ตอนที่ 27
เจอะเจอพระเอกชื่อดัง
“ใครก็ได้!! ใครก็ได้ช่วยดาวด้วย ได้โปรด...เธอกำลังจะตาย เธอกำลังจะตาย!! ใครก็ได้ไปช่วยเธอที ขอร้องล่ะ แค่เรียกรถพยาบาลก็ได้ ช่วยชีวิตเธอ...ช่วยชีวิตคนรักของผมด้วย!!”
ผมวิ่งตะโกนด้วยความร้อนใจและสิ้นหวังกลางสี่แยกไฟแดงที่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากเดินขวักไขว่พลุกพล่าน แต่คนเหล่านั้นกลับพากันเดินผ่านผม...ทะลุตัวผมไป ไม่มีใครได้ยินเสียงของผมสักคนเดียว
ในใจร้อนรุ่มแทบคลุ้มคลั่ง หยาดน้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่หยุดด้วยความเจ็บช้ำที่ไม่สามารถช่วยคนรักได้ในช่วงเวลาความเป็นตาย แต่นี่ไม่ใช่เวลาอ่อนแอ ผมปาดน้ำตาที่รินไหลพร้อมวิ่งตะโกนแม้เสียงแหบแห้งอย่างไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“มีใครได้ยินผมบ้างมั้ย ช่วยด้วย! ช่วยคนรักของผมด้วย! เธอฆ่าตัวตาย...เธอกำลังจะตาย!!”
“มีคนฆ่าตัวตายเหรอ”
ในที่สุดก็มีคนได้ยินผมแทบจะลงไปทรุดกับพื้นด้วยความเหนื่อยล้า เสียงที่ไม่อาจส่งถึงสุดท้ายก็มีคนรับฟัง ผมรีบปราดเข้าหาคนคนนั้น ชายหนุ่มในมาดนักธุรกิจที่เงยมองผม ‘ลอย’ ข้ามหัวคนอื่นเข้ามาด้วยความไวเสียง
“คนรักของผมกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย ได้โปรดโทรเรียกรถโรงพยาบาลทีครับ ที่อยู่ของเธอคือ...”
Love After Death หรือ ‘ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน’ คือชื่อภาพยนตร์ที่ผมกำลังแสดง เรื่องราวเริ่มต้นจากความตายของ ‘กันย์’ เด็กหนุ่มร่าเริงที่มักมีรอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าราวไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งใด มักสร้างความสุขให้คนรอบข้างเสมอ เขาถูกรถชนตายขณะไปหาแฟนสาว ในงานศพ ‘ดาว’ หรือแฟนสาวของเขาจึงเสียใจมาก โทษตัวเองว่าเป็นคนทำให้กันย์ตาย หลังจากนั้นไม่กี่วันก็คิดสั้นกรีดข้อมือตัวเองในห้องน้ำหวังตายตามคนรัก
ทั้งที่...วิญญาณของ ‘กันย์’ ยังวนเวียนรอบตัวเธอ!
