ตอนส่งท้าย
ผมหยุดยืนหน้าห้องด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ชั่งใจระหว่างจะเปิดเข้าไปเลยดีมั้ย หรือจะเรียกเตโชมาเปิดประตูให้ดี
สุดท้ายก็เลือกอย่างแรก ผมเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปไม่คิดบอกเตือน ปะทะกับภาพของคนหน้ามึนที่กำลังปักเค้กอย่างมุ่งมั่นบนพื้น
“นายทำอะไรน่ะเตโช”
คนหน้ามึนกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยกเค้กที่ยังปักไม่เสร็จมาตรงหน้าผมพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มมุมปากว่า... “เซอร์ไพรส์”
ไม่รู้ว่าใครเซอร์ไพรส์ใครกันแน่ แต่ผมอารมณ์ดีจนยอมเล่นกับเขาด้วยการทำท่าเป่าเทียนที่มีอยู่โหรงเหรงแถมยังไม่ได้จุดไฟ ก่อนจะชูถ้วยรางวัลอวดอย่างทนรอไม่ไหว
“ฉันมีสองถ้วยเท่ากับนายแล้วนะ”
เตโชปรบมือเปาะแปะแสดงความยินดี
“ไอ้บ้านี่ นายแกล้งมึนใช่มั้ย” ผมล็อกคอเขา ก่อนจะร้องอุทานเมื่อความเกรี้ยวกราดนั้นส่งผลให้เค้ก...ตกพื้น
วินาทีนั้นพวกเราสองคนพากันนิ่ง ก่อนจะสบตากันแล้วเริ่มคาดโทษทันที
“ความผิดนายนั่นแหละ”
“ความผิดจิระ”
“ความผิดนายต่างหาก!”
“ความผิดแฟน”
เถียงไปเถียงมาก็วนเวียนกันอยู่แค่ไม่กี่ประโยค เตโชยุติบทสนทนาด้วยการเอามือป้ายเค้กส่วนที่ยังไม่โดนพื้นยัดเข้าปากผม
“อร่อยจัง”
“งั้นสั่งใหม่”
เตโชกดโทรศัพท์สั่งเค้กทันควัน ส่วนผมเดินไปวางถ้วยรางวัลในตู้กระจกพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข มองภาพนี้ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อเลย
“จิระเก่ง” คนหน้ามึนเดินมานั่งยองๆ ข้างผม แต่เขาไม่มองถ้วยรางวัล เอาแต่จ้องแฟนอยู่นั่นแหละ
“มีรางวัลมั้ย”
“มีเค้ก”
“ฉันอยากได้อย่างอื่นด้วย”
เตโชจุ๊บเหม่งผมเป็นคำตอบ
“เอาตรงอื่นสิ!”
เตโชหอมแก้มผมดังฟอด
“ไม่ใช่ตรงนั้น!”
ก่อนจะมาจบที่ริมฝีปาก แนบเบาๆ และผละจากอย่างรวดเร็ว
ผมชักหน้าเซ็งเกินจะบรรยาย
“ทำไมต้องให้ฉันรุกก่อนทุกที ฉันกำลังอ่อยนายอยู่นะ รุกฉันก่อนบ้างสิวะไอ้สล็อตบ้า!”
“แล้วเค้กล่ะ”
“นายจะกินฉันก่อนหรือจะกินเค้กก่อน”
เตโชหยุดคิดชั่วครู่ เล่นเอาผมเกรี้ยวกราดจนแทบจะจกหัวเขากินแทน
“จิระ”
“อะไร”
“กินจิระ” เตโชตอบชัดถ้อยชัดคำ คบกันมาหลายเดือน แต่นิสัยขี้แกล้งหน้าตายชอบให้ผมโวยวายไม่เคยเปลี่ยนสักนิด
“รับประทานแล้วนะครับ”
แล้วผมก็ถูกปอกเปลือกอย่างคล่องแคล่วว่องไว ตัวสะท้านเป็นระยะเมื่อเตโชรวบเอวผมให้แนบชิดกับส่วนอุ่นร้อนที่โลดแล่นเหนือขอบกางเกง ถูไปไถมาจนส่วนปลายเริ่มชุ่มน้ำ เขาก็ค่อยๆ ดันตัวเองเข้ามาอย่างเชื่องช้าซึ่งเป็นไปอย่างจุกหน่วงเนื่องจากไม่มีการเบิกทางก่อน
ความอึดอัดยามถูกชำแรกทีละนิดละหน่อยนั้นเล่นเอาผมนิ่วหน้าสูดปากอย่างพูดไม่ออก ได้แต่ยกมือค้ำยันกับชั้นกระจกที่มีถ้วยรางวัลสี่ถ้วยเป็นพยานรักต่อหน้าต่อตา ผมเขย่งเท้าสุดชีวิตเนื่องจากพวกเราทำกันในท่ายืนหันหลัง และน่าเศร้าที่ความยาวขาของผมนั้นสั้นกว่าเตโชหลายเซนติเมตร การจะสอดประสานเข้าหากันในองศาที่ใช่นั้นจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก
ก่อนผมจะร้องลั่นเมื่อคนหน้ามึนทนไม่ไหว รวบเอวผมขึ้นจนขาลอยเหนือพื้น พร้อมกับกระแทกตัวเข้ามาจนสุด ลึกล้ำ ซาบซ่าน เสียดเสียว ผมหลับตาแน่นเพื่อรับสัมผัสที่แสนอิ่มเอมนั่น ตัวสั่นระริกในอ้อมกอดของเขา
จากนั้นเสียงหมูสับก็ดังขึ้น อีกนิดก็ต้มน้ำพร้อมทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้เลย...ซะที่ไหนล่ะ!
หากเปรียบเป็นมาม่า ก็คงเป็นมาม่ารสต้นยำมะนาวเพราะทั้งเผ็ดซี๊ดและจี๊ดจ๊าด ศีรษะผมโยกคลอนตามแรงกระทุ้งสวน นิ้วมือจิกเกร็งกับตู้กระจก ครางเป็นระยะเมื่อเตโชก้มเลียสลับจูบที่บ่าและแผ่นหลังของผมอย่างหิวโหย ก่อนที่คนหน้ามึนจะทนไม่ไหว รวบเอวเปลี่ยนเป็นยกขาผมขึ้นข้างหนึ่งเพื่อแทรกตัวให้แนบชิดมากขึ้น เล่นเอาผมยืนหันเอียงสี่สิบห้าองศา หันหน้าออกไปทางระเบียงจนเห็นเงาการร่วมรักแสนเร่าร้อนสะท้อนกับประตูกระจกอยู่ไหวๆ ชวนวาบหวิว
“อะ...อ๊า!”
จบจากต้มยำมะนาว เตโชก็พร้อมต่อด้วยต้มโคล้ง เพราะตัวผมโคลงไปเคลงมาจากการถูกเปลี่ยนท่าจากหันหลังเป็นหันหน้าเข้าหา สองขาถูกช้อนขึ้นพาดกับศอกของเตโช สองมือโอบกอดเกี่ยวลำคออีกฝ่ายไว้ ขณะที่แผ่นหลังแนบชิดกับชั้นรางวัลจนถ้าถ้วยทั้งสี่กรีดร้องได้คงบอกให้ผมกับเตโชไปร่วมรักไกลๆ หน่อย
เสียงโทรศัพท์ดังแทรก คาดว่าร้านส่งเค้กคงโทรมาตามให้ลงไปรับของ แต่อารมณ์ของเรากำลังไต่ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด อีกนิดก็จะเสร็จสมอยู่รอมร่อ เตโชเร่งจังหวะขึ้นสองเท่าเพื่อทำเวลา ส่วนผมนั้นตาพร่าไปหมดด้วยความเสียวซ่านแทบขาดใจ
จนเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังเป็นครั้งสอง พวกเราก็พากันนอนพังพาบเกยกับชั้นรางวัลในสภาพสิ้นเรี่ยวแรง ผมหอบพะงาบๆ โดยมีเตโชกอดเอวหน้าซุกอก ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งคนหน้ามึนถึงจะยันตัวลุก หยิบกางเกงและเสื้อขึ้นมาสวมก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์แล้วเปิดประตูลงไปชั้นล่าง
ผมถือโอกาสนั้นสำรวจตัวเองและสภาพแวดล้อม
เอ่อ...เสื้อถูกถอดกระจัดกระจายโยนอยู่ใกล้กับภูเขากระดาษของเตโช ส่วนถ้วยรางวัลที่ควรตั้งเป็นเกียรติเป็นศรีอยู่ในชั้นนั้นก็ถูกแรงกระแทกกระทั้นสั่นสะเทือนสิบริกเตอร์จนพากันล้มหายตายจาก หกคะเมนตีลังกาไม่เหลือสภาพ
ผมยิ้มแห้ง สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะยันตัวเองขึ้นมานั่งจัดเรียงถ้วยรางวัลให้ดี ก่อนจะไปล้างเนื้อล้างตัว พอเดินออกมาเตโชก็ถือเค้กที่ปักเทียนจุดไฟเรียบร้อยรอยืนอยู่หน้าประตู
“ยินดีด้วย”
“ขอเสียงให้มีพลังกว่านี้หน่อยสิ”
“ยินดีด้วยครับแฟน!”
“ดีมาก” ผมยิ้มร่าอย่างชอบใจกับการขึ้นเสียงของเตโชที่แม้จะเทียบกับตอนผมเกรี้ยวกราดไม่ได้แต่ก็ชวนกระชุ่มกระชวยหัวใจ “ฉันต้องอธิษฐานมั้ยเนี่ย”
ก่อนจะทำตัวไม่ถูกกับเค้กอวยพรทั้งที่ไม่ใช่วันเกิด
“อธิษฐานสิ”
“งั้นฉันอธิษฐาน...ให้เราสองคนประสบความสำเร็จในอาชีพการงานที่รักที่ชอบไปตลอดชีวิต”
ผมก้มหน้าเป่าเทียน พอเงยขึ้นไม่ทันกล่าวขอบคุณก็โดนคนหน้ามึนเอานิ้วจุ่มเค้กมาป้ายแก้มซ้าย
“...”
ต่อด้วยแก้มขวา
“นายหาเรื่องกันใช่มั้ย!” จิระเกรี้ยวกราดแล้ว ความซึ้งอยู่ตรงไหน ผมอาละวาดแย่งเค้กเตโชมาถือ ก่อนจะวิ่งไล่ป้ายเค้กใส่หน้าเขาไม่ยอมแพ้ เสียงโวยวายสอดแทรกพร้อมเสียงหัวเราะขบขันเมื่อทั้งผมและเขาต่างหน้าเปื้อนเค้กแทบดูไม่ได้ นักแสดงสุดหล่อในงานรับรางวัลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนคือใครกัน มีเพียงเด็กซนๆ สองคนพากันนั่งหมดแรงตรงโซฟาพลางกินเค้กที่เหลือเพียงน้อยนิดอย่างแสนเสียดาย
“ฉันเกลียดการเป็นดาราเพราะไม่อยากเป็นเหมือนแม่” เมื่อท้องอิ่ม หนังตาก็เริ่มหย่อน ผมนอนซบไหล่เตโชอยู่ข้างโซฟา สายตามองเหม่อไปยังถ้วยรางวัลที่เพิ่งได้มาด้วยความรู้สึกอุ่นอวลเต็มตื้นอย่างประหลาด “แต่ตอนนี้ฉันจะเปลี่ยนความคิดใหม่ ถึงจะยังไม่ค่อยชินกับวงการบันเทิง ไม่ชอบข่าวซุบซิบนินทา แต่ฉันจะเป็นดารา และจะเป็นให้ดีกว่าแม่”
ผมจับมือเขา เอ่ยเสียงเบาพร้อมหลับตาลงพร้อมหลับใหล
“นายจะอยู่กับฉันจนถึงวันนั้นใช่มั้ยเตโช”
คนหน้ามึนไม่ตอบคำ แต่บีบมือผมเบาๆ พร้อมร้องเพลงออกมา
ฉันจะเข้าใจเธอ จะรับฟังเธอ จะต้องการเธอ
จะไม่แยกจาก และเคียงกันตลอดไป---------------------------------------------
Happy Ending กันแล้วนะคะสำหรับคู่เตโชและจิระ เราชอบบรรยากาศละมุนของสองคนนี้เวลาอยู่ด้วยกัน มีความเป็นธรรมชาติของเพื่อน สัตว์เลี้ยง(?) พี่ น้อง แฟนครบทุกอย่าง ชอบการอยู่เคียงข้างกันในวันที่ต้องการ ชอบความพยายามไล่ตามความฝันของทั้งคู่ การแต่งเรื่องนี้ให้ความรู้สึกสดใหม่สำหรับเรามาก และหวังว่าทุกคนจะชื่นชอบ และรักทุกตัวละครในเรื่องนะคะ ^ ^
ปล.ส่วนเรื่องใหม่นั้น...นิณานจะเป็นตัวเอกในเรื่องต่อไปคู่กับเจตรินน้องชายของจิตรินค่ะ เราชอบคาแรคเตอร์ของเจมากเลยนะ แต่ยังหาคนคู่ไม่เจอ จนกระทั่งมาได้ไอเดียจากพ่อปลาไหลเนี่ยแหละค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวล่วงหน้ากับคนเจ้าคารมและเด็กฉลาดมองโลกในแง่ร้ายอย่างเจด้วยนะคะ!! ( แต่คาดว่าคงอีกพักใหญ่ๆ เลยกว่าจะได้ฤกษ์แต่งเพราะต้องทำหนังสือจิระก่อน )
แต่...เดี๋ยวก่อน!!! ตอนนี้หนังสือยังเปิดพรีออเดอร์อยู่นะคะ ในเรื่องจะมีตอนพิเศษอีก 4 ตอน มีช่วงสลับร่างกันด้วย และที่สำคัญ!! มีแถมเล่มเล็กของคนมึน ใครอยากอ่านว่าคนมึนผันตัวเป็นนักร้องได้ยังไง ออกจากบ้านมายังไง ต้องติดตาม!!

รายละเอียดตอนพิเศษในเล่ม (ไม่ลงเวป)
1.ครอบครัวสุขสันต์หลังจบงานรับรางวัล และฉลองกับเตโชไปแล้ว จิระก็รับคำเชิญจากจิตรินเพื่อมากินข้าวที่บ้านเสี่ยแบบพร้อมหน้าพร้อมตาพร้อม...พร้อมอะไรล่ะโต๊ะว่างเปล่าเนี่ย!
“คมสันบอกว่าจิระทำอาหารเก่งมาก”
โดนหักหลังกันจนได้ ถูกเชิญมาที่บ้าน แต่โดนบังคับให้กลายเป็นเชฟ! ดีเหมือนกัน จิระจะโชว์ฝีมือยอดเชฟแห่งยุคให้ดูโดยมีผู้ช่วยเป็นเตโชคนหน้ามึน กับสาเหตุที่ไม่อยากรอข้างนอกเพราะกลัวหูดับ...
2.สลับร่าง (อีกแล้วเหรอ!?)เมื่อจิตรินกับจิระตกบันได ทำให้สลับร่างกันโดยไม่ตั้งใจ ทั้งเสี่ยและเตโชก็ออกอาการตื่นตะลึงทันที จิตรินในร่างจิระต้องใช้ชีวิตกับเสี่ย ส่วนจิระในร่างจิตรินก็ต้องใช้ชีวิตกับเตโช ด้วยสัญญาผูกมัด 'ห้ามจูบหรือมีอะไรกันระหว่างนี้เป็นอัดขาด!! '
แล้วเสี่ยจะอดใจไหวเหรอ จิระเองที่ชอบรุกก่อน ก็เห็นท่าจะไม่รอดเหมือนกันเพราะเตโชดันหึงเขาในร่างจิตรินซะงั้น เรื่องราวชุลมุนจะเป็นยังไงต่อไป เตรียมอ่านจุใจเกือบ 20 หน้า!
3.โฆษณายาดม“นายคัดตั้งนานเพื่อให้ฉันเล่นโฆษณานี้เนี่ยนะ”
“แต่ถ้ารับเล่น คุณจิระจะได้ยาดมฟรีสำหรับหนึ่งปีด้วยนะครับ”
“ตกลง!”
เรื่องเริ่มต้นด้วยสามประโยคนี้ เตโชเองก็กระตือรือร้นจะมาดูจิระถ่ายโฆษณา แต่...ทำไมโฆษณายาดมถึงมีฉากแก้ผ้าอาบน้ำกันละ ไม่ได้ คนหน้ามึนไม่ยอม!!!
4.เกมทดสอบความกล้ารายการบ้านผีสิงสำหรับคู่รักเชิญเตโชจิระมาเป็นแขกรับเชิญคู่รักชายคู่แรก แต่จิระพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อจะบอกปัด แต่ไม่ว่าจะขอกับคมสัน อ้อนเตโช พยายามต่อรองกับรายการก็ไม่เป็นผล เพราะทุกคนพร้อมใจกันกลั่นแกล้งเขา! ใช่สิ...ไม่กลัวผีอย่างจิระไม่เข้าใจหรอก!!! ภาพลักษณ์ที่สั่งสมมาจะพังทลายก็ในรายการนี้นั่นแหละ!!
รายละเอียดPre-order หนังสือ [วันนี้--31 มกราคม ]
->
จิ้ม