ตอนที่ 8 : เตรียมความพร้อม“พี่พฤกษ์มีอะไรหรือเปล่า โดนเจ้านายเม้งมาเหรอ” เตชิตเลื่อนเก้าอี้จากโต๊ะทำงานของตัวเองไปหาพฤกษ์ เมื่อเห็นชายหนุ่มทำหน้าไม่สบายใจลงมาจากห้องของเจ้านาย
“เปล่า”
“แล้วทำไมหน้าเป็นงั้นอะพี่”
“เรื่องเสือกนี่ขอให้บอก” นทอดแซ็วเพื่อนไม่ได้ “เวลาทำงานไม่เห็นมึงไวแบบนี้บ้าง”
“ว่าแต่กู มึงก็ขี้เสือกเหมือนกันล่ะวะไม่อย่างนั้นจะหูดีได้ยินกูคุยกับพี่พฤกษ์เหรอ”
“มึงพูดเสียงดัง”
“ถุย ดังพ่อมึงสิ”
“พอๆ ถ้าจะเถียงกันกลับไปเถียงที่โต๊ะ” พฤกษ์ต้องเป็นกรรมการแยกมวยคู่เอกออกจากกัน
“ไม่ได้เถียงกันพี่ เขาเรียกคุยกันอย่างมีอรรถรส”
“หึ” พฤกษ์หัวเราะออกมาเบาๆ ออฟฟิศของเขาครึกครื้นไม่เงียบเหงา ส่วนหนึ่งก็มาจากการทะเลาะกันของสองคนนี้
“ว่าแต่พี่เถอะเป็นไรหน้าโคตรกังวล”
“เรื่องไปน่านน่ะ”
“ไปน่าน? อ๋อ...” เตชิตพยักหน้าเพราะเขาเองก็ต้องไปด้วยเช่นกัน
“เรื่องโครงการสร้างรีสอร์ทของคุณปาหนันเหรอพี่ ตกลงเจ้านายให้พี่พฤกษ์ดูแลใช่ไหม” นทถามเพราะโครงการนี้เขาไม่มีส่วนรวม
“ใช่” พฤกษ์ตอบรับ
“งานนี้พี่พฤกษ์ออกแบบภายนอก กูออกแบบภายใน หนูนุ่นจัดสวน กวีไปเป็นเบ๊กึ่งศึกษางาน สรุปพวกกูสี่คนไม่อยู่”
“มึงแม่ง พูดถึงตัวเองอย่างดูดีทีนุ่นพูดซะเป็นคนสวนเลย” นทอดปากไม่ได้ เขาก้มหน้าทำงานแต่หูกางออกฟังการสนทนา
“อ้าวก็นุ่นมันจัดสวนจริงๆ มึงจะให้กูพูดว่าอะไร”
“มึงก็บอกนุ่นทำแลนด์สเคปซิวะ”
“เขารณรงค์ให้ใช้ภาษาไทยแทนการทับศัพท์ มึงมันไม่รู้อะไร”
“อย่าให้กูได้ยินมึงพูดนะโว้ย” พฤกษ์ต้องถอนใจออกมาดังๆ ถึงทำให้บทสนทนาที่พากันลงคลองหยุดลงได้
“ต่อๆ พี่ ไปน่านแล้วทำไมเหรอ” เตชิตหันมาสนใจประเด็นที่เขาสงสัย
“พี่เพิ่งเก็บแมวมาเลี้ยงที่บ้าน ยังคิดไม่ออกว่าไม่อยู่หลายวันจะทำยังไง”
“อ๋อ” เตชิตพยักหน้าเข้าใจความกังวลของพฤกษ์ “พี่พฤกษ์หาคนรับฝากเลี้ยงสิ สาวของพี่ไง รับรองผมว่าช่วยเลี้ยงอย่างดี”
“อย่าดีกว่า” พฤกษ์ยังจำปฏิกิริยาครั้งสุดท้ายที่เหมียวส้มกับฤดีมาศเจอกันได้ ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าชอบแมวแต่พฤกษ์ดูแล้วไม่แน่ใจ”
“อืม..” รุ่นน้องพยายามช่วยเขาคิด “นทไง มึงเลี้ยงให้พี่พฤกษ์หน่อยสิวะ” หลังจากคิดอยู่นาน หวยก็ไปออกที่คู่หู
“ผมก็อยากช่วยพี่พฤกษ์ แต่คอนโดผมห้ามเลี้ยงสัตว์”
“ไม่เป็นไรนท เดี๋ยวพี่ลองหาวิธีดู”
“ถามนุ่นมันดิพี่ เผื่อมันมีไอเดียดีๆ บ้านมันเลี้ยงแมวอย่างกับเลี้ยงลูก เดี๋ยวผมตามให้” เตชิตไม่รอช้า เขาคว้าโทรศัพท์บนโต๊ะของพฤกษ์กดไปยังเบอร์ภายในที่จำได้แม่นยำ
“นุ่นมาโต๊ะพี่พฤกษ์หน่อย เออ ตอนนี้เลย”
“มีไรเต”
“พี่เต?” เตชิตแกล้งทำตาขุ่น นุ่นอายุน้อยกว่าเขา แต่เพราะหัวหกก้นขวิดมาด้วยกัน อีกฝ่ายเลยตบหัวลูบหลังพวกเขาราวกับเป็นเพื่อนกัน
“เสียเวลาเรียก ตกลงมีไรนุ่นยิ่งงานยุ่งอยู่” นุ่นทำหน้าหงิกใส่รุ่นพี่ที่เธอเห็นว่าเป็นเพื่อน
“พี่พฤกษ์มีอะไรอยากถามหน่อย ว่าแต่ไอ้ตัวหลังน่ะมาทำไม” เตชิตทักกวีที่เดินตามนุ่นมาเงียบๆ สองคนนี้โต๊ะทำงานอยู่ใกล้กัน
“ถามทำไม แค่ได้ยินชื่อพี่พฤกษ์ก็เดินตามต้อยๆ แล้ว” นุ่นทำหน้าเหมือนเรื่องแค่นี้ทำไมไม่รู้ เตชิตเลยทำสีหน้าว่าผิดไปแล้ว
“เออจริง โทษๆ แค่นี้ไม่น่าถามเลย”
“พี่พฤกษ์มีอะไรเหรอคะ”
“โทษทีนะนุ่น พี่ว่าจะเดินไปถามที่โต๊ะแต่ไม่ทันนายเต ดันโทรไปซะก่อน”
“ไม่เป็นไรพี่พฤกษ์ นุ่นว่าจะพักดื่มกาแฟอยู่พอดี” นุ่นยิ้มกว้าง ท่าทางเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จนเตชิตออกอาการค้อนลมค้อนแล้งโทษฐานที่ไม่มีความยุติธรรม
“เรื่องที่จะไปน่าน พี่ติดว่าที่บ้านเลี้ยงแมวไว้ไม่รู้มันจะอยู่เองได้ไหม”
“จริงๆ มันอยู่ได้นะพี่ แค่สามวันสองคืนเอง เตรียมน้ำเตรียมอาหารไว้ให้พร้อม เปลี่ยนกระบะทรายให้ใหม่ ซื้อเป็นที่ให้อาหารแบบตั้งเวลาก็ได้ เทเอาไว้นานๆ บางทีแมวกันก็ไม่กิน”
“พี่เป็นห่วงกลัวเกิดเครื่องมันขัดข้องขึ้นมา” พฤกษ์อดห่วงไม่ได้
“ถ้าพี่เป็นห่วงก็เอาไปฝากไว้ที่โรงแรมแมวสิ เดี๋ยวนี้มีเยอะแยะ ฝากเจ้าเดียวกับที่บ้านของนุ่นก็ได้ เค้าดูแลให้อย่างดี”
“ไม่ได้นะ!!” นุ่นสะดุ้งโหยงเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างหลังร้องค้านเสียงหลง แถมยังทำหน้าตาตื่นเหมือนเป็นเรื่องใหญ่โต
“มันต้องตกใจขนาดนั้นเลยเหรอกวี”
“คือ..คือ” กวีอึกอัก ขืนส่งเขาไปอยู่โรงแรมแมวเขาต้องตายแน่ๆ
“คือเพื่อนผมเคยฝาก แล้วพอกลับมาน้องแมวก็มีอาการตื่นกลัว เลยเดาว่าสงสัยจะโดนคนรับเลี้ยงตี” เขาคิดหาหนทางอื่นไม่ออกจึงจำต้องใส่ไฟ เอาน่าตามข่าวก็เคยมีให้อ่านบ้าง มันมีจริงๆ นะ
“ถ้าอย่างนั้นอย่าเลย” พฤกษ์ไม่อยากเสี่ยงให้เหมียวส้มถูกทำร้าย กวีลอบพ่นลมหายใจออกเบาๆ เมื่อโน้นน้าวพฤกษ์ได้
“พี่พฤกษ์ไม่ต้องห่วง เจ้าที่นุ่นแนะนำไม่มีเรื่องแบบนี้ เขาดูแลอย่างดี บ้านนุ่นฝากเป็นสิบๆ ครั้งแล้วเวลาไปเที่ยวแบบยกครอบครัวกัน แมวมีความสุขดี อ้วนท้วนสมบูรณ์เหมือนเดิม
“แต่แมวไม่รู้จักกันถ้าขังไว้ด้วยกัน มันอาจจะถูกตัวอื่นกัดก็ได้นะพี่พฤกษ์” กวีเปลี่ยนประเด็น เริ่มหน้าเสียเมื่อเห็นลางว่าพฤกษ์อาจเห็นด้วยกับนุ่น
“เขามีทั้งแบบห้องรวม ห้องแบบสองตัว หรือวีไอพีหน่อยพักตัวเดียวก็มีนะพี่ ไม่ได้ใส่กรงด้วย เจ้าของทำเป็นห้องๆ มีหน้าต่าง มีของเล่นใส่ให้ กลางวันก็พาออกมาวิ่งเล่นไม่ให้เบื่อ เขาทำเป็นห้องใหญ่ๆ มีของเล่น มีที่ปีนป่ายเยอะแยะ รับรองแมวสนุก ของนุ่นนี่บางตัวทำท่าไม่อยากกลับบ้านด้วยซ้ำ”
“ถ้ามีแบบนั้นก็ดี นุ่นลองถามให้พี่หน่อยสิว่าห้องเดี่ยวว่างไหมวันที่เราไป ถ้าว่างพี่จะเอาไปฝาก”
“ฝากไว้บ้านผมก็ได้ครับ” กวีโพล่งออกมาเมื่อเขาหมดทางเลือก
“เราไปน่านด้วยไม่ใช่เหรอ จะฝากได้ยังไง”
“ก็..ก็ฝากแม่ไว้”
“อย่าดีกว่าพี่ไม่กล้ารบกวน” ถึงคุณกานต์จะเป็นกันเองกับลูกน้องแค่ไหน พฤกษ์ก็ยังไม่อาจหาญพอ
“ไม่เป็นไรจริงๆ พี่พฤกษ์ พี่วีก็อยู่ ฝากพี่วีก็ได้”
“วีไม่ค่อยอยู่บ้าน”
“เดี๋ยวพี่วีก็บอกเด็กที่บ้านดูให้เอง เชื่อผมเถอะสงสารมัน บ้านผมกว้างขวางคนดูแลก็ไว้ใจได้ พ่อไม่ว่าอะไรหรอก พ่อผมชอบแมวมาก” แน่สิ ถ้าพ่อของเขาไม่ชอบแมวจะแต่งงานด้วยเหรอ
“อืม...” ท่าใช้ความคิดของพฤกษ์ทำเอากวีลุ้นตัวโก่งแทบลืมหายใจ ตกลงทีเถอะ เพี้ยง
“อย่าเลย” กวีแทบทรุดเมื่อพฤกษ์เลือกที่จะปฏิเสธ เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนใบหน้า ความซวยสองเรื่องกำลังมาหาเขา ซวยสุดคือต้องติดอยู่ในโรงแรมแมวไปไหนไม่ได้ คืนร่างก็ไม่ได้ ต้องใช้ชีวิตเป็นแมวถึงสามวันสองคืน ซวยรองลงมาคือเขาจะไม่สามารถเดินทางไปทำงานที่น่านกับกวีได้ งานนี้พ่อเขาต้องหัวเราะด้วยความสะใจแน่ หาเรื่องใส่ตัว เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ รับประกันว่าต้องได้ยินประโยคนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์
“พี่พฤกษ์เลี้ยงแมวในบ้านไม่ใช่เหรอครับ แมวที่ไม่เคยอยู่ที่แคบมันไม่ชินมันจะตกใจกลัวนะ พอแมวเครียดมากๆ จะป่วย ซึม ไม่ทานอาหาร” หนทางสุดท้ายของเขาแล้ว คือยกตัวเองภาคแมวนี่แหละขึ้นมาขู่
“กวีเลี้ยงแมวด้วยเหรอรู้ละเอียดจัง” นุ่นขมวดคิ้ว เธอไม่เคยได้ยินกวีพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน
“เลี้ยงนี่ใช่ไหม พี่เคยเห็นแมวสีส้มๆ เดินอยู่ในบ้านเจ้านาย” เตชิตจำได้ว่าเขาเคยเห็น
“พี่ไปไม่เคยเจอ” พฤกษ์จำได้ว่าเขาไม่เคยเห็น กวีลอบยิ้ม แน่ล่ะจะได้เจอได้ยังไง พฤกษ์มาทีไรเขาต้องไปนั่งใกล้ๆ ตลอด คงได้เจอเหมียวส้มหรอก
“ของญาติครับ นานๆ มาที” กวีตอบเลี่ยงเสีย
“มิน่าถึงไม่เคยเห็น” พฤกษ์พยักหน้าเข้าใจ
“ว่าไงครับพี่พฤกษ์ ฝากเถอะผมสงสารน้อง” กวีตอกย้ำคำว่าสงสารลงไป เขารู้นี่ว่าพฤกษ์รักเหมียวส้ม
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ลองไปคุยกับวีดู”
“ไม่ต้องครับ! ไม่ต้อง ผมกำลังจะขึ้นไปหาพี่วีอยู่แล้วเดี๋ยวผมบอกให้”
“พี่ควรไปคุยเอง”
“เรื่องแค่นี้เองครับ ผมไปล่ะเดี๋ยวพี่วีบ่นว่าชักช้า” กวีรีบเดินหนีเพื่อตัดบท เท่านี้เขาก็รอดตัวแล้ว เฮ้อเกือบไป
✪✥✤✣✦✧✣✤✥✪
“เป็นยังไงล่ะ พี่บอกแล้วว่าปัญหามันจะตามมา ดื้อ”
“พี่วีอะ” กวีเดินเข้าไปนั่งบนที่เท้าแขนของพี่ชาย โอบมือไปรอบคอ
“ไม่ต้องมาอ้อน ตั้งแต่เราไปอยู่บ้านพี่พฤกษ์ พี่ไม่เป็นอันได้ทำอะไร”
“น่าพี่วี นี่น้องทำเพื่อบริษัทเลยนะ”
“เกี่ยวกันตรงไหน”
“อ้าว ถ้าพ่อได้พี่พฤกษ์มาเป็นลูกเขย ช่วยกันดูบริษัทกับพี่วี รับรองกิจกาจเจริญรุ่งเรือง”
“เออ อันนี้เข้าท่า” กรรวีพยักหน้าเห็นด้วย
“เห็นไหมน้องบอกแล้วว่าน้องไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลยนะ”
“กล้าพูด” กรรวีเขกมือลงไปบนหัวของน้องชายหนึ่งที
“โอ๊ยพี่วีอะ น้องเจ็บ”
“ไม่ต้องมาโอดครวญ ไปบอกพ่อกับแม่เอง เรื่องนี้พี่ไม่ช่วย”
“พี่วี” กวีลากเสียงยาวเหยียด โธ่บอกพ่อต้องหูชาแน่นอน “พี่วีบอกให้น้องหน่อยนะ บอกตอนน้องไปแล้วก็ได้”
“ทุกที พี่ต้องฟังพ่อบ่นเรื่องเราตลอด แค่นี้พ่อก็กลัวพี่พฤกษ์จะมาถอนหงอกทีหลังจะแย่”
“กับน้องไม่เห็นบ่นเลย”
“แหงล่ะเราลูกรักนี่ อ้อนๆ หน่อยพ่อลืมบ่นทุกที”
“ไม่ใช่แค่ลูกรักนะ” กวียิ้มประจบ ก่อนซบศีรษะลงบนบ่าของพี่ชาย “น้องรักด้วย”
“หึๆ” แล้วกรรวีก็พ่ายแพ้ให้กับน้องชายตัวเองจนได้ เขาก็พูดไปอย่างนั้นเองะรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรก็ต้องช่วย น้องชายสุดที่รักทั้งคน
“โอ๊ะ!” กวีขยับขึ้นนั่งตัวตรง ทำตาโตเมื่อเขานึกบางอย่างขึ้นมาได้ เกือบลืมแล้ว
“อะไร ทำหน้าแบบนี้คิดจะทำอะไรแผลงๆ อีกใช่ไหม”
“เปล๊า”
“ให้มันจริงเถอะ ไปไป๊ออกไปได้แล้วพี่จะทำงาน บอกพี่พฤกษ์แล้วกันว่าพี่จะเลี้ยงแมวให้”
“พี่วีน่ารักที่สุด”
“ฟังให้จบก่อน พอพี่พฤกษ์กลับมาพี่จะบอกว่าแมวม่องเท้งไปแล้ว ฝังให้เรียบร้อย ทีนี้ก็ไม่มีเหมียวส้มไปกวนใจที่บ้านพี่พฤกษ์อีก”
“พี่วี~” กวีทำปากยู่ใส่พี่ชาย โทษฐานที่พูดจาทำร้ายจิตใจน้อง
“ผมไปล่ะ มีเรื่องสำคัญต้องไปทำ” กวีโดดลงจากเท้าแขนเก้าอี้ เดินดุ่มๆ ไปที่ประตูห้อง เรื่องนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน เขาต้องรีบจัดการ
✪✥✤✣✦✧✣✤✥✪
“ไมได้”
“น้า ช่วยผมหน่อย” กวีทำสายตาอ้อนวอน
“ไม่”
“พี่เต~”
“พี่พฤกษ์ฆ่าพี่แน่”
“เดี๋ยวผมบอกว่าผมเป็นคนทำ”
“พี่พฤกษ์ก็จะหมายหัวเราทั้งคู่แทน”
“โธ่กว่าพี่พฤกษ์จะรู้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว นะนะพี่เต ผมขอร้องล่ะ”
“พี่ก็อยากช่วยนะแต่อย่าเลยว่ะ” เตชิตยังยืนยันนั่งยันว่าเขาไม่เอาด้วย เมื่อกวีมาขอแลกห้องนอนกับเขา การไปทำงานครั้งนี้เตชิตได้พักห้องเดียวกับพฤกษ์ ในขณะที่กวีและนุ่นพักคนเดียวทั้งคู่
“พี่เต นี่มันโอกาสหายากของผมเลยนะ รับรองว่าผมจะทำตัวดีๆ ไม่ทำให้พี่พฤกษ์ลำบากใจ”
“แค่เรานั่งหายใจอยู่ในห้องไม่ต้องทำอะไรพี่พฤกษ์ก็ลำบากใจแล้ว”
“พี่เต~ โหพูดงี้ฆ่ากันเลยดีกว่า”
“เอาน่าหาทางเข้าใกล้วิธีอื่นเถอะ มีวิธีอื่นอีกถมเถเชื่อพี่”
“บัตรดูหนังเฟิร์สคลาสสิบใบ”
“ตกลง”
“โหพี่เตแย่ยิ่งกว่าผมอีก”
“ฮ่าๆ จะแลกไม่แลก”
“แลกสิถามได้” กวีอมยิ้มเจ้าเล่ห์ ในที่สุดแผนการของเขาก็สำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง สามวันสองคืนเขาจะใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่า ให้พฤกษ์หันมามองเขาบ้างก็ยังดี
“ตาลอยเลยนะคิดไปถึงไหนเรา ลามกหรือเปล่า”
“บ้าแล้วพี่เต” คนปฏิเสธหน้าแดงซ่าน รีบเดินหนีจากห้องพักผ่อนที่ลากเตชิตออกมาคุยกลับโต๊ะทำงานของตัวเอง เกลียดนักคนรู้ทัน
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
**ตอนที่แล้วแจ้งผิดนะคะ เค้างุ้งงิ้งกันตอนหน้าน้า ตอนนี้เกริ่นนำเรื่องราวไว้ก่อน มาๆ เก็บกระเป๋าไปอยู่ห้องเดียวกับกวีกัน ^^
** สนพ.เพื่อนใจ เปิดรีปริ๊นท์ คุณรองประธานกับบอดี้การ์ดตัวอ้วนนะคะ เผื่อใครตามหาเรื่องนี้อยู่ เข้าไปดูรายละเอียดในเพจของสนพ.ได้เลยค่ะ >>>
สนพ. เพื่อนใจ Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin