[Special] Truth or Dare #เกมท้ารัก :SpecialVIII:Playing With Fire [11.12.2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Special] Truth or Dare #เกมท้ารัก :SpecialVIII:Playing With Fire [11.12.2018]  (อ่าน 175989 ครั้ง)

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม








Truth or Dare

#เกมท้ารัก

'ท้าหรือจริง?'
'จริง...' เขาแสยะยิ้ม คงเพราะเดาออกว่าผมอยากให้ตอบอะไร
แต่คงลืมไป ว่ามีความจริงมากมายที่ผมอยากจะได้ยินจากปากเขาเช่นกัน
'ทำไมตอนนั้นถึงทิ้งไป'
'...'
'...'
'เพราะไม่ได้รักไง'
แม้ว่าความจริงที่ได้ยิน จะกรีดซ้ำลงมาบนแผลที่ไม่เคยหายอีกกี่ครั้งต่อกี่ครั้งตาม...


ปล. พฤติกรรมบางอย่างของตัวละครในเรื่องไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ





ติดตามข่าวสาร
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/makoknum.writer/?ref=bookmarks
ทวิตเตอร์ : https://twitter.com/makok_num

 :L2:




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2018 17:48:21 โดย makok_num »

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทนำ [08.10.2017]
«ตอบ #1 เมื่อ08-10-2017 05:58:33 »

บทนำ

   
ผมมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าของร่างสูงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่นอกระเบียง เปลี่ยนความหงุดหงิดเป็นควันสีเทาให้สายลมพัดจนเจือจาง ทว่ากลิ่นนิโคตินยังคงคละคลุ้งอยู่ในอากาศ เด่นชัดในทุกๆ ก้าวที่ผมเข้าใกล้

อดไม่ได้ที่จะเบือนสายตาจากรอยข่วนบนผิวขาวที่ ‘คนอื่น’ ทิ้งไว้ ให้ความสนใจเพียงกลุ่มควันอ้อยอิ่งที่ปกคลุมเสี้ยวหนึ่งของใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงทอดมองออกไปที่ไหนสักแห่งที่ผมไม่อาจรู้ได้
   
เขาดูเหมาะกับมัน... อันที่จริงดูคล้ายจะเป็นสิ่งเดียวกัน
   
พิษร้าย ที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในลมหายใจ... ทำลายปอด กัดกินอวัยวะภายในอย่างช้าๆ... กว่าจะรู้ตัวก็บุบสลายเกินกว่าจะแก้ไข
   
รู้ตัวอีกที... ก็เสพติดเกินกว่าจะถอนตัวได้
   
“ขอบุหรี่หน่อย” รวบผมที่ยาวประบ่าขึ้นลวกๆ ก่อนจะเท้าแขนลงที่ระเบียง เอ่ยพร้อมรอยยิ้มร้าย ไร้ความรู้สึกผิดแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นต้นเหตุความหงุดหงิดของอีกฝ่าย
   
เขาเลิกคิ้ว มองผมนิ่งนาน ก่อนจะแสยะยิ้ม
   
ไม่มีคำตำหนิ แถมไม่ได้หยิบบุหรี่มวนใหม่ให้ กลับยื่นมวนเดิมที่ถูกเผาไหม้ไปกว่าครึ่งมาจ่อริมฝีปาก... ผมยื่นหน้าเข้าไปงับในตำแหน่งเดียวกับที่เขาทิ้งร่องรอยอุ่นชื้นเอาไว้ สูดควันเข้าปอดแล้วปล่อยออกโดยที่สายตายังคงจับจ้องเข้าไปในดวงตาสีเดียวกับท้องฟ้ายามราตรี
   
มีคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ ก่อนจะได้คำตอบในเวลาเดียวกัน
   
ทำไมผมถึงยังวิ่งตาม... ทำไมยังตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ซ้ำๆ ทั้งที่เขาเอาแต่หนีไป... ทำไมต้องฝืนตัวเองมากมายเพื่อให้ได้เขาคืนมา... ทำไม...
   
เพราะเป็นรักแรกจึงฝังใจ? หรือเพราะเขาพิเศษมากกว่าใครๆ?
   
ไม่ใช่...
   
เพราะผมไม่เคยทนต่อสายตาดึงดูดของเขาได้เลย ไม่เคย... แม้สักครั้ง
   
กระทั่งตอนนี้ก็เหมือนกัน
   
สายตาคู่เดิมที่เต็มไปด้วยความเย็นชา เย้ยหยัน... ทว่าแสนท้าทาย กดผมไว้แทบเท้า ในขณะเดียวกันกลับเยินยอ ทะนุถนอมผมไม่ต่างจากเจ้าชาย
   
แค่คิดว่าเขาใช้สายตาแบบนี้ล่อลวงใครต่อใคร ก็เล่นเอาหงุดหงิด และติดกับไปพร้อมๆ กัน    
   
เพราะงั้น มันคงไม่แปลก ถ้าผมจะทะเยอทะยานอีกนิด วางเดิมพันกับเกมไร้สาระที่เหนี่ยวรั้งเราไว้ด้วยกัน
   
“ท้าหรือจริง?”
   
คิ้วหนาเลิกขึ้นสีหน้าประหลาดใจ คงเพราะตามกติกามันไม่ใช่คราวของผมที่จะเป็นฝ่ายถาม
   
“ท้า”

แต่เขาก็ยังเป็นเขา... แสวงหาความท้าทายมากกว่าจะสนใจกฎเกณฑ์ไหนๆ

...เป็นเหตุผลชั้นดีที่สนับสนุนว่าการไล่ตามผู้ชายคนนี้มันเหนื่อยยิ่งกว่าอะไร
 
ผมถึงได้ใช้ทางลัดตลอดมา

“นอนกับผม”

“...”

“ผมขอท้า...!”

ไม่ทันได้เอ่ยย้ำ ร่างของผมก็ถูกคว้าด้วยฝ่ามือหนา... บุหรี่ที่คาบไว้ถูกทดแทนด้วยนิโคตินปลายลิ้นที่ขมปร่า

เพียงพริบตา แผ่นหลังของผมก็ปะทะกับเตียงอย่างรุนแรง




Talk :: รู้สึกเหงาๆ เลยแอบมาเปิดนิยายเรื่องใหม่ในเวลาไก่โห่ (อีกแล้ว) ค่ะ  :hao7:
คิดพล็อตเรื่องนี้มาสักพัก รอให้มันตกตะกอน แต่สุดท้ายก็อัพด้วยอารมณ์ชั่ววูบอยู่ดีอ่ะ 5555
หวังว่าจะไปได้ตลอดรอดฝั่ง และหวังว่าจะมีคนอ่านแล้วถูกใจบ้างนะคะ
ติชมได้เหมือนเดิม คอมเมนต์ หรือส่งฟีดแบ็กทางทวิตเตอร์ #เกมท้ารัก ก็ได้ค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^

- Martian -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2017 21:02:03 โดย makok_num »

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
1

   
ในทีแรกเขาไม่มีทีท่าว่าจะจำผมได้...
   
ถึงคนอย่างเขาดูจะไม่ใช่ประเภทที่ให้ความใส่ใจกับ ‘แฟนเก่า’ เท่าไหร่ แต่มันก็น่าประหลาดใจที่เขาจำผมไม่ได้

ไม่มีทีท่าเอะใจ ไม่ชายตามองเลยในวันรายงานตัวเข้ามหาลัย ผมคิดว่าตัวเองค่อนข้างโดดขึ้นมาท่ามกลางคนทั่วไปด้วยส่วนสูงที่มากกว่าร้อยแปดสิบเซนต์ แถมยังยืนเด่นข้างกลองที่รัวจังหวะเมามันตามเพลงประจำคณะ

แต่เขาก็ยังมองไม่เห็น...

เหมือนมีบางสิ่งที่ไกลออกไปดึงดูดสายตาคู่นั้นไว้ ตัดขาด... เป็นปัจเจก สร้างโลกของตัวเอง หลีกหนีจากคนรอบกายทั้งที่ในโลกความเป็นจริงเขาช่างโดดเด่น

ไม่ใช่แค่เพราะใบหน้าที่งดงามราวพระเจ้าปั้น แต่เพราะดวงตาสีดำสนิทที่เหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมายของเขามัน... ดึงดูด ล่อลวงให้ผมติดกับในเสี้ยววินาทีที่หันไปมอง
   
ผมจำเขาได้ทันที แต่ก็ยังต้องการหลักฐานยืนยันอยู่ดีว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือคนเดียวกับที่ผมคิดจริงๆ

   
‘เตวิชญ์’

   
ผมก้มอ่านตัวหนังสือบนป้ายชื่อสีฟ้าอ่อนซึ่งระบุตัวตนของเขาไว้ในฐานะเด็กใหม่ในความดูแล...

ที่บอกว่าในความดูแลก็เพราะตัวเลขสามหลักตามรหัสนักศึกษาที่เขียนกำกับไว้เหนือชื่อนั่นไง
   
เขาคือน้องรหัสผมอย่างไม่ต้องสงสัย
   
ที่น่าประหลาดใจก็คือ มันกลับตาลปัตรกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง ในเมื่อเท่าที่จำได้ เตวิชญ์ที่ผมรู้จักเป็นรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าผมหนึ่งปี
   
‘เสียใจด้วยว่ะไอ้พิชญ์ น้องรหัสมึงเป็นผู้ชาย’ เสียงหัวเราะแซวมาพร้อมกับจังหวะตบบ่าปลอบใจ ผมไม่ได้หันไปโต้ตอบอะไร จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นหมาตัวไหนเป็นคนพูด
   
จำได้แค่ว่าทุกวินาทีผมเอาแต่จับจ้องไปยังสายตาคู่นั้นที่จนแล้วจนรอดก็ไม่หันกลับมา จำได้ว่าแวบหนึ่งรู้สึกหงุดหงิดที่ตัวตนของผมไม่มีค่าพอจะเรียกร้องความสนใจ
   
และอีกสิ่งหนึ่งที่จำได้...
   
‘ใครว่ากูเสียใจ’

ผมเถียงกลับไปทั้งที่ไม่มีใครได้ยิน และยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นดังยิ่งกว่าเสียงกลอง
   
   
เราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน
   
โรงเรียนชายล้วนชื่อดังที่ถ้าพูดชื่อออกไปใครต่อใครก็คงรู้จัก

โรงเรียนที่ผู้ชายคบกันเป็นเรื่องปกติ... และดาวเด่นประจำโรงเรียนอย่างเขาก็มีคนเข้าหามากมาย เป็นเรื่องปกติ

พี่เตวิชญ์ผู้สมบูรณ์แบบ เป็นเลิศในทุกๆ ด้าน วิชาการ ดนตรี กีฬา ศิลปะ เรียกได้ว่ามีพรสวรรค์รอบตัวจนน่าอิจฉา

ยอมรับว่าเสี้ยวหนึ่งในความรู้สึกตอนนั้นผมอิจฉา แต่ความรู้สึกอื่นที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด... ก็คือความหลงใหล

ใครสักคนเคยถามว่าถ้าวันหนึ่งเกิดชอบผู้ชายขึ้นมา ผมจะชอบผู้ชายแบบไหน

แน่นอนว่าใบหน้าของพี่เตวิชญ์ลอยเข้ามาในมโนสำนึกทันทีทันใด... น่าหงุดหงิดที่ต้องยอมรับว่าใบหน้านี้คงปรากฎขึ้นในมโนสำนึกของใครอื่นอีกมากมายเช่นกัน

หวงทั้งที่ไม่ควรหวง อยากครอบครองทั้งที่ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ... ตลกสิ้นดี


ที่ตลกกว่าคือวันดีคืนดีพระเจ้าก็มอบโอกาสให้ผม

‘อย่าบอกใคร’

โอกาสที่จะได้กุมความลับแสนธรรมดาแต่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าความลับไหนๆ 

‘...’

ความลับปลายมวนบุหรี่ที่ปล่อยควันสีขาวคลุ้ง กลิ่นนิโคตินฟุ้งกระจาย... ผิดกฎข้อร้ายแรงของโรงเรียน

เป็นครั้งแรกที่ผมรู้ว่าสำหรับเขากฎมีไว้แหก แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเห็นว่าเขา... แตกต่าง

‘ไอ้นั่นเจ๋งดี’ จำได้ว่าตัวเองนิ่งเป็นหุ่นจนกระทั่งเขาชี้ปลายบุหรี่มาที่เฟรมผ้าใบในมือผมอย่างเบี่ยงเบนความสนใจ

โกหกหน้าตาย ในเมื่อเห็นชัดว่ารูปวาดในมือผมถูกเขี่ยลงมาเป็นที่สอง แพ้เขาขาดลอย

แต่นั่นไม่ใช่คำเย้ยหยัน และความจริงที่ว่าเขาเอ่ยมันด้วยสายตาจริงจังก็ทำให้อวัยวะในอกผมเต้นโครมคราม

รู้สึกหน้ามืด ตาลาย ...อาจเมากลิ่นควันบุหรี่ด้วยล่ะมั้ง ถึงได้เผลอพูดพล่อยๆ ออกไป

‘คบกับผมสิ’

แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ตอนนั้นกล้าท้าทายออกไปทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคุยกันสักครั้ง

‘คบกับผม แล้วผมจะไม่บอกใคร’

รู้แค่ว่าอยากได้... ต้องการผู้ชายคนนี้จนทนไม่ไหว

‘...’ จนกระทั่งดวงตาสีรัติกาลจ้องมาที่ผมอย่างประหลาดใจ ถึงได้รู้ตัวว่าข้อเสนอตัวเองฟังดูโง่ชิบหาย

‘ผม...’

‘หึ’ ตอนนั้นแหละที่ผมตระหนักได้ว่าผู้ชายคนนี้โคตรอันตราย

ได้ยังไง ที่เขาสามารถถีบผมลงทะเลแล้วกระชากกลับฝั่งได้ภายในรอยยิ้มเดียว

‘...’

‘เอาสิ’

‘…’

คิดว่าผมชนะแล้วใช่ไหมที่ใช้ความลับโง่ๆ บีบบังคับให้เขามาเป็นของผมได้

ผิดแล้ว...

ความจริงก็คือ ผู้ชายคนนี้ก็แค่ชอบความท้าทาย

‘มาดูกันว่ามึงจะทำให้กูสนใจได้แค่ไหน’

‘…’

...และผมต่างหากลูกไก่ในกำมือ


   




ไม่แปลกใจเลยที่ผมจะเห็นเขาตรงนี้
   
เฟรชชี่คนเดียวในวงเหล้าของพี่ปีสองปีสามที่ถ้านับตามอายุก็คงจะไล่เลี่ยกับเขา ไม่มีใครถือสา ทว่ายังคงแปลกแยกด้วยรูปลักษณ์ และความลึกลับในดวงตารัตติกาลคู่นั้นที่ผมไม่รู้ว่าปลายทางอยู่ที่ไหน
   
แน่แท้ คงไม่ใช่น้ำสีอำพันและปริมาณขวดแก้วมากมายที่ตั้งอยู่กลางวง
   
“Truth or Dare?”

