ตอนที่ 12
กล้าหาญ
‘คบกับกูนะกล้า’
‘...’
‘เดี๋ยวกูดูแลมึงเอง’
‘ไม่ได้ว่ะ’
‘หา ทำไมอ่ะ'
‘ไม่ได้จริงๆ’
‘ที่ผ่านมามึงก็เหมือนชอบกูนี่’
‘...’
‘เกิดอะไรขึ้นวะ’
‘กูไม่ได้อยากเป็นเกย์ กลัวโดนล้อ’
‘มึงบ้าหรือเปล่า ทำไมต้องกลัว ใครล้อเดี๋ยวกูเอาตีนยัดปากพวกมันเอง’
‘กูมีพี่สาวต้องดูแล’
‘คบกับกูแล้วดูแลพี่สาวตัวเองไม่ได้หรือไง’
‘ท่าน’
‘กูไม่เข้าใจ’
‘มึงทำใจเหอะ ยังไงก็ไม่ได้จริงๆ’
‘กล้า ตอนมึงพูดเนี่ย มึงได้คิดถึงตัวเองตอนที่อยู่กับกูป่ะ’
‘...’
‘กูได้ยินแบบนี้กูเสียใจนะ’
‘ขอโทษ’
‘เดี๋ยว มึงจะไปไหน’
‘...’
‘กล้า กูชอบมึงมากนะ ทำไมมึงทำแบบนี้กับกูวะ’
‘...’
‘ไอ้กล้า!’
นายท่านบอกให้ผมออกมาก่อน เพราะมันขอเวลาจัดการตัวเองนิดหนึ่ง อีกทั้งมันยังขอโทษด้วยที่มันออกมาส่งไม่ได้ คนของแม่มันอยู่ในตึกนี้มากเกินไป
ผมเข้าใจทุกอย่าง ไม่มีน้อยอกน้อยใจอะไรทั้งสิ้น สิ่งที่เราเพิ่งให้กันละกัน ผมรู้สึกได้ว่าผมฟินมากที่สุดกว่าทุกวันตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา ใครจะไปนึกไปฝันมาก่อนว่าผมจะมีวันนี้กับคนที่ผมชอบทั้งๆ ที่ผมเทมันแท้ๆ
หลังจากนี้ไปผมคงไม่กล้าเทมันอีกแล้ว...ถ้าทำงั้นผมเองนี่แหละที่จะเจ็บปวด เป็นการฆ่าตัวเองตายชัดๆ
ตอนที่เดินออกมาผมยังลบภาพใบหน้านายท่านที่กัดริมฝีปากกับเสียงครางกระเส่าๆ ของมันออกจากหัวไม่ได้เลย
โอยยยยยยย ตอนนี้ผมทั้งยิ้มทั้งเขินนนนนนนนน
ปากของผมหุบยิ้มฉับเมื่อผมเห็นใครคนหนึ่งกำลังจะเดินสวนผม เธอคือพราวฝัน และเธอก็กำลังมองหน้าผมอย่างโคตรไม่ชอบใจเหมือนผมไปฆ่าหมาเธอตาย
ผมสบตาเธอ จากนั้นก็ตัดสินใจเดินกลับไปหาเพื่อนดีกว่า ขอผมโฟกัสเรื่องความสุขก่อนเรื่องปวดหัวที่กำลังจะตามมาละกัน
ผมคิดอยู่แล้วล่ะว่าถ้าหากคิดจะรักนายท่าน มันคงไม่ง่ายแน่ๆ แต่ตอนที่ผมเริ่มรักผมไม่ได้คิดครับ ผมรู้สึกเลย เพราะงั้นไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมก็ไม่ยอมแพ้หรอก
ให้ผมกับมันเสียเวลากันไปแค่สองปีก็พอ สองปีที่ว่านั่น...เราทั้งคู่ทรมานกันมาก
ผมไม่อยากให้ระหว่างเรามันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกแล้ว...ผมพอแล้ว
“แม่งยังทำหน้าฟินไม่หาย”
“นี่มันลืมเรื่องแม่นายท่านไปแล้วเหรอ”
