[Special] Truth or Dare #เกมท้ารัก :SpecialVIII:Playing With Fire [11.12.2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Special] Truth or Dare #เกมท้ารัก :SpecialVIII:Playing With Fire [11.12.2018]  (อ่าน 176057 ครั้ง)

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
จบแบบนี้ค่อยยังชั่ว มีความสุข

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ตอนพิเศษ 1

   
ผมไม่เคยประหม่าเวลาที่ยืนอยู่หน้ากระจกเลยสักครั้ง... ต่อให้ร่างกายเกือบจะเปล่าเปลือย

ไม่เคยมือสั่นเวลาหยิบเครื่องประดับขึ้นมา กลัดมันลงตามร่องรอยการเจาะของร่างกาย

ความวาววับทำให้ผมมั่นใจ แต่กลับดูดเอาทุกความมั่นใจไปหมดเมื่อมันสะท้อนอยู่ในแววตาที่จับจ้องทุกการกระทำ ควันบุหรี่เจือจางไม่อาจปกปิดประกายอ่อนหวานหยาบโลนในสีรัตติกาลคู่นั้น

เขามองร่างกายท่อนบนของผมที่วาวระเรื่อด้วยเครื่องประดับ

จิลเม็ดเล็กที่จมูก... ปลายลิ้น ต่างหู... ห่วงเงินที่หน้าอกซ้าย

และของเล่นชิ้นใหม่... บาเบลที่สะดือ

มือของผมสั่นเล็กๆ ตอนติดมัน... เพราะรอยยิ้มมุมปากร้ายๆ ยามสูดและพ่นควัน เพราะดวงตาใต้กรอบแว่นที่นานๆ ทีจะเห็นเขาหยิบขึ้นมาใส่... และทุกครั้งมันกลับทำให้เจ้าตัวกลายเป็นหนุ่มแว่นโคตรฮอตอย่างไม่น่าให้อภัย

“พี่อนุญาตผมแล้ว” ผมสบตาผ่านกระจกพลางยักไหล่ ร้อนตัว

เจาะคราวนี้ผมบอกก่อน และเขาไม่ได้ห้าม พี่เตไม่มีสิทธิ์ ‘ลงโทษ’ ผมเหมือนครั้งนั้น

“ยังไม่ได้ว่าอะไร” เขาหัวเราะเบาๆ ดวงตาใต้กรอบแว่นยังคงจับจ้อง หรี่มองเครื่องประดับบนใบหน้า ไล่ลามลงมาถึงเครื่องประดับชิ้นใหม่ ก่อนสบตาผมอีกครั้ง มุมปากบางยกยิ้มร้าย

“แค่กำลังสงสัย...”

“...” ผมไม่กล้าเอ่ยถาม เพราะเห็นชัดว่าดวงตารัตติกาลกำลังสื่อสารอะไร

ความร้อนแรงที่ทำเอาผมลอบกลืนน้ำลาย

“ว่าพิชญ์ไม่ได้จงใจยั่วพี่อยู่ ใช่ไหม?”

ผมหัวเราะเบาๆ ผละจากหน้ากระจกเดินไปหาเขา ปีนขึ้นเตียง แย่งบุหรี่มาอัดควัน ให้นิโคตินดับความร้อนที่กำลังแล่นพล่าน มืออีกข้างพับแล็บท็อปที่อยู่บนตักเขาโยนไปข้างๆ แล้วนั่งลงทดแทน... จงใจให้สะโพกกดทับ สัมผัสตัวตนแกร่ง

“กลับกัน...” ยื่นหน้ากระซิบข้างหู ดับบุหรี่ เอื้อมมือออกไปถอดแว่นกรอบดำ ปลดปราการบดบังสายตาพราวระยับ...

ผ้าขนหนูผืนบางไม่อาจปกป้องผมจากความร้อนจัด... ชูชัน

ร่างกายใต้ผ้าของผมเปลือยเปล่า ส่งสัญญาณความต้องการเช่นกัน

“พี่ต่างหาก ที่ยั่วพิชญ์”

สิ้นคำหยอกเย้า ร่างสูงพลิกกายเป็นฝ่ายคร่อมทับ ปราการเดียวของผมถูกกระชากทิ้ง เรียวขาทั้งสองข้างถูกดันให้แหวกกว้าง... เข่าคุกเข่าตรงหน้าผม ร่างกำยำแทรกกลาง สายตาร้อนแรงโลมเลียร่างกายเปลือยเปล่า

นิ้วเรียวแตะลงที่สะดือ ลูบไล้ เล่นล้อกับเครื่องประดับแผ่วเบา ก่อนที่จะสบตากับผมอีกครั้ง เขาเลียริมฝีปาก ยกยิ้มร้าย สีรัตติกาลแผดเผา...

“ยั่วขึ้นอีกต่างหาก” แค่นั้นก็เพียงพอ ให้ผมกลายเป็นฝ่ายโถมจูบ เกี่ยวกระหวัดเขาไว้

...เปิดรับเขาเข้ามาในร่างกายด้วยตัวเอง


   


การร่วมรักของเราทั้งเติมเต็มและกระตุ้นความกระหายไปพร้อมกัน
   
ล้นปรี่แต่กลับไม่เคยอิ่มเลยสักครั้ง... ผมเรียกร้องมากขึ้น และยิ่งมาก อย่างคนละโมบที่ก่อร่างตัวเองด้วยไฟราคะ
   
และเตวิชญ์ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
   
เขาขยี้ผมจนละเอียด... แหลกสลาย

มอดไหม้อยู่ใต้ร่าง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า... เท่าความต้องการ

ผมรู้สึกตัวอีกครั้งตอนรุ่งสาง หงุดหงิดเพราะคิดว่าลืมปิดม่าน แสงอาทิตย์ถึงได้สาดเข้ามา
   
แต่เปล่า ไม่เพียงม่าน แต่ประตูสู่ระเบียงกว้างกลับถูกเปิดครึ่งบาน ให้สายลมลอดผ่านเข้ามาในห้องพร้อมกลิ่นควัน

สีขาวขุ่นในรุ่งสาง สะท้อนภาพเขาพร่าเบลอ
   
เรือนร่างกำยำที่มีเพียงกางเกงขายาวปกปิดท่อนล่าง แผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยรอยรัก ใบหน้าเพียงเสี้ยวทอดมองออกไปยังพระอาทิตย์ไกลโพ้นที่กำลังโผล่พ้นตึกราม
   
ดูลึกลับ... งดงาม
   
แต่ถึงเวลาที่ต้องพาเขากลับมา
   
“เตวิชญ์” ผมเรียก ดังพอให้เขารู้ตัว
   
ประติมากรรมจากพระเจ้าหันมาคลี่ยิ้มบาง ดวงตาสีรัตติกาลเปี่ยมความรู้สึกทำให้ผมยิ้มตาม
   
ร่างสูงดับบุหรี่แล้วเดินเข้าห้อง โถมตัวคร่อมทับผมแต่เลื่อนกายต่ำลงไป จรดริมฝีปากลงกับรอยสักตรงเชิงกรานที่โผล่พ้นผ้าห่มหนา ก่อนช้อนสายตาขึ้นมา ขานรับต่ำพร่า
   
“ครับ?”
   
ผมหัวเราะเบาๆ ดึงใบหน้าเขาขึ้นมา จูบเขา อ่อนหวานและดื้อรั้น โอบแขนรอบคอแกร่ง กอดกระชับคนตัวโตแนบร่าง
   
“อย่าไปไหน”
   
ผมจะคว้าเขาไว้ กอดแน่น และไม่ยอมปล่อยเขาไป

   




ตั้งแต่ปิดเทอม มีกฎข้อหนึ่งที่ผมต้องทำตาม
   
ทุกอาทิตย์ผมต้องกลับบ้าน นอนค้างอย่างน้อยสองวัน ผลพวงจากการเปิดใจกับพ่อแม่ว่าผมกำลังคบกับพี่เต
   
ไม่ใช่การทำโทษ... กลับกัน มันคือการทำความเข้าใจตัวตนของผมอีกขั้น
   
พวกเขาเจอกันแล้ว เป็นไฟต์บังคับเมื่อพี่เตมารับมาส่งผมทุกครั้ง เขาไม่ได้มุทะลุเข้ามา เช่นกัน พ่อกับแม่ไม่เคยแสดงท่าทีต่อต้าน ผลักไส
   
เขาไม่ได้อวดอ้างว่าครั้งหนึ่งเคยช่วยชีวิตผมไว้ แต่พ่อกับแม่จำได้ ปราการชั้นแรกจึงถูกทำลายอย่างง่ายดาย แม่ผมใจอ่อนกับความดีที่เขาทำไว้... แต่กับพ่อ เหมือนยังต้องดูกันไป
   
แต่อย่างที่บอก ผมไม่เคยเจอใครใจแข็งเท่าพี่เต พ่อผมยิ่งเทียบไม่ได้
   
เคล็ดลับคือความธรรมชาติ... ทั้งในนามธรรมและรูปธรรม
   
“คุณพ่อน้องพิชญ์บอกว่าถ้าคุณเตมาแล้วให้ไปหาที่สวนนะคะ เห็นว่าจะให้ช่วยลงต้นไม้” คุณป้าแม่บ้านเอ่ยหลังจากรับของฝากมาเต็มมือ เขาพยักหน้ารับ หันกลับไปหยิบของที่เหลือจากหลังรถ
   
ผมอาศัยจังหวะนั้น เดินสะโหลสะเหลเข้าไปหาเขา กอดไว้จากด้านหลัง
   
ร่างสูงชะงัก ก่อนหัวเราะเบาๆ

“คุณพิชญ์ ถ้าคุณแม่มาเห็นเดี๋ยวก็โดนดุเอา” ทำเป็นเอ็ด แต่กลับกุมมือผมไว้

คุณแม่ไม่ชอบให้ทำตัวรุ่มร่าม เวลาพี่เตมาหาผมเลยโดนดุหลายครั้งเพราะอดเกาะแกะเขาไม่ได้

“พิชญ์คิดถึง” ผมรั้น เอี้ยวตัวมากอดเขาจากด้านข้าง ช้อนสายตาพร้อมอ้าปากน้อยๆ... รอรับจูบจากเขา

พี่เตหรี่ตาคาดโทษแต่สุดท้ายก็หลุดขำ เลื่อนมือมาประคองหน้าผม แกล้งขบริมฝีปากยั่วก่อนจะประทับจูบอย่างที่ต้องการ

ผมหัวเราะ เมื่อคนที่ตักตวงความหวานราวอดอยากกลับกลายเป็นเขาซะเอง

“คิดถึงเหมือนกัน” กระซิบชิดริมฝีปาก ก่อนกดจูบลงมาอีกครั้ง

จูบลึกล้ำ แบบที่ถ้าคุณแม่มาเห็นเข้า ผมคงถูกตีก้นลาย






อันที่จริงผมว่าพี่เตเป็นคนขี้โกงใช้ได้

ทั้งที่โลกส่วนตัวสูงปานนั้น แต่กลับมีวิธีชนะใจคนง่ายๆ ธรรมชาติอันลึกลับของเขาคล้ายกับดัก ที่สัมผัสเพียงนิดก็ติดกับ ไร้ทางต่อต้าน

เหมือนที่เกิดขึ้นกับผม... เขากำลังทำให้มันเกิดขึ้นกับครอบครัวผมเช่นกัน

“ทีนี้ รดน้ำ” ผมแอบมองผู้ชายสองคนก้มหน้าก้มตาลงต้นไม้ต้นใหม่ในสวนหลังบ้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็น

ผมบอกแล้วว่าพี่เตน่ะขี้โกง

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาทลายกำแพงมาถึงขั้นนี้ได้ ด้วยตัวช่วยง่ายๆ อย่างต้นไม้ใบหญ้าที่พ่อผมกำลังให้ความสนใจ
คล้ายเป็นเรื่องบังเอิญที่พันธุ์ไม้หายากที่พ่อต้องการ ดันหาได้ที่บ้านพ่อพี่เตพอดิบพอดี

