ตอนที่20
กิจกรรมรับน้องที่คณะหนักกว่าที่ผมจินตนาการไว้มาก แต่เพราะเข้าร่วมกิจกรรมทำให้ผมได้เพื่อนใหม่นิสัยดีหน้าตาไม่เป็นมิตรมากลุ่มใหญ่ โดยเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดก็คือไอ้เจ กลุ่มของผมมักไปเล่นบาสกันหลังเลิกเรียนเสมอ ที่สนามของคณะปกติจะผลัดกันเล่นกับพวกรุ่นพี่แต่เพราะพอผมไปสาวๆที่ขอบสนามจะเยอะเป็นพิเศษพวกพี่เขาเลยให้สิทธิ์กลุ่มเราได้เล่นบ่อยเป็นพิเศษ
“เอ้อ ค่ายพรุ่งนี้พี่เขานัดกี่โมงนะ”เจถาม
“7ว่ะ หน้าตึกอิฐ”มันคือค่ายรับน้องที่ทะเลครับ พวกพี่เขาจัดทริปนี้ให้พวกเราปี1ที่อาบเหงื่อตากน้ำเข้าซ้อมเชียร์มาตลอดหนึ่งเดือนหลังเปิดเทอม
แต่ผมไม่ได้ขึ้นแสตนด์หรอก ส่วนใหญ่ผมจะโดนดึงไปซ้อมประกวดเดือนมหาลัย
“แล้วมึงไปป่ะ”ผมถามกลับ
“ไปดิ กะจะไปจีบรุ่นพี่ในค่ายสักหน่อย มึงไม่ต้องมองกูด้วยสายตาแบบนั้นเลย พวกหน้าตาขี้เหร่แบบกูก็ต้องอาศัยบรรยากาศโรแมนติกเข้าช่วย ใครจะเหมือนมึงล่ะไอ้เดือนมหาลัย”
ผมหัวเราะร่วนกับคำกระแนะกระแหนแบบไม่จริงจังนั้น
พวกเรานั่งพักกันอีกสักครู่ก่อนลงไปแจมสนามกับกลุ่มพี่ปี3
การเข้าค่ายดำเนินไปตามครรลอง ผมเข้าร่วมกิจกรรมฐานและทำอะไรประหลาดๆแบบไม่รักษาภาพพจน์เลยได้เพื่อนมาอีกหลายคนแต่คนที่สนิทที่สุดยังไงก็ต้องไอ้เจนี่แหละ
มันลากผมมาปรึกษาตอนบ่ายของวันสุดท้ายซึ่งพวกพี่เขาปล่อยพวกเราทำกิจกรรมกันอิสระ
“กูแอบชอบพี่ปี2คนนึงว่ะ มึงช่วยเนียนๆพากูเข้ากลุ่มพี่เขาหน่อยได้ป่ะ”
จัดไปตามคำคอครับ คนอัทธยาศัยดีอย่างผมแค่เดินเข้าไปในกลุ่มของพี่ปี2ที่นั่งจับกลุ่มดีดกีตาร์อยู่ริมหาดพวกพี่เขาก็อ้าแขนต้อนรับแล้ว
ในวงดังกล่าวประกอบด้วยพี่คนสวยที่ไอ้เจมันปลื้มและเพื่อนหญิงชายอีก6คน บรรยากาศคึกครื้นใช้ได้ นอกจากจะร้องเพลงแล้วยังมีเล่นเกมส์กันอีก แน่นอนว่าเกมส์เบสิคอย่างเกมพระราชาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
“งั้น...ขอสั่งให้เบอร์ 7กับเบอร์ 2คบกันหนึ่งอาทิตย์!!”
โอ๊ะ เบอร์7มันผมนี่หว่า ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเมื่อคำสั่งของพระชาคืออะไรโหลๆ อย่างน้อยมันก็ดีกว่าพี่คนที่แล้วที่โดนสั่งให้วิ่งแก้ผ้าลงทะเลสารภาพรักผู้หญิงที่ชอบล่ะนะ
ผมแสดงตัวว่าตัวเองคือคนที่ถูกลงโทษ ส่วนอีกคนก็คือ...