ผม...นายจิระซึ่งรับบทของกันย์ วิญญาณที่มองแฟนสาวร้องไห้แทบจะขาดใจในงานศพด้วยสายตาหม่นเศร้าแต่พยายามยิ้มเข้มแข็งนั้นคอยปลอบดาวตลอด
“อย่าร้องไห้เลยนะ"
"อย่าเสียใจเลย”
“ไม่ใช่ความผิดของดาวหรอก”ทว่าเสียงนั้นไม่เคยส่งไปถึง
แม้กระทั่งตอนที่ดาวกำลังจะกรีดข้อมือ ผมก็พยายามที่จะบอกห้ามหลายครั้ง ยื่นมือพยายามแย่งมีด แต่กลับทะลุผ่านตัวคนรักไปอย่างน่าเศร้า
ความสิ้นหวังเกาะกุมจิตใจ ทั้งต้องยอมรับความตายของตัวเอง แล้วยังต้องมาเห็นแฟนสาวตายต่อหน้า แรงผลักดันนั้นทำให้กันย์ตัดสินใจวิ่งโร่ร้องขอความช่วยเหลือแม้รู้ดีแก่ใจว่าไม่มีใครได้ยิน น้ำตาหลั่งรินจนตาบวมแดง เสียงตะโกนที่ขาดห้วงเพราะเปล่งเสียงมากเกินไป ดูน่าสงสารแทบขาดใจจนกระทั่งได้พบกับ ‘ตุลย์’
ตุลย์ได้ยินเสียงวิญญาณ ทันทีที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็รีบโทรเรียกรถพยาบาล แล้วตามกันย์ไปช่วยดาวที่หมดสติอยู่ในห้องน้ำ พลเมืองดีคนนี้ช่วยติดต่อญาติของหญิงสาว แถมยังยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องฉุกเฉินทั้งที่จะจากไปก็ทำได้
ในเมื่อพวกเขาไม่เคยรู้จักกัน
“ขอบคุณนะครับ” ผมเอ่ยกับตุลย์ หรือ ‘นิฌาน’ นักแสดงในวัยยี่สิบแปดปี นิฌานมักแสดงภาพยนตร์มากกว่าละครเย็น โด่งดังด้วยการแสดงอันโดดเด่นตั้งแต่อายุแปดขวบ ครับ เขาทำงานในวงการถึงยี่สิบปีเต็ม ทุกคนล้วนรู้จัก ‘นิฌาน ชาญชัย’ แม้ในช่วงปีหลังมานี้จะเห็นผลงานเขาน้อยจนแทบนับนิ้วได้ เกิดเป็นข่าวลือว่าดาราเด็กที่เคยโด่งดังคนนั้นคงถึงช่วงขาลงแล้ว...
“ไม่เป็นไร เห็นคนลำบากตรงหน้าก็ต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว” นิฌานมีรูปร่างสูงโปร่งหุ่นนายแบบ นั่นคือไม่ได้มีกล้ามเนื้อมากเกินหรือน้อยเกินไป ผมแสกกลางดูมีภูมิฐาน ใบหน้าหล่อใสสะอาดสะอ้านราวสุภาพบุรุษ
“แต่ผมไม่ใช่คน...”
“ดูก็รู้ ขาลอยเหนือพื้นขนาดนี้”
“ทำไมคุณไม่แปลกใจเลย”
“ก็ฉันเห็นมาเยอะ” นิฌานหรือตุลย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มอบอุ่นให้กันย์ ปลอบประโลมความกังวลใจถึงคนรักที่ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน “ดาวจะไม่เป็นอะไร”
“ขอบคุณครับ...ขอบคุณจริงๆ”
“ขอบคุณตัวเองเถอะที่ตะโกนดังขนาดนั้น ฉันจะทำเป็นไม่เห็นก็ไม่ได้จริงๆ นายพยายามได้ดีมากนะกันย์”
ดวงตาของผมรื้นน้ำตาขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดว่าสาเหตุที่ดาวฆ่าตัวตายนั้นมาจากความเข้าใจผิด
“ช่วย...ดูแลดาวได้มั้ยครับ” กันย์ขอร้อง “ช่วย...ดูจนกว่าเธอจะไม่เป็นอะไรจริงๆ”
แน่นอนว่าผมหมายถึงทั้งร่างกายและจิตใจ
“ก็ต้องดูว่าเธอจะยอมให้ฉันดูแลมั้ย”
“ผมจะช่วยคุณเอง”
“คัต!”