คราวนี้มันเลยกระโดดข้ามขั้น ไม่ใช่แค่เขาที่ได้รับการต้อนรับ... เพราะผู้ใหญ่สองฝ่ายก็คุยเรื่องเดียวกัน

ร้ายชะมัด

“น้ำครับ” ผมมองตามร่างสูงที่เดินไปล้างมือแล้วรินน้ำมาให้พ่อที่ยืนมองต้นไม้ของตัวเองอย่างพอใจ

ท่านรับมาดื่ม ไม่เอ่ยอะไร สายตามองตามพี่เตที่เริ่มก้มหน้าเก็บอุปกรณ์เลอะดินไปล้างเก็บในที่ของมัน เมื่อเขากลับมาอีกครั้งพ่อก็เอ่ยปาก

“ขอบใจ” เขายิ้มรับ ทำท่าจะเดินไปทำอะไรต่อแต่พ่อเริ่มอึกอัก

“กับพิชญ์... เป็นยังไงบ้าง”

ผมลุ้นกับคำถามมากกว่าคำตอบเสียอีก

พี่เตยิ้มนิดๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร แต่แววตาคล้ายฉายความขบขันระคนเอ็นดู “น้องเป็นเด็กดีครับ”

ผมไม่ควรเขินกับคำชมเด็กๆ นั่น แต่ใบหน้ากลับร้อนจัด
   
ติดแต่พ่อทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ แก้คำ “เขาเอาแต่ใจ”
   
พี่เตหัวเราะเบาๆ “ครับ แต่ก็ยังน่ารัก”
   
“อย่าให้ท้ายนัก ถ้าดื้อเกินไปก็ต้องปรามบ้าง” พ่อดุ ทั้งผมทั้งคนเอาใจ
   
พี่เตขมวดคิ้ว สีหน้าลำบากใจ คล้ายเจอเรื่องที่ทำได้ยาก “ผมจะพยายาม”
   
อะไรกันล่ะนั่น

เหมือนสมาคมคุณพ่อปรึกษากันว่าต้องทำยังไงถึงจะแก้นิสัยเสียของลูกชายตัวน้อยได้ยังไงยังงั้น
   
แต่ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ
   
ทั้งพ่อทั้งพี่เตเงียบไปสักพัก ต่างจับจ้องต้นไม้ทิ้งให้ความเงียบสื่อสารกัน มันไม่ใช่ความอึดอัดที่แผ่ออกมา แต่กลับทำให้ผมไม่กล้าออกจากที่ซ่อนออกไปเรียกทั้งสองคนเข้าบ้านตามที่ถูกคุณแม่ไหว้วาน
   
คล้ายรู้ว่าถ้าทิ้งจังหวะอีกนิด ผมจะได้ฟังบทสนทนาที่ยังคั่งค้าง
   
“เข้าใจใช่ไหมว่าพ่อไม่ได้จะกีดกัน” ในที่สุดพ่อทำลายความเงียบอีกครั้ง สรรพนามแทนตัวทำให้ผมเบิกตากว้าง
   
คำว่า ‘พ่อ’ ไม่เคยหลุดออกมาเวลาที่คุยกับพี่เตเลยสักครั้ง
   
“มันยากนะ กับลูกชายคนเดียวที่เราวาดชีวิตเขาไว้อย่างหนึ่งแต่เขาเลือกจะเป็นอีกอย่าง” เป็นครั้งแรกที่พ่อเปิดใจ เอ่ยความรู้สึกที่เลี่ยงจะแสดงออกมาตลอดกระทั่งวันนี้
   
“เหมือนเราต้องปรับความคิดใหม่ พ่อกับแม่หัวโบราณ พอต้องเห็นชีวิตเขาต่างออกไป บางเรื่องก็ไม่ค่อยเข้าใจ” พ่อเงยหน้ามองพี่เตที่หยักหน้าบอกว่าเขาเข้าใจ
   
“พ่อรู้ว่าเขารักเธอมาก และเธอก็เป็นคนดี ถ้าจะคบกันพ่อก็ไม่ห้าม”

“...”

“พ่อจะไม่ฝากฝังให้เธอดูแลเขาตลอดไปหรอก พิชญ์เขาเข้มแข็ง เขาดูแลตัวเองได้ แค่อยากให้ค่อยๆ ดูกันไป เรียนรู้กันไป เอาใจใส่กันให้มากๆ เข้าใจไหม”

“ครับ” พี่เตยิ้มรับ พ่อเองก็เช่นกัน 

วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าไม่ควรแอบฟังอีกต่อไป
   
“พิชญ์เขารอมานาน เขาพยายามถนอมน้ำใจเราถึงได้ไม่วู่วาม ...มันควรถึงเวลาที่เขาจะได้สิ่งที่ต้องการ”
   
ผมออกจากที่ซ่อน เดินเข้าไปหาร่างวัยกลางคนที่สะดุ้งนิดๆ เมื่อถูกผมรวบกอดไว้
   
“หือ? เจ้าพิชญ์ กอดผิดคนหรือยังไง” พ่อเอ่ยน้ำเสียงประหลาดใจ ผมส่ายหน้าซบแผ่นหลังผ่ายผอม ลำคอเริ่มตีบตันด้วยความรู้สึกเกินกลั้น
   
“ร้องไห้ซะอย่างนั้น แสดงว่าได้ยินหมดแล้วใช่ไหม” คล้ายจะตำหนิที่ผมแอบฟัง แต่พ่อกลับหัวเราะ ตบมือผมเบาๆ
   
ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำของอีกคน เรียกให้ผมมองผ่านไหล่พ่อสบดวงตาสีรัตติกาล พี่เตมองผม ยิ้มบางๆ

รอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้ผมยิ่งสะอึกสะอื้นฟูมฟาย






คุณแม่ตกใจยกใหญ่ที่เห็นผมร้องไห้อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ คนถูกคาดโทษคือพ่อที่ถูกเรียกไปอธิบาย ในขณะที่ยอมให้พี่เตพาผมมาปลอบบนห้องนอน

ผมกลายเป็นเด็กขี้แยที่เอาแต่สะอึกสะอื้นในอ้อมกอดเขา ถูกเอาใจด้วยเกมในโทรศัพท์กับไอศกรีมรสโปรดที่คุณแม่บ้านยกมาให้

กว่าจะหยุดร้องก็ใช้เวลาพักใหญ่ และผมก็เริ่มอายที่ตัวเองฟูมฟายจนไม่กล้าพูดอะไร ปล่อยให้ห้องเงียบงัน ทำเป็นก้มหน้าก้มตาเล่นเกม ใช้ตักพี่เตต่างโซฟา เอนร่างพิงเขาอย่างไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะอึดอัด

ปล่อยให้เขาใช้ริมฝีปากร้อนกดจูบขมับ ซอกคอ ไหล่ จูบซ้ำๆ ปลอบประโลมอยู่อย่างนั้นพร้อมเสียงหัวเราะทุ้มต่ำเป็นระยะ

“ขอพี่ดูหน้าหน่อย” นิ้วเรียวเกี่ยวผมรวบไว้ด้านหนึ่งกระซิบเรียก

ผมสูดน้ำมูก หันไปแต่ไม่กล้าสบตา ทำเป็นเฉไฉกินไอศกรีมที่อุ้มไว้บนตัก

เขาหัวเราะ จูบซับที่หางตาผมก่อนยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาแผ่วเบา

“ขี้แยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” เอ่ยแซว ผมจึงเงยหน้าขึ้นไป มองอย่างคาดโทษทำเสียงเอาแต่ใจ

“เพราะใคร”

“หือ?” เขาเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจ

แต่ผมไม่ได้พาล... เป็นเพราะเขานั่นแหละ

ผมอ่อนไหวง่ายขึ้น เอาแต่ใจเพราะรู้ว่าเขาจะเอาใจ เกราะกำแพงในใจผมพังทลาย

ทั้งหมดเพราะเขา

“พี่เต” ผมวางถ้วยไอศกรีมในมือ ช้อนสายตามอง งอแง “จูบหน่อย”

พอได้ยินผมอ้อนเขายิ้มล้อเลียน แต่ยอมตามใจ โน้มใบหน้าลงมาจุมพิตแผ่วเบา ปลอบประโลมเอาใจผมอยู่นาน

พอผละออกผมขยับตัวเปลี่ยนเป็นนั่งคร่อมตักเขาสบตานิ่ง จริงจัง

“รัก”

เจ้าของตาสีรัตติกาลชะงักไปก่อนหลุดยิ้ม คล้ายทำตัวไม่ถูกจึงดึงผมไปกอดไว้แน่นแกล้งจูบขมับแรงๆ งับใบหูหมั่นไส้

ก่อนจะได้ยินเสียงกระซิบตอบคำเดียวกัน

“รักเหมือนกันครับ”




----------------------------------------------------------
พายัยพิชญ์มาให้กอดแล้วค่ะ หวังว่าจะยังไม่ลืมกัน  :hao5:
ความยากของการเขียนตอนพิเศษคือมันไม่มีโครงให้วิ่งตามเลย
ในหัวมีเรื่องราวถูกตัดเป็นท่อนๆ กระจัดกระจาย ไม่รู้ว่าควรเอาซีนไหนมาใส่ตอนไหน 5555
เรื่องนี้ตอนพิเศษคงไม่เยอะ เพราะไม่รู้จะเขียนอะไรแล้วจริงๆ ;-;
สารที่จะสื่อก็ใส่ในเรื่องหลักหมดแล้ว จะใส่nc ก็...นะ ไม่รู้จะพลิกแพลงท่าไหนแล้วค่ะ 55555
กลัวเลี่ยนด้วย เลยมาแบบอ้อนๆ น่ารักๆ เหม็นความรักเบาๆ... เนอะ

ฝาก #เกมท้ารัก ด้วยน้า
ขอบคุณที่ยังคิดถึงกันนะคะ ^^
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2018 13:38:14 โดย makok_num »

ออฟไลน์ mybear_sr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ยัยน้องพิชญ์น่ารักมาก พี่เตหรือเตาอบอ่ะค่ะ อุ่นเว่อร์ ฮือ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ฮื่อออยัยน้องพิชญ์จะยั่วไปถึงไหนนน พีคกว่าน้องเจาะคือพี่เตใส่แว่นค่ะ ฮอตมากกกก ฮื่ออ เอามาอีกได้ไหมคะะะ ใจไม่ดีเลยๆๆๆ  :m25:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พี่เตอบอุ่นจังโมเม้นท์นี้ดูอ่อนหวานละมุนเหลือเกิน

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
กลายเป็นน้องพิชญ์ตัวโหน่ยๆๆเลยเวลาอยู่กับครอบครัว ยัยคนกล้าหายไปเลยยยย กลายเป็นน้องที่น่าบีบมากกกกก พี่เตยังคงโซแดมฮอตเช่นเคยยย ตลกที่บอกว่าไม่รู้จะพลิกแพลงเอาท่าไหนแล้ว เพราะใส่เต็มมาในเรื่องหลักแล้ว5555555 มันยังได้อีกกก ความหวานละมุนละไมก็ฆ่าเราได้ค่าาาาา

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
เป็นตอนพิเศษที่หว้านหวานนน  :-[ :-[
เจ้าพิชญ์น่ารักจังเลยย

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ตอนพิเศษดีมากเลยยยยย

ออฟไลน์ Tatangth

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เอ็นดูพิชญ์มากเลยอ่ะ ฮื่ออออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ตอนพิเศษ 2


ขึ้นปีสาม ภาระหน้าที่ของผมไม่ได้มีแค่เรื่องเรียนอีกต่อไป
   
“ตอบสิวะ! อึดอัดมากใช่ไหมที่ต้องอยู่กับเพื่อนเนี่ย!”
   
อยากจะยกมือขึ้นมาแคะหูให้น้ำเสียงแสนระคายที่ทำเอาน้องใหม่ที่ยืนตรงแข็งทื่อสะดุ้งกันเป็นแถว
   
เงียบไปหนึ่งอึดใจถึงมีผู้กล้ายกมือตอบให้
   
“บางที ก็ต้องการเวลาส่วนตัวบ้างครับ” เจ้าเดิมที่ถูกสต๊าฟทุกคนหมายหัวไว้ พอน้องเอ่ยปากสามคนที่โซนหลังถึงได้เดินเข้าไปล้อมวงอย่างรู้งาน
   
“หมายความว่าไง” ถามย้ำให้สับสน
   
“รังเกียจเพื่อนเหรอคุณน่ะ” เพิ่มความกดดัน
   
“เงียบทำไม รังเกียจก็ตอบว่ารังเกียจดิวะ!” ปิดท้ายด้วยขึ้นเสียงให้ลนลาน
   
ผมยืนนิ่งมองเด็กผู้ชายตัวสูงที่เริ่มขมวดคิ้วกดฟันคล้ายพยายามเก็บอารมณ์ จากตรงนี้เห็นดวงตาวาวโรจน์ฉายชัดก่อนจะเค้นคำตอบด้วยน้ำเสียงเจือความไม่พอใจ
   
“เปล่าครับ” ยิ่งน่าขยี้ไปกันใหญ่
   
“ตอแหล!” เสียงตวาดแหวทำเอาสะดุ้งกันทั้งแถบ คำตำหนิที่เริ่มทวีความรุนแรงทำให้น้องผู้หญิงตัวเล็กแถวแรกเริ่มสะอื้นไห้

“เมื่อกี้พูดอยู่ชัดๆ ว่ารังเกียจอ่ะ พวกคุณดูหน้าเอาไว้นะครับ คนแบบนี้เหรอที่คุณเรียกว่าเพื่อน” ว่าพลางชี้หน้าดึงสายตาร่วมประจาน เสียงตะโกนก้องน่าเกรงขามทำให้ไม่มีใครทันสังเกตว่าเริ่มลากลามผิดประเด็น

“ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง เวลาส่วนตัวอะไรวะ ถ้าไม่อยากอยู่ด้วยกันก็ออกไป!” พอเห็นเพื่อนโดนรุมหนักเข้า เด็กผู้ชายแถวหลังเริ่มทำสีหน้าไม่พอใจ จากที่เคยก้มหน้าไม่สบตาก็เริ่มยกมือตอบน้ำเสียงแข็งกร้าว

“เพื่อนไม่ผิดครับ” เมื่อมีหนึ่งก็มีสอง

“พวกเราอยากมีเวลาส่วนตัวมากกว่านี้ครับ”

“พวกเราไหนวะ! ถามเพื่อนคุณหรือยัง!” เสียงตวาดดังขึ้นอีกครั้ง แต่เด็กๆ เริ่มไม่ยอม

“วันหยุดก็อยากไปอยู่กับครอบครัวบ้างค่ะ” จากแค่ชายเริ่มมีผู้หญิงที่ใจกล้าตอบขึ้นมา

“อยากเอาเวลาไปทำงานที่อาจารย์สั่งครับ” ผมมองหน้าทุกคนที่ยกมือตอบ แล้วเริ่มนับถอยหลัง ส่งสัญญาณให้สต๊าฟกระจายตัว

“งานเยอะเกินไปจนไม่มีเวลานอนครับ” คำตอบครบโควตา ก็ได้เวลาผมออกโรง

“พอ!” เสียงตวาดลั่นทำให้ทั้งลานกิจกรรมเงียบกริบอีกครั้ง คนที่ตอบเสร็จและกำลังจะตอบยกมือค้างไว้ รอฟัง

“ผมไม่สนว่าพวกคุณจะเอาเวลาไปทำอะไร แต่ถ้าพวกคุณไม่อยากอยู่ด้วยกันขนาดนั้นผมก็จะตามใจ” เอ่ยประชดประชันตามสูตรเพื่อไม่ให้ดูใจดีเกินไป แต่จุดประสงค์ก็เพื่อคลี่คลายปัญหาเรื่องกิจกรรมกับการเรียนที่อัดแน่นเกินรับไหว

ตามตารางเรารับน้องจันทร์ถึงเสาร์ และมันบั่นทอนตัวเด็กเกินไป กิจกรรมที่มักจะหางานให้ทุกคนออกแบบตามโจทย์ทุกอาทิตย์ก็ตั้งใจจะเปลี่ยนเป็นงานกลุ่มที่ยืดหยุ่นเวลาตามเนื้องานแทน

“พรุ่งนี้วันเสาร์ ไม่ต้องมาครับ เอาเวลาของคุณไป”

เราอยากให้เด็กที่เพิ่งเข้ามาได้ทำความรู้จักกัน แต่คงใช้วิธีบังคับให้รู้จักแบบเมื่อก่อนไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมให้เข้ากับเด็กเจนฯ ใหม่

“ถ้าไม่เจอเพื่อนเจอพี่แล้วสบายใจกว่าก็แล้วแต่คุณ...” ผมมองเด็กคนนั้น จงใจส่งสายตาให้รู้ว่าประชดประชัน ก่อนกวาดมองแววตาใสซื่อที่เต็มไปด้วยความรู้สึกรอบตัว เห็นความอ่อนล้าที่เจือไปด้วยความมุ่งมั่นบางอย่างจึงเริ่มเอ่ยเข้าประเด็นตามที่ปูไว้

“ถามตัวเองครับว่าคุณมายืนตรงนี้ทำไม พวกผมไม่ได้บังคับให้พวกคุณมา”

“ถ้าคุณคิดว่ากิจกรรมนี้มันไม่จำเป็นกับชีวิตนักศึกษาก็ไม่ต้องมาครับ” ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำเสียงเกรี้ยวกราด ฐานะเฮดว้ากออกจะต้องสุขุมมากกว่า

“แต่ถ้าใครคิดว่ามันมีประโยชน์อยู่บ้าง ก็เจอกันวันจันทร์ครับ”

“...”

“กลับไป” สิ้นคำสั่งแถวเรียงหน้ากระดานก็เริ่มสลาย เสียงฝีเท้าหนักดังเคล้ากับเสียงตะโกนเร่งไล่หลัง

หมดหน้าที่คนอื่นก็เริ่มผ่อนคลาย จับกลุ่มคุย ผมถอนหายใจ สะบัดแขนขาที่เมื่อยล้าพลางคิดว่าอยากได้บุหรี่สักมวน
   
ราวถูกอ่านใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นบิดขี้เกียจถึงได้สบกับดวงตาสีรัตติกาลที่ยืนมองจากระเบียงชั้นสามพอดี
   
ผมยิ้ม ร่างสูงยกยิ้มตอบ เขาคีบบุหรี่ออกจากปาก มองหน้าผมนิ่ง แววตาเชื้อเชิญ
   
“เดี๋ยวกูตามไป” ผมบอกที่เหลือ ยังมีเวลาสักพักก่อนเริ่มประชุม ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาเขา อยากจะสวมกอดร่างสูงที่หันกลับมาพิงหลังกับราวระเบียง แต่ด้วยสถานที่ไม่เอื้อเลยเลือกเดินไปยืนข้างกันเฉยๆ
   
“ไม่เคยเห็นพี่มาดู” พี่เตเป็นเด็กซิ่ว ไม่รับน้อง กิจกรรมนี้เขาเลยไม่ใส่ใจ พอเห็นเขามายืนมองอยู่แบบนี้ก็เลยอดตื่นเต้นไม่ได้ “มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
   
“ตั้งแต่แรก”
   
“ยืนตรงนี้ตั้งสองชั่วโมง?”
   
“อืม” พี่เตยักไหล่ตอบสั้นๆ พ่นควันก่อนจะยกยิ้มมุมปากล้อเลียน “ดุจัง คุณพิชญ์”
   
ผมหัวเราะ ยื่นหน้าเข้าไปหาแกล้งพูดจาสองแง่สองง่าม “มีที่ดุกว่านี้อีก พี่อยากเห็นไหม” 

พี่เตหัวเราะ เอื้อมมือที่ไม่ได้คีบบุหรี่มาบีบจมูกอย่างหมั่นไส้ ก่อนเกลี่ยผมทัดหูแล้วลากฝ่ามือต่ำตามแนวกระดูกสันหลัง หยุดที่เอวผมแล้วไล้วนอยู่อย่างนั้น

ไม่กลัวเลยว่าความยั่วเย้าของเขาจะทำผมแทบคลั่ง

“เจดบอกว่าคุณเฮดว้ากฮอตใหญ่” ขณะที่ผมพยายามอดกลั้นเขากลับขบขัน “เลยมาดู กลัวจะโดนเด็กปีหนึ่งคาบไป”
ผมเลิกคิ้ว “ใครกันแน่จะโดนคาบไป”
   
ข่าวลือเรื่องเขาน้อยซะที่ไหน ด้วยใบหน้าที่โคตรหล่อ แถมยังมีออร่าลึกลับแบบหาตัวจับได้ยากยิ่งเสริมให้คนอยากรู้จักไปกันใหญ่ เด็กปีหนึ่งคนไหนได้เห็นหน้าเหมือนได้เจอของแรร์ในคณะ ตายตาหลับได้
   
พี่เตทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจว่าถึงย้อนเข้าตัว แต่ไม่ทันไรก็ยิ้มขำ
   
“ถ้าถูกคาบไปแล้วจะทำยังไง” คิ้วหนาเลิกขึ้นท้าทาย ผมหรี่ตาคาดโทษ หยิบบุหรี่จากมือเขามาละเลียดควัน สบดวงตาสีรัตติกาลที่ยังพราวระยับ มองผมที่เคลื่อนริมฝีปากเข้าไปกระซิบชิดริมฝีปากบาง
   
“อย่าหวังเลยเตวิชญ์” ต่อให้คนทั้งโลกต้องการเขา ผมก็จะไม่ปล่อยให้ใครคาบไปได้
   
“...”
   
“เพราะผมจะล่ามพี่ไว้” ได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะเบาๆ คงคิดว่าผมแค่พูดทีเล่นที่จริงเหมือนทุกครั้ง
   
แต่เปล่า คราวนี้ผมจริงจัง

   



กาแฟแก้วที่สองหมดไปในเวลาตีสองกว่า แต่ความเหนื่อยล้าเล่นงานจนไม่อาจถ่างตาไหว ผมวางมือจากงานที่ทำได้เกินแปดสิบเปอร์เซนต์ ลุกขึ้นบิดขี้เกียจพลางมองหาอีกคนที่หายเข้าไปในห้องน้ำนานสองนาน
   
ผมไล่เขาไปอาบน้ำหลังจากช่วยตัดโมเดลมาตั้งแต่หัวค่ำ ทั้งที่งานตัวเองก็ยังไม่เสร็จดี เห็นทีคืนนี้คงต้องอยู่กันอีกยาว
   
นึกอะไรขึ้นได้ผมก็หลุดยิ้มออกมา หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟ ก่อนจะค้นอีกซองมาใส่กระเป๋ากางเกง... บุหรี่ยี่ห้อเดียวกัน จะต่างก็ตรงที่ไม่มีมวนนิโคตินอยู่ในนั้น...
   
รู้ว่าเขาไม่ได้ล็อกประตูห้องน้ำจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป ยิ่งยิ้มกว้างเมื่อเห็นร่างสูงนอนหลับตาพิงอ่างอาบน้ำอย่างสบายใจ
   
“ฝากหน่อย” ส่งบุหรี่ในมือให้เขา ไม่ตอบคำถามทางสายตาที่เจ้าตัวส่งมาว่าผมเข้ามาทำไม
   
ผมอาบน้ำแล้ว แต่จะแช่น้ำอีกสักรอบจะเป็นไรไป
   
“งานเสร็จแล้วหรือไง” เสียงทุ้มเอ่ยถามกลั้วหัวเราะ สูบบุหรี่ที่ผมฝากไว้ ดวงตาคมจับจ้องมายังผมที่ปลดกางเกงวอร์มตัวโปรด ปลดปราการจนเปลือยเปล่าตรงหน้าเขาอย่างไม่อาย
   
“เบื่อ” ยักไหล่ไม่ยี่หระ ดึงยางที่ข้อมือมารัดผมไว้ ก่อนก้าวขาลงไปในอ่างฝั่งตรงข้าม
   
เราสบตากันราวกับจะหยั่งเชิงว่าใครจะพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายก่อนกัน
   
มันเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง... การอาบน้ำด้วยกันไม่เคยจบเพียงการอาบน้ำ...

“หึ” ถือว่าชนะไหมนะ ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายทนไม่ไหว แต่เพียงแค่ยกยิ้มมุมปาก กระดิกนิ้วเพียงครั้งก็เรียกให้ผมให้ขยับไปอยู่ตรงหน้าได้
   
ควันขาวขุ่นถูกถ่ายจากริมฝีปากสู่ริมฝีปากเมื่อเขารั้งใบหน้าผมลงไป หลุดหัวเราะเมื่อเรียวลิ้นร้ายแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดหยอกล้ออย่างเอาแต่ใจ
   
แต่ก่อนทุกอย่างจะเตลิด ผมหยุดไว้ ถอนริมฝีปากอ้อยอิ่งพร้อมส่งสายตาให้รู้ว่ายังกินตอนนี้ไม่ได้...

เพราะผมวางแผนบางอย่างไว้
   
“หืม?” พี่เตทำหน้าประหลาดใจเมื่อผมผละออกแล้วเอื้อมมือไปหยิบซองบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋ากางกางให้ แย่งบุหรี่ในมือเขามาพลางกลับมานั่งพิงขอบอ่างอีกฝั่ง
   
“ของขวัญ” น่าเสียดายที่มันไม่ใช่เทศกาล หรือฤกษ์งามอะไรให้ใช้เป็นข้ออ้าง
   
ผมก็แค่ใจร้อนเท่านั้น
   
ยิ่งได้ยินว่าเขาเป็นที่ต้องการ ก็ยิ่งอยากป่าวประกาศว่าเขาไม่อาจเป็นของใคร
   
“เปิดดูสิ” พี่เตรับกล่องบุหรี่ไป ยิ่งดูประหลาดใจเมื่อน้ำหนักของกล่องบ่งบอกว่าไม่มีมวนนิโคตินอัดแน่นอยู่ภายใน
   
แน่ล่ะ ก็มันเป็นเพียงซองเก่าที่ผมยืมมาใช้ต่างกล่องของขวัญก็เท่านั้น...
   
แหวนทองคำขาวสองวงที่เมื่อเขาเทลงมาบนฝ่ามือเจ้าของใบหน้าคมก็ถึงกับชะงัก เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมนิ่งนานแววตาอ่านยาก
   
มันคือการผูกมัด... และผมจงใจ
   
ตั้งแต่เกือบจะเสียเขาไป ผมยิ่งอยากจะผูกเขาไว้ ไม่ว่าด้วยความสัมพันธ์ หรือการกระทำใดๆ ที่จะบอกให้เขารู้ว่ามีผมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอย่างลึกซึ้งแค่ไหน
   
อย่างน้อยให้เขานึกถึงผม หากเกิดชั่ววูบที่คิดจะจากไปอีกครั้ง
   
“ผมไม่ได้บังคับหรอก พี่จะไม่ใส่ก็ได้” ผมยักไหล่ ละเลียดควัน ทั้งที่ความจริงแล้วในใจก็แอบหวั่น
   
พี่เตไม่ชอบความผูกพัน เขาเคยเชื่อว่ามันจะทำร้ายอีกคน และผมไม่คิดจะว่าเขาล้มเลิกความคิดนั้นง่ายๆ

แต่ผมจะพิสูจน์ว่ามันไม่จริง ความรักของเขาไม่เคยทำร้ายใคร... มันเติมเต็ม สำหรับผมมันคือความสุขยิ่งกว่าช่วงเวลาไหนๆ

ผมไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ดวงตาสีรัตติกาลยังคงจับจ้องนิ่งนาน ก่อนจะถอนหายใจ

“คุณพิชญ์” แวบหนึ่งผมคิดว่าเขาโกรธและจะทิ้งมันไป แต่กลับคิดผิดเมื่อมุมปากบางยกยิ้มร้าย “มานี่มา”

ผมดับบุหรี่ ไม่รอรีสักนิดเมื่อเขากวักมือเข้าไปหา ฝ่ามือหนาโอบเอวผมจับนั่งลงบนตัก ก้มหน้าลงมาจนหน้าผากแตะกัน 

“คบไม่ทันไร จะสู่ขอกันแล้วหรือไง” ความกังวลเลือนหายเมื่อได้ยินน้ำเสียงหยอกเย้า ดวงตาคมมองด้วยแววตาขบขันปนเอ็นดูเมื่อผมเริ่มหน้าม้าน ไม่กล้าสบตา

“ก็ถ้าไม่อยากได้...!” พอทำท่าจะเฉไฉก็ถูกริมฝีปากร้อนขโมยจูบเข้าให้

ฝ่ามือใหญ่ดันแผ่นหลังเข้าไปใกล้จนชิดหน้าท้องกำยำ ยิ่งทำให้คิดได้ว่าเราต่างอยู่ในสภาพที่ร่างกายเปลือยเปล่าและอะไรๆ ก็กำลังสัมผัสกันอยู่ใต้ผืนน้ำ

“บอกแล้วเหรอว่าไม่อยากได้” เขาเลิกคิ้ว ยกยิ้มร้าย ผมกัดริมฝีปากพยายามเก็บอาการขัดเขินไว้

“แต่พี่หรือเปล่าที่ต้องเป็นคนซื้อแหวนให้” ยิ่งได้ยินน้ำเสียงขบขันก็ยิ่งหน้าร้อนไปกันใหญ่

“สำคัญด้วยหรือไง” แต่ก็ยังอวดเก่งสบตาเขา ท้าทาย “พิชญ์แค่อยากให้รู้ ว่าพี่เป็นของใคร”

พี่เตหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ว่าที่ผมเอาแต่ใจ กลับกัน เขายอมตามใจด้วยการหยิบแหวนวงใหญ่กว่าขึ้นมาสวมเข้ากับนิ้วนางข้างซ้ายอย่างง่ายดาย ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมไปสวมแหวนให้

ทั้งที่คิดว่าไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไร แต่อยู่ๆ หัวใจผมก็เต้นรัวเมื่อเห็นเครื่องประดับบนนิ้วนางข้างซ้ายที่ประกาศชัดว่าเราเป็นของกันและกัน

พี่เตยิ้มล้อเลียนเมื่อเห็นผมนิ่งไป เหมือนไม่อยากจะเชื่อสายตาทั้งที่ตัวเองเป็นคนซื้อมาให้ ตั้งใจจะผูกมัดเขา แต่กลับเป็นฝ่ายอ่อนไหว

“ทีนี้รู้หรือยัง ว่าพี่เป็นของใคร?” ดวงตาสีรัตติกาลยังคงเจือความเอ็นดูปนขบขัน แต่กลับลึกล้ำกว่าครั้งไหนๆ ฝ่ามือหนารั้งเอวผมเข้าไปแนบชิด กดจูบหน้าผากอย่างรักใคร่ ก่อนไล่ลงมาที่ปลายจมูก และริมฝีปาก จุมพิตเพียงแผ่วเบาแล้วผละออกไป ช้อนสายตามองพลางกระซิบยืนยัน... ถ้อยคำที่ทำให้ผมดึงเขามาจูบอีกครั้งอย่างไม่คิดห้ามใจ

“พี่เป็นของพิชญ์”

บอกแล้ว... ผมจะล่ามเขาไว้






-----------------------------------------------
คิดถึงเลยมาหาค่ะ เป็นตอนพิเศษสั้นๆ หวังว่าจะชอบกัน
จริงๆ ยัยพิชญ์เป็นนายเอกจริงป่าวอ่ะ ไหงรุกแรงจัง
ออกแนวพี่ไม่ต้องน้องทำเองทุกอย่าง น่าตีมาก 55555

เมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งได้ผลต้นฉบับมา พี่เตกับน้องพิชญ์ผ่านการพิจารณาแล้วนะคะ
แต่คงอีกนานเลยล่ะกว่าจะเป็นรูปเป็นร่างให้ไปนอนกอดกัน เพราะยังต้องรีไรต์อีกนิดหน่อย และตอนพิเศษยังเขียนไม่เสร็จ (ฮืออ) รอกันหน่อยเนอะ  :hao5:

ฝาก #เกมท้ารัก เหมือนเดิมนะคะ

ขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่ยังอยู่ด้วยกัน ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2018 07:42:47 โดย makok_num »

ออฟไลน์ 05th_of_06th

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องงงงงงงลู๊กกกกกกกก มิติใหม่แห่งนายเอกสุดๆ55555555

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
คิดถึงน้องพิชญ์ ยังร้ายกาจเหมือนเดิม รอซื้อเล่มนะคะะ  :mew4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ฮือออ ยัยน้องงงงงง น่ารัก เป็นพี่เตเราก็จะไม่ทนนน  :hao5:

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
อยากเห็นน้องพิชญ์ดุกว่านี้จังเลยค่าา
อยากโดนน้องดุจังเล้ยยยย  :hao7:

ออฟไลน์ vy0Cik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ยิ่งอ่านก็ยิ่งหลงทั้งน้องพิชญ์ทั้งพี่เต ทำไมน่าหลงไหลแบบนี้ คนหนึ่งก็ลึกลับ อีกคนก็มีเสน่ห์แถมยั่วเก่งอีก5555 หยั่กดั้ยยยย

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ตอนพิเศษ : 3


[ เจได ]
   

ตอนเห็นครั้งแรก เราว่าเขาค่อนข้างน่ากลัว
   
ตัวใหญ่เป็นหมี ไว้เครา หน้าดุอย่างกับยักษ์ ถ้ามีเขี้ยวสักนิดคงชวนคิดถึงละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่เคยตื่นมาดูตอนอนุบาล
   
“ป๊า”
   
แล้วเขาก็มีเขี้ยวจริงๆ เขี้ยวสองข้างที่ปรากฏพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ทำให้ใบหน้าถมึงทึงหมดสิ้นความน่ากลัว ดวงตาคมปิดหยีจนไม่เห็นลูกตา หมีตัวโตกลายร่างเป็นลูกหมาทันทีที่ใครบางคนเดินเข้ามาหลังเวที
   
ป๊า? นั่นชื่อหรืออะไร
   
“ไอ้พิชญ์” หันมองตามสายตาคู่นั้นมองคนมาใหม่ แล้วก็ชะงักให้กับรังสีแปลกประหลาดที่แผ่กระจายออกมา
   
ก่อนรู้ว่าไม่ใช่แค่ตัวเองที่ถูกดึงดูดให้หยุดสายตา คล้ายเวลาหยุดหมุนชั่วขณะประวิงรอให้เรียวขายาวก้าวผ่านอย่างช้าๆ
   
สวย... ไม่สิ หล่อ ก็ไม่ใช่อีก... ต้องบอกว่ามีเสน่ห์มาก
   
เรือนร่างสูงยาวแบบผู้ชาย แต่กลับดูบอบบางน่าหลงใหล เรือนผมสีดำสนิทต้องลมยามเคลื่อนผ่านยิ่งขับให้องค์ประกอบของร่างนั้นดูงดงามพลิ้วไหวราวผีเสื้อที่กำลังกระพือปีกสยาย ขยับเพียงนิดดอกไม้น้อยใหญ่รอยกายก็แทบจะเบือนหน้าเสนอตัวให้เชยชิมน้ำหวานจากกลุ่มเกสรของตัวเอง
   
อิจฉา... และอิจฉายิ่งกว่าเมื่อเห็นสายตาของใครคนนั้นที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงกับช่วงเวลาก่อนหน้า
   
ดีใจอะไรขนาดนั้น ทั้งที่เอาแต่นั่งน่ากลัวมาตั้งนาน
   
“ตื่นเต้นสัดๆ” เผลอขมวดคิ้วตอนที่คนตัวโตกว่าคว้าร่างสูงบางเข้ามากอด ยกจนตัวลอยแล้วเขย่าจนหัวคลอน ส่วนอีกคนก็หัวเราะ ไม่สะทกสะท้านกับสายตามากมายที่จับจ้องการกระทำ
   
“ตื่นเต้นทำไม ยังไงก็ไม่ชนะ” ใบหน้ารั้นที่เอ่ยประชดประชันด้วยน้ำเสียงขบขันกลับไม่ทำให้โกรธเคือง กลับกัน มันทำให้เจ้าหมียักษ์ตัวนั้นหัวเราะออกมาอย่างสบายใจ
   
มีเสน่ห์เกินไป ดูรั้นร้ายเอาแต่ใจ แต่กลับชวนให้อยากทะนุถนอมอย่างยากจะอธิบาย
   
อยู่ๆ ก็รู้สึกแพ้... แพ้ทั้งที่ไม่รู้ว่าแข่งอะไร

   


ไม่น่าจะชนะจริงๆ อ่ะ
   
เสียงดนตรีกระท่อนกระแทนจากเครื่องดนตรีสามชิ้นที่ฟังยังไงก็ไม่เข้ากัน กลองไปทาง เบสไปทาง คงมีแต่กีตาร์กับเสียงร้องเท่านั้นที่เข้ากันเพราะมาจากคนเดียวกัน
   
เสียงทุ้มต่ำในคีย์ที่หาได้ยากกับเสียงกีตาร์กรีดลึกราวร่ำร้องจากห้วงลึกของจักรวาลชวนให้เหลียวหลังทันทีที่ได้ยิน
   
แต่นอกนั้นไม่มีอะไรเข้ากัน เหมือนมาลงประกวดไปงั้นๆ มันเลยชวนหงุดหงิดมากกว่าน่าฟัง
   
“เป็นไง”
   
“โคตรห่วย”
   
อืม ห่วยมาก
   
นึกประหลาดใจที่คนถูกสบประมาทกลับหัวเราะลั่น หยอกล้อเล่นหัวอย่างไม่คิดเคือง
   
“นี่แหละ น้องกู”
   
น้อง น้องแบบไหน หน้าตาไม่เห็นจะคล้ายกัน
   
“เดินงานเป็นเพื่อนกูหน่อย” 
   
กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองทำตัวเสียมารยาทก็ตอนที่เผลอมองตามแผ่นหลังของสองร่างที่เดินหยอกล้อกันออกจากหลังเวทีไปจนลับสายตา

   




หึง...หึงล่ะ
   
ไอ้อาการไม่หงุดหงิดจนพานหน้ามุ่ยจนเพื่อนไม่กล้าพูดด้วย สายตาเอาแต่จับจ้องสองคนตรงหน้าที่หัวเราะคิกคักพลางซื้อของกินตามร้านที่ขายไปตลอดทางอย่างไม่ค่อยชอบใจแบบนี้คงคล้ายๆ อะไรแบบนั้น
   
แต่จะหึงได้ยังไงกัน เพิ่งเจอไม่ถึงวันด้วยซ้ำ
   
ไม่ได้รู้สึกว่าชอบสักนิด แค่เห็นครั้งแรกแล้วสงสัย คิดฆ่าเวลาระหว่างขึ้นเวทีว่าเป็นคนยังไง จนรู้ว่าที่คิดน่ะไม่ใช่ ไม่ได้เป็นคนน่ากลัว กลับใจดีเกินคาด แถมยัง... น่ารัก
   
น่ารัก น่ารักมาก
   
ตอนที่ร้องเพลง หลุดหัวเราะกับเสียงเบสเพี้ยนๆ ของเพื่อนร่วมวง เล่นมุกงงๆ บนเวที เวลาลูบเครากลบอาการขัดเขินที่ตรงข้ามกับหน้าตายิ่งชวนให้หลุดยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว
   
หมียักษ์... หมียักษ์ชื่ออะไรนะ...
   
ทำไมไม่ฟังตอนเขาแนะนำตัวล่ะ!
   
“มึงเป็นเหี้ยอะไรเจ ทำหน้าตาน่ากลัวมาก” ถูกเพื่อนที่เดินมาด้วยกันถองศอกใส่ ถึงได้รู้ตัวว่าเผลอขมวดคิ้วแน่นแค่ไหน หันกลับไป อ้าปากทำท่าจะระบายความอึดอัดใจ แต่แล้วก็ปิดปากฉับ เก็บความลับไว้ในใจเอ่ยเฉไฉ

“อยากกลับ” ช่างเถอะ รู้ไปก็เท่านั้น คงไม่ได้เจอกันอยู่ดี อีกอย่าง เห็นแค่นี้ก็ชัดเจนว่าแพ้ราบคาบ ก็คนในสายตาเขาอยู่สูงขนาดนั้น... เรามันสูงไม่ถึงไหล่เขาด้วยซ้ำ
   
“มึงไม่รอประกาศผลเหรอ” ลืมไป...
   
ถ้าไม่ติดว่าถูกสปอยล์มาว่ามีสิทธิ์หนึ่งในสามคงไม่รอจนจบงาน ร้อนมาก คนก็เยอะมาก รู้สึกเหมือนถูกแย่งอากาศหายใจ
   
“งั้นกลับเวทีเหอะ” อย่างน้อยตรงนั้นก็มีพัดลมตัวใหญ่ๆ บริการไว้สำหรับคนที่ขึ้นแสดง
   
แต่ขณะที่กำลังจะแหวกฝูงชนออกไปเรากลับได้ยินเสียงคุ้นหูตะโกนเรียกใครสักคน
   
“นาย... นาย”
   
อืม เสียงเพราะจริงๆ คงจะดีกว่าถ้าอยู่ในวงที่เล่นเข้าขากันมากกว่านี้
   
“เดี๋ยวดิ นาย”
   
เห็นว่าเรียนสถาปัตย์นี่นา คงไม่ค่อยมีเวลาซ้อมล่ะมั้ง เราเองก็เรียนเภสัช เรื่องเรียนหนักน่ะ เข้าใจเลย
   
“เจได”
   
“หือ?” เงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วมองคนข้างตัวที่ขัดจังหวะความคิด แต่กลับได้รับคำตอบเป็นการส่ายหัวพร้อมสีหน้าเหมือนจะบอกว่าไม่ใช่กูก็เลยประหลาดใจ
   
ทบทวนอีกทีก็เอะใจว่าเสียงที่ได้ยินไม่ได้มาจากข้างตัว...
   
หมุนตัวกลับไปก็เห็นเจ้าหมีตัวใหญ่ยืนทำหน้าตกใจพอกัน
   
“ชื่อเจไดจริงด้วยว่ะ” พำพึมกับตัวเองพลางยิ้มขำ รอยยิ้มที่เราคิดว่าเขามีให้แค่คนนั้น
   
ใช่ เราเอง เราเจได
   
“ครับ?” ว่าแต่ เขามีอะไร
   
คนตัวโตเดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าดุๆ ที่เคยกลัวดูผ่อนคลายกว่าตอนอยู่หลังเวที หรือนี่คือหน้าปกติ?
   
“ที่เล่นบนเวทีเมื่อกี้ โคตรดี”
   
“...” เป็นคำชมที่... ดูไม่น่าไว้ใจ
   
ไม่ใช่ไม่เคยถูกชม แต่เพราะเห็นชัดๆ ว่าคนตรงหน้ามีจุดประสงค์อะไรสักอย่างถึงได้โน้มหน้าเข้ามาซะใกล้ ยิ้มกว้างเกินไป สายตาแพรวพราว แถมยังยกมือลูบเคราตัวเองตอนที่เรานิ่ง เหมือนถูกจับได้
   
“ต้องการอะไร” พอเห็นความกระอักกระอ่วนจึงถาม ก่อนรู้ว่าคำพูดคำจามันห้วนเกิน เผลอถลึงตาใส่ด้วย ไม่แปลกที่คนตัวโตหน้าเจื่อนไป
   
แต่ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ทักษะการเข้าสังคมติดลบจนหาเพื่อนแทบไม่ได้
   
คนตัวโตกลับไปยืนเต็มความสูงขมวดคิ้วคล้ายลำบากที่จะพูด แต่พอถูกจ้องรอฟัง สุดท้ายเขาก็ถอนใจ
   
“เอาตรงๆ ป่ะ”
   
“...”
   
“กูชื่อเจดนะ”
   
“...”
   
“ชอบเจว่ะ อยากได้”
   
...ไม่ไหวอ่ะ หัวใจ...




--------------------------------------------------
แอบเอาโมเม้นต์เล็กๆ ของคู่เจดเจมาฝากค่ะ เป็นครั้งแรกที่เจอกัน ป๊ารุกหนักมาก 55555
แต่จากเรื่องหลักก็คงรู้ว่าจีบไปทำอะไร (แป่ว)
คิดว่าจะใส่คู่นี้ลงไปในเล่มด้วย เลยเอามาอัพให้อ่านเป็นตัวอย่างก่อนค่ะ ให้รู้ว่าฟีลมันตัดกับคู่หลักมากๆ จะได้ไม่ตกใจ เพราะความใสมีอยู่จริง 5555

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะได้เจอกันประมาณเดินพฤษภานะคะ เก็บไตไว้รอน้องพิชญ์กับพี่เตด้วยน้า

ฝาก #เกมท้ารัก ด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2018 02:59:44 โดย makok_num »

ออฟไลน์ チイ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดีใจที่จะได้รวมเล่มพ้องพิชญ์กับพิเตด้วยนะคะ

ดีมากๆแล้วที่ครอบครัวยอมรับและพยายามเข้าใจ

น้องพิชญ์ยังร้ายไม่เปลี่ยนขี้อ้อนเป็นเด็กน้อย

กับพิเตแค่คนเดียวเท่านั้นแล่ะ อิจฉาาา

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
เจๆ เราชื่อแรคนะ
ชอบเจอ่ะ อยากได้เหมือนกัน  :hao6:
555555
น้องน่าร้ากกกกก อยากจับบี้จังเลยค่าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TheGraosiao

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เราชอบเรื่องนี้มาก มีเสน่ห์สุดๆ เราอ่านรวดเดียวจบเลย

ตาแข็ง วางไม่ลง 55

อยากได้รูปเล่มจังเลยค่ะ รอเปย์นะ :mew1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เจน่ารักจังเลยยยย มึนๆงงๆกว่าที่คิด  :hao7:

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องพิชญ์คือเผ็ดมาก แซ่บมากก ไม่แปลกใจที่พี่เตจะรักเนอะ
คู่เจไดกับคุณป๊าก็น่าลุ้น ขอบคุณมากเลยค่า  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ KK5993

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ฮือออออออ  อ่านยาวตั้งแต่ต้นจนจบภายในวันเดียวเลยค่ะ  ชอบบบบบ

ออฟไลน์ QueenPlai

  • twitter - @khunhappymoon gmail - JangPlailiiz@gmail.com
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
น้องงงงงง น้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง น้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
ตามอ่านมาสองวัน จบแล้วค่าาาาาา
ตอนแรกๆเหมือนคนติดยาเลย พอยิ่งถลำก็เจ็บปวด แต่แฝงความสุขแปลกๆ?
คิดอยุว่าเป็นมาโซมั้ย ชอบโดนพี่เตพูดจาทำร้ายจิตใจ 5555
พอดีกันแล้วอื้อหืมมมมม รถอ้อยคว่ำหรอค้า ชอบมากๆค่ะ ><
ไม่ค่อยเห็นนิยายแนวนี้เลย มันควันๆเทาๆ มีเสน่ห์ดีค่ะ ภาษาสวยดี ชื่นชมค่า
จะตามอ่านเรื่องต่อๆไปนะคะ

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ตอนพิเศษวันสงกรานต์

ตอนที่ผมบอกว่าไม่เคยเล่นสงกรานต์ทุกคนดูจะตกใจ ก่อนมันจะกลายเป็นเรื่องสนุก ท้าทาย วางเดิมพันว่าจะลากผมออกมาเอ็นจอยกับเทศกาลให้ได้

อันที่จริงทุกคนมีโปรเจ็กต์คั่งค้างแต่เพราะยังเหลือเวลาอีกมากเลยออกมาพักก่อนจะเครียดตาย

พิชญ์ไม่อยากมา น้องงอแงเรื่องอากาศ แดดร้อนๆ ถูกน้ำเย็นๆ เดี๋ยวจะเป็นหวัด กลัวกลับมาทำงานต่อไม่ไหว แต่ดันแพ้พนันเจด สุดท้ายก็ถูกลากมา

ส่วนผม... ต้องตามมาด้วย เพราะเคยได้ยินว่ามันอันตราย เป็นเทศกาลที่ใครต่อใครก็สามารถถึงเนื้อถึงตัวกันได้

และมันก็จริง...

