ประกาศกิจกรรมชิงตุ๊กตากระต่าย
ชื่อน้อง ทรัพย์สิน
กระต่ายนุ่มนิ่มจากร้านมินิโซ 1 รางวัลให้กับคนที่คอมเม้นนิยายตั้งแต่ตอนนี้จนถึงตอนจบ
เริ่มเล่นตั้งแต่ตอนที่ 33 นี่เลยจ้า
การสุ่มจะทำการสุ่มสองอย่าง คือ ชื่อตอน กับลำดับคอมเม้น
เช่น เรื่องทั้งหมดมี 40 ตอน จะนำตอนที่ 33-40 มาสุ่มหนึ่งตอน และสุ่มผู้โชคดีจากหมายเลขคอมเม้นในตอนนั้นนั้น
นิยายเรื่องนี้อัพทั้งหมด 3 เว็บไซต์ จะนำจำนวนคอมเม้นในตอนที่สุ่มได้มาเรียงลำดับกันให้หมดและสุ่มอีกที ไม่ว่าจะเม้นเว็บไหนก็มีสิทธิ์ลุ้นเท่ากัน
จะไม่เรียกกระต่ายตัวนี้ว่าสินเชื่อ เพราะสินเชื่อตัวจริงจะอยู่ในจินตนาการของคนอ่านนะคะ
ทุกคนมีสิทธิ์ร่วมสนุกได้ตอนละ 1 คอมเม้นเท่านั้น ไม่บังคับให้ร่วม
อยากแจกคนที่คอมเม้นเพราะว่าแบมอาจจะพิมพ์นิยายกับสำนักพิมพ์ ไปรบกวนเขาสุ่มจากคนซื้อก็เกรงใจ เอาคอมเม้นนี่ล่ะ ง่ายๆ ดังนั้นจะซื้อไม่ซื้อก็มีสิทธิ์ลุ้นรับได้เหมือนกันจ้า
ปล. กระต่ายราคาไม่ได้แพง ใครที่ไม่สนและอยากซื้อเองไม่มีปัญหาจ้า ไว้แบมตัดสินใจก่อนว่ากระต่ายที่จะแจกตัวไหนกันแน่ 555+ ยังไม่กล้าซื้อตอนนี้เพราะกลัวฝุ่นเกาะ
จะประกาศผลช่วงๆเปิดจองหนังสือค่ะ อาจจะนานหน่อย ลุ้นกันไปยาวๆ ยาวจนไปซื้อเองก็ได้
ขอบคุณจ้า
Chapter 33 The Winner
กลิ่นขนมหอมๆฟุ้งกระจ่ายไปทั่วห้องครัว ตอนนี้ผมกำลังเริ่มเรียนขนมอบ เริ่มจากการอบขนมปังง่ายๆแต่มันหอมมากเลยเพราะจะทำกลิ่นวานิลา เจิ้นชอบกินพวกผลไม้หอมๆ ถ้าได้ขนมกลิ่นหอมๆเจิ้นน่าจะชอบ
คุณครูสอนทำขนมของผมเป็นปาตีซิเย่ของโรงแรมแห่งหนึ่ง ช่วงนี้ผมของผมมันเริ่มยาวและไม่กล้าขอเจิ้นไปตัดยังหวั่นๆว่าจะไปทำอะไรพลาดจนเจิ้นโกรธอีก
เราทำขนมกันทั้งเช้าวันเสาร์ระหว่างเจิ้นไปออกกำลังกาย เพิ่งจะเสร็จตอนเที่ยงกว่าเจิ้นก็มานั่งดื่มกาแฟอยู่ที่เก๋งแล้ว วันนี้เราสั่งข้าวมาจากโรงแรมเพราะผมใช้ครัวทำขนมจนไม่สามารถทำอาหารไปพร้อมกันได้
เจ้าขนมอบชิ้นเล็กๆของผมถูกเสิร์ฟให้เจิ้นเป็นอย่างสุดท้าย ผมคงทำหน้าลุ้นมากไปเจิ้นก็เลยขำ แต่เขาก็กินแล้วก็ลีลาอ่ะ ไม่ยอมเคี้ยวไวๆ ชอบทำแบบค่อยๆละเลียดง้ะ
“อร่อย...”
“จันทร์ใส่กลิ่นวานิลาด้วย หอมไหมๆ”
“อืม...หอม”
“ใส่ที่ขนมเหอะ ไม่ใช่แก้มจันทร์สักหน่อยยยยย”
เจิ้นหัวเราะอารมณ์ดี ผมเลยไม่อยากจะหงุดหงิดใส่เพราะนานๆทีเจิ้นจะแฮปปี้แบบนี้ ช่วงนี้เจิ้นอารมณ์ดีม้ากมากไม่รู้เพราะอะไร ผมคุยกับพี่หมอในไลน์พี่หมอบอกความเครียดเจิ้นลดลงเยอะ... ดีจัง
ถ้าเจิ้นเครียดน้อยลงเขาก็จะอยู่กับผมนานๆ แฮปปี้ที่มีเจิ้นแบบว่าเอวรี่เดย์เลย
ผมแอบจัดขนมใส่ถุงไปให้คิวพร้อมกับของขวัญ คิวทำหน้าอึ้งนิดหน่อยแต่เขาก็ดูแฮปปี้ ผมกะจะชวนคิวไปกินข้าวฉลองวันเกิดแต่คิวออกตัวว่ามีนัดแล้วคิวก็ดูแฮปปี้ไปทั้งวัน
คงเพราะวันเกิดล่ะมั้ง ผมกลับบ้านตอนเย็นเจิ้นก็ไม่อยู่ช่อฟ้าแล้วเพราะมีงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ช่วงฤดูการออกงานกลับมาอีกครั้งทำให้ผมต้องกินข้าวกับคุณป้าแม่บ้านสองคน คุณแม่โทรหาผมตอนเกือบหนึ่งทุ่มบอกว่าจะเข้ามาหา
แปลกจังปกติไม่ค่อยมาค่ำๆ ผมบอกคุณป้าแม่บ้านว่าแม่จะมาไม่แน่ใจว่าแม่กินข้าวมาหรือยังจะได้ทำให้แม่ด้วย แม่มาหาตอนประมาณทุ่มครึ่ง
“แม่ซื้อคุ้กกี้มาฝากจ้ะ พวกของกินของจันทร์ด้วย แต่ถือคนเดียวไม่ไหว คุณยามก็มาช่วยถือไม่ได้เพราะแกต้องเฝ้าข้างล่าง ไปช่วยแม่ถือหน่อยสิ”
“งั้นผมเรียกคุณป้าก่อนนะ”
ผมคิดว่าถ้าผมลงไปเลยอาจจะไม่ค่อยดีเพราะเจิ้นสั่งไว้ห้ามไปกับแม่สองคน เลยเดินไปตามคุณป้าแม่บ้านให้ลงไปด้วยกัน แม่ซื้อขนมมาเยอะจริงๆ แต่แม่มาแท็กซี่ก็เลยต้องทิ้งพวกขนมไว้ที่ป้อมทางประตูด้านข้างของธนาคาร เป็นประตูเล็กสำหรับเข้าออกส่วนตัวของเจิ้นกับผม เพราะถ้าวนไปทางเส้นหลักหน้าธนาคารรถมันจะติดและทางนี้ก็ใกล้ลิฟต์ส่วนตัวขึ้นไปบ้านเรามากกว่า
คุณป้าแม่บ้านกับผมช่วยกันถือคนละถุง งงๆที่ทำไมแม่ซื้อของมาเยอะแบบนี้เพราะมันค่อนข้างหนัง แต่แม่ก็ถืออีกสองถุงในมือเหมือนกัน ดูผ่านๆแล้วเหมือนจะมีข้าวสาร แม่ซื้อข้าวสารมาทำไรอ่ะ?
เราเดินกลับกันไปที่ลิฟต์ผ่านหน้ารถส่วนตัวของเจิ้น รถตู้ที่ผมนั่งไปเรียน แต่พอลิฟต์เปิดสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คุณป้าแม่บ้านเดินนำเข้าไปในลิฟต์ก่อน และแม่ก็เหวี่ยงถุงของในมือใส่คุณป้าแม่บ้านจนล้มลง
“แม่!!!”
แม่กระชากถุงจากมือผมโยนใส่คุณป้าแม่บ้านอีก คุณป้าแม่บ้านอายุเยอะแล้วโดนถุงหนักๆโยนใส่แบบนี้ผมกลัวคุณป้าจะบาดเจ็บ แต่ยังไม่ทันทำอะไรลิฟต์ก็ปิดลง แม่กระชากลากถูผมกลับออกมา แม่แรงเยอะมาก ผมพยายามขืนตัวแต่แม่กระชากแขนผมแรงมาก เล็บยาวของแม่จิกแขนผมจนแสบ
“อย่าดื้อนะจันทร์ แม่ไม่อยากให้ลูกเจ็บตัวหรอก”
“คุณป้า...”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นั้นเอง”
ผมร้องโวยวายให้คุณยามช่วย แต่ปรากฏว่าคุณยามโดนรถคันหนึ่งขับเข้ามาปาดจนล้มลง รถลุง... ทะ ทำไม เกิดอะไรขึ้น ผมไม่ยอมขึ้นรถ ยังไงก็ไม่ยอมจนแม่ชักจะดึงไม่ไหว ผมคิดว่าผมจะวิ่งหนีกลับเข้าไปข้างใน ปกติจะมีลุงยามสองคน คนหนึ่งเฝ้าประตู อีกคนก็เฝ้าลิฟต์หน้าตึกอีกที และยังมีพี่บอดี้การ์ดที่อยู่ประจำนอกจากสองคนที่ตามเจิ้น...พี่บอดี้การ์ดอาจจะไปกับเจิ้น?
“จะขึ้นรถดีๆหรือจะให้ยิง?”
ปืนจ่อมาที่หน้าผม ลุงลงมาจากรถตอนไหนไม่รู้ ผมไม่เคยเห็นปืนมาก่อน...ละ แล้วมันก็จ่อตรงหน้าผมพอดี สีดำวาววับเหมือนที่เคยเห็นในการ์ตูน แต่....มันของจริง
“จันทร์ขึ้นรถนะลูก ลุงก็แค่โกรธ...ถ้าลูกไม่ดื้อก็ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ”
“ผะ ผมไม่อยากไป”
ทำไมแม่ยังพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ทำไมแม่ยังยิ้ม ทั้งๆที่ลุงเอาปืนจ่อผมแบบนี้
“ไม่รักแม่แล้วหรอจ๊ะ?”
ปัง!!
เสียงปืนดังขึ้นกับร่างลุงที่ล้มลง...ผมตกใจจนร้องไห้ทั้งๆที่ไม่มีเสียงสะอื้นหลุดออกมา ผมคิดว่าผมจะตายแล้วเพราะลุงยิงผม แต่เป็นลุง ใครยิงลุงไม่รู้แล้วร่างพี่บอดี้การ์ดชุดดำก็เข้ามาล็อคตัวลุงแย่งปืนออกไป เสียงกริ๊ดของแม่ดังลั่นแต่ แต่ผมทำอะไรไม่ถูกแล้ว ผมต้องทำยังไง ต้องทำอะไรต่อ แล้วตกลงผมตายหรือยัง?
เคยฟังเรื่องผีเขาบอกว่าเวลาตายจริงๆไม่เจ็บหรอก เพราะวิญญาณจะสะดุ้งอย่างแรกจนวิญญาณกระเด็นหลุดออกจากร่างก่อน วิญญาณผมกระเด็นออกมาแล้วหรอ? ละ แล้วต้องตายตรงนี้หรอ เจิ้นจะอยากเดินมานั่งเล่นที่ป้อมยามให้ผมได้เห็นหน้าไหม?
“ฮึก....”
“คุณจันทร์ เชิญทางนี้ครับ”
พี่บอดี้การ์ดที่ผมคุ้นหน้าว่าเขาจะประจำอยู่ที่ตึกดึงผมลุกขึ้นแต่ผมขาหมดแรงจนล้มลง ยังไม่ตายใช่ไหม? วิญญาณผมยังไม่กระเด็นกระดอนไปไหนใช่ไหม?
“ขออนุญาตครับ”
ผมถูกอุ้มไปที่ลิฟต์ คุณป้าแม่บ้านนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย เราขึ้นไปชั้นบนด้วยกัน พี่บอดี้การ์ดวางผมลงบนโซฟาแล้วออกไป จากนั้นคุณป้าเดินกะเผลกตามไปชั่วครู่ก็กลับมา
“คุณจันทร์ของป้า ขวัญเอ้ยขวัญมานะคะ ไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ”
“จันทร์กลัว...ฮึก...ปืน เขามีปืน”
ผมสติแตกจนลำดับอะไรไม่ถูก ทุกอย่างมันเป็นเรื่องน่ากลัว น่าตกใจ แล้วก็...สับสน
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่มีใครทำอะไรได้แล้วนะคะ...เดี๋ยวเจิ้นก็มา”
คุณป้าแม่บ้านเดินไปหยิบสินเชื่อมาให้ผม ผมไม่กล้าเข้าไปนอนรอเจิ้นในห้องนอนแต่ขอนอนที่โซฟา คุณป้าแม่บ้านเปิดการ์ตูนทิ้งไว้ให้ผม...แต่ผมไม่ได้สนใจจะดู น้ำตามันไหลไม่หยุด ผมกลัว ทำไมแม่ทำแบบนั้น ทำไมลุงทำแบบนั้น ทำไม...ทำไมต้องใจร้ายกับผม
“จันทร์”
ท่ามกลางคำถามอันมากมาย เจิ้นปรากฏตัวต่อหน้าผม
“เจิ้น ฮึก...เขา..เขาจะยิง จันทร์นึกว่า...ฮืออ”
“ชู่วว ไม่เป็นไรแล้ว”
เจิ้นเดินเข้ามาดึงผมไปกอดแน่น ผมรู้สึกว่าอ้อมกอดของเจิ้นปลอดภัย ผมพยายามจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมแต่มันก็สเปะสะปะไปหมด
“จันทร์ไม่ได้..ฮึก ไม่ได้ยอมไปนะ... อยู่ในเขต ช่อฟ้า...ละแล้ว แม่ก็โยนของใส่คุณป้า ฮืออ คุณป้าล้ม แม่ก็จิกจันทร์...”
“ไม่เป็นไร...พี่เชื่อจันทร์ จันทร์ดูแลตัวเองไม่ไปกับคุณแม่สองต่อสองใช่ไหม?”
ผมพยักหน้ากับไหล่เจิ้น กลัวเจิ้นจะผิดหวัง กลัวเจิ้นคิดว่าผมพาตัวเองไปเสี่ยง แต่...แต่ผมไม่ได้ทำแบบนั้นนะ ผมแค่ไปช่วยถือของ แต่ยามอีกคนกับพี่บอดี้การ์ดหายไปไหนไม่รู้ ผมไม่ได้อยากอยู่คนเดียวให้แม่ใจร้ายใส่ หรือลุงมาทำแบบนี้
“เก่งมากมูนนี่ เรื่องแม่...พี่จัดการให้นะ? โอเคไหม?”
“จันทร์กลัว แม่ใจร้าย ฮือออ ปืนน่ากลัว”
“เขาจะไม่มาใจร้ายกับจันทร์แล้ว พี่สัญญา”
เจิ้นพาผมเข้านอน ผมยึดตัวเจิ้นไม่ให้ไปไหน...ผมฝันร้ายสะดุ้งตื่นมากลางดึก ในฝันผมเห็นตัวเองโดนแม่กระชาก และคนที่ถือปืนก็เป็นแม่ ผมร้องไห้ให้เจิ้นปลอบจนเกือบเช้า ร้องจนไม่มีน้ำตาออกมา และผมก็ปวดหัว...
พ่อมาหาผมตอนเช้า ผมตื่นมาก็ร้องไห้อีกพอเห็นหน้าพ่อหน้าลุงผมก็ยิ่งกลัว กลัวว่าตัวเองจะตายไปแล้ว ผมกอดพ่อแน่นมาก กลัว กลัวว่าตัวเองจะตาย
“ไม่เป็นไรลูก แม่เขาไม่มายุ่งแล้วล่ะ เมื่อวานพ่อไปตกลงกับแม่มาแล้วนะ”
“ฮืออ ผมเสียใจ ตรงนี้เจ็บมากเลย”
หัวใจผมเจ็บปวด...แม่อาจจะไม่ได้รักผมแบบที่พ่อบอก ผมไม่เคยคิดร้ายกับแม่แต่แม่กลับทำร้ายคนรอบตัวผม แล้วแม่ก็ยอมให้ลุงเอาปืนมาจ่อหน้าผม...แม่ถามผมได้ยังไงว่าผมรักแม่ไหมในสถานการณ์แบบนั้น
“ไหน พ่อดูแขนหน่อย เจิ้นบอกว่าเลือดออก”
แขนผมมีผ้าก็อตปิดแล้วเจิ้นคงจะทำให้ตอนผมหลับ เพราะผมไม่ยอมให้ใครแงะตัวผมออกจากเจิ้นแน่ๆ
“ขอโทษนะจันทร์...ขอโทษที่พ่อใจอ่อนเกินไปเพราะคิดว่ามันดีกับลูก...แต่มันไม่ใช่เลย”
“ผมรักพ่อ..ผมรักแม่...แต่แม่ไม่รักผมเลย เขาหลอก หลอกพวกเรา”
ผมไม่อยากให้พ่อโทษตัวเอง เพราะพ่อก็ถูกแม่หลอกใช่ไหม? แม่คงหลอกพ่อว่ารักผม พ่อก็เลยอยากให้ครอบครัวเราสมบูรณ์ อย่างน้อยผมก็ไม่รู้สึกขาดพ่อหรือแม่
“มันคงถึงเวลาที่เราต้องยอมรับ...ว่าสมาชิกครอบครัวเราจะจำนวนลดลงหนึ่งคน จันทร์โอเคนะลูก?”
“อื้อ...แม่เป็นแม่...แต่...ไม่ต้องเป็นครอบครัวแล้ว...”
แม่เลือกลุง ผมคิดว่าตัวเองอาจจะยอมรับได้ถ้าลุงเป็นลุงนิสัยดีๆ หรือแม่เลิกยุ่งกับเขา แต่...ทุกอย่างมันชัดเจนจนผมไม่อยากให้อภัย ผมกลัวแม่จะพาเขามาทำร้ายผมอีก เหมือนที่เขาเคยทำร้ายพ่อ...คุณป้าแม่บ้าน แล้วต่อไปอาจจะเป็นเจิ้น
ผมรักแม่ แต่ผมก็รักพ่อ รักเจิ้น รักคุณป้าแม่บ้าน ผม...ไม่อยากทำแบบนี้แต่ถ้าแม่เป็นแค่แม่ ไม่ต้องมาเจอกัน แค่โทรคุยกันนานๆครั้ง ผม...น่าจะสบายใจกว่าที่จะอยู่ใกล้ๆแล้วใครต้องมาโดนแม่กับลุงทำร้ายอีก
ดูเหมือนว่า....
ความรักของแม่มันยากเกินไปที่ผมจะเข้าใจระหว่างศศิมณฑลใช้เวลากับพ่อ เจิ้นก็ลงมาด้านล่างในห้องทำงานเพื่อฟังรายงานสถานการณ์ทั้งหมด เหตุการณ์ที่ถูกคาดคะเนและเตรียมแผนการรับมือดำเนินไปอย่างที่วางแผนไว้
ฝ่ายนั้นไม่ได้ฉลาดมาก...และเขาก็ไม่ได้ใจเย็นขนาดจะรอให้เกิดเรื่อง การมาของผู้หญิงคนนั้นทุกครั้งถูกสังเกตการณ์อย่างละเอียด มาด้วยแท็กซี่กลับด้วยแท็กซี่...แต่แค่พ้นแยกธนาคารก็เปลี่ยนรถไปกับแฟนตัวเอง พูดคุยกับยามเรื่องการเข้าเวร วันเวลาเข้าออก พฤติกรรมที่ไม่ได้รอบคอบทำให้การวิเคราะห์เหตุการณ์ไม่ได้ยาก
ทีมบอดี้การ์ดมืออาชีพย่อมวางแผนได้รัดกุมกว่า กำลังคนที่อยู่ประจำถูกถอนออกเพื่อแทนที่ด้วยบอดี้การ์ดชุดใหม่ แนบเนียนจนคนไม่รอบคอบมองไม่เห็น นึกว่าเหลือแค่ยามหน้าประตูคนเดียวจนกล้าที่จะเสี่ยง
เจ้าจันทร์ถูกกระชากลากถูจนแขนมีแต่ลอยเล็บ...และมันก็บ้าขนาดเอาปืนขึ้นมาขู่ไม่กลัวว่ากล้องวงจนปิดจะจับได้ เพราะคิดตื้นๆว่าไม่มีใคร ถ้าได้ตัวเจ้าจันทร์ไปก็ไม่ต้องกลัวจะโดนแจ้งความเพราะทางนี้ยังไงก็ยินดีจ่าย
บอดี้การ์ดสิบคนเข้าชาร์จได้ทัน และไม่ใช่ตำรวจที่จะเจรจาต่อรองให้ปล่อยตัวประกัน จากภาพในกล้องวงจนบอดี้การ์ดคนหนึ่งยิงสวนเข้าไปทันทีตรงไหล่ขวาจนฝ่ายนั้นล้มลง และซ้ำอีกนัดที่มือ เจ้าจันทร์นั่งลงปิดหูตกใจจนบอดี้การ์ดอีกคนมาอุ้มออกไป
ทางตำรวจรับรู้มาก่อนเพราะเคยแจ้งความไว้แล้วว่าถูกรถคันนี้ทำพฤติกรรมน่าสงสัย จากภาพในกล้องวงจนที่ทำร้ายคนภายในเขตธนาคาร ทำร้ายยาม และเอาปืนขึ้นมาขู่ก็โดนไปหลายคดี
ถ้าทางนั้นจะอ้างเรื่องสิทธิในการเลี้ยงดูมาอีกก็คงจะไม่ชนะ...แม่ที่ร่วมมือจะฆ่าลูกศาลคงไม่ยอมให้เจ้าจันทร์ไปอยู่ด้วย คดีร้ายแรงศาลคัดค้านการประกันตัว ทนายมือหนึ่งของตระกูลจะเข้าไปจัดการให้แน่ใจ...ว่าจะไม่ได้ออกมาจากคุกง่ายๆ
เจิ้นยอมรับว่าตัวเองเอาชีวิตจันทร์ไปเสี่ยง ไปวัดใจกับคนที่ไม่รู้ว่าจะแยกเขี้ยวโผล่หางมาวันไหน แต่อย่างที่บอกฝ่ายนั้นไม่ได้ฉลาด ทุกอย่างมันชัดเจนจนคิดว่าจะลงมือในเร็วๆนี้ ทางนั้นก็รอไม่ได้ด้วยระยะเวลาที่บีบคั้นขึ้นมาทุกที
และคนโง่...ก็แสดงออกอย่างโง่ๆ
เจ้าจันทร์ถูกย้ำทุกวันไม่ให้ออกไปนอกช่อฟ้า ไม่ให้ไปกับแม่...และน้องก็เข้าใจว่ามันเสี่ยง คุณป้าแม่บ้านเลยต้องมาบาดเจ็บด้วยเพราะดันเป็นบุคคลที่สามที่อยู่ด้วย
เหตุเกิดในช่อฟ้าคดีก็ยิ่งง่ายเข้าไปอีก...อย่างน้อยก็บุกรุกและทำลายทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกาย...พยายามฆ่าและอื่นๆตามแต่ทนายจะหาไปฟ้อง
“แถลงข่าวเลยไหมครับ?”
“พรุ่งนี้แล้วกัน”
เลขาคนสนิทรับหน้าที่เรื่องคำแถลงการณ์ หัวหน้าบอดี้การ์ดชุดเฉพาะกิจจะร่วมการแถลงข่าวด้วยหนึ่งคน เจิ้นแวะขึ้นไปดูคนป่วยที่หลับสนิทกับพ่อตัวเอง ตายังคงบวมช้ำเพราะการร้องไห้อย่างหนัก
“ตกใจน่าดู”
สุริยะ หยาง ส่งถ้วยชาให้กับคนมีศักดิ์เป็นหลานชายห่างๆ
“ครับ ขอบคุณมากที่แนะนำเรื่องบอดี้การ์ด”
“อืม...”
บอดี้การ์ดทั้งเซ็ตมาจากบริษัทในเครือตระกูลหยาง การค้าศิลปะของเก่ามีราคาต้องมีผู้คุ้มกัน การเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ไม่ใช่แค่ยามแต่เป็นการคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินจึงเป็นหนึ่งธุรกิจที่ต่อยอดได้ดี
“มิสเตอร์หยาง แต่เรื่องให้ยิงก่อน...มันเกินข้อตกลง ถ้ามันโดนจันทร์”
สำหรับเจิ้นเห็นด้วยกับแผนการที่มิสเตอร์หยางแนะนำทุกอย่าง คงจะมีแค่การอาศัยจังหวะลงมือก่อนเท่านั้นที่หวั่นใจ เพราะกลัวจันทร์จะตกใจและพลาดจนทำจันทร์บาดเจ็บ...ยิ่งคิดไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นจะกล้าเอาปืนมาจ่อหัวกันแบบนี้
“คนของฉันฝีมือดีพวกนายธนาคารมือสะอาดก็แบบนี้...ไม่ฆ่ามันตายก็ดีแค่ไหน”
“คุณอยากฆ่าเขา?”
“
อยากฆ่ามาสิบเก้าปี”
“แล้วปล่อยไว้ทำไม?”
“มุมที่ยิงมันไม่เห็นจุดตาย ถ้ารู้ว่ามันจะพกปืน...คงสั่งเพิ่มสไนเปอร์”
สองคนสบตากันอยู่ชั่วครู่ก่อนคนอ่อนวัยกว่าจะเป็นฝ่ายหลุบตาลง สำหรับตัวเขาการฆ่าใครสักคนก็นับว่าเป็นเรื่องชวนหนักใจ แต่กับมิสเตอร์หยาง... เยว่กับหยางไม่เคยทำธุรกิจร่วมกัน...เพราะหยางเดินอยู่ในถนนสีดำทั้งๆที่เป็นตระกูลพระอาทิตย์ ส่วนเยว่ที่พระจันทร์เป็นสัญลักษณ์ของยามกลางคืนกับทำธุรกิจสะอาดมาตลอด คงมีแต่ใบชาอันเป็นรสนิยมส่วนตัวที่พอจะกลืนกันได้บ้าง
“ถ้าคุณฆ่าเขาแต่แรก...”
“ตองไม่ยอม”
“คุณไม่บอกก็ไม่รู้”
“หึ...ฉันไม่ปล่อยให้ตองใช้ชีวิตสะดวกสบายขนาดนั้นหรอก...”
“ยังแค้น?”
“ให้ร้องไห้บ้าง...จะได้รู้รสชาติชีวิต”
เจิ้นโคลงหัวกับการหยอกล้อระหว่างมิสเตอร์หยาง กับกันติชา จะกี่ปีๆก็ไม่เคยเปลี่ยนและมิสเตอร์หยางก็เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น...ไม่รู้ป่านนี้อาตองของเขาจะใช้หนี้ความผิดหวังตอนขอเลิกกันไปหมดแล้วหรือยัง
บางทีแผนการโอ๋จันทร์ที่บังคับให้เขาร่วมมืออาจจะเกิดจากมิสเตอร์หยาง...ที่รู้ว่าต่อไปจันทร์คงจะร้องไห้ง่ายๆกับแทบจะทุกเรื่องแบบนี้ ให้ปวดหัว ให้เสียใจตามกันไปหมด
เจ็บใจที่ตอนนั้นยังเด็กเลยเห็นดีเห็นงามกับแผนการสุขนิยมของคุณพ่อวัยรุ่น...และเจ้าจันทร์ก็น่ารักจนเลี้ยงน้องให้มีแต่ความสุข พอมารู้ตัวกันทั้งคู่ก็แก้ไขอะไรไม่ทัน และก็ไม่อยากจะใจดีปล่อยเจ้าจันทร์ออกไปนอกกรง
ไม่กล้าถามว่าเป็นแผนการมิสเตอร์หยางไหม...คนๆนี้อย่าไปยุ่งจะดีกว่า ไม่รู้ว่าแค้นใครต่อใครไว้บ้าง จะกี่รุ่นๆเจ้าบ้านตระกูลหยางก็เลือดเย็นจนไล่บี้ศัตรูซะจมดินมาไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย
คำนวณดูแล้ว...การที่ผู้หญิงทรยศคนนั้นกับสามีแสนเลวยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ตั้งหลายปีคงตั้งใจให้เยว่เสียเงินไปเป็นล้านๆ ให้กันติชาว้าวุ่นใจ...เพื่อตอบสนองความสะใจของตัวเองฝ่ายเดียว
เจิ้นถอนหายใจเพราะถ้าเป็นแบบนั้น...เหมือนโดนหยามกันเลยทีเดียว แต่จะให้กลับไปตั้งหลักสู้ก็คงไม่ทัน เขาในวัยเยาว์แพ้ให้กับมิสเตอร์หยางจริงๆ จะว่าแพ้เต็มตัวก็ไม่ถูก เพราะเขาสนิทกับกันติชาจนโดนหางเลขไปด้วยมากกว่า
อาตอง...จะต้องชดใช้กับความเสียหน้าครั้งใหญ่ให้เขา
(ต่อด้านล่าง)