พี่ฟ้า
ผู้ชายคนนี้จัดว่าหน้าตาดีทีเดียวแต่ตัวไม่สูงเลยได้เป็นแค่รองเดือนคณะเมื่อปีที่แล้ว
โชคดีที่อีกฝ่ายเป็นคนสบายๆพวกเราเลยตกลงคบกันเล่น 7วันตามคำสั่งของพระราชา
“ไอ่หยา แบบนี้สาวๆทั้งมหาลัยต้องมาฉีกอกพี่แน่ๆ ฮ่ะๆ...”เนื่องจากใกล้ได้เวลามื้อเย็นแล้วพี่ในวงหลายคนที่อยู่ฝ่ายสวัสดิการต้องไปเตรียมอาหารให้รุ่นน้องจึงขอแยกตัวออกไป แน่นอนว่าพี่ที่ไอ้เจจะจีบก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วยมันเลยเดินตามก้นพี่เขาไปต้อยๆ
สุดท้ายก็เหลือแค่ผมกับพี่ฟ้า
“ฮ่าๆ เอฟซีของพี่คงไม่มีน้อยไปกว่าผมหรอกมั้ง”ผมตอบกลั้วหัวเราะ
“แหงล่ะ ก็พี่หล่อนี่หว่า”
“ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยน้า ว่าแต่ชื่อของพี่มาจากคำว่าท้องฟ้าหรือท้องฟ้าเหรอครับ”ใจจริงผมอยากยกตัวอย่างคำว่านางฟ้าด้วยแต่กลัวจะโดนอีกคนโกรธเลยละเอาไว้
“ก็ต้องสีฟ้าดิ พี่มีน้องชื่อคราม”
“อาจจะมาจากคำว่าท้องฟ้าสีครามก็ได้นะครับ”ผมแย้ง
คนถูกย้อนชะงักไปเล็กน้อยก่อนเบือนหน้าออกไปมองทะเล ผมมองตามสายตาของเขา มองเลยไปเห็นหาดทรายสีเหลืองทอง ท้องทะเลสุดลูกหูลูกตาและท้องฟ้าสีส้ม
“ท้องฟ้ามันไม่ได้เป็นสีฟ้าตลอดเวลาสักหน่อย จริงมั้ย...”
“อา จริงด้วยสินะครับ”
________________________________________________
“ตกลงจะยิ้มหรือจะถอนหายใจเลือกเอาสักอย่างสิ”เสียงทักดังขึ้นจากโต๊ะเลคเชอร์ข้างๆ ผมปรายตามองไอ้อัทก่อนถอนหายใจอีกครั้งและอีกครั้ว
ผมคงเป็นบ้าในสายตาของเพื่อนสนิท
ต้นเหตุไม่ใช่อะไร ก็พี่กาจน์น่ะสิ เขามาส่งผมที่มหาลัยตอนเช้าแล้วก็มารับผมตอนเย็นทุกวัน วันไหนผมเลิกแค่เที่ยวพี่เขาก็ถ่อมารับและพาไปนั่งที่มหาลัยของเขา ผมรู้สึกเกรงใจและพยายามปฏิเสธแต่พี่เขาก็ดื้อ บอกผมว่าวิชาสัมมนาก็จบไปแล้วเหลืองานหนักๆแค่โปรเจ็คจบซึ่งมีเวลาทำอิสระ ถ้าผมเป็นห่วงก็ค่อยช่วยพี่เขาตอนอยู่คอนโด
แต่พอกลับคอนโดพี่เขาก็มาเล่นกับผมแทบตลอด...
ผมยอมรับว่าผมมีความสุขมาก การได้อยู่ข้างผู้ชายคนนี้แทบ 24ชม.ต่อวันมันทำให้ชีวิตของผมแจ่มใส แต่ผมก็ตระหนักรู้เสมอว่าทั้งหมดที่เขาทำ เขาก็แค่กลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับผมเหมือนคราวแฟนเก่าของเขา
“เห้อ...”
เวลาเข้าคลาสเรียกผมจึงกลายเป็นไบโพลาร์ สักพักก็นั่งอมยิ้มเหมือนสาวน้อยแรกรักแต่จู่ก็ทอดถอนหายใจเป็นคนแก่
“โทรหาไอ้เอ็มอีกทีดีกว่า...”ผมรำพึงรำพันกับตัวเองเสียงแผ่ว เนื่องจากผมตัวติดกับพี่กาจน์ตลอดยกเว้นเวลาเรียนผมจึงไม่มีเวลาโทรไปปรึกษาเพื่อนสนิทอีกเลย
คิดได้ดังนั้นผมก็ตัดสินใจลุกออกจากคลาสเรียน รู้สึกผิดนิดหน่อยที่โดดออกมาเพราะเรื่องไร้สาระแต่ก็กดต่อสายหาเพื่อนสนิทสมัยมัทธยมปลายทันทีที่เดินออกมานั่งจรงม้านางสุดทางเดินตึก
รอสายสักพักไอ้เอ็มก็รับ”มหาลัยมึงไม่มีการเรียนการสอนเหรอวะ ว่างนักอ่อโทรหากูเวลานี้”เป็นอีกครั้งที่โดนมันบ่นใส่ทันทีที่รับสาย
ผมหัวเราะแห้งๆก่อนตอบกลับไปว่า”ท่านเอ็มพอจะสละเวลาได้มั้ยคับ นิทานมีเรื่องจะปรึกษา”
“กูว่าแล้ววว...มึงดูออกง่ายเหมือนเดิมแล้วกูก็ฉลาดเหมือนเดิม ว่ามาเลยกูเดินออกมานอกห้องเรียนแล้ว”สมแล้วที่เป็นเอ็มเพื่อนรัก ผมยิ้มกว้างก่อนเล่าเรื่องที่ย้ายไปอยู่กับพี่ที่เคยพูดถึงเมื่อคราวก่อนแล้วให้มันฟัง
“เป็นผัวเมียกันแล้วจะปรึกษาอะไรวะ อย่าบอกนะว่าดีใจที่มีผัวเลยโทรมาอวดให้กูฟังเวลาเนี้ย!?”เอ็มแซะ
“ไม่ใช่ๆ ก็บอกแล้วไงว่ากูกับพี่เขาไม่ได้อะไรกัน”พอมีคนพูดคำว่าผัวเมียใส่ตรงๆผมก็รู้สึกเขิน
“อย่าทำมาแอ๊บใสหลอกกู คนแปลกหน้าที่ไหนเขาจะย้ายไปอยู่กินกัน กูไม่รู้จักพี่คนนั้นกูเลยบอกมึงไม่ได้ว่าพี่เขาคิดยังไงกับมึงแต่กับมึง!! ไอ้นิทานเพื่อนยาก มึงรักพี่เขาเว้ย โอ๊ย พูดไปมึงก็ไม่เชื่อแต่มึงจำคำกูไว้นะว่ากูอ่ะรู้ใจมึงยิ่งกว่าตัวมึงอีก”
คราวนี้ผมรู้สึกสะอึกจนพูดไม่ออก
ไม่ใช่ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง ผมแค่กลัวว่าชอบพี่เขาแล้วต้องมานั่งเสียใจภายหลัง
“เอางี้ๆ วันเสาร์หน้ามาเที่ยวกันป่ะ พวกสกายมันชวนกู เปลี่ยนบรรยากาศไงมึง เผื่อไม่เจอหน้าพี่เขาสักค่อนวันแล้วมึงจะคิดได้”
แม้จะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วแต่ผมก็ยังอยากเจอเอ็มจึงตอบตกลงไปอย่างไม่ลังเล
และแล้ววันเสาร์ที่นัดไว้ก็เวียนมาถึง ทีแรกพี่กาจน์จะไม่ยอมให้ผมไปด้วยความเป็นห่วง พวกเราเถียงกันอยู่ค่อนข้างนาน
“นะครับ พี่กาจน์ น้า...”ผมที่แต่งตัวเตรียมออกจากบ้านเดินไปเขย่าแขนของคนที่นั่งหน้าบูดเป็นตูดลิงอยู่ตรงโซฟา
“ทำไมไม่บอกพี่ให้เร็วกว่านี้”เขาถามเสียงเข้ม หน้านิ่วคิ้วขมวดสื่อให้รู้ว่ากำลังโกรธ
“ก็...ผมกลัวพี่ไม่ให้ไป...”ผมก้มหน้างุบงิบตอบ
“มาบอกกระชั้นแบบนี้พี่ก็ไม่ให้ไปได้เหมือนกัน”
“ไม่เอาแบบนี้สิครับ พี่กาจน์จะไม่ให้ผมมีเพื่อนมีสังคม ใจคอจะขังผมไว้ในหอคอยเหมือนราพันเซลเหรอครับ”เอากับผมสิ ให้เอ็มเคยแซะว่าผมนิสัยเหมือนเจ้าหญิงดิสนีย์ผมก็เลยยกพล็อตนิทานอมตะขึ้นมาต่อรองกับพี่กาจน์ซะเลย
คนใจร้ายที่จับผมมาขังเอาไว้หน้ามุ่ยลงกว่าเดิม”พี่ไม่ใช่แม่มด พี่เป็นเจ้าชาย”
เถียงตรงนั้นเหรอครับ!
ผมเกือบหลุดขำเพราะหน้าพี่เขาตอนเถียงดูจริงจังกว่าหน้าตอนห้ามไม่ให้ผมออกไปซะอีก
ช่วยตบมุกกันแบบนี้ก็แปลว่าอารมณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว
“งั้นเจ้าชายจะพาผมออกจากหอคอยมั้ยครับ”
เจอผมยิ้มแป้นให้ในระยะนี้ต่อให้เป็นเจ้าชายต้องห้ามหรืออะไรก็ไม่รอดอ่ะบอกเลย พี่กาจน์ยีหัวตัวเองอย่างเซ็งๆก่อนพยักหน้าอนุญาตในที่สุด แต่เขาบอกว่าจะไปส่งและเดินเล่นรออยู่ในห้องนั่นแหละ อย่างน้อยก็ดีกว่าเขาขอมาเดินด้วย ไอ้เอ็มได้รู้กันพอดีว่าผู้ชายที่ผมเอาไปปรึกษามันบ่อยๆคือเจ้าชายต้องห้ามแห่งมหาลัยมันเอง
พี่กาจน์ขับรถพาผมมาถึงห้างสรรพสินค้าที่ไอ้เอ็มนัด พวกเราเดินมาด้วยกันจนใกล้ถึงสถานที่นัดหมายพี่กาจน์ก็ขอปลีกตัวออกไปผมจึงเดินตรงเข้าไปหาพวกเอ็มที่นั่งรออยู่
“ไงมึงไม่ได้กันตั้งนาน กว่าจะนัดมาเที่ยวได้ ย๊ากยาก”เพื่อนสนิทรีบแซะทันที ไม่มีครั้งไหนที่มันไม่เริ่มบทสนทนาด้วยการจิกกัด ผมซึ่งแล้วชินแล้วหัวเราะร่วนก่อนหันไปทักทายคนอื่นๆรอบวง
วันนี้มีแค่ไอ้เอ็มที่เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ส่วนที่เหลือเป็นเพื่อนเล่นบอลของไอ้เอ็มมัน แต่ผมก็เคยอยู่ห้องเดียวกับพวกมันแถมไปดูตอนซ้อมบ่อยๆเลยสนิทกัน ประกอบไปด้วยไอ้เจ็ท ไอ้สกาย สองคนนี้อยู่มหาลัยเดียวกับผม แล้วก็ไอ้เนเน่กับเต้ย สองคนนี้อยู่มหาลัยเดียวกับไอ้เอ็ม(มหาลัยเดียวกับพี่กาจน์นั่นเอง)
พวกเราถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันสักพักก่อนพากันไปกินไอติมร้านประจำ
เนื่องจากห้างนี้อยู่ใกล้โรงเรียนมัธทยมของพวกเรา พวกเราเลยคุ้นเคยกับร้านรวงต่างๆดี
“เออ ไอ้นิทาน กูมีเรื่องจะถามมึงว่ะ สงสัยมานานแล้ว กูขอถามตรงๆได้ป่ะ”สกายเอ่ยพลางตักไอศกรีมของมันเข้าปากโดยมีไอ้เจ็ทพยักหน้าหงึกหงักสนับสนุนอยู่ข้างๆ
“ไรวะ”เต้ยถามแบบงงๆ
“มหาลัยกูเว้ย มีคนได้รับฉายาว่าเจ้าชายลับแลอยู่คนนึง”ไอ้เจ็ทเป็นฝ่ายเล่าก่อน
“อารมณ์แบบไอ้หล่อในตำนานไรงี้ป่ะ มหาลัยกูก็มีคนนึงฉายาเจ้าชายต้องห้ามว่ะ ของมอกูชื่อเท่ห์กว่า พวกมึงแพ้”เอ็มเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ
ผมแทบจะคลานหนีออกจากร้านทางใต้โต๊ะเนื่องจากเดาได้ว่าไอ้เจ็ทกับไอ้สกายมันจะถามผมเรื่องอะไร
“ไอ้นิทานมันมีข่าวกิ๊กกับพี่คนนั้นว่ะ กูก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ผู้หญิงในคณะกูพูดกรอกหูกูบ่อยมากจนกูเริ่มสงสัย”สกายเอ่ยตรงๆ เออ ผมเข้าใจว่าเป็นใครใครก็สงสัย ขนาดพวกเอ็มที่อยู่คนละมหาลัยยังหันมาจ้องหน้าผมเพื่อรอคำตอบเลย
“ไหนมึงเล่าว่าแฟนมึงอยู่มหาลัยเดียวกับกูไงวะ”เอ็มคงเป็นคนเดียวที่สงสัยคนละจุดกับเพื่อน
“อ้าว มึงมีแฟนแล้วเหรอวะ สรุปข่าวกับพี่กิตต์อะไรนั้นปลอมใช่ป่ะ เห็นป่ะไอ้เจ็ท กูบอกมึงแล้วไม่เชื่อ คนนิสัยจืดอย่างไอ้นิทานเนี่ยนะจะไปแย่งแฟนชาวบ้าน โทษมันเลยนิทาน ไอ้เจ็ทมันไซโคจนกูหวั่นไหว โอ๊ย ไอ้เจ็ทมึงเหยียบตีนกูเหรอ!?”