“ไม่น่าใส่สีขาวมา” ทั้งผมทั้งพิชญ์ก็เปียกโชกไปทั้งตัว และผมจะไม่ห่วงเลยถ้าน้องไม่ได้ใส่เสื้อสีขาวที่พอเปียกก็ลู่แนบร่าง เห็นไปถึงไหนต่อไหน ยิ่งห่วงสีเงินตรงหน้าอกซ้าย เด่นชัดขึ้นมาล่อเสือล่อตะเข้ จนใครต่อใครที่เดินผ่านจับจ้องแทบไม่วางตา พานให้รู้สึกขัดใจจนแทบทนไม่ไหวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อยากจะลากกลับเสียเดี๋ยวนี้ แต่ทางที่เดินมากับที่ต้องเดินไปข้างหน้าก็ระยะเท่ากัน

ผมได้แต่เดินต่ออย่างพยายามข่มอารมณ์ คิ้วผูกปมจนคนไม่กล้าเข้าใกล้ ยิ่งตัวต้นเหตุอย่างเจด พอเห็นผมหงุดหงิด ก็หัวเราะอารมณ์ดีดูพอใจ ก่อนลากคนอื่นเดินหนีไป

เจดนะ ผมคาดโทษไว้เลย

ตัวผมเปียกจากน้ำที่ถูกสาด แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาขอประแป้ง ต่างจากอีกคนเดินไปทางไหนน้องก็มีแต่คนเข้าหา พอเดินมาได้สักระยะจากคนที่งอแงไม่อยากมาก็เริ่มปรับตัวเข้ากับเทศกาล สนุกกับการโดนสาดน้ำยิ้มร่าจนผมไม่อยากขัดใจ ได้แต่เดินข้างๆ เป็นไม้กันหมาให้ อย่างน้อยก็ไม่มีใครกล้าลวนลาม มีถูกเนื้อต้องตัวบ้าง แต่ดีที่ส่วนใหญ่มีมารยาท ออกปากขอก่อน

ถึงอย่างนั้น... ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องอนุญาตทุกคน

“ชื่ออะไรครับ” พิชญ์เงยหน้าสบตาผม พอเห็นท่าทางงุ่นง่านก็ยิ้มขำ แกล้งยั่วให้หงุดหงิดไปกันใหญ่

“พิชญ์” เอ่ยตอบสั้นๆ ยืนนิ่งให้คนแปลกหน้าปาดดินสอพองลงบนแก้มที่เปรอะเปื้อนด้วยสีขาวเกือบทั่วหน้า

ผมจ้องไม่วางตา จนอีกฝ่ายรู้ตัว จากทำท่าจะเอ่ยอะไรต่อ พอเงยหน้ามาสบตาผมก็หน้าเจื่อนถอยไป พิชญ์คงรู้ว่าสาเหตุคืออะไรถึงได้มองหน้าผม หัวเราะเบาๆ

“หน้าดุเกินไปแล้ว” ยิ่งผมขมวดคิ้ว น้องยิ่งขำอีก ก่อนปาดเอาดินสอพองบนหน้าตัวเองมาแปะแก้มผมบ้าง “ดุขนาดนี้ใครจะกล้าขอประแป้งอ่ะ”

“พอเลย” ผมถอนหายใจ ยกมือเกลี่ยดินสอพองแห้งๆ ออกจากปลายจมูกน้องก่อนเอื้อมมือไปดึงยางรัดผมออกปล่อยให้เส้นผมที่เปียกปรกลำคอขาว แล้วถอดหมวกบนหัวสวมให้ ดึงปีกหมวกปิดลงมาถึงครึ่งหน้า ถึงจะรู้ว่ามันคงช่วยอะไรไม่ได้

หมวกมีใบเดียวและพิชญ์บังคับให้ผมสวมไว้ เพราะไม่อยากให้ใครสนใจ คงไม่รู้ตัว ว่าตัวเองก็เป็นเป้าสายตาน้อยซะที่ไหน... ยิ่งในสภาพนี้ น้องคงไม่รู้ว่าตลอดหลายชั่วโมงที่ปล่อยให้เล่นตามใจ ผมต้องใช้ความอดทนทั้งหมดเพื่อไม่ให้พุ่งเข้าไปเอาเรื่องสายตาน่ารำคาญ

“ไม่ให้เล่นแล้ว หวง” ผมบอก งุ่นง่าน ขัดแย้งอยู่ในใจว่านานๆ น้องจะได้ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง แต่อีกใจก็หวงจนแทบคลั่ง
พิชญ์มองผมสีหน้าตกใจเพียงแวบหนึ่งก่อนจะหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือมาจับมือผมไว้เบียดตัวเข้าใกล้จากที่ผมเว้นระยะไว้เพื่อให้น้องไม่รู้สึกอึดอัดจนเล่นน้ำไม่สนุกเอา

“รอคำนี้ตั้งนาน” ก่อนรู้ตัวว่าคิดผิดถนัด น้องไม่ได้ต้องการระยะห่าง คงไม่ว่าสักนิดถ้าผมจะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตามใจ

ผมหัวเราะ แกล้งบีบจมูกรั้นก่อนยกแขนโอบไหล่ ดึงเด็กเจ้าเล่ห์เข้ามาอยู่ในกำบัง อีกไม่เท่าไหร่ก็คงสุดทาง

และคราวนี้ผมจะไม่ให้แม้แต่แมลงมาแตะต้องคนของผมแม้แต่ตัวเดียว






เล่นน้ำเสร็จเจดกับพวกชวนเราไปต่อที่ร้านเหล้า แหล่งสถานบันเทิงที่ตอนนี้คึกคักผิดหูผิดตา บางร้านถึงขั้นคนล้นออกมากินเนื้อที่ถนน โชคดีที่เป็นร้านคนรู้จักของเจดเราเลยได้โต๊ะนั่ง ไม่ต้องไปยืนเบียดเสียดกับคนอื่นที่ยืนออหน้าร้าน

“ไหวป่ะ” คนข้างกายเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขันเมื่อเห็นผมนิ่ง หลังจากกระดกเข้าไปหลายแก้วจนขี้เกียจนับ

เหล้าเพียวๆ ถูกลำเลียงเข้าร่างกายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำเอาสมองผมมึนไปเหมือนกัน

เพราะดูเหมือนจะเป็นผู้โชคร้ายของเกมในวงเหล้า ถูกคนทั้งวงหมายหัวไว้ ถ้าแกล้งผมให้เสียหน้าไม่ได้ ก็ต้องเอาให้เมาจนคลานกลับไม่ไหว

พิชญ์ดันเห็นดีเห็นงามไปกับเขาด้วย ถึงกับไม่ยอมแตะแอลกอฮอล์เพื่ออาสาขับรถให้ ตัวแสบดูจะชอบใจที่เห็นผมปฏิเสธทุกคำท้า กระดกแอลกอฮอล์ราวน้ำเปล่าเพราะอยากเห็นผมเมาสักครั้ง

แต่ก่อนที่จะต้องลงไปคลานจริงๆ ผมคงต้องขอเอาคืนบ้าง

“หึ” ดึงเจ้าของรอยยิ้มซุกซนเข้ามากดจูบขมับหนักๆ อย่างมันเขี้ยวก่อนจะลุกขึ้นยืน ปฏิเสธแก้วเหล้าที่น้องยื่นให้ เดินโซเซออกจากวงบ่งบอกว่าจะรับคำท้าท่ามกลางสีหน้าตกใจ

“ฉิบหายแล้วไง”

ความคึกคะนองบวกกับย่ามใจที่คิดว่าผมจะปฏิเสธทุกคำท้าคงไม่มีใครเตรียมใจว่าอยู่ๆ ผมจะลุกขึ้นมาทำตาม โดยเฉพาะคำท้าที่ดูออกจะข้ามหน้าข้ามตาเจ้าของที่นั่งอยู่ข้างๆ

จูบใครสักคนบนฟลอร์เต้นรำ

ท่ามกลางสปริงเกอร์ที่พ่นน้ำลงมาสร้างบรรยากาศ เสื้อที่ใกล้หมาดกลับมาเปียกโชกอีกครั้ง ผมยกมือเสยผมที่เปียกลู่เกะกะออกจากใบหน้า พลางคุมสติเดินเข้าไปหาผู้หญิงที่ใกล้ที่สุด เรียกเธอให้หันกลับมาหาอย่างไม่ลังเล

“ขอโทษนะครับ”

“คะ?” ดวงตาคงจะหวานเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ใบหน้างุนงงจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเขินอาย ผมยิ้มตอบก่อนโน้มตัวลงไปกระซิบฝ่าเสียงดนตรีด้วยน้ำเสียงที่ทำให้อีกฝ่ายชะงักงัน

“ขอเวลาแป๊บนึงได้ไหม” มองจากไกลๆ คงเห็นใบหน้าที่เคลื่อนเข้าใกล้... ซึ่งผมจงใจ

ยืนแช่อยู่อย่างนั้น พร้อมนับถอยหลัง

“พี่เต” ไม่ต้องรอให้หันกลับไป เจ้าของเสียงเป็นฝ่ายดึงแขนผมให้เผชิญหน้า ดวงตาสีอ่อนเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองจับจ้องมาก่อนกระชากคอเสื้อผม ดึงให้โน้มหน้าลงไปประทับริมฝีปาก บดเบียดรุนแรงขณะที่ผมพร้อมจะตอบรับด้วยรสจูบที่ร้อนแรงยิ่งกว่า

ความเกรี้ยวกราดในทีแรกเจือจางด้วยรสจูบลึกล้ำกลับกลายเป็นหลอมระทวย ร่างสูงบางอ่อนปวกเปียกจนผมต้องโอบแขนประคองร่าง

หลุดหัวเราะในลำคอพอใจเมื่อได้ลงโทษคนที่พยายามมอมเหล้าผมด้วยเรียวลิ้นที่รุกเร้าไม่เปิดโอกาสให้ทักท้วงเนิ่นนาน
ความหึงหวงหลอกล่อให้ผีเสื้อน้อยสยายปีกสู่เปลวไฟ ถูกลามเลียโดยไม่ทันระวังว่ามันคือหลุมพราง

คำท้าคือจูบใครก็ได้บนฟลอร์นี้ แน่นอนว่าผมไม่ได้ทำผิดกติกา

...คราวนี้ผมชนะ






“พี่เมาเหรอ” ผมไม่ตอบ คิ้วเรียวจึงขมวดแน่นจ้องหน้าผมอย่างไม่แน่ใจ

อาจจะเมาจริงๆ ก็ได้ ตอนนี้ถึงได้มองท่าทางปั้นปึ่งว่าน่ารักจนแทบจะทนไม่ไหว

ตอนที่หัดกินเหล้าใหม่ๆ ภพบอกว่าผมเมาแล้วอันตราย... เหมือนจะลากผู้หญิงทั้งโลกขึ้นเตียงได้เพียงการสบตาครั้งเดียว

เคยคิดว่าพี่ชายพูดเกินไป กระทั่งครั้งนี้... ที่ผมนึกอยากจะย่ำยีคนตรงหน้าให้แหลกคาเตียงจริงๆ

เผลอยกยิ้มเมื่อเห็นพิชญ์ลอบกลืนน้ำลาย เบือนหน้าหนีคล้ายกลัวถูกจับได้ถึงไฟปรารถนาที่คุกรุ่น ซุกซ่อนไว้ภายใต้แววตาข้องใจ พยายามห้ามตัวเองไว้แม้คำเอ่ยคาดโทษจะตะกุกตะกัก

“พี่จะจูบเขาจริงๆ เหรอ”

ผมหัวเราะเบาๆ ส่ายหน้าปฏิเสธตามตรง “เปล่า”

แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปยังไม่มากพอที่จะให้ผมขาดสติจนไม่รู้ตัวว่าทำอะไร ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก แต่ไม่อาจทำให้ผมขาดความยับยั้งชั่งใจ

หรือต่อให้ขาดสติแค่ไหน ผมก็ไม่อาจปล่อยให้ตัวเองถลำลึกไปกับใครได้

“คุณพิชญ์ มานี่หน่อย” ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าของดวงตาสีอ่อนก็ถอนหายใจ เดินเข้ามาหาผม ยอมให้ดึงลงมานั่งบนตัก ซุกหน้ากับซอกคอขาวสูดซบกลิ่นกายที่กักขังผมไว้

สารเสพติดที่ทำให้ไม่อาจหนีไปไหน ไม่คิดจะหนีไปหาใคร

“เตวิชญ์” เสียงปรามกลับสั่นเมื่อผมระดมจูบทั่วลำคอ มือข้างหนึ่งซุกในเสื้อที่ยังหมาด ลูบไล้ทั่วแผ่นหลังเนียนราวไร้การควบคุม
ผมอาจจะเมาจริงๆ ก็ได้ ในหัวถึงวนเวียนด้วยความคิดที่จะกลืนกินคนในอ้อมกอดลงไป กลิ่นที่หลงใหลคล้ายกระชากสติให้ยิ่งเลือนรางกลบทับด้วยความปรารถนาที่ปะทุ ทบทวีจนแทบคลั่ง

“พิชญ์ครับ...” เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เงยหน้าสบดวงตารั้นที่สั่นไหวถูกตีรวนด้วยความปรารถนาไม่ต่างกัน “ยังโกรธอยู่เหรอ”

“...”

ไม่บ่อยครั้งนักที่จะง้องอน ออดอ้อนให้หายจากอาการปั้นปึ่งที่ผมมองว่าน่ารัก ยิ่งยั่วให้อยากแกล้งแสดงอาการหึงหวงใส่ แต่หลังจากนี้คงต้องเปลี่ยนวิธีการ เพราะอาการประหลาดใจระคนเขินอายแบบนี้น่ารักกว่าหลายเท่า

“พี่ขอโทษได้ไหม” ดวงตาสีอ่อนเบิกกว้าง ใบหน้าค่อยๆ ขึ้นสีจนแดงจัด ชะงักนิ่งสักพักก่อนแววตาจะเปลี่ยนเป็นโอนอ่อน ยอมให้ผมโน้มใบหน้าเข้าหาจนหน้าผากแตะกัน หลุดยิ้มกว้างกว่าเดิม ยังคงออดอ้อนคลอเคลียสูดกลิ่นแก้มใสที่เริ่มร้อนจัดด้วยความเขินอาย ก่อนประทับริมฝีปาก ดูดดึงเบาๆ อย่างหยอกเย้าเอาใจ

“หยุดอ้อนเลยเตวิชญ์” คนในอ้อมกอดส่งเสียงปรามอีกครั้ง ดุนดันหน้าผากกับหน้าผากผมคล้ายไม่รู้จะทำยังไง ดวงตาสีอ่อนฉายความงุ่นง่านระคนเหนื่อยใจ

“แค่นี้ผมก็หลงพี่จนจะคลั่ง”

ผมหัวเราะเบาๆ นึกแย้งในใจว่าผมต่างหากที่หลงน้องจนแทบคลั่ง

เมื่อความเคลือบแคลงในแววตาคลี่คลาย ผมสบตาน้องอยู่อย่างนั้น เนิ่นนานเราวเกมพนัน เดิมพันด้วยความรู้สึกภายในที่ปะทุรุนแรงในทุกวินาที

และเป็นอีกครั้งที่ได้ดั่งใจ ความออดอ้อนส่งผ่านแววตาสั่นไหวกำแพงของคนตรงหน้าจนพังทลาย

เสียงทุ้มหวานสบถพึมพำ งุ่นง่านที่ไม่อาจทนต่อไหว ก่อนเป็นฝ่ายประทับริมฝีปากลงมา ปลดปล่อยความปรารถนาที่พยายามอดกลั้น และยิ่งทวีลึกล้ำเมื่อผมตอบรับ รสจูบค่อยๆ เร่องเร้ากลายเป็นร้อนแรงแผดเผา ทวีด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง

อาจเผยแพร่ผ่านลมหายใจ หรือรสจูบที่คล้ายจะทำให้อีกคนมัวเมาไปพร้อมกัน

หลุดหัวเราะเมื่อสองมือถอดเสื้อของผมออกอย่างเร่งรีบ ในขณะที่ผมเลือกปลดเปลื้องเพียงเกงกางของอีกฝ่าย ปล่อยให้เสื้อขาวบางที่ยังเปียกแนบร่างอยู่อย่างนั้น ภาพที่เห็นเมื่อตอนกลางวัน กลับดูยั่วเย้ายิ่งกว่าเมื่อถูกนั่งคร่อมอยู่เหนือร่าง

ผมซุกมือเข้าไปลูบไล้แผ่นหลังเนียนอีกครั้ง ลากลามถึงสะโพก บีบเค้นเนื้อนุ่มซ้ำๆ อย่างมันเขี้ยว

รสจูบทวีความรุนแรง เร่งเร้าเท่าความต้องการ ปราการสุดท้ายถูกปลดพร้อมกับเสียงร้องครางเพื่อผมเลิกชายเสื้อน้องขึ้นเหนือแผ่นอก ครอบครองจุดอ่อนไหวด้วยริมฝีปากพลางใช้นิ้วบดขยี้อีกข้าง โอบรัดแผ่นหลังจนหน้าท้องแนบชิดกัน บดเบียดจนไฟปรารถนาลามเลีย... ปลุกตัวตนจนขยายด้วยราคะ เสียดสีซึ่งกันและกัน

“ฮื่อ...” เสียงหวานครวญครางเมื่อผมเลื่อนมือลงมากอบกำของน้องไว้ ไล้ปลายนิ้วกับส่วนปลาย หยอกล้อจนร้องท้วงด้วยความหวามไหวไม่อาจต้าน

“พี่เต...” ออดอ้อนเมื่อผมเริ่มขยับ รูดรั้งเร่งเร้า นิ้วเรียวจิกหลังคอผมระบายความกระสัน

ผมเงยหน้าขึ้นจูบ ดูดดึงริมฝีปากรั้นหนักๆ ก่อนลากลามสู่ลำคอขาวอีกครั้ง เร่งจังหวะฝ่ามือกระทั่งคนในอ้อมกอดบิดเร่า เปล่งเสียงหวามไหวทรมาน ก่อนปลดปล่อยหยาดน้ำกระเซ็นซ่านเปรอะทั้งมือทั้งหน้าท้องเราทั้งคู่อย่างไม่อาจทนไหว

เสียงหอบกระชั้นดังข้างหูเมื่อน้องซุกซบลงมากับไหล่ผมอย่างหมดเรี่ยวแรง แต่ยังไม่วายแกล้งขบกัดใบหูปลุกอารมณ์ผมที่ยังคงคั่งค้างทรมาน เมื่อจังหวะหายใจสงบจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมอีกครั้ง คลอเคลียลมหายใจกับปลายจมูก หยอกเย้าริมฝีปากกับริมฝีปาก กดทาบแล้วผละจาก หลอกล่ออยู่อย่างนั้นกระทั่งไม่อาจทานทน ผมรั้งท้ายทอยน้องลงมาหา กดจูบกลืนกินริมฝีปากที่คลี่ยิ้มรั้นร้ายอย่างเอาแต่ใจ

กระทั่งมือบางผลักไหล่ผมนอนราบกับโซฟา ผละริมฝีปากเพื่อสบตา เสื้อขาวบางตัวสุดท้ายถูกถอดทิ้งจนร่างเปลือยเปล่า
ใบหน้าคุคั่งด้วยความต้องการ ผมคลี่ยิ้มพลางเกลี่ยนิ้วเบาๆ กับผิวแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงซ่านด้วยแรงอารมณ์ มองร่างบอบบางที่ขยับกดสะโพกทาบทับกลางร่าง ขยับให้ความคับขยายเสียดสีช่องทาง

พิชญ์ชอบท่านี้... ชอบที่ได้เอาแต่ใจ กดผมไว้ใต้ร่าง

ผมก็ชอบเช่นกัน ชอบที่ได้มองน้องขยับอยู่บนร่าง แต่ครั้งนี้เลือกที่จะอดกลั้น

“อ๊ะ!” เสียงหวานหลุดผวาเมื่อผมยกร่างน้องขึ้นจากโซฟา เรียวขายาวเกาะเอวผมไว้ด้วยกลัวหล่น แขนที่โอบรอบคอเกร็งแน่น ผมกลบทับความสงสัยในแววตาด้วยรสจูบที่เต็มไปด้วยความปรารถนา

น้องโอนอ่อนตาม ตอบรับเคลิบเคลิ้มกระทั่งผมอุ้มเข้ามาในห้องนอน สีหน้ากลับมางุนงงอีกครั้งเมื่อผมวางร่างตัวเองลงหน้ากระจก จับหมุนเข้าหาให้เห็นภาพสะท้อนร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง

ร่างกายที่ผมได้เห็น... สัมผัส... โอบกอดไว้ในทุกค่ำคืน

อยากให้น้องรับรู้ว่าถึงความงดงาม... ความงดงามที่ผมมีสิทธิ์ได้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว

“สวยมาก”

พิชญ์หัวเราะเบาๆ กับคำชมนั้น ใบหน้าขึ้นสีด้วยความเขินอายขณะเอี้ยวหน้ากลับมาจูบแก้มผม คลอเคลียปลายจมูกอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ลมหายใจรินรดกันและกันเนิ่นนาน

ผมสบตาน้องผ่านกระจก ดวงตาสีอ่อนสะท้อนความรู้สึกหลากหลาย ขณะดึงมือของผมขึ้นไปจูบย้ำๆ ขณะที่ผมซุกจมูกลงกับไหล่น้องสูดกลิ่นกายหอมก่อนค่อยๆ ไล่ริมฝีปากจูบตามแนวกระดูกสันหลัง ฝากรอยรักทั่วผิวขาวตรีตราเป็นเจ้าของซ้ำๆ

“พะ... พี่เต” กระทั่งลามเลียถึงสะโพกเปลือยเปล่า น้องผวาทำท่าจะขยับหนี ปล่อยมือที่จับไว้เปิดโอกาสให้ผมลูบไล้ฝ่ามือทั่วเรือนกาย บีบขย้ำเบี่ยงเบนความสนใจจากริมฝีปากที่รุกล้ำ จาบจ้วงช่องทางสีหวานอย่างที่ไม่เคยทำ

โทษฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้วกันที่ขุดขับความปรารถนาให้ทบทวีเป็นหลายเท่า ความมัวเมาฉุดกระชากให้ถลำลึกเกินห้าม

“อื้อ...! อย่า...” ต่อให้น้องอ้อนวอนก็ไม่คิดถอยกลับ ไล้เลียส่วนเร้นลับจนได้ยินเสียงครางหวาน เรียวขาปวกเปียกจนไม่อาจขยับหนี ทำได้เพียงเท้าแขนพิงกระจกพยุงร่าง ช่องทางสั่นระริกสวนทางกับเสียงปรามยิ่งเร้าให้อยากโลมเลีย

“พี่เต...” ยิ่งยากจะห้ามเมื่อได้เสียงเรียกที่ต่างจากทุกครั้ง หวานล้ำ ออดอ้อน ทบทวีด้วยความร้อนเร่า

ร่างบางบิดเกร็งราวถูกไฟเผา เสียงครางกระเส่าดังลั่นไม่แพ้เสียงชื้นแฉะหยาบโลนจากเบื้องล่าง เมื่อช่องทางถูกชโลมชุ่มผมลุกขึ้นซ้อนหลังน้องอีกครั้ง โอบรัดร่างกายที่คุด้วยไฟปรารถนาจนแดงซ่านอย่างน่ารัก กดจูบทั่วผิวขาวซ้ำๆ ขณะค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปในความชื้นฉ่ำจากน้ำลาย เชื่องช้าทั้งที่อยากฉีกกระชาก กระแทกกระทั้นด้วยความปรารถนาที่โหมคลั่งอยู่ในกาย เพียงใช้ริมฝีปากดูดดุน ขบกัดทั่วแผ่นหลัง ฝากรอยรักช่วยระบาย

เพราะไม่อยากให้น้องเจ็บ ต่อให้กระหายจะกลืนกินตะกละตะกลาม ผมเลือกจะค่อยเป็นค่อยไป โอนอ่อนด้วยรู้ว่าความอ่อนโยนลึกล้ำจะทำให้อีกคนทรมานไม่แพ้กัน

“พี่เต...พี่เต...” เสียงกระเส่ากระซิบเรียกชื่อผมซ้ำๆ ใบหน้าที่อาบด้วยหยาดน้ำจากความหวามไหวที่สะท้อนในกระจกดูออดอ้อนจนไม่อาจทานทนอีกต่อไป

“เข้ามา... เข้ามานะครับ” อ้อนวอนปลดปล่อยทุกความอดกลั้น จับตัวตนที่เปล่งคั่งสอดใส่ในช่องทาง

กดกระแทกเข้าไปอย่างไม่อาจยับยั้งจนเสียงครางหวานดังลั่นอีกครั้ง ความคับแน่นบีบรัดยิ่งเร้าให้กระแทกกระทั้น รัวเร็วด้วยจังหวะรุนแรงกว่าทุกครั้ง มือข้างหนึ่งยกขึ้นจับปลายคาง บังคับให้มองตรงเข้าไปในกระจก จับจ้องใบหน้าที่ยิ่งงดงามด้วยแรงอารมณ์ สอดนิ้วเข้าไปในริมฝีปากที่เผยอร้องครางเล่นล้อกับปลายลิ้นที่ขยับไล้เลีย หยอกเย้าหมุดเงินกับนิ้วของผมอย่างรู้งาน

ผมคลี่ยิ้มพอใจ ขยับสะโพกในความร้อนจัดที่บีบรัดถี่รัวขึ้นในทุกๆ ครั้ง กระทั่งสุดปลายทางความปรารถนา เสียงหวานครางลั่นอีกครั้ง ใบหน้ายามเสร็จสมที่สะท้อนในกระจกยิ่งดูงดงาม ปลุกความคิดให้ยิ่งอยากบดขยี้ซ้ำๆ กลืนกินทั้งร่าง ต่อให้อิ่มจนสำลัก ก็ไม่อาจห้ามความละโมบ อยากจะโลมเลียอยู่อย่างนั้น ราวสารเสพติดที่ไม่อาจควบคุมความต้องการ

ยอมต่อให้ไฟราคะแผดเผาจนมอดไหม้ แหลกสลายไปพร้อมกัน






“ขี้โกงอ่ะ ไหนบอกว่าเมา” เสียงกระเง้ากระงอดเอ่ยถามหลังจากยอมรับยาจากผมไป กินไว้กันไข้เพราะเล่นน้ำมาทั้งวัน... แถมยังต้องรับศึกหนักจนเกือบเช้า

“ใครบอก” ผมแกล้งเลิกคิ้ว ยกมือเกลี่ยผมชื้นเพราะเพิ่งถูกผมจับอาบน้ำสระผมให้ กดจูบหน้าผากที่ยับจากคิ้วที่ย่นเข้าหากัน

“พี่เจด” ก้มลงซุกหน้ากับลำคอที่มีแต่รอยช้ำ หลุดหัวเราะกับคำตอบเจือน้ำเสียงรั้น “ป๊าบอกว่าเพราะพี่เมาก็เลยทำแบบนั้น”

ยังคงขุ่นเคืองกับการกระทำเมื่อหัวค่ำ ผมเงยหน้าขึ้นสบตาน้อง ยกยิ้มให้กับความปั้นปึ่งที่กลับมาอีกครั้ง ไม่ปฏิเสธว่าผมอาจเมา

แต่อีกเหตุผลที่กระตุ้นให้ทำ คงไม่พ้นอยากแกล้ง...

“ใครใช้ให้เข้าข้างพวกนั้น” ผมต่างหากที่ต้องงอน ที่น้องรวมหัวกับพวกเจดพยายามมอมเหล้าผม ซ้ำยังหาเรื่องมาทดสอบความอดทนต่างๆ นานา

ผมก็แค่เพิ่มความสนุกให้เกมก็เท่านั้น ถ้าไม่ผลัดกันชนะบ้าง คืนนี้ก็คงขาดสีสัน

“โห่ ร้ายว่ะ” ผมหัวเราะให้น้ำเสียงกระเง้ากระงอดอีกครั้ง เอื้อมแขนรวบเอวบางมานั่งตัก น้องยกแขนโอบรอบคอผมตอบ เบ้ปากงอนพลางคลอเคลียออดอ้อนไปพร้อมกัน

“ไม่ให้เล่นแล้ว หวง” คำพูดตอนกลางวันย้อนกลับเข้าตัว ผมหัวเราะเบาๆ แกล้งงับจมูกรั้น ก่อนลากริมฝีปากกดจูบย้ำๆ

พิชญ์ตอบรับด้วยสัมผัสหวาน ก่อนผละออกเพื่อสบตา

“พรุ่งนี้พ่อพี่ว่างไหม” ผมเลิกคิ้ว เพราะไม่เข้าใจคำถาม น้องยิ้มพลางยกนิ้วเกลี่ยแก้มผมเบาๆ เอ่ยคำตอบที่ผมยิ่งไม่เข้าใจ

“จะพาไปเล่นสงกรานต์”






พิชญ์บอกว่ามันคือพิธีรดน้ำดำหัว

ที่บ้านน้องทำแบบนี้ทุกปี เก้าอี้ในสวนถูกจัดเรียงเป็นแถวให้พวกผู้ใหญ่นั่ง มีถังน้ำหอมๆ วางอยู่ด้านหน้า ผมกับพิชญ์ที่เป็นลูกหลาน ตักน้ำใส่ขันเล็กๆ รดบนฝ่ามือพวกท่าน ยกมือไหว้รับคำอวยพรจากความรักและความหวังดี กระทั่งถึงผู้อาวุโสคนสุดท้ายที่ดูจะเก้ๆ กังๆ กับพิธีการที่ไม่คุ้นเคย

วันนี้พ่อไม่ต้องทำงาน แถมยังแพ้ลูกอ้อนของพิชญ์จนต้องมานั่งงุนงงถูกดำหัวไปกับเขาด้วย

“ขอให้พ่ออยู่กับพี่เตกับพิชญ์ไปนานๆ นะครับ” มัวแต่นั่งอ้ำอึ้งจนน้องขอเป็นฝ่ายเอ่ยแทน พ่อยิ้มขำก่อนจะโน้มตัวลงมาลูบหัวน้องเบาๆ พลางเอ่ยคำที่ดูจะเอาแต่ใจมากกว่าอวยพรอย่างคนอื่นๆ เขา

“วันหลังไปค้างบ้านพ่อบ้าง” น้องหัวเราะ รับคำ เข้าไปกอดพ่อผมเหมือนที่ทำกับพ่อแม่ตัวเอง

พอกอดตอบลูบหัวลูบหลังน้องอย่างเอ็นดู ก่อนมองหน้าผม แล้วเราก็หลุดยิ้มออกมาพร้อมกัน






พอหมดพิธีการก็เป็นเวลาของกิจกรรมครอบครัว ไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านอื่นเขาทำอะไร แต่บ้านนี้กิจกรรมที่พอจะเข้ากันได้ก็มีแค่เรื่องต้นไม้

แต่ก็ไม่ใช่กับทุกคน
 
“ร้อนอ่ะ พิชญ์ขอไปอยู่ในครัวกับคุณแม่แทนได้ไหม” พิชญ์เริ่มงอแงหลังจากกลบดินใส่ต้นอ่อนไม้พันธุ์หายากที่พ่อผมหอบมาฝากเพราะพ่อพิชญ์เคยขอไว้

ผมหัวเราะยีผมน้องอย่างหมั่นไส้ก่อนดึงเอาพลั่วในมือน้องมาถือไว้ ปล่อยคนเอาแต่ใจวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน เพราะรู้ว่าไม่ใช่งานที่น้องถนัดทำมาถึงขั้นนี้ก็ถือว่าเก่งมาก พ่อของพิชญ์บ่นให้ฟังบ่อยๆ ว่าพิชญ์ไม่เคยสนใจงานในสวน ทุกครั้งที่กลับบ้านก็จะนั่งเล่นอยู่ในห้องอ่านหนังสือหรือไม่ก็วอแวอยู่กับคุณแม่อ้อนให้ทำนู่นนี่ให้กินตามประสา

ไม่แปลกใจเลยที่พ่อจะใจอ่อนเมื่อได้ผมเป็นลูกมือทำสวนซ้ำยังได้เพื่อนคุยในเรื่องที่คนอื่นในบ้านไม่ค่อยสนใจ

“ผมบอกลูกคุณหลายครั้งว่าอย่าตามใจเจ้าพิชญ์นัก” น้ำเสียงอ่อนใจถูกเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เห็นเหตุการณ์ คงเพราะย้ำเรื่องนี้มาหลายหน แต่ก็ยังไม่เห็นผมทำตามได้สักครั้ง

“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร” แต่พ่อผมกับคิดเหมือนกัน อันที่จริง รายนั้นสปอยล์น้องกว่าผมหลายเท่า

“เดี๋ยวเอาแต่ใจจนรับมือไม่ไหวก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน” น้ำเสียงนั้นคล้ายหมั่นไส้ระคนอ่อนใจ ผมมองหน้าพ่อ เห็นท่านยักไหล่กลบดินฝังต้นอ่อนในหลุมของตัวเองอย่างไม่ใส่ใจ

“งั้นก็บอกให้ลูกคุณช่วยน่ารักน้อยลงหน่อย เผื่อเจ้าเตจะตามใจน้อยลงบ้าง”

ผมเผลอยิ้มกว้าง เห็นด้วยกับพ่อทุกประการ





------------------------------
สวัสดีปีใหม่ไทยย้อนหลังค่ะ มาช้าดีกว่าไม่มาเนอะ  :hao5:
ไปเล่นน้ำที่ไหนกันมาบ้างคะ
ส่วนเรานั่งหน้าคอมจมธีสิสทั้งสามวันเลยค่ะและยังคงต้องจมอยู่อย่างนี้ไปอีกเกือบสองอาทิตย์ (ร้องไห้แล้ว)
ทรมานไม่ไหว เลยแอบมาเติมกำลังใจกับความหวานของพี่เตน้องพิชญ์สักหน่อย
หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ เราแอบเขียนตอนเบลอๆ ถ้าอ่านไม่รู้เรื่องก็ขอโทษด้วยนะคะ ฮืออ

ฝาก #เกมท้ารัก เหมือนเดิมน้า

ขอบคุณมากๆ ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2018 19:31:22 โดย makok_num »

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ขอบคุณที่ส่งตอนนี้มานะคะรู้สึกชุ่มชื่นใจเหมือนโดนสาดน้ำเลยค่ะหวานนนนนมากอยากจะอิจฉาน้องพิชญ์แล้ว

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ Bejae

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-2
จะมีตอนพิเศษเจดกับเจไดอีกมั้ย ชอบบบบ
ดูน่ารักแบบอึนๆมึนๆดี :hao6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด