรูปภาพร่างประกอบขาว-ดำในเล่มหนังสือลงเพจ แต่เผื่อมีคนไม่เห็นเลยแอบมาลงในนี้อีกรอบค่า โพสิชั่นจริงๆ คือจิระนั่งบนโซฟาแล้วชะโงกมาดูเตโชที่นั่งพื้นพิงหลังกับโซฟาถืออะไรบางอย่างอยู่ค่ะ ทั้งสองคนคุยกันมุ้งมิ้งๆ แต่เพราะตัดมาเลยดูเป็นระนาบเดียวกัน ความจริงคือนิ้วในภาพเตโชคือจิระ ส่วนเสี้ยวหัวเกรียนๆ ในภาพจิระคือเหม่งเตโชค่ะ 5555