ก็ดีเหมือนกันครับ ถามเองตอบเองแถมยังเปลี่ยนเรื่องกันเองเสร็จสรรพ
ตัวผมที่รอดมาจากคำถามมหาปลัยอย่างหวุดหวิดก้มหน้าทานไอติมของตัวเองต่อไปแบบเงียบๆ ปล่อยให้เพื่อนสนใจมวยคู่เอกเจ็มสกายตบตีกันแทน
ถ้าผมคิดว่าจะรอด บอกเลยว่าผมคิดผิด
หลังจากกินติมกันเสร็จพวกเราก็พากันมาร้านคาราโอเกะ เป็นห้องขนาดกลางแล้วก็เข้าไปนั่งร้องเพลงกันสนุกสนาน ทันใดนั้นเองผมที่นั่งโยกตัวประกอบฉากก็โดนไอ้เอ็มลากไปเลือกเพลง
“มึงเลือกสักเพลงนึงดิวะ มานั่งหายใจทิ้งทำไม นี่ร้านคาราโอเกะนะไม่ใช่จวญผู้ว่า”เอ็มกล่าว
ผมร้องเพลงเสียงหลงมันก็รู้ มันจงใจแกล้งผมผมก็เลยพยามต่อต้านแต่พวกไอ้สกายดันมาผสมโรงด้วย
“เอาเลยนิทาน ตอนนี้มึงเป็นคนเดียวในพวกเรานะเว้ยที่มีแฟนแล้ว เลือกเพลงที่ตอบโจทย์ชีวิตมึงที่สุดได้เล้ย!!”
ในที่สุดผมก็ต่อต้านเพื่อนๆอีก 5คนไม่ไหว ผมพลิกเมนูเพลงไปมาพักใหญ่เพราะไม่รู้ว่าเพลงไหนมันตอบโจทย์ชีวิตผมที่สุด
กระทั่งสายตาผมไปสะดุดเข้ากับเพลงเพลงนึง...
ยังไกล
แค่เห็นชื่อเพลงหน้าพี่กาจน์ก็ลอยมาเลยครับ ตกลงผมเอาเพลงนี้แหละ
“เห้ยๆ ทำไมเลือกเพลงอกหักวะ ไอ้คนอินเลิฟ”เนเน่ถามแบบงงๆ
ผมได้แต่ส่งยิ้มแหยๆไปให้ทุกคนจึงไม่กล้าซักถามอะไรมากไปกว่านี้ เพราะบรรยากาศมันเริ่มกร่อยไอ้เอ็มเลยพยามทำตัวสนุกชักชวนทุกคนมาร้องเพลงต่อไปด้วยกัน
เพลงที่ผมเลือกอยู่ถัดจากเพลงนี้ไปอีกเกือบสิบเพลงล่ะมั้ง ตอนที่ผมร้องพวกมันต้องนั่งเกร็งกันแหงๆ โฮยยย ผมพลาดซะแล้วที่เลือกร้องยังไกล
ก๊อกๆ
ระหว่างร้องเต้นแรงเต้นกากันอยู่ดีๆก็มีคนประเคาะประตูห้องของเรา ด้วยความที่ห้องมันค่อนข้างมืดพวกเราเลยมองหน้าคนมาเคาะไม่ใช่ ไอ้สกายที่คิดว่าเป็นพนักงานของร้านมาแจ้งหมดเวลาเลยเดินไปประตูด้วยใบหน้ามึนงง
“ขอโทษนะคร้าบ พวกเราจองไว้เหลืออีกชม.นึงนะ...ชะเห้ย พี่กิตต์!!!!!!”ไอ้สกายเพื่อนยากช็อคตาตั้งอยู่หน้าประตู มันปากเหวอแหกปากร้องเรียกชื่อของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเสียงดัง ด้วยความตกใจเพราะมีคนอื่นหันมามองมันเลยปิดตูห้อง โชคดีที่พี่กิตต์ของมันแทรกตัวเข้ามาทัน
“พี่กาจน์!!!!?/พี่กิตต์!!!!?”ไอ้เจ็ท ไอ้เนเน่ ไอ้เต้ย ไอ้เอ็มประสานเสียงเรียกชื่อของผู้มาใหม่ด้วยความตกใจอีกครั้ง
แต่พวกมันก็ต้องตกใจกันเองเพราะเด็กจากต่างมอเรียกคนมาใหม่ด้วยชื่อที่ไม่เหมือนกัน
คราวนี้ง.งูลอยคลุ้งเต็มห้องคาราโอเกะเลยครับ 5สหายเพื่อนผมจ้องหน้ากันไปมาแบบเอ๋อๆ
“พี่กิตต์ไหนของมึง พี่เขาชื่อพี่กาจน์อยู่มอกูเอง”เอ็มกล่าว
“มึงอ่ะบ้า นี่พี่กิตต์ชัดๆ ไม่รู้จักหมอกิตต์มหาลัยกูเหรอ เจ้าชายลับแลไง ออกจะดัง”สกายเถียง
“พวกมึงอ่ะบ้า คนนี้ไงเจ้าชายต้องห้ามที่เคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้”เต้ยเถียง
เป็นการเถียงที่ไม่มีสิ้นสุดอ่ะ แล้วตัวต้นเหตุก็เอาแต่ยืนหัวเราะ เห็นภาพเพื่อนของผมเถียงกันแบบเด๋อๆเป็นเรื่องตลกอยู่สินะ
“อุ๊บ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”นั่นปะไร ปล่อยขำก๊ากใหญ่จนตัวงอเลย ขนาดผมที่อยู่ในอารมณ์เฟลๆยังอดหัวเราะไม่ได้ 5คนที่เถียงกันอยู่ชะงักและหันไปมองหน้าพี่กาจน์อย่างต้องการคำตอบ
“แทนที่จะถามพี่เน๊อะว่าบุกเข้ามาในห้องพวกเราทำไม ดั๊นนนยืนเถียงกันว่าพี่เป็นใครกันแน่ น่ารักสมกับที่เป็นเพื่อนนิทานเลยครับ”พี่กาจน์พูดไปขำไป มีการยกมือขึ้นปาดน้ำตาด้วย
คราวนี้เป้าสายตาคือผมแล้วครับ พวกเอ็มกันพรึ่บมาทางผมจนคอแทบเคล็ด พวกมันคงตกใจที่พี่กาจน์เอ่ยชื่อผมออกมา
ตกลงผมต้องเป็นคนแนะนำตัวให้พี่? ผมส่งสายตาถามแทนคำกล่าว พี่กาจน์พยักหน้าด้วยรอยยิ้มน้อยๆนั่นทำให้ผมต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่
ผมอ้ำอึ้งนานไม่ได้เพราะเพื่อนรอคำตอบอยู่”คนนี้คือพี่กาจน์ เป็นฝาแฝดของพี่กิตต์”
3
2
1
“อะไรนะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
โชคดีที่ห้องนี้เก็บเสียง ไม่อยากงั้นรปภ.ต้องมาเตะก้นเพื่อนผมออกจากห้างข้อหาส่งเสียงดังแน่นอน ผมนั่งรอให้เพื่อนจากสองมหาลัยรวบรวมสติสักพัก พี่กาจน์ที่พอใจกับรีแอคชั่นของพวกเอ็มเดินมานั่งข้างผมและจกขนมอบกรอบบนโต๊ะกินโดยไม่มีการเอ่ยปากขอกันสักคำ
___________________________
มุกแฝดใช้หากินได้จนจบเรื่อง5555
ก่อนจะโพสต์เรื่องนี้ลงเน็ตเราคิด(ไปเอง)ว่าเราจะเฉลยปมเร็วเกินไปมั้ย
ก่อนได้เวอร์ชั่นนี้ออกมาเกือบจะโดนลากปมยาวออกไปอีกหลายตอนเลย
ดีนะที่ไม่ทำแบบนั้น
ฮั่นน่อววววววววว เกริ่นมาแบบนี้คิดว่าตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ
ใช่ล้าวววววววววว นั่นแหละ นั่นไง นั่นอ่ะ 5555