ทันทีที่สิ้นเสียงผู้กำกับผมก็ซุกหน้ากับฝ่ามือทันที ปวดกระบอกตาไปหมดแล้วกับการร้องไห้หนัก อยากจะได้น้ำแข็งมาประคบเหลือเกินแต่กองถ่ายนี้ไม่มีใครเอาใจ ไม่มีทีมงานที่รู้จักผมในฐานะมิสเตอร์เอสผู้อัธยาศัยดีจากซีซันหนึ่ง ไม่มีพี่ช่างแต่งหน้าที่คอยถือยาดมส่งให้ไม่ห่าง ไม่มีอัครเดชหรือธนัทที่ชวนคุยอย่างสนิทสนม และไม่มี...เตโช
การทำงานครั้งนี้คือประสบการณ์จริงที่ผมควรเจอ ไม่ใช่เส้นทางโรยกลีบกุหลาบที่คมสันปูมาให้ ทุกคนล้วนแปลกหน้าสำหรับผม เพราะทีมงานสำหรับการถ่ายทำละครกับภาพยนตร์นั้นย่อมแบ่งเป็นคนละส่วนอยู่แล้ว ดีนะที่ทำการบ้านมาเยอะ ผู้กำกับเลยค่อนข้างพอใจกับภาพที่ออกมา เพราะถ้าไม่นับผมแล้ว นิฌานมีประสบการณ์สูงมาก ส่วน ‘แสงดาว’ หรือนักแสดงหญิงที่แสดงเป็น ‘ดาว’ นั้นก็ผ่านงานแสดงภาพยนตร์มาก่อน
“สุดยอดเลยจิระ”
เกือบลืมไป แม้ผมจะไม่รู้จักใครสักคนในที่นี้ แต่ยังมีจิตรินจอมฝอยที่ปลาบปลื้มดีใจเมื่อผลงานถูกสร้างเป็นรูปร่างด้วยนักแสดงมากฝีมือ
“นายก็สุดยอด” ผมเงยหน้ามองเขา บอกขอบคุณเมื่อฝ่ายนั้นส่งขวดน้ำเย็นมาให้ อา...เอามาแนบตาได้พอดีเลย “ฉันไม่เคยเห็นใครคิดพลอตแบบนี้มาก่อน”
“ก็ผมฝึกงานมานาน อ่านบทมาเยอะ เลยเกิดไอเดียขึ้นมาว่าทำไมทุกเรื่องต้องมีแค่พระเอกกับนางเอกด้วย คิดไปคิดมาก็ปิ๊งออกมาเป็นเรื่องนี้นั่นแหละ! ตัวละครนำที่เป็นวิญญาณ...ช่วยให้พระเอกมาเจอกับนางเอกแล้วรักกัน เรื่องราวมองผ่านมุมมองของกันย์ ไม่ใช่ตัวของตุลย์หรือดาว คงได้ภาพแตกต่างจากหนังรักทั่วไปเนอะว่ามั้ย ตอนผมเอาไปเสนอเสี่ยโดนเขามองแรงจนใจเสียเลย ดีนะที่คุณสันเห็นคุณค่า บอกว่าน่าลงทุน แม้เสี่ยจะคัดค้านไม่ยอมให้ผมลงงานเองแต่สุดท้ายก็แพ้ลูกตื๊อผมล่ะ”
ลูกตื๊อหรือลูกฝอยผมคิดในใจเพราะชมไปแค่ประโยคเดียว อีกฝ่ายดันพล่ามเล่ายาวจนไม่ต้องถามให้เมื่อยปาก
“ผมดีใจนะที่จิระรับเล่นเรื่องนี้”
“ก็อย่างที่คมสันว่านั่นแหละ มันแปลกใหม่ น่าลงทุน และฉันก็อยากท้าทายตัวเองอยู่แล้ว ได้ปรับลุค ปรับคาแรคเตอร์จากมิสเตอร์เอสบ้างก็ดี ถือโอกาสหาความก้าวหน้าด้วย”
ยากนักที่จะได้เป็น ‘ตัวละครนำ’ ซึ่งโดดเด่นกว่าพระเอกและนางเอก
ต่อให้คมสันไม่อ้างชื่อจิตริน ถ้าผมอ่านบทจบก็คงตกลงรับเล่นเรื่องนี้อยู่ดี
“แล้วทำไมนายถึงเลือกฉัน เทียบกับนิฌานหรือแสงดาวแล้วฉันเป็นแค่นักแสดงที่เพิ่งผ่านงานละครมาแค่เรื่องเดียวเองนะ แถมไม่ใช่นักแสดงหลักด้วย”