“โดนเอาจนตาลอยแม่งเป็นงี้นี่เอง”
ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกมันรู้ ถึงแม้ว่ามันจะคิดลึกเกินไปหน่อยก็เถอะ แต่การที่ผมหายไปหานายท่านไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เพื่อนกลุ่มชายโฉดโหดเยี่ยงหมาของผมมันสามารถคิดเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้เชียว
หรือผมกับนายท่านมันเดาง่ายวะ
ผมยังเคลิ้มไม่หายกับสัมผัสของนายท่านเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อน รู้สึกว่าเราสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้น ยิ่งผมนึกถึงใบหน้าที่หลับตาพริ้มของนายท่านพร้อมกับเสียงที่เรียกผมว่า ‘ที่รัก’ ผมก็ยิ่งรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เหมือนโลกใบนี้มันสวยงามทั้งๆ ที่ไม่มีม้าโพนี่หรือทุ่งดอกลาเวนเดอร์อยู่แถวนี้
นี่สินะอาการของคนอินเลิฟ
สมัยก่อนนายท่านก็ทำผมรู้สึกอย่างงี้ได้นั่นแหละ เพียงแต่ว่าตอนนั้นมันไม่สุดๆ เหมือนอย่างตอนนี้ ทุกอย่างเป็นใจ ผมกับมันใจตรงกัน...เพียงแต่เราทั้งคู่แค่มีอุปสรรคขวางกั้น
อุปสรรค...ที่ชิ้นใหญ่เท่าบ้านนายท่านสิบหลังรวมกัน
ผมเล่าให้ฟังหรือยังว่าบ้านมันใหญ่ฉิบหาย
...เฮ้อ คงยังสินะครับ งั้นก็แปลว่าอุปสรรคที่ว่านั่นใหญ่มากมายนั่นแหละ
ตอนนี้ผมกับเพื่อนมาอยู่ที่ใต้โรงยิมแล้วเพื่อเตรียมส่งข้าวส่งน้ำให้น้อง ไอ้เอ้ทำหน้าหงิกใส่ผมกับเพื่อนเล็กน้อยที่โดดงาน แต่จริงๆ แล้วผมคิดว่ามันหงุดหงิดที่พวกผมไปดูดาวเดือนแบบไม่เรียกมันไปด้วยมากกว่าโดดงานอีกนะ
“เฟรชชี่ไนต์คืนนี้แม่งต้องมันส์สัดแน่ๆ”
“จะได้เต้นมั้ย มึงดูงานมึงดิ กองท่วมหัว”
เซียนกับตงกำลังเถียงกัน พวกมันชอบวงดนตรีวงนี้มากแต่ติดอยู่ตรงที่ว่าพวกเรามีงานที่ต้องทำ วันนี้ของทุกปีจะมีสถิติเรื่องการดื่มน้ำเปล่าของน้องปีหนึ่งมากที่สุดเพราะแม่งต้องใช้ร่างกายมากที่สุด เป็นวันที่จะได้ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าทุกอย่างจากการรับน้องที่ต้องตื่นเช้าตลอดหลายๆ วัน
“ขอโทษนะ เซียนกับกล้าว่างคุยมั้ยจ๊ะ” มูมู่เดินเข้ามาหาผมกับเพื่อนโดยตรง
“ว่าไง”
“เราอาจจะขอแรงทั้งสองคนไปเสิร์ฟน้ำให้แขกกิตติมศักดิ์หน่อยน่ะ”