ใครนะ ใครเป็นคนเสนอเกมนี้ขึ้นมา

จำได้แค่ว่าทุกคนพากันเฮโลเห็นด้วยตามกันก่อนที่ขวดเหล้าเหล่านั้นจะถูกกวาดหลบเหลือเพียงขวดเบียร์ขนาดกะทัดรัดขวดเดียวกลางวง

ผมไม่ได้สนใจแม้แต่ตอนที่ปากขวดหมุนติ้วเป็นสัญญาณเริ่มเกม

หยุดที่คนแรก...

“ท้าหรือจริง?”

ชี้ตัวเป้าหมาย เอ่ยคำถามที่กำหนดไว้

“ท้า...”

ตอบกลับไปและถูกออกคำสั่งตามใจ...

ถ้าทำได้ก็มีสิทธิ์เลือกเป้าหมาย แต่ถ้าทำไม่ได้ก็กระดกไป หนึ่งแก้วเพียว

กติกาง่ายดาย เปลี่ยนเป้าหมายใหม่... ออกคำสั่ง หรือเอ่ยถาม... เลือกระหว่างความลับหรือความท้าทาย

แล้วเลือกเป้าหมายอีกครั้ง วนไป

น่าเบื่อ...

ผมอ่านความรู้สึกนั้นได้จากดวงตาสีรัตติกาล

ผมสนับสนุนความคิดนั้น แม้ว่าตัวเองจะเป็นเป้าหมายหลักที่ถูกคนรอบวงแทะโลมตามคำสั่ง เรียกเสียงหัวเราะ และคงทำให้เป็นที่รักขึ้นอีกเท่าตัว

แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อหนึ่งในคนที่สนใจ ไม่ใช่เจ้าของดวงตาคู่นั้น

มองไปที่ไหนกัน อยากถามใจจะขาด

“ไอ้เต” น่าเสียดายที่คนที่เรียกร้องความสนใจได้ไม่ใช่ผม เป็นพี่ปีสามที่ได้กุมอำนาจเกมต่อไปไว้ในมือ

“ท้าหรือจริง?”

อยู่ๆ หัวใจก็หล่นวูบอย่างไร้เหตุผลทันทีที่ได้ยิน

อยากรู้ว่าเขาจะตอบอะไร ทั้งที่เดาง่ายจะตาย

“ท้า...”

คิดผิดที่ไหน...

ผมลอบยิ้มตอนที่ดวงตาเฉยชาคู่นั้นเริ่มมีประกายวิบวับเหมือนถูกกดสวิตช์

“จูบไอ้พิชญ์” 

“...!”

ผมคงไม่ทันเอะใจ ถ้าเขาไม่ได้หันมาสบตา

ฮะ อะไรนะ?

กว่าจะรู้ตัวว่าคำท้าคืออะไร ก็ตอนที่รอบกายเงียบสนิท สายตาจับจ้องไปที่เด็กใหม่เพียงหนึ่งเดียว

“...”

ทั้งที่ไม่ใช่คำสั่งแปลกใหม่ เพราะตั้งแต่เริ่มเกมปากของผมก็กลายเป็นของสาธารณะ ถูกประกบ แลกน้ำลายกับผู้ชายไปเกือบครึ่งวง มองมันเป็นเรื่องตลก ไร้อาการขัดเขิน... แต่คราวนี้ผมกลับยกมือขึ้นเสยผมที่ยาวประบ่าของตัวเองแก้เก้อ พลางลอบกลืนน้ำลาย

ประหม่าชิบหาย

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังจ้องเขาไม่ละสายตา ก็มันหายากนี่หว่า โอกาสที่เขาจะมองมา... สมปรารถนาครั้งแรกนับแต่ที่ผมคาดหวังให้เราสบตากัน

แต่ถึงอย่างนั้นก็เกินจะหยั่งถึงว่าสายตาคู่นั้นกำลังสื่อสารอะไร

“...” เผลอลุ้นขณะเฝ้ารอการตัดสินใจ

“หึ” กระทั่งเขาเหยียดยิ้มมุมปาก... ร้ายกาจกว่าครั้งไหนๆ...

แล้วหยิบเหล้าเพียวๆ กระดกรวดเดียวลงคอ

“เชี่ยยย”

ผมถึงนึกได้ว่านอกจากจะชอบความท้าทาย ความสามารถอีกอย่างของเขาคือการฉุดวิญญาณใครต่อใครให้ขึ้นสวรรค์หรือตกนรกได้เพียงพริบตา

“ไอ้ห่า! นั่นพี่รหัสมึงนะ รังเกียจเหรอวะ” เสียงหัวเราะขบขันดังรอบวง ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

ขบขันให้กับความคาดหวังน่าสมเพชของตัวเอง
   
“เอาล่ะครับคุณพิชญะ มีคนร้ายกว่ามึงแล้วว่ะ” ผมยักไหล่ตอบรับคำพูดนั้น หยิบแก้วเหล้าที่ไม่ได้แตะมานานกระดกเข้าปากรวดเดียวหมดเช่นกัน สายตาจับจ้องไปยังคนที่คล้ายจะหักหน้าผมกลางวงก่อนจะหลุดหัวเราะเมื่อเห็นว่าสายตาคู่นั้นไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมามองอีกเป็นครั้งที่สอง
   
เอาเถอะ อย่างน้อยเมื่อครู่เขาก็รู้แล้วว่าผมมีตัวตน

   




เกมยังคงดำเนินต่อไป ทวีความรุนแรงขึ้นความคึกคะนองและระดับแอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกาย
   
แน่นอนว่าหลังจากตานั้นเด็กใหม่เพียงคนเดียวก็กลายเป็นเป้าหมายแสนท้าทาย... 

เรื่องตลกก็คือเขาเดินเกมโดยมุ่งจะหักหน้าทุกคน เมินเฉยคำท้า กระดกแอลกอฮอล์แก้วแล้วแก้วเล่าอย่างไม่สะทกสะท้าน คอแข็งจนพวกขี้แกล้งหมดอารมณ์ ยั่วโมโหจนถูกลงโทษเป็นกรณีพิเศษให้ออกมาถอดเสื้อตากลมนอกระเบียง
   
เขาจงใจ...

ทำไมผมคิดไม่ได้นะว่าสำหรับเขาการเห็นคนอื่นหัวปั่นมันสนุกกว่าเล่นเกมโง่ๆ ตามกติกาเป็นไหนๆ เพราะงั้นขอคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยแล้วกันว่าการที่เขาไม่ยอมจูบผมมันไม่ใช่เพราะความรังเกียจใดๆ

“หนาวมั้ย” เอ่ยถามตามมารยาทก่อนจะจุดไฟแช็กลนปลายบุหรี่ที่คาบไว้ในปาก ดึงยางรัดผมที่ข้อมือขึ้นมารัดผมลวกๆ อย่างปัดรำคาญ พร้อมกับปล่อยควันสีขาวออกมาปะทะสายลม

ไม่ได้อยากสูบสักเท่าไหร่ แต่มันเป็นข้ออ้างเดียวที่จะใช้เพื่อปลีกตัวออกมาได้ในขณะที่เกมกำลังเข้มข้น แต่ผมไม่คิดจะใส่ใจ

ในเมื่อสิ่งน่าสนใจเดียวภายในคืนนี้กำลังเปลือยกายอยู่นอกระเบียง

“ไอ้นั่นน่าสนใจ” เขาไม่ตอบ ผมจึงเอ่ยประเด็นใหม่ชี้มือที่คีบบุหรี่ไปยังร่างกายกำยำที่มีบางอย่างเด่นชัดขนาดที่ทำเอาคนทั้งวงตะลึงไปเมื่อยุให้เขาถอดเสื้อได้

รอยแผลเป็นผ่าเป็นทางยาวตั้งแต่กลางอกพาดผ่านลอนกล้ามสวยๆ ลงไปจนเกือบถึงสะดือ

เลือกใช้คำว่าน่าสนใจ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ร่างกายสมส่วนสมบูรณ์แบบของคนตรงหน้าด่างพร้อยแม้แต่น้อยในสายตา

แต่อย่างว่า... ครั้งล่าสุดที่เขาเปลือยกายต่อหน้า ผมไม่เห็นมัน

คำถามคือ แผลเป็นนี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปถึงสองปีของเขาใช่ไหม?

อืม มีความเป็นไปได้เกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่ามี

“อุบัติเหตุ” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยออกมาทั้งที่สายตาทอดมองออกไปยังแสงสียามค่ำคืน

ของฟรีที่แถมมากับห้องหรูชั้นสิบราคาแพงหูฉี่

“...”

ผมไม่ได้ถามว่าอุบัติเหตุแบบไหน ไม่ละลาบละล้วงแม้อยากจะค้นให้ลึกลงไป

ยังไม่ใช่ตอนนี้... ตอนที่ผมมั่นใจว่าเขายังจำชื่อผมไม่ได้ด้วยซ้ำ

สิทธิการเป็นพี่รหัสของผมไม่มีผลอะไร

“พี่เตจะใส่เสื้อก็ได้นะ” ผมบอก ยื่นเสื้อยืดของเขาที่หยิบติดมือมาให้

“พี่เต?" ใบหน้าคมหันกลับมามองผม เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

"แปลกดี” แต่คำพูดนั้นกลับทำผมประหลาดใจยิ่งกว่า   

“แปลกยังไง ก็พี่ซิ่วมา” ผมยิ้มขำ พวกเด็กปีหนึ่งเรียกเขาแบบนี้ทั้งนั้น เลยไม่เข้าใจที่เขาให้สาระกับมัน

มุมปากบางผุดยิ้มขบขัน “ก็แปลก...ที่พอเป็นมึงเรียก กูไม่รำคาญ”

“...”

ผมชะงักไปนานพอดูกว่าจะเข้าใจประโยคนั้น... และอะไรบางอย่างในตัวผมก็ไหวกระเพื่อมอย่างรุนแรง

เป็นครั้งแรกที่ผมเป็นฝ่ายหลบสายตา แสร้งทอดมองออกไปยังแสงสีตรงหน้าขณะยกบุหรี่ที่ถูกเผาไหม้ไปกว่าครึ่งขึ้นมาจรดริมฝีปาก หวังให้ความเย็นของมันดับไอร้อนที่แล่นปราดขึ้นมาบนใบหน้ากะทันหัน

อะไรวะ ไม่ทันตั้งตัวเลย

“ขอไฟหน่อย” ปรับตัวรวดเร็วก่อนจะถูกเรียกให้หันไปเผชิญหน้ากับคนอันตรายอีกครั้ง

“แป๊บ” ผมบอก คาบบุหรี่ไว้ในปาก มือควักลงกระเป๋ากางเกงหาไฟแช็กให้เขา

แต่ไม่ทัน...
   
ผมชะงักงันทันทีที่ร่างสูงโน้มตัวลงมา มือข้างหนึ่งคว้าท้ายทอยผมไว้ ล็อกใบหน้าให้อยู่นิ่งขณะปลายบุหรี่ที่คาบไว้ในปากจรดลงมาหาเชื้อไฟที่ปลายบุหรี่ของผมอย่างถือวิสาสะ ดวงตาสีรัตติกาลที่ผมหลงใหลอยู่ใกล้เพียงคืบ... กำลังล่อลวงให้ผมถลำลึกลงไป
   
และผมสาบานกับตัวเองในเสี้ยววินาทีนั้นว่าจะไม่หลบสายตา
   
“ใจร้อนจัง” ผมเอ่ยกลั้วหัวเราะ

เขายิ้มขำ ไม่ได้ถอยออกไปแม้ว่าบุหรี่จะติดไฟ นอกจากปลายบุหรี่ที่ยังติดกันควันที่ขาวที่ปล่อยออกมาตามลมหายใจเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เชื่อมเราไว้ด้วยกัน

“ไอ้ที่อยู่ในปากมึงก็น่าสนใจ” นานนับนาทีกว่าที่เจ้าของกับดักสีรัตติกาลจะเอ่ยอะไรออกมา

และผมค้นพบว่าผมชอบเสียงทุ้มต่ำของเขาเป็นบ้า

“อยากรู้ว่าถ้าลิ้นกูสัมผัสมันจะเป็นยังไง”

“เหรอ” แสร้งทำเสียงประหลาดใจ ขณะแลบลิ้นเลียริมฝีปาก จงใจให้จิลสีเงินที่ซ่อนไว้ออกมาสะท้อนแสงไฟ

ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันน่าสนใจ ในเมื่อมันคือสาเหตุที่ใครต่อใครถูกท้าให้ประกบริมฝีปากลงมา...

เหนือความคาดหมายนิดหน่อยตรงที่ไม่คิดว่ามันจะล่อลวงเขาได้เหมือนกัน

“เกิดเสียดายที่เมื่อกี้ไม่ได้ยอมรับคำท้าหรือไง” ผมเหยียดยิ้ม ยังคงสู้สายตาอย่างท้าทาย

“อือ” แต่อีกคนกลับไม่ยอมแพ้ง่ายๆ 
   
“...”
   
“ถ้าตอนนี้อยากจูบมึงแล้ว ต้องทำยังไง” เอ่ยพร้อมทิ้งก้นบุหรี่อย่างหมดความสนใจ
   
ผมยักไหล่ ทิ้งตาม... บุหรี่ที่ยังไม่ดับสองมวนกลายเป็นขยะพิษเคียงคู่กัน

“ท้าหรือจริง?”

ได้เวลาเริ่มเกมใหม่

ถามตามกติกาไปอย่างนั้น ก็อย่างที่เคยบอกว่าคำตอบของเขามันเดาง่ายจะตาย

“ท้า...” ชอบชะมัดเวลาเห็นเขาคลี่ยิ้มร้ายๆ

ผมยิ้มตอบ พยายามจ้องเข้าไปให้ถึงส่วนลึกสุดของดวงตาสีรัตติกาล

“ผมขอท้า ให้พี่จูบผม”
   
...เป็นครั้งแรกที่เขายอมรับคำท้าทายตามเกม






-------------------------------------------------------------
ตื่นเต้นกับการอัพเรื่องนี้มาก
เป็นแนวที่คิดว่าอยากลองเขียนดู แต่ก็แอบกลัวว่าคนอ่านจะไม่ถูกใจ แงง
ขัดใจตรงไหนติติงได้เลยนะคะ ^^ ส่งฟีดแบ็กที่ทวิตเตอร์ #เกมท้ารัก ก็ได้ค่ะ
จะพยายามอัพให้ได้อาทิตย์ละครั้ง ถ้าไม่ถูกกองทีสัสทับตายเสียก่อน 5555

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ^^

- Martian -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2017 02:28:23 โดย makok_num »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทนำ [08.10.2017]
«ตอบ #3 เมื่อ09-10-2017 15:55:51 »

สิ่งที่เราตามหามานานนนนน แซ่บมากลูกมีเจาะด้วย โอ้ยเผ็ชชชช  พี่เตหายไปไหนมา กลับมาพร้อมแผลเป็นและความเฟรช  ฟีลเรื่องหมอกๆควันๆ แต่เราจะมองข้ามความหน่วงหลบในนี้ไปก่อน เพราะนายเอกเผ็ชมากกกก รอตอนต่อไปค่าา  :กอด1:

ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 1 [09.10.2017]
«ตอบ #4 เมื่อ09-10-2017 17:04:11 »

รอค่าอาทิตย์ละครั้งตามสัญญาน้าาาา สนุกมมากก

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 1 [09.10.2017]
«ตอบ #5 เมื่อ10-10-2017 20:26:08 »


น้องหมีข้างบนแนะนำเรามาค่ะ 555555555555555555
ชอบอะะะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ร่างกายต้องการความเร่าร้อนฮ็อตปรอทแตกแบบนี้
พี่เตๆๆๆๆ >________<

ดูเป็นผู้ชายที่น่าค้นหามากเลย ฮือออ เลาชอบบบบ
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว
อยากเล่นเกมกับพี่เต
อยากยอมสยบแทบเท้า
เข้าใจความรู้สึกของพิชญ์มากอะ ฮอลลลลล

แต่นายเอก(?)เรื่องนี้แซบนะคะ
อยากงับจิลนางละเกิน!!

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 1 [09.10.2017]
«ตอบ #6 เมื่อ11-10-2017 09:34:07 »

ตามคุณมะนาวมาค่า

ท่าจะแซบกันตั้งคู่ แบบเหมือนรู้เท่าทันกันดี รอติดตามต่อนะคะ ^^

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 1 [09.10.2017]
«ตอบ #7 เมื่อ11-10-2017 14:11:33 »

แซ่บแน่นอน รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 1 [09.10.2017]
«ตอบ #8 เมื่อ11-10-2017 16:32:57 »

พี่เตนี่เป็นเจ้าเตจากเรื่องJust another guy กลับชาติมาเกิดรึเปล่าคะ55555555 :hao7:  :mew1:

ออฟไลน์ Fasai25448

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 1 [09.10.2017]
«ตอบ #9 เมื่อ11-10-2017 19:27:13 »

ชอบมาก นายเอกแซ่บเวอร์ ติดตามๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 1 [09.10.2017]
« ตอบ #9 เมื่อ: 11-10-2017 19:27:13 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bmine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 1 [09.10.2017]
«ตอบ #10 เมื่อ11-10-2017 20:40:02 »

น่าติดตามมากกกกก รอตอนต่อไปนะคะ มาต่อบ่อยๆน้าาา

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 1 [09.10.2017]
«ตอบ #11 เมื่อ12-10-2017 05:47:05 »

เผ็ชชชชมากกกก อยากรู้แล้วว่าพี่เตหายไปไหนมา นี่ยังเอิญหรือตั้งใจเลือกเข้าม.มานี้เนี่ย
ตามจ้าาาา

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 1 [09.10.2017]
«ตอบ #12 เมื่อ16-10-2017 22:08:38 »

 o13 o13 o13

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 2 [17.10.2017]
«ตอบ #13 เมื่อ17-10-2017 23:47:30 »

2

   
อาจจะความจำเสื่อม...
   
ผมควงดินสอดราฟในมือไปพลางมองใบหน้าหล่อเหลาของคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เก้าอี้ตรงข้าม คิดหาสาเหตุที่ทำให้จนถึงวันนี้เขายังไม่มีทีท่าว่าจะจำผมได้ ไม่เคยออกปากเรื่องคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอหน้ากันที่ไหน ต่อให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วยเกมไร้สาระที่ถูกรีสตาร์ทใหม่นับตั้งแต่ริมฝีปากแตะกัน
   
เขาติดใจมัน... เล่นเอาผมประหลาดใจไม่น้อยเหมือนกัน ไม่คิดว่าเกมในวงเหล้าจะทำเขาติดกับได้ทั้งที่ความพยายามจะใช้สถานะพี่รหัสใกล้ชิดของผมเหลวไม่เป็นท่ามาตั้งครึ่งเทอม
   
...ท้าหรือจริง?

เราต่างมีสิทธิ์ถามอีกฝ่ายวันละหนึ่งครั้ง ตามกติกาไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่มีอะไรใหม่ เกือบจะง่ายดาย ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ใช่เขา... คนที่ผมไม่สามารถเดาได้เลยว่าเขาจะเกิดเบื่อมันขึ้นมาตอนไหน

โคตรจะเสียเปรียบที่ผมต้องคิดแทบตายกว่าจะเอ่ยปากถามออกไปแต่ละครั้ง คิดคำท้าที่จะทำให้ดวงตาสีรัตติกาลแวววาวด้วยความสนใจ มุมปากบางยกยิ้มเล็กๆ ให้รู้ว่าพอใจ และยอมให้ผมเป็นฝ่ายชักนำ

ในขณะที่เขาแทบไม่ต้องพยายามอะไรเลย

“ไอ้เหี้ยน้องพิชญ์ ถ้ามึงจะมานั่งเฉยๆ ก็กลับไปนอนเถอะครับ” ผมหยุดควงดินสอ ละสายตาจากคนที่ต่อให้จ้องจนตาหลุดก็คงไม่สนใจ หันกลับมามองหน้าผู้ชายตัวใหญ่ที่กำลังส่งเสียงโอดครวญ

“ได้เหรอพี่” แกล้งฉีกยิ้มยียวนทั้งที่รู้ดีว่าคำตอบคืออะไร

ขืนหายไปตอนนี้คงได้มีคนร้องไห้เพราะส่งงานไม่ทัน

แต่... นั่งเฉยๆ แบบนี้ก็คงมีค่าเท่ากัน

ทำไงได้อ่ะ ก็มันเป็น ‘คำสั่ง’

นั่งเฉยๆ...

ฟังดูง่ายดาย แต่เอาเข้าจริงนี่เล่นเอาลำบากใจเหมือนกันที่ต้องมานั่งมองโมเดลหยาบๆ ยังไม่ใกล้คำว่าเสร็จ พร้อมกับรับสายตากดดันจากพี่รหัสผู้มีพระคุณที่เพิ่งช่วยผมผ่านโปรเจ็กต์มิดเทอมมาหมาดๆ

“ถ้ามึงกลับกูร้องไห้จริงๆ อ่ะ” พี่เจดเบ้ปากทำตาละห้อยอย่างน่าสงสาร ไม่เหลือคราบพี่ว้ากสุดโหดฉายาเครายักษ์ที่เด็กปีหนึ่งตั้งให้

เห็นได้ชัดว่าฉายากับหน้าโหดๆ นั่นมันใช้ไม่ได้กับน้องใหม่สายเรา แถมไอ้พี่เครายังเป็นฝ่ายยอมสยบแทบเท้าเพียงแค่เขาบอกว่าจะเรนเดอร์พร้อมเขียนรูปตัดอีกสองรูปให้... แต่มีเงื่อนไขว่าต้องหลังเที่ยงคืน

โคตรร้าย

ถ้าไม่ใช่เพราะคืนนั้นพี่เจดเป็นคนสั่งให้เขาจูบผม แถมเท่าที่จำได้คือพี่มันเป็นหัวโจกให้คนอื่นออกคำสั่งแกล้งเขาสารพัดก็คงไม่เอะใจ เห็นเจ้าตัวไม่สะทกสะท้านอะไรคิดว่าไม่ใส่ใจ...ที่ไหนได้

เจ้าคิดเจ้าแค้นใช้ได้นี่หว่า...

“แค่ไอ้เตมานั่งอ่านนิยายล่อหน้าอยู่นี่กูก็ขัดใจจะตายห่า มึงอย่ามาทรมานกูอีกคนเลยนะครับน้องพิชญ์” ว่าพลางหันไปย่นหน้าใส่คนถูกพาดพิง ผมมองตามเห็นเขายักไหล่กวนๆ ก็หลุดยิ้มออกมา

“...” ไม่ทันคิดว่าอีกคนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตา แล้วยิ้มมุมปากให้กัน

แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่เกิดจากการเห็นผมยิ้ม แต่เป็นยิ้มในแบบที่... กำลังท้าทาย

คล้ายจะถามว่าผมจะยอมแพ้ไหม...

เหมือนรู้เลยนะว่าผมกำลังคิดอะไร

“เลี้ยงสายคราวหน้าบุฟเฟ่ต์แซลมอนนะพี่” ผมเสนอ สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่นัยน์ตาสีรัตติกาลที่ระยิบระยับขึ้นมาเมื่อผมยอมรับการพ่ายแพ้แต่โดยดี

ผมแกล้งยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ รวบผมเป็นหางม้าก่อนจะหันไปหยิบคัตเตอร์ขึ้นมาเริ่มทำงาน

เอาน่า ลองแพ้สักทีจะเป็นไรไป อีกอย่าง... อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะลงโทษผมยังไง   

“เฮ้ยแป๊บ กาวไม่พอแน่เลยว่ะพิชญ์”

“...” แต่ไม่ทันไรผมก็ต้องชะงักมือที่กำลังตัดแปลน เงยหน้าขึ้นมามองพี่เจดตาขวาง ความรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า โดนหักหลังต่อหน้าต่อตา

“เชี่ยร้านจะปิดแล้วด้วย มึงไปซื้อมาหน่อยดิ” 

นี่กูเพิ่งยอมแพ้มาช่วยมึงนะ ไอ้พี่เครา...

“ไหนๆ จะออกไปแล้วฝากซื้อกาแฟเซเว่นมาให้ด้วยดิ”

“ตกลงพี่รีบหรือไม่รีบวะ” ผมวางคัตเตอร์อย่างเสียอารมณ์ แต่คนกลับคำก็ยังทำหน้าระรื่น เหมือนเมื่อกี้ไม่ได้อ้อนวอนให้ผมช่วยทำงาน

“รีบดิ มึงถึงต้องรีบไปรีบมาไง เอามาให้ครบทีเดียวจะได้ไม่ต้องออกไปใหม่” พี่เจดว่าพลางโยนกระเป๋าสตางค์ทั้งใบมาให้

“เฮ้ยพวกมึง! ไอ้พิชญ์จะไปหลังมอมีใครเอาอะไรมั้ย” แถมท้ายด้วยการตะโกนลั่นสตูดิโอหอบหายนะมาให้โดยไม่ถามกันสักคำ

แล้วเหยื่อในดงซอมบี้ที่กำลังกระหายแต่ถูกไฟเดดไลน์กักบริเวณไว้อย่างผมจะค้านอะไรได้ นอกจากรับใบรายการซื้อของยาวเหยียดที่คนทั้งสตูฯ ยื่นมาให้อย่างจำใจ

ซึ่งมันคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงอะไร ถ้าไอ้พี่เจดไม่ยื่นมีดเล่มสุดท้ายมาปาดคอผมได้พอดิบพอดี

“ไอ้เตมึงไปด้วยดิ ไอ้พิชญ์มันขับมอไซค์ไม่เป็น” ผมถึงกับเบิกตากว้างหันไปมองคนถูกเรียกใช้อย่างตกใจ

“เฮ้ยไม่เป็นไร ผมเอารถยนต์ไป” รีบออกตัวเพราะจับลางสังหรณ์ได้ทันควัน

“รถยนต์ก็เหี้ยละ หาที่จอดยากจะตาย เอามอไซค์ไปจะได้ไวๆ มึงมีมอไซค์ใช่มะไอ้เต”

“อือ”

โห... ทีงี้ละวางหนังสืออย่างไว

“พี่ ผมว่า...” ผมกำลังจะค้านแต่ก็ต้องหุบปากไว้เมื่อกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ถูกคนที่ลุกขึ้นก่อนโยนมาให้ราวกับรู้ว่าผมกำลังกังวลอะไร

“เคยเห็นมอเตอร์ไซค์กูใช่มั้ย” สายตาพราวระยับบ่งบอกว่าเขาเอาจริง

ทั้งที่อุตส่าห์จินตนาการไปต่างๆ นานาถึงบทลงโทษแสนเร้าใจ

ใครจะคิดว่าความจริงมันจะเป็นแบบนี้ได้... เหมือนพระเจ้าของเกมนี้เข้าข้างเขายังไงยังงั้น

“รีบไป จะได้รีบกลับมาทำงาน”

พนันเลยว่ารอยยิ้มของเขาไม่ได้เกี่ยวกับประโยคที่พูดมาแน่นอน






“เดี๋ยวได้ตายห่ากันหมด”

ไม่ใช่แค่ผมหรือเขา แต่รวมถึงไอ้พี่เจดที่จะต้องเสียลูกมือไปกะทันหันจนปั่นงานไม่ทัน... ไหนจะพวกที่ขาดเสบียง

เอาหลายชีวิตมาเสี่ยงอยู่นะรู้มั้ย

“แค่สตาร์ทแล้วขับออกไป”

“พูดก็ง่าย” ผมบ่นอุบ ลูบๆ คลำๆ ช็อปเปอร์คันโตที่จอดเด่นอยู่กลางลานอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับมัน

ไม่ใช่แค่ขนาด แต่หน้าตาและสภาพของมันต่างหากที่ขับให้เด่นขึ้นมา

ครั้งแรกที่ผมเห็นมันจอดอยู่คณะผมไม่คิดว่ามันจะวิ่งได้ จนเห็นว่าเขาขับอยู่บนถนนนั่นแหละถึงได้ตระหนักว่ามันคือมอเตอร์ไซค์... นี่ผ่านมากี่สงครามวะ

“อย่าว่าแต่ขับ สตาร์ทยังไม่เป็นเลย เอารถยนต์ไปเหอะ” ผมยื่นกุญแจให้เขาอย่างจนปัญญา

“มึงแพ้” ถึงจะยอมรับกุญแจแต่ก็ไม่มีท่าว่าจะอ่อนให้ แถมยังยกเรื่องเกมมาเป็นข้ออ้างให้ผมลำบากใจ

ถ้าผมแหกกฎเองตอนนี้ คงทำให้เขาไม่อยากเล่นเกมต่อไป 

“อย่างอื่นไม่ได้เหรอวะพี่ นี่มันอันตราย” ผมขมวดคิ้วกึ่งๆ จะเว้าวอน ปกติลูกอ้อนของผมมักได้ผล... กระทั่งกับอาจารย์

“ถ้าไม่อันตรายแล้วจะสนุกได้ยังไง” แต่คราวนี้ผลลัพธ์กลับไม่เปลี่ยนไป

ซาดิสม์เหรอวะ

“คนแพ้ไม่มีสิทธิ์โวยวาย”

“แต่พี่...!” ไม่รอให้ทักท้วงต่อร่างสูงก็จัดการปิดปากด้วยการหยิบหมวกกันน็อกเปิดหน้าแบบที่พวกขับช็อปเปอร์ชอบใส่สวมลงมาบนหัวผมอย่างเผด็จการ

“ถ้ากลัวตายก็ใส่ไว้” ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมาอย่างขบขันขณะจับใบหน้าผมเงยขึ้นเพื่อติดตัวล็อกให้ ไม่นานก็ผละออก เรียวขายาวตวัดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วสตาร์ทให้ผมดูอย่างง่ายดาย เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มในขณะที่ผมนิ่งค้างไป

ไม่รู้ว่าทำไมพอมีเขาเป็นองค์ประกอบ ไอ้มอเตอร์ไซค์โกโรโกโสนี่ถึงดูดีได้ทันตา

สมบูรณ์แบบเกินไปหรือเปล่าวะ คนอะไร

“มา”

ก็นะ ถ้าไม่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ผมก็คงไม่ตกหลุมพรางเขาง่ายๆ

“ไม่ต้องกลัว”

“...”