“ก็จิระทำให้ผมเชื่อสุดใจว่าคุณคือตัวละครนั้นๆ ทุกครั้ง ตอนเอ็มวีเพลงเวลา คุณก็ทำให้ผมเศร้าจนคิดว่าผู้ชายคนนี้เพิ่งเสียคนรัก ตอนเอ็มวีเพลงหิวรัก คุณก็ทำให้ทุกคนทั้งเห็นใจและหัวเราะได้โดยลืมภาพจิระไปเลย และล่าสุด...ซีรีส์เช็กเมท” จิตรินคลี่ยิ้มมีเลศนัย กระแซะเข้าใกล้ผมก่อนก้มกระซิบ “คมสันแอบเอาตอนสุดท้ายมาให้ผมดูแล้วเพราะทนเสียงรบเร้าไม่ไหว ฉากที่คุณค่อยๆ ทรุดลงไปน่ะบีบหัวใจผมมากเลย ทั้งที่มิสเตอร์เอสยอมรับความตายและตัดสินใจเดินเข้าหาพระเอกโดยไม่มีแม้แต่น้ำตาแท้ๆ แต่กลับทำผมร้องห่มร้องไห้จนเสี่ยยังตกใจ จิระ คุณมันสุดยอดจริงๆ ไม่ผิดหรอกที่คมสันจะพูดอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้คุณเป็นดารา”
ไอ้ความรู้สึกหัวใจพองฟูนี้คืออะไรนะ ผมหลุดยิ้มออกมาไม่รู้ตัว และนั่นก็ทำให้จิตรินกุมหัวใจตัวเองเหมือนถูกจู่โจมด้วยพลังที่มองไม่เห็น
“ผมอยากให้รอยยิ้มเมื่อกี้ปรากฏในหนังมากเลย รับรองว่าใครเห็นก็ต้องละลาย กลับบ้านไปก็นอนหลับฝันดีแน่ๆ”
“นายก็พูดเกินไป” ผมพูดอ้อมแอ้ม “ว่าแต่เมื่อกี้ฉันยิ้มยังไงนะ”
“ยิ้มแบบขัดเขินแฝงความยินดี เหมือนกับเจ้าส้มของผมตอนดูลูกน้อยทั้งเจ็ดรุมดูดนม มันก็ครางหวิวๆ ด้วยสีหน้าปลื้มปริ่มเหมือนจิระเมื่อกี้เลย เอ๊ะ จิระยังไม่เคยเห็นม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดงใช่มั้ย พวกมันน่ารักมากๆ เลย! ผมเอามาเลี้ยงที่บ้านเสี่ยด้วยสองตัวคือครามกับน้ำเงิน ผมมีรูปเสี่ยตอนทะเลาะกับแมวเพราะโดนมันแย่งที่นอนด้วยล่ะจิระอยากดูมั้ย”
“แล้วเสี่ย...ไม่มากองเหรอ” ผมถามพลางสอดส่ายสายตาหาชายร่างสูงในชุดสูทที่มักแต่งตัวเนี้ยบจัดเปล่งรัศมีข้าคือประธาน ทุกคนจงเชื่อฟังข้าด้วยความรู้สึกจะอยากเจอก็ไม่ใช่ อยากคุยด้วยก็ไม่เชิง
“เมื่อเช้าเสี่ยงอนตุบป่อง ไม่อยากให้ผมเข้ากองเพราะกลัวจะแบ่งเวลาให้เขาไม่พอ สงสัยป่านนี้คงนั่งกินข้าวคนเดียวแล้วมั้ง...อ้าว...นั่นเสี่ยนี่!” จิตรินโบกมือให้คนที่เพิ่งเดินเข้ากองในมาดน่ายำเกรง ด้วยกลัวว่าจะทำให้ทีมงานแตกตื่น ผู้ออกทุนเลยหยุดยืนด้านนอกพลางเหล่สายตามองมาด้วยสีหน้าบึ้งตึงไม่พอใจ
ตั้งแต่ตัดสินใจเดินออกจากบ้านเสี่ยในวันนั้น....ผมก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย น่าแปลก ทั้งที่เคยหลบหน้าแทบเป็นแทบตาย ช้ำรักจนปวดกระดองใจไม่กล้าเจอะเจอ ตอนนี้ผมกลับมองจิตรินเดินเข้าหาเสี่ย ง้องอนคนขี้หวงด้วยความรู้สึกขบขันมากกว่าขมขื่น
แถมยังพาลคิดถึงใครอีกคน...