ผมกับเซียนมองหน้ากัน “ทำไมต้องเราสองคนอ่ะ”
“ก็เซียนกับกล้าหล่อสุดในฝ่ายสวัสฯ นี่”
ฟังแล้วรู้สึกหน้าชื่นตาบาน แต่หน้าตาของมูมู่จริงจังเกินกว่าที่จะคุยเล่นกับผม ผมกับเชี่ยเซียนพยักหน้าเป็นเชิงตกลง เพราะเราทั้งคู่ก็ไม่ใช่สวัสฯ ที่ดีเด่อะไรมากมาย อย่างน้อยก็ขอแค่รับงานที่มูมู่มอบหมายมาให้นี่ได้ก็พอ
แก๊งชายโฉดโหดเยี่ยงหมาเริ่มเล่น RoV รอน้องๆ ทยอยเข้าโรงยิมเพื่อดูการประกวด น้องๆ จะได้เชียร์การประกวดดาวเดือน โชว์สปิริตของคณะ หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่พิธีการรับเด็กปีหนึ่งมาเป็นรุ่นน้องจากรุ่นพี่ ท้ายที่สุดก็คือเฟรชชี่ไนต์ คอนเสิร์ตสุดมันส์ที่มหา’ลัยของผมไม่เคยจ้างวงเล็กๆ ฉิ่งฉับมาเล่น
เขาจ้างวงระนาดเอกมาเลยทีเดียว
โอเค ผมไม่เล่นมุกนี้ก็ได้
ก็ตอนนี้ผมว่างนี่...หลังจากที่ไอ้พวกนี้มันมีแอสซาซินมือดีอย่างนายท่านมาอยู่ในทีม พวกมันก็ไม่สนใจจะเรียกผมไปเล่น RoV ร่วมกันกับพวกมันอีกเลย ตอนนี้เพื่อนๆ ของผมกำลังหัวร้อนกันใหญ่เนื่องจากทีมที่กำลังเจออยู่นั้นค่อนข้างโหดหิน เรียกได้ว่าฆ่าได้คือฆ่า ไร้ซึ่งการปราณีใดๆ ทั้งสิ้น
“นายท่านให้ใครมาเล่นตัว ’รักกล้ามาก’ ของมันวะเนี่ย” เซียนบ่นอุบอิบ “ตายไปห้าครั้งแล้ว ปกติท่านมันตายไม่เกินสามครั้งต่อเกมนะ”
“แป๊บ กูพิมพ์ถามให้”
“อาจจะเป็นทิมหรือไม่ก็นุกหรือเปล่า” ผมเอ่ยลอยๆ หลังจากที่ไม่มีส่วนร่วมกับเพื่อนมานานหลายนาที
“จำได้ว่านุกเล่นดี แต่ไอ้ทิม...ชักไม่แน่ใจ” เซียนหน้านิ่วคิ้วขมวด แบบนี้แสดงว่าพวกมันลงแบบจัดอันดับหรือลงแรงค์ ไม่ได้เล่นแบบปกติชัวร์ๆ ถ้าแพ้คืออันดับจะลดครับ คนถึงได้หัวร้อนกันนี่ไงเวลาที่คนในทีมเล่นได้ไม่น่าพอใจ
เรื่องหลักๆ ในชีวิตของไอ้เซียนมีเรื่องเสือก เรื่องกิน เรื่องหน้าม่อ และก็เรื่องเกมนี่แหละครับ นอกนั้นเป็นเรื่องรองหมดเลย
“นั่นไง ไอ้น้องทิมมันเล่น” หมูหันร้อง
“กูพิมพ์ด่ามันแป๊บ” เซียนเอ่ย
“สัด จริงจังไปทำไมวะ”
“กูจะตกไดมอนด์แล้วโว้ยสัดกล้า บรอนซ์อย่างมึงจะไปเข้าใจอะไร”
ไอ้เหี้ยเอ๊ย...ผมจะขออธิบายคร่าวๆ ให้ฟังว่าไดมอนด์อยู่สูงกว่าบรอนซ์อยู่ค่อนข้างมากครับ เพราะบรอนซ์ถือว่าเป็นอันดับที่ล่างที่สุด แต่ไดมอนด์ก็ยังไม่เด็ดที่สุดอยู่ดี การลงจัดอันดับมันยากเพราะต้องเล่นดีและสามัคคีกันทั้งทีม ที่ไอ้เซียนหัวร้อนก็เพราะมันกำลังจะตกจากระดับไดมอนด์มาเป็นระดับแพลตินัม