“กูอยู่กับมึง”

ถ้าไม่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ผมคงไม่ปล่อยให้คำพูดไม่กี่คำทรงอิทธิพลถึงขั้นบอกตัวเองว่าต่อให้เขาจะพาผมไปนรกก็ไม่เป็นไร





แต่คงไม่มีใครตกนรกด้วยมอเตอร์ไซค์บุโรทั่งความเร็วไม่น่าเกินสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงได้... มันน่าอนาถเกินไป

ขนาดตอนยังไม่ตายยังรู้สึกอนาถเลย

ถึงจะบอกว่าให้ผมขับ แต่ไอ้การที่มีมือเขาประคองอยู่ข้างๆ แฮนด์แถมช่วยบังคับทิศทางตลอดนี่ไม่เห็นว่าจะเรียกว่าให้ผมขับตรงไหน แผ่นอกที่เบียดหลังผมจนต้องนั่งคุดคู้แทบจะแนบหน้าลงกับถึงน้ำมันก็ทำเอาแทบบ้า ทั้งตำแหน่งที่นั่งผิดแปลก ทั้งเสียงเครื่องยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์กว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไป ทำให้พอขับเข้ามาใกล้แหล่งคนพลุกพล่านมันเลยกลายเป็นเป้าสายตาเอาง่ายๆ อยากจะเร่งเครื่องหนีซะก็กลัวรถจะคว่ำตาย

แต่จะโวยวายขอสลับที่นั่งก็ไม่ได้...

แค่หันไปแล้วพบว่าหน้าของอีกคนอยู่ใกล้แค่ไหน ก็ได้แต่นิ่งค้างอย่างคนโง่ไปนับนาที

สายลมเอื่อยๆ ที่ปะทะใบหน้าทำให้เส้นผมที่ปรกหน้าผากถูกพัดไปด้านหลัง ใบหน้าด้านข้างที่ได้รูปสวยหมดจดอย่างพระเจ้าปั้นจ้องตรงไปยังถนนเบื้องหน้าอย่างจริงจัง กับสันจมูกที่แทบจะปะทะกันตอนหันกลับมามองว่าผมต้องการอะไร ก็เล่นเอาผมปล่อยให้คำพูดที่เตรียมไว้ถูกสายลมพัดปลิวไป

ความอับอายถูกทดแทนด้วยความรู้สึกอื่นที่มีอานุภาพกว่า...

ความสนใจจากสายตาขบขันรอบกายถูกกลบด้วยจังหวะหัวใจแสนสงบจากแผ่นอกที่แนบสนิทลงมา... ใบหน้าที่เกยข้ามไหล่ อ้อมแขนที่คร่อมร่างผมไว้ หรือกระทั่งเรียวนิ้วเย็นจัดที่สัมผัสกันบนแฮนด์มอเตอร์ไซค์

คงต้องย้ำอีกทีว่านี่มันอันตราย...

โคตรอันตราย
   
   

มันทำให้ผมนึกได้ ว่าเมื่อก่อนก็แบบนี้... พี่มักสอนให้ผมทำเรื่องอันตราย
   
‘สูบไม่เป็นทำไมไม่บอก’ เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อผมสำลักแทบตายหลังจากสูดควันบุหรี่เข้าไป
   
ครั้งแรกเลย...
   
‘ก็พี่ยื่นให้’
   
‘มึงต้องรับทุกอย่างที่กูให้?’ พี่เตดูไม่เข้าใจคำตอบของผม แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่รับบุหรี่จากมือผมไปจรดริมฝีปากลงที่ปลายมวนตรงตำแหน่งที่ผมเพิ่งคาบไว้
   
ไร้เดียงสาชะมัดที่ดันนับมันเป็นจูบแรกด้วยเหมือนกัน
   
‘ผมอยากลอง’ ผมว่า เบือนหน้าหลบมองมุมปากที่ยกขึ้นนิดๆ ท่าทางขบขันปนสมเพชผมที่ไอจนน้ำหูน้ำตาไหล
   
‘แล้วเป็นไง’
   
‘ก็ไอจนแสบคออยู่นี่ไง’ คราวนี้ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ เลยหันไปเบ้หน้าใส่
   
‘พี่ติดมันไปได้ไงวะ’
   
ตอนนั้นผมไม่เข้าใจ
   
‘กูไม่ได้ติด’
   
รู้แต่ว่ามันทำผมเกือบตาย
   
‘เหรอ’
   
‘ไม่ได้ติด’
   
...และมันทำให้พี่แสดงสีหน้าน่ารักแค่ไหน ตอนที่ค้านหัวชนฝาว่าไม่ได้ติดมัน
   
‘เชื่อก็ได้’ ผมยักไหล่
   
‘...’
   
‘อย่างอนน่า ผมบอกว่าเชื่อแล้วไง’
   
ทำให้พี่เอื้อมมือมาขยี้หัวผมแรงๆ แล้วขำ...
   
‘เด็กเวร’
   
เสียงหัวเราะเบาๆ ครั้งแรกที่ผมยังจำได้ขึ้นใจ

   




จนถึงตอนนี้ผมก็ยังยืนยันว่ารสชาติของบุหรี่มันไม่ได้น่าพิสมัยเท่าไหร่
   
แต่ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงติดมัน... เพราะผมเอง ก็เสพติดไม่ต่างกัน
   
“บุหรี่มั้ย” ผมยื่นซองให้เมื่อเห็นร่างสูงกว่าเดินมายืนข้างกันที่ระเบียง
   
ตอนนี้ค่ำวันใหม่... ทุกอย่างสงบ ไม่มีไฟเดดไลน์ของไอ้พี่เจดสุมให้ร้อนรน
   
แต่เชื่อเถอะว่ากว่าจะผ่านช่วงนั้นมาได้เล่นเอาพวกผมร่างพังตามๆ กันไป
   
พอกลับจากซื้อของ ทั้งผมทั้งเขาก็อยู่ช่วยพี่เจดปั่นงานจนกระทั่งส่งในตอนเช้า ยังดีที่มีพี่ปีสี่ปีห้าแวะมาดูใจบ้างแบ่งส่วนที่พอจะช่วยได้ไป จากไอ้ที่สาหัสก็เลยไม่แย่เท่าก่อนหน้า อีกอย่างผมก็พอจะทำงานไว เสกโมเดลให้พี่มันใหม่ได้ภายในห้าชั่วโมง ในขณะที่อีกคนเหนือชั้นกว่าแบบไม่รู้จะอวยยังไง หลังจากเล่นตัวจนพอใจเขาก็เอาโน้ตบุ๊คขึ้นมาเสกรูปตัดสองรูปภายในสามชั่วโมง เสียเวลาตรงเรนเดอร์นิดหน่อยแต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยิ่งกว่าน่าพอใจ ทั้งแสงทั้งองค์ประกอบสวยจนไอ้พี่เจดแทบหลั่งน้ำตา

ตอนนี้ต่อให้เรียกร้องมากกว่าบุฟเฟ่ต์แซลมอนพี่เจดก็คงพร้อมประเคนให้

“กูเพิ่งอาบน้ำ”

“จะไม่สูบ?” เผลอหลุดเสียงประหลาดใจ

“อือ” เขายังคงตอบหน้าตายทั้งที่ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะละสายตาจากบุหรี่ยี่ห้อโปรดตรงหน้า

บอกแล้วว่าเขาติดมัน

งั้น... ใช้ไอ้นี่ก็คงได้

ไหนๆ วันนี้ก็ยังไม่รู้จะเล่นอะไร

“ท้าหรือจริง?”

เขาเลิกคิ้วใส่ผมที่ยิ้มนิดๆ มองเขาสลับกับบุหรี่อย่างคิดอะไรได้... ไม่นานดวงตาสีรัตติกาลก็ฉายแววระยิบระยับขึ้นมา

ชอบจริงนะ ไอ้เกมนี้น่ะ

“ท้า”

เพราะเดาคำตอบไว้แล้วผมถึงเคาะบุหรี่มวนหนึ่งออกมาจากซองแล้วยื่นไปจ่อปากเขาทันที

“คาบไว้สิ” เขามองผมอย่างประหลาดใจอีกรอบก่อนจะยิ้ม ยอมโน้มตัวลงมาอ้าปากรับมวนนิโคตินสีขาวในมือผมไปคาบไว้

“จนกว่าผมจะสูบมวนนี้หมด ห้ามจุดไฟ”

เขาดูไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำท้าของผม แค่ยักไหล่แล้วเบือนหน้ามองออกไปยังแสงไฟนอกระเบียง

“วิวห้องมึงสวยดี”

“ก็สมกับราคา” ผมไม่ปฏิเสธ พอจะมองออกตั้งแต่คราวก่อนที่เขาถูกทำโทษให้ออกมายืนนอกระเบียงว่ามันเป็นเพียงไม่กี่สิ่งในคืนนั้นที่เขาให้ความสนใจ ถึงคราวนี้เขาจะตามมาด้วยเพียงเพราะมันใกล้มหาลัย มาของีบก่อนเพราะขับมอเตอร์ไซค์กลับห้องตัวเองไม่ไหว แต่การตื่นมาอีกทีแล้วพบว่าท้องฟ้ามืดสนิทแล้วเขาก็ดูพอใจ

เขาคงชอบมัน... สีของกลางคืน แสงไฟระยิบระยับ เสียงความวุ่นวายที่ได้ยินจากไกลๆ

ผมเองก็ชอบ... เวลาที่ได้มองแสงไฟสะท้อนเข้ามายังนัยน์ตาสีรัตติกาล

“ถ้าชอบขนาดนั้นจะย้ายมาอยู่ด้วยกันก็ได้นะ” ผมว่าติดตลกพลางปล่อยควัน บุหรี่เริ่มมอดจนสูบอีกครั้งก็คงถึงก้น

...เสียดาย

“น่าสนใจ” แต่ขณะที่ผมคิดว่าตัวเองคงแพ้แล้วเขากลับโน้มตัวลงมา... จ่อปลายบุหรี่ที่คาบไว้กับปลายบุหรี่ในปากที่สั้นกุดในปากของผมจนปลายจมูกเฉียดลงมาที่แก้มจนผมผงะ

มือหนาจึงยกขึ้นมาล็อกท้ายทอยผมไว้ ดวงตาสีรัตติกาลที่มองมาอย่างจริงจังยิ่งทำผมหวั่นไหว... กระทั่งเขาถอยหลังกลับไปเมื่อปลายบุหรี่ติดไฟ

“คราวหน้าลองท้ากูดู”

ผมหลุดหัวเราะ เผลอตบเข่าฉาดในใจ... ว่าแล้วไงว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้น

“พี่แพ้” ว่าพลางดับบุหรี่ลงกับที่เขี่ย ยิ้มให้ซิปโป้รุ่นลิมิเตดอิดิชั่นที่เป็นหมันเพียงเพราะเขาค้นพบวิธีการจุดบุหรี่ที่น่าสนใจกว่า

ถึงขั้นยอมแพ้เพื่อแกล้งผมแบบนี้ก็คงเตรียมใจรับรับโทษไว้แล้วล่ะนะ

“จะให้ทำอะไรก็ว่ามา” หรือไม่ก็แค่อยากรู้ว่าคนอย่างผมจะคิดบทลงโทษอะไรได้

ก็จริงของเขา... มันไม่ได้หนักหนาอะไร
 
“ถอดเสื้อออกสิ”

...อย่างน้อยก็ง่ายกว่าขับมอเตอร์ไซค์









--------------------------------------------------------------------
เป็นเรื่องที่เขียนยากจังเลยอ่ะ แงง
พยายามจะเปลี่ยนสำนวนให้แปลกใหม่กว่านี่ผ่านมาแล้วพบว่าไอ้การเขียนให้กระชับนี่ยากกว่าการเวิ่นเว้อพรรณนาอีกนะ 5555 หวังว่าจะพอสื่อสารเข้าใจ ถ้าไม่ชอบหรือขัดใจตรงไหนฝากติติงด้วยนะคะ ^^

อาทิตย์ที่ผ่านมาชีวิตสาหัสมากกก งานเยอะจนไม่ได้แตะนิยายเลย ทรมานมาก 5555
ยังไงก็จะพยายามอัพให้ได้อาทิตย์ละตอนอย่างที่บอกนะคะ ฝาก #เกมท้ารัก ด้วยน้า

ปล. ไม่ได้บอกตรงๆ แต่พอจะเดาออกใช่มั้ยคะว่าทั้งสองคนเรียนคณะอะไร 555 อยากเล่าผ่านบริบทกับชีวิตประจำวันง่ายๆ พยายามจะไม่ใส่ศัพท์เฉพาะจะได้เข้าใจง่ายๆ แต่ถ้างงก็บอกได้เลยนะคะ

 :pig4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2017 00:48:53 โดย makok_num »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 2 [17.10.2017]
«ตอบ #14 เมื่อ18-10-2017 00:42:52 »

ตายแล้วววว ให้พี่เขาถอดเสื้อผ้าทำอะไรคะลูกกกก ฮื่อออ จบค้างมากกก มีเสน่ห์อะไรขนาดนี้ บรรยายมายาวๆเลยก็ได้นะคะ เราชอบอ่านนน  :heaven

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 2 [17.10.2017]
«ตอบ #15 เมื่อ18-10-2017 02:00:07 »

ตามมาจากในทวิตเตอร์เนื้ออเรื่องเหมือนจะแซ่บนะคะเนี่ย แต่ยังไม่อ่านบทแรกเลยมาอ่านบทสองซะแล้ว ฮ่าๆๆ เอาไว้เดี๋ยวจะไปอ่านทวนใหม่อีกรอบแล้วกัน

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 2 [17.10.2017]
«ตอบ #16 เมื่อ18-10-2017 16:33:11 »


พี่เตก๊าวใจยิ่งนัก
โอ้ยยยยยยยยยยยยย
อยากไปนั่งท้า ขอท้าให้เธอตกหลุมรักฉันนน 55555555555

ชอบฉากขับมอไซต์มาก
เรารู้ว่าพี่เตมีแผน พี่เตอยากกอดน้องใช่มั้ยล่ะๆๆ
เนี่ย เอาเกมมาอ้างเพื่อจะได้แตะอั๋งน้อง ร้ายกาจ!