“เตโช นายเป็นยังไงบ้าง” ผมคอลวีดีโอหาคนรักทันที ปลายสายรับเร็วจนน่าตกใจ ไม่ใช่ว่าโดนสั่งเลิกกองไปแล้วเพราะทนตัวนักร้องที่ริอาจเป็นนักแสดงไม่ไหวหรอกนะ
(( ก็ดี )) เตโชตอบคลุมเครือ สีหน้าไม่ทุกข์ร้อน
“ดีของนายมันดีกับทุกคนรึเปล่า ไหนหันกล้องให้ฉันดูรอบๆ หน่อยสิ”
คนหน้ามึนทำตามคำสั่ง หันกล้องให้ดูสตูดิโอถ่ายทำซึ่งยังอยู่ดีไม่มีใครลากลับก่อนหรือคิดล้มเลิกสัญญาณจ้าง
(( จิระ...ตาบวม ))
“อ้อ ฉันร้องไห้ตามบทไง เมื่อคืนนายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ” เรื่องของเรื่องคือตอนผมเดินออกจากห้องน้ำไปตามเขาซึ่งกำลังนั่งเล่นกีตาร์อยู่ตรงโซฟาเพื่อมานอนด้วยกัน เตโชตกใจจัดที่เห็นผมตาแดงก่ำ รีบลงไปซื้อเจลเย็นช่วยประคบให้ตลอดคืน “กินข้าวเที่ยงรึยัง”
เตโชพยักหน้าหงึกหงัก อย่างน้อยเวลาเขาไปทำงานก็พอวางใจว่ามีผู้จัดการช่วยดูแลคอยเตือนไม่ให้ลืมกินข้าว
“แล้ว...”
“จิระ”
“คุณนิฌาน” ผมเงยหน้ามองพระเอกคนดังที่แทรกตัวนั่งเบียดอยู่ข้างๆ อย่างไร้ความเกรงใจทั้งที่ผมกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ แถมยังโบกมือให้กล้อง ทักทายเตโชอย่างกับรู้จักกันอย่างนั้นล่ะ
“คุณอะไรกันห่างเหินไปมั้ย เรียกฉันว่าฌานเถอะ แล้วนี่...แฟนจิสินะ”
“ครับ” ผมตอบเสียงห้วน เผยความขุ่นเคืองไม่ปิดบัง แม้ต้องร่วมแสดงด้วยกันอีกนานแต่เขาเล่นคุกคามความเป็นส่วนตัวขนาดนี้หากไม่แสดงออกให้ชัดนานไปจะยิ่งร้าวฉาน
“ฉันชื่นชมนายนะที่เปิดตัวเรื่องนี้ไม่คบแบบหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนดาราคนอื่น”
ผมเบี่ยงโทรศัพท์ไปอีกทางเพราะไม่อยากให้เตโชคุยกับนิฌาน
“นายกล้ามาก และก็เก่งมาก”
“ครับ”
“ฉันหมายถึงทั้งตัวนายเองและการแสดงด้วยนะ ความจริงแล้วการแสดงภาพยนตร์กับละครน่ะมีความแตกต่างกันนิดหน่อย แต่นายทำได้ดีเลยล่ะ”
“แตกต่างกันยังไงเหรอครับ” ผมชักสนใจขึ้นมา
“การแสดงภาพยนตร์เน้นที่ความเป็นธรรมชาติ เผยสีหน้า ท่าทางให้สมจริงที่สุด เพราะเวลาฉายในโรงแล้วจะเห็นนักแสดงหน้าใหญ่เต็มจอ ถ้าเล่นเยอะเกินไปคนดูจะไม่อิน” นิฌานกอดอกทำหน้าเคร่งขรึม “ส่วนการแสดงละครน่ะจะเน้นที่คำพูดและสีหน้าท่าทางที่ต้องแสดงให้ชัดและมากกว่าปกติหนึ่งถึงสองเท่า เพราะการฉายโทรทัศน์ไม่สามารถทำให้คนดูจดจ่อได้ตลอดเวลาเหมือนตอนตีตั๋วเข้าชมในโรง เลยต้องอาศัยปัจจัยนี้ในการสร้างอารมณ์ร่วม”
