Chapter 23 Dad&Mom
วันเกิดของผมกับเจิ้นมาถึงในที่สุด ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันที่บ้านคุณปู่ ผมได้ขนมอร่อยๆของจีนกล่องใหญ่ เจิ้นได้ชาเหมือนทุกปี ส่วนมากของขวัญของผมมักจะเป็นขนม พ่อกับแม่ผมก็ซื้อเยลลี่ผลไม้เซ็ตใหญ่ให้ พ่อกับแม่เจิ้นก็ให้กิฟต์การ์ดภัตรคารชื่อดังให้ผมไปกินกับเจิ้น
ผู้ใหญ่ไม่ค่อยซื้อของขวัญให้เจิ้น เจิ้นก็ไม่ได้อยากได้อะไรเพราะเจิ้นมีครบทุกอย่าง จริงๆผมก็ไม่ได้อยากได้อะไรเหมือนกันแหละแต่พอได้ของกินมันก็ดีต่อใจจัง
“อายุสิบเก้าแล้วนะจันทร์ ปู่ขอให้จันทร์สุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆนะลูก”
คุณปู่อวยพรผมคนแรกก่อนจะตามด้วยผู้ใหญ่คนอื่นๆ แล้วก็ปิดท้ายที่เจิ้นหยิบกล่องสี่เหลี่ยมเล็กขึ้นมา มันมีโบว์สีเงินตัดกับกล่องสีน้ำเงินสวย
มันคือนาฬิกาสีขาวที่มีหน้าปัดสวยมากสลักชื่อผมไว้ เจิ้นหยิบมาใส่ให้ผมก่อนจะบอกว่าห้ามถอด ปกติผมก็มีนาฬิกากลายเรือนอยู่แล้วเพราะเพื่อนเจิ้นขายนาฬิกา เวลาออกคอลเลคชั่นใหม่เจิ้นก็จะซื้อมาใส่คู่กับผมแต่อันนี้มันรุ่นพิเศษมั้งเพราะมีชื่อผม JaoMoon
ผมชอบเขียนชื่อตัวเองแบบนี้ ฟอนต์ที่สลักชื่อก็สวยมาก มันวิบวับ พ่อแซวว่าผมเห่อของแพงซึ่งผมก็พยักหน้ารับ ก็มันเห่อจริงๆอ้ะ สวยมากเลย
หลังกินข้าวเราก็ไปนั่งเล่นกัน มีผม แม่ผม แล้วก็แม่เจิ้นนั่งกินขนมกันในสวนเพราะคนอื่นๆไปคุยงานกัน สักพักแม่เจิ้นก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเหลือแค่ผมกับแม่
“ไหน แม่ขอดูนาฬิกาหน่อย....อืม สวยจังลูก แต่สีขาวมันจะเลอะง่ายหรือเปล่าลูก”
“ผมจะระวังครับ ฮึ่ยยย มันสวยมากเลยอ่ะแม่”
“จ้า ชอบก็ดีแล้ว จันทร์แม่ว่าจะพาจันทร์ไปเยี่ยมตากับยายบ้าง ท่านบ่นหาเพราะจันทร์ไม่เคยไปต่างจังหวัดเลย กลับไปกับแม่หน่อยนะลูก? คุณตาคุณยายแก่แล้วอยากเจอหลานบ้าง”
คุณตาคุณยายในความทรงจำผมมันไม่ชัดเจนนักเพราะผมเคยเจอแค่ตอนตากับยายมาที่บ้านนนทบุรีเมื่อครั้งผมยังเด็ก ผมไม่เคยไปเที่ยวบ้านแม่ที่ต่างจังหวัดเลยสักครั้งเดียว
“เดี๋ยวผมบอกเจิ้น แม่ไปวันไหนครับ ผมจะได้เก็บกระเป๋า”
แม่ยิ้มออกมาแบบโล่งใจที่ผมรับปาก ผมรู้สึกผิดกับแม่จังเพราะผมไม่ค่อยได้อยู่กับแม่เลย แต่พ่อก็ไม่ค่อยอยู่บ้านไปจีนกับปู่ตลอด แล้วพอพ่อไม่อยู่แม่ก็ไปอยู่ต่างจังหวัดแต่ก็ไม่เคยพาผมไปด้วย
เจิ้นไม่ได้ว่าอะไรที่ผมจะไปเที่ยวต่างจังหวัด เขาก็ถามว่าไปยังไง ไปกับใครบ้าง ให้คนขับรถขับไปให้ไหม? ต่างๆนาๆ ผมโทรปรึกษาแม่แต่แม่บอกว่าลุงจะมารับ ผมคุ้นๆว่าแม่มีพี่ชายหนึ่งคน เคยเจอ...แต่ลุงดูเข้ากับพ่อไม่ได้เลยไม่มาอีก แต่ถึงมาผมก็อยู่กับเจิ้นเลยไม่เจอ
