Chapter 26 Realistic
ผมคิดว่าพ่อกับแม่มีเรื่องปิดบัง พ่อดูตกใจที่ผมขออยู่กับแม่ ผมเคยอยากกลับบ้านเมื่อไหร่ก็ได้แต่พ่อกลับมีท่าทีอึดอัด ในทางเลวร้ายที่สุดคือพ่อกับแม่อาจจะใกล้เลิกกัน แต่ก็ห่วงความรู้สึกผม
มันก็ไม่แฟร์กับพ่อและแม่ แต่...ไม่เลิกกันไม่ได้หรอ ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย พ่อแม่รักกันไม่ใช่หรอ? ถ้ารักแล้วทำไมวันหนึ่งเลิกรักล่ะ มันไม่เหมือนที่ผมรักเจิ้นหรอ ไม่เห็นจะน้อยลงเลยมีแต่เพิ่มขึ้นทุกวัน
ครอบครัวเดียวกันก็ต้องรักกันสิ....พ่อกับแม่ไม่อยากเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วหรอ
คำตอบเรื่องขออยู่กับแม่ พ่อตอบแค่ขอคุยกับแม่ก่อนเผื่อแม่มีธุระอยู่ที่น่าน แต่ผมโทรหาแม่แม่ก็บอกว่าจะมากรุงเทพกับลุง จะไปอยู่บ้านลุงระหว่างที่ขายบ้าน
คำตอบพ่อกับแม่คล้ายกันมาก ขายบ้าน...พ่อย้ายไปอยู่คอนโด แต่มันก็แค่คล้ายไม่ได้เหมือน มันไม่เหมือน มันมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนอย่างสิ้นเชิง คือแม่ไม่ได้เหงา แม่มีลุง... ตอนคุยกับแม่แม่ก็เล่าว่าบ้านลุงอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่นนทบุรีของเรา บางทีแม่ก็ไปอยู่ที่นั่น แต่พ่อไม่ชอบลุงแม่เลยไม่บอก พ่อเลยคิดว่าแม่กลับน่าน
มันเข้าใจได้ว่า พ่อไปทำงานส่วนแม่ไปอยู่กับลุง ที่แม่ไม่บอกผมเหมือนกันเพราะกลัวเล่าให้พ่อฟังแล้วจะทะเลาะกัน เหตุผลของแม่ก็เข้าใจได้ แต่มัน...แปลก แปลกอีกแล้ว คราวนี้ไม่ได้หิวแล้วนะ ไม่กังวลไปเองเพราะหิว
“แล้วแม่ไม่กลับมาอยู่กับพ่อหรอครับ”
“พ่อทำงานนี่จ๊ะ แม่ก็เลยมาอยู่กับลุงดีกว่า”
“ผมบอกพ่อแล้วว่าจะอยู่กับแม่เองตอนพ่อไปจีน แม่ก็มาอยู่กับผมไม่ได้หรอ?”
“จันทร์ก็มาอยู่กับแม่สิที่บ้านลุง บ้านคุณลุงกว้างด้วยนะ ลองมาอยู่ไหมลูก?”
ผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนกันออกจากเรื่องบางอย่าง เรื่องระหว่างพ่อกับแม่ที่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ผมไปอยู่กับพ่อที่คอนโดได้ ไปอยู่แม่ที่บ้านลุงได้ แต่ไปอยู่ในที่ๆจะมีทั้งพ่อและแม่ไม่ได้
“แล้วเอาไง?”
ผมปรึกษาคิวเหมือนเดิม ผมพยายามไม่บอกเจิ้นเรื่องนี้ ไม่พูดถึง ไม่ทำตัวมีพิรุธ เจิ้นอาจจะกังวลถ้าผมคิดมากแล้วการกังวลของเจิ้นมักจะยิ่งใหญ่อลังการคัฟเวอร์ชีวิตผมไปหมด เรื่องนี้ผมอยากจะตัดสินใจด้วยตัวเอง
“ไม่รู้ มันยากไปหมด”
“จันทร์ การที่พ่อแม่ไม่อยู่ด้วยกันมันก็ปกติ แบบหลายครอบครัวก็แบบนั้น แต่เขาก็เป็นพ่อเป็นแม่เหมือนเดิม”
“แต่....พ่อกับแม่ทำไมไม่บอกล่ะ ก็เสียใจมั้งแต่...ก็น่าจะบอกสิ ไม่เห็นเป็นไรเลย เข้าใจได้ว่าไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้วแต่ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ เพราะอะไร ทำไม ทำไมไม่รักล่ะ ครอบครัวต้องรักกัน แต่ถ้าไม่รักก็ต้องมีสาเหตุสิว่าทำไมไม่เหมือนเดิม แล้วเป็นลูกนะ ทำไมไม่รู้อะไรเลย”
“อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน ลองถามตรงๆไหม?”
“ถ้าถามจะบอกหรอ เหมือน...พ่อกับแม่โกหก แต่ก็คงไม่ใช่โกหก เขาไม่บอก”
“White Lie การโกหกเพื่อปกป้องความรู้สึก พ่อกับแม่รักจันทร์มากเลยไม่อยากให้เสียใจ”
คิวปลอบใจผม แล้วผมก็รู้ว่าพ่อกับแม่รัก มันคงจะเป็นแบบนั้นแต่มันก็มีความรู้สึกผิดหวังและไม่เข้าใจ พ่อกับแม่อาจจะยังคิดว่าผมโตไม่พอจะรับความจริง ก็รับไม่ค่อยได้หรอก แต่ถ้าบอกวันหนึ่งผมก็จะทำใจได้ พ่อกับแม่ก็ยังเป็นพ่อกับแม่ของผมเหมือนเดิมนี่
หรือผมควรแสดงด้านที่เข้มแข็งให้พ่อกับแม่สบายใจก่อน ผมน่าจะต้องลองปรับตัวเข้ากับพ่อ แล้วก็เข้ากับแม่ เพราะครอบครัวผมกำลังแบ่งเป็นสองฝ่าย กำลังจะมีสองครอบครัว ถ้าผมปรับตัวได้พ่อกับแม่คงยอมพูดความจริง
คิวเห็นด้วยที่ผมจะค่อยๆทำความเข้าใจ ผมก็เลยเลือกที่จะไปคอนโดพ่อก่อน เจิ้นมาส่งผมในเย็นวันศุกร์ คอนโดของพ่ออยู่ชั้นเกือบบนสุด เป็นห้องกว้างๆ ที่ใช้เฟอร์นิเจอร์โทนสีดำ พ่อไม่ได้ชอบสีดำ ผมรู้สึกว่าห้องนี้ไม่ได้เข้ากับพ่อเท่าไหร่
ห้องของพ่อมันใหญ่มากและมีสองชั้น มีระเบียงกว้างๆ ใจกลางกรุงเทพ...ผมถ่ายรูปส่งให้คิวดูตอนพ่อเข้าห้องน้ำ คิวบอกว่าโครงการนี้ห้องของพ่อผมราคาเริ่มต้นอยู่ที่หกสิบล้าน
พ่อรวยขนาดนั้นเลยหรอ?
เรากินข้าวด้วยกัน ดูการ์ตูนด้วยกัน นอนด้วยกันในห้องพ่อ แต่มันไม่ใช่ห้องพ่อ ไม่ใช่เลย มันมีบรรยากาศของคนอื่นที่ผมไม่แน่ใจ อย่างน้อย...น้ำหอมบนโต๊ะนั่นก็ไม่ใช่ยี่ห้อที่พ่อใช้ประจำ
วันเสาร์พ่อทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวช่วงเช้าเพราะต้องไปเอาองให้คุณปู่ ผมวิดิโอคอลหาคิวเพราะผมไม่กล้าสำรวจห้องนี้คนเดียว คิวบอกให้เปิดตู้เสื้อผ้า... ผมเจอชุดจีนที่เหมือนกับที่เจิ้นใส่ แต่เจิ้นจะเป็นลายมังกรตามที่ซินแสบอกว่าลวดลายต้องยิ่งใหญ่ จะเล็กกว่านั้นก็เป็นการลดบารมีตัวเองเอง ชุดนี้มันเป็นลายพระอาทิตย์กับกลุ่มเมฆแบบจีน
มีสูทที่ตัวใหญ่กว่าของพ่อ มันเป็นไซส์เจิ้น มีของใช้ส่วนตัวที่ถูกเก็บใส่กล่อง แต่มีร่องรอยคนใช้ประจำ พ่ออยู่กับใคร? ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ห้องชั้นสองห้องหนึ่งถูกล็อค จริงๆมันมีบางส่วนที่เหมือนตั้งใจเก็บไว้
“อยู่กับเพื่อนหรือเปล่า? แต่เพื่อนไม่อยู่ ที่บอกว่าไซส์เจิ้น อาจจะเตรียมให้เจิ้นก็ได้ มันใส่ถุงพลาสติกไว้นี่”
“เจิ้นไม่ใส่ลายอื่นนอกจากมังกร ถ้าไม่มีลายก็สีเรียบ แล้ว...เจิ้นกับพ่อก็ไม่ใช้น้ำหอมอันนี้ ถ้วยชาก็ไม่ใช่แบบที่พ่อใช้ พ่อดื่มชาแต่ไม่ได้สะสมเครื่องแก้ว อันนี้เป็นลายเก่าสมัยราชวงศ์ถังที่เลียนแบบมาเป็น ลิมิเต็ดของบริษัทที่ขาย เจิ้นก็มีหนึ่งชุด”
ผมซึมซับอะไรบางอย่างพวกนี้มาจากเจิ้น ดูเครื่องแก้วเป็นเพราะเจิ้นชอบ ชุดตะเกียบของพ่อใช้สีดำสนิท ของกินในตู้เย็นเมื่อวานผมไม่ได้สังเกตเพราะพ่อจัดการให้หมด แต่มันมีเบียร์ พ่อไม่ดื่มเบียร์ บ้านเยว่นิยมกินเหล้ามากกว่าเบียร์เย็นๆ แถมเป็นเบียร์นอก
พ่ออยู่กับใคร?
หยาง...? ลุงหยางคนนั้นใช่ไหม? เงื่อนไขที่เขาเคยทวงกับพ่อคือให้พ่อมาเป็นคนใช้หรอ?
“แฟนใหม่พ่อหรือเปล่า? แบบอาจจะเปลี่ยนมาคบผู้ชายไง”
“ผู้ชายคนนั้นนิสัยไม่ดี เขาไม่ใช่แฟนพ่อหรอก พ่อต้องโดนข่มขู่มากกว่า อาจจะแบล็คเมล์ พ่อไม่คบคนแบบนั้นหรอก หยาบคายมากๆ นิสัยไม่ดีมากๆ คนนิสัยไม่ดีมากๆไม่ชอบของสวยงามแบบที่เจิ้นชอบหรอก น่าจะคนอื่น”
ผมชักเกลียดลุงหยางเข้าไปทุกที ยังจำได้ว่าเขาว่าพ่อผม ถ้าเป็นแบบที่คิวว่าจริงๆพ่อผมน่าสงสารมาก ผมอยากเจรจากับเขาแต่ต้องแน่ใจก่อนว่าใครพาพ่อผมไปอยู่ด้วย
ถ้าไปแล้วไม่ใช่ลุงหยางจะทำยังไง? ไหนพ่อว่าซื้อคอนโดต่อจากคุณปู่ ในอีกความคิดคือของพ่อเจิ้น แต่ไม่ใช่แน่ๆ พ่อเจิ้นไม่ได้ใส่เสื้อผ้าไซส์เดียวกับเจิ้น ต้องเป็นเจิ้น แต่เจิ้นไม่ใส่ลายพระอาทิตย์
หยาง แปลว่า พระอาทิตย์.... หรือจะเป็นลุงนั่นจริง
“สงสัยมากก็ไปดักรอที่คอนโดเลยดีไหม? ไปแบบไม่บอก เอาให้เก็บหลักฐานไม่ทัน เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน”
โชคดีที่วันศุกร์เพื่อนๆพร้อมใจกันอยู่ดึกที่มหาลัยเพื่อเตรียมค่ายรับน้องที่ต่างจังหวัด คิวแกล้งบอกว่าผมป่วยจะพาไปส่งบ้าน รู้สึกผิดกับเพื่อนมากแต่ผมก็ทนสงสัยไม่ไหวแล้ว
คิวพาผมมานั่งเฝ้าที่คอนโดตั้งแต่หกโมงครึ่ง โชคดีที่ล็อบบี้ของที่นี่กว้างมากทำให้เราสามารถจ้องเขม็งไปที่ประตูได้ชัดแจ๋วแบบไม่มีใครสังเกต ผมกับคิวเลือกมุมที่ค่อนข้างเป็นซอกหลืบแต่เห็นรถผ่านเข้ามาด้านหน้าได้ชัด
เรารอกันถึงสองทุ่มก็ยังไม่มีรถพ่อหรือรถลุงหยางเข้ามาเลยด้วยซ้ำ เจิ้นไม่ได้โทรหาผมเลยเพราะผมบอกเจิ้นไว้ตั้งนานแล้วว่าจะอยู่ทำงานดึก
ผมรอจนเกือบสามทุ่มจนเริ่มท้อ เริ่มหิวข้าวจนจะทนไม่ไหว แถมตาจะปิดก็เจอรถสปอร์ตสีดำขับมาจอดด้านหน้า คอนโดนี้หรูมากมีพนักงานที่จะรอขับรถเราไปจอดให้ ผมจำได้วันที่มากับพ่อ
“คิว... นั่นพ่อ”
พ่อขับมัสแตงตั้งแต่เมื่อไหร่?
“รถสวยว่ะ”
“ปกติพ่อไม่ได้ขับคันนี้ มันแพงไป....”
ผมกับคิวรอพ่อขึ้นไปสักพักก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ตามแผน แจ้งว่ามาหาพ่อ ผมจำห้องพ่อได้ว่าหมายเลขอะไร การมาหาแบบไม่ได้บอกล่วงหน้าคิวบอกว่าจะทำให้พ่อไม่ได้เตรียมตัว
“ขอทราบชื่อคุณพ่อด้วยค่ะ”
“กันติชาครับ”
“ข้อมูลถูกต้องค่ะ เดี๋ยวโทรแจ้งให้นะคะ”
“สวัสดีค่ะคุณสุริยะ...มีแขกชื่อคุณศศิมณฑลมาขอพบคุณกันติชาค่ะ ไม่ทราบว่า....”
“คิว... กลับ กลับกัน”
ผมรีบลากคิวเดินออกมา หัวมันเบลอไปหมด จำได้สิว่าลุงคนนั้นชื่อสุริยะ สุริยะ หยาง พระอาทิตย์ พ่ออยู่กับเขา อยู่กับลุงหยาง ที่นี่ไม่ใช่ห้องปู่ พ่อไม่ได้ซื้อต่อ แต่เป็นของลุงหยาง
“ฮึก...ฮืออออ”
ภาพทุกอย่างมันเบลอไปหมด ผมคิดว่าผมตกใจ ตกใจมากๆ ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ถึงจะคิดว่าตัวเองพอจะรู้แต่ก็คาดหวังว่าจะเดาผิด มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ...แต่มันก็ใช่ไปแล้ว แล้วต้องทำไงต่อ ทำไมพ่อต้องอยู่ที่นี่ อยู่กับเขา แล้วทำไมไม่บอกความจริง แล้วแม่ล่ะ แล้วผมล่ะ แล้วมันต้องยังไงต่อ
“จันทร์ ใจเย็นๆนะ”
คิวกอดผมแน่น ผมสติแตก มันเป็นทุกความรู้สึกปะปนกันไปหมด แต่รวมๆแล้วคือผมเสียใจ เขาว่าพ่อ เขาไม่ได้ดีกับพ่อ เขาบังคับพ่อมาอยู่ด้วยใช่ไหม เขาใจร้าย ทำไมพ่อต้องมาอยู่กับคนใจร้าย ทำไมไม่อยู่กับผม
“จันทร์ !”
“ตองอย่าวิ่ง”
“คุณหยุดพูดไปเลยนะ จันทร์ ฟังพ่อก่อน”
ผมได้ยินเสียงพ่อ...แล้วผมก็ได้ยินเสียงลุงคนนั้น
“ก็บอกว่าอย่าวิ่ง ลูกก็ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน เดี๋ยวอะไรบาดเท้า!”
จังหวะที่ผมเงยหน้าจากอกคิว ผมเห็นพ่อ แล้วก็ลุงหยาง...ในชุดจีนลายพระอาทิตย์นั่น
“คิว เราอยากกลับ”
“จันทร์ ลูก”
ผม พยายามดึงคิวให้เดินต่อแต่เขาก็ไม่ขยับ แค่บังผมไว้ด้านหลัง หูได้ยินเสียงพ่อเรียกหลายครั้งแต่... แต่ผมไม่กล้ามองพ่อ มันยาก ยากมากๆ พ่อไม่ใช่คนเดิมที่ผมรู้จัก
“ไปคุยกันข้างบน ริมถนนมันอันตราย”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรได้ไหม คุณขึ้นไปก่อน ผมจะคุยกับลูก”
“ผมไม่อยากคุยกับพ่อ”
“จันทร์...”
“หึ ลูกกระต่าย ตกใจก็แอบหลังคนอื่น... ขี้สงสัยแต่แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ กลัวก็วิ่งหนี...เหมือนพ่อ”
“ห้ามว่าพ่อผมนะ!!! คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดจาทำร้ายพ่อผม!!”
“แหกตาโตๆดูด้วยเจ้าลูกกระต่ายว่าพ่อใครที่วิ่งมาทั้งเท้าเปล่าๆ แล้วยังพูดจาไม่อยากคุยกับพ่อ ฉันพูดจาไม่ดีแล้วตัวเองดีมากไหม? ฉันทำพ่อเธอแค่เจ็บใจ แต่เธอน่ะทำพ่อทั้งเจ็บใจทั้งเจ็บตัว”
“ห้ามว่าลูกผมนะ จันทร์ไม่เกี่ยว”
“กระต่ายก็พูดจาเหมือนกระต่าย ไอ้หนูพาเพื่อนกระต่ายไปคุยกันข้างบน ถ้ารถชนขึ้นมาจะรับผิดชอบกันไม่ไหว ได้เป็นศพกระต่ายข้างทางทั้งพ่อทั้งลูก”
ผมโมโหมาก ทำไมพ่อกับผมจะต้องมาทนคนนิสัยไม่ดีด้วยก็ไม่รู้ ผมยอมเดินตามคิวเข้าคอนโดไปอีกรอบ ไปห้องสีดำที่ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมไม่เหมือนห้องพ่อ เพราะมันทะมึนเหมือนเจ้าของนี่แหละ!!!
“จันทร์ คือพ่อ”
“จะรีบอะไรนักหนา ไปนั่งไป เท้าโดนบาดไหม?”
“จะมาห่วงอะไรเท้าผม ผมจะคุยกับลูก”
“ไม่ใช่ลูกฉัน”
“ผมก็ไม่อยากเป็นลูกลุงเหมือนกัน ลุงนั่นแหละมายุ่งอะไรพ่อผม ข่มขู่ใช่ไหม ผมจะแจ้งความ เขาขู่อะไรพ่อ พ่อมาอยู่กับคนนิสัยไม่ดีทำไม กลับไปช่อฟ้ากับผมนะ”
“ใจเย็นๆกันก่อน ทั้งคู่นั่นแหละ คุณก็เลิกพูดจาไม่ดีสักที ผมจะคุยกับลูก จันทร์นั่งลงพ่อจะอธิบายให้ฟัง จะกระต่ายจะพระอาทิตย์อะไรนักอยู่ได้ เพื่อนจันทร์ใช่ไหม? ห้องครัวทางนั้นนะครับ หาน้ำกินเองได้เลยนะ”
“งั้น เราขอตัวนะ จันทร์ใจเย็นๆก่อนล่ะ”
ผมรู้ว่าพ่อกันคิวออก ผมต้องการที่พึ่งแต่ตอนนี้ความโมโหทำให้ผมอยากจะจบเรื่องนี้ไวๆ อยากจะกลับไปร้องไห้กับเจิ้นแล้ว ผมจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าลุงบ้านี่เด็ดขาด! ผมจะต้องไม่แพ้! พ่อจะต้องกลับไปกับผม
“พ่อขอโทษที่ปิดบัง พ่อแค่อยากจะค่อยๆบอกจันทร์ทีละนิด พ่อย้ายมาอยู่ที่นี่กับคุณสุริยะจริง พ่อรู้ว่าจันทร์ดูออกว่ามันไม่เหมือนกับนิสัยของพ่อที่จะใช้ของสีดำ พ่อแค่อยากจะค่อยๆให้จันทร์ยอมรับ ไม่คิดว่าจะทำลูกกังวลจนเกิดเรื่องแบบนี้ พ่อผิดเอง ผิดมาก ผิดต่อลูก”
“ทำไม...ทำไมพ่อต้องมาอยู่กับเขา”
“คือ...มันก็อธิบายยาก แต่ว่ามันเพราะ...”
“เพราะฉันเป็นแฟนพ่อเธอ”
“อะไรนะ!!!”
“นี่คุณช่วยไม่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายจะได้ไหมคุณสุริยะ! เลิกเรียกพวกเราว่ากระต่ายสักที แล้วก็อยู่เงียบๆด้วย”
“อ้อมไปอ้อมมาทำไม ก็บอกไปสิว่าเราคบกัน ฉันกับพ่อเธอเป็นคนรักกัน พ่อเธอก็ต้องอยู่กับฉันจะไปอยู่ช่อฟ้าทำไม? แล้วที่มาวันก่อนไม่เจอก็เพราะพ่อเธอกลัวเธอตกใจร้องไห้งอแงเลยเฉดหัวฉันไปนอนโรงแรม เข้าใจยัง? พวกเยว่นี่เป็นอะไรชอบพูดจาอ้อมค้อมแล้วคนมันจะเข้าใจไหม?”
คนรัก พ่อรักลุงหยาง? ลุงหยางรักพ่อ.... ไม่จริง ต้องมีคนโกหก คนรักกันเขาไม่พูดจาไม่ดีใส่กัน ไม่ตะคอก ไม่ทำแบบนี้ เจิ้นไม่เห็นเคยตะคอกผมเลย พ่อก็ไม่เคย ไม่ดึงหูกันด้วย แต่ลุงคนนี้ทำ
“อย่ามาโกหกนะ!! คุณพูดจาไม่ดีกับพ่อผม จริงๆแล้วคุณขู่พ่อใช่ไหม ละ แล้ว ก็เลยแกล้งบอกว่ารัก ไม่รักหรอก คนรักกันเขาไม่ด่าหรอก โกหก!!! เอาพ่อผมคืนมานะ”
ผมดึงพ่อมาชิดตัวเองแต่ลุงหยางตาวาวโรจน์ถลึงตาใส่ผม นี่ไงเจิ้นไม่เคยถลึงตาใส่ผมด้วย!! ไอ้คนหยาบคายจะมาพูดว่ารักพ่อแล้วจะเชื่อหรอ ไม่เชื่อ!!! ฝันไปเหอะ ถ้าพ่อไม่รักแม่แล้วพ่อก็ควรรักคนที่ดีกว่านี้ คนแบบนี้ไม่เอา รับไม่ได้เลย แย่มาก แย่ที่สุดในโลก
“จะเอายังไง?”
“เฮ้อ หยุดได้ไหมทั้งคู่..”
“พ่อห้ามอยู่ที่นี่ผมไม่ยอม! ไม่อนุญาต รับปากสิว่าพ่อจะไม่อยู่ที่นี่ ไม่มาเจอลุงเขาอีก เขาแย่มากนะพ่อ”
“หึ...”
“จันทร์ คุณสุริยะไม่ได้ทำอะไรพ่อ เขาแค่ปากไม่ดี....พ่ออยู่ที่นี่มีความสุขดี เขาดีกับพ่อ...ดูสิ พ่อไม่มีแผลเลย ไม่เจ็บตรงไหนด้วย ไม่โดนกระชากหูด้วย”
“ถ้าเขาเป็นคนดีเขาไม่มาแย่งพ่อไปจากแม่หรอก เขาทำครอบครัวเราพัง...เขาทำให้พ่อไม่รักแม่ ทำให้ครอบครัวเราไม่ได้อยู่ด้วยกันสามคน ทำให้พ่อกับแม่ต้องขายบ้าน ทำให้ผมต้องเลือกว่าจะไปหาใคร จะหาพ่อหรือหาแม่ ทั้งๆที่เมื่อก่อน...กะ ก็แค่...กลับบ้านก็เจอทั้งสองคนแล้ว ฮึก... พ่อไม่รักแม่ ไม่รักผม ละ แล้ว หรอ”
“พ่อ...มันไม่ใช่...”
“หรือพ่อเห็นเขารวยกว่าแม่ ได้ขับรถแพงๆ ได้...”
เพี้ยะ
พ่อตีผม....ตีมือผม มันไม่แรง มันแค่แดงแต่ว่าพ่อไม่เคยตีมาก่อน ไม่เคยเลยสักครั้ง พ่อจะแค่ดุแล้วอธิบายจนผมเข้าใจ แต่คราวนี้พ่อตี
“จันทร์เกลียดพ่อ เกลียด! ไม่อยากเจอแล้ว! ไม่เป็นลูกพ่อแล้ว ฮึกกกก คิว พาเรากลับบ้าน ฮืออ ไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากรักพ่อแล้ว จันทร์ไม่เป็นลูกพ่อแล้ว ลาออก!”
“ขอบคุณมาก เดี๋ยวจัดการต่อเอง”
คิวพาผมมาส่งช่อฟ้า ผมร้องไห้หนักมาก หัวใจผมคงแตกสลายไปหมดแล้ว เจิ้นอุ้มผมที่หมดแรงเข้าไปในห้องนอน เจิ้นไม่ถามอะไรสักคำปล่อยให้ผมร้องไห้แบบนั้น
“จันทร์มีพี่...พี่อยู่ตรงนี้ พี่รักจันทร์ ไม่ร้องนะมูนนี่”
“พ่อ พ่อไม่รักจันทร์แล้ว ฮึก... พ่อเลือกคนอื่น ฮืออออออ”
“ชู่วววว พี่เลือกจันทร์เอง จันทร์จะมีพี่ไปตลอด เห็นไหมพี่อยู่ตรงนี้ อยู่กับจันทร์”
เจิ้นดึงมือผมขึ้นไปแนบแก้มเขา ผิวอุ่นใต้ฝ่ามือทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ผมมีเจิ้น เจิ้นจะไม่ตีผมเหมือนที่พ่อทำ จะไม่เลือกคนอื่นเหมือนที่พ่อเลือก
“ทะ ทำไม พ่อทำแบบนั้น พ่อตีจันทร์ ตีตรงนี้ แต่มันเจ็บมาก พ่อไม่เคยตี”
“อาตองเสียใจไม่ต่างจากจันทร์หรอก เชื่อพี่ อาตองรักจันทร์ รักมาก วันนี้อาจจะแค่โมโห จันทร์ก็โมโห รอทั้งจันทร์ทั้งอาตองใจเย็นก่อนค่อยคุยกันใหม่นะ...แล้วพี่จะอยู่เป็นเพื่อนจันทร์เอง”
“พ่อรักจันทร์จริงๆหรอ... ทำไมพ่อหลอก ไม่พูดความจริง ไม่เลือกแม่ ไม่เลือกจันทร์ คิวบอกว่าพ่อแม่ไม่อยู่ด้วยกันบ้านอื่นก็เป็น จันทร์เข้าใจได้ แต่... แต่ทำไมล่ะ แค่พูดความจริง แค่บอก ฮึก... จันทร์ก็คงเสียใจแต่จันทร์จะเข้าใจ มะ ไม่ใช่แบบนี้ ครอบครัวไม่มีพ่ออยู่กับแม่แล้ว ฮืออ”
“จันทร์มีพี่เป็นครอบครัวเสมอ เชื่อพี่ อาตองมีเหตุผล เราอย่าเพิ่งคิดไปเองรออาตองอธิบายก่อนนะครับ”
เจิ้นดึงผมไปกอด อ้อมกอดของเจิ้นมันทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย เรื่องของพ่อมันหนักมากสำหรับผม มันเกินความเครียด เกินความผิดหวัง มันร้ายแรง มัน...แย่ แย่มาก
“ห้ามทิ้งจันทร์นะ..จันทร์มีแค่เจิ้นแล้ว”
“ไม่ทิ้ง...เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
ผมตื่นมาตาบวมเป่ง เจิ้นก็หยุดงานอยู่เป็นเพื่อนผม...มื้อเช้าผ่านไปแบบที่ผมกินอะไรไม่ค่อยลง พอหายสติแตกผมก็รู้ว่าตัวเองพูดจาไม่ดีกับพ่อไปเหมือนกัน ผมว่าพ่อเห็นแก่เงินทั้งๆที่ผ่านมามันไม่ใช่เลย พ่อทำงานหนักมาตลอด ผม...ทำตัวแย่ใส่พ่อไปแล้ว
ทำไมตอนนั้นถึงโกรธจนมองข้ามความจริงไปว่าพ่อมักจะมีคำอธิบายเสมอ แล้วพ่อก็กำลังจะอธิบายแต่ผมก็ฟิวส์ขาดเพราะคำพูดตรงแน่วของลุงหยาง
พ่ออาจจะคบกับลุงหยางจริง แล้วเขาก็ดีกับพ่อจริงๆ แล้วก็คงมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่พ่อไม่อยู่กับแม่แล้ว ผมก็แค่สติแตกจนไม่ได้ฟังเหตุผลพ่อก่อน
“กินนมอีกแก้วมูนนี่”
“จันทร์อิ่ม...”
“กินให้หมด กินข้าวไปน้อยมากกินนมก็ยังดี”
เจิ้นบังคับผมให้กินนมอีกแก้วจนหมด ตามด้วยกินยาแก้ไข้กับแก้ปวดหัวแล้วพาผมไปนอนต่อ ผมเหนื่อยล้าและหมดแรง สินเชื่อนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนผมเหมือนทุกครั้ง
“พ่อจะเกลียดจันทร์ไหม...จันทร์บอกว่าเกลียดพ่อไปแล้ว”
“อาตองไม่เกลียดจันทร์หรอก นอนพักนะเด็กดี”
เจิ้นลูบหัวผมจนผมนอนหลับ ผมฝันร้ายว่าพ่อหนีไปเพราะผมไล่พ่อ พยายามขอโทษแต่พ่อก็ไม่กลับมา ไม่หันมามองผมด้วยซ้ำ พ่อไปแล้ว
(ต่อด้านล่าง)