ความรู้ใหม่ผมเลยนะเนี่ย
“แต่จิทำได้ดีแล้ว เพราะบทของมิสเตอร์เอสไม่ค่อยแสดงออกอย่างชัดเจน พอมาถ่ายหนังเลยไม่โดนผู้กำกับด่า”
“คุณก็โดนเหรอ”
“ของฉันเป็นกรณีกลับกันนะ เพราะฉันเริ่มต้นจากการแสดงหนัง พอถูกดึงไปแสดงละครของทางช่องก็โดนด่าว่าเล่นไม่ถึงอารมณ์ สุดท้ายเลยกลับมาตายรัง ขอเล่นหนังดีกว่าเข็ดแล้วกับละครเย็น” นิฌานลูบหน้าเมื่อนึกถึงความทรงจำยากจะลืม “เมื่อกี้เรียกว่าคุณอีกแล้วเหรอ ขอเถอะจิ ฉันน่ะอยู่วงการมานาน ถูกเรียกคุณจนนึกว่าตัวเองอายุสามสิบกว่าทั้งที่ยังยี่สิบปลายๆ อยู่เลย เรียกฌานหรือพี่ฌานเถอะ”
ความเป็นกันเองของเขาทำให้ผมยอมลดเกราะ ดูแล้วนิฌานไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แถมยังชวนเตโชคุยอีกต่างหาก
“กลับไปแล้วอย่าลืมหาอะไรประคบตาแฟนด้วยล่ะ” นิฌานชะโงกหน้ามาพูดกับโทรศัพท์ของผม “คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ เอาถุงชาแช่เย็นแล้วประคบตาจะดีที่สุด นอกจากส่วนที่บวมจะยุบลงแล้วสมุนไพรยังช่วยให้ดวงตาสดใสเปล่งประกายด้วย”
เตโชพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง
“งั้นขอตัวก่อนล่ะ จิคุยกับแฟนไปเถอะถ้าถึงคิวแล้วจะมาเรียก”
“ขอบคุณครับพี่ฌาน”
นิฌานยิ้มรับเมื่อผมยอมเรียกชื่อย่อเขาสักที ก่อนจะเดินไปทักทายนักแสดงคนอื่นในกองต่อ ส่วนผมหลังจากคุยกับเตโชเสร็จก็โทรรายงานคมสัน เพราะผู้จัดการของผมไม่ว่างมาดูการถ่ายทำวันแรกเนื่องจากท่านประธานอู้งานมาเฝ้าแฟน
(( ราบรื่นดีมั้ยครับคุณจิ ))
“ฉันซะอย่างมีไม่ราบรื่นด้วยเหรอ” ผมพูดข่มอย่างได้ใจหลังได้รับคำชมจากทั้งจิตรินและนิฌาน
(( แล้ว...กับนิฌานล่ะครับ ))
“ก็เข้ากันดี ทำไม นายกลัวฉันจะหาเรื่องคนอื่นงั้นสิ ฉันไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอกน่า”
(( ผมอยากให้คุณระวังตัวต่างหาก นิฌานเจ้าชู้มากนะ ))
“พี่เขาไม่เห็นจะดูเป็นแบบนั้นเลย” ผมเลิกคิ้ว
