ตอนที่ 28
คนเจ้าคารม
เข้ากองวันที่สอง
“อย่ามายุ่งกับฉัน!”
ตุลย์ล่าถอยออกมาจากห้องผู้ป่วยแทบไม่ทันเมื่อถูกปาหมอนเข้าเต็มหน้า อาการของดาวหลังฟื้นขึ้นมามีแต่แย่กับแย่ เธอพร่ำบอกแต่จะตายตามคนรัก โดยที่กันย์คอยยื่นมองห่างๆ อย่างห่วงๆ ไม่สามารถสื่อความในใจถึงเธอได้เลย
มีแต่ต้องพึ่งตุลย์เท่านั้น
“ผมเข้าใกล้เธอไม่ได้” ตุลย์เอ่ยอย่างลำบากใจ ส่วนหนึ่งยอมเฝ้าดาวเพราะรับปากกับวิญญาณตรงหน้าไปแล้ว อีกส่วนคือกลัวว่าเธอจะฆ่าตัวตาย ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่สามารถติดต่อสื่อสารกับวิญญาณ หากมีทางช่วยได้ก็ไม่อยากเห็นคนตายต่อหน้า
“ไม่ต้องห่วง” ผมคลี่ยิ้มสดใส กันย์มักทำให้คนรอบข้างสบายใจเสมอแม้ในยามตัวเองเป็นทุกข์ “ทำตามที่ผมบอกนะ”
ไม่นาน ตุลย์ก็เข้ามาในห้องผู้ป่วยใหม่พร้อมตุ๊กตาหมี หนุ่มวัยใกล้สามสิบอย่างเขาต้องจับแขนนุ่มนิ่มสองข้างของมันขึ้นมา ดัดเสียงเล็กพลางพูดปลอบหญิงสาวตามคำบอกเล่าของวิญญาณ
“พี่ดาวครับ ผมเหงามากเลย พี่ดาวจะให้ผมเข้าไปใกล้ได้รึเปล่าครับ”
นี่เป็นวิธีที่กันย์เคยง้อหญิงสาวสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่
“พี่ดาวร้องไห้ทำไม อย่าร้องสิครับ ถ้าจะร้อง...ก็อย่าร้องคนเดียว ร้องกับอกของผมเถอะนะครับพี่ดาว”
ได้ผล ดาวเลิกโวยวาย แต่รับตุ๊กตาหมีมากอดแนบอกพร้อมสะอื้นไห้ด้วยความคิดถึงคนรักสุดหัวใจ
คนรัก...ที่ยืนมองตุลย์ช่วยลูบหัวแฟนสาวอย่างปลอบโยน ภาพแสนอบอุ่นนั้นทำให้ผมเผลอเอื้อมมือออกไปข้างหน้า อยากแทนที่ของตุลย์ อยากลูบศีรษะดาว แต่มือกลับทะลุผ่านทั้งคู่ ลมเย็นหวิวที่พัดผ่านอย่างผิดปกตินั้นทำให้ตุลย์เหลือบมอง
กันย์เปลี่ยนสีหน้าทันควัน ชักมือกลับเปลี่ยนเป็นยกนิ้วโป้งพร้อมฉีกยิ้มกว้างอย่างชมเชยว่าทำดี
“คัต!”
หยาดน้ำตาหลั่งรินอาบแก้มทันทีที่ผู้กำกับสั่งคัต เป็นผลจากการที่ต้องแสดงเป็นกันย์ เด็กหนุ่มที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อคนรักแม้ว่าตัวเองจะกล้ำกลืนความรู้สึกอยู่ก็ตาม
ภายใต้รอยยิ้มสุดท้ายที่ยิ้มจนตาหยีนั้นแท้จริงแล้วพยายามฝืนน้ำตาไม่ให้ไหล พอจบฉากผมเลยกลั้นไม่อยู่ สะอึกสะอื้นอย่างกับเด็กน้อยไม่แพ้แสงดาว
แต่ร้องไห้ได้น่าสงสารกว่าหลายเท่า
ทีมงานไม่กล้าเข้าใกล้เนื่องจากกลัวนักแสดงจะปรับอารมณ์ไม่ทัน มีเพียงนิฌานกับแสงดาวที่เข้ามาช่วยปลอบผม บอกให้ค่อยๆ คลายความเป็นตัวละครนั้นเพื่อกลับเป็นจิระคนเดิม
โชคดีชะมัดที่วันนี้จิตรินไม่ได้เข้ากอง
“ขอโทษครับ ผมไม่เคยเล่นบทแบบนี้มาก่อน” ผมเอ่ยกับทั้งคู่หลังสงบจิตสงบใจลงมาก เทียบกับมิสเตอร์เอสที่ลึกกว่า ซับซ้อนกว่า บทของกันย์แสดงง่ายกว่ามากเพราะเผยความเศร้าโศกจากการตายและการลาจากคนรักอย่างชัดเจน และก็เพราะความรู้สึกที่ฉายชัดของเขานั่นแหละที่ทำให้ยิ่งจมดิ่ง
“ไม่เป็นไร คนเราก็ต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น” นิฌานเอ่ยเสียงอ่อนโยนราวผู้คร่ำวอดในวงการที่พร้อมช่วยเหลือนักแสดงตัวเล็กๆ อย่างผม “จิน้ำตาสั่งได้แบบนี้อนาคตไกลแน่นอน ดูอย่างดาวสิ กว่าจะเข้าฉากต้องยืนถ่างตาตั้งนาน”
“เดี่ยวเถอะพี่ฌาน ประจานดาวแบบนั้นได้ยังไง” นักแสดงสาวประท้วง เธออายุเท่ากับผม อนาคตกำลังสดใสด้วยรูปร่างหน้าตาที่ค่อนไปทางน่ารัก แถมยังตัวเล็กกะทัดรัดน่าเอ็นดู ขนาดยืนเทียบกับผมยังสูงเลยบ่ามานิดเดียวเอง “ดาวเป็นผู้หญิงนะ จะร้องไห้ก็ต้องให้มั่นใจว่าออกมาสวยด้วยสิ”
“จ้าจ้า” นิฌานหัวเราะร่วน แต่หันมาแฉกับผมต่อ “จิรู้มั้ยว่าวิธีทำให้น้ำตาไหลน่ะมีเยอะมากนะ อย่างดาวใช้วิธีไม่ยอมกะพริบตานานๆ แต่นั่นน่ะเห็นผลช้าเกิน ถ้าให้เร็วหน่อยต้องเอายาหม่องทาเปลือกตา”
“แสบตายชัก” ผมบ่นอุบ
“ใช่ แสบมาก พี่เคยทำตอนเด็กๆ ปรากฏว่าร้องไห้จ้าจนถ่ายต่อไม่ได้เลย”
ทั้งผมทั้งแสงดาวหัวเราะตามพระเอกดังที่แบ่งปันประสบการณ์ไม่มีกั๊ก นิฌานคุยเก่งมาก สามารถเล่าเรื่องราวของวงการตลอดยี่สิบปีมานี้อย่างออกรส ถ้าไม่เพราะคมสันเตือนมาก่อนผมก็คงยังมองไม่ออกว่าคนคนนี้เจ้าชู้ประตูดินขนาดไหน
“เมื่อเช้าแฟนจิมาส่งเหรอ พี่เห็นเราลงจากรถตรงหน้าบริษัทพอดี”
แถมยังช่างสังเกต
“ใช่ครับ”
“จิอยู่ที่คอนโด xxx รึเปล่า”
“...ใช่”
“ว่าแล้วเคยเห็นรถคนนั้นบ่อยๆ จิอยู่คอนโดเดียวกับพี่เลย!”
ผมระแวดระวังนิฌานสุดขีด เขามาไม้นี้แสดงว่าต้องเนียนถามเบอร์ห้องแน่
“โชคดีจัง แบบนี้ถ้าวันไหนเราไม่เข้าใจก็ลองมาถามพี่ได้นะ อยากให้ช่วยซ้อมบทต่อบทก็ไม่ต้องเกรงใจ พี่อยู่ชั้นสิบเจ็ด ห้องหนึ่งเจ็ดสามสอง อันนี้นามบัตรพี่ เราโทรมาถามก่อนแล้วกันว่าพี่อยู่รึเปล่า ส่วนดาว เรามีเบอร์พี่อยู่แล้วนี่ คงไม่ต้องแจกซ้ำหรอกใช่มั้ย”
ผิดคาด เขาไม่ได้รุกโจ่งแจ้งแต่ใช้วิธีให้ผมติดต่อเขาเองตามความสะดวกใจ
“พี่ฌานแจกนามบัตรให้กับดารากันเองเยอะกว่าพวกนักข่าวอีกนะคะ”
“แซ็วกันเหรอดาว เดี๋ยวเถอะ เย็นนี้พี่จะเบี้ยวนัดไม่เลี้ยงอาหารญี่ปุ่นที่ดาวชอบแล้ว”
“พี่ฌานอย่าทำแบบนั้นสิ รับปากดาวก็ห้ามกลับคำสิคะ”
“พี่แค่ล้อเล่น โทรจองร้านตั้งแต่เมื่อวานจะไปยกเลิกได้ยังไง ต่อให้ดาวจะแซ็วจะล้อพี่แค่ไหนก็ต้องทน เอาให้เต็มที่เลยน้องสาว พี่ชายคนนี้จะเป็นที่ระบายอารมณ์ให้เธอเอง”
“พี่ฌาน!”
ผมมองสองหนุ่มสาวหยอกล้อกันตรงหน้าแล้วชักไม่แน่ใจ
บางทีนิฌานอาจจะจีบแสงดาว...ใช่มั้ยนะ
“ใช่ พี่กำลังจีบดาว”
ผมเงยมองนิฌานที่ยืดอกยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำหลังเราถ่ายทำกันต่อจนจบคิวของวันนี้ ผมรอเตโชมารับ ส่วนพระเอกคนดังก็รอแสงดาวเปลี่ยนเสื้อเพื่อเตรียมไปดินเนอร์ด้วยกัน
“จิอย่าบอกดาวล่ะ เพราะกว่าพี่จะชวนให้ไปกินข้าวด้วยกันก็แทบแย่ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป พี่ไม่รีบร้อนเพราะเรายังต้องถ่ายทำกันอีกนาน”
“แต่พี่เพิ่งเจอดาวแค่ไม่กี่ครั้งเองนะ” ผมล่ะสงสัยมาเขาเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน เจอหน้าไม่กี่ครั้งก็ล็อกเป้าจีบ บ้าไปแล้ว!
“โธ่ จิ ความประทับใจแรกพบเป็นสิ่งสำคัญ ตอนพี่เจอหน้าดาวก็สนใจเขาแล้ว และในเมื่อสนใจ...จะเข้าไปทำความรู้จัก ชวนไปกินข้าว ดูหนัง พูดคุยกันมันผิดตรงไหน จิอาจได้ยินเรื่องไม่ดีของพี่มาเยอะ พี่ยอมรับ พี่เป็นประเภทตกหลุมรักคนง่าย แต่ที่เป็นแบบนี้เพราะพี่อกหักบ่อยจนกลายเป็นคนโหยหาความรัก ทุกครั้งที่คบกัน พี่เป็นฝ่ายถูกบอกเลิกตลอดเลยนะ”
“งั้นพี่ควรพิจารณาตัวเองได้แล้ว”
“จิก็พูดตรงเกินไป” นิฌานลูบแก้มแก้เก้อ “พี่อาจจะนิสัยไม่ดีก็จริง แต่ทุกครั้งที่คบกับใครพี่จะคบแค่คนเดียวมาตลอด พอเลิกก็ช้ำหนักจนต้องหาคนใหม่ดามใจ กลายเป็นวังวนไม่รู้จบที่รู้ตัวอีกทีก็โดนหาว่าเจ้าชู้แล้ว”
งั้นผมควรจะตอบอะไรเป็นการรักษาน้ำใจเขาดีล่ะเนี่ย
“ที่พี่บอกไม่ได้อยากให้จิเข้าใจ แต่แค่อยากให้จิไม่กีดกันการจีบครั้งนี้ของพี่”
“ผมไม่ขวางหรอก อยากทำอะไรก็เรื่องของพี่”
“ดีมากน้องรัก” นิฌานโอบไหล่ผมรวดเร็วเป็นการขอบคุณ ไม่ทันจะขยาดเขาก็ปล่อยมือแล้ว “อวยพรให้พี่โชคดีด้วยนะ ถ้ารักครั้งนี้สมหวัง คบแล้วไม่โดนบอกเลิกก็ดี พี่จะได้เลิกเป็นคนเจ้าชู้สักที”
ผมโบกมือไล่เขาส่งๆ ทั้งรอยยิ้ม อดคิดไม่ได้ว่านิฌานก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าที่คมสันปรามาส ยังไงซะ...ข่าวฉาวๆ ของคนในวงการบันเทิงก็มักจะใส่สีตีไข่จากเดิมอยู่แล้ว ผมควรจะรู้ซึ้งแก่ใจดี
“นายอยู่ไหนแล้วเนี่ยเตโช!” ก่อนจะโทรไปเกรี้ยวกราดใส่คนหน้ามึนที่ป่านนี้ยังมาไม่ถึงบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์อีก
(( ร้านชา ))
“ไปทำอะไรตรงนั้น!” ผมถามอย่างโมโห ก่อนจะนึกได้ว่าเมื่อวานนิฌานพูดอะไรไว้ “นายจะซื้อมาประคบตาฉันเหรอ”
(( อืม ))
ช่วงนี้เราสองคนต่างยุ่งเรื่องงาน จะหาเวลาว่างไปซื้อของจุกจิกก็ทำได้ยาก เตโชคงสบโอกาสที่วันนี้เลิกงานเร็วเลยแวะไปซื้อถุงชาให้ผม
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ ฉันว่าถุงชาก็ไม่ได้ดีไปกว่าเจลเย็นหรอก”
(( ลองดู ))
ทุกครั้งที่เห็นผมร้องไห้จนตาแดงก่ำ คนหน้ามึนจะเอานิ้วจิ้มๆ แล้วทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกงดข้าวสามมื้อก็ไม่ปาน
“งั้นมาเร็วๆ ล่ะ ฉันจะรอ”
(( ครับแฟน ))
กล่องชาสีแดงประทับตราสีทองตรงหน้าหรูจนน่าประหลาดใจ
ผมแทบจะไม่กล้าแกะและแทบร้องจ๊ากกับราคาที่แพงกว่าที่คิดหลายเท่า จะด่าก็ด่าไม่ออกในเมื่อเตโชตั้งใจซื้อให้ผม เลยลองชงกินพิสูจน์รสชาติเอาตอนหนึ่งทุ่มเป็นการล้างปากหลังกินข้าวเสร็จ ลองจิบแล้วก็พบว่ารสชาติหอมหวานตลบอบอวล สมแล้วที่เป็นชาดี
“นายรู้จักร้านพวกนี้ด้วยเหรอ” ชงเสร็จผมก็เก็บที่เหลือใส่กล่องให้เรียบร้อย ของแพงต้องถนอมหน่อย
“พี่ฌานแนะนำมา”
ผมหันขวับจนคอแทบหัก เกือบทำกล่องชาตกพื้น
ทำไมคนหน้ามึนถึงเรียกนิฌานว่าพี่ฌานทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน!
“นายไปรู้จักเขาได้ยังไง”
“เมื่อวาน....พี่ฌานโทรมา” เตโชตอบเสียงเรียบเรื่อยแม้จะเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นผมเดินดุ่มๆ เข้ามาด้วยสีหน้ากึ่งหาเรื่อง
“แล้วเขารู้เบอร์นายได้ยังไง”
“ไม่รู้” คนหน้ามึนมองผมงุนงงว่าทำอะไรผิด ก่อนจะจับมือให้นั่งเคียงข้างกัน เพราะวันนี้เช็กเมทฉายตอนที่สิบเจ็ดแล้ว เท่ากับว่าอีกอาทิตย์เดียวก็จะถึงตอนอวสานที่หลายคนรอคอย
แต่ผมกลับไม่มีสมาธิดูแม้แต่น้อย สงสัยว่าทำไมนิฌานต้องไปหาเบอร์เตโชเพื่อแนะนำร้านชาด้วย มันดูจงใจไปรึเปล่า หรือว่าเขาจะจีบเตโช...แต่จีบประสาอะไรถึงให้คนหน้ามึนไปซื้อถุงชามาประคบตาผมกันล่ะ
เว้นแต่ว่านิฌานจะหวังดีจริงๆ
ไม่เชื่อ ผมไม่เชื่อ!!
“เตโช” ปกติเวลาดูเช็กเมท พวกเราจะนั่งตัวติดกันอย่างตั้งใจ หนักหน่อยก็เป็นผมที่กระตุกแขนเสื้อเขาเบาๆ ทุกครั้งเมื่อถึงฉากลุ้นระทึก “วันหลังถ้าพี่ฌานโทรมาอีกต้องบอกฉันนะ”
แต่งวดนี้ผมปีนขึ้นไปนั่งตักคนหน้ามึน หันหลังให้โทรทัศน์ แล้วกระชากคอเสื้อให้สนใจแฟนมากกว่ามิสเตอร์เอส
“พี่ฌานแนะนำ บอกว่าช่วงนี้จิระต้องร้องไห้บ่อย ให้ซื้อถุงชามาตุน”
“ไมได้! แนะนำดีแค่ไหนก็ไม่ได้!! เลิกเรียกว่าพี่ฌานอะไรนั่นด้วย เขาเจ้าชู้มากนะนายรู้บ้างมั้ย เขากำลังจะจีบนาย เขากำลังจะจีบนาย!!”
เตโชมองผมเหมือนแฟนเสียสติอีกแล้ว ทำไมแฟนถึงสติหลุดบ่อยจังนะ น่ารักจังเลย
“มันแปลกออกที่จู่ๆ โทรหานาย ถ้าจะแนะนำร้านชาบอกผ่านฉันก็ได้นี่ แถมยังทำให้นายเรียกพี่ฌานได้อีก เขาต้องจีบนายแน่ๆ! เตโชฟังฉันนะ นายต้องบล็อ...”
ผมเบิกตาค้างเมื่อคนหน้ามึนก้มหน้าพลางแนบปากนาบบนริมฝีปากผม
นิ่งไปครู่ใหญ่กว่าจะตั้งสติได้ ผมหันมากระชากคอเสื้อเตโชอีกครั้ง
“ฉันบอกว่านายต้อง...อื้อ!”
โดนจูบอีกแล้ว แถมยังบดเบียดหนัก งวดนี้ค้างนานกว่าเดิมหนึ่งนาที
ผมหอบหายใจหน้าแดงก่ำ ยังไม่ลดละความพยายาม
“พี่ฌานไว้ใจไม่ได้ นายห้าม...เฮ้ย!” เผลอร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ คนหน้ามึนก็พลิกตัวจับผมกดบนโซฟา ซีรีส์เช็กเมทดำเนินไปอย่างเข้มข้น ส่วนตัวผมนั้นกำลังจะโดนเผด็จศึกไม่ต่างกัน
“พรุ่งนี้ฉันต้องเข้ากองตอนเช้า...” ผมพูดเบาราวกระซิบเมื่อเตโชก้มหน้าจูบไม่ยอมหยุด เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบาสลับกันไปจนตัวอ่อนยวบยาบ “เฮ้ย แล้วนั่นนายจะลุกไปไหน!”
“ช่วยตัวเอง”
“ช่วยตัวเองทำไมฉันนั่งหัวโด่อยู่นี่!”
“จิระต้องเข้ากองตอนเช้า”
ผมอยากจะเอาหัวโหม่งโซฟาตายชะมัด ไม่สิ จับหัวเตโชโขกเต้าหู้น่าจะดีกว่า เผื่อสารอาหารจะซึมซับให้เขาหายมึนสักที
“ฉันเตือนให้นายทำเบาๆ ห้ามทำรอย ไม่ได้ห้ามไม่ให้เอาโว้ย!”
พูดออกมาตรงแด่วด้วยเสียงอันเกรี้ยวกราด
ตะโกนจบก็เพิ่งมาเห็นว่าเตโชยืนมองผมด้วยรอยยิ้มมุมปากที่กวนประสาทขนาดไหน
เล่นใหญ่อีกแล้ว....โดนเตโชเล่นใหญ่หลอกอีกแล้ว!
ผมหันหลังหนีนั่งขดตัวซุกขอบโซฟาอย่างโมโห ก่อนจะร้องโวยวายเมื่อถูกอุ้มเข้าห้องนอน
ยังจะรออะไรกันอีก แพนกล้อง! แพนกล้อง!!
“ติดสินบนไง”
วันต่อมา ด้วยสภาพถูกจับกินไปสองยก ผมก็พาสารร่างอันทรุดโทรมของตัวเองมาไขข้อสงสัยกับนิฌานที่ยิ้มร่ามีความสุขเพราะดินเนอร์เมื่อวานราบรื่นด้วยดี
“ติดสินบนเตโชให้ทำดีกับจิ จิจะได้ไม่ขวางพี่”
“ทำเรื่องให้มันยุ่งยากนะพี่ฌาน” ผมเอ่ยเคืองๆ พลางนวดขมับเพราะเมื่อคืนนอนน้อย...อย่าถามเชียวว่าเพราะอะไร
“แล้วได้ผลรึเปล่าล่ะ”
“ได้ผลอะไร” ผมสะดุ้ง เพราะการติดสินบนของพี่แกทำให้เสียตัวแบบงงๆ
“พี่หมายถึงถุงชา จิคิดอะไรเนี่ย”
“เปล่า...” รีบปฏิเสธก่อนความแตก ก่อนจะลองแตะเปลือกตาเพื่อพิสูจน์สรรพคุณ “ผมว่าได้ผลนะ วันนี้ตาหายบวมแถมรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วย”
ต้องยกความดีให้เตโชที่หลังเสร็จกิจก็ประคองผมไปอาบน้ำล้างตัว โดยไม่ลืมนำถุงชาในช่องแช่เย็นมาประคบให้ตอนนอน
“เพราะกลิ่นชาไง” นิฌานคลี่ยิ้มอย่างพอใจ “ชาชื่อดังจะมีกลิ่นหอมๆ ออกมา ประคบตาแล้วยังนอนหลับสนิทอีกต่างหาก เยี่ยมเลยใช่มั้ยล่ะ”
“ขอบคุณครับพี่ฌาน”
เป็นอันหมดข้อสงสัยในตัวผู้ชายคนนี้โดยสิ้นเชิง
--------------------
และแล้วหนูจิก็โดนกินเป็นครั้งที่สองหลังจากกลับจากพัทยาเพราะหึงนิณานกับเตโช(?)
จิระความจริงแล้วเป็นคนหัวอ่อนที่ค่อนข้างคิดมากคิดเยอะนะคะ และก็เพราะความคิดมากถึงได้มีนิิสัยเกรี้ยวกราดขี้หงุดหงิด ขนาดเตโชกับนิณานยังโยงกันได้อีก ก็ไม่แปลกที่เตโชที่ไม่เคยจะคิดอะไรเลยสัญชาตญาณดิบกำเริบ นึกอยากกินตับขึ้นมา ก็จิระตอนโวยวายเนี่ยน่ารักจังเลยสิน้าาาา
ส่วนนิณานมาดีมาร้าย...มาลองเดากันเถอะค่ะ จากชื่อก็บ่งบอกแล้วว่าเราตั้งใจตั้งขนาดไหน 555
เพจนักเขียนที่เพิ่งสังเกตว่าเรื่องนี้ไม่มีคนชื่อสมเลย