ตอนที่7
การแข่งขันจบลงแล้ว ทีมคณะสถาปัตย์แพ้ไปอย่างน่าเสียดาย เหล่านักบาสเดินคอตกออกมายืนดื่มน้ำดับกระหายอยู่ข้างสนาม แสตนด์เชียร์ฝั่งตรงข้ามเต็มไปด้วยเสียงเฮผิดกับฝั่งที่ผมนั่งอยู่รวมไปถึงโซนที่แฟนคลับพี่กาจน์นั่งอยู่ สาวๆบางคนดูเศร้ากว่านักกีฬาด้วยซ้ำ
“...”ผมตัดสินใจนั่งมองเหล่านักกีฬาคูลดาวน์อยู่บนสแตนด์ที่เดิมเพราะผมไม่รู้จักใครและไม่มีที่ไปอยู่แล้ว เดี๋ยวพี่กาจน์เสร็จธุระคงไลน์มาตามเอง คิดได้ดังนั้นผมก็ก้มหน้าเล่นมือถือในมือไป ส่วนหูก็ผึ่งฟังพี่สาวคณะเภสัชข้างกายพร่ำเพ้อถึงพี่กาจน์
เท่าที่ฟังผมสามารถสรุปได้ว่า
พี่กาจน์เป็นคนเข้าหาคนเก่ง แต่ไม่มีใครเข้าหาพี่กาจน์ได้เลย คนอะไรโคตรคูล “จะกลับเลยมั้ยนิทาน”เงาใครมาบังแสงซะมืดเชียว อ่อ คนที่ผมกำลังนินทาถึงในใจนั่นเอง คุณนักบาสคนดังเดินขึ้นมาบนแสตนด์เพื่อชวนผมกลับบ้าน ผมได้ยินพี่สาวเภสัชอุทานคำว่าขุ่นพระ!!เต็มสองรูหูเลยปั้นหน้าไม่ถูก เธอคงไมคิดว่าเด็กปี1ที่พวกเธอเมาท์ด้วยจะรู้จักกับพี่กาจน์ ผมหันไปส่งยิ้มแหะๆให้เธอแต่เธอคงไม่เห็นเพราะผมใส่หน้ากากอนามัยอยู่
“เสร็จแล้วเหรอครับ”
“อืม”
“ไม่มีไปไหนกันต่อเหรอครับ”ผมถามเพราะมีแค่พี่กาจน์ที่แยกตัวออกมาหาผมส่วนคนอื่นๆรวมถึงตัวสำรองยังยืนมองพวกเราจากทางสนามเหมือนกำลังรออยู่
“ไม่นิ แยกย้ายกันแล้ว”
“อย่ามาโกหก เพื่อนพี่ยืนรออยู่เห็นๆ”ผมจิกตาใส่คนขี้จุ๊
“แฮ่ๆ ที่จริงพวกมันจะไปต่อหมูกระทะกันเลยให้มาชวนนิทานไปด้วย”
“ชวนผมทำไม ผมไม่ได้แข่งด้วยสักหน่อย พวกพี่ไปกินกันเถอะ”ผมรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน ให้ไปนั่งเด๋ออยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้าน่ะขอเถอะ พลอยทำให้ฝ่ายนู้นเกร็งไปด้วยเปล่าๆ
“นั่นไง พี่เลยจะกลับพร้อมเรา”
“อ้าว พี่ก็ไปกินกับเพื่อนพี่สิ”
“พี่ต้องไปส่งเราไง”
“เห้ย ผมกลับเองได้ ไม่เป็นไร พี่ไปเหอะ”
“พี่เป็นคนพามาพี่ก็ต้องพากลับ”
“โว๊ะ ทำไมถึงดื้อขนาดนี้เนี่ยหึ?”ผมยีหัวตัวเองหน้าเครียด พวกเราจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ให้ตายเถอะ พวกทีมบาสที่เหลือก็ยืนจ้องพวกเราอีกทีนึง ส่วนพี่สาวเภสัชน่ะเหรอ ทำเป็นนั่งคุยกับเพื่อนไม่ลุกไปไหนแต่ผมรู้ทันหรอกแอบฟังอยู่ล่ะสิ
ฮึ่ยยยย หงุดหงิด!
ถ้าผมไม่รู้ที่มาของฉายาเจ้าชายต้องห้ามป่านนี้ผมคงติดรถพี่กาจน์กลับไปนอนผึ่งพุงที่หอแล้ว แต่นี่ไม่ใช่ไง ให้ตายยังไงผมก็ต้องบังคับพี่กาจน์ไปกินกับเพื่อนๆให้ได้ ดูสายตาทีมบาสแต่ละคนที่มองมาสิครับ พวกเขาอยากเป็นเพื่อนกับพี่นะเห็นเงาในตาฉันมั้ย เห็นเธออยู่ในนั้นมั้ย~
“เอ้อ น้องครับ ไปกับพวกพี่เถอะ ไม่ต้องเกรงใจ เนอะๆๆๆ”พี่เคราแพะคนหนึ่งเป็นตัวแทนของเพื่อนๆเดินขึ้นมาไกล่เกลี่ยบนสแตนด์ พี่เขาทำท่าไหว้ผมด้วยมือข้างเดียว ขยิบตาเหมือนคนเป็นตากุ้งยิง ส่งซิกแรงเว่อร์ๆว่าไปด้วยกันเถอะได้โปรด
“เนอะๆๆๆๆ”
“อ่า ก็ได้ครับ”
“ไม่ได้!!”จะขัดทำไมโว้ยครับไอ้พี่กาจน์ ดูทำหน้าเป็นเด็กอนุบาลโดนขัดใจ”ร้านหมูกระทะเด็กมอเราเยอะ ให้นิทานไปไม่ได้!!”
“...”
“โอเค กูยอมเปิดหอให้พวกมึงปาร์ตี้มาม่ากัน”พี่เคราแพะเทหมดหน้าตัก
“ใครจะล้างจาน น่าสงสารแย่ ก๊อกมีแค่หัวเดียวแต่จานครึ่งร้อย”พี่กาจน์ผู้มีบ้านอยู่ห้วยขวางออกมาค้านหัวชนฝา
เห้อมมมม
ผมส่ายหน้าเซ็งๆ ดูท่าผมคงต้องเป็นพี่เลี้ยงเด็กเอาแต่ใจสินะวันนี้
“ผมครับ ผมล้างเองครับ ตกลงว่าผมจะไปกินกับพวกพี่ที่หอ ถ้าพี่กาจน์ไม่สะดวกจะกลับไปก่อนก็ได้นะครับ”
“เห้ย! นิทาน! ทำไมถึงทำกับพี่อย่างนี้ เดี๋ยวววว กลับมาก่อน อย่าไปกับพวกมัน มานั่งรถพี่ เออ ให้ไอ้เจ้าของห้องมันนั่งมาด้วย พี่สัญญาว่าจะไม่พาหนีกลับบ้านแน่นอน”
ผมทำเป็นหูทวนลม เดินลงไปรวมกลุ่มกับพี่ๆว่าที่สถาปนิกต่างมหาลัย เอ่ยแนะนำตัวอย่างสุภาพว่า”สวัสดีครับ ผมชื่อนิทานนะครับ จะพยายามลากพี่กาจน์ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆให้ได้ครับ ฝากตัวด้วย”
“โอ้ววว ไอ้เด็กนี่รู้งานดีว่ะ ยินดีต้อนรับสู่สมาคม มาเป็นเพื่อนกับเจ้าชายต้องห้ามกันเถอะ!! นะครับ”พี่เคราแพะกอดอกหัวเราะชอบอกชอบใจในชื่อสมาคมสุดพิลึก ผมหันไปสบตากับพี่คนอื่นเชิงถามว่าสมาคมนี้มันมีอยู่จริงมั้ย แต่ละคนรีบส่ายหน้ากันพรืด
อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนหัวอ่อน แค่พี่กาจน์ลงมาตื้อสองสามครั้งขอให้ผมนั่งรถไปกับเขาผมก็ยอมแล้วครับ พวกพี่ที่ไม่มีรถมาแยกไปเตรียมสถานที่กันก่อน ส่วนผม พี่กาจน์และพี่เคราแพะเจ้าของห้องอาสาไปซื้อวัตถุดิบ
“ห้องมึงมีจานพอเหรอวะไอ้เจ หม้อด้วย ไปกันเป็นสิบหม้อเดียวไม่พอหรอกนะเว้ย”สารถีกิตติมาศักดิ์เอ่ยถามพี่เคราแพะ
“จะไปซื้อเพิ่มนี่ไง หม้อใบละไม่กี่ร้อยแค่นี้มึงจ่ายได้กูรู้ ใช้เสร็จแล้วกูให้มึงเอากลับบ้านเลย”
“ไอ้สัส ทำไมถึงให้กูออกเงิน”
“เพราะมึงไม่อยากให้น้องถอดแมสต์ที่ร้านหมูกระทะพวกกูเลยจำยอมนั่งเบียดกันในห้องแคบๆเพื่อแดกมาม่า”
“ชักปากพล่อยนะมึง”
ผมหันไปเหล่เสี้ยวหน้าด้านข้างของคนขับสลับกับพี่เคราแพะที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังด้วยความสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆทั้งสองคนถึงเงียบไป
“เอ่อคือ แมสต์ที่ผมใส่อยู่เนี่ย มันมีนัยยะสำคัญอะไรรึป่าวครับ”
กริบ
โอเค๊ ด๊ายยย ไม่อยากรู้แล้วก็ได้
จำไว้!
“พี่กาจน์กับพี่เจไปซื้อของสดนะครับ เดี๋ยวผมไปเดินหาพวกน้ำจิ้มกับถ้วยกระดาษเอง”เมื่อพวกเรามาถึงแมคโครผมก็แจกงานให้รุ่นพี่ทั้งสอง พี่เคราแพะพยักหน้ารับรู้ ส่วนพี่กาจน์ส่ายหัวพรืด อ้อ ลืมไปว่าพี่กาจน์จะไม่อยู่กับคนอื่นสองต่อสอง”งั้นเปลี่ยนเป็นผมกับพี่กาจน์ไปซื้อของสดกัน พี่เจแยกไปคนเดียวได้ใช่มั้ยครับ”สิ้นคำรอยยิ้มก็ถูกจุดขึ้นบนริมฝีปากของร่างสูง พี่กาจน์พยักหน้าหงึกๆเพื่อสื่อว่าเจ้าตัวชอบแผนนี้มากกว่า
ผมเดินตามพี่กาจน์ที่เป็นคนเข็นรถเข็นไปพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปพลาง
“อารมณ์ดีอยู่เหรอครับ”
“ก็ไม่มีเรื่องให้หงุดหงิดนี่”
“เอาแต่ใจจังนะครับ”
“นิทานยอมตามใจพี่ง่ายๆเองช่วยไม่ได้นะ”
“นิสัยเหมือนลูกคนเล็กเลยนะพี่อ่ะ”เดาอารมณ์อยากแต่พอได้อย่างใจก็เก็บความปิติไว้ไม่มิด
“เห็นอย่างนี้พี่เป็นพี่ชายคนโตจากพี่น้องสามคนเชียวนะ”
“เห นอกจากพี่กิตต์ยังมีน้องอีกคนเหรอครับ”
“อืม...น้องสาวน่ะ”
ไม่แน่ใจว่าผมคิดไปเองมั้ย แต่แผ่นหลังกว้างที่ผมกำลังเดินตามอยู่มันดูอ้างว้างขึ้นถนัดตา จะใช้คำว่าอ้างว้างก็ไม่ถูกแต่มองแล้วรู้สึกไหววูบแปลกๆเหมือนผมกำลังพูดเรื่องที่ไม่สมควรจะพูดอยู่งั้นแหละ
เอ...แต่พี่เขาก็หันมายิ้มให้แถมชวนคุยเรื่องสัพเพเหระต่อได้อีกนี่นา
“โว้ววว มาแล้วๆๆ”
พี่เคราแพะเจ้าของห้องเป็นคนเปิดประตูนำผมกับพี่กาจน์ที่ถือของพะรุงพะรังเข้ามา คนด้านในที่มาเตรียมสถานที่รอก่อนแล้วเริ่มส่งเสียงเอะอ่ะเมื่อวัตถุดิบมาถึง พี่กาจน์ผู้ถูกบังคับให้ซื้อหม้อสุกี้มาเพิ่มแกะกล่องของดังกล่าวก่อนเอาไปล้างอย่างรู้งาน ผมส่งพวกไส้กรอกกับหมูสไลด์ให้พี่คนหนึ่งที่วิ่งมารับก่อนอาสาล้างผักเอง
“น้องคร้าบ ถอดผ้าปิดปากออกได้แล้วคร้าบบบ ไอ้กาจน์ฝากบอกว่าอนุญาต”
“โอ๊ะ เกือบลืมเลย”
“กูฝากมึงบอกตอนไหนวะ”แว่วเสียงพี่กาจน์ที่กำลังนั่งต้มน้ำอยู่
“แล้วมึงจะให้น้องเขาแดกยังไงหะ”พี่คนเดิมหันไปเถียง พี่กาจน์ดูเข้ากับทุกคนได้ดีชนิดที่ว่าถ้าผมไม่รู้เรื่องมาก่อนคงคิดว่าคนเหล่านี้เป็นเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่ปี1 “ว๊าว น้องแม่งหน้าตาดีกว่าที่กูมโนไว้อีก ไอ้ห่า มีของดีขนาดนี้แต่เสือกสั่งให้น้องมันซ่อนไว้ นิสัยเสียว่ะมึงอ่ะ”คำชมของพี่เขาเรียกทุกสายตาให้หันมามองผมอย่างใคร่รู้
แหม เห็นอย่างนี้ผมก็เขินเป็นนะครับ
“เออว่ะ หน้าตาดีมากอ่ะ ตอนแรกเห็นแค่ตากูก็รู้นะว่าต้องหล่อ แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้”พี่ที่นั่งหั่นลูกชิ้นอยู่เอ่ยสมทบ
“กูว่าน่ารักมากกว่าว่ะ น้องตัวเล็กๆด้วย คำว่าหล่อมันเหมาะกับไอ้กาจน์มากกว่า”
ผมไม่เตี้ยนะครับทุกคนนนน แต่ทุกคนสูงเกินไปต่างหาก พวกเล่นบาสยังไงก็180อัพกันทั้งทีมแถมบางคนยังเล่นกล้ามอีกไง ผมที่เตี้ยกว่าเกือบสิบเซ็นต์เลยกลายเป็นน้องตัวเล็กไป
“ขาววิ๊งๆ”อันนี้ใครก็ไม่รู้พูดครับแต่ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“ขาวไม่ขาวมันก็เห็นตั้งแต่ก่อนถอดหน้ากากแล้วป่าววะ พอๆ เลิกวิจารณ์น้องได้แล้วมันทำตัวไม่ถูก”คนที่พาผมมากระโดดเข้ามากางปีกปกป้องผมอย่างรู้งาน ทุกคนเลยแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเสียมิได้
ใช้เวลาเตรียมการร่วมสิบนาทีกว่าหม้อสุกี้ทั้สองใบจะถูกเติมเต็มด้วยหมู เบคอน ผัก ไส้กรอกและเส้นมาม่า
ชายหนุ่มวัยกำลังกินกำลังนอนร่วมสิบชีวิตถือตะเกียบของตนไว้มั่นในขณะที่สายตาไม่ละจากของที่ตัวเองเล็งไว้ในหม้อแม้แต่เสี้ยว ราวกับถ้าเผลอกระพริบตาเข้าเจ้าสิ่งที่อยากกินจะถูกคนข้างๆแย่งไปกิน
“สตาร์ท!!”
เสียงนกหวีดลงสนามดังสนั่น ผมเป็นคนเปิดฝาหม้อทั้งสองใบก่อนฝูงแร้งจะกรูเข้ารุมทึ้ง ผมยิ้มเอ็นดูพวกพี่ที่โตแต่ตัว ดูสิเนี่ย เพิ่งเปิดฝาได้ไม่ถึงสามวิของในหม้อก็เกือบหมดเกลี้ยงแล้ว
“มั่วแต่ยิ้มสวยก็อดแดกสิครับหนู อ่ะนี่พี่ให้”อ้าว โดนพี่กาจน์กระแนะกระแหนซะงั้น แต่มันก็จริงที่ผมไม่ชินกับสงครามแย่งกับข้าวเลยคว้าอาวุธไปแย่งกับเขาไม่ทัน พี่เขาเขี่ยของที่จกมาได้ครึ่งนึงให้ผมก่อนหันไปเทของสดอื่นๆลงหม้อเพิ่ม
“อ้าวน้องไม่ทันเหรอ โทษครับๆ พวกพี่แย่งกันอย่างนี้ประจำจนชินแล้ว โทษๆ อ่ะพี่ให้ปลาดอลลี่ชิ้นนึง”
“เอาแฮมของพี่ไปด้วยๆ”
“นิทาน พี่ให้เบคอนนะ”
“หมูสไลด์ครับน้อง”
ชักเยอะ
“พอแล้วครับ เท่านี้ผมก็กินไม่หมดแล้วววว”ผมรีบห้ามเมื่อเห็นว่าแต่ละคนทำท่าจะแบ่งของมาให้ผมเยอะจนเกินไป แต่พอผมบอกว่าอิ่มด้วยปริมาณของในชามพี่ๆแต่ละคนก็บ่นกันอุบเลยว่าเพราะผมกินน้อยยังงี้ไงถึงได้เตี้ย
เห้ยๆ
174บ้านพวกพี่นี่เรียกเตี้ยเหรอครับ เพื่อนมอปลายผมมีคนนึงสูง165มาเจอพวกพี่คงโดนเรียกคนแคระสินะ
___________________________________
ใครว่านิทานลูกเราขี้เผือกกกกกกกกก น้องแค่เป็นเด็กช่างเอาใจใส่เฉยๆหรอกกกกก ชิ๊ๆ
เห็นถึงความเรียบร้อยไม่ทันคนของน้องมั้ยทุกคลลลลล ฮรอลลลล