ผมไม่ได้คุยเรื่องไปต่างจังหวัดกับพ่อเพราะพ่อกับคุณปู่กลับมาแค่มากินข้าววันเกิดผมกับเจิ้นแล้วก็กลับไปที่จีนแล้ว คุณป้าแม่บ้านช่วยผมจัดกระเป๋าสำหรับหนึ่งอาทิตย์ตามที่แม่บอกไว้ เจิ้นบังคับให้เอานาฬิกาอันใหม่ไปด้วยแล้วก็สินเชื่อ ตอนนี้สินเชื่อหอมมากเพราะวันก่อนคุณป้าแม่บ้านเอาไปซักอบแห้งเพื่อให้ผมเอาไปกอดที่ต่างจังหวัด
เจิ้นบอกให้เอาไปเพราะผมไปค้างนอกบ้านตั้งหนึ่งอาทิตย์เดี๋ยวนอนไม่หลับ มีสินเชื่อไปด้วยดีกว่าทิ้งไว้กับเจิ้นซึ่งผมก็โอเคมากๆ เพราะกลัวแปลกที่ มันไม่เหมือนไปเข้าค่ายที่อย่างมากก็สามวันสองคืน
ก่อนเดินทางหนึ่งวันผมโดนเจิ้นบังคับให้เขียนลิสต์อาหารที่ห้ามกินด้วยตัวเองสองจบ แล้วก็คัดเบอร์ฉุกเฉินทั้งของเจิ้น ของคุณป้าแม่บ้าน ของพี่เลขา พี่บอดี้การ์ดแล้วก็ตำรวจ เจิ้นบอกว่าบ้านตากับยายของผมมันไกล ถ้ามีเรื่องอะไรเขาตามไปหาทันทีมันยากให้โทรหาตำรวจก่อนคนแรกแล้วค่อยโทรหาเขา
ทุกคนทำเป็นเรื่องใหญ่แต่ผมก็ว่ามันใหญ่จริงๆนั่นแหละเพราะผมก็ตื่นเต้นแปลกๆ ผมไม่เคยไปนอนต่างจังหวัดไกลๆแบบ...จังหวัดน่านมาก่อน แถมนั่งรถไปแล้วก็บ้านคุณตาคุณยายก็เป็นสถานที่ใหม่มาก ตอนแรกเจิ้นเสนอให้ไปเครื่องบินแต่เพราะลุงจะมารับเขาเลยไม่ได้ว่าอะไร
เจิ้นพาผมมาส่งบ้านแม่อยู่รอจนลุงมา คุณลุงที่ผมเคยเจอแต่จำหน้าไม่ได้แล้วอยู่ในชุดลำลองแบบทหารที่มันเป็นเสื้อเขียวๆกับกางเกงทหารผมก็เรียกไม่ถูก ดูดุดันและพูดน้อย เขาคุยกับเจิ้นนิดหน่อย เจิ้นดึงนามบัตรตัวเองให้เขาแม้ลุงจะไม่ได้ให้อะไรกลับไป แม่ดูเงียบๆ บรรยากาศมันชวนอึดแต่พอเราเริ่มเดินทางมันก็ดีขึ้น
แม่ดูมีความสุขที่ได้กลับบ้าน ท่าทีเคร่งเครียดของลุงก็ลดลงพูดคุยกับแม่บ้าง รถลุงเป็นเจ็ดที่นั่งคันใหญ่ผมก็เลยยึดเบาะหลังคนเดียวกับสินเชื่อ แม่กับลุงคงสนิทกันมากบ่อยครั้งที่ลุงลูบหัวแม่เวลาคุยกัน
คงจะเพราะต้องอยู่ไกลกัน ลุงเป็นทหารอยู่ค่ายที่ต่างจังหวัด ส่วนแม่ก็แต่งงานมาอยู่บ้านพ่อ ถ้าผมโดนแยกกับเจิ้นผมคงเหงาเหมือนกัน ผมไม่ได้ร่วมสนทนากับลุงและแม่ตลอดเพราะเขาดูมีเรื่องที่ต้องคุยกันเยอะแยะ
เราแวะกินข้าวในปั๊มแต่มันก็เป็นร้านข้าวแกงที่ผมกินไม่ได้ แม่ต้องไปซื้อข้าวต้มในเซเว่นเวฟมาให้ผม ลุงขมวดคิ้วนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอตอนเดินซื้อขนมแม่ต้องก้มๆเงยๆเดินหาขนมที่ผมกินได้อีกรอบลุงก็เริ่มดูหงุดหงิด
“กินยากหรอเรา?”
“ครับ...ผมชอบปวดท้อง”
“เป็นผู้ชาย หัดทำตัวกินง่ายอยู่ง่ายบ้าง ดูสิแม่เราต้องวุ่นวายหานั่นหานี่ให้”
“พี่...อย่าดุลูกสิ ไม่เป็นไรนะจันทร์ แม่เจอละอันนี้จันทร์กินได้”
ผมเริ่มหงอยๆที่ถูกลุงดุ แต่ลุงก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ขนมของผมมักจะเป็นคุกกี้หรือขนมปังนิ่มๆและเยลลี่ผลไม้ที่ไม่ได้ขายทุกสาขาเซเว่น ดีที่ปั๊มนี้เป็นสาขาใหญ่ไม่งั้นผมก็คงไม่ได้กิน
“จันทร์ดื่มนมไหมลูก แม่ชงใส่กระติกมาด้วย ดื่มแล้วจะได้นอน”
“ครับแม่”
แม่ส่งกระติกทำความร้อนให้ผม พอได้นมอุ่นๆมันก็อยู่ท้องจริงๆจนผมเริ่มง่วงแม่ก็บอกให้หยิบหมอนผ้าห่มมาห่ม ไอเทมประจำตัวที่เจิ้นให้ติดมาเพราะผมชอบหลับเวลานั่งรถ
“คุณชายจริงๆลูกเธอ เลี้ยงมายังไงกัน”
ถูกลุงดุอีกแล้ว... เฮ้อ...สงสัยผมจะไม่ค่อยได้เรื่องจริงๆ ผมก็รู้ว่าตัวเองไม่ค่อยจะเป็นผู้ชายคูลๆแบบเจิ้นที่จัดการทุกอย่างได้ดี ผมติดนม ติดตุ๊กตา กินก็ยาก ขึ้นรถก็ง่วงแล้วก็มีคนดูแลตลอด แต่พอมาโดนว่าตรงๆมันก็อดหงอยไม่ได้อ่ะ คิดถึงเจิ้นจัง...
เรามาถึงน่านตอนเกือบสามทุ่ม บ้านของคุณตาคุณยายเป็นเรือนไม้หลังไม่ใหญ่มากอยู่กลางสวนที่มีต้นไม้สูงๆ แม่ไม่ได้อยู่อำเภอเมืองแต่ห่างออกมาไม่ไกลนัก คุณตาคุณยายตื่นเต้นที่ได้เจอผมหลังจากไม่เจอมาเป็นสิบปี
“พ่อหลานสบายดีไหมล่ะ ไม่ได้เจอนานแล้ว”
“พ่อสบายดีครับ ไปจีนกับคุณปู่”
“หึ...”
ลุงทำหน้าไม่พอใจที่ผมไม่เข้าใจ คุณตาคุณยายก็เลยอ้ำๆอึ้งๆแล้วก็ตัดบทให้ผมไปนอน ห้องนอนของผมอยู่ทางปีกซ้ายของบ้าน บ้านนี่เหมือนในหนังที่ห้องอยู่ล้อมยกพื้นตรงกลางบ้านไว้นั่งกินข้าว ตากับยายอยู่ทางปีกขวา แม่เข้ามานอนกับผม เล่าเรื่องสมัยเด็กของแม่ให้ฟัง ผมแกล้งหาวให้แม่คิดว่าง่วงแล้วแม่ถึงเดินออกไป จริงๆคือผมอยากโทรหาเจิ้น แล้วถ้าคุยตอนแม่อยู่ผมก็จะรู้สึกแปลกๆ
ผมไม่กล้าบอกเจิ้นว่าถูกลุงดุ เลยเล่าแค่ระหว่างทางเจออะไรบ้าง แล้วขับมาผ่านวัดเยอะมากเพราะน่านเป็นจังหวัดที่มีวัดเยอะ คุยงุ้งงิ้งจนผมเริ่มง่วงจริงๆจึงวางสาย
ผมตื่นมาอีกทีกลางดึก เสียงแมลงด้านนอกกับเสียงลมดังชัดมากจนผมกลัว...ผมฝันร้ายอีกแล้ว ฝันถึงผู้หญิงคนเดิมที่กระชากลากผมให้หนีเจิ้น ผมกลัวจนอยากจะร้องไห้แต่ถ้าโทรหาเจิ้นตอนตีสองแบบนี้ก็กลัวเจิ้นตื่นไปทำงานแต่เช้าไม่ไหว
ขาพาตัวเองออกไปด้านนอกเพื่อไปตามหาแม่ ผมไม่รู้แม่นอนห้องไหนเพราะก่อนนอกแม่พาผมมาส่งแต่ผมไม่ได้ออกไปส่งแม่คืนนี่นา เสียงพื้นไม้กระทบกันเหมือนมีคนกระแทกพื้นดังมาจากห้องหัวมุม มันดังเป็นจังหวะซึ่งดึกป่านนี้ไม่น่ามีใครมายืนเคาะบ้าน ความกลัวของผมแผ่กระจ่ายจนผมรีบวิ่งกลับไปในห้อง
ผีแน่เลย...บ้านตากับยายมีผีแน่ๆ
ผมตื่นมากินข้าวตอนเช้าพร้อมขอบตาบวมช้ำและเป็นแพนด้า ผมนอนไม่หลับและนอนร้องไห้เพราะกลัวผี เกือบตีสามเสียงเคาะไม้ของผีถึงจะหยุดลง
แม่ถามว่าเป็นอะไร ผมเล่าเรื่องผีที่ได้ยินให้ฟัง แม่ชะงักก่อนจะรีบบอกว่าห้ามพูด เดี๋ยวคุณตากับคุณยายตกใจ ผมรีบรับปากเพราะขนาดผมยังกลัวจนนอนไม่หลับ ถ้าตากับยายตกใจ คนแก่อาจจะหัวใจวายได้
ลุงขมวดคิ้วกับเรื่องผีของผมแต่ไม่ได้พูดอะไร เรากินข้าวกันเสร็จช่วงเช้าตากับยายก็ชวนผมไปไหว้พระ คุณตายังขับรถไหว คุณตาอายุหกสิบสอง แม่ผมอายุสามสิบแปด...แม่ผมมีผมตอนอายุสิบเก้า ตอนที่อายุเท่าผม บอกแล้วว่าพ่อผมไวไฟมาก พ่อผมก็อายุแค่สามสิบเก้า...คู่รักคู่นี้รวดเร็วทันใจ
ผมเคยสงสัยว่าพ่อมาเจอแม่เพราะปู่มาดูที่ ทำไมพ่อทำงานให้ปู่เร็วจังตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ... พ่อผมเล่าให้ฟังว่าพ่อก็เป็นคนของเยว่มาตั้งแต่เกิด ถูกวางตัวเป็นเลขาเจ้าบ้านเยว่มาแต่ไหนแต่ไรเลยได้ฝึกงานกับปู่ตั้งแต่ยังเรียนมัธยม ก่อนจะมาตกหลุมรักแม่แถวนี้
“แล้วปู่ซื้อที่ตรงไหนไว้หรอครับแม่?”
“เอ๊ะ อ๋อ ปู่ไม่ได้ซื้อจ๊ะ แค่มาดูแต่ไม่ถูกใจ”
แม่พาผมไหว้พระเป็นสิบวัด จังหวัดน่านนี่วัดเยอะจริงๆแล้วแต่ละวัดก็สวยงามอลังการตระการตามากจนผมนับถือคนท้องที่ที่ร่วมใจกันบำรุงศาสนาจนเฟื่องฟู่ขนาดนี้ รูปภาพกระซิบรักบันลือโลกก็ถูกผมเลียนแบบและบังคับแม่ให้ทำเหมือนกัน
ผมส่งภาพให้เจิ้นดูเรื่อยๆ เขาก็ตอบเท่าที่จะตอบได้เพราะทำงานอยู่ แม่พาไปกินข้าวซอยแต่แค่คำแรกผมก็กินไม่ได้ก็เลยต้องจบที่ข้าวไข่เจียว ลุงบ่นอีกรอบที่ผมกินยากกินเย็น
วันนี้ลุงบ่นแล้วก็ดุผมหลายเรื่อง ทั้งเดินในวัดก็ถอดรองเท้าไม่ได้เพราะร้อนเท้า ไหว้พระก็ไม่สวย สวดมนตร์ก็ทำนองเพี้ยน ก็ผมเรียนนานาชาติมาอ้ะ! ลุงเหมือนจะรู้ว่าแม่ไม่ชอบให้ดุผมเลยต้องมาแอบดุตอนแม่ไปหยอดตู้บริจาคบ้าง ถวายสังฆทานบ้าง
ตอนกลางคืนผมยังใจกล้านอนคนเดียว คุยกับเจิ้นเหมือนคืนก่อนจนง่วง แต่ผมก็ฝันร้ายตื่นมาตอนตีสองอีกแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่หายไปจากหัวของผม แต่กลับมาติดกันสองวัน ผมอึดอัดจนไม่อยากนอนอยู่ในห้องเลยเดินออกไปนั่งด้านนอก ลมเย็นๆแม้บ้านจะมืดแต่ก็ดีกว่าอึดอัด คืนนี้ไม่มีเสียงผีเคาะบ้านให้ผมกลัวการนั่งๆนอนๆตรงยกพื้นดูดาวบนท้องฟ้าก็ทำให้รู้สึกดีเหมือนกัน
เสียงประตูห้องถูกเปิดแม้จะเบาๆแต่เพราะมันเป็นยามค่ำคืนที่ดึกสงัดทำให้ผมได้ยินชัดเจน เงาตะคุ่มของผู้ชายตัวใหญ่คล้ายลุงเดินออกมาจากห้องมุมที่ผมเคยได้ยินเสียงผีเคาะบ้าน ลุงไม่เห็นผมเพราะหมอนอิงมันอาจจะบังผมอยู่แล้วมันก็มืดสนิท แสงไฟสลัวส่องผ่านประตูห้องลุงที่ปิดไม่สนิท ลุงเดินไปในห้องตรงข้ามกันแล้วปิดประตู สักพักห้องที่มีไฟเปิดสลัวๆก็ถูกดึงบานประตูปิด ลุงไม่ได้กลับมาที่ห้องเดิม...และประตูมันก็ปิดเอง
แล้วใครปิดประตู?... ลุง ...เลี้ยงผีไว้หรอ?
วันต่อมาผมหมกมุ่นกับเรื่องลุงเลี้ยงผี เคยได้ยินเพื่อนเล่าตอนไปเข้าค่ายว่าคนต่างจังหวัดมีพวกลัทธิเลี้ยงผีบูชาผี กุมาร ไสยศาสตร์อะไรพวกนี้ หรือลุงจะเลี้ยงผีด้วยจริงๆ? ผมแอบเดินไปเปิดห้องนั้นตอนที่ทุกคนออกไปข้างนอกปรากฏว่าห้องล็อค จริงๆคือทุกห้องล็อคหมดเหมือนเป็นเรื่องปกติที่จะล็อคห้องไว้เพราะใครมาบ้านก็เดินขึ้นมาได้หมด
คุณตาเข้าสวนแต่ผมไม่ได้ไปด้วยเพราะแม่ไม่ให้ไปกลัวผมจะเป็นลมแดด ผมเลยนอนกลิ้งไปกลิ้งมาในบ้านเบื่อๆ ฟุ้งซ่านเรื่องลุงเลี้ยงผี ผมคิดว่าคืนนี้ผมอาจจะแอบดูลุงอีกรอบมันจะได้รู้ไปเลยว่าลุงเลี้ยงผีจริงๆไหม
ผมไลน์ปรึกษาเพื่อนสมัยเรียนนานาชาติด้วยกัน พวกมันก็มีความสนใจเรื่องผีไม่ต่างกัน ก็แหมเล่าเรื่องผีมาด้วยกันทุกค่ายตั้งแต่เกรด 1
“มึงต้องถือพระด้วยนะจันทร์ เผื่อผีวิ่งหา ต้องกลัวพระแน่ๆ”
“น้ำมนต์ สายสิญจน์ บทสวดล่ะ มึงสวดได้ยัง ถ้าของไทยไม่ได้เอาของคริสต์ไหม?”
กลายเป็นว่าผมซ้อมสวดมนตร์แบบคริสต์ บทสวดของพระเจ้าที่ผมก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองในบัตรประชาชนก็พุทธนะทำไมผมสวดแบบคริสต์ได้ดีกว่าอีก
เจิ้นเข้าประชุมไปตอนบ่ายเขาไลน์ทิ้งไว้ว่าจะตอบผมช้า ผมพยายามไม่คุยกับเจิ้นบ่อยเพราะเขาต้องทำงานจะให้มาเล่นมือถือทั้งวันมันก็ไม่ดีอ่ะ แม่กลับมาจากไปทำธุระที่อำเภอตอนบ่าย ลุงกับแม่เข้าครัวไปทำอาหารด้วยกัน... ผมแอบมองอยู่ข้างนอกแอบนึกถึงพ่อไม่ได้เหมือนกัน ตอนอยู่กับพ่อแม่ก็ยิ้มนะแต่ไม่หัวเราะแบบตอนอยู่กับลุง แล้วพ่อก็ไม่เข้าครัวช่วยแม่เหมือนที่ลุงทำด้วย
“อ้าวจันทร์อยากได้อะไรลูก? หิวยังจ๊ะ รอแม่ทำกับข้าวก่อน”
“เปล่าครับ ก็แค่คิดว่าลุงกับแม่สนิทกันจัง จันทร์อยากมีพี่น้องบ้าง”
แม่อึ้งไปเล็กน้อยส่วนลุงทำเสียงหัวเราะแปลกๆในลำคออีกแล้ว แม่บ่นว่าผมพูดอะไรก็ไม่รู้แล้วไล่ผมออกมา ผมเลยไปนอนเล่นโทรศัพท์ ไลน์หาคนนั้นทีคนนี้ที ผมไลน์เล่าเรื่องมาน่านกับแม่ทิ้งไว้ให้พ่ออ่าน แต่พ่อก็ไม่ใช่คนเล่นอะไรพวกนี้อยู่แล้วนานๆจะตอบผมที
ผมแอบถ่ายรูปแม่ส่งไปให้เจิ้นว่าแม่กำลังทำกับข้าวให้ แล้วก็ส่งไปให้พ่อด้วยติดแผ่นหลังลุงนิดหน่อย พ่ออาจจะหงุดหงิดก็ได้เพราะพ่อไม่ค่อยชอบลุง
แผนพิสูจน์เรื่องผีของผมทำผมกระสับกระส่าย รีบตัดบทเจิ้นและตั้งใจจะออกไปเฝ้าตรงยกพื้นกลางบ้านทันทีที่ถึงเที่ยงคืน บรรยากาศต่างจังหวัดทำให้บรรยากาศมืดมิดและน่ากลัว ผมซุกตัวเองกับหมอนอิงทำตัวกลมกลืนไปกับความมืด โทรศัพท์กำแน่นอยู่ข้างตัว ผมกลัวมากแต่แรงเชียร์จากเพื่อนมันก็มากพอตัว ถ้าผมพิสูจน์ได้ทุกคนจะต้องชมว่าผมเก่ง
ลุงเดินออกมาจากห้องที่ลุงเดินกลับไปนอนเมื่อคืน ข้ามฟากมาที่ห้องผี ลุงเคาะประตูเบาๆห้องผีก็เปิดออกแล้วลุงก็หายไปข้างใน ผมรีบย่องเข้าไปใกล้ๆเสียงคุยกันเบาๆดังลอดออกมาทำให้ผมคิดว่าลุงต้องคุยกับผีแน่ๆ ผมกำลังจะแอบแง้มประตูพิสูจน์โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมาก่อน พ่อโทรมาจากจีน
แผนผมต้องถูกพับเก็บรีบย่องกลับไปที่ห้องนอนเพื่อคุยกับพ่อ
“ไปน่าน? ลุงอยู่ด้วย?”
“ช่ายยย อากาศดีมากเลยครับพ่อน่าจะมาด้วยกัน”
“จันทร์ พอดีพ่อมีเรื่องด่วนกำลังกลับไทย เดี๋ยวพ่อให้คนไปรับนะเรื่องนี้เกี่ยวกับจันทร์ด้วย ด่วนมาก เดี๋ยวพ่อโทรคุยกับแม่เอง พรุ่งนี้ให้ลุงนั่นมาส่งที่สนามบินนะลูก”
พ่อไม่เปิดโอกาสให้ผมถามแต่วางสายไปทันที ผมงงๆแต่ก็จัดกระเป๋าตาม หมดความสนใจเรื่องผีไปจนหมดเพราะพ่อดูร้อนรน.... มีเรื่องด่วนอะไรกัน?
แม่หน้ายุ่งๆแต่เช้าแต่ก็บอกว่าคุยกับพ่อว่ามีเรื่องด่วนจะพาผมไปส่งสนามบินแล้วจะตามกลับไปทีหลัง ลุงยังคงหัวเราะทำเสียงแปลกๆ สรุปผมมาอยู่น่านได้แค่สามคืน คนที่พ่อส่งมารับคือเลขาของเจิ้น เขายิ้มสุภาพไม่ได้พูดอะไรนัก แค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงกรุงเทพ ผมหิ้วสินเชื่อเดินขึ้นรถแบบงงๆ คนขับรถพาผมไปส่งที่บ้านคุณปู่ ช่วงเย็นพ่อก็กลับมา
หน้าพ่อดูเหนื่อยล้าถามย้ำกับผมว่าที่น่านเป็นยังไงบ้าง เดินทางไปยังไงให้เล่าให้ฟังให้หมด ผมเลยเล่าเรื่องผีให้พ่อฟังด้วย พ่อขมวดคิ้วแล้วดึงผมไปกอด
“แล้วพ่อมีเรื่องด่วนอะไรหรอ”
“พ่อจะพาจันทร์...ไปทะเลสักพัก แค่เราสองคนพ่อลูก พ่อบอกเจิ้นไว้แล้ว ไปเที่ยวกัน”
สถานการณ์มันดูสับสนวันก่อนผมอยู่ภาคเหนือวันต่อมาผมไปอยู่ที่ภูเก็ต ทะเลสวย ห้องก็สวยมากแต่พ่อกลับดูมีเรื่องให้คิด เจิ้นก็ไม่รู้เหมือนกันตอนผมถามแต่ผมก็คิดว่าจะอยู่เป็นเพื่อนพ่อที่นี่จนกว่าพ่อจะพอใจ แม่โทรมาหาสองครั้งแล้วก็ไม่ได้โทรมาอีก
บางทีผมก็เห็นพ่อคุยโทรศัพท์เครียดๆกับใครสักคนที่ริมสระแต่ผมก็ไม่กล้าถาม ผมนอนเปื่อยเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย บางทีก็ไปสปาให้เขานวดตัว ผมใช้ชีวิตแบบกินกับนอนเต็มขั้นเป็นเพื่อนพ่อ
เดินเล่นถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย แผนการจับผีของผมพังลงเพื่อนก็พากันบ่นแต่ก็อิจฉาผมแทนที่ได้มาศรีพันวา เลยเซลฟี่ตัวเองส่งกลับไปเยอะๆจนเพื่อนรำคาญว่าผมเป็นมีมอุบาทว์ มีมอะไรไม่รู้แหละ ผมมีความสุขอยากจะแชร์ให้เพื่อนอ้ะ
แต่ก็เริ่มคิดถึงเจิ้นหน่อยๆเหมือนกัน ยังดีที่วิดิโอคอลคุยกันได้ทุกวันเลยไม่ค่อยคิดถึงมาก เจิ้นก็ถามว่าพ่อเป็นไงบ้างผมก็บอกได้แค่เหมือนเดิม ดูกังวล...กับเรื่องที่ผมก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร
“อ้ะ ขอโทษครับ”
มัวแต่แชททำให้ผมเดินชนแขกคนอื่น ปลายเท้าของเขาในสายตาเป็นรองเท้าแบบจีนที่เคยเห็นเจิ้นใส่ ผมรีบเงยหน้าคิดว่าเป็นเจิ้นแต่ไม่ใช่...
ผู้ชายคนนี้รูปร่างคล้ายเจิ้น ใส่ชุดจีนแบบเดียวกับเจิ้นออกมาข้างนอกซึ่งน้อยคนจะทำ แต่เขาก็ใส่ได้เหมาะ...และแก่กว่าเจิ้น เขาเหมือนคนอายุประมาณสี่สิบ ตาดุ ดุมาก...รังสีบางอย่างบอกว่าคนๆนี้เหมือนพวกมาเฟียในหนังเป๊ะๆ
“เธอ...พ่อเธออยู่ไหน?”
“ครับ? เอ้ะ พ่อ? คือ ...คุณเป็นใคร”
“หึ ศศิมณฑล เยว่ ใช่ไหม? ตองอยู่ไหน ตอง กันติชา พ่อเธออยู่ไหน”
เสียงดุทำให้ผมเริ่มถอยหลัง แต่บอดี้การ์ดในชุดสูทแบบบอดี้การ์ดของเจิ้นก็เดินอ้อมหลังไม่ให้ผมหนีไปจากคนๆนี้ ผมตกใจมาก แต่ทางเดินตรงนี้ก็ดันไม่มีใครเลยนอกจากผม
“คุณจะทำอะไร”
“พาไปหาพ่อเธอเดี๋ยวนี้”
ท่าทางคุกคามแม้เขาจะไม่ได้แตะต้องตัวผมทำผมกลัว
“จันทร์! คุณจะทำอะไรลูกผม!”
พ่อเดินมาจากทางไหนไม่รู้ดันบอดี้การ์ดออกแล้วดึงผมออกมาหลบอยู่ข้างหลัง ไหล่ของพ่อสั่นเล็กน้อยแต่ผมก็เห็น มาเฟียนั่นยกยิ้มที่ดูอันตรายเดินมาประชิดตัวพ่อ
“ฉันได้ยินข่าวบางอย่าง....แล้วดูเหมือนมันจะตรงกับสัญญาที่เราทำไว้ ถึงมันจะสักสิบเก้าปีมาแล้ว แต่ฉันจำแม่นนะตอง แม่นมากจนมันเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง แต่ลูกเธอไม่ค่อยโตเท่าไหร่ เลี้ยงไม่ดีหรอตอง?”
“อย่าว่าพ่อผมนะ!”
ก็รู้ว่าพ่อไม่ได้สูงมากแบบเจิ้น แต่พ่อก็สูงนะ แล้วลุงนี่เป็นใครทำไมต้องมาว่าพ่อด้วย! ผมไม่ชอบเลยเพราะพ่อเหมือนกลัวเขา แล้วเขาก็มีท่าทีไม่น่าไว้ใจสุดๆ
“กระต่ายก็เลี้ยงลูกให้เป็นลูกกระต่าย...ฉันอุตส่าห์คาดหวังว่าลูกกระต่ายอาจจะได้เป็นมังกรของเยว่ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ”
“คุณต้องการอะไร จันทร์ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ลูกนายเดินมาชนฉันเอง เอาแต่เล่นมือถือเดินออกไปข้างนอกโดนรถชนตายใครจะรับผิดชอบ? สอนลูกด้วยตอง เป็นพ่อยังไง?”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ทำไมคุณต้องพูดจาไม่ดีใส่พ่อด้วย นิสัยแย่มากๆ ไอ้ลุงนิสัยไม่ดี แย่มากกกก พ่อผมเป็นคนดีไม่เหมือนลุงหรอก! ตาแก่บ้า พ่อไม่ต้องไปคุยกับเขาแล้ว คนบ้าอะไรไม่รู้นิสัยไม่ดีเลย กลับห้องกันเถอะ”
ผมพยายามลากพ่อกลับห้องแต่ลุงนั่นกลับหัวเราะลั่นออกมา ตาวาวโรจน์ทำผมสะดุ้งทันที่สบตากัน น่าแปลกที่พ่อแทบไม่ตอบโต้อะไร ดวงตาที่ผมคุ้นเคยหม่นแสงลงจนหัวใจหล่นวูบ พ่อเสียใจ...เสียใจที่เขาว่า หรือเสียใจที่ผมเป็นเด็กไม่ดีหรอ
“เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
“บอกว่าอย่ายุ่งกับเจ้าจันทร์ไง คุณจะต้องการอะไรอีก สะใจมากหรอ? ใช่ ที่คุณรู้มามันถูกต้อง คุณสะใจพอหรือยัง? ต้องการอะไรอีกไหมนอกจากสมน้ำหน้าผม ไม่พอใจก็มาลงที่ผม ลูกไม่เกี่ยว!”
“เธอรู้ว่าฉันต้องการอะไรตอง สัญญาต้องเป็นสัญญา และหวังว่าพรุ่งนี้เธอจะให้คำตอบฉันได้สักที”
คนน่ากลัวเดินผ่านผมกับพ่อไป พ่อดูหมดแรงและเหนื่อยล้า เสียใจและผิดหวัง ผมบอกได้แค่ตอนนี้พ่อไม่ได้เข้มแข็งเลย ผมไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าพ่อกับเขาคุยเรื่องอะไรกัน
ผมพาพ่อกลับห้อง นอนกอดพ่อแน่นๆผมรู้สึกว่าพ่อตัวเล็กลงอย่างน่าประหลาด พ่อไม่ยอมพูดอะไรแค่ลูบหัวผมเบาๆ ผมอยากบอกพ่อว่าพ่อจะร้องไห้ก็ได้แต่พ่อคงไม่ยอมเพราะพ่ออาจจะเขินผม
มื้อเย็นเราสั่งรูมเซอวิสมาที่ห้อง พ่อไม่อยากออกไปไหนและผมก็ไม่อยากออกไปกลัวจะเจอลุงบ้านั่นอีก คนอะไรไม่รู้มีท่าทีคุกคามตลอดเวลาเลย
“เขาชื่อสุริยะ .... สุริยะ หยาง ลูกครึ่งฮ่องกง ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีใส่พ่อหรอกลูกไม่ต้องกังวลเขาแค่...ปากไม่ดี เป็นแบบนั้นล่ะ”
“อ้ะ...”
หยาง...หยางเดียวกับพระอาทิตย์ที่ซินแสบอกหรือเปล่า? พระอาทิตย์ที่มาพร้อมความร้อน ไม่โดนผมโดยตรงแต่คนรอบข้าง คนรอบข้างนี่อาจจะพ่อหรือเปล่า?
“พ่อไปรู้จักเขาได้ยังไงอ่ะ”
“นานแล้วล่ะ ลูกกินข้าวเถอะ ขอโทษที่ต้องให้มาเจออะไรแบบนี้นะ พ่อไม่คิดว่าเขาจะมาหาพ่อถึงนี่”
“พระอาทิตย์พาความร้อนมาด้วย”...เสียงซินแสดังขึ้นในหัวผม ทำไมทุกอย่างมันลงตัวแบบนี้ ลงตัวเกินไป ไม่โดนผมตรงๆแต่โดนพ่อเต็มๆ พ่อในสายตาผมคือผู้ชายเท่ๆ เท่ไปคนละแบบกับเจิ้น แต่วันนี้พ่อกับดูบอบบาง
พระอาทิตย์ข่มพ่อผมจนตัวเล็กลง
ไอ้ตาลุงหยางนิสัยไม่ดี! คอยดูนะคราวหน้าจะไม่ยอมให้ยืนด่าแล้ว ฮึ่ยยย ผมจะวางแผนเอาคืนตาลุงนั่น... ใช่แล้ว ผมต้องวางแผน! แต่...จะเริ่มยังไงดีอ่ะ ผมจะเอาอะไรไปสู้กับมาเฟียนั่นกัน...
ถามเจิ้นดีกว่า...งื้อ คิดถึงเจิ้นจัง คิดถึงสินเชื่อด้วย เมื่อไหร่จะได้กลับช่อฟ้ากันนะ ผู้ใหญ่รอบตัวผมช่างแปลกประหลาด พ่อก็แปลก แม่ก็แปลก ลุงก็แปลก... ยุ่งยากจัง
=======================
แล้วแผนมูนนี่จะสำเร็จไหมเนี่ย วิจัยก็ไม่กระเตื้อง แผนจับผีก็ล่ม มาแก้แค้นลุงหยางอีก 5555+ เป็นกำลังใจให้มูนนี่ด้วยนะทุกคล
หลายคนเดาเรื่องออกอ่ะ เก่งงงงงงงงง ตอนนี้ยิ่งชัดแน่ๆเลย 5555+ ช่วงนี้เจิ้นค่าตัวแพงเพราะเอาไปขายในลาซาด้าอยู่ ก็จะบทน้อยๆหน่อยนะคะ
ปล. เราน่าจะอัพนิยายช้าลงนะคะ เพราะเริ่มงานประจำที่ใหม่ ยุ่งมากๆเลย แต่ใกล้จบแล้วค่ะอีกประมาณสิบกว่าตอน (นี่ใกล้แล้วหรอ?) ขอโทษไว้ล่างหน้าด้วยน้า แงแง