(( คุณจิระหลงกลแล้วครับ )) คมสันถอนหายใจเฮือก เหมือนกะไว้แล้วเชียวว่าแกะน้อยอย่างผมต้องโดนหลอก (( นิฌานทำงานในวงการมายี่สิบปี แต่ที่ไม่มีข่าวฉาวมาก่อนไม่ใช่ว่าเขาเข้มงวดกับตัวเองเหมือนอัครเดช แต่เพราะเขาอัธยาศัยดีจนเกินไป คนนอกอาจไม่รู้ แต่วงในน่ะรู้กันดีว่าเขาเจ้าชู้ตัวพ่อ เข้ากองไหนก็ต้องหาเรื่องจีบนักแสดงสักคนไม่เกี่ยงทั้งชายทั้งหญิง เจ้าคารมจนหลายคนคล้อยตามง่ายๆ รู้ตัวอีกทีก็เสร็จเขาแล้ว ))
“แต่...ผมมีเตโชแล้วนะ”
(( ผมพูดตกไป นิฌานไม่เกี่ยงทั้งชายและหญิง รวมทั้งไม่เกี่ยงเรื่องคนคนนั้นมีเจ้าของแล้วหรือไม่ด้วย นิสัยข้อนี้ของเขาทำให้งานในวงการบันเทิงช่วงหลังมานี้ลดน้อยลง คุณจิระไม่แปลกใจเหรอครับที่คนนิสัยดี พูดเก่ง ประสบการณ์เยอะอย่างเขาทำไมถึงอยู่ในช่วงขาลงได้ ))
“...”
(( แม้นักแสดงที่เคยคบกันนิฌานจะไม่เอาเรื่องเพราะเขามักหาเหตุผลมาอ้างให้เห็นใจในการบอกเลิกอย่างแนบเนียน แต่ผู้กำกับหลายคนก็ขยาด ไม่อยากให้เขามาหาเหยื่อในกองหรอกครับ ))
“แล้วจิตริน...ให้นิฌานมาแสดงเรื่องนี้ทำไม” ผมกลืนน้ำลาย คิดไม่ถึงว่าคนหน้ายิ้มชวนคุยอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อครู่จะร้ายกว่าที่เห็น
(( คุณจิตรินคัดคนที่ฝีมือการแสดง เคยรู้ข่าวฉาวเบื้องหลังซะที่ไหนล่ะครับ ))
ผมกุมขมับ ทำไมเข้ากองไหนเป็นต้องมีเรื่องน่าปวดหัวทุกที
(( คุณจิระเองก็อย่าเผลอแล้วกัน ))
“ไม่มีทางหรอกน่า”
(( ผมรู้ว่าคุณไม่หวั่นไหวกับนิฌาน แต่ให้ระวังอย่าเผลอ...มีข่าวฉาวขึ้นมาอีกก็พอครับ! ))
--------
มาแล้วกับสองตัวละครใหม่ นิฌานกับแสงดาว กับหนังเรื่องใหม่ที่ต้องขอฝากตัวฝากใจด้วยนะคะ
LAD ( Love After Death ) เป็นพลอตที่เราเคยคิดจะเขียนเมื่อนานมากๆๆๆๆๆๆ แล้ว สมัยยังเป็นวัยรุ่นเอ๊าะๆ ด้วยแนวคิดเดียวกับจิตริน คือหากมีตัวละครนำเรื่องที่ไม่ใช่พระเอกกับนางเอกจะเป็นยังไงนะ แต่เพราะเรื่องค่อนข้างไปทางดราม่า แถมตัวนำเรื่องยังเป็นคนอื่นอีก คิดว่าคงไม่เป็นนิยมนัก ( และเราก็ถนัดแต่งแนวหื่นฮามากกว่า ) เลยดองมาตลอดจนได้ฤกษ์ปัดฝุ่นมาให้จิระแสดงค่ะ หวังว่าทุกคนจะชอบกับบทบาทใหม่ของจิระกับบท ‘กันย์’ ด้วยนะคะ
ปล.เห็นเสี่ยแวบๆ มั้ยคะ ตัวประกอบก็จะออกมาแค่นี้แหละค่ะ 555
เพจนักเขียนที่อยากจะพลีกายประคบตาให้หนูจิ