จริงๆ แอบคิดว่าพี่เตต้องจำน้องได้บ้างแหละ
แต่อยากแกล้งน้องเฉยๆ เลยทำเป็นจำไม่ได้

ตอนนี้ตัดจบได้โหดร้ายมากเลยนะคะ 5555555555555555555
ถอดเสื้อแล้วทำไรต่ออะ อาบน้ำใหม่หรอ แต่พี่เตเพิ่งอาบน้ำมา
สงสัยมากมายจริงๆ ค่ะ นี่เราเป็นคนซื่อๆ ใสๆ ไร้เดียงสา
น้องพิชญ์จะทำอะไรพี่เขาลูกกกกกกกกกกกกกกกกกก



ออฟไลน์ tensita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 2 [17.10.2017]
«ตอบ #17 เมื่อ18-10-2017 16:34:18 »

ให้พี่เค้าถอดเสื้อทำไมง่ะ ฮืออออ เหมือนเราเสพติดอ่ะ // มาต่อๆๆๆๆ  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 2 [17.10.2017]
«ตอบ #18 เมื่อ18-10-2017 19:50:28 »

 o13 o13 o13 o13

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 3 [21.10.2017]
«ตอบ #19 เมื่อ20-10-2017 23:58:26 »

3

   
“กูยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน”
   
“...”
   
“เวลานี้กูควรอยู่ในร้านอาหารดีๆ”
   
ผมหัวเราะพรืดกับคำพูดงอแงที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากคนที่ยืนเปลือยท่อนบนอวดซิกซ์แพ็คอยู่ตรงหน้า
   
“คนแพ้ไม่มีสิทธิ์ต่อรอง” ผมยกคำพูดของเขาขึ้นมา มองสีหน้างุ่นง่านแล้วยิ่งอารมณ์ดี โคลงหัวตามเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อคที่เปิดคลอพลางจุ่มสีแต้มลงบนผิวหนังแน่นตึงราวผ้าใบที่ถูกขึง
   
“อย่างน้อยควรให้กูนอน”
   
แล้วให้ผมนั่งคร่อม?

อืม... ก็น่าสนใจ
   
“แบบนั้นมันง่ายไป” เก็บไอเดียนั้นไว้ ถ้าคราวหน้ามีโอกาสได้ใช้ก็คงดี
   
แต่คงยากแล้วล่ะที่จะหาโอกาสให้เขายอมให้เอาสีมาละเลงร่างกาย

“เอาน่า อีกแป๊บเดียว” ผมบอกขำๆ แล้วก้มหน้าจรดปลายพู่กันลงไปใหม่ ไล่ตั้งแต่แผ่นอกลงไปถึงหน้าท้อง... ตลอดความยาวของรอยแผลเป็น

ยิ่งเห็นมันในระยะประชิดยิ่งพบว่ามันน่าสนใจ รอยเย็บเหมือนตะเข็บขนาดใหญ่ ชวนให้คิดว่าเป็นอุบัติเหตุประเภทไหนกัน

“มันสวยดี” เผลอหลุดปากพร้อมกับไล้นิ้วลงไปสัมผัสแผ่วเบาคล้ายกับกลัวมันจะปริแตกออกมา

ดูบอบบางทั้งที่หยาบกร้าน... เป็นรอยตำหนิที่พิถีพิถันราวกับมีใครบรรจงวาดลงไป

“หึ” หน้าท้องแกร่งขยับเบาๆ เมื่อเขาหัวเราะ “มึงนี่แปลกคน”

ผมเงยหน้ามองเขา ขมวดคิ้วข้องใจ

“ใครก็ว่ามันน่ากลัว” เขาสบตาผม ควานหาบางอย่างที่ผมไม่แน่ใจว่าคืออะไร

“น่ากลัวยังไง?”

เมื่อได้ยินคำถาเขาเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มพลางเอื้อมมือมาเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าให้ “เหมือนจะมีปีศาจร้ายโผล่ออกมา”

ผมชะงักไป มองหน้าเขาสลับกับรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ก่อนจะหัวเราะ “ไม่จริงหรอก”

“...”

“อยากรู้ไหมอะไรจะโผล่ออกมา” ยกยิ้มยั่วเย้า จนเห็นความสงสัยในแววตาของเขา จึงกลับมาก้มหน้าก้มตาป้ายสีลงไปอีกครั้ง โทนสีสุดท้ายถูกแต่งแต้มลงไปปะปนกับสีก่อนหน้า

...ลวดลายบนเรือนร่างสมบูรณ์แบบกำลังจะเสร็จสมบูรณ์

ผมพอใจกับผลงาน และคงจะแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป เจ้าของร่างที่ใช้ต่างเฟรมผ้าใบถึงได้หัวเราะเบาๆ ขยับเข้ามาใกล้พลางยกมือสองข้างขึ้นมาเกลี่ยตามกรอบหน้า ไล่เก็บเส้นผมแสนเกะกะไปรวบไว้ด้านหลัง ฝ่ามือข้างหนึ่งถูกใช้แทนยางรัดผมที่ผมไม่อาจยื่นให้ด้วยกำลังจดจ่ออยู่กับปลายพู่กัน

“ทำไมไว้ผมยาว” ผมเลิกคิ้วให้กับคำถามที่ไม่คิดว่าจะถูกถาม ก่อนจะตอบไป

“เป็นพี่ว้ากไง ไว้ผมยาวจะได้ดูโหดๆ” ไม่แน่ใจหรอกว่าเป็นเหตุผลจริงๆ ไหม แต่จุดเริ่มต้นคงประมาณนั้น

“นี่โหดแล้ว?” เขาทำเสียงประหลาดใจ 

ผมเลยยักไหล่ เอ่ยอวดอ้าง “เด็กไม่รับน้องจะรู้อะไร เห็นแบบนี้ผมอนาคตเฮดว้ากนะครับ”
   
แม้ในความเป็นจริงเหตุผลที่ถูกเลือกจะไม่ได้เกี่ยวกับความโหดสักนิด แค่ไปยืนนิ่งๆ ตั้งสติ มีหน้าที่ตบไอ้พวกที่ออกทะเลเข้าประเด็นให้ได้ก็เท่านั้น แทบไม่ได้โชว์ความเกรี้ยวกราดเลยด้วยซ้ำ
   
“งั้นลองไว้หนวดอาจช่วยได้” มือข้างที่ไม่ได้ใช้รวบผมยกขึ้นมาเกลี่ยเหนือริมฝีปากจากซ้ายไปขวาวาดหนวดปลอมๆ ลงไป
   
“...” สัมผัสของปลายนิ้วหยาบๆ ทำให้ผมชะงัก เงยหน้าขึ้นไปสบตาเขาอีกครั้ง จ้องมองนัยน์ตาสีรัตติกาลสะท้อนแสงไฟ
   
“...” อีกฝ่ายจ้องตอบไม่ยอมแพ้กัน ก่อนจะคลี่ฝ่ามือหนาแนบแก้ม ขณะเดียวกันนิ้วโป้งที่แตะเหนือริมฝีปากก็ค่อยๆ วาดต่ำลงมา

ไล้ไปตามกลีบปากเชื่องช้า... ดึงผมเข้าสู่วังวนสีรัตติกาล
   
ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาเมื่อผมหลับตาลงซึมซับสัมผัสหยาบกร้านแสนอ่อนโยน... เอียงใบหน้าซบฝ่ามือเขา ...ปล่อยให้ทำตามอำเภอใจ
   
เพียงไม่นานปลายนิ้วที่เคยลูบไล้ก็ค่อยๆ แทรกเข้ามาด้านใน... ใช้แรงน้อยนิดบังคับให้เผยอปาก เปิดทางให้เขาเข้ามาตามรอยแยกของฟัน... เป้าหมายคือจิลสีเงินวาววับ

ไข่มุกในตลับกำลังถูกนักล่าล่วงล้ำ... ยั่วยวนจนพร้อมพลีกาย เพียงปลายนิ้วกดลงแผ่วเบาแล้วให้อิสระ... กดอีกครั้งด้วยแรงที่มากกว่าแล้วปลดปล่อย... ค่อยๆ ล่อลวงด้วยพันธนาการแสนหวาน ปลุกปั่นให้เป็นฝ่ายรุกไล่... ไล้ปลายลิ้นหยอกเย้าปลายนิ้วที่ซุกซนไม่แพ้กัน

แต่ก่อนที่จะถูกมอมเมาจนเตลิดไป... ผมลืมตา... เห็นความปรารถนาจากอีกฝ่ายฉายชัดจึงตัดสินใจหยุดทุกอย่างเอาไว้... ด้วยการกัดลงไป

“...!” แรงพอจะทำให้เขาผงะ ดึงมือกลับไปแม้จะไม่ถึงขั้นหวีดร้อง แต่ก็ทำให้ผมสะใจนิดๆ ที่แกล้งเขาได้

“สนิทหรือไงถึงมาเล่นลิ้นกัน” เผลอคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะ

“หึ” แต่ไม่ทันไรกลับพ่ายแพ้ย่อยยับเพียงเขาขยับยิ้มมุมปาก

แทนที่จะขุ่นข้องที่ถูกแว้งกัด ดวงตาสีรัตติกาลที่จ้องตรงมากลับฉายแววพอใจ รอยฟันที่ผมทิ้งไว้ถูกเรียวลิ้นลากไล้ เชื่องช้าราวสัตว์ป่าที่เลียบาดแผลตัวเอง...

ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่คาดไว้ แต่ก็ไม่เชิงว่าเหนือความคาดหมาย

เขาชอบความท้าทาย... และไม่ชอบอะไรที่ง่ายเกินไป ผมควรจำสองข้อนี้ให้ขึ้นใจ
 
“เสร็จแล้วล่ะ” สุดท้ายก็ต้องเบี่ยงประเด็น เบือนหน้าหลบสายตาขณะวางพู่กันกับจานสีลงบนโต๊ะข้างๆ พลางลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมา

ทั้งที่ผมนั่งบนเก้าอี้ยังปวดเมื่อยขนาดนี้ นับประสาอะไรกับคนที่ยืนนิ่งๆ มานานนับชั่วโมง

แต่เขากลับไม่บ่น เพียงก้มลงมองลวดลายประหลาดบนร่างกาย

“รูปอะไร”

เขาถาม คงเพราะการลงสีที่จงใจทำให้ดูพลิ้วไหว มองเพียงแวบแรกแถมกลับหัวจึงยากที่จะบอกได้ว่าคือรูปอะไร

“วิญญาณ” ผมตอบตามความหมายแฝง

ไล่สายตาตามสีสันที่ตัวเองแต่งแต้มลงไป... ลวดลายน่าฉงนบนปีกสองข้างที่กำลังสยาย ลำตัวพาดยาวตามแกนกลาง ขาทั้งหกคล้ายกับกำลังเกาะเกี่ยวรอยแผลที่สลักลึกบนร่างกาย

เขาว่าผีเสื้อหมายถึงวิญญาณ...

อาจเป็นวิญญาณของผม... วิญญาณของอดีตที่ปรารถนาจะเหนี่ยวรั้งเขาไว้

“มันจะรักษารอยแผลเป็นของพี่ไว้” เป็นอีกครั้งที่ผมเผลอไล้มือไปบนรอยตำหนิแสนงดงามบนร่างกายเขา

“หรือไม่ก็พาหนีไป”

“...” ผมชะงัก ไม่รู้ทำไมถึงตกใจคำพูดของเขา

“มันเหมือนกำลังจะบิน”

ผมยิ้ม ก้มลงมองรูปที่ตัวเองวาดอีกครั้ง “ก็จริง”

ถ้าเป็นแบบนั้น... สักวันผมคงต้องหักปีกมันทิ้ง
   
“มึงว่า... มันจะบินไปถึงดวงจันทร์ได้มั้ย” คราวนี้เขาเป็นฝ่ายเอื้อมมือมาแตะผิวกายเปลือยเปล่าของผมบ้าง

เพราะกลัวว่าสีจะเลอะ ผมจึงถอดเสื้อตัวเองออกไปเหมือนกัน ตอนนี้จึงไม่มีอะไรปกปิดมัน... รอยสักรูปพระจันทร์เต็มดวงที่เชิงกรานด้านซ้าย

“อาจจะได้... ถ้าไม่ปีกหักตายซะก่อน” ผมหัวเราะ เพิ่งคิดได้ว่าแสงระยิบระยับบนรอยสัก ไม่ต่างจากดวงตาสีรัตติกาล
 
ทอประกายสว่าง ทั้งยังลึกลับน่าหลงใหล ไม่แปลกที่จะล่อลวงให้แมลงตัวเล็กๆ ตกหลุมรักเอาง่ายๆ

“แต่พระจันทร์สวย มีค่าให้ปีกหัก... ถูกมั้ย” เขาคลี่ยิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มล่อลวงที่ทำเอาผมแทบคลั่ง

อยากจูบชะมัด...

แต่ถ้าทำแบบนั้นเขาคงรู้แน่ว่าผมกำลังเดินหน้าลงหลุมที่เขาขุดไว้อย่างเต็มใจ

การเดินหน้าเร็วเกินไปจะทำให้ผมก้าวพลาด... อีกครั้ง
   
“สวยดี” ต้องขอบคุณเขาที่ทำให้ผมหลุดจากภวังค์

“จะเอาไปสักบ้างก็ได้นะ ผมขาย” ยักไหล่พลางหัวเราะไม่จริงจัง 
   
“ไม่ล่ะ กูกลัวเข็ม”

“ผ่าขนาดนี้ยังจะกลัวเข็ม?” ผมเลิกคิ้วประหลาดใจ แต่เขากลับไม่ยี่หระ
   
“แปลกตรงไหน ตอนผ่ากูไม่ได้รู้สึกตัว”
   
คราวนี้ผมเงียบไปพักใหญ่มองรอยแผลเป็นของเขาแล้วความสงสัยที่ผมพยายามสะกดไว้ฉายชัดขึ้นมา
   
“บอกได้มั้ยว่าอุบัติเหตุอะไร” รู้ว่าไม่ควรถาม แต่มันก็ยากที่จะอดใจ “แผลใหญ่ขนาดนี้ท่าจะร้ายแรง”
   
“...” ยิ่งเขาเงียบความสงสัยยิ่งปะทุจนเผลอโพล่งออกไป
   
“แล้วมีแผลอื่นอีกมั้ย เหมือนในละครที่สมองกระทบกระเทือนจนความจำเสื่อมอะไรแบบนั้น”

บาดแผลที่ทำให้พี่จำผมไม่ได้...
   