จะเหี้ยอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้มันเริ่มพิมพ์ด่าไอ้ทิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมขยับคอไปมองจอของไอ้เซียน
Mortos ถ้าจะเล่นตัวไอ้ท่านก็เล่นให้มันดี
Mortos เล่นแบบนี้บอกเลยว่าถ่วงเพื่อนมาก
Mortos แรงค์มันตกขึ้นมาเมิงรับผิดชอบยังไง Mortos ในที่นี้คือชื่อฮีโร่ RoV ตัวที่เซียนมันกำลังเล่นนะครับ เวลาแชตในเกมจะขึ้นชื่อฮีโร่ แทนที่จะขึ้นชื่อตัวละคร อีกอย่างมันตั้งใจเปลี่ยนคำว่ามึงเป็นเมิงด้วย
ผมแอบเห็นไอ้หมูหันกับไอ้ตงมองสบตากัน พวกมันคงไม่ได้จริงจังกับเกมตอนนี้เท่าไอ้เซียน ผมค่อยๆ ตบบ่าไอ้เซียนให้มันใจเย็นๆ แต่มันก็พิมพ์ด่าไอ้ทิมลงไปอีกรอบ
Mortos เล่นให้เก่งเหมือนที่มึงจำชื่อไอจีคนอื่นหน่อย โอ้โห...แรงว่ะ นั่นเอกลักษณ์ประจำตัวเพื่อนรักของนายท่านเลยนะ
ผมเพิ่งเห็นตัว Murad ฮีโร่ที่ทิมกำลังเล่นภายใต้ไอดีของนายท่านตายไป หลังจากนั้นทิมก็พิมพ์ตอบกลับมาโดยนิ่งไปอยู่หลายสิบวินาทีเลยทีเดียว
Murad ขอโทษครับพี่เซียน ลองเหลือบไปมองหน้าเพื่อนดู...สีหน้ามันก็ไม่ได้ผ่อนปรนลงแต่อย่างใด ไอ้สัดนี่ก็นะ จะจริงจังอะไรขนาดนั้น อันดับมันลงได้มันก็ขึ้นได้
“ไม่ใช้คำว่าเทพเซียนเอ็กซ์เอ็กซ์ว่ะ” หมูหันกระซิบกับตง
“มาคุสัดๆ” ตงเอ่ยตอบ
ผมโนคอมเมนต์ใดๆ กับเรื่องนี้ ได้แต่เกาหัวแกรกๆ พยายามไม่ไปกวนไอ้เซียน ผู้ซึ่งตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม แม้จะเกลียดขี้หน้ามันแต่เวลามันโกรธมันก็น่ากลัวเหมือนกัน เพราะงั้นผมไม่ไปกวนมันจะดีที่สุด
ตอนที่ผมแยกกับนายท่าน ผมก็รู้มาว่ามันต้องติดอยู่กับแม่และก็น้องปาวฟันนั่นแน่ๆ ในทีแรกก็รู้สึกตะหงิดๆ อยู่ในใจอยู่หรอก แต่พอรู้ว่าโทรศัพท์นายท่านอยู่ในมือทิมเท่านั้นแหละ ผมก็ได้เบาใจ อย่างน้อยทิมกับนุกก็อยู่กับนายท่านตอนนี้ ไม่ได้อยู่กับน้องพราวฝันตามลำพัง
ยังจำตอนที่อมรมันพยายามจับไข่นายท่านได้หรือเปล่า ผมก็เพิ่งเข้าใจในตอนนี้นี่เองนี่แหละว่าทำไมผมถึงได้หงุดหงิดขนาดนั้น
ใช่ครับ บางทีผมก็เป็นคนขี้หวง จำได้เลยว่าหน้านายท่านมันไม่ไหวขนาดไหน นั่นยิ่งก็ทำให้ผมรู้สึกขุ่นเคืองมากขึ้น แต่ไอ้อมรก็คือไอ้อมร มันก็เล่นๆ ไปงั้น ที่ได้จับมานิดๆ หน่อยๆ ก็คือกำไรชีวิตนั่นแหละ
เซียนกับคนอื่นๆ เลิกเล่น RoV อีกหลังจากที่จบเกมนั้น พวกเรานั่งรอเวลาไปเรื่อยๆ ฟังไอ้หมูหันกับไอ้ตงวิเคราะห์ขาอ่อนสาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่น้องๆ คณะต่างๆ เดินเข้าโรงยิม
ผมกับเพื่อนไปประจำอยู่จุดทางเข้า คอยแจกน้ำแจกท่าเผื่อเด็กๆ จะหิว น้องๆ ดูพร้อมสำหรับคืนนี้จึงไม่ได้หยิบน้ำติดไม้ติดมือกันไปเท่าไหร่ แต่สำหรับพี่ๆ อย่างพวกผมแบตใกล้จะหมดเต็มที สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเราทำงานกันหนักมาก แม้จะอยากให้งานนี้ผ่านไปไวแค่ไหน แต่ก็ยังไม่อยากเปิดเทอมอยู่ดี ทุกคนสัมผัสได้ถึงความย้อนแย้งนี้มั้ยครับ...
ตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นมาอีกที ผมก็เห็นแก๊งซีเคียวริตี้มาหยุดยืนตรงหน้าผมกันเยอะมาก พวกนี้แม่งมีแต่วิศวฯ ทั้งนั้น
“น้ำขายไม่ค่อยดีเหรอวะกล้า” เชนเป็นคนทักผม การที่มีพวกวิศวฯ มายืนรวมอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ทำเอาผมรู้สึกกระอักกระอ่วนใจแปลกๆ สิ่งที่มันพูดก็เหมือนเปรียบเปรยว่าไม่ค่อยมีน้องมาหยิบน้ำของผมเท่าไหร่ครับ
“ก็...อย่างที่เห็นอ่ะ” ผมหยีตาสู้แดดยามบ่ายเพื่อมองหน้าเชน
“พวกกูขอได้ป่ะ”
ผมหันไปมองมูมู่ เธอไม่ได้สนใจอะไรผมเลยเพราะเธอเดินผ่านหน้าผมไปต้อนรับน้องๆ คณะนิเทศฯ ของเธอ เมื่อเห็นอย่างนั้นผมจึงพยักหน้าส่งให้เชน
ทันทีที่ผมอนุญาต พวกนั้นก็หยิบกันใหญ่ ไม่รู้ไปกระหายมาจากไหน
“เห็นมั้ย ทีนี้ก็ขายดีแล้ว” เชนยิ้ม ก่อนจะเดินนำเพื่อนไปทางอื่น
กว่าจะรู้ตัวว่าผมโดนเพื่อนกลุ่มชายโฉดโหดเยี่ยงหมาอีกสามคนจ้อง เชนมันก็เดินไปไกลแล้ว
“ตั้งแต่กูดึงตัวมันมาจากห้องวันนั้น...มันก็พาตัวเองมาถึงจุดๆ นี้แล้วเหรอวะ” หมูหันพึมพำ
“อะไรวะ” ผมถามเพื่อน
“จีบมึงไง”
“เฮ้ยนุก หวัดดี” ตงเอ่ยทักคนที่นำหน้าขบวนของพวกเด็กนิเทศฯ หลังคำพูดของหมูหันพอดี ผมกับเพื่อนคนอื่นหันไปรับไหว้นุกที่ยิ้มส่งมาให้ จนกระทั่งสายตาของผมไปเจอะเข้ากับทิม
มันยิ้มแห้งทักผม ตง และก็หมูหัน แต่ไม่ทักไอ้เซียน...
“น้องมันโกรธมึงอ่ะ” ตงหัวเราะหึๆ หันไปตีมือกับหมูหันที่เห็นด้วยกับมันใหญ่
“อ่อน” เซียนพูด “แค่โดนกูด่าในเกมเฉยๆ ทำมาเป็นเคือง”
“มึงก็พูดแรงไง” ผมเอ่ย “การพูดชื่อไอจีคงจะสำคัญกับมันแบบที่ไม่มีใครเข้าใจ”
เซียนขมวดคิ้วมองหน้าผม ก่อนจะสบถออกมาอย่างเซ็งๆ จากการที่ผมคบกับมันมานาน ผมรู้ว่าเรื่องนี้ทำเอาคนอย่างมันเซ็งมากเลยทีเดียว
ที่แน่ๆ คงไม่ใช่เรื่องไอ้ทิมพาทีมแพ้แล้วครับ
...แต่เป็นเรื่องที่โดนไอ้ทิมเมิน
“เอ้”
“...”
“นี่น้ำ มีน้องอยากได้น้ำ” ผมป้องปากบอกเอ้ที่ยืนอยู่หน้าสแตนของคณะเศรษฐศาสตร์ ก่อนที่ส่งน้ำขวดเย็นๆ ไปให้เอ้ที่หันมารับ มันกลับไปทำหน้าที่ผู้นำของคณะอีกครั้งเนื่องจากการเชียร์ดาวเดือนมีการโชว์สปิริตคณะ ตอนนี้ในโรงยิมกำลังคึกคักไปด้วยเสียงเชียร์และก็เสียงเพลงสันทนาการสำหรับโชว์ความสามัคคี แน่นอนว่ากิจกรรมแบบนี้ต้องมีน้องจำนวนไม่น้อยที่หิวและกระหาย
ฝ่ายสวัสฯ อย่างผมกับเพื่อนจึงมีงานไม่ขาดมือ
ไม่รู้อะไรดลใจให้คณะเศรษศาสตร์กับคณะนิเทศศาสตร์ได้นั่งสแตนติดกัน มีหลายครั้งที่ผมแอบแจกน้ำให้เด็กๆ ที่ถือป้ายเชียร์ของนายท่านเหมือนกัน บอกเลยว่าคนที่เชียร์นายท่านนั้นไม่ได้มีเฉพาะคณะนิเทศฯ ครับ แต่มีคณะอื่นด้วยที่แอบทำป้ายเชียร์ให้นายท่าน
ตำแหน่งเดือนมหา’ลัยแม่งนอนมาให้มันอย่างเห็นได้ชัด ถ้าไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
“กล้า เซียน มานี่” มูมู่เดินเข้ามาดึงแขนผมกับเซียน “ตามหาตัวตั้งนาน”
“หา”
“มีอะไรเหรอ”
“เสิร์ฟน้ำให้แขกกิตติมศักดิ์ไง”
ผมกับเซียนลืมไปเสียสนิท จำเป็นต้องทิ้งหน้าที่ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานระหว่างนี้ทิ้งไป ทันทีที่ผมหันไปมองเวที ผมก็ถึงกับช็อกทันทีเมื่อรู้ว่าแขกกิตติมศักดิ์นั้นเป็นใคร
นี่ผมลืมแม่นายท่านไปได้ยังไง
เท้าของผมอยากจะหยุดเดินกลางคันแต่สถานการณ์มันกลับไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เซียนเริ่มมองหน้าผมราวกับมันรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
มันถึงเวลาที่จะเลิกหนีแล้วมั้ง
ถ้าอยากแมนให้สมกับคำที่เคยพูด ผมก็ต้องเลิกวิ่งหนีได้แล้ว และครั้งนี้ก็ไม่ใช่เพื่อตัวผม
...แต่เป็นเพื่อนายท่าน
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงกรี๊ดที่ดังกระหน่ำลั่นโรงยิมช่วยทำให้ผมกลับมามีสติอีกครั้ง
ต้นเหตุของเสียงกรี๊ดไม่ใช่ผมกับเซียนที่เดินอยู่กลางลานข้างล่างในโรงยิม (มันจะใช่ได้ยังไง) แต่เป็นไอ้นายท่านที่โผล่หัวจากหลังเวทีมาคุยกับแม่ของมันครับ แค่มันโผล่มานิดๆ คนก็กรี๊ดกันแล้ว
มันหล่อกว่าตอนที่ผมเจอมันอีก ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อนะครับว่าผมกับมันทำ ‘อย่างนั้น’ กันก่อนที่มันจะขึ้นเวทีประกวด
ใบหน้าของผมแดงขึ้นมาอีกระลอก ลืมไปชั่วขณะว่าผมกำลังจะเผชิญหน้ากับความน่ากลัวยิ่งกว่าบ้านนายท่านสิบหลังรวมกัน
นั่นก็คือผู้บริหารค่ายเอสเอ็น
คุณนายหญิง อรุณกิตตินิวัฒน์
มูมู่กำลังจัดแจงถาดให้ผมกับเซียนถือในบริเวณหลังเวที ระหว่างที่ผมกำลังรออยู่นั่นเอง ผมก็โดนมือใหญ่มือหนึ่งมาสะกิดที่ด้านหลัง
ตอนที่หันไปดู ผมนี่แทบจะหงายหลังลมตึง
นายท่านในชุดนักศึกษาแบบโคตรอภิมหาหล่อกำลังมองผมอยู่
“เอ่อ...”
“นี่มึงกำลังทำอะไรเนี่ย”
ผมไม่สามารถปั้นหน้าปกติต่อหน้ามันได้ เพราะเราเพิ่งผ่านเหตุการณ์น่าเขินอายแบบนั้นมาด้วยกัน ว่าที่เดือนมหา’ลัยจ้องมองผม ก่อนจะเริ่มอมยิ้ม
“คิดอะไรอยู่”
“เปล๊า” คำตอบของผมเป็นเสียงสูง มันคงฉลาดพอที่จะรู้ว่าผมโกหก
“ร่างกายมึงโอเคใช่มั้ย”
“ทำไมกูจะไม่โอเค” นี่มึงจะคุยเรื่องแบบนี้กับกูตรงนี้จริงๆ เหรอวะ
“ก็เพิ่งจะเอาน้ำออก นึกว่าจะไม่มีเรี่ยวมีแรง”
โอ้โห แม่งพูดจาทะลึ่งตึงตังแบบนี้เลยเหรอ ว่าแต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนมันกำลังดูถูกว่าผมอ่อนแอวะ หรือผมคิดมากไป
“ใจเย็น” มันหัวเราะเล็กน้อย คงรู้อยู่ลึกๆ แหละว่าผมแอบเคือง แต่ก็นิดหน่อยเท่านั้นแหละ
“นี่มึงไม่เครียดเลยเหรอวะ”
“เครียดเรื่องอะไร”
“เรื่องที่มึงกำลังจะประกวดไง”
“ต้องเครียดเหรอวะ” มันเลิกคิ้ว ผมลืมไปว่าไอ้นายท่านมันเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ขนาดไหน มันไม่จำเป็นต้องเครียดเลยสักนิด “มึงช่วยกูผ่อนคลายไปแล้ว...ทำไมกูจะต้องเครียดอีก”
แม่งวกกลับมาเรื่องนี้อีกแล้ว ผมพยายามเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่นเพราะกลัวตัวเองจะเขินจนบิดเป็นสาหร่ายสไปรูลิน่า แต่นายท่านก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือเลย ดูมันชอบที่จะเห็นผมปั้นสีหน้าไม่ถูก ท่าทางมันมีความสุขมากเมื่อนึกถึง ‘เรื่องนั้น’ ของเรา
โว้ยยยย กูเขินนะไอ้สัด
...และในระหว่างที่ผมกับมันกำลังยืนเขินๆ กันอยู่นั่นเอง นายท่านก็โดนใครคนหนึ่งเรียกตัวไป
“มาเตรียมตัวได้แล้วท่าน”
น้องปาวฟัน...
ต้องวีไอพีขนาดไหนนะถึงได้เดินเหินไปทั่วได้ขนาดนี้ เธอมองหน้าผมอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับทำท่าจะมาดึงแขนนายท่านไปด้วย
โอ้โห กล้ากว่าอมรไปอีก นี่น้องปาวฟัน (สรุปผมจะเรียกเธอด้วยชื่อนี้จริงๆ ใช่มั้ย) เธอไม่ได้เกรงใจสายตาของคนที่อยู่หลังเวทีตรงนี้เลยหรือไง แต่จะโทษเธอคนเดียวก็ไม่ได้ ผมกับไอ้นายท่านเองก็เพิ่งจะคุยเรื่องอย่างว่ากันอย่างไม่สนอกสนใจใครเมื่อสักครู่เหมือนกัน
“แป๊บ ยังคุยกับกล้าไม่จบ”
นายท่านสะบัดแขนของปาวฟันออก แม้จะไม่ได้สะบัดแรงแต่ก็ทำให้ปาวฟันหน้าเสียได้เหมือนกัน เธอมองผมอย่างไม่ชอบใจเอามากๆ
ผมเชื่อว่า...เธอเกลียดผมเลยแหละ
แมนมั้ยเนี่ย...ทำผู้หญิงเกลียดเข้าจนได้
“มึงกำลังจะทำอะไรกล้า ออกไปเสิร์ฟน้ำให้แม่กูใช่มั้ย”
ผมพยักหน้าหงึกๆ “สถานการณ์พาไป”
“ไหวเหรอ จริงๆ แล้วกูอยากจะคุยกับมึงให้มากกว่านี้ก่อน นี่พวกเราเพิ่ง...”
“จริงๆ กูควรไหวตั้งนานแล้ว” ผมตบไหล่มันเบาๆ คนภายนอกที่มองมาอาจจะนึกว่าผมกำลังให้กำลังใจ ‘น้องโรงเรียน’ อยู่ “สมัยก่อนกูพร่ำบอกคนนั้นคนนี้ว่ากูแมนนักแมนหนา ภาคภูมิใจกับคำสรรเสริญเยินยอที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มอบให้ สิ่งเหล่านั้นแม่งเหี้ยมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่กูควรทำ”
“ทำอะไรวะ” มันเลิกคิ้ว
“สู้เพื่อมึงไง” ผมยิ้ม ก่อนจะรับถาดมาจากมือไอ้เซียนแล้วค่อยๆ เดินตามหลังมันไป
นายท่านมองผมอย่างทึ่งๆ ก่อนจะค่อยๆ บรรจงส่งรอยยิ้มมาให้
“ขอให้โชคดีกับการประกวดนะ” ผมไม่ลืมที่จะอวยพรมัน
“คอยมองกูให้ดีล่ะ”
นึกไปถึงคำพูดที่มันเคยพูดกับผมเมื่อสมัยก่อน เป็นคำพูดที่ติดตาตรึงใจผมมากมายเลยทีเดียว ตอนนั้นผมเขินมากหลังจากที่ได้ยิน แต่ท่านก็ไม่ได้รับรู้
ครั้งนี้ผมขอให้มันรับรู้ความรู้สึกของผม โดยที่มันเป็นฝ่ายรู้สึกเขินเสียเอง
“กูมองมึงตลอดอยู่แล้วท่าน”
[ มีต่อนะคะ ]