บทที่ 5
เกือบอาทิตย์แล้วที่ชีวิตของตาววนเวียนแค่กับการอ่านหนังสือ สอบ นอน อ่านหนังสือ สอบ นอนวนอยู่แบบนี้ใครๆอาจจะบอกว่ามันปกติมากกับการเป็นนักศึกษาทันตแพทย์แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่านักศึกษาทันตแพทย์ก็คนมีหลายครั้งที่เค้าฝืนตัวเองอ่านหนังสือจนร่างกายไม่ไหวต้องพึ่งกาแฟรสขมทั้งๆที่ไม่ชอบมันสักนิดแต่ก็ต้องทนเพื่อที่ให้การสอบนี้ได้ผ่านพ้นไปให้ไวที่สุดและสุดท้ายวันนี้ก็มาถึงวันที่เขาสอบเสร็จสักที
“ อิตาวสอบเสร็จละไปไหน ” บอยที่ก้มเก็บกระเป๋าหลังออกจากห้องสอบเอ่ยถามขึ้น
“ นอนครับ ” ตาวตอบอย่างไม่ต้องคิดหลังสอบเสร็จจะมีอะไรที่วิเศษไปกว่าการได้นอนล่ะ
“ ชีวิตจืดชืดอ่ะ ตอนเย็นไปร้านเหล้ากับพวกกูเลย ” บอยว่า
“ บอยก็รู้เราไม่ชอบไปร้านแบบนั้น ” ตาวตอบ ไม่ใช่ว่าเขาแอนตี้ร้านเหล้าหรือคนดื่มเหล้าถามว่าเขาดื่มเป็นไหมบอกเลยว่าเป็นเพราะป๊าของเขาสอนให้ดื่มตั้งแต่จบมอหกโดยให้เหตุผลว่าจะได้รู้จักและดื่มเป็น เขาดื่มแค่พอให้ได้เรียนรู้มัน ไม่ใช่ดื่มถึงขั้นคอทองแดงแต่ก็พอดื่มได้บ้าง แต่สาเหตุที่ไม่ไปคงเพราะเค้าไม่ชอบที่มืดๆคนเยอะๆ และกลิ่นควันบุหรี่ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้มันทำให้บางทีเขารู้สึกหายใจลำบาก
“ นานๆทีไงปลดปล่อยบ้างเถอะมึงน่ะ ดูหน้าดิเครียดจนหน้าหมองหมดแล้ว ” พอใจที่พึ่งคุยโทรศัพท์เสร็จหันมาว่าเสริม
“ ก็ได้แต่ไม่กลับดึกนะ ”
“ โอเคตามนั้น ”
21.34 น.
ณ ฟอลโล่ผับ
“ อิตาวมึงมาเดินตรงกลาง ” บอยว่าพร้อมกับดึงมือตาวให้มาเดินอยู่ตรงกลางระหว่างบอยและพอใจ ด้วยความที่พวกเขามากันค่อนข้างดึกจึงทำให้ร้านเต็มไปด้วยผู้คนจนต้องเดินเบียดเข้าไปข้างในร้านเพื่อหาที่นั่งที่ยังว่างอยู่ บอยที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มดึงมือตาวให้มาอยู่ตรงกลางโดยมีพอใจผู้เชี่ยวชาญกับร้านนี้เดินนำหน้าเพื่อหาที่นั่ง
“ มากี่คนครับ ” พนักงานร้านเดินเข้ามาถาม
“ สามพี่มีที่นั่งไหม ” พอใจถาม
“ มีๆ ซ้ายของร้านแถวกลางๆ ” พนักงานที่ดูท่าทางจะรู้จักกับพอใจว่าพร้อมกับชี้นิ้วให้ดูตรงที่ว่าง
“ โอเค ขอบคุณมากพี่ ” พอใจยกมือไหว้พร้อมกับเดินนำหน้าเข้าไปที่โต๊ะแต่กว่าจะถึงโต๊ะได้ก็ทำเอาตาวอึดอัดแทบแย่ก็อย่างที่ว่า พอใจ ญาติเยอะ รู้จักคนแทบทั้งมอกว่าจะเดินถึงโต๊ะไม่รู้หยุดคุยหยุดไหว้ไปกี่โต๊ะแล้วก็ไม่รู้
“ เอาโปรที่มีตอนนี้หนึ่ง น้ำแข็งหนึ่ง โค้กสอง ” พอใจสั่งกับพนักงานที่ยืนรออยู่ที่โต๊ะอยู่แล้วอย่างชำนาญ
“ พอใจมึงสั่งโค้กทำไมใครจะแดก ”
“ ตาวไงขืนปล่อยให้แดกเหล้าเพียวๆพ่อมันได้ขับรถมาฉีกอกกูพอดี แดกผสมโค้กไปแหละจะได้เมาช้าๆ ”
“ เออแม่งแต่ว่าก็ว่านะข้อสอบเจ๊อโนวันนี้ กูแบบอยากจะฉีกแล้วเอาไปปาหน้าชีชิปหายออกบ้าอะไรโคตรยากอยากจะออกตั้งแต่สามสิบนาทีแรกแต่พอมองไปที่อิตาวเห็นนั่งเขียนเอาๆกูนี่แบบอายเลย ” บอยว่าพร้อมกับเป็นคนชงเหล้าให้เพื่อน
“ ตาวมึงจะดึงมีนเพื่อนอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย ”
“ ป่าวนะเราก็ทำไม่ได้ทุกข้อหรอก ” ตาวส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับรับแก้วเครื่องดื่มที่บอยยื่นให้ขึ้นมาจิบ รสขมปร่าปนหวานที่ไม่ได้ลิ้มลองมานานไหลลงลำคอจนตาวต้องเบ้หน้าออกมา
“ ทำไมวันนี้วิศวะเยอะจังวะ ” พอใจบ่นพร้อมกับมองไปรอบๆร้านที่เต็มไปด้วยเสื้อกีฬาที่สกรีนข้างหลังว่า ENGINEER บ้างล่ะ เสื้อแขนยาวปักรูปเกียร์บ้างล่ะ ประหนึ่งร้านนี้คือถิ่นวิศวะ
“ ไม่แปลกมั้งมึงก็วันนี้เป็นวันศุกร์หรรษาอีกอย่างเจ้าของร้านก็จบวิศวะ ” บอยบอก
“ พูดถึงวิศวะแล้วนี่กูไม่เจอหน้าพี่เมืองมาเป็นอาทิตย์ละนะ อิตาวมึงไม่ได้ไปว่าอะไรพี่เขาใช่ไหม ” บอยชี้หน้าอย่างคาดโทษ
“ เราจะว่าอะไรล่ะ เราก็ยุ่งแต่เรื่องสอบอย่างอื่นแทบไม่ได้แตะเลยด้วยซ้ำ ” ตาวตอบ
“ ได้ยินว่าพูดถึงเพื่อนพี่มีอะไรรึเปล่าครับ ” เสียงที่ดังมาจากข้างหลังของพอใจต้องทำให้ทุกคนหันไปมอง
“ กรี๊ด พี่เจมส์ ” บอยทำตาเป็นประกายพร้อมกับที่เจมส์ส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรยื่นแก้วเหล้าชนกับบอยพอใจและตาว
“ ไม่ยักรู้ว่าตาวตาวก็มาร้านเหล้ากับเขาด้วย ” เจมส์พูดขึ้นแต่ชื่อที่เรียกทำเอาตาวแทบอยากจะมองบนก็เพราะเมืองนั่นแหละที่เอาแต่เรียกเขาแบบนี้เลยทำให้คนอื่นพลอยเรียกไปด้วยตั้งแต่เพื่อนของเมือง ภาค และคุณยายของเมืองเอง
จนสุดท้ายตาวก็ขี้เกียจจะเถียงยอมให้เรียกตาวตาวอย่างจนปัญญา...
“ ทำไมครับที่นี่เค้ามีป้ายห้ามผมเข้าเหรอ ” และนั่นแหละความปากร้ายของตาวทำเอาเจมส์แทบยิ้มแห้ง
“ เพื่อนพี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นครับ แต่ลุคน้องตาวมันดูเหมาะกับร้านนมมากกว่าไงเลยถามดู ” เสือที่โผล่มาช่วยเพื่อนรีบว่าขึ้น
“ แถมวันนี้เปลี่ยนลุคซะด้วยถ้าไอ้เมืองเห็นอกแตกตายแน่ๆ ” เจมส์ว่าเสริมพร้อมกับมองคนที่ตัวเล็กกว่าพวกเขาที่วันนี่มาแปลกเพราะตาวไม่สวมแว่นตาแถมยังไม่ใส่เชิตที่ใหญ่เกินตัวแบบที่ชอบใส่ชุดนักศึกษาอีกต่างหาก มันยิ่งทำให้รู้ว่าตาวเป็นคนตัวผอมบางแค่ไหน แม้ว่าทรงผมจะไม่ได้เซ็ตทรงใดๆแต่แค่ดวงตากลมโตหวานฉ่ำไร้กรอบแว่นเวลาต้องแสงไฟในร้านราวกลับแสงดาวที่ต้องพื้นน้ำเกิดประกายระยิบระยับก็ทำเอาหลายๆคนแอบจ้องมองได้แล้ว
“ อ่าวแล้วพี่เมืองไม่ได้มาด้วยเหรอคะพี่ๆ ” บอยถามอย่างสงสัย
“ ไม่มา มันบอกพวกพี่ว่ามันเทิร์นตัวเองเป็นคนดีแล้ว ฮาๆๆ ” เจมส์หัวเราะอย่างขำขัน “ งั้นพวกพี่ขอตัวก่อนนะขาดเหลืออะไรบอกได้เดี๋ยวพี่ลงบัญชีไอ้เมืองให้ ไปละ ” เสือว่าพร้อมกับกอดคอเจมส์เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตนเอง
********************************************
“ พวกมึงไปไหนมาเนี่ยยังไม่ถึงเที่ยงคืนจะหาเหยื่อแล้วเหรอวะ ” ฟาร์เอ่ยทักเพื่อนสองคนที่พึ่งเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะด้วยใบหน้าที่มีความสุข
“ ไม่ใช่เว้ย มึงรู้ไหมเมื่อกี้กูเจอใคร ” เจมส์ถามพร้อมกับยักคิ้วกวนๆให้เพื่อน
“ ใคร? ”
“ ตาวตาว ” เสือว่าพร้อมกับชูภาพที่แอบถ่ายตาวตอนเผลอเมื่อกี้ให้เพื่อนดู
“ หูยยแต่งตัวแบบนี้น่ารักกว่าเดิมอีกว่ะ เชี่ยเมืองคลั่งแน่ๆ อย่างงี้ต้องปั่นประสาทเดี๋ยวกูเปิดเอง ” ฟาร์ว่าพร้อมกับล้วงหยิบโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมา
Far Papob eiei : เชี่ยเมือง
Nakara Akkaradecha : เรียกทำไมกูไม่ไปไม่ต้องมาตื้อกูเป็นคนดีแล้ว
Jame Jamessu : กูให้มึงพูดอีกครั้งมึงจะไม่มาจริงๆอ่ะ
Jame Jamessu : * สติกเกอร์ตาแป๊ว
Nakara Akkaradecha : เออไม่ไปกูจะอาบน้ำนอนละ
Sue Sorawich : โอเคมึงไม่มาเนอะ
Sue Sorawich : * รูปใบหน้าด้านข้างของตาว
Nakara Akkaradecha : สัสเสือ ตาวตาวไปร้านเหรอ
Nakara Akkaradecha : ไอ้เหี้ย! ตาวตาวอยู่ที่นั่นเหรอ ตอบกู สัสอ่านละไม่ตอบ กวนตีนเหรอ
Nakara Akkaradecha : พวกเหี้ย!!!!
Nakara Akkaradecha : * สติกเกอร์ชูนิ้วกลาง
“ ฮาๆ เชื่อเลยอีกไม่เกินสิบนาทีเหี้ยเมืองถึงร้านแน่ๆ ” ฟาร์ว่าพร้อมกับยัดโทรศัพท์เก็บลงกระเป่ากางเกงหลังจากได้กวนประสาทเพื่อนจนพอใจแล้ว
“ พวกมึงก็ไปแกล้งมัน ” รุ่นพี่คนหนึ่งในกลุ่มว่าขึ้น
“ ขำๆพี่ พี่อยากเห็นไอ้เมืองเปลี่ยนโหมดเสียงสองไหมล่ะถ้าอยากพี่คอยดูเลย ”
“ พวกเหี้ย! ตาวตาวอยู่ไหน ” เมืองที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในร้านพูดขึ้น
“ พวกเหี้ยนี่ไม่ได้หมายรวมกูใช่ไหม ”
“ พี่ณะหวัดดีพี่ ผมว่าพวกนี้พี่ไม่เกี่ยว ” เมืองยกมือขึ้นไหว้รุ่นพี่ของตนเองพร้อมกับชี้ไปที่เพื่อนของเขาที่ยังคงนั่งดื่มเหล้าอย่างสบายใจเฉิบ
“ ใจเย็นก่อนดิวะนั่งลงก่อน ” เจมส์ว่าพร้อมกับฉุดมือเพื่อนให้นั่งลง “ มึงคิดว่าถ้ามึงรู้ว่าเขานั่งไหนแล้วมึงจะเดินเข้าไปหาเขาแล้วมึงจะทำอะไรเขาได้วะ อย่าลืมนะว่ามึงยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขา ” คำพูดของเพื่อนทำให้เมืองที่แข็งข้อในทีแรกอ่อนและยอมนั่งลง
“ กูก็แค่เป็นห่วง ”
“ เป็นห่วงอย่างห่างๆได้มึงอย่าไปทำให้เขาอึดอัด ยิ่งเขาอึดอัดเขายิ่งจะหนีเข้าใจไหม ” ณะสอนพร้อมกับตบบ่าน้องคณะอย่างเห็นใจ
“ ครับพี่ ” เมืองพยักหน้าอย่างเข้าใจพร้อมกับรับแก้วเหล้าจากเพื่อนที่รินมาให้กระดกดื่มสายตาคมจ้องมองไปยังตำแหน่งโต๊ะที่เพื่อนชี้บอกว่าตาวของเขานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่วางตา
เมืองสาบานเลยว่าหากใครกล้าไปยุ่งกับตาว เขาได้วิ่งแหลกไปต่อยมันแน่...
เมืองเป็นคนขี้หวง...นั่นคือข้อเสียของเขาที่เขารู้ตัวดี
แต่ความขี้หวงของเขาไม่ได้เกิดขึ้นพร่ำเพื่อ...เขาหวงแค่กับคนสำคัญ
และหนึ่งในนั้นคือ...ตาว
********************************************
ไม่รู้ว่าเป็นเวลากี่ชั่วโมงแล้วที่ทั้งสามคนอยู่ในร้านเหล้าแห่งนี้ตาวเริ่มตาเยิ้มก้มหน้ามองแก้วเหล้าเมื่อเริ่มมึนหัวกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เข้าไปในร่างกายส่วนบอยและพอใจก็เมาได้ที่ลุกขึ้นเต้นตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนาน
“ ขอโทษนะครับมาคนเดียวเหรอ ” ใครก็ไม่รู้ที่อยู่ๆก็มาทรุดตัวนั่งลงข้างๆของตาวในระยะประชิดในช่วงที่บอยและพอใจลุกออกไปเต้นที่กลางฟอร์ทำให้ตาวต้องหันหน้าไปมอง
“ มากับเพื่อน ” ตาวตอบพยายามควบคุมตัวเองให้มีสติมากที่สุด
“ งั้นเราขอชนแก้วด้วยได้ไหม ”
“ หมดแล้ว ” ตาวว่าพร้อมกับชูแก้วของตนเองที่เหลือเพียงน้ำแข็งเปล่าๆให้คนที่นั่งข้างๆดู
“ ไม่เป็นไรเอาที่โต๊ะเราก็ได้ เอาแก้วมาเราชงให้ ” ชายหนุ่มว่าพร้อมกับแย่งแก้วในมือของตาวไปชงเหล้าที่โต๊ะของตนเองแล้วเดินเอากลับมาให้ตาวอีกครั้ง “ ทีนี้จะชนแก้วกับเราได้รึยัง ”
“ อื้อๆ ชนแล้วจะไปไหม อยากอยู่คนเดียว ”
“ ได้ดิแต่นายต้องดื่มให้หมดก่อนนะแล้วเราจะไป ” ว่าพร้อมกับยกแก้วชนกับตาวที่เริ่มรู้ตัวว่าไม่ไหวแล้วและไม่อยากสุงสิงกับใครคนตัวเล็กเลยรีบชนและรีบดื่มให้หมดแก้วจะได้จบๆและคิดว่าอีกไม่นานเมื่อบอยและพอใจกลับมาที่โต๊ะเขาจะได้ชวนกลับสักที แต่พอแอลกอฮอล์แก้วนี้ไหลผ่านลำคอตาวก็รับรู้ได้ทันทีเลยว่ามันคือแอลกอฮอล์เพียวๆที่ตนเองไม่เคยดื่มมาก่อนมันทำให้ตาวมึนแทบตั้งคอไม่อยู่อยากฟุบลงกับโต๊ะมันซะเดี๋ยวนั้น
“ เฮ้ย มึงทำอะไรวะ ” เมืองที่เผลอแค่แปบเดียวเพราะเดินไปเข้าห้องน้ำรีบเดินเข้ามาที่โต๊ะของตาวเมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วเพื่อนของเขาบอกว่าตาวมีคนมาขอชนแก้ว
“ อ่าว ไอ้เมือง ”
“ เออกูเอง มึงมาทำอะไรกับ
คนของกู ไอ้ชิน ”
“ กูก็แค่มาขอชนแก้วตามประสาคนมาร้านเหล้าปะวะ สนุกๆขำๆมึงซีเรียสอะไรเนี่ย ”
‘ ชิน ’ หนุ่มหล่อประจำคณะบริหารว่าขึ้น เขารู้จักกับเมืองดีเพราะพ่อแม่ต่างก็อยู่ในแวดวงธุรกิจเหมือนกันเวลาไปงานเลี้ยงเลยทำให้พวกเขาได้เจอกันอยู่บ่อยครั้ง
“ ไม่ใช่แค่กูหรอกที่ซีเรียส ถ้าเมียมึงรู้ก็จะซีเรียสด้วยแน่ๆ รีบไสหัวไปไกลๆตีนกูเลย ”
“ เออๆ กูไปก็ได้ทีหลังก็ดูแลดีๆหน่อยล่ะเพื่อนก็ไม่อยู่ นี่ก็เมาง่ายกูให้ดื่มแก้วเดียวก็จอดแล้วเพื่อนยังกล้าปล่อยให้อยู่คนเดียวอีก ” ชินบ่นพร้อมกับเดินจากไป
“ ตาว ตาว ตาวได้ยินกูไหม ”
“ อื้อ บอกว่าอยากอยู่คนเดียวไง ไม่รู้เรื่องเหรอ ” ตาวว่าเสียงอ้อแอ้พร้อมกับใช้แรงเท่าที่มีผลักอกแกร่งตรงหน้าออก ตอนนี้สติของตาวไม่หลงเหลือแล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่กำลังเขย่าร่างของตนเองอยู่คือใคร
“ เป็นไงบ้างวะ ” เสือที่เป็นห่วงเพื่อนเดินตามเข้ามาถาม
“ เดี๋ยวกูจะพาตาวกลับก่อนฝากมึงบอกเพื่อนตาวด้วยนะ ” เมืองว่าพร้อมกับพยุงตาวให้ลุกขึ้น
“ เออๆ ” เสือพยักหน้าพร้อมกับตบบ่าเพื่อน
Mueng’s Part
“ ตาวอยู่นิ่งๆ ” ผมบอกกับคนตัวเล็กที่ผมพาขึ้นมานอนบนเตียงนอนของผมเพราะมันใกล้กว่าอีกอย่างตาวก็อ้วกจนเลอะถ้าต้องไปจนถึงหอตาวคงไม่ไหวแน่ๆ
“ อย่ามายุ่งนะ ออกไป ไม่ให้ถอดนะ ฮือ จะบอกเมือง ” มือขาวๆที่โคตรจะเรียวของตาวพยายามจะปัดมือของผมที่กำลังจะปลดกระดุมเสื้อของเขาออกเพราะมันเลอะอ้วก
“ ก็กูนี่แหละเมือง ”
“ ไม่เอา ไม่ใช่เมืองนะ จะบอกเมืองมาต่อยๆ เมืองเรียนวิศวะนะเมืองต่อยเก่ง แกตายแน่ ” สิ่งที่ตาวพูดออกมามันทำเอาผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ ริมฝีปากของผมจุมพิตลงที่หน้าผากของตาวอย่างอัตโนมัติเพราะรู้สึกเอ็นดู ผมรู้ว่าตาวเป็นคนใจแข็ง ปากแข็ง และมีกำแพงสูงยิ่งกว่ากำแพงเมืองจีน แต่เวลาเมากลับเอาแต่เรียกหาผมแค่นี้ก็คงเป็นการบอกได้แล้วว่าตาวกำลังค่อยๆเปิดใจและยอมรับผม
“ ครับๆ อยู่นิ่งๆก่อนนะ ”
“ ฮือออ อย่าทำอะไรเราเลยนะ เมืองจะว่านะ อึก ฮือออ ” อยู่ดีๆตาวก็ร้องไห้ออกมาจนผมที่พึ่งขโมยจุมพิตเขาไปหยุดชะงักทำตัวไม่ถูกขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ตาวคงได้นอนเลอะอ้วกจนถึงเช้าและก็คงจะร้องไห้ไล่เขาออกจากห้องไม่หยุดแน่ๆ
ผมหยุดคิดก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องนอนไปนับหนึ่งถึงห้าอย่างใจเย็นสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับกำลูกบิดประตูห้องแล้วเปิดเข้าไปในห้องอีกครั้ง
“ เมืองมาแล้ว ” ผมร้องตะโกนเสียงดังที่สุดเพื่อให้ตาวที่นอนเมาแอ๋อยู่บนเตียงได้ยิน
“ เมืองงงงงงงงงงง ฮึก ” ตาวร้องเรียกผมเสียงยานค้างแบบไม่เคยได้ยินมาก่อนพร้อมกับสะอื้นฮึกฮักในขณะที่ดวงตาคู่สวยทำท่าจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ทำเอาผมใจสั่นไปหมด ขาของผมรีบก้าวเดินไปหาคนบนเตียงอย่างรวดเร็วก่อนที่ตาวจะกระโจนเข้ากอดผมหมับจนผมแทบจะตั้งตัวไม่ทัน
“ เมืองอยู่นี่ไง ” ผมว่าพร้อมกับลูบแผ่นหลังเล็กอย่างปลอบประโลมแม้ว่าเสื้อของผมจะเปื้อนอ้วกที่ติดอยู่ตามตัวเขาไปด้วยก็ตาม
“ ฮึก มะ เมื่อกี้มีใครก็ไม่รู้จะมาถอดเสื้อน้อง ฮึก เมืองไปต่อยๆนะ น้องกลัว ” ตาวพูดเสียงอู้อี้เพราะความเมาแต่ทำเอาคนไม่เมาใจสั่นยิ่งกว่าแผ่นดินไหว
อดทนไว้กู อดทนไว้
น้องเมา
น้องเมา
น้องเมาโว้ยยยยยย
“ ตาวอยู่นิ่งๆก่อนนะเมืองจะเช็ดตัวเปลี่ยนชุดให้โอเคไหม ” ผมค่อยๆพูด
“ อื้อ ” ตาวร้องในลำคอพร้อมกับอยู่นิ่งๆให้ผมได้ปลดกระดุมเสื้อเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้เขา ตาวเป็นคนที่ผิวขาวอมชมพูและแทบจะไม่มีขนที่ผมคิดว่าน่าจะได้มาจากกรรมพันธุ์แถมยังเป็นคนที่ตัวผอมมากอาจเป็นเพราะเรียนหนักและไม่ค่อยได้กินข้าว ทุกอย่างที่รวมเป็นตาวทำเอาผมใจสั่น ผมค่อยๆเช็ดตัวให้เขาอย่างแผ่วเบาเพื่อถนอมผิวบางๆของเขาให้มากที่สุดถามว่าผมมีโอกาสขนาดนี้แล้วหากผมจะทำอะไรตาวผมทำได้ไหม ตอบเลยว่า ทำได้ แต่ผมเลือกที่จะ....ไม่ทำ
ถามว่าผมไม่มีอารมณ์ ไม่มีความรู้สึกเหรอ ตอบเลยว่า มี แต่มันจะมีค่ามากกว่าไหมถ้าวันนั้นเป็นวันที่ตาวเปิดใจให้ผมแล้วจริงๆ เราทำทุกอย่างร่วมกัน โดยที่ผมไม่ได้บังคับเขา เขาไม่ได้บังคับผม เราเต็มใจ และเป็นของกันและกัน ตื่นขึ้นมายิ้มให้กันพร้อมกับจุมพิตอรุณสวัสดิ์ ดีกว่าทำวันนี้แล้วตื่นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาของตาว หรือคำพูดของตาวที่ผมรับไม่ได้ผมคงขาดใจแน่ๆ
คุณคงคิดว่าทำไมผมถึงดูเป็นคนดีขนาดนี้ใช่ไหมล่ะ
แต่ผมจะบอกว่า...ไม่หรอก
ผมไม่ใช่คนดี...
แต่เพราะตาว...
ตาวสอนให้ผมรู้จักคำว่า...รักแท้
รักแท้มีจริง
และมันกำลังเกิดขึ้นแล้ว....ณ ขณะนี้
...........................................................................
ช่วงนี้สอบนะคร้าบบบเลยอาจหายหน้าหายตาไปบ้างแต่จะพยายามมาบ่อยๆ ฝากพี่เมือง กับน้องตาวด้วยนะคะ
พูดถึงติด #เมืองตาว #วิศวกาม ได้นะ เดี๋ยวจะไปส่อง