“ชู่ว...” แต่คงเพราะคำถามผมเฉพาะเจาะจงเกินไป หรือไม่สีหน้าผมก็กระตือรือร้นเกินไปเขาจึงยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะปากผมไว้
   
“...”
   
“มึงใจร้อน” แล้วเลื่อนนิ้วขึ้นไปเคาะหัวผมเบาๆ “ตามกติกามึงยังไม่มีสิทธิ์ถามความลับ” 
   
ผมชะงัก นึกเสียดายที่ตัวเองเพิ่งใช้โควตาเล่นเกมของวันนี้ไป แต่จะไว้ถามวันอื่นก็คงไม่ง่าย

น่าเสียดายแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากบอกตัวเองว่าต้องหาโอกาสใหม่

“พี่จะล้างเลยก็ได้นะ” ผมเบี่ยงประเด็น ชี้ไปยังร่างกายกำยำที่เต็มไปด้วยบทลงโทษจากปลายพู่กัน
 
“ไม่เป็นไร” เขาว่าพลางหันไปหยิบเสื้อจากโต๊ะด้านหลังมาใส่ เพราะใช้สีที่แห้งเร็วเลยไม่ต้องกังวลว่ามันจะเลอะอะไร “กูจะกลับเลย”

ผมไม่มีอำนาจคัดค้านจึงได้แต่มองแผ่นหลังกว้างค่อยๆ ห่างออกไปที่ประตู

อยู่ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมา... ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นี้มันมีประโยชน์อะไร

“พิชญ์...” จนกระทั่งเขาหันกลับมา เรียกชื่อผม และมันก็ทำให้ผมเผลอเบิกตากว้าง

นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ยิน...

ขี้โกงชะมัด สุดท้ายผมก็ปล่อยให้คำพูดของเขามีอิทธิพลเหนือสิ่งใด

“สมองกูไม่ได้กระทบกระเทือน”

แต่ผมคงลืมไป

“ความทรงจำกูไม่ได้หายไป”

ว่าเขาไม่เคยปล่อยให้หัวใจผมพองโตได้นาน

“แต่ถ้าจะมีอะไรที่จำไม่ได้...”

“...”

“ก็เพราะมันไม่มีค่าให้จำ”
   
“...” ว่าจบก็หันหลังอีกครั้ง ร่างสูงเดินจากไปพร้อมกับทิ้งให้ผมได้แต่จ้องบานประตูที่ปิดลง
   
นั่นสินะ... บางทีคนที่สมองกระทบกระเทือนอาจเป็นผมก็ได้

ถึงไม่เคยจำสักที เรื่องที่เขาสามารถทำให้หัวใจผมเต้นแรง... และแตกสลายได้ในคราวเดียวกัน

   





ถ้าผมรู้... ผมจะบอกพี่ว่าอย่าไป
   
ถ้าผมรู้... ผมจะไม่ให้พี่หรอก... สิ่งสุดท้ายที่อาจเหนี่ยวรั้งเราไว้
   
‘ถ้ามึงไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร’

แต่เพราะไม่รู้ ผมถึงให้พี่ง่ายๆ
   
‘ถ้าไม่พร้อมผมจะมาทำไม’

...ร่างกายที่พร้อมเป็นของพี่ตลอดมา
   
ปล่อยให้ความปรารถนาครอบงำ... โง่เง่าแค่ไหนที่คิดว่ามันจะสามารถผูกเราไว้ด้วยกัน
   
ทั้งที่บทเรียนมีให้เห็นมากมาย
   
อะไรที่ได้มาง่ายๆ... พี่ก็มักจะทิ้งมันได้เร็ว… ใช่ไหม?
   
แต่ผมไล่ตามจนเหนื่อย... เหนื่อยเกินไป เพราะฉะนั้นขอพักหน่อยคงไม่เป็นไร ขอแค่แป๊บเดียวให้ผมได้เผลอไผลไปกับมัน
   
อ้อมกอดที่รัดแน่น... จูบที่แสนอ่อนโยนจนผมแทบลืมหายใจ... ลมหายใจกลิ่นบุหรี่ที่ผมหลงใหล... ความร้อนและสัมผัสที่ทำผมแทบคลั่งตาย... ร่างกาย...ที่ได้กลืนกินตัวตนของพี่เอาไว้...
   
ขอแค่แป๊บเดียว...ให้ผมซึมซับมัน แล้วอนุญาตให้ผมวิ่งใหม่... จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นด้วย ดีไหม?
   
แต่พี่คงไม่ให้
   
อันที่จริงพี่ไม่ได้บอกอะไร... ไม่ได้ไล่หรือผลักไส...

พี่แค่หายไป… เหมือนพระจันทร์ที่ถูกกลีบเมฆบดบัง
   
ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่พี่ไม่ได้เกลียดเซ็กซ์ของผมใช่ไหม?
   
‘พิชญ์...’

ถ้าเกลียด... คงไม่เรียกชื่อผมซ้ำๆ...

'ไม่เป็นไร'

ถ้าเกลียด... คงไม่อนุญาตให้กอดไว้...

'อย่าร้อง'

ถ้าเกลียด... คงไม่จูบซับน้ำตาให้...

'เด็กดี...'

จะทะนุถนอมผมทำไมถ้าเกลียดมัน...

แต่ในวันที่พี่ไปมันไม่มีคำอธิบาย ไม่เคยบอกว่าผมผิดตรงไหน ผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจ... เพราะอะไร
   
...

คนมักพูดว่าครั้งสุดท้ายมักไม่มีสัญญาณเตือน

นั่นไม่จริงเลย

ในกรณีของพี่... มันชัดเจนจะตาย

ว่าความสุขที่พี่ป้อนให้ผมจนสำลักนั่นไง สัญญาณเตือน...








-------------------------------------------
เป็นตอนที่เขียนหนึ่งบรรทัดต้องพักหนึ่งครั้ง
ใช้พลังงานมาก 55555
ถ้ามีตรงไหนติดขัดติติงได้เสมอเลยนะคะ
ฝาก #เกมท้ารัก ด้วยน้า ช่วยเอ็นดูเตพิชญ์ด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า

 :L2:   
   
   


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2017 00:07:33 โดย makok_num »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 3 [21.10.2017]
« ตอบ #19 เมื่อ: 20-10-2017 23:58:26 »





ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 3 [21.10.2017]
«ตอบ #20 เมื่อ21-10-2017 00:31:26 »

ล่อลวงเราด้วยความอีโรติก ความยั่วเย้า แล้วเหมือนโดนยิงตายตอนจบ  :z6:

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 3 [21.10.2017]
«ตอบ #21 เมื่อ21-10-2017 01:02:33 »

ติดตามค่า ภาษาชวนหลงใหลมากเลยอะ ฮือออ เหมือนได้กลิ่นบุหรี่ตลอดเวลา

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 3 [21.10.2017]
«ตอบ #22 เมื่อ21-10-2017 01:15:48 »

บรรยายได้ดูมอมเมา น่าหลงใหลมาก
ดูเป็นอะไรที่เสพติดได้

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 3 [21.10.2017]
«ตอบ #23 เมื่อ21-10-2017 02:13:24 »


จะตายแล้วววววววววววววววว
ฮือออออออออออออ แงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ฮือออออออออออออออออออออออออ  :hao5:

ไม่รู้จะบอกความรู้สึกของตอนนี้ยังไงดี
แต่มันมัวๆ เทาๆ อึดอัดใจมาก สงสารน้องพิชญ์
ฮือออออออออออออออ

แต่.. เราดันโกรธพี่เตไม่ลงซะงั้น ฮืออออออออออออออ T-T
เราชื่อว่าพี่เตมีเหตุผล รอยแผลเป็นของพี่เตคือปมปัญหาใหญ่ที่ตอนนี้ยังบอกใครไม่ได้
เอาจริงเราเชื่อมั่นในตัวพี่เตมากอะ ไม่รู้ทำไม ต้องเป็นความรักที่เรามีให้กับพี่เตแน่ๆ T-T
พี่เตบอกว่าไม่ได้สมองเสื่อม ยังจำได้ อะไรที่จำไม่ได้แปลว่าไม่สำคัญ
แต่พี่เตไม่ได้เอ่ยชื่อน้องพิชญ์ เพราะงั้นเราถึงเชื่อว่าพี่เตยังจำน้องได้

แต่ยัยน้องที่น่าสงสารนี่ไม่รู้อะไรบ้างเลย ฮืออออ
อยากกอดปลอบน้องแรงๆ แต่ขณะเดียวกันเราก็อยากกอดรอยแผลเป็นของพี่เตเหมือนกัน

คิดว่าถ้าพิชญ์เอาชนะเกมของพี่เตได้ พี่เตก็คงจะเล่าทุกอย่างให้น้องฟังแหละว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะงั้นพิชญ์สู้ๆ นะลูกกกกกกกกก TvT


ปล.ชอบสำนวน เป็นความอีโรติกที่ชวนอึดอัดใจมากค่ะ
นี่ขนาดสั้นๆ นะ แต่กว่าเราจะอ่านจบอะ ทรมานนนนนนน โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

 :hao5:


ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 3 [21.10.2017]
«ตอบ #24 เมื่อ21-10-2017 03:06:43 »

เหมือนเดินหลงอยู่ในหมอกควัน มัวเมาและลุ่มหลงเหลือเกินนน

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 3 [21.10.2017]
«ตอบ #25 เมื่อ21-10-2017 05:13:12 »

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Kkookkai12

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 3 [21.10.2017]
«ตอบ #26 เมื่อ21-10-2017 05:49:22 »

อ่านไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลา นานแล้วที่ไม่ได้อ่านนิยายแนวนี้ ละคือภาษาก็ดีมากๆเลยค่ะ เหมือนโดนมอมเมา เข้าไปอยู่ในวังวนของพี่เตด้วยเลย พี่เตเป็นคนที่น่าสนใจมาก  เป็นสิ่งดึงดูดสิ่งหนึ่งบน
 โลกใบนี้ที่ทำให้อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆว่าจริงๆแล้วพี่เตเป็นคนยังไงกันแน่ สู้ๆนะคะ รออ่านนนนน
ปล. นิยายเรื่องนี้เป็นแรกในเล้าเป็ดที่ทำให้รู้สึกอยากมาคอมเม้นในนี้เลย นี่ก็เลยเป็นเม้นแรกของเราในนี้ หลังจากซุ่มอ่านมาหลายปี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2017 05:52:25 โดย Kkookkai12 »

ออฟไลน์ aj_nsync

  • พระจันทร์สีน้ำเงิน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
    • พระจันทร์สีน้ำเงิน
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 3 [21.10.2017]
«ตอบ #27 เมื่อ22-10-2017 16:40:37 »

อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนต้องคอยลุ้นตลอดเวลาว่าเตจะทำจะพูดอะไร พิชญ์จะโดนทำร้ายจิตใจมั้ย
ลุ้นตลอดทุกตอน กลัวน้องเจ็บ แล้วก็เจ็บจริงๆ ทำไมเตถึงพูดแบบนั้น ทำไมตีองทำเหมือนจำไม่ได้
เกิดอะไรขึ้นหลังจากคืนนั้น

ชอบภาษา อ่านแล้วเหมือนอยู่ในดงควันบุหรี่ ดูลึกลับ ท้าทาย อีโรติก และเศร้า ปนกันอยู่ในตัว

ออฟไลน์ MacaroonCookie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 3 [21.10.2017]
«ตอบ #28 เมื่อ22-10-2017 19:09:04 »

กลิ่นมาม่าโชยมาไหวๆ  :hao5:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 4 [01.11.2017]
«ตอบ #29 เมื่อ01-11-2017 13:12:14 »

4
   
   
‘มึงตีค่าสูงไป กูก็แค่ผู้ชายธรรมดา’
   
‘...’

   
เขาต่างหาก ตีค่าธรรมดาสูงไป
   
คนธรรมดาที่ไหน...จะทำได้ขนาดนี้กัน
   
“ไอ้เต มึงมันเหี้ย!” ผมละสายตาจากร่างสูงที่เพิ่งเดินลงจากเวที ยื่นไม้กลองคืนให้ใครสักคนที่เดินมารับพอดี ก่อนจะถูกพี่เจดพุ่งเข้าใส่เหมือนหมีตัวโตๆ 
   
“เล่นแบบนั้นคือจะฆ่าพวกกูถูกมะ” ทั้งที่รูปประโยคเหมือนจะไม่พอใจ แต่คนพูดกลับยิ้มร่าชัดเจนว่าปลาบปลื้มแค่ไหนกับการแสดง
   
“แต่มันชิบหาย” แล้วสุดท้ายก็ต้องเอ่ยตามความสัตย์จริง
   
ใช่เลย มันชิบหาย
   
ทั้งที่ไม่ใช่โชว์ยิ่งใหญ่อะไร เป็นแค่งานสังสรรค์ที่จัดขึ้นในคณะ จะว่าเพื่อคลายเครียดหลังมิดเทอมก็ใช่ แต่จุดประสงค์จริงๆ ก็เพื่อให้ศิษย์เก่ากับศิษย์ปัจจุบันได้มาพบหน้ากันมากกว่า มีทั้งพิธีจริงจังตามธรรมเนียมเพื่อต้อนรับน้องปีหนึ่งอย่างเป็นทางการ ต่อด้วยการสังสรรค์ที่ไม่ต่างจากงานเลี้ยงในครอบครัว ตั้งวงกินข้าวเย็นตามสายรหัส มีดนตรีสดจากมือสมัครเล่นอย่างเด็กในคณะที่ฟอร์มวงขึ้นมาตามชั้นปี... เห็นชัดว่ามีคนขี้โกง
   
โทษพระเจ้าแล้วกันที่มือกลองปีสามดันมาป่วยกะทันหัน แต่ก็ขอบคุณพระเจ้าเช่นกันที่ดันบันดาลคนใหม่ให้พอดี
   
ถ้าถามว่าทำไมต้องเป็นเขา คำตอบง่ายๆ ก็แค่ในที่นี้มันไม่มีใครมีพรสวรรค์พอจะเล่นเครื่องดนตรียากๆ ในเพลงยากๆ ทั้งที่ไม่เคยซ้อมมาด้วยกัน
   
ที่สำคัญคือเขาชอบการเดิมพัน
   
ไม่ล่มไปด้วยกัน ก็ต้องทำให้งานสังสรรค์น่าเบื่อนี่กลายเป็นสวรรค์
   
มันน่าหงุดหงิดที่ทุกคนเห็นว่าเสียงเพลงเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ ของงานเลยไม่มีใครจริงจัง เขาว่าอย่างนั้น ผมได้แต่หัวเราะ ประหลาดใจที่เขาให้สาระกับมัน
   
...แต่นั่นมันก่อนที่ผมจะได้เห็นว่าเขาทำอะไร
   
ผมน่าจะรู้ว่าเตวิชญ์ไม่เคยทำให้ผิดหวัง... คราวนี้ก็เช่นกัน
   
เขาทำให้ส่วนเล็กๆ ของงานกลายเป็นดาวเด่น ง่ายดาย...เพียงขยับไม้กลองที่ราวกับเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย
   
เรียกโสตประสาทด้วยความหนักแน่น ตรึงสายตาด้วยจังหวะยั่วเย้า ล่อลวงด้วยเทคนิคแพรวพราว ก่อนตลบหลังด้วยความร้อนเร่าเอาแต่ใจ
   
เวทีแสนน่าเบื่อกลับลุกเป็นไฟ... ปลุกทูตสวรรค์ออกมาร่ายรำ   

ไม่ใช่แค่คนฟัง แต่สมาชิกในวงเองก็ตกหลุมพราง ศักยภาพที่ถูกกดไว้ถูกเขาเรียกออกมาเพียงดำดิ่งตามไป คล้ายประชดประชันว่าในเมื่อเรียกให้เขามาคุมจังหวะเขาก็จะคุมให้... แต่ต้องเป็นจังหวะตามใจเขา... เย่อหยิ่ง รั้นร้าย แต่กลับจงใจอะลุ้มอล่วยเพื่อให้รู้ว่าใครเป็นผู้นำ

ย้ำชัดว่าเขาตีค่าคำว่าธรรมดาสูงไป
   
“ฟอร์มวงกับกูมั้ย” พี่เจดเอ่ยถามน้ำเสียงกระตือรือร้น แต่อีกคนกลับส่ายหน้าตัดความหวัง
   
“ไม่ได้กะจะจริงจัง”
   
ไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินคำตอบนั้น
   
แม้ทุกอย่างที่เขาทำจะเรียกว่าเพอร์เฟ็กต์แค่ไหน ต่อให้เป็นเรื่องที่ใครต่อใครต้องผ่านความพยายามมากมาย แต่เขาเพียงแค่ทำมัน พระเจ้าก็พร้อมดลบันดาลให้ทุกอย่างสำเร็จดั่งใจ เพียงเพื่อให้เขาละทิ้งมัน ง่ายดายด้วยคำว่าไม่ได้อยากจะจริงจัง
   
นั่นแหละเขา เตวิชญ์ผู้ไม่เคยทำอะไรจริงจัง
   
“คำตอบโคตรน่าหมั่นไส้”
   
ผมหัวเราะแผ่วเบา สนับสนุนคำพูดนั้นในใจ แต่คนได้ยินกลับหันมาเลิกคิ้วใส่ มองหน้าผมด้วยสีหน้าเดาที่เดาออกว่าต้องการอะไร ก่อนจะปลีกตัวออกมาด้วยถ้อยคำสั้นง่าย ได้ใจความ

“จะไปสูดอากาศ”

ผมเดินตาม ไม่ลืมที่จะตบบ่าพี่เจดเบาๆ เป็นการปลอบใจ
   
“ไม่ได้กะจะจริงจัง?” แกล้งเลิกคิ้วถามเมื่อหยุดฝีเท้า เท้าแขนลงกับราวสะพานเชื่อมตึกไร้ผู้คน แต่ยังคงมองเห็นความวุ่นวายและรับรู้ทุกแสงเสียงของงานกิจกรรมจากไกลๆ

“แค่ทำเพราะอยากทำ” เขายิ้มยียวนพลางยักไหล่ ยิ่งน่าหมั่นไส้เมื่อดวงตาไม่ได้ฉายแววล้อเล่นแต่อย่างใด

ร่างสูงทิ้งตัวพิงราวสะพานข้างกันพลางยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่หลงเหลือตามกรอบหน้า เรือนผมหนาเปียกชุ่มกระเซอะกระเซิงแต่กลับไม่ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาถูกลดราคา ผมหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าออกมา เมินสีหน้าประหลาดใจของคนตัวสูงกว่าแล้วเอื้อมมือไปดึงแขนกำยำลงมาเพื่อซับเหงื่อพร้อมจัดผมให้อย่างเต็มใจบริการ
   
“สุภาพบุรุษควรพกผ้าเช็ดหน้าไว้” เอ่ยประโยคที่คิดว่าน่าจะมาจากหนังสักเรื่องด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง เรียกให้คนฟังยิ้มขำ ดวงตาสีรัตติกาลจับจ้องยามผมซับหยดน้ำบนใบหน้า กระทั่งลามลงมาจนถึงลำคอแกร่งที่ชุ่มเหงื่อ ไล้สัมผัสตามลูกกระเดือกสวยที่ขยับแจ่มชัดด้วยจังหวะเชื่องช้า... ชวนให้ลอบกลืนน้ำลายตาม

หลงกลง่ายดายจนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ เรียวปากบางยกขึ้นอย่างได้ใจ จึงได้สติดึงตัวเองให้ผละออกมา

“ปกติแล้วพี่ต้องดึงดันรับมันไป บอกว่าจะเอาไปซักให้เพื่อหาโอกาสเจอกับผมอีก ถูกมั้ย” ยกยิ้มยียวนพลางยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ ในขณะที่เขาหัวเราะอีกครั้งแล้วรับมันยัดใส่กระเป๋ากางเกงไป ก่อนเรียกร้องขออีกสิ่งที่คงเป็นจุดประสงค์หลักของการปลีกตัว

“ขอไฟหน่อย” ผมไม่อิดออดที่จะล้วงออกมาให้ มองเขาดึงซองบุหรี่มากะเทาะมวนหนึ่งคาบไว้ แล้วส่งต่อให้ผมทั้งซอง
   
“ไม่อ่ะ” ผมยักไหล่ “ว่าจะลด”
   
ไม่สงสัยเลยที่เขาหันมาเลิกคิ้วประหลาดใจ เพราะระยะหลังมานี้มันเป็นคล้ายสัญลักษณ์บางอย่างที่เชื่อมเราไว้ด้วยกัน
   
เตวิชญ์... พิชญะ... กับบุหรี่ยี่ห้อโปรดของพวกเขา
   
...ฟังดูเข้าท่านะ คล้ายอะไรบางอย่างที่จะกลายเป็นภาพจำ
   
แต่คงลงท้ายด้วยโศกนาฏกรรม

“วันก่อนแม่มาหา บอกว่าให้ลดลงบ้าง” ผมเอ่ยเหตุผลที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจริงไหม
   
“ทำเพื่อแม่ว่างั้น?” ถ้าถามจากสายตาของคนตรงหน้าก็คงได้คำตอบว่ามันไม่จริง
   
“เขาบอกว่าถ้าเลิกได้จะเพิ่มค่าขนมให้น่ะ”
   
“หึ”
   
“ผมน่ารักใช่มั้ยล่ะ” อวดอ้างพลางยักไหล่ อย่างน้อยเสี้ยวหนึ่งในเหตุผลก็คือการอยากทำตัวเป็นลูกที่ดีสักครั้ง
   
“อือ”

“...” ไม่คาดคิดว่าเขาจะตอบรับมันอย่างจริงจัง เลยได้แต่นิ่งค้างมองนิ้วเรียวคีบบุหรี่ที่ไร้ควันออกจากปาก พร้อมกับยกมืออีกข้างมาวางบนหัวผมเบาๆ ไล่จับผมยาวที่พริ้วไหวตามลมทัดหูให้อย่างปัดรำคาญ ก่อนที่สัมผัสร้อนจะลูบไล้มันแผ่วเบา ดวงตาสีรัตติกาลจับจ้องสีเงินของห่วงทั้งสามที่เพิ่งหยิบมาใส่ตามรูที่เจาะไว้ตามแนวใบหูอย่างสนใจ

แต่เพียงไม่นานก็เป็นฝ่ายเรียกร้องความสนใจเสียเองด้วยประกายแวววาวในดวงตา

"มึงน่ารัก..." จ้องลึกเข้ามาคล้ายจะยืนยันว่าเขาเห็นตามนั้นจริง

ไม่เคยพอใจกับคำชมนี้เลยสักครั้ง กระทั่งวันนี้...

“พี่จะเอาไฟอยู่มั้ย” เบี่ยงเบนความสนใจด้วยสิ่งที่เขาร้องขอแต่ไม่ยอมรับมันไป ดวงตาสีรัตติกาลเหลือบมองซิปโป้ในมือผมก่อนจะส่ายหน้า พลิกตัวกลับเอนหลังพิงราวสะพานก่อนจะยิ้มออกมา

“ถ้ามึงไม่สูบกูก็ไม่” 
   
“...” คำตอบน่าประหลาดใจทำให้เกิดคำถามมากมาย แต่ผมกลับเงียบงัน จนดวงตาสีรัตติกาลหันกลับมามองแล้วยิ้มขำ
   
“ตอนนี้มึงไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิด”
   
ไม่แน่ใจนักว่าเข้าใจ จึงไม่ได้เอ่ยอะไร
   
“กูไม่อยากทำให้อากาศของผู้บริสุทธิ์เป็นพิษ”
   
“...” แต่สุดท้ายก็หลุดหัวเราะกับสถานะที่เขามอบให้
   
ผู้บริสุทธิ์? ฟังดูไม่ใช่ผมเท่าไหร่
   
และคำพูดที่คล้ายจะอ่อนโยนแสนดีนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่คิดว่าจะได้ยินจากปากเขาเช่นกัน
   
ช่วยไม่ได้ ในเมื่อที่ผ่านมาผมมักถูกตลบหลังด้วยคำร้ายๆ... ไม่รู้ว่าเจ้าตัวรู้ไหมว่าคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของตัวเองทรงอิทธิพลแค่ไหน เช่นเรื่องความทรงจำไร้ค่าที่เขาทิ้งไว้ในหัวผมคราวก่อนนั่นไง
   
ทำให้ผมขบคิด... ซ้ำไปซ้ำมา หาสาเหตุของความเย็นชา กว่าจะพบว่าเขาจงใจ...

ความจงใจที่ทำให้ผมเริ่มระแคะระคาย
   
ราวเทพปริศนาที่เวทนาหย่อนคำใบ้เอาไว้... จากที่คิดว่าจำไม่ได้ กลายเป็นก้ำกึ่ง เห็นถึงสัญญาณของบางสิ่งที่ส่งผ่านถ้อยคำ

ไม่มีอะไรรับประกันหรอกว่าผมจะชนะเดิมพันหรือเพียงแค่หลงก้าวตามเกมที่เขาวางไว้... ก็แค่ต้องลองเดินหน้าต่อไป...

แต่รู้ไหม... ผมจะไม่ยอมแพ้
   
“รู้มั้ยเตวิชญ์” เมื่อคิดดังนั้นเลยเผลอหลุดยิ้มออกมา เรียกเขาโดยไร้สรรพนามนำหน้าอย่างจงใจ
   
เตวิชญ์... เมื่อก่อนผมมักเรียกแบบนี้ตอนที่กำลังหงุดหงิดหรือจริงจัง
   
เขาว่ามันปีนเกลียว แต่ผมก็จับได้ว่าเขาชอบให้เรียกเช่นกัน
   
แม้กระทั่งตอนนี้ที่ดวงตาสีรัตติกาลหันมามองด้วยประกายวาว เหมือนจะถามว่าเด็กเมื่อวานซืนอย่างผมจะเล่นลูกไม้อะไร
   
“ที่พี่พูดว่าอะไรไร้ค่าจะไม่จำ นั่นไม่จริง” ...อันที่จริง ก็แค่อยากบอกให้รู้ไว้เท่านั้นว่าวิธีผลักไสของเขามันใช้ไม่ได้
   
เพราะตอนนี้ผมรู้แล้วว่าต้องรับมือยังไง
   
“คนเราเลือกจะจำหรือไม่จำอะไรไม่ได้หรอก สมองเราไม่ได้ทำงานแบบนั้น” ว่าแล้วก็ขยับเข้าไปใกล้ร่างสูงที่ยังคงรอฟังว่าผมกำลังจะพูดอะไร ก่อนจะเอื้อมมือออกไปดึงบุหรี่ระหว่างข้อนิ้วของเขามาใส่ปาก...แล้วจุดไฟ สูดพิษร้ายเข้าปอด... พ่นควัน ก่อนจะป้อนมวนนิโคตินสีขาวนั้นคืนใส่ริมฝีปากบาง

“ดังนั้นต่อให้ไร้ค่าแค่ไหน... ต่อให้อยากลืมแทบตาย...” สบดวงตาสีรัตติกาลพราวระยับที่จ้องมาขณะละเลียดลิ้มพิษตามไป กระทั่งควันสีขาวอ้อยอิ่งเชื่อมเราไว้ด้วยกันอีกครั้ง...

“แต่ความทรงจำนั่นมันก็ยังจะหลอกหลอนพี่อยู่ ถูกมั้ย”
   
วินาทีนั้นเรากลับมาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกันโดยสมบูรณ์
   
   




สำหรับพี่เต ความสัมพันธ์คล้ายมีสูตรสำเร็จ... ตายตัว
   
ล่อลวงด้วยเสน่ห์แสนยั่วเย้า มอมเมาด้วยความลึกลับแสนท้าทาย กว่าจะรู้ตัวก็ถูกตักตวง ล่วงล้ำทุกสิ่งที่ต้องการจนหมดไป จากนั้นถูกถ่วงทิ้งน้ำ จมลึกทะเลไร้ก้น... ไม่อาจขุดแม้สายใยความสัมพันธ์
   
เป็นการถูกทิ้งที่ไม่มีคำว่าหมดรัก... เพราะไม่มีคำว่ารักมาตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ
   
...มันทำให้ผมต้องระแวดระวัง
   
‘ทำไมถึงไม่ให้บอกใครว่าคบกัน’
   
‘ลับๆ ล่อๆ แบบนี้ก็สนุกดีนี่ครับ’ ผมตอบไปแบบนั้นเพื่อให้พี่ที่เลิกคิ้วถามคลี่ยิ้ม
   
อันที่จริงมันเป็นคำโกหก
   
ผมก็แค่ไม่ต้องการเป็นเหมือนคนพวกนั้น... คนที่พี่ให้โอกาสเปิดเผยความสัมพันธ์ แต่ไม่เคยให้ความสำคัญ
   
ผมเห็นมันมาหลายครั้ง รูปแบบความสัมพันธ์ที่ทุกอย่างอยู่ในกำมือของพี่ฝ่ายเดียว นั่นมันไม่ยุติธรรม ถ้าต้องยืนอยู่กลางแสงไฟ เพื่อรอถูกสลัดทิ้งผมก็ไม่ต้องการ

ผมรู้ว่าตัวเองพิเศษกว่านั้น และจะพิเศษขึ้นทุกวัน...
   
