ตอนที่ 29
อยู่ด้วยกัน
วันนี้เตโชมาเฝ้าผมที่กองถ่าย
เห็นว่าอยากมาเจอนิฌานสักครั้ง แต่พอมาถึงไม่ทันได้แนะนำตัวหรือทักทายใคร ก็โดนนายจิตริน ทองคำดีลากไปฝอยใส่ไม่ยอมหยุดเพราะเห็นว่าเขาเป็นแฟนผม ทั้งซักทั้งถามทั้งโม้ จนผมถ่ายจบไปสามฉากจิตรินยังพูดจ้ออยู่เลย
“จิตริน ฉันขอแฟนคืนได้มั้ย” ผมถามเขาอย่างสุภาพในช่วงพักกองเพราะเห็นเตโชเริ่มตาลอย
“ได้สิ” จิตรินยิ้มหวาน ดีอกดีใจเมื่อเห็นผมมีความรักที่สมหวัง “แต่แฟนจิระเงียบไปหน่อยนะ ต้องชวนเขาคุยให้มากๆ เข้าล่ะ!”
อา...ไม่รู้จะตอบอะไรเลยหลังช่วยชีวิตเตโชมาได้ผมก็กระซิบถามเบาๆ ด้วยความอยากรู้สุดขีด
“นายคุยอะไรกับจิตรินตั้งนานสองนานเนี่ย”
“ไม่รู้”
“อ้าว ทำไมถึงไม่รู้ได้ล่ะ”
“หูดับ”
ผมหลุดหัวเราะพรืด จิตรินฝอยหนักขนาดคนหน้ามึนหูดับได้ สุดยอดเกินบรรยายเลยทีเดียว
“นั่นน่ะอดีตมิสเตอร์เอสที่นายเคยชอบนะ” ผมใช้ไหล่สะกิดไหล่เขาพลางกระเซ้าเย้าแหย่ “นายทำกับคนที่เคยปลื้มอย่างนั้นได้ยังไง”
ตอนสารภาพความลับสุดแฟนตาซี ผมหึงเตโชกับจิตริน ส่วนเตโชหึงผมกับเสี่ย นึกแล้วก็ตลกชะมัด
“วันนี้ไม่ร้องไห้?”
“อืม วันนี้ไม่มีฉากร้องไห้ ถ้าต้องเสียน้ำตาทุกวันในกองมีหวังตัวแห้งกันพอดี ขอเวลาให้ร่างกายฉันผลิตน้ำบ้างเถอะ” ผมแตะเปลือกตาที่ดีขึ้นมากหลังได้ถุงชาประคบก่อนนอน “ดีจังที่วันนี้นายมาด้วย”
เตโชลูบศีรษะผมเบาๆ เมื่อได้ยินคำนั้น
“ฉันยังปรับตัวกับกองถ่ายนี้ไม่ชินเลย อยู่กับจิตรินแล้วสบายใจก็จริงแต่ไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกดีเท่าอยู่กับนายอีกแล้ว”
เตโชเปลี่ยนจากลูบหัวเป็นโอบกอดผมเบาๆ ก่อนจะรีบปล่อยแล้วเปลี่ยนมาเป็นจับมือ เกาะเกี่ยวปลายนิ้วหากันกึ่งเล่นกึ่งหยอกเย้า เนื่องจากอยู่ในห้องสตูดิโอท่ามกลางทีมงานหลายชีวิตเลยไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งนัก
อาจเพราะบทของกันย์ค่อนข้างสะเทือนอารมณ์ ทำให้ช่วงนี้ผมพลอยเป็นพวกหวั่นไหวง่าย หากเป็นแต่ก่อนอย่าหวังเลยว่าจะพูดอะไรหวานๆ ต่อหน้าเตโช แต่เพราะเพิ่งถ่ายฉากที่กันย์ยืนมองตุลย์ขอดูแลดาวหลังออกจากโรงพยาบาล โดยมีพ่อแม่ทั้งของกันย์และของดาวสนับสนุนยินดี ผมถึงได้รู้สึกวูบโหวง ติดความอ้างว้างของวิญญาณแสนโดดเดี่ยวที่ไม่อาจพูดความในใจกับใครได้นั้นเกาะกินจิตใจจนหน่วงหนึบ
อยากให้คนสำคัญรับรู้ถึงตัวตน
ไม่อยากถูกทิ้งให้ต้องยิ้มส่งกับความรักที่เคยเป็นเจ้าของ
ผมเอนตัวพิงกับเตโช กำปลายนิ้วของเขาแน่น สูดกลิ่นอายที่คุ้นเคย สัมผัสไออุ่นที่ซึมซาบเข้ามา
“จิ มาซ้อมบทกันหน่อยมั้ย ใกล้เวลาเข้าฉากต่อไปแล้วนะ” นิฌานวิ่งเยาะๆ มาตามผม ก่อนจะยกมือขอโทษขอโพยเมื่อเห็นผมกับเตโชยืนอิงแอบแนบชิดกันอยู่ “พี่มาขัดจังหวะพวกเรารึเปล่าเนี่ย”
“ไม่หรอกพี่ฌาน” ผมปล่อยมือเตโช หันไปกำชับเขา “นายห้ามไปไหนนะ จะเข้าห้องน้ำก็รีบไปตอนนี้เลย แต่ถ้าฉันเข้าฉาก นายต้องยืนดูข้างๆ จะเล่นโทรศัพท์ก็ไม่ได้ ต้องมองฉันคนเดียวเท่านั้น”
“โหดจัง” นิฌานพึมพำกับคำสั่งเฉียบขาดของผม
แต่เตโชเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ
แฟนใครน่ารักจริงเชียว“ทำไมพี่ต้องบังคับดาวด้วย! เราไม่รู้จักกันสักหน่อย ทำไมพี่ต้องมายุ่งกับดาว!”
“เพราะพี่ไม่อยากให้ดาวตาย!”
หลังตุลย์พาดาวกลับบ้าน และตัดสินใจเข้ามาดูแลดาวโดยการเก็บข้าวของมาร่วมอาศัย ทั้งสองคนก็ทะเลาะหนักเพราะดาวไม่คิดเปิดใจ ตุลย์ถึงขนาดขอลางานหนึ่งเดือนเพื่อดูแลผู้หญิงคนนี้อย่างใกล้ชิด จนกว่าจะมั่นใจว่าเธอจะไม่ฆ่าตัวตายอีก
“อย่ามาสงสารดาว!”
“พี่ไม่ได้สงสารดาว แต่พี่อยาก...ให้ดาวยิ้ม ให้ดาวหัวเราะ ให้ดาวมีชีวิตที่ดี”
“ดาวจะยิ้มและหัวเราะได้ยังไงในเมื่อกันย์ต้องตายเพราะดาว”
“ไม่...ผมไม่ได้ตายเพราะดาว” ผมค่อยๆ โอบกอดหญิงสาวที่ซุกตัวร้องไห้สะอึกสะอื้น “ผมไม่ได้ตายเพราะดาว ผมอยากให้ดาวยิ้ม อยากให้ดาวหัวเราะ อยากให้ดาวมีความสุข...”
“พี่มองเห็นวิญญาณ พี่มองเห็นกันย์” ตุลย์ตัดสินใจสารภาพความจริงเมื่อเห็นภาพสะเทือนใจตรงหน้า มือโปร่งแสงที่แม้จะพยายามกอดแค่ไหนก็ทำได้เพียงทะลุผ่าน
“อะไรนะ”
“ดาวคิดว่าพี่ช่วยดาวได้ยังไงทั้งที่เราไม่รู้จักกัน พี่รู้เพราะกันย์เป็นคนบอก เขาเป็นคนขอร้องให้พี่เรียกรถพยาบาล บอกชื่อจริงของดาว บอกที่อยู่ของดาว พี่ถึงเข้าไปช่วยดาวได้!”
“ไม่...ไม่จริง”
“จนถึงตอนนี้กันย์ก็ยังอยู่ข้างดาว! เขาอยากให้ดาวยิ้ม อยากให้ดาวหัวเราะ อยากให้ดาวมีความสุข เพราะอย่างนี้พี่ถึงมาดูแลดาว เพราะกันย์บอกให้พี่อยู่กับดาวจนกว่าจะมั่นใจว่าดาวจะมีชีวิตของตัวเอง” ตุลย์เอ่ยเสียงเครือ “ชีวิต...ที่ไม่มีกันย์อีกแล้ว”
“ดาวทำไม่ได้!”
“ดาวต้องทำให้ได้ เพราะกันย์เอง...ก็พยายามอยู่เหมือนกัน” ตุลย์เงยมองผมที่ยืนนิ่งไม่ตอบคำ “ใช่มั้ยกันย์”
“ใช่” ผมพยายามฝืนยิ้ม สร้างความมั่นใจว่าตุลย์ทำถูกต้องแล้ว “ดาวต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้ ชีวิตที่...ไม่มีผม”
“มาพยายามด้วยกันเถอะนะดาว เราสามคน พี่ ดาว และกันย์” ตุลย์นั่งคุกเข่าตรงหน้าหญิงสาว พร้อมยื่นมือออกมาด้านหน้าด้วยแววตาสั่นไหว “พยายามด้วยกันเถอะ”
ผมค่อยๆ หลุบตาลงเมื่อเห็นดาวเอื้อมมือไปหาตุลย์อย่างเชื่องช้ากึ่งลังเล
ฉากในวันนี้จบที่ตรงนั้น ตรงที่ภาพกลายเป็นสีดำเมื่อกันย์หลับตา ได้ยินเพียงคำตอบรับของดาวซึ่งบอกเป็นนัยว่าเธอยอมจับมือกับตุลย์
“ดาวจะลองดู...เพื่อกันย์”
“คัต!”
ผมพุ่งไปหาเตโชทันทีที่สิ้นเสียงของผู้กำกับ ตรงดิ่งเข้าไปกอดเขา จนมั่นใจว่าสองมือไม่ได้ทะลุผ่าน ผมยังสัมผัสคนรักได้ รับรู้ถึงมือของเตโชที่ค่อยๆ โอบตอบแผ่วเบาอย่างทะนุถนอมถึงพอวางใจ
“ถ้าเป็นแบบนี้จะแย่เอานะครับคุณจิระ”
ผมสะดุ้งเฮือก เงยมองเลขาจอมมารที่ไม่รู้ว่าเข้ากองมาได้ยังไงในเมื่อช่วงเช้ายังไม่เห็นเลย
“คุณจิตรินเป็นคนตามผมมา เห็นว่าคุณจิระดูอาการไม่ค่อยดี”
“ฉันสบายดี” ผมพูดแม้จะยังกอดเตโชไม่ปล่อย คนหน้ามึนนั้นค่อนข้างอินดี้และเก็บตัว เลยเลือกยืนอยู่ริมสตูดิโอไม่เกะกะขวางทางคนอื่น คอยลูบหัวลูบไหล่ปลอบเป็นระยะ
“จิระอาการไม่ดี”
ผมเงยมองคนหน้ามึนที่พูดแทรกทันควัน ก่อนจะก้มหน้ากัดปาก เพราะพอรู้ตัวเองว่าก็ไม่ได้ดีอย่างที่เห็น
ความจริงอาการนี้เคยปรากฏมาก่อนตอนผมแสดงเป็นมิสเตอร์เอสในตอนที่สิบหกและตอนที่ยี่สิบ เมื่อมุมมองเรื่องถูกเปลี่ยนเป็นตัวละครนั้นๆ เมื่อไหร่ ผมจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจจนกลายเป็นคนคนนั้นทันที เมื่อได้ยินเสียงคัต อารมณ์จะยังคั่งค้างยากปรับให้เป็นปกติ โชคดีที่ตอนแสดงเช็กเมทมีแค่สองตอนเท่านั้น เมื่อจบกองก็เป็นอันจบลง
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ ผมต้องเข้ากองในทุกวัน ทำให้ไม่กล้าสลัดความรู้สึกหน่วงหนึบของกันย์ออกทั้งหมด หรือให้ถูกคือพยายามทิ้งความเป็นกันย์ไว้แม้จะจบฉากไปแล้ว จนบางทีก็เผลอเอามาปะปนกับชีวิตจริง
“ก็แค่ช่วงนี้เท่านั้นแหละ” ผมเกาะเตโชเป็นขี้ปลาทอง “ถ้าถ่ายจบก็หาย และจะอาการหนักแค่ช่วงเพิ่งถ่ายเสร็จใหม่ๆ ด้วย กลับบ้านฉันก็เป็นคนเดิม เนอะเตโช”
เตโชไม่ตอบ เอ่อ...ผมอาจจะเอาแต่ใจและเรียกร้องความรักจากเขามากขึ้นหน่อยละมั้ง...
“ใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว คุณเตโชยกเลิกสัญญาเช่าแล้วย้ายไปอยู่กับคุณจิระสิครับ” คมสันสรุปวิธีแก้ปัญหาให้ “คุณจิระจ่ายสดซื้อห้องไปแล้ว ถ้าคุณสองคนอยู่ด้วยกัน คุณเตโชเองก็ไม่ต้องถูกหักเปอร์เซ็นต์จากทางบริษัทในเรื่องนี้ด้วย แถมยังได้อยู่ใกล้ชิดดูแลกันมากขึ้น ไม่ดีเหรอครับ”
“ทำตัวเป็นพ่อสื่ออีกแล้ว” ผมบ่นอุบ
“เรื่องขนของพวกคุณคงทำกันเองได้ใช่มั้ย งั้นรีบจัดการซะนะครับ เพราะห้องของคุณเตโชจะประกาศขายต่อ เวลามีคนมาขอดูห้องจะได้ไม่เป็นปัญหา”
“ขอบคุณ” เตโชเอ่ยเสียงราบเรียบ
“ไปขอบคุณจอมมารทำไม วันนี้ฉันก็ตั้งใจจะชวนนายมาอยู่ด้วยกันอยู่แล้วนะ คมสันตัดหน้ากันชัดๆ เลย!” ผมพูดจริงไม่ได้ล้อเล่น เพราะไหนๆ ช่วงนี้เตโชก็มาขลุกกับผมบ่อยๆ แล้วจะแยกห้องเขาห้องเราทำไม สู้มาอยู่ด้วยกันเลยดีกว่า ไม่ใช่ว่าตอนกลางคืนผมเผลอสะดุ้งตื่นบ่อยๆ เพราะหลงนึกว่าตัวเองกลายเป็นวิญญาณจนไปซุกอกเขาหรอกนะ เชื่อสิ
“หืม คุณจิระเรียกผมว่าอะไรนะครับ”
เชี่ยแล้วไง!เบลอหนักขนาดพูดฉายาในความคิดต่อหน้าคมสันเลยเหรอเนี่ย! กล้ามากจิระ! วอนตายมาก!!
ผมมองซ้ายมองขวา ก่อนจะตัดสินใจชิ่งหนีเข้าห้องน้ำ แต่พอเดินไปได้สามก้าวก็วกกลับ จับมือเตโชลากไปด้วยกันเพราะยังรู้สึกหวิวๆ ไม่กล้าอยู่คนเดียว
คนหน้ามึนมองผมยิ้มๆ คงขำที่โตป่านนี้ยังต้องหาคนไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อน
“มาตกลงกันก่อนว่าถ้าย้ายมาอยู่ห้องฉันแล้วห้ามทำรกนะ”
เตโชพยักหน้าหงึกหงัก
“ฉันยกห้องนั่งเล่นให้นาย แต่ห้ามขยายอาณาจักรขยะกระดาษของนายมาที่ห้องนอนเด็ดขาด แล้วก็ห้ามทิ้งซี้ซั้วเกลื่อนพื้น ต้องเหลือทางเดินให้ฉันบ้าง”
เตโชพยักหน้ารับคำเป็นระยะ
“ตอนฉันซ้อมบทอยู่ในห้องน้ำ ถ้านายปวดเบาหรือปวดหนักขึ้นมาห้ามเปิดพรวดพราด ให้เคาะประตูบอกก่อน” ผมไล่นิ้วข้อควรจำ เพราะปกติแล้วเวลาทำงาน ผมกับเตโชจะแยกย้ายไปห้องใครห้องมัน เลยไม่มีปัญหาเรื่องขยะกระดาษหรือการเข้าห้องน้ำ “ตอนนายต้องการสมาธิแต่งเพลง ฉันก็จะเก็บตัวอยู่ในห้องนอนไม่กวน ถ้าจะออกไปข้างนอกก็จะเคาะประตูก่อนเหมือนกัน ดีมั้ย”
“ดี”
“ตู้เสื้อผ้าในห้องฉันเต็มแล้ว...คงต้องให้นายขนตู้ที่ห้องตัวเองมาด้วย พวกโปสเตอร์วงดนตรีโปรดของนาย ฉันอนุญาตให้ติดกำแพงห้องครึ่งหนึ่ง หนังสือเพลงกับหนังสือการ์ตูนของนายก็ไปไว้ที่ห้องนั่งเล่นข้างนอก...ฉันว่าเราไปซื้อชั้นสูงๆ มาเลยดีกว่าจะได้ไม่รกห้อง แล้วมีอะไรอีกนะ...”
“รูปจิระ”
“เอ่อ...รูปของฉัน” ผมหายใจสะดุดเล็กน้อยเมื่อนึกถึงรูปสุดเคลิ้มของตัวเองที่รายการสัมภาษณ์อัดใส่กรอบให้เตโชเป็นของขวัญ “ติดไว้ตรงโซฟาละกัน นายจะได้มีกำลังใจทำงาน”
นับนิ้วแล้วข้อตกลงที่ควรมีก่อนอยู่ด้วยกันก็น่าจะครบถ้วนสมบูรณ์ดี ผมเหลือบมองคนข้างกายเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาอ้อมแอ้มเสียงเบาหวิว
“ฝากตัวด้วยนะ”
เตโชมองผมด้วยสีหน้ามึนงง ก่อนจะเผยยิ้มจางออกมา
“ฝากตัวด้วย...ครับ”
-----------
และแล้วสองคนนี้ก็อยู่ด้วยกัน(สักที)ค่ะ 5555 ปกติเวลากลับก็ตัวติดกันอยู่แล้วเนอะ ทดแทนในช่วงเวลาทำงานกัน แต่ในเมื่อย้านสำมะโนครัวเป็นทางการแล้ว แสดงว่าก็เป็นสามีภรรยาทางพฤตินัยแล้วใช่มั้ยคะ ( เอ๊ะ หรือเป็นมานานแล้ว 5555 )
เหลืออีกไม่กี่ตอนเรื่องนี้จะจบแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ติดตามกันมา เวลาถึงช่วงท้ายทีไรเราก็ใจหายทุกที เพราะผูกพันกับตัวละคร เพราะกลัวว่าจะแต่งไม่ดี อยากให้ทุกคนอ่านกันด้วยความรักและสนุกสนาน เอาใจช่วยจิระกับเตโชกันด้วยนะคะ ^ ^
เพจนักเขียนที่พร้อมส่งทั้งคู่เข้าเรือนหอ