‘มานี่หน่อย’
   
พิสูจน์จากการที่พี่ยิ่งเรียกหา แทนที่จะเริ่มผลักไสตามสูตรสำเร็จที่พี่วางไว้
   
‘ไม่ใช่ตรงนั้น บนตักกูนี่’ จากแค่ได้มอง กลายเป็นเคียงข้าง...
   
‘ตัวมึงหอมดี’

‘...’ กระทั่งใกล้เพียงลมหายใจ
   
‘ขออยู่แบบนี้สักพัก’

จะว่าทะเยอทะยานเกินไป หรือเพราะหลงจนหัวปักหัวปำไม่แน่ใจ

‘พี่ขี้อ้อนจัง’
   
รู้แค่ว่าต่อให้ต้องอยู่ในความลับแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่เป็นไร
   
‘หึ... ก็เพิ่งหัดอ้อนครั้งแรกเหมือนกัน’     
   
อยู่เป็นคนในความลับแบบนี้เรื่อยๆ ...ด้วยความหวัง ว่าสุดท้ายแล้วรูปแบบความสัมพันธ์ที่พี่นิยามไว้มันจะบิดเบี้ยวไป

และคนที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ข้างกายพี่มีแค่ผม... เพียงหนึ่งเดียว
   
   




“ไหนว่าจะลด” ผมหลุดจากภวังค์หันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่เดินมาตอนกำลังจะจุดบุหรี่สูบพอดิบพอดี
   
หัวเราะเบาๆ ไม่คิดยี่หระขณะลนปลายบุหรี่ที่คาบไว้จนติดไฟ “มวนแรกของวัน”

เขาเลิกคิ้วล้อเลียนพลางยักไหล่ ก่อนจะเดินเข้ามาหา แย่งบุหรี่จากปากผมไป อัดพิษร้ายเข้าปอดเชื่องช้าแล้วปล่อยควัน
   
“เหมือนกัน”

...กลายเป็นว่าเรากำลังแชร์พิษร้ายมวนเดียวกัน
   
ทฤษฎีผู้สมรู้ร่วมคิดสินะ... ทำแบบนี้อาจจะตายช้าลงคนละครึ่งก็ได้มั้ง
   
ผมคิดขบขัน รับมวนบุหรี่ที่เขายื่นมา สูดควันและยื่นกลับไป ภาพขมุกขมัวของควันบุหรี่ปกคลุมรอบกาย... คล้ายความสัมพันธ์

ไม่มีความชัดเจนอะไรนับจากวันนั้น คำพูดของผมถูกปล่อยผ่าน... ซุกซ่อนไว้ใต้ควันบุหรี่ที่กลับมาเชื่อมเราไว้ด้วยกัน ไม่อาจแตะต้อง เพราะไม่รู้เลยว่าถ้าลองปัดออก ภาพเบื้องหลังควันจะแจ่มชัดหรือหายไป ได้แต่ปล่อยไว้อย่างนั้น... รอโอกาสครั้งใหม่
   
“เอาผ้าเช็ดหน้ามาคืน” หันกลับมามองคนที่ใช้ปากคาบบุหรี่ไว้ เพื่อล้วงกระเป๋าหยิบสิ่งที่ให้ยืมไปมาให้ รับรู้ได้ทันทีว่าผ้าเช็ดหน้าผืนเดิม ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
   
อย่างน้อยก็เศษเสี้ยวหนึ่งของกลิ่นที่กลายเป็นกลิ่นเอกลักษณ์ของเขา
   
“เจดบอกว่ามึงโคม่า” อีกฝ่ายทำลายความเงียบ ขณะยื่นมวนบุหรี่ถูกเผาไหม้กว่าครึ่งกลับมา ผมหัวเราะขืนๆ รับมันมาละเลียดควัน... อ้อยอิ่ง แล้วดับทิ้งทั้งที่ปกติคงสูบได้อีกครั้ง
   
เสียดาย แต่ผมพอใจจะให้มันจบลงด้วยน้ำมือตัวเอง
   
“ทำนองนั้น” รู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร มันเป็นสาเหตุที่ผมตัดสินใจเดินออกมาสูบบุหรี่ครั้งแรกของวัน “อยากดูมั้ย”
   
ผมถาม แต่ไม่รอให้ตอบอะไร เดินนำเขากลับเข้าไปในสตูดิโอ นั่งลงหน้าโต๊ะเขียนแบบประจำตัว แบบร่างมากมายถูกขีดเขียนลงบนกระดาษไขที่ปูไว้เต็มพื้นที่ ถูกขีดฆ่าในส่วนที่ทิ้ง วงกลมในส่วนที่ดี ...แต่ส่วนใหญ่คือยังไม่ดีพอ
   
ร่างสูงเดินตามมา หลังจากกวาดสายตามองเพื่อนร่วมสตูดิโอที่สภาพร่อแร่ไม่ต่างกันก็ยิ้มขำลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างๆ เป็นโอกาสให้ผมเปิดปากโอดครวญ
   
“โปรเจ็กต์ปรับปรุงย่านคนตาบอด”
   
ผิดเองแหละที่ผมเลือกอะไรที่ยาก ทั้งที่มีตัวเลือกอื่นให้ทำมากมาย แต่การเล่นกับความแตกต่างในระดับที่ตัวเองไม่เคยสัมผัสเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่ผมไม่อยากปล่อยผ่านไป   
   
“ครั้งแรกถูกบอกว่าง่ายเกินไป ต่อมาโดนแก้เพราะดีไซน์จัดเกินไป ครั้งที่สาม โดนตอกหน้าว่าให้ไปทำความเข้าใจยูสเซอร์ใหม่” ผมพร่ำพูดทุกความเหนื่อยใจคล้ายเจอที่ระบาย

อันที่จริงอาจไม่ใช่บุหรี่ก็ได้ที่ผมต้องการ
   
“ก็จริง” คนฟังหัวเราะ ผมเลยมองตาขวาง
   
“ให้มาช่วยนะครับ ไม่ใช่ซ้ำเติม”
   
อยากจะถามอย่างหน้าไม่อายว่าควรทำไง แต่พอหันมองก็ต้องชะงักไป เมื่อเห็นดวงตาสีรัตติกาลกวาดมองงานที่ขีดเขียนมั่วซั่วของผมอย่างตั้งใจ ไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมา มองหน้าผมอย่างมีเลศนัย
   
“อะไร” สายตาไม่น่าไว้ใจจนต้องเลิกคิ้วถาม ขณะที่เจ้าตัวยกยิ้ม มือข้างหนึ่งยกขึ้นมา เอื้อมผ่านสะโพกไปด้านหลัง ถือวิสาสะล้วงลงกระเป๋ากางเกง

ผมได้แต่เบิกตากว้างอย่างไปไม่เป็น กระทั่งเห็นบางสิ่งที่ติดมือเขามาเลยขมวดคิ้วเป็นเชิงถามว่าจะทำอะไร   
   
“ท้าหรือจริง?” ไม่คิดว่าจะใช่เวลา แต่ผ้าเช็ดหน้าในมือกับสายตาที่มองมาก็ทำให้รู้ว่าเขาจริงจัง

ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาต้องการอะไร ที่แน่ๆ สายตาท้าทายคู่นั้นกำหนดคำตอบของผมไว้
   
“...ท้า” และเขาก็ได้รับคำตอบดั่งใจอย่างง่ายดาย

   




“นี่มันไม่เข้าท่า” ผมบ่นออกมาเป็นครั้งที่สี่หรือห้านับตั้งแต่ตัดสินใจรับคำท้าที่คิดยังไงก็ไม่เข้าท่าจริงๆ
   
ไอ้การเดินรอบคณะทั้งๆ ที่ถูกปิดตาอยู่เนี่ย
   
ถึงจะมีคนเดินนำแถมอนุญาตให้เกาะบ่าไว้ก็เถอะ ขอเถียงในใจว่ายังไงก็ไม่เข้าท่าอยู่ดี
   
“ไหนว่าต้องทำความเข้าใจยูสเซอร์” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงกึ่งขบขัน ยังคงพาผมเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ผมไม่แน่ใจว่าคือส่วนไหนของคณะ
   
ทั้งที่มีคนนำทางน่าจะพออุ่นใจ แต่การมองไม่เห็นก็ทำให้อดระแวงไม่ได้ ทุกสิ่งรอบตัวดูไร้ขอบเขตจนน่ากลัว ทุกการเคลื่อนไหวกลับเชื่องช้า การเดินไปข้างหน้ากลายเป็นเรื่องยาก แต่ข้อดีคือมันช่วยกระตุ้นให้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นของผมตื่นตัว
   
ทุกสรรพเสียงรอบกาย กลิ่นที่กระจายชัดในยามกลางคืน สัมผัสจากเท้าที่แม้จะมีรองเท้าผ้าใบห่อหุ้มไว้แต่ก็พอจะรับรู้ได้ว่าพื้นที่เหยียบย่างอยู่คืออะไร
   
“ข้างหน้าเป็นบันได” เขาบอกและทำเอาผมชะงัก รั้งไหล่เขาไว้ชั่วขณะ
   
เกิดลังเลขึ้นมาว่าควรหยุดดีไหม... เพราะอันที่จริงเท่านี้ผมก็พอจะมีไอเดียต่อยอดได้แล้วว่าควรไปต่อยังไง
   
แต่บางทีอาจไม่ใช่ผมก็ได้ที่ต้องตัดสินใจ
   
“ไว้ใจกูมั้ย”
   
ในเมื่อสุดท้ายถ้าเขาอยากไปต่อ ผมก็ไม่อาจต่อต้านอะไรได้อยู่ดี

"อือ" ตอบไม่ได้เต็มเสียงหรอกว่าไว้ใจ ทว่าคำถามเดียวกลับลบทุกความระแวงออกไปได้ ยอมให้เขานำทางในความมืดต่อไป

อาจเพราะรู้ว่าถึงก้าวพลาดก็จะมีเขารองรับไว้... เป็นความรับผิดชอบของคนที่พาผมมาเสี่ยงอันตราย

“หึ” ในก้าวที่สามผมได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ

“ไม่กลัวแล้วหรือไง” น้ำเสียงล้อเลียนทำให้ผมคลี่ยิ้ม เขาคงสังเกตได้จากแรงบีบไหล่ที่ไม่ได้แน่นเกินไปเหมือนที่ผ่านมา ทั้งที่ทางอันตรายกว่าแต่ผมกลับไม่กดดันอะไร 
   
พอได้ก้าวแรก... ก้าวที่สองก็ง่ายดาย สาม... สี่... ตามระยะห่างหนึ่งช่วงไหล่ไปข้างหน้า สม่ำเสมอมั่นคงจนถึงขั้นสุดท้าย
   
พื้นคอนกรีตกลับมาราบเรียบ... ระยะห่างคงที่เมื่ออีกคนหยุดเดินนำ

และผมจงใจลดมันด้วยการเดินหน้าอีกหนึ่งครั้ง...กะระยะพอดิบพอดีเพียงปลายเท้าชิดหลังเท้า... หน้าอกชิดแผ่นหลัง... จมูกของผมได้กลิ่นหอมของแชมพูและผิวเนื้อที่ท้ายทอยจางๆ ...กระทั่งถูกเปลี่ยนเป็นกลิ่นนิโคตินที่ทิ้งค้างในลมหายใจ

“รู้มั้ยซีนนี้ยังขาดอะไร” ใบหน้าถูกฝ่ามือร้อนจัดยกขึ้นประคองไว้ แตะเพียงนิดให้เงยหน้าขึ้นให้นิ้วเรียวไล้ตามขอบผ้าปิดตาเชื่องช้า 

...ความมืดบอดย้ำชัดถึงลมหายใจร้อนที่เคลื่อนเข้ามา

“ตามหลักการแล้วมึงควรสะดุดล้มเพื่อให้ปากประกบกัน” ผมยิ้มขำกับหลักการน้ำเน่า ก่อนจะแตะมือที่เพิ่งผละออกลงบนไหล่กว้างอีกครั้ง

คลำตามผิวเนื้อแน่นตึงขึ้นไป ไล้ผ่านลำคอ สันกราม...และหยุดลงที่แก้มทั้งสองข้าง ประคองไว้เบามือไม่ต่างกัน

มันก็จริงที่ผมพลาดไป... แต่ก็ใช่ว่าจะสร้างซีนใหม่ทดแทนไม่ได้

“ถ้าสะดุดล้มมันคงกระแทกแรงเกินไป”

“...”

“ซีนนี้พี่คงต้องทำให้มันนุ่มนวล”

ไม่ตรงหลักการน้ำเน่า ไม่เข้าข่ายฉากโรแมนติกของหนังรักชั้นดี...

แค่ริมฝีปากแตะกัน...แต่หวานล้ำเกินจินตนาการ ตอบรับสัมผัสที่เขาป้อนให้ ละเลียดลิ้มรสชาติของนิโคตินปลายลิ้นที่คงไม่ต่างจากยาพิษที่อาบแอปเปิ้ลของสโนว์ไวท์

ทว่าไม่จำเป็นต้องถูกแม่มดร้ายล่อลวง... หรือต่อให้มีป้ายเตือนถึงอันตราย ก็ไม่ลังเลที่จะกลืนกินมันลงไปทั้งคำ






----------------------------------------------
จริงๆ พี่เตเป็นคนอ่อนโยนล่ะ เชื่อเรา   :hao7:

ฝาก #เกมท้ารัก ด้วยนะคะ ^^

ปล. ใครเคยอ่าน Just Another Guy (เชนตรี) ตอนนี้หนังสือวางแผงแล้วน้า
สามารถสั่งซื้อได้ในเว็บของเฮอร์มิทตามลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ ฝากเอ็นดูคู่นี้ด้วยนะคะ  :L2:

Box Set Just Another Guy ราคา 800 บาท

หนังสือ Just Another Guy (2 เล่มจบ) ราคา 600 บาท

อ่านตัวอย่าง : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52722.0

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2017 14:00:33 โดย makok_num »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด